xs
xsm
sm
md
lg

เสือสมิง ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสือสมิง ตอนที่ 13

ระรินเดินมาตามป่าแล้วหลง

“โอย...ถ้ำไปทางไหนนะเนี่ย...หลงแล้วสิเรา...”
ระรินเดินโซเซไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายสายตามองไปรอบๆก็มีแต่ความมืด สักพักเธอก็ทรุดนั่งลงแล้วบ่น
“ฮือ...แล้วจะกลับยังไงเนี่ย”
ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงหัวหน้าทหารว้าลอดมาจากข้างหลัง
“ให้พี่ไปส่งไหมล่ะ”
ระรินเคลิ้มไม่ระวังตัว
“ดีสิ...กำลังหลงทางเลย...เฮ้ย...”
ระรินนึกขึ้นได้แล้วหันไปเจอทหารสามคนนั้นหน้าตาหื่นกามทั้งนั้น
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ...ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ได้ฉันปล่อยแกก็ได้ แต่แกต้องบอกมาก่อนว่าเพื่อนแกอีกคนอยู่ที่ไหน”
ระรินระร่ำระรัก
“ได้...ได้...ฉันบอกแกแล้วแกต้องปล่อยฉันไปจริงๆนะ”
“จริงสิ...คนที่นายฉันต้องการมันคือนังนั่นไม่ใช่แก”
ระรินดีใจ
“นังคนนั้นมันอยู่ในซอกถ้ำ แต่ฉันจำทางไม่ได้ แต่ตรงปากถ้ำแคบและเป็นซอกเล็กๆต้องสังเกตให้ดี”
ทหารรู้ได้ทันที
“ฉันรู้แล้ว...”
ระรินยิ้ม
“รู้แล้วนะ...งั้นฉันไปล่ะ”
หัวหน้าดึงมือระรินเอาไว้
“จะไปไหน”
“อ้าว...ก็เมื่อกี้บอกว่าถ้าฉันบอกแล้วจะปล่อยไง”
“ฉันล้อเล่นน่ะ”
หัวหน้าเพยิดหน้าให้ทหารมัดปากมัดมือระรินไว้
“ไป...ส่วนเอ็งเอานังนี่ไป ข้าจะเอาไปสังเวยนายเสียหน่อย”
ทั้งหมดเดินไปที่ซอกถ้ำ

เสือทศนั่งดื่มเหล้าอย่างใจเย็นในใจครุ่นคิด มีเสือชินอยู่ข้างๆ
“พี่ตัดสินใจแน่แล้วหรือ”
“ข้าคงถอยไม่ได้แล้ว นี่เป็นโอกาสสำคัญ ที่ข้าจะเป็นใหญ่”
เสือชินใจยังไม่กล้าเท่าไหร่
“แต่พ่อเสือไม่ธรรมดานะพี่”
“มีคนเป็นกองทัพ ดูสิว่าจะรอดไปได้ยังไง”
เสือทศมั่นใจ เสือชินใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าว่ามีพวกมาก
“แล้วพี่จะทำยังไง”
“ข้าคงต้องนิ่ง ออกหน้าไม่ได้ รอให้พวกเสี่ยรงค์จัดการ อีกอย่างเราก็ไม่ต้องเหนื่อย เมื่อพ่อเสือถูกกำจัด ข้าก็จะได้รวบรัดจงใจเสียที”
ขณะเดียวกันนั้นลูกน้องเข้ามาบอก
“พี่ทศ เสี่ยรงค์มาตั้งแคมป์แล้วพี่...”
“อืม...ไป...”
เสือทศรับรู้แล้วชวนทุกคนออกไป

สมรักษ์ จ่าชิต และหมู่ออกเดินตามรอยเสือใจ
“หายังไงก็ไม่เจอหรอกหมวด มืดขนาดนี้ ยิ่งรนรานยิ่งอันตรายนะ” จ่าชิตไม่ค่อยสบอารมณ์
“จ่าจะปล่อยให้เสือใจไปคนเดียวหรือ”
“หมวดเป็นห่วงเสือใจเหมือนกันหรือ”
สมรักษ์เฉไฉ
“เอ่อ...ผมก็ห่วงทุกคนนั่นแหละ รีบไปเถอะ”
จ่าชิตยิ้มที่แท้สมรักษ์ก็เป็นห่วงเสือใจจริงๆ สมรักษ์เดินนำไป

จงใจเดินเข้าเดินออกในถ้ำอย่างเป็นกังวลเพราะเป็นห่วงระริน
“ยายนี่ไปไหนของเขานะ...เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
จงใจคิดสักพักแล้วตัดสินใจออกไปตามหา
“เฮ้อ...หลงทางหรือเปล่าก็ไม่รู้”
จงใจเดินออกไป ทันใดนั้น หัวหน้า กับทหารว้าแดง ออกมาจากมุมมืด หัวหน้าทักอย่างยียวน
“เจอกันอีกแล้วนะ...แหม บังเอิญจริงๆ”
จงใจตกใจระวังตัว
“ฉันว่าอย่าเจอกันเลยดีกว่านะ...”
จงใจจะวิ่งแต่หัวหน้ากับลูกน้องดักเอาไว้ทัน
“แกจะทำอะไร”
หัวหน้าสั่งเสียงเข้ม
“กลับไปกับข้าซะโดยดี”
จงใจยอมตาย
“เพื่อนฉันล่ะ”
“ป่านนี้นายข้าคงพามันขึ้นสวรรค์ไปแล้ว”
“ไอ้สารเลว...”
จงใจตรงเข้าไปต่อสู้แบบสู้ตาย หัวหน้าหลบและตอบโต้เล็กน้อย ในที่สุดจงใจก็แพ้และถูกจับ เธอดิ้นรน
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ได้...แต่ต้องถึงที่พักก่อนนะฉันจะปล่อยให้ถึงห้องนอนเลย”
หัวหน้ากับลูกน้องกำลังจะลากจงใจไป ทันใดนั้นมีดสั้นปาเข้ามาปักลูกน้องตายคาที่ คงเหลือหัวหน้ากับจงใจ
เสือใจโผล่ออกจากมุมมืด
“ปล่อยลูกข้าเดี๋ยวนี้”
“พ่อ...”
จงใจดีใจ หัวหน้าสีหน้าซีดแต่ทำใจกล้า
“อยากได้ก็เข้ามาเอาสิวะ”
หัวหน้าชักปืนขึ้นมา เสือใจมองเย้ย
“ไอ้ลูกปืนแค่นี้มันไม่ระคายผิวข้าหรอกวะ”
เสือใจเดินดุ่มๆเข้าไป หัวหน้าเปลี่ยนมาจี้ศีรษะของจงใจแทน
“ข้ารู้ว่าเอ็งเหนียว แต่ลูกเอ็งไม่เหนียวนี่หว่า” หัวหน้าหัวเราะอย่างมีชัย “ถอยไป”

เสือใจชะงัก

“ใจเย็น...ก็ได้...ก็ได้...อย่าทำอะไรลูกข้านะ”
หัวหน้าดันจงใจให้เดินไป เสือใจมองอย่างเจ็บใจและระวัง จงใจตัดสินใจกัดแขนหัวหน้าทีเผลอ หัวหน้าร้องลั่น
“โอ๊ย...”
เสือใจไม่ปล่อยให้เสียจังหวะ เขาเข้าไปชิงปืนและต่อสู้กับหัวหน้า จงใจเป็นอิสระ เสือใจสั่ง
“จงใจ...วิ่ง...หนีไป...”
จงใจตัดสินใจวิ่งหายไปในความมืด เสือใจโล่งใจแล้วกลับมาสู้กับหัวหน้าขณะที่ต่อสู้กันนั้นหัวหน้าสู้ไม่ได้ แต่จังหวะหนึ่ง...จงใจเดินหน้าซีดออกมาจากเงามืด เสือใจแปลกใจ
“จงใจ ทำไม่ไม่...”
เสือใจหยุดพูดได้แค่นั้น อองไชยก็เดินออกมาจากมุมมืดยิ้มเข้ม
“สวัสดี...เพื่อนเก่า”
เสือใจตกใจ
“อองไชย”

สมรักษ์เดินมาตามป่า กับจ่าชิตและหมู่ สมรักษ์กังวลสายตาสอดส่ายหาเสือใจ จ่าชิตก็อารมณ์คล้ายกัน
“ไอ้ใจนะไอ้ใจ เสือกมาทำเป็นฮีโร่...เดือดร้อนกันหมด”
ทั้งหมดยังคงเดินต่อไป

อองไชยยังคงจ้องเสือใจแล้วยิ้มให้อย่างยียวน
“สบายดีหรือเปล่า เสือใจ”
“ไอ้เดียรัจฉานวิชาเอ๊ย...คิดว่าแกโดนเสือลากไปกินแล้วซะอีก เหนียวเหมือนกันนี่”
เสือใจข่มทับ อองไชยไม่ยอมแล้วสั่งหัวหน้า
“เอาตัวนังนี่กลับไปที่แคมป์ก่อน”
หัวหน้าทำตามแล้วเดินจากไป เสือใจยึกยักแต่ทำอะไรไม่ได้
“ปล่อยลูกข้า”
“คงไม่ได้หรอก นอกจากข้าจะตายไปก่อน”
อองไชยส่งสัญญาณการต่อสู้ ทั้งคู่จ้องหน้ากันและเตรียมที่จะเข้าต่อสู้...อองไชยกระโดดเข้ามาวาดลวดลายมวยไทยกับเสือใจ

หัวหน้าลากจงใจมาตามป่า แต่เธอพยายามขัดขืน
“ปล่อยฉัน...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ...ปล่อยสิ...”
หัวหน้าไม่สนใจ แล้วตบจงใจไปหนึ่งฉาด
“ฤทธิ์มากนักใช่ไหม...”
จงใจทรุดลง หัวหน้านั่งลงไปเชยคางของเธอ
“ว่าไง จะเอาอีกไหม...ลุกขึ้น”
ทันใดนั้นจงใจแย่งปืนจากหัวหน้าไปได้ และถอยออกมายืนจ่อ
“เอาสิ...นี่...อย่าเข้ามานะ ฉันยิงหัวกระจุยแน่”
หัวหน้าไม่กลัว เขาจ้องหน้า จงใจยืนถือปืนมือสั่น หัวหน้าตัดสินใจที่จะจู่โจมและรอจังหวะ
“ใจเย็นก็ได้น้องสาว มีอะไรก็ค่อยๆพูดกัน”
หัวหน้าเขยิบเข้าไปหา จงใจขยับปืนแน่น
“อย่าเข้ามานะ ฉันยิงจริงๆด้วย”
“แน่จริงก็ยิงเลย...ยิงสิ...ยิง...”
หัวหน้าท้าให้จงใจเสียสมาธิ แล้วจังหวะหนึ่งก็เข้าไปแย่งปืนทันที
“นี่แน่...”
หัวหน้ากับจงใจแย่งปืนกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร

หัวหน้ากับจงใจแย่งปืนกันไปมา แล้วปืนก็ลั่นเสียงดังกังวาน
ปัง ! ...
ลูกปืนถูกยิงขึ้นฟ้าไป ทั้งคู่ยังคงแย่งปืนกันต่อ สักครู่ปืนก็ลั่นอีก ปัง! หัวหน้ากับจงใจตกใจทั้งคู่มองหน้ากันตาโพลง ไม่รู้ว่าใครถูกยิง สักพักหัวหน้าก็ตาโพลนด้วยความเจ็บ แล้วรู้ตัวว่าปืนลั่นเข้าที่เท้า
“โอ๊ย...อีเวรเอ๊ย...”
จงใจได้จังหวะและตั้งสติได้จึงถีบหัวหน้ากระเด็นกลิ้งไปกับพื้น แล้วเตะเสยไปด้วยความแค้น
“นี่แน่...”
จงใจรีบวิ่งหนีหายไปในความมืด
“อย่าหนีนะ...มึง...จับได้ล่ะมึง...โอย...”
หัวหน้าพยายามตามทั้งที่ขาเจ็บ

สมรักษ์ จ่าชิต และหมู่ ชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงปืน
“จ่า...”
จ่าชิตมองไปทางทิศที่ปืนดังขึ้น
“ทางโน้น”
จ่าชิตนำทางทั้งหมดไป

เสือใจยังคงต่อสู้กับอองไชย เป็นการสู้ด้วยอาวุธมีดสั้นเพราะปืนทำอะไรไม่ได้ เสียงปืนดังขึ้นเสือใจหยุดชะงักอย่างกังวล
“จงใจ...”
เป็นจังหวะที่อองไชยแทงเสือใจแต่ไม่เข้า
“ไม่เลวนี่ วิชาแกยังแข็งอยู่ แต่ยังไงก็สู้ข้าไม่ได้หรอกวะ...มา...”
อองไชยบุกเข้าไปต่อสู้อย่างดุดัน เสือใจจ้วงแทงอองไชยแต่ไม่เข้า เมื่อไม่มีใครแทงเข้าจึงฉากออกมาตั้งหลักทั้งคู่ อองไชยเอามีดภาวนาคาถา เสือใจจ้องหน้าอองไชยแบบไม่เกรงกลัวแล้วภาวนาคาถาเหมือนกัน

จงใจวิ่งลัดเลาะหนีไปตามป่าอย่างไร้จุดหมาย...หัวหน้าเดินเขยก มาตามทางเพื่อตามจงใจ เขาเอาผ้าพันแผลที่เท้าเอาไว้แล้วบ่นไปตลอดทาง
“อย่าหนีนะนังสารเลว จับได้พ่อจะแล่เนื้อเป็นชิ้นๆเลย...โอย...”
ทหารว้าแดง 2- 3 คนรีบวิ่งเข้ามาสมทบ
“หัวหน้า...”
ทั้งหมดหยุด หัวหน้าแววตาแค้นแล้วสั่ง
“นังนั่นมันไปทางโน้น ตามไปเร็ว”
“แล้วหัวหน้าล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงข้า...ไป รีบตามมันไป”
ทหารว้าแดงรีบวิ่งไป หัวหน้ามองตามเบาใจขึ้น

จงใจยังคงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต โดยมีทหารว้าแดงวิ่งตามมา จงใจยังวิ่งห่างพอสมควร ทันใดนั้นเธอวิ่งมาชนใครคนหนึ่งเข้าอย่างจังจนล้มลง จงใจตื่นกลัว
“อย่าทำอะไรฉันเลย...”
สมรักษ์เข้าไปหาอย่างดีใจ
“จงใจ ฉันเอง...”
จงใจลืมตาเห็นเป็นสมรักษ์ ก็โผเข้ากอดอย่างลืมตัว
“หมวด...หมวดจริงๆด้วย...”
จ่าชิตและหมู่พลอยโล่งอก
“ระรินล่ะ” สมรักษ์ถาม
จงใจส่ายหน้า
“ไม่รู้”
จ่าชิตเข้ามาถามบ้าง
“แล้วเสือใจ...”
จงใจนึกถึงเสือใจแล้วหน้าไม่ดี
“พ่อ...พ่ออยู่ทางโน้น”
จงใจชี้ไปทางที่เสือใจสู้กับอองไชย แต่ก่อนที่ทุกคนจะทำอะไร ทหารว้าแดงก็ส่งเสียงเข้ามาพร้อมกับยิงใส่
“นั่น...พวกมันอยู่นั่น”
สมรักษ์ จ่าชิต หมู่และจงใจหาที่กำบังหลบกระสุนปืน หัวหน้ามาสมทบแล้วเห็นพวกสมรักษ์
“วิทยุเรียกกำลังมาเสริม”
“ครับ”

ทหารทำตามคำสั่ง แล้วยิงเข้าใส่ สมรักษ์ได้ที่หลบที่เหมาะ จงใจอยู่ใต้อ้อมกอดเขา จงใจกลัวแต่อบอุ่น สมรักษ์ปลอบ

“ไม่ต้องกลัวนะจงใจ”
“จ้ะ...”
ทั้งคู่สบตากันหวานซึ้ง จ่าชิตตะโกนเข้ามาอย่างแดกดัน
“อย่าเพิ่งมาหวานซึ้งกันตอนนี้ ช่วยกันยิงพวกมันก่อน...เสร็จแล้วผมจะเป็นเถ้าแก่ให้...”
สมรักษ์เขินๆ แล้วรู้ตัว พร้อมกับยิงโต้ตอบไป

อองไชยยังคงร่ายอาคมจ้องหน้าเสือใจที่กำลังบริกรรมคาถาเหมือนกัน ทั้งคู่บริกรรมเสร็จต่างก็ลืมตาแววตาทั้งคู่กร้าว อองไชยเปิดฉากต่อสู่
“แกไม่มีวันรอดไปได้หรอก”
“ก็ลองดูสิวะ...”
การต่อสู้ดำเนินต่อไป เสือใจเริ่มเพลี้ยงพล้ำ ฉากออกมาพบว่าตัวเองถูกคมมีดที่สีข้างแต่แผลไม่ลึก
อองไชยแสยะยิ้ม
“อย่าได้ประมาทอาคมของข้า”
“ก็แค่เดียรัจฉานวิชา”
เสือใจรวบรวมกำลังไปต่อสู้ต่อไป

จงใจยังคงหลบในอ้อมแขนของสมรักษ์ หัวหน้าว้าแดงบัญชาการอย่างเข้มข้น
“เอาผู้หญิงไว้ นอกนั้นฆ่าให้หมด”
กำลังทหารว้าแดงมาสมทบอีก 4-5 คน และกำลังเพิ่มมาเรื่อยๆ จ่าชิตเห็นท่าไม่ดีจึงเตือนสมรักษ์
“มันมาอีกฝูงหนึ่งแล้วหมวด ถอยก่อนไหม”
หมู่เห็นด้วย
“นั่นสิหมวด กระสุนผมใกล้หมดแล้ว”
สมรักษ์มองสถานการณ์และประเมิน
“ถอยก่อน”
จงใจไม่ยอม
“แล้วพ่อจงใจล่ะ”
จ่าชิตมั่นใจ
“ไอ้ใจมันไม่เป็นอะไรหรอก”
จงใจกังวล
“แต่จงใจเป็นห่วงพ่อ ไปช่วยพ่อจงใจด้วยนะหมวด”
จงใจดื้อดึง สมรักษ์เห็นด้วยกับจ่าชิต
“จงใจ เราต้องไปก่อน”
“แล้วพ่อจงใจล่ะ หมวดจะไม่ช่วยหรือ”
จ่าชิตถอนใจ
“เราไม่รู้ว่าพวกมันมีแค่ไหน แต่ที่แน่ๆมันมากกว่าเราแน่ ขืนฝ่าเข้าไปเป็นศพกันหมดแน่ เชื่อลุงจงใจ ไอ้ใจมันเอาตัวรอดได้...ไปเถอะ”
สมรักษ์มองหน้าจงใจส่งแววตาให้สัญญา
“แยกกันไป...เจอกันที่จุดนัดพบ”
“ผมจะยิงคุ้มกันให้”
จ่าชิตยิงระวังหลัง สมรักษ์พาจงใจออกไป หัวหน้าอ่านเกมออก
“เฮ้ย...มันหนีไปแล้ว ตามไป”
ทหารว้าแดงลุกตามไปแต่ถูกจ่าชิตยิงตายไปหลายคน จ่าชิตหายไปในความมืด

อองไชยยังคงต่อสู้กับเสือใจ ในที่สุดเสือใจก็แพ้ มีบาดแผลหลายแห่งจากมีดและถูกเชือกอาคมพันธนาการไว้อยู่ที่พื้นมีทหารหลายนายค่อยๆเดินมาล้อม เสือใจตากร้าว ไม่หวั่นไหว ในใจเป็นห่วงลูกสาว

ภราดรนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวที่ในบ้าน วินมิกกับลูกน้องเดินผ่านมาท่าทางวุ่นวายหน้าไม่ค่อยดี ภราดรมองผ่านหน้าต่างออกมาเห็นแล้วถามวินมิก
“มีเรื่องอะไรกันหรือครับ”
“อ๋อ...พวกตำรวจน่ะครับเห็นว่ามาตั้งกองกันอยู่ตรงชายป่าฝั่งโน้น”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณล่ะ”
“ผมคิดว่าคงเอากำลังมาล่าเสือใจน่ะครับ พวกเราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้”
ภราดรครุ่นคิด
“มาล่าเสือใจหรือ...”
“ผมไปก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวสิ พวกนั้นตั้งแคมป์กันที่ไหนหรือ”
“ไปทางตะวันออก ห่างจากนี่สัก10 กิโลได้ครับ”
วินมิกไม่ได้สงสัยในคำถามของภราดร แล้วรีบเดินจากไป ภราดรพยักหน้ารับแล้วแล้วคิดอะไรบางอย่าง

เสือทศหาลือกับเสี่ยรงค์โดยมีเสือชินอยู่ด้วยทั้งคู่สนทนากันมาระยะหนึ่งแล้ว เสือทศออกตัวเรื่องเสือใจ
“ถ้าตำรวจจับพ่อเสือได้ ฉันคงต้องเก็บตัวก่อน”
“ทำไม...ไม่กล้าสู้หน้าไอ้ใจมันหรือไง”
“เปล่า...แต่...”
เสือทศเหมือนไม่มีคำแก้ตัวเขารู้อยู่ในในว่ากลัว เสี่ยรงค์เข้าใจ
“เอาเถอะ ฉันเข้าใจ คนมันอยู่ด้วยกันมานาน มันก็ต้องคิดกันบ้าง”
“ถ้าพ่อเสือถูกบ้านเมืองจับได้ จะมีโทษขนาดไหน”
เสี่ยรงค์กระหยิ่มนึกพอใจในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
“ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาทั้งเด็กผู้ใหญ่ไม่เลือกแบบนี้ ประหารชีวิตสถานเดียว”
เสือทศ สะอึกเล็กน้อยแล้วทำใจ หัวหน้าว้าแดงกับลูกน้องเดินเข้ามาหาเสือทศหันไปถาม
“เป็นยังไงบ้าง”
“ขอโทษด้วยครับนังนั่นมันหนีไปได้”
เสือทศรู้สึกเซ็ง
“อะไรนะ ผู้หญิงตัวคนเดียวแกยังเอาไม่อยู่อีกหรือ”
“เอ่อ...มีตำรวจมาช่วยไว้ครับ”
เสือทศขบกรามแน่น
“ไอ้หมวดสมรักษ์”
“ท่านเสี่ยครับ ท่านพรานอองไชยกำลังสู่กับเสือใจอยู่ครับ”
เสี่ยรงค์ตาโตแล้วรีบสั่ง
“รีบส่งคนไปช่วยเร็ว”
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะทำอะไรอองไชยก็เดินเข้ามากับศักดา
“ไม่ต้อง...เสือสมิงข้ายังเอามันลง ประสาอะไรกับเสือกระจอก...ข้ามัดมันไว้ด้านหน้าแล้ว”
เสี่ยรงค์ดีใจ
“จริงรึท่านพราน”
ศักดารีบบอกเอาใจ
“จริงครับเสี่ย ตำรวจกำลังควบคุมตัวมันอยู่ที่ด้านหน้า”
เสือทศเห็นท่าไม่ดีรีบฉาก
“ฉันจะไปรอฟังข่าวที่ชุมเสือ”
ทุกคนเข้าใจ หัวหน้าประจบเสี่ยรงค์
“ท่านเสี่ยครับ ผมมีของขวัญมากำนัลท่านด้วย”
หัวหน้าพยักหน้าให้ลูกน้องไปนำตัวระรินที่ถูกมัดมือมัดปากเอาถุงคลุมศีรษะมา ระรินดิ้นไปมาแต่พูดไม่ได้ เสี่ยรงค์ไม่รู้ว่าเป็นลูกสาวก็ยิ้มพอใจ
“เอาไปไว้ในเต็นท์ฉัน...ไหน...ไปต้อนรับเสือใจผู้ยิ่งใหญ่กันหน่อยซิ”

ทุกคนเดินไปด้านหน้า

เสือใจถูกถอดเสื้อจับมัดอยู่ที่เสาด้านหน้าแคมป์มีร่องรอยบาดแผลจากมีดของอองไชยหลายแห่งท่าทางเสือใจไม่หวั่น มีตำรวจเฝ้าหลายนาย เสี่ยรงค์ อองไชย ศักดา เดินมาประจันหน้ากับเสือใจ เสี่ยรงค์ยิ้มอย่างพอใจ
“ในที่สุดมันก็มีวันนี้จนได้” เสี่ยรงค์หัวเราะ “ไม่ได้เจอกันนานเลยสินะ เสือใจ...ไม่ใช่สิ...ไอ้ใจ ไอ้ขี้ข้าเก่า ไอ้ขี้ข้าเนรคุณ”
เสี่ยรงค์เดินนิ่มๆแล้วเข้าไปตบหน้าเสือใจแบบให้อายทีนึง เสือใจสะบัดหน้ากลับมาแววตากร้าว
“แบบนี้มันจะหยามกันไปแล้ว”
“เหรอ...แล้วที่มึงปล้นกูเอาเมียกูไปนั่นไม่หยามมากกว่านี้หรือ”
“แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป เมียข้าต้องตายเพราะอะไร”
เสี่ยรงค์ไม่ยอมรับและไม่สะทกสะท้าน
“กูจำไม่ได้แล้วโว้ย”
เสี่ยรงค์เลือดขึ้นหน้าแล้วซ้อมเสือใจไปหลายหมัดอย่างเมามันและเจ็บแค้น ศักดาห้าม
“พอเถอะเสี่ย ให้กฎหมายจัดการมันดีกว่า อย่างมันโทษประหารสถานเดียว”
“ดี...ดี...เลือดจะได้ไม่เปื้อนมือกู”
เสี่ยรงค์มองหน้าเสือใจอย่างผู้มีชัยแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

จ่าชิต สมรักษ์ หมู่ และจงใจพากันเดินมาถึงหมู่บ้านของวินมิก จงใจท่าทางอิดโรย จ่าชิตคาดเดา
“วินมิก อยู่หรือเปล่า”
สมรักษ์กับจ่าชิตและหมู่ยืนมองว่าจะมีใครออกมา วินมิกกับลูกน้องถือปืนออกมา
“จ่า”
วินมิกยังไม่ทันทำอะไรหินกับแก้วก็วิ่งออกมา แววเดินตามหลังมา หินดีใจ
“พี่จงใจ”
แก้วดีใจไม่แพ้กัน
“หมวด พี่จงใจ”
ทั้งหมดวิ่งมากอดกัน แววดีใจมาก
“จงใจ โธ่...นึกว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว”
จงใจท่าทางอ่อนแรงมาก
“พ่อเสือล่ะ”
แววกังวลทันที
“พ่อเสือไม่ได้มาที่นี่นี่”
จงใจทรุดลงหมดสติทันที แววตกใจ
“จงใจ...จงใจ หินไปตามหมอมาเร็ว”
กินรีรีบบอก
“พาเข้าไปข้างในก่อนเถอะ”
สมรักษ์รีบแบกจงใจเข้าบ้านไป หินรีบวิ่งไปที่พักภราดรอย่างรวดเร็ว

หินวิ่งเข้ามาที่หน้าบ้านภราดรแล้วเรียก
“หมอ...หมอ...”
ภราดรรีบออกมา
“มีอะไร”
“มีคนบาดเจ็บ”
ภราดรพยักหน้ารับแล้วรีบออกไปกับหิน

จงใจนอนหมดแรงตาปรือแต่ไม่ยอมหลับ แต่อุ่นใจที่มีสมรักษ์อยู่ข้างๆ ทุกคนนั่งมองอยู่ห่างๆ แก้วถือโอกาสนั่งใกล้สมรักษ์
“ไม่รู้ป่านนี้เสือใจเป็นยังไงบ้าง” สมรักษ์ถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันจะส่งคนออกไปสืบดู เฮ้ย...”
วินมิกเพยิดหน้าให้ลูกน้องคนหนึ่ง ลูกน้องพยักหน้ารับแล้วออกไป กินรีมองจงใจอย่างสงสารและนึกถึงระริน
“โชคดีนะหมวดที่จงใจรอดมาได้ ไม่รู้คุณระรินจะเป็นยังไงบ้าง”
หินกับภราดรเข้ามา ภราดรดีใจที่เห็นจ่าชิต แต่ทำท่าทางเฉยกับกินรี
“หมอมาแล้ว” หินบอกทุกคน
“รีบไปเอาน้ำอุ่นมาเร็ว”
ภราดรรีบทำการรักษา กินรีชำเลืองมอ
ภราดรอยู่บ่อยๆ

