บ่วงบาป ตอนที่ 5
หน้าเรือนพระยาเทวราช รำพึงกับจวงกำลังรีบเร่งจะออกไป ก็ชะงักที่เห็นชุ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“คุณรำพึงเจ้าคะ”
รำพึงแปลกใจ
“เอ็งมาที่นี่ทำไม”
“คุณรำพึงช่วยไปห้ามท่านขุนทีเถอะเจ้าค่ะ อย่าให้ท่านขุนทั้งสองประลองกัน”
จวงขึ้นเสียงทันที
“ชะช้า นังชุ่ม เอ็งกล้ามาสั่งคุณรำพึงของข้าเหรอ”
ชุ่มไม่สนจวง อ้อนวอนรำพึง
“คุณรำพึงคนเดียวเท่านั้นที่จะห้ามพวกเขาได้”
ชุ่มลืมตัวเสียงดังเพราะห่วงขุนพิทักษ์
“รีบไปห้ามสิเจ้าคะคุณรำพึง !”
รำพึงโกรธ
“สะเออะ! ทาสชั้นต่ำอย่างเอ็งไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า”
“ขอร้องเถอะเจ้าค่ะคุณรำพึง ท่านขุนกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“เพ้อเจ้อ! เอ็งอิจฉาข้าใช่ไหมอีชุ่ม ที่คุณพี่พิทักษ์กำลังจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงข้า ไม่ใช่เอ็ง! จำใส่กะลาหัวไว้ด้วยว่าข้าคือคนที่คุณพี่ยอมถวายชีวิตให้ ไม่ใช่ทาสต่ำๆอย่างเอ็ง”
ชุ่มชักโมโหบอก
“แต่ทาสอย่างข้าก็ไม่ทำให้ใครต้องมาฆ่ากัน หัวใจของคุณรำพึงทำด้วยอะไรหรือถึงอยากเห็นคนฆ่ากัน”
จวงเสียงแหลมขึ้นมาทันที
“อ๊าย อีชุ่ม มันด่าคุณรำพึงเจ้าคะ”
รำพึงพูดด้วยความแค้น
“กำเริบนัก!”
จวงตบหน้าชุ่ม เพี๊ยะ! รำพึงมองอย่างสะใจจะไป ชุ่มเข้ามาจับข้อมือรำพึง
“คุณรำพึง ต้องรีบไปห้ามท่านขุนนะเจ้าคะ”
“ปล่อยข้านะ นังชุ่ม!”
จวงเข้ามาจะแกะมือชุ่มออก แต่ชุ่มพยายามจับไว้อย่างแน่น
“คุณรำพึง ไปห้ามเถอะนะเจ้าคะ จะให้ข้ากราบข้าก็ยอม”
รำพึงขืนตัวอย่างเต็มที่
“ปล่อยข้านะ นังจวง! ลากมันออกไป”
จวงโกรธที่แกะมือชุ่มไม่ออก ตัดสินใจใช้มือจิก กระชากหัวชุ่ม
“ปล่อยคุณรำพึงเดี๋ยวนี้! ปล่อย”
ชุ่มเจ็บปวดจนทนไม่ไหว แต่ไม่ยอมปล่อยมือ
“นังชุ่ม ปล่อยสิวะ!”
ป่าด้านตะวันออก ขุนพิทักษ์กับขุนไวเข้าปะทะกัน ต่างใช้ดาบฟันผลัดกันรุก ผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร ขุนไวดูจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ขุนพิทักษ์รับมืออย่างยากลำบาก
รำพึงพยายามจะแกะมือชุ่มออก ชุ่มไม่ปล่อย รำพึงกางมือจิกลงที่ใบหน้าชุ่ม ในขณะที่จวงจิกหัว ชุ่มเผลอปล่อยข้อมือรำพึง แต่ก็ยังโผเข้าคว้าขารำพึงไว้
“คุณรำพึงเจ้าขา ข้าขอร้อง ไปห้ามท่านขุนนะเจ้าคะ”
รำพึงโมโหตบ
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!ปล่อย”
รำพึงเมื่อได้ตบหนึ่งครั้งก็เหมือนความแค้นที่เก็บไว้ปะทุออกมา รำพึงตบตีชุ่มด้วยความโกรธแค้น
ในป่า ขุนพิทักษ์โดนขุนไว ใช้ดาบฟันรุกไล่ต้อนจนขุนพิทักษ์เกือบเพลี่ยงพล้ำจะโดนฟัน
บริเวณศาลาวัด คุณหญิงมณีพนมมือเตรียมถวายสังฆทาน แจ่มขยับของมาไว้ตรงหน้าคุณหญิง
คุณหญิงพนมมือกล่าวคำถวายสัฆทาน - - อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ
โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต...
ขุนพิทักษ์ หลบดาบของขุนไว ที่ฟันลงมาได้อย่างเฉียดฉิว ขุนพิทักษ์ก้าวถอยหนึ่งก้าวก่อนจะก้าวเท้าแล้วกระหน่ำเข้าฟันขุนไวแทบไม่มีช่องว่างให้ได้พัก ขุนไว ต้องตกเป็นฝ่ายรับจนถอยไม่เป็นกระบวน ขุนไว ตัดสินใจเตะขุนพิทักษ์จนล้มลงไป
รำพึงมองอย่างสะใจที่เห็นชุ่มล้มลงไปกระแทกพื้น จวงยกเท้าหมายจะกระทืบชุ่มตกใจแต่หลบไม่ทันแล้ว
แต่ก่อนที่เท้าจวงจะถึงตัวชุ่ม สมก็พุ่งตัวเข้าไปถีบจนจวงกระเด็นหน้าทิ่ม
“โอ้ย!”
“ไอ้สม!” รำพึงร้องเรียก
สมรีบเข้าไปประคองชุ่มให้ลุกขึ้น จวงลุกขึ้นชี้หน้าสมก่อนลุกขึ้นมาในสภาพเอวเคล็ด
“ไอ้สม ไอ้เลว เอ็งถีบข้า!”
“ใครทำน้องข้าเจ็บ พวกมันต้องเจ็บยิ่งกว่า” สมบอก
จวงจะเข้าไปเล่นงาน
“ไอ้!”
“อยากตายก็เข้ามา! ลูกพระยาหน้าไหนข้าก็ไม่กลัวหรอกเว้ย”
จวงสะดุ้งถอยหลังมาอยู่หลังรำพึง แล้วบอก
“คุณเจ้าคะ ไอ้สมมันกำลังบ้าอย่าไปเสี่ยงเลยเจ้าค่ะ ตีนมันหนักจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“พวกเอ็งไม่ตายดีแน่ จำไว้!” รำพึงบอก
รำพึงจ้องสมกับชุ่มอย่างโกรธแค้นก่อนสะบัดหน้าจะเดินกลับไปที่เรือน
“คุณรำพึง แล้วไม่ไป...”
“ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น!” รำพึงพูดเสียงดัง
“คุณรำพึงเจ้าคะ ไปช่วยท่านขุนก่อน คุณรำพึง!”
รำพึงเดินไปไม่หันกลับมา ชุ่มพยายามจะตามแต่สมคว้าแขนชุ่มไว้
“นังชุ่ม! นี่มันเรื่องอะไรกันวะ”
ชุ่มแทบไม่ได้สนใจที่สมถามเลย
“พี่สม รีบไปช่วยท่านขุนเร็ว ท่านขุนอยู่ในอันตราย!”
ขุนไว ฟันจนดาบขุนพิทักษ์ฯ หลุดมือกระเด็นไป ขุนไวจะฟัน ขุนพิทักษ์เตะจนดาบขุนไวหลุดไปเหมือนกัน ทั้งคู่เข้าแลกหมัด ขุนพิทักษ์ซัดจนขุนไวเสียหลักลงไปนอน ขุนไวจะลุกแต่ขุนพิทักษ์ชักกริชออกมาจ่อคอขุนไว
“เอ็งแพ้แล้วไอ้ไว”
ขุนไวเจ็บใจที่แพ้
“จะฆ่าก็ฆ่า!”
“ข้าต้องการชัยชนะ ไม่ใช่ชีวิตเอ็ง”
ขุนพิทักษ์ลุกขึ้นแล้วดึงผ้าแพรของรำพึงออกมาให้ขุนไวเห็น
“ข้าชนะเอ็งแล้ว น้องรำพึงก็ต้องเป็นของข้า อย่าลืมสัญญาว่าเอ็งจะไปให้พ้นจากเมืองนี้!”
ขุนพิทักษ์ เก็บผ้าแพรมองขุนไวอย่างเย้ยหยัน ขุนไว มองตามอย่างเจ็บใจ แววตาคมกริบ
ขุนพิทักษ์เดินมาตามทางเพื่อออกจากป่าตะวันออก ทันใดนั้นโจรป่า 3 คน ซึ่งใช้ผ้าปิดปาก ปกปิดใบหน้าไว้ ก้าวเข้ามาขวางขุนพิทักษ์
“พวกเอ็งเป็นใคร!”
โจรป่ามองหน้ากัน ไม่มีใครตอบ ทั้งสามคนพุ่งเข้ารุมฟัน ขุนพิทักษ์ตั้งรับอย่างเต็มความสามารถ แต่เมื่อโดนรุมสามต่อหนึ่ง ขุนพิทักษ์ก็ตกเป็นฝ่ายเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
ระหว่างทางในป่า ชุ่มวิ่งสุดแรงนำสมอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
“เร็วสิพี่สม”
ชุ่มวิ่งบุกดงไม้โดยไม่สนใจกับกิ่งไม้ที่เกี่ยวเนื้อตัว จิตใจคิดถึงแต่ขุนพิทักษ์ฯ ชุ่มวิ่งจนสะดุดล้มหัวฟาดกับรากไม้
“ชุ่ม!”
สมรีบเข้าไปประคองชุ่มให้ลุกขึ้น
“เอ็งเป็นยังไงบ้าง” สมถาม
“ข้าไม่เป็นไร”
ชุ่มลุกขึ้นข่มความเจ็บแล้วออกวิ่งต่อไป สมรีบตามไป
ขุนพิทักษ์ใช้ดาบตั้งรับโจรคนที่หนึ่งที่ฟันลงมา แล้วถีบโจรคนที่สองซึ่งเข้ามาทางด้านข้างจนกระเด็นไป ขุนพิทักษ์ใช้ดาบยันดาบของโจรคนที่หนึ่งแล้วผลักออกไป ขุนพิทักษ์พุ่งตามไปฟันเข้าที่แขนโจรคนที่หนึ่งและโจรคนที่สาม โจรร้องลั่น ขุนพิทักษ์โยนดาบเปลี่ยนท่าจะแทงโจร แต่แค่ง้างมือ เมื่อโจรคนที่สองร้อง
“เฮ้ย!”
ขุนพิทักษ์ชะงัก ทันใดนั้น โจรคนที่หนึ่งที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้ามาฟันหน้าอกขุนพิทักษ์
“อ๊าก”
ขุนพิทักษ์หน้าคว่ำล้มลง เลือดไหลริน โจรคนที่สามเข้ามากระทืบซ้ำอย่างไม่ยั้ง
“เก่งนักเหรอ”
ขุนพิทักษ์เจ็บปวด เลือดไหลออกมามาก เมื่อมองโจรทั้งสามคนเห็นเป็นภาพเบลอ โจรใช้ขากระแทกเข้าหน้าขุนพิทักษ์จนสิ้นสติ
“เฮ้ย! ฆ่ามันซะจะได้รีบไป” โจรคนแรกบอก
โจรคนที่สองขยับมีดตั้งท่าจะแทงขุนพิทักษ์ที่หมดทางดิ้นรน
“หยุดก่อน!”
