รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 10
จินดานั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน อยู่ๆ เธอก็สะดุ้งเฮือก
“อุ้ย”
“อะไรคะคุณยาย” อรถาม
“จิ้งจกน่ะสิขี้ใส่”
“โบราณว่าจิ้งจกขี้ใส่จะโชคไม่ดีรึเปล่าคะ...เอ๊ะ หรือคุณธีจะมีเมียคะ” อรแซว
“เอ็งนี่มันปากกระโถนจริงๆ บอกให้ต่อโทรศัพท์หาคุณธีต่อรึยัง”
“ต่อแล้วค่ะ แต่ไม่มีสัญญาณ”
“มิน่าไม่มีใครโทรหาเราเลย” จินดาพูดไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น “แน่ะ พูดถึงก็โทรมาเลย”
“ไม่ใช่ค่ะ นี่เบอร์ส่วนตัวหนูค่ะ” อรบอก
“แล้วใครโทรมา”
“แฟนค่ะ ขอตัวนะคะ” อรเดินออกไปรับโทรศัพท์เสียงหวาน “ฮัลโหล ... “
จินดามองอย่างหมั่นไส้ “นังนี่ ไม่ช้าต้องท้องโตคาบ้าน”
แดงชะเง้อมองไปทางหน้าบ้านพักแล้วเดินไปเดินมา กบ เอก และไตรตั้นนั่งรออยู่ด้วย
“สองคนนั้นหายไปไหนกันนะ” แดงกระวนกระวาย
“นั่นสิ ผมก็ตามหาทั่วแล้วนะ” เอกบอก
“หรือฝนตกเลยแอบไปหลบที่ไหนกัน” กบเดา
“พี่กบหมายถึงเค้าสองคนเข้าใจกันแล้วหรือ” แดงถาม
“ถ้าไม่เข้าใจกัน จะหายไปได้ไงทั้งสองคน”
“นั่นไงครับ น้าธีกลับมาแล้วครับ” ไตรตั้นบอก
รถของธีระเลี้ยวเข้ามา ไตรตั้นรีบวิ่งไปหา ธีระกับข้าวตูเปิดประตูลงมาจากรถ ทุกคนเดินออกมาหา ธีระกับข้าวตูมองสบตากันแล้วยิ้มเขินๆ แดง กบและเอกมองทั้งสองอย่างสำรวจ
“น้าธีไปเที่ยวไหนมาครับ กลับมาซะมืดเลย” ไตรตั้นถาม
ธีระบอกกับทุกคน “พอดีผมขับรถหลงทางนิดหน่อย”
“พี่ว่าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย” แดงบอก
ข้าวตูรับคำ “ค่ะ”
ข้าวตูเดินผ่านไป ธีระเดินตาม เอกจะเดินตามแต่กบรีบพูด
“ชั้นว่าแกกลับบ้านได้แล้วนะไอ้เอก”
“ชั้นจะถามตูเค้าว่าตกลงพรุ่งนี้เค้าจะไปล่องแก่งรึเปล่า” เอกบอก
“แต่ชั้นว่าเค้าไม่ไปแล้วล่ะ” กบตอบแทน
“หมายความว่า...”
“พี่เอกคงต้องไปล่องแก่งคนเดียวแล้วล่ะ” แดงบอก “ไปลูกเข้าบ้าน”
แดงพาไตรตั้นเดินเข้าบ้านไป เอกมองหน้ากบแล้วถอนใจ
“เสียดายจริง ๆ สวยน่ารักซะด้วย” เอกบอก
กบตบไหล่ “ถือซะว่าไม่มีบุญโว้ย”
“งั้นชั้นคงต้องลาแค่นี้”
“ขอบใจนะ ที่ให้ยืมบ้าน”
“ว่างก็มาเที่ยวอีกนะ”
“อืมม์”
“แต่ถ้าน้องตูเค้าเลิกกับธีเมื่อไหร่ โทรบอกชั้นทันทีนะ” เอกบอก
“เออ” กบรับคำอย่างขำๆ เอกขึ้นรถแล้วขับออกไป กบมองตามแล้วยิ้มขำ “ไม่อยากจะบอกมันเลยว่ามันหมดสิทธิ์แล้ว”
กบยิ้มแล้วหันเดินเข้าบ้านไป
ข้าวตูอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องพัก ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ข้าวตูหันมองก็เห็นแดงเปิดประตูเข้ามา
“พี่คุยด้วยได้มั้ย” แดงถาม
“เชิญค่ะ” ข้าวตูบอก
“ตอนฝนตกหายไปไหนกันมา”
“พอดีฝนมันตกหนักน่ะค่ะ พี่ธีก็เลยจอดอยู่ข้างทาง”
“แล้วนั่งกันอยู่ในรถสองคนน่ะหรือ”
“ค่ะ รอให้ฝนมันซา”
“แล้วคุยอะไรกัน” แดงถามต่อ
“ก็ทั่วๆไปน่ะค่ะ”
“หมายความว่าตอนนี้เข้าใจกันดีแล้วใช่มั้ย”
ข้าวตูมองหน้าแดงอย่างเขิน ๆ
“ตกลงเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย” แดงถามอย่างรู้ทัน
“พี่แดงถามพี่ธีเองแล้วกัน” ข้าวตูปัด
ข้าวตูอมยิ้ม แดงมองหน้า
“พี่ดีใจด้วยนะ ที่เธอสองคนเข้าใจกันได้ซะที พี่ก็ลุ้นแทบแย่”
“ขอบคุณค่ะพี่แดง”
“แต่พี่ขอเตือนอย่างนะ แม่พี่แกรักและหวงลูกชายมาก ยังไงพี่ก็อยากให้ตูเข้มแข็งและอดทนมากกว่ามาตรฐานซักสามเท่า” แดงเตือน
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“ใช่ ที่พี่เตือนเพราะไม่อยากให้ความรักของเธอทั้งสองต้องล่มกลางทาง”
“ขอบคุณพี่แดงมากค่ะ ตูจะจำไว้” ข้าวตูยืนยัน แดงยิ้มให้แล้วเดินออกไปจากห้อง ข้าวตูยิ้มกับตัวเอง “ขอแค่พี่ธีรักเรา เราก็จะอดทนกับทุกอย่าง”
เช้าวันใหม่ ธีระยืนมองบรรยากาศยามเช้าแล้วสูดอากาศอย่างสดชื่น กบถือแก้วกาแฟเข้ามาให้
“กาแฟธี”
“ขอบคุณครับพี่กบ วันนี้อากาศดีจังนะครับ ชักอยากจะอยู่ต่ออีกสองสามวันแล้ว” ธีระบอก
“ก็อยู่สิ เอกไม่ว่าหรอก”
“ก็พี่กบกับพี่แดงจะกลับแล้ว ผมจะอยู่ได้ยังไง”
“ก็ชวนข้าวตูเค้าอยู่เป็นเพื่อนสิ”
“มันจะน่าเกลียดน่ะสิครับพี่กบ”
“คนชอบกันมันจะน่าเกลียดได้ไง”
“เอ่อ ...” ธีระเขิน
“นายไม่ต้องปิดพี่หรอก คนที่นายควรจะปิดคือแม่นายมากกว่า”
ธีระถอนใจ “แต่ครั้งนี้ผมคิดว่าผมจะไม่ให้แม่รู้อะไรเกี่ยวกับข้าวตู”
“แล้วผู้หญิงเค้าจะยอมหรือ”
“ผมคงต้องคุยให้เค้าเข้าใจ ถ้าเค้ารับได้ เราก็จะเดินหน้าไปด้วยกัน”
“พี่เอาใจช่วยนะ ไม่อยากเห็นนายผิดหวังอยู่เรื่อย ๆ”
กบตบไหล่ธีระ ทั้งสองยิ้มให้กัน แล้วกบก็เดินไป ธีระจิบกาแฟที่ถืออยู่ในมือ
ธีระกับข้าวตูจับมือกันเดินอยู่ในสวนที่มีน้ำตาร่มรื่น ทั้งสองเดินคุยกันอย่างสดชื่น ข้าวตูพูด ธีระยิ้มฟัง ทั้งสองชี้ชวนดูนกและดูธรรมชาติ
ธีระกับข้าวตูเดินมาตามทางแล้วชวนกันปีนลงมาที่ธารน้ำตก
“ระวังนะ” ธีระบอก
ธีระจับมือข้าวตู ข้าวตูกระโดดลงพื้นแล้วก็ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายธีระ
“ยิ้มหน่อยค่ะพี่ธี”
ธีระยิ้มให้ ข้าวตูกดถ่ายภาพธีระไปหลายภาพ ธีระกระโดดตามลงมา
ข้าวตูกับธีระนั่งอยู่บนโขดหินริมน้ำ
“น้ำใสแจ๋วเลย ตูเล่นได้มั้ยคะ” ข้าวตูถามธีระ
“อยากเล่นจริงหรือ” ธีระถามย้ำ
“จริงค่ะ เล่นด้วยกันนะคะพี่ธี”
“ไม่ล่ะ ตูเล่นเถอะ”
ข้าวตูกระโดดลงน้ำทันที
“เย็นสบายจังเลยค่ะพี่ธี ลงมาเล่นด้วยกันเถอะค่ะ”
“ไม่ดีกว่า พี่ว่าพี่แก่เกินไปแล้ว”
“แก่อะไรกันคะ มาเถอะค่ะ”
“ไม่ล่ะ พี่ถ่ายรูปให้ดีกว่า”
ธีระหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายข้าวตู
“งั้นพี่ธีดูนะคะ ตูจะโดด ถ่ายให้ทันนะ หนึ่ง..สอง..สาม..”