เสือใจถูกมัดตรึงอยู่ที่เดิม มีตำรวจเฝ้าอย่างหนาแน่น ในเต็นท์เสี่ยรงค์ ระรินถูกมัดมือมัดเท้าปิดปากและเอาถุงคลุมศีรษะนั่งอยู่บนเตียง สักพักเสี่ยรงค์ก็เข้ามาหน้าตากระหยิ่ม นั่งข้างๆระริน
“เป็นยังไงจ๊ะหนู ไม่ต้องกลัวนะ...แหมเนื้อตัวหอมชื่นใจ”
ระรินดิ้นไปมาเธอรู้ว่าเป็นพ่อพยายามดิ้นให้รู้ว่าเธอคือระรินแต่ไม่ได้ผล เสี่ยรงค์ปลอบอย่างอามรณ์ดี
“จะดิ้นไปทำไม...เดี๋ยวเราก็มีความสุขด้วยกันแล้ว”
เสี่ยงรงค์เข้าไปโอบกอด ระรินดิ้นแต่เสี่ยงรงค์ก็ยังคงกอดแล้วขอดูใบหน้า
“หุ่นดี เนื้อแน่น เสี่ยขอยลโฉมหน่อยซิ ว่าจะงามแค่ไหน”
ระรินดิ้นเสี่ยรงค์ค่อยเปิดใบหน้าระรินออก เขามีลูกเล่นหลับตา
“เสี่ยจะหลับตาลุ้นนะ พอนับ หนึ่ง สอง สาม เสี่ยก็จะหอมฟอดเลย...หนึ่ง...สอง...สาม...”
เสี่ยรงค์ลืมตาแล้วยื่นหน้าเข้าไปจะหอมแต่สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าคือระรินที่หลับตาปี๋ เสี่ยรงค์ตกใจ
“จ๊ากกก...ระริน”
เสี่ยรงค์โกรธ
“ใครทำกับลูกแบบนี้”
ระรินโล่งอก

ภราดรรักษาจงใจเรียบร้อยแล้ว เก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าพลางบอก
“เรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ให้เขาพักผ่อนเยอะๆ ผมไปก่อนล่ะ”
สมรักษ์ยิ้มให้
“ขอบใจนะหมอ”
ภราดรรีบลงเรือนไปจ่าชิตมองแล้วตามไป
“ผมไปส่ง”

ภราดรพยักหน้ารับไม่มองหน้ากินรี กินรีมองตาม

เสือสมิง ตอนที่ 13 (ต่อ)

ภราดรเดินลงมาที่หน้าบ้าน จ่าชิตตามลงมาทั้งคู่เดินคุยกันไป
“เป็นไงหมอ”
“ผมแทบจะทนไม่ไหวแล้วนะ ผมสงสารกินรี”
“สงสารก็ยิ่งต้องทน อย่าลืมสิ ถ้าหมอกลับไปหากินรีตอนนี้คนที่ระรินจะเล่นงานคนแรกก็คือกินรี”
ภราดรเข้าใจและจำทน จ่าชิตบอกแผนการต่อ
“หมอต้องไปแล้วล่ะ”
“ไปไหน”
“กลับไปหาเสี่ยรงค์ที่แคมป์ของมัน”
ภราดรอึกอักจะปฏิเสธ
“แต่...”
“มันจำเป็นหมอ หมอต้องทำให้มันเชื่ออย่างสนิทใจ ทางนี้ผมจัดการเอง”
“ผมต้องทำยังไงบ้าง”
จ่าชิตแววตาจริงจังหน้ากระหยิ่มยังไม่บอกอะไรทิ้งไว้เป็นปริศนา ภราดรจำยอม

ภราดรเดินอย่างรวดเร็วมาตามป่า เขารีบเดินไปอย่างรวดเร็วในใจร้อนรนคิดอะไรไม่มีใครรู้มีเสียงของจ่าชิตดังก้องในหัว
“หมอต้องกลับไปทำตัวให้กลมกลืนกับพวกมัน มันต้องซักไซ้ไล่เรียงหมอ แล้วบอกพวกมันว่า พวกเราอยู่ที่นี่มันจะได้ไว้ใจหมอ เข้าใจไหม หมอไปได้แล้ว โชคดีนะหมอ”

จ่าชิตเดินขึ้นมาบนบ้านแล้วมานั่งสนทนากับสมรักษ์ และวินมิก หินกับมะค่าหลับอยู่ สมรักษ์หันมาถาม
“พวกเสี่ยรงค์มากันเยอะไหม”
วินมิกหน้าเครียด
“เป็นกองทัพเลยล่ะนาย ทั้งตำรวจ ทั้งคนของเสี่ยรงค์ แถมยังมีพวกว้าแดงด้วย”
สมรักษ์คิดๆ
“เสือใจคงไปทำอะไรให้เสี่ยรงค์เจ็บแค้นน่าดู...เฮ้อ...”
กินรีกังวล
“แล้วเราจะทำยังไง กันดีล่ะ”
แววคิดๆ ทุกคนรู้สึกกังวล วินมิกไม่กลัว
“ก็ให้มันมา ผมไม่กลัวพวกมันอยู่แล้ว”
จ่าชิตนั่งดื่มเหล้าป่าอย่างกระหายที่มุมห้อง
“ใจเย็น นายมันพวกน้ำน้อย พวกนั้นมันไฟแถมมีน้ำมันด้วย ดับมันไม่ได้หรอก”
สมรักษ์เห็นด้วย
“จริง ต้องรักษาชีวิตทุกคนเอาไว้”
“หมวดมีแผนอะไร...”
“ยัง”
“แต่ผมมี”
จ่าชิตยิ้มอย่างมีเลศนัย

ระรินตบหน้าหัวหน้าและลูกน้องอีกสองคนเรียงตัวด้วยความแค้น เสี่ยรงค์ ศักดา และตำรวจคุมเชิงอยู่ เสี่ยรงค์ตวาด
“ใครใช้ให้แกทำกับลูกสาวฉันแบบนี้”
หัวหน้าว้าแดงตัวสั่นด้วยความกลัว
“ผมไม่รู้จริงๆครับว่าคุณเป็นลูกเสี่ยรงค์”
“ก็ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วไงว่าฉันเป็นลูกเสี่ยงรงค์”
หัวหน้าน้ำเสียงแทบจะร้องไห้แล้วคุกเข่าลงขอโทษ
“ผมมีตาหามีแววไม่ คุณระรินยกโทษให้ผมนะครับ”
ศักดายุส่ง
“ผมว่ายิงทิ้งแล้วฝังมันตรงนี้เลยดีกว่าเสี่ย”
หัวหน้าตื่นกลัว
“อย่านะครับ...ผมกลัวแล้ว”
ลูกน้องทุกคนต่างคุกเข่าขอชีวิต เสี่ยรงค์ไม่ยอม
“ไม่ได้...ไม่มีใครเคยเหยียบจมูกเสี่ยรงค์แบบนี้ เอาตัวไป...”
ศักดาพร้อมรับคำสั่งแต่ระรินห้ามเอาไว้
“ช่างเถอะพ่อ พวกมันก็ไม่ได้ทำอะไรระรินมากหรอก แค่นี้มันก็กลัวหัวหดแล้ว ปล่อยพวกมันไปเถอะ”
อยู่ดีๆระรินก็มีเมตตาขึ้นมา เสี่ยรงค์งงๆ
“อ้าว...เอาอย่างนั้นรึ”
“ค่ะ”
หัวหน้ากับลูกน้องต่างดีใจแล้วก้มลงกราบ
“ขอบพระคุณครับ...ขอบพระคุณ”
ระรินไล่
“ไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว...”
หัวหน้ากับลูกน้องจากไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นภราดรโผล่เข้ามา เขารีบตะโกนแล้ววิ่งมาหาระริน
“ระริน”
ระรินดีใจ
“หมอ...”
ทั้งคู่วิ่งเข้ากอดกัน เสี่ยรงค์และทุกคนแปลกใจที่พบภราดร

จ่าชิต สมรักษ์ วินมิก และทุกคนยังคงนั่งสนทนาอยู่เหมือนเดิม ทั้งหมดพูดถึงแผนไปแล้ว
“จ่าแน่ใจหรือว่าพวกเสี่ยรงค์จะบุกมาที่นี่”
จ่าชิตยิ้มมั่นใจ
“พัน เปอร์เซ็นต์ เตรียมอพยพคนได้”
ลูกน้องวินมิกเข้ามารายงาน
“ได้ข่าวนายเสือแล้วพี่”
ทุกคนสนใจฟัง วินมิกมองลูกน้อง
“ข่าวร้าย”
“ใช่...นายเสือถูกพวกมันจับได้แล้วมัดเอาไว้ที่แคมป์พวกมัน”
จงใจหน้าเสีย
“โธ่พ่อ...”
สมรักษ์กุมมือจงใจปลอบ

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ยอมปล่อยให้เสือใจเป็นอะไรไปหรอก”

ภราดรเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาดื่มกาแฟท่าทางดีขึ้น แล้วร่วมวง ภราดรเล่าเรื่องราวให้ระริน เสี่ยรงค์ อองไชย และศักดาฟังมาสักครู่แล้ว ศักดาคิดๆ
“แสดงว่าพวกไอ้เสือใจมันมีอยู่ที่นั่นด้วย”
ภราดรพยักหน้ารับ
“ใช่...แล้วมีผู้หญิงกับหลานเสือใจอีกสองคน”
เสี่ยรงค์ยิ้มอย่างพอใจ
“คราวนี้จะได้ล้างบางมันเสียที พรุ่งนี้ไปถล่มมันให้ราบ แล้วจับตัวลูกหลานมันมา ท่านพราน ท่านรู้จักพื้นที่ดี ท่านนำทัพ”
เสียงรงค์หัวเราะพอใจ อองไชยพยักหน้ารับคำอย่างมั่นใจ ภราดรปะทะสายตากับอองไชยที่รู้สึกผิดปกติในตัวของภราดรวูบหนึ่ง
“หมอ...”
ภราดรแปลกใจ
“มีอะไรหรือท่านพราน”
อองไชยทิ้งจังหวะ
“เปล่า...ไม่มีอะไร”
อองไชยเดินจากไป ภราดรทำตัวเป็นปกติเขามองระรินแล้วยิ้มให้ในใจนึกแปลกใจที่อองไชยจับเขาไม่ได้
ไม่ห่างนักในมุมมืดบาเยงโบปรากฏกายร่ายมนต์เอาไว้

วันใหม่...หมู่บ้านวินมิกมีสภาพร้าง และร่องรอยการปล้น...อองชัยเดินอย่างสง่าเข้ามาหน้าเข้มแล้วมองไปรอบๆ ศักดาและตำรวจหลายนายกำลังล้อมอยู่ อองไชยมองไปรอบๆแล้วสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น”
“เหมือนกับที่นี่จะถูกโจรปล้นเมื่อคืน ไปค้นดูให้ทั่ว”
ศักดาสั่งลูกน้องตำรวจ ทุกคนรับคำสั่งแล้วกระจายกันออกไป อองไชยสงสัย ไม่เชื่อว่าถูกปล้น
“ทำไมมันถูกปล้นในเวลาที่เหมาะเจาะกัน”

ห่างออกไป...เป็นอย่างที่อองไชยคิดจริงๆ สมรักษ์ จ่าชิต วินมิก หมู่ และลูกน้องวินมิกซุ่มดูอยู่ จ่าชิตยิ้มพอใจ
“นึกแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”
“จ่านี่กะล่อนไม่เบา”
สมรักษ์หัวเราะ จ่าชิตสะอึก
“ผมถือว่าหมวดชมผมก็แล้วกัน กับคนคดก็ต้องเล่นแบบนี้แหละ”
หมู่ยิ้มพอใจ
“ดีนะที่ให้พวกนั้นออกไปเสียก่อน”
สมรักษ์คิดถึงจงใจและภาวนาให้ปลอดภัย
“แล้วหัวหน้าใจล่ะ” วินมิกถาม
สมรักษ์หน้าเครียด มองหน้าจ่าชิตอย่างหนักใจ

อองไชยมองและสงสัย เขารู้สึกรับรู้ว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ เขาพยายามค้นหาด้วยสายตาไปรอบๆ
“มีอะไรหรือท่านพราน” ศักดาสงสัย
“มีคนกำลังจ้องเราอยู่”
ศักดาตกใจเล็กน้อย แล้วเริ่มระวังตัว ตำรวจที่แยกกันไปค้นกลับมารายงาน
“ไม่มีใครอยู่เลยครับผู้กอง”
ศักดาคิดๆ
“หรือว่าพวกมันหนีไปหมดแล้ว”
อองไชยแววตาเข้ม
“ยัง...มันอยู่แถวนี้”
อองไชยพูดแบบไม่มีพิรุธ แต่พวกตำรวจเลิ่กลั่กเตรียมอาวุธพร้อม

สมรักษ์กำลังจ้องมองอยู่เขาสงสัย
“พวกมันเป็นอะไร”
จ่าชิตเดาออกหน้าตาวิตก
“แย่แล้ว”
ทันใดนั้น อย่างไม่ทันตั้งตัวมีกระสุนปืนเข้ามาใส่กลุ่มสมรักษ์ แต่ไม่ถูกใคร ทุกคนหลบกันกระเจิง

อองไชยเป็นคนยิงกระสุนนัดนั้นออกไป มันเป็นกระสุนอาคมชี้เป้า
“มันอยู่ตรงนั้น...”
พวกตำรวจต่างหาที่กำบังแล้วยิงใส่กลุ่มของสมรักษ์ ศักดาสั่งแล้วยิงปืนออกไป
“ยิง...”
อองไชยยืนอย่างสง่าไม่กลัวลูกปืนแววตาเข้ม จ่าชิตหลบข้างสมรักษ์
“โธ่เว้ย ยิงพวกเดียวกันซะแล้ว เอาไงดีหมวด”
“ถอยก่อนเถอะจ่า ผมไม่อยากปะทะกันเอง”
“ได้...เฮ้ย...พวกเราถอยก่อน”
วินมิกกับลูกน้องยิงต่อสู้ตอบโต้พวกศักดาอยู่
“พวกนายถอยไปก่อน ฉันจะยิงคุ้มกันให้”
จ่าชิตไม่ยอม
“ไม่ได้ต้องไปด้วยกัน”
“นายไปเถอะ ถ้าพวกนั้นรู้ว่านายอยู่ที่นี่นายจะแย่ ฉันฝากนายช่วยนายเสือด้วยก็แล้วกัน ไปสิ...”
สมรักษ์เห็นด้วยกับวินมิก
“จ่า...ทำตามที่วินมิกบอก...ไป”
จ่าชิตกับหมู่เชื่อสมรักษ์แล้วพลางตัวพร้อมกับเคลื่อนตัวออกไป ศักดาเห็นไวๆว่ามีคนสามคนกำลังเคลื่อนตัวหนี เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“รุกเข้าไป พวกมันจะหนีแล้ว”
แต่การรุกของศักดาเป็นไปได้ยาก เพราะวินมิกกับลูกน้องช่วยยิงสกัดไว้ อองไชยแววตาเข้มแล้วลอบตามกลุ่มสมรักษ์ไป วินมิกสังเกตเห็น ทั้งสองฝ่ายยังยิงกันอยู่

