แรงปรารถนา ตอนที่ 11
บ้านสุอาภา วันรุ่งขึ้น วรรณวดีนั่งดื่มกาแฟพลางอ่านข่าวจากในไอแพด บวรเดินลงมาชะโงกหน้ามองว่าน้องสาวอ่านอะไร บวรจับหัวต่ายวรรณวดี
“อ่านข่าวกอสซิปแต่เช้าเลยนะเรา”
วรรณวดีหันไปมองบวรที่กำลังหยิบขนมปังบนโต๊ะกิน
“มันสนุกออกพี่ใหญ่ เรื่องบางเรื่องยิ่งกว่าละครน้ำเน่าอีกนะคะ”
“ข่าวมั่วทั้งนั้น”
“ถ้าไม่มีมูล เค้าก็ไม่เอามาเขียนข่าวหรอกค่ะ”
วรรณวดีใช้นิ้วสไลด์หน้าถัดไปแล้วก็สำลักกาแฟออกมา บวรหันไปมองเห็นสีหน้าน้องสาวตะลึงงัน
“เอ้าๆ ใจเย็น ข่าวอะไรทำตะลึงน้องสาวพี่ตะลึงได้ขนาดนี้”
บวรนั่งลงข้างๆแล้วยื่นหน้ามาดู ก่อนจะช็อกสุดๆ ไปอีกคน
“นี่มันภาพไอ้พิทกับรวีในงานเมื่อคืน! แล้วก็ภาพแตกับไอ้ภูวดล!”
ภาพพิทยารับรวีพรรณไว้ในอ้อมแขน อยู่ข้างๆภาพสุอาภากับภูวดลที่ถูกถ่ายตอนอยู่ในห้องเก็บของ
“รีบอ่านเนื้อข่าวดิต่าย” บวรบอก
วรรณวดีใช้นิ้วสไลด์รูปขึ้นไป
“กระพือข่าวกันให้ฉาว เอ๊ย! กันให้แซบ ว่างานแฟชั่น แชร์ริตี ฟอร์ ชายด์ ‘พายุโซนร้อน’ เข้าปกคลุม สร้างความแตกตื่นให้กับแขกเหรื่อ แต่กรมอุตุฯไม่ต้องแถลง เพราะเรื่องมันแดงว่า ต้นตอความร้อน มาจากสุอาภาไฮโซสาวไม่โสด กับภูวดล หนุ่มฮอตแห่งปีที่เตรียมสละโสด ปลีกตัวจากงานมาแอบ ‘แชร์’ อากาศกันในห้องทึบแบบสองต่อสอง เหงื่อซิกโทรมกาย ปล่อยให้พิทยาสามีกับรวีพรรณว่าที่เจ้าสาว โดนสวมเขา..เอ๊ย! โดนจับให้เดินแบบคู่กันแทนซะงั้น เอ..อากาศในงานมันร้อน หรือพายุโซนร้อนในกายเป็นเหตุกันค๊า?!”
สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความนึกไม่ถึง ทั้งอึ้งและตะลึง
บวรเจ็บใจ
“รีบเช็กว่าไอ้ที่คนเขียนข่าวนี้มันเป็นใคร?! พี่จะฟ้องมัน”
“อย่าพี่ใหญ่! ทำแบบนี้ แตจะยิ่งเสียหาย”
บวรหยิบไอแพดขึ้นมา
“แล้วจะปล่อยให้มันเขียนข่าวมั่วๆไปแบบนี้น่ะเหรอ แล้วถ้าเกิดป๋าเห็นเข้า มีหวังป๋าอาการกำเริบอีกแน่”
บวรโวยวายจบ นพเดินออกมาเห็นท่าทางบวรกับวรรณวดีก็แปลกใจ
“โวยวายอะไรแต่เช้าเจ้าใหญ่”
สองพี่น้องหันขวับไปทางนพด้วยสีหน้าตกใจ บวรรีบส่งไอแพดคืนให้ วรรณวดีเหวอ
นพเดินมาใกล้แล้วถาม
“ทำอะไรกัน”
ทั้งสองคนตอบเสียงเดียวกัน
“เปล่าค่ะ / เปล่าครับ”
วรรณวดีพยายามจะเอาไอแพดซ่อนข้างหลัง นพเห็นแล้วก็ยิ่งสงสัยมาก
“ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง เอามาให้ป๋าดู”
วรรณวดีกับบวรหน้าเสีย นพน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวจนลูกสาวไม่กล้า จำต้องเอาไอแพดยื่นให้นพ บวรสีหน้าแย่มาก คิดว่าป๋าเห็นแน่ นพรับไอแพดมากดเปิด วรรณวดีหน้านิ่ง
“ภาพหลุด...”
บวรรีบพูด
“ป๋าอย่าคิดมากนะครับ”
นพเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ
“ทำไมฉันต้องคิดมาก...ภาพหลุดดาราสาวมันเกี่ยวอะไรกับฉัน แกนี่แปลกคน” นพยิ้มๆ
บวรเหวอ เหล่มองวรรณวดีที่ดูเป็นปกติมาก นพส่งไอแพดคืนให้ต่าย ต่ายรับไอแพดคืนมา
นพพูดกับบวร
“ท่าจะอินมากไปแล้ว เสพข่าวบันเทิงให้มันน้อยลงแล้วก็เอาเวลาไปทำงาน”
“อ่า...ครับ”
นพเดินออกไป บวรโล่งอกสุดๆหันไปทางน้องสาว
“โชคดีที่แกปิดหน้านั้นได้ทันก่อนที่ป๋าจะเห็น”
วรรณวดีพยักหน้าและกังวลใจ
“ไม่รู้ป่านนี้แตกับพิทจะรู้เรื่องนี้เหรอยัง”
บนโต๊ะอาหารเช้าที่บ้านสุอาภา พิทยากำลังคุยโทรศัพท์
“ครับพี่ใหญ่ … ผมเห็นแล้ว” พิทยาเสียงเครียด
พิทยาไม่ได้ยินเสียงเดินของสุอาภาที่มาทางด้านหลังเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์
“คุณแตยังไม่รู้ครับ”
สุอาภานิ่วหน้าด้วยความสงสัย พิทยาพูดต่อ
“ผมทราบว่าไม่ควรให้คุณแตเห็น ผมจะจัดการเอง”
พิทยาสีหน้ากังวลใจวางสาย หันไปเจอสุอาภายืนอยู่ก็ตกใจหน้าถอดสี
“นายไม่อยากให้ฉันรู้อะไร” สุอาภาถาม
พิทยาอึกอักบอก
“ไม่มีอะไร”
สุอาภาคิดแล้วตกใจ หน้าตาตื่นตระหนก
“หรือว่าป๋าไม่สบาย”
“ไม่ใช่ครับ”
“อย่ามาโกหกฉันนะพิท บอกฉันมา..ป๋าเป็นอะไรใช่มั้ย”
“ไม่เกี่ยวกับคุณอา”
“ถ้าไม่เกี่ยวกับป๋า แล้วอะไรที่จะให้ฉันรู้ไม่ได้ พิท..บอกฉันมา...อกฉันมาสิ!” สุอาภาเสียงดังขึ้น
พิทยาเครียดมองหน้าสุอาภา ลังเลว่าจะบอกดีหรือไม่
สุอาภาดูภาพข่าวจากไอแพด สีหน้าอึ้งตะลึงและเสียใจมาก รีบกดปิดหน้าจอ
“นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันอีก ฉันไม่ได้ทำนะพิท ฉันไม่รู้เรื่อง”
พิทยามองสุอาภาอย่างเห็นใจ เธอจับแขนพิทยา สีหน้าเธอเศร้ามาก
พิทยาจับมือสุอาภาให้กำลังใจ
“ผมเชื่อคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ทำ และจะไม่มีวันทำแบบนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องเป็นฝีมือของนายภูวดล”
สุอาภาท้อใจ
“ฉันไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจ เค้าถึงต้องการทำลายฉัน ถ้าลำพังฉันคนเดียว เค้าจะฆ่าจะแกงยังไงฉันก็ยอม แต่ทำแบบนี้เท่ากับทำร้ายป๋าด้วย แล้วถ้าเกิดป๋าเห็นข่าวนี้ แล้วเป็นเหมือนตอนนั้นอีก ฉันรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้วนะพิท ฉันรับไม่ได้อีกแล้ว”
สุอาภาน้ำคาคลอแล้วร้องไห้ น้ำตาไหล พิทยามองอย่างเห็นใจมาก..ยกมือเช็ดน้ำตาให้ แล้วดึงเธอเข้ามากอด เธอร้องไห้อย่างสุดที่จะอั้นได้อีกต่อไป
“ผมขอโทษ”
สุอาภาแปลกใจ
“ขอโทษฉันทำไม”
“อาจเป็นเพราะผมที่ทำให้คุณแตต้องเจอเรื่องแบบนี้ คนที่ภูวดลต้องการเล่นงานน่าจะเป็นผมมากกว่า ผมจะไม่ยอมให้คุณต้องมารับเคราะห์หรือถูกกระทำจากนายนั่นอีก”
พิทยาพูดในอาการมาดมั่น
สุอาภามองพิทยาด้วยความสงสัย
“นายจะทำอะไร”
“ไปทำให้ทุกอย่างมันจบ”
พิทยาหน้าเอาเรื่องด้วยความโมโหมาก ลุกขึ้นจะเดินออกไป เธอตกใจรีบจับแขนเขาเอาไว้
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะพิท”
“ผมจะไม่ทนเห็นมันทำร้ายคุณ”
สุอาภาอึ้งและแอบรู้สึกดี เธอจับมือพิทยาสองข้าง
“ฉันไม่เป็นไร อย่าไป ถ้านายต้องเดือดร้อนเพราะฉัน ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด”
พิทยาเห็นแววตาที่จริงใจของสุอาภาก็ค่อยๆผ่อนลง
“สัญญากับฉันว่านายจะไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับคนชั่วแบบนายภูวดล มันไม่คุ้มกัน คนดีอย่างนายไม่สมควรจะเป็นอะไร”
พิทยาดึงมือออกมาจากสุอาภา แล้วเป็นฝ่ายกุมมือสุอาภาเอาไว้เอง พิทยามองหน้าสุอาภาแล้วก็พยักหน้ารับ
“ผมสัญญา”
สุอาภายิ้มดีใจเผลอกอดพิทยา พิทยาชะงัก อึ้ง รู้สึกดีสุดๆ เมื่อเธอรู้ตัวว่ากอดพิทยาอยู่ก็รีบผละออกมา ทำหน้าเก้อๆเขินๆ
“ฉัน..เออ...ฉัน...ไปห้องน้ำก่อนนะ”
สุอาภารีบจ้ำเดินออกไป พิทยายิ้มออกมา
ภายในห้องรับแขก บ้านภูวดล เวลาเช้า รวีพรรณ รมณี ยืนประจันหน้ากับศรีพิไล ภูวดล และภาสันต์ รมณีมองภูวดลด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรง
“ทำกับลูกสาวน้าแบบนี้ได้ยังไง”
“ใจเย็นก่อนรมณี” ศรีพิไลว่า
“เธอจะให้ฉันใจเย็นอีกยังไงไหว คุณทำแบบนี้หลายครั้ง แล้วทุกครั้งฉันก็ให้อภัย”
รวีพรรณทำเป็นห้าม
“พอเถอะค่ะคุณแม่ เรากลับบ้านกันเถอะ”
รมณีหันไปทางรวี และมองภูวดล
“แม่ยังไม่เคลียร์จบ อธิบายมา”
“ผมไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนั้น มีคนต้องการแกล้งผม”
ภูวดลปรายตามองรวีพรรณที่ทำนิ่ง
“แล้วใครที่ต้องการแกล้งคุณ”
ภูวดลหยิบมือถือออกมากดข้อความที่รวีพรรณส่งมายื่นให้รมณีอ่าน
“ก่อนที่งานแฟชั่นจะเริ่ม คุณรวีเมสเสจมาบอกให้ผมไปพบ แต่พอผมไปถึง กลับเจอสุอาภา”
รวีพรรณอึ้งมาก รมณี ศรีพิไล ภาสันต์ต่างนิ่งไปและหันไปมองรวีพรรณ
รวีพรรณหันมาทางภูวดลแล้วรีบแก้ตัว
“รวีเมสเสจไปจริงค่ะ ฉันรอคุณอยู่นาน แต่คุณก็ไม่มา ฉันก็เลยต้องกลับเข้าไปในงาน อย่ามาใส่ร้ายกันแบบนี้สิคะ”
“โกหก!”
ภาสันต์สุดทน
“เงียบ! ยอมรับผิดแล้วก็ขอโทษทุกคนเดี๋ยวนี้!”
