ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 13
รถของรีสอร์ทที่พัชรีขับออกไป แล่นกลับมาจอดที่ลานจอดรถ ลัดลดาที่นอนอยู่ที่เบาะหลังพลิกตัว ด้วยความงัวเงียก่อนจะลุกขึ้นมาหาวและบิดขี้เกียจ
“ถึงแล้วเหรอคะคุณปีเตอร์” ลัดลดาถาม
“ถึงแล้วครับ” ปีเตอร์บอก
ลัดลดามองไปรอบๆ แล้วก็หน้าตาตื่น
“เอ๊ะ ... นี่มันรีสอร์ทนี่นา”
“ก็ใช่น่ะสิคะ คุณดาด้านึกว่าถึงที่ไหนล่ะคะ” พัชรีถามกลับ
ลัดลดาวี๊ด “ก็พวกแกบอกชั้นว่าจะพาชั้นไปหาเจ้าชายนี่นา”
“ผมก็พาคุณไปแล้วนี่ครับ คุณดาด้า” ปีเตอร์บอก
“ไม่จริง พวกแกโกหก!” ลัดลดาโวย
“จริงค่ะ พวกเราพาคุณไปหาเจ้าชายแล้ว แต่คุณเอาแต่หลับอยู่ในรถ ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน” พัชรียืนยัน
“จะบ้าเหรอ ชั้นต้องนอนแต่หัวค่ำทุกวัน ไม่งั้นผิวพรรณจะมีริ้วรอย บอกมานะว่าพวกแกทำอะไรกับชั้น?”
ปีเตอร์กับพัชรียักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ลัดลดามองไปหน้ารถแล้วก็นึกออก
“อ๋อ ชั้นรู้แล้ว”
ปีเตอร์ตกใจ “คุณรู้อะไร”
ลัดลดาแทรกตัวผ่านปีเตอร์กับพัชรีไปหยิบน้ำหอมปรับอากาศหน้ารถมายื่นใส่หน้าพัชรีกับปีเตอร์
“พวกแกใส่ยานอนหลับในช่องแอร์ใช่มั้ย ... เป็นไง ตกใจหน้าซีดเลยล่ะสิที่ฉันจับได้ ไอ้พวกขี้โกง ไอ้พวกมิจฉาชีพ” ลัดลดาว่า
ปีเตอร์กับพัชรีมองหน้ากัน ทั้งสองกลั้นหัวเราะจนไหล่กระเพื่อม
“ถึงชั้นจะสวย แต่ชั้นก็ไม่โง่หรอกนะ คอยดูนะชั้นจะไปฟ้องเจ้าชายว่าพวกแกกลั่นแกล้งชั้น”
ลัดลดาด่าจนคอแห้ง เลยหยิบน้ำขวดเดิมมาดื่มแล้วก้าวลงจากรถ เธอสะบัดบ๊อบเดินไปทางตัวอาคาร แต่พอเดินไปได้ 2-3 ก้าวก็หงายหลังหลับกลางอากาศ ปีเตอร์รีบวิ่งออกจากรถไปพยุงไว้ก่อนที่ลัดลดาจะล้มลง พัชรียิ้มเยาะ
“นี่น่ะเหรอ สวยแต่ไม่โง่ เชอะ”
อาการมือจีบของสมาชิกอ.บ.ต.คนนั้นค่อยๆ ทุเลาลง ทุกคนปรบมือให้โซว์ พี่สาวสมาชิกอ.บ.ต.คนนั้นจับมือโซว์ด้วยน้ำตานองหน้า
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตน้องสาวชั้น”
“ไม่เป็นไรครับ”
โซว์ถอยฉากออกมาเพื่อปล่อยให้พี่น้องดูแลกันเองต่อ
“น้องเขาเป็นอะไรน่ะโซว์” ขิงถาม
“เค้าเรียกว่าโรค Hyperventilation syndrome หรือโรคมือจีบ จะมีอาการเมื่อเครียดหรือกังวลมากไป”
“นายรู้จักโรคนี้ได้ยังไง”
“ก็เพราะฉันไม่ได้หล่ออย่างเดียว แต่ฉันเก่งด้วยน่ะสิ”
ขิงทำหน้าเบื่อๆ แล้วก็เดินหนีโซว์ โซว์เดินตาม
“ฉันล้อเล่นน่ะขิง เพื่อนฉันที่นิวแลนด์เคยเป็น ฉันก็เลยพอจะรู้วิธีรักษาอยู่บ้าง”
“อ๋อ เหรอ”
ฟ้าครามคอยเทกแคร์สมาชิกอ.บ.ต.อยู่ที่อักด้านหนึ่งมองตามขิงกับโซว์แล้วก็เห็นความสนิทสนมกันของทั้งสอง ฟ้าครามถึงกับหน้าขรึม ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็ติดขึ้น คณะอบต.พากันเฮ
“รถซ่อมเสร็จแล้วครับคุณฟ้าคราม จะเดินทางต่อไหมครับ” ช่างซ่อมถาม
หัวหน้าคณะฯ ก็เข้ามาถาม “เอายังไงดีครับคุณฟ้าคราม เริ่มมืดแล้วด้วย สงสัยทริปจิตอาสาชาวอ.บ.ต.ขอซ่อมแซมห้องสมุดคงต้องเป็นหมันไปก่อนนะครับ”
ฟ้าครามมองสมาชิกอ.บ.ต.แล้วหันไปมองขิงด้วยความรู้สึกว่าวันนี้คงมาเสียเที่ยว
รถบัสที่พาคณะอบต.ไปสร้างห้องสมุดวิ่งกลับมาที่รีสอร์ท โซว์ลงมาช่วยขนของกลับเข้าไปในรีสอร์ท ฟ้าครามกับขิงลงมาจากรถ
“น่าเสียดายนะครับ วันนี้เราเลยไปซ่อมห้องสมุดให้เด็กๆ ไม่ทัน” ฟ้าครามบอก
“แต่วันนี้ก็เกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆนี่ค่ะ แถมยังมีคนป่วยที่ต้องได้รับการดูแลอีกด้วยค่ะ” ขิงเข้าใจ
โซว์ช่วยแบกของหนักผ่านหน้าขิงกับฟ้าครามมาพอดี ฟ้าครามจึงพูดกับโซว์
“ขอบคุณมากนะครับเจ้าชาย ถ้าไม่ได้เจ้าชาย พวกเราก็ไม่รู้จะช่วยรักษาน้องเขายังไง”
“ยินดีครับ ผมพอจะรู้จักโรคนี้อยู่บ้าง ก็เลยพอช่วยได้” โซว์บอก
ขิงเบ้หน้า “ทำเป็นคุย”
“แต่ฉันก็เก่งจริงนี่นา”
“ทำได้แค่นี้ คิดว่าเก่งแล้วเหรอ”
ขิงส่ายหน้าแล้วปลีกตัวเดินออกไป โซว์เหวอ
“ขิง เดี๋ยวก่อน รอชั้นก่อน”
โซว์รีบเดินตามขิงไปติดๆ
ขิงเดินมาตามทางเดิน โซว์เดินตามมาจับแขนขิงไว้ ขิงพยายามสะบัดข้อมือออก
“ขิง ทำไมเธอไม่เห็นดีใจกับชั้นเลย” โซว์ว่า
“ทำไมชั้นต้องดีใจด้วยล่ะ” ขิงถาม
“ก็ชั้นทำได้แล้วน่ะสิ ชั้นทำให้ทุกคนเห็นว่าชั้นก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติได้”
“นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”
“เข้าใจผิด?”
“ใช่ ถ้านายจะบอกว่าการที่นายได้ช่วยเหลือคน แล้วทำให้นายกลายเป็นคนธรรมดาได้ล่ะก็ นายเข้าใจผิดอย่างแรง”
“แล้วสิ่งที่ผมทำมาตั้งสองวัน มันไม่ได้พิสูจน์อะไรเลยเหรอขิง”
“แค่สองวัน มันพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก ในเมื่อนายเป็นเจ้าชายมาตลอดชีวิต”
“คอยดูนะขิง ชั้นจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าชั้นสามารถเป็นคนธรรมดาแบบเธอได้”
โซว์เดินหัวเสียกลับไป ขิงมีสีหน้าขรึมปนเศร้าแล้วพูดกับตัวเอง
“นายไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ยังไงความจริงก็คือนายเป็นเจ้าชาย และชั้นก็เป็นสามัญชนอยู่วันยังค่ำ”
ขิงมองตามโซว์ไปอย่างเศร้าสร้อย
เช้าวันใหม่ โซว์กำลังทำความสะอาดพื้นล็อบบี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ลัดลดาเห็นก็รีบเข้าไปห้ามปราม ปีเตอร์กับพัชรียืนมองอย่างอึ้งๆ อยู่ที่ด้านหลัง
“โถ ทรงเป็นถึงเจ้าชายไม่น่าต้องลดตัวลงมาทำงานหนักแบบนี้เลย เลิกเถอะเพคะ” ลัดลดาปราม
“อย่ามาห้ามเราเลย เราตัดสินใจแล้ว” โซว์บอก
โซว์เปลี่ยนมาเช็ดกระจกอย่างมุ่งมั่น
“สุดยอด นี่ชั้นว่าชั้นตื่นเช้าแล้วนะ ยังเห็นเจ้าชายตื่นก่อนชั้นอีก” พัชรีทึ่ง
ปีเตอร์เซ็ง “เจ้าชายทรงตื่นมาทำงานตั้งแต่ตีห้าแล้ว ผมห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง”
โซว์เช็ดกระจกเสร็จพอดีก็มีพนักงานเดินเข้ามาถามกัน
“มีใครว่างบ้าง ขอแรงไปซ่อมห้องสมุดให้เด็กๆ หน่อย”
“อ้าว ไหนว่ามีคนครบแล้วไง” โซว์ถามพนักงานคนนั้น
“ก็นายดำน่ะสิ ดันมาไส้ติ่งแตกเอาวันนี้ แรงงานก็เลยไม่พอ พรุ่งนี้เด็กๆ ก็จะเปิดเทอมกันแล้วด้วย”
โซว์นิ่งคิด “งั้นผมไปเองครับ”
“เจ้าชายอย่าไปเลยนะเพคะ” ลัดลดาปราม
ลัดลดาพยายามฉุดแขนโซว์ไว้ โซว์แกะมือลัดลดาออก
“ไปกันเลยครับ ผมพร้อมแล้ว” โซว์บอก
โซว์เดินออกไปแบบแมนๆ พัชรีรีบสะกิดปีเตอร์
“รีบตามไปช่วยเจ้าชายสิ”
ปีเตอร์งง “ฉันเหรอ?!!”
“เออ..ไปเลยไป!!”
ปีเตอร์ลนลานรีบตามไป “เจ้าชาย ... รอกระหม่อมด้วย”
พัชรีได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมๆ
ณ อาคารโรงเรียนแห่งหนึ่ง โซว์แบกไม้หน้าสามหนักๆ เดินอยู่ ขณะที่ปีเตอร์วิ่งตามด้วยหน้าตาร้อนใจ
“เจ้าชาย!”
โซว์หันกลับมาทำให้ไม้หน้าสามหมุนวืดจนเกือบโดนหน้าปีเตอร์ ปีเตอร์หลบวูบ
“มีอะไรปีเตอร์” โซว์ถาม
“อูย เจ้าชายทรงระวังหน่อยก็ดีพะย่ะค่ะ เกือบโดนกระหม่อมแล้ว”
“เจ้ากำลังทำให้เราเสียเวลา”
โซว์ส่ายหน้าแล้วแบกไม้หน้าสามเดินต่อไป ปีเตอร์วิ่งตาม
“กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องนั้นพะย่ะค่ะ”
โซว์หันมาอีกรอบทำให้ไม้หน้าสามหมุนคว้าง ปีเตอร์หลบอีก
“แล้วเจ้าจะพูดเรื่องอะไร”
“เจ้าชายเลิกทำแบบนี้เถอะ ถ้าพระราชาทรงรู้เข้า มีหวังกระหม่อมถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร”
“ไร้สาระน่าปีเตอร์ นิวแลนด์ไม่มีโทษประหารมาหลายสิบปีแล้ว”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะพะย่ะค่ะ ... แต่งานที่เจ้าชายทรงทำอยู่มันไม่เหมาะกับฐานันดรของพระองค์ด้วยประการทั้งปวงนะพะย่ะค่ะ”
“แต่ถ้าเราจะเป็นสามัญชน เราก็ต้องทำงานแบบนี้ได้”
ปีเตอร์พยายามจะค้าน “แต่ว่า ...”
“ปีเตอร์ เราตัดสินใจแล้ว เจ้าอย่ามาห้ามเราให้ยากเลย”
โซว์หันกลับไปทำให้ไม้หน้าสามหมุนอีกรอบ แต่คราวนี้ปีเตอร์หลบไม่ทันจึงโดนเข้าไปเต็มๆ
ที่มุมหนึ่งในรีสอร์ท พัชรีกำลังตกใจจนอุทานออกมาเสียงดัง
“ห๊า เจ้าชายทรงแบกไม้เหรอปีเตอร์”
ปีเตอร์ยืนคุยโทรศัพท์กับพัชรีอยู่ที่มุมหนึ่งในโรงเรียน ที่หัวของเขามีผ้าก๊อซแปะอยู่ ส่วนโซว์กำลังเลื่อยไม้อยู่ที่ด้านหลัง
“ไม่ใช่แค่นั้นนะพัชรี เจ้าชายทรงเลื่อยไม้ ทาสี ตอกตะปู ฉาบปูน ... ทุกอย่างเลย”
พัชรีกลุ้มใจ “โอย ตายละ”
“ยัง เจ้าชายยังไม่ตาย แต่เรานี่แหละจะตายก่อน”
“สมน้ำหน้า”
“โห ใจร้ายอ่ะ เธออยากให้เราตายจริงเหรอพัชรี ถ้าเราตาย เธอจะหาผู้ชายดีๆ อย่างเราได้ที่ไหนอีก”พัชรีจะอ้วกจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เออนี่ คุณว่าชั้นควรเล่าให้ขิงฟังเรื่องเจ้าชายมั้ย”
ปีเตอร์นิ่งไปเพราะกำลังใช้ความคิด
ขิงเดินมาที่สนามหญ้าหน้ารีสอร์ทโดยที่กำลังมองหาใครสักคนอยู่ ฟ้าครามเดินมาเห็นขิงเลยเดินเข้ามาหา
“หาอะไรเหรอครับ”
ขิงสะดุ้ง “เอ่อ เปล่าค่ะ”
“หรือว่าคุณขิงกำลังหาเจ้าชายอยู่”
ขิงอึกอักแล้วหลบตาอย่างมีพิรุธ ฟ้าครามมองเธอหน้าขรึม
“ทำไมขิงต้องมองหาเค้าด้วยคะ เค้าจะไปไหนก็ไม่เกี่ยวกับขิงสักหน่อย”
ขิงจะเดินกลับเข้ารีสอร์ท
“เจ้าชายออกไปกับคณะที่จะไปซ่อมแซมห้องสมุดเมื่อเช้านี้” ฟ้าครามเอ่ยขึ้น
ขิงตกใจจนลืมตัว เธอหันขวับไปพูดเป็นชุดกับฟ้าคราม
“แล้วคุณปล่อยให้เค้าไปได้ยังไงคะ เค้าไม่เคยทำงานหนักๆ แบบนี้มาก่อน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปล่ะก็แย่แน่ๆ”
“ดูท่าทางคุณขิงจะเป็นห่วงเค้ามากนะครับ”
ขิงชะงัก “เอ่อ ... ขิงไม่ได้เป็นห่วงเค้าหรอกค่ะ แต่ขิงกลัวว่าถ้าเป็นอะไรไป มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเค้าเป็นถึงเจ้าชายเชียวนะคะ”
“น่าอิจฉาเจ้าชายจังนะครับที่คุณขิงเป็นห่วงเค้ามากขนาดนี้”
ขิงทำหน้าไม่ถูกจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ฟ้าคราม
โซว์กำลังทาสีห้องสมุดอย่างขะมักเขม้นอยู่ที่โรงเรียน โดยมีปีเตอร์นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ
“พอได้แล้วพะย่ะค่ะเจ้าชาย จะโชว์แมนอะไรนักหนา” ปีเตอร์ปราม
“เราไม่ได้โชว์แมน แต่เราทำเพราะอยากทำจริงๆ”
“เลิกอยากเสียทีเถอะพะย่ะค่ะ ก่อนที่กระหม่อมจะเดือดร้อนไปกว่านี้”
“แทนที่เจ้าจะมัวแต่มาห้ามเรา เจ้าทำตัวให้เป็นประโยชน์ดีกว่ามั้ย”
โซว์ยื่นกระป๋องสีและแปรงให้ปีเตอร์
ปีเตอร์โบกมือปฏิเสธ
“กระหม่อมทำไม่เป็นพะย่ะค่ะ”
“เราก็ไม่เคยทำ เรายังทำได้เลย … เร็วเข้า นี่เป็นคำสั่ง!!”
ปีเตอร์รับกระป๋องสีและแปรงมาถืออย่างจำยอม ทันใดนั้นหญิงคนงานคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง
“มีใครว่างอีกบ้าง ออกไปช่วยข้างนอกหน่อยเร็ว” หญิงคนงานถาม
โซว์ลุกขึ้น “ผมว่างครับ”
โซว์ออกไป ปีเตอร์จะเดินตาม แต่ถูกคนงานที่อยู่ข้างๆ หันมาดุ
“แกจะไปไหน” ปีเตอร์อ้าปากค้าง “อยู่ช่วยที่นี่! เอ้า ยืนอ้าปากหวออยู่ได้ รีบทำเข้าสิ อย่ามัวแต่อู้”
ปีเตอร์งงจัด เขาจำต้องหันกลับไปทาสีผนังห้องต่อจากโซว์
เวลาผ่านไป ปีเตอร์เดินออกมาจากห้องสมุดแล้วก็มองหาโซว์ไปด้วย
“เจ้าชายนะเจ้าชาย หายตัวไปไหนแล้วเนี่ย”
ปีเตอร์ออกมาถึงลานหน้าห้องสมุด แล้วเขาก็ได้ยินเสียงโซว์ตะโกนทัก
“ปีเตอร์ ...”
