พริกกับเกลือ ตอนที่ 13
ลุงแปลงยืนคุยกับเพื่อนบ้านของยุพา เพื่อสอบถามข้อมูล ลุงแปลพยักหน้ารับรู้ ยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะขอตัวจากเพื่อนบ้าน รีบเดินออกมา หยิบมือถือขึ้นมาโทร
“ได้เรื่องแล้วครับคุณยอด เจ๊ยุพาแกเผลอเม้าให้เพื่อนบ้านฟังอย่างที่คิดไว้จริงๆ”
ลุงแปลงเล่าทุกอย่างที่รู้มาให้ยอดชายฟังทันที...
ทันทีที่คุยกับลุงแปลงแล้ว ยอดชายโทรหาศยามทันที...
“ครับคุณดิ่ง เดี๋ยวเจอกัน”
ยอดชายกดวางสาย หันไปปิดก๊อกน้ำสายยางสนาม เตรียมรดน้ำ ใจดีที่อยู่ใกล้ๆถามทันที...
“เป็นไง”
“รู้แล้วว่าเจ๊ยุพาไปไหน เราต้องไปเจอคุณดิ่ง เสร็จแล้ว ไปทำสังฆทานกันต่อนะ จะอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร...เฮ้อ”
“เศร้ามากเลยนะ”
“ไม่หรอก โคตรเศร้าต่างหาก ตกงาน เพื่อนเกลียด เกลียดเพื่อน โชคยังดีที่คุณศุไม่เกลียดไปด้วยอีกคน ไม่งั้นครบเซ็ตความซวย” พูดแล้วยอดชายยิ่งห่อเหี่ยวหนัก
“ใช่...เศร้ามากเลย ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำไมเกิดเรื่องเลวร้ายกับพวกเราได้มากขนาดนี้ อย่างเงาะ ฉันไม่ค่อยแปลกใจ ได้กลิ่นไว้อยู่แล้ว แต่กับจี๊ด...”
“ฉันทำไม”
ยอดชายและใจดีสะดุ้ง หันไปข้างหลัง เห็นจิตรวรรณและรัตนาเดินเข้ามา ยิ้มๆ ทำให้ยอดชายใจดีแปลกใจและเสียวสันหลังวาบไปด้วย แต่เมื่อตั้งสติได้ก็ทำเฉยชาใส่
“มาทำไม”
“มาง้อ”
ยอดชาย ใจดีหันขวับ ประหลาดใจ เหวอ
“ผีหลอกเหรอ”
รัตนาปราม
“คุณจี๊ดคะ พูดดีๆเถอะค่ะ”
“ก็ได้....ฉันมาขอโทษ กับทุกอย่างที่ฉันทำกับพวกเธอ”
ยอดชายและใจดีเชิดใส่จิตรวรรณพร้อมกัน
“เอ๊า คนมาขอโทษถึงที่ ยังจะหยิ่งนะ”
“แค่คำไม่กี่คำ มันกู้เอาความรู้สึกดีๆของเราให้คืนมาเหมือนเดิมไม่ได้หรอกนะ”
ใจดีว่า ยอดชายเสริมทันที
“จี๊ดทำลายความรัก ความปรารถนาดีของเราอย่างเอาแต่ใจที่สุด รู้มั้ย ว่ามันเจ็บ”
“ฉันไม่คบคนโง่”
“ที่อวดฉลาด”
ใจดีและยอดชายช่วยกันว่าแล้วเดินหนี จิตรวรรณตะโกนตามหลัง
“ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่ทำร้ายความรู้สึกพวกเธอ”
ยอดชาย ใจดีอึ้ง ชะงัก
“ฉันต้องการกันให้พวกเธออยู่ให้ห่างจากพี่เทวัญ ฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันต้องเป็นอันตราย ซึ่งฉัน...ขอโทษ”
ใจดี ยอดชายอึ้ง หันขวับมามองจิตรวรรณอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่เชื่อหู
“จริงๆแล้ว ฉันฉลาดนะ ไม่ได้โง่...รู้และเข้าใจทุกอย่างที่พวกเธอพยายามจะบอก แต่ก็อย่างที่บอกแหละ...”
ใจดีตัดบท
“แล้วทำไมไม่บอกซะตั้งแต่ทีแรก”
“ก็....คิดว่าจะเดี่ยวไมโครโฟนไหว”
“แล้วมาบอกทำไมตอนนี้” ยอดชายน้ำเสียงดีขึ้น
“คิดว่า...น่าจะมีโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน”
“ทีมเวิร์ก....ช่วยได้ในทุกสถานการณ์ค่ะ”
รัตนาบอกยิ้มๆ ใจดีวิ่งมากอดจิตรวรรณอย่างแน่น
“จี๊ด....ฉันรักแก ขอบคุณสวรรค์ที่แกสวยและฉลาดเสมอ”
“ขอบใจ”
ยอดชายกางมือ
“กอดด้วย”
“ไม่ต้อง! ไปกอดน้องสาวนายดิ่งไป”
“กอดได้ที่ไหน ถูกตบกลับมาล่ะไม่ว่า...”
ทั้งหมดหัวเราะกันด้วยบรรยากาศชื่นมื่น....ก่อนที่จิตรวรรณจะหน้าหมองลงอีกครั้ง เพราะพูดชื่อศยามขึ้นมา ทั้งสามคนสังเกตเห็นว่าจิตรวรรณหมองลงไป และทุกคนก็รู้ดีว่าเพราะอะไร
จิตรวรรณนั่งซึมอยู่มุมหนึ่งของบ้าน ยอดชายเดินเข้ามาหา เธอพยายามทำร่าเริง...
“ฉันต้องรีบกลับไปทำงานแล้วนะ มีอะไรเดี๋ยวฉันจะรีบติดต่อมา อย่างที่คุย พวกเธอต้องทำตัวเหมือนเดิมคือ โกรธฉันมากๆ พี่เทวัญจะได้ไม่สงสัย ติดต่อเงาะได้หรือยัง เงาะคือพยานปากสำคัญ”
“ยังติดต่อเงาะไม่ได้....”
“งั้น...”
“งั้นฟังยอดนะจี๊ด คุณดิ่งรักจี๊ด”
“ยอด ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้ ตอนนี้”
“ตอนนี้แหละ เหมาะที่สุด ตอนที่จี๊ดมีสติ คุณดิ่งรักจี๊ด”
จิตรวรรณเดินหนี
“ฉันไม่อยากฟัง เพราะมันไม่จริง”
“ทำไมคิดว่าไม่จริง”
“อยู่ใกล้ชิดนายนั่น ไม่เห็นหรือไงว่าเขาจ้องจะตีท้ายครัวพ่อตัวเอง นี่เหรอรักฉัน”
“มันเป็นแผนของเขา รู้ไว้ซะ”
จิตรวรรณอึ้ง พูดไม่ออก อึ้ง ยอดชายมองหน้าจิตรวรรณ จริงจัง
มารศรีเดินไปตามถนนที่ค่อนข้างลับตาคน เธอหันซ้ายหันขวาหน้าหลัง กลัวคนจะเห็น ป้าคนหนึ่งยืนรออยู่ มารศรีเดินตรงมา เร่งฝีเท้าผ่านป้าคนนั้น เธอเอาเงินใส่มือป้า แล้วดึงเอาซองยาเล็กๆจากมือป้าในขณะเดียวกันอย่างรวดเร็ว มารศรีเร่งฝีเท้าไป ทันวิทย์เดินมาจากมุมหนึ่ง ตามมารศรีไป
มารศรีเดินไป เป้าหมายอยู่ที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ พลางเอายายัดลงกระเป๋าถือ ทันวิทย์เร่งฝีเท้ามา ตั้งใจจะเข้ามาประชิดมารศรี แต่แล้วก็มีชายฉกรรจ์ใส่หมวกไอ้โม่งโผล่ออกมาจากมุมตึก กระชากมารศรีเข้าไปในหลืบ หมายจะทำร้าย
ทันวิทย์ตกใจ กระโจนเข้าไปช่วยเหลือมารศรีทันที ไอ้โม่งเสียทีทันวิทย์ที่มีทักษะในการต่อสู้ ชักปืนขึ้นมา จะยิงทันวิทย์ มารศรีตกใจ เอากระเป๋าฟาดมือของไอ้โม่งจนปืนกระเด็น ทันวิทย์เตะเข้าปลายคางของไอ้โม่ง ไอ้โม่งสลบเหมือด
“หนีเร็ว”
ทันวิทย์รีบจูงมือมารศรี แต่แล้วมีไอ้โม่งอีกคนเข้ามาเอาไม้ฟาดหัวทันวิทย์อย่างแรง
“อ๊ากส์!”
ไอ้โม่งเข้ามาหมายจะซ้ำ มารศรีร้องลั่น
“ช่วยด้วย”
ไอ้โม่งตบมารศรีหน้าหัน
“โอ๊ย”
ทันวิทย์หัวอาบเลือด ฝืนลุกขึ้นมาจัดการไอ้โม่งคนนั้น เตะเข้าจุดสำคัญจนล้มลงไปอีกคนทันวิทย์รีบจูงมือมารศรีวิ่งหนีไปทันที
เมื่อปลอดภัย ทันวิทย์กุมที่หัว ซึ่งมีเลือดออก มารศรีเข้ามา ค่อยๆเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองซับเลือดให้ ทันวิทย์มองอย่างซึ้งใจ ค่อยๆจับมือมารศรีเอาไว้
“เจ็บมากมั้ย”
“ผมเจ็บไม่เป็นไร แต่คุณต้องไม่เป็นอะไร”
“เธอรักฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่...ผมรักคุณมากขนาดนี้ แต่คุณยังหลอกใช้ผมได้ลงคอ คุณไม่ได้รักสามีคุณ และคุณก็ไม่ได้รักผม แต่คุณรักผู้ชายคนนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงของคุณ คุณไม่ใช่คนดี คุณมันเป็นผู้หญิงที่เลวที่สุด”
“ใช่ เธอพูดถูกทั้งหมด ฉันไม่ใช่คนดี”
“คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ควรจะหยุด”
“หยุดเหรอ หยุดอะไร”
“ทุกอย่างที่คุณกำลังทำ ผมมาเตือนคุณ คุณกำลังทำให้พี่เทวัญโกรธ ไอ้ผู้ชายที่มันมาลอบทำร้ายคุณ ก็น่าจะเป็นฝีมือของพี่เทวัญ”
“ฉันรู้ และขอบใจเธอมาก...”
มารศรีลูบผมทันวิทย์ แสดงความเอ็นดู แล้วจับมือทันวิทย์ให้ถือผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ “...แต่....ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ผู้หญิงเลวๆอย่างฉัน ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ และทำอะไรก็ได้เพื่อกำจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกไปจากชีวิต”
“คุณมารศรี...”
“ถ้ารักฉันจริง...ก็ลืมฉัน...เด็กน้อย...ไปมีชีวิตของเธอซะ”
มารศรีลุกเดินออกไป โดยใบหน้าเต็มไปด้วยความแค้นเทวัญ
“ไอ้เทวัญ....”
ทันวิทย์ร้องไห้อย่างเจ็บปวด เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ
ยอดชายไปหาศยามที่บ้าน ศยามจึงบอกให้รู้ว่าเขาทำอะไร...
“ผมส่งคนออกไปติดตามเจ๊ยุพาแล้ว”
ยอดชายเปลี่ยนเรื่อง
“จี๊ดสร้างเรื่องหลอกทุกคนว่ารักนายเทวัญเพื่อหาหลักฐานเอาผิด เหมือนที่คุณกำลังทำอยู่ คุณทั้สองคนมีเป้าหมายเดียวกัน ทำไมพวกคุณไม่คุยกันเอง...วะฮะ ผมล่ะเหนื่อยกับการเป็นเมสเซ็นเจอร์จริงๆ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“จากปากจี๊ดโดยตรง จี๊ดสารภาพหมดแล้ว คราวนี้จะว่ายังไง”
“ว่าอะไร”
“ว่านาย...คิดยังไงกับฉัน”
ศยามและยอดชายสะดุ้งหันไป จิตรวรรณยืนอยู่มองมาที่ศยามอย่างตื่นเต้น ยอดชายหาทางปลีกตัวไปทันที
“ได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ โชคดีนะ ทั้งสองคน”
ยอดชายรีบออกไป ศยามเดินหนี จิตรวรรณตาม
“นายดิ่ง! จะหนีฉันแบบนี้ไปอีกนานมั้ย”
ยอดชายเดินออกมา เปลี่ยนใจ อยากรู้เรื่อง วกกลับเดินเข้าไปใหม่ เจอศุวิมลยืนอยู่ข้างหลังพอดีก็ตกใจ
“เฮ้ย!”