ภูวดลผงะ ไม่พอใจ
“ผมไม่ได้ทำ ทำไมผมต้องขอโทษ”
ภูวดลหันไปมองรวีพรรณด้วยแววตาโกรธแค้นแล้วก็จ้ำเดินออกไปทันที รมณีตกใจกับท่าทางเกรี้ยวกราดของภูวดล ศรีพิไลกับภาสันต์ถึงกับหน้าเสีย
“พ่อดล...จะไปไหน”
ภูวดลไม่ตอบและเดินออกไปเลย รมณีเริ่มไม่พอใจนิดๆ
“ฉันไม่นึกว่าลูกชายเธอจะเป็นคนแบบนี้ เสียแรงที่รักและไว้ใจ ยกลูกสาวคนเดียวให้ดูแล สงสัยฉันคงต้องคิดอีกทีแล้วล่ะมั้ง”
รวีพรรณลอบยิ้มอย่างพอใจ ศรีพิไลกับภาสันต์ตกใจ
“ผมว่าเราค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่า อย่าเพิ่งตัดสินอะไรตอนนี้เลยนะครับ ขอผมจัดการลูกชายผมก่อน”
รมณีไม่พูด รวีพรรณสบายใจ ภาสันต์กับศรีพิไลมองหน้ากันด้วยความเครียด
ในเวลาต่อมา รมณีกลับเข้ามาในบ้าน ณรงค์เดินออกมา
“ลูกล่ะคุณ”
“ไปร้าน”
“แล้วฝ่ายนั้นว่ายังไงบ้าง”
“ก็บอกให้เราใจเย็น แต่ฉันเย็นไม่ไหว พ่อดลทำฉันผิดหวังมาก”
“ผู้ชายเนื้อหอมอย่างนั้น เป็นธรรมดาที่จะมีข่าวเรื่องผู้หญิง แล้วยิ่งมีข่าวกับยัยสุอาภา คุณก็รู้ว่านังนี่มันเน่าขนาดไหน ผมว่าเราอย่าไปถือสาเลย”
“คุณเป็นผู้ชายก็เข้าข้างกันสิ”
“ผมไม่ได้เข้าข้าง แต่เราประกาศออกไปแล้วว่าลูกสาวเราจะแต่งงาน ถ้าเกิดวิวาห์ล่มไม่เสียหน้าแย่เหรอ ไอ้เรื่องคบกิ๊กคบกั๊ก ผมว่าสมัยนี้มันธรรมดาออกจะตาย เดี๋ยวคนก็ลืม”
รมณีคล้อยตาม
รมณีคิดและเห็นด้วย
“มันก็จริง เฮ้อ ฉันก็โมโหมากไป เดี๋ยวต้องโทรไปหาศรีพิไลซักหน่อยแล้ว ไม่งั้นเค้าจะคิดว่าเราปฏิเสธไม่แต่งงานกับลูกชายเค้า”
ณรงค์พยักหน้า รมณีหยิบมือถือออกมากดโทรออก
พิทยาเดินมาหาสุอาภาที่กำลังจะทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“ออกไปหาอะไรทานกันดีกว่าคุณแต”
สุอาภาชะงัก สีหน้ามีแววกังวล
“ไม่ล่ะ นายไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่อยากออกไปไหน”
“เราไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมเราต้องไปสนใจว่าคนจะคิดยังไง”
“ฉันเบื่อสายตาพวกนั้น”
“คุณก็เลยจะขังตัวเองให้อยู่แต่ในบ้าน แล้วคิดจะอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
สุอาภาเงียบ ก่อนมองพิทยาแล้วก็ถอนหายใจออกมา
พิทยากับสุอาภาเดินเข้ามา เห็นลูกค้าที่เดินไปเดินมาหันมามองสุอาภา แล้วก็ซุบซิบกันว่า ใช่คนที่เป็นข่าวรึเปล่า สุอาภารู้สึกไม่สบายใจ
“ฉันกลับล่ะนะ”
พิทยาคว้ามือสุอาภาเอาไว้ สุอาภาหันไป
“เราเพิ่งออกมาเอง”
“นายไม่เห็นคนมองฉันเหรอ”
พิทยาไม่พูดอะไร โอบสุอาภาเข้ามาประชิดตัวเอง สุอาภาชะงัก
“นายทำอะไร”
“ทำให้ทุกคนเห็นว่าความจริงมันเป็นยังไง”
สุอาภาอึ้ง พิทยายิ้มให้เธอ แล้วก็พาเธอเดินออกไป พวกคนที่ซุบซิบสุอาภามองตามด้วยความงง
ภายในร้านอาหาร สุอาภากับพิทยากำลังทานข้าว แต่เธอยังรู้สึกไม่สบายใจ เหลือบตามองไปรอบๆร้าน
“ทานข้าวเถอะ ไม่มีใครเค้าสนใจคุณหรอก”
สุอาภาถอนใจ มีลูกค้าเดินมานั่งโต๊ะข้างๆ พอเห็นสุอาภากับพิทยาก็สะกิด แล้วก็เมาท์เผาขนทันที
“นี่มันยัยไฮโซที่เป็นข่าว ก็ยังมากับผัวได้อีก ไม่ละอายบ้างเหรอไง”
สุอาภากับพิทยาได้ยินและเริ่มทนไม่ไหว เธอจะหันไปเอาเรื่อง แต่เขาจับแขนเธอเอาไว้
เธอหันไปมอง แล้วเขาก็ป้อนข้าวให้เธอ
“ทานสิครับ”
สุอาภาชะงักไปนิดนึง เห็นลูกค้าสองคนหันมาจ้องด้วยความอยากรู้ สุอาภากินข้าวที่พิทยาป้อน
“ทานนี่ด้วยนะ”
พิทยาป้อนสุอาภาอีก แล้วก็เอากระดาษมาเช็ดปากให้ ทำสวีตกัน ลูกค้าที่เมาท์สุอาภาถึงกับหน้าแตกเพล้ง!!! สุอาภากับพิทยาอมยิ้มให้กัน
ในเวลาบ่าย รวีพรรณเปิดประตูส่งลูกค้าออกจากร้านอาหาร สีหน้าเธอแฮปปี้มาก
“ขอบคุณมากนะคะ”
รวีหันหลังเดินไปหาสินีนาฎที่ยืนตรงเคาน์เตอร์ สินีนาฎมองเพื่อนด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอเห็นรวีพรรณกดมือถือตัวเอง
“แทนที่เธอจะกังวลเรื่องข่าวคุณภูวดลกับยัยสุอาภา แต่ทำไมเธอถึงดูมีความสุขจัง”
รวีพรรณวางมือถือลงบนเคาน์เตอร์
“ในเน็ต...มีแต่คนเข้ามาด่ายัยนั่น ฉันจะไม่มีความสุขได้ยังไง”
“คงไม่ใช่แค่นี้ล่ะมั้ง เธอคงคิดว่าข่าวนี้จะทำให้พิทกับยัยนั่นเลิกกันได้ล่ะสิ”
รวีพรรณหันมายิ้มพร้อมยักไหล่แทนคำตอบ สินีนาฎตั้งข้อสงสัยต่อ
“แต่ก็น่าแปลกที่นักข่าวดันมาเห็นเข้าพอดี ทั้งๆที่เป็นห้องเก็บของข้างหลัง อย่างกับมีคนบอกทาง”
รวีพรรณไม่พูดอะไรเอาแต่อมยิ้ม แล้วก็หันไปเห็นลูกค้าเข้าร้านเลยเดินออกไปต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ”
สินีนาฎมองตามรวีพรรณด้วยความสงสัยมากๆ
ระหว่างนั้นเสียงมือถือรวีดังขึ้น สินีนาฎหันไปมองเห็นเบอร์แปลก ด้วยความอยากรู้เลยถือวิสาสะรับสายแทน
“ฮัลโหล”
“โอนเงินมาให้ผมเหรอยัง”
สินีนาฎฟังแล้วก็ชะงัก
“ฉันไม่ใช่รวีค่ะ ไม่ทราบใครโทรมาคะ ฉันจะบอกรวีให้”
“ผมสุเทพ...นักข่าว บอกคุณรวีแค่นี้ แล้วก็ให้โทรกลับผมด้วย”
นักข่าววางสาย สินีนาฎมั่นใจว่า ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือรวีพรรณแน่นอน รวีพรรณกำลังเดินกลับมา สินีนาฎเห็นก็รีบจดเบอร์นักข่าวใส่กระดาษ ก่อนจะลบเบอร์ทิ้งแล้ววางไว้ที่เดิม รวีพรรณเดินมาถึงพอดี
“มีใครโทรหาฉันรึเปล่า”
“ไม่มี”
สินีนาฎเดินออกไป รวีพรรณไม่ได้ติดใจสงสัย หยิบมือถือขึ้นมา แล้วเดินออกไป
ภายในห้างสรรพสินค้า พิทยายังคงจับมือสุอาภาเดินไปตามทางด้วยกัน สุอาภาเก้อๆเขินๆ
“ไม่มีใครมองฉันแล้ว เลิกสร้างภาพเถอะ”
พิทยาหันมา
“ผมไม่ได้สร้างภาพ สิ่งที่ผมทำเพราะผมอยากทำ”
สุอาภาอึ้ง พิทยากระชับมือเธอแน่นขึ้นแล้วยิ้มให้ สุอาภารู้สึกดีจนต้องหันไปลอบยิ้มอีกทาง ระหว่างนั้นเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น พิทยาเอาออกมา
“รวีโทรมา … ครับรวี ผมอยู่ข้างนอก แต่คุณจะมาหาผมก็ได้”
สุอาภามองอย่างสงสัย
รวีพรรณเดินมาตามทาง สีหน้าแช่มชื่นมากๆ เห็นพิทยานั่งอยู่คนเดียว เธอรีบจัดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาหาในร้านทันที
“พิทคะ...”
พิทยาหันไป รวีพรรณสังเกตเห็นกระเป๋าสะพายวางอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆก็แปลกใจ แต่ยังไม่ทันถาม สุอาภาก็เดินเข้ามา รวีพรรณหันไปเห็นสุอาภาก็หน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่จำต้องฝืนยิ้มเอาไว้
“คุณแต”
สุอาภายิ้มให้แล้วก็นั่งลงข้างพิทยา
“นั่งสิรวี”
รวีพรรณนั่งลง งุนงงกับสิ่งที่เห็นมากๆ
“เห็นพิทกับคุณแตออกมาด้วยกันแบบนี้ แสดงว่าคุณสองคนไม่ได้ทะเลาะกัน”
“ผมรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของใครและที่สำคัญผมเชื่อใจคุณแต ผมรู้ว่าคุณแตไม่ได้เป็นแบบที่ข่าวเค้าเขียน”
สุอาภายิ้มให้พิทยา สองคนยิ้มให้กัน ทำให้รวีพรรณไม่พอใจเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“สิ่งที่คุณภูวดลทำ.. มันแย่มากจริงๆ ฉันโมโหแทนคุณแตมากเลยนะคะ”
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงฉัน”
รวีพรรณแสร้งยิ้มจริงใจ นึกอะไรออก
“ข่าวนี้ทำให้แม่รวีเห็นธาตุแท้ของคุณภูวดล บางทีรวีอาจจะไม่ต้องแต่งงานกับเค้าแล้วก็ได้”
พิทยากับสุอาภาดีใจ
“จริงเหรอรวี ผมขอให้เป็นแบบนั้นจริงๆ ผมจะได้สบายใจ”
รวีพรรณกับพิทยายิ้มให้กัน พอสุอาภาเห็นสองคนยิ้มให้กัน ก็ชักรู้สึกใจหายแปลกๆ เหมือนว่าถ้ารวีพรรณไม่ต้องแต่งงาน เธออาจจะต้องคืนพิทยาให้รวีพรรณ
ภูวดลเดินมาเจอสินีนาฎยืนรออยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง
“นัดผมออกมามีอะไร”
สินีนาฎหันมา
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นฝีมือของรวี”
“ผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมไม่มีหลักฐานพูดไปใครจะเชื่อ!”
“แต่ฉันมี”
ภูวดลชะงัก สินีนาฎยื่นกระดาษที่จดเบอร์นักข่าวให้ ภูวดลรับมาเปิดอ่านเห็นข้อความเขียนว่า “สุเทพ นักข่าว...” มีเบอร์โทรศัพท์ต่อท้าย
“ฉันช่วยคุณได้เท่านี้ ที่เหลือคงต้องเป็นหน้าที่ของคุณ”
สินีนาฎพูดจบก็เดินออกไป ภูวดลมองเบอร์โทรศัพท์ในกระดาษอีกครั้งแล้วก็ครุ่นคิด ก่อนจะนึกอะไรออก เขากดเบอร์โทรออก ไม่นานมีคนรับสาย
“คุณสุเทพนะครับ”
ภูวดลสีหน้าเหี้ยม เอาจริง
ภายในห้างสรรพสินค้า เสียงมือถือรวีพรรณดังขึ้น รวีพรรณหยิบออกมาเห็นเบอร์ก็รีบกดรับสาย
“ฉันกำลังจะโอนเงินไปให้”
“ผมต้องการเงินสด คุณต้องเอามาให้ผม”
“ให้ไปเจอที่ไหน”
รวีพรรณตั้งใจฟัง
สุอาภาเดินซึมกลับเข้ามา พิทยาเดินตามมาเห็นสีหน้าของสุอาภาก็แปลกใจ
“ยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ”
สุอาภาหันมาบอก
“เปล่า”
“เปล่าอะไร ก็หน้าคุณมันฟ้องซะขนาดนี้”
สุอาภามองหน้าพิทยาแล้วก็กลั้นใจถามเพราะอยากรู้
“พิท..ถ้าเกิด คุณรวีไม่ต้องแต่งงานกับนายภูวดล นาย...ช่างเถอะ”
สุอาภาหันหลังไม่รู้จะพูดยังไง ยิ่งทำให้พิทยาสงสัย พิทยาเดินมาตรงหน้า
ไมีอะไรก็พูดมา ทำแบบนี้ ผมยิ่งอยากรู้”
“ฉันไม่อยากถามแล้ว”
“คุณจะมาพูดส่งๆแบบนี้ไม่ได้นะ”
สุอาภามองหน้าพิทยา คิด แล้วก็ตัดสินใจ
“ฉันอยากรู้ว่า ถ้าคุณรวีแต่งงานกับนายภูวดล นายจะหย่ากับฉันรึเปล่า”
พิทยาอึ้งกับคำถามของสุอาภา แต่ยังไม่ทันตอบ เสียงมือถือดังก็ดังขึ้น พิทยากดรับสาย
“ฮัลโหล โทรมาทำไม ทำไมผมต้องเชื่อคุณ”
สุอาภามองอย่างสงสัย พิทยาฟังแล้วก็อึ้ง ก่อนจะกดวางสาย สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ใครโทรมา”
“ภูวดล”
สุอาภาผงะ
“เค้านัดให้ผมออกไปพบตอนนี้ ถ้าผมไม่ไป ผมจะเสียใจ”
“มันเป็นแผนของหมอนั่นมากกว่า นายอย่าไปนะพิท”
พิทยาคิดนิดนึง
“แล้วถ้าเกิดมันทำอะไรรวีล่ะ”
พิทยาดูเป็นห่วงรวีพรรณมากจนสุอาภาใจเสีย
ภายในลานจอดรถแห่งหนึ่ง เวลากลางคืน รวีพรรณใส่แว่นดำหันไปมองรอบๆ อย่างระวัง เพราะกลัวมีคนเห็น เธอยืนไม่อยู่สุข ไม่นานนักข่าวเดินมาหา
รวีพรรณเห็นก็รีบเข้าไปหาทันที
“รีบรับไปซะ”
นักข่าวรับเงินมา แล้วมองไปทางด้านหลังรวีพรรณเห็นภูวดลแอบหลบอยู่หลังเสา นักข่าวหันมาทางรวีพรรณ
“มันน้อยไป”
รวีพรรณชะงัก
“ก็เราตกลงกันเท่านี้ ยังมาเรียกร้องอะไร”
“พูดดีดีกับผมหน่อยสิครับ เกิดผมโมโหแล้วเผลอหลุดปากเรื่องนี้ออกไป คุณจะเป็นฝ่ายเสียหาย”
รวีพรรณไม่พอใจที่โดนหักหลัง
“ต้องการเพิ่มเท่าไหร่”
นักข่าวมองรวีพรรณสีหน้าครุ่นคิด
พิทยารีบขับรถมาตามทาง สีหน้าร้อนรนกังวลใจมากๆ สุอาภานั่งอยู่ข้างๆ หันไปมองพิทยา เธอเห็นความห่วงใยของพิทยาที่มีต่อรวีพรรณก็ยิ่งตอกย้ำให้เจ็บปวด
ที่ลานจอดรถ รวีพรรณยังต่อรองกับนักข่าว
“ขอเพิ่มอีกซักหมื่นแล้วกัน”
รวีพรรณไม่พอใจ
“มากเกินไป!ฉันให้ได้แค่ห้าพัน”
นักข่าวลังเล เหลือบมองภูวดลที่หลบอยู่ด้านหลังรวีพรรณนิดนึง ภูวดลส่ายหัวไม่ให้รับข้อเสนอ รวีพรรณเห็นนักข่าวมองด้านหลังก็สงสัย หันขวับไปเห็นภูวดลแอบอยู่ก็ตกใจมาก
รวีพรรณหันไปทางนักข่าว
“นายรวมหัวกันหลอกฉันเหรอ”
นักข่าวกลัวลนลานบอก
“ผมไม่เกี่ยว เค้าบอกให้ผมทำ ผมไปล่ะ”
นักข่าวรีบวิ่งออกไป รวีพรรณหันไปมองภูวดลด้วยความโมโหมาก ภูวดลเดินออกมาพร้อมกับถือมือถือในมือ
“ถึงไอ้พิทยาจะมาไม่ทันเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ผมอัดทุกอย่างเอาไว้ในนี้หมดแล้ว”
ภูวดลชูมือถือขึ้นมา รวีพรรณหน้าตาตื่นตระหนก
รวีพรรณชะงัก
“คุณนัดพิทมา”
ภูวดลดูนาฬิกาข้อมือ
“ใช่และน่าจะใกล้ถึงแล้วด้วย”
รวีพรรณพูดไม่ออก โกรธที่เสียรู้ภูวดล ภูวดลเดินมาตรงหน้า
“คุณทำให้ทุกคนประณามว่าเป็นความผิดของผม เพราะฉะนั้นมันก็ถึงเวลาที่ไอ้พิทยาจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณซักที!”
