xs
xsm
sm
md
lg

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 14

บริเวณทางเข้าน้ำตก โลมฤทัยเดินมาที่รถ มองหาปวุฒิ แต่ไม่เจอ โลมฤทัยหยิบโทรศัพท์โทรหาปวุฒิ แต่ไม่มีคนรับสาย เธอไม่พอใจ ผิดหวัง เธอจะหันกลับลงไปยังน้ำตก แต่แล้วก็เห็นปวุฒิยืนอยู่

โลมฤทัยยิ้มอย่างพอใจทันที
"ฉันคิดแล้วว่าคุณต้องมา"
ปวุฒิไม่ตอบเดินไปตามทางลงไปยังน้ำตก โลมฤทัยหันไปพูดกับปวุฒิ
"ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้ความเชื่อของฉันเป็นจริง ไม่มีใครดำสนิทหรือขาวบริสุทธิ์"
ปวุฒิหยุดฟังโลมฤทัยแล้วเดินไปที่น้ำตก โลมฤทัยยิ้มอย่างพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้

บริเวณน้ำตก รจนาไฉนยืนรอโลมฤทัย เธอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา
"ได้กล้องแล้วมาถ่ายรูปเถอะ"
รจนาไฉนหันไปมอง แต่ต้องแปลกใจ...
"คุณปวุฒิ"
ปวุฒิยิ้มทัก
"คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยคะที่คุณมาที่นี่"
"ผมอยากคุยกับคุณเรื่องที่เราคุยค้างกันอยู่"
เธอเดินเลี่ยงหนีไป
"ฉันบอกคุณแล้วไงคะ อย่าทำให้ฉันลำบากใจอีกเลย"
เธอจะเดินออกไป แต่ปวุฒิคว้ามือไว้...
"คุณคิดยังไงกับผม"
"คุณรู้คำตอบนั้นดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ"
ปวุฒิจับมือ
"ผมรู้ว่าเวลาเปลี่ยน ใจคนอาจจะเปลี่ยน แต่ไม่ใช่ผม ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณมันเหมือนเดิม และมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยิ่งเราห่างกัน ความรักและความหวงแหนกลับเพิ่มทวีคูณ ผมรักคุณ"
ปวุฒิดึงร่างรจนาไฉนเข้ามาโอบกอดไว้แน่น เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของปวุฒิ ด้วยความตระหนก
ที่มุมหนึ่ง โลมฤทัยยืนยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เธอดันตัวปวุฒิออก
"ฉันถือว่าสิ่งที่คุณทำเมื่อกี้เป็นเพราะคุณขาดสติยั้งคิด และจะเป็นกอดสุดท้ายที่ฉันให้คุณได้"
รจนาไฉนเดินหนีไป ปวุฒิรู้สึกผิดหวัง

มุมหนึ่งที่น้ำตกขณะที่รจนาไฉนจะเดินกลับไป ฝนตกลงมาห่าใหญ่... เธอลังเลว่าจะกลับหรือหาที่หลบฝน ปวุฒิเข้ามาดึงมือเธอ
"หลบฝนด้านนี้ก่อน"
ปวุฒิจูงมือรจนาไฉนวิ่งออกไป...

ปัทม์จะออกจากบ้าน เพื่อไปตามรจนาไฉน ลำเพาเข้ามาดักไว้
"คุณปัทม์จะไปไหนคะ"
"ผมจะไปตามรจนาไฉนกับคุณโลมฤทัยครับ"
"เอ่อ..แม่ว่าฝนตกอย่างนี้ เขาคงเดินทางกลับมาแล้ว ไม่ต้องไปตามหรอกค่ะ"
เปรมถือร่มเข้ามายื่นให้ปัทม์
"ดิฉันว่าไปรับเถอะค่ะ...ฝนตกหนักอย่างนี้ ถนนหนทางลำบาก"
ปัทม์รับร่มจากเปรมจะออกไป แต่แล้วโลมฤทัยวิ่งเข้ามาในสภาพเปียกฝนเล็กน้อย....
"เธอกลับมาแล้วเหรอ... รจนาไฉนล่ะ" ปัทม์ถาม
"คือว่า..."
โลมฤทัยแกล้งทำอึกอัก ปัทม์แปลกใจ
"เกิดอะไรขึ้น รจนาไฉนอยู่ไหน"
"พบขอคุยกับคุณปัทม์เป็นการส่วนตัวค่ะ"

ปัทม์และเปรมแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลำเพาแอบยิ้มพอใจ รู้ว่าโลมฤทัยทำตามแผนได้สำเร็จ

ภายในห้องทำงาน ปัทม์รุกเข้าถามโลมฤทัย
"ว่าไง คุณเพื่อนอยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับมาด้วย"
"พบไม่อยากพูดเลย มันเหมือนการใส่ร้ายพี่สาวตัวเอง"
"มีอะไรว่ามา"
"หลังจากที่เราเดินดูน้ำตก พี่เพื่อนบอกว่ามีธุระ ขอให้พบกลับมาก่อน แต่พบเป็นห่วงพี่เพื่อน พบย้อนกลับไปรับ แต่พบเห็นพี่เพื่อนนัดเจอคุณปวุฒิ"
ปัทม์ฟังก็ไม่เชื่อ
"พอเถอะ เลิกใส่ร้ายพี่สาวที่รักและหวังดีกับเธอได้แล้ว"
"พบเข้าใจค่ะว่าพบเป็นคนที่แย่ในสายตาคุณปัทม์ คุณปัทม์ไม่มีความเชื่อถือในตัวพบ แต่คุณปัทม์ควรจะเชื่อในสิ่งนี้"
โลมฤทัยยื่นโทรศัพท์ให้ ปัทม์รับมแล้วกดเล่นคลิปวีดิโอในมือถือ... เป็นภาพปวุฒิบอกรักรจนาไฉนแล้วดึงรจนาไฉนมากอด
ปัทม์โกรธจัด โยนโทรศัพท์ทิ้ง แล้วเดินออกไป สวนทางกับลำเพา
"ลูกพบเกิดอะไรขึ้น"
"โศกนาฎกรรมของนังเพื่อนค่ะ"

โลมฤทัยและลำเพายิ้มพอใจ ที่ทุกอย่างเดินไปตามเกม...

ปัทม์เดินออกไปจากบ้าน ตากฝนไปยังรถ ชิกับจันทร์เจ้าวิ่งสวนเข้ามา
"นายจะไปไหน ชิขับรถให้"
ปัทม์ไม่ตอบผลักชิออกไปแล้วขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว ทั้งชิและจันทร์เจ้างงมากว่าเกิดอะไรขึ้น
"อากาศเย็นทำให้คนใจร้อนเจ้า"
เปรมยืนมองที่มุมหนึ่ง แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น โลมฤทัยและลำเพาเดินออกมา เปรมเข้าไปถามโลมฤทัยทันที
"หนูพบ มันเกิดอะไรขึ้น"
โลมฤทัยอึกอัก ลำเพารีบบอกโลมฤทัย
"บอกความจริงคุณป้าไปเถอะ"
เปรมรอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

รถปัทม์วิ่งฝ่าสายฝนออกไปอย่างรวดเร็ว และขับรถฝ่าสายฝนออกไปด้วยแววตาที่เครียดและคิดมาก
ในเวลาต่อเนื่องมา รจนาไฉนนั่งอยู่ในกระท่อม เธอแปลกใจที่ปวุฒิหายไปและเรียกหา
“คุณปวุฒิ ปวุฒิ”
ปวุฒิเดินเข้ามาหาเธอ...พร้อมกับถือมงกุฏดอกไม้อยู่ในมือ
รจนาไฉนแปลกใจ
“คุณจำมงกุฎดอกไม้ได้ไหม”
เธอพยักหน้ารับ และคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอโผล่ออกมาจากทุ่งดอกไม้ ปวุฒิเอามงกุฎขึ้นมาทำพิธีสวมให้ตัวเองเป็นดั่งเจ้าหญิง
“ต่อไปนี้....ข้าจะขอแต่งตั้งให้สาวงามที่ชื่อรจนาไฉนผู้นี้....เป็นเจ้าหญิงดอกไม้”
รจนาไฉนถอนสายบัว แล้วเอามงกุฎดอกไม้มาสวมให้กับตัวเอง

ปวุฒิเดินตรงมาหารจนาไฉน...
“ผมจะทำตามสัญญาที่ให้กับคุณไว้”
ปวุฒินึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยบอก
“ผมเป็นเจ้าชายที่จะมารับเจ้าหญิง...ไปครองคู่ด้วยกันที่ปราสาทแสนสวย”

ปวุฒิเดินเข้ามาสวมมงกุฏดอกไม้ให้รจนาไฉน...
“คุณคือดวงใจของผม”
ปวุฒิยิ้มให้เธอ แล้วจะเข้าไปสวมกอด แต่เธอกลับถอยห่างไม่เหมือนวันวาน
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้ลืมมัน”
ปวุฒิอึ้งไม่คาดคิด จ้องมองหน้าเธอราวค้นหาคำตอบ
“จะให้ลืมคนที่ผมรัก ผมทำไม่ได้ หรือคุณลืมไปแล้วว่าคุณก็เคยรักผม”
“ฉันไม่เคยลืมค่ะ ฉันยังจดจำความรู้สึกที่ดีที่คุณมีต่อฉันได้เสมอ แต่สำหรับความรักในวันนี้...มันหมดแล้ว”
ปวุฒิอึ้ง
“ขอโทษนะคะที่พูดตรงๆ ต่อให้วันนี้คุณปัทม์ทิ้งฉันไป ฉันก็รักคุณไม่ได้อีกแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
รจนาไฉนสวนขึ้น
“ยอมรับความจริงเถอะค่ะ ไม่เช่นนั้นความรู้สึกที่ดีมันจะเลือนหายไป จนไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนให้แก่กัน”
ปวุฒินิ่งอึ้ง ไม่คิดว่า รจนาไฉนจะไม่เหลือเยื่อใยให้แล้ว......