โจรป่าหันไปตามเสียง ขุนไวสีหน้าขึงขังก้าวเข้ามา ในมือถือดาบ ก้าวเข้าไปหาขุนพิทักษ์
พวกโจรป่าก้าวถอยเปิดทางให้ ขุนไวยืนมองขุนพิทักษ์ที่เลือดไหลจากร่างจนพื้นสีแดงฉานจนน่ากลัว
ขุนไวหันมายิ้มอย่างสะใจ
“ไม่ต้องฆ่ามัน ปล่อยให้มันตายแบบนี้ คนจะได้คิดว่ามันตายเพราะการประลองกับข้า”
ขุนไวโยนถุงอัฐให้กับโจรป่าที่มองหน้ากันแล้วยิ้มก่อนเดินจากไป ขุนไวพลิกตัวขุนพิทักษ์แล้วดึงผ้าแพรจากขุนพิทักษ์
ขุนไวมองผ้าแพรอย่างสะใจ
“ชาตินี้ข้าจะไม่ปล่อยให้น้องรำพึงเป็นของเอ็ง”
ขุนไวลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ทิ้งขุนพิทักษ์นอนรอความตายอยู่ดายเดียว
บริเวณศาลาวัด คุณหญิงมณีที่กำลังกรวดน้ำ โดยมีหลวงตามั่นสวดบทกรวดน้ำ คุณหญิงใจไม่รู้กับเนื้อกับตัว จนทำชุดกรวดน้ำ หล่น เคร้ง! น้ำหกกระจาย ทุกคนมองคุณหญิงมณี
“ขอโทษเจ้าค่ะ”
“ตั้งจิตอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร บุญกุศลจะช่วยผ่อนกรรมหนักให้เป็นเบา”
แจ่มรีบเอาชุดกรวดน้ำชุดใหม่มาให้คุณหญิงมณี แล้วรีบเก็บชุดเก่าเช็ดน้ำที่หกพื้น
หลวงตามั่นเริ่มสวดบทกรวดน้ำอีกครั้ง คุณหญิงมณีพยายามตั้งสติกรวดน้ำอย่างตั้งใจ
ขุนพิทักษ์ได้สติ มองไปรอบข้าง ทุกอย่างรอบข้างล้วนเป็นภาพเบลอ เสียงในหูของขุนพิทักษ์มันวิ้งอยู่ในหัว อื้ออึง
ในหัวขุนพิทักษ์เป็นภาพในอดีตต่างๆ ที่ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้ง รำพึง ชุ่ม ขุนไวที่มีเรื่องกันครั้งแล้วครั้งเล่า ย้อนไปจนถึงภาพที่ทะเลาะกับพระยาสุรเดชไมตรีและจบภาพที่คุณหญิงมณี
ที่มองขุนพิทักษ์อย่างห่วงใย
“แม่...แม่!”
ขุนพิทักษ์พยายามกระเสือกกระสนทั้งที่ไร้เรี่ยวแรง วาระนั้นใกล้จะหมดสติเต็มที่
“ข้าจะตายไม่ได้ ไม่...”
ขุนพิทักษ์ยื่นมือพยายามจะไขว่คว้าไปในอากาศเหมือนต้องการที่พึ่ง ชุ่มมาถึงพอดี เข้าจับมือขุนพิทักษ์ไว้
“ท่านขุน!”
ขุนพิทักษ์ฯ หันมามอง
“ท่านขุนทำใจดีๆ ไว้นะเจ้าคะ”
“ชุ่ม...”
สิ้นเสียงขุนพิทักษ์ก็หมดแรง สติเหลือน้อยเต็มที
“ท่านขุน! ท่านขุน”
ชุ่มวิ่งนำ สมแบกร่างขุนพิทักษ์ที่ร้องครางด้วยความเจ็บปวด เข้ามาทางท้ายสวน
“โอย”
“อดทนหน่อยนะเจ้าคะ จะถึงเรือนแล้ว พี่สม เร็ว” ชุ่มบอกพลางก้าวข้ามเนินดิน
สมพยายามจะกระโดดข้ามเนินดินที่กีดขวาง ทำให้ร่างของขุนพิทักษ์กระเทือนกระอักเลือดออกมา
“อ๊าก”
เลือดขุนพิทักษ์ไหลเปื้อนบนร่างสม ชุ่มหันมาเห็นก็ตกใจ
“พี่สม ทำยังไงดี!”
สมมองซ้ายมองขวาเห็นเรือนท้ายสวน ก็รีบนำร่างของขุนพิทักษ์มาวางที่หน้าเรือน ขุนพิทักษ์พยายามหายใจด้วยความยากลำบาก
“ข้า...ไม่ไหว”
ชุ่มใช้มือเช็ดเลือดให้ก็ใจหาย ถึงกับจะร้องไห้
“ท่านขุน !”
“ถ้าแบกไปถึงเรือน ท่านขุนคงจะทนไม่ไหวแน่ ต้องตามหมอมาที่นี่”
“ถ้างั้นพี่ดูแลท่านขุนอยู่ที่นี่นะ ข้าจะรีบไปบอกคุณหญิง”
ชุ่มจะไป แต่มือขุนพิทักษ์ที่จับกระชับมั่น ทำให้ชุ่มชะงัก
“ชุ่ม...ชุ่ม”
“อดทนนะเจ้าคะท่านขุน ข้าจะรีบกลับมา”
ชุ่มปลดมือขุนพิทักษ์แล้วรีบวิ่งไป สมมองท่านขุนอย่างเป็นห่วง
บนเรือน เวลาเย็น … คุณหญิงมณีตกใจมากที่รู้ข่าวจากชุ่ม
“ลูกข้าบาดเจ็บ! แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“เรือนท้ายสวนเจ้าค่ะ”
“แจ่มไปตามหมอมาเร็วที่สุด!”
“เจ้าค่ะ!”
คุณหญิงมณีรีบลงจากเรือน ชุ่มรีบตามไป
คุณหญิงมณีเข้ามาในเรือนท้ายสวน ชุ่มตามเข้ามาเห็นขุนพิทักษ์ซึ่งนอนหงายเลือดกรังติดเสื้อ มีสมนั่งเฝ้าไม่ห่าง
“พิทักษ์ลูกแม่”
“คุณแม่...”
คุณหญิงมณีน้ำตาร่วง จับมือขุนพิทักษ์แน่น
“อดทนไว้นะ หมอกำลังมาแล้วลูก”
แจ่มวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“หมอมาแล้วเจ้าค่ะคุณหญิง”
หมอสมุนไพรตามแจ่มเข้ามา หมอรีบเข้ามาดูแผลของพิทักษ์แล้วพูดขึ้น
“ไปเตรียมน้ำร้อนมาล้างแผลเร็วเข้า”
ชุ่มกับแจ่มรีบวิ่งออกไป หมอบอกสม
“ช่วยเอาเสื้อออกที จะได้ล้างแผลง่ายๆ”
สมกับหมอช่วยกันถอดเสื้อขุนพิทักษ์ คุณหญิงมณียืนมองด้วยความเป็นห่วง
บริเวณหน้าเรือนพระยาเทวราช จวงมองท่าทีกระวนกระวายของรำพึง
“คุณรำพึงเจ้าคะ”
รำพึงหันมาแหวใส่
“ทำไมคุณพี่ยังไม่มาหาข้าอีก นี่มันเย็นมากแล้วนะ”
“น้องรำพึง!”
“คุณพี่!”
รำพึงดีใจรีบหัน ขุนไวก้าวเข้ามา รำพึงชะงักหน้าเสีย รำพึงเห็นผ้าแพรที่เคยให้ขุนพิทักษ์ไว้อยู่ในมือของขุนไว
“คุณพี่...ผ้าแพรนั่น”
ขุนไวยิ้มบอก
“น้องคงจำผ้าแพรผืนนี้ได้ว่าน้องเคยให้ใครไป”
รำพึงกับจวงตกใจ
“นี่หมายความว่า...”
“พี่ชนะและพี่มีสิทธิ์ในตัวน้องแต่เพียงผู้เดียว พี่จะพูดเรื่องสู่ขอน้องกับท่านพระยาให้เร็วที่สุด”
รำพึงตกใจ พลางสบตากับจวงให้ช่วย จวงอึ้งไม่รู้จะทำยังไง
“เอ่อ...”
พระยาเทวราชเดินขึ้นเรือนมา
“อ้าว!ขุนไว... มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า มาเอาป่านนี้”
ขุนไวยิ้มแล้วบอก
“คือกระผมมีเรื่อง...”
“ท่านขุนก็กำลังจะกลับพอดีน่ะค่ะคุณพ่อ” รำพึงมีแววตาบังคับรีบพูดแทรกขึ้น
ขุนไวฯ มองรำพึงแต่ยังไม่ยอมวางมือ
“ท่านพระยาขอรับ”
รำพึงยิ้มใจดีสู้เสือ
“คนจะครหาคุณพ่อของน้องได้ว่า รั้งตัวคุณพี่ไว้ทำให้ราชการเสีย”
ขุนไวหันมองรำพึง ไม่เข้าใจว่าขวางทำไม
“รีบไปเถอะท่านขุน มีอะไรไว้คุยกันวันหลัง”
ขุนไวอึ้งๆ จะดื้อดึงอีกก็ดูว่า พระยาเทวราชจะไม่สบอารมณ์
“ขอรับ”
รำพึงหันไปหาพระยาเทวราช
“คุณพ่อเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ลูกว่าคุณพ่อไปพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวลูกจะเตรียมจัดสำรับไว้ให้”
“ก็ดีเหมือนกัน”
พระยาเทวราชเดินขึ้นเรือนไป พอลับสายตา ขุนไวก็โพล่งกับรำพึงทันที
“ทำไมน้องต้องขวางไม่ให้พี่คุยกับท่านพระยา”
“คุณพ่อไม่ได้รับรู้เรื่องการดวลของคุณพี่ทั้งสองในครั้งนี้ ท่านคงไม่พอใจ หากจู่ๆมารู้ว่า คุณพี่ใช้ลูกสาวของท่านเป็นเครื่องเดิมพันลับหลังท่าน ขอเวลาน้องชี้แจงท่านก่อนเถอะค่ะ”
ขุนไวพยายามพูดข่มอารมณ์
“น้องมีเวลาแค่คืนนี้ เพราะวันพรุ่งพี่จะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอน้อง”
รำพึงหันมอง ขุนไวยิ้มอย่างยืนยันก่อนเดินจากไป รำพึงสีหน้าเครียดหนัก จวงรีบเข้ามาสาระแน
“คุณรำพึงเจ้าคะ ท่านขุนพิทักษ์แพ้ขุนไวจริงๆเหรอเจ้าคะ”
“นังจวง เอ็งรีบไปดูสิว่าคุณพี่ของข้าเป็นอย่างไร”
จวงรีบลงจากเรือนไปทันที รำพึงเริ่มกังวล
บ่วงบาป ตอนที่ 5 (ต่อ)
ที่เรือนท้ายสวน ขุนพิทักษ์นอนหงาย บาดแผลที่หน้าอกมียาสมุนไพรพอกบนแผลที่ถูกฟัน หมอลุกขึ้นหันมาหาคุณหญิงมณี
“ตอนนี้ ต้องให้ท่านขุนนอนพัก เพื่อให้แผลสมานกัน กระผมจะจัดยาหม้อให้เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น ให้คนตามไปรับยาด้วยขอรับ”
“แจ่มออกไปส่งท่านหมอ สม เอ็งตามไปเอายานะ”
“ขอรับ”
หมอเดินออกไป คุณหญิงมณีมองขุนพิทักษ์อย่างเป็นห่วง
“คุณหญิงเจ้าคะ ท่านขุนจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ” ชุ่มถาม
ขุนพิทักษ์ค่อย ๆลืมตาขึ้นมองคุณหญิงมณีที่หันไปคุยกับชุ่ม
“ชุ่ม เอ็งไปเจอลูกข้าที่ไหน”
“ที่ชายป่าตะวันออกเจ้าค่ะ”
“พ่อพิทักษ์ไปทำอะไรที่นั่น”
“เอ่อ...”