รวีพรรณอึ้งหน้าเสีย เหมือนจะแพ้
แรงปรารถนา ตอนที่ 11 (ต่อ)
พิทยารีบขับรถมาในลานจอดรถ แต่กลับเจอรถคันหนึ่งถอยออกมาจากช่องจอดรถ พิทยาจำต้องเบรกและรอด้วยความกังวลใจมาก
ภูวดลยิ้มให้รวีพรรณราวกับผู้ชนะ เธอมองมือถือในมือภูวดลแล้วก็ตัดสินใจพุ่งเข้าไปแย่งมือถือ ภูวดลตกใจ ไม่นึกว่ารวีพรรณจะกล้าเข้ามาแย่ง ภูวดลไม่ยอมปล่อย
“เอามาให้ฉัน”
“ฝันไปเถอะ! ว่าผมจะให้”
ภูวดลกับรวีพรรณแย่งมือถือกันไปมาจนทำให้มือถือหล่นพื้นกระเด็นออกไป ภูวดลกับรวีพรรณหันไปมองที่มือถือพร้อมกัน
รถคันที่ออกจากช่องจอดขับออกไป พิทยารีบขับออกไปทันที
รวีพรรณกับภูวดลกระโจนเข้าไปเก็บมือถือพร้อมกัน แต่ภูวดลหยิบขึ้นมาได้ก่อน รวีพรรณดึงแขนภูวดลมากัดเต็มแรงจนเขาร้องลั่น
“อ๊าก!”
มือถือร่วงจากมืออีกครั้ง รวีพรรณรีบก้มลงเก็บมือถือขึ้นมา ภูวดลตกใจจะคว้าตัวรวีพรรณ แต่รวีพรรณรีบวิ่งหนีออกไป ภูวดลโมโหมาก
“บ้าเอ๊ย!”
ภูวดลรีบวิ่งไล่ตามรวีพรรณไปติดๆ
รวีพรรณวิ่งลงมาทางลงรถ แต่เพราะใส่ส้นสูงเลยทำให้วิ่งไม่ถนัด ข้อเท้าพลิก รวีพรรณถึงกับกะเผลก เจ็บมาก หันไปเห็นภูวดลวิ่งไล่ตามมาก็ฝืนใจวิ่งหนีต่อ
พิทยาขับรถวนขึ้นมา ทั้งพิทยาและสุอาภาต่างร้อนใจ
รวีพรรณรีบวิ่งมาแต่เพราะเจ็บเท้าเลยวิ่งช้า ทำให้ภูวดลตามมาทัน คว้าแขนรวีพรรณเอาไว้ รวีพรรณหน้าตื่นตกใจมาก
“คิดว่าจะรอดงั้นเหรอ”
ภูวดลจะแย่งมือถือ แต่รวีพรรณกำมือถือไว้แน่น
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย”
“แหกปากไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอก”
รวีพรรณกำลังจะแย่ ภูวดลกำลังจะแย่งมือถือไปจากมือรวีพรรณสำเร็จ แล้วแสงไฟจากหน้ารถพิทยาส่องมาที่สองคน ทั้งเขาและเธอเห็นรถพิทยาแล่นมา รวีพรรณดีใจมาก รีบผลักภูวดลแล้ววิ่งไปที่รถพิทยาทันที
“พิท...ช่วยรวีด้วย!”
รถพิทยาจอด..พิทยากับสุอาภารีบลงจากรถ เขาเข้ามาหารวีพรรณแล้วพาให้ออกห่างภูวดล จังหวะนั้นรวีพรรณรีบเก็บมือถือภูวดลใส่กระเป๋าสะพายตัวเอง โดยที่ไม่มีคนเห็น สุอาภาเข้ามาประคองรวีพรรณเอาไว้
พิทยาหันไปมองภูวดลด้วยสายตากร้าว รวีพรรณรีบพูดต่อทันที
“คุณภูวดลจะทำร้ายรวี”
พิทยาโมโหมาก
“ฉันไม่ได้ทำอะไร! ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นคนทำ ถ้าแกไม่เชื่อ มือถือฉันอยู่ในกระเป๋านั่น เอาออกมาดูได้เลย”
“ไม่มีใครเชื่อที่คุณพูดหรอก ผมเห็นแก่คุณนายจันทร์จำนง ผมจะไม่เอาเรื่องคุณ แต่ถ้ามีครั้งหน้า เรื่องถึงตำรวจแน่”
ภูวดลอึ้ง พิทยาเดินไปที่รถ ทั้งสามคนขึ้นไปนั่งในรถ รวีพรรณหันไปมองภูวดลด้วยแววตาสะใจ ภูวดลได้แต่กำมือแน่นด้วยความแค้นมาก พิทยากลับรถแล้วก็ขับออกไปทันที ภูวดลเตะพื้นด้วยความหัวเสีย
ภายในโรงพยาบาล พยาบาลออกมาหาพิทยากับสุอาภาที่รอตรงหน้าผ้าม่านที่กั้นเตียง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“นายเข้าไปหาคุณรวีเถอะ”
พิทยาเดินเข้าไปหารวีพรรณ ผ้าม่านปิดไม่สนิท สุอาภามองเห็นจากด้านนอก
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเค้าต้องทำร้ายคุณ”
“รวีต่อว่าเค้าเรื่องที่เค้าวางแผนทำให้คุณแตเสียชื่อเสียง รวีขอให้เค้าโทรไปแก้ข่าว แต่เค้าไม่ยอม เค้าโมโห พอเค้าทำอะไรไม่ได้ เค้าก็เลยทำร้ายรวี”
พิทยามองรวีพรรณที่แกล้งทำสะอื้นอย่างสงสารมาก สุอาภาเองก็ได้ยิน
“รวีอยากช่วยคุณแต ไม่อยากให้คุณแตต้องมามัวหมองเพราะข่าวที่ไม่เป็นความจริง รวีขอโทษที่รวีทำไม่สำเร็จ”
“ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คนชั่วอย่างนายภูวดล ซักวันต้องได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ คราวหลังรวีอย่าทำแบบนี้อีก มันอันตรายมากนะครับ”
รวีพรรณพยักหน้าแล้วก็ร้องไห้ พิทยาได้แต่จับแขนรวีพรรณปลอบใจ สุอาภาเห็นภาพตรงหน้าก็ได้แต่เศร้าลงไปอีก
เวลากลางคืน ที่บ้าน .รวีพรรณกำลังดูคลิปที่ภูวดลถ่ายเธอกับนักข่าว แล้วก็ลบทิ้ง เธอมีสีหน้าร้ายกาจมาก
สุอาภานอนไม่หลับ คิดมากเรื่องพิทยากับรวีพรรณ ภาพที่เขามองรวีพรรณด้วยความเป็นห่วงที่โรงพยาบาลผุดขึ้นมา ยิ่งทำให้เธอนอนไม่หลับ จนต้องลุกขึ้นมานั่ง
สุอาภาเดินลงมา แล้วก็ชะงักเห็นพิทยายืนอยู่ที่บริเวณลานกำแพงอิฐหลังบ้าน สุอาภาก้มมองพิทยา เข้าใจว่า พิทยาคงเป็นห่วงรวีพรรณจนนอนไม่หลับ พิทยาถอนหายใจแล้วก็เงยหน้าเห็นสุอาภาพอดี สองคนมองหน้ากัน
สุอาภาเดินมายืนข้างพิทยา
“นอนไม่หลับเหรอ”
พิทยาพยักหน้า
“คุณก็นอนไม่หลับเหมือนกัน”
“เปล่า...ฉันจะลงมาเอาน้ำ นายคงเป็นห่วงคุณรวีมาก”
“ใช่ ผมเป็นห่วงรวีมาก”
สุอาภาใจแป้วลงทันทีที่ได้ยิน
“แต่อีกไม่นาน นายก็คงจะสบายใจได้ซักที เพราะคุณรวีจะไม่ต้องแต่งงานกับนายภูวดล ถ้าเวลานั้นมาถึงเมื่อไหร่ ฉันจะคืนอิสระให้นาย”
พิทยาอึ้ง สุอาภาพูดแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมาทันใด
“เรื่องระหว่างผมกับรวี...เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
สุอาภาอึ้งที่พิทยาพูดประโยคนี้ออกมา
“ถ้าเป็นเพราะคำสัญญาที่นายรับปากกับป๋าว่านายจะดูแลฉัน ฉันจะไปพูดกับป๋าให้เข้าใจ ฉันอยากเห็นนายมีความสุขกับคนที่นายรัก ไม่อยากเหนี่ยวรั้งนายเอาไว้ไปตลอดชีวิต”
“มันไม่ใช่เพราะคำสัญญาหรือหน้าที่”
สุอาภานิ่วหน้า พิทยาขยับมาใกล้ตรงหน้าสุอาภา
“มันเป็นเพราะผมอยากดูแลคุณ”
พิทยามองสุอาภาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อเธอ ทำเอาเธอพูดไม่ออก
พิทยารู้สึกตัวยิ้มแก้เก้อออกมา
“เอ้อ..คุณขึ้นไปนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้อีกซักพัก”
สุอาภามองพิทยายังอึ้งไม่หาย รู้สึกสับสนมาก แล้วก็เดินออกไป
พิทยามองตามสุอาภาแล้วก็ยิ้มอย่างโล่งใจที่ได้พูดออกไป
ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านภูวดล
ภูวดลเมากลับมาเดินชนข้าวของเสียงดัง ทันใดนั้นไฟในบ้านสว่าง...ภาสันต์กับศรีพิไลเดินออกมา ภาสันต์มองลูกชายด้วยความหัวเสีย แต่ภูวดลกลับยิ้มร่า
“ยังไม่นอนกันอีกเหรอครับ รอผมกลับบ้าน ผมไม่ตายง่ายๆหรอก (เดินไปตรงหน้าภาสันต์) ยังต้องอยู่ให้พ่อจิกหัวใช้ไปอีกนาน”
ภูวดลเดินไปตรงหน้า ภาสันต์หรี่ตามองภูวดลอย่างไม่พอใจ ศรีพิไลรีบเข้ามาห้าม
“ทำไมดื่มมากขนาดนี้ห๊ะ”
“ไม่ดื่มมากแล้วจะเมาได้ไงล่ะแม่”
ภาสันต์กระชากแขนภูวดลเข้ามา
“ปัญหาเก่ายังไม่ทันคลี่คลาย ก็คิดสร้างปัญหาใหม่อีกแล้วเหรอ”
ภูวดลปัดมือภาสันต์ออกทำหน้ากวน
“ถ้าไม่สร้างปัญหา แล้วจะใช่ลูกพ่อได้ไง ฮ่าๆๆ”
ศรีพิไลตกใจกับคำพูดของภูวดล ภาสันต์โมโหสุดๆ กระชากคอเสื้อภูวดลเข้ามาใกล้
“อย่าลืมว่าแกเป็นหุ้นส่วนกับฉัน ถ้าไม่นึกถึงหน้าตัวเอง ก็นึกถึงหน้าฉันไว้บ้าง อย่าให้ไอ้พิทยาหรือคนบ้านนั้นดูถูก หัดโตเป็นผู้ใหญ่ คิดอะไรเองได้แล้ว ไม่ใช่ต้องให้ฉันคอยจัดการทุกอย่าง”
ภูวดลโมโหบอก
“ผมก็ไม่เคยขอให้พ่อจัดการให้นี่”
ภาสันต์กำคอเสื้อภูวดลแน่นแล้วก็ผลักภูวดลออกไป ศรีพิไลรีบเข้ามาประคองลูกเอาไว้
ภาสันต์พูดกับศรีพิไล
“บอกลูกชายคุณให้มันเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้”
ภาสันต์เดินออกไป ภูวดลหันไปมองศรีพิไลด้วยความสงสัย
“พรุ่งนี้อะไรแม่”
ศรีพิไลสีหน้าไม่สู้ดี
วันถัดมา ภายในห้องรับแขก รวีพรรณกำลังดูเครื่องเพชรชุดใหญ่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ รมณี ณรงค์ และศรีพิไลนั่งอยู่ด้วย
“คุณน้าเอาเครื่องเพชรมาให้รวีทำไมคะ”
“น้าไม่ได้เป็นคนให้ แต่เป็นพ่อดล...แทนคำขอโทษที่เค้าทำตัวไม่น่ารักกับหนู”
รวีพรรณอึ้งชะงัก รมณีรีบเอาเครื่องเพชรขึ้นมาดูแววตาเป็นประกายอยากได้ แต่ทำฟอร์ม
“เครื่องเพชรชุดนี้ต้องไม่ต่ำกว่าล้าน ฉันว่ามันมากเกินไปสำหรับคำขอโทษ”
“มันไม่มากเกินไป เพราะอีกไม่นานเราก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
“มันก็จริง...”
รวีพรรณตกใจ หันขวับไปมองรมณีเพราะนึกว่าเธอไม่ต้องแต่งงานกับภูวดลแล้ว
“คุณแม่คะ รวีขอคุยด้วยแป๊บนึงได้มั้ยคะ”
รมณี ณรงค์ และศรีพิไลแปลกใจ
รมณีหันไปทางศรีพิไลบอก
“ขอตัวซักครู่นะ”
ศรีพิไลพยักหน้า รมณีเดินออกไปกับรวีพรรณ
มุมหนึ่งในบ้าน รมณีหันมาทางรวีพรรณ
“นี่รวียังต้องแต่งงานกับคุณภูวดลอีกเหรอคะ”
“ก็ต้องแต่งสิ ทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้หมดแล้ว เหลือแค่รอวันแต่งเท่านั้น”
“แต่คุณแม่ก็เห็นว่าเค้าทำอะไรเอาไว้ ทำไมแม่ถึงยังอยากให้รวีแต่งงานกับคนเลวพรรค์นั้นอยู่อีก”
รมณีตกใจเพราะรวีเสียงดังมาก
“ชู่ว์!! เดี๋ยวศรีพิไลก็ได้ยินหรอก ไปเรียกพ่อดลเค้าแบบนั้นได้ยังไง เค้าไม่ได้เลว เค้าแค่หลงผิดชั่วครั้งชั่วคราว พอแต่งงานกันไปเค้าก็เลิกเองแหละ”
“คนสันดานแบบนั้น ไม่มีทางเลิกได้หรอกค่ะ”
“หยุดนะรวี!! แม่จะไม่มีวันยอมเสียหน้าเด็ดขาด เราต้องแต่งงานกับพ่อดล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำใจให้ได้ซักที”
รมณีเดินออกไป รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ
รมณีเดินยิ้มแย้มเข้ามาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง รวีพรรณเดินหน้าบึ้งตามมาติดๆ
“มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรจ๊ะ รวีเค้าไม่สบายใจที่พ่อดลซื้อของราคาแพงแบบนี้มาให้ก็เลยอยากจะคืน”
รวีพรรณทำหน้าไม่ถูก ศรีพิไลยิ้มแล้วก็ลุกเดินมาหารวีพรรณ
“หนูรวีนี่ช่างน่ารักซะจริง น้าคิดไม่ผิดที่เลือกหนูมาเป็นสะใภ้”
รวีพรรณได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา รมณีกับณรงค์ยิ้มพอใจ
“ว่าแต่ทำไมพ่อดลถึงไม่มาด้วยล่ะครับ หรือว่ายังกลัวยัยรวีโกรธอยู่” ณรงค์ถาม
“ที่เค้าไม่มา เพราะกำลังเตรียมตัว...”