ขณะที่ปัทม์ขับรถมาด้วยความเร็ว เพื่อไปตามหารจนาไฉน ปัทม์เองก็หวนคิดถึงคำพูดของปวุฒิ
“ผมจดจำไว้เสมอว่า คุณแย่งชิงคนรักของผมไป และอีกไม่นาน ผมจะเอาของรักของผมคืน”
“คงไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไป ถ้าผมจะบอกว่า มันคงสายไปแล้ว”
“ไม่คำว่าสาย...เพราะคุณได้เพียงตัวคุณเพื่อน แต่หัวใจเธออยู่ที่ผม”

ปัทม์ไม่พอใจ เร่งความเร็ว ขับรถพุ่งไปข้างหน้า....

ภายในบ้านปัทม์ ตอนเย็น เปรมใจคอไม่ดีนัก จึงหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาพูนทวี
“พูนทวี แม่เองนะ ปัทม์ออกไปจากไร่ ฝนตกหนักแบบนี้แม่เป็นห่วงจังเลย”
เปรม ปัทมกุลคุยโทรศัพท์เพื่อขอให้พูนทวีช่วยเหลือ

บริเวณกระท่อมใกล้น้ำตก รจนาไฉนหันไปบอกปวุฒิ
“ถ้าคุณรักฉันจริง ขอให้คุณรักษาพื้นที่ความเป็นเพื่อนของเราไว้”
รจนาไฉนยิ้มให้ปวุฒิ แล้วจะเดินออกไปจากกระท่อม เขาเข้ามากอดรัดเธอจากทางด้านหลัง
“อย่าทิ้งผมไป อย่าทิ้งคนที่รักคุณจนหมดหัวใจ”
เธอแกะมือปวุฒิออก
“อย่าทำอย่างนี้ค่ะ ฉันขอร้อง”
รจนาไฉนแกะมือปวุฒิออกได้ แต่ปวุฒิกลับดึงตัวเธอเข้ามาแนบชิด แล้วจะจูบ เธอตกใจ
“คุณปวุฒิ อย่าค่ะ”
รจนาไฉนพยายามปัดป้อง แต่ปวุฒิไม่ฟังเข้ากอดรัดจะหอม จูบ... เธอดิ้นจนหลุดออกมาได้ ตบหน้าปวุฒิไปหนึ่งฉาด ปวุฒินิ่งแล้วก็ถลาเข้ากอดจูบอีก เขาโน้มตัวเธอล้มลงบนแคร่ในกระท่อม
“อย่า!”

บนท้องถนน ปัทม์ขับรถด้วยความเร็ว ในภาวะฝนตกหนัก...ถนนลื่น เขาพยายามประคองรถ แต่แล้วเกิดฟ้าผ่าที่ด้านหน้า ต้นไม้ล้มลงขวางทางรถ เขาเบรกรถกะทันหัน รถจอดห่างจากต้นไม้ล้มเพียงเล็กน้อย

ภายในกระท่อมใกล้น้ำตก รจนาไฉนร้องห้ามปวุฒิ

“ฉันขอร้องล่ะ หยุดเถอะ”

ปวุฒิไม่ฟังยังคงซุกหน้ามาจะกอดจูบรจนาไฉนให้ได้ เธอคว้าเอามงกุฏดอกไม้บนหัว มาฟาดใส่ปวุฒิ ปวุฒิกระชากมงกุฎดอกไม้ ดอกไม้ร่วงกระจาย ปวุฒิยังคงถาโถมเข้าขืนใจรจนาไฉน

ปัทม์เดินไปที่ต้นไม้ พยายามจะลากต้นไม้ออกจากเส้นทาง แต่แล้ว กิ่งไม้บนต้นไม้อีกต้นก็หัก ตกร่วงมาฟาดหัวปัทม์ เขาสลบ ล้มลงกลางถนน ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง

ภายในกระท่อมใกล้น้ำตก ปวุฒิเข้าซุกไซร้จูบรจนาไฉน แต่แล้ว ปวุฒิกลับหยุดนิ่ง ลุกขึ้นมาเมื่อเห็นรจนาไฉนร้องไห้ ปวุฒิรู้สึกผิดมาก
“คุณเพื่อน ผมขอโทษ”
รจนาไฉนลุกขึ้น มองหน้าปวุฒิ
“ช่างมันเถอะค่ะ...ฉันถือว่าเป็นการชดใช้ความผิดที่ฉันทำร้ายจิตใจคุณ ต่อจากนี้...ฉันไม่ต้องรู้สึกผิดและมีตราบาปค้างในใจอีก”
รจนาไฉนพูดจบก็เดินออกไปจากกระท่อม ปวุฒิวิ่งตามออกมาแล้วตะโกนไล่หลังเธอที่ยังร้องไห้...
“ผมผิดอะไร ผมรักคุณ คุณก็เคยรักผม เขาต่างหากที่แย่งชิงคุณไปจากผม”
รจนาไฉนหยุดยืน หันหลังไปด้วยความสงสารที่เห็นปวุฒิร้องไห้โฮ ทรุดตัวลงกับพื้น เธอเดินเข้ามาหาปวุฒิ คุกเข่าลงเช็ดน้ำตาให้ปวุฒิ...
“ไม่มีใครผิด แต่มันไม่สามารถแก้อะไรได้อีกแล้ว ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เราจะเป็นเพื่อนรักกันจนวันตาย”
ปวุฒิมองหน้ารจนาไฉน
“ผมขอถามเป็นครั้งสุดท้าย....คุณรักใคร”
“ทั้งตัวและหัวใจของฉัน อยู่กับคุณปัทม์”
ปวุฒิยิ้มทั้งน้ำตา...รจนาไฉนยิ้มตอบให้ปวุฒิทั้งน้ำตาเช่นเดียวกัน
ปวุฒิประคองเธอลุกขึ้น
“รีบกลับเถอะ คนรักของคุณคงเป็นห่วงคุณมากแล้ว”
รจนาไฉนยิ้มตอบ รู้สึกดีที่ปวุฒิยอมรับความจริง และเป็นเพื่อนกับเธอต่อไป

ภายในห้องนอนปัทม์ เวลากลางคืน ปัทม์มีผ้าพันแผลที่หัว นอนหลับ กระส่ายกระสับเพราะฝันร้าย ในความฝัน รจนาไฉนเดินตรงเข้ามาหาปัทม์ที่ยืนรอหน้าบ้าน
“คุณกลับมาแล้ว”
รจนาไฉนยิ้มรับ เดินเข้ามาพร้อมจูงมือปวุฒิมาด้วย ปัทม์พูดอย่างไม่พอใจ
“มันหมายความว่าไง”
“มีหลายคนเคยพูดไว้ว่า เราสองคนไปด้วยกันไม่ได้ เพราะเราต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันพยายามเอาชนะความคิดนั้นให้ได้ แต่วันนี้ฉันไม่อยากหลอกตัวเองอีกแล้ว"
รจนาไฉนจูงมือปวุฒิเดินห่างออกไป... ปัทม์ยืนมองตะโกนเรียก
“รจนาไฉน...รจนาไฉน”

ปัทม์นอนกระส่ายกระสับเพราะฝันร้าย เปรมเข้าไปคอยเช็ดเนื้อตัวให้....พูนทวีเดินเข้ามาถาม
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอครับ”
เปรมส่ายหน้า
“ขอบใจมากนะที่ช่วยพาตาปัทม์กลับมา แม่รบกวนช่วยออกไปตามรจนาไฉนให้ด้วยได้ไหม”
“ผมสั่งให้ชิกับคนงานออกไปเคลียร์ถนน ถ้าเสร็จแล้วผมจะรีบไปรับคุณเพื่อนกลับมาทันทีครับ"

เปรมพยักหน้ารับรู้ แล้วหันมาเช็ดตัวปัทม์ด้วยความเป็นห่วง พูนทวีมองปัทม์ด้วยสายตาสงสาร และอยากรู้ความจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น...

