รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 13
หนูดีเข้ามาในครัวก็เห็นธีระกำลังแกะขนมจีบซาลาเปาใส่จานอยู่
“มาค่ะหนูดีช่วย”
ธีระส่งกล่องขนมจีบซาลาเปาให้หนูดี
“นี่ของแม่ แล้วนี่ผมซื้อมาฝากคุณ” ธีระบอก
“ขอบคุณค่ะ”
“อ้อ แล้วนี่ ขนมจีบซาลาเปากล่องนี้ ฝากไปให้แม่คุณด้วย”
หนูดีอึกอัก “เอ่อ”
“ผมเห็นว่าเจ้านี้อร่อย คุณแม่คุณคงชอบ”
หนูดียกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
“นี่ราดหน้าทะเลของแม่ผม” ธีระบอก
หนูดีหันไปหยิบจานแล้วแกะถุงเทใส่
จินดามองเห็นหนูดีกับธีระยืนคุยกัน
หนูดีถือจานขนมจีบซาลาเปาเข้ามาให้
“คุณป้าขา นี่ค่ะ ขนมจีบซาลาเปา”
“คุยอะไรกับลูกชายชั้น” จินดาถาม
“อ๋อ คุณธีเค้าซื้อขนมจีบซาลาเปาฝากแม่หนูน่ะค่ะ”
จินดาพยักหน้ารับรู้ หนูดีเดินกลับไปหาธีระในครัว จินดาเหลียวมองตาม
จินดาเห็นธีระคุยกับหนูดี หนูดีจะยกจานราดหน้าออกมาแต่ธีระทักขึ้น
“เดี๋ยวหนูดี น้ำจิ้มด้วย”
“ค่ะ”
จินดามองทั้งสองอย่างครุ่นคิด
หนูดีถือจานราดหน้ากับน้ำจิ้มขนมจีบเข้ามาวางให้จินดาแล้วเดินกลับไปในครัว จินดามองตามพลางคิดว่าธีระจะสนใจผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า
ยามค่ำ จินดานั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ธีระเอาน้ำชาเข้ามาให้
“ชาร้อนครับแม่ ยังไม่ง่วงหรือครับ”
“ยังลูก ยังหัวค่ำอยู่เลย” จินดาบอก
ธีระลงไปนั่งข้างๆ แม่ จินดาจับมือลูกชายมาหอม ธีระยิ้มให้แม่
“แม่ขอถามอะไรอย่าง อย่าโกหกแม่นะ”
“ครับ”
“ตอนนี้ลูกมีใครอยู่ในใจมั้ย”
“แม่หมายถึงผู้หญิงหรือครับ”
“จ้ะ”
“ผมบอกแม่ตามตรงนะครับ ไม่มี แล้วผมก็คิดว่าผมจะไม่มีใครอีกต่อไปแล้ว”
“เป็นเพราะแม่ใช่มั้ย” จินดาถาม ธีระมองหน้าแม่ “แม่ขอโทษนะ ที่แม่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกต้องเลิกกับผู้หญิงทุกๆคน”
ธีระยิ้ม “ไม่ใช่หรอกครับแม่ แม่อย่าโทษตัวเองเลยครับ ถึงผมแต่งงานกับใครซักคนไป บางทีผมอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ถ้าผมต้องทิ้งให้แม่อยู่ตามลำพัง”
“แต่แม่รู้ว่าลูกของแม่ไม่ใช่คนอย่างงั้นหรอก ... ลูกจะไม่มีวันทอดทิ้งแม่ แม่รู้”
ธีระมองแล้วจับมือแม่ขึ้นมาหอม
“จากนี้ไปถ้าลูกจะรักจะชอบใครแม่ก็จะไม่ขัดขวางลูกอีกต่อไปแล้ว” จินดาบอก
ธีระมองหน้า
“แม่พูดจริงๆนะ แม่มาคิดๆดู แม่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับลูกได้อีกนานแค่ไหน”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิครับแม่ แม่ต้องอยู่กับผมไปถึงร้อยปี”
“เมื่อก่อนแม่ก็อยากให้มันเป็นอย่างงั้น แต่พอเกิดเรื่องกับแดงทำให้แม่ได้สติ ได้รู้ว่าแม่ไม่ควรเห็นแก่ตัวผูกมัดลูกๆไว้กับตัวเอง”
ธีระมองหน้าแม่ จินดาพูดต่อ
“เมื่อก่อนแม่คิดว่ามีแต่แม่คนเดียวเท่านั้นที่รักลูกๆมากที่สุด แต่พี่เขยของลูกทำให้แม่รู้ว่ายังมีคนที่รักแดงมากเท่าๆกับที่แม่รัก” จินดาจับแก้มธีระ “ลูกเองก็เหมือนกัน ลูกก็ควรจะได้เจอใครที่เค้ารักลูกเท่ากับแม่หรือบางทีเค้าอาจจะรักลูกมากกว่าแม่ก็ได้”
“ไม่มีหรอกครับแม่ ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครรักผมมากไปกว่าแม่” ธีระบอก
จินดามองหน้าลูกชายแล้วก็น้ำตารื้น เธอดึงธีระเข้ามากอด หนูดียืนมองสองแม่ลูกอยู่บนบันได หนูดีขยับเดินลงจากบันไดเข้ามาหา จินดาหันมอง
“คุณป้าคะ หนูลานะคะ”
“จะกลับแล้วหรือลูก” จินดาถาม
“ค่ะ สองทุ่มแล้ว”
“ธี ไปส่งน้องหน่อยลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับเองได้” หนูดีบอก
“อย่าเลย ให้พี่เค้าขับไปส่งปากซอยแล้วกัน ค่ำๆมืดๆป้าไม่อยากให้ออกไปไม่ปลอดภัย”
“แต่หนูไปได้นะคะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่งให้ เดี๋ยวผมมานะครับแม่” ธีระบอก
“ไม่ต้องห่วงลูก”
“หนูไปนะคะคุณป้า”
จินดารับคำ “จ้ะ”
หนูดีกับธีระเดินออกไปจากบ้าน จินดามองตาม
หนูดีนั่งอยู่ในรถของธีระด้วยท่าทางประหม่า ธีระนั่งขับรถนิ่ง หนูดีเหลือบมองอย่างวางตัวไม่ถูก
“บ้านคุณอยู่ไหน” ธีระถามขึ้น
“ประชาชื่นค่ะ เดี๋ยวคุณธีจอดปากซอยได้เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมขับไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูดีกลับเองได้ นั่งรถเมล์แค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ขึ้นทางด่วนดีกว่าสิบนาทีก็ถึงแล้ว”
หนูดีรู้สึกเกรงใจ “แต่ว่า”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ”
“ก็ได้ค่ะ”
ธีระกดเปิดเพลง หนูดีนั่งนิ่งแล้วค่อยๆเหลือบมองธีระ เธอเห็นหน้าธีระขับรถนิ่ง หนูดีมองแล้วก็อมยิ้ม ธีระหันมามอง หนูดีหันหน้ากลับแล้วทำเฉย ธีระหันกลับโดยไม่ได้สนใจ หนูดีหันมามองอีกที ธีระยังคงขับรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย
รถของธีระแล่นไปตามทาง หนูดีบอกธีระ
“เลี้ยวซ้ายซอยหน้าเลยค่ะ”
รถธีระเลี้ยวมาจอดหน้าห้องเช่าของหนูดี รถตำรวจเปิดไฟหวอจอดอยู่ด้านหน้า ชาวบ้านยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่
หนูดีกับธีระที่ยังนั่งอยู่ในรถมอง
“มีเรื่องอะไรกัน มีรถหวอด้วย” ธีระสงสัย
“นั่นสิคะ สงสัยใครจะมีเรื่องกัน ขอบคุณนะคะ”
หนูดียกมือไหว้ธีระแล้วก้าวลงจากรถ
ป้าจิตเพื่อนบ้านวิ่งเข้ามาเรียกหนูดี
“หนูดี”
“มีอะไรคะป้าจิต” หนูดีถาม
“เอ็งมาก็ดีแล้ว แม่เอ็งโดนซ้อมปางตาย”
“หา แม่” หนูดีรีบวิ่งไป ธีระมองตามด้วยความตกใจ
หนูดีวิ่งเข้ามาก็เห็นแม่นั่งอยู่ท้ายรถกระบะตำรวจในสภาพหน้าตาบวมปูด และมีชาวบ้านกำลังช่วยปฐมพยาบาล
หนูดีตกใจ “แม่”
“หนูดี”
“นี่แม่เป็นอะไรคะเนี่ย” หนูดีถาม
“ไม่มีอะไรลูก”
“แล้วทำไมหน้าตาแม่เป็นอย่างนี้ล่ะคะ”
“นิดหน่อยลูก ไป เข้าบ้านเถอะ”
แม่ขยับลงจากรถจะเดินไป แต่ตำรวจเข้ามาเรียก
“เดี๋ยวนะครับ ต้องไปให้ปากคำที่โรงพักก่อน”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ” หนูดีถาม
“มีคนมาทำร้ายแม่คุณ เมื่อกี้เท่าที่คุย น่าจะเป็นพวกหนี้นอกระบบ”
“ชั้นไม่เอาเรื่องหรอกค่ะคุณตำรวจ”
“ถึงคุณไม่เอาเรื่อง แต่ก็ต้องไปให้ปากคำครับมันเป็นคดีอาญา”
“งั้นเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ยคะ” หนูดีถาม
“ก็ได้ครับ งั้นผมลาล่ะ” ตำรวจขึ้นรถแล้วขับออกไป
“นี่นิด พี่ว่ายังไงก็ต้องแจ้งความไว้นะ ขืนไม่แจ้งความมันจะกลับมาเอาเรื่องอีก” จิตบอก
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นจะโทรไปเคลียร์กับเสี่ยวิทย์เค้าเอง” แม่หนูดีพูด
หนูดีเงยหน้ามาเห็นธีระยืนมองอยู่
“คุณธี”
“ผมว่าพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่ามั้ย” ธีระเสนอ
“นี่คุณธีค่ะแม่ ที่หนูไปดูแลคุณแม่ให้เค้า” หนูดีแนะนำ
“ชั้นไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
“แต่ผมว่าควรจะไปให้หมอเค้าดูซะหน่อยนะครับ”
“ใช่แม่ ไปเอกซเรย์ดูซะหน่อยนะ” หนูดีบอก
“ไปครับ ผมไปส่ง” ธีระอาสา
หนูดีเกรงใจ “เอ่อ”
“ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ธีระเดินนำไปที่รถ แม่มองหนูดี หนูดีพยักหน้าให้
หนูดีเปิดประตูออกมาจากห้องฉุกเฉิน ธีระนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าห้อง หนูดีเดินเข้ามาหา
“หมอทำแผลแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ว่าขอให้แม่นั่งพักดูอาการซักแป๊บ” หนูดียกมือไหว้ “หนูดีต้องขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณธีต้องเสียเวลา”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิ คุณยังช่วยเหลือดูแลแม่ผมเลย” ธีระบอก
“ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณธีกลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณป้าจะเป็นห่วง อีกซักพักหนูดีจะพาแม่กลับบ้านเอง”
“ผมโทรบอกคุณแม่แล้วว่าเดี๋ยวส่งคุณแล้วผมจะกลับ”
“ไม่เป็นไรนะคะ หนูดีกลับเองได้”
“ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“งั้นหนูดีไปจ่ายเงินก่อนนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก ผมจ่ายให้แล้ว”
“เท่าไหร่คะ” หนูดีเปิดกระเป๋าจะหยิบเงิน
“นิดหน่อย”
หนูดีอึกอัก “เอ่อ”
“อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณเลยนะ เมื่อกี้ผมได้ยินที่ตำรวจคุยกับคุณ แม่คุณเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่”
“ประมาณสามแสนน่ะค่ะ”
“พรุ่งนี้ผมจะให้คุณยืมเงินไปใช้หนี้ก่อนสามแสน เมื่อไหร่ที่คุณมีเงินค่อยมาทยอยใช้ผม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พรุ่งนี้หนูดีจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“คุณจะจัดการยังไง คุณมีเงินหรือ”
“เอ่อ” หนูดีอึกอัก
“ขอโทษที่พูดอย่างนี้ ผมหมายถึงว่าคุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก เพราะผมไม่ได้ให้คุณฟรี ๆ ผมเพียงแต่ต้องการให้เรื่องทุกอย่างจบลง คุณกับแม่จะได้ปลอดภัย คุณจะได้มีเวลาดูแม่ผม ตกลงมั้ย”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณธีมากนะคะ”
พยาบาลเดินออกมาเรียก
“หนูดี หมอจะคุยด้วย”
“ขอตัวก่อนนะคะ” หนูดีบอกธีระ
“เชิญ” ธีระบอก หนูดีเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ธีระมองตาม
ประตูห้องเช่าเปิดออก หนูดีประคองแม่เข้ามานั่งบนเตียง
“แม่นอนพักก่อนนะ ปวดแผลมั้ย”
“ไม่ปวดแล้วลูก คุณธีเค้าดีนะ อุตส่าห์ไปรับไปส่งเรา”
“ใช่จ้ะ เค้าดีมากเลย นี่เค้ายังออกค่ารักษาพยาบาลให้ด้วยนะแม่ แล้วพรุ่งนี้เค้าจะเอาเงินให้เรายืมสามแสนไปใช้หนี้เสี่ยวิทย์”
“จริงหรือลูก”
“จริงค่ะ”
“ทำไมเค้าถึงดีกับเรา หรือว่า...”