รมณี รวีพรรณ ณรงค์นิ่วหน้าอย่างแปลกใจ
“เตรียมตัวอะไร” รมณีบอก
ศรีพิไลยิ้ม รวีพรรณ รมณีกับณรงค์ยิ่งสงสัย
ภายในห้องแถลงข่าว ศรีพิไลเดินนำ รมณี รวีพรรณ ณรงค์เข้ามาภายในห้อง ทุกคนเห็นภาสันต์กับภูวดลยืนอยู่กับบรรดานักข่าวก็แปลกใจ
สองพ่อลูกหันมาทางรวีพรรณ พวกนักข่าวหันมามองตามพอ เห็นรวีพรรณรีบถ่ายรูป ศรีพิไลจับมือรวี
“ตามน้ามานี่จ๊ะ”
ศรีพิไลพารวีพรรณมาที่โต๊ะตรงหน้านักข่าว ภาสันต์ตบบ่าภูวดลทำตัวเป็นพ่อที่แสนดีพร้อมทั้งยิ้มให้กำลังใจ ภูวดลยิ้ม พยักหน้ารับและเดินไปหารวีพรรณ พร้อมทั้งเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง
“เชิญนั่งครับ”
รวีพรรณพูดเสียงเบา
“คิดจะทำอะไร”
ภูวดลไม่ตอบ แต่จับไหล่รวีพรรณแล้วกดให้นั่งลง รวีพรรณจำต้องนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
ภูวดลนั่งลงตาม ภาสันต์ ศรีพิไลเดินออกไปนั่งรวมกับรมณีกับณรงค์ที่นั่งด้านหน้า
“นี่มันอะไรกันคะ” รมณีถาม
“อีกไม่นานก็รู้ครับ” ภาสันต์บอก
รมณี ณรงค์มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
“ก่อนอื่น...ผมต้องขอบคุณพี่ๆนักข่าวทุกคนมากที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผมกับคุณรวีในวันนี้” รวีพรรณชะงัก
“พี่ๆทุกคนคงจะได้เห็นข่าวระหว่างผมกับคุณสุอาภา และคุณรวีกับคุณพิทยา”
รวีพรรณชะงัก รู้ทันทีว่าภูวดลคิดจะทำอะไร
“ภาพที่ทุกคนเห็น ข่าวที่ทุกคนอ่าน มันไม่ใช่ความจริง แต่ผมจะไม่ขออธิบายอะไรมากเพราะมันจะเสียหายกับฝ่ายหญิง เอาเป็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด ผมกับคุณสุอาภาเป็นอดีตไปแล้ว ผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด และเป็นคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วย ก็คือ...”
ภูวดลหันมาทางรวีพรรณพร้อมทั้งจับมือขึ้นมา
“คุณรวี”
ภาสันต์ กับศรีพิไลสีหน้าพอใจ รมณีกับณรงค์ยิ้ม
รวีพรรณนึกไม่ถึงว่าภูวดลจะใช้แผนนี้ เธอถึงกับตั้งรับไม่ทัน นักข่าวรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง
“ที่ผ่านมา...ผมอาจจะเคยเจ้าชู้ทำตัวไม่ดี แต่หลังจากที่ผมได้เจอคุณ มันทำให้ผมอยากหยุดทุกอย่าง” ทุกคนพากันปลื้ม มีรวีคนเดียวที่รู้ว่าภูวดลตอแหล
“...ถ้าผมเคยทำให้คุณเสียใจ ผมขอโทษ แต่ผมสัญญา หลังจากวันนี้ ผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ ผมจะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี เป็นสามีที่ดี และเป็นพ่อที่ดีของลูกเรา ขอให้ทุกคนเป็นพยานด้วยนะครับ”
นักข่าวพากันเออออ...รวีพรรณได้แต่นิ่งงัน แล้วภูวดลก็เอาแหวนที่ศรีพิไลเคยให้รวีพรรณออกมาแล้วจับมือรวีพรรณสวมแหวนให้ที่นิ้วนางข้างซ้าย
ศรีพิไลปรบมือคนแรก
“เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก”
ภาสันต์ รมณี ณรงค์ และนักข่าวปรบมือตาม ภูวดลกระชับมือรวีพรรณแน่น เธอพยายามจะดึงมือออก แต่ภูวดลบีบแน่นจนเธอเจ็บ ภูวดลแสร้งยิ้มจริงใจให้เธอ
ในเวลาต่อมา ภูวดล รวีพรรณ รมณี ศรีพิไล ณรงค์ ภาสันต์กำลังส่งนักข่าวอยู่ด้วยกัน
“ถึงวันแต่งงานของลูกชายผมกับหนูรวีเมื่อไหร่ อย่าลืมมากันนะครับ”
นักข่าวพยักหน้ารับแล้วก็ทยอยกันเดินออกไปจนหมด รวีพรรณสุดจะปั้นหน้ายิ้มได้อีกต่อไป
“รวีขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ผมไปด้วย”
รวีพรรณมองภูวดล ภูวดลผายมือให้รวีพรรณเดินพร้อมทั้งฉีกยิ้ม สองคนเดินออกไปด้วยกัน รมณี ศรีพิไล ณรงค์ ภาสันต์มีความสุขกันมาก
รวีพรรณจ้ำเดินออกมา ภูวดลตามมากระชากแขนรวีพรรณให้หลบเข้ามุมลับตาคน รวีพรรณตกใจ ภูวดลเอามือยันกำแพงข้างตัวรวีพรรณเอาไว้
“คุณมันเลว เลวที่สุด”
ภูวดลแสยะยิ้มชั่วบอก
“ใช่...ผมเลว แต่ผมก็เลวให้เห็นๆ ไม่เหมือนคุณ เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เสแสร้งได้อย่างไม่น่าอาย”
รวีพรรณจ้องภูวดลสายตากร้าว แค่นยิ้ม พูดอะไรไม่ออก
“คิดเหรอว่าแผนตื้นๆ จะทำให้คุณได้กลับไปหาไอ้พิทยามันไม่สำเร็จหรอก จำไว้ว่าคนอย่างคุณเหมาะสมกับคนอย่างผมที่สุดแล้ว”
ภูวดลยิ้มอย่างสะใจแล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้รวีพรรณยืนแค้นอยู่คนเดียว
ภายในสวนบ้านสุอาภา เวลาเย็น
สุอาภา วรรณวดี และณีกำลังช่วยกันปิ้งบาร์บีคิว มีนพยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่นานพิทยากับบวรก็เดินออกมาพร้อมถาดวางถ้วยน้ำจิ้ม
“น้ำจิ้มเลิศรสมาแล้วคร๊าบ” บวรว่า
บวรกับพิทยาเอาถาดวางบนโต๊ะ
“ฝีมือพี่ใหญ่เหรอคะ” วรรณวดีถาม
“พี่ซะอย่าง ทำน้ำจิ้มแค่เนี๊ยะ ทำไม่เป็นหรอก... ฝีมือพิทโน่น”
ทุกคนหัวเราะ แล้วนพก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“เออนี่..เรื่องงานแฟชั่นวันก่อน...”
พิทยา สุอาภา บวร วรรณวดีตกใจที่นพพูดเรื่องนี้ขึ้นมา บวรรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ป้าณีครับ..บาร์บีคิวได้ยังครับ ผมหิวแล้ว
“ยังไม่สุกเลยค่ะ”
“ทำไมมันสุกช้าแบบนี้ล่ะคะป้า” วรรณวดีบอก
“นั่นสิ ผมทำเองดีกว่า”
วรรณวดีกับบวรเดินไปที่เตาปิ้งบาร์บีคิว นพมองลูกสองคนอย่างงๆ แล้วก็หันมาทางสุอาภากับพิทยา
“แต...เรื่องงานแฟชั่นชาริตี ฟอร์ ไชล์ด”
“เออ แตไปช่วยพี่ใหญ่กับพี่ต่ายก่อนนะคะ”
สุอาภารีบเดินไปหาบวรกับต่าย นพเลยมองหน้าพิทยาแทน พิทยารีบขอตัว
“ผมว่าน้ำจิ้มมันยังขาดเปรี้ยวไปอีกนิด ผมเอาเข้าไปเติมมะนาวหน่อยดีกว่า”
นพสุดทน
“เป็นอะไรกันไปหมดห๊ะ!”
ทุกคนเงียบ
“นั่นสิคะ คุณหนูทั้งสามมาแย่งหน้าที่ป้าไปหมดเลย”
“มันไม่ใช่เรื่องนั้นณี”
ณีร้อง ”อ้าว” นพพูดต่อ
“ทำไมพอป๋าจะพูดเรื่องงานแฟชั่น ถึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง ป๋าจะบอกว่าคนจัดงานเค้าโทรมาขอบใจที่พิทช่วยทำให้งานวันนั้นผ่านไปอย่างราบรื่น โดยการยอมเดินแบบคู่กับหนูรวี”
ทุกคนโล่งอก
“นึกว่าป๋าจะพูดเรื่องข่าวยัยแตกับนายภูวดลเหรอไง”
ทุกคนมองหน้านพด้วยความอึ้ง
“ต่าย...แกบอกป๋าเหรอ” บวรถาม
“ต่ายเปล่านะ พิทกับแตล่ะ” วรรณวดีว่า
“ผมกับคุณแตไม่ได้บอกคุณอาเลยนะครับ”
“ไม่ต้องโบ๊ยกันไปโบ๊ยกันมา ป๋าไม่ได้อยู่ในถ้ำนะจะได้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย”
“แต่ณีไม่รู้เรื่องนะคะ ข่าวอะไรเหรอคะ”
ทุกคนหันมองป้าณีแบบผิดจังหวะมาก ป้าณีได้แต่ยิ้มแหย
“ที่พวกเราไม่บอกป๋า เพราะพวกเราไม่อยากให้ป๋าไม่สบายใจ” สุอาภาว่า
“ป๋ารู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่มันก็ดีเหมือนกันที่มีข่าวแบบนี้ออกมา เพราะมันทำให้ป๋ารู้ว่าแตกับพิทมีความไว้ใจกันมากแค่ไหน”
สุอาภากับพิทยาหันมามองหน้ากัน
“ป๋าดีใจที่เห็นเราสองคนเข้าใจ อยู่กันด้วยเหตุผล ไม่ได้ใช้อารมณ์อย่างเมื่อก่อน”
สุอาภากับพิทยายิ้ม แล้วบวรก็ได้กลิ่นไหม้พอหันไปที่เตาควันก็ลอยคลุ้งไปหมด
“เฮ้ย! ไหม้หมดแล้ว โธ่!”
บวรกับณีรีบเข้ามาช่วยกัน นพ วรรณวดี สุอาภา พิทยาหัวเราะ บรรยากาศดีดีเกิดขึ้น ทั้งสนุกสนานและอบอุ่น ทุกคนนั่งทานบาร์บีคิวกัน มีณีคอยบริการอยู่ใกล้ๆ บวรลอบสังเกตเห็นพิทยาดูแลเอาใจใส่สุอาภาแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
บวรเดินมาหาพิทยาที่กำลังมาเอาบาร์บีคิวเพิ่ม
“แกกับไอ้แตดูรักกันดีนะ”
พิทยาชะงัก หน้าเจื่อน
“เออ..ผมกับคุณแต”
“ฉันขอบใจแกมากพิทที่ดูแลน้องสาวชั้นอย่างดี เห็นไอ้แตมันแฮปปี้กับชีวิตคู่อย่างนี้ ชั้น
ก็แฮปปี้ด้วยจริงๆ”
พิทยาหัวใจพองโตเผลอยิ้มน้อยๆออกมา
“เหรอครับ”
“เอ๊า!! อยู่ด้วยกันไม่เคยถามกันรึไงว่าแฮปปี้หรือไม่ปี้”
พิทยานิ่งไป..ไม่เคยถามความรู้สึกกันจริงๆ บวรเขี่ยต่อ
“เฮ้ย... นี่มันยุคไหนแล้ววะ คิดอะไร รู้สึกอะไรก็ต้องพูด อยากรู้อะไรก็ต้องถาม ถามจริงเหอะไม่เคยอยากรู้ความรู้สึกกันเลยรึไงห้ะ”
พิทยานิ่งคิดตามที่บวรพูด
“แกเองก็เหมือนกันนะพิท ตอนนี้แกยังมีเวลา มีโอกาสที่จะได้บอกทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ก่อนที่แกจะมานั่งเสียใจที่ไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป”
ภายในห้องรับแขก บ้านรวีพรรณ เวลากลางคืน รมณี ณรงค์ รวีพรรณเดินกลับเข้ามาด้วยกันสีหน้าแช่มชื่นมีความสุขมาก ผิดกับรวีพรรณที่หน้าตาแย่สุดๆ
รมณีหันมาทางรวีพรรณ
“ลูกเห็นแล้วนะว่าพ่อดลเค้าจริงใจกับลูกมากแค่ไหน ถึงกับขอโทษลูกออกสื่อ ผู้ชายดีดีแบบนี้หายาก”
“นั่นสิ ผมตื่นเต้นจริงๆนะคุณ ที่อีกไม่นานก็จะถึงวันแต่งงานของลูกเราแล้ว” ณรงค์ว่า
รมณีนึกขึ้นได้
“จริงด้วย ฉันยังไม่ได้ตัดชุดเลย ไหนจะมีชุดงานเช้างานเย็นอีก จะเตรียมทันมั้ยเนี่ย” รมณีพูดอย่างลนลาน
ณรงค์ขำๆ
“ใจเย็นคุณ ยังไงก็ทันอยู่แล้ว”
รมณีหันไปมองรวีพรรณด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
“ก็มันตื่นเต้นนี่คะ ลูกสาวคนเดียวจะแต่งงาน”
รวีพรรณรู้สึกย่ำแย่มากอยู่แล้วก็ยิ่งทรุดลงไปอีก มือค่อยๆกำแน่นอย่างคนที่เก็บกดมานาน
รวีพรรณพูดด้วยน้ำเสียงปกติค่อนไปทางเบา
“รวีไม่อยากแต่งงาน”
รมณีกับณรงค์ชะงัก ไม่ค่อยแน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ลูกพูดว่าอะไรนะ” ณรงค์ถาม
รวีพรรณสายตากร้าวจ้องหน้าพ่อกับแม่พูดเน้นและย้ำทุกคำ
“รวี-ไม่-อยาก-แต่ง-งาน!! แค่ต้องอยู่ใกล้นายภูวดล รวีก็แทบจะหายใจหายคอไม่ออกอยู่แล้ว ถ้ารวีต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกับเค้าไปตลอดชีวิต รวีขอตายดีกว่า”
รมณีกับณรงค์ถึงกับตกใจ อึ้งมาก
“ยัยรวี!! พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า”
“รวีไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น ไม่เคยรักแล้วก็ไม่คิดจะรักด้วย!”
