มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 7
โลมฤทัยเดินมายังห้องรับแขก มองสำรวจของตกแต่งในบ้านก็ตะลึงกับของที่มีราคาและรสนิยมที่ดี
“ใช้ของดีๆ ทั้งนั้น”
“สามีของแกอยู่ไหนล่ะ...แม่ยายมาถึงบ้านไม่ออกมาต้อนรับ”
“คุณปัทม์ออกไปไร่แต่เช้าแล้วค่ะ”
“เป็นถึงเจ้าของไร่ชาต้องออกไปทำงานเองด้วยเหรอ”
“เช้า ๆ คุณปัทม์ชอบขี่ม้าออกไปตรวจงานจ้ะ”
ชิ,จันทร์เจ้าตามเข้ามาสมทบในห้องรับแขก ลำเพาหันไปสั่งชิ
“นี่แก”
ชิมองซ้ายมองขวา
“เรียกแกนั่นล่ะไอ้ขี้ข้า ไปบอกคุณปัทม์เจ้านายแกว่าฉัน ลำเพา วิชนี กับคุณโลมฤทัยมา ให้รีบมาต้อนรับด้วย”
“ถ้านายทำงาน นายไม่พร้อมรับแขก”
“กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
“ชิ ไปบอกคุณปัทม์เถอะ บอกว่าคุณแม่กับน้องสาวฉันมา”
“ครับ” ชิออกไป
“จันทร์ ช่วยไปหาเครื่องดื่มมาให้คุณทั้งสองด้วย”
“ไม่ต้อง”
โลมฤทัยจงใจบอกรจนาไฉน
“พี่เพื่อนไปทำเองดีกว่า ฉันอยากดื่มน้ำส้ม”
“จันทร์ทำให้ก็ได้เจ้า”
“อย่าสาระแน!... หรือว่าเป็นคุณนายแล้วทำให้น้องไม่ได้ มันเสียเกียรติคุณนายบ้านนี้”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวพี่คั้นน้ำส้มสดๆมาให้นะจ๊ะ”
รจนาไฉนรีบออกไป...จันทร์เจ้าตามไปช่วย โลมฤทัยมองเย้ยที่ข่มพี่สาวได้
มุมหนึ่งในไร่ชาปัทม์กำลังคุมคนงานขนใบชา ชิเข้ามารายงาน ปัทม์แปลกใจ
“พวกเขามาทำไม...จะมาเรียกร้องอะไรอีก”
“อันนี้ชิก็ไม่รู้เหมือนกันนาย”
ปัทม์ตะคอก
“ไม่ได้ถาม”
ปัทม์กังวลใจว่าลำเพาและโลมฤทัยมาทำอะไร ปัทม์จะขี่ม้าออกไปตรวจงาน
“นาย..ชิว่านายรีบกลับไปที่บ้านเถอะ”
ปัทม์ไม่สนใจ ขยับม้าจะออกไป
“เขาเป็นแม่ยายนะนาย”
“มันก็แค่ชื่อตามนิตินัย แต่ระดับความสัมพันธ์ ฉันกับเขาก็แค่คนแปลกหน้า!”
ปัทม์ควบม้าออกไปทันที
ชิกังวลใจ พลางนึกเอาละเว้ย...ศึกลูกเขยกับแม่ยายมันล่ะทีนี้!
“นาย!”
โลมฤทัยเดินมองของในห้องทำงานปัทม์ เห็นการตกแต่งและของสะสมที่มีค่ามาก
โลมฤทัยมองข้าวของเหล่านั้น
“ไม่ใช่แค่รวย แต่มีรสนิยม”
โลมฤทัยมองดูภาพใบประกาศเพ็ทดีกรีของม้า และภาพที่ปัทม์ขี่ม้า เธอมองเห็นความเท่ หลงเสน่ห์ในตัวผู้ชายคนนี้ขึ้นมาทันที
“พี่ว่าเราไปรอที่ห้องรับแขกดีกว่า คุณปัทม์ไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัว"
“พี่เพื่อนกล้าออกคำสั่งไล่ฉันกับแม่ … คุณแม่ ในเมื่อพี่เพื่อนไม่ต้อนรับ เราก็กลับกรุงเทพฯกันเถอะค่ะ”
“พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นนะจ๊ะ ก็แค่กลัวว่าคุณปัทม์จะไม่พอใจ”
“ห่วงความรู้สึกผัว แต่ไม่คิดถึงหัวอกแม่กับน้อง.. เนรคุณ !” ลำเพาบอก
ลำเพาและโลมฤทัยเดินออกไปจากห้อง รจนาไฉนตกใจ รีบตามไปง้อ
“คุณแม่คะ น้องพบ อย่ากลับเลยนะคะ เพื่อนยินดีต้อนรับคุณแม่กับน้องพบเสมอค่ะ"
“ยังเห็นพวกฉันสำคัญอีกเหรอ”
“ทำไมคุณแม่พูดอย่างนั้น ในชีวิตของเพื่อน ไม่มีใครสำคัญกว่าครอบครัววิชนีของเราอีกแล้วค่ะ"
“หมายความว่าถ้าฉันอยากได้อะไร พี่เพื่อนจะยอมให้ฉันได้ทุกอย่างใช่มั้ย”
รจนาไฉนอึกอักนิดหนึ่งก่อนตอบ
“ใช่จ้ะ...พี่ให้ได้ทุกอย่าง”
โลมฤทัยพูดกับลำเพา
“คุณแม่คะ เราไปหาคุณปัทม์ที่ไร่เลยดีกว่า”
โลมฤทัยยิ้มเจ้าเล่ห์
บริเวณคอกม้าชิคอยเข้าไปปลอบม้าพยศตัวหนึ่ง
“ใจเย็นสิ วันนี้แม่รจนาไฉนของแกไม่มาอาบน้ำร้องเพลงให้ ออกฤทธิ์เชียวนะแก”