ปีเตอร์มองหาไปรอบๆ ตัวแต่ก็ไม่เห็นโซว์
“เจ้าชาย ... เจ้าชายอยู่ไหนพะย่ะค่ะ”
“เราอยู่ทางนี้”
ปีเตอร์กวาดตามองขึ้นไปบนหลังคาก็เห็นโซว์โบกมือให้จากบนหลังคา ปีเตอร์แทบจะเป็นลม
“จะ จะ เจ้าชาย ... ทรงขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”
“เราขึ้นมาซ่อมหลังคา”
“รีบลงมาเถอะ บนนั้นมันอันตรายมาก”
“ตกลง ... แต่ที่เราลงไม่ใช่เพราะกลัวตามเจ้าหรอกนะ แต่งานบนนี้เสร็จแล้วต่างหาก”
โซว์เดินไปที่บันไดไม้ซึ่งพาดขึ้นไปบนหลังคา โซว์เกาะบันไดปีนลงมา บันไดสั่นแล้วค่อยๆ เอนไปทางด้านหลัง โซว์หน้าตาตื่น ส่วนปีเตอร์แทบช็อค แล้วบันไดก็ล้มลงมาเสียงดังโครม ปีเตอร์ ตกใจสุดขีด
“เจ้าชาย!”
ฟ้าครามกับขิงกำลังคุยกันเรื่องแขกที่จะมาพัก
“สุดสัปดาห์นี้ จะมีกรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศมาลงกรุ๊ปใหญ่ ยังไงคุณขิงช่วยดูแลอย่าให้ขาดตกบกพร่องด้วยนะครับ”
ขิงไม่มีสมาธิฟังเพราะมัวแต่มองไปหน้ารีสอร์ท ฟ้าครามจึงเรียกซ้ำ
“คุณขิงครับ”
ขิงสะดุ้ง “คะ?”
“ตกลงได้ยินที่ผมพูดรึเปล่าครับ”
ขิงยิ้มแหย “ขออีกทีได้ไหมคะ”
ฟ้าครามรู้ว่าขิงเป็นห่วงโซว์
ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น พัชรีวิ่งเข้ามาด้วยหน้าตาที่เหมือนจะร้องไห้
“คุณขิงคะ คุณขิง!!!”
“อ้าว พี่พัชรี มีอะไรเหรอคะ” ขิงถาม
“ไปกับพี่เร็วเข้าค่ะ!”
พัชรีลากขิงออกมาจากห้อง ขิงขืนตัวไว้
“เดี๋ยวค่ะ นี่มันอะไรกันคะ พี่จะพาขิงไปไหน”
“ก็เจ้าชายน่ะสิ ... เจ้าชาย ...”
พัชรีพูดไม่ทันจบก็ปล่อยโฮออกมา ขิงกับฟ้าครามหน้าตาตื่นตกใจ
โซว์นอนสลบอยู่บนเตียงในห้องพักที่รีสอร์ท โดยมีลัดลดานั่งฟูมฟายอยู่ไม่ห่าง
“เจ้าชายขา อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะคะ ไม่งั้นดาด้าก็อดเป็นเจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์พอดี”
ปีเตอร์ทนดูไม่ไหวจึงเข้าไปดึงลัดลดาออกมา
“นี่คุณ พอได้แล้ว เจ้าชายประชวรอยู่นะ”
“ก็ชั้นกำลังช่วยให้เจ้าชายดีขึ้นอยู่นี่ไง”
“แต่หมอบอกให้เจ้าชายทรงพักผ่อนมากๆ” ปีเตอร์ค้าน
“เจ้าชายก็ทรงพักผ่อนไปสิ ฉันก็จะคอยดูอาการใกล้ๆ พอเจ้าชายทรงฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ จะได้เห็นหน้าฉันเป็นคนแรก”
“เจ้าชายทรงอยากเห็นหน้าคุณตายละ ... ออกไปเดี๋ยวนี้”
ปีเตอร์ลากลัดลดาออกมาจากเตียงจนได้
“คอยดูนะ เจ้าชายทรงฟื้นเมื่อไหร่ ชั้นจะให้เจ้าชายไล่แกออก” ลัดลดาขู่
ลัดลดาจะเข้าไปหาโซว์อีก แต่ปีเตอร์ดึงแขนเธอไว้ ทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมา ทันใดนั้น พัชรีก็พาขิงกับฟ้าครามเข้ามาในห้อง ขิงเดินเข้าไปเกาะข้างเตียงโซว์ด้วยความเป็นห่วง ฟ้าครามเห็นแล้วเจ็บแปลบ
“พัชรี ช่วยผมหน่อย ช่วยพายายโบทอกซ์นี่ออกไปที” ปีเตอร์ขอความช่วยเหลือ
“ได้เลย ฉันจัดการเอง”
พัชรีลากลัดลดาออกไป ลัดลดาดิ้นรนโวยวายแต่สู้แรงพัชรีไม่ไหว ปีเตอร์ไปยืนข้างๆ ขิง
“เจ้าชายทรงบาดเจ็บ เพราะทรงออกไปซ่อมแซมห้องสมุดให้กับเด็กๆ” ปีเตอร์บอก
ขิงนิ่ง ปีเตอรพูดต่อ
“เจ้าชายเอาแต่ทำงานอย่างหนัก เพราะต้องการทำให้คุณยอมรับว่าท่านเป็นแบบที่คุณต้องการได้”
“คุณต้องการพูดให้ฉันรู้สึกผิดเหรอปีเตอร์ แต่ชั้นไม่ได้เป็นคนขอให้เค้าทำนะ” ขิงว่า
“คุณยังไม่เข้าใจ ที่เจ้าชายทรงทำแบบนี้ก็เพราะท่านมีเวลาเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว”
“อีกไม่กี่วัน? คุณหมายความว่ายังไง”
“พระราชาแห่งนิวแลนด์ทรงให้เวลาเจ้าชายหนึ่งอาทิตย์เพื่อมาตามหาคุณ ถ้าเจ้าชายทำไม่สำเร็จ จะต้องทรงสละบัลลังก์”
ขิงกับฟ้าครามตกตะลึง ปีเตอร์พูดกดดันขิงต่อไป
“เจ้าชายทรงเสียสละเพื่อคุณอย่างมหาศาล อยู่ที่คุณแล้วละว่าจะตัดสินใจอย่างไร”
ปีเตอร์เดินออกไปอย่างนิ่งๆ ขิงได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ฟ้าครามมองขิงอย่างเห็นใจก่อนจะเดินมาข้างๆ
ฟ้าครามจับแขนขิง “ขิง..”
“ฉันขออยู่คนเดียวนะคะ”
ฟ้าครามอึ้งแล้วก็หันหลังเดินออกไป ขณะที่กำลังจะปิดประตู ฟ้าครามก็มองลอดผ่านประตูเข้าไปเขาเห็นขิงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เตียงโซว์ ฟ้าครามหน้าสลดลงก่อนจะเดินออกไปอย่างเศร้าสร้อย
ขิงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงโซว์ด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับจับมือโซว์ไว้ คำพูดของโซว์ย้อนกลับมาในหัวของขิง
“คอยดูนะขิง ชั้นจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าชั้นสามารถเป็นคนธรรมดาแบบเธอได้”
ขิงยกมือโซว์ขึ้นแนบแก้ม น้ำตาของเธอไหลพราก น้ำตาบางส่วนหยดลงมือโซว์
“โซว์ ฉันขอโทษ”
ขิงวางมือโซว์ลงแล้วถอยออกมา หน้าตาของขิงเหมือนว่าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
เช้าวันใหม่ โซว์ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ขณะที่ขิงนั่งหลับอยู่ใกล้ๆ เตียงที่โซว์นอน โซว์ลืมตาขึ้นช้าๆ เขาค่อยๆ กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่จะหยุดที่ขิง โซว์เอื้อมมือไปแตะขิงด้วยความดีใจ
“ขิง ... ขิง”
ขิงขยับตัวตื่นขึ้นมา โซว์ดีใจมาก เขาจับมือขิงเอาไว้
“ขิง เธอมานอนเฝ้าชั้นทั้งคืนเลยหรือ”
“ใช่ค่ะ”
“นี่แสดงว่าเธอยกโทษให้ชั้น และจะกลับไปนิวแลนด์กับชั้นใช่มั้ย”
ขิงค่อยๆ ปลดมือโซว์ออก
“เจ้าชายคงต้องกลับไปนิวแลนด์คนเดียวแล้วล่ะค่ะ”
โซว์อึ้ง “ทำไมล่ะ ชั้นคิดว่าเธอจะยกโทษให้ชั้นแล้วซะอีก”
“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว ชั้นไม่ได้ติดใจอะไรทั้งนั้น” ขิงบอก
“ไม่นะขิง มันยังไม่จบ ชั้นยังรักเธออยู่นะ”
“เจ้าชายกลับไปนิวแลนด์เถอะค่ะ เจ้าชายมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่รออยู่ที่นั่น”
“ชั้นจะไม่กลับ ถ้าเธอไม่กลับไปกับฉัน”
“เจ้าชายอย่ามาเสียเวลากับชั้นเลย ประชาชนทั้งประเทศกำลังรอคอยเจ้าชายอยู่ อย่าเสียสละตัวเองให้ผู้หญิงไม่มีค่าอะไรอย่างชั้นเลยค่ะ”
ขิงหยิบสร้อยรูปหัวใจที่โซว์เคยให้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะคะ เจ้าชาย ... ผู้หญิงอย่างฉันไม่คู่ควรกับของที่มีค่ามากขนาดนี้หรอกค่ะ”
ขิงจะเดินออกไปจากห้อง โซว์กระเสือกกระสนลุกขึ้นมาคว้ามือขิงไว้
“ขิง ถ้าฉันจะคุกเข่าขอร้องเธอ เธอยังจะจากฉันไปอีกไหม”
“อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยค่ะ เจ้าชาย ... ทุกอย่างที่ผ่านมามันงดงามเหมือนกับความฝัน แต่ตอนนี้ชั้นตื่นแล้ว และชั้นก็รู้ว่าชั้นไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในความฝันได้ แต่ฉันจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป ... ลาก่อนนะคะเจ้าชาย”
ขิงเดินออกไปจากห้อง โซว์มองดูสร้อยรูปหัวใจในมือก่อนจะปล่อยให้มือตกลงอย่างหมดแรง น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลคลอเบ้า
ขิงเดินมาตามทางเดินหน้าห้องโซว์ ปีเตอร์กับพัชรีเดินสวนมาอีกทาง ทั้งคู่ตื่นเต้นเมื่อเห็นขิง
“นี่คุณขิงอยู่กับเจ้าชายทั้งคืนเลยเหรอครับเนี่ย” ปีเตอร์ถาม
“ตายแล้ว คงจะสวีทกันสุดๆ ไปเลยสิคะ” พัชรีตื่นเต้น
ขิงนิ่งไม่ตอบอะไร
“แล้วเจ้าชายทรงตื่นบรรทมหรือยังครับ คุณขิง” ปีเตอร์ถามต่อ
“โซว์ตื่นแล้วค่ะ ยังไงคุณปีเตอร์ไปช่วยเจ้าชายเก็บข้าวของด้วยนะคะ” ขิงบอก
“เก็บของ!!! ... แสดงว่าเจ้าชายจะเสด็จกลับนิวแลนด์แล้ว” พัชรีตื่นเต้น
“คุณขิงจะกลับไปพร้อมพวกเราด้วยใช่ไหมครับ”
ปีเตอร์กับพัชรีหันมาตีมือกันด้วยความดีใจ ทั้งสองเต้นระบำลั้นลากัน
“ขิงจะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ” ขิงบอก
ปีเตอร์กับพัชรีชะงักด้วยความตกใจ
“ว่ายังไงนะครับ”
“ขิงบอกว่าขิงจะอยู่ที่นี่ เจ้าชายจะเสด็จกลับนิวแลนด์คนเดียวค่ะ”
ขิงเดินจากไปนิ่งๆ ปีเตอร์กับพัชรีอ้าปากค้างพร้อมกับมองตามขิงไป
พัชรีงง “นี่ฉันฝันร้ายอยู่รึเปล่า ปีเตอร์”
พัชรีเอื้อมมือไปหยิกหน้าปีเตอร์ ปีเตอร์ร้องโอ๊ย
“อูยย พัชรี คุณทำอะไรของคุณ”
“นายเจ็บด้วยเหรอ ... ตกลงมันเป็นความจริงเหรอเนี่ย”
ลัดลดาที่ยืนแอบอยู่ที่มุมหนึ่งทำท่าเยสเพราะดีใจสุดฤทธิ์
ลัดลดาพึมพำ “คู่แข่งหมดไปอีกคนแล้ว ทีนี้ตำแหน่งว่าที่ราชินีแห่งนิวแลนด์ก็คือ ... ชั้น เจ้าหญิงดาด้า โฮะๆๆๆ”
ลัดลดายิ้มร้ายแล้วย่องออกไป
โซว์นอนนิ่งเพราะยังจมจ่อมอยู่กับความเศร้า ในมือของเขากำสร้อยคอและจี้รูปหัวใจไว้แน่น ลัดลดาเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊า
“เจ้าชายขา ดาด้ารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าชายไม่ต้องเสียใจนะเพคะ”
ลัดลดาลูบไล้โซว์อย่างให้ท่าก่อนจะพูดต่อ
“ยายขิงมองไม่เห็นค่าความรักของเจ้าชาย แต่ดาด้าเห็นชัดแจ๋วเลย เจ้าชายน่าจะหันมามองคนที่รักเจ้าชายบ้างนะเพคะ”
โซว์ยังนิ่งไม่ตอบอะไร ลัดลดารุกคืบต่อ
“ดาด้ามีคุณสมบัติเพียบพร้อมกว่ายายขิงหลายช่วงตัวนะเพคะ เพราะฉะนั้น ดาด้าจึงเหมาะที่เป็นราชินีแห่งนิวแลนด์ที่สุด ดาด้ามั่นใจว่าประชาชนนิวแลนด์จะต้องรักดาด้า เพราะดาด้ารักเด็ก รักสตรีมีครรภ์ และรักคนชรา และที่สำคัญ ดาด้ารักเจ้าชายนะเพคะ”
โซว์ยังไม่สนลัดลดา ลัดลดาเองก็เริ่มจะเหนื่อย
ลัดลดาบ่น “เริ่มจะเหนื่อยแล้วนะ ทำไมไม่พูดอะไรเลยเนี่ย”
ลัดลดามองมือโซว์ก็เห็นสร้อยคอและจี้รูปหัวใจที่โผล่ออกมา
“อ๊ายยย!!!! น่ารักที่สุด เจ้าชายเตรียมไว้ให้ดาด้าใช่ไหมเพคะ”
ลัดลดาดึงสร้อยมาจากมือโซว์แล้วนำมาทาบคอตัวเอง โซว์หันขวับไปมองดาด้าอย่างดุดัน
“เส้นเล็กไปหน่อย แต่ยังไงก็ขอบพระทัยนะเพคะเจ้าชาย” ลัดลดาพูดต่อ
โซว์ทำเสียงดุ “คืนสร้อยนั่นมาเดี๋ยวนี้!!!”
ลัดลดาชะงัก โซว์กระชากสร้อยคืนมา
“สร้อยเส้นนี้เป็นของขิง เธอไม่มีสิทธิ์แตะต้องของของขิง เอาคืนมา”
ลัดลดาเหวอ “เจ้าชาย ... เป็นอะไรไปเพคะ”
“ชั้นไม่ได้รักเธอ และชั้นจะไม่รักใครอีกนอกจากขิง”
โซว์ชี้ไปที่ประตูห้องแล้วก็เอ่ยไล่ลัดลดา
โซว์ตวาด “เธอออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นชั้นจะให้ปีเตอร์ลากเธอออกไป”
โซว์หันหลังกลับโดยไม่สนใจลัดลดาที่ยืนอ้าปากค้างเพราะไม่เคยเห็นโซว์เป็นแบบนี้
-
ลัดลดากระแทกปิดประตูห้องโซว์ดังปัง
“ชั้นให้ท่าขนาดนี้แล้วยังไม่สนใจอีก ไอ้เจ้าชายซื่อบื้อ ... แล้วอย่ามาง้อชั้นทีหลังก็แล้วกัน!”
ลัดลดาตวัดสายตามองไปที่ประตูอย่างเจ็บใจ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ลัดลดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเบอร์แปลกๆ แต่เธอก็กดรับ
ลัดลดาพูดเสียงเหวี่ยงๆ “นั่นใคร ...” ลัดลดาตกใจ “พ่อ พ่อหายไปไหนมา พ่อรู้มั้ยว่าไอ้พวกเจ้าหนี้มันจะมายึดบ้านเราแล้ว ... ห๊า ไม่ได้นะพ่อ พ่อจะหนีไปแล้วทิ้งให้หนูรับเคราะห์คนเดียวไม่ได้นะ ... พ่อ พ่อ!”
ลัดลดามองโทรศัพท์ในมืออย่างหัวเสีย
“โอ๊ย มีแต่ปัญหา ไม่ได้ดั่งใจฉันสักเรื่องเล้ย ฮึ!”