ข้าวตูกระโดดขึ้นเหนือน้ำ ธีระกดถ่ายภาพ
“สวยมั้ยคะ”
“สวยจ้ะ” ธีระตอบ
“ไหนขอดูหน่อยค่ะ” ธีระส่งกล้องให้ข้าวตูดู “ไม่เห็นหน้าตูเลย ไหนบอกว่าสวย”
“งั้นเดี๋ยวพี่ถ่ายให้ใหม่”
ธีระกดถ่ายภาพข้าวตูอีกสามรูปแล้ววางกล้องลง
“น้ำเย้นเย็น” ข้าวตูบอก
“พี่ว่าขึ้นเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย” ธีระเตือน
“ก็ได้ค่ะ ช่วยดึงหน่อยสิคะ”
ข้าวตูส่งมือให้ธีระจับ ธีระไม่ทันระวัง ข้าวตูจึงกระชากธีระจนหล่นลงน้ำ ข้าวตูหัวเราะชอบใจ
“เป็นไงคะพี่ธี เย็นมั้ยคะ”
ธีระขึ้นมาจากน้ำด้วยสีหน้านิ่งเหมือนโกรธจัด ข้าวตูชะงักด้วยความตกใจ ธีระหันหลังให้ ข้าวตูยกมือไหว้
“ตูขอโทษค่ะ พี่ธีโกรธตูหรือคะ”
ธีระยังนิ่งไม่ตอบ ข้าวตูรีบเข้าไปหา
“ตูขอโทษนะคะพี่ธี ตูแค่อยากให้พี่ธีลงมาเล่นน้ำด้วย”
ธีระยังนิ่ง
“จะให้ตูทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ”
ธีระหันมากอดข้าวตู
“อุ๊ย พี่ธี ปล่อยตูนะ”
“ไม่ปล่อย พี่หนาว”
“หนาวก็ขึ้นสิคะ”
“ไม่ เพราะพี่กอดตูแล้วหายหนาว”
“พี่ธีน่ะ ขี้โกง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเค้าแย่นะคะ เราไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ก็ไหนเมื่อกี้ตูบอกว่าพี่ยังหนุ่ม”
ธีระมองยิ้มๆ ข้าวตูมองสบตาแล้วยิ้ม ธีระจูบหน้าผากข้าวตูก่อนจะเชยคางขึ้นจูบจมูกแล้วมองข้าวตู ข้าวตูยิ้มอาย ธีระจูบริมฝีปากแล้วทั้งสองก็กอดกันอยู่กลางน้ำ
ข้าวตูว่ายน้ำหนี ธีระว่ายตามแล้วคว้าตัวมากอด ทั้งสองหยอกล้อหัวเราะกันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไป ธีระเปลี่ยนชุดแล้วเอาของใส่ท้ายรถที่จอดอยู่ใกล้น้ำตกแล้วปิดฝากระโปรงรถ ข้าวตูที่เปลี่ยนชุดแล้วเช่นกันกำลังยืนชมวิวอยู่ ธีระเดินเข้ามากอด
“วันหลังมีเวลา เรามาเที่ยวกันอีกนะคะ” ข้าวตูชวน
“ได้สิ ตูเคยบอกว่าตูชอบทะเลไม่ใช่หรือ”
“ค่ะ พี่ธียังไม่บอกเลยว่าพี่ธีชอบทะเลรึเปล่า”
“ตูชอบอะไรพี่ก็ชอบด้วย”
“พี่ธีวันนี้กับวันที่ผ่านมา เหมือนเป็นคนล่ะคนเลยนะคะ”
“พี่ขอโทษ ที่พี่ต้องทำไม่สนใจตูก็เพราะ...”
“ตูรู้ค่ะ เพราะคุณแม่พี่ธีหวงพี่ธี”
“แล้วตูคิดยังไงกับเรื่องนี้”
“ตูบอกพี่ธีเลยนะคะ ตูไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“แต่พี่จะไม่พาตูไปรู้จักกับแม่พี่เลยนะ”
“แล้วแต่พี่ธีค่ะ เพราะตูคิดว่าชีวิตคู่มันเป็นเรื่องของเราสองคนไม่ว่าแม่พี่ธีจะชอบหรือไม่ชอบตู ตูก็จะไม่มีวันไปจากพี่ธี”
ธีระมองข้าวตูอย่างประทับใจ
“ขอบใจนะที่ตูเข้าใจในตัวพี่”
ธีระดึงข้าวตูเข้ามากอด
ธีระขับรถแล่นลงเขาไปในทางอันสวยสงบ
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 10 (ต่อ)
จินดานอนหลับอยู่บนโซฟา ประตูบ้านเปิดเข้ามาโดยช้อย ใหญ่ ภาเดินเข้ามาเห็นจินดากำลังหลับและมีเสียงกรนเบาๆ
“พี่จินดา” ช้อยเรียก
จินดายังคงนอนหลับ ใหญ่เข้ามาเขย่าตัว
“พี่จินดา”
จินดาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นช้อย ใหญ่ และภา
“อ้าว แม่ช้อย น้องใหญ่ ยัยภาทำไมมาเงียบ ๆ” จินดาถาม
“เงียบอะไร เห็นประตูบ้านเปิดอยู่เลยเดินเข้ามา” ใหญ่บอก
“แล้วนังอรไปไหน” จินดาถามต่อ
“คงไม่อยู่มั้ง ไม่เห็นมันเลยนี่” ภาตอบ
“นังนี่ เราเผลอหลับหน่อยเดียว เป็นต้องออกไปข้างนอก”
“พี่จินต้องด่ามันนะ ปล่อยให้พี่จินอยู่คนเดียวได้ยังไง เกิดไฟไหม้ ไฟคลอกเราขึ้นมา ตายเลยนะ” ใหญ่บอก
“น้องใหญ่ก็พูดไป” ช้อยปราม
“มันก็เกิดกันได้นะพี่ช้อย” ใหญ่ย้ำ
“แล้วนี่หายไปไหนซะนาน ไม่มาเยี่ยมชั้นเลย”
“ก็บอกแล้วว่าไปไหว้พระที่อินเดียไง” ภาบอก
“เออ ใช่สิ เราก็ดันจำไม่ได้”
จินดามองไปที่ประตูก็เห็นเห็นชายในชุดเสื้อขาวกางเกงขาวเหมือนคนถือศีลเดินเข้ามา
“อ้าว แล้วนั่นใคร” จินดาถาม
“อาจารย์สมภพ” ช้อยบอก
“นี่พวกแกไปเรียนพิเศษกันมาหรือ”
“ไม่ใช่พี่จิน นี่อาจารย์สมภพ หกสัมผัสไงเล่า” ช้อยบอก
“พอดีชั้นจะพาท่านอาจารย์กลับสำนัก นึกถึงพี่จินขึ้นมาได้ เห็นเจ็บออดๆแอดๆ เลยขอให้ท่านมาดูดวงชะตาให้หน่อย” ภาอธิบาย
“อ๋อ อาจารย์สมภพ ที่เค้าบอกรู้ทุกอย่างน่ะหรือ” จินดาเพิ่งเข้าใจ
อาจารย์สมภพมองหน้าจินดาแล้วเอ่ยขึ้น
“เจ้าต้องระวังนะ เพราะเจ้ากำลังจะมีเคราะห์หนัก”
จินดาตกใจ
“หา... จริงหรือคะ ท่านอาจารย์”
“อย่าไปถามอย่างนี้สิพี่จิน เดี๋ยวท่านอาจารย์โกรธ” ช้อยเตือน
“ขอประทานโทษค่ะ แล้วเคราะห์ของลูกช้างมันเป็นยังไงหรือคะ” จินดาถาม
“เคราะห์ของเจ้า เกิดจากคนใกล้ตัว เจ้าจะเสียของรัก” สมภพบอก
จินดาตกใจ “หา ...”
“พี่จิน แก้วแหวนเงินทอง ต้องเก็บให้ดีนะ เอามาฝากพวกชั้นก่อนมั้ย” ใหญ่ถาม
สมภพพูดต่อ “ไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นสิ่งมีชีวิต”
“หมายถึงคนหรือคะ”
“ก็เจ้ารักอะไรล่ะ”
จินดาอึ้ง
“นั่นล่ะเจ้าจะเสียมันไป เอาล่ะ ห้องส้วมอยู่ไหน”
“อาจารย์จะไปดูฮวงจุ้ยหรือคะ” ภาถาม
“ไม่ใช่ อาจารย์ปวดท้องฉี่”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะลืมไปว่าอาจารย์ปวดท้องฉี่ตั้งแต่อยู่ในรถ เอ้า น้องใหญ่ เธอพาไปซิ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะท่านอาจารย์” ใหญ่พูดแล้วเดินนำไปทางหลังบ้าน
“หรือว่าจะเสียลูกชายพี่จิน” ช้อยวิเคราะห์
“งั้นชั้นว่าพี่จินต้องบอกลูกชายนะว่าวันนี้อย่าขับเครื่องบิน” ภาบอก
“มันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” จินดาว่า
“แต่อย่าลืมนะ อาจารย์สมภพแกมีสัมผัสที่หกนะพี่จิน” ช้อยย้ำ
จินดาใจคอไม่ดี ทันใดนั้นธีระก็เดินเข้าบ้านมา
“หวัดดีครับแม่”
“ธีลูกแม่...”