คุณหญิงมณีคาดคั้น
“เอ็งรู้ใช่ไหมว่าลูกข้าไปทำอะไรที่นั่น”
“ท่านขุน...”
“บอกข้ามา!”
ขุนพิทักษ์เห็นคุณหญิงมณีที่กำลังกดดันชุ่มก็พูดขึ้นอย่างอ่อนแรง
“ลูกท้าดวลกับไอ้ขุนไวขอรับคุณแม่”
คุณหญิงมณี หันมาหาด้วยความเป็นห่วง
“พิทักษ์ !ท้าดวลอะไรกัน”
คุณหญิงสีหน้าโมโหหันมาทางชุ่ม
“เรื่องสำคัญแบบนี้ ทำไมเอ็งถึงไม่บอกข้า นังชุ่ม!”
“บ่าว”
ขุนพิทักษ์เอื้อมมือไปจับมือคุณหญิงมณีอย่างยากลำบาก
“คุณแม่ขอรับ...ลูกเอง ลูกเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้ชุ่มบอกคุณแม่”
คุณหญิงมณีน้ำตาหยดหันมองขุนพิทักษ์
“สิ้นคุณพ่อ แม่ก็เหลือลูกคนเดียว ถ้าลูกเป็นอะไรไป แล้วแม่จะอยู่ยังไง”
ขุนพิทักษ์เห็นน้ำตาของคุณหญิง
“ลูกขอโทษ ลูกไม่คิดว่าจะมีพวกโจรป่ามาดักทำร้ายลูก”
“โจร!”
“ลูกดีขึ้นเมื่อไหร่ ลูกจะจัดการพวกมันอย่างสาสม” ขุนพิทักษ์พูดอย่างลำบาก
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย โชคดีเหลือเกินที่ชุ่มมาช่วยลูกไว้ได้ทัน”
ขุนพิทักษ์มองชุ่มอย่างมีความหมาย
แจ่มกับสมเดินกลับเข้ามาพร้อมกับห่อยา
“สม แจ่ม ช่วยกันพาลูกข้าไปเรือนใหญ่”
แจ่มกับสมเข้ามาจะประคองพิทักษ์ฯ แต่แค่ขยับพิทักษ์ฯ ก็ร้องลั่น
“อ๊าก”
ชุ่มมองที่อกขุนพิทักษ์อย่างตกใจ
“เลือด!”
ทุกคนมองเห็นเลือดไหลออกมาจากแผล สีหน้าขุนพิทักษ์เจ็บปวดมาก คุณหญิงมณีตกใจ
“วางลูกข้าลงก่อน!”
สมกับแจ่มรีบวางขุนพิทักษ์ให้นอนลง ชุ่มรีบนำผ้ามาเช็ดเลือด คุณหญิงมณีดูลูกชายร้องอย่างทรมานจึงตัดสินใจ
“ให้ลูกข้าอยู่ที่เรือนนี้จนกว่าแผลจะสมาน แจ่ม เอ็งคอยดูแลเรื่องยาให้ลูกข้าด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ เจ็บแต่ไม่วาย
“ไม่ขอรับคุณแม่ ลูกรำคาญเสียงนังแจ่มมัน”
คุณหญิงมณีถอนใจหันไป
“ไอ้สม”
“ไอ้สมมันมือหนัก ลูกไม่ให้ไอ้สมมาดูแลลูกนะขอรับ”
คุณหญิงรู้ทันบอก
“งั้นชุ่ม เอ็งคอยดูแลลูกข้านะ คงพอใจแล้วนะ”
ขุนพิทักษ์นอนเงียบ ชุ่มอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก
ในเวลากลางคืน รำพึงเดินไปมาอยู่ในห้องนอนอย่างกระวนกระวาย จวงพรวดพราดเข้ามาด้วยความรีบร้อน
“นังจวง ได้ความว่ายังไงบ้าง”
“พวกบ่าวที่บ้านท่านขุนพิทักษ์ไม่รู้เรื่องท่านขุนดวลกับขุนไวเลยเจ้าค่ะ แล้วที่เรือนก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
รำพึงคิด
“ถ้างั้นคุณพี่ก็คงจะปลอดภัย แล้วทำไมคุณพี่ถึงไม่มาหาข้า”
“คงอายกระมังเจ้าคะที่พ่ายแพ้ขุนไว”
รำพึงหันขวับ จวงจ๋อยสนิท
“คุณพี่ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ...ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่”
“แล้วเรื่องที่วันพรุ่งท่านขุนไวจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณรำพึง คุณรำพึงจะทำยังไงเจ้าคะ”
รำพึงคว่ำถาดปักผ้าใส่จวง
“จะพูดทำไม คนยิ่งใจไม่ดีอยู่”
รำพึงสับสนต้องรีบหาทางออก
ในเวลากลางคืน ที่เรือนท้ายสวน ขุนพิทักษ์นอนหลับเริ่มกระสับกระส่ายเหงื่อซึม และฝันร้ายเพราะพิษไข้ เหตุการณ์ต่อสู้กับโจรป่ากระแทกเข้ามาเป็นช่วงๆ
ชุ่มตกใจรีบเข้ามาข้างขุนพิทักษ์
“ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์กระสับกระส่ายหนักจะพลิกตัว ชุ่มตกใจพยายามใช้แขนล็อกไว้ไม่ให้ขยับ แล้วก็ตกใจที่ตัวขุนพิทักษ์ร้อน
“อย่าขยับเจ้าค่ะ เดี๋ยวแผลไม่สมานนะเจ้าคะ... ทำไมตัวร้อนแบบนี้”
ชุ่มรีบใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดหน้า เช็ดตัวให้ขุนพิทักษ์ ทันทีที่ผ้าสัมผัสที่หน้า ขุนพิทักษ์ก็จับมือของชุ่มไว้แล้วนำไปแนบกับใบหน้า เสียงขุนพิทักษ์ละเมอเรียก
“ชุ่ม...ชุ่ม”
ชุ่มได้ยินก็ชะงักยิ้ม ก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตัวขุนพิทักษ์ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก
สมเดินวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เรือน พลางมองเข้าไปในเรือนอย่างกังวล แจ่มถือถาดยาต้ม เดินเข้ามาที่หน้าเรือน ชุ่มเดินลงมาพร้อมกาละมังรองน้ำ
“ท่านขุนเป็นยังไงบ้างนังชุ่ม”
“ตัวร้อนมากจ๊ะน้าแจ่ม”
“เอ็งรีบเอายาให้ท่านขุนกิน ท่านหมอย้ำนักย้ำหนาว่าท่านขุนต้องกินยาให้ครบเช้าเย็น ไม่อย่างนั้น...”
“ทำไมจ๊ะน้าแจ่ม”
“ก็เห็นว่าไข้มันจะขึ้นหัว หนัก ๆ เข้า ทนไม่ไหวก็ตายกันมานักต่อนักน่ะสิ”
ชุ่มตกใจถาม
“จริงเหรอน้า”
“ข้าก็ไม่รู้ หมอเขาว่าอย่างนั้นนี่ เอ็งต้องให้ท่านขุนกินยาอย่าได้ขาด เข้าใจไหม”
“จ๊ะ”
ชุ่มถือยาจะเข้าไปในเรือน
สมรีบเดินออกมา
“ชุ่ม ! พี่จะเข้าไปช่วยเอ็งเฝ้าท่านขุน”
“ไม่ต้องเลยไอ้สม ขืนเอ็งเข้าไปท่านขุนได้อาละวาดแน่ เอ็งไปช่วยข้าเก็บของที่เรือนใหญ่ดีกว่า”
สมมีท่าทีไม่อยากไป ชุ่มถือยาเข้ามาในเรือน สมยังยืนละล้าละลังอยู่ จนแจ่มต้องหันมาตาม
“เอ้า!หูตึงรึไงไอ้สม ตามข้ามา...เร็ว”
สมจำต้องเดินตามแจ่มไป แต่ยังไม่วายหันกลับมามองน้องสาวอย่างห่วงใย
ในเวลากลางคืน ขุนพิทักษ์กระสับกระส่ายอย่างหนัก ชุ่มพยายามจะเช็ดให้ความร้อนคลายลง
“ร้อน...ปวดหัว..ปวด!”
ชุ่มร้อนใจหันไปเห็นหม้อยา ชุ่มหยิบหม้อมาเทยาใส่ถ้วยแบ่ง แล้วรีบกลับมาประคองขุนพิทักษ์
“กินยานะเจ้าคะ”
ชุ่มเอาถ้วยยาแตะที่ริมฝีปาก ขุนพิทักษ์เบือนหน้าหนีและยังกระสับกระส่ายด้วยพิษไข้
“ท่านขุน กินยาเจ้าคะจะได้หาย”
ยิ่งชุ่มพยายามจะป้อนขุนพิทักษ์ ยิ่งหงุดหงิด
“ไม่....ข้าไม่กิน!”
ขุนพิทักษ์ปัดถ้วยยาทิ้งโดยไม่รู้ตัว ชุ่มไม่ยอมแพ้เทยาใหม่แล้วจะป้อนอีก แต่ขุนพิทักษ์ก็ปัดถ้วยยาทิ้งจนถ้วยยาหล่น ยาหกกระจายหมดถ้วย
“ไม่กิน !”
ชุ่มเก็บถ้วยยาและมองอากาทุรนทุราย ทรมานของขุนพิทักษ์ เสียงของแจ่มลอยเข้ามา
“หมอย้ำนักย้ำหนาว่าท่านขุนต้องกินยาให้ครบเช้าเย็น ไม่อย่างนั้นไข้มันจะขึ้นหัว หนัก ๆ เข้า ทนไม่ไหวก็ตายกันมานักต่อนักน่ะสิ”
ชุ่มมองยาในถ้วยแล้วตัดสินใจใช้ช้อนที่มีอยู่ตักยาแล้วล็อกขุนพิทักษ์จะยัดช้อนป้อนยาให้ได้ ขุนพิทักษ์ไม่ยอมปัดช้อนทิ้ง
“ทนไม่ไหวก็ตายกันมานักต่อนักน่ะสิเอ็ง”
เสียงของแจ่มยังย้ำซ้ำ ๆ ก้องอยู่ในหัวชุ่ม ชุ่มมองขุนพิทักษ์แล้วตัดสินใจดื่มยาซะเองแล้วป้อนยาขุนพิทักษ์ด้วยปากของตนเอง !