“หรือว่าอะไรแม่” หนูดีงง
“หรือว่าเค้าชอบลูก ถึงเอาเงินมาซื้อลูก”
หนูดีขำ “ไม่ใช่หรอกแม่ คิดมากไป คุณธีเค้าเพียงแต่ต้องการให้หนูดูแลแม่เค้าให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้สิน และอีกอย่างเค้าให้ยืมนะแม่ ไม่ได้ให้เปล่า ๆ”
“ถ้าอย่างงั้นก็แล้วไป แม่นึกว่าเค้าจะเอาเงินมาซื้อลูก”
“แต่จะว่าไปนะ ถ้าเค้าซื้อจริงๆแม่ไม่ชอบหรือ คุณธีเค้ามีเงินนะ แถมยังหล่ออีกด้วย”
“นี่ลูกชอบเค้าหรือ”
“เปล่าแม่ หนูแค่อำเล่น เอาล่ะแม่นอนนะ หนูจะไปอาบน้ำ”
หนูดีเดินออกไป แม่มองตามแล้วถอนใจ
หนูดีเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วมองกระจก
“ถ้าเค้ามาชอบเราจริง เราจะชอบเค้าดีมั้ยนะ”
หนูดีนึกถึงตอนที่ธีระขับรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หนูดียิ้มขำ
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา” หนูดีเดินออกไป
ธีระหยิบเงินสามแสนบาทออกจากซอง แล้วส่งเงินให้แม่หนูดี
“นี่ครับคุณแม่ สามแสน”
แม่ยกมือไหว้ “ชั้นกราบขอบพระคุณคุณธีมากนะคะ”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
“ชั้นจะไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง ชั้นจะรีบหาเงินไปใช้คุณให้เร็วที่สุดค่ะ”
“ไม่ต้องรีบหรอกครับ เอาไว้คุณแม่มีเมื่อไหร่ค่อยทยอยใช้ก็ได้”
หนูดียกมือไหว้ “หนูดีต้องขอบคุณคุณธีอีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้คุณธีช่วยครั้งนี้เราสองคนคงแย่”
“แน่ใจนะว่าไม่มีหนี้ที่อื่นอีก”
“ไม่มีแล้วค่ะ หนี้ก้อนนี้มันก็เป็นมานานแล้ว ความจริงชั้นยืมเค้ามาแค่แสนเดียวส่งหนูดีเรียน แต่นี่เค้ารวมดอกเบี้ยทบไปทบมากลายเป็นสามแสน เลยใช้ไม่หมดซะที”
ธีระพยักหน้ารับรู้ “เอาล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องลา”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ หนูดีไปส่งท่านสิ”
“ไม่ต้องหรอกครับ” ธีระหันมาถามหนูดี “แล้วเย็นนี้คุณจะไปดูแม่ผมมั้ย”
“ไปค่ะ” หนูดีตอบ
“งั้นเย็นนี้เจอกัน สวัสดีครับ”
ธีระยกมือไหว้แม่หนูดีแล้วออกไป แม่หันมาบอกหนูดี”
“ลูกต้องตั้งใจดูแลแม่คุณธีให้ดีนะ อย่าให้ท่านผิดหวังในตัวเรา”
“จ้ะแม่”
“งั้นแม่จะเอาเงินไปใช้ไอ้เสี่ยนั่นก่อนนะ”
หนูดีพยักหน้า แม่ลุกเดินออกไป หนูดีถอนใจด้วยความโล่งอก
ตอนเย็น หนูดีจัดอาหารให้จินดา หนูดีเข็นรถวีลแชร์ให้จินดามาที่โต๊ะอาหารแล้วก็คอยดูแลป้อนอาหารให้
วันใหม่ หนูดีอ่านหนังสือให้จินดาฟัง
วันต่อไป หนูดีวัดความดันและเจาะน้ำตาลให้จินดา
วันต่อมา ธีระในชุดนักบินกลับมาจากการไปบิน เขาตรงเข้าไปกอดและหอมแม่ หนูดียืนมองแล้วก็ยิ้ม
แดงกับกบเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
เมื่อเข้ามาพูดคุยกับหมอในห้องหมอแล้ว แดงก็ถามขึ้น
“จริงหรือคะหมอ”
“จริงครับ” หมอตอบ “เซลมะเร็งลดลงเหลือแค่ศูนย์จุดสามเปอร์เซ็นต์”
“หมายความว่าภรรยาผมจะหายจากโรคมะเร็งใช่มั้ยครับ” กบถาม
“เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ครับ”
แดงหันไปมองหน้ากบ แล้วทั้งสองก็โผเข้ากอดกัน
“พี่กบ”
“แดง พี่ดีใจจริงๆ”
“ชั้นก็ดีใจพี่กบ”
“ขอบคุณหมอมากนะครับ”
“แต่มันยังไม่ได้หายขาดซะทีเดียวนะครับ ต้องให้ยาไปเรื่อย ๆ ถ้าร่างกายอ่อนแอลงมันอาจจะกลับมาเป็นได้อีก” หมอบอก
“ค่ะ ชั้นจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเลยค่ะหมอ”
หมอพยักหน้า แดงกับกบหันมากอดกันอีกครั้ง
ที่บ้านของจินดา จินดาถามอย่างดีใจ
“จริงหรือลูก นี่ลูกไม่ได้หลอกให้แม่ดีใจใช่มั้ย”
“ไม่จ้ะแม่ แดงหายจริงๆ” แดงยืนยัน
“แม่ดีใจที่สุดในโลกเลย” จินดากอดลูกสาวน้ำตาริน “ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยลูกของแม่ไว้”
กบกับธีระมองหน้ากัน แล้วกบก็ดึงธีระไปกอด
“ดีใจด้วยนะพี่กบ” ธีระบอก
“ขอบใจนายมากนะธี ที่เป็นกำลังใจให้แดง”
“ดีใจด้วยนะพี่แดง” ธีระบอกพี่สาว
ธีระกอดพี่สาว หนูดีที่ยืนอยู่อีกมุมยิ้มอย่างดีใจไปด้วย
ณ บ้านพักริมทะเล กบ แดง ไตรตั้น จินดาและธีระกำลังถ่ายรูปร่วมกันอยู่ริมทะเล โดยมีหนูดีเป็นตากล้อง
“ยิ้มหน่อยค่ะ หนึ่งสองสาม ... อีกรูปนะคะ หนึ่งสองสาม”
ทุกคนยิ้ม ภา ช้อย ใหญ่เดินเข้ามา
“เดี๋ยว เดี๋ยว อย่าเพิ่งแยก” ภาบอก
“ขอพวกเราด้วย” ช้อยว่า
“ขอรูปหมู่มวลกันหน่อย” ใหญ่พูด
จินดาเรียก “มาทางนี้ พี่ช้อยมาข้างๆชั้น”
“พี่ภาอย่าบังชั้นสิ” ใหญ่ว่า
“พร้อมนะคะ หนึ่ง สอง สาม” หนูดีนับ ทุกคนยิ้ม เสียงลั่นชัตเตอร์ดังขึ้น
กบ ไตรตั้น และแดงนั่งเล่นกองทรายด้วยกันอยู่ จินดานั่งมองลูกสาวและครอบครัว จินดายิ้มอย่างมีความสุข หนูดีถือยาเดินเข้ามาให้
“คุณป้าคะ ทานยาค่ะ”
“ขอบใจลูก” จินดาเอายาใส่ปาก “มาทะเลสนุกมั้ย”
“สนุกค่ะ ตั้งแต่เรียนจบก็เพิ่งได้มานี่แหละค่ะ”
“แล้วปีนี้หนูอายุเท่าไหร่” จินดาถาม
“ยี่สิบสี่ค่ะ”
“มีแฟนรึยัง” จินดาถามต่อ
“ยังค่ะ”
“อะไรกัน หน้าตาสวยๆอย่างหนูไม่มีใครมาจีบเลยหรือ”
“ไม่มีจริงๆค่ะ”
“แสดงว่าหมอที่โรงพยาบาลตาถั่วกันหมด”
พูดจบจินดาก็หัวเราะ ช้อย ใหญ่และภาเดินเข้ามา
“ขำอะไรหรือพี่จิน” ช้อยถาม
“กำลังพูดกับแม่หนูดีว่าหมอที่โรงพยาบาลเค้าตาถั่วหรือไง ถึงไม่มีใครคิดจะจีบ”
“พี่จินพูดอย่างงั้นไม่ได้นะ ชั้นว่าต้องมีคนมาจีบบ้างล่ะ แต่หนูดีเค้าอาจจะไม่สนใจก็ได้” ภาบอก
“นั่นน่ะสิ สวยๆแบบนี้ป้าไม่เชื่อหรอก” ใหญ่ว่า
ช้อยถาม “มีแฟนมากี่คนแล้วล่ะ”
“ไม่มีจริงๆค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ” หนูดีลุกเดินออกไปเพราะอาย
“พอคุยเรื่องนี้ชิ่งหนีเลยนะหนูดี” ภาพูด ทั้งกลุ่มหัวเราะออกมา
หนูดีเดินขึ้นบ้านพักมาเจอกับธีระที่เดินลงบันไดมา
“อ้าวหนูดี ถ้าอยากจะเล่นน้ำก็เล่นได้นะ เดี๋ยวผมจะดูแม่เอง” ธีระบอก
“ไม่เล่นหรอกค่ะ”
“เดี๋ยวหนูดี”
“คะ”
“ถ้าลงมาอีกทีช่วยหยิบเสื้อหนาวให้แม่ด้วยนะ” ธีระบอก
“ค่ะ”
จินดาเห็นหนูดียืนคุยกับธีระ ป้าทั้งสามมองตาม
“พี่ใหญ่ว่าอย่างกัปตันจะชอบหนูดีมั้ย” ภาถามขึ้น
“ชั้นว่าไม่นะ” ใหญ่ตอบ
“ทำไมถึงคิดว่าไม่” ช้อยถามต่อ
“ชั้นว่าหนูดีมันเด็กไปสำหรับกัปตัน” ใหญ่บอก
“เด็กแล้วมันไม่ดีตรงไหน” ภาสวน
“แกไม่เห็นหรือว่าแฟนแต่ละคนของกัปตันที่ผ่านมา เค้าทั้งสวยทั้งโตกว่านี้เยอะ นี่มันเด็กกะโปโล”
“แต่ชั้นว่ากัปตันอาจจะชอบนะแต่ไม่แสดงออก” ช้อยเดา
“ทำไมพี่ช้อย” ภาถาม
“ขืนแสดงออกก็ ...” ช้อยมองจินดา
“ทำไม จะบอกว่านายธีกลัวชั้นหรือ” จินดาถาม
“อ้าว พี่จินแล้วที่ผ่านๆมาพี่จินยิ้มรับว่าที่ลูกสะใภ้ซะที่ไหนล่ะ”
“นั่นมันเมื่อก่อน” จินดาบอก
ทั้งสามชะงัก “อะไรนะ”
“ชั้นบอกว่ามันเมื่อก่อน ตอนนี้ชั้นไม่ได้คิดจะกีดกันเค้าแล้ว”
“นี่หมายความว่าตอนนี้ยอมให้ลูกชายมีเมียได้แล้วหรือ” ภาถาม
“อืมม์ เค้าจะรักจะชอบใครชั้นไม่ว่าแล้ว” จินดาบอก
“จริงหรือพี่จิน ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าทำไมอยู่ๆถึงได้ยอมแพ้ง่ายๆ”
“คนเราก่อนจะตายมันก็ต้องคิดได้บ้างล่ะพี่ช้อย” ใหญ่บอก
“ถูกของแม่ใหญ่ ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง ขืนชั้นยังกีดกันลูก วันนึงที่ชั้นตายขึ้นมาก็จะไม่มีใครรักและห่วงใยลูกแทนชั้น” จินดาพูด
“ชั้นดีใจจริงๆที่พี่จินสำนึกได้” ภาบอก
“แหม ดีใจแทนกัปตันจริงๆ จะได้มีเมียกับเค้าซะที” ช้อยว่า
ใหญ่ร้องขึ้น “ไช ...”