“ไม่ใช่ผี! จะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ตอนแรกว่าจะกลับ แต่ตอนนี้...ไม่ควรกลับ”
แล้วยอดชายก็ดึงมือศุวิมลเดินลิ่วเข้าไปข้างใน ศุวิมลตามไปอย่างแปลกใจ
จิตรวรรณเดินตามศยามมา เธอทนไม่ไหว ตะโกนลั่น
“ฉันน่าขยะแขยงมากหรือไง”
ศยามชะงักไม่หันมา
“ฉันจำได้นะ ว่าฉันยืนอ้อนวอนนาย อย่างนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว นายจะใจร้ายเดินหนีฉันอยู่อีกเหรอ”
ยอดชายและศุวิมลแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง ทั้งสองคนรู้สึกสะเทือนใจและสงสารจิตรวรรณ ในขณะที่ศยามยังไม่หันมา ไม่อยากให้เธอเห็นความอ่อนไหว
“ฉันยอมละทิ้งยางอาย วางคำว่าศักดิ์ศรีทั้งหมดที่ฉันเคยยึดถือ เพื่อมาขอความเห็นใจจากนาย ให้พูดความจริงจากหัวใจ ความรู้สึกที่นายมีต่อฉัน เพราะฉัน...”
ศยามทนไม่ไหว หันไป วิ่งไปหาจิตรวรรณ ตั้งใจจะกอดจิตรวรรณ...แต่แล้ว...
“ดิ่งคะ”
ศยาม จิตรวรรณชะงัก หันไป...รับมารศรีในสภาพเหมือนถูกทำร้ายยืนอยู่ ทั้งคู่ตกใจ ยอดชายและศุวิมลเสียดาย โมโห
“โผล่มาทำไมตอนนี้เนี่ย”
ศุวิมลมองมารศรีอย่างสังเกต
“มารศรี...บาดเจ็บนี่”
“อะไรนะ”
ยอดชายเพิ่งมองมารศรี /รับมารศรียืนโงนเงน แต่ภายในใจแอบยิ้มกริ่ม เพราะที่ผ่านมานั้น...ขณะที่แยกจากทันวิทย์ เดินกลับมาที่รถ เธอเห็นหินก้อนใหญ่ที่พื้น จึงเก็บขึ้นมา แล้วเปิดประตูรถ ลงนั่งในรถ นั่งนิ่ง คิดแผนการ แล้วจัดการศรีฉีกเสื้อผ้าให้ขาดเป็นบางส่วน มองตัวเองในกระจกมองหลัง สายตาเหี้ยมเกรียมดุดัน มองหินในมือ ตัดสินใจใช้หินทุบที่หัวตัวเอง เปรี้ยง!
มารศรีแกล้งเป็นลม หมดสติ ศยามเห็น วิ่งเข้าไปรับร่างของมารศรีเอาไว้ทันเวลาก่อนที่จะร่วงลงพื้น
“มารศรี! มารศรี!”
จิตรวรรณเห็นศยามตกใจกับอาการของมารศรี จิตรวรรณเสียใจ รู้สึกว่าศยามรักมารศรี ยอดชายและศุวิมลรีบวิ่งเข้ามา
“ผมจะพามารศรีไปโรงพยาบาล! ศุ ขับรถให้พี่ที”
“เอ่อ...ค่ะ”
ศุวิมลมองจิตรวรรณอย่างสงสาร
“ยัยศุ เดี๋ยวนี้”
“ค่ะ”
ศุวิมลรีบวิ่งออกไป ศยามรีบอุ้มมารศรีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบออกไป ตลอดเวลานั้นจิตรวรรณมองอย่างเสียใจ เธอเดินออกไปทันที น้ำตาไหลเป็นทาง
“จี๊ด เดี๋ยวก่อน”
ยอดชายวิ่งตามจิตรวรรณออกไป
“จี๊ดเดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งตัดสินตอนนี้ได้มั้ย”
จิตรวรรณชะงัก
“พอเถอะยอด....อย่าพูดอะไรอีกเลย ปล่อยมันไปเถอะ ฉันหมดคำถามแล้ว ไม่มีอะไรคาใจอีกแล้ว”
“แต่จี๊ดก็เห็น คุณดิ่งจำเป็นต้องดูแลอาการของมารศรีก่อน”
“เห็นสายตาของเขามั้ยยอด”
“ไม่เห็น”
“แต่ฉันเห็น...และนั่นมันก็คือคำตอบที่ฉันได้รับ คำตอบที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกเลย”
ยอดชายอึ้ง...จิตรวรรณวิ่งออกไป ยอดชายได้แต่ถอนใจ กับเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
จิตรวรรณเดินเหม่อลอยเข้ามาในบ้านอย่างเสียใจ แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเห็นเงาะนั่งอยู่...
“เงาะ...”
“เธอตามหาฉัน...ทำไม”
จิตรวรรณพยายามเรียกสติกลับคืนมา
“หายไปไหนมา ทำไมติดต่อเธอยากมาก”
“ฉันก็ไปทำงานที่ใหม่ เจอสังคมใหม่ๆ ฉันไม่อยากจมอยู่กับอดีตที่มันเลวร้าย”
“เรื่องระหว่างเธอกับพี่เทวัญ...”
“สบายใจเถอะจี๊ด มันไม่เคยเป็นเรื่องจริง”
จิตรวรรณตกใจ
“อะไรนะ!!! แต่เธอเคย...”
“ฉันรักพี่เทวัญ แต่พี่เทวัญไม่เคยสนใจฉันเลย ทุกอย่างทุกเรื่อง ฉันกุขึ้นเองทั้งนั้น”
จิตรวรรณมึน...ลงทรุดนั่ง...
“เธอเป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนรัก ฉันย่อมพูดความจริงกับเธอ ไม่มีการโกหกอีกต่อไปแล้ว สบายใจเถอะนะจี๊ด”
“ฉัน...”
“ฉันเข้าใจ...บางทีความจริงก็ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะได้ยิน”
เงาะจับมือจิตรวรรณอย่างปลอบใจ แล้วลุกเดินจากไป ลับหลังจิตรวรรณ เงาะยิ้มสมใจ ขณะที่จิตรวรรณนั่งนิ่ง...ไม่เข้าใจ
เงาะเดินมาที่ริมถนน รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบ เงาะเปิดประตูเข้าไปนั่ง เทวัญนั่งอยู่ที่ๆนั่งคนขับ ยิ้มให้เงาะอย่างเอาใจ
“เรียบร้อยดีมั้ยจ๊ะ เงาะ”
“เรียบร้อยค่ะ คิดว่า...จี๊ดเชื่อเงาะ”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ...ที่รักของพี่”
“ยังจะกล้าใช้คำนี้กับเงาะอีกเหรอคะ”
“ก็พี่รักเงาะ”
“ไม่จำเป็นต้องหลอกเงาะหรอกค่ะ เพราะเงาะไม่มีทางเชื่อคำพูดหวานๆของพี่อีกแล้ว ที่เงาะยอมทำแบบนี้ให้พี่ เพราะ....สิ่งแลกเปลี่ยนเท่านั้น”
“โอเค....เงินเดือนเดือนละแสน...พี่ให้ได้ แต่คงต้องมีอะไรพิเศษสำหรับคืนนี้ หน่อยนะ เป็นค่ามัดจำให้พี่ แล้วพรุ่งนี้เงินจะอยู่ในบัญชีของเงาะเรียบร้อย”
เงาะปรายตามองเทวัญ เห็นความกรุ้มกริ่ม สายตาที่กวาดมองเงาะตั้งแต่หัวจรดเท้า เงาะยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่มีปัญหาค่ะ บอกตามตรง เงาะเองก็คิดถึงพี่มากอยู่เหมือนกัน ไปกันได้หรือยังคะ”
เทวัญยิ้มสมใจ ขับรถออกไป
วันใหม่...มารศรีทำแผลเรียบร้อย นั่งพักอยู่มองศยาม ตีสีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ ศุวิมลยืนฟังอยู่ด้วย
“อย่างที่ศรีเล่า ว่าศรีเพิ่งจะแยกกับเพื่อนออกมาจากร้านอาหาร กำลังจะขึ้นรถกลับบ้าน พวกมันก็เข้ามาทำร้ายศรีโดยที่ศรีไม่ทันตั้งตัว โอ๊ย...ปวดหัวจังค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่า...คุณไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แต่แน่ใจนะว่าไม่ ติดใจเอาเรื่องพวกมัน”
“ค่ะ...ช่างมันเถอะ ถึงไปแจ้งตำรวจ ก็เท่านั้น จับพวกมันไม่ได้หรอก”
ศยามพยักหน้ารับรู้
“พักผ่อนเถอะนะ ผมจะไปทำงาน”
“ค่ะ...ขอบคุณนะคะ ดิ่งไปทำงานเถอะ...” มารศรีทำเป็นทรุดอีก “โอ๊ย...ปวดหัว”
“ปวดมากมั้ย ทานยามั้ย เดี๋ยวผมเอาให้”
มารศรีสบตาศยาม ลึกซึ้ง
“ขอบคุณนะคะ...ถ้าไม่ได้ดิ่ง...ศรีคงแย่ ใครจะมาดูแลศรี”
“ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
มารศรีจับมือศยามเอาไว้
“ดิ่งคะ...ศรีขอโทษ ขอโทษจริงๆนะ”
“ขอโทษผมทำไม”
“ที่ศรีเคยทำให้ดิ่งเสียใจ...ศรี...ผิดเอง”
“เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว อย่าคิดมากเลย”
“จนกว่าดิ่งจะให้อภัย ศรีถึงจะไม่คิดมาก ดิ่งคะ...ศรีสำนึกผิดแล้วจริงๆนะคะ”
มารศรีมองตา ศยามเห็นความเสียใจอย่างจริงใจในแววตาของมารศรี แล้วถอนใจ...ลำบากใจ...ได้แต่ยิ้มปลอบใจมารศรี
“ที่คุณเคยทำผมเจ็บและเสียใจ ผมยกโทษให้ ผมไม่โกรธคุณอีกต่อไปแล้ว”
มารศรีกอดศยามดีใจ
“ขอบคุณค่ะดิ่ง”
ศยามค่อยๆดันตัวมารศรีออก
“สบายใจแล้วนะ ผมไปทำงานล่ะ”
“อยู่กับศรีก่อนได้มั้ยคะ”
มารศรีส่งสายตาอ้อนวอน ศยามชะงัก ตัดสินใจ
จิตรวรรณนอนนิ่ง หมดแรงด้วยอาการปวดท้องกระเพาะ ใจดีเข้ามาดูอาการด้วยความเป็นห่วง
“ทานยาแก้ปวดท้องหรือยังจี๊ด”
“ทานแล้ว”
“บ้านเงียบเชียว คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่เหรอ”
“ไปฮันนีมูน...อาทิตย์หน้าถึงจะกลับ”
“ฉันดีใจด้วยจริงๆนะจี๊ดเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแก ที่ท่านกลับมาเข้าใจกันได้”
“อือ”
ใจดีเห็นอาการเพื่อนแล้วเป็นห่วง
“ท่าทางไม่ไหวนะเนี่ย ไปหาลุงหมอมั้ย ฉันพาไปเอง”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก...เดี๋ยวก็หาย ไม่สิ ต้องหาย ฉันจะไปออฟฟิศ”
“เฮ้ย...ไปทำไม”
“ก็ไปทำงานไง...มีเรื่องรอฉันให้ไปตัดสินใจเยอะแยะไปหมด ฉันไม่อยากให้คุณพ่อเป็นห่วง”
ใจดีมองจิตรวรรณอย่างห่วงๆ
“จี๊ด ร่างกายแกต้องแข็งแรงเพื่อเตรียมความพร้อมไว้สู้กับปัญหานะ”
“ฉันรู้...แต่ฉัน...ไม่รู้สิ ยิ่งอยู่นิ่งๆ ฉันยิ่งเครียด”
“แต่ความนิ่ง จะทำให้เรามีสตินะ”
จิตรวรรณนิ่ง คิดทบทวนคำพูดของใจดี
มารศรีออดอ้อนศยาม
“ได้มั้ยคะ...ศรีกลัว นายป๊อดก็ดูแลคุณเศก แม่บ้านก็มีงานทำทั้งวัน ศรีจะอยู่กับใคร”
ศุวิมลเข้ามา
“ก็อยู่คนเดียวไปก่อนสิคะ”
มารศรีอึ้ง รีบผละออกจากศยาม
“เจ็บนิดหน่อย ไม่ได้คางเหลือง ไม่ต้องถึงกับต้องเฝ้าตลอดเวลาหรอกค่ะ”
ศยามปราม
“ศุ...ไม่เอาน่า”
“คุณศุอยากจะต่อว่าอะไรศรี ก็ปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ ศรีชินแล้ว”
“ดีค่ะ ควรจะชิน ถ้าคุณยังอยู่ในบ้านหลังนี้ คุณก็จะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากฉันตลอดเวลา เพราะฉันจะไม่เกรงใจ”
มารศรีบีบน้ำตาทันที ศยามเสียงแข็งใส่น้องสาว
“ศุ! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ศุวิมลมองหน้าศยาม ไม่พอใจ งอนสะบัดออกไป ศยามตามออกไป มารศรีมองตามสะใจ คิดจะตามไปแอบฟังการสนทนา
ศยามตามศุวิมลมารั้งตัวเอาไว้มาพูดด้วยเบาๆ เพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน
“เป็นอะไรของเราน่ะ พี่บอกแล้วไง ว่าให้ทำตัวตามปกติ”
“ก็นี่แหละ ปกติของศุ...วันไหนถ้าไม่ได้ด่า วันนั้นคือศุไม่ปกติ”
ศยามถอนใจ
“เฮ้อ...”