ชิเข้าไปลูบปลอบม้า โลมฤทัยเดินตรงมาที่คอกม้า มองทางด้านหลัง คิดว่าชิเป็นปัทม์ เธอวิ่งไปไหว้อย่างสวยงาม
“สวัสดีค่ะคุณปัทม์”
ชิหันหน้ามารับไหว้
“หวัดดีครับ”
“แก ไอ้ขี้ข้า”
โลมฤทัยเสียหน้ามาก รจนาไฉนแอบยิ้มแล้วหันไปถามชิ
“ชิ คุณปัทม์อยู่ไหนล่ะ”
“ขี่ม้าออกไปตรวจงานครับ”
โลมฤทัยหันไปสั่งชิ
“เอาม้ามาให้ฉันตัวนึง”
“น้องพบขี่ม้าเป็นเหรอ”
“ฉันทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด”
ลำเพาตวาด
“ไอ้ขี้ข้า ลูกฉันบอกว่าจะขี่ม้าก็ไปเอาม้ามาสิ เร็ว เอาตัวสวยๆ เชื่องๆด้วย”
ชิเจ็บใจที่โดนโขกสับ เขาเดินตรงไปยืนยิ้มที่คอกม้า มองม้าตัวที่พยศ
“ถึงคราวแกเชื่อง ๆ แล้วไอ้เพื่อนยาก”
โลมฤทัยขึ้นขี่ม้า ลำเพาหันไปมองโลมฤทัยเป็นห่วง และพูดกับลำเพา
“พบจะทำให้คุณปัทม์เห็นว่าใครคู่ควรจะเป็นผู้หญิงของเขา”
รจนาไฉนเดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“ระวังนะน้องพบ...ม้าตัวนี้”
โลมฤทัยควบม้าออกไปไม่สนใจฟังเธอ
บริเวณไร่ โลมฤทัยขี่ม้ามองหาปัทม์
“อยู่ไหนนะ”
โลมฤทัยเห็นปัทม์อยู่ทางด้านหนึ่งก็รีบขี่ม้าไปทันที
“คุณปัทม์”
รจนาไฉนมองดูน้องสาวขี่ม้าด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ
“หวังว่ามันจะไม่พยศกับน้องพบนะ”
ลำเพาเห็นโลมฤทัยขี่ม้าเข้าไปทางปัทม์ก็ชี้ชวนอวดรจนาไฉน
“ดูโน่นสิ... ลูกพบเจอคุณปัทม์แล้ว”
รจนาไฉนเห็นโลมฤทัยกำลังควบม้าไปหาปัทม์
“ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน...เหมาะส๊มเหมาะสม” ลำเพา
“เดี๋ยวก็รู้” ชิว่า
โลมฤทัยเร่งควบม้าให้พุ่งตรงไปหาปัทม์
“เร็วสิ อืดอาดอยู่ได้ไอ้ม้าแก่”
ขณะที่เธอจะบังคับม้าไปหาปัทม์...แต่ม้ากลับพยศ ยกขาหน้าร้องเสียงดัง
“ว้าย!”
ม้าวิ่งตรงไปด้วยความเร็วจนโลมฤทัยควบคุมไม่อยู่
“หยุดนะ!”
รจนาไฉนมองดูก็ตกใจเป็นห่วงโลมฤทัย
“น้องพบ!”
“ว้าย...ลูกแม่!”
โลมฤทัยคุมม้าไม่อยู่ ม้าวิ่งไปข้างหน้าแบบคุมไม่ได้ เธอร้องกรี๊ดด้วยความหวาดกลัว
“ช่วยฉันด้วย... ใครก็ได้ช่วยฉันที”
ปัทม์ขี่ม้าเข้ามาใกล้ตีคู่กับม้าของโลมฤทัย แล้วบอก
“อย่าตกใจ... นิ่ง ๆ ไว้”
ปัทม์ออกคำสั่งกับม้า
“พยับหมอก... หยุด !”
ปัทม์เอานิ้วใส่ปาก เป่าสัญญาณเสียงดังเหมือนเป็นสัญญาณบังคับม้า จู่ ๆ ม้าของโลมฤทัยก็เลิกเตลิดวิ่งหยุดพยศ ชะลอฝีเท้าเปลี่ยนเป็นเดิน แล้วหยุดในที่สุด โลมฤทัยมองอาการม้าอย่างแปลกใจ แล้วหันไปมองปัทม์ด้วยแววตาชื่นชม
“พูดกับม้ารู้เรื่อง” โลมฤทัยรำพึง
รจนาไฉนมองดูก็ดีใจที่ปัทม์ช่วยโลมฤทัยไว้ได้
“คุณปัทม์”
ปัทม์ขี่ม้าเข้ามาประกบม้าของโลมฤทัย พามาจนถึงบริเวณคอกม้า โลมฤทัยยิ้มมองปัทม์อย่างชื่นชม
“ขอบคุณคุณปัทม์มากนะคะ”
ปัทม์ไม่ตอบ กระโดดลงมาจากม้า หันไปบอก
“ลงมาได้แล้ว”
“ช่วยรับพบด้วยนะคะ”
ปัทม์เดินหนีไม่สนใจ รจนาไฉนเข้ามาช่วยรับโลมฤทัย
“พี่ช่วยนะจ้ะ”
“ไม่ต้อง”
โลมฤทัยกระโดดลงจากหลังม้าเอง
“น้องพบเป็นยังไงบ้าง”
ลำเพาเบียดรจนาไฉนเข้าไปดูแลโลมฤทัย
“เห็นอยู่ว่าน้องตกใจกลัวยังจะมาถามอีก ไม่เป็นอะไรนะลูกแม่"
“พบไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต้องขอขอบคุณ คุณปัทม์อีกครั้งนะคะที่ช่วยพบไว้”
“ใช่ค่ะ นี่เท่ากับคุณปัทม์เป็นคนให้ชีวิตใหม่กับลูกพบเลยนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมไม่ได้ตั้งใจช่วย แค่ไม่อยากให้มีใครมาตายที่นี่”
ปัทม์สั่งชิ
“เก็บม้า!”