ขิงนั่งน้ำตาซึมอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่ง ฟ้าครามเดินมาทางด้านหลังด้วยความอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฟ้าครามจึงตัดสินใจเดินเข้ามาหาขิง
“ขิง มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ”
ขิงรีบปาดน้ำตาแล้วปั้นหน้ายิ้มให้ฟ้าครามเห็น
“ฉันกำลังนั่งคิดเรื่องงานเพลินๆ น่ะค่ะ”
ฟ้าครามสังเกตเห็นน้ำตาของขิง “นั่นคุณขิงร้องไห้เหรอครับ”
ขิงปาดน้ำตา “อ๋อ เปล่าค่ะ พอดีมีผงปลิวมาเข้าตาน่ะค่ะ”
ฟ้าครามรู้ทันขิง เขาจึงถามหยั่งเชิงเรื่องเมื่อวาน
“เจ้าชายทรงหายดีหรือยังครับ คุณขิงพอจะทราบรึเปล่า”
“เค้าคงไม่มาทำงานแล้วค่ะ เค้าจะกลับนิวแลนด์แล้ว” ขิงบอก
ฟ้าครามตกใจ “หา เจ้าชายจะกลับนิวแลนด์ ... แล้วคุณขิงล่ะครับ”
“ขิงจะกลับไปทำไมล่ะคะ ก็บ้านขิงอยู่ที่เมืองไทยนี่นา”
“คุณขิงจะไม่ไปนิวแลนด์จริงๆ นะครับ”
“จริงสิคะ ... ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขิงขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
ขิงปลีกตัวไปทำงาน ฟ้าครามยังงงนิดๆ สักพักก็ตั้งสติได้ เขาดีใจจนออกอาการลิงโลดเต็มที่
ณ มุมหนึ่งในรีสอร์ท โซว์ยืนมองวิวภายนอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในมือของเขายังกำสร้อยของขิงอยู่ สักพักปีเตอร์ก็เดินเข้ามาหา
“เจ้าชายทรงตัดสินใจได้หรือยังพะย่ะค่ะ” ปีเตอร์ถาม
“เราตัดสินใจแล้ว” โซว์บอก
“งั้นกระหม่อมไปเก็บข้าวของของเจ้าชายนะพะย่ะค่ะ”
“ใครบอกว่าเราจะกลับ ถ้าขิงไม่กลับกับเรา เราก็จะไม่กลับนิวแลนด์”
ปีเตอร์ตกใจ “ยังไม่กลับ? ไม่ได้นะพะย่ะค่ะ เจ้าชายทรงทราบดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พระราชาทรงยื่นคำขาดแล้วนะพะย่ะค่ะ”
โซว์มองดูสร้อยในมือแล้วก็นิ่งงันไปด้วยความว้าวุ่นใจ เขาต้องตัดสินใจครั้งใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตแล้ว
รถที่จะมารับโซว์แล่นมาจอดหน้ารีสอร์ท ปีเตอร์เดินไปหาโซว์ที่ยืนชะเง้อมองไปด้านในรีสอร์ทเผื่อว่าขิงจะออกมา
“เจ้าชาย ... รถพระที่นั่งมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ” ปีเตอร์บอก
“งั้นเหรอ”
โซว์ยังมองไปด้านในโดยไม่ยอมเดินไป
“เจ้าชายลืมอะไรรึเปล่าเพคะ” พัชรีถาม
“เอ่อ เปล่า ... ชั้นจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
โซว์ออกเดินตรงไปที่รถ เขาเดินผ่านฟ้าครามที่ยืนรอส่งอยู่
“โชคดีนะครับเจ้าชาย” ฟ้าครามกล่าว
“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ฝากดูแลขิงด้วย” โซว์บอก
“ยินดีครับ ผมจะดูแลขิงอย่างดีที่สุด เจ้าชายไม่ต้องเป็นห่วง”
ขิงยืนหลบอยู่หลังเสา พร้อมกับแอบมองโซว์กับฟ้าครามคุยกันด้วยสีหน้าเศร้า โซว์ปลีกตัวจากฟ้าครามแล้วเดินตรงไปที่รถ เขารู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันไปมองด้านในรีสอร์ทอีกที ขิงรีบหลบหลังม่านทันที โซว์มองไม่เห็นขิง เขามีสีหน้าเศร้าลง
“เราไปกันเถอะ ปีเตอร์” โซว์บอก
ปีเตอร์กับพัชรีกำลังล่ำลากัน
“ตัวเองจะไม่ไปกับเค้าจริงๆ เหรอพัชรี” ปีเตอร์ถาม
“ฉันลางานจนเค้าจะไล่ฉันออกแล้วเนี่ย” พัชรีว่า
“ออกก็ออกสิ เค้าจะเลี้ยงตัวเองเอง”
“เลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนเถอะปีเตอร์!!”
“ตัวเองไม่ไปด้วย เค้าคงนอนร้องไห้คิดถึงตัวเองทุกคืน”
พัชรีเริ่มเศร้า “ฉันเองก็คงคิดถึงนายเหมือนกัน”
ปีเตอร์กับพัชรีใจหาย ทั้งสองเศร้าสร้อย
“ปีเตอร์ ไปได้แล้ว!” โซว์เร่ง
ปีเตอร์สะดุ้งแล้วรีบเก๊กมาดเข้ม “พะย่ะค่ะ เจ้าชาย”
ปีเตอร์จับมือพัชรีเป็นการอำลาแล้วก็เดินไปขึ้นรถกับโซว์แล้วรถก็แล่นออกไป ขิงโผล่หน้าออกมาจากมุมหนึ่ง เธอมองรถของโซว์ที่แล่นจากไปแล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม ฟ้าครามมองเข้าไปด้านในเห็นขิงยืนมองโซว์ ฟ้าครามก็มีสีหน้าขรึมลงไปทันที
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 13 (ต่อ)
เครื่องบินบินขึ้นไปบนท้องฟ้าผ่านเขตประเทศไทยเข้าสู่เขตประเทศนิวแลนด์
พระราชวังที่นิวแลนด์ตั้งตระหง่าน โซว์ยืนมองอาณาจักรของตัวเองผ่านหน้าต่างห้องนอนด้วยสีหน้าอมทุกข์ ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามา โซว์ไม่ได้หันไปมองแต่ก็พูดออกไป
“ปีเตอร์ ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าชั้นอยากอยู่คนเดียว”
เสียงของมาเรียดังขึ้น
“ไม่อยากเจอใครแม้แต่ชั้นเหรอโซว์”
“มาเรีย!”
มาเรียยืนยิ้มกว้างอยู่ที่ประตูห้อง โซว์เดินเข้ามาสวมกอดมาเรียไว้อย่างสนิทสนม
นางสนมเอาน้ำชาและของว่างมาเสริฟพร้อมกับรินน้ำชาให้โซว์กับมาเรียแล้วก็โค้งคำนับแล้วเดินออกไป โซว์และมาเรียหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ
“เธอกับเจ้าชายเรล์ฟไปกันได้ดีใช่มั้ย” โซว์ถาม
“ไม่ล่ะ ฉันเลิกกับเรล์ฟแล้ว ฉันก็เลยกลับมาหาเธอ” มาเรียบอก
โซว์หน้าเสีย มาเรียยิ้มซุกซน
“ล้อเล่นน่ะ ... ชั้นกับเรล์ฟคืนดีกันแล้ว และชั้นกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับเรล์ฟ ชั้นก็เลยมาบอกเธอด้วยตัวเอง”
“ดีใจด้วยนะ มาเรีย ชั้นขอให้เธอมีความสุขกับคนที่เธอเลือกนะ”
มาเรียยิ้มขอบคุณพลางชะเง้อมองหาขิง
“แล้วขิงอยู่ไหนล่ะ ชั้นอยากเจอขิง ชั้นอยากขอโทษเรื่องที่ชั้นทำตัวแย่ๆ กับเค้าไว้”
โซว์หน้าเศร้า
“ขิงไม่อยู่ที่นี่หรอก มาเรีย เค้าไม่ยอมกลับมากับชั้น”
“ทำไมล่ะ ขิงเค้ารักเธอจะตายไป”
“เค้าอาจจะรักชั้น แต่เค้าไม่เลือกชั้น ชั้นไม่อาจจะให้ความสุขกับเค้าได้”
“โธ่ โซว์ ...”
มาเรียเข้าไปกอดโซว์ด้วยความสงสารและเห็นใจ โซว์เศร้าแต่ต้องฝืนใจ
ชะลอม กระจาด และตะกร้าที่มีอาหารกับขนมมากมายวางต่อหน้าขิงที่รีสอร์ท ยายขม ตุ๊ก รุ้ง และแก้วยิ้มแฉ่งหน้าบานให้กับขิง
“ยาย ยายเอาของมาทำไมมากมายจ๊ะ” ขิงถาม
“อ้าว ข้าก็เอามาฝากไอ้โซ่มันสิวะ ... แล้วนี่มันอยู่ที่ไหนล่ะ ข้ามาตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นหน้ามันเลย” ยายขมถามหา
“นั่นสิจ๊ะ รุ้งก็อยากเข้าเฝ้าเจ้าชายโซว์เต็มแก่แล้ว”
“แหม น้องรุ้งอ่ะ อยากเจอกิ๊กเก่าออกนอกหน้าแบบนี้ พี่แก้วน้อยใจนะรู้มั้ย”
“บ้าน่ะ พี่แก้ว เค้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้าชายซะหน่อย ในใจเค้ามีแต่พี่แก้ววิ่งเล่นอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ”
แก้วกับรุ้งหยอกล้อกันไปมา ยายขมถามขิงซ้ำ
“เอ้า นังขิง ไอ้โซ่มันอยู่ไหน ยายรอฟังอยู่นะ”
“โซว์เค้ากลับประเทศของเค้าไปแล้วจ้ะยาย”
ยายขมองค์ลงถึงกับปรี๊ดแตก
“ว่าไงนะ มันกลับไปแล้ว!!! หน็อย ไอ้โซ่ แกกล้าดียังไงถึงได้ทิ้งไอ้ขิงมันถึงสองครั้งสองหน คอยดูนะ ถ้าข้าไม่ได้เอาเลือดหัวมันออก อย่ามาเรียกข้าว่ายายขมอีก”
ยายขมลุกขึ้นจะพุ่งตรงไปจะออกไป ขิง ตุ๊ก รุ้ง และแก้วรีบรั้งตัวยายขมไว้
“ยายจ๋า ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ยายฟังขิงก่อน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันอย่างไหนวะ”
“เจ้าชายไม่ได้ทิ้งขิง ขิงต่างหากที่ทิ้งเจ้าชาย” ขิงบอก
ตุ๊ก แก้ว รุ้ง ยายขมชะงักแล้วร้องอ้าวพร้อมกัน
“เรื่องมันเป็นไงมาไงวะ ไหนเล่ามาให้น้าฟังซิ” ตุ๊กถาม
ขิงนิ่งไม่ตอบอะไร ยายขมเห็นท่าทางแล้วคงจะไม่ได้คำตอบแน่จึงเอ่ยขึ้น
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ ว่าแต่ที่แกทิ้งไอ้โซ่ เพราะแกเลือกคุณฟ้าครามเค้าแน่แล้วใช่มั้ย”
ขิงยังนิ่งอีก ยายขมมองหน้าขิงด้วยความหนักใจ
ฟ้าครามกำลังตรวจดูความเรียบร้อยที่มุมหนึ่งในรีสอร์ท พอตรวจเสร็จเขาหันกลับมาก็เจอยายขมกำลังจ้องอยู่ ฟ้าครามตกใจ
“โธ่ คุณยายครับ ตกใจหมดเลย นึกว่าใครซะอีก”
“ขวัญอ่อนจริงนะพ่อคุณ” ยายขมว่า
“คุณยายต้องการอะไรเพิ่มเติมรึเปล่าครับ ผมจะได้ให้เด็กหามาให้”
“ไม่ล่ะ ข้าอยากคุยกับเอ็งหน่อยน่ะ”
“ได้สิครับ งั้นเดี๋ยวไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะครับ”
ฟ้าครามเดินนำยายขมไปนั่งอีกมุม ยายขมพินิจพิจารณาดูฟ้าครามไม่ละสายตา
“คุณยายเล่นจ้องผมแบบนี้ ผมก็เขินแย่สิครับ”
“ข้าถามตรงๆ นะ เอ็งคิดยังไงกับนังขิงหลานข้า”
เจอยายจู่โจมตรงๆ ฟ้าครามก็ถึงกับอ้ำๆ อึ้งๆ
“ว่ายังไง ข้าถามน่ะได้ยินมั้ย”
“ได้ยินครับ คุณยาย ... ผม เอ่อ ผมรักคุณขิงครับ ผมอยากแต่งงานกับเธอ อยากใช้ชีวิตกับเธอตลอดไปครับ”
ยายขมพยักหน้า
“ที่ข้าถาม ก็ไม่ได้จะอะไรหรอกนะ แค่อยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับมันกันแน่”
“แล้วอย่างผมนี่พอไหวไหมครับ”
“ก็ไหวอยู่นะ แต่ถ้ารักหลานข้าจริง ก็ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตูให้ถูกต้อง หลานข้ารักใครชอบใคร ข้าก็ชอบด้วย”
ฟ้าครามดีใจ “ขอบคุณครับคุณยาย”
“ขิงมันเจ็บปวดจากความรักครั้งที่แล้วมามาก ยายฝากคุณดูแลมันด้วยนะ”
“ผมสัญญาครับคุณยาย ผมจะไม่ทำให้คุณขิงต้องเสียใจอีกเป็นอันขาดครับ”
ฟ้าครามยิ้มให้ความมั่นใจกับยายขม
ตุ๊ก แก้ว และรุ้งอุทานออกมาพร้อมกัน
“เซอร์ไพรส์?”
ฟ้าครามพยักหน้า
“ใช่ครับ ผมอยากขอขิงแต่งงานแบบไม่ให้ขิงรู้ล่วงหน้าน่ะครับ”
“แหม คุณฟ้าครามเนี่ย โรแมนติกสุดๆ เลย รุ้งอยากได้คุณฟ้าคราม เอ๊ย อยากให้พี่แก้วเหมือนคุณฟ้าครามจัง”
“น้องรุ้งอยากให้พี่แก้วทำอะไร ก็บัญชามาได้เลยจ้ะ” แก้วบอก
ตุ๊กส่ายหน้าเพราะเบื่ออีสองตัวนี้จริงๆ
“น้ายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ว่าแต่คุณฟ้าครามอยากให้เราช่วยทำอะไรเหรอครับ” ตุ๊กถาม
“ผมยังนึกไม่ออกเลยครับว่าจะทำยังไงให้ขิงเค้าแปลกใจ ผมยังไม่รู้ว่าขิงเค้าชอบ หรือไม่ชอบอะไร ก็เลยอยากให้ทุกคนช่วยกันระดมความคิดน่ะครับ”
“ชั้นนึกออกแล้ว เราก็ให้คุณฟ้าครามเล่นลิเกขอขิงมันแต่งงานเลยดีมั้ย” แก้วเสนอ
รุ้งเบ้หน้า “ไม่เห็นจะโรแมนติกตรงไหนเลย สู้วิธีของชั้นก็ไม่ได้”
“ไหนลองว่ามาซิว่าทำยังไง” แก้วถาม
“เราก็ให้คุณฟ้าครามขอขิงแต่งงานท่ามกลางทุ่งดอกกุหลาบเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก บ่งบอกความจริงที่ยิ่งใหญ่”
รุ้งเริ่มจะเพ้อจนตุ๊กต้องเบรก
“มันจะลงทุนมากเกินไปรึเปล่านังรุ้ง”
“แหม น้าตุ๊กก็ ขอแต่งงานทั้งที มันก็ลงทุนบ้างอะไรบ้างสิ” รุ้งว่า
ตุ๊กส่ายหน้า “คุณฟ้าครามไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ขิงมันไม่ได้ต้องการอะไรมากมายหรอก แค่แสดงความจริงใจให้มันเห็นก็น่าจะพอแล้ว”
ฟ้าครามฟังตุ๊กแล้วครุ่นคิดตาม
เช้าวันใหม่ ขิงกำลังนั่งเหม่อเพราะคิดถึงโซว์พร้อมกับถอนหายใจ เพื่อนพนักงานคนหนึ่งตะโกนเรียกขิง
“ขิง ... ขิงจ๊ะ โทรศัพท์จากคุณฟ้าครามจ้ะ”
“รอเดี๋ยวนะ”
ขิงเดินเหม่อไปรับโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์
“สวัสดีค่ะ ขิงพูดค่ะ”
“ขิงมาพบผมที่สวนหน่อยได้ไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงฟ้าครามพูด
“ได้สิคะ”
ขิงรับคำ แล้ววางสายด้วยสีหน้าแปลกใจ
ขิงเดินมาที่สวนพลางมองหาฟ้าครามไปด้วย
“เอ ... อยู่ไหนนะ” ขิงตะโกนเรียก “คุณฟ้าครามคะ”
ฟ้าครามก้าวออกมาจากทางด้านหลัง ในมือของเขาถือช่อดอกไม้มาด้วย
“ผมอยู่นี่ครับ”
ขิงหันไปเจอหน้าฟ้าคราม ขิงแปลกใจที่เห็นฟ้าครามมาแปลก ฟ้าครามเดินเข้ามาหาขิง พอถึงตรงหน้า เขาก็คุกเข่าลงพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ที่มีแหวนผูกกับโบว์ให้ขิง
“นี่มันอะไรกันคะคุณฟ้าคราม” ขิงงง
“แต่งงานกับผมนะครับขิง”
ขิงอึ้ง “เอ่อ ... มันจะไม่เร็วไปเหรอคะ”
“ผมรู้ครับว่าเราอาจจะรู้จักกันไม่นาน แต่ผมก็มั่นใจว่าคุณคือคนที่ผมตามหาอยู่”
ขิงลังเลก่อนจะตัดสินใจครั้งใหญ่ เธอเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้จากฟ้าคราม แก้วกับรุ้งที่แอบดูอยู่หลังพุ่มไม้กิ๊วก๊าวดีใจกันยกใหญ่
“โอ้ว โรแมนติกที่สุดเลย” รุ้งบอก
“งั้นเอาไว้พี่แก้วจะจำเอาไปทำกับรุ้งบ้างดีมั้ย”
ตุ๊กจุ๊ปากใส่แก้วกับรุ้ง
“พวกแกสองคนช่วยเงียบๆ แล้วตั้งใจดูหน่อยได้มั้ย”
แก้วกับรุ้งจ๋อยที่โดนตุ๊กดุ ขิงรับช่อดอกไม้แต่ดึงแหวนส่งคืนให้ฟ้าคราม
“ฉันขอเก็บมิตรภาพของเราเอาไว้ แต่คงรับความรักของคุณเอาไว้ไม่ได้ แหวนนี่ คุณฟ้าครามเอาคืนไปเถอะนะคะ” ขิงบอก
ฟ้าครามอึ้งและถึงกับไปไม่เป็น
ตุ๊ก รุ้ง และแก้วร้องอ้าวออกมาพร้อมกัน
“ไหงเป็นอย่างนี้ล่ะเนี่ย” ตุ๊กงง
ฟ้าครามลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเสียใจมาก
“คุณยังรักเค้าอยู่ใช่มั้ยขิง” ฟ้าครามถาม
ขิงหลบตาฟ้าครามเพราะไม่กล้าตอบ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอไปทำงานต่อนะคะ” ขิงบอก
ขิงปลีกตัวออกไป ตุ๊ก รุ้ง และแก้ววิ่งเข้ามาสมทบกับฟ้าคราม
“ทำไมขิงถึงคืนแหวนล่ะคะคุณฟ้าคราม หรือว่าขิงยังลืมเจ้าชายไม่ได้” รุ้งแปลกใจ
ฟ้าครามได้ยินคำว่า “เจ้าชาย” ก็เกิดลูกฮึดขึ้นมา เขาวิ่งตามขิงไปทันที
ขิงเดินนำลิ่วมา ฟ้าครามวิ่งตาม
“ขิง หยุดก่อน เราต้องคุยกัน”
“ชั้นพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ชั้นแต่งงานกับคุณไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะคะ”
ขิงจะเดินหนีไปอีก แต่ฟ้าครามเดินไปขวางหน้าแล้วจับไหล่ขิงไว้
“เลิกหนีซะทีขิง”
“ชั้นไม่ได้หนี”
“คุณนั่นแหละกำลังหนีปัญหา เมื่อไหร่คุณยอมรับเสียทีว่าคุณรักเจ้าชาย”
“ฉันกับเค้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
“คุณตัดใจจากเค้าไม่ได้หรอกขิง ผมรู้ว่าคุณยังรักเค้าอยู่ ที่คุณให้เค้าไปก็เพราะคุณยังรักเค้าเต็มหัวใจ ทุกวันนี้ คุณก็ยังลืมเค้าไม่ได้”
“ไม่จริง!!”