รมณีโมโห
“พูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่ลืมไอ้พิทยามันใช่มั้ย”
รวีพรรณหนักแน่น
“ใช่ค่ะ...คนเดียวที่รวีรักคือพิท ต่อให้รวีต้องไปเป็นเมียน้อยพิท รวีก็ยอม”
รมณีเลือดขึ้นหน้า
“ใฝ่ต่ำ!”
รมณีตบหน้ารวีพรรณอย่างแรงเพี๊ยะ!! รวีพรรณตกใจ ณรงค์อึ้ง รีบจับแขนรมณีให้ใจเย็น
“ใจเย็นก่อนคุณ”
รวีพรรณหันมามองหน้ารมณีน้ำตารื้นด้วยความเสียใจ รมณีเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
“ตบรวีให้ตายไปเลย ตบสิคะแม่ ตบรวีอีกสิ ตบสิ”
จับมือรมณีขึ้นมาให้ตบหน้าตัวเอง
รมณีกับณรงค์ตกใจกับท่าทางของรวีพรรณที่ร้องไห้น้ำตาพร่างพรู
“หยุดนะรวี! เลิกบ้าได้แล้ว! ยอมรับความจริงซักทีว่าเราต้องแต่งงานกับพ่อดล ยังไงเราก็ไม่มีวันหนีความจริงข้อนี้พ้น ทำใจ แล้วก็อยู่กับมันให้ได้”
รวีพรรณทั้งเสียใจและโกรธหันหลังวิ่งออกไป
“รวีจะไปไหน” ณรงค์ถาม
รมณียังโมโหเลยพูดอะไรไม่ออก
พิทยาในชุดนอนนั่งอยู่ที่โซฟา มีหมอนกับผ้าห่มที่เตรียมไว้สำหรับนอน พิทยากำลังดูภาพถ่ายจากมือถือที่ถ่ายในงานปาร์ตี้บาร์บีคิว พิทยามองรูปสุอาภาแล้วก็ยิ้ม ระหว่างนั้นสุอาภาในชุดนอนเดินลงมา เห็นพิทยามองมือถือแล้วยิ้มก็แปลกใจ
“ทำไร”
พิทยาสะดุ้งรีบปิดภาพนั้นแล้วหันไป
“เช็กข้อความน่ะครับ คุณแตลงมาทำอะไร”
สุอาภาส่ายหน้า
“ฉันมาเอาครีมทาหน้า”
สุอาภาเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบครีมแล้วเดินมาทางที่พิทยานั่ง
“เป็นผู้หญิงนี่ยุ่งยากนะครับ พอจะนอนยังต้องทาครีมอีก”
“สมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงนะที่ต้องทาครีม ผู้ชายก็ต้องทาด้วยเหมือนกัน”
พิทยานิ่วหน้า สุอาภาสังเกตเห็นผิวหน้าพิทยา
“โดยเฉพาะนาย...ผิวหน้านายเริ่มแห้งแล้วนะเนี่ย อุ๊ย..ไม่ใช่แค่แห้งอย่างเดียว แต่เริ่มมีริ้วรอยแล้วอีกต่างหาก”
พิทยานิ่วหน้า
“ไม่จริง”
“จริงสิ ครีมตัวเนี๊ยะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว”
สุอาภาหยิบครีบบำรุงผิวขึ้นมาแล้วเปิดกระปุกแล้วป้ายครีมแต้มใส่หน้า พิทยาทำท่าจะขยับหนี
“อยู่เฉยๆสิพิท...นายต้องทานะ”
แรงปรารถนา ตอนที่ 11 (ต่อ)
สุอาภาทาครีมให้พิทยาอย่างเบามือ
“มันเหนอะหนะ”
“พอครีมซึมลงไปใต้ผิวหนัง ฉันรับรองเลยว่านายจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที”
สุอาภาเพลินกับการทาครีมให้พิทยา ค่อยๆใช้มือวนครีมไปทั่วใบหน้าของพิทยาด้วยความนุ่มนวล พิทยามองสุอาภาที่อยู่ใกล้ก็รู้สึกดีสุดๆ คำพูดของบวรก็ดังขึ้น
“คิดอะไร รู้สึกอะไรก็ต้องพูด อยากรู้อะไรก็ต้องถาม ถามจริงเหอะไม่เคยอยากรู้ ความรู้สึกกันเลยหรือไงห๊ะ”
พิทยามองสุอาภาอย่างลังเล
“คุณแตครับ...”
“ฮึ...” สุอาภาไม่ได้สนใจเพราะเอาแต่ทาครีม
“คือ...ผม...”
“มีอะไรก็พูดมาสิ อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่นแหละ”
“เออ...คุณแตอิ่มเหรอยังครับ”
พิทยาไม่กล้าพูด สุอาภางง หยุดทาครีมทันที
“ไม่อิ่มก็บ้าแล้ว ทานเข้าไปตั้งเยอะ อย่าบอกนะว่านายยังไม่อิ่ม”
“อ่า...ใช่ครับใช่.... อยู่ดีดีก็รู้สึกหิวขึ้นมา”
พิทยารีบลุกเดินไปหยิบถุงขนมบนโต๊ะขึ้นมากินแก้เขิน
เขาฉีกถุงขนมอย่างแรง ทำให้ขนมหกเลอะเทอะ พิทยาตกใจ รีบก้มลงเก็บ สุอาภาเข้ามาช่วย ทำให้หน้าใกล้กัน พิทยาเงยหน้ามองสุอาภาที่อยู่ใกล้ๆก็ยิ่งใจเต้น
“ทำไมถึงซุ่มซ่ามอย่างนี้เนี่ย”
สุอาภาไม่รู้ตัวว่าพิทยามอง เก็บขนมทิ้งลงถังขยะ แล้วสองคนก็ลุกขึ้นมายืนพร้อมกัน
“ฉันไปล้างมือก่อน”
สุอาภาเดินไปล้างมือ พิทยาหันไปมองสุอาภาแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดี สุอาภาล้างมือเสร็จหันมาเห็นพิทยายืนมองอยู่ก็ผงะ พิทยาเองก็ชะงักไปเช่นกัน
“ยืนจ้องฉันทำไม”
พิทยาอึกอัก
“เออ...คือว่า..ผม...ผม”
สุอาภามองพิทยาอย่างสงสัยและอยากรู้มาก แต่เสียงออดดังขึ้นซะก่อน พิทยากับสุอาภาหันไปมองแปลกใจว่าใครมาเวลานี้
พิทยาเปิดประตู เห็นรวีพรรณสภาพผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก โผเข้ามากอดพิทยาแน่นมาก
“พิท....”
พิทยาตกใจ หันไปข้างๆเห็นสุอาภายืนมองอยู่ พิทยามองสุอาภาอย่างแคร์ความรู้สึก็รีบดึงรวีพรรณออกมา
“รวีร้องไห้ทำไม”
รวีพรรณมองหน้าพิทยายังไม่ตอบ
ภายในห้องรับแขก รวีพรรณสีหน้าตาแย่สุดๆ นั่งอยู่กับพิทยาและสุอาภา
“รวีทะเลาะกับคุณพ่อคุณแม่ ท่านยังบังคับให้รวีต้องแต่งงานกับนายภูวดล ท่านไม่ฟังรวีเลย รวีหมดหนทางแล้วจริงๆ รวีคงต้องอยู่กับผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิต”
พิทยากับสุอาภามองรวีพรรณด้วยสีหน้าเห็นใจ รวีพรรณก้มหน้าเศร้า
“รวีไม่อยากมารบกวนพิทกับคุณแตเลยนะคะ แต่รวีไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร คุณแตคงไม่ว่าใช่มั๊ย ที่ฉันอยากจะมาพบเพื่อนที่เข้าใจฉันมากที่สุด”
สุอาภาหวั่นไหวที่รวีพรรณมาใกล้ชิดพิทยา แต่แววตาเศร้าของรวีพรรณทำให้เธอพูดไม่ออก
“ฉันเข้าใจค่ะ”
“รวีขออยู่ที่นี่อีกซักพักนะพิท รวีไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ”
พิทยาพูดไม่ออก พลางหันไปมองสุอาภาอย่างเกรงใจ รวีพรรณเห็นสายตาของพิทยาก็อดน้อยใจไม่ได้
“ถ้าพิทอึดอัด รวีไปก็ได้ค่ะ”
รวีพรรณขยับตัว สุอาภารีบพูด
“พิทไม่ได้อึดอัดหรอกค่ะ คุณรวีอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
รวีพรรณหันไปมองสุอาภาอย่างประหลาดใจ พิทยามองสุอาภาอย่างขอบคุณ เธอหันไปยิ้มให้พิทยา
สุอาภากำลังรินน้ำใส่แก้ว มีพิทยายืนอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณที่เข้าใจรวี”
“ถ้าฉันเจออย่างคุณรวี ฉันก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน ถ้าไงคืนนี้ให้คุณรวีนอนค้างที่นี่ดีมั้ย”
พิทยาชะงักกับคำพูดของสุอาภา
“ฉันกังวลใจน่ะ นายก็รู้ว่าแม่คุณรวีเป็นคนยังไง ฉันกลัวว่าถ้าคุณรวีกลับบ้านไปตอนนี้ จะเจออะไรที่มันแย่ๆเข้าให้อีกน่ะสิ”
พิทยาหันไปมองรวีพรรณที่นั่งในห้องรับแขก ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
รวีพรรณมองหน้าสุอาภาประหลาดใจ
“คุณแตจะให้ฉันค้างที่นี่”
“ค่ะ”
ในใจรวีพรรณดีใจมาก แต่ต้องทำเป็นลำบากใจ
“มันจะดีเหรอคะ ฉันเกรงใจคุณกับพิท”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ เราเป็นเพื่อนกัน”
รวีพรรณแอบจึกกับคำว่าเพื่อน แต่ต้องยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น รวีนอนที่โซฟาข้างล่างก็ได้”
“ไม่ต้อง รวีขึ้นไปนอนบนห้องกับคุณแต เพราะว่าผมจะไปนอนโรงแรมจะได้ไม่น่าเกลียด”
รวีพรรณอึ้งพูดไม่ออก พิทยาหันไปทางสุอาภา
“ผมขึ้นไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาเดินออกไป สุอาภาหันมายิ้มให้ รวีพรรณยิ้มเจื่อนแต่จริงๆไม่พอใจ
ภายในโรงรถ พิทยาเอาเสื้อผ้าแขวนในรถ ก่อนจะปิดประตู แล้วหันมาทางสุอาภาที่ออกมาส่ง
พิทยาปิดประตูหน้าต่างให้ดี แล้วก็อย่าลืมล็อกบ้านด้วย
“รู้น่าว่าต้องทำอะไร”
พิทยาจับหัวสุอาภา
“ก็ผมเป็นห่วง”
พิทยามองสุอาภาเป็นห่วงจริงๆ จนสุอาภาทำหน้าไม่ถูก สุอาภาเอามือพิทยาออกจากหัวตัวเองและรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะถึงโรงแรมดึกไปมากกว่านี้”
พิทยาพยักหน้าขึ้นรถแล้วก็ขับออกไป สุอาภามองตามรถพิทยายิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี
รวีพรรณแอบมองอยู่ได้ยินทุกอย่าง ก็กำมือแน่นด้วยความโมโห
รวีพรรณกลับเข้ามาในบ้าน สีหน้าหงุดหงิดมาก แล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นหมอนกับผ้าห่มที่วางอยู่บนโซฟา รวีพรรณมองด้วยความแปลกใจ
รมณีกำลังคุยโทรศัพท์กับสินีนาฎ มีณรงค์ยืนอยู่ข้างๆ
“รวีไม่ได้ไปหาหนูสิเหรอ ถ้ารวีติดต่อหนูมาเมื่อไหร่ รีบโทรบอกแม่ทันทีเลยนะ”
รมณีวางสาย หันไปมองณรงค์สีหน้ากลัดกลุ้ม
“รวีหายไปไหนเนี่ย”
ทั้งสองคนถอนหายใจ
สินีนาฎกดวางสายจากรมณี สีหน้าครุ่นคิด
“ยัยนั่นต้องไปหาพิทแน่ๆ”
สินีนาฎหน้าร้ายกาจ กดโทรออก และรอสายอยู่ไม่นาน
“คุณภูวดล ฉันสินะคะ”
สุอาภาพารวีพรรณเดินเข้ามาในห้องนอน รวีพรรณเห็นหมอนสองใบซ้อนกันวางอยู่ตรงกลางเตียงก็ชะงัก เมื่อนึกถึงหมอนและผ้าห่มที่วางไว้ที่โซฟาตรงห้องรับแขก
“เมื่อกี๊..ฉันเห็นหมอนกับผ้าห่มที่โซฟาข้างล่าง”
สุอาภาหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด รวีพรรณจ้องจับผิด
“คงไม่ใช่คุณแตกับพิททะเลาะกันเรื่องฉัน แล้วพิทโดนไล่ให้ลงมานอนข้างล่างหรอกนะคะ”
สุอาภาหน้าซีดมากขึ้นไป
สุอาภารีบโกหก
“อ๋อ..เป็นของป้าณี แม่บ้านบ้านฉันน่ะค่ะ บางทีแกมาช่วยทำงานบ้าน ถ้าวันไหนเสร็จดึก ฉันก็จะให้แกนอนที่นี่”
รวีพรรณพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ...”