“ศุไม่อยากให้พี่ดิ่งใจอ่อนกับมารยาของมารศรี”
“พี่ไม่ได้ใจอ่อน”
“มารยาหญิงมีเป็นร้อยเล่มเกวียน พี่ดิ่งไม่ควรประมาท”
“พี่มีสติ”
“ก็ดีค่ะ งั้นก็ฟังนะคะ...ตอนนี้คุณจี๊ดไม่สบาย อยู่ที่บ้าน”
“แล้วไง...จะให้พี่ไปพบคุณจี๊ดให้ได้เลยใช่มั้ย”
“คนรักกันก็ควรจะพบกัน ดูแลกัน ไม่ควรปล่อยให้เค้าต้องต่อสู้กับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตามลำพัง”
ศยามอึ้ง เดินหนีเลย ศุวิมลเซ็ง
“พี่ดิ่ง เอ๊า แล้วบอกว่าตัวเองมีสติ”
มารศรีแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่พอใจมาก
“คนรักกันเหรอ...ดิ่งต้องรักฉัน ไม่ใช่แก นังจี๊ด!”
จิตรวรรณนอนหลับตาลง ใจดีคิดว่าหลับแล้ว
“เอ๊า...นึกจะหลับก็หลับไปเลยซะงั้น...”
ใจดีลุกขึ้นจะเดินออกไป...จู่ๆจิตรวรรณก็ลืมตา ลุกขึ้นนั่ง บอกใจดี
“เมื่อวานเงาะมาหาฉัน บอกฉันว่า...ไม่เคยมีอะไรกับพี่เทวัญ ที่ผ่านมาเงาะโกหก เพราะอยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่เทวัญ”
“อะไรนะ! ยัยเงาะโผล่มางั้นเหรอ”
ใจดีรีบกลับมานั่ง ด้วยความตกใจ จิตรวรรณหน้าเครียด
“ตอนนี้ก็เท่ากับว่า...ฉันกำลังต่อสู้กับคนเลวด้วยมือเปล่า ไม่มีอาวุธ แล้วฉันจะชนะได้ยังไง”
จิตรวรรณลุกขึ้น ออกไปทันที ใจดีแปลกใจ
“จี๊ด แกจะไปไหน”
จิตรวรรณไม่ตอบ...เดินหนี ใจดีร้อนใจและหงุดหงิดใจมาก
“เงาะ เพื่อนทรยศ เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ”
อ่านต่อหน้า 2
พริกกับเกลือ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ยอดชายเข้ามาคุยกับศยามที่มุมหนึ่ง ในลักชัวรี่คาร์
“ไม่เป็นห่วงจี๊ดบ้างหรือไงครับ ยิ่งตอนนี้กำลังไม่สบายอยู่ด้วย”
ศยามถอนใจ
“ผม...จะไปทำอะไรได้”
“ไปง้อไงครับ”
“ง้อ...ทำไมผมต้องง้อ”
“เพราะจี๊ดกำลังเข้าใจคุณผิด”
“เข้าใจได้แค่นั้นก็ปล่อยเค้าไปเถอะ”
“เอ๊า!”
“ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น คนอย่างคุณจี๊ด มีแต่คนง้อมาทั้งชีวิต ก็ควรจะโดนซะบ้าง”
“เอ๊า!”
ศยามเดินออกไป ยอดชายเหนื่อยใจ หยิบมือถือขึ้นโทรหาศุวิมล
“ฮัลโหล...คุณศุคร้าบ ผมเหนื่อย”
จิตรวรรณมองมือถืออย่างรอคอย...
“ใจดำ...ไม่คิดจะโทรมาอธิบาย มาง้อ อะไรบ้างเลยหรือไง”
จิตรวรรณนอนถอนใจ เสียงมือถือดังขึ้น...เธอสะดุ้งเฮือกรีบหยิบมือถือมาดู เห็นชื่อเทวัญที่หน้าจอก็ผิดหวัง แต่ก็รับสาย
“ค่ะ พี่เทวัญ”
ในบ้านเงาะ...เทวัญนอนอยู่บนเตียง เงาะสวมเสื้อคลุมปล่อยผมยาวสยายเดินถือแก้วน้ำมาส่งให้เทวัญ พลางนั่งซบไม่ห่าง
“พี่มีประชุมกับเอเจนซี่ข้างนอกนะคะ เดี๋ยวเย็นนี้เราไปทานข้าวกันนะ จะให้พี่ไปรับที่ไหน”
“จี๊ดเอ่อ...คงไม่ว่างค่ะ จี๊ดมีนัดกับเพื่อน ไว้จี๊ดโทรหาแล้วกันนะคะ สวัสดีค่ะ”
จิตรวรรณรีบวางสาย...เทวัญไม่พอใจ เงาะประชด
“ไงคะ...สาวไม่รับนัดใช่มั้ย”
“จี๊ดบอกว่านัดเพื่อน”
“จี๊ดโกหกพี่แล้วล่ะ”
“รู้ได้ไง”
“ตอนนี้แม่คนนั้นมีใครคบที่ไหนกัน...ไม่มียอด ใจดีและเงาะ ก็ไม่มีใคร”
เทวัญคิดๆ
“โกหกเหรอ”
“จี๊ดไม่ใช่คนโง่นะคะ อย่าวางใจนัก”
“กลัวเหรอ”
“จี๊ดน่ะเหรอคะ เงาะไม่กลัวยัยนั่นค่ะ กลัวก็แต่...พี่เทวัญ”
“กลัวพี่ทำไม”
“พี่ไม่ใช่คนดี โลภและทะเยอทะยาน เจ้าเล่ห์ทำได้ทุกอย่าง”
เทวัญอึ้ง ไม่พอใจ
“เงาะเคยโง่...แต่จะไม่โง่นานนักหรอกนะคะ”
“อยากแสดงความฉลาดอะไรออกมาล่ะ”
“วันไหนที่เงาะหมดประโยชน์กับพี่ พี่คงหาทางจัดการเงาะไปให้พ้นทางแต่จำไว้นะคะ ถ้าเงาะเป็นอะไรไป...แม้แต่ปลายเล็บ...”
เทวัญจิกผมเงาะ ไม่พอใจ
“อย่ามาขู่ฉัน!”
“ทำดีกับเงาะหน่อยสิคะ...พี่ยังใช้ประโยชน์เงาะได้อีกนะ แค่เพียงพี่เลี้ยงเงาะไว้ เงาะยอมทำได้ทุกอย่าง...แต่ถ้าไม่...พี่ก็จบ!”
เทวัญมองเงาะอย่างไม่พอใจ เงาะยิ้มเจ้าเล่ห์ สะใจที่ถือไพ่เหนือกว่า เทวัญเหวี่ยงเงาะออกไปแล้วลุกจากเตียง...เงาะยิ้มกริ่ม
จิตรวรรณนั่งนิ่งครุ่นคิด นึกถึงคำพูดของเงาะที่บอกกับเธอ
“ฉันรักพี่เทวัญ แต่พี่เทวัญไม่เคยสนใจฉันเลย ทุกอย่างทุกเรื่อง ฉันกุขึ้นเองทั้งนั้น”
จิตรวรรณครุ่นคิด เธอนึกถึงตอนที่เจอต่างหูของเงาะในรถ จิตรวรรณไตร่ตรอง เครียดมากขึ้น คำพูดของเงาะดังก้องในหัว
“เธอเป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนรัก ฉันย่อมพูดความจริงกับเธอ ไม่มีการโกหกอีกต่อไปแล้ว สบายใจเถอะนะจี๊ด”
จิตรวรรณรู้สึกปวดเกร็งในท้องมากขึ้น จนตัวงอจนทรุดลงไปกับพื้น ศยามเดินเข้ามาเห็นเข้า ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณจี๊ด...”
“นายดิ่ง...ช่วย...ฉัน....ด้วย...ฉัน....ปวดท้อง...”
ศยามตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมาทันที
ในร้านกาแฟ ยอดชายกับศุวิมลตกใจ เมื่อได้ยินจากปากใจดี
“เงาะไปหาคุณจี๊ด!”
ใจดีมองศุวิมลกับยอดชาย
“ตกใจแล้วพูดเหมือนกันเลย...ตอนนั้นฉันก็ถามจี๊ดอย่างนี้แหละ”
ยอดชายสงสัย
“มันไม่ชอบมาพากล”
ศุวิมลไม่ไว้ใจ
“ต้องมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง”
ใจดีมองสองคนอีก
“เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย”
ยอดชายกับศุวิมลพูดออกมาพร้อมกัน
“อะไรนะ /อะไรนะคะ”
“ฉันหมายถึง...ทั้งยอดชายและคุณศุ เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะคะ สมกับเป็นแฟนกันจริง”
“ก็...”
ยอดชายหันไปยิ้มกรุ้มกริ่ม ศุวิมลเขินๆ
“ไม่ใช่แฟนค่ะ แค่เพื่อนสนิท”
ยอดชายพูดต่อทันที
“ที่คิดไม่ซื่อ”
ศุวิมลอาย
“คุณยอด!”
“ก็จริงนี่ คุณก็รู้ ว่าผมคิดกับคุณไม่ใช่แค่เพียงเพื่อน...แต่หวังเลื่อนตำแหน่ง”
ศุวิมลขัดขึ้น
“ไม่ใช่เวลามาจีบค่ะ”
ใจดีเห็นด้วยกับศุวิมล
“ถูกค่ะคุณศุ ยอด! ซีเรียสหน่อย จะยังไงต่อเนี่ย ยัยจี๊ดกำลังจะกลายเป็นเหยื่อของไอ้พวกหน้าเนื้อใจเสือ ที่คราวนี้ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน”
ทุกคนกังวลเป็นห่วงจิตรวรรณ
ที่โรงพยาบาล...จิตรวรรณนอนหลับอยู่บนเตียงมีสายน้ำเกลือที่ให้ยาแก้ปวดและรักษาโรคกระเพาะจากขวดน้ำเกลือที่แชวนอยู่ ศยามนั่งมองจิตรวรรณอย่างเป็นห่วงค่อยๆเอื้อมมือไปจะจับ มือกำลังจะถึง แต่ หมอเวทย์เข้ามาเสียก่อน ศยามรีบหดมือกลับทันที ลุกขึ้น
“ยังหลับอยู่เหรอ...”
“ครับ ลุงหมอ...อาการคุณจี๊ดเป็นไงบ้างครับ รุนแรงมั้ย ผมเห็นเธอเป็นบ่อย”
“เครียดมากจนลงกระเพาะ ทำให้เป็นแผล ให้ยาดูอาการสักวันสองวัน ค่อยกลับไปทานยาต่อที่บ้าน แต่ต้องดูแลให้ดีนะ ทานยาทานข้าวให้ตรงเวลาอย่าทานอาหารรสเผ็ด เปรี้ยว ของหมักดอง ห้ามเครียด...”
ศยามขัดจังหวะขึ้น
“ผมว่า...ค่อยบอกคนดูแลเธอดีกว่านะครับ ผมกำลังจะขอตัวกลับแล้ว สวัสดีครับ”
ศยามรีบลากลับ จนหมอเวทย์งง จิตรวรรณขยับตัว รู้สึกตัวตื่น
“อ้าว หนูจี๊ดรู้สึกตัวแล้ว”
ศยามรีบหันไปมอง จิตรวรรณขยับตัว ขยับแขน รั้งสายน้ำเกลือจนตึง ศยามขยับตัวอย่างรวดเร็วไปจับแขนของเธอเอาไว้
“นอนเฉยๆสิคุณ สายน้ำเกลือ เห็นมั้ย”
จิตรวรรณเพ่งมอง
“เห็น...แล้วไง ไม่ต้องมายุ่งได้ป่ะ”
“ผมเป็นคนอุ้มพาคุณมาโรงพยาบาลนะ พูดดีๆหน่อย”
“ไม่!...” จิตรวรรณหันไปพูดกับหมอเวทย์ “ลุงหมอขา จี๊ดไม่อยากนอนโรงพยาบาล”
หมอเวทย์จะตอบ ศยามตอบแทนซะก่อน
“ไม่อยาก ก็ต้องนอน จนกว่าจะให้ยาครบและอาการดีขึ้น”
“เป็นหมอหรือไง”
“เป็นคนไข้อยู่ อย่าฤทธิ์เยอะ นอนเฉยๆ”
“เอ๊ะ!”
หมอเวทย์หันมาถามศยาม
“ไม่รีบกลับแล้วเรอะ คุณดิ่ง”
“ขอปราบมารก่อนดีกว่าครับ”
จิตรวรรณตาเขียวใส่
“ว่าใครมาร!”