“พูดออกมาสิ พูดออกมาว่าคุณไม่ได้รักเค้า คุณพูดได้รึเปล่า”
“ฉัน ... ฉัน ...”
ขิงพยายามจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก แล้วขิงก็น้ำตาไหลพราก ฟ้าครามปล่อยมือจากไหล่ขิงอย่างคนหมดแรง
“คุณถามตัวเองให้ดีนะขิง ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ ถ้าคุณไม่มีเค้าแล้วคุณจะมีความสุขได้จริงๆ รึเปล่า”
ฟ้าครามเดินออกไปอย่างเศร้าๆ ทิ้งให้ขิงยืนเศร้าคนเดียวกลางสวน
ขิงนั่งซึมอยู่ที่ม้ายาวด้านหน้ารีสอร์ท ยายขมเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างขิง
“ขิงเอ๊ย ...”
ยายขมลูบหัวขิงด้วยความสงสารเห็นใจ ขิงเอนตัวลงนอนตักยายขม
“ยายจ๋า ยายโกรธขิงมั้ยจ๊ะ” ขิงถาม
“ไม่หรอก ยายจะไม่ว่าอะไรสักคำ ชีวิตของเอ็ง เอ็งต้องเป็นคนเลือกเอง”
ขิงน้ำตาซึม
“แต่ยายขอพูดอะไรหน่อยเถอะ ... ยายรักเอ็งมากนะ ยายอยากเห็นเอ็งมีความสุข ไม่ใช่นั่งหน้าเศร้าอมทุกข์อยู่แบบนี้”
“แต่ยายก็รู้ ขิงกับเค้าแตกต่างกันมาก”
“ไม่มีใครที่เหมือนกันไปทุกอย่าง ชีวิตคู่...มันต้องปรับตัวเข้าหากันทั้งนั้น ขิงได้ปรับตัวเข้าหาไอ้โซ่มันบ้างหรือยังล่ะ”
ขิงอึ้งนิ่งไป เธอคิดถึงสารพัดสิ่งที่โซว์ทำเพื่อตัวเธอ
“คิดดูให้ดีนะว่าเค้าทำอะไรเพื่อเรา แล้วเราได้ทำอะไรให้เค้าบ้าง” ยายขมบอก
แล้วยายขมก็เดินออกไป
ขิงนิ่งเพราะกำลังต่อสู้กับความรู้สึกตัวเอง คำพูดของฟ้าครามเมื่อตอนกลางวันย้อนกลับมา
“คุณนั่นแหละกำลังหนีปัญหา เมื่อไหร่คุณยอมรับเสียทีว่าคุณรักเค้า”
“ฉันกับเค้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” ขิงบอก
“คุณตัดใจจากเค้าไม่ได้หรอกขิง ผมรู้ว่าคุณยังรักเค้าอยู่ ที่คุณให้เค้าไปก็เพราะคุณยังรักเค้าเต็มหัวใจ ทุกวันนี้ คุณก็ยังลืมเค้าไม่ได้”
ขิงค้านทันที “ไม่จริง”
“พูดออกมาสิ พูดออกมาว่าคุณไม่ได้รักเค้า คุณพูดได้รึเปล่า”
“ฉัน ... ฉัน ...”
ขิงพยายามจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ ขิงน้ำตาไหลพราก ฟ้าครามปล่อยมือจากไหล่ขิงอย่างหมดแรง
“คุณต้องคิดให้ดีนะขิง ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ ถ้าคุณไม่มีเค้าแล้วคุณจะมีความสุขได้จริงๆ รึเปล่า”
แล้วขิงก็คิดถึงคำพูดของโซว์ต่อ
“......ชั้นจะทำทุกอย่าง เพื่อให้เธอรู้ว่า เจ้าชายอย่างชั้น ก็สามารถจะเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนนึงได้ เพื่อผู้หญิงที่ชั้นรัก”
ขิงคิดหนัก
เช้าวันใหม่ ฟ้าครามกำลังออกคำสั่งพนักงานอยู่หน้ารีสอร์ท
"เอ้า เร็วๆ เข้า เดี๋ยวทัวร์กรุ๊ปใหญ่กำลังจะมาลงแล้วนะ ใครมีหน้าที่อะไรก็รีบแยกย้ายกันไปทำ แยกย้ายกันไปเตรียมตัว”
พนักงานแยกย้ายกันออกไป ทั้งหมดเดินสวนกับขิงที่หิ้วกระเป๋าสัมภาระเข้ามา ฟ้าครามมองกระเป๋าในมือขิงแล้วก็ใจหายวูบ แต่ก็ฝืนยิ้มให้ขิง
“คุณจะกลับไปหาเจ้าชายใช่มั้ย ผมยินดีด้วยนะขิง”
“ค่ะ ขิงต้องขอบคุณคุณฟ้าครามมากนะคะที่ทำให้ขิงตัดสินใจได้”
“ผมไม่เห็นได้ช่วยอะไรเลย มีแต่ทำให้คุณขิงลำบากใจอีกต่างหาก ฮะๆๆ”
ฟ้าครามฝืนหัวเราะเสียงแห้งๆ
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่างที่ผ่านมานะคะ ขิงจะไม่มีวันลืมเลย”
“ผมก็เหมือนกันครับ”
“ขิงไปก่อนนะคะ”
ขิงเดินจากไป ฟ้าครามเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนครับคุณขิง”
“คะ?”
“ถ้าคุณขิงมีปัญหา ไม่รู้จะไปไหน ... ที่นี่ยังยินดีต้อนรับคุณเสมอนะครับ”
ขิงยิ้ม “ขอบคุณมากนะคะ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของขิงเลยคุณฟ้าคราม”
“จำไว้นะขิงว่าคุณยังมีผมตรงนี้เสมอ”
ขิงยิ้มให้ฟ้าครามแล้วค่อยๆเดินจากไป ฟ้าครามเอื้อมมือไปหาขิงราวกับอยากจะรั้งขิงไว้ แต่ก็ทำไม่ได้ ฟ้าครามปล่อยมือให้ตกลงข้างกาย สีหน้าของเขาเศร้าซึมเหมือนพยายามเก็บน้ำตาลูกผู้ชายเอาไว้ข้างใน
ประตูหน้าพระราชวังของนิวแลนด์เปิดออก ขิงเดินเข้ามาในห้องโถงของพระราชวัง ขิงเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องโถงด้วยแววตาเป็นประกาย เธอพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งแล้ว
พระราชากับพระราชินีประทับอยู่บนพระเก้าอี้ โดยมีโซว์เข้าเฝ้าอยู่
“ได้ยินว่าลูกมีเรื่องจะบอกพ่อรึ” พระราชาถาม
“พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ลูกพร้อมที่จะเรียนรู้ราชภารกิจแล้วพะย่ะค่ะ”
พระราชากับพระราชินีแปลกใจ ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
“เจ้าแน่ใจรึ” พระราชาถามย้ำ
“ลูกแน่ใจพะย่ะค่ะ”
“แม่ว่าลูกน่าจะพักอีกสักหน่อยนะ เพิ่งเดินทางกลับมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีก” พระราชินีบอก
“ลูกไหวพะย่ะค่ะ เสด็จแม่ ลูกเสียเวลาไปตั้งหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่ลูกคิด ต่อจากนี้ไปชีวิตของลูกจะมีแต่ประเทศและประชาชนนิวแลนด์เท่านั้น”
โซว์มีแววตามุ่งมั่น พระราชามองอย่างชื่นชมเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของโซว์อย่างชัดเจน
“ดีมาก พ่ออยากเห็นสิ่งนี้ในตัวเจ้ามานานแล้ว ตอนนี้เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าคู่ควรกับตำแหน่งว่าที่พระราชาแห่งนิวแลนด์”
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
พระราชาพอใจมาก แต่พระราชินีไม่ค่อยแน่ใจนัก
ปีเตอร์วิ่งหน้าตื่นมาตามทาง เขาวิ่งแซงหน้า ปาดซ้าย ปาดขวาเหล่าข้าราชบริพารที่เดินอยู่ตามทาง
“หลีกทางด้วยคร๊าบ ..ขอโทษคร๊าบหลบหน่อย ....เรื่องด่วนมากคร๊าบ”
ปีเตอร์วิ่งหลบซ้ายย้ายขวาจนมาหยุดหน้าห้องทรงงานของพระราชา ปีเตอร์หยุดหอบเหมือนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากปาก
“โอ๊ย !! ทำไมชีวิตปีเตอร์ถึงต้องเจอเรื่องตื่นเต้นแบบนี้อยู่เรื่อยน๊า” ปีเตอร์หอบ
ปีเตอร์รีบเช็ดเหงื่อแล้วจัดเสื้อสูทให้เข้าที่ เขาสูดลมหายใจแล้วเคาะประตูห้องเสียงรัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปีเตอร์เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นมาก ๆ โซว์ที่กำลังนั่งอ่านเอกสารศึกษางานกับพระราชาโดยมีพระราชินีนั่งอยู่ใกล้ๆ หันมาตำหนิปีเตอร์อย่างไม่พอใจ
“ประตูไม่ใช่กลอง ไม่ต้องเคาะซะรัวแบบนั้นก็ได้ ไม่รู้รึไงว่าเรากำลังศึกษางานกับเสด็จพ่ออยู่”
“กระหม่อมมีเรื่องต้องกราบทูล เป็นเรื่อง” ปีเตอร์ทำท่าเป็นเครื่องหมายคำพูด “สำคัญมาก”
โซว์ไม่สนใจฟัง “ไม่มีเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องราชการแผ่นดินหรอก”
ปีเตอร์รีบเข้าไปบอกโซว์ใกล้ๆ “แต่เจ้าชายเชื่อหม่อมชั้นซิพระเจ้าค่ะ ว่าเรื่องนี้” ปีเตอร์ทำท่าในเครื่องหมายคำพูด “สำคัญจริงๆ”
“ไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้นแหละ เจ้าออกไปเถอะ เราจะอ่านหนังสือ”
โซว์ไม่สนใจ เขาตั้งท่าจะอ่านหนังสือลูกเดียว ปีเตอร์พยายามเข้าไปตื้อ
“เจ้าชายทรงฟังกระหม่อมซักนิดเถอะพระเจ้าค่ะ”
โซว์ปัด “ไม่ฟัง !!!”
ปีเตอร์อ้อนวอน “เจ้าชาย !!!”