หินนำทางทุกคนมาตามทางในป่า ซึ่งเป็นทางสายริมลำธารที่ทอดยาว
“เรามาไกลมากแล้วพักก่อนก็ได้”
กินรีทรุดนั่งตรงที่เหมาะๆกับมะค่า และประเดิม กินรีบ่นอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้ป่านนี้พวกหมวดเป็นยังไงบ้าง”
ประเดิมปลอบ
“พวกตำรวจด้วยกันคงไม่ทำอะไรกันหรอก”
หินนั่งกับแก้ว แวว จงใจ ไม่ห่างนัก
“ใช่ น้าก็คิดอย่างนั้น เป็นห่วงก็แต่...พี่เสือ” แววเห็นด้วยกับประเดิม
จงใจหน้าสลดทันที
“โธ่พ่อ...พ่อจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
แก้วปลอบใจจงใจ
“แก้วเชื่อว่าหมวดสมรักษ์ต้องช่วยลุงเสือได้จ้ะ พี่จงใจอย่าห่วงเลย”
แววพยักหน้าแสดงความมั่นใจเพื่อเป็นการให้กำลังใจจงใจ กินรีรู้สึกกังวล
“เราจะไปที่ไหนน้าแวว”
“ชุมเสือ...เป็นที่ๆปลอดภัยที่สุดและใกล้ที่สุด”

หินค้าน

“แน่ใจหรือแม่ ตอนนี้ที่นั่นไม่มีพ่อเสือ ขืนพาพี่กินรีเข้าไป พี่ทศคงต้องหาเรื่องเราแน่”
จงใจเห็นด้วย
“จริงด้วย...”
ทุกคนคิดว่าจะเอายังไงดี กินรีหาทางออก
“ไม่เป็นไรหรอก พวกฉันจะกลับบ้านสางกัน”
มะค่า เห็นด้วย แววยังเป็นห่วงกินรีและเด็กๆแต่ก็ยอม
“มันอันตรายนะ”
ประเดิมยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับผมอยู่ทั้งคน ผมไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรพวกนี้อยู่แล้ว”
หินแทรกเข้ามา
“นอกจากผีดิบ”
ประเดิมสะอึกในใจยังแขยงผีดิบ แววพยักหน้า
“ก็ได้ งั้นไปแยกกันตรงลำธารข้างหน้า”
กินรีพยักหน้ารับซึ้งในน้ำใจแวว

เสือเรืองนั่งกินเหล้าคนเดียวอยู่บนแคร่หน้าบ้านเสือทศ เขารู้สึกค่อยยังชั่วมากแล้ว เสือทศ กับเสือชินเดินเข้ามาทางด้านหลัง
“หายดีแล้วหรือไอ้เรือง”
“อ้าว...พี่ทศ มาเมื่อไหร่เนี่ย”
“ก็มาเมื่อเห็นนี่ล่ะวะ”
เสือเรืองส่งเหล้าให้ เสือทศรับไปดื่มรวดเดียว แล้วส่งแก้วให้เสือชิน
“ขอบใจ ที่นี่เป็นยังไงบ้าง”
“โอ๊ย...ฉันรำคาญไอ้ดำกับไอ้เข้มจะตาย มาถามได้ทุกวี่ทุกวันว่าเจอพ่อเสือหรือยัง พี่ทศมาหรือยัง...”
ยังไม่ทันขาดคำเสือดำกับเสือเข้มก็เดินเข้ามาแต่ไกล
“นั่นไง พูดถึงมันก็มาพอดี”
“ข้าจัดการเอง”
เสือทศมองทั้งสองคนที่กำลังเดินเข้ามา เมื่อทั้งคู่มาถึงก็ทักทายเสือทศ
“พี่ทศ มาก็ดีแล้ว”
“มีอะไรหรือ”
เสือดำกับเสือเข้มมองหน้ากันแล้วตัดสินใจบอก
“เห็นเขาลือกันว่าพ่อเสือถูกตำรวจจับ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า”
เสือทศเหลือบมองหน้ากับเสือชินในใจคิดว่าเสี่ยรงค์คงจับเสือใจได้แล้ว เสือทศทำเป็นกลบเกลื่อนด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับเพยิดหน้าส่งสัญญาณให้เสือชิน
“เฮ้ย...ไม่จริงหรอก ระดับพ่อเสือไม่มีทางโดนจับง่ายๆหรอก เอ็งไปเอาข่าวมาจากไหน”
เสือชินเสริม
“นั่นสิ...ข้ากับพี่ทศเดินทางไปทั่วยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย”
เสือดำยืนยัน
“แต่เขาลือกันหนาหูมากเลยนะ”
เสือเข้มเป็นกังวล
“ใช่...ฉันว่าให้พวกฉันออกไปสืบดูดีไหม”
เสือทศมีแผน ทำเป็นปล่อยไปตามน้ำ
“ก็ได้...ถ้าลือหนาหูแบบนี้ เอ็งสองคนลองไปดูก็ได้”
เสือดำรับคำ
“ขอบใจพี่”
เสือเข้มกับเสือดำรีบจากไป เสือชินสงสัย
“พี่ให้มันไปสืบข่าวทำไม”
“ข้าไม่ได้ให้มันไปสืบข่าว แต่กำลังส่งมันไปตาย ขอให้มันเจอพวกเสี่ยรงค์ที่เถอะ”
เสือทศพอใจ

วินมิกยังคงยิงต่อสู้ ศักดารุกเข้ามาได้ใกล้ขึ้นยิงลูกน้องวินมิกตายไปสองสามคน วินมิกเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งถอย
“ถอยก่อนเร็ว”
ทุกคนทำตามวินมิก แต่จังหวะหนึ่งวินมิกพลาดถูกศักดายิงตาย ลูกน้องของวินมิกตกใจแล้วหนีกระเจิงไป ศักดาสั่งอย่างย่ามใจ
“จับตายให้หมด แบ่งบางส่วนตามท่านอองไชยไป”
ตำรวจรุกไล่กันอย่างย่ามใจ

สมรักษ์ จ่าชิต กับหมู่ ต่างวิ่งหนีมาถึงที่หนึ่ง สมรักษ์รู้สึกว่ามีคนตามมา
“จ่า หมู่ แยกกันไปแล้วไปเจอที่จุดนัดพบ”
จ่าชิตรับคำ
“ได้”
ทั้งสามคนแยกย้ายกันไป...สักพัก อองไชยวิ่งมาหยุดเขาดูรอยเท้า เห็นว่ามีคนสามคน แล้ววิ่งแยกกันไป อองไชยก้มดูรอยเท้าแล้วรำพึง
“รอยเท้าตำรวจรึ”

เสี่ยรงค์ เดินออกมาหาเสือใจอย่างยียวน เขาต้องการให้เสือใจทรมานใจ
“เป็นไงไอ้ใจ อยู่คนเดียวคงเหงาสินะ ไม่เป็นไร ฉันกำลังให้คนไปตามลูกสาวและญาติๆของแกมาอยู่เป็นเพื่อน”
เสือใจตาลุกวาว
“อย่าทำอะไรพวกเขานะ”
“ยังฉันยังไม่ทำอะไรตอนนี้หรอก ฉันอยากจะทรมานแกก่อนที่แก่จะถูกส่งไปให้หลวง”
เสือใจดิ้นรนในใจอยากบีบคอเสี่ยรงค์ให้ตายคามือ
“แกนี่มันเลวแบบไม่พัฒนาจริงๆ ฉันหลุดไปได้ล่ะก็ ฉันล้างตระกูลแกแน่”
เสี่ยงรงค์ยียวน
“ฉันจะรอนะ...”
เสี่ยรงค์หัวเราะ ศักดากับอองไชยและตำรวจเข้ามา เสี่ยรงค์รู้ทันทีว่าพลาด
“ลูกสาวมันล่ะ”
“มันหนีไปได้”
เสือใจหัวเราะอย่างพอใจ
“แกดูถูกลูกข้าเกินไปแล้ว...”
เสือใจหัวเราะ เสี่ยรงค์ยังอารมณ์ดีเพราะยังไงก็มีเสือใจในมือ
“หัวเราะไปเถอะ หัวแกจะขาดอยู่ไม่กี่วันแล้ว”
ศักดาออกความเห็น
“ผมว่าเรารีบควบคุมตัวเสือใจเข้าจังหวัดดีกว่า”
“อืม...จัดการได้เลยผู้กอง”

เสี่ยรงค์เดินจากไป เสือใจมองตามในใจโล่ง และคิดหนี

ภราดรนอนพักอยู่ในเต็นท์ที่จัดไว้อย่างสบาย เขาออเซาระรินราวคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
“ระรินคุณรู้ไหมผมเป็นห่วงคุณ คิดถึงคุณจะไม่มีกระจิตกระใจจะมีชีวิตอยู่เลย”
“ปากหวานจริงๆ คุณหมอเนี่ย ระรินก็คิดถึงหมอค่ะ”
ระรินหอมแก้มภราดรฟอดใหญ่ ภราดรฟ้องเรื่องกินรี
“ผมเบื่อผู้หญิงที่ชื่อกินรีมากเลยรู้หรือเปล่า ตอนที่คุณไม่อยู่เขาชอบมาตู่ว่าผมน่ะเป็นแฟนเขาแล้วบังคับให้ผมนึกถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่ผมไม่เคยทำซักกะนิด อย่างกับว่าผมเป็นโรคความจำเสื่อมซะงั้น”
ระรินแววตาอาฆาตทันที
“นังกินรี...ดีแล้วล่ะค่ะ หมออย่าไปสนใจมันเลย นังกินรีมันเป็นแค่คนรับใช้...เอ่อ...หมอรอเดี๋ยวนะระริน จะไปเอาผลไม้มาให้”
“อย่าไปนานนะ ผมคิดถึง”
“ค่า...คุณหมอยอดรัก”
ภราดรอ้อน ระรินหยอกล้อแล้วเดินออกไป

ระรินเดินออกมาข้างนอกแล้วพบกับอองไชยที่เดินสวนมา ระรินมีเรื่องสอบถาม
“ท่านพราน”
“มีอะไรรึ”
ระรินกังวลนิดๆ
“ฉันมีเรื่องจะปรึกษา”
อองไชยเดาได้ทันที
“คงเรื่องนั้นล่ะสิ...”
“ใช่...บางครั้งฉันรู้สึกว่าหมอยังผูกพันกับนางกินรีอยู่”
อองไชยถอนหายใจแล้วบอกความจริง
“มันก็อาจจะมีบ้าง สองคนนี้อาจเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ปางก่อนก็ได้ แต่ถึงยังไงมันก็ต้องตกอยู่ในอาคมของข้าอยู่ดี นอกจาก...”
“นอกจากอะไร”
“มีคนมาเจอหุ่นแล้วแก้อาคมของข้า”
ระรินรู้สึกสะท้านและตกใจ
“หมายความว่าหมอยังอาจจะกลับไปหากินรีได้อย่างนั้นรึ”
“ใช่...แต่ข้ามั่นใจในอาคมมนต์ตราของข้า เจ้าได้ฝังหุ่นตามที่ข้าบอกหรือเปล่า”
“ไม่มีใครหามันเจออย่างแน่นอน”
อองไชยรับรู้แล้วแนะนำ
“เช่นนั้นรึ งั้นก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีแค่คนเดียวที่มันจะแก้มนตราของข้าได้”
“ใคร”
“เสือใจ...แต่มันก็อยู่กับเราแล้วนี่ หลังจากนี้หุ่นก็จะอยู่ห่างจากมันตั้งไกลหรือถ้าเจ้าไม่แน่ใจก็หาทางแต่งงานกับหมอเสียสิ”
“ท่านพรานจะบ้าหรือ ฉันเป็นผู้หญิงจะให้ไปเอ่ยปากได้ยังไง”
“นั่นมันเป็นเรื่องของเจ้า”
อองไชยพูดจบทิ้งสายตาเล็กน้อยแล้วเดินจากไป ระรินเริ่มไม่แน่ใจ

ภราดรกำลังนั่งผ่อนคลายหลังจากที่ระรินออกไปแล้ว ทันใดนั้นบาเยงโบปรากฏกายขึ้น
ภราดรตกใจ
“ท่าน...”
“เจ้ารู้สึกตัวแล้วสินะ”
“ครับ...เอ่อ...คุณรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนมาช่วยผม”
“ทุกอย่างมันถูกลิขิตไว้แล้ว”
ภราดรสงสัย
“แต่ทำไมท่านพรานถึงไม่รู้”
“ข้าใช้เวทมนต์ของข้าบดบังเอาไว้ เจ้ายังต้องทำงานแทนข้าอีกมาก”
ภราดรไม่เข้าใจ
“งาน...งานอะไร ผมไม่เข้าใจ”
เสียงระรินลอดเข้ามาอย่างฉอเลาะ
“หมอ...”
“เจ้าจะรู้เมื่อถึงเวลา”
ระรินเข้ามาพอดีกับที่บาเยงโบหายไป
“รอนานไหมคะ”
ภราดรซ่อนสีหน้าเบื่อหน่ายเอาไว้แล้วฝืนยิ้ม

สมรักษ์ จ่าชิต และหมู่หนีมาจนปลอดภัยแล้วมานั่งปรึกษากัน
“เสี่ยรงค์นี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆ” จ่าชิตบอกอย่างแค้นๆ
“สงสัยจะแค้นเสือใจมาก”
“น่าสงสารไอ้ใจ ป่านนี้คงน่วมไปแล้ว”
หมู่สอดเข้ามาอย่าไม่ค่อยพอใจ
“ทำอย่างนั้นได้ยังไง ซ้อมผู้ต้องหานี่มันผิดวินัยนะ”
“ฉันเป็นตำรวจมาเกือบ 30 ปีไม่เคยเห็นใครทำถูกวินัยเลย”
จ่าชิตคิดหนัก
“เราคงต้องช่วยเสือใจออกมา”
หมู่และสมรักษ์ตกใจ สมรักษ์รีบขัด
“จ่าจะบ้าหรือ เราเป็นตำรวจจะไปช่วยผู้ต้องหาได้ยังไง เราต้องปล่อยให้เสือใจต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมสิ”
“ไหนหมวดลองบอกมาซิว่า ที่พวกผู้กองศักดามันยุติธรรมตรงไหน ไล่ยิงล้างบางแบบนี้มันยุติธรรมยังไง ไอ้ใจนะมันไม่มีทางรอดอยู่แล้ว ล่าสุดมีคนสวมรอยเป็นมันทั้งปล้น ฆ่า ข่มขืน อย่างโหดเหี้ยมต่อให้กระบวนการยุติธรรมทาบไม้บรรทัด ไอ้ใจก็ไม่รอด ก็พวกมันสร้างหลักฐานซะขนาดนั้น”
จ่าชิตพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเชิงระบายความในใจ สมรักษ์กับหมู่นั่งอึ้งในใจคิดเห็นด้วย สมรักษ์หนักใจ
“เรามีคนแค่นี้จะช่วยเสือใจได้ยังไง”
“ลูกไอ้ใจมันคงไม่นิ่งดูดายหรอก คนในชุมเสือมีเยอะแยะ เพียงแต่เราคงต้องรอ อีกอย่างป่านนี้พวกมันคงเตรียมตัวกลับบ้านกันแล้ว ผมคิดว่าผู้กองศักดาคงจัดกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา เราคงต้องตามดูมันไปก่อน”
“จะดูแบบไหนล่ะ”
ในใจจ่าชิตมีแผน
“แบบใกล้ชิดเลยล่ะ”