ศยามพูดสวนทันที
“คุณ!”
“เอ๊ะ!”
หมอเวทย์ส่ายหน้า
“เข้าใจๆ งั้นปราบกันไปก่อนนะ เดี๋ยวหมอมาใหม่”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ลุงหมอ!อย่าเพิ่งไป!”
จิตรวรรณพยายามเรียกแต่หมอเวทย์ไม่สนใจรีบเดินออกไปแล้ว ยิ้มๆ
“คุณลุงหมอ!”
ศยามเอามือไปปิดปากจิตรวรรณ
“โรงพยาบาลห้ามใช้เสียง! เบาๆ!”
จิตรวรรณยังไม่หยุดตะโกน
“ลุงหมอ!”
ศยามปวดหัวกับความฤทธิ์เยอะของจิตรวรรณ
ที่หน้าห้องทำงานจิตรวรรณ รัตนาคืนแฟ้มเอกสารให้เทวัญ
“อะไร”
“เรื่องที่คุณเสนอไปให้คุณจี๊ดพิจารณา คุณจี๊ดเธอตีกลับค่ะ”
เทวัญชะงัก
“อะไรนะ! น้องจี๊ดน่ะเหรอ”
“ค่ะ คุณจี๊ด”
เทวัญไม่พอใจ
“ทำไม”
“หลักการและเหตุผล...ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ค่ะ รบกวนคุณเทวัญกลับไปหารูปแบบการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้”
“แน่ใจเหรอว่าน้องจี๊ดพูดแบบนี้”
“ดิฉันถ่ายทอดมาทุกคำพูด ไม่มีการเสริม เติมหรือตัดตรงไหนเลย”
“วันนี้น้องจี๊ดจะเข้าออฟฟิศมั้ย”
“ไม่เข้าค่ะ และคงไม่เข้าอีกหลายวัน”
“น้องจี๊ดไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ไม่ได้แจ้งไว้ ขอตัวนะคะ ดิฉันกำลังจะกลับบ้าน”
รัตนารีบคว้ากระเป๋าเดินออกไปทันที เทวัญมองตามด้วยความแค้นใจรีบหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์หาจิตรวรรณ แต่ได้ยินเสียง
”ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”
เทวัญเข้ามาในห้องทำงานตนเองฟาดแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย เดินงุ่นง่านไปมาในห้องแล้วลงนั่งที่เก้าอี้อย่างแรง
“อีกไม่นาน...ฉันจะเป็นเจ้าของที่นี่...อีกไม่นาน...”
เทวัญพยายามใจเย็น สงบสติอารมณ์ลงหลับตา สูดลมหายใจ ลึกและยาว ก่อนจะลืมตาขึ้น ฉายแววแห่งความเจ้าเล่ห์มีเรื่องที่ต้องจัดการ
ในห้องพักคนไข้...จิตรวรรณยังตะเบ็งเสียงใส่มือของศยามที่ปิดปากอยู่ ก่อนจะปวดท้องขึ้นมาตัวงอ ศยามตกใจ เอามือออก
“คุณจี๊ด...เป็นไงบ้าง”
จิตรวรรณตะโกนลั่น
“ลุงหมอ!”
“น่านไง! ทำไมเป็นคนแบบนี้ หา! ยัยคุณหนูนิสัยเสีย! เออ มีแรงตะโกนได้ตะโกนไป!ดังๆเลย!”
จิตรวรรณเงียบเสียงทันที
“หยุดทำไม”
จิตรวรรณหน้าเสีย
“ปวดท้อง...”
“อย่าคิดว่าจะเชื่ออีก”
“ปวดจริงๆ...”
“ผมกลับล่ะ”
ศยามหันเดินออกไป...จิตรวรรณยังตัวงอร้องครวญคราง ศยามชะงัก เป็นห่วง หันกลับมาจับไหล่
“ทำอะไร...”
“นอนลง...พักผ่อน”
“ไม่นอน...”
“นอน!”
จิตรวรรณลงนอนตามคำสั่งทันที ศยามมองอย่างเอือมระอา
“อย่าดุได้มั้ย...”
“แล้วจะเชื่อมั้ย”
จิตรวรรณพยักหน้าช้าๆ
“เชื่อ”
“แต่ต้องแผลงฤทธิ์ใส่ก่อนใช่มั้ย แล้วเป็นไง”
“ปวด...โอ๊ย”
จิตรวรรณบีบมือศยามแน่น จนศยามรู้สึกเจ็บ แต่พยายามอดทน แต่เจ็บมาก เผลอร้อง
“โอ๊ะ...”
“เจ็บมั้ย ขอโทษนะ”
ศยามเห็นสายตาที่ไร้พิษสงของหญิงสาวตอนนี้แล้ว ใจอ่อน ยิ่งสงสาร เห็นเม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้า ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้แล้วกระซิบที่ข้างหู
“อดทนหน่อยนะ...เดี๋ยวก็หาย”
จิตรวรรณพยักหน้า
“อืม...”
ศยามนั่งเฝ้าจิตรวรรณอยู่ข้างเตียง ไม่ไปไหน จิตรวรรณถามเบาๆ
“จะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ยังกลับไม่ได้ จนกว่าจะแน่ใจว่าคุณ...ไม่เป็นอะไรแล้ว”
จิตรวรรณสบตาศยาม เห็นสายตาลึกซึ้ง อ่อนโยนของเขาก็ใจอ่อน
“นายดิ่ง...แน่ใจเหรอว่านายจะอยู่ได้”
ศยามเอามือลูบหน้า ปัดไรผมของเธอไม่ให้รุงรัง
“แน่ใจสิ...ผมจะอยู่”
จิตรวรรณยิ้มหัวใจมีพลัง จับมือเขามั่นไว้ ชายหนุ่มบีบมือหญิงสาวตอบ สองคนจับมือกัน ถ่ายเทคำปลอบโยนให้แก่กันผ่านสัมผัสมือนั้น
ค่ำนั้น เทวัญเข้ามาที่บ้านจิตรวรรณเดินตรงไปหาป้าเพ็ญและสำรวยที่ยืนตัวลีบอยู่
“คุณจี๊ดไปไหน ทำไมไม่มีใครรู้”
“พวกเราไม่ทราบจริงๆค่ะ ว่าคุณหนูจี๊ดไปไหน”
เทวัญหงุดหงิด
“ไม่ได้เรื่อง...ไม่ได้เรื่องสักคน ไปให้พ้นเลย ไป๊”
สำรวยมองหน้าเทวัญ
“เอ๊า พวกเราอยู่นี่นะคะ จะให้ไปไหน คุณเทวัญนั่นแหละค่ะ ที่ต้องไป”
เทวัญหันมามองสำรวยตากร้าว น่ากลัวมาก ป้าเพ็ญรีบแก้สถานการณ์
“นังสำรวย เข้าไปข้างใน”
สำรวยรีบเข้าข้างในไป...ป้าเพ็ญรีบแก้ตัวกับเทวัญ
“ไม่ต้องเป็นห่วงคุณหนูจี๊ดหรอกนะคะ เดี๋ยวก็กลับมา คุณเทวัญจะอยู่รอมั้ยคะ”
เทวัญไม่ตอบ เดินออกไปอย่างหงุดหงิด ป้าเพ็ญแอบหายใจอย่างโล่งอก รีบไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาใครบางคน
“คุณรัตนาคะ...”
รัตนาเดินคุยมือถือมาตามทางเดินในโรงพยาบาล ในมือหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบหนึ่งมาด้วยซึ่งเป็นของศยาม
“ดีแล้วค่ะป้าเพ็ญ ยังไม่ต้องบอกคุณเทวัญ ว่าคุณจี๊ดอยู่โรงพยาบาล จนกว่าเธอจะกลับบ้าน ตอนนี้คุณจี๊ดต้องการเวลา...เพื่อเคลียร์หัวใจตัวเองให้ได้ก่อน”
รัตนาวางสายรีบเดินไป
ในห้องพักคนไข้...จิตรวรรณนอนหลับอยู่ โดยศยามยังกุมมือไว้ รัตนาเปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
“อ้าว...พี่รัตนา”
รัตนามองมือศยามที่กุมมือจิตรวรรณแล้วยิ้ม
“ค่ะ ดิฉันเอง”
ศยามยิ้มเขินๆ
“จับไม่ยอมปล่อยเลยครับ”
“เพราะคุณดิ่ง คือคนที่คุณจี๊ดให้ความไว้วางใจ อยู่กับคุณแล้วคุณจี๊ดจะมั่นคงและปลอดภัย”
“ไม่รู้สิครับ...แต่ผมไม่แน่ใจ ว่าพอคุณจี๊ดรู้สึกตัวดีแล้ว ยังจะอยากจับมือผมอยู่หรือเปล่า”
“ปากกับใจเธอไม่เคยตรงกันหรอกค่ะ...คุณน่าจะรู้จักนิสัยเธอดี”
ศยามเปลี่ยนเรื่อง
“ผมคงต้องกลับ”
รัตนารีบบอก
“ไม่มีใครอยู่ดูแลคุณจี๊ดนะคะ”
“ทำไมครับ”
“ไม่มีใครทราบเรื่องนี้ค่ะ นอกจากพวกเรา”
“ผมควรจะอยู่ดูแลคุณจี๊ด เพราะพวกพี่ ซึ่งหมายถึงพี่ คุณยอดยัยศุ คุณใจดี หรือแม้แต่ป้าเพ็ญจะไม่มีใครมาเฝ้าคุณจี๊ด”
รัตนาพยักหน้า
“ค่ะ...คุณเข้าใจถูกแล้ว”
ศยามชะงัก
“แต่...”
“นี่เป็นความปรารถนาดีของพวกเรา ซึ่งคุณเองก็คงไม่อยากปฏิเสธหัวใจตัวเอง...เราไม่มีทางรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อยังมีโอกาส ทำวันนี้ เวลานี้ให้ดีที่สุดเถอะนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
รัตนาวางกระเป๋าเสื้อผ้าของศยามไว้บนเก้าอี้
“ของใช้ทุกอย่างของคุณอยู่ในนี้นะคะ ดิฉันเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว”
ศยามยิ้มรับรัตนาเดินออกไป...ศยามหันไปมองจิตรวรรณที่ยังนอนหลับอย่างมีความสุข ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวขึ้นมาค่อยๆบรรจงจูบอย่างแผ่วเบา
รัตนายกมือไหว้หมอเวทย์ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“ขอบพระคุณคุณหมอมากนะคะ ที่ช่วยกรุณาช่วยปิดเรื่องคุณจี๊ดเข้าโรงพยาบาล”
“ไม่เป็นไร คุณจี๊ดก็เป็นเหมือนลูกเหมือนหลาน คุณดิ่งเองก็เป็นคนดี หมอเอาใจช่วยนะ ขอให้เรื่องร้ายๆนี้จบลงให้เร็วที่สุด”
“ค่ะ”
หมอเวทย์เดินออกไป รัตนาโล่งใจแต่ก็แอบกังวลใจ เอาใจช่วยจิตรวรรณกับศยามให้เข้าใจกันโดยเร็วที่สุด
ศุวิมลเดินเข้าบ้านมา มารศรีเดินออกเจอพอดี
“ดิ่งยังไม่กลับ ไปไหน คุณศุรู้หรือเปล่า”
“รู้ก็ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรต้องบอกคุณ”
ศุวิมลเดินออกไป ไม่สนใจมารศรีอีกต่อไป มารศรีเข่นเขี้ยว ไม่พอใจ
ศยามนั่งดูไอแพดอยู่บนโซฟาซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิด จิตรวรรณยังนอนหลับ ในภาพกล้องวงจรปิดเห็นมารศรีเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดในห้องนอน ศยามกดเลื่อนไปดูภาพจากอีกมุมหนึ่ง ในห้องนอนแขกเห็นเศกนอนอยู่บนที่นอน โดยมีป๊อดคอยบีบนวดแขนและขา ศยามอมยิ้ม
“ต้องตบรางวัลให้น้องป๊อดซะหน่อยแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงจิตรวรรณก็ดังขึ้นอย่างอ่อนแรง
“ป๊อดไหน...”
ศยามสะดุ้ง หันไปเห็นเธอนอนมองเขาอยู่ ศยามรีบวางไอแพด เดินไปดูอาการ
“เป็นไงบ้าง”
“ถามว่าป๊อดไหน”
“ตื่นมาก็ยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยหรือไง”
“ฉันตื่นมา นายก็หาเรื่องด่าฉันเลยหรือไง อุตส่าห์ถามดีๆ ไม่มีอารมณ์ในคำพูดเลยนะ”
“ขอโทษ...ป๊อดเป็นเด็กแถวร้านซ่อมรถ ที่ผมเคยไปเปิดอยู่พักหนึ่ง แล้วเค้าก็เป็นคนช่วยชีวิตผมจากการถูกลอบยิง”
จิตรวรรณมองหน้าเขา
“ฝีมือพี่เทวัญใช่มั้ย”
“สันนิษฐานว่าใช่”
“แล้วรออะไร ทำไมไม่จัดการเอาผิดพี่เทวัญตอนนี้”
“รอพยานสำคัญ ที่จะเปลี่ยนใจออกมาเปิดโปงนายเทวัญ”
“ใคร”
“นายด้วง...”