มุมหนึ่งที่บ้านปัทม์ เวลากลางคืน พ่อเลี้ยงพูนทวีซักโลมฤทัย
“อย่ามัวเสียเวลากับที่มาที่ไปเลยค่ะ ผลลัพธ์น่าสนใจกว่า พ่อเลี้ยงควรดีใจที่ศัตรูหมายเลขหนึ่งถูกกำจัด"
พูนทวีตอบเสียงดุ
“ผมไม่เคยคิดทรยศเพื่อน”
“ตายจริง พบลืมไปว่างานนี้พ่อเลี้ยงมีแต่เสียประโยชน์ สุดท้ายพี่เพื่อนก็เลือกคนรักเก่า พบไม่อยากนึกภาพเลย ถ่านไฟเก่าชุโคนยามฝนตกพรำ คงช่วยสร้างความอบอุ่นได้ดีทีเดียว”
พูนทวีพูดสวนขึ้น
“หยุดนะ เลิกคิดและพูดพล่อยๆ คนอย่างคุณเพื่อนไม่มีวันสวมเขาให้ปัทม์”
พูนทวีเชื่อมั่นในตัวรจนาไฉน โลมฤทัยยิ้มเย้ยแล้วมองออกไปนอกบ้าน
“เหรอคะ ฝนตกหนักอย่างนี้คงต้องรอถึงเช้า ถึงจะรู้ว่าสันนิษฐานของใครเป็นจริง”
โลมฤทัยยิ้มเย้ยมั่นใจในความคิดของเธอ พูนทวีเริ่มกังวลใจเล็กน้อย

รจนาไฉนวิ่งมาที่ถนน แต่เส้นทางขาดไปไม่ได้ ปวุฒิถือร่มวิ่งเข้ามากางให้
“เส้นทางขาดไปไม่ได้แล้ว เราคงต้องรอถึงเช้า”
รจนาไฉนกังวลใจ
“แต่ฉัน”
“เชื่อผมเถอะครับ เข้าไปหลบที่รถก่อน”
รจนาไฉนมองเส้นทางถนนที่ขาด นึกกังวลใจกลัวปัทม์จะเป็นห่วง

คืนวันเดียวกัน ภายในห้องเช่าของนงนุช นงนุชถือถาดอาหารใส่อาหารพื้นเมืองมาวางหน้าอุรารัตน์
“ของกินพื้นเมือง อร่อยที่สุดถูกที่สุดมาแล้วค่ะ”
อุรารัตน์ได้กลิ่นก็รู้สึกเหม็นคลื่นไส้
“เหม็น ฉันกินไม่ลง”
“ว่าแล้วเชียวไม่ถูกปากกับพื้นเมือง งั้นต้องเมืองนอกค่ะ สปาเก็ตตี้ขี้เมาค่ะ”
นงนุชเอาจานสปาเก็ตตี้มาวางตรงหน้า อุรารัตน์ได้กลิ่นก็เหม็นอีก
“เหม็น”
นงนุชยกจานสปาเก็ตตี้ขึ้นมาดม ก่อนจะยื่นจานไปที่จมูกของอุรารัตน์
“หอมค่ะ … ของชอบคุณแอรี่ไงคะ”
อุรารัตน์ได้กลิ่นก็วิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที
“คุณแอรี่”
นงนุชแปลกใจ ตามมาด้วยเสียงอาเจียนของอุรารัตน์ นงนุชแปลกใจยกอาหารขึ้นมาดม
“ห๊อมหอม ดันบอกว่าเหม็น”
นงนุชคิดบางอย่างได้ ก็ตกใจร้อง “ว้าย”

อุรารัตน์ออกจากห้องน้ำมายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง หลังจากอาเจียนมาพักใหญ่ นงนุชเดินเข้ามาฉุดแขนอุรารัตน์
“ไปหาหมอค่ะ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก หายแล้ว”
“ต้องไปให้หมอตรวจค่ะ”
“ฉันบอกแล้วไง ไม่ได้เป็นอะไร”
“คุณแอรี่ต้องไปตรวจครรภ์ค่ะ”
อุรารัตน์ตกใจ
“อย่าบอกนะว่าฉัน...”
“ค่ะ เบนโล”
อุรารัตน์ตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะท้อง...

เช้าวันใหม่ ภายในห้องนอน ปัทม์ค่อยๆรู้สึกตัว ลุกขึ้น... เปรมยกถาดอาหารมาวางไว้ แล้วเดินเข้ามาหาปัทม์
“ตื่นแล้วเหรอลูก หายเจ็บรึยัง...เดี๋ยวทานอาหารแล้วทานยานะ”
ปัทม์มองหารจนาไฉน

“กลับมารึยังครับ”

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 14 (ต่อ)

เปรมอึ้ง ไม่กล้าตอบ พูนทวีเข้ามาทำหน้าทะเล้น
“ตื่นมาก็ถามหาเค้า เค้าเขินนะตะเอง”
ปัทม์ถามจริงจัง
“รจนาไฉนกลับมารึยัง”
พูนทวีอึ้ง ไม่กล้าตอบ
จันทร์เจ้าวิ่งเข้ามารายงานทุกคน
“คุณรจนาไฉนกลับมาแล้วเจ้า”
ปัทม์และทุกคนได้ยินก็ดีใจ
จันทร์เจ้าพูดเสริมต่อ
“คุณปวุฒิก็มาด้วยเจ้า”
ปัทม์ได้ยินชื่อปวุฒิก็ไม่พอใจ เปรมและพูนทวีเห็นอาการก็ยิ่งเป็นห่วง กลัวจะมีเรื่อง....

บริเวณหน้าบ้านปัทม์ในตอนเช้า ปวุฒิเดินมาส่งรจนาไฉน
“ขอบใจมากนะ คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” รจนาไฉนบอก
“ผมต้องส่งคุณให้ถึงมือเจ้าของ”
ปวุฒิเข้าไปจับแขนรจนาไฉน จะเดินเข้าไปส่ง ปัทม์เดินออกมาจากบ้าน เห็นปวุฒิจับแขนเธออยู่ รจนาไฉนเอามือปวุฒิออก
“คุณปัทม์”
ปัทม์สวนเสียงห้วน
“ไปไหนมา”
“ไปน้ำตกมาไงคะ พอดีฝนตกหนัก ฉันติดฝนต้องหลบอยู่ที่นั่น”
ปัทม์มองดุไปยังปวุฒิ รจนาไฉนรีบอธิบายทันที
“ฉันเจอคุณปวุฒิโดยบังเอิญ คุณปวุฒิจะพาฉันมาส่ง แต่ถนนขาด... ต้องรอเจ้าหน้าที่มาซ่อมถนน"
ปัทม์มองหน้าปวุฒิ
“ฉันต้องการฟังจากปากของเขา”
รจนาไฉนไม่อยากให้มีเรื่อง เลยบอกปวุฒิ
“คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ขอบใจมากนะ”
ปวุฒิจะเดินออกไป ปัทม์ตะโกนบอก
“ฉันต้องการฟังจากปากชายชู้”
รจนาไฉนไม่พอใจกับคำกล่าวหา
“คุณปัทม์”
ปัทม์เดินตรงเข้าหาปวุฒิทันที
“ว่าไง เล่ามา...มันเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าคุณไม่เชื่อใจภรรยาคุณ แล้วคุณจะเชื่อผมได้ยังไง”
“ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น”
ปวุฒินิ่งเงียบ
“คุณปวุฒิ บอกเขาไปสิ ว่าเรื่องราวเป็นยังไง”
ปัทม์ต้องการคำตอบ แต่ปวุฒินิ่งเงียบ แล้วย้อนกลับปัทม์
“คุณคิดว่าการที่เราสองคนอยู่ด้วยกันทั้งคืน มันจะเกิดอะไรได้บ้าง”
ปวุฒิพูดไม่ทันจบ ปัทม์ต่อยปวุฒิทันที รจนาไฉนตกใจ
“คุณปัทม์”
ปัทม์ไม่สนใจเข้าต่อยอีก ปวุฒิก็ตอบโต้ พูนทวีหน้าตาตื่นวิ่งออกมาจากบ้าน ร้องห้าม

“ไอ้ปัทม์หยุด”

พูนทวีเข้ามาห้าม ปัทม์ต่อยพูนทวีจนกระเด็นออกไปชนกับชิ จันทร์เจ้า และปยงค์ที่วิ่งเข้ามาพอดี
ถึงเวลานี้ ปัทม์หน้ามืดไม่ฟังใคร เข้าต่อยกับปวุฒิเป็นพัลวัน จนปวุฒิล้มลง ปัทม์จะเข้าไปซ้ำ...รจนาไฉนเข้าไปดึงปัทม์ออก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุด”
รจนาไฉนดึงตัวปัทม์ออกไป เข้าไปปกป้องปวุฒิ...ปัทม์มองอย่างไม่พอใจ
“เธอปกป้องมัน เธอเป็นชู้กับมัน”
รจนาไฉนเข้ามาตบหน้าปัทม์
“ตบอีกสิ ถ้าคิดว่ามันจะทำให้เธอดูดี ทำให้ฉันใจอ่อนยอมเชื่อว่า เธอไม่ได้มีอะไรกับมัน”
เธอรู้สึกเสียใจกับคำพูดของปัทม์
“คุณพูดอะไร”
ปัทม์ส่งโทรศัพท์ที่มีคลิปภาพวีดิโอของรจนาไฉนกับปวุฒิกับดู เธอเปิดกดดูเห็นภาพก็ตกใจ และเสียใจที่ปัทม์ไม่เชื่อใจเธอ
“มันคงทำให้คุณโกรธและเสียใจ และคิดไปได้ต่างๆนานา แต่ฉันอยากให้คุณฟังความจริงจากคนที่รักคุณ”
รจนาไฉนเดินตรงไปหาปัทม์
“มีหลายคนเคยพูดไว้ว่าเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้ เราต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันพยายามเอาชนะความคิดนั้นให้ได้ แต่วันนี้....ฉันไม่อยากหลอกตัวเองอีกแล้ว เราไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ”
ปัทม์ได้ฟังคำพูดของรจนาไฉนก็ยิ่งเสียใจ มันช่างเหมือนกับในฝันร้ายของเขา...
รจนาไฉนเดินไปหาพูนทวี
“คุณพูนทวีคะ ช่วยพาฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด”
พูนทวีอึ้ง
“ได้โปรดเถอะค่ะ”
“ครับๆ”
พูนทวีรีบเดินตรงไปที่รถทันที รจนาไฉนหันไปมองปัทม์ เขาเดินหนีเข้าไปในบ้าน.... ปวุฒิเดินเข้ามาหารจนาไฉน
“คุณเพื่อนจะไปไหน ผมพาไปส่งเอง”
“คุณเพื่อนเขาต้องการฉันไม่ใช่คุณ” พูนทวีบอก
ปวุฒิและพูนทวีเริ่มออกอาการเขม่นกัน รจนาไฉนเข้ามาบอกปวุฒิ
“อย่าให้เรื่องมันแย่กว่านี้อีกเลยค่ะ”
ปวุฒิเข้าใจความต้องการของเธอ จึงเดินขึ้นรถและขับรถออกไป......
ชิ จันทร์เจ้าและปยงค์เรียกเธอไว้
“คุณรจนาไฉน”
“ฉันฝากดูแลพวกเขาด้วย”
รจนาไฉนมองไปยังบ้าน เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเดินไปที่รถ พูนทวีที่ยืนรออยู่..