สมรักษ์กับหมู่มองหน้าจ่าชิตอย่างสงสัย

เสือสมิง ตอนที่ 13 (ต่อ)

ศักดาเตรียมรถ อาวุธและคนกำลังจะเดินทางกลับ เขาใช้ตำรวจสี่นายประกบเสือใจ ให้นั่งบนรถจี๊บคันหนึ่ง เสี่ยรงค์ อองไชย ภราดรและระรินแต่งชุดรัดกุมเดินออกมาเตรียมตัวกลับ เสี่ยรงค์สอบถามศักดาเพื่อความเรียบร้อย
“ทุกอย่างเรียบร้อยนะผู้กอง”
ศักดามั่นใจ
“เรียบร้อยผมเตรียมการคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา ให้พวกมันมาเป็นกองทัพก็ช่วยเสือใจไปไม่ได้”
เสี่ยรงค์เดินมาที่เสือใจกับศักดาเพื่อดูให้เห็นกับตา
“ไหนดูซิ ว่าพร้อมแค่ไหน”
ศักดาเปิดเสื้อที่คลุมตัวเสือใจออกเห็นมีระเบิดมัดเป็นชุดสวมอยู่
“ให้มันช่วยไปได้ก็เอาไปได้แต่ซาก เมื่อไหร่ที่มันแกะระเบิดออก ระเบิดจะทำงานทันทีจะเหนียวแค่ไหนก็คงไม่รอด ระเบิดนี่ออกแบบมาเพื่อมาตรการขนย้ายนักโทษอุกฉกรรจ์ กระดุม4 เม็ดที่เห็นก็จะมีชนวนระเบิดขืนแกะ
สุ่มสี่สุ่มห้าก็ตายสถานเดียว...”
เสี่ยรงค์และคนอื่นๆทึ่งแล้วฟังต่อ
“ถึงแม้จะปลดได้แต่ก็ต้องมาเจอกับนี่” ศักดาชี้ที่นาฬิกาที่ติดอยู่เหนือระเบิด “ทันทีที่
ปลดชนวนพลาดนาฬิกาจะทำงานทันที แล้วถ้าไม่ถอดชนวนตัวนี้ภายในสองนาที...บึ้ม”
ศักดาทำท่าระเบิดบึ้มแล้วหัวเราะ เสี่ยรงค์พอใจ เสือใจแสยะยิ้ม
“นี่แกกลัวฉันขนาดนี้เลยหรือ ไอ้รงค์”
“ฉันไม่ได้กลัว แต่ฉันรอบคอบ”
เสี่ยรงค์พูดจบก็เดินไปที่รถของตัวเอง ระรินกับภราดรขึ้นนั่งรถแล้วอี๋อ๋อกัน ห่างออกไปสมรักษ์ จ่าชิต และหมู่ ซุ่มดูอยู่ สมรักษ์ย้ำความคิดของจ่าชิต
“จ่าแน่ใจนะว่าจะเอาอย่างนี้”
“มีทางเดียวที่เราจะดูแลและช่วยเสือใจได้”
หมู่ขัดขึ้น
“แล้วหมอภราดรล่ะ ผมว่าหมอต้องปากโป้งแน่เลย”
จ่าชิตมองหมู่แบบจริงจัง
“ก็ลองให้มันโป้งมาสิ...”
ทุกคนเข้าใจความหมายของจ่าชิตแล้วลุกไป กองคาราวานของเสี่ยรงค์กำลังเตรียมตัวออกแต่ก่อนที่ทุกคนจะออกรถ สมรักษ์ จ่าชิต และหมู่ก็วิ่งเข้ามา
“เดี๋ยวก่อน รอด้วย”
ศักดาและทุกคนหันมาเห็นสมรักษ์ จ่าชิต และหมู่ ภราดรหันมาสามคน เสือใจจ้องมาที่กลุ่มของสมรักษ์อย่างครุ่นคิด สมรักษ์ จ่าชิต และหมู่เข้ามาหา ศักดาสอบถาม
“หมวด จ่า หมู่ ไปยังไงมายังไงกัน”
สมรักษ์โกหก
“พวกผมปะทะกับพวกลูกน้องเสือใจมา”
จ่าชิตเสริม
“ใช่ มันตีพวกผมแตกกระเจิงโชคดีที่มาเจอพวกผู้กอง...และก็...”
จ่าชิตมองไปทางเสือใจ ศักดาอวดเบ่ง
“ฉันจับมันได้แล้ว”
เสี่ยรงค์ อองไชย ภราดร เดินเข้ามา ภราดรมองสมรักษ์ จ่าชิตและหมู่แบบแววตากร้าวกำลังจะบอกความจริงให้ทุกคนรู้ว่าพวกนี้เป็นพวกเสือใจ เสือใจจ้องดูอยู่
“อย่าไปเชื่อ พวกนี้น่ะเป็น...”
ทันใดนั้นเสือใจดิ้นรนจะหนีแล้วเตะต่อยเจ้าหน้าที่ที่คุม จึงเกิดโกลาหลขึ้นเล็กน้อย
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...นี่แน่ะ...มาสิวะ...”
ทุกคนหันไปสนใจเสือใจทันที ศักดากับเสี่ยรงค์ วิ่งเข้าไปหาเสือใจ ศักดาซัดเสือใจไปสองสามหมัด เสือใจสงบลง
“ไม่มีประโยชน์หรอกไอ้ใจ”
อองไชยรู้สึกสงสัยในคำพูดของภราดรที่พูดค้างไว้
“พวกนี้เป็นใครหรือ...”
ภราดรท่าทางเบลอๆและหลงลืมขึ้นมา เขาพยายามนึก
“เป็นใคร...เมื่อกี้ผมบอกว่าพวกนี้เป็นใครหรือ”
อองไชยเห็นไม่ได้เรื่องจึงแยกตัวไป ระรินคล้องแขนภราดรเดินจากไป
“ไปเถอะหมอ ไม่ต้องนึกหรอก”
“ครับ”
ภราดรเดินไปกับระรินโดยดี สมรักษ์กับจ่าชิตและหมู่มองตาม สายตาจ่าชิตเข้ม

แววเดินนำทุกคนมาตามป่าใกล้จะถึงลำธาร จึงหันมาบอก...
“เราจะแยกกันตรงนี้นะ”
ประเดิมรับคำ
“ได้ครับ”
“เดินทางกันดีๆล่ะ”หินยิ้มให้
กินรียิ้มรับ
“จ้ะ...ขอบคุณทุกคนมาก แล้วคงได้เจอกันอีกนะ”
มะค่าหันไปหาแก้ว
“แก้ว...ว่างๆก็แวะไปหาข้าบ้างนะ”
“ได้สิ...”
ทันใดนั้นมีม้าควบเข้ามาอย่างรีบเร่ง เสือดำกับเสือเข้มนั่นเอง แก้วสังเกตได้ก่อนใคร
“ม้าพี่ดำกับพี่เข้ม”
จงใจดีใจแล้วยิ้มได้รีบไปช่วยเสือใจแน่ เสือดำกับเสือเข้มขี่ม้ามาถึงแล้วลงจากม้าแสดงความดีใจ
“น้าแวว จงใจ กิน แก้ว ทุกคนปลอดภัยแล้ว ดีใจจัง”เสือดำทักทาย
“นั่นใครหรือ”
เสือเข้มหมายถึงประเดิม กินรี มะค่า แววยิ้มแล้วแนะนำ
“พวกบ้านสางน่ะ เขากำลังจะไปแล้ว อย่าเพิ่งถามเลยน้ามีเรื่องสำคัญ เข้าชุมเสือก่อนดีกว่า”
เสือเข้มกับเสือดำมองหน้าแววอย่างสงสัย

จงใจนั่งบนม้า แววนั่งบนม้าอีกตัว เสือเข้มกับเสือดำจูงม้าเข้ามาในชุมเสือ หินกับแก้ว เดินตามมา ชาวบ้านรีบมาต้อนรับแวว
“กลับกันมาแล้ว ปลอดภัยดีนะ”
แววยิ้มให้ชาวบ้าน
“จ้ะ...”
เสือทศเดินเข้ามา มีเสือเรืองและเสือชินเคียงข้าง เสือทศทำท่าทางเป็นห่วงจงใจ
“จงใจ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
จงใจหน้านิ่งตอบตามมรรยาท
“จงใจไม่เป็นอะไร”
“ขอบคุณคุณพระคุณเจ้า พี่เป็นห่วงจงใจแทบแย่เลย เอ๊ะ...แล้วพ่อเสือล่ะ”
แก้วหันมาบอก
“ตอนนี้พ่อเสือถูกจับตัวไปแล้ว”
แววมองเสือทศแบบไม่ไว้ใจโดยเฉพาะเมื่อจ้องไปที่แววตาของเสือทศแต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ เสือเข้ม เสือดำ และชาวบ้านพากันตกใจ

“งั้นที่เขาลือกันมันก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ...แล้วทำไม่พี่ทศถึงบอกว่าไม่รู้เรื่องล่ะ”เสือเข้มสงสัย
แวว จงใจ หิน แก้วมองหน้าเสือทศที่หน้าซีดอึกอักหาทางออก

เสือทศอ้ำอึ้ง แล้วตีหน้าตาย หาทางออกด้วยการโยนความผิดไปให้เสือเรือง กับเสือชิน
“ไอ้เรือง ไอ้ชิน ไหนเอ็งบอกว่าแค่ข่าวลือไง”
“เอ่อ...คือ...”
เสือเรืองกับเสือชินอ้ำอึ้งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เสือทศขยิบตาส่งซิก
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าให้ตรวจสอบให้ดี ดูซิ...พลาดจนได้”
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ที่ไม่ดูให้ดี ก็ไอ้ชินน่ะสิ...มันรีบร้อนสรุปเกินไป”
เสือเรืองโยนมาที่เสือชินเป็นทอดๆ เสือชินไม่รู้จะโยนให้ใคร
“ฉันผิดเองก็ได้ ฉันไม่ดูให้ดีก่อน”
แววตัดความรำคาญ
“พอเถอะไม่ต้องโทษกันแล้ว มาคิดหาทางช่วยพ่อเสือดีกว่า”
จงใจเห็นด้วย
“ใช่...ตอนนี้พ่อเสือเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
เสือทศทำท่าทางแค้นเสี่ยรงค์
“ไอ้เสี่ยรงค์มึงนะมึง จับมึงได้เมื่อไหร่ กูจะแล่เนื้อมึงเอาเกลือทาให้หมากิน”
เสือเข้มแนะ
“ฉันว่ายังไงพวกมันต้องเดินทางผ่านมาทางนี้แน่”
เสือดำเห็นด้วย
“ใช่...ถ้าเราชิงตัวพ่อเสือตอนที่มันผ่านมาทางนี้ เราจะได้เปรียบ”
แวว จงใจ พยักหน้าเห็นด้วย เสือทศทำเป็นกระตือรือร้น
“งั้นดีแล้ว ไอ้เข้ม ไอ้ดำ เอ็งสองคนออกไปดูลาดเลา แล้วส่งข่าวมาเป็นระยะ ข้าจะวางแผนและเตรียมอยู่ทางนี้”
“ได้พี่” เสือเข้มรับคำ
“ไปได้แล้ว”
เสือเข้มกับเสือดำจากไป เสือทศกับพวกจะเดินจากไป
“เดี๋ยวไอ้ทศ” แววเรียกเอาไว้
เสือทศรู้สึกเสียวสันหลังวูบแล้วหันไป แววมองตา
“สองวันนี้เอ็งได้ไปแถว ชายแดนแถบบ้านวินมิกหรือเปล่า”
“เปล่านี่...น้า มีอะไรหรือ”
แววจ้องนัยน์ตาเสือทศ มั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนปล้นบ้านวินมิกแน่ แต่เก็บอารมณ์
“เปล่า...ข้านึกว่าเอ็งไปหาข่าวพี่เสือแถวนั้น...ไม่มีอะไรหรอก”
เสือทศแล้วเดินจากไปกับลูกน้อง จงใจรู้สึกสงสัยเรื่องที่แววถาม

กองคาราวานเสี่ยรงค์วิ่งไปตามทุ่งหญ้าชายป่า เสี่ยรงค์นั่งกับอองไชยสบายใจ
“กลับไปคราวนี้ เราคงได้ลุยสมบัติกันอย่างสบายใจ เลยนะท่านพราน”
“แน่นอน อย่าลืมข้อตกลงของเราก็แล้วกัน”
“ฉันไม่ลืมหลอก” เสี่ยรงค์บอกอย่างอารมณ์ดี

ภราดรรู้สึกมึนศีรษะขณะที่นั่งรถมากับระริน
“หมอเป็นอะไรไปหรือคะ”
“ไม่รู้สิ ผมรู้สึกมึนศีรษะ ตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว นี่เราจะไปไหนกันหรือ”
ระรินงงในตัวภราดร เหมือนกับว่าความจำภราดรไม่ค่อยจะเหมือนก่อน
“นี่หมอจำไม่ได้หรือ เรากำลังจะกลับบ้านกันไง...ระรินเอายาให้หมอกินดีกว่าหมอจะได้นอนพักไปตลอดทาง”
ระรินล้วงหยิบยาในล่วมยาแล้วส่งให้
“ขอบคุณครับ”
ภราดรกินยาแล้วดื่มน้ำตาม ระรินเอามือประคองศีรษะเขาให้นอนซบลงบนไหล่ของตัวเอง ภราดรทำตามอย่างว่าง่ายแล้วค่อยๆหลับตาลง ระรินอมยิ้มสบายใจ

รถอีกคัน...สมรักษ์นั่งกับจ่าชิต มีหมู่เป็นคนขับ
“งานนี้ไอ้ใจตายแน่” จ่าชิตกังวลเรื่องเสือใจ
สมรักษ์แย้ง
“ไม่หรอก เสือใจยังพอมีทางสู้คดี บางคดีก็ให้คุณกับเสือใจ ศาลอาจจะใช้เป็นข้อลดหย่อนโทษได้บ้าง”
“หมวดเชื่อผู้กองศักดาหรือ งานนี้ ไอ้ใจขึ้นศาลเหมือนกันแต่เป็นศาลเตี้ยนะ”
สมรักษ์มองหน้าจ่าชิตในใจเชื่อครึ่งหนึ่ง หมู่เสริม
“ผมว่าจริงอย่างที่จ่าเขาบอกนะครับหมวด ไม่อย่างนั้น เสือใจคงไม่ต้องใส่เสื้อระเบิดแบบนี้หรอก”
สมรักษ์ครุ่นคิด
“งั้นเราคงต้องเป็นโจรแล้ว”
จ่าชิตยิ้มแล้วยักไหล่ตอบตกลง รถวิ่งไปตามถนน เสือใจนั่งนิ่งมีเสื้อระเบิดสวมอยู่ มีตำรวจคุมสองนาย