“หวัดดีครับป้าช้อย น้าภา”
“ลูกมานี่ เร็ว” จินดาเรียกด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“เป็นอะไรครับแม่”
“เมื่อกี้หมอดูเค้าบอกว่าแม่จะเสียของรัก”
ธีระมองแม่อย่างงงๆ
“กัปตัน วันนี้มีบินมั้ย” ช้อยถาม
“มีพรุ่งนี้ครับ” ธีระบอก
“อย่าบินนะ ช่วงนี้เป็นไปได้ หยุดลาพักร้อนเลย”
“คงไม่ได้หรอกครับน้าภา” ธีระบอก
“แต่มันเกี่ยวกับความเป็นความตายนะ” ช้อยบอก
ทันใดนั้นสมภพเดินออกมากับใหญ่
“มันไม่ถึงกับตายหรอก แม่ช้อย” สมภพบอก
“จริงหรือคะท่านอาจารย์”
“นี่ลูกชายอิชั้นค่ะอาจารย์ เค้าเป็นกัปตันเครื่องบิน” จินดาแนะนำ
ธีระมองสมภพอย่างงงๆ ก่อนจะยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
สมภพเดินเข้ามาหยุดมองจ้องหน้าธีระ ธีระมองอย่างงงๆ
“คุณเป็นคนดีมาก รักพ่อแม่ มีความกตัญญูรู้คุณ คุณจะไม่มีวันตกอับ”
จินดา ช้อย ภาและใหญ่มองจ้อง
“แต่ผมจะเตือนคุณเรื่องนึง” สมภพบอก
“อะไรหรือคะท่าน” จินดาถาม
“อะไรที่คุณคิดอยู่ อย่าบอกให้ใครรู้ มิฉะนั้น คุณจะต้องเสียใจไปตลอดทั้งชีวิต”
ธีระชะงักกับคำพูดของสมภพ
จินดานั่งนิ่งแต่มีสีหน้ากังวลใจอยู่ที่ระเบียงบ้าน ธีระเอาถ้วยรังนกมาให้
“รังนกครับแม่ ไม่ใส่น้ำตาล”
“ขอบใจลูก” ธีระลงนั่งใกล้ๆ จินดามองหน้าลูกชาย “ธี ลูกกำลังคิดอะไรอยู่”
ธีระงง “คิดอะไรครับ”
“ก็ที่อาจารย์สมภพบอกว่าถ้าคิดอะไรอยู่อย่าบอกใคร”
“แม่อย่าไปเชื่อมากเลยครับ หมอดูก็คู่กับหมอเดา”
“แล้วลูกมีเรื่องอะไรปิดบังแม่รึเปล่า”
ธีระชะงักก่อนจะมองสบตาแม่
“ว่าไงลูก บอกแม่ได้มั้ย”
“ไม่มีหรอกครับแม่ ผมจะไปปิดบังแม่ได้ยังไง”
“ก็เรื่องแฟนเฟินอะไรเนี่ยมีรึเปล่าลูก”
“ไม่มีจริงๆครับ ก็ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมจะไม่รักใครอีกต่อไปแล้ว”
“เฮ้อ แม่ค่อยโล่งอกหน่อย เอ ... แต่หมอเค้าบอกว่าแม่จะต้องเสียของรัก มันเรื่องอะไรนะ”
ทันใดนั้นเสียงอรก็ดังขึ้น “ว๊าย ...”
จินดากับธีระสะดุ้ง
“นังอรมันเป็นอะไร” จินดาสงสัย
“เดี๋ยวผมไปดูเองครับ” ธีระบอก
ธีระลุกเดินออกไปทางหลังบ้านทันที
อรเข้าไปประคองคมสันต์ที่นอนกองอยู่กับพื้น
“เป็นไงพี่คมสันต์ เจ็บรึปล่า แล้วปีนท่าไหนถึงตกรั้วลงมาได้”
“ก็พี่เหยียบรั้วพลาดน่ะสิ” คมสันต์บอก
ธีระเดินเข้ามา
“มีอะไรอร”
“คุณธี” อรตกใจ
ธีระมองคมสันต์ “นี่ใคร”
“เอ่อ คือ....”
“ชั้นถามว่านี่ใคร”
“เอ่อ แฟนอรเองค่ะ” อรบอก
“อ้าว ทำไมเข้ามาในบ้านเรา ชั้นบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้ใครเข้าบ้าน”
“แหม คุณธีคะ คุณยายก็ด่าไม่ให้หนูออกนอกบ้าน คุณธีก็ไม่ให้แฟนหนูเข้าบ้าน แล้วหนูกับแฟนจะไปสป๊าคกันตอนไหนล่ะคะ”
“เรื่องนั้นชั้นไม่รู้ แต่ชั้นขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ” ธีระเตือน
“ถ้างั้นหนูคงต้องขอลาออกล่ะค่ะ ไปค่ะ พี่คมสันต์ ปีนออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวน้องอรเก็บของแล้วจะตามไป”
อรขยับจะเดินไป
“เอาล่ะ เอาล่ะ งั้นชั้นจะอนุญาตให้เธอหยุดวันอาทิตย์ไปเจอแฟน” ธีระบอก
“ว่าไงพี่คมสันต์ รอไหวมั้ยคะ” อรถาม
“ได้จ้ะ แต่พี่ว่าน้องอรควรจะขอเงินเดือนเพิ่มหน่อยนะ” คมสันต์เสนอ
“อ้อ จริงด้วยค่ะ หนูว่าจะบอกคุณธีหลายหนแล้ว หลังๆเนี่ยหนูต้องคอยเช็ดอึเช็ดฉี่คุณยายทุกวัน หนูต้องขอเงินเพิ่มหน่อยนะคะ”
ธีระพยายามควบคุมความโมโห “ได้ ชั้นจะเพิ่มให้ห้าร้อย พอใจรึยัง”
“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูขอคุยกับพี่เค้าซักห้านาทีนะคะ”
ธีระมองอรกับคมสันต์อย่างไม่พอใแต่ก็พูดอะไรไม่ได้จึงหันเดินเข้าบ้านไป
“เป็นไง พอพี่พูดปุ๊บได้เงินเพิ่มเลยเห็นมั้ย ความจริงน้องอรต้องแบ่งให้พี่ครึ่งนึงนะ” คมสันต์บอก
“แหม พี่คมสันต์น่ะพูดล้อเล่นอยู่เรื่อย”
ธีระเดินกลับเข้ามา
“นังอรมันเป็นอะไรลูก” จินดาถามลูกชาย
“แฟนมันตกรั้วครับ” ธีระบอก
“หา ... นังนี่ ริอ่านพาผู้ชายเข้าบ้านหรือ แม่จะไล่มันออก”
“อย่าเลยครับแม่ ผมดุเค้าไปแล้ว”
“ไม่ได้ลูก แม่ว่ามันชักจะเกินไปแล้ว เดี๋ยวนี้ตั้งแต่มีแฟน มันไม่สนใจแม่เลย พูดโทรศัพท์ทั้งวัน”
“แม่ครับ ถ้าแม่ไล่อรออก ใครจะดูแลแม่”
“โอ๊ย แม่ดูแลตัวเองได้”
“แต่แม่แก่แล้วนะครับ ถึงยังไงแม่ก็ต้องมีคนดูแล ผมขอล่ะอย่าไปว่าอะไรมันเลย สมัยนี้จะหาคนมาอยู่ดูแลเราลำบากนะครับ”
“นี่เราจ่ายเงินมัน เราต้องกลัวมันด้วยหรือ”
เสียงโทรศัพท์มือถือของธีระดังขึ้น ธีระดูเบอร์ จินดามองจ้อง ธีระเหลือบมองแม่แล้วกดรับโดยทำตัวเป็นปกติ
“ฮัลโหล”
ข้าวตูพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“หวัดดีค่ะ ตูโทรมากวนรึเปล่าคะ”
ธีระเหลือบมองแม่ก็เห็นแม่ยังมองจ้องเหมือนอยากรู้ว่าใครโทรมา
“ไม่หรอกครับ ผมดีใจที่ท่านโทรมา” ธีระทำเป็นพูด
“คุณแม่อยู่ข้างๆหรือคะ” ข้าวตูรู้มุก
“ใช่ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะไปหาท่านแล้วกันนะครับ”
ข้าวตูตอบรับ “ค่ะ”
ธีระกดปิดโทรศัพท์
“เจ้านายโทรมาหรือลูก” จินดาถามลูกชาย
“ครับ ท่านอยากให้ไปกินข้าวด้วย”
“งั้นก็ไปลูก ไป รีบไป”
“งั้นผมไปก่อนนะครับแม่ พักผ่อนเยอะๆ”
“จ้ะ ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่”
ธีระเดินออกไป จินดาตะโกนเรียกอรอย่างฉุนเฉียว
“นังอร ... นังอร ...”