ปัทม์เดินมาที่ระเบียงห้องมองลงไปยังหน้าบ้าน เห็นภาพรจนาไฉนกำลังเดินไปที่รถของพูนทวี
เธอเดินจะขึ้นรถ และหยุดตรงนั้น เหมือนจะหันกลับมา ปัทม์ยืนมอง หวังว่าเธอจะเปลี่ยนใจ
แต่เธอเดินขึ้นรถโดยไม่กลับมามอง พูนทวีขับรถพาเธอออกไป
ปัทม์ยิ่งหัวเสีย ดึงผ้าพันแผลที่โพกหัวออก ขว้างผ้าร่วงลงจากระเบียงห้องตกลงสู่พื้น....

มุมหนึ่งที่บ้านปัทม์ โลมฤทัยเห็นปัทม์เดินหนีเข้าห้องก็ยิ่งพอใจ หันไปบอกลำเพา
“ไม่นึกเลยว่ามันจะง่ายอย่างนี้”
“อย่าเพิ่งประมาท คุณปัทม์ไม่ได้ไล่มัน แต่มันเป็นไปเอง มันอาจเปลี่ยนใจกลับมาอีกก็ได้" ลำเพาบอก
“การถูกไม่ไว้ใจ... เป็นจุดอ่อนในใจนังเพื่อน มันไม่มีวันให้อภัยคุณปัทม์ค่ะ”
“แล้วถ้าคุณปัทม์รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนของลูก กลับไปง้อมันล่ะ”
“มันจะไม่เกิดขึ้นค่ะ ยิ่งมันเลือกไปกับพ่อเลี้ยงพูนทวี เพื่อนรักหันมาเผาเรือนเพื่อนแบบนี้ จะตอกย้ำให้คุณปัทม์เกลียดชังไม่คิดพบหน้ามันอีก”

โลมฤทัยมั่นใจว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการณ์ที่เธอวางไว้...

มุมหนึ่งที่บ้าน ปัทม์มองภาพถ่ายที่มอบให้รจนาไฉน แล้วโยนทิ้ง แต่เปรมเดินเอาภาพนั้นมาส่งให้ลูกชาย
“ไปตามตัวหนูเพื่อนกลับมาเถอะ”
“คุณแม่จะให้ผมตามตัวผู้หญิงหลายใจ กลับมาตอกย้ำความโง่ของผมเหรอครับ”
“ทำไมถึงไม่เชื่อใจคนที่รัก”
“ไม่ใช่เพราะความเชื่อใจเหรอครับที่ทำร้ายผมเสมอ รจนาไฉนไม่ต่างจากแสงจันทร์หรือผู้หญิงคนไหนในโลกนี้ ปลิ้นปล้อนหลอกลวง ไม่รู้จักพอ”
“ถ้าลูกยังเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง แม่พูดอะไรไปก็คงไม่มีผล และถ้าหากลูกไม่รู้จักผู้หญิงที่ลูกใช้ชีวิตอยู่ด้วย เขาก็ไม่ควรจะอยู่กับลูกเช่นกัน”
เปรมเดินออกไปจากห้อง ปัทม์ยังคงหงุดหงิดหันไปหยิบภาพขึ้นม้ เขาเหมือนจะใจอ่อน แต่กลับปาทิ้งอีกครั้ง

มุมหนึ่งที่สวนดอกไม้บ้านพูนทวีรจนาไฉนยืนมองทุ่งดอกไม้ เผลอใจคิดถึงเมื่อเหตุการณ์ที่ปัทม์พาเธอไปยังทุ่งดอกไม้

รจนาไฉนวิ่งลึกเข้าไปในทุ่งดอกไม้เรื่อยๆด้วยความเพลิดเพลินใจ เธอเดินวิ่งไปแตะกลีบดอกไม้ด้วยความทนุถนอม... พร้อมสูดหายใจรับอากาศและความสุขเข้าไปเต็มปอด.... รจนาไฉนรู้สึกว่า มีใครเดินเข้ามาทางด้านหลัง เธอหันกลับไปเจอปัทม์ยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้ เขาหยิบมงกุฎดอกไม้ขึ้นมา....
รจนาไฉนมองอึ้ง..แปลกใจไม่คิดว่าปัทม์จะหายไปทำมงกุฎดอกไม้ให้เธอ
“ฉันทำให้เธอ”
รจนาไฉนมองนิ่ง อึ้ง แล้วก็ขำออกมา
“หัวเราะอะไร ไม่สวยเหรอ”
รจนาไฉนพยักหน้า ปัทม์ไม่พอใจจะโยนทิ้ง แต่เธอรีบห้าม
“แต่ฉันชอบนะ นี่ไม่ใช่มงกุฎดอกไม้อันแรกที่ฉันได้รับ”
ปัทม์ไม่พอใจคิดจะโยนทิ้ง เธอคว้ามือปัทม์ไว้
“ถ้าเป็นมงกุฎดอกไม้จากนักจัดดอกไม้ ฉันคงตื่นเต้นไปกับความสวยงาม แต่นั่น...ไม่น่าประทับใจเท่ากับการได้มงกุฏดอกไม้จากเจ้าของไร่ชา ที่ไม่เคยจัดดอกไม้สักครั้งเดียว”
ปัทม์ค่อยๆยิ้มออกมา แต่ก็เก็บอาการ เธอถอยออกห่าง แล้วย่อตัวเพื่อรอให้ปัทม์เข้ามาสวมมงกุฎดอกไม้ให้เธอ
“อะไรของเธอ”
เธอยิ้มมองปัทม์ รอคอยให้ปัทม์เอามงกุฏดอกไม้มาสวม เขาทำตัวไม่ถูก เดินเอามงกุฏดอกไม้มาวางไว้แบบส่งเดช แล้วเดินถอยไป
“คุณไม่เห็นเหรอว่ามันเบี้ยว”
“เรื่องมากจัง”
ปัทม์เข้ามาสวมให้อีกครั้งแบบไม่ตั้งใจ เธอจับมือปัทม์ให้วางมงกุฎให้ตรง...ทั้งสองจับมือกัน หน้าแนบชิด ตาสบตา เขาหลงเคลิ้มในความสวยของรจนาไฉน
“เจ้าหญิงดอกไม้”
ปัทม์โน้มตัวจูบหน้าผากเธอท่ามกลางทุ่งดอกไม้

รจนาไฉนมองสวนดอกไม้ตรงหน้า แล้วพยายามตัดใจ หันหลังจะกลับแต่เจอพูนทวียืนอยู่
“ไปกันเถอะครับ ผมไปส่ง”
“ฉันไม่กลับค่ะ”
พูนทวีโกหก
“ใครบอกว่าผมจะไปส่ง ผมจะพาคุณเพื่อนไปเที่ยวสวนสนุก...ไปกันครับ”
พูนทวีเข้ามาจับมือ รจนาไฉนเอามือออกแล้วพูดจริงจัง

“ถ้าคุณเอาตัวฉันกลับไปที่ไร่ปัทมกุล จะเท่ากับคุณตัดความเป็นเพื่อนกับฉัน คุณไม่เจอฉันที่นั่น หรือที่ไหนอีกเลย"

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 14 (ต่อ)

พูนทวียิ้มแหยที่รจนาไฉนรู้ทัน

“ผมอยากให้คุณได้ปรับความเข้าใจกัน”
“มันไม่มีประโยชน์อีกแล้วค่ะ”
“คนเข้าใจผิดกันเพราะคิดไม่ตรงกัน แค่หันหน้ามาพูดบอกความจริง ทุกอย่างก็จบ"
“เราจะทำอย่างนั้นได้ ถ้าเราเปิดใจ...เชื่อใจกัน ป่วยการเสียเวลากับคนที่ไม่ให้เกียรติคนรักตัวเองแล้วค่ะ"
พูนทวีพูดต่อไม่ถูก
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
รจนาไฉนเดินเข้าไปยังบริเวณบ้าน พูนทวีกลุ้มใจและเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ
พูนทวีบ่นกับตัวเอง
“อยู่ที่นี่ก็ดี จะได้ใกล้กัน แต่ทำไมมันไม่สุขเลยวะ อย่างนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ"
พูนทวีเจ็บช้ำใจที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเขา

วันใหม่ ปัทม์เข้ามาอาบน้ำให้ม้า แต่ม้าฟึดฟัดจะเดินหนี...
“แกเป็นอะไร ไม่สบายตัวรึไง”
ชิถือถังน้ำเข้ามาบอกปัทม์
“มันคิดถึงคุณรจนาไฉนน่ะครับ”
ปัทม์มองดุ ชิเงียบ ปัทม์เอาถังน้ำมาอาบน้ำให้ แต่ม้าก็ฟึดฟัดหนี
ปัทม์ไม่พอใจ
“เลิกคิดถึงผู้หญิงหลายใจได้แล้ว”
ชิเสนอหน้า
“ชิว่าคุณรจนาไฉนไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้นนะนาย”
“อย่าพูดชื่อนั้นให้ฉันได้ยินอีก” ปัทม์สวนขึ้นทันที
“ได้นาย ชิจะไม่พูดชื่อนั้นให้นายระเคืองหูอีก ต่อไปนี้ไร่ของเราจะไม่มีชื่อ รจนาไฉน”
ชิพูดจบ ปัทม์มองดุโกรธ ชิรู้ตัวว่าทำผิดก็ตบหัวตัวเอง
“ชิรู้ นี่แนะ สาระแน”
ปัทม์เดินหนีไปอีกคอกม้าหนึ่ง

ปัทม์เข้ามาอีกคอก หยุดมองด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นโลมฤทัยกำลังอาบน้ำให้ม้า เธอยิ้มให้ปัทม์
“อาบน้ำให้ม้าสนุกดีนะคะ ตอนแรกพบคิดว่าเป็นงานที่ยาก แต่พอได้ลองทำ ไม่น่ากลัวเลย แถมรู้สึกดีด้วย”
ปัทม์เดินหนีไปอีกคอกเพื่อแปรงขนม้า โลมฤทัยเดินตามเข้ามาแปรงข้างๆ ปัทม์ขว้างแปรงทิ้งกับพื้น...เธอหยิบแปรงขึ้นมา
“พบช่วยนะคะ”
โลมฤทัยหยิบแปรงขึ้นมาจะแปรงขนม้า แต่เขามากระชากข้อมือโลมฤทัย
“หยุดได้แล้ว...เธอแทนที่รจนาไฉนไม่ได้หรอก”
“ทั้งๆ ที่พี่เพื่อนทิ้งคุณไปหาผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอคะ”
ปัทม์สลดลง ปล่อยข้อมือโลมฤทัย
“ทุกอย่างมาถึงทางตันแต่มันก็มีทางออก คนเราต้องเลือกทางเดินใหม่ที่ทำให้เราพบกับความสุข”
“ความสุขของฉันคือทางตันที่ปิดตาย”
ปัทม์เดินหนีออกไป โลมฤทัยยิ้มพร้อมจะสู้ต่อไป..
“มารยาหญิงนี่แหละ จะเป็นกุญแจในการไขทางตันนั้นค่ะ” โลมฤทัยพูดกับตัวเอง

ตอนเย็นวันเดียวกัน ปัทม์เดินมาที่หน้ากระท่อมท้ายไร่ที่รจนาไฉนเคยอยู่ในช่วงที่มาอยู่ไร่ปัทมกุลใหม่ๆ หวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เขากลั่นแกล้งรจนาไฉน

รจนาไฉนเมื่อตื่นขึ้นมาพบมาอยู่ในกระท่อม... รู้สึกกลัว

“ฉัน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ช่วยด้วย”

เธอมองหาทางออก จนเห็นประตูกระท่อมที่หลุดเอียงกระเท่เร่ แล้วรีบวิ่งออกไปทันที แล้วพบตัวเองยืนอยู่หน้ากระท่อมร้างที่โดดเดี่ยวกลางหุบเขาที่ปลูกไร่ชา ทุกอย่างรอบตัวมืดมิด เธอยิ่งตื่นกลัว
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือของรจนาไฉนก้องสะท้อนไปทั้งหุบเขา

หลังหวนคิดถึงเรื่องในอดีตแล้ว ปัทม์ก็เดินเข้ามาในกระท่อม มองไปยังในห้องแล้วยิ้มออกมา..
ภาพในอดีตที่รจนาไฉนกำลังทำความสะอาดห้อง ตกแต่งห้อง โดยที่ปัทม์ยืนมองเธอทำกิจกรรมเหล่านั้นด้วยความสุข รจนาไฉนออกไปตกแต่งที่หน้ากระท่อม ปัทม์เดินตามออกไป
ปัทม์เดินออกมานอกกระท่อม แต่ไม่เจอรจนาไฉนแล้ว มีเพียงโมบายที่รจนาไฉนทำแขวนติดไว้
ปัทม์รู้สึกโกรธกระชากโมบายทิ้ง
“ฉันไม่มีวันยอมให้เธอทำร้ายจิตใจฉันได้อีก”
ปัทม์มองกระท่อม คิดอะไรบางอย่าง

ผ่านเวลามา ที่กระท่อมท้ายไร่เวลากลางคืน ปัทม์ราดน้ำมันในถังไปตามส่วนต่างๆ ของกระท่อมจนหมด ปัทม์จุดคบไฟที่ถือไว้ในมือจะโยนใส่กระท่อม แต่แล้วมีน้ำสาดเข้ามาใส่ จนปัทม์เปียกทั่วตัว
ปัทม์หันไปมอง เห็นปวุฒิถือถังน้ำอยู่ก่อนโยนถังน้ำทิ้ง
“ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนเข้มแข้ง แต่เพิ่งรู้ความจริงวันนี้เองว่า อ่อนแอ ไม่กล้ายอมรับความจริง คุณเพื่อนคิดถูกแล้วที่ทิ้งผู้ชายอย่างคุณ”
ปัทม์โกรธจัด พุ่งเข้ามาชกต่อยปวุฒิ ปวุฒิต่อยตอบโต้ ทั้งคู่ผลัดกันแพ้ผลัดดันชนะ ปวุฒิขึ้นคร่อมต่อยจนปัทม์หมดทางสู้
ปวุฒิกำหมัดจะต่อยซ้ำ แต่เห็นสภาพปัทม์แล้วหยุด กระชากคอเสื้อปัทม์ลุกขึ้นมา จ้องหน้า
“เมื่อใจแพ้ สู้ใครก็ไม่ชนะหรอก”
ปวุฒิผลักปัทม์ล้มลงกองกับพื้น ปัทม์ฝืนลุกขึ้นมา
“ต้องการอะไร ทำให้รจนาไฉนทิ้งผมไปแล้ว ยังไม่สะใจรึไง รึว่าหญิงชั่วคนนั้นสั่งให้มาเย้ยผม"
ปวุฒิโกรธพุ่งเข้าต่อยปัทม์ล้มลงไปอีก
“เลิกดูถูกผู้หญิงที่รักคุณสักที ถ้ารจนาไฉนทิ้งคุณไปอยู่กับพ่อเลี้ยงพูนทวี ผมจะสะใจที่สุด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะหัวใจของผู้หญิงคนนั้นรักคุณมากเกินไป”
ปัทม์แปลกใจในคำพูดของปวุฒิ
“คุณหมายความว่าไง”
“ความรักไม่ได้หมายถึงการครอบครองหรือแสดงความเป็นเจ้าของ แต่รวมถึงความเชื่อใจ”
ปัทม์อึ้งกับคำพูด ปวุฒิเดินออกไปแล้วยืนหันหลังบอกปัทม์
“ผมรักรจนาไฉนมาก แต่เธอรักคุณ”
ปัทม์อึ้งกับความจริง ปวุฒิหันกลับมาบอกปัทม์
“ถ้าคุณทำให้รจนาไฉนเสียใจอีก ผมจะเล่นงานคุณถึงตายแน่”
ปวุฒิมองขู่ปัทม์แล้วเดินออกไป ปัทม์เริ่มหูตาสว่าง เข้าใจความจริงมากขึ้น

มุมหนึ่งที่โรงแรม ปลัดวราห์หลบสายตาผู้คนมาลากอุรารัตน์เหวี่ยงเข้ากับผนัง
“เบาๆสิ ฉันท้องนะ”
วราห์หัวเราะเยาะฃ
“ใครเป็นพ่อมันล่ะ”
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง ฉันรู้ดีว่าเด็กในท้องเป็นลูกคุณ”

“ผมไม่น่าสอนวิชาเอาตัวรอดให้คุณเลย คุณคงจะใช้มันพร่ำเพรื่อ เอาตัวรอดด้วยวิธีการเอาตัวเข้าแลกมานับไม่ถ้วน”