เสือทศเดินมาที่บ้านเตะข้าวของกระจายด้วยความไม่พอใจแวว
“นังแววมันคงสงสัยข้า”
“สงสัยนักก็ทำให้มันหายสงสัยไปตลอดกาลเลยสิพี่” เสือเรืองยุ
เสือทศสะดุดในใจยังเกรงๆ
“ข้าอยากจะยิงมันทิ้งตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว แต่มันต้องรอเวลา”
“ถ้าน้าแววเจอกับพ่อเสือเรื่องมันจะยุ่งนะพี่” เสือชินเตือน
“แล้วพวกเอ็งคิดว่า มันจะช่วยพ่อเสือกลับมาเป็นได้หรือ”
เสือเรืองกับเสือชินเริ่มเข้าใจ เสือเรืองมองหน้า
“พี่หมายความว่า...”
“ใช่...พ่อเสือจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก”
เสือทศมั่นใจ

ประเดิม กินรี และมะค่า เดินทางมาตามป่าริมลำธาร
“พักกันก่อนเถอะ” ประเดิมเห็นว่าทุกคนดูเหนื่อยอ่อนจึงสั่งให้พัก
กินรีรับคำ
“จ้ะ”
มะค่า ไปดื่มน้ำที่ลำธาร ประเดิมหารือกับกินรี
“นี่เราคงมาสุดลำธารแล้วสินะ”
“จ้ะ...ต่อจากนี้คงไม่มีน้ำดื่มตลอดทางแล้ว เราคงต้องหากระบอกใส่น้ำ”
ประเดิมเห็นด้วย
“ฉันจะไปหาตัดไม้ไผ่แถวนี้มาทำกระบอก”
มะค่าเข้ามาที่วงสนทนา เอาน้ำใส่ใบไม้มาให้กินรี
“ขอบใจนะมะค่า”
ประเดิมหันไปชวน
“ไปมะค่าไป หาตัดไม้ไผ่กัน”

มะค่าพยักหน้ารับ แล้วเดินไปกับประเดิม กินรีนั่งพักโคนต้นไม้

มะค่ากับประเดิมเดินมาสักครู่ก็พบกับกอไผ่
“นี่ไง...เอาต้นนี้ดีกว่ามะค่า ลำกำลังดี ตัดทำกระบอกน้ำคนละกระบอก”
“จ้ะ...”
มะค่ารับรู้แล้วตรงเข้าไปตัดไม้ไผ่กับประเดิม ยังไม่ทันที่จะลงมือ มะค่าก็มีความรู้สึกเหมือนมีคนลอบมองอยู่ มะค่าหันขวับไปรอบๆอย่างระวังและสงสัย
“มีอะไรหรือมะค่า” ประเดิมสังเกตเห็น
“ฉัน....รู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองเราอยู่”
“มีใครแถวนี้หรือ...” ประเดิมหันไปมองรอบๆ “เอ...ไม่มีนี่ มะค่าคิดมากไปหรือเปล่า รีบตัดไม้ไผ่เถอะ”
ประเดิมกำลังจะลงมือตัดไม้สายตาพลันไปเจอหญิงสาวยืนมองเขาอยู่ไกลออกไปราว 10 เมตร ประเดิมพยายามเพ่งและขยี้สายตา
“เฮ้ย...”
หลังจากประเดิมขยี้ตาเสร็จแล้วมองไปใหม่ ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว

แววเดินนำ จงใจ แก้ว และหินกลับมาที่บ้าน ต่างฝ่ายต่างแยกกันไปดูที่หลับที่นอนของตนเอง
“จงใจนอนกับพวกน้านะ” แววสั่งจงใจ “น้ารู้สึกไม่ค่อยไว้ใจไอ้ทศ”
แก้วเสริมเข้ามา
“ใช่พี่จงใจ ฉันรู้สึกว่าพี่ทศชักไม่น่าไว้ใจขึ้นเรื่อยๆ”
หินเห็นด้วย
“จริง...พี่จงใจนอนที่บ้านฉันดีกว่า”
“ได้...พี่ก็คิดอย่างนั้น...เอ...น้าแววถามพี่ทศเรื่องหมู่บ้านนั้นทำไม”
แววนึกถึงเหตุการณ์และแววตาของเสือทศขึ้นมาทันที แต่ยังไม่อยากพูดออกไป
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดขึ้นมาได้เฉยๆ ไปทำอะไรก็ไปทำกันไป น้าจะเตรียมกับข้าวกับปลาแล้ว ไม่รู้มีอะไรกินบ้าง”
จงใจอาสา
“ฉันช่วยจ้ะ น้าแวว”
หินเสนอความเห็น
“งั้นฉันไปเอาพวกกระสุนมาตุนไว้ก่อนนะพี่จงใจ เพื่อความไม่ประมาท”
“ดีเหมือนกัน เอาอาวุธมาติดไว้บ้างก็ดี”
“งั้นพี่ไปช่วยขน”
หินกับแก้วออกไปด้วยกัน จงใจเข้าไปในครัวกับแวว

คาราวานเสี่ยรงค์เดินทางมาถึงที่แห่งหนึ่งพบว่าทางขาดต้องทำทางข้ามไป รถนำขบวนหยุดทำให้รถคันอื่นๆหยุดตาม
“หยุดกันทำไม” เสี่ยรงค์สงสัย
ศักดาลงจากรถไปสอบถาม
“หยุดขบวนทำไม”
ตำรวจคันหน้าตะโกนกลับมา
“ทางขาดครับ”
ศักดาหัวเสีย
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”
ศักดาเดินไปที่รถเสี่ยรงค์
“มีอะไรกันผู้กอง”
“ทางขาด สงสัยคงต้องเคลียร์กันยาว”
ระรินกับภราดรลงจากรถเดินมาที่เสี่ยรงค์
“อ้าว...อีกนานไหมเนี่ย” ระรินบ่น
ศักดาเสียงเครียด
“ก็พอสมควร”
ภราดรเสนอ...
“งั้นเราตั้งแคมป์ชั่วคราวพักกันก่อนไหม”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น”
อองไชยพยายามจ้องภราดรเพื่อจับผิดแต่ไม่เจออะไร ศักดาเดินไปสั่งหลังขบวน
“อ้าว...ทุกคนลงมาช่วยกันหน่อยเร็ว...”
จ่าชิต สมรักษ์ และหมู่เดินมาที่ศักดา
“มีอะไรครับผู้กอง” สมรักษ์เข้าไปถาม
“ทางขาด คงต้องไปช่วยกันหาซุงมาทอดทำเป็นทางข้ามไป ไปจ่า หมวดช่วยกันหน่อยเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน”
จ่าชิตชะโงกออกไปดูแล้วประเมิน
“สงสัยคงต้องค้างที่นี่แล้วล่ะ...ถ้าทางจะไม่เสร็จง่ายๆ”
“ถ้าจำเป็นก็ต้องค้าง”
ศักดาเดินไปที่เสือใจแล้วสั่งลูกน้อง
“เอาเสือใจลงมา แล้วคุมให้ดี”
เสือใจยียวน
“ไง...ผู้กอง พักก่อนใช่ไหม...ดีจังนั่งรถมาทั้งวันเมื่อยจังเลย...เอ...ไม่รู้จะไปถึงจังหวัดหรือเปล่าเนี่ย”
ศักดาหลังมือเข้าที่ใบหน้าเสือใจไปทีหนึ่ง
“ไม่ต้องมาทำเป็นปากดี แล้วแกจะได้รู้แน่ๆว่า ลานประหารบรรยากาศมันเป็นยังไง”
ศักดาเดินจากไป เสือใจมองตามหน้าเข้ม

เสือเข้มกับเสือดำลอบดูอยู่ไม่ไกลจากที่เสี่ยรงค์ตั้งแคมป์พอสมควร แล้วใช้กล้องส่องทางไกลส่องดู
“ทางขาด พวกมันคงต้องใช้เวลาสร้างทาง เราไปเอาพวกมาโจมตีเลยไหม”
เสือดำขัดขึ้น
“อย่าเพิ่ง มันยังไม่เข้าเขตของเรา ข้าไม่อยากเสี่ยง”
เสือเข้มรับฟัง
“แล้วจะเอายังไง”
“แจ้งข่าวให้พวกเรารู้ก่อนแล้วค่อยตามดูพวกมันไปเป็นระยะ”
เสือเข้มพยักหน้าเห็นด้วย
“อืม...เอาอย่างนั้นก็ได้”
เสือดำส่องกล้องดูต่อแล้วมองเห็นเสือใจถูกควบคุมตัวและสวมเสื้อระเบิดอยู่
“นั่นพ่อเสือ”
เสือเข้มรีบแย่งกล้องไปส่องดูบ้างแล้วเห็นระเบิด
“ตายโหงล่ะ มันเล่นเอาระเบิดใส่รอบตัวพ่อเสือเลยนี่หว่า”
“เราคงต้องระวังมาขึ้นแล้ว...ไปบอกพวกเราก่อนดีกว่า”

ทั้งคู่เลี่ยงออกไป

หินกับแก้วตรงมาที่กระท่อมเก็บอาวุธ แล้วเข้าไปเปิดลังอาวุธเห็นว่ามีอาวุธและกระสุนมากมาย
“เอาตามถนัดเลย”
แก้วสงสัย
“ท่าทางนายจะชำนาญมากเลยนะ”
หินอ้อมแอ้ม
“ก็ข้าแอบมาขโมยลูกกระสุนอยู่บ่อยๆนี่”
แก้วยิ้มอย่างรู้ทันแล้วรีบหยิบเท่าที่จำเป็น ทันใดนั้นทั้งสองได้ยินเสียงคนเดินมา แก้วมองหน้าหินแล้วกระซิบเบาๆ
“มีคนมา”
ทั้งสองฉากหลบไปแล้วมองลอดฝาบ้านออกมา เห็นเป็นเสือทศกับเสือเรืองเดินผ่านเข้าไปในป่า
“ไอ้ทศ...ไอ้เรือง” หินบอก
แก้วสงสัย
“ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ มันไปไหนกันนะ”
หินคิดๆ
“อยากรู้ไหมล่ะ”
ทั้งคู่มองหน้ากัน

กินรี นั่งพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ ประเดิมกับมะค่าถือกระบอกไม้ไผ่เดินเข้ามา
“ได้แล้ว กระติกน้ำชั่วคราว” ประเดิมโอ่
มะค่าเอากระบอกไปให้กินรี
“ขอบใจนะมะค่า”
กินรีเห็นว่าเย็นมากแล้วจึงออกความเห็น
“นี่ก็เย็นแล้ว ฉันว่าเราค้างที่นี่สักคืนดีกว่า”
ประเดิมเห็นด้วย
“ดีเหมือนกัน เดินทางกลางคืนมันอันตราย อีกอย่างเราไม่คุ้นเส้นทางด้วย เกิดหลงทางขึ้นมาจะยุ่ง”
มะค่าพยักรับ
“งั้น...ฉันไปจับปลากันดีกว่า เย็นนี้จะได้มีอะไรกิน”
มะค่าฉากออกไป กินรีมองตามแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู แต่หน้าเศร้า ประเดิมสังเกตเห็น
“เป็นอะไรไปกินรี คิดถึงหมอภราดรหรือ”
กินรีสารภาพ
“กินรีเป็นห่วงหมอมากกว่า”
“โอ๊ย...ไม่ต้องห่วงเขาหรอก เขาเดินทางสบายกว่าเราเยอะ”
ประเดิมไม่เข้าใจความหมายของหญิงสาว กินรีไม่อยากพูดต่อเก็บความกล้ำกลืนเอาไว้...ห่างออกไปเหมือนมีใครจ้องมองประเดิมอยู่

เสือเรืองกับเสือทศมาที่ซ่อนสมบัติ แล้วเอาสมบัติขึ้นมาบางส่วนเพื่อจะเอาไปจ้างพวกว้าให้มาทำงานให้
เสือทศมองซ้ายขวาไม่เห็นมีใคร หินกับแก้วแอบอยู่ห่างออกไปไม่ได้ยินคำสนทนาเห็นแต่ท่าทาง เสือทศสั่งงานเสือเรือง
“เอ็งรีบไปแล้วจัดการตาที่ข้าสั่ง”
“ได้ครับพี่”
หินกับแก้วตกใจเมื่อเห็นสมบัติที่เสือทศหยิบออกมา แก้วมองอย่างสงสัย
“ไอ้ทศมันไปเอาของมีค่าอย่างนั้นมาจากไหนกัน”
หินกลัวเสือทศเห็น
“รีบกลับก่อนเถอะ”
เสือทศกับเสือเรืองไม่รู้ตัว หินกับแก้วฉากอกมาอย่างเงียบๆ ไม่ห่างนักเสือชินเห็นหินกับแก้ว แอบมองแล้วฉากออกไป เสือชินรู้ทันทีว่าทั้งคู่รู้ความลับแล้ว

เย็นนั้น แคมป์ของเสี่ยรงค์ถูกตั้งขึ้นชั่วคราว ระรินอยู่ในที่พักหงุดหงิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“โอ๊ย...มันอะไรกันนักกันหนา นึกว่าจะได้กลับไปนอนที่บ้านสบายๆ ยังต้องมานอนกลางดินกินกลางทรายอีก”
ภราดรปลอบใจ
“ใจเย็นน่าระริน พรุ่งนี้เราก็ได้กลับบ้านแล้ว”
“แต่ระรินเบื่อนี่”
“มีผมอยู่ใกล้ๆทั้งคนคุณยังเบื่ออีกหรือ”
ภราดรทำทีเป็นน้อยใจ ระรินรู้สึกตัวแล้วง้อ
“ระรินไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ก็ผมคิดว่าคุณเบื่อผมแล้ว”
ระรินเอามือมาโอบคอภราดร
“ระรินจะเบื่อหมอได้ยังไง ระรินรักหมอที่สุดนะคะ”
ภราดรยิ้มได้ อองไชยเข้ามาขัดจังหวะ
“มีอะไรหรือท่านพราน” ระรินหยุดแล้วทำตัวเป็นปกติ
“ข้าอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย”
อองไชยมองไปทางภราดรเชิงขออนุญาต ภราดรยิ้มแล้วพยักหน้าให้
“ตามสบายครับ”
ภราดรเดินออกไป ระรินไม่สบอารมณ์
“มีอะไรก็ว่ามา”
“ท่าทางหมอเป็นยังไง”
“ก็ดีขึ้น รู้สึกตัวมากขึ้น และที่สำคัญ เขารักฉันมากขึ้น”
อองไชยสงสัย
“เจ้าแน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ หรือท่านไม่แน่ใจ”
“เปล่า”
อองไชยส่ายหน้าช้าๆ แล้วมองไปทางภราดร ในใจไม่ค่อยจะแน่ใจ