ปัทม์เดินออกไป ชิรับเชือกม้าพาไปเข้าคอก
“นังเพื่อน ดูผัวแกทำกับฉัน! ไม่ทักทายสักคำ แถมไม่ไหว้ ไร้มารยาท”
“คุณปัทม์คงจะเหนื่อย เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่านะคะ”
รจนาไฉนจำต้องแก้ตัวแทนปัทม์ แล้วพาทั้งสองกลับเข้าบ้านไป
ปัทม์เดินเข้ามาในบ้าน โลมฤทัยเข้ามาฉอเลาะอีก
“บ้านนี้สวยมากเลยนะคะ คงจะหลายสิบล้าน ของใช้แต่ละชิ้นบอกได้เลยว่าเจ้าของมีรสนิยม"
“ไว้ไปชมต่อหน้าคุณแม่ผมดีกว่า เพราะคุณแม่เป็นเลือก”
“แล้วคุณเปรมไปไหนล่ะ ป้ายังไม่ได้เจอคุณเปรมเลย ป้าคิดถึงคุณเปรมม๊ากมาก”
“ไปวิปัสสนาครับ คงเป็นบุญของคุณแม่ที่ไม่ต้องถูกรบกวนจิตใจ”
ปัทม์จะเดินออกไป ลำเพาโกรธที่ปัทม์หักหน้า โลมฤทัยรีบเข้าขอปัทม์
“พบไม่เคยมาเที่ยวเชียงรายเลย คุณปัทม์ช่วยเป็นไกด์นำเที่ยวหน่อยได้มั้ยคะ”
“ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนคุณแม่คุณขึ้นมาเรียกร้องเรื่องแต่งงาน คุณก็ขึ้นมาด้วย”
โลมฤทัยหน้าแตก รจนาไฉนรีบแก้หน้าให้
“น้องพบเขาอยู่แต่ในเมือง ยังไม่ได้เที่ยวดอยเลย เอางี้แล้วกัน พี่พาน้องพบไปเที่ยวเองก็ได้"
“ไม่ต้อง !”
“ลูกเพื่อนจะนำเที่ยวได้ไง ลูกเพื่อนจมอยู่แต่ในครัว ไม่รู้จักที่เที่ยวดีเท่ากับเจ้าถิ่นหรอก คุณปัทม์คะ”
“ถ้าอยากไปก็จะพาไป. ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ
“จันทร์ พาคุณพบกับคุณแม่ไปห้องพักด้วยนะ เชิญค่ะ”
จันทร์เดินนำออกไป โลมฤทัยเดินตามไป ลำเพาหันมาบอกรจนาไฉน ด้วยน้ำเสียงน้ำเสียงกระซิบ
“แกไม่ต้องออกไปด้วยนะ”
“แต่ว่า”
“อยู่บ้านทำอาหารเย็น ฉันต้องการให้ลูกพบไปกับคุณปัทม์”
รจนาไฉนอ้ำอึ้ง มองลำเพาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
ปัทม์เดินลงมาพร้อมออกเดินทาง...
“ไปกันเถอะค่ะ พบพร้อมแล้ว”
“แล้วรจนาไฉน”
ลำเพาเข้ามา
“ไม่ต้องรอหรอกค่ะ ลูกเพื่อนไม่ค่อยสบาย บอกให้คุณปัทม์กับลูกพบออกไปเที่ยวกันได้เลย เดี๋ยวป้าจะอยู่ดูแลเพื่อนเอง"
“แต่เมื่อกี้ยังดีอยู่เลย” ปัทม์บอก
“อย่างนี้ล่ะค่ะ ขี้โรคตั้งแต่เด็ก เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย เอาแน่ไม่ได้..ไปกันเถอะค่ะ”
“มันน่าแปลกนะครับ อยู่กับผมมาหลายเดือนแทบไม่เป็นอะไรเลย คุณลำเพามาไม่กี่นาที กลับป่วยขึ้นมากะทันหัน"
ปัทม์จ้องหน้าลำเพาแล้วนึกรู้
“ถ้าคุณปัทม์ไม่สะดวกใจ พบไม่ไปก็ได้ค่ะ”
ปัทม์ชะงักคิดนิดหนึ่ง แล้วยิ้มขรึม
“สะดวกใจสิ ไปครับ”
ปัทม์บอก แล้วหันมาพูดกับลำเพา
“ผมจะดูแลคุณพบให้เอง”
รจนาไฉนยืนมองที่ระเบียงห้องนอน เห็นรถปัทม์ออกไปจากบ้าน เธอมองตามด้วยความกังวล
รจนาไฉนแปลกใจ
“เอาชิไปด้วยเหรอ”
มุมหนึ่งบนยอดดอยสูง สายหมอกสวยงาม ในเวลาต่อมา
“วิวสวยมากยังกะอยู่สวิตเซอร์แลนด์ คุณปัทม์ช่วยถ่ายภาพให้พบหน่อยสิคะ”
โลมฤทัยส่งกล้องถ่ายรูปให้ ชิเข้ามารับ โลมฤทัยไม่พอใจ
“ไม่ต้อง ฉันถ่ายเองได้”
โลมฤทัยถ่ายภาพด้วยตัวเองแล้วเดินไปใกล้ปัทม์...
“ถ่ายด้วยกันนะคะ”
โลมฤทัยแนบหน้าใกล้ปัทม์ เธอกำลังจะกดชัตเตอร์
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ชอบถ่ายภาพ”
ปัทม์เดินหนีไปทันที ภาพในวิวฟายเดอร์ โลมฤทัยกดแชะไปแล้ว พร้อม ๆ กับชิที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ชิแลบลิ้นแอ๊บแบ๊ว
“ชิชอบถ่าย ถ่ายสิบหกแอ็คก็ได้”
“ไอ้ขี้ข้า ออกไป๊ ยี๊!”
ปัทม์ยืนมองดูไร่ชาที่ยิ่งใหญ่.อย่างมีความสุข โลมฤทัยเดินเข้ามา
“เป็นเจ้าของไร่ชาคงเหนื่อยมาก ถ้ามีคนมาช่วยดูแล คงจะแบ่งเบาภาระคุณปัทม์ไปได้เยอะ”
“ผมมีพี่สาวคุณช่วยดูแลอยู่แล้ว”
“พี่เพื่อนจบคหกรรมจะช่วยอะไรได้ คุณปัทม์ต้องได้คนมีความรู้ทางบริหาร พบเรียนจบบริหารธุรกิจ พบว่า...”