ธีระโผล่หน้ากลับเข้ามาพูดด้วย
“แม่ครับ จำที่ผมขอได้มั้ย”
“อ๋อ จ้ะ จ้ะ”
ธีระเดินออกไป อรเดินหน้างอเข้ามา
“มีอะไรหรือคะคุณยาย ตะโกนเสียงดังโหวกเหวกยังกะไฟไหม้”
“ไปเอาแพมเพอสมาเปลี่ยนให้ชั้นหน่อยซิ” จินดาสั่ง
“นี่ฉี่หรืออึคะ”
“สองอย่าง”
“ว้าย ... สองอย่างเลยหรือคะ”
“เออ”
อรทำหน้าเซ็งแล้วเดินออกไป จินดาหัวเราะสมน้ำหน้าอร
“จากนี้ไปจะขี้ให้มันดมทั้งวัน”
ที่บ้านข้าวตู ธีระรินเครื่องดื่มใส่แก้วแล้วเดินเข้ามาให้ข้าวตู
“ไซเดอร์จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“หอมจังเลย พี่ไม่ยักรู้นะว่าตูทำอาหารเป็น”
“อยู่เมืองนอกนี่คะ ใครจะทำให้ทานถ้าไม่ทำเอง พี่ธีหิวรึยังคะ”
“ยังจ้ะ”
“ลองชิมยำรวมมิตรดูหน่อยนะคะ” ข้าวตูตักยำป้อน “เป็นไงคะ”
“หือม์ แซบ” ธีระชม
“อร่อยใช่มั้ยคะ”
“อร่อยมากจ้ะ”
“งั้นพี่ธีไปนั่งเลยค่ะ เดี๋ยวตูเอาไปเสริฟให้”
ธีระเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ข้าวตูหยิบอาหารมาเสริฟ
“เอาข้าวมั้ยคะ”
“ไม่ พี่กินยำเล่นดีกว่า”
“ทานเยอะๆนะคะ”
ธีระตักอาหารจะป้อนข้าวตู “อ้าปาก อ้ำ”
ธีระป้อนอาหารให้ข้าวตู ธีระยกแก้วชนกับข้าวตู ธีระดื่มจนหมดแก้ว ข้าวตูลุกไปเติมเครื่องดื่มให้
ธีระมองตามแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ธีระนอนหนุนตักข้าวตูหลับอยู่ ข้าวตูมองเห็นธีระหลับ ข้าวตูจับแก้มแล้วเขี่ยจมูกธีระด้วยความรัก เธอก้มลงจูบหน้าผากธีระ ข้าวตูเอามือโอบกอดธีระไว้ ธีระหลับอยู่ในอ้อมกอดของข้าวตู
จินดาหลับอยู่ในห้องที่มืดมิด จู่ๆ เธอก็ละเมอร้องออกมา
“ลูกช้างกลัวแล้ว อย่าทำอะไรลูกช้างเลย ได้โปรดเถอะค่ะอาจารย์ ลูกช้างกลัวแล้ว”
อรนอนอยู่ปลายเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมองเห็นจินดาละเมอ
“กลัวอะไรคะคุณยาย” อรถาม
“อย่าค่ะ อย่าเข้ามา ออกไป ชั้นกลัวแล้ว ช่วยด้วย”
“คุณยาย คุณยายคะ” อรเข้าไปแตะตัว “อุ๊ย... ตัวร้อนยังกะไฟ คุณยายขา”
จินดาสะดุ้งตื่นขึ้นมามองอรอย่างงงๆ
“หา .. ใคร... นี่ใคร ... อาจารย์อยู่ไหน” จินดาละลักละล่ำ
“อาจารย์อะไรคะ”
“อาจารย์สมภพ”
“อ๋อ ท่านไปแล้วค่ะ หนูไล่ไปแล้ว”
“เอ็งอย่าให้อาจารย์เข้ามาบ้านเรานะ”
“ค่ะ ... อุ๊ย คุณยายขา ฉี่แตกอีกแล้วหรือคะ”
“ข้าไม่ได้ฉี่ อาจารย์เอาน้ำสาดข้า”
“เดี๋ยวหนูเปลี่ยนผ้าให้ใหม่นะคะ”
“เอ็งไปเอาชุดนอนชุดใหม่มาซิ”
“ค่ะ”
อรลุกเดินออกไป จินดาหายใจหอบโดยที่ยังไม่หายเบลอเพราะพิษไข้
อรเดินลงบันไดพร้อมกับบ่นมาตลอดทาง
“คุณยายนี่ละเมอใหญ่ โทรบอกคุณธีดีกว่า”
อรเดินไปหยิบโทรศัพท์กดโทรหาธีระ
โทรศัพท์ของธีระกระพริบแต่ไม่มีเสียง ธีระนอนกอดข้าวตูหลับอยู่
อรฟังเสียงปลายสายแต่ก็ไม่มีคนรับเธอจึงถอนใจ
“คุณธีไปไหนนะ ไม่รับสาย”
เสียงจินดาตะโกนลงมา “นังอร เสื้อข้าได้รัยัง”
“ค่ะค่ะ โอ๊ย เหม็นฉี่ชะมัด”
เช้าวันใหม่ที่โรงพยาบาล หมอดูผลที่เอกสาร จินดากับแดงนั่งรอฟังผลอยู่หน้าโต๊ะหมอ
“ตอนนี้น้ำตาลขึ้นสูงนะคะ คุณป้า แล้วที่มีไข้ก็เพราะก็ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ เวลาฉี่ฉี่สุดรึเปล่าคะ” หมอถาม
“ต้องใช้เวลานานค่ะ” จินดาตอบ
“คุณป้าต้องพยายามฉี่ให้สุด ทานน้ำเยอะๆ แล้วอย่ากลั้นปัสสาวะนะคะ” หมอบอก
“ค่ะคุณหมอ”
“แล้วต้องนอนโรงพยาบาลมั้ยคะ” แดงถาม
“หมอว่าไม่ต้อง หมอจะให้ยาไปทานดูก่อน ดูอาการซักเจ็ดวันแล้วมาตรวจอีกที”
“ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ” แดงบอก
“ขอบคุณคุณหมอนะคะ” จินดาบอก
แดงพยุงแม่ลุกเดินออกไป
แดงกับจินดาเดินออกมาตามทางในโรงพยาบาล
“หนูบอกแม่แล้วว่าให้คุมน้ำตาลอย่ากินขนมมาก” แดงว่า
“แกก็พูดเกินไป แม่กินที่ไหนเล่า ทุกวันนี้แทบจะไม่ได้กินอะไรอยู่แล้ว”
“เอาล่ะ ไม่กินก็ดีแล้ว แต่แม่ต้องตั้งใจนะ พอน้ำตาลขึ้นมันก็จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน”
“ชั้นรู้แล้วน่ะ แกพูดยังกะชั้นไม่รักชีวิต”
แดงถอนใจแล้วพาแม่เดินมานั่งรอจ่ายเงิน
“แม่จะถามอะไรแกหน่อย”
“ถามอะไร”
“ที่ไปเขาใหญ่กันน่ะ น้องแกกับยายข้าวตูเป็นไง”
“อุ๊ย ดูท่าทางนายธีจะไม่ชอบยัยข้าวตูหรอกแม่”
“จริงหรือ”
“จริงสิแม่ หนูว่าแม่ไม่ต้องห่วงธีมันหรอก วันนั้นมันยังพูดต่อหน้าข้าวตูเลย ว่าผู้หญิงที่มันรักที่สุดก็คือแม่”
“น้องแกพูดอย่างงั้นเลยหรือ”
แดงตอบทันที “ใช่”
“แล้วยัยข้าวตูว่าไง”
“เค้าก็มากระซิบบอกหนูว่าสงสัยนายธีจะเป็นเกย์”
“เออ ดีเลย วันหลังแกบอกไปเลยนะว่าธีมันเป็นสาว เค้าจะได้ไม่มายุ่งกับมัน”
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้เค้าไปกิ๊กกับพี่เอกเพื่อนพี่กบแล้ว”
“อุ๊ย นังเด็กนี่ไวไฟจัง ดีนะที่ตาธีไม่ชอบ ไม่งั้นล่ะยุ่งเลย”
แดงอมยิ้มและแอบขำแม่ตัวเอง
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 10 (ต่อ)
ธีระกับข้าวตูถวายสังฆทานที่วัดแห่งหนึ่ง
“ขอให้โยมทั้งสองมีความสุขความเจริญ” พระให้พร
ธีระกับข้าวตูก้มกราบพระแล้วลุกเดินออกไป
ธีระกับข้าวตูเดินมาตามทางในวัด
“ทำไมถึงชวนพี่มาไหว้พระที่นี่”
“ก็วันนั้นที่ตูเจอพี่ธี ตูอธิษฐานว่าถ้าตูได้เป็นแฟนกับพี่ธี ตูจะพาพี่ธีมากราบท่าน” ข้าวตูบอก
“นี่ถึงกับบนเลยหรือ”
“แหม ก็พี่ธีทั้งหล่อ ทั้งเล่นตัว ถ้าตูไม่บนกับพระท่าน คงไม่สมหวัง”
“งั้นก็แสดงว่าเราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ”
“อย่าพูดให้ตูดีใจสิคะ เมื่อกี้ตูเพิ่งอธิษฐานขออย่าให้ความรักของเรามีอุปสรรคอะไรเลย”
“ก็อย่างที่ตูบอกขอแค่เราสองคนเข้าใจกัน มันคงไม่มีอะไรมาทำให้เราเลิกกัน”
“แล้วถ้าสมมุติว่าแม่พี่ธีรู้เรื่องเรา แล้วท่านให้พี่ธีเลิกกับตูพี่ธีจะว่าไงคะ”
“ท่านไม่มีวันรู้หรอก ถ้าพี่ไม่บอก”
ธีระเงยหน้าขึ้นชะงักมองก็เห็นช้อย ใหญ่และภากำลังเดินมา
“ตูมานี่”
ธีระดึงแขนข้าวตูมาหลบหลังที่กำบัง
“มีอะไรคะ” ข้าวตูงง
“เพื่อนแม่พี่”
กลุ่มช้อยเดินผ่านมา
“ไปไหว้พระนอนก่อน แล้วค่อยไปทางนู้น” ช้อยบอกเพื่อนๆ
“แต่ชั้นว่าไปไหว้พระในโบสถ์ก่อนไม่ดีหรือ คนน้อย ๆ” ใหญ่พูด
“โอ๊ย พี่ใหญ่ ก็มาทางนี้แล้วจะดินย้อนไปทำไม” ภาว่า
ทั้งสามเดินผ่านไป ธีระโผล่หน้าออกมา ข้าวตูมองตาม
“เกือบไปแล้ว” ธีระบอก
“ทำไมคะ”
“ถ้ากลุ่มนี้เห็นล่ะก็ ถึงหูแม่พี่แน่”
“งั้นตูว่าเราไปเถอะค่ะ” ข้าวตูบอก
ธีระกับข้าวตูเดินหลบออกไป
ช้อย ภา และใหญ่กราบพระ
“เสียดายพี่จินไม่ได้มานะ” ช้อยว่า
“ชั้นว่าหลังๆนี่พี่จินป่วยบ่อยนะ” ใหญ่บอก
“นั่นน่ะสิ ชั้นห่วงว่าจะอยู่ถึงปีใหม่รึเปล่านะ” ภาพูด
“บ้าน่ะ ไม่ได้เป็นมะเร็งซะหน่อย”
“ว่าแต่พี่จินไม่มานี่ ใครจะเป็นคนจ่ายอาหารเที่ยง” ใหญ่บอก
“แชร์ก็แล้วกัน” ภาเสนอ
“งั้นวันนี้อย่าไปกินกุ้งแม่น้ำเลยนะ” ช้อยบอก
“งั้นจะกินอะไร”
“ก๋วยเตี๋ยวเรือแล้วกัน” ภาสรุป
ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ คนขายกำลังลวกเส้น ธีระกับข้าวตูเดินเข้ามาในร้าน ทั้งสองนั่งแล้วหันไปสั่ง
“ขอเส้นเล็กหมูน้ำตกค่ะ”
“ผมเส้นเล็กเหมือนกัน ขอสี่ชามเลยนะ” ธีระบอก
พนักงานเสริฟเดินออกไป
“เดี๋ยวกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเราไปวัดนิเวศน์ดีมั้ยคะ” ข้าวตูถาม
“พี่ว่าอย่าเลยนะ เดี๋ยวเกิดไปเจอเพื่อนแม่พี่ขึ้นมาจะยุ่ง เอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่ดีกว่า”
“ตูว่ามันคงไม่แจ๊กพอตขนาดนั้นหรอกค่ะ”
เสียงช้อยดังขึ้น “กัปตันธี”
ธีระหันไปมองช้าๆ เขาเห็นช้อย ใหญ่และภายืนโบกมืออยู่หน้าร้าน
“ป้าช้อย”
ข้าวตูหันไปมอง เห็นทั้งกลุ่มเดินเข้ามาหา
“มาเที่ยวหรือลูก” ช้อยถาม
“เอ่อครับ มาไหว้พระน่ะครับ” ธีระบอก
ใหญ่หันมามองเห็นข้าวตู
“พาแฟนมาไหว้พระหรือจ๊ะ”
“เอ่อ ..คือ ... “ ธีระอึกอัก
ข้าวตูมองหน้าธีระว่าจะเอายังไง
“ไม่ต้องปิดพวกน้าหรอก” ภาบอก
“หวัดดีจ้ะหนู ชั้นชื่อช้อย นี่คุณใหญ่ นี่น้าภา เป็นเพื่อนกับแม่กัปตันธีเค้า”
“เอ่อ ...” ธีระมองหน้าข้าวตู ข้าวตูมองธีระ “คืออย่างนี้ครับ เค้าไม่ใช่แฟนผม”
“ไม่ต้องมาปิดป้าหรอก” ใหญ่บอก
“ใช่ ถ้าไม่ใช่แฟนจะมานั่งอยู่ด้วยกันทำไม” ภาบอก
ธีระอึกอัก “คือ...”