วราห์เดินมาแตะท้อง แล้วพูดต่อ
“เด็กคนนี้อาจจะเป็นลูกของคนเข็นผักหลังตลาด พ่อค้าเขียงหมู รึไม่ก็คนงานต่างด้าวก็ได้... ใครจะรู้”
“สารเลว”
อุรารัตน์โกรธจัดเงื้อมือจะตบ วราห์จับมือไว้ ควักเงินให้ห้าร้อย
“ห้าร้อย...เป็นค่านมเด็ก ถือว่าเป็นการทำบุญสำหรับคนเคยๆ”
ปลัดวราห์บีบปากอุรารัตน์
“แต่จำไว้... เลิกตอแยฉันได้แล้ว ไม่งั้นเด็กคนนี้จะไม่ได้เกิด”
วราห์ผลักอุรารัตน์ กระแทกกับผนัง วราห์เดินกลับเข้าไปในโรงแรม อุรารัตน์ร้องไห้เสียใจที่วราห์ขับไล่ไม่รับผิดชอบ นงนุชวิ่งเข้ามาดูแลอุรารัตน์
“คุณแอรี่ ไม่เป็นไรนะคะ”
อุรารัตน์คิดบางอย่างได้ รีบเดินออกไป นงนุชรีบตามไป
“คุณแอรี่จะไปไหนคะ”
“ฉันจะเอาเด็กออก”
นงนุชตกใจ
“ทำแท้ง”
อุรารัตน์จะเดินออกไป แต่นงนุชเข้ามาขวาง
“ไม่ได้นะคะ คุณแอรี่จะทำร้ายเด็กไม่ได้”
“ฉันเกลียดมัน พ่อมันยังไม่ยอมรับแล้วจะเกิดมาทำไม”
“เด็กไม่ผิดนะคะ อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกของเรา ทำแท้งเท่ากับฆ่าคน หยุดสร้างกรรมสร้างบาปให้ตัวเองเถอะค่ะ ไม่งั้นคุณแอรี่ก็ต้องเผชิญกับความลำบากทั้งชีวิต”
นงนุชหว่านล้อม อุรารัตน์ค่อยๆคิดแล้วร้องไห้ออกมา
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“ค่อยๆคิดค่ะ มีลมหายใจก็ต้องมีทางออก ลูกในท้องเกิดมาอาจเป็นอภิชาตบุตร คอยช่วยเหลือเกื้อหนุนแม่นะคะ”
อุรารัตน์คิดตามที่นงนุชพูด เริ่มคิดแผนการในการเอาตัวรอด....

วันใหม่ ไร่ผลไม้ของพูนทวี รจนาไฉนกำลังนั่งเด็ดสตรอเบอรี่ในไร่ พูนทวีเดินเข้ามาแย่งตะกร้าใส่
“คุณเพื่อนทำอะไรครับ”
รจนาไฉนยิ้มเศร้าๆ พยายามทำใจ ล้อเล่นกับพูนทวี
“ซักผ้ามั้งคะ”
“ผมไม่ให้ซัก ที่นี่มีเครื่องซัก ไม่ต้องซักเองครับ”
“ไม่ได้ค่ะ โบราณว่าไว้ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”
“ผมยังไม่มีลูก และผมก็ไม่ชอบควายด้วย ไม่อยากโดนสวมเขา”
พูนทวีพูดเล่นหวังให้รจนาไฉนหัวเราะ แต่เธอกลับคิดถึงเรื่องปัทม์
“เอ่อ...ผมไม่ได้ตั้งใจครับ”
“ช่างมันเถอะค่ะ เอาตะกร้ามาค่ะ เพื่อนช่วยตัดสตรอเบอรี่ให้”
พูนทวีไม่ยอมส่งตะกร้าให้
“ให้ทำเถอะค่ะ นี่คงเป็นงานสุดท้ายที่เพื่อนจะช่วยคุณ”
“คุณจะไปไหน”
“เพื่อนตัดสินใจแล้วค่ะ เพื่อนจะพาคุณพ่อกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ เพื่อนไม่ต้องการให้เป็นภาระของใคร”
“ถ้าคุณเพื่อนเกรงใจปัทม์ พาคุณพ่อมารักฟื้นที่นี่ก็ได้ครับ ผมยินดี”
“ไม่ล่ะค่ะ แค่นี้เพื่อนก็เกรงใจคุณแย่อยู่แล้ว”
“อย่าลืมสิครับ เราเป็นเพื่อนกัน”
“แต่...”
“โทษฐานที่รู้จักกัน ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะให้ช่วยใครล่ะครับ”
พูนทวีพูดจริงจัง รจนาไฉนยิ้มรับไมตรี
“งั้นเพื่อนคนดีช่วยไปเอาตะกร้าใบใหม่ได้ไหมคะ ใบนี้เต็มแล้วค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับเพื่อน”
พูนทวีตะเบ๊ให้รจนาไฉนแล้ววิ่งออกไป รจนาไฉนมองแล้วยิ้ม เดินไปนั่งตัดสตอรเบอรี่อีกแปลง
เธอนั่งตัดได้ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ เธอคิดว่าเป็นพูนทวี
“ได้ตะกร้ามาเร็วจัง”

รจนาไฉนหันไปเจอปัทม์ยิ้มให้ ้เธอเดินหนีไปทันที

รจนาไฉนเดินหนีมาเจอพูนทวีที่ถือตะกร้าเข้ามา
“คุณเพื่อนจะไปไหนครับ เหมือนหนีใครมา”
เธอไม่ทันตอบ ปัทม์เดินตามเข้ามา
“อืม...ชัดเลย”
ปัทม์บอกพูนทวี
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับรจนาไฉน”
พูนทวีเข้าใจแล้วจะเดินออกไป แต่รจนาไฉนบอกพูนทวี
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยค่ะ”
พูนทวีอึกอัก
“แกมีอะไรก็ไปทำซะ” ปัทม์บอก
พูนทวีจะออกไป รจนาไฉนบอกกับพูนทวี
“ฉันไปช่วยนะคะ”
ปัทม์เข้ามาคว้าแขนเธอไว้ แต่เธอสะบัดออก
“คุณไม่มีสิทธิ์มารั้งตัวฉัน คุณพูนทวีคะ เราไป...”
พูนทวีสวนขึ้นบอก
“แย่จัง ลืมไปว่าซักผ้าทิ้งไว้ ขอตัวไปซักผ้าก่อนนะครับ”
พูนทวีรีบวิ่งออกไป หวังให้ทั้งสองเคลียร์กัน
“ฉันอยากปรับความเข้าใจกับเธอ” ปัทม์บอก
“ไม่จำเป็นค่ะ เราต่างเข้าใจกันดี ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ไปเถอะค่ะ”
ปัทม์เข้ามายืนขวางหน้า
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเธอจะฟังฉันและให้อภัยฉัน”
ปัทม์สีหน้าจริงจัง รจนาไฉนมองแล้วยิ้ม
“งั้นคุณไม่ต้องไปค่ะ”
ปัทม์ยิ้มพอใจ
“ฉันไปเอง”
รจนาไฉนเดินเลี่ยงหนีออกไป ปัทม์ผิดหวังตัดสินใจเดินตามไป

มุมหนึ่งที่ไร่ผลไม้ของพูนทวี ปัทม์เดินตามรจนาไฉน
“ให้โอกาสผมแก้ตัวเถอะ ผมผิดไปแล้ว”
รจนาไฉน ไม่ยอมหันกลับมามอง หรือโต้ตอบ
“ผมขอโทษ ผมเข้าใจความจริงหมดแล้ว”
รจนาไฉนเดินหนีไป ปัทม์ตัดสินใจร้องเพลงชาวเขา...ที่รจนาไฉนเคยร้องตอนอยู่ไร่ชากับกลุ่มชาวเขา พอเธอได้ยินเสียงเพลงก็ค่อยๆหยุดเดิน แล้วก็หยุดยืน...น้ำตาซึม ปัทม์เดินเข้ามาหารจนาไฉน...
“ผมขอโทษ ผมอยากให้คุณกลับไปกับผม ไปช่วยเก็บใบชาด้วยกัน”
รจนาไฉนมองหน้าปัทม์ น้ำตาซึม
“ถ้าปล่อยให้ใบชาอ่อนแตกใบแก่ มันสายเกินไปที่จะเก็บเกี่ยว”
“มันสายไปแล้วค่ะ”
“ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่เราจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ที่รักและศรัทธาในตัวเรา”
ปัทม์มองรจนาไฉนด้วยความจริงใจและจริงจัง
“ใช่ค่ะ...ไม่มีคำว่าสายเกินไปกับคนที่รักและศรัทธาในตัวเรา แต่ไม่ใช่คุณ”

รจนาไฉนพูดจบก็เดินออกไป ปัทม์ยืนอึ้ง...น้ำตาซึม ที่เธอไม่ยอมให้อภัยและจะทิ้งเขาไป....

