รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 11
จินดายังคงนั่งนิ่งอยู่ในชุดเดิมในสภาพผมเผ้าหลุดลุ่ย อรเดินเข้ามาส่งยาให้
“คุณยายขายาค่ะ”
“อืมม์”
“ทานเลยนะคะ”
จินดาหยิบยามามองแล้วสาดทิ้ง
“ว้าย คุณยาย” อรตกใจ “ทำไมทำอย่างนี้ล่ะคะ ต้องทานนะคะ ไม่ทานเดี๋ยวตายนะ”
“เออ ข้าอยากตาย”
“แต่ถ้าคุณธีรู้ คุณธี ...”
“เอ็งอย่าพูดชื่อมันให้ข้าได้ยิน”
“เอ่อ ...”
“ออกไป”
“อ้าว ไม่ให้หนูนอนกับคุณยายหรือคะ”
“เอ็งจะไปนอนที่ไหนก็เรื่องของเอ็ง”
“แน่ใจนะคะ”
จินดาตวาด “ออกไป” จินดาปาหนังสือใส่ “ข้าไม่ต้องการใครทั้งนั้น”
“ค่ะ ค่ะ ไปแล้ว”
อรวิ่งออกไปจากห้อง
อรวิ่งลงบันไดมา
“ดี งั้นคืนนี้โทรชวนพี่คมสันต์มานอนกับเราดีกว่า”
อรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดทันที
จินดามองรูปครอบครัวบนโต๊ะหัวเตียงด้วยความเสียใจ สักพักเธอก็เอามือกวาดรูปทิ้งจนข้าวของหล่นกระจาย
“ในเมื่อมันสองคนไม่เห็นเราเป็นแม่ เราก็จะไม่เห็นมันเป็นลูกเหมือนกัน .. นังอร .. เอาน้ำมาให้ข้ากินหน่อยซิ.. นังอร หายหัวไปไหน”
อรยืนอยู่ข้างล่างพอได้ยินเสียงจินดาก็มองขึ้นไปที่ห้อง
“อยากไล่เราเองนี่ ... ลงมาเอาเองแล้วกันนะคะคุณยาย”
อรหัวเราะแล้วเดินออกไป
จินดานั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่ภายในห้อง
ธีระนอนกอดข้าวตูหลับอยู่ในห้องนอนของข้าวตู
จินดาก้าวลงบันไดมาในสภาพผมเผ้ายุ่ง เธอหยุดมองหาอร
“นังอร .. นี่สายแล้วมันหายหัวไปไหนของมัน”
จินดาเดินกวาดตามองแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรองเท้าทหาร เสื้อของอรถูกทิ้งอยู่หน้าห้องนอนเล็ก
และมีแก้วเบียร์กับจานอาหารวางอยู่
“อย่าบอกนะว่ามันพาผู้ชายมานอน”
จินดาเดินไปที่ห้องแล้วเปิดประตูเข้าไป
จินดาเปิดประตูเข้ามา
“นังอร ...”
อรนอนอยู่บนเตียงกับคมสันต์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นจินดา เธอกระโดดกอดคมสันต์ทันที
“ว้าย คุณยายขา อย่าเพิ่งเข้ามาหนูโป๊ค่ะ”
“เอะอะอะไรน้องอร” คมสันต์ถาม
“พี่คมสันต์ตื่นเร็ว” อรปลุก
จินดาเดินเข้ามามองด้วยความโกรธ
“นี่แกกล้าดียังไง ถึงพาผู้ชายมานอนในบ้านชั้น”
“ก็คุณยายไม่ให้หนูนอนกับคุณยายนี่คะ หนูไม่รู้จะไปนอนที่ไหน” อรบอก
“แล้วทำไมพาผู้ชายเข้ามา” จินดาไม่พอใจ
“ก็หนูกลัวผีนี่คะ ไม่กล้านอนคนเดียว”
“แกออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้” จินดาไล่
“คุณยายไล่หนูหรือคะ”
“ใช่ ชั้นไล่แกออก”
“อะไรคะ กะอีแค่หนูพาแฟนมานอนแค่นี้ ถึงต้องไล่หนูออกเลยหรือคะ”
“แกมันเลว นังคนไม่รักดี นังผู้หญิงสำส่อน ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้”
“หนูออกก็ได้ค่ะ แต่คุณยายไม่มีสิทธิ์มาด่าหนูหยาบคายแบบนี้นะคะ” อรบอก
“ทำไมชั้นจะด่าไม่ได้ คนอย่างแกมัน ...”
“คนอย่างหนูทำไมหรือคะ คนอย่างหนูมีจิตใจ มีเลือดเนื้อ มีความรัก ไม่เหมือนคุณยายที่หัวใจทำด้วยใยเหล็ก กีดกันความรักของลูกชายตัวเอง”
“แกไม่มีสิทธิ์มาพูดเรื่องของชั้นนะ”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ตอนนี้หนูไม่ใช่ขี้ข้าคุณยายแล้ว หนูจะบอกให้รู้นะ คุณยายจะต้องตายอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ ลูกเต้าก็จะไม่มีใครมาดูแล”
จินดาโกรธจัด “ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้นะ”
“ไปค่ะพี่คมสันต์ ไปหารังรักของเรา”
อรดึงคมสันต์ให้ออกไปจากบ้าน
“จะไปไหน พี่ยังง่วงอยู่เลย น้องอรไปเถอะ ขอพี่นอนต่อ”
“นอนไม่ได้พี่คมสันต์ เราต้องไปแล้ว”
คมสันต์ลุกขึ้นมองจินดาอย่างงัวเงีย
“แล้วนี่เรื่องอะไรกันเนี่ย”
“แกออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ชั้นจะลากคอแกเข้าตะราง” จินดาขู่
คมสันต์หงุดหงิด “ไปก็ได้ ไป ไป”
อรกับคมสันต์เดินออกไป อรหยุดมองหน้าจินดาแล้วพูด
“เชิญคุณยายอยู่คนเดียวไปจนวันตายเถอะค่ะ”
จินดาเงื้อมือจะตบ
“อีนี่ ...”
“อ้ะ อ้ะ อย่านะคะ ถ้าตบหนูหนูแจ้งตำรวจจับ จะไปตายในคุกนะคะ” อรบอก
คมสันต์เดินมาหยุดจ้องหน้าจินดาแล้วถาม
“แล้วจะอยู่คนเดียวได้หรือคุณยาย”
“ออกไป !!” จินดาตวาดเสียงดัง
คมสันต์เดินตามอรออกไป จินดาโกรธจัด
“เลี้ยงไม่เชื่องซักคน ทั้งลูกทั้งคนใช้”
ธีระนั่งลงแล้วพูดกับแดงที่ร้านต้นไม้
“แม่ไล่อรออก แล้วก็ไล่ผมไม่ให้เข้าบ้านด้วย”
“นี่แม่จะเอาอะไรของแม่ ทำอย่างนี้แล้วใครจะอยู่ดูแลแม่” แดงเป็นห่วง
“ก็คงต้องเป็นผม”
“อย่าบ้าน่ะธี แกไม่ต้องทำงานหรือไง”
“แล้วพี่จะให้ทำไง หรือพี่แดงจะเป็นคนไปดู”
“แต่ชั้นต้องดูลูก ดูผัว ดูร้านนะ”
“ถ้างั้นก็ต้องทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว”
กบเดินเข้ามาหาทั้งสองแล้วพูด
“บ้าน่ะธี ทำอย่างงั้นไม่ได้หรอก พี่ว่าเดี๋ยวเราโทรหาศูนย์แม่บ้านให้เค้าส่งเด็กมาอยู่กับแม่”
“ไม่มีทางหรอกพี่กบ ตอนนี้แม่ไม่ให้ใครเข้าบ้าน” ธีระบอก
“งั้นพี่ว่าแดงควรจะไปคุยกับแม่นะ”
“แต่ธีบอกว่าแกไม่ยอมให้ใครเข้าบ้านนะ” แดงบอก
“แดง แต่เราต้องคุยกับแม่ให้รู้เรื่องนะ เราปล่อยให้แกอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก เป็นอะไรขึ้นมาจะยุ่ง” กบย้ำ
ธีระเสนอ “งั้นผมว่าเราไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”
ข้าวตูเดินเข้ามา
“ตูไปด้วยได้มั้ยคะ”
ทุกคนชะงักมอง
“พี่ว่าอย่าเลย เดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีก” แดงปราม
“ใช่ ตูอย่าไปเลย พี่กับพี่แดงจะเป็นจัดการเรื่องนี้เอง” ธีระเห็นด้วย
“ก็ได้ค่ะ”
“งั้นไตรตั้นอยู่กับน้าตูนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่มา”
กบหันไปบอกไตรตั้นที่นั่งเขียนหนังสืออยู่อีกโต๊ะ
“ครับ” ไตรตั้นรับคำ
กบกับแดงเดินออกไป ธีระมองหน้าข้าวตูแล้วจับมือของเธอกำไว้
“ใจเย็นๆนะคะ” ข้าวตูปลอบ
ธีระพยักหน้าแล้วเดินตามกบกับแดงออกไป ข้าวตูมองตามอย่างเอาใจช่วย
ธีระ กบและแดงเปิดประตูบ้านจินดาแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน
ทั้งสามเดินเข้ามาในบ้านแล้วหยุดมองก็เห็นบ้านเงียบ
“แม่ .. แม่ครับ ...” ธีระตะโกนเรียก
“แม่ ...” แดงร้องเรียก
ในบ้านยังคงเงียบ ทั้งสามมองหน้ากัน
“เดี๋ยวผมจะขึ้นไปดูข้างบน” ธีระอาสา
“เดี๋ยวพี่ไปดูในครัว” แดงบอก
“งั้นพี่ไปดูหลังบ้านเอง” กบพูด
แล้วทั้งสามก็เดินแยกกันไป
ธีระเปิดประตูห้องนอนของจินดาเข้ามา ก็เห็นข้าวของ้กลื่นกลาดเละเทะ แก้วน้ำจานอาหารที่กินแล้ก็ววางที่นอนโดยไม่ได้เก็บ
“แม่ .. แม่ครับ ..”