“อ๋อ กลัวพวกป้าจะไปบอกแม่ใช่มั้ย” ช้อยรู้ทัน
“ไม่ใช่ครับ” ธีระรีบปฏิเสธ
“ไม่ต้องกลัว พวกเราสัญญาว่าจะไม่บอกพี่จินดาหรอก แต่กัปตันต้องเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวป้านะจ๊ะ”
ภาหันมาถามข้าวตู “ว่าแต่หนูเป็นแอร์รึเปล่าจ้ะ”
ข้าวตูพูดเป็นภาษาอังกฤษ “ขอโทษค่ะ ชั้นไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรกัน พวกคุณรู้จักเค้าหรือคะ” ข้าวตูทำเป็นชี้ไปที่ธีระ
ช้อย ใหญ่และภามองหน้ากันด้วยความตกใจที่ข้าวตูพูดภาษาอังกฤษใส่
ช้อยรีบพูด “โอ เยส เยส”
“โน โน แธ้งกิ้ว” ใหญ่เสริม
“โอเค กูดมอนิ่ง” ภาต่อ
ทั้งสามแย่งกันตอบเสียงลั่นด้วยความตกใจ ธีระอมยิ้ม
“แฟนเป็นแหม่มหรือ” ใหญ่ถาม
“ผมบอกแล้วไงครับไม่ใช่แฟน” ธีระบอก
“อ้าว ไม่ใช่แฟนแล้วใคร”
“ผมมาคนเดียวไม่มีโต๊ะ ก็เลยขอเค้านั่งน่ะครับ” ธีระบอก
ข้าวตูพูดภาษาอังกฤษใส่อีก “ชั้นกำลังจะไป เชิญนั่งค่ะ บาย ดีใจที่พบพวกคุณ”
ข้าวตูยิ้มให้ทั้งสามแล้วลุกเดินออกไปทันที
ช้อยตะโกนตามหลัง “ซียูอะเกน”
“ตายแล้วพวกเรา ไปทักเค้าผิด”
“ก็ชั้นบอกพี่ใหญ่แล้วว่าไม่ใช่” ภารีบบอก
“ก็พี่ช้อยน่ะสิดันโมเมพูดขึ้นมาว่ากัปตันมากับแฟน” ใหญ่โยนความผิด
“เอาล่ะครับ ผมว่าเชิญนั่งก่อนดีกว่าครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
ทั้งสามนั่ง ธีระมองออกไปก็เห็นข้าวตูแอบมองมาจากมุมนึงแล้วทำท่าทางให้รู้ว่าจะไปรอที่อื่น ธีระพยักหน้าแล้วฝืนยิ้ม พนักงานเสริฟเอาก๋วยเตี๋ยวเข้ามาให้ธีระ
“มาแล้วครับ เส้นเล็กสี่ชาม”
“โอ้โห กัปตันสตาร์ททีเดียวสี่ชามเลยหรือ” ช้อยแซว
“ครับ ผมหิว”
ทั้งสามหันไปสั่งกันเสียงดัง ธีระลอบถอนใจ
เวลาผ่านไป ธีระเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่ง ข้าวตูนั่งรออยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว
“พี่ขอโทษนะ ตูเลยไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ตูกินข้าวเหนียวหมูปิ้งไปแล้ว” ข้าวตูบอก
ธีระถอนใจ “นี่ไง พี่ถึงไม่อยากคบกับใคร”
“ไม่เอาน่าพี่ธี อย่าคิดมากสิคะ ตูบอกแล้วไงว่าตูเข้าใจพี่ธี”
“แต่พี่ก็ไม่อยากต้องหลบๆซ่อนๆหรือทำเป็นว่าเราไม่รู้จักกัน มันเหมือนกับพี่ไม่เป็นลูกผู้ชาย”
“อย่าคิดแบบนี้สิคะ เราก็รู้อยู่แล้วว่าที่เราทำไปก็เพราะมันจำเป็น แล้วตูก็รู้ว่าพี่ธีไม่อยากให้คุณแม่ไม่สบายใจ ถึงต้องทำแบบนี้”
ธีระมองหน้าข้าวตูเหมือนจะพูดต่อ แต่ข้าวตูตัดบท
“เชื่อตูสิคะ ไม่ต้องห่วงตู” ธีระจับแก้มข้าวตู
“ขอบใจตูมากนะ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ ตูว่าวันนี้ก็สนุกไปอีกแบบ ได้เล่นบทนักท่องเที่ยวด้วย”
ข้าวตูยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ธีระมองหน้าอย่างซึ้งใจแล้วยิ้มตอบ
“พี่รักตูนะ”
ข้าวตูยิ้มแล้วเคลื่อนมาหอมแก้มธีระ
“ตูก็รักพี่ธีค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน สักพักรถก็เคลื่อนออกไป
เช้าวันใหม่ จินดาตื่นนอนแล้วเดินลงมาตะโกนเรียก
“อร ... อรเอ๊ย ...”
จินดาเดินไปมองหาอรที่หน้าบ้านแต่ก็ไม่เจอ เธอจึงเดินไปดูที่ครัว
“นังอร... มันไปไหนของมัน ... เอ๊ะ หรือเมื่อคืนมันไม่ได้นอนกับเรา” จินดาคิด “ใช่สิตอนเรานอนมันยังไม่ขึ้นมา นี่เราตื่นก็ไม่เห็นมัน ... นังอร ...”