จิตรวรรณชะงัก
“นายด้วง...”
“น้ำมั้ย”
จิตรวรรณพยักหน้า...ศยามหันไปรินน้ำให้ จิตรวรรณลอบมองเขา ยิ้มอย่างมีความสุข พอเขาหันมา หญิงสาวรีบหุบยิ้ม ทำเฉยๆ ศยามไขเตียงให้หัวนอนสูงขึ้นแล้วเดินมาป้อนน้ำให้ จิตรวรรณดื่มน้ำไปลอบมองเขาไป ชายหนุ่มหลบตา หญิงสาวอมยิ้ม
“ดื่มเร็วๆ”
“เร็วไม่ได้ เดี๋ยวสำลัก”
จิตรวรรณละเลียดดูดน้ำ มองไปทางอื่นยิ้มๆ ศยามแอบมองยิ้มๆ ยิ้มกันไปยิ้มกันมา
อ่านต่อหน้า 3
พริกกับเกลือ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ดึกคืนนั้น ด้วงนั่งอยู่ในเงามืด แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น โพนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ถ้าแกแค้นมัน....ก็ยอมมอบตัว แล้วสารภาพผิดกับเรื่องทั้งหมด ว่านายเทวัญจ้างวานแกให้ทำเรื่องชั่วๆ โทษจะได้รับการลดหย่อน”
ด้วงยิ้มขื่นๆ
“แปลว่ายังไงฉันก็ต้องติดคุกใช่มั้ย”
“คนเราหนีกรรมไม่ได้หรอก ยังไงแกก็ต้องได้รับผลของมัน แต่แกก็จะยังมีโอกาส ติดคุกไม่กี่ปี เดี๋ยวก็ได้ออกมา เป็นอิสระ”
“พี่คิดว่า...เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วใช่มั้ย”
“ใช่...เชื่อฉันเถอะ ตอนนี้แกยังมีโอกาส ไปมอบตัวซะ ตอนนี้เลย”
“ฉันขอนอนในที่ๆไม่ใช่คุกคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายก่อนได้มั้ย ฉันสัญญา พรุ่งนี้ ฉันจะไปมอบตัว”
โพยิ้มอย่างโล่งใจ เข้ามาตบไหล่ด้วง
“ได้...พรุ่งนี้ฉันจะมารับ ทำใจให้สบายนะ ทำในสิ่งที่ถูกต้องซะ จะได้ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างนี้ไปตลอดชีวิต เข้าใจนะ”
ด้วงพยักหน้า โพเดินออกไป ค่อยๆปิดประตู สิ้นลำแสงไฟจากนอกประตู เหลือเพียงด้วงในห้องที่มืดมิด ใบหน้าของด้วงที่ยังไม่ยอมจำนน
ศยามวางแก้วน้ำลง เสียงมือถือศยามดังขึ้นพอเห็นเบอร์เขารีบรับ แล้วเลี่ยงไปทางมุมหนึ่งของห้อง จิตรวรรณมองตาม และเงี่ยหูฟังอย่างใคร่รู้
“ครับ...ลุงแปลง” ศยามดีใจ “จริงเหรอครับ...นายด้วงยอมมอบตัวแล้ว...เมื่อไหร่ครับ...พรุ่งนี้...ครับ ผมจะไปรอที่สถานีตำรวจ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ”
ศยามวางสายลง หันมา สะดุ้งเฮือก เพราะจิตรวรรณยืนอยู่กับเสาน้ำเกลืออยู่ข้างหลัง
“คุณ! ลงมาทำไม”
“มาดีใจด้วยไง...ที่ในที่สุด คนที่ทำชั่วกำลังจะถูกชำระความผิด”
“คุณไม่เสียใจนะ”
“เรื่อง”
“คู่หมั้นของคุณกำลังจะถูกเปิดโปง เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในคุก คุณไม่เสียใจนะ”
“ทำไมฉันจะต้องเสียใจ...ในเมื่อพี่เทวัญทำผิด ก็ต้องชดใช้ อีกอย่าง ฉันก็...ไม่ได้รักพี่เทวัญ”
ศยามจ้องหน้าหญิงสาว
“แล้วรักใคร”
จิตรวรรณอึ้งเขิน ไม่คิดว่าเขาจะถามโต้งๆ...
“ไม่บอก”
“งั้นไปนอน”
“นอนพอแล้ว ไม่ง่วงแล้ว”
“ไม่ต้องเปรี้ยว ไปนอน”
ศยามรุนหลังและเข็นเสาน้ำเกลือพาไปนอนที่เตียง หญิงสาวหน้าง้ำ...จิตรวรรณขึ้นนอนบนเตียงได้ ชายหนุ่มห่มผ้าให้
“ผมจะดับไฟแล้วนะ”
“แต่ฉันไม่ง่วงแล้ว”
“นอนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ง่วงแล้วก็หลับไปเอง...คนป่วยต้องนอนพักเยอะๆ”
ศยามเดินไปปิดไฟ เหลือเพียงแต่ไฟที่หัวเตียง...
“แล้วนายจะนอนตรงไหน”
“บนเตียงเดียวกับคุณ”
“บ้า!”
“ล้อเล่น! โน่น ผมนอนตรงโน้น”
ศยามชี้ไปที่โซฟายาว ซึ่งมีหมอนและผ้าห่มวางอยู่
“นอนได้เหรอ ออกจะแคบ แข็ง”
“ผมนอนที่ไหนก็ได้ อย่าลืมสิ ว่าห้องคนสวนที่บ้านคุณ ยิ่งกว่านี้อีก ผมก็นอนได้ตั้งนานเป็นเดือน”
จิตรวรรณยิ้ม
“ถึกเนอะ”
“ไม่ต้องพูด นอนซะ”
จิตรวรรณยิ้มอย่างมีความสุข ค่อยๆหลับตา...แต่ก็แอบเปิดตาขึ้นแอบมองอีก ปรากฏว่าศยามกำลังก้มหน้ามามองหน้าในระยะประชิดพอดี จิตรวรรณตกใจ
“ว้าย! ทำอะไร”
“จับผิด คนไม่ยอมนอน”
“นอนแล้ว นอนจริงๆ ไปไกลๆไป”
ศยามยิ้ม ก่อนจะเดินไปลงนอนที่โซฟา คลี่ผ้าห่ม ห่มตัวเอง รู้สึกผ่อนคลาย จิตรวรรณพูดขึ้นเบาๆ
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ”
ศยามผงกหัวขึ้นมาถาม
“พูดใหม่ซิ ได้ยินไม่ชัด”
“โอ๊ย! จะหูดีรู้มากไปหมดซะทุกเรื่องเลยหรือไง”
“ช่วยไม่ได้ คนมันเก่ง”
“แหวะ!”
ศยามหัวเราะอารมณ์ดี เสียงอ่อนโยน
“พูดอีกทีซิ ผมอยากได้ยินอีกครั้ง”
“ฉันบอกว่า...” จิตรวรรณพูดเสียงซึ้ง “ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ”
ศยามตอบกลับซึ้งพอกัน
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ”
ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน แล้วล้มตัวลงนอน จิตรวรรณอมยิ้มกับตัวเองหน้าแดงหลับตาพริ้ม หลับอย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่...โพและลุงแปลงเปิดประตูห้องเข้ามา พบความว่างเปล่า
“ไอ้ด้วง! แกอยู่ไหน”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ โพและลุงแปลงมองหน้ากัน ตกใจ
จิตรวรรณยืนอยู่เกาะสายน้ำเกลือมองโซฟายาวที่ไร้เงาของศยามหน้าเสีย ใจหาย
“คนอะไร ตัวใหญ่แต่ดันใจน้อย...แค่ไม่ตอบว่ารักใครแค่เนี้ย หนีไปเลยหรือไง เออ แล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ จะไม่พูดด้วยเลย”
จิตรวรรณคอตก เข็นเสาน้ำเกลือกลับไปที่เตียง เสียงเปิดประตูเข้ามา จิตรวรรณดีใจ คิดว่าศยาม หันไป
“นายดิ่ง ไปไหนมะ...”
จิตรวรรณชะงัก ค้าง ผิดหวังเมื่อรัตนาเดินยิ้มแย้มเข้ามา
“คุณดิ่งไม่อยู่เหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ช่างเถอะ จะไปไหนก็เรื่องของเค้า”
จิตรวรรณเดินคอตกอีกรอบไปที่เตียง รัตนามองตาม อย่างเอ็นดู
ศยาม ยอดชาย โพ ลุงแปลง มาพบกันยังที่นัดหมาย ศยามและยอดชายตกใจ เมื่อฟังเรื่องราวที่โพบอก ยอดชายหันไปถามย้ำ
“นายด้วง หนีไปแล้ว!”
โพหน้าเครียด
“แต่เมื่อคืน มันรับปากกับผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ”
ศยามถอนใจ
“คงเปลี่ยนใจ ไม่อยากเข้าคุก”
โพกังวล
“แต่ผมว่าไม่ใช่”
ศยามชะงัก
“หมายความว่ายังไง”
“ผมเห็นแววตามัน...เต็มไปด้วยความแค้น คนอย่างมัน ถ้ามีใครทำมันเจ็บ มันจะไม่ยอมรามือง่ายๆ”
ลุงแปลงหน้าตื่น
“อย่าบอกนะ...ว่ามันคิดจะไปจัดการนายเทวัญ”
“อาจจะเป็นไปได้ คุณยอด ลุงแปลงรีบไปแจ้งตำรวจ ส่วนโพ มากับผม”
ศยามรีบวิ่งออกไปทันที โพตามศยามไป ยอดชายและลุงแปลงวิ่งออกไปอีกทาง
เทวัญในชุดสบายๆเดินออกมาที่รถ ด้วงพรางตัวมิดชิดแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่งมองมาที่เทวัญด้วยความแค้น ด้วงอาศัยจังหวะมองไปรอบๆ ไม่มีคน จะก้าวออกไปจัดการกับเทวัญแต่ ร.ป.ภ.เข้ามาหาเทวัญ คุยอะไรบางอย่าง ด้วงชะงัก รีบหลบ คนเริ่มเดินผ่านมาหลายคน ด้วงเจ็บใจ มีอุปสรรค เทวัญขึ้นรถ ขับออกไป ด้วงรีบวิ่งออกไปทางหนึ่ง
จิตรวรรณนั่งซึม ไม่พูดไม่จา รัตนาเข้ามานั่งคุยด้วย
“คุณจี๊ดคะ คุณดิ่งไปทำในสิ่งที่สำคัญมากนะคะ”
“จริงสินะ...ฉันก็ลืมไปเลย โอ๊ย...เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยเสียสักทีก็ไม่รู้”
รัตนายิ้มดีใจ
“ไม่ได้เสียเท่าไหร่หรอกค่ะ ทำไปเพราะคิดถึงนี่นา”
จิตรวรรณเขิน กลบเกลื่อน
“รัตนา อย่ามาล้อนะ”
“ไม่ได้ล้อค่ะ แต่แซว”
จิตรวรรณยิ้มแก้มแทบแตก รัตนาถามยิ้มๆ
“ตกลง...เปิดใจกันหรือยังคะ”
“เปิดใจอะไร”
“แสดงว่ายัง เฮ้อ...รออะไรกันคะ”
“ก็รอให้จัดการเรื่องยุ่งๆให้เรียบร้อยก่อนไง”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“สงสัยคุณหมอจะมาตรวจน่ะคะ”
“เชิญเลยค่ะ ลุงหมอ...”
จิตรวรรณยิ้มรับรอหมอเวทย์แต่ผิดคาด เพราะเทวัญเปิดประตูเข้ามา
“พี่เองค่ะ ไม่ใช่หมอเวทย์”
จิตรวรรณและรัตนาตกใจ หน้าเสียทันที
“พี่เทวัญ!”
ศยามกับโพ คุยกับร.ป.ภ.ที่หน้าคอนโดเทวัญ
“คุณเทวัญขับรถออกไปสักพักใหญ่แล้วครับ”
“ไม่มีใครมาทำอะไรคุณเทวัญใช่มั้ย”
“ไม่มีครับ ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมครับ ไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นแน่นอน”
“ขอบใจมาก”
ศยามและโพเดินผละออกมาอย่างร้อนใจ
“แล้วนายเทวัญไปไหน!”
เทวัญเดินเข้ามานั่งข้างๆจิตรวรรณ
“ใจร้ายจังนะคะ ไม่สบายแต่ไม่บอกพี่เลย แต่คนอื่นๆรู้กันหมด”
จิตรวรรณอึกอัก
“จี๊ดเอ่อ...จี๊ด...”