ภากับช้อยรับคำ “โย”
ป้าทั้งสามร้องพร้อมกัน “ไช ..โย”
แดงมองไปก็เห็นแม่กับเพื่อนๆ หัวเราะกัน แดงหันมาถามกบ
“พวกแม่เค้าเฮอะไรกัน”
“คงดีใจเรื่องแดงล่ะมั้ง” กบบอก
ธีระแกะกุ้งส่งให้จินดา
“แม่ครับกุ้งเผา”
“พอแล้วลูก” จินดาบอก
“งั้นปูหน่อยนะคะแม่” แดงที่นั่งอีกข้างแกะปูส่งให้
“ไม่ไหวแล้วลูก แม่อิ่มจริง ๆ”
“งั้นป้ากินแทนเอง” ใหญ่บอก
“นี่ครับป้าใหญ่” ธีระส่งให้
“พี่จินดานี่นะ จะว่าไปแล้วมีบุญจริงๆ” ช้อยโพล่งออกมา
“มีบุญยังไงพี่ช้อย” จินดาถาม
“ก็ดูสิ ลูกชายแกะกุ้งด้านขวา ลูกสาวแกะปูให้ด้านซ้าย ชีวิตนี้จะไปหาได้ที่ไหน”
“ใช่ มีลูกชายหญิงกตัญญูขนาดนี้ นึกถึงลูกชั้นแล้วก็ราวฟ้ากับดิน วันๆมันสนใจแต่เมียแต่ลูกของมัน นี่ดีนะที่ชั้นมีเงินไม่งั้นคงต้องไปขอทานกิน” ใหญ่บอก
จินดามองธีระกับแดงแล้วก็กุมมือลูกทั้งสอง
“แม่อยากบอกให้ลูกสองคนรู้นะว่าแม่ดีใจที่ลูกสองคนเกิดมาเป็นลูกแม่” จินดาพูด
“เราสองคนก็ดีใจค่ะที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่” แดงบอก
“กบ ถึงแกจะเป็นแค่ลูกเขย แม่ก็รักแกนะ” จินดาบอก
“ครับ ถึงแม่จะเป็นแค่แม่ยายแต่ผมก็รักแม่เหมือนแม่ผม” กบพูด
“ตั้นก็รักยายที่สุดในโลกเลยครับ” ไตรตั้นเอ่ยขึ้น
“มาให้ยายกอดหน่อย” ไตรตั้นวิ่งมากอดยาย
“ซึ้งใจจริง ๆ” ช้อยบอก
“นั่นสิ พูดแล้วชั้นขนลุกเลยนะ” ภาว่า
ใหญ่ถาม “ขนลุกทำไม”
“ก็มันซาบซึ้งจริงๆนะ” ภาตอบ
“เอา แม่หนูดีช่วยถ่ายรูปพวกเราอีกรูปเถอะ” ช้อยขอ
หนูดียกกล้องขึ้น “พร้อมนะคะ หนึ่ง สอง สาม”
หนูดีถ่ายทั้งรูปหมู่ รูปครอบครัว รูปจินดากับแดงและธีระ รูปจินดากับธีระ
ธีระเข็นรถวีลแชร์ที่จินดานั่งเข้ามาในห้อง
“มาครับแม่ ค่อยๆลุก” ธีระประคองแม่ “เหนื่อยมั้ยครับแม่”
“นิดหน่อยลูก” จินดาตอบ
“พรุ่งนี้เช้าผมจะพาแม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนะ”
“ลูกจะตื่นไหวหรือ”
“ไหวครับ”
“ไม่ต้องหรอก ลูกนอนเถอะ”
“ผมอยากให้แม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่นี่ มันสวยมากครับ”
“ก็ได้ลูก”
จินดาล้มตัวนอน ธีระห่มผ้าห่มให้ จินดาคว้ามือลูกชายมาจับ
“เดี๋ยวธี” จินดาดึงมือมาหอมแล้วมองลูกชาย “แม่ขอบใจนะลูก”
“ขอบใจผมเรื่องอะไรครับ”
“ขอบใจที่ลูกเป็นลูกที่ดีของแม่”
ธีระมองแล้วยิ้ม
“คงเป็นเพราะความรักที่แม่มีให้กับผมไม่เคยเสื่อมคลายมั้งครับ”
จินดายิ้มแล้วพยักหน้า “ก็เพราะลูกทั้งสองคือลมหายใจของแม่”
จินดาจับมือธีระไปหอมอีกครั้งแล้วมองลูก ธีระก้มลงจูบหน้าผากแม่
“ฝันดีนะครับแม่”
จินดาปล่อยมือจากธีระอย่างช้าๆ ธีระเดินออกมาแล้วหยุดมองแม่ จินดายิ้มให้ ธีระยิ้ม จินดาค่อยๆ หลับตาลงช้ๆ ธีระหันเดินออกมา จินดาหลับตานอนยิ้ม
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 13 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ ธีระเปิดประตูออกจากห้องแล้วเดินมาที่หน้าห้องของจินดา เขาเห็นหนูดีนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าห้องจึงถามขึ้น
“หนูดี แม่ตื่นรึยัง”
“สงสัยจะยังค่ะ ตอนหนูดีตื่นยังไม่ได้ยินเสียงเลย” หนูดีตอบ
“แล้วเมื่อคืนแม่ตื่นขึ้นมาฉี่บ้างมั้ย” ธีระถามต่อ
“ตื่นตอนตี 1 หนนึงแล้วก็ตี 4 ค่ะ หนูดีพาไปเข้าห้องน้ำ ท่านบอกจะนอนต่อบ่นว่าเพลียๆ”
“พอดีผมนัดว่าจะพาแม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น”
“งั้นหนูดีไปปลุกให้มั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอก ให้ท่านนอนต่อเถอะ”
ธีระเดินไป หนูดีมองตามแล้วหันไปมองห้องของจินดาแล้วหันมาอ่านหนังสือต่อ
ธีระเดินลงบันไดมาเจอช้อย ภาและใหญ่
“แม่ล่ะกัปตัน” ช้อยถาม
“ยังไม่ตื่นครับ” ธีระบอก
“อะไรกัน ทำไมวันนี้พี่จินตื่นสาย” ใหญ่งง
“ใช่คนอย่างพี่จินไม่เคยตื่นสายนะ ปกติแกตื่นตีสี่ตีห้านะ” ภาว่า
“หนูดีบอกว่าแกเพลียๆน่ะครับ ผมก็เลยไม่อยากปลุก” ธีระบอก
“แหม แต่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยจังอยากให้แกมาดู” ช้อยพูด
ธีระหันไปมองก็เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้นจากน้ำ
“หรือผมควรจะไปปลุกแม่”
“ป้าว่าไปเถอะ เดี๋ยวแกตื่นมาจะด่าพวกเราว่าไม่เรียกแก” ใหญ่เสนอ
“ครับ” ธีระเดินกลับขึ้นไปชั้นบน
ธีระเดินขึ้นมาเจอกบ แดงและไตรตั้น
“น้าธีครับ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว” ไตรตั้นบอก
“จะไปไหนธี” แดงถาม
“จะไปปลุกแม่ครับ” ธีระบอก
“รีบไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทัน อีกแป๊บเดียวจะหลุดขึ้นจากน้ำแล้ว” กบเร่ง
“ครับ” ธีระรีบเดินไป
ธีระเดินขึ้นมา หนูดีขยับลุกขึ้น
“คุณแม่ตื่นรึยัง” ธีระถาม
“ยังเลยค่ะ ให้หนูดีปลุกมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอก ผมไปปลุกเอง คุณไปดูพระอาทิตย์สิกำลังสวยเลย”
หนูดีลังเล “เอ่อ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปเรียกแม่เอง” ธีระบอก
“ค่ะ” หนูดีเดินออกไป ธีระเดินไปเคาะประตูห้อง
“แม่ครับ ตื่นรึยังครับ” ธีระนิ่งฟังเสียงแต่ก็เงียบ ธีระชะงัก “แม่ .. แม่ครับ”
ธีระหมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไป
ประตูเปิดออก ธีระเดินเข้ามาหยุดมองก็เห็นแม่นอนหลับอยู่บนเตียง ธีระเดินเข้าไปหาแม่ ธีระมองไปก็เห็นแม่ยังนอนยิ้ม
“แม่ครับ” ธีระเข้าไปเรียก จินดายังนอนนิ่ง ธีระชะงัก เขาก้มลงเขย่าตัวแม่ “แม่ครับ แม่”
ทุกคนยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน หนูดีเดินลงมา
“อ้าวหนูดี กัปตันไปเรียกแม่รึยัง” ภาถาม
“ไปเรียกแล้วค่ะ”
“ทำไมนานจัง” ช้อยสงสัย
“หรือพี่จินไม่สบาย” ใหญ่ว่า
แดงชะงักแล้วมองหน้ากบ
“ชั้นไปดูแม่หน่อยดีกว่า” แดงบอก
“นั่นสิ ไปดูแกหน่อยดีกว่า” ภาเห็นด้วย
“ไป ไป ชั้นไปด้วย” ช้อยบอก
แล้วทั้งกลุ่มก็เดินไปพร้อมกัน