พระราชาที่นั่งฟังอยู่นานเริ่มรำคาญ
“เอ๊ะเจ้านี่ !! จะตื้ออะไรนักหนา ก็คนเค้ายังไม่อยากฟังยังจะตื้ออยู่ได้”
“แต่กระหม่อมมั่นใจว่าถ้ากระหม่อมได้กราบทูลเจ้าชายเรื่องนี้ เจ้าชายต้องดีใจแน่”
โซว์ตัดรำคาญ “โอเค !! งั้นพูดมาสั้นๆ” โซว์ชูนิ้วสามนิ้ว “สามคำ”
ปีเตอร์คิด ก่อนจะพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คุณ - ขิง -มา”
โซว์ถึงกับอึ้งไปทันที พระราชาและพระราชินีหันมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ขิงยืนอยู่กลางห้องรับรอง ท่าทางของเธอดูตื่นเต้นและกังวลอย่างเห็นได้ชัด ประตูห้องเปิดออก ขิงสะดุ้งแล้วรีบหันไปมอง เธอเห็นปีเตอร์เดินนำพระราชากับพระราชินีเข้ามาในห้อง
ขิงพยายามมองหาโซว์แต่ไม่เห็น เธอเริ่มรู้สึกแปลกใจและผิดหวัง แต่ขณะที่ประตูห้องกำลังจะปิดก็มีคนผลักประตูเข้ามา โดยคนที่ผลักเข้ามาก็คือ “โซว์” นั่นเอง
ขิงดีใจพยายามจะมองหน้าและยิ้มให้ แต่โชว์เดินหยิ่งและไม่ยอมมองหน้าขิงแม้แต่นิดเดียว โซว์ไปยืนประจำที่เจ้าชายดูงามสง่าและสูงส่ง
“ลูกชายเราบอกว่า เจ้าตัดสินใจทุกอย่างไปแล้วนี่ ทำไมถึงกลับมาที่นี่อีก” พระราชาถาม
“การตัดสินใจบางครั้งก็มีผิดพลาดบ้าง หม่อมชั้นอยากจะแก้ไขการตัดสินใจนั้นเพคะ” ขิงบอก
ขิงพูดเสร็จก็มองหน้าโซว์ แต่โซว์หน้านิ่งไม่สนใจใดๆ ท่าทางของโซว์ดูทั้งหยิ่งและเชิ่ดๆใส่เธอ
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสเหรอ” พระราชาถาม
“หม่อมชั้นรู้ว่าหม่อมชั้นไม่ควรได้รับ แต่ “ความผิดพลาดของเมื่อวาน คือบทเรียนของวันนี้” ทรงให้โอกาสหม่อมชั้นอีกครั้งนะเพคะ ตอนนี้หม่อมชั้นแน่ใจในสิ่งที่คิด และหม่อมชั้นไม่กลัวอะไรอีกแล้ว”
“พูดน่ะมันง่าย” พระราชาบอก
“หม่อมชั้นถึงอยากจะขอโอกาสพิสูจน์” ขิงบอก
“เจ้าอยากจะพิสูจน์อะไรเหรอ” พระราชินีถาม
ขิงลุกขึ้นประกาศกลางห้องอย่างมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
“พิสูจน์ว่า หม่อมชั้นพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เพื่อให้เป็นคนที่คู่ควรกับเจ้าชายเพคะ”
ขิงหันไปมองโซว์อีกครั้งเพราะอยากเห็นปฎิกิริยา แต่โซว์ยังนิ่งจนขิงเริ่มใจเสีย
“แสดงว่าเจ้าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนของนิวแลนด์” พระราชาพูด
ขิงกล่าวหนักแน่น “หม่อมชั้นพร้อมเพคะ”
พระราชาหันไปถามโซว์ที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร
“แล้วเจ้าล่ะว่ายังไง”
โซว์ทำไม่แยแส “ว่าอะไร? เรื่องอะไร ? เหรอพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”
พระราชินีตอบแทน “ก็เรื่องที่หนูขิงเค้าพูดอยู่เมื่อกี้ไง”
“หม่อมชั้นไม่มีสิทธิพูดอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างแล้วแต่เสด็จพ่อ ถ้าเสด็จพ่อว่ายังไงหม่อมชั้นก็ว่าอย่างนั้น” โซว์หันไปมองขิงแบบไม่มีเยื่อใย
“งั้นเราไม่ให้โอกาสเจ้า เจ้ากลับไปเถอะ” พระราชาบอก
โซว์ตกใจไปเล็กน้อยแต่ยังเก็บอาการ ขิงหน้าเสียแต่ปีเตอร์รีบพูดเพื่อช่วยขิง
“แต่คุณขิงเดินทางมาเหนื่อยๆ จะให้กลับไปแบบนี้ คนเค้าจะเอาไปนินทาได้ว่าพวกเราดูแลแขกไม่ดี หม่อมชั้นว่าให้คุณขิงพักเหนื่อยสักสองสามวันก่อนดีมั้ยพระเจ้าค่ะ”
“หม่อมชั้นเห็นด้วยกับปีเตอร์นะเพคะ” พระราชินีบอกขิง “พักให้หายเหนื่อยก่อนก็แล้วกันนะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น”
พระราชาพูดกับโซว์ “นี่เป็นแขกของเจ้า เจ้าจัดการเอาเองก็แล้วกัน”
พูดเสร็จพระราชาก็ลุกเดินออกไปทันที พระราชินีรีบลุกตาม แล้วทั้งสองก็เดินออกไปจากห้อง
ขิงหันไปจะพูดกับโซว์ แต่โซว์ทำท่าเหมือนจะเดินหนีออกจากห้อง ขิงผิดหวังและเสียใจมาก ปีเตอร์รีบเข้าไปปลอบ โซว์ที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องหันมามองขิงพร้อมพูดเสียงเข้ม
“เอ้า !! แล้วจะยืนเศร้ากันอยู่ทำไมล่ะ รีบตามมาซิ เรามีอะไรต้องทำอีกเยอะนะ”
พูดเสร็จโซว์ก็เดินออกไป ปีเตอร์รีบบอกให้ขิงตามโซว์ไปทันที
โซว์เดินหน้าบึ้งๆ ไปตามทาง โดยมีขิงเดินตามหลังอย่างจ๋อยๆ ปีเตอร์ที่เดินตามหลังโซว์มองขิงด้วยความสงสารแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ใจคอนายจะไม่ทักชั้นซักคำรึไง” ขิงถาม โซว์ไม่ตอบ “ชั้นดีใจนะที่ได้เจอนาย”
โซว์หน้านิ่งเหมือนไม่สนใจ ปีเตอร์กลัวขิงเสียใจจึงรีบตอบแทน
“ปีเตอร์มั่นใจว่าเจ้าชายดีใจ” ปีเตอร์พูดเน้น “มากกกที่เจอคุณขิงครับ”
โซว์ว่าปีเตอร์ “สู่รู้”
ขิงหน้าจ๋อย ปีเตอร์เห็นท่าทางหยิ่งของโซว์ว่าชักจะมากไปแล้วจึงรีบเข้าไปพูดใกล้ๆ “เจ้าชาย หม่อมชั้นขอแนะนำ อย่าเยอะ เอาแต่พอดีๆ เดี๋ยวคุณขิงกลับไประเทศไทยไป จะจ๋อย”
ขิงตอบด้วยความมั่นใจ “ชั้นไม่ไปหรอกปีเตอร์ ถึงใครจะไล่ ถึงใครจะไม่อยากต้อนรับ ชั้นก็จะอยู่...อยู่เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจของชั้นให้ได้”
โซว์ทำเป็นรำพึง “จะทำได้จริงเร้อ ดีแต่ปากมากกว่ามั้ง”
“ถ้านายเคยทำเพื่อชั้นขนาดนั้นได้ ชั้นก็ทำเพื่อนายได้เหมือนกัน” ขิงบอก
โซว์ฟังแล้วก็ทำหน้าเฉยๆ ปีเตอร์เซ็งโซว์แต่ก็รีบพูด
“โหย..ซึ้งเนอะ”
“ซึ้งหรือไม่ซึ้งมันต้องอยู่ที่การกระทำไม่ใช่คำพูด” โซว์บอก “เธออยากจะทำอะไร พิสูจน์อะไรก็ทำไปเถอะ เราไม่ห้ามหรอก เราไม่เหมือนใครบางคน ที่ชอบไล่คนอื่นหรอก เราใจกว้างพอ”
โซว์พูดแล้วเดินเชิ่ดออกไป ขิงรู้ว่าโดนแขวะก็ถึงกับจ๋อย
ปีเตอร์มองตามโซว์แล้วก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว
“เอ่อ ..คุณขิงไปพักผ่อนให้สบายใจก่อนนะครับ เดี๋ยวขอผมไปจัดการอะไรบางอย่างก่อน” ปีเตอร์รีบให้กำลังใจ “แต่ยังไงปีเตอร์ก็เอาใจช่วยคุณขิงนะครับ สู้สู้”
ปีเตอร์รีบเดินตามไปเอาเรื่องโซว์ ขิงยืนถอนหายใจยาวเพราะทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว
ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามาในห้องของโซว์ด้วยหน้าตาเอาเรื่อง เขากำลังจะไปโวยวายโซว์ แต่โซว์ที่ยืนเหมือนอยู่หันมายิ้มด้วยหน้าตามีความสุขสุดๆ
“สำเร็จแล้วปีเตอร์ เห็นมั้ยว่าขิงเค้ารักชั้น เค้าตามมาง้อชั้นด้วย ฮ่าๆ”
โซว์ยิ้มปลื้มดีใจไม่หยุด ปีเตอร์อยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก
“แล้วทำไมต้องไปทำปั้นปึ่งใส่คุณขิงเค้าด้วย เดี๋ยวคุณขิงก็เสียใจเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ากลับบ้านหรอก” ปีเตอร์บอก
“เอ้า ... เราก็ต้องมีฟอร์มบ้างอะไรบ้าง เราก็อยากจะรู้ว่าเค้ารักเรามากแค่ไหนนี่”
“แล้วคราวนี้รู้รึยังล่ะ ว่าคุณขิงรักมากแค่ไหน”
โซว์ยังทำท่าเก็กๆ “ก็แค่ระดับเดียว เราอยากรู้ทั้งหมดของหัวใจเค้า อยากรู้ว่าเค้าจะทำเพื่อเราและประเทศนิวแลนด์ได้ขนาดไหน”
โซว์ยิ้มเหมือนมีแผน ปีเตอร์ส่ายหน้าพร้อมพึมพำ
“พอเค้ามาง้อ ชักเยอะเชียวนะเจ้าชาย !”
ขิงเดินไปเดินมาอยู่ในห้องเพราะกำลังครุ่นคิด เธอรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ขิงรีบไปเปิดประตู พระราชินียืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
ขิงแปลกใจแต่ก็รีบทำความเคารพก่อนจะเชิญพระราชินีเข้ามาในห้อง ทันทีที่ขิงปิดประตู พระราชินีก็โผเข้ามากอดตัวขิงไว้แน่นด้วยความดีใจมาก ขิงตกใจจนพูดอะไรไม่ออก แต่เธอก็รู้สึกดีและอบอุ่นขึ้นจนสามารถยิ้มออกมาได้
“ขอบใจนะที่เธอมานะ..”
ขิงไม่กล้าสบตา “หม่อมชั้น เอออ...”
พระราชินีพูดหน้าเครียด
“ตั้งแต่โซว์กลับมา เราไม่เคยเห็นรอยยิ้มเค้าซักนิด แต่วันนี้เจ้าจะนำรอยยิ้มนั้นกลับมาอีกครั้ง เราขอถามคำถามเจ้าข้อนึง เราต้องการได้ยินคำตอบจากปากของเจ้าเองกับหู เจ้ารักลูกชายของเรารึเปล่า”
ขิงตอบอย่างจริงใจ “หม่อมชั้นรักเจ้าชาย และไม่ว่าที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์อะไรต่างๆมากมายเกิดขึ้นระหว่างหม่อมชั้นกับโซว์ ก็ไม่เคยทำให้ความรักของหม่อมชั้นที่มีต่อโซว์ลดลงเลยเพคะ”
พระราชินีจ้องลึกลงไปในดวงตาของขิง เมื่อเห็นว่าขิงตอบอย่างจริงใจ พระราชินีก็ยิ้มพอใจ
“สิ่งที่เจ้าจะต้องเจอต่อจากนี้ จะเป็นเรื่องจริงที่หนักมาก เกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับไหว แต่ถ้าเจ้ารักลูกชายเราจริงอย่างที่เจ้าบอก ความรักจะทำให้เจ้าข้ามผ่านอุปสรรค ความยากลำบาก และ ความแตกต่างทั้งปวงไปได้” พระราชินียิ้มอย่างอ่อนโยน “และเราจะช่วยเจ้าเอง”
ขิงยิ้มดีใจและไม่อยากจะเชื่อ เธอรีบคุกเข่าเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่ราชินีดึงขิงขึ้นมา
“ผู้ที่จะเป็นราชินีแห่งนิวแลนด์ ต้องไม่คุกเข่าให้ใครง่ายๆ นี่คือเรื่องแรกที่เจ้าต้องจำไว้”
ขิงรีบยืนขึ้น ก่อนจะก้มหัวแทนคำขอบคุณด้วยมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวและงามสง่า แต่ก็ยังมีความอ่อนน้อม
“ขอบพระทัยเพคะ”
พระราชินีมองขิงด้วยความพอใจ
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 13 (ต่อ)
เวลาผ่านไป พระราชามองขิงด้วยสายตาจริงจัง
“พระราชินีบอกสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อคืนแล้ว เรารู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่เจ้ามี จึงอยากให้โอกาสเจ้าได้เรียนรู้การเป็นคนนิวแลนด์”
ขิงยิ้มดีใจอย่างสง่างาม “ขอบพระทัยเพคะ”
“ใจเย็นๆ อย่างเพิ่งดีใจ เพราะเราไม่ใจดีกับเจ้าขนาดนั้นหรอก มันมีเงื่อนไข” พระราชาบอก
“หม่อมชั้นยินดีน้อมรับเงื่อนไขทุกอย่าง”
“ถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์เจ้ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเหมาะสมคู่ควรกับการเป็นคนนิวแลนด์แล้ว เจ้าต้องกลับบ้านไป และไม่ต้องกลับมาอีก”
โซว์ได้ฟังถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก แต่ก็ยังพยายามนิ่งเพื่อรักษาฟอร์ม
“เพคะ หม่อมชั้นจะใช้เวลาและโอกาสที่มีทั้งหมด พิสูจน์สิ่งที่หม่อมชั้นพูด” ขิงกล่าวหนักแน่น
“บอกไว้ก่อนว่ามันไม่ง่าย”
“หม่อมชั้นรู้เพคะ แต่หม่อมชั้นเชื่อว่า ถ้าหากคนเรามุ่งมั่นจริงๆ ต่อให้สิ่งที่ทำยากเย็นขนาดไหน ต้องบุกน้ำ ลุยไฟยังไง เราก็จะทำสำเร็จเพคะ”
“งั้นเจ้าไปได้แล้ว ไปเตรียมตัวเตรียมใจรอรับบททดสอบของเจ้า”
ขิงก้มหัวให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างงามสง่าจนโซว์ยังทึ่งๆ พระราชามองตามแล้วก็รู้สึกแปลกใจ
“ท่าทางเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ”
พระราชินีกระซิบกับพระราชา “ก็ความรักทำให้คนทำได้ทุกสิ่งไงเพคะ”
โซว์รีบเดินเข้ามาหาพระราชากับพระราชินีด้วยหน้าตาอยากรู้สุดๆ
“เมื่อคืนขิงบอกอะไรกับเสด็จแม่เหรอพระเจ้าค่ะ บอกลูกหน่อยซิ” โซว์ถาม
“บอกไม่ได้ความลับ” พระราชินีบอก
“เสด็จพ่อ บอกหม่อมชั้นหน่อยซิ หม่อมชั้นอยากรู้จริงๆ”
“พ่อเชื่อว่าสักวัน หนูขิงเค้าก็จะบอกเจ้าเองน่ะแหละ”
พระราชาและพระราชินีหันมายิ้มขำกันเอง โซว์ได้แต่เซ็งเพราะอยากรู้สุดๆ
พัชรีเดินเข็นกระเป๋าเดินทางใบโตไปพร้อมกับบ่นไป ท่าทางของเธอทั้งเหนื่อยทั้งเซ็ง
“ห่างกันแค่ไม่ถึงอาทิตย์ก็ทนไม่ได้ ต้องให้ลางานบินมาหาอีก นี่นิวแลนด์นะไม่ใช่ขอนแก่น ถึงจะได้บินไปบินมาเป็นว่าเล่นแบบนี้ งานการก็ไม่ได้ทำ” พัชรีโมโหมาก “อีตาปีเตอร์จะเคยรู้มั้ยเนี่ย ว่าชั้นหยุดจนเค้าจะไล่ออกแล้ว”
ปีเตอร์ย่องเข้ามาด้านหลังก่อนจะเข้าไปกอดพัชรีแล้วยกตัวขึ้นหมุน พัชรีตกใจ
“เค้าจะไล่ก็ให้เค้าไล่ไปเถอะจ๊ะที่รักจ๋า ยังไงที่รักก็ต้องมาอยู่กับเค้าที่นี่อยู่แล้วนี่” ปีเตอร์บอก
ปีเตอร์หมุนจนพอใจก่อนจะปล่อยพัชรี พัชรีถึงจะมึนแต่ก็ปลื้มมาก เธอหันมองปีเตอร์ด้วยความอาย
“เค้าจะมาอยู่กับตะเองได้ไงล่ะ ก็เค้าไม่ใช่คนประเทศนี้นิ” พัชรีบอก
ปีเตอร์ทำท่ายั่ว “แล้วอยากมั้ยล่ะ ถ้าอยากปีเตอร์จะจัดการให้ตัวเองเป็นคนประเทศนี้โดยสมบูรณ์แบบซักที”
“จะทำยังไง คนนะไม่ใช่ขนมหวานจะมาเปลี่ยนอะไรง่ายๆ”
“ตะเองก็แต่งงานกับเค้าดิ” ปีเตอร์บอก
พัชรีเขินจึงทุบอกปีเตอร์ “บ้าๆๆๆๆๆๆ”
โซว์ที่ยืนมองพัชรีและปีเตอร์อยู่นานเริ่มเซ็ง
“เราไม่อนุญาตให้เจ้าสองคนแต่งงานกันหรอก” โซว์บอก
ปีเตอร์และพัชรีหันไปมองหน้าโซว์อย่างเซ็งๆ
โซว์ยิ้มก่อนจะพูดต่อ “จนกว่าเราจะได้แต่งงานกับขิงก่อน”
พัชรีทำหน้าจ๋อยแล้วจะลากกระเป๋ากลับบ้าน “งั้นพัชรีกลับดีกว่า ถ้าให้รอแบบนั้นสงสัยจะชาติหน้า ชาติโน้น หรือ ชาติไหนๆ ยังไม่ได้แต่ง”
“ไม่ต้องรอนานขนาดนั้นหรอกจ้าที่รักจ๋า” ปีเตอร์กระซิบ “คุณขิงเธอมาง้อเจ้าชายแล้ว”
พัชรีมองเจ้าชายและปีเตอร์แบบไม่อยากจะเชื่อ “จริงอะ”
โซว์พูดขำๆ “จริงดิ !!!”
“คุณขิงจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองอย่างหนักหน่วงว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นราชินีของชาวนิวแลนด์หรือไม่ ซึ่งพัชรี ที่รักของพี่ จะต้องช่วยคุณขิงทำให้สำเร็จ เพื่อเจ้าชาย” ปีเตอร์บอก
พัชรีทวนคำ “เพื่อนิวแลนด์”
ปีเตอร์กับพัชรีโผเข้ากอดกัน และมองหน้ากันอย่างซาบซึ้ง “และเพื่อเราสองคน”
ปีเตอร์และพัชรีทำปากจะจุ๊บกัน โซว์ที่มองอยู่ถึงกับส่ายหน้าเพราะทนดูความสวีทของสองคนนี้ไม่ไหวจริงๆ
ปีเตอร์และพัชรีช่วยกันหอบหนังสือตั้งใหญ่มาวางไว้ให้ขิง ขิงถึงกับผงะเพราะจำนวนหนังสือที่มากมายเหลือเกิน
“นี่คือหนังสือพงศาวดารเกี่ยวกับประเทศนิวแลนด์ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง จนมาถึงปัจจุบันรวมเวลาการบันทึกก็ราวๆ 400 ปี” ปีเตอร์อธิบาย
“400 ปี” ขิงกลืนน้ำลายดังเอื้อก “ขิงต้องอ่านทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ”
“ใช่ครับ อยากเป็นคนนิวแลนด์ก็ต้องรู้จักรากเง้าและที่มาซะก่อน ถึงจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพวกเราได้”
“แต่อ่าน 400 ปีในเวลาสองอาทิตย์จะทันเหรอคะ” ขิงทำใจสู้ “แต่ไม่เป็นไร อ่านก็อ่าน”
ขิงรวบรวมลมหายใจก่อนจะเอาจริง ปีเตอร์และพัชรีที่สังเกตอยู่ถึงกับยิ้มปลื้มใจ
พัชรีประทับใจ “โอ้โห ดุดันเอาจริงสมเป็นน้องขิงจริงๆ 400 ปีพี่พัชรีว่ามันก็เยอะไป พัชรีมีตัวช่วย นี่คือซีดีประวัติประเทศนิวแลนด์คร่าวๆ จาก 400 ปี คัดๆเน้นๆ เหลือสองชั่วโมง จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง”
“ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีกเหรอคะ” ขิงถาม
“มีซิครับ นอกจากต้องศึกษาประวัติ ต้องเรียนรู้เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา มารยาท ศิลปวัฒนธรรม และ ที่สำคัญต้องรู้จักพวกนี้ด้วย”
ปีเตอร์หยิบม้วนกระดาษแผ่นใหญ่ออกมาคลี่ มีฝุ่นฟุ้งขึ้นมาเล็กน้อย พอฝุ่นจางขิงเข้าไปดูถึงกับอึ้ง เพราะมันคือแผนภูมิต้นไม้ของครอบครัวของโซว์
“อยู่บ้านเค้าเราต้องไม่นิ่งดูดาย ต้องรู้จักปู่ ย่า ตา ยาย ของพวกเค้าด้วย” ปีเตอร์บอก
ขิงและพัชรีมองแผนภูมิต้นไม้อย่างทึ่งๆ
“ไม่นึกว่าเจ้าชายโซว์ จะทรงพระญาติเยอะแบบนี้” พัชรีอึ้ง
“ต้องท่องจำชื่อหมดทุกคนเลยเหรอ” ขิงถาม
“หมดทุกคนเลยครับ เพราะทุกคนล้วนมีคุณงามความดีต่อประเทศนิวแลนด์ของเราทั้งสิ้น” ปีเตอร์ถามหยั่งเชิง “เยอะไปมั้ยครับ”
“ไม่หรอก ขิงชอบ ขิงเป็นคนญาติน้อย อยากมีญาติเยอะๆแบบนี้มานานแล้ว”
ขิงมองข้าวของทั้งหมดที่อยู่ในห้องแล้วยิ้มสู้
“เอาล่ะ งั้นลุยกันดีกว่า” ขิงอ่านแผนภูมิต้นไม้ “กษัตริย์ วิลเลียม โจเซฟที่ 1 ผู้นำชาวนิวแลนด์จากเทือกเขา ....”