ธีระเดินเข้าไปดูในห้องน้ำแต่ก็ไม่มี เขาจึงเดินออก
ธีระเดินลงมาจากชั้นบน กบกับแดงเดินเข้ามาถามเขา
“เจอแม่มั้ย”
“แม่ไม่อยู่ในห้อง” ธีระตอบ
“ข้างล่างนี่ก็ไม่มี” แดงบอก
“หลังบ้านก็ไม่มี” กบบอก
“แล้วนี่แม่ไปไหน ประตูบ้านก็ไม่ปิด” แดงเป็นห่วง
“หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่พี่แดง” ธีระร้อนใจ
“ไม่รู้สิ”
“เดี๋ยวผมจะไปถามคนข้างบ้าน” ธีระบอก
“พี่ไปด้วย”
“งั้นเดี๋ยวพี่จะขับรถออกไปดูหน้าปากซอยแม่อาจจะออกไปซื้อของก็ได้” กบบอก
ทั้งสามรีบเดินออกไป
ธีระ แดงและกบเดินออกมาที่ระเบียงหน้าบ้าน ทั้งสามเห็นจินดาอยู่ในชุดกระโปรงอยู่บ้านกำลังเดินขึ้นบันไดมาในสภาพผมยุ่งเหยิง เธอถือถุงอาหารใส่กล่องโฟม ถุงโอเลี้ยง ถุงขนมหวาน ถุงผลไม้มาแบบพะรุงพะรัง
ธีระร้องเรียก “แม่ ...”
จินดาชะงักมองทั้งสามนิ่ง
“แม่ไปไหนมา” แดงถาม
“มาครับแม่ ผมช่วยถือ”
ธีระเดินเข้าไปหาแล้วเอื้อมมือจะไปช่วยถือของ จินดาสะบัดมือออกแล้วไม่พูดอะไร เธอเดินสวนแดงกับกบไป แดงคว้ามือของแม่เอาไว้
“เดี๋ยวสิแม่ แดงขอโทษ”
“ใช่ครับแม่ ยกโทษให้พวกเราเถอะครับ” กบบอก
จินดาสะบัดมือแดงออกแล้วเดินเข้าบ้านไป ทั้งสามมองหน้ากัน ธีระเดินตามเข้าไป
จินดาเดินไปนั่งที่โต๊ะกลมกลางบ้าน เธอหยิบกล่องโฟมใส่ข้าวผัดออกมาตักข้าวกินโดยใช้ช้อนพลาสติคที่มากับกล่องใบนั้น สักพักธีระ แดงและกบก็เดินเข้ามา
“มาครับแม่ ผมไปใส่จานให้” ธีระบอก
“ไม่ต้อง พวกแกกลับไปได้แล้ว” จินดาว่า
แดงร้องไห้ “แม่อย่าทำอย่างนี้สิ พวกเรารักแม่นะ ที่ทำลงไปก็เพราะว่า...”
“แกหยุดพล่ามได้แล้ว ชั้นไม่อยากฟังเรื่องของพวกแก”
จินดาตักข้าวใส่ปากแล้วก็ไอเพราะสำลัก ธีระหยิบทิชชู่จะช่วยเช็ดปาก
“แม่ครับ ...” จินดาปัดมือธีระออก
“พวกแกยังมีหน้ามาเรียกชั้นว่าแม่อีกหรือ”
“แดงผิดไปแล้วแม่ ยกโทษให้แดงด้วยเถอะ ธีขอโทษแม่สิ พี่กบขอโทษแม่”
“แม่ ผมขอโทษครับ” กบยกมือไหว้
“ผมผิดไปแล้วที่โกหกแม่ แม่ยกโทษให้ผมนะครับ” ธีระบอก
“ได้ ชั้นจะยกโทษให้แก แต่แกต้องเลิกกับนังผู้หญิงคนนั้น” จินดายื่นค่ำขาด
ธีระอึ้ง
“ว่าไง บอกแม่สิว่าแกจะเลิกกับนังผู้หญิงคนนั้น”
กบกับแดงมองหน้ากัน ธีระนิ่งอึ้ง จินดามองจ้องด้วยความโกรธ
“ใช่สิ แกเลิกกับมันไม่ได้หรอก เพราะแกรักมันมากกว่าชั้น ถ้างั้นพวกแกก็ไปซะ ไม่ต้องมากลับมาให้ชั้นเห็นหน้าอีกต่อไป”
จินดาลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปชั้นบน
“แม่ ...” แดงร้องไห้จะเดินตามแต่กบดึงไว้
“แดง” กบปราม
จินดาก้าวเดินขึ้นไป ธีระมองตาม จินดาหยุดยืนที่หน้าห้องแล้วหันมาพูด
“แล้ววันที่ชั้นตายพวกแกไม่ต้องมาเผาชั้น”
จินดาเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูดังปัง ธีระสลด
“พี่กบทำไงดี แม่ไม่ยอมยกโทษให้เรา” แดงร้องไห้โฮ
“พี่ว่าเรากลับบ้านก่อนเถอะ” กบเสนอ
“แล้วเราจะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวหรือ” แดงถาม
“แต่ถ้าเรายังอยู่ แม่จะยิ่งไม่พอใจนะ เชื่อพี่กลับบ้านก่อนไปธี”
“เดี๋ยวผมจะขึ้นไปคุยกับแม่ให้รู้เรื่อง” ธีระบอก
“เชื่อพี่ ตอนนี้นายคุยยังไงแม่เค้าก็ไม่ยอมรับหรอก นอกซะจากนายจะบอกแม่ว่านายจะเลิกกับข้าวตู” กบพูด
ธีระมองหน้าแดงอย่างอึ้งๆ แดงมองน้องชายแล้วก็น้ำตาไหล กบตบไหล่ธีระ
“พี่ว่าเรากลับไปคิดกันก่อนดีกว่า” กบยืนยัน
กบประคองแดงออกไป แดงมองขึ้นไปที่ห้องแม่ของเธอ ธีระเดินหันมองไปที่ห้องแม่ด้วยความเสียใจก่อนจะเดินออกจากบ้านแล้วปิดประตู
จินดามองผ่านหน้าต่างไปที่ชั้นล่าง แล้วหันหน้ากลับมาร้องไห้
“ในที่สุดมันก็เลือกที่จะอยู่กับผู้หญิงมากกว่าเรา ...” จินดาน้ำตาไหลริน “นี่ชั้นต้องเสียลูกไปจริงๆหรือเนี่ย”
ที่ร้านต้นไม้ กบวางแก้วชาให้แดง
“ดื่มชาร้อนๆหน่อยแดง”
แดงจิบชาแล้วมองหน้าธีระ ธีระมองข้าวตู
“ถึงยังไงผมก็จะไม่เลิกกับตู” ธีระยืนยัน
ข้าวตูกุมมือธีระแทนคำขอบคุณ ธีระยิ้มให้
“ถ้าอย่างงั้นเราก็ต้องปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวซักพัก บางทีแกอาจจะคิดได้แล้วยอมแพ้” กบบอก
“ไม่มีทางหรอกพี่กบ คนอย่างแม่ไม่มีทางยอมแพ้” แดงท้วง
“แล้วแดงจะทำยังไง เราจะไปอยู่กับแม่ แม่ก็ไม่ยอมให้เราอยู่”
แดงมองหน้าข้าวตูอึ้งๆ ข้าวตูมองสบตา
“ตู ถ้าพี่จะขอร้องให้ตูเลิกกับธี เพื่อเห็นแก่ครอบครัวพี่ได้มั้ย” แดงเอ่ยขึ้น
ธีระตกใจ “ทำไมพี่แดงพูดอย่างนั้น”
“แกไม่ได้ยินที่แม่พูดหรือ ถ้าแกไม่เลิกกับข้าวตู แม่จะไม่มีวันยกโทษให้พวกเรา”
“แต่มันต้องไม่ใช่วิธีนี้” ธีระยืนยัน
“แล้วมันมีวิธีไหนอีก แกบอกพี่ซิ”
“เอาล่ะค่ะ พี่แดง ตูว่าอย่าเพิ่งเถียงกันเลยค่ะ ขอตูไปคุยกับคุณแม่พี่แดงหน่อยได้มั้ย” ข้าวตูขอ
“พี่ว่าอย่าเลย ยิ่งไปแม่จะยิ่งโกรธหาว่าพวกเราลองดีนะ” กบบอก
“แต่ลองให้ตูไปคุยก่อนได้มั้ยคะ บางทีวิธีของตูอาจจะทำให้คุณแม่เข้าใจก็ได้”
“ตูจะใช้วิธีไหน” ธีระถาม
“ตูขอไม่บอกได้มั้ยคะ ถ้าสำเร็จตูจะมาเล่าให้พี่ธีฟัง”
ทุกคนมองหน้ากัน ธีระพยักหน้า
“ไม่ลองก็ไม่รู้”
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 11 (ต่อ)
จินดานั่งอยู่กลางห้อง ใครคนหนึ่งเดินเข้าไปหาแล้วหยุดยืนที่ด้านหลัง
“ชั้นบอกแกแล้วไง ถ้าแกไม่เลิกกับผู้หญิง แกไม่ต้องกลับมาหาชั้น” จินดาพูดโดยไม่ได้หันมามอง
“หนูเองค่ะคุณป้า” ข้าวตูพูด
จินดาตกใจพอหันขวับมาก็เห็นข้าวตูยืนอยู่
“นี่หล่อนกล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาในบ้านชั้น”
“หนูเพียงแต่จะมาอธิบายให้คุณป้าเข้าใจในความรู้สึกของหนูกับพี่ธี”
“ชั้นไม่อยากฟัง เธอกลับไปได้แล้ว” จินดาไล่
“หนูไม่กลับค่ะ จนกว่าคุณป้าจะยอมรับในความรักที่หนูมีต่อพี่ธี”
“รักหรือ เธอเพิ่งรู้จักลูกชั้นได้สามสี่เดือน เธอก็คิดจะมาแย่งเค้าไปจากชั้น”
“คุณป้าคะปีนี้คุณป้าอายุเท่าไหร่คะ” ข้าวตูถามกลับ
“มันเกี่ยวอะไรกับเธอ”
“คนเราเนี่ยไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกนะคะ คุณป้าลองคิดดูสิคะ ถ้าวันนี้คุณป้าเกิดตายขึ้นมา คุณป้าจะกีดกันพี่ธียังไงเพื่อไม่ให้รักผู้หญิงคนอื่น”
“นี่เธอแช่งชั้นหรือ”
“หนูไม่ได้แช่งค่ะ หนูแค่เตือนสติคุณป้า คุณป้าไม่สามารถเก็บพี่ธีไว้ในอ้อมอกของคุณป้าได้ตลอดชีวิตหรอกค่ะ”
“เธอไม่ต้องมาสั่งสอนชั้น ชั้นจะตายหรือไม่ตาย ชั้นก็ไม่มีวันยอมให้ลูกชายชั้นมารักกับเธอ”