ธีระเดินออกมาถึงระเบียงบ้านพักด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“แม่ล่ะธี” แดงถาม ธีระมองหน้าแดงด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“แม่ไม่ลงมาดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือ” กบถาม
“งั้นตั้นไปปลุกคุณยายเอง” ไตรตั้นอาสา
ไตรตั้นวิ่งผ่านธีระเข้าไป
“กัปตันเป็นอะไร ทำไมยืนซึม” ใหญ่สงสัย
“นั่นน่ะสิ หรือพี่จินด่าออกมา” ช้อยถาม
“ชั้นว่าไม่นะ แกจะด่าเรื่องอะไร” ภาแย้ง
ไตรตั้นวิ่งออกมาจากห้อง
“แม่ครับ”
“ปลุกคุณยายรึยังลูก” แดงถาม
“ปลุกแล้วครับ แต่คุณยายไม่ตอบ นอนนิ่งเลยครับ”
แดงชะงักมองน้องชาย แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาธีระพร้อมกับถาม
“แม่เป็นอะไรธี”
“แม่จากเราไปแล้วพี่แดง” ธีระบอก
แดงช๊อคแล้วน้ำตาก็ไหล กบเดินก้าวเข้ามาหาธีระ
“นายพูดอะไรนะธี” กบถาม
“แม่ตายแล้ว” ธีระบอก
กบอึ้งและน้ำตารื้น
ช้อย ภาและใหญ่ตกใจ “อะไรนะ พี่จินตายหรือ”
หนูดีมองอย่างตกตะลึง ธีระน้ำตาไหลออกมา แดงโผเข้ากอดน้องชาย ไตรตั้นร้องไห้กอดพ่อ
ป้าทั้งสามคนกอดกันร้องไห้ หนูดีน้ำตาไหลริน
ประตูห้องจินดาถูกเปิดเข้ามาช้าๆ ทุกคนก้าวเข้ามา จินดานอนสงบอยู่บนเตียง ทุกคนมองจินดาด้วยน้ำตาไหลริน หนูดีกับไตรตั้นยืนอยู่ข้างนอกห้อง แดงเดินเข้าไปหาแม่ที่เตียง เธอมองแม่แล้วน้ำตาไหลพรากก่อนจะก้มลงกราบที่อกแม่
“แม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงแดงกับธีนะ ขอให้แม่หลับให้สบาย แดงรักแม่นะ แล้วแดงก็ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่”
แดงกอดศพแม่แล้วร้องไห้ กบเข้ามากราบที่ศพ
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลแดงและรักแดงไปจนวันตาย”
“พี่จิน ขอให้พี่จินไปสู่สุขคตินะ” ช้อยพูด “เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้เรามาเป็นเพื่อนกันอีกนะ”
“หลับให้สบายนะพี่จิน” ภาบอก
“ชั้นจะทำบุญไปให้นะ” ใหญ่พูด
กบหันมาบอกธีระที่ยืนนิ่งอยู่
“เดี๋ยวพี่จะไปแจ้งอำเภอเค้าก่อน”
กบประคองแดงเดินออกไป ป้าทั้งสามเดินร้องไห้ออกไป ทิ้งให้ธีระอยู่ในห้องกับแม่ตามลำพัง
ธีระยืนมองแม่แล้วน้ำตาของเขาก็ค่อยๆไหล ริน ธีระสะอื้นออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นได้
ทุกคนก้าวเดินออกมาหน้าห้องแล้วชะงักหันไปมอง ทุกคนได้ยินเสียงร้องไห้ของธีระดังออกมา ทุกคนสะอื้นไห้ หนูดีดึงไตรตั้นเข้ามากอด
ธีระยังคงยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้อง ร่างของจินดานอนสงบอยู่บนเตียง
วันต่อมา ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พิมในชุดแอร์โฮสเตสเดินมาพร้อมกับเพื่อน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดัง พิมกดรับ
“ฮัลโหล ... ว่าไงนะ...แม่พี่ธีเสียแล้ว ... ได้ อยู่วัดไหน...อืมม์ ขอบใจมากนะ”
พิมกดปิดโทรศัพท์แล้วพึมพำกับตัวเอง
“แม่พี่ธีเสียแล้วงั้นหรือ”
อุ้มกำลังดูของอยู่ในร้านที่ต่างประเทศ สักพักเธอก็หันไปเรียกเพื่อน
“เป๊บมาดูนี่สิ”
เป๊บกำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“ว่าไงนะ ... เออ เออ เดี๋ยวจะบอกให้” เป็บปิดโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามาบอกอุ้ม “อุ้ม พี่วิทย์โทรมาบอกว่าแม่กัปตันธีระเสียแล้ว”
อุ้มชะงัก “จริงหรือ”
“จริง” เป็บยืนยัน อุ้มยังยืนอึ้ง
ที่อพาร์ทเมนต์ในต่างประเทศ ข้าวตูยืนพูดโทรศัพท์
“อะไรนะพี่แดง ... คุณป้าเสียแล้วหรือคะ .. ค่ะ ค่ะ ตูเสียใจด้วยนะคะพี่แดง” ข้าวตูกดวางสาย แล้วนึกถึงธีระด้วยความเป็นห่วง “พี่ธี ...”
หลายวันต่อมา ที่เมรุเผาศพมีรูปจินดาตั้งอยู่ ธีระ กบและแดงยืนรับแขก แหม่ม กุ๊ก นุ้ย เป๊บและวิทย์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านในศาลา ช้อย ภาและใหญ่นั่งอยู่แถวหลังถัดไป แขกอื่นๆ นั่งรอเวลาเผาศพ
“แกว่าพิมจะมามั้ย” แหม่มถามเพื่อนๆ
“เห็นว่าจะมานะ” กุ๊กบอก
“แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ วันสวดว่าจะมาก็ไม่เห็นมา” นุ้ยบอก
“หรือพี่พิมเค้าอาจจะไม่อยากเจอกัปตันแล้วก็ได้” เป็บสงสัย
“แต่ตอนนี้แม่กัปตันเสียแล้วนี่ กัปตันก็เป็นอิสระแล้ว” กุ๊กบอก
“แต่ผมว่าป่านนี้พี่พิมเค้าคงมีแฟนใหม่แล้วมั้ง” วิทย์พูด
ช้อย ใหญ่และภานั่งฟังอยู่ด้านหลัง
“ไม่มี” แหม่มสวนขึ้น
นุ้ยถามขึ้น “พี่กุ๊กรู้ได้ไง”
“ถ้ามีชั้นก็ต้องรู้สิ” แหม่มบอก
“แต่พี่พิมเค้าอาจจะมีคนนอกวงการก็ได้ คุณพ่อเค้าเป็นทหารอาจจะมีทหารมาจีบเยอะแยะ” เป็บบอก
“แล้วพวกเธอว่าอุ้มจะมามั้ย” วิทย์ถาม
“เค้าบอกว่ามานะ” เป็บว่า
“แต่ชั้นว่าไม่มาหรอก แม่กัปตันด่าพ่อแม่อุ้มจนมองหน้ากันไม่ติด” นุ้ยบอก
“ตอนนี้แม่เค้าก็ตายไปแล้วนะ เค้าก็ต้องอโหสิกรรมให้แล้ว” วิทย์พูด
สามป้าฟังอย่างสนใจ
“ใช่ ชั้นว่ายังไงก็ต้องมา เพราะอุ้มเคยเล่าว่า มันบอกกัปตันว่าถ้าวันไหนไม่มีแม่กัปตัน มันอาจจะกลับมารักกัปตันก็ได้” เป็บบอก
“แต่กัปตันเค้าอาจจะไม่กลับไปรักอุ้มก็ได้” วิทย์วิเคราะห์
“ทำไม” สี่สาวถามพร้อมกัน
“ก็หลังจากเลิกกับอุ้ม กัปตันเค้าก็มีแฟนใหม่อีกคนนะ เห็นว่าเป็นแฟนกันมาตั้งแต่เด็กๆ” วิทย์บอก
“ไม่ใช่ย่ะ” แหม่มเถียง “เค้าบอกว่านางน่ะแอบชอบกัปตันฝ่ายเดียว พอกลับมาเมืองไทยกัปตันไม่มีใคร ก็เลยมาปิ๊งกันอีก”
“งั้นพี่พิมกับอุ้มก็หมดสิทธิ์น่ะสิ” นุ้ยเสียดาย
ทันใดนั้นช้อยก็ขัดขึ้นมา
“นี่ พวกเธอไม่รู้จริงอย่าพูดซี้ซั้ว”
สาวทั้งสี่และวิทย์สะดุ้งแล้วหันมามอง
“อุ๊ย ขอประทานโทษค่ะคุณป้า เราคุยกันเล่นๆน่ะค่ะ” แหม่มบอก
“ใช่ค่ะ ไม่ได้มีเจตนาเม้าแตกหรอกค่ะ” กุ๊กเสริม
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้จ้ะ นางที่พวกคุณว่าชื่อข้าวตู กัปตันน่ะเค้าชอบกับน้องข้าวตูจริงแต่เลิกกันแล้ว” ภาบอก
“ทำไมถึงเลิกล่ะค่ะ” เป็บถาม
ภาอ้ำอึ้ง “ก็...”