อรเปิดประตูบ้านเข้ามา
“ขาคุณยาย”
“นี่แกไปไหนมา” จินดาถาม
“เอ่อ หนูกวาดบ้านอยู่หน้าบ้านน่ะค่ะ” อรบอก
“แล้วทำไมชั้นไม่เห็นแก” จินดามองเสื้อผ้าของอร “นี่เมื่อวานแกใส่ชุดนี้นี่”
“คุณยายจำผิดแล้วค่ะ เมื่อวานหนูใส่กระโปรงสีชมพู แล้วเรียกหนูทำไมคะ”
“แกต่อโทรศัพท์หาคุณธีให้ชั้นหน่อยซิ”
“ค่ะ”
อรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดแล้วฟังเสียงปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง
“คุณธีไม่รับสายค่ะ”
“ก็ต่ออีกทีสิ” จินดาบอก
อรกดซ้ำแล้วฟัง
“ไม่มีคนรับค่ะ จะให้ต่ออีกมั้ยคะ”
“ไม่ต้องแล้ว ทำไมพักนี้ตาธีไม่ค่อยรับโทรศัพท์เรา”
“เค้าคงรำคาญน่ะค่ะคุณยาย หนูพูดจริงๆนะคะ หนูยังรำคาญเลย”
“เอ็งอย่ามาทำปากดีนะ ข้าจ่ายเงินเอ็งนะ ไม่ได้ให้เอ็งมาดูแลข้าฟรีๆ ไปเอายาตอนเช้ามาซิ”
อรเดินไปที่ตู้เย็น เธอเปิดตู้พร้อมกับบ่นพึมพัม
“จ้างสี่พัน ทำยังกะจ้างหมื่นนึง” อรมองยาแต่ก็ไม่เห็น “คุณยายขายาหมดแล้วค่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกข้าล่วงหน้า”
“หนูลืมค่ะ ค่อยกินรวบยอดพรุ่งนี้แล้วกันนะคะ เดี๋ยวบ่าย ๆหนูจะออกไปซื้อให้” อรจะเดินผละไป
“แล้วนี่จะไปไหน”
“ก็ไปอาบน้ำสิคะ หนูยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”
อรเดินจากไป จินดามองอย่างไม่ชอบใจ
“นังนี่ นับวันจะยิ่งเหิมเกริม”
เสียงโทรศัพท์ที่บ้านดัง จินดารับ
“ฮัลโหล”
ธีระยืนพูดโทรศัพท์อยู่ริมทะเล
“แม่หรือครับ โทรหาผมมีอะไรหรือ”
“แหม เดี๋ยวนี้ต้องมีอะไรหรือแม่ถึงโทรหาลูกได้” จินดาตัดพ้อ
“ไม่ใช่อย่างงั้นครับ พอดีผมกำลังยุ่งอยู่” ธีระบอก
“ทำไมช่วงนี้ลูกยุ่งจังเลย แม่ถามกี่ครั้งก็บอกยุ่ง ๆ อยู่ทุกครั้ง”
ข้าวตูเอากาแฟเข้ามาให้ธีระ
“กาแฟค่ะ”
ธีระจุ๊ปากไม่ให้ข้าวตูเสียงดัง
“งานมันก็มีปัญหาน่ะครับแม่ พรุ่งนี้ผมไปเยี่ยมแม่แล้วกันนะ”
“วันนี้มาไม่ได้หรือลูก” จินดาถาม
“เอ่อ ... แม่มีอะไรสำคัญรึเปล่าครับ”
“แม่ก็แค่คิดถึงลูก”
“งั้นเป็นพรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะ”
“ได้ ๆ ถ้าลูกงานยุ่งพรุ่งนี้ก็ได้”
“ผมรักแม่นะครับ” ธีระบอก
“ธี” จินดาเรียก
“ครับ”
“นั่นลูกอยู่ที่ไหน แม่ได้ยินเหมือนเสียงคลื่น อยู่ทะเลหรือ”
“อ๋อ ไม่ใช่ครับ คงเป็นเสียงเครื่องยนต์มากกว่า”
“แค่นี้ล่ะลูก”
จินดาวางโทรศัพท์ลงอย่างหงอย ๆ
ธีระกดวางสาย
“คุณแม่โทรมาหรือคะ” ข้าวตูถาม
“จ้ะ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วนะ พอดีแม่เค้าอยากจะเจอพี่” ธีระบอก
“อ้าว หรือคะ”
“แต่ถ้าตูอยากอยู่ต่อ พี่ไปคนเดียวก็ได้ แล้วพรุ่งนี้เย็นพี่ขับรถกลับมาหาตู”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
ธีระถอนใจ “เบื่อเรื่องของพี่มั้ย”
“ไม่ค่ะ ตูบอกแล้วไง ตูรับได้ ชิล ชิล”
ข้าวตูพูดยิ้มๆ ธีระยิ้มโล่งใจแล้วจึงยกกาแฟขึ้นจิบ
วันใหม่ ที่บ้านจินดา จินดาถามกลุ่มของช้อยที่มาคุยด้วย
“แก้เคล็ดหรือ”
ช้อย ใหญ่และภานั่งคุยกับจินดา ช้อยพูดเรื่องแก้เคล็ดต่อ
“ใช่ อาจารย์สมภพบอกว่าคืนวันเพ็ญให้อาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์”
“ให้ชั้นไปแก้ผ้าอาบน้ำกลางสนามงั้นหรือ” จินดาถาม
“ไม่ใช่ ก็แค่นุ่งผ้าถุงแล้วตักน้ำอาบซักสามขันก็จบ” ใหญ่บอก
“ถ้าอย่างงั้นก็พอไหว”
“แต่ชั้นว่าต่อให้ต้องแก้ผ้าก็ต้องทำนะพี่จิน ดีกว่าเสียลูกชาย” ภาเสนอ
“ใช่ เออพูดถึงกัปตันธี อาทิตย์ที่แล้วพวกเรายังไปเจอที่อยุธยาเลยนะ” ช้อยบอก
จินดาชะงัก “ไปเจอตาธีหรือ เค้าไปทำไม”
“ไม่รู้” ช้อยตอบ
“ไปกับใคร” จินดาถามต่อ
“ไปคนเดียว ตอนแรกก็นึกว่าไปกับแฟน เห็นนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับผู้หญิง เรายังเข้าไปแซวกัน หน้าแหกกันเป็นแถบ” ใหญ่เล่า
“ทำไม”
“ก็ผู้หญิงเป็นชาวต่างชาติน่ะสิ พูดภาษาปะกิตฟุดฟิดฟอไฟ”
“แล้วทำไมอยู่ๆตาธีไปอยุธยาคนเดียว” จินดาถามต่อ
“เค้าอาจจะไปไหว้พระก็ได้” ช้อยพูด
ทันใดนั้นธีระก็เดินเข้ามา
“หวัดดีครับแม่”
“อ้าว พูดถึงอยู่พอดี”
ธีระชะงักมองทั้งสามแล้วฝืนยิ้ม
“หวัดดีครับป้าใหญ่ ป้าช้อย น้าภา” ธีระยกมือไหว้
“พักนี้เราเจอกันบ่อยนะจ๊ะ” ช้อยว่า
“เห็นพวกแม่ช้อยเค้าบอกว่าเจอลูกที่อยุธยาหรือ” จินดาถาม
“ครับ”
“ไปเที่ยวหรือ”
“ก็ .. ไปไหว้พระน่ะครับ”
“ทำไมไม่ชวนแม่” จินดาถาม
“พอดีผมไปธุระแถวนั้น ก็เลยแวะไหว้พระ”
“เอ หรือไปกับผู้หญิงแล้วไม่อยากให้พวกป้าเห็นใช่มั้ยล่ะ” ใหญ่เดา
“คุณป้าก็เห็นนี่ครับว่าผมไปคนเดียว” ธีระบอก
จินดามองลูกชายแบบเริ่มสงสัย กลุ่มเพื่อนก็เม้ากันต่ออย่างสนุก
“ป้าก็นึกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนซะอีก” ช้อยบอก
“จะว่าไปเค้าก็สวยนะ” ภาเสริม
“นั่นน่ะสิ ถ้าไม่พูดภาษาฝรั่งต้องเข้าใจผิดกันใหญ่” ใหญ่บอก
จินดามองลูกชายด้วยความสงสัย
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 10 (ต่อ)
จินดาเดินออกมาส่งใหญ่ ช้อยและภาหน้าทางเดิน ธีระยืนพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้าน
“เดี๋ยวพี่ออกจากที่นี่แล้วจะกลับไปหาตูนะ”
ข้าวตูพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้านริมทะเล
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ อยู่คุยกับคุณแม่ก่อนเถอะ”
“พี่คุยกับท่านเสร็จแล้ว ตูอยากได้อะไรที่กรุงเทพมั้ย” ธีระถาม
“ไม่ล่ะค่ะ ขอแค่พี่ธีกลับมาหาตูก็พอแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
“ค่ะ”
ธีระวางสาย จินดาก้าวเข้ามาเห็นธีระถือโทรศัพท์พอดี
“คุยกับใครหรือลูก” จินดาถาม
“เพื่อนน่ะครับ” ธีระตอบ
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชายครับ แม่ก็รู้นี่ครับตอนนี้ผมไม่มีเพื่อนผู้หญิงแล้ว”
“นี่ลูกพูดจริงหรือ”
“จริงสิครับ ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมจะรักแม่คนเดียว”
ธีระเดินเข้าไปกอดจินดา จินดายิ้ม
“ผมไปนะครับ วันอาทิตย์ผมกลับจากบินผมจะมาหาแม่”
“เดินทางปลอดภัยนะลูก” จินดาอวยพร
“แม่อยากได้อะไรมั้ยครับ”
“ไม่ล่ะลูก แค่ลูกบอกว่าลูกรักแม่คนเดียวแม่ก็ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว”
“งั้นผมไปนะครับ”
“ขับรถดีๆนะลูก”
“ครับ”
ธีระเดินออกไป จินดามองตามด้วยความหวั่นใจ