“ถ้าอย่างงั้นหนูคิดว่าคุณป้าเตรียมตัวตายได้เลยค่ะ เพราะพี่ธีเค้ายืนยันว่าเค้าจะไม่มีวันเลิกกับหนู”
ข้าวตูเดินออกไป จินดาตะโกนไล่หลังด้วยความโกรธ
“ไม่จริง ลูกชั้นจะไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหนมากกว่าแม่ของเค้าหรอก”
ข้าวตูอมยิ้มแล้วเดินออกไปช้าๆ จินดาทรุดลงนั่งร้องไห้
“ธี แม่รู้ว่าลูกรักแม่ ลูกจะไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหนมากกกว่าแม่ ใช่มั้ยลูก”
ธีระนั่งนิ่งรอข้าวตูอยู่ในร้านต้นไม้ ข้าวตูเปิดประตูเข้ามา
“แม่ว่าไงบ้างตู”
กบเดินออกมาแล้วก็หันไปตะโกนเรียกแดงที่อยู่หลังร้าน
“แดง ตูกลับมาแล้ว”
แดงวิ่งออกมา
“แม่พี่ว่าไงตู”
ข้าวตูยิ้ม “ตูยังตอบตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ คงต้องปล่อยให้ท่านคิดซักพัก ถ้าท่านเข้าใจที่ตูบอกท่านก็จะยอมให้พี่ธีรักกับตู”
“แล้วตูบอกแม่ว่าไง” ธีระถาม
“ตูบอกให้ท่านรู้ว่าคนเราเกิดมาก็ต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า”
ทุกคนอึ้ง แดงมองหน้ากบ ธีระยิ่งหนักใจ
วันใหม่ ธีระดันคันเร่งอยู่ในห้องนักบินด้วยสีหน้านิ่ง ล้อเครื่องบินยกขึ้น เครื่องบินเลี้ยวโค้งขึ้นท้องฟ้าไป
ไตรตั้นเดินเข้ามาหยุดหน้าบ้านจินดา กบพูดกับไตรตั้น
“ตั้น ฟังพ่อให้ดีนะ ตั้นเข้าไปหาคุณยายแล้วบอกว่าคิดถึงคุณยายมาก”
ไตรตั้นรับคำ “ครับ”
“แล้วถ้าคุณยายถามว่ารักคุณยายมั้ย ก็บอกว่ารักที่สุดในโลกนะ” กบบอก
“แต่ตั้นรักพ่อกับแม่มากกว่านะ”
“พ่อรู้ แต่ตอนนี้ต้องเอาใจคุณยายหน่อย”
“ให้ตั้นโกหกใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้อง แต่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
“ครับ”
“ไป” กบดันหลังลูกชาย ไตรตั้นเดินเข้าไป กบมองตามอย่างลุ้นๆ
ไตรตั้นเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นจินดานั่งมองทีวีด้วยแววตานิ่งเพราะไม่ได้สนใจทีวี ไตรตั้นเดินเข้ามาหยุด
“สวัสดีครับคุณยาย”
จินดาหันมองนิ่ง ไตรตั้นยิ้มให้
“ตั้นคิดถึงคุณยายจังเลยครับ”
ไตรตั้นเข้ามากอด จินดานั่งเฉย ไตรตั้นเงยหน้ามองเห็นจินดามองเหม่อออกไปข้างนอก
“คุณยายไม่คิดถึงตั้นหรือครับ” ไตรตั้นถาม
“ไม่” จินดาตอบ
“แต่ตั้นรักคุณยายมากนะครับ รักมากกว่าพ่อและแม่ด้วย”
“ใช่สิ ตอนนี้แกยังเด็ก แกยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แกก็รักพ่อกับแม่ วันนึงที่แกโตมีเมียแกก็จะไม่รักพ่อกับแม่แกแล้ว”
“รักนะครับ”
“ครั้งนึงน้าแกมันก็พูดอย่างนี้ แต่วันนี้มันก็ไปรักผู้หญิงอื่น”
“ใช่ครับ ตั้นก็ว่าน้าธีเค้าต้องรักน้าตูมากกว่าคุณยาย”
จินดาจ้องหน้าไตรตั้นเขม็ง ไตรตั้นยิ้มให้
กบชะเง้อมองอยู่หน้าบ้าน ไตรตั้นเดินซึมออกมา
“เป็นไงลูก คุณยายว่าไง” กบถามลูกชาย
“คุณยายบอกว่าไม่ให้ตั้นมาที่นี่อีกต่อไปแล้ว” ไตรตั้นพูดซึมๆ
กบอึ้งแล้วก็ถอนใจ
ธีระเดินมาตามทางเดินในต่างประเทศ เขากดโทรศัพท์หาพี่สาว
ที่ร้านต้นไม้ แดงเดินมารับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“พี่แดงหรือครับ แม่เป็นไง”
“พี่โทรไปแกก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ให้พี่กบไปหาแกก็ไม่ให้เข้าบ้าน”
“หมายความว่าเรื่องที่ข้าวตูไปพูดก็ไม่มีประโยชน์” ธีระสรุป
แดงถอนใจ “ธี พี่ว่าแกต้องตัดสินใจแล้วนะ ถ้าปล่อยไปแบบนี้พี่กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไปนะ เพราะตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าแกกินยาตามหมอสั่งรึเปล่า”
“แล้วพี่แดงจะให้ผมทำยังไง หรือพี่แดงอยากให้ผมเลิกกับตูงั้นหรือ”
“ใช่ เลิกกับเค้าเถอะ ถ้าวันนึงแม่เป็นอะไรไปแกค่อยหาแฟนใหม่ก็ได้ ผู้หญิงมีอีกเยอแยะ แต่เรามีแม่คนเดียวนะธี”
“แต่มันไม่ถูกต้องนะพี่แดง แล้วผมก็จะบอกให้พี่แดงรู้ว่าผมจะไม่มีวันเลิกกับข้าวตู”
“นี่แกอยากให้แม่ตายงั้นหรือ”
“ถ้าแม่จะตายเพราะว่าผมขัดใจแม่ ผมก็คงไม่รู้จะทำยังไง”
แดงร้องไห้ “พี่ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนใจร้ายใจดำอย่างนี้”
ธีระกดวางสาย
“ธี .. ธี ..” แดงวางสายแล้วหันมาหากบ “พี่กบทำไงดี ธีไม่ยอมเลิกกับข้าวตู”
“ถ้าพี่พูดอะไรอย่าโกรธพี่นะ ... พี่ว่าเราควรจะเคารพในการตัดสินใจของธี”
“ก็ใช่สิ ไม่ใช่แม่พี่กบนี่ พี่กบก็พูดได้”
“แดง พี่ถามหน่อย ถ้าเป็นแม่พี่บอกให้พี่เลิกกับแดง แดงจะว่าไง”
แดงอึ้ง
“แดงจะยอมให้พี่เลิกกับแดง แล้วกลับไปอยู่กับแม่มั้ยล่ะ” กบถาม
แดงส่ายหน้าแล้วน้ำตาไหล
“แล้วจะทำไงดีล่ะพี่กบ”
กบดึงแดงเข้ามากอด
ธีระเดินออกมาตามทางเดินของนักบินมีคนทำความเคารพ ธีระยกมือตะเบ๊ะตอบแล้วเดินออกไป
ธีระขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านข้าวตู ธีระลงจากรถพร้อมถุงของฝากแล้วเดินเข้าบ้าน
ธีระเปิดประตูเข้าบ้าน ข้าวตูวิ่งเข้ามากอด
“พี่ธี คิดถึงจังเลย คิดถึงตูมั้ยคะ”
“คิดถึงสิ” ธีระหอมแก้มข้าวตู
“คราวหน้าถ้าไปบินหลายวัน ให้ตูไปด้วยได้มั้ยคะ” ข้าวตูถาม
“ได้สิ พี่กำลังจะบอกอยู่พอดี”
“รักพี่ธีที่สุดเลย” ข้าวตูหอมแก้มธีระ “วันนี้ตูทำชีสเค้กลองหน่อยนะคะ”
ข้าวตูวิ่งไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบชีสเค้กออกมา ธีระลงไปนั่ง ข้าวตูเอาเค้กเข้ามาตักป้อนธีระ
“อร่อยมั้ยคะ”
“อร่อย นี่ทำเองจริงหรือ”
“ค่ะ”
“ไม่จริง พี่ว่าซื้อมามากกว่า”
“วันหลังจะทำให้ดูเลย” ข้าวตูบอก
ข้าวตูตักเค้กป้อนอีก ธีระเคี้ยวแล้วยิ้มให้ มุมปากของธีระเลอะครีม ข้าวตูเอานิ้วเช็ดครีมที่เลอะปากให้ ธีระดึงข้าวตูเข้ามากอด
ช้อย ใหญ่ และภาเปิดประตูรั้วบานเล็กเข้ามาในบ้านจินดา บริเวณบ้านมีใบไม้ร่วงเต็มพื้นเหมือนขาดการดูแล
“ทำไมบ้านเงียบจัง” ช้อยโพล่งออกมา
“อยู่รึเปล่าเนี่ย” ใหญ่ว่า
“ไม่อยู่ได้ไงประตูเปิดนี่” ภาบอก
“ทำไมนังอรไม่กวาดบ้านกวาดช่อง ปล่อยให้สกปรกใบไม้รกเต็มบ้าน”
“ชั้นว่ามันต้องติดผู้ชายแน่ๆ เดี๋ยวจะให้พี่จินเล่นงานมัน” ใหญ่ว่า
“แต่ชั้นว่าต้องให้พี่จินไล่มันออกแล้วนะ ขี้เกียจแบบนี้” ภาบอก
แล้วทั้งสามก็เดินเข้าบ้านไป
ช้อย ใหญ่และภาเดินเข้ามาในบ้าน ช้อยทำจมุดฟุดฟิด
“นี่กลิ่นอะไรนี่”
“จะกลิ่นอะไรก็กลิ่นฉี่น่ะสิ” ใหญ่บอก
“นี่นังอรมันปล่อยให้หมาเข้ามาฉี่ในบ้านหรือ” ภา
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“ถ้าไม่ใช่หมาแล้วใครจะมาฉี่ในบ้าน” ใหญ่บอก
“หรือพี่จิน”
ช้อยตะโกนเรียก “พี่จิน ..”