รัตนารีบแก้สถานการณ์ให้
“คุณจี๊ดไม่อยากให้คุณเป็นห่วงค่ะ เห็นคุณเครียดเรื่องงาน...ไม่อยากทำให้เสียสมาธิ”
“แต่เรื่องน้องจี๊ดสำคัญกว่าเรื่องงานครับ ทีหลังอย่าคิดแทนพี่สิ”
จิตรวรรณจ๋อยๆ
“ขอโทษค่ะ”
เทวัญจ้องหน้ารัตนาเขม็ง รัตนาหลบตา เบือนหน้าหนี นึกสงสัยว่าเทวัญรู้ได้ยังไง
“นี่ถ้าผมไม่ตามคุณมา ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องจี๊ดมานอนป่วยอยู่ที่นี่”
รัตนาอึ้ง
“คุณตามฉันมา”
“เดาไม่ยาก” เทวัญเปลี่ยนเรื่อง “น้องจี๊ดคะ...เป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
จิตรวรรณสบตากับรัตนา รู้สึกอึดอัด เทวัญยิ้มสมใจที่ไม่มีใครหลอกได้
ด้วงยืนหลบมุมอยู่ใกล้ๆห้องพักของจิตรวรรณ มองไปที่ประตูห้องตัดสินใจ ออกเดินจะเข้าไปแต่แล้วด้วงก็ชนกับหมอเวทย์อย่างจัง
“โอ๊ย”
หมอเวทย์เซ...ด้วงเข้าไปประคอง
“เดินดีๆหน่อยสิลุง”
หมอเวทย์เห็นหน้าด้วง คุ้นๆ
“เอ...”
ด้วงกลัวคนจำได้ รีบผละจากหมอเวทย์เดินหนีไป หมอเวทย์ก็ยังคุ้นหน้าแต่ไม่ติดใจอะไร เดินไปที่ห้องพักของจิตรวรรณ ด้วงที่เดินออกมาแล้วหยุดเดิน ไปหลบอยู่ที่อีกมุม คอยเผ้าสังเกตการณ์ที่ประตูห้องจิตรวรรณต่อไป
รัตนาที่นั่งอยู่ลุกขึ้น หันไปบอกจิตรวรรณ
“ขออนุญาตเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”
รัตนารีบเดินไปเข้าห้องน้ำล็อกประตู เทวัญเหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่รัตนาเอามาให้ศยาม
“กระเป๋าเสื้อผ้าใครคะ”
จิตรวรรณอึกอัก เทวัญจ้องจิตรวรรณเขม็ง
ศยามและโพยืนอยู่ริมถนน กำลังถึงทางตัน เสียงข้อความจากมือถือดังขึ้นเขารีบหยิบมือถือขึ้นมา เห็นกล่องข้อความจากรัตนาก็รีบเปิดอ่าน
”เทวัญอยู่ที่โรงพยาบาล”
ศยามตกใจ รีบโทรออกหายอดชายทันที
“คุณยอด ไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
มุมหนึ่งโรงพยาบาล...ศยามกับโพ วิ่งเข้ามาหาลุงแปลงที่ยืนรออยู่แล้ว
“ตำรวจล่ะลุง”
“ตำรวจนอกเครื่องแบบกำลังกระจายกำลังกันตามหา”
ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นายซึ่งอยู่กันคนละมุม กำลังแฝงตัวกับผู้คนมองหาด้วง ศยามหันมาถามลุงแปลง
“คุณยอดล่ะลุง”
หมอเวทย์และรัตนายืนอยู่ด้วยกันอย่างอึดอัด เทวัญโอบไหล่จิตรวรรณ ยังมองอยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของศยาม ก่อนจะทำสีหน้าเป็นปกติหันมาเอ่ยถามหมอเวทย์
“เมื่อไหร่น้องจี๊ดจะกลับบ้านได้ครับ ลุงหมอ”
“รอดูพรุ่งนี้เช้าอีกทีนะ ถ้าไม่ปวดแล้ว ก็กลับบ้านได้”
“ค่ะ” จิตรวรรณพยักหน้ารับ
“หมอขอตัวนะ”
หมอเวทย์เลี่ยงไป สบตากับรัตนาด้วยความเป็นห่วง รัตนายิ้มเจื่อนให้ พอหมอเวทย์ออกไป เทวัญเดินไปที่กระเป๋าของศยาม รื้อเสื้อผ้าออกมา
“จะบอกได้หรือยัง ว่านี่เสื้อผ้าใคร”
จิตรวรรณกับรัตนาอึ้ง ยอดชายเดินมา กำลังจะเปิดประตูห้องพอดี ได้ยินเสียงเทวัญ
“เสื้อผ้าผู้ชายในกระเป๋านี่ ของใคร”
ยอดชายรีบเปิดประตูเข้าไปทันที
“ของผมเอง”
จิตรวรรณกับรัตนาอึ้ง...เทวัญอึ้งชะงัก ยอดชายจ้องเทวัญอย่างท้าทาย จิตรวรรณแอบโล่งใจ รีบอธิบาย
“ยอดมาเฝ้าไข้จี๊ด”
“แต่น้องจี๊ดทะเลาะกับมัน”
ยอดชายยิ้มมุมปาก
“เพื่อนกัน ตัดกันไม่ขาดหรอกครับ”
เทวัญมองหน้าจิตรวรรณและยอดชาย สลับกันไปมาด้วยความไม่เชื่อ
โพกับลุงแปลงเดินมา ที่หน้าห้องจิตรวรรณ พลางมองไปรอบๆ เพื่อมองหาด้วง ขณะที่ด้วงยืนแอบอยู่ที่มุมหนึ่งมองมาเห็นโพกับลุงแปลง ตกใจ โกรธ
“ฉันไม่มีทางมอบตัว จนกว่าจะจัดการกับไอ้เทวัญ”
ด้วงตัดสินใจเดินออกไปอีกทางหนึ่งทันที โพและลุงแปลงยืนรีรออยู่ที่หน้าห้อง ยังไม่เข้าไป คอยคุมเชิง
ศยามยืนหลบมุมอยู่ เพื่อจับตาดูว่าด้วงปรากฏตัวหรือไม่ เขามองไปทางตำรวจนอกเครื่องแบบ เห็นตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งอยู่ที่ประตูทางเข้าออก ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกนายหนึ่งยืนคุมเชิงอีกมุมหนึ่งใกล้ๆกัน มองหาด้วง ศยามมองไปอีกทางหนึ่งเห็นด้วงเดินก้มหน้าเดินมา กำลังจะออกไปทางประตู ศยามเห็น คุ้นๆ รีบเดินไปหา
ด้วงเดินมาเห็นตำรวจนอกเครื่องแบบนึกฉุกใจชะงัก หันไปทางหนึ่ง ด้วงเห็นศยาม
“กูว่าแล้ว!”
ด้วงรีบวิ่งหนีไปอีกทางหนึ่งทันที
“ไอ้ด้วง!” ศยามตะโกนบอกกับตำรวจ “มันหนีไปทางนั้น”
ศยามรีบวิ่งตามด้วงไปทันที ตำรวจนอกเครื่องแบบตามไปด้วย
ด้วงวิ่งหนีฝ่าฝูงชน ใครขวางทางก็ผลักออกไป คนส่งเสียงร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจ ศยามและตำรวจนอกเครื่องแบบวิ่งไล่ตามมา ทิ้งระยะห่างพอสมควร
“ด้วง อย่าหนี หยุด!”
ด้วงไม่หยุด ยังวิ่งหนีต่อไป ศยามและตำรวจตามต่อไปอย่างไม่ลดละ
ยอดชายเข้ามาเก็บกระเป๋ารูดซิปเรียบร้อย
“ยอดกลับมาเก็บของ คิดว่าจี๊ดคงจะมีคนดูแลแล้ว ยอดไปนะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“ยอดชายชะงัก เทวัญเดินไปแย่งกระเป๋ามาจากยอดชาย
“ฉันรู้ว่าไม่ใช่ของนาย”
จิตรวรรณไม่พอใจ
“แล้วพี่เทวัญคิดว่าเป็นของใครล่ะคะ”
“น้องจี๊ดตอบพี่มาสิ ว่าของใคร! พี่ไม่โง่นะน้องจี๊ด พี่รู้ว่าตอนนี้น้องจี๊ดกำลังนอกใจพี่”
จิตรวรรณอึ้ง
“พี่เทวัญ”
“แทงใจดำใช่มั้ย”
จิตรวรรณโกรธ
“พี่เทวัญกำลังดูถูกจี๊ด”
“พี่ดูออกต่างหาก ทุกคนกำลังรวมหัวกันหลอกพี่ เสื้อผ้าในกระเป๋านั่นเป็นของไอ้ดิ่ง”
จิตรวรรณ ยอดชายและรัตนาอึ้ง เทวัญมองจิตรวรรณอย่างแค้นใจ
ด้วงวิ่งหนีมา เข้าซอยไปหลบอยู่หลังถังขยะ โกยขยะมาทับตัวเอง ศยามและตำรวจวิ่งตามเลยไป ด้วงค่อยโผล่ออกมา โล่งใจ เดินหนีไปในทางตรงกันข้ามกับทางที่ศยามและตำรวจวิ่งไป
เทวัญยังรุกคาดคั้นจิตรวรรณ
“น้องจี๊ดรักมันใช่มั้ย”
ยอดชายพยามแก้สถานการณ์
“ผมเป็นคนมานอนเฝ้าจี๊ด ไม่ใช่คุณดิ่ง อย่าหาเรื่องจี๊ด”
“แกไม่เกี่ยว”
เทวัญผลักยอดชายจนเซถอยไป ยอดชายโมโห จะเอาเรื่อง รัตนาห้ามยอดชายเอาไว้ ยอดชายเลยได้แต่ฮึดฮัด รัตนาปรามเทวัญ
“คุณเทวัญ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ คุณจี๊ดกำลังไม่สบาย กรุณามีมารยาท”
เทวัญไม่สน
“ผมไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท ในขณะที่คู่หมั้นผมกำลังนอกใจ และดูหมิ่นศักดิ์ศรีผม ถ้าน้องจี๊ดไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ว่า น้องจี๊ดจะต้องลุกขึ้นมาเถียงหัวชนฝา แต่นี่ไม่ใช่...แสดงว่าน้องจี๊ดโกหก”
จิตรวรรณโมโหมาก
“ใช่! จี๊ดโกหก จี๊ดรักนายดิ่ง!”
เทวัญอึ้ง ยอดชายและรัตนาก็อึ้ง
“จี๊ดรักนายดิ่ง...และจี๊ดขอถอนหมั้นพี่เทวัญ”
เทวัญโกรธตัวสั่น
“น้องจี๊ดหักหลังพี่อย่างหน้าไม่อายที่สุด! ไม่!น้องจี๊ดจะไม่ได้ในสิ่งที่น้องจี๊ดต้องการ แต่คุณแม่และคุณพ่อรวมถึงทุกคนในสังคมจะต้องรู้เรื่องนี้”
จิตรวรรณ ยอดชาย รัตนาตกใจ เทวัญออกไป จิตรวรรณขาแข้งอ่อนแรง ยอดชายและเทวัญรีบมาดูอาการ จิตรวรรณส่ายหน้าอย่างหนักใจ
“ไม่น่าเลย ยอด...ฉันไม่น่าเลย...”
ยอดชายหงุดหงิด
“จี๊ด พูดอย่างนั้นออกไปทำไม...เห็นมั้ยว่าจี๊ดทำให้มันถือไพ่เหนือกว่า”
รัตนาปลอบ
“คุณจี๊ดใจเย็นๆก่อนนะคะ ไม่เป็นไรนะคะ”
ยอดชายช่วยพูดให้กำลังใจ
“เข้มแข็งไว้นะจี๊ด จำไว้ จี๊ดต้องเข้มแข็ง แล้วจี๊ดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้”
จิตรวรรณรู้สึกเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เจ็บใจตัวเอง
อ่านต่อหน้า 4
พริกกับเกลือ ตอนที่ 13 (ต่อ)
จิตรวรรณนั่งซึมอยู่ ยอดชายกับรัตนามองอยู่อย่างเป็นห่วง เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ศยามเปิดประตูเข้ามา จิตรวรรณเห็นแล้วน้ำตารื้นขึ้นมาทันที รัตนารีบออกตัว
“ดิฉันไปรอด้านนอกนะคะ ไปค่ะ คุณยอดชาย”
ยอดชายเหรอหรา แต่ก็ยอมตามรัตนาออกไป ศยามค่อยๆเดินมาหาจิตรวรรณ
“นายด้วงหนีไปได้...โพและลุงแปลงเลยกลับไปที่ออฟฟิศ ถ้านายเทวัญกลับไป นายด้วงอาจจะ...”
“นายดิ่ง...”