“หวังว่าลูกคงไม่หลอกให้แม่ดีใจนะ”
พระอาทิตย์สีส้มอ่อนลอยอยู่เหนือน้ำทะเลเล็กน้อย ธีระกับข้าวตูนั่งกินอาหารอยู่ด้วยกัน เมื่อกินเสร็จทั้งคู่ก็พากันไปเดินเล่นริมทะเล
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ธีระนอนกอดข้าวตูอยู่บนระเบียงบ้านบังกะโล
วันใหม่ แดงกับข้าวตูทำอาหารอยู่ในครัวที่ร้านต้นไม้ ข้าวตูตักยำแหนมสดให้แดงชิม
“พี่แดงลองชิมยำแหนมสดหน่อยค่ะ”
“อืมม์ อร่อย” แดงหันไปเรียกลูกชาย “ไตรตั้นเอายำแหนมสดนี่ไปให้พ่อกับน้าธีนะลูก บอกว่าน้าตูให้ลองชิมว่าเป็นไง”
“ครับ”
ไตรตั้นถืออาหารเดินออกไปหาธีระที่กำลังคุยกับกบอยู่ที่ระเบียง
“น้าธีครับ น้าตูให้ชิมหน่อยครับ”
ธีระตักยำเข้าปาก
“อืมม์ อร่อย บอกน้าตูว่าอร่อยมาก” ธีระบอก
“น้าธีพูดจริงหรือแกล้งพูด”
“พูดจริงสิ” ธีระบอก ไตรตั้นวิ่งกลับไป ธีระชวนกบให้ชิม “พี่กบลองครับ”
กบตักกิน “อืมม์ อร่อยจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าข้าวตูจะทำกับข้าวเก่งนะ”
“ไม่ใช่แค่ยำนี่อย่างเดียวนะครับ ข้าวตูเค้าทำได้ทั้งอาหารไทยอาหารฝรั่ง” ธีระบอก
“ความจริงพี่ว่าให้เค้าเปิดร้านอาหารดีกว่า อย่าไปสมัครเป็นแอร์เลย” กบเสนอ
“เค้าก็ปรึกษาผมเหมือนกัน”
“แล้วนายว่าไง”
“ผมว่าก็ดีเหมือนกันครับ ผมกลับจากบินจะได้เจอเค้าทุกวัน”
“ในที่สุดนายก็สมหวังจนได้นะ” กบบอก “ตอนแรกพี่คิดว่านายพลาดจากพิมแล้วจะไม่มีใครเหมาะสมกับนายอีก แต่พอมาเจอน้องอุ้ม เค้าก็น่ารักไปอีกแบบ แต่พอมาเจอน้องข้าวตู พี่ว่าคนนี้เพอร์เฟคเหมาะกับนายที่สุด”
“ทำไมครับ” ธีระถาม
“ก็เค้าไม่สนใจเรื่องแม่นาย เป็นสาวสมัยใหม่ เผลอๆเอาเข้าจริงถ้าแม่เจอ อาจจะกลัวเค้ายอมให้นายแต่งงานก็ได้นะ”
“อยากให้เป็นจริงอย่างที่พี่กบพูดจัง”
แดงโผล่หน้ามาเรียก
“หนุ่มๆอาหารเสร็จแล้ว มาเร็ว กำลังร้อนๆ”
“กำลังหิวอยู่เลย” กบบอก
กบกับธีระเดินเข้าไปในร้าน
กบกับธีระเดินตามแดงเข้ามาในร้าน บนโต๊ะมียำแหนม ไก่ทอด ต้มแซ่บ สลัดผักและอาหารอีกสามอย่างวางอยู่
“น่ากินจังเลย วันนี้ต้องท้องแตกแน่” กบว่า
ทั้งหมดนั่งล้อมรอบโต๊ะอาหาร ข้าวตูกับไตรตั้นนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว ข้าวตูตักต้มแซ่บให้ธีระชิม
“ลองต้มแซ่บกระดูกหมูสิคะพี่ธี” ธีระชิม ข้าวตูถาม “อร่อยมั้ยคะ”
“โอ๊ย แซบสมชื่อเลยนะ” ธีระยกน้ำขึ้นดื่ม
“เผ็ดไปหรือคะ” ข้าวตูถาม
กบตักชิม “อืมม์ จริงด้วย พี่ว่าเผ็ดไปหน่อย”
“งั้นตูขอไปเติมน้ำซุปนิดนึงค่ะ”
ข้าวตูหยิบชามเดินกลับเข้าไปในครัว แดงมองตาม
“คนนี้พี่ว่าแกอย่าปล่อยให้หลุดมือนะ” แดงบอกน้องชาย
“พี่แดงพูดเหมือนกับว่าที่ผ่านมาผมเป็นต้นเหตุงั้นล่ะ”
“ถ้าแม่คุณยอมแบ่งให้คนอื่นเค้ารักธีบ้าง ป่านนี้มีหลานวิ่งกันยั้วเยี้ยแล้ว” กบบอก
“นี่พูดจริงๆนะ ทุกวันนี้ผมยังกลัวว่าถ้าแม่รู้ความจริงขึ้นมา ผมคงต้องเสียข้าวตูไปอีกคน”
“แม่ไม่มีทางรู้หรอก” แดงบอก
ไตรตั้นยกมือไหว้แล้วพูดออกมา
“หวัดดีครับคุณยาย”
กบกับแดงดุลูกชายเพราะคิดว่าไตรตั้นอำ “ไตรตั้น”
“ก็จริงนี่ครับคุณยายอยู่นั่น”
ทุกคนหันไปมองก็เห็นจินดายิ้มพร้อมกับก้าวเข้ามาช้าๆ
“นี่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ” จินดาบอก
“แม่ ..” แดงตกใจ
“แม่ ..” กบก็ตกใจ
“เอ่อ นี่แม่มาได้ไงครับ” ธีระถาม
“แม่ก็นั่งแท๊กซี่มาน่ะสิ ตั้งใจจะมาหาแม่แดงเค้า ไม่คิดว่าลูกจะมาอยู่ที่นี่ แล้ววันนี้วันเกิดใครหรือลูกถึงทำกับข้าวกินกันเยอะแยะ”
ข้าวตูที่อยู่ในครัวชะงักเมื่อได้ยินเสียงจินดา
“วันเกิดตั้นครับ” ไตรตั้นบอก
“อย่ามาโกหกยาย หลานเกิดเดือนหน้ายายจำได้ เอา จะวันเกิดใครก็ช่างให้ยายกินด้วยคนนะ”
จินดาจะลงไปนั่งที่เก้าอี้ข้าวตู
“คุณยายห้ามนั่งตรงนั้นครับ ที่น้าตูเค้า” ไตรตั้นบอก
จินดาชะงัก
“ไตรตั้นพูดอะไร” แดงว่า
กบเอามือปิดปากไตรตั้น จินดามองกบ แล้วมองแดงก็เห็นแดงยิ้มแหย จินดามองธีระต่อ
“ผู้หญิงคนนั้นมาด้วยหรือ” จินดาถาม
ข้าวตูเดินยิ้มออกมาเหมือนไม่มีอะไร
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“สวัสดีจ้ะ เธอมาทำอะไรที่นี่” จินดาถาม
“เผอิญตูเค้ามาซื้อต้นไม้น่ะครับ พี่แดงก็เลยชวนเค้ากินข้าว” ข้าวตูตอบ
“ใช่ค่ะแม่ ช่วงนี้ตูเค้าให้พี่กบออกแบบสวนให้เค้าอยู่”แดงบอก
“ใช่ครับแม่ พอดีเรากินข้าวกัน ก็เลยชวนน้องตูเค้าด้วย” กบเสริม
จินดานิ่งแล้วพยักหน้า
“คุณป้านั่งเลยค่ะ เดี๋ยวตูไปนั่งกับน้องไตรตั้นก็ได้ค่ะ”
ข้าวตูเดินไปนั่งตรงข้ามพร้อมทั้งมองจินดา
“แม่ลองยำแหนมนี่มั้ยครับ” ธีระถาม
“อร่อยมากนะครับคุณยาย น้าตูเป็นคนทำ” ไตรตั้นบอก
แดงกับกบสะดุ้งมองหน้ากัน
“ตั้น พ่อลืมซื้อน้ำแข็งออกไปซื้อกับพ่อไป” กบบอก
“ไม่เอา ตั้นไม่อยากไป”
“ไปช่วยพ่อถือหน่อย” แดงสั่ง
“ไป ไป อย่าพูดมาก”
กบลากไตรตั้นออกไปจากโต๊ะ จินดามองข้าวตู ธีระกับแดงลอบสบตากันด้วยความหวั่นใจ กบลากไตรตั้นออกไปจะพ้นประตู จู่ๆ ไตรตั้นก็หันมาตะโกนบอก
“คุณยายครับ คุณยายรู้รึยัง น้าตูกับน้าธีเค้าเป็นแฟนกันแล้วนะ”
จินดามองธีระแล้วมองข้าวตู ข้าวตูฝืนยิ้มให้
“ไตรตั้นพูดอะไรน่ะลูก” กบดึงไตรตั้นออกไป
“แม่อย่าไปฟังไตรตั้นนะ เดี๋ยวนี้ชอบพูดจาเลอะเทอะ สงสัยจะติดมาจากเพื่อนที่โรงเรียน” แดงบอก
“นี่แกโกหกแม่งั้นหรือธี” จินดาถาม
“โกหกเรื่องอะไรครับ” ธีระตีหน้าซื่อ
“ก็เรื่องผู้หญิงคนนี้”
“แม่คะ แม่กำลังเข้าใจผิด หนูบอกแล้วไงว่าตั้นจาพูดเลอะเทอะ” แดงบอก
“พอทีแดง แกนึกว่าชั้นโง่งั้นหรือ ชั้นเป็นแม่พวกแกนะ” จินดาว่า
แดงสลด ธีระอึ้ง
“ถูกต้องแล้วค่ะคุณป้า หนูกับพี่ธีรักกันค่ะ” ข้าวตูบอก
จินดามองด้วยความโกรธจัด
“จริงหรือธี” จินดาถาม
“บอกความจริงท่านไปเถอะค่ะพี่ธี” ข้าวตูพูด
“ครับ เรารักกัน” ธีระยอมรับ
“ไหนแกบอกแม่ว่าแกจะไม่รักใครนอกจากแม่” จินดาโมโห
“คุณป้าคะ หนูเข้าใจนะคะว่าคุณป้ารักพี่ธีมาก แต่หนูก็ไม่ได้มาแย่งพี่ธีไปจากคุณป้านะคะ” ข้าวตูบอก
จินดาสวนทันที “ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“เกี่ยวสิคะ เพราะหนูกับพี่ธีจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าคุณป้าจะเห็นด้วยหรือไม่” ข้าวตูบอก
“เธอเอาสิทธิ์อะไรมากำหนดลูกชายชั้น”