“พี่จินอยู่ไหน”
“พี่จินพวกชั้นมาเยี่ยม” ภาตะโกนบอก
“สงสัยนอนอยู่ข้างบน แกขึ้นไปดูซิยัยภา” ช้อยบอก
“จะดีหรือ เดี๋ยวแกด่าหาว่าเราละลาบละล้วง” ภาลำบากใจ
“ไปเถอะน่า”
ภาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ช้อยลงนั่งแล้วก็สะดุ้ง
“ว้าย อะไรเนี่ย พื้นเปียกหมดเลย” ช้อยบอก
ช้อยก้มลงหยิบผ้าขี้ริ้วเปียกที่มีกลิ่นฉี่
“อื้อหือม์ นี่ฉี่ล้วนๆ เลยนะน้องใหญ่”
ภาเดินลงมาจากชั้นบน
“ว่าไงยัยภา”
“ไม่มี แต่ข้างบนนะพี่ใหญ่ หนักกว่าข้างล่างอีก เหม็นอึด้วย” ภาบอก
“นี่พี่จินฉี่แตกอึแตกหรือ” ช้อยสงสัย
“แล้วนี่แกไปไหนวะ” ใหญ่งง
“เดี๋ยวชั้นไปล้างมือในห้องน้ำก่อน” ช้อยเดินเข้าไปที่หลังบ้าน
ช้อยเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาก็ต้องสะดุ้ง เพราะเห็นจินดากำลังนั่งคอพับหมดสติอยู่บนโถส้วม
“หา ... พี่จิน” ช้อยหันไปเรียกเพื่อน “พี่จินอยู่นี่ พวกเรามาดูนี่เร็ว”
ใหญ่กับภาวิ่งเข้ามาก็เห็นช้อยกำลังเขย่าเรียกจินดาอยู่
“พี่จิน.. พิ่จินตายรึเปล่า” ช้อยถาม
“ตายรึเปล่ายัยช้อย” ใหญ่ถาม
“ยังไม่น่าตาย ตัวยังอุ่นอยู่” ช้อยบอก
“ยัยภาแกไปโทรเรียกรถพยาบาลเร็ว แล้วโทรบอกลูกเค้าด้วย” ใหญ่สั่งการ
“เออ เออ”
ภาวิ่งออกไป ช้อยกับใหญ่เรียกจินดาเสียงดังโหวกเหวก
“พี่จิน พี่จิน”
“อย่าเพิ่งตายนะพี่จิน”
ธีระนอนเล่นเกมอยู่กับข้าวตูในบ้านของข้าวตู ธีระเล่นชนะ
“พี่ธีน่ะโกง” ข้าวตูว่า
“พี่ไม่ได้โกงซะหน่อย” ธีระบอก
ธีระรวบตัวข้าวตูเข้ามากอด เสียงโทรศัพท์มือถือของธีระดัง ธีระกดรับ
“ฮัลโหล พี่แดง”
แดงพูดโทรศัพท์อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“ธีรีบมาโรงพยาบาลด่วน แม่ไม่สบายมาก”
“เป็นอะไรหรือ” ธีระถาม
“หมอบอกว่าแกช๊อคน้ำตาลขึ้นสูงมาก แล้วหัวใจก็เต้นผิดปกติแกรีบมานะ”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ธีระกดวางสายทันที
“มีอะไรหรือคะ” ข้าวตูถาม
“แม่อยู่โรงพยาบาล พี่แดงบอกอาการหนักมาก”
“ตูไปด้วยค่ะ” ธีระและข้าวตูวิ่งออกไป
หมอเข้ามาฉีดยาจินดาที่ยังนอนนิ่งโดยมีเครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดความดัน วัดจังหวะการเต้นของหัวใจและอุปกรณ์อื่นๆ ระโยงระยางเต็มไปหมด พยาบาลยืนจดอาการอยู่ข้างมอนิเตอร์ หมอวิชิต หมอประจำตัวของจินดาและหมอลลิตากำลังคุยกันถึงอาการของจินดา
ธีระกับข้าวตูเดินเลี้ยวมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งสองเห็นแดง กบ ช้อย ใหญ่และภานั่งอยู่
“พี่แดง แม่เป็นยังไง” ธีระถาม
“อาการไม่ดี” แดงบอก
“นี่ถ้าพวกป้าไปช้าอีกนิดเดียวล่ะก็ ป่านนี้แม่เธอตายไปแล้ว” ช้อยบอก
“แล้วทำไมถึงปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว” ใหญ่ว่า
“รู้รึเปล่า แกทั้งอึทั้งฉี่ ราดเต็มบ้านเหม็นอบอวลไปทั้งบ้านเลย” ภาเสริม
“นี่ยัยแดง ป้าขอตำหนิหนูนะ ทำไมถึงทิ้งแม่แบบนี้” ช้อยว่า
“เราไม่ได้ทิ้งหรอกครับคุณป้า แต่คุณแม่ไม่ยอมให้พวกเราเข้าบ้าน” กบอธิบาย
“ไม่ยอมยังไงก็ต้องหาทางเข้าให้ได้ พวกคุณจะยอมปล่อยให้แม่ตายหรือ” ใหญ่ไม่พอใจ
“ใช่ เธอมันเป็นแค่ลูกเขย ชั้นไม่ว่าหรอก ขอว่าสองคนนี้” ภาบอก
ภาหันไปชี้ใส่แดงกับธีระ แดงกับธีระฝืนยิ้ม ภามองที่ข้าวตูแล้วก็ชะงัก
“เอ๊ะ นี่..”
“นักท่องเที่ยวที่เราเจอที่อยุธยานี่” ช้อยบอก
“ใช่ นี่เค้าตามกัปตันมาถึงนี่เลยหรือ” ใหญ่งง
ธีระชะงักแล้วเหลือบมองหน้าข้าวตู ข้าวตูยิ้ม
“หนูเป็นแฟนกัปตันธีค่ะ” ข้าวตูบอก
ช้อย ใหญ่และภาตกใจ “หา .. แฟน”
“ครับ ข้าวตูเป็นแฟนผม” ธีระบอก
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าพี่จินถึงน้ำตาลขึ้นเข้าโรงพยาบาล” ใหญ่เข้าใจเหตุการณ์
“นี่พี่จินแกล้งป่วยอีกแล้วหรือ” ภาสงสัย
“แต่ชั้นว่าเที่ยวนี้คงไม่ ดูจะอาการหนักนะ” ช้อยบอก
หมอวิชิตเปิดประตูเดินออกมา
“ธีหมอมาแล้ว” กบบอก
“คุณหมอคะ แม่เป็นยังไงบ้างคะ” แดงถาม
“ตอนนี้น้ำตาลในเลือดสูงและความดันก็สูงมาก แล้วก็มีติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ”
“แล้วเรื่องหัวใจล่ะคะ” แดงถามต่อ
“ตอนนี้หมอหัวใจให้ยาคุมจังหวะการเต้นอยู่ กำลังรอดูผลครับ”
“อันตรายมากมั้ยครับ” ธีระถาม
“มันก็อันตรายอยู่นะ ถ้าเมื่อกี้ส่งโรงพยาบาลช้าก็มีสิทธิ์หัวใจวายได้” หมอวิชิตตอบ
“แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะ” แดงถามต่อ
“ครับ แต่ต้องดูอาการไปเรื่อย ๆ”
หมอวิชิตเดินออกไป ธีระกับแดงมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล
“เป็นเพราะกัปตันมีแฟนน่ะสิ แม่ถึงช็อคเข้าโรงพยาบาลอีก” ช้อยต่อว่า
ธีระอึ้งไป กบกับแดงมองหน้ากัน
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะคุณป้า” ข้าวตูเถียง
“เธอไม่รู้อะไรหรอก เพราะเพิ่งมาจากต่างประเทศ แม่กัปตันน่ะเค้าไม่อยากให้ลูกมีเมีย” ใหญ่บอก
“ใช่ มีแฟนกี่คนกี่คนแม่เค้าไล่ไปหมด” ภาบอก
“เอาล่ะครับ คุณป้า ผมว่าอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันเลยนะครับ” กบปราม “ขอบคุณคุณป้ามากนะครับ ที่พาคุณแม่มาส่งโรงพยาบาล ผมว่าตอนนี้คุณป้ากลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”
“อุ๊ย ชั้นยังกลับไม่ได้หรอก ชั้นห่วงพี่จิน” ช้อยบอก
“กลับเถอะค่ะ ตอนนี้หมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมดีกว่านะคะ เพราะตอนนี้แม่ก็ยังไม่ฟื้น” แดงแนะนำ
“ดีเหมือนกันนะพี่ช้อย กลับไปพักก่อนเถอะ” ใหญ่ว่า
“ชั้นก็เห็นด้วยนะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ภาเสริม
ช้อยลังเล “เอางั้นหรือ”
ใหญ่กับภาตอบพร้อมกัน “อืมม์”
“เอา ไปก็ไป”
แดงยกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะคุณป้า” ธีระกับกบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ” ข้าวตูยกมือไหว้
ป้าทั้งสามมองค้อน
“แหม หนูเนี่ยนะเล่นละครเก่งไม่เบา” ภาแขวะ
ทั้งสามเดินออกไป แดงกับกบมองหน้ากันแล้วถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับป้าทั้งสาม ธีระมองไปในห้องด้วยความกังวลใจ ข้าวตูจับมือธีระแล้วพยักหน้าให้กำลังใจ
หมอวิชิตกับหมอลลิตาเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉิน พยาบาลคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงจินดารายงาน
“คุณหมอคะ ปากด้านซ้ายเบี้ยวค่ะ”
“คุณป้าครับ เป็นไงครับ เจ็บตรงไหนบ้าง” หมอวิชิตถาม
“เจ็บทั้งตัวเลยค่ะ”
จินดาพูดอย่างลำบากเพราะปากด้านซ้ายเบี้ยว
“ไหนคุณป้าลองขยับนิ้วมือข้างซ้ายซิคะ” หมอลลิตาบอก
จินดาพยายามขยับมือแต่ก็ทำไม่ได้
“ข้างขวาล่ะคะ” หมอลลิตาบอกอีก
จินดาขยับนิ้วข้างขวาให้ดู
“ไหนยิ้มกับหมอซิคะ”
จินดาพยายามยิ้มแต่หน้าด้านซ้ายนิ่งไม่ขยับ
“เอาล่ะค่ะ คุณป้าพักผ่อนนะคะ” หมอลลิตาบอก
หมอลลิตาหันมาบอกหมอวิชิต
“เป็นสโตรค สมองด้านขวาขาดเลือด”
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 11 (ต่อ)
หมอวิชิตกับหมอลลิตาเดินออกมา
“เป็นไงบ้างคะคุณหมอ อาการดีขึ้นมั้ยคะ” แดงถาม