ปัทม์ไม่สนใจฟัง
“เรากลับกันเถอะ”
“เอ... เวลาว่างคุณปัทม์เล่นกีฬาอะไรคะ พบชอบตีกอล์ฟ เล่นเครื่องบิน ชอบอะไรที่แอดแวนเจอร์ ผู้หญิงเราจำเป็นต้องเก่งให้สมกับผู้ชายที่เรารัก”
ปัทม์ยิ้มมีเลศนัย
“ชอบเล่นกีฬาผจญภัย ได้ งั้นเราไปเล่นด้วยกัน”
“จริงเหรอคะ...คุณปัทม์ไปสปอร์ตคลับที่ไหนคะ”
ในเวลาต่อมา รจนาไฉนชะเง้อมองอยู่หน้าบ้าน
“ป่านนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก”
“คอยคุณปัทม์เหรอเจ้า” จันทร์เจ้าถาม
“เปล่า ไม่ได้คอย”
“แล้วมายืนชะเง้อคอยใคร”
“ฉันคอย เอ้อ คอยชิ จะให้ไปรับอาหารทะเลที่สั่งไว้ที่สนามบิน”
“คนงานเอามาส่งแล้วเจ้า”
รจนาไฉนพยักหน้ารับรู้ แต่เธอยังคงมีอาการพะวักพะวนรออยู่ตรงนั้น
“คุณรจนาไฉนคอยใครอีกเจ้า”
“ปละเปล่า... ไปเตรียมของที่ครัวเถอะไป เดี๋ยวฉันตามไป”
“เจ้า”
รจนาไฉนจะเดินไป รถของปวุฒิขับเข้ามาพอดี
“คุณปวุฒิ”
ปวุฒิลงจากรถ...
“ผมรู้ว่าไม่ควรมาที่นี่ แต่ผมตั้งใจมาเยี่ยมคุณโลมฤทัย ผมเพิ่งทราบข่าวว่าเธอประสบอุบัติเหตุ”
“น้องพบประสบอุบัติเหตุ”
บริเวณสวนดอกไม้ รจนาไฉนแปลกใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
“คุณไม่น่าทำร้ายจิตใจน้องพบเลย”
“คุณยังจะเห็นใจเขาอีกเหรอ ทั้ง ๆ ที่เขาคิดแย่งผมไปจากคุณ”
“น้องพบไม่ได้แย่งคุณจากเพื่อนนะคะ เพราะตอนนี้เพื่อนแต่งงานแล้ว”
ปวุฒิอ้ำอึ้งไปทันที เหมือนโดนตอกย้ำจิตใจ
“เพื่อนเข้าใจน้องพบค่ะ เรื่องของความรักห้ามกันไม่ได้ ถึงแม้ตัวจะอยู่กับเรา แต่ใจอาจจะอยู่กับคนอื่น”
“แล้วตอนนี้ใจคุณอยู่กับใคร” ปวุฒิพูดจริงจัง
รจนาไฉนอึกอัก เพราะขณะนี้ เธอเริ่มมีความรู้สึกแปลก ๆ กับปัทม์อย่างไม่รู้ตัว
หมู่บ้านชาวดอย เวลากลางวัน ปัทม์เดินเข้ามาเอาขนมแจกเด็กๆ
“เอ้า...ฉันมีขนมอร่อยๆมาแจก”
เด็กๆวิ่งกรูวิ่งมารับขนมจากปัทม์
“น่ารักจังเลยค่ะ”
โลมฤทัยถ่ายภาพทำเป็นรักเด็ก มีเด็กเข้ามากอดโลมฤทัย
“น้าคนสวย...อุ้มหนูหน่อย”
โลมฤทัยอึ้ง
“เอ่อ!”
“คุณพบอุ้มเด็กสิครับ ผมถ่ายภาพให้”
ปัทม์คะยั้นคะยอเพราะรู้ดีว่า โลมฤทัยรังเกียจเด็กที่มอมแมม
“ค่ะ”
ปัทม์บอกเด็ก
“หอมแก้มคุณน้าด้วยสิ”
เด็กหอมแก้มโลมฤทัยที่ฝืนยิ้ม แล้วรีบวางเด็กลง แต่แล้วมีเด็กกรูวิ่งเข้ามาหาโลมฤทัย
“ป้า กอดหนูด้วย”
“เรียกป้า!”
โลมฤทัยเห็นว่าปัทม์เดินหนีไป รีบไล่เด็กออกไป
“ออกไปนะเด็กเวร”
โลมฤทัยรีบคว้าผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดรอยคราบจูบของเด็ก
“คุณปัทม์คะ รอพบด้วยค่ะ”
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
มุมหนึ่งที่หมู่บ้าน เวลากลางวันต่อเนื่องมา ปัทม์ยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง โลมฤทัยเข้ามาอ้อน
“คุณปัทม์คะ นี่ก็จะเย็นแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ”
“รีบกลับทำไมล่ะครับ คุณพบยังไม่ได้เล่นกีฬาผจญภัยเลย”
“กีฬาอะไรคะ”
โลมฤทัยมองไปเห็นคอกหมู
“อย่าบอกนะว่า...”