“หนูไม่ได้กำหนดพี่ธีค่ะ แต่พี่ธีเค้าเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหนู หนูว่าคุณป้าอย่ากีดกันความรักของเราเลยค่ะ เพราะถึงยังไงวันนึงพี่ธีเค้าก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับใครซักคน”
“ชั้นรู้ แต่มันไม่ใช่วันนี้และไม่ใช่เธอ ชั้นพูดแค่นี้เธอคงเข้าใจนะ” จินดาว่า
“หนูเข้าใจค่ะ แต่หนูก็จะบอกให้คุณป้ารู้ว่าหนูจะไม่มีวันเลิกรักพี่ธีเหมือนกัน” ข้าวตูย้ำ
จินดามองด้วยความโกรธ ธีระนิ่ง แดงอึ้ง จินดาหันมาหาธีระ
“ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องเป็นลูกแล้วธี ที่จะบอกผู้หญิงคนนี้ว่าลูกเลือกใคร”
ธีระมองแม่ จินดาก็มองเหมือนรอคำตอบ ธีระมองข้าวตู ข้าวตูมองจ้อง ธีระลุกขึ้นแล้วเดินออก
“เดี๋ยวธี ลูกต้องบอกผู้หญิงคนนี้ว่าลูกเลือกแม่” จินดาสั่ง
“พี่ธีคะ พี่ธีจะไปไหนคะ” ข้าวตูถาม
ธีระเดินมาหยุดหน้าประตูแล้วหันมองแม่กับข้าวตูอีกครั้งด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ ธีระหันเดินออกไปช้าๆ ทิ้งให้จินดากับข้าวตูยืนมองเขา
ธีระขึ้นรถแล้วขับออกไป
จินดามองข้าวตู ข้าวตูมองตอบโดยไม่หลบสายตา จินดาหันไปมองแดงด้วยความโกรธ
“หนูขอโทษค่ะแม่” แดงบอก
“จากนี้ไปแกไม่ต้องเรียกชั้นว่าแม่”
จินดาหันจะเดินออก แต่แดงเข้าไปคว้าตัวไว้
“เดี๋ยวสิแม่ ฟังแดงก่อนนี่”
“แกไม่ใช่ลูกชั้น ชั้นไม่มีลูกอย่างแก”
จินดาแกะมือแดงแล้วเดินออก แดงน้ำตาไหล
“หนูเสียใจด้วยนะคะพี่แดง” ข้าวตูบอก
ข้าวตูหันเดินออกไปอีกทาง แดงยืนอึ้ง
จินดาเดินออกมาที่หน้าร้านต้นไม้จนมาเจอกบที่กำลังพาไตรตั้นเดินกลับมา
“คุณยายทำไมกลับเร็วครับ” ไตรตั้นถาม
“แม่กลับแล้วหรือครับ” กบถาม
จินดามองจ้องกบด้วยความโกรธ
“แกก็อีกคน นับจากวันนี้ไปไม่ต้องมาเรียกชั้นว่าแม่”
กบหน้าสลด จินดาเดินผละไป
“พ่อครับ คุณยายโกรธใครครับ” ไตรตั้นถาม
“พ่อว่าลูกควรจะหยุดพูดบ้างนะ” กบบอก
กบเดินเข้าร้านไตรตั้นเดินตามไป
กบเดินเข้ามาในร้านแล้วตรงเข้าไปกอดแดงเพื่อปลอบใจ ไตรตั้นวิ่งเข้ามากอดแม่
ธีระขับรถไปเรื่อยๆ พลางนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
เขานึกถึงตอนที่พิมพูดกับเขา “แล้วถ้าชั้นให้คุณเลือกระหว่างแม่คุณกับชั้น คุณจะเลือกใคร”
“ไม่ใช่ว่าผมเลือกไม่ได้นะพิม แต่คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปได้ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่กับชั้น”
“พิม”
“บอกมาสิคะว่าคุณจะเลือกชั้น”
“นี่คุณจะให้ผมทิ้งแม่ผมไปงั้นหรือ”
“เอาล่ะค่ะ ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่กับแม่ ชั้นก็จะเป็นฝ่ายไป”
พิมเดินจากไป แล้วเขาก็นึกถึงตอนที่อุ้มบอกกับเขา
“พี่ธีเป็นคนดีนะคะ ดีมากด้วย แล้วอุ้มก็อยากจะบอกให้พี่ธีรู้ว่าพี่ธีคือผู้ชายที่อุ้มอยากจะแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปจนวันตาย”
“ถ้าอย่างงั้นก็ลืมเรื่องแม่พี่ แล้วก็แต่งงานกับพี่นะ บอกพี่สิว่าอุ้มจะแต่งงานกับพี่”
“ค่ะ อุ้มจะแต่งงานกับพี่ ถ้าวันนั้นไม่มีแม่พี่ธีอยู่แล้ว”
อุ้มยืนนิ่ง แล้วธีระก็นึกถึงข้าวตูที่พูดเมื่อสักครู่
“แต่หนูก็จะบอกให้คุณป้ารู้ว่าหนูจะไม่มีวันเลิกรักพี่ธีเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องเป็นลูกแล้วธี ที่จะบอกผู้หญิงคนนี้ว่าลูกเลือกใคร” จินดาบอก
ธีระทั้งเจ็บปวด เสียใจ และอึดอัดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รถของเขาวิ่งผ่านถนนไปอย่างรวดเร็ว
ข้าวตูกดโทรศัพท์หาธีระแต่ธีระไม่รับสาย ข้าวตูเดินไปเดินมาด้วยความกระสับกระส่าย
จินดานั่งนิ่งอยู่ในบ้าน อรเข้ามาเรียก
“คุณยายขา ทานข้าวได้แล้วค่ะ”
จินดายังคงนั่งนิ่ง
“แหม วันนี้ไปหาคุณแดงมา เจอลูกเจอหลานดีใจจนกินข้าวไม่ลงเลยหรือคะ”
“แกหุบปากไปเลยนะ ต่อจากนี้ไป ห้ามเอ่ยชื่อนังแดงกับผัวมันในบ้านชั้น เข้าใจมั้ย”
“ทำไมล่ะคะ”
จินดาตวาด “แกจะไปไหนก็ไป ชั้นไม่อยากเห็นหน้าแก ออกไป”
“ค่ะ ค่ะ” อรลุกออกมา แล้วมองไปที่จินดาอย่างงงๆ “ซวยเลยเรา เราพูดอะไรผิดวะ”
จินดานั่งนิ่งด้วยความโกรธ ธีระเดินก้าวเข้ามา จินดาเหลือบมองเห็นธีระ ธีระเดินเข้ามแล้วลงนั่ง
“แม่ครับ”
จินดามองหน้าธีระแล้วทำเมินก่อนจะลุกขึ้น
“ผมขอโทษครับแม่”
จินดาเดินขึ้นชั้นบนไปโดยไม่หันมอง ธีระมองตามด้วยความเสียใจ จินดาเดินเข้าห้องแล้วปิดประตู ธีระมองตามก่อนจะทรุดนั่งอย่างอึ้งๆ
จินดานั่งนิ่งอยู่ในห้อง น้ำตาของเธอไหลออกมาด้วยความเสียใจ ธีระเดินออกมาหน้าบ้านแล้วขึ้นรถปิดประตูก่อนจะขับรถออกไป จินดานั่งร้องไห้อยู่ในห้อง
ที่บ้านข้าวตู ข้าวตูกดโทรศัพท์โทรออกแล้วฟังเสียงปลายสายแต่ธีระก็ยังไม่รับ ข้าวตูกดวางสายแล้วถอนใจก่อนจะทุรดนั่ง ธีระเปิดประตูเข้ามา ข้าวตูหันไปมอง
“พี่ธี” ข้าวตูโผเข้าไปกอดธีระ “พี่ธีเป็นไงบ้าง ตูขอโทษที่พูดกับแม่พี่ธีแบบนั้น”
“ตูไม่ต้องขอโทษหรอก พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษตู”
“แต่พี่ธีไม่ผิดนะคะ”
“ผิดสิ พี่ไม่น่าเอาตูเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิคะพี่ธี ตูไม่ถือเรื่องคุณแม่หรอกค่ะ แล้วก็ไม่ได้เก็บเอามาคิดด้วย ตูเพียงแต่เป็นห่วงพี่ธี กลัวพี่ธีจะตัดสินใจเลิกกับตู”
ธีระมองหน้าข้าวตูแล้วตัดสินใจพูด
“จริงๆแล้ว พี่ก็จะมาบอกตูว่าเลิกกับพี่ซะเถอะ”
“ไม่ค่ะ พี่ธีอย่าพูดอย่างงั้น ตูจะไม่มีวันเลิกกับพี่ธีเพราะแค่ปัญหาเรื่องนี้หรอกค่ะ”
“มันไม่แค่นี้หรอกตู ตูยังไม่รู้จักแม่พี่ดี ท่านจะทำทุกวิถีทางให้ตูทนไม่ได้”
“ไม่ค่ะ ตูทนได้ พี่ธีไม่ต้องห่วงตู พี่ธีก็อาจจะยังไม่รู้จักตูมากเท่าไหร่ ตูจะทำให้แม่พี่ธียอมรับตูให้ได้”
“แต่พี่คิดว่า ...”
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ขอแค่เรารักกัน เรื่องแค่นี้มันไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ” ข้าวตูยืนยัน ธีระมองหน้าข้าวตู “เชื่อตูนะคะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
ธีระดึงข้าวตูมากอด ข้าวตูจับธีระให้นั่งแล้วเดินไปหยิบเครื่องดื่มมาให้
“ยิ้มหน่อยสิคะ ชีวิตมันเป็นเรื่องสบายๆ อย่าเอามาเป็นปัญหา”
ธีระฝืนยิ้ม ข้าวตูหอมแก้มธีระ
“ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นค่ะ”
ข้าวตูเดินออกไป ธีระรู้สึกผ่อนคลายขึ้น