“ตอนนี้คุณป้า มีอาการปากเบี้ยวด้านซ้ายครับ” หมอวิชิตบอก
ธีระตกใจ “ปากเบี้ยวหรือครับ เกิดจากอะไรครับ”
“ผมจะให้คุณหมอลลิตา ซึ่งเป็นคุณหมออายุรกรรมเส้นประสาทอธิบายครับ”
“คืออย่างนี้ค่ะ” หมอลลิตาอธิบาย “จากที่น้ำตาลในเลือดคนไข้สูงมาก ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองด้านขวาชำรุด มีผลทำให้กล้ามเนื้อด้านซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ไปข้างนึง”
“แต่ไม่ได้เป็นอัมพาตใช่มั้ยครับ” ธีระถามต่อ
“มีสิทธิ์ที่จะเป็นและไม่เป็นค่ะ” หมอลลิตาตอบ
“หา... นี่แม่จะเป็นอัมพาตเลยหรือ” แดงร้องไห้โฮ กบดึงภรรยาเข้ามากอด
“คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกแดง” กบปลอบใจ
“แล้วทางรักษาล่ะครับ” ธีระถาม
“เราต้องให้ยาเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาทค่ะแต่หมอต้องแจ้งให้ทางญาติทราบก่อนว่ายาเข็มล่ะเจ็ดหมื่นบาท”
แดงตกใจ “เจ็ดหมื่นหรือคะ”
“แต่ฉีดแล้วหายแน่ใช่มั้ยครับ” ธีระถาม
“หมอยังตอบไม่ได้ค่ะ เพราะในกรณีของคุณป้าเป็นภาวะที่เราต้องลองเสี่ยงดู เพราะฉีดแล้วอาจจะหายหรือไม่หายก็ได้”
“ธีว่าไง” กบถาม
“ผมว่าฉีดเถอะครับ” ธีระบอก
“โอเคนะคะ หมอจะได้ฉีดให้คนไข้ เพราะต้องฉีดภายในสองชั่วโมงนี้”
“ครับ” ธีระตอบรับ
หมอลลิตากับหมอวิชิตเดินกลับเข้าไปในห้อง
“เข็มตั้งเจ็ดหมื่นถ้าไม่หายล่ะธี” แดงถามน้องชาย
“ช่างมันเถอะน่าพี่แดง ชีวิตแม่สำคัญกว่า”
ธีระหน้าเครียด ข้าวตูมองธีระ ธีระหันมาสบตาแล้วเดินเข้าไปกอดข้าวตูก่อนจะมองเข้าไปในห้อง
จินดานอนหลับตานิ่งอยู่ในห้องฉุกเฉิน
ธีระเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้อง
“แกว่าแม่จะหายมั้ยธี” แดงถาม
“ต้องหายสิ” ธีระบอก
“แล้วถ้าแม่ไม่หาย แม่ต้องเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยหรือ สงสารแม่จังเลยธี ฮือ ฮือ“ แดงเข้าไปกอดธีระ
“อย่าคิดมากสิแดง แม่ต้องหาย เชื่อพี่” กบบอก
“พี่กบพาพี่แดงกลับบ้านก่อนเถอะ” ธีระบอก
“ไม่ พี่จะอยู่ดูแม่”
“เชื่อผม พี่แดงกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาสลับกับผม ถ้ามีอะไรผมจะโทรบอกพี่แดงเอง”
“ถูกของธี พี่ว่าเรากลับก่อนเถอะ” กบเสริม
“ให้ตูอยู่เป็นเพื่อนพี่ธีนะคะ” ข้าวตูบอก
“ไม่ต้องหรอก ตูกลับไปพักเถอะ” ธีระพูด
“แต่ตูอยากอยู่กับพี่ธี”
“กลับบ้านเถอะ แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปหา”
ข้าวตูยอม “ก็ได้ค่ะ”
“ไปตู” กบบอก
กบ แดงและข้าวตูเดินออกไป ธีระยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินคนเดียว
ธีระแง้มประตูเข้ามาในห้องฉุกเฉิน เขาเดินเข้ามาดูก็เห็นแม่ของเขานอนลืมตา
“แม่ แม่เป็นยังไงบ้างครับ”
สีหน้าจินดายังนิ่งและเมินเฉย
“แม่ นี่ธีนะครับ”
จินดาเบือนหน้าไปอีกทาง ธีระชะงัก
“แม่ยังโกรธผมอยู่หรือครับ”
จินดาไม่ตอบ ธีระเดินอ้อมไปหา
“แม่ ...”
จินดาหันหน้ากลับไปอีกทาง ธีระมองด้วยความเสียใจ
“แม่ ผมขอโทษ ผมอยากให้แม่รู้ว่าผมยังรักแม่เสมอไม่มีวันไหนที่ผมไม่รักแม่นะครับ”
จินดายังนิ่งและเมินเฉย ธีระมองแม่ด้วยความเสียใจก่อนจะหันเดินออกไปอย่างหงอยๆ จินดา
นอนนิ่งสีหน้าเรียบเฉย
ธีระเดินออกมาหน้าห้อง ลงนั่งที่เก้าอี้ด้วยความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดซึ่งเขาก็ได้แต่ถอนใจ
ที่บ้านข้าวตู ข้าวตูเทน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่กิดขึ้นในวันนี้
เสียงหมอดังขึ้นในหัวของเธอ “คืออย่างนี้ค่ะ จากที่คุณป้าเป็นเบาหวานแล้วคงไม่ได้ทานยาต่อเนื่องเลยทำให้เส้นประสาทซีกขวาอาจจะชำรุด มีผลให้กล้ามเนื้อด้านซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ไปข้างนึง”
“แต่ไม่ได้เป็นอัมพาตใช่มั้ยครับ” ธีระถาม
“มีสิทธิ์ที่จะเป็นและไม่เป็นครับ” หมอตอบ
ข้าวตูนึกถึงตอนที่แดงร้องไห้
แดงดังขึ้นในหัวข้าวตู “แล้วถ้าแม่ไม่หาย แม่ต้องเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยหรือ สงสารแม่จังเลยธี ฮือ ฮือ” แดงโผเข้ากอดธีระ
ข้าวตูนึกถึงเรื่องทั้งหมดแล้วก็ถอนใจ
“เฮ้อ เราก็แค่คนนอก ไม่รู้จะช่วยยังไง”
ข้าวตูทิ้งตัวลงนอนแล้วปิดไฟ
เช้าวันใหม่ที่โรงพยาบาล หมอลลิตาส่องไฟที่ดวงตาของจินดาทั้งซ้ายและขวา จากนั้นหมอก็เคาะขาข้างซ้าย จินดาไม่มีการตอบสนอง
หมอวิชิตถาม “เป็นไง”
หมอลลิตาส่ายหน้า หมอวิชิตเดินออกไป
หมอวิชิตเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน แดง กบ ธีระ ข้าวตู ช้อย ใหญ่และภานั่งรออยู่ที่หน้าห้อง
“เป็นไงบ้างครับคุณหมอ” ธีระเข้าไปถาม
“ยาที่ฉีดเข้าไปไม่ได้ผล” หมอวิชิตตอบ
“หมายความว่าแม่ต้องเป็นอัมพาตหรือคะ” แดงถาม
หมอลลิตาตอบ “ค่ะ เป็นอัมพาตทางด้านซีกซ้าย”
“โธ่พี่จิน เวรกรรม” ช้อยสงสารขึ้นมาจับใจ
“คุณหมอคะ นี่หมายความว่าพี่จินจะปากเบี้ยว เดินไม่ได้หรือคะ” ใหญ่ถาม
หมอลลิตาตอบสั้นๆ “ค่ะ”
“ถ้ารู้ว่าไม่หายให้เราฉีดทำไมคะ เสียดายเงินค่ายาตั้งเจ็ดแปดหมื่น” ภาสงสัย
“คุณป้าครับ คุณหมอแจ้งให้เราทราบแล้วครับ” ธีระพูดแล้วหันไปถามหมอ “แล้วขั้นตอนต่อจากนี้เป็นยังไงครับ”
“หลังจากที่คนไข้แข็งแรงขึ้น หมอก็จะให้ทำกายภาพบำบัดซักพักแล้วค่อยกลับบ้านค่ะ”
“แต่ต่อไปนี้ต้องมีคนดูแลแกอย่างใกล้ชิดนะครับ” หมอวิชิตเสริม “เพราะแกเองก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้”
“ครับ ขอบคุณครับคุณหมอ”
“พี่ว่าให้แม่ไปอยู่บ้านพี่ดีกว่า พี่จะได้ดูแลแกได้” แดงเสนอ
“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวผมจะหาพยาบาลประจำให้ไปอยู่ด้วย” ธีระบอก
“แต่ป้าว่าความจริง หนูข้าวตูก็อยู่ว่างๆไม่ใช่หรือ” ช้อยบอก
“นั่นสิ หนูควรจะมาดูแลป้าจินเค้า มาอยู่ใกล้ชิด แกอาจจะเห็นใจก็ได้นะ” ใหญ่เห็นด้วย
“คงไม่ได้หรอกครับ ข้าวตูเค้ามีงานต้องทำ” ธีระบอก
“แต่ตูทำได้นะคะพี่ธี บางทีอาจจะดีอย่างที่คุณป้าพูดก็ได้” ข้าวตูรีบพูด
“มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะตู” ธีระท้วง “การดูแลคนแก่มันไม่ง่ายหรอก ให้พยาบาลมาดูแลเถอะ”
“แหม กัปตันนี่ก็หวงแฟนจัง มิน่าแม่ถึงงอน” ภาว่า
กบตัดบท “เอาล่ะครับคุณป้า ผมว่าเราเข้าไปดูคุณแม่กันดีกว่า”
“ดีเหมือนกัน ไป ไป พวกเรา” ช้อยเดินนำ
ช้อย ใหญ่ ภา กบและแดงเปิดประตูห้องเข้าไป ธีระเดินตาม ข้าวตูจะตามไปแต่ธีระชะงัก
“เอ่อ ตู พี่ว่าตูรอข้างนอกดีกว่า”
“พี่ธีกลัวว่าคุณแม่จะโกรธตูหรือ” ข้าวตูถาม
“ใช่ ถ้าแม่เห็นตูแกต้องโกรธแล้วพาลไปกันใหญ่แน่”
“ก็ได้ค่ะ งั้นตูรอข้างนอกนะคะ”
“จ้ะ เดี๋ยวพี่มา”
ธีระเดินเข้าไป ข้าวตูมองตามอย่างอดที่จะรู้สึกอึ้งไม่ได้ เธอถอนใจแล้วเดินไปนั่งรอตามลำพัง
แดงเดินเข้ามาหาจินดาที่เตียง ขณะที่จินดายังนอนนิ่ง
“แม่นี่แดงนะ แดงมาเยี่ยมแม่”
“ออกไป” จินดาไล่ทั้งๆ ที่ยังพูดไม่ชัด
แดงก้มหน้าลงไปถาม “แม่พูดอะไรนะ”
“ออกไป”
แดงชะงัก “แม่ไล่แดงหรือ”
“ออกไป”
กบชะงักมองหน้าแดง แดงร้องไห้
“แม่ ...”