“ก็อะไรคะ” นุ้ยถาม
“เอ๊ะพี่ใหญ่ เค้าเลิกกันเพราะอะไรนะ ชั้นจำไม่ได้แล้ว” ภาหันไปถามใหญ่
“จะมีเรื่องอะไร ก็แม่กัปตันไม่ชอบผู้หญิง” ใหญ่บอก
“งั้นก็เรื่องเดิมน่ะสิคะ” แหม่มว่า
“แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผู้หญิงเค้าไปอยู่มืองนอกไม่กลับมาแล้ว” ช้อยบอก
“ถ้าอย่างงั้นก็เหลือแคนดิเดตสองคนคือพี่พิมกับอุ้ม” เป็บพูด
“ทานโทษจ้ะ แคนดิเดตแปลว่าอะไรจ๊ะ” ภาถาม
“หมายถึง คู่ชิงชนะเลิศค่ะคุณป้า” นุ้ยบอก
“ก็คือลูกสาวนายพลกับน้องอุ้มที่อยู่อัมพวา” ใหญ่พูด
แหม่ม กุ๊ก นุ้ยและเป๊ปตอบพร้อมกัน “ใช่ค่ะ”
“แล้วตอนนี้คู่ชิงชนะเลิศเค้าอยู่ไหนล่ะ” ช้อยถาม
“นั่นไงครับ มาแล้วคนนึง” วิทย์ชี้ไป
ทุกคนหันไปมอง พิมใส่แว่นดำก้าวเข้ามาในงาน
แดงกับกบหันไปมอง
“ธี ใครมาแน่ะ” แดงทักขึ้น
ธีระหันไปมองช้าๆ พิมถอดแว่นแล้วก้าวเข้ามา ธีระเดินเข้าไปหา พิมเดินเข้ามาจับมือธีระ
“พิมเสียใจด้วยนะคะพี่ธี”
“ขอบใจมากนะที่มา”
“ยังไงพิมก็ต้องมาค่ะ คุณแม่ก็เหมือนกับญาติผู้ใหญ่ของพิมนะคะ”
“พิมสบายดีนะ” ธีระถาม
“ค่ะ พี่ธีล่ะคะ”
“พี่ก็สบายดี เราไม่เจอกันเกือบสองปีแล้วนะ”
“ค่ะ”
กลุ่มแอร์โฮสเตสและกลุ่มป้ามองพิมกับธีระยืนคุยกันแล้วก็ซุบซิบ กบหันไปเห็นอุ้มเดินเข้ามา
“ธี อุ้มมา” กบบอก
ธีระหันไปมอง พิมหันตาม ทั้งหมดเห็นอุ้มเดินเข้ามาช้าๆ ธีระมองหน้าพิม
“ไปรับแขกเถอะค่ะ” พิมบอก
“เดี๋ยวคุยกันนะ” ธีระบอกพิม
“ค่ะ”
พิมยิ้มให้ ธีระเดินไปหาอุ้ม
“สวัสดีค่ะพี่ธี” อุ้มยกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะอุ้ม”
กลุ่มแอร์โฮสเตสและกลุ่มป้าชะเง้อมองเหตุการณ์
“เสียใจด้วยนะคะพี่ธี” อุ้มพูด
“ขอบใจนะที่มา”
“ต้องมาสิคะ พี่ธีเป็นยังไงบ้างคะ”
“สบายดี แล้วอุ้มล่ะ”
“ก็สบายดีค่ะ บางทีก็เหงาๆเหมือนกัน”
อุ้มยิ้มให้ธีระแล้วเหลือบไปเห็นพิมยืนมองอยู่
“สวัสดีค่ะ” อุ้มทัก
พิมยิ้มให้แล้วพูดตอบ
“สวัสดีค่ะ”
“พี่ขอตัวไปรับแขกก่อนนะ” ธีระบอก
“เชิญค่ะ” อุ้มตอบรับ
แหม่มเรียก “พิมทางนี้”
“อุ้มทางนี้” เป็บเรียกบ้าง
พิมกับอุ้มเดินไปนั่งที่นั่งด้านหน้าที่ยังว่างอยู่
แดงกำลังยืนคุยกับแขกมองเห็นว่ามีใครอีกคนมาก็เรียกน้องชาย
“ธี”
“ครับ” ธีระรับ
“ข้าวตูมา”
ธีระชะงักหันไปมอง ข้าวตูใส่แว่นดำเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ธีระหันไปมองพิมกับอุ้ม ทั้งสองยิ้มให้ ธีระหันกลับมา ข้าวตูเดินเข้ามาหา
“นั่นไง คนนี้แหละสาวๆ แฟนคนสุดท้ายของกัปตัน” ช้อยบอกกลุ่มแอร์โอสเตส
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 13 (ต่อ)
กลุ่มแหม่ม กุ๊ก นุ้ย เป๊ป วิทย์ ภา และใหญ่หันไปมอง พิมได้ยินจึงหันไปมอง อุ้มก็หันมอง
ข้าวตูเดินเข้ามากอดธีระช้าๆ กลุ่มป้าและกลุ่มแอร์อ้าปากค้าง
“หา ..”
พิมอึ้งหันหน้าหนีไปอีกทาง อุ้มมองอย่างอึ้งๆ เธอก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวั่นใจ ข้าวตูผละออกแล้วพูดกับธีระ
“ตูเสียใจด้วยนะคะ ไม่คิดเลยว่าคุณป้าจะมาด่วนจากไปอย่างนี้”
“ท่านหัวใจวายแล้วก็จากไปอย่างสงบ” ธีระบอก
“นี่ตูเพิ่งลงเครื่องก็เลยรีบมา”
“ขอบใจนะที่อุตส่าห์มา”
“ต้องมาสิคะ” ข้าวตูคว้ามือธีระ “ตูไม่น่าทิ้งพี่ธีไปเลย ตูขอโทษนะคะ”
“พี่เข้าใจ แล้วก็ไม่เคยโกรธตูด้วย”
“ขอแค่พี่ธีพูดแค่นี้ จากนี้ไปตูจะไม่ทิ้งพี่ธีไปไหน”
ข้าวตูโผเข้ากอดธีระอีกครั้ง กลุ่มแอร์และกลุ่มป้ามองแล้วก็ฮือฮา กบกับแดงมองหน้ากัน
“พิม ดูนั่นสิ” แหม่มชี้ชวนให้พิมดู
พิมทำไก๋ “อะไร”
“ดูกัปตันสิ” กุ๊กบอก
พิมเหลือบไปมองก็เห็นธีระดึงข้าวตูออกไป
“พี่ขอตัวไปรับแขกก่อนนะ” ธีระบอก
แขกผู้ใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา ธีระเดินไปไหว้
“สวัสดีครับท่าน”
ข้าวตูเดินเข้ามาเห็นที่ว่างข้างๆ อุ้ม
“มีใครนั่งมั้ยคะ” ข้าวตูเอ่ยถามอุ้ม
“ไม่มีค่ะ เชิญ” อุ้มบอก
ข้าวตูนั่งแล้วยิ้มให้อุ้มกับพิม อุ้มกับพิมฝืนยิ้มให้
สามป้ากับกลุ่มแอร์มอง
“นั่งติดกันสามคนเลยนะ” ภาโพล่งออกมา
“แกว่ากัปตันจะเลือกใคร” ช้อยถามขึ้น
“ชั้นว่าคงต้องเลือกคนที่เด็กที่สุดล่ะ” ใหญ่บอก
“แต่หนูว่าต้องเลือกคนแรกค่ะ เพราะเป็นรักแรกพบ” แหม่มว่า
“ใช่ค่ะ มันเป็นเลิฟ แอท เฟริส ไซส์” กุ๊กเสริม
“แต่หนูว่าเลือกคนกลางค่ะ” เป็บแย้ง
“ใช่ค่ะ กัปตันต้องเลือกอุ้มแน่” นุ้ยเสริม
วิทย์ถามขึ้น “ทำไมเธอสองคนถึงคิดอย่างงั้น”
“ก็เป๊บว่ากัปตันรักอุ้มมากที่สุด”
“ไม่จริง ชั้นว่าเค้ารักพิมมากที่สุด” แหม่มค้าน
“แต่ป้าว่าเค้ารักคนสุดท้ายมากกว่า” ภาบอก
“ใช่ ชั้นว่ากัปตันรักหนูข้าวตูมากที่สุด เพราะชั้นอยู่ในเหตุการณ์” ใหญ่รีบบอก
“ใช่ ชั้นว่าเค้าต้องเลือกหนูข้าวตู” ช้อยเห็นด้วย
“งั้นมาคอยดูกันว่าเสร็จจากงานศพแล้ว กัปตันจะเลือกใคร” วิทย์บอก
ทั้งหมดพยักหน้า
บนเมรุเผาศพ ธีระยื่นดอกไม้จันใส่เตา
“แม่ครับ ขอให้วิญญาณของแม่ไปสู่สรวงสวรรค์นะครับและขอให้ผมได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ทุกๆชาติไป”
ธีระเดินออกไป แดงเดินเข้ามา
“แม่คะ หนูอยากให้แม่รู้นะคะว่าหนูดีใจและภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ หนูรักแม่นะคะ”
กบเดินเข้ามา
“หลับให้สบายนะครับแม่”
ช้อย ภา และใหญ่เดินตามกันขึ้นมาวางดอกไม้จัน
พิมเดินมาหยุดมองรูปของจินดา
“หนูขออโหสิกรรมให้คุณแม่ค่ะ” พิมพูดออกมา
พิมวางดอกไม้จันแล้วเดินออก อุ้มเดินเข้ามาหยุดมองรูปจินดา
“กรรมใดที่หนูได้ล่วงเกินคุณแม่ ไม่ว่าจะด้วยกายวาจาใจ ขอให้คุณแม่อโหสิกรรมให้กับหนูด้วยนะคะ”
อุ้มวางดอกไม้จันแล้วเดินออก ข้าวตูก้าวเข้ามาหยุดมองรูป
“คุณป้าไม่ต้องห่วงพี่ธีนะคะ หนูจะดูแลพี่ธีต่อจากคุณป้าเองค่ะ”
ข้าวตูวางดอกไม้จันลง กลุ่มเพื่อนแอร์โฮสเตสเดินตามกันขึ้นมาวางดอกไม้จัน
เปลวไฟพวยพุ่ง ธีระยืนน้ำตาไหล แดงร้องไห้ กบดึงแดงมากอด ไตรตั้นร้องไห้ตามแล้วโผเข้ากอดพ่อกับแม่ ป้าทั้งสามร้องไห้สะอื้น
พิมมองไปก็เห็นธีระร้องไห้ อุ้มมองก็เห็นธีระร้องไห้ ข้าวตูที่ยืนมองอยู่อีกมุมก็เห็นธีระร้องไห้
แดงกับกบจูงไตรตั้นเดินออกมาตามทางเดินในวัด ป้าทั้งสามเดินตามไป แขกคนอื่นๆเดินตามหลัง ธีระเดินถือรูปแม่ตามออกมา ข้าวตูเดินเข้ามาหาเขา
“มาค่ะพี่ธี ตูช่วยถือ” ข้าวตูจะคว้ารูป แต่ธีระดึงมือกลับ
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ถือได้”
“ตูรู้นะคะว่าพี่ธีเสียใจมากกับการจากไปของคุณป้า แต่ตูอยากบอกให้พี่ธีรู้ว่า พี่ธียังมีตูอีกคนนะคะที่รักและห่วงใยพี่ธี”
ธีระมองหน้าข้าวตู ข้าวตูยิ้มให้
“ตูให้สัญญาค่ะว่าตูจะไม่จากพี่ธีไปไหนอีกแล้ว เราจะกลับมารักกันเหมือนเดิมนะคะ”
ข้าวตูเข้าไปกอดธีระ ธีระยืนนิ่ง ข้าวตูรู้สึกแปลกใจจึงผละออกมามอง
“พี่ธีไม่ดีใจหรือคะที่ตูกลับมา” ข้าวตูถาม
“คือ ... พี่จะบอกกับตูยังไงดี” ธีระเกริ่น
“เรื่องอะไรคะ”
“พี่คิดว่าวันนี้พี่ไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นกับตู”
ข้าวตูชะงัก “ทำไมล่ะคะ ในเมื่อวันนี้พี่ธีไม่มีคุณป้าที่ต้องเป็นห่วงแล้วนี่คะ”
“ใช่ แต่หลังจากที่ตูไปจากพี่ พี่มาคิดดูแล้วพี่ว่าเราสองคนคงไปด้วยกันไม่ได้จริง ๆ”
ข้าวตูอึ้ง
“ทำไมจะไปด้วยกันไม่ได้คะ ในเมื่อก่อนหน้านี้เราสองคนยังมีความสุขอยู่ด้วยกันเลย”
“ใช่ ตอนที่พี่อยู่กับตู พี่ก็คิดว่าพี่รักตู อยากใช้ชีวิตอยู่กับตู แต่วันนั้นมันผ่านไปแล้ว ... วันนี้พี่ไม่ได้รักตูแล้ว”
ข้าวตูช๊อค “นี่พี่ธีพูดอะไรนะคะ”
“อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่ขอบใจที่ตูรักพี่ ดีกับพี่”
“เป็นเพราะตูเรียกร้องจากพี่ธีมากไปใช่มั้ยคะ”
ธีระมองหน้าข้าวตูแล้วก็นึกถึงคำที่ข้าวตูเคยบอกกับเขาในอดีต
“พี่ธีต่างหากที่เป็นฝ่ายรักแม่และให้ความสำคัญกับแม่พี่มากกว่าใครๆ ทั้งหมด”
“ไม่จริงหรอกตู ที่พี่ทำอย่างงั้นก็แค่อยากให้แม่สบายใจ” ธีระค้าน
“นั่นล่ะค่ะ พี่ธีอาจจะคิดว่าเรื่องที่ทำเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่น”
“แต่คำว่าแม่นะตู ถ้าเราไม่รักแม่ แล้วเราจะ ...”