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 14 (ต่อ)

ตอนเย็นต่อเนื่องมา รจนาไฉนเดินน้ำตาซึมเข้ามาในเรือนพักรับรอง...นพรัตน์ยิ้มให้กำลังใจ เธอโผเข้ากอดพ่อที่กอดตอบให้กำลังใจ
“ลูกตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ย
“เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วค่ะ เพื่อนจะพาคุณพ่อกลับไปรักษาตัวที่บ้านของเรา”
นพรัตน์นิ่งๆ ยิ้มให้ลูกสาวด้วยความอบอุ่นผูกพัน
“ลูกเคยสงสัยไหม ว่าทำไมพ่อยังเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับแม่ ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าแม่นิสัยเป็นยังไง”
รจนาไฉนแปลกใจในคำถามของนพรัตน์
“เพราะพ่อเชื่อว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เมื่อเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน พ่อก็เลือกที่จะจดจำสิ่งที่ดี มองข้ามข้อเสีย”
รจนาไฉนฟังและคิดตามคำพูดของนพรัตน์
“พ่อเคยคิดจะทิ้งแม่เขาไป แต่ไม่เคยทำได้สักที เพราะพ่อรู้ว่าพ่อขาดแม่ไม่ได้ เขามีบางส่วนที่เติมเต็มชีวิตพ่อ แล้วลูกล่ะเพื่อน... เคยถามตัวเองบ้างมั้ยว่าคุณปัทม์คือส่วนเติมเต็มชีวิตลูกรึเปล่า”
รจนาไฉนอึ้งไปนิดหนึ่ง คิดตามคำพูดของนพรัตน์
“ลูกต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้”
นพรัตน์ทิ้งคำถามให้รจนาไฉนคิดตามคำพูด
“เพื่อนยอมรับค่ะว่าเขาคือส่วนเติมเต็มชีวิตลูก แต่ความรักของคุณพ่อสามารถทดแทนส่วนที่ขาดหายได้ พรุ่งนี้เช้า เราจะเดินทางกลับบ้านของเราค่ะ"
รจนาไฉนยืนยันความคิดที่จะกลับไปกรุงเทพฯ นพรัตน์มีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ที่ลูกสาวเลือกจะทิ้งปัทม์ไป
“พ่อเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ”
นพรัตน์ยิ้มให้กำลังใจรจนาไฉน

เวลากลางคืน รจนาไฉนเดินมายังไร่ชา เดินเอามือลูบไล้บนใบชา
“วันนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เจอพวกเธอ ขอให้พวกเธอผลิยอดแตกใบอ่อน ทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด ฉันสัญญา...ฉันจะคิดถึงเธอตลอดไป”
รจนาไฉนน้ำตาซึมมองไร่ชากว้างใหญ่ แล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่แล้วเธอก็เห็นแสงไฟเล็กๆลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า...
รจนาไฉนแปลกใจเดินไปที่ยอดดอยไร่ชา...

มุมหนึ่งที่ไร่ชาซึ่งเป็นมุมยอดสูง รจนาไฉนยืนตกตะลึงที่เห็นโคมลอยนับร้อยลอยอยู่เหนือท้องฟ้า
ฐานของโคมลอยทุกอัน มีมงกุฎดอกไม้ผูกไว้ เธอมองด้วยความประทับใจและแปลกใจ...
ปัทม์ถือมงกุฎดอกไม้เดินตรงมาหาและหยุดยืนห่างจากรจนาไฉนพอสมควร
“คุณเคยบอกผมว่า มงกุฎดอกไม้ของนักจัดดอกไม้สวยงาม แต่ไม่อาจสู้มงกุฎจากชาวไร่ได้ มันอาจไม่สวยที่สุด แต่เป็นมงกุฎดอกไม้ที่ทำมาจากหัวใจที่รักคุณมากที่สุด ผมขอรับตัวเจ้าหญิงกลับปราสาท ได้โปรดกลับไปกับผมเถอะ"
รจนาไฉนยังยืนนิ่ง
“ฉันอยากให้เธออยู่กับฉัน ฉันต้องการรอยยิ้มจากเธอ ฉันต้องการฟังคำพูดเพราะจากเธอ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ เพราะเธอคือชีวิตของฉัน ฉันรักเธอ”
รจนาไฉนสวนขึ้น
“พอเถอะค่ะ”
ปัทม์ผิดหวังคิดว่ารจนาไฉนยังไม่ให้อภัย
“จะให้ฉันยืนหนาวอีกนานไหม”
ปัทม์ยิ้มดีใจ รจนาไฉนยิ้มๆ
“ฉันยอมกลับไปปราสาท ตั้งแต่เห็นหน้าคุณแล้ว”
ทั้งคู่ต่างวิ่งเข้ามาหากัน ปัทม์มอบมงกุฎดอกไม้สวมให้รจนาไฉน

“เจ้าหญิงของฉัน”

รจนาไฉนโผเข้ากอดปัทม์ น้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ ท่ามกลางโคมลอยนับร้อยที่ส่งแสงสว่างกลางท้องฟ้า

วันใหม่ บ้านพูนทวี รจนาไฉนเข้ามาลาพ่อเลี้ยงพูนทวี
“ขอบคุณคุณพูนทวีมากนะคะที่ช่วยเหลือเพื่อน”
“ขอบใจมากไอ้เพื่อนยาก” ปัทม์บอก
“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลัง วันก่อนต่อยฉันเต็มๆ ขอเอาคืนสักหมัดเหอะ”
พูนทวีจะต่อยปัทม์ ปัทม์ไม่หลบ
“ไม่กลัวเจ็บเหรอวะ”
ปัทม์มองรจนาไฉน
“มีพยาบาลคอยทำแผลให้แล้ว”
“หมั่นไส้ ไป...ไปกันได้แล้ว” พูนทวีบอก
พูนทวีทำเอะอะโวยวายไล่ทั้งสองออกไป รจนาไฉนและปัทม์ยิ้มให้พูนทวี รจนาไฉนเข้ามาจับมือพูนทวี
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก.... ที่นี่ไม่ใช่ศาลาคนเศร้าเหงาใจแล้วมาพักพิง”
ปัทม์ยิ้ม ขับรถพารจนาไฉนออกไปจากบ้านพูนทวี
พูนทวียิ้มดีใจที่เห็นทั้งสองกลับมาคืนดีมีความสุข
“ทำไมเจ็บจี๊ด ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ยิ่งไกลก็ยิ่งจี๊ด ใจหนอใจ”
พูนทวีทุบอกตัวเองร้อง “โอ๊ย เจ็บ”

ปัทม์ขับรถพารจนาไฉนกลับมายังเขตอาณาจักรของปัทม์ เธอมองข้างทางด้วยความสุขที่ได้กลับมาอยู่อีกครั้ง ก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของปัทม์
“คุณคิดอะไร”
“กำลังคิดว่าจะใช้โซ่เบอร์อะไรล่ามเธอไว้ ไม่ให้เธอหนีไปอีก”
“ฉันไม่ใช่ทาสคุณนะ ต่อให้คุณเอาโซ่ล่ามใส่ตรวนก็รั้งฉันไว้ไม่อยู่หรอก”
“แล้วถ้าผมใช้หัวใจมัดคุณไว้ล่ะ”
ปัทม์หันมายิ้มให้ รจนาไฉนเขินอาย หนีหน้ามองไปข้างทางแล้วตะโกนด้วยความตกใจ
“หยุดรถค่ะ”
ปัทม์เห็นหญิงสาวเดินมาหยุดที่หน้ารถ ก็ตกใจเบรกทันที อุรารัตน์ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้ารถ แล้วเป็นลม ปัทม์และรจนาไฉนรีบลงมาจากรถ เข้าไปประคองอุรารัตน์
“คุณอุรารัตน์”
ปัทม์และรจนาไฉนตกใจที่อุรารัตน์มาขวางรถและเป็นลม

ภายในบ้านปัทม์ รจนาไฉนเข้ามาเช็ดเนื้อตัว ดูแลอุรารัตน์ นงนุชนั่งอยู่ข้างๆ ร้องไห้เรียกความเห็นใจ
“โถ คุณแอรี่ของนงนุชจะฟื้นมั้ยคะ รึคุณแอรี่ตายแล้ว”
“หล่อนเป็นห่วงรึแช่งเจ้านายหล่อนกันแน่ เห็นอยู่ว่ายังหายใจฮึดๆ แค่เป็นลมย่ะ” ปยงค์ว่า
“คนเราก็แปลก จู่ๆวิ่งมาตัดหน้ารถ รึคิดฆ่าตัวตายหนีคดี” จันทร์เจ้าว่า
“ไม่ก็...มีแผนร้าย” ปยงค์ว่า
นงนุชสะดุ้ง
“ไม่มีอะไร คุณแอรี่มีธุระกับคุณปัทม์”
ปัทม์แปลกใจหันไปถามนงนุช
“มีเรื่องอะไรกับฉัน”
อุรารัตน์ค่อยฟื้นตัว รจนาไฉนดีใจ
“ฟื้นแล้วค่ะ คุณอุรารัตน์เป็นยังไงบ้าง”
อุรารัตน์ผลักรจนาไฉนออกทันที
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันต้องอยู่เพื่อดูแลลูกของฉัน”

ปยงค์และจันทร์เจ้าอุทานพร้อมกัน “ลูก!”