“พี่จิน ใจเย็นน่า อย่าไปคิดอะไรมากเลย ลูกๆเค้าเป็นห่วงนะ” ช้อยบอก
“เอาไว้หายค่อยว่ากัน” ใหญ่เสริม
“ใช่ ตอนนี้เอาชีวิตเราให้รอดก่อนน่า นะ อย่าโกรธเค้าเลยนะ” ภาช่วยกล่อม
จินดายกมือข้างขวาโบกไล่
“แม่ครับ พวกเราขอโทษ อย่าโกรธพวกเราเลยนะครับ” ธีระบอก
จินดาหันหน้าหนีไปอีกทาง
“พี่จิน อย่าทำอย่างนี้น่า ลูกๆมันจะเสียใจ เราเองก็มีกันไม่กี่คน” ช้อยว่า
“แม่ แดงขอโทษ”
จินดาโบกมือให้ออกไป
“พี่ว่าเราออกไปข้างนอกก่อนไป” กบเสนอ
แดงอึกอัก “แต่ว่า”
“เชื่อพี่สิ ไป” กบบอก ธีระมองแม่
“ป้าว่าออกไปก่อนเถอะกัปตัน ตอนนี้แกยังโกรธอยู่ เดี๋ยวให้พวกป้ากล่อมก่อน รับรองเดี๋ยวก็ดีเอง” ภาเสนอ
“ใช่ ออกไปก่อนไป เดี๋ยวป้าไปเรียก” ใหญ่เห็นด้วย
ธีระจำใจเดินออกไปจากห้องพร้อมกับกบและแดง
“พี่จิน นี่พวกเราเองนะ” ช้อยพูด จินดาหันมามอง “จำชั้นได้มั้ยว่าชั้นคือใคร”
จินดาพยักหน้าแล้วพยายามพูดแต่ไม่ชัด
“ช้อย”
“ดีมาก” ช้อยบอก
ธีระ แดงแลละกบเดินออกมาหน้าห้องฉุกเฉิน ข้าวตูลุกขึ้นถามอย่างเป็นห่วง
“คุณป้าว่าไงคะ”
“แม่ไม่ยอมพูดกับพวกเรา ทำไงดีพี่กบ ธี ขืนเป็นอย่างนี้แม่คงไม่ยอมไปอยู่กับเราให้เราดูแลแน่” แดงร้อนใจ
“ให้เวลาแม่อีกซักพักน่ะ ตอนนี้แกก็โกรธไปอย่างงั้น พี่ว่าอีกซักพักแกคงจะให้อภัย” กบบอก
“แต่ผมว่าไม่ แม่จะใช้วิธีนี้เป็นเงื่อนไขบังคับผม” ธีระพูด
“งั้นพี่ว่าแกต้องตัดสินใจแล้วล่ะธีว่าเราจะปล่อยให้แม่เป็นอย่างนี้หรือว่า...” แดงไม่กล้าพูดต่อ
“ผมบอกแล้วไง ไม่ว่าจะยังไงผมก็จะไม่เลิกกับตู” ธีระยืนยัน
ช้อย ใหญ่ และภาเปิดประตูเดินออกมา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วหลาน ๆ” ช้อยบอก
“แม่เป็นอะไรคะคุณป้า” แดงตกใจ
“แม่ไม่ได้เป็นอะไร แต่พวกเธอจะเป็น” ใหญ่บอก
“มีเรื่องอะไรพูดมาเลยครับ” กบเร่ง
“แม่ยายเธอเค้าบอกว่าเค้าจะไม่ไปอยู่กับพวกเธอ” ภาบอก
“แล้วแม่จะอยู่ยังไงครับ” ธีระถาม
“เค้าบอกเค้าจะกลับไปอยู่บ้านเค้า” ช้อยเล่า
“แล้วจะไปอยู่กับใครคะที่บ้านไม่มีคนดูแลนะ” แดงงง
“ชั้นบอกเค้าแล้วว่าไม่มีคนดูแล แต่เค้าบอกเค้าอยู่คนเดียวได้” ใหญ่บอก
“แม่พูดอย่างงั้นหรือ” กบถาม
“เปล่า เค้าเขียนหนังสือ” ภาตอบ
“เราจะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวไม่ได้นะธี” แดงพูดกับน้องชาย
“ไม่ต้องห่วง พวกป้าลงความเห็นแล้วว่าจะย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนกับพี่จินเอง” ช้อยบอก
ธีระสงสัย “จะมากันทั้งหมดเลยหรือครับ”
“ใช่สิ มาคนเดียวมันเหงา อยู่หลายๆคนสนุกดี” ใหญ่บอก
“ไม่ต้องห่วงนะกัปตัน พวกเราจะดูแลแม่เธออย่างดี” ภาพูด
ธีระยกมือไหว้ “ผมต้องขอบคุณคุณป้าทุกท่านนะครับที่อุตส่าห์มาช่วยดูคุณแม่”
“ก็บอกให้แฟนกัปตันอยู่ กัปตันไม่ยอมเองนี่” ช้อยว่า
ข้าวตูฝืนยิ้มกับคำพูดของช้อยแล้วก็หันเดินออกไปจากกลุ่ม ธีระมองตาม
“งั้นป้าเข้าไปดูแม่เค้าก่อนนะ” ใหญ่บอก
“ครับ” ธีระรับคำ กลุ่มป้าทั้งสามเดินเข้าไปในห้อง ธีระมองตามข้าวตู
ข้าวตูเดินมาที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาลแล้วหยุดคิด ธีระเดินตามมา
“เป็นอะไรรึเปล่าตู”
“อ๋อ ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“พี่จะบอกตูว่าอย่าไปสนใจที่พวกคนแก่พูดเลยนะ” ธีระบอก
“ตู่ไม่ได้สนใจหรอกค่ะ ตูเพียงแต่กำลังคิดว่า ไม่น่าเชื่อที่แม่พี่ธีป่วยหนักขนาดนี้ ท่านยังพยายามจะเอาชนะพี่ธีให้ได้”
“ท่านก็แค่รักและหวงพี่มากเท่านั้นเอง”
“แล้วพี่ธีล่ะคะ พี่ธีคิดยังไงกับเรื่องนี้” ข้าวตูถาม
“คิดยังไง พี่ไม่เข้าใจ”
“ก็ ... พี่ธีจะปล่อยเรื่องของคุณแม่ไปอย่างนี้หรือคะ”
ธีระถอนใจ “ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น ในเมื่อแม่ไม่ยอมเข้าใจเรา”
ข้าวตูยิ้ม “ตูดีใจจริงๆ ที่พี่ธีตัดใจจากเรื่องนี้ได้ ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ ตูหิวจะแย่อยู่แล้ว”
“ตูไปเถอะ พี่ยังไม่หิว”
“อะไรกัน เมื่อเช้าเราทานกาแฟไปคนล่ะแก้วเองนะคะ”
“พี่ไม่หิวจริง ๆ ตูไปเถอะ แล้วซื้อมาฝากพี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะกลับไปดูแม่”
“อ้าว ไหนเมื่อกี้พี่ธีบอกว่าพี่ธีตัดใจจากเรื่องคุณแม่ได้แล้วไง”
“แต่ตอนนี้ท่านยังเจ็บอยู่เลยนะ ตูไปเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก”
ธีระฝืนยิ้มให้แล้วเดินกลับไป ข้าวตูมองตามแล้วถอนใจ
“ไหนบอกว่าตัดใจได้” ข้าวตูส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
จินดา ช้อย ใหญ่ และภากำลังคุยและหัวเราะกัน ธีระผลักประตูเข้ามา จินดาหันไปมองแล้วก็ชะงัก ทุกคนชะงักมอง ธีระยิ้มแล้วเดินเข้ามาหา
“แม่เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นแล้วหรือ” ธีระถาม
“ดีแล้วจ้ะ นี่หัวเราะได้แล้วไม่เห็นหรือ” ช้อยบอก
“มา มา มาคุยกับแม่เค้ากัปตัน” ใหญ่ชวน
“หายแล้วหรือครับแม่” ธีระถาม
จินดาเมินหน้าแล้วหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนคำว่า ออกไป
“ไม่เอาน่า พี่จิน” ภาว่า
จินดาจ้องหน้าภาอย่างไม่พอใจแล้วก็เขียนลงในกระดาษว่า บอกให้ออกไป
“แม่ว่าอะไรหรือครับ” ธีระถาม
“แม่เค้าบอกว่าให้เธอออกไป” ภาบอก
ธีระอึ้งและสลด
“ออกไปก่อนเถอะนะ เชื่อป้า” ช้อยว่า
“ใช่ ออกไปก่อนเถอะ ไป” ใหญ่เสนอ
ธีระมองแม่ก็เห็นแม่ของเขาหันมองไปอีกทาง ธีระหันมาพูดกับป้าทั้งสาม
“ผมฝากดูแม่ด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง” ช้อยบอก
ธีระหันหลังเดินออกไป ป้าทั้งสามมองหน้ากันแล้วมองจินดา
“เมื่อกี้เราพูดถึงไหนนะ” ช้อยถาม
ธีระเดินออกมาหยุดหน้าประตูด้วยความเสียใจ เขาหันเดินไปตามทางด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 11 (ต่อ)
ข้าวตูตักซุปขึ้นชิมแล้วปิดเตา ธีระเปิดประตูบ้านเข้ามา
“พี่ธีมาพอดีเลย วันนี้ตูทำแต่ของชอบของพี่ทั้งนั้นเลยค่ะ” ข้าวตูบอก
“ตูกินเถอะพี่ไม่หิว”
ธีระเดินไปนั่งเก้าอี้ด้วยท่าทางหมดแรง
“มีอะไรอีกหรือคะ”
“แม่ไล่พี่ออกมา แกบอกไม่อยากเห็นหน้าพี่”
“อย่าหาว่าตูพูดแรงนะคะ ถ้าแม่พี่ธีเค้าต้องการอย่างงั้นจริง ๆ ตูว่าพี่ธีก็ควรจะปล่อยเค้าไป แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตปกติของพี่ธี”
“แต่แม่พี่กำลังเป็นอัมพาตนะตู พี่คงทำอย่างงั้นไม่ได้” ธีระบอก
“แต่พี่ธีอย่าลืมนะคะ แม่พี่ธีเค้าเป็นฝ่ายไม่ต้องการพี่ธีนะคะ”
“แกทำไปเพราะอารมณ์โกรธน่ะ”
“แล้วเราต้องไปแคร์เค้าทำไมล่ะคะ”
“แต่เค้าเป็นแม่พี่นะตู”
ธีระขึ้นเสียง ข้าวตูชะงัก
“ตูขอโทษค่ะ ตูไม่น่ายุ่งเรื่องนี้เลย”
พูดจบข้าวตูก็จะเดินเข้าครัว ธีระรู้สึกตัวจึงเข้าไปคว้าแขนเธอไว้
“ไม่ใช่อย่างงั้นตู พี่รู้ว่าแม่พี่ผิด เพียงแต่จะให้พี่หันหลังให้แกพี่ทำไม่ได้หรอกนะ เพราะแกเป็นแม่พี่”
ข้าวตูฝืนยิ้ม “ตูเข้าใจพี่ธีแล้วล่ะค่ะ ตูจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