ขุนพิทักษ์นิ่งไป รับรู้ได้แค่สติที่เลือนรางเหมือนฝัน
เช้าวันใหม่ ในเรือนท้ายสวน ขุนพิทักษ์นอนหลับสนิท ขุนพิทักษ์ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นพลางมองไปรอบๆ อย่างลำบากเพราะยังเจ็บแผลอยู่ ขุนพิทักษ์พลิกหน้ากลับมาอีกด้านแล้วชะงัก ที่เห็นชุ่มนอนฟุบอยู่ข้างๆ หลับสนิท
ขุนพิทักษ์มองหน้าอ่อนใสของชุ่มด้วยความรักเอ็นดู
ประตูเปิด คุณหญิงมณีก้าวเข้ามา จวงถือสำรับอาหารเช้าตามเข้ามา
ชุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเห็นคุณหญิงมณีก็ตกใจรีบขยับถอยหลังออกไป คุณหญิงมณีเข้ามานั่งแทนที่ชุ่ม
“ลูกเป็นอย่างไรบ้าง”
“ยังเจ็บแผลอยู่ขอรับ”
“ชุ่ม เมื่อคืนเอ็งได้ป้อนยาลูกข้าหมดถ้วยหรือเปล่า”
“หมดถ้วยเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์มองหน้าชุ่ม คลับคล้ายว่า ชุ่มป้อนยาด้วยปาก แต่ภาพนั้นดูเลือนรางไม่ชัดเจนนัก
ขุนพิทักษ์สบตาชุ่ม ชุ่มหลบตาในทันที ขุนพิทักษ์เริ่มคิดว่าภาพที่เลือนรางนั้นอาจจะเป็นความจริง
“แจ่ม!”
แจ่มขยับสำรับมาตรงหน้าคุณหญิงมณี
“ข้าวต้มเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีกำลังจัดสำรับจะป้อนข้าว สมเข้ามาในเรือนด้วยท่าทางรีบร้อน
“ท่านขุนขอรับ มีคนจากทางกรมมาขอพบท่านขุนขอรับ”
คุณหญิงมณีมองขุนพิทักษ์
“เดี๋ยวแม่จะไปรับหน้าเอง ชุ่ม เอ็งดูแลลูกข้าให้กินข้าวให้หมดนะ”
คุณหญิงมณีออกไป แจ่มกับสมเดินตามไป เหลือเพียงขุนพิทักษ์กับชุ่มในห้องสองต่อสอง
ขุนพิทักษ์มองชุ่ม
“ชุ่ม...ข้าหิว แต่ข้าตักไม่ไหว”
“แล้วจะให้ทำยังไงเจ้าคะ”
“ป้อนข้าสิ”
ชุ่มมองอย่างอึกอัก ขุนพิทักษ์อ้อนนิดๆ
“เร็วสิ ข้าหิว...”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ”
ชุ่มจำต้องเข้ามานั่งข้าง ๆ ตักข้าวต้มป้อน ขุนพิทักษ์จ้องชุ่มจนชุ่มเขิน
เวลาเช้า บนเรือนคุณหญิงมณี คนจากกรมมีสีหน้าตกใจ
“ท่านขุนถูกโจรป่าทำร้าย”
“ตอนนี้ยังต้องนอนรักษาตัว คงไม่สามารถไปรายงานตัวที่กรมได้”
“อาการหนักมากเหรอขอรับ”
คนจากกรมสีหน้าหนักใจ
“ก็คงเป็นเดือนอยู่ กว่าจะทุเลา ดูท่านไม่สบายใจ คงไม่ใช่แค่เรื่องพ่อพิทักษ์ไม่ไปรายงานตัวใช่ไหม”
“ขอรับ ตอนนี้ทางกรมกำลังจะมีงานใหญ่ที่ท่านเจ้ากรมจะมอบหมาย ให้ท่านขุนรับผิดชอบ แต่ท่านขุนก็มาเจ็บแบบนี้ ไม่รู้ว่าท่านเจ้ากรมจะว่าอย่างไร”
“มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ ฉันต้องฝากท่านเรียนท่านเจ้ากรมด้วยนะ”
“ขอรับ”
คนจากกรมไหว้คุณหญิงมณีแล้วเดินออกไป คุณหญิงมณีมองตามสีหน้าเครียด
เวลาเช้า จวงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง รำพึงหันมาอย่างตกใจ
“คุณรำพึงเจ้าคะ คุณรำพึง”
“แตกตื่นอะไรของเอ็งหะ นังจวง!”
“ท่านขุนไวมาแล้วเจ้าค่ะ พาท่านเจ้ากรมมาด้วยเจ้าค่ะ”
รำพึงตกใจ
“แล้วคุณพ่ออยู่บนเรือนหรือเปล่า”
“ท่านพระยาไปที่สวนด้านหลังตั้งแต่เช้า อีกสักพักคงกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
รำพึงรีบเดินออกไปทันที จวงรีบตามไป
ขุนไวเดินมากับท่านเจ้ากรม รำพึงรีบเดินออกมายกมือไหว้รับหน้า
“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่ท่านเจ้ากรมมาถึงเรือนของดิฉัน”
“ท่านเจ้ากรมยอมมาเป็นผู้ใหญ่เจรจาสู่ขอน้องรำพึงให้พี่ ทั้งที่พี่เคยทำกิริยาที่ไม่ดีต่อท่าน นับว่าท่านมีความเมตตาจริง ๆ”
“เมื่อผิดแล้วสำนึกฉันก็ไม่คิดถือสา แล้วขอให้ฉันทำเรื่องที่น่ายินดี ฉันย่อมไม่ปฏิเสธ แล้วท่านพระยาอยู่ไหนล่ะ”
รำพึงสบตากับจวงคิด ๆ แล้วตัดสินใจ
“น่าเสียดายจริง ๆ เจ้าค่ะ คุณพ่อไปธุระที่ต่างเมืองกว่าจะกลับคงอีกสองสามวัน”
ขุนไวแปลกใจบอก
“แต่พบกันเมื่อวันก่อน ไม่เห็นท่านพระยาเอ่ยว่ามีธุระ...”
“กะทันหันน่ะค่ะ คุณพี่”
ขุนไว หน้าเสียหันมายกมือไหว้ท่านเจ้ากรม
“กระผมต้องขอประทานโทษด้วยนะขอรับ ที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา”
“ไม่เป็นไร ครั้งหน้าขุนไวก็นัดแนะกันให้เรียบร้อย จะได้ไม่คลาดกันแบบครั้งนี้อีก”
“ขอรับ”
รำพึงสบตากับจวงและยิ้มพอใจ
ขุนไว รำพึง จวง ยืนส่งท่านเจ้ากรมที่ลงเรือที่ท่าน้ำ เรือแล่นออกไป ขุนไวหันกลับมาหารำพึง
“น้องขอโทษนะคะที่ทำให้คุณพี่ต้องเสียหน้า”
“เสียหน้าพี่ไม่กลัว กลัวแต่เสียรู้มากกว่า”
รำพึงสะอึกไป ขุนไวกำลังจะก้าวลงเรืออีกลำ
“ขุนไว”
พระยาเทวราชเดินตรงเข้ามา รำพึงตกใจ
“มีเรื่องอะไร ถึงได้มาตั้งแต่เช้า”
“ท่านพระยาอยู่เรือนเหรอขอรับ”
“ใช่สิ ฉันเพิ่งกลับมาจากสวนท้ายเรือน ไปตรวจดูบ่าวไพร่น่ะ”
รำพึงไปไม่ถูก ขุนไวหันไปมองรำพึง และรู้ทันทีว่ารำพึงโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการสู่ขอ พระยาเทวราชสงสัย
“มีอะไรกันหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
ขุนไวหันขวับมองรำพึงพลางกำหมัดแน่น รำพึงหาทางปลีกตัว
“คุณพ่อคะลูกได้หนังสือฝรั่งมา อยากให้คุณพ่อช่วยแนะนำลูกสักหน่อย”
“ดีสิ...ท่านขุนขึ้นเรือนไปดื่มน้ำดื่มท่าก่อนสิ”
รำพึงจ้องไปที่ขุนไวเป็นเชิงว่าอย่า
“ไม่ขอรับ...กระผมคงต้องขอตัว”
พระยาเทวราชเดินขึ้นเรือนไป รำพึงรีบขยับมาหาขุนไว ชิงพูดก่อนให้ดูน่าสงสาร
“น้องขอเวลาอีกสักหน่อยนะคะคุณพี่”
รำพึงรีบเดินกลับขึ้นเรือนทันที ขุนไวมองตามด้วยสายตาเจ็บปวด ผิดหวัง
รำพึงเดินเข้ามาในห้องนอนท่าทีหงุดหงิดมาก จวงตามเข้ามาแล้วรีบปิดประตู
“ขุนไวรุกหนักขนาดนี้ ทำไมคุณพี่ยังไม่มาหาข้าอีก”
“คุณรำพึงเจ้าขา ถ้าท่านขุนพิทักษ์ไม่มาหาเรา เราก็ไปหาสิคะ”
รำพึงหันมาจ้องตาดุใส่
จวงสะดุ้ง
“แต่...เราเป็นหญิงไม่ควรใช่ไหมเจ้าคะ”
รำพึงนิ่งแล้วตัดสินใจ
“ข้าจะไปหาคุณพี่เดี๋ยวนี้”
รำพึงเดินออกไป จวงรีบวิ่งตามไป
เรือนท้ายสวน เมื่อเวลาเช้า ชุ่มวางชามข้าวแล้วส่งน้ำให้ ขุนพิทักษ์รับมาแล้วมองชุ่มอย่างคิดๆ
“แล้วยาของข้าล่ะ”
“ข้าต้องไปต้มก่อนเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์พูดแทรกขึ้น
“งั้นเอ็งก็ไปต้มมาไวๆ แล้วรีบมาป้อนข้า เหมือนเมื่อคืน”
ขุนพิทักษ์จ้องตา ชุ่มชะงัก หลบตาด้วยความเขินอายในเรื่องเมื่อคืน ชุ่มชิงลุกเดินออกไปเลย ขุนพิทักษ์ ยิ้มมองตามแล้วลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย
ผ่องกับผาดกำลังทำความสะอาดบนเรือนคุณหญิงมณี รำพึงกับจวงเข้ามา ผ่องกับผาดหันมาเจอแล้วจะเลี่ยงไป
“ข้ามาพบคุณพี่...ไปเรียนท่านสิ” รำพึงเห็นท่าทีของผ่องกับผาดอึกอัก
“เอ่อ ท่านขุน ไม่อยู่บนเรือนเจ้าคะ”
รำพึงหันมา จวงกระชากแขนผ่องถาม
“ไม่อยู่บนเรือน แล้วท่านขุนอยู่ที่ไหน”
ผ่องกับผาดสบตากันอึกอัก ผ่องเห็นสายตาอันน่ากลัวของรำพึง
“ไม่รู้เจ้าค่ะ”
ผ่องรีบแกะมือจวง รีบคว้ามือผาดพากันวิ่งออกไป รำพึงมองขึ้นไปบนเรือน
“พวกมันทำท่าแปลก ๆ เหมือนกลัวข้าจะรู้ว่าคุณพี่อยู่ที่ไหน”
“นังชุ่มแน่ๆ เจ้าค่ะ นังชุ่มมันต้องใช้มารยาล่อลวงท่านขุนไปในสวน ในสระ หรือที่ลับตาคน”
รำพึงมองจวง จวงยิ่งใส่ไฟหนัก
“ถ้านังชุ่มมันยั่วยวนท่านขุน เห็นทีคุณรำพึงต้องกินน้ำใต้ศอกนังชุ่มแน่เจ้าค่ะ”
รำพึงไม่ฟังต่อเดินออกไปทันที
ภายในครัว ชุ่มเปิดฝาหม้อยา ดูแล้วก็ปิดฝา ชุ่มเทยาร้อนๆ ใส่ชามเล็ก ๆ แล้วรีบยกจะเอาไปให้ขุนพิทักษ์
ชุ่มเดินออกไปจากครัว รำพึงกับจวงเห็นชุ่มเดินออกไป
“นังจวง”
รำพึงมองไปทางชุ่ม จวงยิ้มรับรู้รีบเดินตามชุ่มไป รำพึงเดินตาม
บ่วงบาป ตอนที่ 5 (ต่อ)
ชุ่มที่เดินถือถ้วยยามาอย่างระมัดระวังตามทาง จู่ๆ จวงก็วิ่งมาขวางทางไว้ ชุ่มตกใจหยุดชะงัก
“นังชุ่ม! ท่านขุนอยู่ไหน”
ชุ่มมองรำพึงที่ก้าวเข้ามา ชุ่มยังเคืองที่รำพึงไม่ยอมไปห้ามขุนพิทักษ์
“ข้าไม่รู้หรอก”
ชุ่มจะเดินหนี รำพึงไม่พอใจขยับเข้ามาขวางทาง
“ข้าต้องไปทำงานเจ้าค่ะ”
“เอ็งคิดจะซ่อนคุณพี่ไว้ใช่ไหม”
จวงเข้ามาสมทบขวางทำหน้าหน้ากวน ๆ ชุ่มมองอย่างไม่พอใจพร้อมสู้
“ถอยไป”
“ไปไหนไม่ได้จนกว่าจะบอกว่าคุณพี่อยู่ไหน”
ในเรือนท้ายสวน ขุนพิทักษ์ที่นอนหลับขยับตัวตื่นเพราะเสียงจากด้านนอก
“คุณพี่ไม่ได้อยู่บนเรือน แล้วตอนนี้คุณพี่อยู่ที่ไหน”
“ท่านขุนไม่ต้องการให้ใครรบกวนตอนนี้”
จวงขัดทันที
“คุณรำพึงเป็นคนรักของท่านขุน ทำไมจะรู้ไม่ได้ บอกมา”
ขุนพิทักษ์พยายามตั้งใจฟังว่าเสียงอะไร
“ถ้าคุณรำพึงรักท่านขุนก็ควรจะห้ามปรามไม่ให้เกิดการดวลจนท่านขุนต้องบาดเจ็บ”
“รู้ไว้ซะว่าคุณพี่เจ็บเพื่อข้า คุณพี่ดวลเพราะต้องการแต่งงานกับข้า ลูกพระยา ไม่ใช่ขี้ครอกอย่างเอ็ง”
“มีแต่คนใจร้ายเท่านั้นที่จะภูมิใจเมื่อเห็นคนที่รักต้องบาดเจ็บ”
รำพึงโกรธจัดเดินเข้าหาชุ่มด้วยความอดทนที่ต่ำลงทุกที
“บอกข้ามาว่าคุณพี่อยู่ไหน”
ชุ่มจ้องแล้วกัดปากแน่นดื้อไม่บอก ชุ่มจะเดินเลี่ยงผ่านไป
“นังชุ่ม!”