จ่าชิตกับสมรักษ์กำลังช่วยกันต่อไม้ทำทางอยู่มุมหนึ่ง ทั้งคู่ปรึกษากัน
“เอาไงหมวด จะลงมือช่วยไอ้ใจมันเมื่อไหร่”
“คืนนี้เป็นไง”
จ่าชิตเห็นด้วยแต่ติดที่ระเบิดที่ติดกับตัวเสือใจ
“แล้วเรื่องระเบิดล่ะ”
สมรักษ์คิดไม่ตก
“นั่นสิ...มันติดอยู่ที่ระเบิดนี่แหละ”
“หมวดถอดสลักไม่ได้หรือ”
สมรักษ์ส่ายหน้า
“ไม่...ผมไม่ชำนาญ”
“งั้นช่วยมันออกไปก็ไม่มีประโยชน์”
“เราต้องหาทางถอดระเบิดออกก่อน จะทำยังไงล่ะจ่า”

จ่าชิตครุ่นคิด ศักดาเดินเข้ามาหาทั้งคู่

เสือสมิง ตอนที่ 13 (ต่อ)

“นั่นไง คนถอดระเบิดได้มาแล้ว” จ่าชิตหันไปมอง
สมรักษ์มองตาม ศักดาเข้ามาถึงทั้งสองคนแล้วถามสถานการณ์
“เป็นยังไงบ้างหมวด จ่า...มีวี่แววจะได้กลับบ้านไหม”
“สงสัยต้องพรุ่งนี้เช้าแล้วล่ะผู้กอง” จ่าชิตบอก
“เช้าก็เช้า คืนนี้เพิ่มกะเวรยามคุมเสือใจด้วย บางทีอาจจะมีพวกแมงเม่าบินเข้ามาที่นี่”
ศักดาพูดเป็นนัยๆว่าอาจจะมีพวกลูกน้องเสือใจมาช่วย สมรักษ์รับคำแน่นหนา
“ได้ครับผม”
ศักดาเดินจากไป สมรักษ์กับจ่าชิตมองหน้ากันหาหนทางช่วยเสือใจ

อองไชยนั่งท่าทางครุ่นคิดอยู่คนเดียวใต้ต้นไม่ใหญ่ เสี่ยรงค์เดินเข้ามาพูดคุยด้วย
“คิดอะไรอยู่หรือท่านพราน”
“ขุมทรัพย์บาเยงโบ”
เสี่ยรงค์ตาวาวแล้วนั่งสนทนาด้วย
“เออนั่นสิ...ข้าก็อยากรู้ว่า ที่นั่นมันมีอะไรบ้าง”
“เพชร นิลจินดา เครื่องทอง ของพวกนี้มันเป็นของตายอยู่แล้ว”
“แล้วท่านคิดว่ามันจะมีอะไรมากกว่านี้หรือ”
อองไชยเหม่อมองไปข้างหน้าสายตาแน่วแน่
“ความเป็นอมตะ”
เสี่ยรงค์ยิ่งตาวาวเข้าไปใหญ่
“ความเป็นอมตะหรือ ท่านหมายถึงชีวิตที่ยืนยาวตลอดไปใช่ไหม”
“จากคำที่บอกเล่าต่อๆกันมามันบอกว่าผู้ใดที่เป็นผู้มีบุญและค้นพบจะเป็นผู้มีชีวิตอมตะ หรือไม่ก็จะได้เกิดอีกครั้ง”
ทันใดนั้นเสียงศักดาลอดเข้ามาแบบเย้ยหยัน
“นิทานหลอกเด็กหรือเปล่า”
อองไชยหันขวับอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ท่านศักดา...”
ศักดาเดินเข้ามาร่วมวง
“เพชรนิลจินดาแก้วแหวนเงินทองยังพอเชื่อ แต่ไอ้ที่ท่านพูดมาเมื่อกี้มันดูจะเวอร์ไปหน่อย คนเราจะไม่มีวันตายเป็นไปได้ยังไง”
เสี่ยรงค์ปราม
“ผู้กอง...ท่านไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่สิ”
ศักดาท่าทางเต๊ะและทำตัวเป็นคนสำคัญ
“ท่านพรานมีอะไรมาพิสูจน์”
“ไอ้แก่จอมขมังเวทย์ที่มันมาบุกที่บ้านท่าน มันมีชีวิตมากว่า 800 ปีแล้ว”
เสี่ยรงค์ฟังแล้วขนลุก ศักดาคิดตามว่าจะเชื่อดีหรือเปล่าแล้วยักไหล่เดินจากไป อองไชยมองตามสายตาไม่ค่อยชอบศักดา

จงใจกับแววเตรียมอาหารแล้วพูดคุยกันถึงเรื่องที่ผ่านมา และเรื่องเสือใจ
“นี่แสดงว่าหมวดสมรักษ์เขาเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว”
“จ้ะ...เขายอมสละเลือดช่วยจงใจด้วย”
จงใจท่าทางปลื้ม แววรู้สึกยินดีกับจงใจ
“น้าได้ยินอย่างนี้น้าก็หมดห่วง แต่พี่เสือล่ะ น้าเดาใจเขาไม่ถูกจริงๆ”
“ท่าทางพ่อเสือกับหมดก็คุยกันดี ขัดกันในบางครั้ง แต่โดยรวมแล้วพ่อเสือก็ชอบหมวดสมรักษ์อยู่เหมือนกันนะน้าแวว”
แววยิ้มในความเข้าข้างตัวเองของจงใจ
“เข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่า”
“เปล่านะ...”
จงใจหยุดเปลี่ยนสีหน้าเมื่อคิดถึงเสือใจ
”เราจะช่วยพ่อเสือได้ไหมน้าแวว”
แววแววตามุ่งมั่น
“ได้สิ...เราต้องช่วยพี่เสือกลับมาได้อย่างปลอดภัย น้าสัญญาแม้ว่าน้าจะต้องแลกชีวิตน้า
ก็ยอม”
จงใจมองแววด้วยสายตาแห่งศรัทธา แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงใจแววตาอ่อนโยน
“ขอบคุณมากนะน้าแวว....ฉันอยากเรียกน้าว่าแม่แววจังเลย”
แววน้ำตาเอ่อด้วยความปิติ แม้ว่าในใจจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้วถ่อมตัว
“น้าไม่คู่ควรกับพี่เสือหรอกจ้ะ”
“น้าอย่าดูถูกตัวเองอย่างนั้นสิจ๊ะ ในชุมเสือยกให้น้าเป็นเสมือนแม่ของพวกเขาด้วยกันทั้งนั้น”
แววรู้สึกตื้นตันเอามือจงใจมากุม
“ขอบใจนะจงใจ”
ทั้งคู่มองตากันอย่างซึ้งเหมือนแม่กับลูก หินกับแก้วโผล่เข้ามาหน้าตื่น
“เป็นเรื่องแล้วแม่”
จงใจกับแววมองหน้าหินกับแก้วงงๆ

เสือใจถูกโยงไว้กับต้นไม้ มีตำรวจ 2 นายคุมอยู่ ศักดา ซ้อมเสือใจสองสามหมัด
“แกนี่อึดน่าดูเลยนะเสือใจ แค่ตอบคำถามฉันข้อเดียวแกก็ไม่ต้องเจ็บแล้ว”
เสือใจนิ่งยิ้มยียวนไม่กลัว
“ตอนเด็กๆฉันเรียนไม่ค่อยเก่ง ไม่เคยตอบคำถามครูได้เลย”
เสือใจหัวเราะเบาๆ ศักดาซัดไปอีกสองทีเสือใจเลือดกบปาก
“บอกทางเข้าชุมเสือมา...เร็ว”
“ได้...”

ศักดามีความหวัง

“ยอมบอกแล้วหรือ...ที่ไหน”
“ในตูดพ่อแกไง ชุมเสือฉันซ่อนอยู่ในตูดพ่อแก”
ตำรวจที่รายล้อมอยู่แอบขำ ศักดาโกรธสุดขีดซ้อมเสือใจแบบไม่ยั้ง จ่าชิตกับสมรักษ์เข้ามาห้าม
“เฮ้ย...พอแล้วผู้กอง หน้ามันเละจนผมจำมันไม่ได้แล้ว”
สมรักษ์มองหน้าศักดา
“นี่เขามีระเบียบห้ามซ้อมผู้ต้องหานะผู้กอง”
ศักดาหยุด เสือใจคอตกตาปรือ แต่ก็ยังยิ้มได้แล้วยียวนต่อ
“หมดแรงแล้วหรือ วะ...ไอ้ศักดา ข้ายังไม่หายคันเลย”
ศักดาฮึดฮัดจะเอาต่อแต่สมรักษ์ดึงตัวเอาไว้
“พอเถอะผู้กอง ไปพักผ่อนก่อนดีกว่าทางนี้ผมกับจ่าชิตจัดการเอง”
ศักดายอมเดินจากไป หมู่คนที่เฝ้าคนหนึ่งเดินตามไปคอยดูแล จ่าชิตทำเข้มเดินเข้าหาเสือใจ
“ปากดีนักนะเอ็ง หมู่ไปเอาผ้ากับน้ำมาให้หน่อยซิ”
หมู่คนที่เฝ้าทำตามคำสั่ง จ่าชิตพูดกับเสือใจเบาๆ
“ไอ้ใจ เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไร”
“ฉันจะช่วยนายหนี แต่เรื่องระเบิด...”
เสือใจสวนเข้ามาทันที
“ไม่ต้องฉันไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะฉัน”
“ขืนปล่อยไว้แบบนี้เอ็งตับแตกตายแน่”
“เอ็งคิดว่าพี่น้องชาวชุมเสือของข้า จะปล่อยให้ข้าเป็นอย่างนี้หรือไง”
เสือใจพูดเป็นนัย แววตามั่นใจ จ่าชิตกับสมรักษ์เข้าใจ
“แล้วระเบิดล่ะ”
“ข้ามีวิธีของข้าก็แล้วกัน ข้ารบกวนเอ็งไปตามหมอมาทำแผลให้ข้าหน่อยสิ ท่าทางหนองจะกินแล้ว”
แผลเสือใจที่ถูกเสื้อระเบิดคลุมอยู่เฟะมีหนองและบวมช้ำ
“ได้”
หมู่เอาผ้ากับน้ำมาให้พอดีสมรักษ์สั่ง
“เอามานี่...ต่อไปห้ามซ้อมผู้ต้องหากันอีกนะ”
สมรักษ์พูดกลบเกลื่อนแล้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดให้เสือใจอย่างไม่รังเกียจ เสือใจตื้นตันใจ

หินกับแก้วเล่าเรื่องสมบัติของเสือทศให้แววฟังมาสักระยะหนึ่งแล้ว แววกังวลและไม่พอใจ
“พวกเอ็งแน่ใจนะ”
“โธ่แม่ฉันกับหินเห็นทั้งสี่ตา ท่าทางในหลุมนั้นมันคงยังมีอีกเยอะ”
จงใจสงสัยและพยายามนึก
“พี่ทศไปเอาของแบบนี้มาจากไหน”
หินสวนขึ้นมา
“มันก็ต้องแอบไปปล้นเขามาน่ะสิ”
พูดถึงเรื่องปล้นแววนึกขึ้นมาอีกเมื่อครั้งที่เจอเสือทศที่บ้านวินมิก แววชักแน่ใจ
“มันอาจจะสวมรอยเป็นพี่เสือไปปล้นก็ได้”
จงใจรู้สึกว่านี่เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง
“พี่ทศไม่ทำแบบนั้นหรอก พี่ทศเป็นลูกพ่อเสือนะ จริงอยู่พี่ทศอาจจะเป็นคนมุทะลุมักใหญ่ แต่เรื่องแบบนี้ใครทำก็อกตัญญูไม่ได้ผุดได้เกิดแล้ว”
แววถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทีจงใจเป็นแบบนี้จึงไม่กล้าพูดเรื่องบ้านวินมิกออกมา อีกทั้งกลัวทุกคนจะเป็นอันตราย
หินแทรกเข้ามา
“เราแอบไปดูสมบัติของมันไหมแม่”
แววรีบห้าม
“อย่า...ปล่อยไว้อย่างนั้น แม่อยากให้มันเปิดต่อหน้าพี่เสือ”
แววนัยน์ตาเข้มจริงจัง

กินรี นั่งปิ้งปลาอยู่ ประเดิมเดินเอาน้ำเข้ามาให้ แล้วมองที่ปลา
“หอมจัง...เอ้า กินรีน้ำ”
“ขอบใจจ้ะ...กินได้เลยจ้ะพี่ประเดิม”
ประเดิมคว้าไปหนึ่งไม้อย่างรวดเร็วแล้วกินอย่ามูมมาม
“อร่อยจังเลย...”
กินรีหันมาถาม
“มะค่าล่ะ”
“นั่งอยู่ริมลำธารทางโน้นแน่ะ”
กินรีท่าทางเหนื่อยอ่อน ประเดิมให้กำลังใจ
“ทนอีกหน่อย เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”
“ไม่รู้ป่านนี้ยายเป็นยังไงบ้าง”
“แม่หมอคงอยู่สบายน่า ท่าทางแกแข็งแรงออก”
มะค่าเดินเข้ามา ประเดิมเปลี่ยนเรื่อง
“จะมืดแล้วไปช่วยกันหาฟืนมาเติมกันดีกว่า”
ทั้งหมดเห็นด้วย ขณะเดียวกันนั้นมี เสียงม้าดังมาแต่ไกล ประเดิมสงสัยแล้วถามทุกคน
“ได้ยินไหม”
“เสียงม้า”

“อาจจะมีคนเดินทางผ่านมาทางโน้นก็ได้ ไปเก็บฟืนกันดีกว่า ทั้งหมดแยกกันไป”
มะค่ากังวลอะไรบางอย่าง