“มา ทานข้าวกันเถอะ พี่หิวแล้ว”
ธีระเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ข้าวตูหันไปหยิบกับข้าวก่อนจะหันมองธีระอย่างไม่เชื่อว่าธีระรู้สึกหิวจริงๆ
ข้าวตูเปลี่ยนชุดนอนแล้วเดินออกจากห้องน้ำ เธอต้องชะงักเมื่อเห็นธีระกำลังพูดโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียด
“พี่แดง ไม่ใช่ว่าผมไม่ห่วงแม่นะ นี่ผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกันนะ ผมกำลังจะขอลาพักร้อนเพื่อที่จะอยู่ช่วยแม่ทำกายภาพ”
ข้าวตูเดินมาหน้ากระจกแล้วหวีผม เธอเหลือบมองพร้อมทั้งฟังธีระพูด
“ได้ ได้ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับหมอแทนพี่ก็ได้”
ธีระกดวางสายแล้วกดโทรหาเพื่อนโดยไม่ได้สนใจมองข้าวตู
“พี่นพหรือครับ ผมจะขอลาพักร้อนซักเจ็ดวันน่ะครับ ... เรื่องสำคัญครับ แม่ผมเข้าโรงพยาบาล ผมต้องพาแม่ทำกายภาพ”
ข้าวตูมองธีระผ่านกระจก
สายวันใหม่ พยาบาลให้จินดายกแขน
“ดีค่ะ ค่อยๆยกนะคะ ดีค่ะ”
“พอแล้วนะ” จินดายังพูดไม่ชัด
“เหนื่อยแล้วหรือคะ”
จินดาพยักหน้า “เหนื่อย”
“งั้นพักก่อนนะคะ”
พยาบาลพยุงจินดาลงไปนั่งที่เก้าอี้ ไตรตั้นวิ่งเข้ามาหา
“คุณยายครับ สวัสดีครับคุณยาย”
จินดามองแล้วก็ชะงัก ไตรตั้นเข้ามากอด
“คิดถึงคุณยายจังเลย คุณยายเจ็บตรงไหนครับ”
จินดาพยักหน้า “อืมม์”
“เมื่อไหร่คุณยายจะหายกลับบ้านได้ครับ ตั้นสงสารคุณยายจัง”
จินดาลูบหัวไตรตั้นแล้วยิ้ม “อืมม์”
กบกับแดงเข้ามาหยุดมองจินดาที่กำลังลูบหัวไตรตั้น
“อย่างน้อยแกก็ไม่โกรธไตรตั้นนะ” แดงพูดกับกบ
ไตรตั้นเงยหน้ามองยาย
“ทำไมคุณยายไม่พูดกับตั้นล่ะครับ”
กบกับแดงเดินเข้ามาหา
“คุณยายไม่ค่อยสบาย ให้คุณยายพักก่อนนะลูก” กบบอกลูกชาย
“แม่เป็นไงบ้าง” แดงถาม
จินดาเหลือบมองแดงแล้วพยักหน้าแบบยังไม่หายงอน “อืมม์”
จินดาหันมองพยาบาลแล้วพยักหน้าให้พยาบาลพากลับห้อง
“ขอพาคนไข้กลับห้องก่อนนะคะ” พยาบาลพูดแล้วเข้ามาเข็นรถเข็นให้จินดา
“ตั้นไปกับคุณยายนะครับ” ไตรตั้นบอก
“ไปลูก ไปส่งคุณยายไป” แดงบอกลูกชาย
ไตรตั้นวิ่งตามพยาบาลไป กบแดงมองหน้ากันอย่างโล่งอก
“ไม่ช้าแกก็คงให้อภัยเรา” กบพูด
แดงยิ้มแล้วชะงัก “อุ๊ย ...”
“เป็นอะไร”
“ก็ที่บอกพักนี้เป็นอะไรไม่รู้ปวดหัวจี๊ดๆทุกวัน”
“งั้นก็ไปหาหมอเลยไป ไปตรวจซะ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกก่อน” กบบอก
“ดีเหมือนกัน ไหนๆอยู่โรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวเจอกันพี่กบ”
กบพยักหน้าให้ แดงกับกบเดินออกไปคนละทาง
จินดานอนอยู่บนเตียง ไตรตั้นยืนอยู่ข้างเตียง
“คุณยายครับ ตั้นนวดให้นะครับ”
“อืมม์” จินดาตอบรับ ไตรตั้นนวดขาให้จินดา
“เจ็บมั้ยครับคุณยาย”
จินดาส่ายหน้าแล้วมองไตรตั้น ไตรตั้นยิ้มให้ จินดายิ้ม
กบมองเข้าไปในห้องแล้วก็ยิ้มออกมา เขาหันมาเห็นธีระกำลังเดินเข้ามา
“แม่เป็นไงพี่กบ” ธีระถาม
“กำลังเล่นกับไตรตั้นอยู่” กบบอก
ธีระมองเข้าไปในห้องเห็นไตรตั้นกำลังนวดให้จินดาแล้วชวนคุย
“คนแก่ก็อย่างนี้ อยากให้คนเอาใจ” กบว่า
“งั้นผมควรจะเข้าไปหาแกตอนนี้มั้ย”
“ก็ลองดู ถ้าแกไม่พูดกับเรา เราก็เดินออกมา”
ธีระพยักหน้าแล้วยิ้มให้กบก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
ธีระเปิดประตูเดินเข้ามา จินดาหันมาเห็นก็ชะงัก
“หวัดดีครับแม่”
จินดาเมินหน้าหนี
“หวัดดีครับน้าธี น้าธีมาช่วยนวดคุณยายหน่อยครับ” ไตรตั้นบอก
ธีระเดินเข้ามา
“ได้เลย มา ให้น้านวดตรงไหน”
“น้านวดขาเลยครับ”
ธีระบีบขาให้แม่ แต่จินดาทำหน้าเย็นชา
“เจ็บมั้ยครับแม่” ธีระถาม จินดาทำเฉย ธีระบีบอีกแล้วถามซ้ำ “แม่ เจ็บมั้ย”
จินดามองค้อนแล้วส่ายหน้า ธีระยิ้มดีใจที่แม่โต้ตอบออกมา
“ถ้าแม่ทำกายภาพทุกวัน แม่ก็จะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม” ธีระบอก
“ไชโย คุณยายหายแล้ว”
“ช่วยกันนวดเร็วตั้น คุณยายจะได้หายเร็วๆ”
“ครับ ตั้นจะมานวดให้คุณยายทุกวันเลย”
ไตรตั้นตั้งใจนวด ธีระมองแม่ จินดามองธีระแล้วลอบยิ้มก่อนจะทำค้อน
ข้าวตูเดินเข้ามาในร้านอาหาร เธอเดินผ่านโต๊ะเอกไปนั่งโต๊ะด้านใน เอกกำลังนั่งอยู่กับเพื่อนๆ มองตามข้าวตูไป
“ใคร รู้จักหรือ” เพื่อนเอกถามแล้วมองตาม
“เออ ขอไปคุยเดี๋ยว” เอกบอก
ข้าวตูหยิบเมนูขึ้นมาเปิด เอกลงมานั่งตรงข้าม
“หวัดดีครับ”
“อ้าว พี่เอก หวัดดีค่ะ”
“มาทานข้าวหรือ” เอกถาม
“ค่ะ แล้วพี่เอกมาทำอะไรกรุงเทพคะ”
“เพื่อนเค้านัดรวมรุ่นกันเมื่อวานนี้ นี่พี่กำลังจะกลับปากช่องก็เลยมากินข้าว แล้วนี่มาคนเดียวหรือ กัปตันไปไหนล่ะ”
“แม่พี่ธีเค้าไม่สบายน่ะค่ะ เลยไปดูที่โรงพยาบาล”
“อ้าว เป็นอะไร”
“หัวใจหรือเบาหวานอะไรเนี่ยแหละค่ะ”
“แล้วตูสบายดีหรือ”
“สบายดีค่ะ”
“แล้ว .. จะแต่งงานเมื่อไหร่”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ”
“ธียังไม่ขอแต่งงานอีกหรือ”
“พี่เอกบอกเค้าให้หน่อยสิ”
“ได้ ถ้าพี่เจอพี่จะบอกให้ ถ้าขืนชักช้าพี่ตัดหน้าไปก่อนว่ากันไม่ได้นะ”
“ได้เลย ถ้าพี่ธีไม่ขอตูจะแต่งกับพี่เอก”
“พูดจริงนะ” เอกถาม ข้าวตูยิ้ม “แต่ไม่มีทาง ธีไม่มีวันปล่อยให้ตูหลุดมือหรอก แต่พี่จะให้คำแนะนำอย่าง บางทีผู้ชายก็ทำงานยุ่งจนลืม เราเป็นผู้หญิงก็ถามซะเลยว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานกับชั้น”
“จะดีหรือพี่เอก เค้าจะหาว่าเราอยากแต่งรึเปล่า”
“อ้าว ก็เพราะอยากแต่งน่ะสิ ถึงได้ถาม”
“ก็ได้ค่ะ งั้นตูจะลองถามดู ขอบคุณนะคะพี่เอก ที่ให้คำแนะนำ”
“อืมม์ พี่ไปล่ะ เดี๋ยวเพื่อนรอ” เอกลุกขึ้น “อ้อ อย่าลืมเชิญพี่ล่ะ”
“ค่ะ จะเชิญคนแรกเลย”
เอกยิ้มแล้วเดินออกไป ข้าวตูนึกถึงคำที่เอกบอกแล้วก็ยิ้มออกมา
ธีระป้อนข้าวแม่อยู่ในห้องผู้ป่วย
“อีกคำครับแม่” ธีระบอก จินดาส่ายหน้า “อีกคำเดียวน่า แม่จะได้แข็งแรงเดินได้ไงครับ”
จินดาอ้าปาก ธีระป้อนแล้วเช็ดปากให้ก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาป้อน
“เอาส้มซักชิ้นมั้ยครับ” จินดาส่ายหน้า “งั้นแม่นอนพักนะครับ ผมจะออกไปกินข้าวกับพี่กบ” ธีระห่มผ้าให้ จินดาจับมือธีระ ธีระพูดกับแม่ “ผมรักแม่นะ”
ธีระจูบหน้าผากจินดา จินดาพยักหน้าแล้วยิ้ม ธีระเดินออก จินดามองตามแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
กบกำลังป้อนขนมไตรตั้นอยู่ที่หน้าห้อง
“พ่อครับ เมื่อไหร่จะไปกินข้าวซะที” ไตรตั้นถาม
“รอแม่ก่อนสิ” กบบอก
“ทำไมพี่แดงไปหาหมอนานจัง” ธีระสงสัย
“สงสัยคนเยอะมั้ง”
“นั่นไงครับ แม่มาแล้ว” ไตรตั้นวิ่งไปหาแดง “แม่ครับ ตั้นหิวข้าวไปกินข้าวกันเถอะ”
กบกับธีระลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา
“เป็นไงแดง ทำไมไปซะนานเลย” กบถาม
“แล้วหมอเค้าบอกว่าไงพี่แดง”
แดงนิ่งมองธีระกับกบ
“หือม์” กบงง
แดงมองธีระแล้วน้ำตาคลอ
“เป็นอะไรพี่แดง มีอะไร” ธีระถาม
“แดง หมอบอกเป็นอะไร” กบถามด้วย
“หมอบอกชั้นเป็นเนื้องอกที่สมอง” แดงเล่า
กบตกใจ “หา ...”