รำพึงจับแขนกระชากเหวี่ยงจนชุ่มล้มไป ยาร้อนๆ ในถ้วยหกราดแขนชุ่ม
“โอ้ย”
ชุ่มดิ้นร้องด้วยความเจ็บปวด รำพึงยืนมองอย่างสะใจ
“นังชุ่ม!”
รำพึงกับจวงตกใจหันไปเห็นคุณหญิงมณีก้าวเข้ามา แจ่มเดินตามเข้ามาติดๆ
“คุณป้า!”
รำพึงและจวงยืนอึ้งที่เห็นคุณหญิงมณีก้าวเข้ามา คุณหญิงมณีมองชุ่มที่นั่งปวดแสบปวดร้อน รำพึงได้สติก่อน ภายในเรือน ขุนพิทักษ์นิ่งฟัง รำพึงรีบแสร้งทำเป็นเข้าไปดูชุ่ม
“ชุ่ม เอ็งเป็นอย่างไรบ้าง จวงยืนเฉยทำไม เอ็งมาช่วยดูชุ่มสิ”
จวงเห็นสีหน้ารำพึงจิกก็รับรู้ รีบเข้าไป
“หา เจ้าค่ะ เจ็บมากไหมนังชุ่ม”
คุณหญิงมณีถาม
“ชุ่ม เอ็งเป็นอะไร”
“บ่าวต้มยาไปให้ท่านขุนเจ้าค่ะ แต่...”
รำพึงลุกขึ้นมาหาคุณหญิงมณี
“รำพึงเห็นว่าคุณพี่ไม่อยู่บนเรือนก็เลยว่าจะมาถามหาจากบ่าวแล้วก็มาเห็นชุ่มหกล้มอยู่เจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นรึ!”คุณหญิงมณีน้ำเสียงนิ่ง
รำพึงเริ่มหวั่น ไม่แน่ใจว่า คุณหญิงเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่หรือไม่
“ยาคงร้อนมากดูสิ ผิวแดงเชียว นังจวงเอ็งรีบพานังชุ่มไปทายาสิไป”
จวงสบตากับรำพึงแล้วยิ้มร้าย
“เจ้าค่ะ”
จวงจะประคอง ชุ่มรู้ว่าจวงประสงค์ร้ายแน่และกำลังจะปฏิเสธ แต่เสียงคุณหญิงมณีดังขึ้นซะก่อน
“ไม่ต้อง”
รำพึงชะงักหันมองคุณหญิงมณี
“ทำไมล่ะคะคุณป้า”
คุณหญิงมณีมองรำพึงนิ่ง
“ แจ่ม!”
แจ่มเข้ามาราวกับรู้งาน
“พานังชุ่มไปทายาซะ”
คุณหญิงมณีสั่งแล้วหันมายิ้มให้กับรำพึง
“ป้าคงไม่ต้องรบกวนหนูรำพึงหรอกนะ ขอบใจนะที่เมตตากับคนของป้า”
“ค่ะ”
แจ่มเข้าประคองชุ่มออกไป จวงเข้ามากระซิบรำพึง
“คุณหญิงจะเห็นที่เราเล่นงานนังชุ่มไหมเจ้าคะ”
รำพึงมองคุณหญิงมณีอย่างเป็นกังวล คุณหญิงมณีหันมา
“ไปเยี่ยมพ่อพิทักษ์กับป้าไหม”
“คุณพี่เป็นอะไรคะ”
“บาดเจ็บเพราะถูกโจรป่าเล่นงาน”
รำพึงกับจวงตกใจ
“มาสิ”
คุณหญิงมณีมาเดินมานิดเดียวก็เห็นเรือนท้ายสวนตั้งอยู่ รำพึงตกใจ
“คุณพี่พักอยู่ที่เรือนนี้เหรอคะ”
“จ๊ะ”
คุณหญิงมณีเดินขึ้นเรือนไป จวงรีบเข้ามาประกบรำพึง
“ใกล้ขนาดนี้ ท่านขุนไม่ได้ยินที่เราด่านังชุ่มเหรอเจ้าคะ คุณรำพึง”
รำพึงสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเดินขึ้นบนเรือนไป จวงตามไปอย่างหวั่นๆ
รำพึงเดินเข้ามาด้านในเรือน คุณหญิงมณีเข้าไปประคองขุนพิทักษ์ให้ขยับขึ้นมานั่ง
“หนูรำพึงมาเยี่ยมน่ะลูก”
รำพึงเข้าไปข้างขุนพิทักษ์
“คุณพี่...คุณพี่เจ็บหนักขนาดนี้เลยเหรอเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์มองรำพึงด้วยสายตานิ่ง
“ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงพี่...อีกไม่นานพี่ก็หาย วันนี้น้องรำพึงกลับไปก่อนเถอะ”
รำพึงใจเสีย กลัวขุนพิทักษ์ได้ยินที่ตัวเองด่าว่าชุ่ม
“น้องอยากอยู่ดูแลคุณพี่ก่อน”
ขุนพิทักษ์ห่วงชุ่มก็เฉไฉไปว่า
“ตัวพี่ยังรุมๆ ถ้าอยู่นานพี่เกรงว่าน้องรำพึงจะติดไข้จากพี่ ถ้าน้องต้องป่วยเพราะพี่ พี่คงไม่สบายใจ”
รำพึงยังนิ่งไม่ยอมไปจนคุณหญิงมณีเข้าช่วยพูด
“หนูรำพึงไม่ต้องกังวล ป้าต้องดูแลพ่อพิทักษ์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
รำพึงไม่กล้าขัด
“เอ่อ...ค่ะคุณป้า”
รำพึงมอง ขุนพิทักษ์ยิ้มให้อย่างเพลียๆ รำพึงจำต้องฝืนยิ้มตอบ
“งั้นน้องลานะคะคุณพี่”
“เดี๋ยวป้าไปส่งหนูรำพึงเอง”
รำพึงเดินจากเรือนไป คุณหญิงมณีกำลังจะออกจากห้องไป
“คุณแม่ขอรับ ชุ่ม”
“นอนพักเถอะ เดี๋ยวแม่ให้คนเอายามาให้”
คุณหญิงมณีเดินออกไป ขุนพิทักษ์คิดถึงเรื่องรำพึงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
คุณหญิงมณีเดินมากับรำพึงเพื่อจะไปยังท่าน้ำ จวงเดินตามหลัง
“ไม่รู้ว่าชุ่มจะเป็นยังไงบ้างนะคะ ยาร้อนขนาดนั้น คงแสบจนผิวลอกแน่ๆ”
“ก็ดีนะ ถ้าลอกแล้วเจอเนื้อแท้ดั่งทอง แต่ถ้าลอกแล้วพบว่าเนื้อแท้นั้นไม่ใช่ทอง แล้วไม่สวยงามอย่างที่เห็น ก็คง…”
รำพึงชักระแวง
“คุณป้ากำลังพูดถึงอะไรเหรอคะ”
คุณหญิงมณียิ้มกลบเกลื่อน
“ป้ากำลังคิด ๆ ถึงพ่อค้าที่นำเครื่องทองมาขาย ตอนแรกป้าก็ชอบนะเพราะมันดูสวยสมฐานะ แต่พอทองมันลอกออก ป้าก็เริ่มคิดหนัก”
“รำพึงช่วยดูไหมคะคุณป้า รำพึงพอจะดูเครื่องทองเป็นอยู่บ้าง”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ คงไม่ต้องรบกวนหนู”
รำพึงมองคุณหญิงมณีที่ปฏิเสธทุกอย่างภายใต้สีหน้านิ่ง รำพึงหวั่นไหว ตัดสินใจไม่ต่อความ ลงเรือไป
ภายในเรือ จวงกระซิบถามอย่างหวั่นไม่แพ้กัน
“คุณหญิงพูดแปลก ๆ นะเจ้าคะคุณรำพึง”
“นั่นสิ แต่คุณป้าดูนิ่งจนข้าเดาไม่ถูก คุณพี่ก็ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า ไม่น่าเลย”
คุณหญิงมณีมองตามอย่างหนักใจ แจ่มเข้ามา
“ชุ่มเป็นยังไงบ้าง”
แจ่มมีสีหน้าหนักใจบอก
“คุณหญิงไปดูมันเองเถอะเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีแปลกใจก่อนเดินไปตามที่แจ่มบอก
คุณหญิงเดินเข้ามาในครัวชะงัก ที่เห็นชุ่มกำลังต้มยาอย่างตั้งใจ แจ่มเดินตามหลังคุณหญิงมา แจ่มรีบฟ้อง
“คุณท่านดูเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะทำแผลให้มันก็ไม่ยอม”
“ชุ่ม เอ็งทำอะไรทำไมไม่ทำแผลก่อน”
“ท่านขุนต้องดื่มยาเป็นเวลาเจ้าค่ะ นี่เลยเวลาที่ท่านขุนจะต้องดื่มยามานานแล้ว บ่าวขอต้มยาให้ท่านขุนก่อนแล้วค่อยทำแผลได้ไหมเจ้าคะ”
คุณหญิงมณีมองท่าทีของชุ่มที่ดูห่วงใยขุนพิทักษ์จริง ๆ
“แจ่ม...เอ็งต้มยาแทนนังชุ่มมันทีสิ ส่วนเอ็งรีบไปทำแผลเดี๋ยวนี้”
“คุณหญิง”
ชุ่มจะแย้ง แต่เห็นสายตาคุณหญิงมณีฉายแววตำหนิ ชุ่มจำต้องเงียบ
“เจ้าค่ะ”
ชุ่มเดินออกไป
“นังนี่มันหนังหนาจริงๆ โดนยาร้อนๆ ราดตัวเจ็บมากโข ยังมีแก่ใจห่วงท่านขุนอีก”
คุณหญิงมณีมองตามอย่างพอใจ
ขุนพิทักษ์นอนรออย่างกระวนกระวาย ทันทีที่ประตูเปิด ท่านขุนหันมองด้วยความดีใจ แล้วชักหน้าหงิกทันทีที่เห็นว่าเป็นแจ่ม
“ยาเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ถามอย่างหงุดหงิด
“ชุ่มไปไหน”
แจ่มหน้าแหยที่โดนท่านขุนหัวเสียใส่