ปัทม์สั่งชิ
“ชิ ปล่อยหมู”
โลมฤทัยไม่ทันตั้งตัว ชิก็ปล่อยหมูทันที กลุ่มชาวดอยเริ่มวิ่งไล่จับหมู
“ผมชอบเล่นวิ่งไล่จับหมู คนที่นี่เขาถือมาก...ถ้าใครไม่ร่วมแข่งจับหมูถือว่าไม่ให้เกียรติพวกเขา รวมทั้งไม่ให้เกียรติผมด้วย" ปัทม์บอก
ปัทม์วิ่งไล่จับหมู ชาวดอยและชิต่างวิ่งไล่จับหมู โลมฤทัยยืนเก้ ๆ กัง ๆ แล้วจำใจต้องจับหมูด้วย
“หมูบ้า อย่าวิ่งหนีสิ มานี่”
หมูวิ่งหนี ปัทม์วิ่งดักจับหมูไว้ได้ โลมฤทัยวิ่งมาจะจับหมู แต่หมูดิ้น เธอหกล้ม อยากหยุดแต่เห็นปัทม์มองก็ฝืนลุกขึ้นวิ่งไล่หมูต่อไป ปัทม์มองเย้ย หมูวิ่งมา ชิวิ่งตะครุบไล่จับได้ตัดหน้าโลมฤทัย เหลือโลมฤทัยที่ยังต้องไล่จับหมูตัวอื่นต่อไป เธอจะเข้าไปจับ แต่หมูวิ่งหนี โลมฤทัยโกรธ
“ไอ้หมูบ้า ไอ้หมูสกปรก”
ทันใดนั้นหมูก็วิ่งมาชนโลมฤทัยจนล้มลง... เธอเห็นหมูยืนนิ่ง โลมฤทัยตั้งท่าจะตะครุบจับหมู แต่หมูวิ่งหนีไปอีก สุดท้าย เธอตกลงไปในบ่อโคลน พวกปัทม์ ชิและชาวดอยยืนถือหมูคนละตัวต่างหัวเราะชอบใจ
โลมฤทัยลุกขึ้นในสภาพมอมแมม ปัทม์เดินเข้ามาหาโลมฤทัย
“อย่าคิดอ่อยเอาชนะใจผมด้วยวิธีนี้ เสียเวลาเปล่า”
“คุณปัทม์พูดอะไรคะ พบไม่เข้าใจ”
“เอาเวลาไปศึกษาธรรมะบ้างก็ดีนะครับ มันช่วยทำให้คนมีศีลธรรมสร้างคุณค่าในตัวเองมากขึ้น"
ปัทม์เดินออกไป โลมฤทัยเจ็บใจที่ปัทม์รู้ทัน ชิเดินอุ้มเป็ดเข้ามาด้วย
“อย่างนายน่ะ เค้าเรียกว่าหมูเขี้ยวตัน จับยาก แต่ถ้าอยากจับง่าย ๆ จับเป็ดมั้ยคุณ”
ชิโยนเป็ดใส่โลมฤทัย
“ว้าย... เอาออกไป ฉันเกลียดเป็ด!”
ปัทม์เดินผ่านบ้านหน่อเอในหมู่บ้านชาวดอย ปัทม์มองเห็นกระสอบปุ๋ยที่คุ้นเคย เขาเข้ามาหยิบกระสอบปุ๋ย แล้วนึกถึงตอนที่เขาเข้าไปในโรงเก็บปุ๋ย...
ปัทม์สงสัยจะผลักประตูเข้าไป นาองเรียกไว้
“พ่อเลี้ยงปัทม์ ฉันฝากหน่อไม้ให้หน่อเอด้วยนะนาย”
“กระสอบปุ๋ยนี่มาจากไหน”
นาองชะงัก มีท่าทางน่าผิดสังเกต
“อ๋อ... ฉันขายหมูเอาไปซื้อปุ๋ยในเมือง ตั้งใจจะปลูกผักอย่างที่พ่อเลี้ยงเคยสอนไว้”
ปัทม์ยังสงสัยอยากเข้าไปในบ้าน แต่โลมฤทัยเข้ามา
“คุณปัทม์คะกลับกันเถอะค่ะ พบคันมากค่ะ”
โลมฤทัยรบเร้าจนปัทม์ยอมเดินออกไป ชิแบกหน่อไม้วิ่งตามไป นาองโล่งใจที่พวกปัทม์กลับไปแล้ว
นาองเข้ามาบอกหน่อเอภายในบ้าน
“พวกแกขโมยปุ๋ยนายมาทำอะไร”
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของผู้ชาย” หน่อเอบอก
“ทำอะไรก็ทำไป... แต่อย่าให้นายเดือดร้อน นายดีกับพวกเรามาก”
“มันทำดีเพราะหลอกใช้พวกเราต่างหาก พวกคนเมืองไว้ใจไม่ได้ ต่อไปพวกเราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง”
“แล้วเราจะเริ่มงานเมื่อไหร่” ลูกน้องถาม
“พ่อเลี้ยงเจงส่งคนมาบอกแล้ว อีกไม่นาน”
หน่อเอคิดจะขนยาทำให้งานให้พ่อเลี้ยงเจงต่อไป
บริเวณสวนดอกไม้ รจนาไฉนจะตัดดอกไม้ ปวุฒิเข้ามาถาม
“คุณเพื่อน ใจของคุณยังอยู่กับผมรึเปล่า”
เธอมองหน้าเขา ไม่อาจสู้สายตาได้เหมือนเช่นเคย เพราะเธอรู้สึกได้ว่า ความรู้สึกบางอย่างได้แปรเปลี่ยนไปบ้างแล้ว
“เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ คุณก็รู้ว่ามันไม่เหมาะ”
“คุณไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ผมอยากบอกคุณว่าผมยังยึดมั่นในความรักและคำสัญญาของเรา”
รจนาไฉนเลี่ยงเดินออกไปตัดดอกไม้
“คุณควรจะกลับไปได้แล้ว ฉันไม่อยากให้คุณปัทม์มาหาเรื่องคุณอีก”
รจนาไฉนกังวลใจกลัวจะเกิดเรื่อง
ปัทม์ขับรถมาถึงหน้าบ้าน ลำเพา ปยงค์และจันทร์ยืนรออยู่ โลมฤทัยลงมาในสภาพเปื้อนโคลน
“ว้าย..ลูกแม่ !”