ขิงมุ่งมั่นเอาจริงจนปีเตอร์และพัชรีปลื้มใจสุดๆ
โซว์เดินวนไปวนมาด้วยความกังวลอยู่ในห้อง ทันทีที่ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามา โซว์ก็รีบพุ่งเข้าไปแทบจะลากคอปีเตอร์มาถามด้วยความอยากรู้
“เป็นไงบ้าง”
ปีเตอร์ถูกรัดคอจนรู้สึกไม่ไหวแล้ว “จะ..จะ..ตายแล้ว...คระ..ครับ”
“นี่นายให้ขิงเค้าต้องเรียนหนักถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ปีเตอร์โวยวาย “ไม่ใช่คุณขิงครับที่จะตาย ผะ..ผมต่างหากจะตาย ..หะ..หายใจไม่ออก”
โซว์รู้ตัวก็รีบปล่อยมือ “เอ้า แล้วก็ไม่บอก มัวแต่ตื่นเต้น แล้วตกลงขิงเป็นยังไง ไหวมั้ย”
“ท่าทางเอาจริงเอาจังมาก ดูจะไม่ยอมแพ้เลยครับ แต่กระหม่อมก็ยังกังวล เพราะการเปลี่ยนคนจากวัฒนธรรมหนึ่ง มาสู่อีกวัฒนธรรมหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมไม่ได้เปลี่ยนธรรมดาด้วย เปลี่ยนเพื่อเป็นราชินีด้วย งานนี้จะบอกว่าหินก็ยังน้อยไป”
โซว์แอบสะใจเล็กๆ “ก็ช่วยไม่ได้ อยากจะทำเอง” โซว์หัวเราะฝืนๆ “ฮ่าๆๆๆๆ”
“เจ้าชายจะไม่ไปดูและให้กำลังใจคุณขิงซักนิดเหรอครับ”
โซว์ตอบเสียงแข็ง “ไม่ !!”
พูดเสร็จโซว์ก็เดินเชิ่ดออกไป ปีเตอร์มองด้วยความหมั่นไส้มากๆ
“อย่างนี้ไม่ใช่เย๊อะธรรมดา”
โต๊ะอาหารถูกจัดแบบฟูลคอร์ส มีทั้งจาน ชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อมวางอยู่มากมาย ขิงมองข้าวของตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเอามือเท้าลงไปบนโต๊ะด้วยความเคยชิน พระราชินีเดินเข้ามาแล้วใช้ไม้ตีไปที่ศอก ของขิงดังเพี๊ยะ ขิงสะดุ้งเก็บศอกแทบไม่ทัน
“เวลานั่งที่โต๊ะอาหาร ห้ามเท้าแขน และไม่ควรถอดรองเท้าใต้โต๊ะ” พระราชินีบอก
ขิงที่ถอดรองเท้าที่อยู่รีบใส่แทบไม่ทัน
“ไม่ควรใส่รองเท้าแตะหรือรองเท้าส้นเปิด” พระราชินีชี้ไปที่ผมขิงที่ปล่อยยาวสยาย “ผมก็ต้องเก็บให้เรียบร้อย เสื้อผ้าก็ไม่ควรใส่คอลึก ถ้าสวมกระโปรงก็ไม่ควรนุ่งสั้น”
“โหย !! แค่จะกินข้าวซักมื้อ ทำไมมันถึงยากขนาดนี้เพคะ ตอนนั้นที่นั่งทานกับโซว์ยังไม่เห็นเข้มงวดแบบนี้เลยเพคะ” ขิงบอก
“เพราะนี่แสดงถึงวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่ดีที่เราพึงกระทำน่ะซิ และการที่เราทำได้อย่างถูกต้อง เท่ากับเราให้เกียรติเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นด้วย ไม่ว่าเราจะรับประทานกับคนที่สูงกว่า เสมอเรา หรือต่ำกว่า ถ้าเค้าอยู่ร่วมโต๊ะอาหาร เค้าคือคนที่สำคัญยิ่ง”
“ขิงไม่เคยคิดในจุดนี้เลย คิดแค่กินให้อิ่มก็พอแล้ว”
“คนที่จะปกครองคนอื่น จะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ เข้าใจใช่มั้ย”
“เข้าใจเพคะ”
“เอาล่ะ เราจะค่อยสอนเจ้าช้าๆนะ” พระราชินีค่อยๆ ชี้ไปที่บรรดาช้อนส้อม “นี่มีดตัดเนย ช้อนขนม ส้อมขนม แก้วน้ำ แก้วแชมเปญ แก้วไวน์ขาว ไวน์แดง”
ขิงมองพระราชินีที่พยายามจะสอนอย่างตั้งใจด้วยความซึ้งใจปนแปลกใจ
“ทำไมพระองค์ถึงยอมช่วยหม่อมชั้นเพคะ ทำไมถึงยอมทรงเอาเวลาอันมีค่าของพระองค์มาให้กับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างหม่อมชั้น”
พระราชินีค่อยๆลูบหัวขิงอย่างอ่อนโยน
“เพราะเรารู้น่ะซิ” พระราชินีพูดพลางคิดถึงเรื่องตัวเอง “ว่าการที่สามัญชนธรรมดาๆคนนึง จะต้องทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เป็นคนที่คู่ควรกับตำแหน่งที่สำคัญที่สุดแบบนี้ มันทั้งยาก และ ต้องใช้กำลังใจมากเท่าไหน” พระราชินีจับมือขิง “เราถึงอยากเป็นกำลังใจให้เจ้าทำให้สำเร็จ”
ขิงยิ้มอย่างไม่ยอมแพ้ “หม่อมชั้นต้องทำสำเร็จแน่นอนเพคะ”
ปีเตอร์กับพัชรีแอบมองขิงที่กำลังเรียนเรื่องการรับประทานอาหารที่ถูกต้องกับพระราชินีด้วยความตื่นเต้น
“ไม่อยากเชื่อเลย ว่าองค์ราชินีจะลงมาสอนคุณขิงเองขนาดนี้” ปีเตอร์บอก
“แสดงว่าองค์ราชินีเมตตา” พัชรีสงสัย
เสียงโซว์ดังขึ้น “หรือเพราะยายนั่นซื่อซะจนเซ่อ จนเสด็จแม่ทนไม่ไหว ทั้งที่เราเองก็เคยสอนไปบ้างแล้ว”
ปีเตอร์และพัชรีหันหน้ามาเห็นโซว์มาแอบดูด้วยก็ตกใจ
พัชรีกับปีเตอร์ตกใจพร้อมกัน “เย้ย !!”
“มาด้วยเหรอพระเจ้าค่ะ” ปีเตอร์ถาม
“ก็จะให้เราลุ้นยายนั่นอยู่คนเดียวได้ไง มันก็ต้องมาลุ้นมาดูบ้าง” โซว์บอก
“แล้วพอมาเห็นแล้วเป็นไงบ้างเพคะเจ้าชาย คุณขิงทุ่มเทสุดๆใช่มั้ยเพคะ” พัชรีถาม
“ทุ่มเทอะไรล่ะ ทำเราปวดตับล่ะไม่ว่า ดูซิท่าทางจับมีด จับส้อมอย่างกับจะไปแทงคนที่ไหน ..เฮ่อ .” โซว์ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“ถ้าไม่อยากปวดตับเจ้าชายก็ไปช่วยคุณขิงซิ เรื่องโต๊ะเสวยเจ้าชายเก่งจะตาย”
โซว์ทำหยิ่งขึ้นมาซะงั้น “ไม่ได้หรอก อุตส่าห์กดดันยายนั่นมาซะขนาดนี้แล้ว ขืนใจดีด้วยเดี๋ยวยายนั่นได้ใจ”
“งั้นก็ตามใจ ให้คุณขิงท้อแล้วกลับบ้านไปเลยก็แล้วกัน เพราะเรื่องแบบนั้นหม่อมชั้นก็จนปัญญาเหมือนกัน ไปเถอะพัชรี เรื่องนี้เราช่วยไม่ได้หรอก”
พัชรีหันไปค้อนโซว์ “คนใจดำ !!”
ปีเตอร์และพัชรีเดินออกไป โซว์แอบมองขิงเพราะรู้สึกกังวลและเป็นห่วงจริงๆ
โซว์เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ใจหนึ่งเหมือนอยากจะเดินออกไปแต่อีกใจก็ต้องนิ่งไว้ เขาคิดสลับไปสลับมาอยู่แบบนั้นจนเริ่มเครียด !!
“โธ่เอ๊ย !! เอาไงดี ถ้าไปช่วยก็เหมือนเราจะใจอ่อนมากไป แต่ถ้าไม่ช่วยแล้วเกิดยายนั่นทำไม่สำเร็จ เราก็แย่น่ะซิ” โซว์โมโห “เสด็จพ่อไม่น่ากำหนดเวลาแบบนั้นเลย..เย้ย”
โซว์หันมาเจอพระราชายืนกอดอกสีหน้าเอาเรื่องอยู่ โซว์รีบทำเป็นยิ้มใจดีสู้เสือ
“เสด็จพ่อมาเงียบๆไม่ให้สุ้มให้เสียง ไม่ให้ลูกรู้ตัว”
“ถ้ามาให้รู้ตัวจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าแอบไม่พอใจกับคำสั่งของเรา”
โซว์รีบแก้ตัว “ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่แค่คิดว่ามันไม่ยากไปหน่อยเหรอ คนนะไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ถึงจะได้สูบๆๆ ข้อมูลทีละเยอะๆได้”
“ก็ไอ้อะไรที่คนอื่นเค้าทำไม่ได้น่ะแหละ ที่คนอย่างพวกเราต้องทำได้ อย่าลืมซิ การจะปกครองคนได้ ต้องมีความเสียสละ อดทน ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังพยายามทำอยู่” พระราชาชี้หน้า “มีแต่เจ้าน่ะแหละที่ยังไม่ทำ”
โซว์งง “หม่อมชั้นไม่ทำอะไร หม่อมชั้นก็ทำทุกอย่างแล้ว”
“ก็สละทิฐิโง่ๆที่เจ้ามีออกซะซิ ในเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ต่อให้มียาดีแค่ไหน ก็คงสู้กำลังใจดีดีจากคนที่รักไม่ได้หรอก”
โซว์มองหน้าพระราชาอย่างอึ้งๆ เพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน
“โอ้โห !! นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูเอง หม่อมชั้นคงไม่เชื่อว่าจะได้ยินเสด็จพ่อพูดอะไรๆแบบนี้ ..ไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะอินกับเรื่องนี้น่ะเนี่ย”
“ก็อินน่ะซิ ..อินมากด้วย ...” พระราชายิ้มเมื่อคิดถึงอดีต “เจ้าไม่รู้หรอกการที่เห็นคนที่รักเราต้องพยายามทำอะไร ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เค้าก็ทำให้เราจนได้เนี่ย มันทั้งรู้สึกดีและรู้สึกแย่ไปพร้อมๆกัน”
โซว์มองอย่างสงสัย “เสด็จพ่อพูดเรื่องนี้เหมือนมีความหลังอะไรซักอย่างที่ลูกไม่รู้ใช่มั้ย”
“ไม่บอก !!” พระราชาหัวเราะสะใจ “ฮ่าๆๆๆ”
“โธ่เสด็จพ่อ ทำไมต้องมีลับลมคมในอะไรด้วย”
“ตอนนี้เจ้าไม่ได้มีหน้าที่มาถาม หน้าที่ของเจ้าก็คือ ไปช่วยหนูขิงก่อนที่แกจะไม่มีโอกาสได้ช่วย บอกไว้ก่อนนะ 1 อาทิตย์ คือ 7 วัน 168 ชั่วโมง ไม่มีน้อย ไม่มีมากกว่านั้น ถ้ายายหนูนั่นทำไม่ได้ ทุกอย่างจบ”
พระราชาพูดเสร็จก็จะเดินออกไป แต่โซว์เข้ามาจับแขนเขาเอาไว้แล้วทำหน้าเว้าวอน
“แล้วผมต้องทำยังไงล่ะเสด็จพ่อ ...” โซว์อาย “เก็กมาซะตั้งเยอะแล้ว”
พระราชายิ้ม ก่อนจะบอกเคล็ดลับ “ทำทุกอย่างให้เห็นภาพ แล้วอะไรๆมันก็จะง่าย ฮ่าๆๆๆ” พระราชาพูดเสร็จก็ยิ้มเท่ๆ ก่อนจะเดินออกไป โซว์มองตามพระราชาแล้วยิ้มดีใจ
เหล่าข้าราชบริพารต่างพากันยกของกินเข้ามาในห้อง โดยเริ่มจากเอาขนมปังนำมาเสิร์ฟไว้ ขิงสังเกตว่าเหล่าข้าราชบริพารไม่ได้จัดให้เธอแค่ชุดเดียว แต่กลับจัดไว้สองชุด ขิงแปลกใจ
“ขอโทษนะคะ ไม่ใช่ชั้นต้องทานคนเดียวเหรอ”
โซว์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเก็กๆ “ชั้นจะเป็นคนทำการทดสอบเธอ เรื่องมารยาทการรับประทานอาหาร ว่าเธอจะผ่านหรือไม่ผ่าน”
โซว์ทำเป็นปั้นปึ่งก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ ขิงมองด้วยความหมั่นไส้ปนแปลกใจ โซว์สั่งเหล่าข้าราชบริพาร
“เสิร์ฟซุปได้แล้ว”
เหล่าข้าราชบริพารเอาซุบในถ้วยมาเสริฟ โซว์เห็นขิงยังนั่งเกร็งไม่ยอมกิน
“เอ้า..กินซิจะชักช้าอยู่ทำไม หรือว่าลืมที่เสด็จแม่สอน เราจะได้ประเมินให้เธอสอบตกตั้งแต่ตอนนี้เลย”
ขิงรีบห้าม “ดะ..เดี๋ยวก่อนซิ ชั้นกำลังพิจารณาว่าจะใช้ช้อนอันไหน”
ขิงมองช้อนส้อมที่มากมายก่อยกองก่อนจะตัดสินใจหยิบ Dinner spoon ขึ้นมา แต่เสียงโซว์ดังขึ้น
“ผิด !! .ใครเค้าใช้ dinner spoon มากินซุปกันล่ะ”
“ก็บ้านชั้น กินช้อนเดียวกันหมดนี่” ขิงบอก
“เฮ่อ เธอนี่มันซื่อบื้อกว่าที่ชั้นคิดไว้มาก เสด็จแม่อุตส่าห์มาสอนแล้ว คราวก่อนที่เรามาทานอาหารด้วยกันที่นี่ เราก็เคยสอนไปแล้ว เสียเวลาจริงๆ จำไว้ หลักง่ายๆในการหยิบช้อน ส้อมพวกนี้ คือ หยิบจากข้างนอกเข้าข้างใน”
“ข้างนอกยังไง ข้างในยังไง”
โซว์ส่ายหน้าก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วขึ้นไปยืนชี้ให้ขิงดู ขิงแอบยิ้มดีใจในความใจดีของโซว์
ขิงเลือกส้อมขึ้นมาเพื่อจะกินสลัดที่อยู่ตรงหน้า โซว์ตีมือขิงดังเผี๊ยะ !! ขิงเจ็บ ขิงจะหยิบขนมปังกิน แต่หยิบผิดดันไปหยิบด้านขวา โซว์เอามือเคาะหัวขิงก่อนจะชี้ไปทางด้านซ้าย
โซว์บิขนมปังออกเป็นชิ้นเล็กๆให้ขิงดูแล้วทาเนยทำท่าเหมือนจะกินเองก่อนจะแกล้งยัดปากขิง โซว์ยิ้มหลุดหน้าเก็กแต่พอรู้สึกตัวก็ทำเก็กตามเดิม
ขิงพยายามหั่นเสต็กแต่ท่าทางไม่ได้ โซว์ส่ายหน้าก่อนจะไปยืนข้างหลังขิงและโอบตัวขิงไว้ ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของขิงช่วยสอนหั่นเสต็ก ขิงที่โดนโซว์จับมือไว้รู้สึกเขินมาก
พัชรีเข้าไปคุยกับขิงแล้วทำหน้าล้อๆ
“วันนี้คุณขิงคงทานดินเนอร์อร่อยไปเลยใช่มั้ย ได้ข่าวว่าเจ้าชายมาเสวยด้วย”
ขิงทำหน้าเซ็ง “อร่อยอะไรล่ะ เครียดล่ะซิไม่ว่า ทำอะไรก็ผิดไปหมด นายนั่นก็ดุชะมัด ตีมือจนขิงมือแดงหมดแล้ว” ขิงมองมือตัวเองแล้วก็ยังเจ็บไม่หาย
“แล้วจำที่เรียนไปวันนี้ได้ทั้งหมดรึยังคะ”
“จำได้ซิ ขืนจำไม่ได้มีหวังนายนั่นเอาเรื่องตาย”
“งั้นก็ถือว่าได้ผล”
ขิงคิดไปแล้วก็รู้สึกว่าจริง “ก็จริงน่ะนะ” ขิงหัวเราะมีความสุข “ฮ่าๆๆๆๆ”
“อย่าเพิ่งหัวเราะไปค่ะ ยังไม่หมด” พัชรีบอก
พัชรีหยิบกระดิ่งตรงหัวนอนมาสั่น ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหนังสือกองใหญ่มาก
“เรียนรู้ประวัติศาสตร์ มารยาทในวังแล้ว ก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมและสังคม ของประเทศนิวแลนด์” ปีเตอร์บอก
ขิงมองหนังสือตรงหน้าแล้วก็ตาลาย “อ่านอีกแล้วเหรอเนี่ย ถ้าอยากจำได้เร็วๆ เห็นทีจะต้องเอาหนังสือพวกนี้ เข้าเครื่องปั่นแล้วกินแทนฟูลคอร์สแล้วละ”
ขิงทำท่าจะหยิบหนังสือขึ้นมากิน ปีเตอร์และพัชรีหัวเราะขำ ทั้งสองหยิบหนังสือจะแย่งป้อนใส่ปากขิงกันใหญ่ โซว์ที่แอบมองขิงอยู่ที่ประตูแอบยิ้มขำและปลื้มในความพยายามของขิงด้วย
ขิงนั่งอ่านหนังสือไปเปิดดิกชันนารีไป เธอพยายามจะอ่านหนังสือตรงหน้าด้วยความตั้งใจ