จิตรวรรณโผเข้ากอดศยาม ร้องไห้ออกมา
“ผมรู้เรื่องแล้ว ไม่ต้องร้องไห้”
จิตรวรรณสบตาศยาม
“ผมรักคุณ”
“นายดิ่ง...ฉันรักนาย”
จิตรวรรณร้องไห้ออกมาอีก ศยามเช็ดน้ำตาให้...สองคนมองกันด้วยความรัก..ศยามค่อยๆจูบเธออย่างแผ่วเบา จิตรวรรณยิ้มออกมาได้
“โรแมนติกดีมั้ย...เราบอกรักกันในโรงพยาบาล”
จิตรวรรณพยักหน้า
“แต่...จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องเสียหายเพราะฉัน ใครต่อใครก็ต้องพากันพูดจาดูถูกพวกเรา”
“คุณจะต้องไม่เสียหายเพราะขี้ปากใคร”
“นายหมายความว่ายังไง”
จิตรวรรณแปลกใจ ศยามโอบจิตรวรรณเข้ามากอด
“คุณเชื่อผมได้มั้ย”
“นายบอกฉันมาเถอะ ว่าฉันต้องทำอะไร ต่อไปนี้ ฉันจะเชื่อนายทุกอย่าง”
“ขอเพียงเราสองคนอดทนต่อไปอีกสักพัก ทุกอย่างมันจะต้องคลี่คลาย ถึงวันนั้น เราจะรักกันอย่างที่เราอยากจะรัก โดยที่ไม่มีใครต้องเสียหาย”
“ฉันจะอดทน...”
จิตรวรรณกอดศยามแน่นรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มลูบผมของหญิงสาวอย่างทนุถนอม
“งั้น ฟังผมนะ...รับปากสิ ว่าจะเชื่อผม ทำตามที่ผมบอก”
จิตรวรรณพยักหน้ารับ
วันใหม่...เมื่อจิตรวรรณกลับมาที่บ้าน ก็พบว่า เทวัญมาฟ้องพ่อกับแม่เรื่องศยาม จิตรวรรณปฏิเสธลั่น
“ก็พี่เทวัญคาดคั้นจี๊ด เหมือนว่าจี๊ดไปทำผิด มีกิ๊ก นอกใจ พูดความจริงก็ไม่เชื่อ อยากยัดเยียดจี๊ดให้นายดิ่งนัก จี๊ดก็จัดให้ไงคะ”
เทวัญอึ้ง เจตนาและวันดีสบตากัน เทวัญไม่ชอบใจ
“น้องจี๊ดจะปฏิเสธเหรอคะ ว่าไม่ได้คิดอะไรกับนายดิ่ง”
“ใช่ค่ะ”
“แค่คำพูด จะให้พี่เชื่อเหรอ”
“ถ้าไม่เชื่อก็จนปัญญา เพราะจี๊ดก็มีแค่คำพูดเป็นสิ่งยืนยัน แล้วพี่เทวัญล่ะคะ มีอะไรมายืนยันว่าจี๊ดกับนายดิ่งมีอะไรกัน นอกจากคำสันนิษฐานของพี่ เทวัญเอง”
เทวัญอึ้ง วันดีเห็นด้วยกับลูกสาว
“นั่นสิ...ไม่ใช่ว่าแม่จะเข้าข้างลูกตัวเองนะเทวัญ แม่ไม่เคยเห็นว่ายัยจี๊ดจะไปสานสัมพันธ์กับนายดิ่งตอนไหน ใช่มั้ยคะคุณ”
เจตนาขัดขึ้น
“เรื่องนี้ ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะ อย่าเพิ่งด่วนใจร้อนสรุป ว่าอะไรเป็นอะไร”
“แต่ผม...”
เทวัญจะแย้ง จิตรวรรณสวนขึ้นทันที
“หรือว่าพี่เทวัญอยากจะถอนหมั้นกับจี๊ด เพราะพี่เทวัญมีคนอื่น แต่หาเรื่องใส่ร้ายให้จี๊ดเป็นคนผิด พี่เทวัญจะได้เลิกกับจี๊ดอย่างชอบธรรม”
เทวัญชะงัก
“พี่ไม่เคยมีใคร”
“จี๊ดก็เหมือนกัน”
วันดีตัดบท
“แม่จะหาฤกษ์หายามให้เร็วที่สุด แต่งๆกันไปซะได้จบๆ ดีมั้ย”
จิตรวรรณอึ้ง เทวัญแอบยิ้มกริ่ม ขณะที่เจตนาสงสัยว่าจิตรวรรณคิดอะไรกันแน่
แช่มเปิดประตูรถให้วันดีและเทวัญขึ้นไป วันดีหันมาพูดกับจิตรวรรณ ซึ่งยืนอยู่กับเจตนา
“เราก็หาออกาไนเซอร์จัดงานมาคุยได้แล้ว จะเอาแบบไหน ที่ไหน ยังไง เรื่องไปหาฤกษ์ยาม แม่กับตาเทวัญจะจัดการเอง”
“ค่ะคุณแม่...”
จิตรวรรณรีบไปออเซาะเทวัญ ออดอ้อนเหมือนแมวเชื่องแต่เอาแต่ใจเหมือนเดิม
“พี่เทวัญหายโกรธจี๊ดนะ”
เทวัญทำเป็นฮึดฮัด
“ไม่เอาสิ จี๊ดอุตส่าห์ง้อแล้วนะ ต่อไปนี้ จี๊ดสัญญาจะไม่ดื้อไม่ซนไม่เอาแต่ใจกับพี่เทวัญอีก จี๊ดขอโทษ”
“ก็ได้ค่ะ...สัญญาแล้วนะ”
“สัญญา...”
จิตรวรรณเกี่ยวก้อยกับเขา เทวัญลูบผมของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
“พี่ไม่โกรธน้องจี๊ดหรอก พี่เองก็ต้องขอโทษน้องจี๊ดด้วยเหมือนกัน รักมากก็หึง มาก เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
“ไว้ค่อยมาหวานกันทีหลัง แม่นัดท่านพระครูเอาไว้ เดี๋ยวจะสาย ไปกันเถอะ”
“ครับ สวัสดีครับ...คุณพ่อ”
เทวัญยกมือไหว้ เจตนารับไหว้นิ่งๆ...เทวัญประคอบวันดีขึ้นรถอย่างเอาใจ แช่มปิดประตูรถ เรียบร้อย ขับรถออกไป จี๊ดแปรเปลี่ยนจากยิ้มแบบแมวเชื่อง เป็นรอยยิ้มของนางสิงห์ร้าย เจตนาหันมาหาลูกสาว ถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เจตนาถอนใจ หลังจากฟังคำอธิบายของจิตรวรรณ
“แต่พ่อไม่แคร์ขี้ปากชาวบ้านหรอกนะ ถ้าจะต้องทำให้ลูกต้องฝืนใจตัวเองคบกับนายเทวัญ”
“แต่คุณแม่แคร์ค่ะ จี๊ดไม่อยากให้คุณแม่เสียใจ จนกว่า...จี๊ดจะมีหลักฐานเอาผิดพี่เทวัญได้อีกครั้ง คุณแม่จะได้เคลียร์ ไม่เข้าข้างพี่เทวัญอีก”
“แน่ใจนะ ว่าทำแบบนี้ดีที่สุดแล้ว”
“ค่ะ...จี๊ดจะไม่ยอมให้ใครใช้จี๊ดเป็นเครื่องมือทำให้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายถูกต้อง ทั้งๆที่ทำเลวเอาไว้มากมาย หรือมาข่มขู่ เพราะหวังผลประโยชน์เด็ดขาด”
เจตนาพยักหน้ารับรู้
“คุณพ่อต้องช่วยจี๊ดนะคะ...ช่วยพวกเราทุกคน”
“พ่อไม่เคยเข้าข้างคนผิด น่าเสียดายนะ เป็นคนเก่ง มีความสามารถ ไม่น่าเอาความฉลาดของตัวเองมาใช้ในทางที่ผิดเลย”
“เขาเคยรักจี๊ดจริงหรือเปล่า อะไรทำให้พี่เทวัญทำได้ถึงขนาดนี้ ใจดำถึงกับสั่งฆ่าคนได้ลงคอ”
“เสียใจมั้ยลูก”
“เสียใจที่จี๊ดเคยมองคนผิด”
“คนอย่างเทวัญ ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง อยากได้ อยากมีและอยากเป็น แต่รู้อะไรมั้ยลูก ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น มันต้องใช้ความพยายามและความอดทนอย่างมาก”
“แต่พี่เทวัญอดทนไม่พอ”
“ใช่ หวังใช้ทางลัดเพื่อไปสู่ความสำเร็จ ผลจะออกมาเป็นยังไงรู้มั้ย”
“เขาจะกลายเป็นทาสของซาตาน...ขายวิญญาณให้กับความชั่วร้าย”
“สิ่งที่เขาจะได้รับคือความหายนะ ไม่ใช่ความสำเร็จที่สวยงามและน่าภูมิใจ”
“น่าสงสารนะคะ”
“เราต้องไม่ปล่อยให้คนแบบนี้ขึ้นมามีอำนาจเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคนดีๆจะอยู่ไม่ได้ แล้วสังคมจะล่มสลาย”
“จี๊ดกับนายดิ่ง จะร่วมมือกันกระชากหน้ากากคนเลวให้เร็วที่สุดค่ะ”
“แล้วคิดว่า...นายเทวัญจะสงสัยอะไรมั้ย”
“จี๊ดก็ภาวนาค่ะ ว่าขอให้เรื่องเรียบร้อยก่อนที่เขาจะสงสัย”
เจตนายิ้มให้กำลังใจลูกสาว จิตรวรรณกอดพ่อเอาไว้ อย่างมีกำลังใจ
ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เทวัญลงนั่งที่โต๊ะมารศรีเดินเข้ามานั่งตรงข้าม เทวัญต่อว่ามารศรีอย่างเดือดดาล โดยไม่ให้ผิดสังเกต
“น้องจี๊ดไม่ได้รักมัน”
“แสดงว่าถูกมันหลอก แล้วคุณก็เชื่อ”
เทวัญอึ้ง มารศรียิ้มหยัน
“โถๆๆๆ ทีตอนนี้กลับเป็นเสือสิ้นลาย กลายเป็นแมวเชื่อง...ฉันได้ยินมากับหูเห็นมากับตา ว่าดิ่งกับยัยจี๊ดมีใจให้กัน”
“แล้วทำไมน้องจี๊ด ถึงได้ยอมแต่งงานกับฉัน”
“นั่นเป็นคำถามที่คุณต้องหาคำตอบเอาเอง ฉันเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาบอกคุณแล้ว...เลิกยุ่งกับฉันได้หรือยัง”
“ยัง”
“ไอ้เลว! ฉันไม่น่าเชื่อน้ำคำแกเลย แกมันไม่มีสัจจะ”
“มันก็เลวพอกัน! ตลบหลังให้ไอ้ทันวิทย์ฆ่าฉัน...ฉันไม่คิดหรอกว่าต่อไปนี้แกจะอยู่เฉยๆ ไม่คิดหักหลังฉันอีก”
มารศรีอึ้ง...ที่เทวัญรู้ทัน
“จำไว้ เธอไม่มีทางหนีไปจากฉันพ้น...จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง”
เทวัญกับมารศรีจ้องหน้ากันอย่างเกลียดชัง
ศยามคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน
“ได้เรื่องนายด้วงบ้างมั้ยคุณยอด”
ยอดชายอยู่กับโพ
“ไร้ร่องรอย หายเข้ากลีบเมฆ เงียบสนิท”
ศยามถอนใจ
“ไม่น่าเลย”
“แต่ตำรวจยังคอยเฝ้าที่คอนโดนายเทวัญอยู่ เชื่อว่านายด้วงจะต้องย้อนไปหานายเทวัญ”
“โอเค...แล้วผมจะติดต่อกลับไปใหม่ ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยวก่อนคุณดิ่ง!”
ศยามกดวางสายไปแล้ว ยอดชายหันไปมองโพ...พยักหน้า แล้วพากันออกไป เพื่อไปทำภารกิจของตัวเองต่อไป ในการตามหาด้วง...ศยามนั่งเครียด เสียงเคาะประตูดังขึ้น...
“เข้ามา”
มารศรีเดินเข้ามา...ศยามแปลกใจ
“รู้ข่าวหรือยังคะ ว่าคุณจี๊ดกับคุณเทวัญจะแต่งงานกันเดือนหน้าแล้วนะ”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ทำไมคะ ใจหาย ใจเสีย เสียใจ หรือว่า...อะไร”
“ไม่มีอะไร...มาหาผม มีอะไร”
“จะชวนไปทานข้าว...ศรีมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ”
ศยามแปลกใจ...แต่ก็ยิ้มรับ
“ไปสิ...”