จันทร์และปยงค์เห็นสภาพแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“เอ่อ...ลูกพบไปทำสปาโคลนมาใช่มั้ยจ้ะ แม่เคยได้ยินว่าโคลนแถวดอยมีคุณภาพเทียบเท่าโคลนจากปล่องภูเขาไฟ”
“แต่ชิว่าโคลนปล่องภูเขาไฟสู้โคลนขี้หมูไม่ได้หรอกครับ”
“ขี้หมู....ว้าย”
ปยงค์และจันทร์เจ้าหัวเราะชอบใจ
“หยุดหัวเราะได้แล้ว ไปช่วยฉันขัดตัวเดี๋ยวนี้”
โลมฤทัยเดินเข้าบ้าน ปยงค์และจันทร์เจ้าตามเข้าไป ปัทม์แอบยิ้มชอบใจที่ได้แกล้งโลมฤทัย ลำเพาไม่พอใจพุ่งตรงเล่นงานปัทม์
“คุณปัทม์! คุณปัทม์ดูแลลูกฉันยังไง ถึงได้สกปรกมอมแมมอย่างนี้”
ปัทม์ไม่ตอบ...เดินหนีไป
มุมโต๊ะเครื่องแป้งห้องพักของโลมฤทัยในบ้านปัทม์ โลมฤทัยมาเอาโลชั่นมาทาผิว
“คุณแม่ประกาศบอกความจริงไปเลย พบเป็นคนที่ต้องแต่งงานกับคุณปัทม์ ไม่ใช่นังเพื่อน”
“ไม่ได้ค่ะลูกพบขา ถ้าเราบอกความจริงก็เท่ากับเราหลอกลวง มันก็จะยกเลิกสัญญา เราก็จะไม่ได้เงินสักบาท!”
“แล้วจะให้พบทำไง พบไม่ทนขี่ม้าขึ้นเขาลงห้วยอีกแล้วนะ”
“ลูกต้องอดทนนะคะ ลูกต้องใช้เสน่ห์ ใช้ความสวยของลูกพิชิตใจคุณปัทม์ ทำให้คุณปัทม์หย่ากับนังเพื่อน แล้วลูกพบของแม่ก็จะได้เป็นเจ้าของทุกอย่าง”
โลมฤทัยยิ้มออกมาอย่างมีความหวังในการแย่งชิง
ปัทม์เข้ามาในห้องนอนมองหารจนาไฉน
“รจนาไฉน”
ปัทม์เป็นห่วงเดินมองหาแต่ไม่พบ เขาเดินออกมาที่ระเบียงห้องนอน ส่ายสายตามองไปที่หน้าบ้านก็ไม่เจอ มองไปอีกมุมไม่เจอ จนหันไปมองเห็นรจนาไฉนกำลังตัดดอกไม้
ปัทม์ยืนมองเห็นความสวยงามของเธอท่ามกลางสวนดอกไม้ เขาเผลอยิ้ม ชื่นชมออกมาด้วยความสุข แต่แล้วปัทม์เห็นปวุฒิเดินเข้ามาหารจนาไฉน
“ปวุฒิ”
ขณะที่รจนาไฉนกำลังตัดดอกไม้ แล้วหันไปเจอปวุฒิเดินเข้ามาหาพร้อมกับมงกุฎดอกไม้
“มงกุฎดอกไม้”
“ผมขอมอบให้เจ้าหญิงของผมนะครับ”
ปวุฒิเอามงกุฎดอกไม้สวมหัวรจนาไฉน
“คุณยังคงเป็นเจ้าหญิงที่สวยงามที่สุดของผม”
ปัทม์เดินตรงเข้ามากระชากมงกุฎดอกไม้ออก
“คุณปัทม์”
“มีปัญญาทำได้แค่มงกุฎดอกไม้ ของแค่นี้มัดใจรจนาไฉนไม่ได้หรอก ขอแนะนำให้เอาเงินมาทำมงกุฎ ผู้หญิงคนนี้ต้องการเงินเท่านั้น”
“หยุดก้าวร้าวคุณเพื่อนได้แล้ว”
“ทำไม...ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียผม ผมจะทำอะไรก็ได้ คุณนั่นล่ะออกไป เลิกเล่นชู้ในบ้านผมได้แล้ว”
“คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ คุณปวุฒิแวะมาหาน้องพบกับคุณแม่”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนชู้ เห็นอยู่ตำตาว่ามาหาใคร”
ภายในห้อง โลมฤทัยยังคงแต่งตัวอยู่ ลำเพาเข้ามาลากลูกสาว
“ลูกพบไปที่สวนดอกไม้เร็ว”
“ไปทำไม พบยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย”
“รีบไปเถอะน่า”
ลำเพาพาโลมฤทัยออกไปจากห้องทันที
รจนาไฉนพยายามบอกความจริงกับปัทม์
“คุณปวุฒิมาเยี่ยมคุณแม่กับน้องพบจริง ๆ นะคะ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน !”