แม่หมอจัดดอกไม้อยู่ที่ห้องบูชาและไหว้รูปปั้นชะเวมะรัต
“ขอให้เจ้าแม่หน้าทองช่วยคุ้มครอง กินรี พะอูและมะค่าด้วยเถิด”
รูปปั้นชะเวมะรัตดูสงบนิ่ง แม่หมอเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากทองอย่างช้าๆแล้วรำพึง
“มันจะรักษาต่อไปได้ไหมเจ้าคะ เจ้าแม่”
แม่หมอนัยน์ตาเศร้าถามรูปปั้นชะเวมะรัต รูปปั้นยังคงนิ่ง ขณะเดียวกันนั้นเสียงผู้ใหญ่สนดังเข้ามา
“แม่หมอ...แม่หมอ...”
แม่หมอขานรับ
“ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ผู้ใหญ่สนมารออยู่หน้าบ้านพร้อมกับจ่อย และชาวบ้าน 2-3 คน
“แม่หมอ”
“มีอะไรรึผู้ใหญ่ ขึ้นมาก่อนสิ”
ผู้ใหญ่สนและผู้ติดตามขึ้นไปบนบ้านแม่หมอแล้วแจ้งความจำนง
“คือพวกฉันจะมาขอเจียดยาหน่อย”
“เป็นอะไรกันมาล่ะ”
จ่อยบอกอาการแทนทุกคน
“ฉันกับพวกนี้น่ะ ท้องเสียตั้งแต่เมื่อวานอยากจะขอเจียดยาสักหน่อย”
“ได้สิ รอเดี๋ยวนะ”
แม่หมอลุกเข้าไปในบ้านสักครู่ออกมาพร้อมยาสมุนไพร 3-4 ห่อ
“เอ้า...เอาไปต้มกิน 7 มื้อ แล้วเอากากยาไปฝังไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่”
ทุกคนรับไปแล้วกล่าวของคุณ
“ขอบคุณมากจ้ะ”
ผู้ใหญ่สนสอบถามเรื่องกินรี
“กินรีเมื่อไหร่กลับล่ะแม่หมอ”
แม่หมอหน้าสลด
“ข้าก็ไม่รู้”
ผู้ใหญ่หนักใจ
“จะกลับมาทันเพ็ญนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
แม่หมอสงสัย
“ทำไม”
“ก็ ชาวบ้านน่ะสิ...ป่วยออดๆแอดๆ หลายคน ไปเอายาที่อนามัยมากินก็ไม่ทุเลา ถ้ากินรีกลับมาทันก็ดีน่ะสิ จะได้ทรงร่างเจ้าแม่หน้าทองรักษาพวกเรา”
แม่หมอรู้สึกหนักใจแต่ไม่พูดอะไรมาก
“ทันสิ...เจ้าแม่มีญาณทิพย์ท่านต้องรับรู้ความเดือดร้อนของพวกเรา ท่านต้องพากินรีกลับมา”
“ได้ยินแม่หมอพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจ เอาล่ะฉันขอตัวก่อนนะ ขอบใจมาก”
“นี่จ้ะค่าบูชาครู”
จ่อยวางเงินใส่พานให้ตรงหน้า แม่หมอกังวลในใจคิดถึงใครบางคน

แม้จะยังไม่มืดมะค่าก็ก่อกองไฟขึ้นอีก ประเดิมรวบรวมฟืนได้มาก
“นี่คงพอจุดถึงเช้าล่ะ...นี่กินรี คืนนี้เราสองคนผลัดกันเป็นยามนะ”
กินรีพยักหน้าด้วยความเต็มใจ เสียงม้าร้องก้องเข้ามาอีก กินรีเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
“ม้านี่เสียงแปลกๆ น่าจะเป็นม้าป่าไม่ใช่ม้าของคนเดินทางหรอก”
ประเดิมชะงัก
“แปลก ไม่เคยได้ยินว่าป่าแบบนี้มีม้าเลย”
มะค่ากลัวหน้าซีดกว่าใครแล้วเข้าไปซุกใกล้ๆกินรี กินรียิ้มเอ็นดู
“มะค่า เป็นอะไร”
“ปะ...เปล่าจ้ะ...”
ทุกคนไม่ได้สงสัยหรือติดใจอะไร

แม่หมอมาหาพระธุดงค์ในป่า นำน้ำสมุนไพรมาถวายแล้วสอบถามเรื่องกินรี
“นมัสการพระคุณเจ้า”
“เจริญพร”
พระธุดงค์เห็นสีหน้าแม่หมอไม่ดีจึงสอบถาม
“มีเรื่องกังวลใจอันใดรึ”
“เรื่องกินรีเจ้าค่ะ ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”
“โยมแน่ใจหรือว่าเป็นห่วงแค่นี้”
พระธุดงค์รู้ว่าแม่หมอยังกังวลใจเรื่องอื่น
“เรื่องคำทำนาย”
“หน้ากาก”
แม่หมอถอนใจแบบหนักใจ
“มันเกิดขึ้นแล้ว...และความวิบัติกำลังจะมาเยือน อีฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”
พระธุดงค์หลับตาเหมือนกับตรวจสอบด้วยญาณ
“มันก็แค่คำทำนาย โยมจะไปยึดมั่นถือมั่นทำไม หน้ากากมันเกี่ยวอะไรกับคน มันคนละเรื่องกันเลย”
“คือว่ามันเกี่ยวพันไปถึงเรื่องความรักที่ได้ถูกตราไว้ว่าห้ามร่างทรงมีความรักมิฉะนั้น...”
แม่หมอหยุดไม่อยากพูดในสิ่งที่ไม่ดี
“มันเป็นสิ่งที่เขากำหนดมาแล้ว มันเป็นกรรมที่เกี่ยวพันกันมาอยากเหนียวแน่น การที่โยมจะมาแก้กรรมเหล่านี้จึงต้องใช้เวลา”
“นานแค่ไหนเจ้าคะ”
“อาตมาบอกไม่ได้หรอก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีที่สิ้นสุด ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นอนิจจังมีเกิดก็ย่อมมีดับ โยมอย่าได้กังวลไปเลย”
แม่หมอพอจะทุเลาความกังวลใจไปได้บ้าง พระธุดงค์ให้ทางสว่าง
“เมื่อหลานสาวโยมกลับมาก็พามาหาอาตมาก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ แล้วพะอูล่ะเจ้าคะ”
“เมื่อถึงเวลา อาตมาจะนำเขากลับมาเอง”

พระธุดงค์หลับตานั่งสมาธิต่อแม่หมอกราบลาจากไป

กองไฟกำลังลุกโชน กินรีนั่งพิงต้นไม้อยู่เธอยังไม่หลับ ทันใดนั้นชะเวมะรัตก็ปรากฏกายขึ้น กินรีตกใจ
“ท่าน...”
“เจ้าอย่าได้กังวลใจเรื่องคนรักของเจ้าไปเลย เขาจะกลับมาหาเจ้าแน่ๆ แต่ขอให้เจ้ามั่นคงต่อเขา รักและศรัทธาในตัวเขา สิ่งเหล่านี้จะทำให้ความผูกพันของเจ้ากับเขาที่มีมาทุกชาติภพจะมั่นคงตลอดไป”
กินรียอมรับแต่ไม่เข้าใจ
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”
“เมื่อคนรักของเจ้าได้ทำภารกิจที่เขาควรทำเสร็จ เมื่อนั้นความรักของเจ้าจะเป็นนิรันดร เจ้าอดทนได้หรือไม่”
“ได้...ข้าจะทำทุกอย่าเพื่อเขา เพื่อความรักของเรา”
ชะเวมะรัตยิ้มอย่างพอใจแล้วหายวับไป กินรีร้องเรียก
“เดี๋ยวท่าน...อย่าเพิ่งไป ฉันยังมีคำถามอีกมากมาย”

กินรีสะดุ้งตื่น ที่แท้เธอฝันไป แต่เรื่องราวมันเหมือนจริงมาก
“ท่าน...อุ๊ย...ที่แท้ก็ฝันไป...ท่านเป็นใครกันแน่”
กินรีมองไปรอบๆเห็น มะค่านอนหลับอยู่ แต่ไม่เห็นประเดิม กินรีสงสัยแล้วปลุกมะค่า
“มะค่า...”
มะค่าตื่นขึ้น
“มะค่า เห็นประเดิมไหม”
“รอบนี้น้าประเดิมเป็นยามไม่ใช่หรือ แกไปฉี่หรือเปล่า”
กินรีพยายามคิดให้เป็นแบบนั้นแต่มันก็นานแล้ว
“แต่ทำไมพี่ประเดิมไปนานจัง”
มะค่าสงสัย ทันใดนั้นมีเสียงม้าดังขึ้นมาอีก มะค่าหน้าซีดแล้วคาดเดา
“หรือว่า...เอ่อ...”
มะค่าพูดพลางเดินออกมารอบๆ แล้วเธอก็ตระหนกตกใจ
“แย่แล้ว...”
กินรีรีบมาที่มะค่าอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือมะค่า”
“ดูนี่”
มะค่าชี้ให้ดูที่พื้นเห็นเป็นรอยเท้าม้า กินรีสงสัย
“รอยเท้าม้า”
มะค่าหน้าเบ้พยักหน้าว่าใช่

กินรีสงสัยเรื่องรอยเท้าม้า
“ทำไมถึงมีรอยเท้าม้าแถวนี้ ทำไมเราไม่รู้ตัวล่ะ”
“เราไม่มีทางรู้ตัวหรอก เพราะนี่มันคือ ม้าบ้อง”
กินรียิ่งงง
“ม้าบ้อง ม้าอะไรกัน”
มะค่าเล่าให้กินรีฟัง
“แม่เคยเล่าให้ข้าฟังว่าม้าบ้องเป็นผีชนิดหนึ่งช่วงบนเป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่ท่อนล่างเป็นม้า
ตัดไปที่สิ่งที่ประเดิมกำลังตาเผยให้เห็นเป็นผู้หญิงสวยแต่ช่วงล่างเป็นม้า...ม้าบ้องมีเวทมนต์สะกดให้ผู้ชายหลงใหลแล้วตามไปที่รังของมันแล้วก็จะดูดเลือดกินไปเรื่อยๆจนร่างแห้งเหี่ยวตายไป”
กินรีหน้าซีดเป็นห่วงประเดิม
“ไปตามหาพี่ประเดิมกันดีกว่า”
มะค่าลังเล
“จะดีหรือ”
“หรือว่ามะค่าจะอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ ไปตามรอยเท้ามันไป”
กินรีชวน ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ประเดิมเดินตาม ผีม้าบ้องที่เป็นคนทั้งตัวแต่เวลาเดินรอยเท้าเป็นม้า เข้าไปในป่าอย่างไม่มีสติแต่หน้าตาดูมีความสุข

ศักดานั่งดื่มเหล้าอยู่กับเสี่ยรงค์ พูดคุยกันถึงเรื่องอนาคต
“งานนี้ผลงานผู้กองเข้าตาจริงๆ”
“แล้วอย่าลืมที่สัญญากับผมไว้ล่ะ”
เสี่ยรงค์ดื่มเหล้าเข้าลำคออย่างพอใจ
“ได้...ผมไม่ลืมอยู่แล้ว ท่านรัฐมนตรีคนนี้เกรงใจผมจะตาย เอาเป็นว่าผมขอดื่มให้ว่าที่สารวัติใหญ่คนใหม่ประจำจังหวัดก็แล้วกัน”
ศักดาหัวเราะพอใจ จ่าชิตกับสมรักษ์เดินเข้ามา สมรักษ์ถามเรียบๆ
“ฉลองอะไรกันหรือครับ”
เสี่ยรงค์เชิญชวนทั้งคู่อย่างอารมณ์ดี
“อ้าว...หมวด จ่า มา มาดื่มกันหน่อย นั่งสิ”
จ่าชิตเปรี้ยวปาก
“แหม...เหล้าฝรั่งซะด้วย ต้องฉลองด้วยคน เออ...ว่าแต่ฉลองเรื่องอะไรหรือ”
เสี่ยรงค์มองหน้าศักดา ศักดากลบเลื่อน
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก ก็ฉลองเรื่องจับเสือใจได้”
จ่าชิตรีบกระดกเหล้าลงคอทีเดียวหมดแก้วแล้วรินใหม่ทันที
“ก็น่าฉลองอยู่หรอก จับเสือใหญ่ได้ทั้งทีงานนี้ผลงานผู้กองเข้าตาผู้ใหญ่แน่นอน”
สมรักษ์นึกได้
“เออพูดถึงเสือใจ ผู้กองน่าจะให้หมอไปดูแผลเสือใจหน่อยนะ ตอนนี้เริ่มเฟะหนองกินแล้ว”
เสี่ยรงค์ท่าทางสมน้ำหน้า
“ช่างมันปะไร ตัดแขนทิ้งไปเลยยิ่งดีมันจะได้ทรมานไปจนตาย”
เสี่ยรงค์หัวเราะสะใจ สมรักษ์แย้ง
“มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิเสี่ย ตามสิทธิมนุษยชน ของผู้ต้องหามาตรา 5 วรรค8 บอกไว้ว่า เจ้าหน้าที่ต้องพึงดูแลรักษาผู้ต้องหาที่เจ็บป่วยตามเห็นสมควร”
ศักดางง จ่าชิตก็งง ศักดาหันมาถาม
“มีมาตรานี้ด้วยหรือ ผมไม่เคยได้ยินเลย”
สมรักษ์ยืนยัน
“มีสิ...ผมอบรมมาเมื่อปีที่แล้ว ผู้กองคงลืมแล้วล่ะสิ”
ศักดาทำเป็นนึกแล้วโมเมไป
“เหรอ...งั้นคงต้องให้หมอไปทำแผลมันหน่อยน่ะเสี่ย ผมอยากจะขึ้นรับตำแหน่งอย่างขาวสะอาด”
ศักดาหัวเราะ เสี่ยรงค์อนุญาตไม่ติดใจอะไร
“งั้นก็ตามใจ”
“ไป...ใครไปตามหมอภราดรมา”
สมรักษ์รับคำ
“ได้ครับ”
ทั้งหมดแยกกันไป เสี่ยรงค์ดื่มเหล้าต่อ

กินรีเดินแกะรอยตามประเดิมมากับมะค่า เธอมองตามรอยเท้าม้า แล้วทำสัญญาณว่าทางนี้
“มะค่า ทางนี้”
กินรีกับมะค่าตามไปอย่างระวัง

หญิงสาวผีม้าบ้องนำประเดิมมาถึงรังมันมีลักษณะเป็นถ้ำเล็กๆ มันยืนอยู่หน้าถ้ำแล้วเรียก ประเดิมเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ มันพร้อมจะพาไปจัดการในถ้ำ ประเดิมเดินยิ้มอย่างไม่มีสติตรงไปหาผีม้าบ้องที่แสยะยิ้มแยกเขี้ยวใบหน้าเปลี่ยนเป็นปีศาจ

จบตอนที่ 13
กำลังโหลดความคิดเห็น