“ก็นี่ไงคะตูถึงต้องเป็นฝ่ายไป พี่ธีไม่ผิดหรอกค่ะ”
เหตุการณ์ปัจจุบัน ข้าวตูยืนน้ำตาไหล
“ใช่ เป็นความผิดของตูเอง ถ้าตูรักพี่ธีมากกว่านี้ ตูก็จะไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งหมด ไม่สนใจว่าพี่ธีจะรักแม่มากแค่ไหน ทุกอย่างก็จะไม่จบลงแบบนี้”
“พี่ขอโทษนะตูที่พี่ ...”
“พี่ธีไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ทุกอย่างมันเป็นเพราะตู ตูเป็นคนทำลายมันเอง ตูเป็นคนทำลายความรักที่พี่ธีมีให้ตู”
ข้าวตูน้ำตารินไหล ธีระเช็ดน้ำตาให้แล้วเอ่ยถาม
“ตูไม่โกรธพี่นะ”
ข้าวตูส่ายหน้า “ตูขอบคุณนะคะที่ครั้งนึงพี่ธีเคยรักตู”
ข้าวตูน้ำตาไหลริน ธีระมอง ข้าวตูตัดใจแล้วหันเดินจากไป
ธีระมองตามข้าวตูไปแล้วถอนใจหันหลังกลับ อุ้มเดินเข้ามาหาเขา ธีระยิ้มให้ อุ้มยิ้มตอบ ธีระเดินเข้าไปหา
“จะกลับแล้วหรืออุ้ม” ธีระเอ่ยถาม
“ยังค่ะ อุ้มจะมาบอกพี่ธีว่าอุ้มจะทำตามสัญญาที่อุ้มเคยให้กับพี่ธีไว้”
“สัญญา? ขอโทษทีนะช่วงนี้พี่ยุ่งกับงานศพแม่จนเบลอ สัญญาอะไรบอกพี่อีกทีได้มั้ย”
“ก็ที่อุ้มเคยบอกว่าวันไหนที่ไม่มีคุณแม่แล้ว อุ้มจะแต่งงานกับพี่ธีไงคะ” ธีระมองอึ้งๆ อุ้มถามต่อ “ตอนนี้พี่ธียังไม่มีใครใช่มั้ยคะ”
“ยังจ้ะ” ธีระตอบ อุ้มยิ้มดีใจแล้วจับมือธีระ
“ถ้าอย่างงั้นเราก็มาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ พ่อกับแม่ก็ยังบ่นคิดถึงพี่ธีอยู่บ่อย ๆ แล้วที่ดินที่พี่ธีจะซื้อพ่อก็ซื้อเก็บไว้แล้ว พ่อบอกว่าถ้าพี่ธีกลับมาพ่อจะยกที่ดินผืนนั้นให้เป็นเรือนหอของเรา”
ธีระนิ่งด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ
“พี่ธีเป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมเงียบไป” อุ้มถาม
“พี่ขอโทษนะอุ้ม พี่ว่าเรื่องของเรามันจบไปแล้ว” ธีระพูด
อุ้มอึ้ง ธีระพูดต่อ
“ไม่ใช่ที่ผ่านมาพี่ไม่รักอุ้มนะ เพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยน ไป ตัวพี่เองก็มีความคิดไม่เหมือนเดิม”
“พี่ธีกำลังจะบอกว่าพี่ธีลืมอุ้มแล้วงั้นหรือคะ” อุ้มถาม
ธีระพยักหน้า อุ้มน้ำตารื้น
“อย่าโกรธพี่เลยนะ”
“ไม่หรอกค่ะ อุ้มไม่เคยโกรธพี่ธี” อุ้มน้ำตาไหล เธอมองธีระด้วยหัวใจที่แตกสลาย “เพียงแต่อุ้มไม่เคยคิดว่าพี่ธีจะลืมอุ้ม เพราะไม่มีวันไหนที่อุ้มจะไม่คิดถึงพี่ธี”
ธีระมองอุ้มอย่างอึ้งๆ อุ้มมองธีระด้วยน้ำตาไหลพรากแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“อุ้ม ... มีอะไรที่พี่ทำแล้วอุ้มจะยอมแต่งงานกับพี่” ภาพตอนที่ธีระถามอุ้มหวนกลับมา
“พี่ธีเป็นคนดีนะคะ ดีมากด้วย แล้วอุ้มก็อยากจะบอกให้พี่ธีรู้ว่าพี่ธีคือผู้ชายที่อุ้มอยากจะแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปจนวันตาย” อุ้มตอบ
“ถ้าอย่างงั้นก็ลืมเรื่องแม่พี่ แล้วก็แต่งงานกับพี่นะ บอกพี่สิว่าอุ้มจะแต่งงานกับพี่”
เหตุการณ์ปัจจุบัน อุ้มน้ำตายังไหลริน เธอส่ายหน้ากับตัวเองแล้วพูดออกมา
“ถ้าวันนั้นอุ้มไม่มีทิฐิ ไม่ต้องการที่จะเอาชนะแม่พี่ธี วันนี้อุ้มก็คงไม่ใช่คนที่ถูกลืม”
ธีระมองอย่างอึ้งๆ อุ้มมองด้วยน้ำตาที่ไหลริน
“บอกอุ้มอีกครั้งได้มั้ยคะว่าพี่ธีไม่ได้รักอุ้มแล้วจริง ๆ อุ้มจะได้ตื่นจากความฝัน”
“พี่ขอโทษนะอุ้ม”
ธีระจับมืออุ้มเพื่อปลอบใจ อุ้มมองธีระอย่างเจ็บปวด
“ขอบคุณนะคะที่พี่ธีทำให้อุ้มได้รู้จักกับคำว่าความรัก”
อุ้มแกะมือธีระแล้วหันเดินออกไปทั้งน้ำตา ธีระมองตามโดยยังไม่หายอึ้ง
ธีระก้มลงมองรูปแม่ในมือ เงาของพิมเดินเข้ามาหยุดปรากฏในกระจกกรอบรูป ธีระเงยหน้าขึ้นมอง
“พิม”
“พิมยืนลุ้นอยู่ตั้งนาน” พิมบอก
“ลุ้นอะไรหรือ”
“ก็ลุ้นว่าพี่ธีจะเลือกใครระหว่างข้าวตูกับอุ้ม แต่พอเห็นเค้าสองคนเดินจากไป พิมถึงได้กล้าเดินเข้ามาหา”
“แล้วถ้าพี่เลือกใครคนนึงพิมจะทำยังไง”
“พิมก็จะไปโดยไม่ลาพี่และไม่มาเจอพี่อีกทั้งชีวิต”
ธีระมองแล้วยิ้ม พิมก้าวเดินมาหา
“พิมยังรอพี่ธีอยู่นะคะ ถ้าพี่ธีไม่ได้เลือกใครเราก็กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
พิมยื่นมือให้ ธีระกำมือพิม พิมยิ้มปลาบปลื้มแล้วโผเข้ากอด
“พิมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้จริง ๆ” พิมบอก
“พิม” ธีระเอ่ยขึ้น
พิมผละออกมา “ว่าไงคะ”
“พี่อยากจะบอกพิมว่า ... วันนี้พี่ไม่พร้อมสำหรับใครเลย”
พิมชะงัก “รวมทั้งพิมด้วยหรือคะ”
“ใช่ พี่ยังทำใจเรื่องแม่ไม่ได้ พี่ไม่รู้ว่าพี่จะโศกเศร้าเสียใจกับเรื่องของแม่ไปอีกนานแค่ไหน”
“พิมไม่ว่าหรอกค่ะ พิมรอได้ พิมเข้าใจว่าพี่ธีรักและผูกพันกับคุณแม่มาก”
“อย่าเลยพิม พี่ไม่อยากเอาเปรียบพิม ไม่อยากให้ใครต้องอดทนกับพี่เพราะรักพี่ อย่ารอพี่เลยนะ”
“แต่พิมรักพี่ธีนะคะ”
“พี่รู้ แต่พี่สิ ... วันนี้พี่ไม่ได้รักพิมแล้ว”
พิมน้ำตารื้น
“ทำไมคะ บอกพิมได้มั้ยว่าทำไมไม่รักพิม”
ธีระอึ้งเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไร
“หรือเป็นเพราะวันนั้นที่พิมไม่อดทนกับแม่พี่ ... ใช่มั้ยคะ”
ธีระมองพิมแล้วนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
“แล้วถ้าชั้นให้คุณเลือกระหว่างแม่คุณกับชั้น คุณจะเลือกใคร”
“ไม่เอาน่าพิม ผมว่าอย่าเล่นแง่กันเลยนะ แม่ผมก็เป็นแค่คนแก่คนนึงที่เอาแต่ใจตัวเอง” ธีระบอก
“แต่ชั้นต้องการให้คุณเลือก”
“คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปได้ถ้าคุณบอกว่าจะเลือกพิม”
ที่เหตุการณ์ปัจจุบัน ธีระพยักหน้า “คงเป็นเพราะเรื่องนั้น ทำให้พี่ได้รู้ว่าพี่ไม่ได้รักพิม”
พิมเจ็บแปลบที่หัวใจ น้ำตาของเธอไหลริน
“แต่พิมยังคงเป็นน้อง เป็นเพื่อนที่ดีของพี่เสมอนะ”
พิมมองธีระทั้งน้ำตา เธอตัดใจแล้วเดินผ่านธีระไปได้แค่สองก้าวแล้วก็หยุด ก่อนจะพูดออกมา
“เสียดายนะคะ ถ้าวันนั้นแค่พิมอดทน วันนี้พิมคงไม่ต้องมาถามพี่ว่าทำไมพี่ถึงไม่รักพิม”
พิมสะอื้นแล้วร้องไห้แล้วก็เดินจากไป
ธีระมองตามอย่างอึ้งๆ ก่อนจะหันเดินไปอีกทาง
ธีระถือรูปแม่เดินเข้ามาในบ้านของแม่ของเขา ธีระหยุดมองรอบตัว เขามองรูปแม่ในมือ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
ธีระเอารูปแม่วางบนชั้นแล้วเดินออกไปจากห้อง
ธีระเดินลงบันไดมาหยุดมอง เขาเห็นรูปแม่ แดง กบ ไตรตั้นและตัวเขาที่ถ่ายด้วยกันวางอยู่บนโต๊ะ ธีระหยิบมาดู
เสียงของแม่ดังขึ้นในหัวของเขา “ธี มากินข้าวเถอะลูก”
ธีระหันไปมองก็เห็นแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังยิ้มให้เขา
“แม่ต้มกระเพาะหมูที่ลูกชอบด้วยนะ”
ธีระหันมองไปที่โซฟาก็เห็นแม่ลุกขึ้นกางมือเพื่อจะกอดเขา
“กลับมาแล้วหรือลูก เหนื่อยมั้ยลูก”
ธีระน้ำตาซึม เขามองไปที่เก้าอี้หน้าทีวี เขาเห็นแม่กำลังนั่งพูดกับเขา
“แม่อยากให้ลูกรู้นะว่าแม่รักลูก”
“ผมก็รักแม่ครับ” ธีระโพล่งออกมา
ธีระมองรูปในมืออีกครั้งแล้ววางลงที่เดิมก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
ธีระเดินออกมาจากบ้านแล้วปิดประตู เขาเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ประตูรั้วค่อยๆ เลื่อนปิด