“คงต้องให้ผมยอมรับใช่มั้ยว่ามาหาคุณเพื่อน คุณถึงจะพอใจ”
“ในที่สุดก็ยอมรับออกมาเต็มปาก ก็ดี...ถือว่าเป็นลูกผู้ชาย ถ้างั้นผมก็จะบอกคุณในฐานะสามีของรจนาไฉน ผมไม่อนุญาตให้คุณมาหาเมียผมอีก”
“ก่อนจะเอ่ยปากว่าเป็นสามี เคยถามผู้หญิงสักคำรึยังว่าเขายอมรับคุณมั้ย ตัวเขาอาจจะอยู่กับคุณ แต่หัวใจไม่ใช่” ปวุฒิบอก
“หยามกันมากไปแล้ว”
ปัทม์ตั้งท่าจะต่อยกับปวุฒิ รจนาไฉนเข้าไปห้าม
“หยุดเถอะค่ะ อย่ามีเรื่องกันเลย”
“คุณปวุฒิ... มาเยี่ยมพี่เพื่อนเหรอคะ” โลมฤทัยโพล่งเข้ามา
ทั้งหมดหันมาทางโลมฤทัยกับลำเพาที่เดินเข้ามา
“ลูกเพื่อนคงโทรไปบอกล่ะสิถึงรู้ว่าแม่มา แหม...สองคนนี้น่ารักจังมีอะไรก็โทรหากันตลอด"
“เสร็จธุระของคุณแล้ว เชิญกลับไปได้” ปัทม์บอก
“ผมลาล่ะครับคุณอา” ปวุฒิบอก
“จะรีบกลับทำไม คืนนี้คุณปัทม์จัดงานเลี้ยงต้อนรับแม่กับลูกพบ ปวุฒิต้องอยู่ร่วมงานด้วยกันก่อน”
ปวุฒิรีบปฎิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
“คุณแม่กับพบชวนคงไม่มีประโยชน์ ให้พี่เพื่อนชวนดีกว่า..ในฐานะเพื่อนที่สนิทและรู้ใจกันที่สุด”
“คุณปวุฒิไม่ว่างหรอกจ้ะ ต้องกลับไปทำงาน”
“ใช่ครับ ผมต้องกลับไปทำงาน”
ปัทม์ไม่พอใจ ลากตัวรจนาไฉนมากอดเพื่อเย้ยปวุฒิ
“แหม...ภรรยาผมรู้ใจคุณปวุฒิไปทุกเรื่อง ถ้าอย่างนั้นทานข้าวเย็นด้วยกันนะครับ ภรรยาผมลงมือทำอาหารเอง คุณปวุฒิจะได้พิสูจน์ว่าฝีมือเธอยังเหมือนเดิมรึเปล่า”
ปวุฒิและรจนาไฉนแปลกใจที่ปัทม์เป็นฝ่ายเชิญ เธอเริ่มกังวลใจที่ปัทม์ต้องทานอาหารร่วมกับปวุฒิ ลำเพาและโลมฤทัยยิ้มดีใจ ที่จะได้หาจังหวะทำให้ปัทม์ผิดใจกับรจนาไฉน
เวลากลางคืน ภายในห้องครัวบ้านปัทม์ ปยงค์และจันทร์เจ้ากำลังเตรียมอาหาร
“ป้าปยงค์ จันทร์ ถังดับเพลิงอยู่ไหน” ชิถาม
“พี่ชิจะเอาถังดับเพลิงไปทำอะไร”
“ไปเตรียมดับไฟรักไฟแค้น ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก แฟนเก่ามากินข้าวกับแฟนใหม่ น้องสาวก็จะชิงพี่เขยจากพี่สาว”
“คืนนี้สนุกแน่ ไฟรักไฟแค้นมันสุมแน่นทรวง ไฟรักไฟลวงจะเผาให้สิ้นซาก” ปยงค์ว่า
“คิดได้ไงเจ้า”
“เอามาจากนวนิยาย” ปยงค์บอก
“แต่คืนนี้เรื่องจริงไม่อิงนิยาย โปรดติดตามที่นี่เร็ว ๆ นี้”
บริเวณโต๊ะอาหารกลางลานหน้าบ้าน รจนาไฉนนำกระบะดอกไม้ที่จัดไว้ในคอนเซ็ปต์ทะเลออกมา ปวุฒิเข้ามาช่วยถือ
“วางไว้กลางโต๊ะมั้ยครับ”
ปวุฒิเอาแจกันดอกไม้วางไว้ รจนาไฉนเข้ามาจัดวางปรับเลื่อนตำแหน่งอีกนิด
“ขยับอีกนิดค่ะ”
รจนาไฉนเข้ามาทำให้ใกล้ชิดกับปวุฒิ เป็นจังหวะเดียวกับปัทม์ โลมฤทัยและลำเพาเข้ามา เห็นภาพนั้นพอดี เขาไม่พอใจ
"แหม.. สองคนนี้เข้ากันเหลือเกิน คุณปัทม์คิดเหมือนพบมั้ยคะ"
ปัทม์ไม่ตอบ มองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ
"มากันครบแล้ว แม่ว่าเรามานั่งประจำที่กันดีกว่า"
ปัทม์เข้าไปนั่ง รจนาไฉนจะเดินเข้าไปนั่งคู่กับปัทม์ตามบทบาทของสามีภรรยา แต่ลำเพาดึงออกมา
"ลูกเพื่อนไปนั่งด้านโน้นจะได้เป็นเพื่อนคุยกับคุณปวุฒิ เห็นบ่นกับแม่ว่ามีเรื่องอยากคุยกับคุณปวุฒิไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ค่ะ...บอกกับพบว่าคิดถึงคุณปวุฒิมาก เดี๋ยวพบนั่งข้างคุณปัทม์เอง"
"ไม่ได้ครับ เป็นเมียผม... ต้องนั่งข้างผม คอยบริการผม"
รจนาไฉนไม่พอใจที่ปัทม์มาสั่ง และรู้ดีว่าลำเพาต้องการให้เธอห่างจากปัทม์ เธอยิ้มบอก "บริการคุณทุกวันอยู่แล้ว วันนี้ขอดูแลคุณปวุฒิในฐานะเจ้าบ้านดีกว่า คุณปัทม์ช่วยดูแลคุณแม่กับน้องพบแทนเพื่อนด้วยนะคะ"
รจนาไฉนเดินเข้าไปนั่งข้างปวุฒิ ชายตามองปัทม์เหมือนกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ลำเพาแกล้งมองรจนาไฉนกับปวุฒิที่นั่งคู่กันอยู่ แล้วเอ่ยปากชมให้ปัทม์หงุดหงิดใจ
"แหม... ช่างเหมาะเจาะเหมาะสมกันมาก"
ปัทม์มองรจนาไฉนที่ยิ้มแย้ม กับปวุฒิอย่างไม่สบอารมณ์
ปยงค์ จันทร์เจ้า ชิและคนงานอื่นๆช่วยกันยกอาหารซีฟู๊ดเดินเรียงแถวเข้ามา แล้วเอาวางเรียงไว้ที่โต๊ะอาหารกลางลานหน้าบ้านอย่างสวยงาม ดูอลังการ
"ไม่น่าเชื่อเลย ขึ้นมาถึงยอดดอยมีอาหารทะเลสด ๆ ให้ทานด้วย" ลำเพาบอก
"ใครที่อยู่กับผม...มีแต่ความสุขสบายทุกคน จริงมั้ยรจนาไฉน"