ค่ำนั้น จิตรวรรณแต่งตัวสวยจะออกไปดินเนอร์ แต่อารมณ์ภายในใจช่างว่างเปล่า เหม่อ ลอย ป้าเพ็ญเดินออกมา
“คุณหนูจี๊ด จะไปไหนคะ”
“ไปทานข้าวกับพี่เทวัญค่ะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน...เรื่องรูปแบบงานแต่งงาน”
“แล้ว...จะใส่รองเท้าคู่นั้นไปจริงๆเหรอคะ”
จิตรวรรณก้มลงมองรองเท้าของตัวเองที่เป็นรองเท้าสลิปเปอร์ตุ๊กตาหัวโต
“จี๊ดลืมเปลี่ยนรองเท้า”
“ป้าเอามาให้แล้วค่ะ”
ป้าเพ็ญวางรองเท้าคู่งามให้จิตรวรรณเปลี่ยน จิตรวรรณยิ้มจ๋อยๆ ป้าเพ็ญเห็นใจมาก เทวัญเดินเข้ามา ป้าเพ็ญรีบฉีกออกไปทันที แต่ก็ไม่วายเป็นห่วง
“น้องจี๊ดสวยจังค่ะ คืนนี้”
จิตรวรรณรีบตีหน้าร่าเริง
“นานแล้วที่เราไม่ได้ไปดินเนอร์ด้วยกัน จี๊ดก็ต้องสวยเป็นพิเศษสิคะ”
“พี่ดีใจมากเลย ที่เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“ค่ะ”
“อีกไม่นาน ความรักของเราก็จะสมบูรณ์”
“ค่ะ อีกไม่นาน”
เทวัญยกมือจิตรวรรณขึ้นมาจูบ จิตรวรรณยิ้มแบบหวานอมขมกลืน
ในร้านอาหาร จิตรวรรณและเทวัญชนแก้วไวน์ ศยามควงมารศรีเข้ามาเห็นพอดีก็อึ้งไปหันไปมองหน้ามารศรี สงสัยจงใจมาร้านนี้หรือเปล่า มารศรียิ้มพราย
“แหม...รู้สึกว่าศรีจะชอบอะไรๆเหมือนคุณจี๊ดเลยนะคะ เลือกร้านเดียวกันอีก แล้ว อึดอัดใจเหรอคะ เปลี่ยนร้านมั้ย”
“ไม่เป็นไร เสียเวลา ร้านนี้แหละ คุณจองโต๊ะไว้แล้วนี่”
“ค่ะ”
พนักงานมานำศยามและมารศรี ไปนั่งโต๊ะติดกันกับจิตรวรรณและเทวัญ จิตรวรรณเห็นศยามมากับมารศรีก็ชะงัก เทวัญหันไปทัก
“อ้าว...บังเอิญจัง...ที่เรามาร้านเดียวกัน”
ศยามยิ้มแย้ม
“สวัสดีครับ...คุณเทวัญ...คุณจี๊ด”
“สวัสดี”
เทวัญหันมองจิตรวรรณอย่างสังเกต จิตรวรรณทำเป็นเหวี่ยง
“ชิ...”
มารศรีสอดขึ้น
“เหมือนคุณจี๊ดไม่อยากจะเป็นมิตรกับเรานะคะดิ่ง...”
“ใช่ค่ะ! ไม่อยาก เพราะพวกคุณคือศัตรู”
จิตรวรรณหันมองยิ้มเย้ย...ศยามอมยิ้ม ขำกับท่าทางการแสดงของเธอ จิตรวรรณไม่พอใจ กลัวว่าเขาจะทำให้ถูกจับได้ว่ากำลังเล่นละครกัน เหวี่ยงใส่จริงๆ
“ยิ้มทำไมไม่ทราบ”
“อ๋อ...กลัวคุณจะเมื่อยหน้าน่ะ ไม่ต้องเกร็งคิ้ว ตา ปากขนาดนั้นก็ได้นะ รู้แล้ว ว่าเกลียด”
เทวัญตัดบท
“น้องจี๊ดคะ เปลี่ยนร้านมั้ยคะ”
“ไม่ค่ะพี่เทวัญ...จี๊ดชอบร้านนี้ ใครชอบเหมือนจี๊ดก็เรื่องของเขาสิ แต่จี๊ดไม่มีทางหลบ”
จิตรวรรณสบตามารศรีอย่างท้าทาย มารศรีนึกหงุดหงิด แต่เก็บอาการ
“นั่งเถอะค่ะดิ่ง”
“จ๊ะ”
ศยามเลื่อนเก้าอี้ให้มารศรี จิตรวรรณแอบปรายตามอง หลุดหึงจริง
“ชิ...สุภาพบุรุษ!”
เทวัญหันขวับมามอง
“ว่าไงนะคะน้องจี๊ด”
จิตรวรรณรีบแก้
“อ๋อ จี๊ดกัดคนบางคนค่ะ ทำตัวดีมีมารยาทเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งๆที่ผู้หญิงเป็นเมียพ่อ”
ศยามหันมา
“เพราะเป็นเมียพ่อไงครับ ถึงต้องให้เกียรติ”
จิตรวรรณทำเป็นไม่ได้ยิน
“พี่เทวัญคะ ชนแก้วค่ะ”
“ค่ะ...”
เทวัญชนแก้ว มารศรียิ้มแย้มให้ทั้งสอง
“แสดงความยินดีด้วยนะคะ ทราบมาว่า ได้ฤกษ์วันแต่งงานแล้ว”
จิตรวรรณมองหน้า
“ทราบมาจากไหนคะ”
“ข่าวสังคมออกจะลงข่าวครึกโครมค่ะ อย่าลืมสิคะ ว่าครอบครัวคุณจี๊ดอยู่ในความสนใจของสื่อเสมอ”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ”
ศยามตัดบท
“ศรี...สั่งอาหารเถอะ แล้วก็ คุยเรื่องของเรา เรื่องคนอื่นไม่มีความจำเป็นต้องคุยหรอก ไม่สำคัญ”
“พี่เทวัญคะ...สั่งอะไรเพิ่มมั้ยคะ วันนี้จี๊ดเจริญอาหาร”
จิตรวรรณเปิดดูเมนู ศยามก็เปิดดูเมนู เทวัญและมารศรีต่างลอบสังเกตคนของตัวเอง เสียงมือถือของเทวัญดังขึ้นเขาเห็นเบอร์ 02 แปลกใจกดรับสาย
“ฮัลโหล...จากไหนครับ”
เทวัญอึ้ง
“น้องจี๊ดคะ...ขอตัวไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะ จากสวีเดนจ๊ะ”
“ค่ะ”
เทวัญเลี่ยงไป...มารศรีได้ที มานั่งข้างศยาม
“นั่งไกลดิ่ง กลัวคุยแล้วไม่ได้ยินค่ะ ศรีไม่อยากตะเบ็งเสียง เจ็บคอ”
ศยามยิ้มให้ ไม่ปฏิเสธ จิตรวรรณแอบไม่พอใจ...ขยำผ้าเช็ดปากแน่น
เทวัญคุยมือถืออยู่มุมหนึ่งหน้าร้านอาหาร
“แกหายไปไหนมา ฉันพยายามจะติดต่อแกตั้งหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้”
ด้วงโทรศัพท์อยู่ในตู้สาธารณะ
“แกทำอะไรไว้ล่ะ ไอ้เทวัญ”
“ทำอะไร”
“ก็ตำรวจที่โผล่มา ฝีมือแกไม่ใช่เรอะ”
“ฉันไม่รู้เรื่อง!”
ด้วงอึ้ง...
ศยามชะเง้อมองไปนอกร้าน...
“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”
ศยามรีบลุกออกไป ลับหลังศยาม จิตรวรรณและมารศรีหันมามองหน้ากันอย่างเอาเรื่อง รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากสายตาของคนทั้งคู่
“ดูเหมือนคุณจี๊ด ไม่พอใจที่เห็นดิ่งกับฉันมาด้วยกัน”
“ไม่ต้องเห็นหน้า แค่ได้ยินชื่อคุณทั้งสองคน ฉันก็ไม่พอใจ”
“แต่แปลกนะคะ ฉันกลับชื่นชมคุณ”
“ขอโทษ ไม่ต้องแจกสตรอเบอรี่ อย่าเฟค เพราะฉันดูออก ว่าคุณไม่จริงใจ”
“ฉันพยายามจะทำตัวเป็นมิตรกับคุณนะ”
“บอกแล้วไง ฉันไม่อยากเป็น คุณคือศัตรูที่ฉันต้องระวัง”
“ฉันไปทำอะไรให้คุณ หรือว่า...หึง”
จิตรวรรณหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่ะๆๆๆๆ คิดได้แค่นี้เหรอ วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องชิงรักหักสวาท สงสัยจะว่างจัด”
มารศรีฉุนกึก
“คุณจี๊ด!”
จิตรวรรณมองหน้า
“ขอโทษนะ อยากทานข้าวแบบลื่นคออ่ะ อย่าทำตัวเป็นมารคอหอยได้ป่ะขอร้อง โอเคนะ”
มารศรีโกรธที่จิตรวรรณด่าไม่เกรงใจ จิตรวรรณหันไปรับประทานอาหารต่ออย่างสะใจ
ศยามเดินเข้ามาแอบฟังเทวัญคุยโทรศัพท์
“ฉันอยากจะเจอแกเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ” เทวัญบอก
ด้วงลังเล
“ว่าไง! ตามนี้ อีกชั่วโมงหนึ่งเจอกัน”
เทวัญรีบวางสาย มองซ้ายมองขวาศยามรีบหลบ เทวัญเดินกลับเข้าไปในร้าน ศยามรีบหยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์
“ฮัลโหล...คุณยอด”
ยอดชายคุยมือถือกับศยามเสร็จเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารที่ศุวิมลกำลังทานข้าว โดยมีจานข้าวของยอดชายทานค้างไว้อยู่
“ผมต้องไปแล้ว คุณศุ”
ศุวิมลไม่พอใจ
“ไปไหน”
“ไปหาผู้ชาย”
“คุณยอด!”
“ผมไม่มีเวลาอธิบาย ไปก่อนนะ กลับมาแล้วจะคุยให้ฟัง”
ยอดชายรีบออกไป ศุวิมลไล่ล่าทันที
ยอดชายเดินมามุมหนึ่งของบ้าน ศุวิมลมารั้งเอาไว้
“ผู้ชายที่ไหน บอกมา”
“คุณศุ ผมบอกแล้วไง ไม่มีเวลาอธิบาย”
ยอดชายไม่ตอบ หันไปเห็นป๊อดเดินมาก็ถามทันที
“ป๊อด มีมอเตอร์ไซค์ใช่มั้ย”
“ครับพี่”
“ไปกับฉัน”
ยอดชายดึงเสื้อป๊อดออกไปทันที ป๊อดตื่นเต้นมาก
“โห...วันนี้สก๊อยเป็นผู้ชายล่ำด้วยเว้ย”
ยอดชายรีบลากป๊อดออกไป ศุวิมลตะโกนไล่หลังอย่างเป็นห่วง
“นี่ ขี่กันช้าๆนะ มันอันตราย โอ๊ย รถยนต์มีทำไมไม่ใช้ หา คุณยอด!”
จิตรวรรณทานอาหารอย่างสบายใจ...มารศรีนั่งหงุดหงิด
“แหม...ลูกเลี้ยงหายไปแค่เนี้ยะ นั่งไม่ติดเลยเหรอคะ ปล่อยๆเขาไปบ้างเถอะค่ะ เอ๊ะ หรือว่า” จิตรวรรณเสียงดัง ตั้งใจให้คนในร้านได้ยิน
“คุณจะรวบทั้งพ่อทั้งลูก”
มารศรีไม่พอใจ ยกแก้วน้ำสาดใส่ตัวจิตรวรรณ
“หยุดปากร้ายสักที”
จิตรวรรณร้องลั่น
“ว้าย”
เทวัญเข้ามา ศยามเข้ามาจากอีกทาง เห็นเข้าพอดี เทวัญรีบปรี่เข้ามา
“นี่มันอะไรกัน”
จิตรวรรณออเซาะเทวัญ
“ไม่ทราบสิคะ จี๊ดก็ชวนคุยธรรมดาอ่ะ แต่คุณมารศรีนึกบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ไม่พอใจก็สาดน้ำใส่จี๊ดเลยค่ะ”
มารศรีโกรธ
“คุมแฟนตัวเองให้ดีๆหน่อยนะ โดยเฉพาะปาก ทีหลังก่อนออกจากบ้านก็หาตะกร้อครอบปากมาซะด้วย จะได้ไม่ต้องอ้าปากพูดว่าคนอื่น!”
“พี่เทวัญขา! เขาว่าจี๊ดเป็นหมาอ่ะค่ะ”
ศยามแอบอมยิ้มกับท่าทางของหญิงสาว จิตรวรรณแอบแหวใส่เขา
“พี่เทวัญขา จี๊ดอยากกลับบ้าน จี๊ดอายเขาค่ะ ไม่อยากด้านหน้า หน้าด้านอยู่เหมือนคนบางคนแล้วอ่ะค่ะ ไปเถอะค่ะ ไปๆๆๆๆๆ”
“จ๊ะ...” เทวัญเรียกพนักงาน “น้อง! เช็คบิล”
“จี๊ดไปรอหน้าร้านนะคะ”
จิตรวรรณสะบัดเดินออกไป แต่จงใจกระแทกเก้าอี้ให้ล้มใส่มารศรี
จบตอนที่ 13
อ่านต่อ ตอนที่ 14 พรุ่งนี้ เวลา09.30น.