สุอาภาทำหน้าไม่ถูก รวีพรรณมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้ถูกต้อง
สุอาภารีบเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวฉันไปเอาชุดนอนกับผ้าขนหนูมาให้นะคะ คุณรวีจะได้อาบน้ำ”
“คุณแตอาบก่อนเถอะค่ะ”
สุอาภาพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป รวีพรรณมองตามสุอาภาแล้วก็ยิ้มมุมปาก
สุอาภายืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ พลางถอนหายใจโล่งอก
“เกือบไปแล้ว”
สุอาภาออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน เห็นรวีพรรณยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงสดชื่นมีความสุขมาก
“ถึงโรงแรมแล้วเหรอคะพิท”
สุอาภาชะงักที่ได้ยินว่าคนที่รวีพรรณคุยด้วยคือพิทยา ด้วยความอยากรู้เลยยืนฟัง รวีพรรณรู้ว่าสุอาภายืนฟังก็เล่นละครไม่หยุด
“พิทไม่ต้องห่วงรวีหรอกนะคะ แล้วก็ไม่ต้องขอโทษที่พิทไม่ได้อยู่ดูแลรวีด้วยตัวเอง รู้ค่ะว่าเป็นห่วง แค่นี้ก็ทำให้รวีมีกำลังใจขึ้นมามากแล้ว”
สุอาภาทนฟังแล้วอดใจเสียไม่ได้อีกต่อไป เดินกลับเข้าห้องน้ำ แต่เสียงมือถือดังขึ้น สุอาภาหยิบมือถือขึ้นมาเห็นชื่อพิทยาที่หน้าจอก็ชะงัก ประหลาดใจ หันไปมองรวีพรรณที่ยังคุยและหัวเราะกับโทรศัพท์ สุอาภารีบกดรับ
เสียงพิทยาดังออกมา
“ผมถึงโรงแรมแล้วนะครับคุณแต”
สุอาภาอึ้งสุดๆ เพราะยังเห็นรวีพรรณคุยโทรศัพท์
“พิทนั่นแหละที่จะทำให้รวีเป็นห่วง”
สุอาภางงมาก มองรวีพรรณด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อว่ารวีพรรณจะโกหกเธอ
ภูวดลเดินมาที่หน้าบ้านพิทยา มองไปที่ตัวบ้านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโห
สุอาภานั่งนิ่ง สีหน้ายังอึ้งไม่หายกับการที่รู้ว่ารวีพรรณโกหก...
ไม่นานรวีพรรณออกมาจากห้องน้ำ สุอาภามองรวีพรรณเริ่มรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัว เธอยิ้มๆเดินเอาเสื้อผ้ามาวางบนโซฟา สุอาภารีบปรับสีหน้า..ยิ้มให้
“คุณรวีจะนอนฝั่งไหนคะ”
“แล้วปรกติพิทนอนฝั่งไหนคะ”
สุอาภาชะงักไป..ถึงกับตอบไม่ถูก รวีพรรณมองไปยังฝั่งที่นอนยับ
“ถ้าให้ฉันเดา พิทต้องนอนฝั่งนั้นแน่ เพราะพิทเป็นคนนอนดิ้นมาก”
“ก็ไม่นี่คะ” สุอาภาตอบแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่
“เหรอคะ น่าแปลกเพราะสมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัย ฉันกับพิทไปเที่ยวเกาะสมุยด้วยกัน พิทเค้าเซอร์ไพร์สพาฉันไปในวันวาเลนไทน์น่ะค่ะ”
สุอาภาฟังแล้วรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี รวีพรรณทำเป็นเล่าไปยิ้มไป..เฟคว่ามีความสุข
“พิทไม่ได้แค่นอนดิ้นเท่านั้นแต่ยังนอนกรนเสียงดังมาก เค้ายังเป็นแบบนั้นอยู่รึเปล่า”
รวีพรรณมองอย่างจับผิด
“เออ...ฉันเป็นคนหลับสนิท ก็เลยไม่รู้ว่าพิทกรนหรือไม่กรน”
“แสดงว่าคุณแตคงเป็นคนหลับลึก ถึงขนาดที่ไม่ได้ยินเสียงข้างหู ขนาดว่าฉันเป็นคนหลับง่ายแล้วยังตื่นขึ้นมาเลย”
สุอาภาเอาแต่ยิ้มทั้งๆที่ในใจร้อนรุ่ม … รวีพรรณเริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าสุอาภากับพิทไม่ได้นอนด้วยกัน
เสียงกดออดดังขึ้น รวีพรรณกับสุอาภาหันไปมอง
สุอาภากับรวีพรรณเดินลงบันไดมาด้วยกัน รวีพรรณสีหน้าหวาดระแวง เสียงออดดังถี่ๆๆ สุอาภาเริ่มไม่พอใจ
“รอหน่อยไม่ได้เหรอไง!”
สุอาภากำลังจะเดินออกไป รวีพรรณจับแขนสุอาภาเอาไว้
“ต้องเป็นคุณภูวดลแน่ๆ”
สุอาภาผงะ
“คงไม่ใช่มั้งคะ เค้าจะรู้ได้ไงว่าคุณอยู่ที่นี่”
“เค้าเป็นคนฉลาด เค้าต้องรู้แน่ว่าฉันอยู่นี่ คุณต้องช่วยฉันนะคุณแต อย่าให้เข้ามาพาตัวฉันกลับไป ฉันยังไม่พร้อมเจอใครตอนนี้ รับปากฉันสิคะ”
สุอาภามองหน้ารวีพรรณนิ่งคิด
ภูวดลกดออดไม่หยุด อารมณ์คุกรุ่นมากขึ้น ไม่นานประตูเปิดออก สุอาภาตกใจที่เป็นภูวดลจริงๆ ภูวดลหยุดกดออด หันมาทางสุอาภา
“ไปเรียกคุณรวีออกมา ผมจะพาเค้ากลับบ้าน”
สุอาภากลืนน้ำลายเอื๊อ
“เค้าไม่อยากกลับไปกับคุณ คุณนั่นแหละ กลับไปได้แล้ว!”
สุอาภาจะปิดประตู แต่ภูวดลเอามือยันประตูเอาไว้ และผลักเต็มแรง ทำให้สุอาภาเซ แล้วภูวดลก็จ้ำเดินเข้าไปในบ้านทันที สุอาภาตกใจ หน้าเสีย
ภูวดลพรวดพราดเข้ามาในบ้าน เจอรวีพรรณยืนอยู่ รวีพรรณจะหนีขึ้นบันได แต่ภูวดลเข้ามาจับแขนรวีพรรณรั้งเอาไว้ รวีพรรณหน้าตื่นกลัวหันมา
“ปล่อยฉัน!”
สุอาภารีบตามเข้ามา เห็นรวีพรรณถูกจับก็ตกใจ
“ปล่อยคุณรวีนะ!”
ภูวดลหันมาทางสุอาภา
“คุณไม่เกี่ยว! อย่ายุ่ง”
ภูวดลจะลากรวีพรรณออกไป
“คุณแตช่วยฉันด้วย”
สุอาภาเข้ามายืนขวางไม่ให้ภูวดลไป
“หลีก!”
“ฉันไม่หลีก ฉันไม่ยอมให้คุณพาคุณรวีออกไปจากที่นี่”
“คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ผมจะบอกให้เอาบุญ...ผู้หญิงคนนี้พยายามจะแย่งผัวคุณ คุณยังจะโง่ช่วยเค้าอีกเหรอ!”
สุอาภาหันไปมองรวีพรรณที่หน้าเจื่อน ภูวดลจับแขนรวีพรรณดึงให้ออกไปกับเขา แต่สุอาภาไม่ยอม เข้ามากัดแขนข้างที่ภูวดลจับแขนรวีพรรณ ภูวดลเจ็บมาก ร้องลั่น
“โอ๊ย!”
ภูวดลปล่อยมือจากแขนรวีพรรณแล้วสะบัดอย่างแรง ทำให้สุอาภากระเด็น..หัวกระแทกกับกำแพงข้างๆดังโป๊ก! สุอาภาสีหน้าเจ็บปวด ถึงกับมึน
รวีพรรณอาศัยจังหวะนี้จะวิ่งหนีก็เจอภูวดลเข้ามารวบตัวเอาไว้แน่น รวีพรรณร้องลั่น
“ปล่อย...ปล่อย...”
ภูวดลยกรวีพรรณจนตัวลอยขึ้นมาจากพื้น
“คุณแต...คุณแตช่วยด้วย”
สุอาภาจะเข้าไปช่วยแต่มึนมาก ทำให้ตามภูวดลกับรวีพรรณไปไม่ทัน ภูวดลอุ้มรวีพรรณพาดบ่าออกไปจากบ้าน สุอาภารวบรวมกำลังแล้วตามออกไปทันที
ภูวดลเปิดประตู เอารวีพรรณยัดเข้าไปในรถ ปิดประตู แล้วก็รีบวิ่งมาทางฝั่งคนขับ รวีพรรณเปิดประตูจะลงไป ภูวดลเข้ามาในรถได้ทัน ใช้มือคว้าแขนรวีพรรณแล้วรวบตัวรวีพรรณเอาไว้แน่น ก่อนจะข้ามตัวรวีพรรณ เอื้อมมือไปปิดประตู
รวีพรรณดิ้นไม่หยุด
ปล่อยฉัน..ปล่อยปล่อยปล่อย!!!
ภูวดลไม่สน รีบสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที สุอาภารีบตามออกมา
“คุณรวี....!”
รถภูวดลแล่นออกไปแล้ว สุอาภาหน้าแย่มาก
ภูวดลขับรถทั้งที่อารมณ์ยังคุกรุ่น รวีพรรณนั่งข้างๆด้วยความโมโห
“จอดรถ ฉันบอกให้จอด!”
ภูวดลไม่สนใจ เร่งเหยียบคันเร่งให้เร็วมากขึ้น รวีพรรณสุดทน ตัดสินใจจับพวงมาลัยรถให้หักเข้าข้างทาง ภูวดลตกใจ
“ทำอะไร”
ภูวดลมองไปข้างหน้าเป็นฟุตบาธก็รีบเหยียบเบรคเอี๊ยด!!! รวีพรรณจะถอดเข็มขัดนิรภัยเพื่อหนีลงจากรถ แต่ภูวดลกระชากตัวรวีพรรณให้หันมา
“เลิกบ้าได้แล้ว! ยังไงคุณก็ต้องแต่งงานกับผม! คุณไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก”
ภูวดลบีบหน้ารวีพรรณแน่นจนเธอเจ็บ
“ปล่อย..ฉันเจ็บ!”
“คุณจะเจ็บมากกว่านี้ ถ้ายังสร้างปัญหา อย่าบังคับให้ผมต้องทำร้ายคุณ”
ภูวดลสีหน้าเหี้ยม เอาจริงจนรวีไม่กล้า เธอน้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัว และไม่กล้าขัดขืนอีก ภูวดลปล่อยมือจากหน้ารวีพรรณ แล้วก็ขับรถออกไปทันที
ภายในห้องรับแขก เวลากลางคืน รมณีกับณรงค์ดีใจที่เห็นรวีพรรณกลับมาพร้อมกับภูวดล รมณีรีบเข้ามากอดลูกสาวเอาไว้
“แม่เป็นห่วงแทบแย่”
รวีพรรณสีหน้านิ่งมาก
ณรงค์หันไปทางภูวดล
“ขอบใจพ่อดลมากที่ตามหารวีจนเจอ”
“ไม่เป็นไรครับ นี่เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
รวีพรรณหันไปมองภูวดลด้วยแววตากร้าว ภูวดลจ้องหน้ากลับอย่างไม่กลัว แล้วก็หันไปตีหน้าซื่อกับรมณีและณรงค์ ก่อนจะหันไปยิ้มจริงใจกับรวีพรรณ
“ผมกลับนะครับ พักผ่อนๆมากนะครับว่าที่เจ้าสาวของผม”
ภูวดลเดินออกไป รวีพรรณได้แต่กำมือแน่น เพราะทำอะไรไม่ได้
รวีพรรณเข้ามาในห้องนอนแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความอัดอั้น แล้วก็รู้สึกเจ็บที่แขน ก้มมองเห็นรอยที่ภูวดลจับจนขึ้นเป็นรอยฟกช้ำจากการถูกบีบอย่างแรง รวีพรรณยิ่งแค้น
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รวีพรรณหันไปเห็นรมณีเปิดประตูเดินเข้ามา รวีพรรณรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันที รมณีเดินมาใกล้
“แม่ขอโทษที่ตบหน้าลูก แม่ไม่ได้ตั้งใจ ลูกอย่าโกรธแม่เลย”
“รวีเลือกได้ด้วยเหรอคะว่าจะโกรธ หรือไม่โกรธ”
รมณีไม่ค่อยพอใจแต่พยายามอดกลั้น
“แม่อยากเตือนสติให้ลูกรู้ว่าเราเป็นใคร พ่อแม่เลี้ยงลูกมาอย่างดี ไม่อยากให้ลูกต้องมาเสียอนาคตเพราะผู้ชายคนเดียว วันหลังอย่าหายไปแบบนี้อีก รู้มั๊ยว่าแม่กับพ่อใจจะขาด”
“ใจจะขาดเพราะกลัวถ้ารวีหายตัวไป ไม่กลับมา งานแต่งล่ม จะทำให้พ่อกับแม่ขายหน้าใช่มั้ยคะ”
รมณีถอนใจ รวีพรรณหันหน้าไปทางอื่น
“แม่รู้ว่าลูกไม่พอใจที่ต้องแต่งงานกับพ่อดล แต่ที่แม่กับพ่อทำลงไปเพราะพวกเรารักลูกมาก”
รวีพรรณเบ้หน้าอย่างไม่เชื่อ รมณีจับแขนรวีพรรณสองข้างให้หันมา รวีพรรณมองหน้ารมณี
“แม่มีลูกแค่คนเดียว เกิดวันหนึ่งพ่อกับแม่เป็นอะไรขึ้นมา ใครจะดูแลและปกป้องลูก”
รวีพรรณชะงัก รมณีพูดต่อ
“แม่ถึงต้องหาคนที่เพียบพร้อม คนที่พ่อกับแม่ไว้ใจว่าเค้าจะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ แม่อยากให้ลูกเข้าใจว่าเราสองคนไม่ได้อยากบังคับฝืนใจ แต่ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อลูกทั้งนั้น”
รวีพรรณพูดไม่ออก รมณีปล่อยมือออกจากแขนรวีพรรณ
“ลูกนอนพักเถอะ”
รมณีกอดรวีพรรณอีกครั้งแล้วก็เดินออกไป รวีพรรณทรุดนั่งลงบนเตียงอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
พิทยาเข้ามาในบ้านเจอสุอาภานั่งเครียดอยู่ที่โซฟา
“คุณแต...”
สุอาภาหันไปเห็นพิทยามาก็ดีใจมากรีบลุกเดินมาหา พิทยารีบเข้ามาจับมือสุอาภาด้วยความเป็นห่วง
“ไอ้ภูวดลมันทำอะไรคุณรึเปล่า”
สุอาภารู้สึกผิด
“เปล่า ฉันขอโทษนะพิท ฉันขอโทษที่ช่วยคุณรวีไว้ไม่ได้ ฉันพยายามแล้ว”
พิทยาลูบแขนสุอาภาสองข้าง
“ไม่เป็นไรครับคุณแต ไม่เป็นไรนะครับ”
สุอาภาพยักหน้า แล้วก็รู้สึกเจ็บหัวที่กระแทกกำแพงขึ้นมา
“โอ๊ย!”