“คุณท่านสั่งให้นังชุ่มไปทำแผลเจ้าค่ะ มันโดนยาร้อน ๆ ลวกแขนน่ะเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ชะงักไป
“นี่กว่าจะบังคับให้ไปทำแผลได้ยากเย็นนัก ต้องให้คุณหญิงท่านสั่ง ไม่งั้นมันไม่ยอมเจ้าค่ะ จะรอต้มยาให้ท่านขุนเสร็จก่อน มันกลัวท่านขุนทานยาไม่ตรงเวลาตามที่หมอสั่งเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ยิ้มที่รู้ว่าชุ่มเป็นห่วงตัวเอง
“งั้นรึ”
แจ่มรีบเอายาให้ ขุนพิทักษ์ดื่มยาด้วยสีหน้ายิ้มอย่างมีความสุข
ภายในห้องนอนของรำพึง จวงขยับตัวหลบแจกันดอกไม้ที่ปลิวเข้ามาได้อย่างเฉียดฉิว เพล้ง! รำพึงหงุดหงิดหนัก
“คุณป้ากับคุณพี่ดูหมางเมินกับข้านัก”
“บ่าวก็ไม่เห็นว่าท่านขุนกับคุณหญิงจะพูดอะไร คุณรำพึงกังวลมากเกินไปรึเปล่าเจ้าคะ”
รำพึงยิ่งคิด ยิ่งแค้น จึงสั่งจวง
“ข้าสังหรณ์ใจอะไรไม่เคยผิด! คุณป้าต้องเป็นคนให้นังชุ่มดูแลคุณพี่แน่ๆ นังจวงเอ็งไปจับตาดูคุณพี่เอาไว้
ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบมาบอกข้า”
“เจ้าค่ะ”
จวงรีบออกไป รำพึงมองตามแล้วหันมาทำลายข้าวของ กวาดของบนตู้ทิ้งอย่างเก็บกด
ภายในห้องพระ เวลากลางคืน คุณหญิงมณีสวดมนต์เสร็จแล้วกำลังก้มกราบสามครั้ง แจ่มคลานเข้ามาทางด้านหลัง
“จัดการทำแผลให้นังชุ่มเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ กว่าจะยอมล้างตัว กว่าจะทายา บ่าวเหนื่อยแทบขาดใจเจ้าค่ะ”
“แต่มันก็เป็นเด็กดีนะ ห่วงใยลูกข้ามากกว่าตัวเองซะอีก”
“ตั้งแต่มาอยู่ที่เรือน นังชุ่มมันเจ็บตัวไม่เว้นแต่ละวันเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวตกน้ำ เดี๋ยวโดนตบตี โดนเฆี่ยน นี่ยังมาโดนน้ำร้อนๆ ลวกอีก”
“นอกจากเรื่องเฆี่ยนกับน้ำร้อนลวก ยังมีเรื่องอื่นอีกเหรอ ทำไมข้าถึงไม่รู้”
แจ่มสะดุ้ง
“ก็นังชุ่มมันห้ามไว้เจ้าค่ะ ตอนมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันมันก็โดนใครไม่รู้รุมตบตีจนป่วย แล้วอีกไม่กี่วันก็ตกน้ำเกือบตายตอนไปเก็บบัวที่บึงกับคุณรำพึงน่ะเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมา
รำพึงโกรธจัดเดินเข้าหาชุ่มด้วยความอดทนที่ต่ำลงทุกที
“บอกข้ามาว่าคุณพี่อยู่ไหน”
ชุ่มจ้องแล้วกัดปากแน่นดื้อไม่บอก ชุ่มจะเดินเลี่ยงผ่านไป
“นังชุ่ม”
รำพึงจับแขนกระชากเหวี่ยงจนชุ่มล้มไป ยาร้อนๆ ในถ้วยหกราดแขนชุ่ม
“โอ้ย”
ชุ่มดิ้นร้องด้วยความเจ็บปวด รำพึงยืนมองอย่างสะใจ
คุณหญิงมณีนึกเหตุการณ์แล้วก็สีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ท้องฟ้านอกหน้าต่างห้องนอนของรำพึง พระจันทร์เต็มดวงงดงาม แต่รำพึงไม่ได้มีใจจะชื่นชมกับความงามนั้นกลับเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
รำพึงบ่นกับตัวเอง
“ป่านนี้ทำไมยังไม่มาอีกนะนังจวง!”
ประตูเปิดเข้ามา รำพึงหันกลับไปคิดว่าเป็นจวง
“นังจวง! คุณพี่”
ขุนไวพิชิตพลก้าวเข้ามาในห้อง
“คุณพี่ไม่ควรเข้ามาในห้องนอนของน้องยามค่ำคืนแบบนี้!”
“น้องจงใจหลบเลี่ยงการแต่งงานกับพี่”
“คุยกันเวลานี้คงไม่เหมาะ คุณพี่ออกไปจากห้องของน้องเถอะนะคะ ก่อนที่คุณพ่อจะเข้ามาเห็น
หากเป็นเช่นนั้นคุณพี่คงจะต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่”
ขุนไวยิ้ม
“กว่าท่านเจ้าคุณจะเข้ามาที่ห้องนี้ก็คงจะเป็นเย็นวันพรุ่ง เพราะคืนนี้ท่านเจ้าคุณไปราชการต่างเมืองไปจริงๆ ไม่ใช่โกหกอย่างที่น้องทำกับพี่เมื่อเช้า”
รำพึงตกใจ ขุนไวโกรธจริงจัง
เรือนท้ายสวน เวลากลางคืน ชุ่มถือถ้วยยาเข้ามาเห็นขุนพิทักษ์ไมตรีนอนหลับอยู่
“ท่านขุน ยามาแล้วเจ้าค่ะ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากขุนพิทักษ์ ชุ่มเข้าไปนั่งใกล้ๆ พยายามปลุก
“ท่านขุนเจ้าคะ ท่านขุน ตัวก็ไม่ร้อนแล้วนี่” ชุ่มว่า หลังจากลองเอามือแตะหน้าผาก
ชุ่มจะชักมือออก แต่ขุนพิทักษ์เอามือจับกดไว้
“ร้อนสิ…ร้อนมาก”
“ไม่นะเจ้าคะ”
“มันร้อนตรงนี้”
ขุนพิทักษ์จับมือชุ่มเลื่อนมาวางที่อกตัวเอง
“ท่านขุน... ดื่มยาก่อนเถอะนะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ยิ้มยั่วเล่น ชุ่มหลบตาแล้วหันไปหยิบถ้วยยา ขุนพิทักษ์ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงผนัง จังหวะที่ชุ่มเอี้ยวตัวจะหยิบถ้วยยา ขุนพิทักษ์มองที่ต้นแขนของชุ่มที่เป็นแผลน้ำร้อนลวกที่ยังแดงมากอยู่ ขุนพิทักษ์เอื้อมมือไปลูบตรงจุดที่น้ำร้อนลวกเบาๆ
ชุ่มสะดุ้งร้อง “โอ๊ย…”
“เอ็งเจ็บมากมั้ย”
ชุ่มไม่ตอบ แต่พยักหน้าน้อยๆ
“ไหนมาให้ข้าดูใกล้ๆ หน่อยสิ”
“ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ ท่านขุนดื่มยาเถอะ”
“ไม่ ให้ข้าดูแผลเอ็งก่อน”
ชุ่มส่งถ้วยยาให้ ขุนพิทักษ์ตั้งท่าจะปัดทิ้ง ชุ่มโยกถ้วยยาหลบ
“ท่านขุน!”
“ถ้าเอ็งขัดใจข้า ข้าจะคว่ำถ้วยยาทิ้ง”
ขุนพิทักษ์ทำท่าจะคว้า ชุ่มโยกหลบอย่างตกใจ
“อย่านะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์หยุดยิ้มอย่างเป็นต่อ พยักหน้าให้ชุ่มเข้ามา ชุ่มขยับเข้าไปใกล้แล้วหันแขนข้างที่โดนน้ำร้อนลวกให้ดู ขุนพิทักษ์เอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่แผล ขุนพิทักษ์ขยับมาเป่าเบาๆ ที่แผล ชุ่มสะดุ้งเล็กน้อย
“ท่านขุนทำอะไรเจ้าคะ”
“เป่าให้แผลเอ็งหายไง ตอนข้าเด็ก ๆ แม่ข้าก็เป่าให้แบบนี้แล้วมันก็หายนะ”
ชุ่มมองด้วยความซึ้งใจ จนสองสายตามาสบกัน ทั้งคู่จ้องตากันเนิ่นนาน ขุนพิทักษ์โน้มหน้าเข้าไปหา
ชุ่มตั้งสติได้จะลุกไป ขุนพิทักษ์จะขยับตามเร็วไปนิดจนเจ็บแผล
“โอ้ย!”
ชุ่มตกใจ รีบเข้ามาดู
“ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์เห็นชุ่มเป็นห่วงเป็นใยยิ่งปรารถนาในตัวชุ่ม ขุนพิทักษ์ใช้มือประคองหน้า ชุ่มอึ้ง ๆ เหมือนโดนสะกด ขุนพิทักษ์ค่อยๆ จูบชุ่มอย่างอ่อนโยน
ขุนพิทักษ์ใช้มือข้างที่ชุ่มดันอยู่รวบตัวชุ่มเข้ามาในอ้อมกอด ร่างชุ่มกระแทกโดนแผลที่อก สีหน้าขุนพิทักษ์เจ็บปวดแต่ไม่ยอมปล่อยชุ่ม
“ท่านขุน...ปล่อยข้านะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์กระซิบข้างหู
“ข้ารักเอ็งนะชุ่ม”
ชุ่มชะงักไม่อยากเชื่อหู
“ข้า...รัก…เอ็ง...”
