หลังจากที่คนไทยรับอิทธิพลการรับประทานอาหารมาจากหลายชาติในโลก และหนึ่งในนั้นคืออาหารสไตล์ชาบู หม้อไฟ ที่ฮอตฮิตติดลมบนมานานหลายปีจนถึงปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟของ “ร้านโต๊ะเตี๋ยวตุ๋น” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนชอบอาหารที่เสิร์ฟร้อนอย่างหม้อไฟ
โต๊ะเตี๋ยวตุ๋น ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อหวังว่าน่าจะเป็นจุดขายที่สะดุดหู และจดจำง่ายแก่ผู้ที่ได้พบเห็นก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปลิ้มลองรสชาติของอาหาร โดยทางเจ้าของร้าน “เฉลิมพล วงศ์เมฆ” เล่าถึงที่มาของชื่อร้าน เกิดมาจากความต้องการทำให้ร้านนี้จัดโต๊ะออกมาเป็นแบบ long table เพื่อให้ลูกค้าได้มานั่งกินกันเป็นกลุ่ม จะได้มีการพูดคุยสนทนากันได้ และเตี๋ยวก็มาจากมีเส้นให้เลือกที่หลากหลาย ส่วนตุ๋น ดูเหมือนจะเป็นไฮไลต์เด็ดของทางร้าน คือ หมูตุ๋น เนื้อตุ๋น เมื่อนำทั้งสามสิ่งที่เราต้องการนำเสนอลูกค้า จึงได้ออกมาเป็นชื่อร้านซึ่งจดจำได้ง่าย
เฉลิมพลเล่าว่า สำหรับร้านโต๊ะเตี๋ยวตุ๋นเกิดขึ้นมาจากครอบครัวของตนเองชอบทำหม้อไฟ ชาบู กินกันเป็นประจำมานานกว่า 10 ปี และเห็นว่าปัจจุบันคนไทยหันมานิยมกินหม้อไฟ และชาบูกันมาก แต่ทางร้านได้ปรับสูตรชาบูแบบญี่ปุ่น ออกมาเป็นเส้นแบบไทย มีเส้นให้เลือกประกอบด้วย เส้นใหญ่ เส้นเล็ก บะหมี่ วุ้นเส้น และน้ำซุปแบบใสปรับรสชาติออกแบบคนไทยสไตล์จุ่มแซบ ส่วนเนื้อสัตว์ที่ใช้เป็นเนื้อหมูดำคุโรโบตะ และเนื้ออากิว นำเข้าจากออสเตรเลีย เป็นต้น
การเสิร์ฟของทางร้าน จะจัดเป็นชุด ประกอบด้วย เส้น เนื้อ และผัก พร้อมเตา หม้อ เวลารับประทานแนะนำให้ใส่ผักลงไปก่อน และหยิบชิ้นเนื้อมาแกว่งในหม้อ ซึ่งจะให้สุกมาก สุกน้อยก็แล้วแต่ความชอบ หรือรับประทานเป็นแบบก๋วยเตี๋ยว สามารถปรุงทำเป็นแบบก๋วยเตี๋ยวที่เป็นฝีมือของตัวเองได้ หรือถ้าต้องการสั่งก๋วยเตี๋ยว ทางร้านจะแยกเส้นก๋วยเตี๋ยวกับน้ำซุปมาให้ และลูกค้าค่อยเอาน้ำซุปราดจนพอดีกับเนื้อ วิธีนี้จะทำให้เนื้อสุกกำลังดี ซึ่งในส่วนของน้ำจิ้ม จะเป็นน้ำจิ้มซีฟูด และน้ำจิ้มแจ่ว
ส่วนราคา ถ้าเป็นแบบบุฟเฟต์คิด 299 บาท ต่อคน หรือถ้าสั่งเป็นชุด ขายชุดละ 200 บาทขึ้นไป นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้น ทางร้านได้มีเมนูอาหารจานเดียว เช่น ข้าวหมูตุ๋น ก๋วยเตี๋ยว น่องไก่ทอด เปาะเปี๊ยะทอด เป็นต้น ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมมากินหม้อไฟชาบู มากกว่าการกินอาหารจานเดียว และเป็นกลุ่มที่มากันเป็นครอบครัวในวันหยุด แต่ถ้าเป็นวันทำงานจะเป็นพนักงานออฟฟิศ โดยทางร้านเปิดให้บริการอยู่ที่ ตึก A ชั้น 2 โครงการ The Nine ถนนพระราม 9 กรุงเทพฯ สาขาเดียวในขณะนี้ โดยมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มในอนาคต
“ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดอาหารหม้อไฟชาบูค่อนข้างรุนแรง อย่างที่โครงการศูนย์การค้า The Nine มีร้านหม้อไฟชาบูเปิดให้บริการอยู่หลายร้าน ซึ่งแต่ละร้านจะมีจุดเด่น และจุดขายที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ของเราเน้นการปรับสูตรให้ออกมาเป็นแบบไทย และเน้นอาหารเส้น สำหรับคนชอบก๋วยเตี๋ยวจะได้กินก๋วยเตี๋ยวในอีกอรรถรสหนึ่งที่เป็นแบบหม้อไฟ ซึ่งในประเทศไทยเราถือว่าเป็นรายแรก ซึ่งจะมีเพียงอีกรายหนึ่งที่เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ ถนนจันทน์ ที่มีการเสิร์ฟแบบหม้อไฟแต่ใช้เตาถ่านอยู่ตรงกลาง”
เฉลิมพลเล่าว่า ร้านแห่งนี้เปิดให้บริการมากว่า 8 เดือน ที่เลือกทำเลดังกล่าวเพราะเห็นว่าถนนพระราม 9 เป็นทำเลที่ดี มีที่พักอาศัย และสถานที่สำคัญ ออฟฟิศต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ผลตอนรับที่ออกมาน่าจะดี ซึ่งก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังมากนัก เพราะยอดขายไม่ได้เป็นไปตามเป้าตั้งไว้ ซึ่งมองว่าน่าจะมาจากจำนวนคนที่เข้ามาใช้บริการในโครงการ The Nine แห่งนี้ยังมีไม่มาก สาเหตุน่าจะมาจากทางโครงการไม่ค่อยได้ทำประชาสัมพันธ์ ทำให้มีคนที่เข้ามาใช้บริการไม่มากนัก จะมีเฉพาะคนที่อยู่ในย่านชุมชนใกล้เคียงเท่านั้น ส่วนรสชาติลูกค้าค่อนข้างพึงพอใจ
ทั้งนี้ รายได้ต่อวันประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป ยังไม่หักต้นทุน ถือว่าน้อยอยู่มาก และรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด ในขณะที่ต้นทุนการเปิดร้านแห่งนี้อยู่ในหลักล้านบาท ค่าเช่าเป็นหลักหมื่นบาท ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าน่าจะคืนทุนได้ทั้งหมดประมาณ1-2 ปี
โทร. 0-2716-7845