“คุณเป็นไร”
“ตอนที่ฉันพยายามช่วยคุณรวี ฉันถูกนายนั่นผลัก หัวก็เลยไปกระแทกกับกำแพง”
พิทยาตกใจรีบพาสุอาภามานั่งที่โซฟา
“ขอผมดูหน่อย”
พิทยาค่อยๆดูที่หัวสุอาภาด้วยสีหน้าเป็นกังวลใจมาก
“โชคดีที่ไม่เป็นอะไร แต่ผมว่าไปหาหมอซักหน่อยดีมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก อีกซักพักคงจะดีขึ้น ฉันรู้สึกแย่จังเลยพิท ไม่รู้ป่านนี้คุณรวีจะเป็นยังไงบ้าง”
พิทยานิ่งไป สีหน้าเป็นห่วงรวีพรรณเช่นกัน
“ถ้านายภูวดลทำอะไรรวี ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่”
พิทยาโมโห สุอาภาลอบมองพิทยาแล้วก็อดน้อยใจนิดๆไม่ได้เพราะพิทยาดูห่วงรวีพรรณมาก
ภายในร้านอาหาร เวลากลางวันถัดมา รวีพรรณยืนเช็ดแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์ สีหน้าเหม่อลอย สินีนาฎเดินเข้ามาเห็นสีหน้าของเพื่อนก็ลอบยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะเดินมายืนข้างๆ รวีพรรณสะดุ้ง
“รวี อุ๊ย..ทำไมหน้าแย่แบบนี้ ไม่สบายรึเปล่า” สินีนาฏเจือน้ำเสียงความเยาะอยู่ในที
“เปล่า เมื่อคืนนอนไม่หลับ”
รวีพรรณก้มหน้าเช็ดแก้วต่อ สินีนาฎลอบยิ้มอย่างมีความสุข
“นอนไม่หลับ เพราะตื่นเต้นที่ใกล้วันแต่งงานล่ะสิ”
รวีพรรณชะงัก ไม่ตอบ แล้วก็เห็นพิทยาเดินเข้ามา รวีพรรณดีใจ
“พิท...”
สินีนาฎหันไปเห็นพิทยาก็ไม่พอใจ
รวีพรรณกับพิทยานั่งคุยกัน เขาดูเป็นห่วงเธอมาก
“ผมรู้เรื่องเมื่อคืนจากคุณแต เค้าทำอะไรคุณรึเปล่า”
“รวีไม่เป็นอะไร”
รวีพรรณแกล้งเอามือจับรอยฟกช้ำที่แขนเพื่อให้พิทยาเห็น แล้วมันก็ได้ผล พิทยาเห็น
“ขอผมดูแขนคุณหน่อย”
รวีพรรณทำเป็นเอามือปิดไม่อยากให้เขาเห็น พิทยาดึงมือเธอให้ยื่นออกมา ทำให้เห็นรอยช้ำเขียวที่แขนเต็มๆ พิทยาโมโหมาก
“เค้าทำกับคุณขนาดนี้เลยเหรอ ผมจะไปเอาเรื่องเค้า”
พิทยาขยับตัว รวีพรรณจับมือเขาเอาไว้
“อย่าค่ะ! แค่นี้รวีทนได้ รวีไม่เจ็บแล้ว”
พิทยาได้แต่ถอนใจออกมา มองรวีพรรณด้วยความสงสาร
“ความจริงเรื่องเมื่อคืนจะโทษคุณภูวดลคนเดียวก็ไม่ถูกนัก รวีไม่รู้จะพูดยังไงดี”
พิทยานิ่วหน้าอย่างสงสัย
“พูดมาเถอะรวี ยังมีอะไรที่ผมไม่รู้”
รวีพรรณทำเป็นลำบากใจ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ตอนที่คุณภูวดลมา รวีขอร้องให้คุณแตช่วย แต่คุณแตกลับปล่อยให้เค้าเข้ามาในบ้าน คุณแตไม่ช่วยรวีเลย”
รวีพรรณทำหน้าเศร้า พิทยานิ่วหน้าเหมือนไม่เชื่อ รวีพรรณจับสีหน้าของเขาได้
“รวีรู้ว่าพิทไว้ใจคุณแตมาก คงไม่เชื่อที่รวีพูด แต่พิทก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างรวีไม่เคยโกหก”
พิทยาลำบากใจ
“ผมรู้ว่าคุณไม่โกหก แต่ผมก็มั่นใจว่าคุณแตไม่ใช่คนแบบนั้น”
“พิทคิดให้ดีนะคะ ว่ามันน่าแปลกมั้ยที่คุณภูวดลรู้ว่ารวีมาบ้านพิท เค้าจะรู้ได้ไง ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนบอก”
พิทยาอึ้ง
“คุณคิดว่าคุณแตเป็นคนบอกนายภูวดล”
“รวีไม่อยากปรักปรำใคร แต่รวีรู้ว่าคุณแตไม่ค่อยพอใจนักที่รวีมาหาพิทบ่อยๆ”
พิทยานิ่งคิดตามที่รวีพรรณพูด รวีพรรณลอบมองพิทยาแล้วยิ้มร้ายกาจ
สินีนาฎได้ยินทุกอย่าง มองรวีพรรณด้วยความหมั่นไส้และไม่พอใจ
“ตอแหลได้โล่ห์เลยนะ” สินีนาฎพึมพำ
แรงงปรารถนา ตอนที่ 11 (ต่อ)
ในเวลาต่อมา รวีพรรณออกมาส่งพิทยา พิทยาหันไปบอก
“มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเวลานะรวี”
รวีพรรณพยักหน้า
“ขอบคุณพิทมากนะคะ ขอบคุณที่เป็นห่วงเป็นใยรวีเสมอ”
พิทยายิ้มแล้วก็เดินออกไป รวีพรรณมีความสุขมาก
รวีพรรณเดินกลับเข้ามาในร้าน มองไปไม่เห็นสินีนาฎ เธอหันไปทางพนักงาน
“เห็นคุณสิรึเปล่า”
“อยู่หลังร้านค่ะ”
รวีพรรณเดินออกไป
สินีนาฎกำลังคุยโทรศัพท์กับภูวดลอยู่หลังร้าน รวีพรรณเดินมาทางด้านหลังกำลังจะเรียกเพื่อนแต่ดันได้ยินสินีนาฎพูดขึ้นมาซะก่อน
“พิทมาหารวีที่นี่”
รวีพรรณชะงัก หยุดยืนฟัง
“ฉันอุตส่าห์โทรบอกคุณเมื่อคืนว่า รวีอยู่ที่ไหน แต่คุณก็ยังจัดการรวีไม่ได้ ถ้าคุณยังอ่อนอยู่แบบนี้ รวีหนีการแต่งงานไปได้แน่”
รวีพรรณโมโหสุดๆ เข้าไปกระชากมือถือจากสินีนาฎออกมา สินีนาฎตกใจจนหน้าซีด รวีพรรณก้มมองที่หน้าจอมือถือเห็นชื่อ “คุณภูวดล” ก็กดตัดสายทิ้งทันที
“ที่แท้ก็เป็นฝีมือเธอที่โทรบอกนายภูวดล เธอทำแบบนี้ทำไม ทั้งๆที่เราเป็นเพื่อนกัน”
สินีนาฎโมโห
“เธอคิดว่าฉันเป็นเพื่อนเธอด้วยงั้นเหรอ”
รวีพรรณนิ่วหน้าถาม
“หมายความว่าไง”
สินีนาฎพูดด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นมานาน
“ที่ผ่านมา เธอคอยแต่จะเอาเปรียบฉัน ทำอะไรก็นึกถึงแต่ตัวเอง อะไรที่ว่าดี เธอก็จะเอาไปหมด รวมทั้งพิท... เธอก็รู้ว่าฉันชอบพิท ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อน ฉันถึงมาปรึกษา ฉันขอให้เธอช่วย แต่เธอกลับเรียกร้องความสนใจจนทำให้พิทหันมาชอบเธอแทนที่จะเป็นฉัน!”
รวีพรรณอึ้งจนพูดไม่ออก นึกไม่ถึง
“ฉันอิจฉาเวลาที่เห็นเธอกับพิทมีความสุข คุณภูวดลจึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญของฉันในการทำลายเธอกับพิท”
รวีพรรณนึกอะไรออก
“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่นายนั่นรู้ว่าฉันไปไหน ทำอะไร มันเป็นเพราะเธอ!”
“ใช่! ฉันเป็นคนบอกคุณภูวดลเอง รวมทั้งเรื่องที่เธอจ้างนักข่าวเพื่อใส่ร้ายคุณภูวดลกับยัยสุอาภา ฉันก็เป็นคนบอกคุณภูวดลเอง แต่เธอโชคดีที่เอาตัวรอดไปได้ พิทก็เลยไม่ได้เห็นธาตุแท้ของเธอ!”
รวีพรรณอึ้งและโมโหมากตบหน้าสินีนาฎเพี๊ยะ! สินีนาฎโมโหหันกลับมาตบหน้ารวีพรรณคืนอย่างแรง ทำเอารวีพรรณหน้าชาไปทั้งแทบ เธอหันไปจ้องสินีนาฎด้วยความโกรธสุดๆ
“เธอมันเลว...เลวที่สุด”
“คิดให้ดี ว่าใครกันแน่ ที่เลว!”
“นับตั้งแต่นี้ต่อไป เธอไม่ใช่เพื่อนฉันอีก ออกไป!”
สินีนาฎมองรวีพรรณด้วยแววตาอาฆาตแล้วก็จ้ำเดินออกไปทันที ทิ้งให้รวีพรรณยืนเคว้งคว้างอย่างคนหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง
ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สุอาภามองพิทยาสีหน้าอึ้งตะลึง
“คุณรวีบอกนายว่าฉันเป็นคนบอกนายภูวดล แล้วนายก็เชื่อเนี่ยนะ”
สุอาภากำลังจะปรี๊ดแตก
พิทยารีบยกมือห้าม
“ใจเย็นก่อนคุณแต ผมไม่เชื่อ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง ผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้รวีเข้าใจคุณไปแบบนั้น”
สุอาภาไม่พอใจ
“เค้าจะเข้าใจฉันผิดได้ไง ทั้งๆที่ฉันช่วยเค้า จนตัวเองเจ็บ นายก็เห็น”
“เพราะผมเห็นไง ผมถึงแปลกใจ”
“ฉันปล่อยให้เค้าเข้าใจฉันแบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องไปเคลียร์กับคุณรวีให้รู้เรื่อง”
“ผมไปด้วย”
“ไม่ต้อง...ฉันจะพูดกับคุณรวีเอง”
“ค่อยๆพูดนะคุณแต...”
“ฉันรู้”
สุอาภาลุกขึ้นเดินลิ่วๆออกไป พิทยาได้แต่ถอนหายใจ
ในเวลาต่อมา สุอาภาเดินเข้ามาในร้าน เจอรวีพรรณที่เดินออกมาจากด้านหลังพอดี สุอาภากับรวีพรรณมองหน้ากัน
ที่มุมหนึ่งในร้าน รวีพรรณยืนหันหลังให้สุอาภา
“ฉันไม่ได้เป็นคนบอกคุณภูวดลนะคะว่าคุณอยู่บ้านพิท”
รวีพรรณนิ่งไปแล้วก็หันหน้ากลับมา สุอาภาผงะไปนิดนึงเพราะรู้สึกว่าวันนี้รวีพรรณดูสีหน้าร้ายมาก
“พิทเล่าให้คุณฟัง”
“ใช่ค่ะ เพราะเค้ารู้ว่าฉันไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น”
รวีพรรณไม่พอใจ
“ท่าทางพิทจะเชื่อใจคุณมากนะคะ”
“ก็แน่สิคะ”
สุอาภานิ่งคิดไปนิดนึงแล้วลองทดสอบบางอย่าง เธอพูดต่อ
“เราเป็นสามีภรรยากัน เราถึงเชื่อใจและไว้ใจกัน”
รวีพรรณพูดต่อทันที
“แต่ไม่ได้นอนด้วยกัน แล้วจะเรียกว่าเป็นสามีภรรยาได้ยังไง”
สุอาภาชะงักก่อนนิ่วหน้า และเริ่มทนไม่ไหว
“ฉันรู้สึกว่าคุณมีบางอย่างในใจ มีอะไรก็พูดมาตรงๆดีกว่า อย่ามามัวแต่หยั่งเชิงกันแบบนี้เลย”
“ฉันไม่ได้มีอะไรในใจ”
“แต่ฉันมี เมื่อคืน...ฉันได้ยินคุณคุยโทรศัพท์กับพิท น่าแปลกนะคะ ที่พิทโทรหาฉันตอนเดียวกับที่คุณกับคุยพอดี”
รวีพรรณผงะ หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ถึงกับแก้ตัวไม่ออก สุอาภาจ้องหน้าอย่างไม่วางตา
“ทำไมคุณต้องโกหก แล้วทำไมคุณต้องใส่ร้ายฉันกับพิท มันเป็นเพราะอะไร ตอบฉันมาสิคุณรวี! คุณรวี!” รวีพรรณยังนิ่ง สุอาภาเสียงเริ่มดัง
รวีพรรณสุดทน โพล่งออกไป
“มันเป็นเพราะเธอแย่งพิทไปจากฉันยังไงล่ะ!”
สุอาภาตกใจ อึ้ง นึกไม่ถึง และเพิ่งนึกได้
“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา...ที่คุณมาขอโทษฉัน มาขอให้ฉันเป็นเพื่อน เพราะคุณแกล้งทำ”
รวีพรรณแค่นยิ้มบอก
“หลังจากที่เป็นคนโง่มานานก็เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่ ฉันไม่ใช่แม่พระจะได้ใจกว้าง ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เธอเคยทำกับฉัน”
“แต่ฉันก็ขอโทษคุณไปแล้ว”
“คำขอโทษของเธอมันทำให้ชีวิตฉันดีขึ้นรึเปล่าล่ะ ไม่เลย...ชีวิตฉันมีแต่ตกต่ำลงเพราะเธอคนเดียวนังสุอาภา!! พิทเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉันเป็นสิ่งดีดีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตฉันที่เหลืออยู่ แล้วเธอก็มาพรากเค้าไปจากฉัน ทำให้ฉันต้องแต่งงานกับไอ้สารเลวนั่น ทำให้ฉันต้องตกนรกทั้งเป็น ในขณะที่เธอมีความสุข ได้รับการดูแลจากพิท ทั้งๆที่ที่ตรงนั้นมันสมควรจะเป็นของฉัน”
รวีพรรณระเบิดอารมณ์สุดแรงจนน้ำตารื้นด้วยความเสียใจและโมโห สุอาภาอึ้งมากถึงมากที่สุด
“ฉันไม่ได้อยากให้คุณต้องพบเจอกับเรื่องแย่ๆแบบนี้เลยนะคะ”
“หุบปาก! แล้วก็หยุดทำตัวเป็นคนดีได้แล้ว! ในเมื่อฉันไม่ได้พิท เธอก็ต้องไม่ได้เค้าด้วย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเจ็บ เจ็บมากกว่าที่ฉันเจ็บร้อยเท่าพันเท่า”
สุอาภาพูดไม่ออก รวีพรรณยิ้มที่มุมปากพร้อมกับกอดอก
“แต่จะว่าไปฉันก็ต้องขอบคุณที่เธอสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับฉัน”
“ฉันไปสอนอะไรให้คุณ”
“คิดให้ดีว่าที่ผ่านมา เธอทำอะไรฉันเอาไว้บ้าง”
สุอาภานิ่งคิด...ถึงเรื่องราวในอดีต
ตอนที่สุอาภาใส่เสื้อเชิ้ตพิทยามาเปิดประตูให้รวีพรรณ เหมือนกับตอนที่รวีพรรณใส่ชุดนอนของสุอาภาเดินลงมาจากบันไดบ้านพิทยา
ตอนงานเปิดโรงแรม สุอาภาแกล้งล้มให้พิทยาประคอง เหมือนกับตอนที่รวีพรรณแกล้งล้มให้พิทยาประคองในงานแฟชั่นการกุศล
ตอนที่สุอาภาหอมแก้มพิทยาในร้านอาหารต่อหน้ารวีพรรณ เหมือนกับตอนที่รวีพรรณแกล้งเมาแล้วจูบปากพิทยา
ตอนที่สุอาภาแกล้งคุยโทรศัพท์กับพิทยาในฟิตเนส เหมือนกับตอนที่รวีพรรณแกล้งคุยโทรศัพท์กับพิทยาในบ้าน
สุอาภาถึงกับนิ่งงันที่รู้ว่ารวีพรรณย้อนรอยในสิ่งที่เธอเคยแกล้งรวีพรรณกับพิทยาเอาไว้ สุอาภาพูดไม่ออก บอกไม่ถูก รวีพรรณยิ้มสะใจ
“รู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างเหรอยัง ทุกสิ่งที่เธอเคยทำกับฉันเอาไว้ มันได้ย้อนกลับไปทำลายตัวเธอ”
รวีพรรณยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่าแล้วก็เดินออกไป สุอาภาได้แต่ยืน นิ่ง อึ้งอยู่กับที่
รวีพรรณดูลนลานเข้ามาในห้องและรีบเอามือถือออกมากดโทรออก และแกล้งทำเสียงร้องไห้
“พิทคะ...”