อุรารัตน์เดินเข้าไปหาปัทม์หน้าตาเฉยบอก
“ลูกของเราค่ะปัทม์”
รจนาไฉนและปัทม์ต่างนิ่งอึ้ง ช๊อก
“คุณพูดอะไรของคุณ” ปัทม์ถาม
“แอรี่จะมาบอกข่าวดีค่ะ แอรี่ท้อง เด็กในท้องเป็นลูกของเรา คุณกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว"
รจนาไฉนตกใจ ปัทม์โกรธจัดลากอุรารัตน์ออกไปจากบ้านทันที
“ปัทม์ทำอะไรคะ ระวังลูกในท้องกระทบกระเทือนค่ะ”
ปัทม์ไม่ฟังลากอุรารัตน์ออกไป รจนาไฉนอึ้งตกใจ
บริเวณหน้าบ้าน ปัทม์เหวี่ยงอุรารัตน์ออกไป นงนุชวิ่งเข้าไปประคอง
“เลิกสร้างเรื่องหลอกลวงได้แล้ว”
“ฉันท้องจริงๆนะคะ นี่ไงคะ ฉันเพิ่งไปหาคุณหมอ ผลการตรวจบอกไว้ชัดเจน”
อุรารัตน์หยิบเอกสารทางการแพทย์มาโชว์
“ถ้าคุณไม่เชื่อ พาแอรี่ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งก็ได้ค่ะ”

รจนาไฉนอยู่ในบ้าน ได้ยินทุกคำพูดของอุรารัตน์ก็ยิ่งตกใจ ปยงค์และจันทร์เจ้าเข้ามาปลอบ
“ใจเย็นๆนะคะ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” ปยงค์บอก
“ใช่เจ้า คุณปัทม์ไม่ใช่คนเหลวใหลเจ้า”
รจนาไฉนรู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น คิดตัดสินใจ

อุรารัตน์ตีหน้าเศร้ามาออดอ้อนปัทม์
“แอรี่รู้ว่าคุณมีผู้หญิงคนใหม่ คุณไม่รักแอรี่แล้ว แต่อยากให้ปัทม์คิดถึงลูกในท้อง ลูกของเรานะคะ"
ปัทม์จับต้นแขนอุรารัตน์ด้วยความโกรธ
“เธอก็รู้ว่าเราไม่เคยมีอะไรกัน ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนให้คนงานมาลากตัวออกไป"
นงนุชเห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามาหาอุรารัตน์
“ไปเถอะค่ะ”
“แต่แอรี่”
“ออกไป”
นงนุชจะพาอุรารัตน์ออกไป แต่รจนาไฉนเดินเข้ามา
“คุณแอรี่ไม่ต้องไปไหนค่ะ”
อุรารัตน์หันกลับมา ดีใจที่รจนาไฉนยอมให้เธออยู่ที่นี่ นงนุชได้ฟังก็อึ้งและแปลกใจมาก
“รจนาไฉน” ปัทม์เรียกเบาๆ
“คุณแอรี่ควรอยู่ที่นี่ และเธอต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”
รจนาไฉนหันไปบอกปยงค์และจันทร์เจ้า
“ป้ากับจันทร์ช่วยจัดห้องให้คุณอุรารัตน์ด้วยค่ะ”
“คุณรจนาไฉนอย่าไปเชื่อมันค่ะ” ปยงค์ว่า
“มันมารยาเจ้า” จันทร์เจ้าบอก
รจนาไฉนหันไปบอก
“หากยังนับถือว่าฉันเป็นนายของเธอ ทำตามที่ฉันขอ”
อุรารัตน์ยิ้มดีใจ เดินเข้ามาหารจนาไฉน
“พลิกเกมได้ไว รู้ว่าฉันจะมาเป็นคุณนายใหญ่ที่นี่ ก็ชิงทำตัวมาเป็นพวกฉัน เธอฉลาดมาก ที่รู้จักเอาตัวรอด”
“ขอให้คุณอุรารัตน์พักผ่อนให้สบายนะคะ ถือว่าที่นี่คือบ้านของคุณ”
รจนาไฉนยิ้มให้อุรารัตน์ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
อุรารัตน์เข้ามาหาปัทม์
“ปัทม์พาแอรี่ไปห้องหน่อยสิคะ”
ปัทม์ปัดมืออุรารัตน์ออก แล้วเดินตามรจนาไฉนเข้าไปในห้อง ปยงค์และจันทร์เจ้าหมั่นไส้อุรารัตน์
“พวกหล่อนไปขนกระเป๋าฉันขึ้นห้องด้วย”

ปยงค์และจันทร์เจ้ายืนเชิด
“ฟ้าเปลี่ยนสี เก้าอี้เปลี่ยนเจ้าของ อย่าจองหอง เดินเกมตามเจ้านายเธอสิ แล้วจะรอด”

อุรารัตน์เดินเชิดเข้าไปในบ้าน นงนุชเดินตามไป มีท่าทีอ่อนลงเพราะอึ้งในความดีของรจนาไฉน

ภายในห้องนอนปัทม์ รจนาไฉนกำลังจัดเตรียมข้าวของที่จำเป็น ปัทม์เดินตามเข้ามามองดูด้วยความแปลกใจ
“เธอทำอะไร ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอทิ้งฉันไปอีก ฉันสาบานได้เลยว่าไม่เคยยุ่งกับอุรารัตน์ ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ"
รจนาไฉนยิ้มให้ปัทม์
“ฉันไม่มีความคลางแคลงใจในตัวคุณเลย ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ”
“แต่เธอกำลังเก็บเสื้อผ้า”
“แค่จัดเตรียมหาของใช้ที่จำเป็นให้คุณอุรารัตน์ค่ะ”
“ทำไมเธอต้องไปดีกับเขา ทั้งๆ ที่เขาสร้างเรื่องขึ้นมาทำลายครอบครัวของเรา”
“อย่าลืมสิคะว่าคุณอุรารัตน์กำลังลำบาก โดนยึดทรัพย์ไม่มีที่อยู่ แล้วตอนนี้เธอตั้งท้องอีก น่าสงสารนะคะ"
“คิดดีกับเขา แต่เขาอาจทรยศเอาเรื่องลูกมากลั่นแกล้งเธอ”
“เด็กคลอดมาก็พิสูจน์ได้นี่คะว่าเป็นลูกใคร ถึงแม้จะเป็นลูกของคุณจริงๆ ฉันก็จะรับดูแลเสมือนลูก และเราจะยังรักกันเหมือนเดิม อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่เราทำให้ปัจจุบันและอนาคตสวยงามได้”
ปัทม์ซึ้งในน้ำใจเข้ามาสวมกอดด้วยความรัก
“ฉันเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
รจนาไฉนสวมกอดปัทม์ด้วยความอุ่นใจเช่นเดียวกัน

อุรารัตน์เข้ามาในห้องพักรับรอง ชี้นิ้วสั่งปยงค์และจันทร์เจ้า
“เปลี่ยนผ้าปู ผ้าม่าน เปลี่ยนของใช้ทุกอย่าง ฉันไม่ชอบใช้ของซ้ำกับใคร”
ปยงค์และจันทร์เจ้าอึ้ง อ้าปากค้าง อุรารัตน์สวนต่อ...
“อาหารเช้าเอามาเสิร์ฟถึงห้อง อาหารเที่ยง อาหารเย็นจัดโต๊ะให้ฉันกับสามีฉันเป็นส่วนตัว"
ปยงค์และจันทร์เจ้าอึ้งหนักเข้าไปอีก ที่อุรารัตน์เรียกปัทม์ว่าสามี
“จะอ้าปากหวออีกนานไหม ไปจัดเตรียมที่ฉันสั่งเดี๋ยวนี้”
ปยงค์และจันทร์เจ้าไม่พอใจ ไม่ทำตาม คิดจะเดินออกไป
“ฉันจะไปฟ้องสามีฉันให้ไล่พวกแกออก”
ปยงค์และจันทร์เจ้าอึ้ง มองตากันปริบ หันมารับคำอุรารัตน์
“เจ้า”
อุรารัตน์ยิ้มพอใจเดินเข้าไปในห้อง... ปยงค์และจันทร์เจ้าเดินสวนกับนงนุชที่ถือกระเป๋าส่วนตัวอุรารัตน์เข้ามาในห้อง...

อุรารัตน์เดินมานั่งที่เตียงนอน นั่งเชิดเป็นนางพญาในห้อง
“ไม่น่าเชื่อ ว่านังรจนาไฉนจะโง่หลงเชื่อว่าลูกในท้องเป็นลูกของปัทม์”
“คุณแอรี่ไปสารภาพความจริงเถอะค่ะ ถ้าหน้าไม่หนาพอ นงนุชพูดแทนก็ได้”
อุรารัตน์ตกใจ
“สติเสียไปแล้วรึไง ตอนนี้ฉันกำลังได้ทุกอย่าง แล้วแกจะให้ฉันสารภาพบาป"
“นงนุชไม่คิดว่าคุณรจนาไฉนจะดีแสนดีอย่างนี้ไงคะ ดีเกินกว่าคนเลวๆ อย่างนงนุชจะกล้าสู้หน้า หรือสบตา”
“ก็ไม่ต้องมองหน้ามันสิ”
นงนุชพูดหว่านล้อม
“ทำชั่วกับคนเลวบาปมันน้อย แต่ทำชั่วกับแม่พระอย่างคุณรจนาไฉน ต้องตกขุมนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดชั่วกัปชั่วกัลป์ค่ะ"
อุรารัตน์ผลักนงนุชออก
“ถูกมันร่ายมนต์รึไง ต่อมความดีถึงแตก”
“ฉันไม่กลัวนรก นรกสวรรค์เป็นนิทานที่พวกคนดีสร้างมาปกป้องตัวเอง ในเมื่อไม่มีใครปกป้อง ฉันก็ต้องเอาตัวรอดด้วยวิธีของฉัน”
อุรารัตน์เดินไปทั่วห้อง
“อีกไม่นาน เกียรติและศักดิ์ศรีของฉันจะกลับคืนมาในฐานะภรรยาคุณปัทม์ แล้วฉันจะเฉดหัวทุกคนออกไปจากที่นี่”

อุรารัตน์มั่นใจในเส้นทางชีวิตของเธอ ส่วนนงนุชอึ้ง ไม่คิดว่าอุรารัตน์จะทำเรื่องร้ายอีก...

จบตอนที่ 14

อ่านต่อตอนที่ 15 ตอนอวสาน พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น