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 13
เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ธีระนั่งขับเครื่องบินด้วยสีหน้านิ่งสงบ
ธีระเดินผ่านร้านขนมในต่างประเทศจึงหยุดมองเพราะนึกถึงแม่ เหตุการณ์ตอนที่แม่พูดกับเขาเรื่องซื้อของฝากย้อนกลับมา
“แม่ก็นึกว่าซื้อชอกโกแลตมาฝากแม่”
“แม่ครับ แม่เป็นเบาหวานนะ หมอเค้าไม่ให้กิน”
“แม่รู้ แม่ก็พูดไปอย่างงั้นแหละ”
ธีระหยิบขนมขึ้นมามองแล้ววางลงก่อนจะเดินออกไปจากร้าน
ธีระนั่งเหงาอยู่บนเก้าอี้ยาวในสวนสาธารณะในต่างแดน
ธีระนั่งดื่มกินอยู่คนเดียวในร้านอาหารที่ต่างประเทศ
หลายวันผ่านไป ธีระขับรถแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านต้นไม้ ธีระที่อยู่ในชุดนักบินก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน
“หวัดดีครับพี่ธี” พนักงานในร้านทัก
“พี่กบกับพี่แดงล่ะม่อน” ธีระถาม
“อ๋อ ไม่อยู่ครับ ไปภูเก็ต พอดีมีลูกค้าเค้าอยากให้พี่กบไปดูสวนให้หน่อย”
“ไตรตั้นก็ไปด้วยหรือ”
“ครับ”
“งั้นฝากของแช่ตู้เย็นด้วยนะบอกพี่กบพี่แดงด้วย”
“ครับ” พนักงานรับของฝาก ธีระเดินออกไปจากร้าน
ธีระเดินออกมาหน้าร้านต้นไม้ เขามองซ้ายขวาด้วยความเซ็ง
“เฮ้อ เราเลยไม่รู้จะไปไหน” เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ธีระกดรับสาย “ฮัลโหล”
หนูดีพูดโทรศัพท์กับธีระอยู่ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล
“สวัสดีค่ะคุณธี นี่หนูดีพูดนะคะ”
“อ้าว หนูดี ว่าไง”
“ขอโทษนะคะที่โทรมา เผอิญหนูดีจะอาเงินบางส่วนไปใช้คืนคุณธีค่ะ”
“เอาไว้ก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูดีเก็บเงินได้แสนนึงแล้ว คุณธีจะให้หนูดีเอาไปให้ที่ไหนคะ เดี๋ยวเลิกงานหนูดีจะเอาไปให้”
“ผมว่าจะไปกินกาแฟที่ร้านแถวทองหล่อ ไกลไปมั้ย”
“ไม่ไกลเลยค่ะ หนูดีนั่งรถไฟฟ้าไปสิบนาทีก็ถึงค่ะ”
“งั้นห้าโมงโทรหาผมอีกทีนะว่าผมอยู่ร้านไหน”
“ได้ค่ะ” หนูดีกดวางสาย
ธีระวางสายแล้วขึ้นรถขับออกไป
ยามเย็น ธีระนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้าน หนูดีเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณธี”
“หวัดดีจ้ะ”
“หนูดีขอโทษนะคะที่ไมได้ไปงานเผาศพคุณป้า พอดีวันนั้นหนูดีต้องเข้าเวร”
“ไม่เป็นไรหรอก ดื่มอะไร”
“ไม่ล่ะค่ะขอบคุณ นี่ค่ะ เงินหนึ่งแสน” หนูดีส่งเงินให้ ธีระรับไปดู “หนูดีขอใช้แสนนึงก่อนนะคะ แล้วที่เหลืออีกสองแสนหนูดีจะพยายามหามาใช้ให้เร็วที่สุดค่ะ”
“ผมให้คุณ” ธีระบอก
“ให้หนูดี”
“ใช่”
“ให้ทำไมคะ”
“ผมอยากขอบคุณที่คุณดูแลแม่ผมอย่างดีก่อนที่ท่านจะเสีย”
“หนูดีรับไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณธีก็ให้ค่าจ้างหนูดีแล้วนี่คะ”
“ผมอยากให้เป็นพิเศษไม่ได้หรือไง”
“ยังไงหนูดีก็รับไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมถึงรับไม่ได้”
“แม่หนูดีต้องไม่ยอมหรอกค่ะ แค่คุณธีให้ยืมตอนแรกสามแสนแม่ยังคิดว่าคุณธีเอาเงินมาซื้อหนูดีเลย”
“แสดงว่าผมดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยหรือ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะ แม่แค่กลัวคนจะมาดูถูกน่ะค่ะ”
“งั้นคุณก็ไม่ต้องบอกแม่ว่าผมให้”
“ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ หนูดีไม่เคยโกหกแม่ ถ้าแม่รู้แม่จะเสียใจ”
ธีระมองหนูดี หนูดีชะงักเพราะคิดว่าตัวเองพูดมากไป
“หนูดีขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“แล้วเงินนี่ล่ะ”
“หนูดีไม่รับจริงๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
หนูดียกมือไหว้แล้วเดินออก ธีระมองตามแล้วยิ้มนึกขำในความซื่อของหนูดี
บ่ายวันใหม่ที่บ้านจินดา ไตรตั้นวิ่งมากอดธีระ
“หวัดดีครับน้าธี คิดถึงน้าธีจังเลย”
“น้าก็คิดถึงตั้น ไปเที่ยวภูเก็ตสนุกมั้ย” ธีระถาม
“สนุกมากครับ”
“อาทิตย์หน้าพี่จะไปเที่ยวฮ่องกง ไปด้วยกันมั้ย” แดงถามน้องชาย
“ไม่ล่ะพี่แดงไปเถอะ ผมบินไปบ่อยแล้ว”
“นั่นมันไปทำงาน นี่ไปเที่ยว” กบบอก
“ไม่ล่ะพี่ พี่ไปกันเถอะ”
“จะอยู่ทำไมคนเดียว เหงานะ” แดงว่า
“นั่นสิธี ไปเที่ยวดีกว่าเผื่อได้เจอสาวๆถูกใจ” กบแซว
“ไม่ไปจริงๆครับ พี่กบ”
ช้อย ภาและใหญ่เดินเข้ามา
“แหม อยู่กันพร้อมหน้าเลย” ช้อยทัก
“สวัสดีค่ะป้าช้อยน้าภาป้าใหญ่” แดงยกมือไหว้
“หวัดดีครับ” กบไหว้
“สวัสดีครับ ไปไหนกันมาครับเนี่ย” ธีระถาม
“ก็ตั้งใจมาที่นี่แหละจ้ะ พอดีโทรมาเด็กที่นี่เค้าบอกว่ากัปตันอยู่ ก็เลยรีบมากลัวไม่เจอ” ใหญ่บอก
ธีระสงสัย “มีอะไรกับผมหรือครับ”
“มีจ้ะ มีหลานสาวอยากจะแนะนำให้รู้จักจ้ะ น้องเดียมานี่ลูก” ภาหันไปเรียก
เดีย เด็กสาววัย 20 หน้าตาพื้นบ้านเดินเข้ามาอย่างเขินๆ
“สวัสดีพี่ธีเค้าสิ” ภาบอก
เดียยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”
“หลานสาวป้าเอง น่ารักมั้ย” ภาถาม
“แต่ป้าว่าคนนี้น่ารักกว่า หลานป้าเองจ้ะชื่อ น้องจอย น้องจอยสวัสดีพี่ธีรึยังลูก” ช้อยหันไปถาม
จอย สาววัยเดียวกับธีระรูปร่างท้วมดำยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะพี่ธี”
“เด็กพวกนี้เค้าไม่กล้าเข้ามา เค้าอายกัปตัน” ใหญ่ว่า
“เอ่อ ขอโทษครับ ผมลืมไปผมมีนัดกับเจ้านาย ขอตัวก่อนนะครับ” ธีระตัดบท
“อะไรกันจะไปแล้วหรือ” ช้อยถาม
“เดี๋ยวสิ นี่ป้าอุตส่าห์ให้หลานเค้าหยุดเรียนนะเนี่ย จะได้มีเวลาคุยกับกัปตัน” ภาบอก
“ผมมีธุระจริง ๆ ครับ ผมลานะครับ ไปก่อนนะพี่แดง แล้วผมจะโทรหา”
“เออ รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทันประชุม” แดงบอก
ธีระรีบเดินออกไป
“ยังไม่ทันคุยกันเลย ไปซะแล้ว แล้วจะไปกิ๊กกันตรงไหน” ใหญ่เซ็ง
“อย่าว่าป้าเอาหลานมายัดเยียดนะ เห็นว่ากัปตันเป็นคนดี แล้วแกก็เป็นโสด ป้ากลัวจะเหงา เกิดคิดสั้นขึ้นมาจะยุ่ง” ภาว่า
“ใช่ ป้าก็เลยคิดว่ายอมเสียสละเพื่อพี่จิน พาหลานสาวมาให้ดู” ช้อยบอก
“ใช่ นี่ถ้าไม่ห็นว่าพี่จินป็นเพื่อนสนิทล่ะก็ ไม่เป็นแม่สื่อให้หรอก” ใหญ่พูด
“หนูว่าอย่าไปยุ่งกับธีเค้าเลยค่ะ เค้าช่างเลือก เลิกมาหลายคนแล้ว” แดงบอก
“นั่นสิครับ เดี๋ยวจะผิดใจกับพวกคุณป้าเปล่า ๆ” กบบอก
“อย่างงั้นหรือ” ใหญ่ถอดใจ
“ครับ ผมว่าให้เด็กๆเค้าหากันเองดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง” กบย้ำ
“ก็ได้ ว่าแต่พ่อกบเถอะมีน้องชายหรือพี่ชายที่ยังเป็นโสดมั้ยล่ะ” ภาถาม
“ไม่มีครับ ผมลูกคนเดียว เป็นลูกโทนครับ”
“แต่ตั้นไม่ชอบน้องเดียวกับน้องจอยนะครับ” ไตรตั้นรีบบอก
“จ้ะ พ่อรูปหล่อ” ช้อยพูด
“ไปยัยเดีย” ภาบอกหลานสาว
“ไปยัยจอย” ช้อยดันตัวหลานออกไป แล้วทั้งสามป้าก็เดินออกไป
“ถ้าโตขึ้น ตั้นอยากหล่อเหมือนน้าธีจัง” ไตรตั้นพูดขึ้น
“ไตรตั้นมาทำการบ้านให้เสร็จก่อน อย่าโม้มาก” แดงว่า
“คร้าบแม่”
ธีระนั่งดูทีวีอย่างเหงาๆ อยู่ในบ้านจินดา
บ่ายวันใหม่ ธีระนั่งดื่มกาแฟในร้านที่เงียบสงบ เขามองไปรอบตัวอย่างเหงาๆ
ธีระขับรถมาตามถนนในยามราตรี พอรถติดเขาก็กดโทรศัพท์