รวีพรรณทำเสียงร้องไห้ แต่หน้ายิ้มร้ายมีแผนการ
ภายในร้านแห่งหนึ่ง พราวพิไลเอามือตบโต๊ะดังปัง! ตรงหน้าสุอาภา
“ทีนี้เชื่อฉันแล้วใช่มั๊ย! นังแฟนเก่ามันจงใจจะแย่งพิทไปจากแกจริงๆ ทำไมแกไม่ตบมันไปซักฉาดสองฉาดห๊ะ!”
“ตอนนั้นมันอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก”
“เรื่องนี้ต้องบอกคุณพิท”
“บอกไป พิทจะเชื่อเหรอ”
พราวพิไลคิดตาม
“มันก็จริง แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”
“มันมืดแปดด้าน แล้วก็สับสน ที่ผ่านมา..ฉันรู้สึกผิดมาตลอดที่ทำให้พิทต้องเลิกกับคุณรวีแล้วมาแต่งงานกับฉัน ฉันเป็นห่วงคุณรวีมาก ไม่ว่าเค้ามีปัญหาหรือมีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร ฉันก็เต็มใจช่วยทุกอย่าง แต่ที่ไหนได้..เค้ากลับหลอกฉัน ทำลายความไว้วางใจของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ฉัน..ฉันไม่รู้จะทำยังไง”
สุอาภาสีหน้าแย่ พราวพิไลมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ
ภายในห้องรับแขก ในเวลากลางคืน สุอาภากลับเข้ามาในบ้าน เจอพิทยานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะอาหาร พิทยาหันไปมองเธอด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะลุกเดินมาหา พูดดีดีไม่ได้โมโหแต่เสียงแข็ง
“ผมบอกให้คุณไปเคลียร์กับรวี ให้ไปพูดกับเค้าดีดี แล้วคุณไปต่อว่ารวีทำไมคุณแต”
สุอาภาอึ้ง
“เค้าบอกคุณว่าฉันไปต่อว่าเค้างั้นเหรอ”
พิทยาพยักหน้า สุอาภาโมโหมากแต่พยายามไม่แสดงออก
“รวีรู้สึกแย่มากที่เข้าใจคุณผิด เค้าพยายามจะอธิบายให้คุณฟังว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจ แต่คุณไม่ฟังแล้วก็รีบกลับออกไป รวีไม่สบายใจ เค้าฝากให้ผมมาขอโทษคุณ และไม่อยากให้คุณโกรธเค้า”
สุอาภาทึ่งมากกับคำโกหกคำโตของรวีพรรณ สุอาภาอดกลั้นไม่แสดงอารมณ์ต่อหน้าพิทยา
“ฉันจะโทรคุยกับคุณรวีเอง นายไม่ต้องห่วง”
สุอาภายิ้มแล้วก็เดินออกไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นเจ็บแค้น
ภายในห้องน้ำ สุอาภานั่งอยู่บนอ่างอาบน้ำ พลางนึกย้อนกลับไป
“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา...ที่คุณมาขอโทษฉัน มาขอให้ฉันเป็นเพื่อน เพราะคุณแกล้งทำ”
รวีพรรณแค่นยิ้มบอก
“หลังจากที่เป็นคนโง่มานานก็เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่ ฉันไม่ใช่แม่พระจะได้ใจกว้าง ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เธอเคยทำกับฉัน”
“แต่ฉันก็ขอโทษคุณไปแล้ว”
“คำขอโทษของเธอมันทำให้ชีวิตฉันดีขึ้นรึเปล่าล่ะ ไม่เลย...ชีวิตฉันมีแต่ตกต่ำลงเพราะเธอคนเดียวนังสุอาภา!! พิทเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉันเป็นสิ่งดีดีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตฉันที่เหลืออยู่ แล้วเธอก็มาพรากเค้าไปจากฉัน ทำให้ฉันต้องแต่งงานกับไอ้สารเลวนั่น ทำให้ฉันต้องตกนรกทั้งเป็น ในขณะที่เธอมีความสุข ได้รับการดูแลจากพิท ทั้งๆที่ที่ตรงนั้นมันสมควรจะเป็นของฉัน”
รวีพรรณระเบิดอารมณ์สุดแรงจนน้ำตารื้นด้วยความเสียใจและโมโห สุอาภาอึ้งมากถึงมากที่สุด
“ฉันไม่ได้อยากให้คุณต้องพบเจอกับเรื่องแย่ๆแบบนี้เลยนะคะ”
“หุบปาก! แล้วก็หยุดทำตัวเป็นคนดีได้แล้ว! ในเมื่อฉันไม่ได้พิท เธอก็ต้องไม่ได้เค้าด้วย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเจ็บ เจ็บมากกว่าที่ฉันเจ็บร้อยเท่าพันเท่า”
สุอาภาแววตาแข็งกร้าวมากขึ้น มือกำขอบอ่างอาบน้ำแน่นอย่างตัดสินอะไรได้
เช้าวันถัดมา รวีพรรณแต่งตัวที่หน้ากระจก พลันเสียงเมสเสจดังขึ้น รวีพรรณหยิบมือขึ้นมากดเปิดอ่าน เห็นข้อความจากพิทยา
“หกโมงเย็น เจอกันที่ร้านอาหาร ผมอยากทานข้าวกับคุณสองคน พิท...”
รวีพรรณสีหน้าสดชื่นมากๆ
สุอาภายืนมองมือถือพิทยาในมือ...ยิ้มเจ้าเล่ห์ พิทยาเดินลงบันไดมา สุอาภารีบเอามือถือพิทยาใส่กระเป๋าสะพายตัวเองที่วางบนโต๊ะ แล้วทำเป็นเดินไปเปิดตู้เย็น พิทยาเดินมาหาสุอาภา
“คุณแตเห็นมือถือผมรึเปล่า”
“ไม่เห็น ทำไมเหรอ”
“ผมจำได้ว่าผมวางไว้บนโต๊ะในห้องนอน แต่พอผมออกมาจากห้องน้ำ มันก็หายไป”
“มันจะหายไปได้ไง มือถือทั้งเครื่องเลยนะ”
“นั่นสิ...ผมแปลกใจอยู่เหมือนกัน”
สุอาภาทำเป็นคิด
“เอางี้ เดี๋ยวฉันหาให้นายเอง นายรีบไปทำงานเถอะ ไม่งั้นจะไปสาย”
“ก็ได้....ว่าแต่คุณโทรคุยกับรวีแล้วใช่มั้ย”
สุอาภายิ้มแฉ่ง
“คุยแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย”
พิทยาสบายใจแล้วก็เดินออกไป สุอาภาหน้าตาเจ้าเล่ห์
ภายใน นพ อาร์คิเทค เวลากลางวัน พิทยาเงยหน้ามองสุอาภาที่ยื่นกล่องมือถือเครื่องใหม่ให้พิทยา
“ฉันไม่เจอมือถือนาย ก็เลยซื้อเครื่องใหม่พร้อมซิมเบอร์ใหม่มาให้”
พิทยาเห็นโทรศัพท์รุ่นแพง
“ผมรับไม่ได้หรอกคุณแต”
“ฉันอยากให้ ถือว่าเป็นของตอบแทนที่นายดูแลฉันเป็นอย่างดี เป็นอันว่านายตกลงรับเอาไว้นะ นายก็ไม่รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครปฏิเสธ”
พิทยานิ่งพูดไม่ออกก่อนยิ้ม
“ก็ได้ครับ”
สุอาภาทำเป็นเพิ่งนึกได้
“เอ้อ...แล้วก็เย็นนี้ป๋าชวนไปทานข้าวที่บ้าน นายทำงานเถอะ ฉันไปล่ะ”
“ครับ”
สุอาภาหันหลังเดินออกไป พลางยิ้มมุมปาก
รวีพรรณแต่งตัวสวยมาก เดินมาที่ร้านอาหารหรูตามนัดหมาย พนักงานออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับ”
“จองไว้ชื่อพิทยาค่ะ”
พนักงานผายมือ
“เชิญทางนี้ครับ”
พนักงานเดินนำรวีพรรณมาตรงที่นั่ง และเลื่อนเก้าอี้ให้ รวีพรรณนั่งลง
“จะสั่งอาหารเลยมั้ยครับ”
“ยังค่ะ รอก่อน”
พนักงานเดินออกไป รวีพรรณสีหน้ามีความสุขมาก
ที่บ้านสุอาภา ในเวลาเดียวกัน อาหารถูกจัดวางเรียงรายเต็มโต๊ะ สุอาภา พิทยา นพ บวร วรรณวดีกำลังทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา มีณีคอยเดินรินน้ำใส่แก้วให้ สุอาภาตักอาหารให้พิทยา ทุกคนมองสุอาภากับพิทยาแล้วก็อมยิ้มอย่างมีความสุข
นพแกล้งแหย่
“ไม่มีใครตักกับข้าวให้ป๋าเลย มันน่าน้อยใจจริงๆ”
สุอาภารู้ตัวว่านพแกล้ง เลยตักกับข้าวให้นพ
“เอาไปเลยค่ะป๋า ชิ้นใหญ่ที่สุดในจาน”
นพหันไปทางพิทยา
“เห็นแล้วนะพิท ว่ายัยแตให้ความสำคัญกับใครมากกว่ากัน”
พิทยายิ้มขำๆ
“ครับ”
พิทยากับสุอาภาหันมายิ้มให้กัน ทุกคนดูมีความสุขกันมาก
รวีพรรณดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่าทุ่มนึงแล้ว ก็แปลกใจว่าทำไมพิทยายังไม่มา เธอเอามือถือออกมากดโทรหาพิทยา แต่ปลายสายติดต่อไม่ได้ รวีพรรณแปลกใจมาก
ณีถือมือถือกำลังจะถ่ายรูป นพกับวรรณวดีนั่ง มีพิทยา สุอาภา บวรยืนข้างหลัง ณีถ่ายรูปแชะ!!!
“งามที่สุด”
“แกสองคนถ่ายคู่กันสิ” บวรว่า
“ค่ะ”
สุอาภาควงแขนพิทยาทันที พิทยาชะงัก...หันไปยิ้มให้ สุอาภายิ้มตอบ บวร นพ วรรณวดีเดินออกมา
“สวีตกันน่าดูเลยนะ”
สุอาภากับพิทยาอมยิ้ม
บวรพูดกับณี
“ผมถ่ายเองป้า”
บวรหันมือถือไปทางพิทยากับสุอาภา
“ชิดๆกันหน่อย พร้อมนะ...”
“ถ่ายให้เห็นอาหารบนโต๊ะด้วยนะพี่ใหญ่”
“เออ...โอเค หนึ่ง ส่อง ส่าม”
สุอาภาขยับเข้าไปแนบชิดกับพิทยาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะหอมแก้ม เขาหันมามองเธอทำให้จมูกชนกันพอดี พิทยากับสุอาภามองหน้ากัน
ทุกคนพากันอมยิ้มกับภาพที่เห็น บวรรีบถ่ายรูปแชะ!
ภายในร้านอาหาร รวีพรรณเริ่มหงุดหงิดที่พิทยาไม่มา...พลันเสียงเมสเสจดังขึ้น รวีพรรณคิดว่าเป็นพิทยาก็รีบกดเปิด แต่กลับเป็นภาพคู่ของสุอาภากับพิทยาที่หันหน้ามาจมูกชนกัน รวีพรรณอึ้งสุดๆ
ไม่นานพนักงานเดินถือกระดาษโน๊ตมาให้รวีพรรณ
“มีคนฝากโน๊ตมาให้คุณครับ”
รวีพรรณรับกระดาษโน๊ตมา พนักงานเดินออกไป รวีพรรณก้มหน้าอ่าน
เสียงสุอาภาแว่วมา
“สนุกมั้ยกับการนั่งรอ ทานอาหารให้อร่อยนะ
รวีพรรณโกรธจนตัวสั่น กำกระดาษในมือแน่นด้วยความโกรธแค้น
“แกหลอกฉันเหรอนังสุอาภา”
ภายในห้องนอน สุอาภาในชุดนอนที่เป็นเหมือนเสื้อเชิ้ตดูเซ็กซี่ กำลังถ่ายคลิป หน้าจอมือถือของสุอาภาเห็นพิทยาใส่เสื้อกล้ามเดินออกมาจากห้องน้ำ
พิทยาชะงัก
“คุณแตทำอะไร”
“ทดลองมือถือเครื่องใหม่ของนายไง”
พิทยายกมือบังหน้ากล้อง
“ไม่เอา ผมไม่ถ่าย”
สุอาภาเบี่ยงตัวหลบแล้วถ่ายพิทยาต่อ
“ถ่ายหน่อยเหอะ ขำๆ”
พิทยามองสุอาภาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะเข้ามาแย่งมือถือจากมือสุอาภา
“ถ้างั้นผมถ่ายคุณบ้าง”
“ไม่เอา...ฉันกำลังถ่ายนายอยู่นะ”
พิทยาแย่งมือถือมาจากสุอาภา แล้วหันไปถ่ายสุอาภา
“พิท...เอาคืนมา”
“ไม่คืน”
สุอาภาวิ่งไล่จะแย่งมือถือ พิทยาวิ่งหนีมาข้างเตียง สุอาภาไล่ตาม จับแขนพิทยาเอาไว้
“เอามานี่เลย”
“ไม่ให้...”
พิทยาหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้ง สุอาภาเองก็สนุก แล้วลอบทำหน้าเจ้าเล่ห์นิดนึง แล้วก็แกล้งดึงแขนพิทยาเต็มแรง พร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียง
“ว๊าย!”