ขิงอ่าน “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิปีเตอร์สัน” ขิงจดใส่สมุด “ปีเตอร์สัน ที่ 3 เป็นผู้เปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศนิวแลนด์ จากเกษตรกรรม เข้าสู่ อุตสาหรรม” ขิงพยายามทบทวน “แล้วใครนะ ที่เป็นคนเปลี่ยนระบบการปกครอง จาก..จากอะไรนะ”
โซว์เดินหน้าหน่ายๆเข้ามา
“พระเจ้าเอล็กซิสที่ 7 เสด็จปู่ลำดับที่ 2 ของเราเป็นผู้เปลี่ยนการปกครองจากราชาธิปไตย สู้ ระบบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ” โซว์โวยใส่ “นี่เธออ่านยังไงของเธอ ทำไมมันถึงไม่เข้าสมองเลยซักนิด อาทิตย์นึงที่ผ่านไป จำอะไรได้มั่งเนี่ย”
“อย่างน้อยก็จำได้เรื่องกิน” ขิงบอก
“ตะกละ ..ถ้าอาหารที่เธอกินไปเลี้ยงสมองบ้าง ไหนลองบอกซิ กษัตริย์องค์ไหนที่เป็นผู้เปลี่ยนให้ประเทศนิวแลนด์เป็นอุตสาหกรรม”
ขิงตอบอย่างมั่นใจ “พระเจ้าฟรานซิส”
โซว์เขกหัว “เมื่อกี้ท่องอยู่แหมบๆ ว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิปีเตอร์สัน” โซว์ถามเสียงเอาเรื่อง “ที่เท่าไหร่”
ขิงทำท่าเลิ่กลั่กแล้วทำเป็นเอานิ้วขึ้นมานับ “ที่..เอ่อ..ที่ 1-2-3-4 ที่ 4 มั้ง”
โซว์โมโห “พอเลยไม่ไหวแล้ว เธอนั่งท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองแบบนี้ ก็ไม่มีประโยชน์”
โซว์ดึงขิงให้เดินออกไป ขิงตกใจเพราะคิดว่าโซว์จะไล่กลับไปจึงโวยวายลั่น
“ไม่เอานะ ชั้นไม่กลับบ้าน อย่ามาไล่ชั้นกลับ ชั้นรู้ว่าชั้นทำได้ ขอเวลาชั้นอีกนิดนะ” ขิงรีบพูด “ชั้นจำได้แล้ว พระเจ้าปีเตอร์สันที่ 2 ใช่มั้ยล่ะ”
โซว์ลากขิงออกไปอย่างเซ็งๆ “พูดอีกก็ผิดอีก คนเรา ...” โซว์โวยใส่ขิง “ไม่ต้องท่องแล้ว หน้าอย่างเธอท่องไปก็ไม่มีประโยชน์”
โซว์กึ่งจูงกึ่งลากขิงออกมาข้างนอก ขิงร้องโวยวาย
“จำไม่ได้แค่นี้ นายถึงกับจะพาชั้นกลับไปส่งบ้านเลยเหรอ ไม่ใจร้ายกันไปหน่อยเหรอ ชั้นยังมีเวลาอีกตั้งอาทิตย์นะ ชั้นสัญญาว่าจะไม่ขี้เกียจ ไม่อู้ จะท่องหนังสือทั้งวันเลย”
โซว์ชักรำคาญ “นี่เธอหยุดโวยวายซักที ใครเค้าจะพาเธอกลับ กระเป๋าซักใบก็ไม่ได้เอามาไม่ใช่เหรอ”
ขิงนึกขึ้นได้ “เออจริง !! แล้วนายจะพาชั้นไปไหนเนี่ย”
โซว์มองหน้าขิงแล้วยิ้มมั่นใจ “learning by doing”
โซว์พาขิงมาที่เชิงเขาที่เป็นทุ่งหญ้าเขียว ด้านล่างมีชาวบ้านกำลังทำการเกษตร โซว์ชี้ก่อนจะตั้งใจอธิบายให้ขิงฟัง ขิงฟังอย่างตั้งใจก่อนจะแอบมองโซว์ที่ตั้งใจอธิบายให้ฟังอย่างปลื้มสุดๆ
โซว์พาขิงไปตามทุ่งนา ขุนเขา ทุ่งดอกไม้ ขิงมีความสุขและสนุกมาก โซว์หันไปมองขิงแล้วแอบยิ้มปลื้มใจ
โซว์อ่านหนังสือเล่มหนาก่อนจะอธิบายเรื่องต่างๆ ควบคู่กับแผนภูมิต้นไม้ราชวงศ์ ขิงทั้งฟังทั้งจด ทั้งซักถาม ด้วยความตั้งใจ
โซว์และขิงเขวี้ยงหนังสือลงข้างตัวกันคนละเล่มก่อนจะล้มลงนอนแผ่หลาลงไปบนหญ้าด้วยความเหนื่อย
“โอ๊ยย เหนื่อยชะมัด ไม่นึกว่าการต้องกลับมาท่องหนังสือ แบบนี้มันเหนื่อยจริงๆ ว่ามั้ย” โซว์ถาม
ขิงไม่ตอบ โซว์หันหน้าไปมองก็เห็นว่าขิงหลับไปแล้ว โซว์มองขิงยิ้มๆ ก่อนจะนอนตะแคงมองขิงที่หลับไปด้วยความเหนื่อย โซว์ค่อยๆแอบเอามือลูบผมขิง
“ไม่เคยนึกเลยว่าเธอจะทุ่มเทเพื่อชั้นขนาดนี้ ขอบคุณนะขิง”
โซว์เห็นขิงหลับไม่รู้เรื่อง เขาก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะค่อยๆ แอบหอมแก้มขิงหนึ่งฟอด โซว์หอมเสร็จแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขารีบหันไปทางอื่นแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขิงที่หลับตาอยู่ค่อยๆลืมตาแล้วอมยิ้มทั้งเขินทั้งขำที่โซว์ขโมยหอมแก้มเธอ แล้วเธอก็หลับตาลงอย่างมีความสุข
ในห้องขิงเต็มไปด้วยหนังสือมากมายกองเต็มแทบทุกซอกทุกมุม ขิงกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ไปอ่านหนังสือไปอย่างขยันขันแข็ง
“ขิงยังไหวจ๊ะยายไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องคืนดีกับโซว์ ... ก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะจ๊ะยาย บางทีเค้าก็ดูเหมือนใจดี บางทีก็ดูเหมือนไม่สนใจ แต่ขิงก็ทำกับเค้าไว้เยอะ เค้าจะงอน จะโกรธ จะเกลียดบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงขิงก็จะทำให้เค้ากลับมารักขิงเหมือนเดิมให้ได้” ขิงยิ้มมั่นใจ
โซว์พยายามเข้าไปอ้อนพระราชา กับพระราชินี
“เสด็จพ่อทรงยกเลิกเวลาหนึ่งอาทิตย์ไม่ได้เหรอพระเจ้าค่ะ มันเร็วเกินไป หม่อมชั้นใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังไม่รู้จักประเทศนี้ดีพอเลย”
“เจ้าไม่ต้องเข้าข้างคนรักเจ้าเลย หนึ่งอาทิตย์ก็คือหนึ่งอาทิตย์ มีคนที่ต้องเจอเรื่องหินๆกว่าคนรักของเจ้าตั้งหลายเท่า เค้ายังทำได้เลย ใช่มั้ยจ๊ะ”
พระราชาพูดเสร็จก็หันไปมองหน้าพระราชินีเหมือนมีความลับอะไรบางอย่าง พระราชินียิ้มน้อยๆ โซว์สงสัย
“ใครทำได้เหรอพระเจ้าค่ะ เคยมีสามัญชนที่ต้องขึ้นมาเป็นผู้ปกครองนิวแลนด์ด้วยเหรอพระเจ้าค่ะ” พระราชินีพูดขำๆ “ ลูกคงพูดถูกนะเพคะ ที่ลูกชายเราใช้เวลาศึกษามาทั้งชีวิตยังไม่รู้จักนิวแลนด์ดีพอจริงๆด้วย”
โซว์ทำหน้าสงสัย “มีเรื่องอะไรที่ลูกไม่รู้กันแน่”
พระราชารีบตัดบท “ไว้ถึงเวลาลูกก็รู้เองแหละน่า บอกตอนนี้มันไม่ตื่นเต้น ฮ่าๆๆๆ”
“อย่างนี้ทุกทีเลยเสด็จพ่อ งั้นถ้าขิงทำสิ่งที่ท่านพ่อต้องการภายในสองอาทิตย์ เสด็จพ่อและเสด็จแม่จะยอมรับขิงใช่มั้ย”
“ลูกไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น พ่อกับแม่ก็รับคนที่ลูกรักได้เสมอ แต่คนที่ลูกต้องห่วงมากที่สุด คือประชาชนของเราต่างหาก พ่อกับแม่อยากจะเห็นว่า คนที่ลูกรักจะทำอะไร เพื่อประเทศที่เรารักได้บ้าง”
โซว์ได้ฟังแล้วก็ถึงกับเครียดและครุ่นคิด
ขิงเดินเข้ามาในห้องที่บรรยากาศดูเงียบไปกว่าทุกวัน ขิงหันไปถามพัชรีและปีเตอร์ ที่เดินมาด้วยด้วยความแปลกใจ
“วันนี้ทำไมบรรยากาศมันดูเงียบๆแปลกๆแบบนี้ล่ะ ประราชา พระราชินี แล้วเจ้าชายโซว์ไปไหนกันเหรอ”
ปีเตอร์หน้าเครียด “มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นในนิวแลนด์อีกแล้วครับคุณขิง แต่คุณขิงไม่ต้องสนใจหรอกครับ อ่านหนังสือไปดีกว่า”
“เอ๊ะ !! นายเห็นพวกเราสองคนเป็นคนชอบอยู่เหนือปัญหารึไง นิวแลนด์ก็ไม่ต่างกับบ้านของเรา เกิดเรื่องอะไรเราก็อยากรู้ เกิดอะไรกันแน่” พัชรีถาม
“นั่นซิปีเตอร์ เกิดอะไรขึ้น”
ปีเตอร์ถอนหายใจ “เกิดม็อปประท้วงจากเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดแถบมิดเวส จริงๆพวกเค้าก็ประท้วงกันทุกปี ๆ แต่คราวนี้ดูจะหนักข้อมากไปหน่อย”
“พวกเค้าต้องการอะไร” พัชรีถาม
“พวกเค้าต้องการให้ทางรัฐบาลรับซื้อข้าวโพดของพวกเค้า เนื่องจากโรงงานที่รับซื้อให้ราคาต่ำ และไปรับข้าวโพดจากจีนที่มีราคาถูกกว่ามาแทน ไม่มีตลาด ชาวไร่ก็ขายของไม่ได้ ขายของไม่ได้ก็ไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็ไม่มีอะไรกิน จะให้กินข้าวโพดที่ปลูกเองทั้งปีทั้งชาติก็คงไม่ไหว ใช่มั้ยละครับคุณขิง”
ขิงไปยืนแอบฟังที่ประตูห้องที่มีการประชุมที่เผ็ดร้อนอยู่ภายใน
รัฐมนตรีกล่าว “เราต้องรับซื้อข้าวโพดเหล่านั้นไว้ ไม่อย่างนั้นชาวบ้านจะเดือดร้อน”
“มันไม่มีทางอื่นเลยเหรอท่านรัฐมนตรี เรารับซื้อข้าวโพดของชาวไร่จากแถบมิดเวสทุกปี ใช้เงินจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เคยแก้ปัญหานี้ได้ ท่านไม่คิดว่านี่เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดเหรอ” โซว์ถาม
“แต่ประชาชนกำลังเดือดร้อนเราต้องรีบดำเนินการ” รัฐมนตรีบอก
“แล้วมันจะต่างอะไรกับการโยนปลาไปให้คนหิวกิน การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบนี้ไม่มีผลดีกับใครเลยนะ”
“แล้วเจ้าชายจะให้กระหม่อมบอกกับประชาชนยังไง หรือจะปล่อยให้พวกเค้าอดตาย ทรงช่วยบอกทางแก้ปัญหากระหม่อมด้วย”
“ขอเวลาเราคิดอีกซักนิด เราเชื่อว่าเราจะมีคำตอบที่ดีให้กับท่าน” โซว์บอก
“ได้กระหม่อม หม่อมชั้นจะรอคำตอบ หวังว่า หม่อมชั้นจะได้คำตอบที่ดีจากเจ้าชายนะพระเจ้าค่ะ”รัฐมนตรีลุกขึ้น โค้งก่อนจะเดินออกไป โซว์หันมามองหน้าพระราชาด้วยสีหน้าเครียด
“ลูกควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี เสด็จพ่อ” โซว์ถาม
“ถึงเวลาที่ลูกจะต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวลูกเองแล้ว โซว์” พระราชาตบบ่าให้กำลังใจ “และพ่อรู้ว่าลูกจะต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้ประชาชนของเรา”
พระราชาพูดเสร็จก็เดินออกไป โซว์ก้มหน้าเครียด ขิงแอบมองโซว์ด้วยความเป็นห่วง
โซว์กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เขาอ่านเอกสารอย่างคร่ำเคร่งกว่าที่เคยเป็น ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น !!!
“เข้ามา !!!”
ประตูเปิดออก โซว์เงยหน้ามองเห็นขิงยกเซ็ตน้ำชาพร้อมขนมเข้ามาให้ ขิงยิ้มเอาใจ
“เจ้าชายทำงานมาทั้งวัน ต้องพักผ่อนพระวรกายบ้างนะเพคะ” ขิงบอก
โซว์มองขิงที่พูดจาแปลกหูกว่าทุกวันอย่างขำๆ “เดี๋ยวนี้รู้จักใช้คำพูดคำจาสุภาพก็เป็นนะ”
ขิงลืมตัวจึงพูดปกติ “ชั้นเรียนรู้มาแล้ว จะให้พูดจาแบบเดิมได้ไงล่ะ จริงมั้ย” ขิงรีบเอามือปิดปาก “อุ๊ย !! เผลอพูดแบบเดิมอีกแล้ว”
โซว์ยิ้ม “พูดอย่างที่เคยพูด ทำอย่างที่เคยทำเถอะ พูดแบบนั้นเราก็ไม่ชินเหมือนกัน”
โซว์พูดเสร็จก็ทำหน้าเครียดๆ เหมือนมีเรื่องกังวลใจ ขิงสังเกตเห็นจึงรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ
“มีอะไรที่ชั้นพอจะช่วยได้มั้ย ตอบแทนที่นายช่วยติวอะไรต่อมิอะไรให้ชั้นตั้งเยอะน่ะ”
“แค่ทำสิ่งที่เธอต้องทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว อ้อ..แล้ววันนี้ชั้นคงไม่ว่างพาเธอไปไหนนะ ให้ปีเตอร์พาไปก็แล้วกันนะ”
โซว์พูดเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างคร่ำเคร่ง ขิงมองก่อนจะถอนหายใจเพราะรู้สึกเป็นห่วง
ขิง ปีเตอร์ และพัชรีมาปิกนิกกัน ขิงยังครุ่นคิดกับเรื่องของโซว์
“ยายเคยบอกไว้ คนมีที่ดินยังไงก็ไม่อดตาย แล้วทำไมชาวไร่ทางมิดเวสถึงจะอดตายได้ล่ะ”
“จริงๆเค้าก็ไม่ได้อดตายหรอกค่ะ เพียงแต่เค้ามีแต่ข้าวโพด ..ข้าวโพด..ข้าวโพด แล้วไอ้ข้าวโพด มันก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าข้าวโพดเปลี่ยนเป็นหมู ไก่ แกะ แฮม ขนมปัง เค้าก็คงไม่เดือดร้อนหรอก” พัชรีบอก
“ที่รักจ๋า ฉลาดล้ำเลิศในปฐพีจริงๆ สมกับเป็นยอดหญิงของปีเตอร์” ปีเตอร์ชม
“ก็เพราะชาวมิดเวสคิดแต่ปลูกพืช โดยพึ่งพิงตลาดและพ่อค้าคนกลางมากเกินไป ทำให้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่มีอยู่เดิมเสื่อมสลายไป ตามที่ขิงอ่านเขตมิดเวส เป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์มาก ไม่เห็นจำเป็นต้องปลูกข้าวโพดอย่างเดียวเลย” ขิงว่า
“มันเป็นไปตามการเจริญเติบโตของเศรษกิจของโลกน่ะครับ” ปีเตอร์พยายามเปลี่ยนเรื่อง “เรามาร้องเพลงกันมั้ยครับ ผมเอาอูคูเลเล่มาเล่นด้วย”
ปีเตอร์หยิบอูคูเลเล่ขึ้นมา พัชรีรีบเข้าไปนั่งข้างเตรียมพร้อมร้องเพลง แต่ขิงยังคงยืนนิ่งครุ่นคิด
“อ้าว !! ทำไมไม่มาร้องเพลงด้วยกันละคะคุณขิง” พัชรีชวน
ขิงพึมพำกับตัวเอง “เราไม่จำเป็นต้องโยนปลาไปให้คนที่หิว แต่เราควรจะพาเค้าไปที่แหล่งน้ำ และสอนเค้าจับปลาซิ”
ปีเตอร์งง “เอ่อ คุณขิงครับ เราอยู่บนภูเขานะครับ จะไปจับปลาที่ไหน”
ขิงพึมพำกับตัวเองต่อ “คนมีที่ดินยังไงก็ไม่อดตายหรอก ใช่ !! เรารู้แล้ว !!”
ขิงคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะรีบวิ่งออกไป ปีเตอร์ และพัชรีงง
“คุณขิง คุณขิง”
เจ้าชายในสายหมอก ตอนที่ 13 (ต่อ)
โซว์ลองปรึกษาสิ่งที่คิดกับพระราชา
“ลูกคิดว่าเราจำเป็นต้องรับซื้อข้าวโพดพวกนั้นไว้ก่อน หลังจากนั้น เราคง...”
ขิงที่เพิ่งเดินเข้ามาโพล่งออกมา “หลังจากนั้นเราต้องส่งเสริมให้เกษตรกรที่นั่น หันกลับมาปลูกพืชเพื่อการดำรงชีวิตของตัวเองก่อน แล้วถึงจะค่อยๆสร้างเสริมความเจริญและความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นเรื่อยๆ”
โซว์หันหน้ามองขิงที่เดินเข้ามาในห้องด้วยสายตาตำหนิ
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะขิง”
“เพราะพวกเค้าทำเกษตรกรรมเพื่ออุตสาหกรรม พึ่งพิงโรงงานและ สภาวะเศรษฐกิจโลก โดยไม่พยายามพึ่งพาตัวเอง เมื่อพืชผลราคาไม่ดี เศรษฐกิจโลกถดถ้อย พวกเค้าก็ไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แต่ถ้าเราให้เค้ากลับมาพึ่งพาตัวเองให้ได้ก่อน โดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก พวกเค้าก็จะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร” ขิงอธิบาย
“เราเคยได้ยินแนวคิดแบบนี้มาก่อน” พระราชาบอก
“เป็นแนวคิดของกษัตริย์ของประเทศหม่อมชั้นเพคะ ท่านสอนให้เราพอเพียง และพัฒนาประเทศไปตามลำดับขั้นอย่างมั่นคงเพคะ”
พระราชาและพระราชินีฟังอย่างครุ่นคิด
“หากพระองค์ทรงลองศึกษา และ ลองไปใช้กับเกษตรกรแถบมิดเวส หม่อมชั้นว่าอาจจะเป็นทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน คนมีที่ดินยังไงก็ไม่อดตายหรอกเพคะ”
โซว์รีบเข้าไปดึงตัวขิงออกมา “ขิงรู้ตัวมั้ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าที่เธอจะมาพูดเล่นนะ เธอออกไปก่อนเถอะ”
ขิงพยายามจะพูดต่อ “แต่ว่า ....”
โซว์มองขิงด้วยสายตาดุ ขิงจ๋อย ๆก่อนจะเดินออกไป
โซว์มองหน้าพระราชาและพระราชินีและคิดว่าขิงทำเรื่องอีกแล้ว
หนังสือ “เศรษฐกิจพอเพียง” ฉบับภาษาอังกฤษวางอยู่บนโต๊ะ พระราชายืนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างพลางครุ่นคิด โซว์เดินเข้ามาแล้วถอนหายใจหน้าเครียด
“ขอเสด็จพ่อโปรดอภัยขิงด้วย เค้าคงไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอะไรแบบนั้น”
พระราชาไม่ตอบ หน้าตาของพระราชานิ่งมากจนโซว์รู้สึกใจคอไม่ดี
“เค้าคงยังถูกอบรมเรื่องมารยาทไม่ดีพอ เดี๋ยวลูกจะไปเคี่ยวเข็ญเค้าเรื่องนั้นเอง”
พระราชาเสียงเข้ม “ไม่จำเป็นหรอก เราไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรเด็กคนนั้นอีกต่อไปแล้ว”
“เสด็จพ่อ !!! ทำไมล่ะเสด็จพ่อ”
พระราชาหันมามองโซว์หน้าเครียด
“แค่นี้เราก็รู้อะไรๆมากพอแล้ว” พระราชาเสียงเข้ม “ไปตามเด็กคนนั้นมาพบพ่อ พ่อมีเรื่องต้องคุยกับเค้าเป็นครั้งสุดท้าย”
โซว์ตกใจจนโวยวายอกมา “อย่าบอกนะว่าเสด็จพ่อจะไล่ขิงกลับประเทศ ทำไมเสด็จพ่อทำแบบนี้ นี่มันยังไม่ครบเจ็ดวันตามสัญญาเลยนะพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ อย่าเพิ่ง”
พระราชาหันขวับไปมองโซว์อย่างเอาเรื่อง “เจ้าจะไปตามเค้ามาพบพ่อดีๆ หรือ อยากให้เราไปบอกเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง”
พระราชามองหน้าโซว์อย่างจริงจัง โซว์ได้แต่อ้ำอึ้งเพราะทำอะไรไม่ได้
ขิงรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เธอยัดเสื้อผ้าด้วยความเร็ว โดยมีปีเตอร์และพัชรียืนเศร้าอยู่ใกล้ๆ
“คุณขิงนะคุณขิง ทำอะไรไม่ปรึกษากันเล๊ย ...ปีเตอร์ไม่รู้จะช่วยคุณขิงได้ยังไงแล้ว”
“ไม่ใช่ความผิดของสุดที่รักหรอก เพราะเค้าไม่ดีเอง ไม่ควรปล่อยคุณขิงไปเลย” พัชรีบอก
ปีเตอร์และพัชรีกอดคอกันร้องไห้เพราะเศร้าสุดๆ ขิงมองทั้งสองคนอย่างจ๋อยๆ เพราะยอมรับชะตากรรม
“เอาเถอะยังไงขิงก็ทำดีที่สุดแล้ว ถึงจะมีคนโกรธ แต่ขิงก็ได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้วหละ จริงๆชั้นอยากไปลาพระราชา พระราชินี แล้วก็เจ้าชายโซว์นะ แต่พวกเค้าคงไม่อยากเห็นหน้าชั้นแล้วหละ”
ขิงหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป ปีเตอร์ และพัชรีเศร้าจนร้องไห้ระงม
“มันจบแล้วจริงๆเหรอเนี่ย ปีเตอร์ไม่อยากจะเชื่อ”
ประตูห้องเปิดออก โซว์เดินหน้าเครียดเข้ามาในห้อง ปีเตอร์คิดว่ามีข่าวดีรีบกระโดดดีใจเข้าไปหา
“เจ้าชายเข้ามาแบบนี้แสดงว่ามีข่าวดีใช่มั้ย”
“เกรงว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น” โซว์มองหน้าขิง “เสด็จพ่อต้องการพบเธอ ...เป็นครั้งสุดท้าย”
ขิงได้ฟังคำว่า “เป็นครั้งสุดท้าย” ก็ถึงกับช็อคไปชั่วขณะ ปีเตอร์และพัชรีมองหน้ากันแทบจะร้องไห้โฮ
“คุณขิงง !!!”
ขิงเรียกสติตัวเอง ก่อนจะเชิ่ดหน้า “ไม่เป็นไรนะ พวกเราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว” ขิงมองหน้าโซว์ “ขอโทษนะโซว์ที่ชั้นทำไม่สำเร็จ”
โซว์พูดอะไรไม่ออก เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ทำไม่ได้จึงทำได้แค่เดินเข้าไปกอดขิงไว้
“ชั้นขอโทษที่ช่วยเธอไม่ได้”
ปีเตอร์และพัชรีเห็นแบบนั้นก็กอดคอกันร้องไห้เหมือนกัน ขิงเศร้าและผิดหวังในตัวเอง
ขิงเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นพระราชายืนจ้องมองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ ขิงเริ่มกังวล มือของเธอเริ่มสั่น แต่ยังทำใจกล้าเดินเข้าไปหาพระราชาอย่างงามสง่า
“เวลาของหม่อมชั้นหมดแล้วใช่มั้ยเพคะ” ขิงถาม
“เจ้าหมายถึงเวลาอะไรล่ะ ถ้าเวลาเจ็ดวันที่เราสัญญากันไว้น่ะ มันคงไม่จำเป็นแล้ว” พระราชาหันไปมองหน้าขิงแล้วยิ้มอย่างจริงใจ “เพราะเจ้าแสดงให้เราเห็นแล้วว่า เจ้าคู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างลูกชายของเรา”
ขิงทั้งอึ้ง ทั้งแปลกใจ ทั้งงงและสับสนไปหมด
“พระองค์ไม่ทรงโกรธหม่อมชั้นหรือเพคะ”
“เราว่าเราต้องขอบใจเจ้ามากกว่า” พระราชาหยิบหนังสือขึ้นมา “เราลองไปอ่านสิ่งที่เจ้าพูดดูแล้ว มันเป็นแนวคิดที่ดีมากจริง จนเราคิดว่า..บางทีเราอาจจะลองทำอย่างที่เจ้าแนะนำก็ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ คนที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือ ประชาชนของเรา”
“หม่อมชั้นยินดีแทนประชาชนชาวนิวแลนด์จริงๆ ที่มีพระราชาที่ห่วงใยและทุ่มเทให้พวกเค้าอย่างเต็มที่แบบนี้”
“เราก็ต้องขอบใจเจ้า ที่ทุ่มเทเพื่อลูกชายของเรา และ ประชาชนชาวนิวแลนด์เช่นกัน”
ขิงก้มหัวลงอย่างงามสง่า “หม่อมชั้นยังไม่ดีพอ และยังต้องเรียนรู้อีกมากเพคะ”
พระราชาจับตัวขิงขึ้นมา “ไม่ใช่แต่เจ้าหรอกที่ต้องเรียนรู้ พวกเราทุกคนก็ต้องเรียนรู้กันอีกมากมาย เรื่องทุกข์สุขของประชาชนนั้นมีมากมายไม่เคยหมดสิ้น ต่อไปเราต้องช่วยกันนะ”
“เพคะ ..ถ้าพระองค์เห็นว่าหม่อมชั้นจะช่วยพระองค์ได้ หม่อมชั้นก็ยินดี”
“รู้รึยังว่าทำไมเราถึงต้องเคี่ยวเข็ญเจ้ามากมายแบบนั้น”
“เพราะสิ่งที่หม่อมชั้นจะต้องเผชิญ จะยากลำบากยิ่งกว่าหนังสือพันเล่มที่หม่อมชั้นต้องอ่าน และมีประชาชนที่หม่อมชั้นต้องรู้จักและช่วยพวกเค้ามากมายกว่าพระญาติที่อยู่ในแผนภูมิต้นไม้นั่น”
“ใช่ !! รวมทั้งจะมีปัญหาอีกหลายร้อยหลายพันปัญหาให้เจ้าต้องแก้ไข และถ้าเจ้าผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปได้ เรามั่นใจว่าประชาชนชาวนิวแลนด์จะรักเจ้าเหมือนที่ครั้งหนึ่งพวกเค้าเคยรัก...” พระราชารีบปิดปาก
ขิงมองหน้าพระราชาด้วยความสงสัย “รักใครหรือเพคะ”
“เอ่อ..” พระราชารีบเปลี่ยนเรื่อง “แหม ..ช่างซักเหมือนลูกชายเราไม่มีผิด”
ขิงยิ้มขำๆ พระราชามองขิงอย่างเอ็นดู
“รีบไปบอกข่าวดีกับลูกชายเราเถอะ ป่านนี้คงนั่งไม่ติดแล้ว”
ขิงยิ้ม ก่อนจะถวายความเคารพแล้วเดินออกไปอย่างงามสง่า พระราชามองตามขิงแล้วยิ้มมีความสุข
ประตูห้องเปิดออก ขิงเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่มีความสุขมากๆ โซว์ พัชรี และปีเตอร์แปลกใจ ขิงมองโซว์แล้วยิ้มให้ก่อนจะโผเข้าไปกอดโซว์แน่น
“ชั้นทำสำเร็จแล้ว .....ชั้นทำสำเร็จแล้ว”
โซว์ยังงงๆ “สำเร็จเรื่องอะไรเหรอ” แล้วโซว์ก็นึกได้ “อย่าบอกว่าเรื่องที่ ....”
“ใช่ พระราชาทรงเห็นด้วยกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมากและจะลองใช้วิธีนี้ดู” ขิงบอก
โซว์ดีใจ “เป็นเพราะเธอนะขิง ที่ทำให้เราเห็นทางในการแก้ปัญหาเรื่องนั้น ขอบใจจริงๆ”
“ขอบใจชั้นไม่ได้หรอก ต้องขอบคุณที่ขิงเกิดเป็นคนไทย ได้เรียนรู้สิ่งที่ในหลวงของเราทรงสอนมาตั้งแต่เล็กๆ และคนเล็กๆอย่างชั้นก็ได้เรียนรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่จากพระองค์”
“งั้นชั้นก็โชคดีจริงๆ ที่ได้พบเธอ ...” โซว์จ้องหน้าขิง “ต่อไปเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วใช่มั้ย”
“ใช่”
โซวพูดต่อ “ไม่มีบททดสอบ แล้วก็จะมีมีอะไรมากพรากเราจากกันด้วย”
ขิงพยักหน้าตอบรับแล้วก็มองหน้าโซว์ก่อนจะยิ้มดีใจจนน้ำตาไหล ขิงกอดโซว์แน่น ปีเตอร์ และพัชรีที่ยืนมองอยู่รู้สึกปลื้มมาก
“ในที่สุด ก็ลงเอยกันได้ซักที” ปีเตอร์บอก
พัชรีพูดต่อ “เอวัง....”
ปีเตอร์และพัชรีโผเข้ากอดกัน ก่อนจะมองขิงและโซว์ที่กำลังกอดกันอย่างมีความสุข
ลัดลดาเดินลงมาที่ลานจอดรถของโรงแรมจิ้งหรีดในเมืองไทย เธอทั้งโพกหัว ใส่แว่นตา พยายามพรางตัวสุดฤทธิ์
ลัดลดาค่อยๆย่องไปทางที่รถตัวเองจอดอยู่ เธอมองเห็นกลุ่มเจ้าหนี้เดินป้วนเปี้ยนแถวๆรถตัวเอง ลัดลดาจะหันกลับไปแต่ก็เจอเจ้าหนี้ยืนยิ้มเอาเรื่องอยู่
“ไหนว่าจะไปเป็นเจ้าหญิงนิวแลนด์ แล้วไหงถึงต้องมานอนโรงแรมกระจอกแบบนี้ละครับ คุณเจ้าหญิง”
ลัดลดาพยายามหนี “แกหลีกไป ชั้นไม่มีอะไรจะพูดกับแก”
“คุณเจ้าหญิงตกอับไม่มีจะพูด แต่ผมมีนี่ครับ หนี้ที่พ่อคุณยืมกี่สิบล้าน เมื่อไหร่จะใช้ซักที ห๊า !”
“ชั้นไม่มีให้ทั้งนั้นแหละ”
เจ้าหนี้เข้าไปกระชากตัวลัดลดา “น่าเสียดายนะลงทุนทำมาทั้งตัว แต่จะต้องมาตายแบบศพไม่สวย”
“นี่แกจะฆ่าชั้นเหรอ”
“ชั้นให้เวลาเธออีก อาทิตย์ ถ้ายังหาเงินมาจ่ายไม่ได้ อย่าหาว่าพวกชั้นไม่เตือน อ๊อ !! แล้วก็ไม่ต้องพยายามคิดหนี ยังไงชั้นก็หาตัวเธอพบ”
เจ้าหนี้ผลักลัดลดาจนกระเด็นออกไปก่อนจะเดินหัวเราะกันอย่างสะใจ
“เจ้าหญิงรูหนู ฮ่าๆๆๆๆ”
ลัดลดามองตาม เธอทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ และเจ็บแค้นสุดๆ
ลัดลดาเดินแบบสะบักสะบอมมาที่มุมหนึ่งของโรงแรม เธอมีท่าทางโมโหมาก ทีวีในโรงแรมเปิดอยู่ เป็นรายการผู้หญิงช่างเม้าส์ทางช่อง 3
“นอกจากจะส่งคนเข้ามาศึกษาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงจากประเทศไทยแล้ว ประเทศนิวแลนด์ก็ยังได้ประกาศข่าวดี เปิดตัวพระคู่หมั้น ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวไทยผู้โชคดีนี่เอง”
ภาพขิงในชุดสวยงามออกงานคู่กับโซว์ขึ้นเต็มจอโทรทัศน์
“ไม่รู้ว่าสาวน้อยนามว่าขิงนี้ ทำบุญด้วยอะไร ทำไมถึงช่างโชคดีแบบนี้ นาทีนี้ไม่มีใครน่าอิจฉาไปกว่า เธออีกแล้ว”
ลัดลดาทนไม่ไหวเดินเข้าไปปิดทีวีทันที ลัดลดาทั้งโมโหและอิจฉาสุดๆ
“คิดเหรอว่าชั้นจะยอมให้แกมีความสุขคนเดียว นังขิง !!”