“แล้วหมอบอกรึเปล่า มันเป็นเนื้อดีหรือเนื้อร้าย”
“ยังไม่รู้ พรุ่งนี้หมอนัดให้มาผ่าตัด” แดงร้องไห้ “ทำไมต้องเป็นชั้น ชั้นยังไม่อยากตายพี่กบ”
“ใจเย็นแดง หมอยังไม่รู้ว่าเป็นเนื้อดีหรือเนื้อร้าย” กบปลอบใจ
“มันอาจจะไม่ใช่เนื้อร้ายก็ได้พี่แดง เพื่อนผมที่เป็นกัปตันก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน เค้าผ่าเอาเนื้องอกออกแล้วก็ไม่เป็นไร”
“พี่กบ” แดงโผเข้ากอดกบ
“แม่ร้องไห้ทำไมครับ” ไตรตั้นร้องไห้ตามแล้วโผเข้ากอดแม่กับพ่อ
ธีระมองอึ้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
ธีระเปิดประตูเข้าบ้าน เดินมานั่งนิ่งที่เก้าอี้โดยยังอึ้งกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ธีระหยิบขึ้นมากดรับ
“ครับพี่กบ”
กบพูดโทรศัพท์อยู่ที่ร้านต้นไม้
“พรุ่งนี้ฝากส่งไตรตั้นที่โรงเรียนได้มั้ย พี่จะพาแดงไปโรงพยาบาลแต่เช้า”
“ได้ครับ พี่กบบอกพี่แดงนะ ว่าอย่าเพิ่งคิดมาก” ธีระบอก
“อืมม์ อ้อ ฝากถามเพื่อนกัปตัน ที่ธีว่าเป็นเนื้องอก เค้ารักษาที่โรงพยาบาลไหน”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะถามให้”
ธีระวางสายแล้วกดโทรหาเพื่อน แต่ไม่มีคนรับ เขาจึงพูดฝากข้อความเอาไว้
“พี่นัทผมมีเรื่องสำคัญอยากถาม โทรกลับด้วยด่วน”
ธีระวางสาย ข้าวตูเดินลงมาจากชั้นบน
“อ้าว ทำไมกลับมาเงียบๆล่ะคะพี่ธี นี่ คืนนี้ตูจองที่ทานข้าวไว้ที่โฟร์กาซองนะ” ข้าวตูบอก
ธีระฝืนยิ้ม “จ้ะ”
“เดี๋ยวตูจะออกไปสระผมปากซอย พี่ธีอยู่คนเดียวได้มั้ยคะ”
“ได้จ้ะ”
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมดูเครียดๆ ไหนบอกว่าคุณแม่ยอมคุยด้วยแล้วไงคะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไร พี่คงเหนื่อย”
“มาค่ะ ตูนวดให้” ข้าวตูเดินเข้ามาบีบไหล่ให้ธีระ
“ไม่เป็นไร ตูไปสระผมเถอะ”
“ไม่สระก็ได้ค่ะ เพียงแต่เห็นว่าว่างๆเลยอยากเซ็ทผมให้สวยหน่อย เพราะคืนนี้จะเป็นคืนพิเศษสำหรับเรา”
“มีอะไรพิเศษหรือ”
“ตูมีเรื่องจะบอกพี่ธี”
“บอกตอนนี้ไม่ได้หรือ”
“บอกตอนนี้มันไม่โรแมนติค”
ธีระดึงข้าวตูมากอด “มา บอกตอนนี้เถอะพี่จะได้หายเครียด”
ข้าวตูที่อยู่ในอ้อมกอดธีระพูดออกมา
“วันนี้ตูเจอพี่เอก พี่เอกเค้าถามว่าเมื่อไหร่ตูจะแต่งงาน ตูก็เลยบอกว่าพี่ธีไม่ขอซะที”
ธีระนึกได้ “อย่างงั้นหรือ”
“พี่เอกเค้าก็เลยบอกว่า ให้ตูถามพี่ธีซะเลยว่าจะขอตูแต่งงานเมื่อไหร่ ... ว่าไงคะ เมื่อไหร่ดี”
“อืมม์”
“เอาไว้ให้คุณแม่หายก่อนใช่มั้ยคะ”
“คือ ...”
“หรือว่าปลายปีนี้ ตูจะได้เตรียมงาน ว่าไงคะ”
“พี่จะบอกตูว่าเราไม่แต่งได้มั้ย อยู่กันแบบนี้ แค่นี้พี่ก็มีความสุขแล้ว”
ข้าวตูชะงักกับคำพูดของธีระ “หมายความว่าพี่ธีจะไม่แต่ง”
“ไม่ใช่ไม่แต่ง ตูก็รู้ว่าถ้าแต่งไปแม่พี่ก็จะยิ่งโกรธ ตอนนี้แม่ก็ดีขึ้นกับพวกพี่แล้ว” ธีระพูด ข้าวตูยิ่งอึ้ง “... นะ”
ข้าวตูฝืนยิ้ม “ก็ได้ค่ะ ไม่แต่งก็ได้ งั้นตูขอไปสระผมก่อนนะ” ข้าวตูลุกขึ้นยืน
“ตู เดี๋ยว ตูไม่โกรธใช่มั้ย”
ข้าวตูยิ้ม “ไม่โกรธค่ะ จะโกรธพี่ธีได้ยังไง ก็พี่ธีไม่ได้เป็นคนไม่อยากแต่งนี่คะ เป็นเพราะแม่พี่ธีต่างหากที่ไม่อยากให้เราแต่งกัน”
“พี่ขอบใจจริงๆ ที่ตูเข้าใจความรู้สึกพี่”
“เดี๋ยวตูมานะคะ”
ข้าวตูเดินออกไป ธีระถอนใจโล่งอกเพราะคิดว่าข้าวตูเข้าใจเขา
ข้าวตูเดินออกมาหน้าบ้านทั้งที่น้ำตาไหลพรากเพราะรู้สึกเสียใจ เธอหันมองไปก็เห็นธีระกดโทรศัพท์
สายวันใหม่ที่โรงพยาบาล แดงนอนอยู่บนเตียง บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่แดงนอนมารอหน้าห้องผ่าตัด โดยมีกบอยู่ข้างเตียง
“พี่กบ ชั้นกลัว” แดงบอก
“ไม่ต้องกลัว หมอบอกแล้วว่าไม่อันตราย” กบปลอบใจ
“ถ้าชั้นเป็นอะไรไป พี่ต้องดูแลไตรตั้นให้ดีนะ ฝากดูแลแม่ด้วยนะ”
“แดง แดงต้องไม่เป็นอะไร หมอเค้าแค่เอาก้อนเนื้อออกมาตรวจ”
“แต่ถ้ามันมีแอคซิเดนท์ชั้นเป็นอะไรไปพี่ต้องดูไตรตั้นกับแม่นะ สัญญากับชั้นสิพี่กบ”
“พี่สัญญา”
“ได้เวลาเข้าห้องผ่าตัดแล้วนะคะ” พยาบาลบอก
กบกุมมือแดงแล้วพูดกับเธอ
“เดี๋ยวเจอกันนะ”
“พี่กบชั้นรักพี่นะ” แดงพูด
“พี่ก็รักแดง” กบตอบ
พยาบาลเข็นรถเข้าไปในห้องผ่าตัด กบเดินตามแล้วก็ปล่อยมือภรรยาออกช้าๆ พยาบาลเข็นรถเข้าไป แดงชะเง้อมองทั้งน้ำตา กบมองตามอย่างเป็นห่วง
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแดงให้ปลอดภัยด้วย” กบพูดกับตัวเอง
ธีระป้อนข้าวแม่อยู่ในห้องผู้ป่วย พยาบาลกำลังวัดความดันที่แขนให้จินดา ธีระยกน้ำขึ้นป้อน
“น้ำครับแม่ วันนี้แม่กินเก่งจัง หมดถ้วยเลย”
“เพราะกัปตันมาป้อนน่ะสิคะ” พยาบาลบอก “ปกติคุณป้าทานไม่กี่คำก็อิ่ม”
“ถ้างั้นผมจะมาป้อนข้าวแม่ทุกมื้อเลย”
“อิจฉาคุณป้าจริงๆ มีลูกชายน่ารักขนาดนี้ จะไปหาที่ไหนได้”
พยาบาลเก็บอุปกรณ์แล้วเดินออกไปจากห้อง
“แม่เอาส้มซักชิ้นนะ” ธีระบอก
จินดาพยักหน้า ธีระแกะส้มแล้วป้อน
จบตอนที่ 11