“วิทย์หรือ จะชวนไปดื่มอะไรกันหน่อย”
“ขอโทษครับกัปตัน วันนี้ผมนัดแฟนไว้” วิทย์พูด
“อ้าวหรือ ไม่เป็นไร”
ธีระวางสายด้วยความเซ็ง เขาถอนใจแล้วเปิดวิทยุ
เสียงดีเจในสถานีวิทยุดังขึ้น “วันนี้วันแห่งความรัก ใครยังไม่มีคนรักก็ให้ได้คนรักนะครับ สำหรับเพลงนี้ผมมอบให้กับคนที่ผมรักที่สุดครับ”
เสียงเพลงดังขึ้น ธีระนั่งฟังเพลง เขาขับรถไปเรื่อยๆ แล้วเหลือบมองเห็นโรงพยาบาลก็ชะงัก
ธีระเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาล
ในโรงพยาบาล หนูดีนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เธอฮัมเพลงไปแล้วก็หันไปหยิบเอกสารด้านหลัง ธีระเดินมาหยุดด้านหลังหนูดี หนูดีหันหน้ามาเห็นก็สะดุ้ง
“อุ๊ย” ธีระยิ้มให้ หนูดียกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณธี”
“หวัดดีจ้ะ”
“มาเยี่ยมใครหรือคะ” หนูดีถาม
“เปล่า”
“คุณธีไม่สบายหรือคะ”
“ไม่ใช่”
หนูดีงง “อ้าว แล้วมาทำอะไรที่โรงพยาบาลคะ”
“พอดีผมเซ็งๆไม่รู้จะไปไหน ขับผ่านโรงพยาบาลก็เลยแวะมาหาคุณ จำได้ว่าคุณเคยบอกทุกวันจันทร์จะเข้าเวรถึงสามทุ่ม”
“ค่ะ”
“ผมเห็นว่าจะสามทุ่มแล้วก็เลยคิดว่าแวะรับคุณกลับบ้านด้วยดีกว่า ไหนๆบ้านคุณก็อยู่ทางเดียวกับผม”
“เอ่อ ...” หนูดีอึกอัก
“ผมนั่งรอตรงนั้นนะ”
หนูดียังไม่ทันตอบรับ ธีระก็เดินไปนั่งรอ หนูดีหันไปทำงานแล้วก็เหลือบไปมองธีระอย่างงง ๆ
ธีระหันมามองหนูดีก็สะดุ้งรีบหลบตา หนูดีนึกสงสัย
หนูดีนั่งรถมากับธีระ ธีระหันไปมองก็เห็นหนูดีนั่งตัวลีบ
“นั่งสบายรึเปล่า” ธีระถามออกมา
“สบายค่ะ” หนูดีตอบ
ธีระยิ้มให้หนูดี หนูดีเหลือบมองอย่างสงสัย ธีระหันมายิ้มให้ หนูดีฝืนยิ้มตอบ
รถของธีระแล่นเข้ามาจอดหน้าห้องเช่า
“ถนนทางเข้าบ้านคุณก็เปลี่ยวเหมือนกันนะ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากลับบ้านดึก” ธีระบอก
“ทำไมหรือคะ” หนูดีถาม
“ผมเป็นห่วง”
หนูดีชะงักหันไปมองธีระก็เห็นธีระทำเฉย “ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณธีที่มาส่ง”
หนูดียกมือไหว้แล้วก้าวลงจากรถ ธีระยิ้มให้ หนูดีเดินไปที่บ้านเช่าของตัวเองแล้วหันกลับมามอง ก็เห็นธีระยังไม่ไป
“รีบเข้าบ้านซะ” ธีระพูดเสียงดัง
หนูดีรับคำ “ค่ะ”
หนูดีหันกลับแล้วเดินเข้าบ้านด้วยความงุนงง
พระอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆ โผล่พ้นขอบตึกสูงในเมือง หนูดีเดินออกจากห้องเช่าลงบันไดมา เธอเดินเลี้ยวออกมาแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นธีระยืนรออยู่หน้ารถของเขาที่จอดอยู่ หนูดีเดินเข้ามาหาด้วยความตกใจ
หนูดียกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณธี มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ ถึงมาที่นี่”
“ไม่มี ผมแค่มารอคุณ” ธีระบอก
“รอหนูดี เรื่องอะไรหรือคะ”
“ผมตั้งใจจะไปใส่บาตรให้คุณแม่ ก็เลยแวะมาชวนคุณไปใส่บาตรด้วยกัน”
“เอ่อ”
“ไม่เสียเวลาหรอก เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่ทำงาน ไป อย่าช้าเลย เดี๋ยวไปทำงานสาย” ธีระขึ้นรถ หนูดีขึ้นรถตาม
หนูดีขึ้นไปนั่งในรถแล้วรัดเข็มขัด ธีระหันมาพูดกับเธอ
“อ้อ ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณเรื่องนึง”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“ต่อไปนี้เจอผมห้ามไหว้ผมแล้วนะ”
“ทำไมล่ะคะ ก็คุณธีเป็นผู้ใหญ่”
“เวลาที่คุณไหว้ผมทีไร ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองแก่มาก”
“เอ่อ ไม่ใช่นะคะ คุณธียังไม่แก่หรอกค่ะ เพียงแต่หนูดีเห็นว่า..”
“นั่นล่ะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ต่อไปนี้ไม่ต้องไหว้ผมนะ”
“ได้ค่ะ” หนูดียิ้มให้ธีระโดยที่ยังไม่หายงง ธีระยิ้มให้แล้วขับรถออกไป
รถแล่นผ่านถนนราชดำเนินยามเช้าทุกอย่างยังคงเงียบสงบ ธีระกับหนูดีมาใส่บาตรด้วยกันที่บริเวณสนามหลวง
ฝาบาตรพระเปิดออก ธีระหยิบอาหารใส่ลงไปในบาตรพระ เขาหันมาพยักหน้าบอกหนูดี
หนูดีใส่ตาม แล้วทั้งสองก็พนมมือ พระให้พรแล้วเดินออก พระองค์ถัดไปเดินเข้ามารับบาตร
ธีระกับหนูดีปล่อยนกบินขึ้นไปบนฟ้า ธีระกับหนูดียืนมอง หนูดียิ้ม ธีระเหลือบมอง หนูดีหันมาเห็นก็ชะงัก ธีระมอง หนูดียิ้มเขินๆ
“นี่เป็นครั้งแรกนะคะที่หนูดีได้มีโอกาสมาปล่อยนก เพิ่งรู้นะคะเนี่ย ว่ามันทำให้หัวใจเราพองโต”
“ทำไมหรือ” ธีระถาม
“ก็ ..มันรู้สึกอิ่มเอิบน่ะค่ะที่เราได้ปลดปล่อยให้ชีวิตมันเป็นอิสระ”
หนูดีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ธีระมองหนูดีแล้วเอ่ยออกมา
“หนูดี”
“คะ”
“มะรืนนี้ผมจะไปญี่ปุ่น คุณอยากได้อะไรมั้ย”
หนูดีงง “ไม่ล่ะค่ะ”
“งั้นผมจะซื้อขนมมาฝากนะ คุณชอบทานอะไร”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ รบกวนคุณธีเปล่าๆ”
“ทำไมต้องเกรงใจผมอยู่เรื่อย”
หนูดีมองอย่างงงๆ “ก็ ...”
“เพราะผมเป็นผู้ใหญ่” ธีระตอบแทน
หนูดียิ้ม “ก็ ...ค่ะ”
“ไหนคุณบอกว่าผมไม่แก่ไง ปีนี้ผมอายุ35 คุณอายุเท่าไหร่นะ”
“24 ค่ะ”
“ก็ห่างกันแค่ 11ปี ไม่มากเท่าไหร่คุณว่ามั้ย”
“ก็มากเหมือนกันนะคะ”
“หมายความว่าคุณไม่ชอบคนแก่”
“ค่ะ ก็ไม่ค่อยชอบหรอกค่ะ” หนูดีตอบ ธีระทำหน้าผิดหวัง “แต่ยกเว้นคุณธีนะคะ เพราะคุณธีดูดีแล้วก็ไม่แก่”
“ถ้างั้นคุณก็ไม่รังเกียจผมใช่มั้ย” ธีระถาม
หนูดีชะงักมองธีระอย่างอึ้งๆ ธีระมองสบตา หนูดีประหม่าหลบตาและเริ่มทำตัวไม่ถูก
“ว่าไง หนูดี คุณจะรังเกียจมั้ยถ้าเราจะคบกัน ผมหมายถึงถ้าผมจะจีบคุณเป็นแฟนได้มั้ย” ธีระถาม หนูดีสะเทิ้นอายและทำอะไรไม่ถูก
“คุณธีล้อหนูดีเล่นใช่มั้ยคะ”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมพูดจริงๆ ให้โอกาสผมได้มั้ย”
หนูดีอึ้ง “เป็นไปไม่ได้หรอกคะ หนูดีไม่มีอะไรเหมาะสมเท่าเทียมกับคุณธีเลยนะคะ”
“แต่เรายังไม่ได้เริ่มต้นเลยนะ จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นไปไม่ได้”
หนูดีมองหน้าธีระอย่างลังเล
“ผมก็เปรียบเหมือนกับนกที่คุณเพิ่งปล่อยออกไป” ธีระพูด “วันนี้ผมมีอิสระที่จะรักและอยู่กับใครซักคนไปจนวันตาย”
หนูดีมองด้วยความอึ้ง ธีระยื่นมือให้
“ให้โอกาสผมนะ เราจะเริ่มนับหนึ่งไปพร้อมๆกัน”
หนูดีมองอย่างลังเล ธีระมอง หนูดียังนิ่ง ธีระเอามือลงด้วยความผิดหวัง
“ถ้างั้นผมจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาลแล้วกัน” ธีระหันหลังแล้วเดินไป
“เดี๋ยวค่ะคุณธี” หนูดีเรียก ธีระชะงักแล้วหันไปมอง “ก็ได้ค่ะ เราจะนับหนึ่งไปพร้อมๆ กัน”
หนูดีส่งมือให้ ธีระจับมือหนูดีแล้วดึงเธอเข้ามากอดก่อนจะบรรจงจูบหน้าผาก
หนูดีจับมือธีระ แล้วทั้งสองก็ก้าวเดินไปด้วยกัน
เช้าวันใหม่ที่ชายทะเล ธีระกับหนูดีเดินคุยกันมาตามทาง ทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ธีระสวมกอดหนูดี
“คิดถึงคุณแม่มั้ยคะ” หนูดีถาม
“ไม่” ธีระตอบ หนูดีมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ “เพราะผมมีคุณให้คิดถึงแล้ว”
ธีระหอมแก้มหนูดีฟอดใหญ่
จบบริบูรณ์