ชุ่มค่อยๆ หันมามองตากับขุนพิทักษ์อย่างเขินอาย
“ข้า”
ขุนพิทักษ์ไม่ปล่อยให้ชุ่มได้คิดเข้าหอมแก้มเบาๆ แล้วค่อยๆ ดันร่างชุ่มลงบนที่นอนช้าๆ
ตะเกียงภายในห้องเปลวไฟลุกโชติช่วงดั่งความรักของทั้งสอง
ภายในห้องนอน รำพึงยืนประจันหน้ากับขุนไว เธอพยายามจะไล่ขุนไวออกไปให้ได้
“ออกไปนะคุณพี่ ไม่อย่างนั้นน้องจะร้องให้บ่าวไพร่เข้ามา”
“ก็เอาสิ ถ้าน้องอยากให้บ่าวไพร่มันพูดกันให้สนุกปากว่ามีผู้ชายเข้ามาอยู่ในห้อง พี่ก็อยากรู้ว่าไอ้พิทักษ์มันจะว่าอย่างไรเหมือนกัน”
“ออกไป”
ขุนไวก้าวเข้าหารำพึง
“ทำไมน้องถึงทำร้ายจิตใจพี่แบบนี้ ทั้งที่น้องได้ให้คำมั่นแล้วว่าจะแต่งงานกับคนที่ชนะการดวล เมื่อพี่ชนะน้องต้องทำตามสัญญา”
รำพึงพยายามคุมอารมณ์
บ่วงบาป ตอนที่ 5 (ต่อ)
“สัญญาระหว่างคุณพี่กับคุณพี่พิทักษ์ ที่น้องยอมรับมีเพียงแค่ครั้งแรกที่ดวลกันต่อหน้าท่านเจ้ากรมเท่านั้น
ส่วนครั้งที่สองเป็นสัญญาที่น้องไม่ได้รับรู้ด้วย”
“ถ้าเป็นไอ้พิทักษ์น้องคงไม่กลับคำเช่นนี้ใช่ไหม”
รำพึงพูดไม่ออก
“ทั้งเงินทอง ฐานันดร พี่มีเทียบเท่ากับมันทุกอย่าง ทำไมถึงต้องเป็นไอ้พิทักษ์”
รำพึงนิ่งไม่ตอบ ขุนไวอารมณ์ขึ้นไม่ยอมตรงเข้าจับต้นแขนของรำพึงเขย่าด้วยแรงอารมณ์
“ตอบพี่มาสิ พี่มีอะไรที่ด้อยกว่ามัน ตอบมา”
รำพึงทั้งเจ็บทั้งโกรธ
“ชาติตระกูลไง”
ขุนไวชะงัก ในขณะที่รำพึงสติขาดไปแล้ว
“คุณพี่พิทักษ์มีชาติตระกูลที่เหนือว่าคุณพี่ เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าจะสู้ คนที่เกิดเป็นลูกพระยาได้อย่างไร น้องคู่ควรกับชายที่มีทั้งศักดิ์ศรีและชาติตระกูล ไม่ใช่เด็กวัดอย่างคุณพี่”
ขุนไวโกรธแค้นมากที่คำพูดของรำพึงกระทบปมที่ฝังอยู่ในใจของขุนไวมาตลอด ขุนไวกำหมัดแน่น
“แล้วความรักของพี่ไม่มีค่าต่อน้องเลยใช่มั้ย”
“น้องเลือกแล้ว”
รำพึงจะเดินออกไป ขุนไวคว้าข้อมือรำพึงไว้
“ปล่อยนะ”
รำพึงหันมาตบหน้าขุนไว เพี๊ยะ!
ขุนไว โกรธกระชากตัวรำพึงเข้ามาในอ้อมกอด รำพึงพยายามดิ้น แต่สู้แรงของขุนไวไม่ได้
“พี่จะให้น้องได้รู้ว่า เด็กวัดอย่างพี่ก็มีเมียเป็นลูกพระยาได้เหมือนกัน”
รำพึงตกใจ
“อย่านะ”
คำห้ามไม่เป็นผลเมื่อขุนไวซุกไซ้รำพึง แล้วดันร่างลงไปที่เตียงก่อนจะโถมทับตามลงไป
เช้าวันใหม่ ที่เรือนท้ายสวน แสงยามเช้าส่องเข้ามาดูอบอุ่น ชุ่มนอนหลับ มือของขุนพิทักษ์เอื้อมมาวางบนมือของชุ่มแล้วเลื่อนมือให้นิ้วสอดประสานกับมือของชุ่มอย่างหวงแหนแสดงความเป็นเจ้าของ
ขุนพิทักษ์นอนตะแคงซ้อนอยู่ด้านหลังชุ่ม ขุนพิทักษ์ลืมตามองชุ่มแล้วหอมที่เส้นผมเบาๆ แล้วขยับมาจูบที่หน้าผากของชุ่มด้วยความรัก ชุ่มรู้สึกตัวตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ...”
ชุ่มตกใจที่ได้ยินเสียงขุนพิทักษ์จะลุกขึ้น แต่โดนกอดไว้
“จะไปไหน ข้ายังไม่หายชื่นใจเลย”
ขุนพิทักษ์ คลอเคลียไม่ห่าง ชุ่มยิ้มเขิน
“ท่านขุนเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์หอม
“เอ็งรักข้าไหม”
ชุ่มชะงัก
“ว่าไง...เอ็งรักข้าเหมือนที่ข้ารักเอ็งหรือไม่”
ชุ่มยิ้มเขินไม่ยอมตอบ
“ข้าต้องไปแล้วเจ้าคะ”
“ข้าจะไม่ปล่อยเอ็งจนกว่าเอ็งจะตอบข้าก่อน”
ขุนพิทักษ์พลิกตัวชุ่มมามองหน้ากันแล้วอ้อน
“เอ็งรักข้าไหมชุ่ม”
ชุ่มยิ่งเขินหนัก พยายามจะลุก
“ท่านขุนเจ้าคะ ประเดี๋ยวน้าแจ่มกับคุณหญิงต้องมาเยี่ยมไข้ท่านขุน ถ้าข้ายังนอนอยู่แบบนี้ ข้าต้องโดนทำโทษแน่ๆ”
ชุ่มมีสีหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์ ขุนพิทักษ์ยิ้ม
“ก็ได้ ข้าก็ไม่อยากให้เมียข้าหลังลายเหมือนกัน”
ชุ่มทำหน้าไม่ถูกที่โดนเรียกแบบนั้น ขุนพิทักษ์หอมชุ่มอย่างหลงใหล ชุ่มยิ้มเขิน
บริเวณท้ายสวน จวงนั่งหลับสัปหงกทรงตัวไม่อยู่ หัวทิ่มไปกระแทกต้นไม้จนสะดุ้งตื่น
“อูย...เช้าแล้วเหรอเนี่ย”
เสียงคนเดินจากเรือน จวงรีบหันไปยื่นหน้ายื่นตาหาช่องมองผ่านพุ่มไม้ไป จวงเห็นชุ่มเดินออกมาจากเรือน สภาพผมดูยุ่งนิด ๆ แต่งตัวดูไม่เรียบร้อย จวงตกใจตาโตรีบวิ่งกลับไปที่เรือน
ในเวลาต่อมา ชุ่มนั่งอาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำแถวเรือนทาส ชุ่มวักน้ำขึ้นมาลูบที่แขนแล้วนึกถึงตอนที่ขุนพิทักษ์ลูบที่แขนของชุ่ม
“ข้ารักเอ็ง”
ชุ่มยิ้มด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่น น้ำที่วักขึ้นมาที่หัวไหล่หยดไหลเป็นสาย
รำพึงนอนอยู่บนเตียงน้ำตาหยดไหล เสียใจที่เสียทีขุนไวที่นอนตะแคงใช้มือพาดวางบนตัวรำพึงอย่างหวงแหน ขุนไวตื่นลืมตาเห็นน้ำตารำพึงก็ขยับมือข้างที่วางพาดตัวรำพึงขึ้นมาใช้นิ้วไล้เช็ดน้ำตาให้
“อย่าร้องไห้เลยนะ พี่รักน้องมาก”
รำพึงจะลุกขึ้น ขุนไวตามขึ้นมากอดไว้
“ปล่อย!”
“พี่รู้ว่าพี่ไม่ควรทำแบบนี้ พี่จะรีบให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอน้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี”
“ไม่ต้อง ดิฉันจะลืมเรื่องนี้ซะ ให้ท่านขุนคิดเสียว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น”
“อย่าเย็นชากับพี่แบบนี้ เรียกพี่เหมือนเดิมเถอะนะ”
“สิ่งที่ท่านขุนทำกับดิฉันมันเป็นสิ่งที่ดิฉันควรอภัยเหรอคะ”
“ถ้าน้องยอมแต่งงานกับพี่ พี่ก็คงไม่...”
“ดิฉันจะแต่งงานกับคนที่ดิฉันเลือกแล้วเท่านั้น”
“ไอ้พิทักษ์มันไปอยู่ในนรกแล้ว น้องอย่าเสียเวลารอมันอีกเลย”
รำพึงโพล่งด้วยความโมโห
“ต่อให้ดิฉันต้องตายตามคุณพี่พิทักษ์ไปดิฉันก็จะทำ แต่นี่คุณพี่พิทักษ์ยังมีชีวิตอยู่ ดิฉันก็จะรอ”
ขุนไวตกใจ
“ว่าไงนะ มันยังไม่ตาย”
“ใช่ คุณพี่พิทักษ์โดนโจรป่าทำร้ายบาดเจ็บสาหัส”
ขุนไวกำหมัดแน่นดวงตาฉายแววกร้าว
“อีกไม่นานคุณพี่พิทักษ์จะต้องหายดี แล้วก็จะมาสู่ขอดิฉัน หวังว่าท่านขุนจะเข้าใจและเลิกมาตอแยดิฉันซะที”
ขุนไวจนหนทางเลยต้องใช้การข่มขู่
“คุณพ่อของน้องไม่ยอมยกน้องให้ไอ้พิทักษ์แน่ หากท่านได้รู้เรื่องของเรา”
“ถ้าท่านขุนอยากฆ่าดิฉันก็เชิญบอกคุณพ่อไปเลย ดิฉันจะได้ตายสมใจท่านขุน”
ขุนไวกอดรำพึงแน่น
“พี่ไม่เคยคิดอยากฆ่าน้อง ใครจะฆ่าเมียตัวเองได้”
รำพึงบีบน้ำตา รำพึงมองอย่างโกรธที่โดนบังคับแล้วเปลี่ยนเป็นโอนอ่อน
“ถ้าเช่นนั้นคุณพี่ต้องสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร”
“แต่พี่รักน้อง แล้วพี่ก็เชื่อว่าท่านพระยาไม่ได้รังเกียจพี่ ท่านสนับสนุนพี่ด้วยซ้ำ”
“คุณพี่เพิ่งได้พบคุณพ่อไม่นาน แต่น้องเป็นลูก น้องรู้ดีว่าคุณพ่อคิดเช่นไร ถึงคุณพี่จะเป็นคนดี มีความสามารถ แต่นั่นไม่เพียงพอสำหรับคนที่จะเป็นเขยของคุณพ่อ”
ขุนไวยังอ้ำอึ้งไม่รับปาก รำพึงสำทับไปอีกที
“ถ้าคุณพี่สัญญากับน้อง คุณพี่จะได้ตัวน้องตลอดไป แต่ถ้าไม่! คงจะเหลือเพียงวิญญาณของน้องที่คุณพี่จะได้ครอบครอง”
ขุนไวตัดสินใจ
“พี่สัญญา พี่จะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”
รำพึงแสร้งยิ้มอย่างคนหมดหนทาง ขุนไวดึงเข้ามากอดอย่างแสนรัก แต่แววตาของรำพึงวาวโรจน์
จวงวิ่งเข้ามาจะถึงหน้าเรือนแล้วต้องชะงักหยุด เมื่อเห็นว่าขุนไวกำลังลงมาจากเรือนอย่างรีบเร่ง พลางมองซ้ายมองขวาอย่างระวังตัว จวงตัดสินใจหลบไม่ให้ขุนไวเห็นตนเอง รอจนขุนไวเดินออกไปอีกทาง จวงตาโตเป็นไข่ห่านรีบวิ่งขึ้นไปบนเรือน
ในกระจกเงา รำพึงที่เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าพราวไปด้วยน้ำตา รำพึงวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าตัวเองอย่างแค้นๆ แล้วปัดอ่างน้ำจนตกพื้นกระจาย ปึ้ง!
จวงก้าวเข้ามาพอดีเจออ่างน้ำที่กระเด็นมากระแทกขา รำพึงยืนหอบด้วยความโกรธ
“ว้าย! คุณรำพึงเจ้าขา เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ บ่าวเห็นท่านขุนไว…”
รำพึงเสียงดังตะคอก
“หุบปาก! เอ็งไปไหนมาทั้งคืน ทำไมไม่มาอยู่กับข้า นังจวง”
จวงตกใจ
“ก็คุณรำพึงให้บ่าวไปดูท่านขุนกับนังชุ่มไงเจ้าคะ”
“แล้วได้ความว่ายังไง”
จวงเห็นอารมณ์รำพึงก็อึกอัก
ขุนไวเดินเข้ามาที่เรือนตนเองด้วยสีหน้าเครียด แล้วชะงักที่เห็นคนจากกรมยืนอยู่ที่หน้าเรือน
“ท่านขุนไวขอรับ”
“มาถึงเรือนฉันตั้งแต่เช้า มีเรื่องด่วนรึ”
“ขอรับ”
ขุนไว สงสัยว่ามีเรื่องอะไร
แจ่มเดินนำคุณหญิงมณีออกมาที่มุมรับแขกบนเรือน คุณหญิงมณีชะงัก ท่านเจ้ากรมลุกขึ้นหันหน้ามา ส่วนขุนไวขยับเข้ามาไหว้คุณหญิง
คุณหญิงมณีรับไหว้ด้วยสีหน้าหวั่น ๆ
“ท่านเจ้ากรม มาเยือนถึงเรือนคงเป็นเรื่องสำคัญมาก”
“ใช่ ฉันต้องคุยกับขุนพิทักษ์”
คุณหญิงมณีมองท่านเจ้ากรมกับขุนไวอย่างไม่สบายใจ
ขุนพิทักษ์ลงนั่งตรงข้ามกับท่านเจ้ากรม ขุนพิทักษ์มองขุนไวอย่างแปลกใจที่นั่งอยู่ข้างท่านเจ้ากรม คุณหญิงมณีนั่งเคียงข้างต้องคอยจับมือปรามไว้
“ท่านขุนเจ็บหนักถึงขนาดนี้เลยรึ”
“พ่อพิทักษ์โดนโจรป่าดักทำร้าย เพิ่งจะลุกไหวก็วันนี้เองค่ะ”
ขุนไวมีสีหน้ากังวล
ขุนพิทักษ์มองขุนไวชั่วแวบหนึ่ง แล้วเบือนหน้าไปทางท่านเจ้ากรมอย่างไม่สนใจ
“ไอ้โจรพวกนี้มันกำเริบนัก ท่านขุนจำหน้าตาพวกมันได้หรือไม่”
ขุนไวมองหน้าอย่างมีลุ้น
“จำไม่ได้ขอรับ พวกมันปิดบังหน้าตาหมด”
ขุนไวโล่งอก
“ถึงขนาดดักปล้นคนของทางการ ถ้าปล่อยไว้พวกมันคงจะคิดการใหญ่เป็นแน่”
“พวกมันไม่ได้ปล้นขอรับ เป้าหมายของพวกมันคือฆ่ากระผมเพียงอย่างเดียว”
ท่านเจ้ากรมตกใจ
“อย่างนั้นรึ แล้วท่านขุนมีเรื่องผิดใจกับผู้ใดบ้าง”
ขุนพิทักษ์เหลือบมองทางขุนไว ขุนไวมองตอบลุ้นว่าขุนพิทักษ์จะตอบอะไร
“ตอนนี้กระผมยังนึกไม่ออกจริงๆขอรับ แต่ถ้ากระผมหายดีเมื่อไหร่ กระผมจะตามล่าลากคอพวกมันมาลงโทษให้สาสม!”
ท่านเจ้ากรมพยักหน้ารับรู้
“กระผมต้องขอประทานโทษที่ไม่สามารถไปทำงานตามกำหนดได้”
“ที่ฉันมาวันนี้เพราะว่างานของฉันนั้นมีมาก จำเป็นต้องมีผู้ช่วยมาแบ่งเบา แต่ท่านขุนเจ็บหนักขนาดนี้คงต้องพักรักษาตัวสักระยะ ฉันก็คงต้องหาคนมาทำงานแทนท่านขุน”
“ท่านจะให้ใครมาแทนกระผมขอรับ”
ขุนพิทักษ์อึ้ง คิดและมองออกว่า เป็นขุนไวแน่ ฝ่ายขุนไวจ้องหน้าขุนพิทักษ์นิ่ง
ภายในห้องนอน ขุนพิทักษ์เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ พยายามจะเดินออกจากห้องด้วยความลำบากเพราะยังบาดเจ็บที่แผล คุณหญิงมณีเข้ามาขวาง
“ลูกจะไปไหน ลูกยังเจ็บอยู่นะ”
“ลูกจะไปรายงานตัว ลูกต้องต่อสู้แทบตายกว่าจะได้ตำแหน่งมา จะให้ไอ้ไวคว้าไปง่าย ๆ แบบนี้ ลูกไม่ยอม!”
“พิทักษ์ ลูกต้องเข้าใจว่าที่ขุนไวได้ตำแหน่งนี้ไปก็เพราะตอนนี้ลูกเจ็บ ลูกฝืนไปก็ใช่ที่”
ขุนพิทักษ์สะอึกนิ่งไป คุณหญิงมณีเห็นขุนพิทักษ์ยอมสงบลง
“แม่เชื่อว่า ลูกของแม่จะได้ตำแหน่งนี้คืนมาอย่างแน่นอน แต่สิ่งสำคัญตอนนี้คือลูกต้องรักษาตัวให้หายซะก่อน”
คุณหญิงมณีจะออกไป
“คุณแม่ขอรับ...ขอให้ชุ่มเข้ามาดูแลลูกด้วยนะขอรับ”
คุณหญิงมณีมองอย่างคิดหนักแล้วเดินออกไป เมื่อคุณหญิงเดินออกมาหน้าห้องเห็นแจ่มกับชุ่มนั่งรอรับใช้อยู่
“ชุ่ม...เอ็งเข้าไปคอยดูแลลูกข้าด้วย ไป”
“เจ้าค่ะ”
ภายในห้อง ขุนพิทักษ์นั่งซึมอยู่ที่เตียง ชุ่มเดินเข้ามา
“ปิดประตู”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์อย่างเห็นใจ ชุ่มปิดประตูแล้วเดินเข้าไปใกล้ ขุนพิทักษ์ดึงชุ่มเข้ามากอดอย่างหาที่พึ่งทางใจ
“ข้าเจ็บใจนักที่ต้องแพ้ไอ้ไวแบบนี้”
ชุ่มสงสารกอดปลอบ
“มันอาจจะไม่ใช่ของของเราตั้งแต่แรกนะเจ้าคะ วันนี้เขาก็แค่เอาของที่ต้องเป็นของเขาคืนไป”
ขุนพิทักษ์อึ้งมองชุ่ม
ชุ่มลูบแขนพิทักษ์เบาๆ
“เราทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นนะเจ้าคะ เขาถึงว่ากันว่า ทำดีได้ดี”
ขุนพิทักษ์กอดแน่น
“ข้ารู้แล้ว หยุดพูด...ข้าเจ็บแล้ว”
ชุ่มได้แต่กอดแล้วยิ้มอย่างปลอบโยน
ภายในห้อง รำพึงผุดลุกสีหน้าโกรธจัด
“นังชุ่มมันอยู่กับคุณพี่ทั้งคืนตามลำพังงั้นเหรอ”
“เจ้าค่ะ แล้วมันออกจากเรือนมาตอนรุ่งเช้า เสื้อผ้า ผมเผ้าหลุดลุ่ย แสดงว่าเมื่อคืนมันกับท่านขุนคง...”
“พอได้แล้ว!” รำพึงกรีดเสียงดัง ตัวสั่นด้วยความเจ็บใจ
“ทาสอย่างนังชุ่มจะมาสู้เนื้อนวลอย่างคุณรำพึงของจวงได้อย่างไรเจ้าคะ ถ้าท่านขุนได้สัมผัสจะต้องหลงใหล” จวงยุยง
รำพึงคิดตาม แต่รับไม่ได้
“ข้าเป็นถึงลูกพระยาจะทำตัวเช่นหญิงชำเราตามโรงบ่อนได้อย่างไร”
“ให้ท่านขุนเป็นคนกระทำสิเจ้าคะ กระทำอย่างขาดสติ”
รำพึงมองอย่างสงสัยว่าทำอย่างไร
บนศาลาวัด ขุนไวพิชตพลกราบหลวงตามั่น
“กระผมได้เข้าทำงานในกรมแล้วขอรับ ในตำแหน่งผู้ช่วยท่านเจ้ากรม ในที่สุดกระผมก็ได้ตำแหน่งของกระผมกลับคืน”
“ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง แม้แต่ลมหายใจ”
“กระผมทำในสิ่งที่ควรทำ วันนี้กระผมรู้แล้วว่า ตาต่อตา ต้องฟันต่อฟัน”
“วันนี้เจ้าได้เห็นแล้วว่า คนที่ทำต่อเจ้านั้นได้รับผลของการกระทำเช่นไร หากเจ้าทำเลวเช่นเขา เจ้าก็ต้องได้รับผลนั้นเช่นกัน”
“กระผมกราบลาขอรับหลวงตา”
ขุนไวจุก ยกมือไหว้แล้วเดินออกไป
หลวงตามั่นมองอย่างเสียดายที่ไม่สามารถช่วยบรรเทาบาปกรรมและเรียกสติในตัวขุนไวกลับคืนมาได้เลย
ภายในห้อง จวงยื่นซองใส่ผงม้าเสพนางให้ รำพึงรับมามองอย่างสงสัย
“ผงม้าเสพนางเจ้าค่ะ หากท่านขุนทานเข้าไปจะทำให้เกิดแรงกำหนัด แล้วท่านขุนก็จะเป็นของคุณรำพึงเพียงผู้เดียว”
“ได้ผลแน่รึ”
“แน่เจ้าค่ะ แต่คุณรำพึงต้องปิดเป็นความลับนะเจ้าคะ ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านพระยา นังจวงตายแน่ๆ”
“คุณพ่อ...”
รำพึงคิดๆแล้วตาลุกวาว คิดแผนได้...
รำพึงมองผงม้าเสพนางด้วยสายตาร้าย
“คุณพ่อจะช่วยให้คุณพี่เป็นของข้าเร็วขึ้น”
หลายวันผ่านไป เช้าวันใหม่ ชุ่มเปลี่ยนและเหน็บผ้าพันแผลให้กับขุนพิทักษ์
“แน่นไหมเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์พยักหน้า
“แผลเกือบแห้งแล้ว อีกไม่นานท่านขุนก็จะหายแล้วนะเจ้าคะ”
“ดี...เพราะข้าต้องไปทวงของๆ ข้าคืน”
ชุ่มหน้าเสีย
“ป่านนี้คุณรำพึงคงเป็นห่วงท่านขุนมาก”
“ข้าหมายถึงการงานของข้า”
ชุ่มยิ้มเก้อ ๆ ที่เข้าใจผิด
“เจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ยิ้มแล้วถาม
“หวงข้าเหรอ ชุ่ม...ตอนนี้หัวใจของข้าไม่ได้คิดถึงใครเลยนอกจาก... เอ็ง”
ขุนพิทักษ์จับมือชุ่มจูบเบาๆ ชุ่มมองด้วยความรักหมดใจ
จบตอนที่ 5
อ่านต่อตอนที่ 6 เวลา 17.00น.