ปัทม์ปรายตาไปมองรจนาไฉนกับปวุฒิ ตั้งใจพูดทำร้ายจิตใจปวุฒิ
"สุขหรือทุกข์ มันไม่ขึ้นกับวัตถุหรอกค่ะ ขึ้นกับจิตใจ"
ปัทม์โดนย้อนกลับมาถึงกับจี๊ดขึ้นมาทันที แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้ เอาช้อนเคาะแก้วเป็นสัญญาณจะกล่าว เขาลุกขึ้นพูด
"ก่อนทานอาหาร...ผมขอกล่าวต้อนรับแขกคนสำคัญจากกรุงเทพฯ ก่อน"
ปัทม์หันไปยิ้มกับโลมฤทัย
"ความจริงผมน่าจะมีโอกาสต้อนรับคุณพบ...ผู้หญิงเก่งที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเข้ามาอยู่ดูแลที่นี่นานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ผมเลือกชีวิตผิดพลาด"
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
รจนาไฉนหน้าเสียไปนิดหนึ่ง แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้เช่นกัน
"แต่ผมสัญญาครับ ต่อไปนี้ผมจะพยายามแก้ไข ไม่ปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดอีก"
ปัทม์ยกแก้วขึ้น
"ขอดื่มให้กับคุณพบ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์และน่าค้นหา"
ทุกคนยกแก้วขึ้นดื่ม รจนาไฉนไม่พอใจที่ปัทม์ประชดประชันเธอ โลมฤทัยยิ้มชอบใจกับคำกล่าวของปัทม์ ปัทม์นั่งลง โลมฤทัยเอาช้อนเคาะแก้วเป็นสัญญาณ แล้วลุกขึ้นกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มหวาน
"พบอยากขอบคุณคุณปัทม์อีกครั้งในทุก ๆ เรื่อง และขอบคุณโชคชะตาฟ้าลิขิต ที่ดลบันดาลให้วันนี้คุณปัทม์ได้ช่วยพบไว้จากเจ้าม้าพยศ พบสัญญานะคะ พบจะตอบแทนและยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้คุณปัทม์มีความสุขที่สุด"
โลมฤทัยหยุดนิดหนึ่งก่อนหันไปมองปวุฒิ
"ที่ผ่านมา...พบรู้ว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาด แต่ต่อไปพบจะไม่ยอมผิดพลาดอีกแล้วเช่นกัน"
"ว้าว... คำพูดของลูกพบกับคุณปัทม์เหมือนกัน ใจตรงกันมาก"
ปัทม์มองรจนาไฉน ทั้งสองมองหน้ากันด้วยแววตาไม่ค่อยพอใจกันนัก
"คงจะหิวกันแล้วเชิญทานข้าวดีกว่า ดูแลแขกให้สมกับหน้าที่ภรรยาที่ดีด้วยสิครับ"
รจนาไฉนลุกขึ้นไปจัดการควบคุมการเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเอง จันทร์เจ้าถือถาดใส่ถ้วยน้ำจิ้ม เข้ามาวางเสิร์ฟให้ โลมฤทัย ลำเพา จนกระทั่งมาถึงปวุฒิ
"ไม่ใช่ถ้วยนี้ คุณปวุฒิไม่ทานเผ็ด ต้องเป็นน้ำจิ้มซีอิ๊ว"
รจนาไฉนหยิบน้ำจิ้มซีอิ๊วมาเปลี่ยนให้ปวุฒิ ปัทม์มองด้วยสีหน้าและแววตาไม่พอใจนัก
"ขอบคุณครับ" ปวุฒิบอก
"พี่เพื่อนรู้ใจคุณปวุฒิไปซะทุกเรื่องเลยนะคะ เอ แล้วคุณปัทม์จะรู้ใจพี่เพื่อนบ้างมั้ยคะ"
"คงยากครับ เพราะคนบางคนแค่มองหน้าเราอาจจะไม่รู้ใจ ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่ในใจอาจจะคิดอีกอย่าง"
"ถ้างั้นพี่เพื่อนรู้ใจอะไรคุณปัทม์บ้างเอ่ย"
"ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ผมมันคนใกล้ตัวเกินไป รจนาไฉนไม่คิดใส่ใจดูแลหรอกครับ"
รจนาไฉนไม่ตอบโต้ เดินนำจันทร์เจ้าที่ยังถือถาดถ้วยน้ำจิ้มเข้ามา เธอหยิบถ้วยใส่ซอสทาทาวางลงที่หน้าปัทม์
"ทาทาซอสสำหรับคุณปัทม์ค่ะ ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่ไร่นี้ คุณไม่เคยทานอาหารทะเลกับซอสอย่างอื่นเลย"
ปัทม์ถึงกับอึ้งที่รจนาไฉนใส่ใจทุกคน เธอเดินกลับไปนั่งที่เดิม จ้องตาปัทม์ไม่หลบ
"มันเป็นนิสัยของฉันค่ะที่จะใส่ใจทุกคน"
รจนาไฉนหันไปคุยกับคนอื่นๆ
"เราเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมาเยอะแล้ว ทานอาหารกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเป็นลมกันไปซะก่อน เชิญค่ะ"
ท่ามกลางบรรยากาศของความไม่เข้าใจกันปัทม์กับรจนาไฉนเกิดขึ้นบนอาหารมื้อนี้
โลมฤทัยตักเนื้อปลาให้ปัทม์
"คุณปัทม์ทานปลานะคะ"
"ขอบคุณครับ"
โลมฤทัยหันมาแขวะกับรจนาไฉน
"รจนาไฉน เธอก็ควรทานปลาให้เยอะ ๆ จะได้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ"
ปวุฒิแกะปูให้รจนาไฉน
"คุณเพื่อน ทานปูครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
ปัทม์เห็นแล้วหมั่นไส้ หันไปทางโลมฤทัย
"คุณพบครับ กรรเชียงปูครับเนื้อหวานมาก"
ปัทม์จะตักให้ แต่รจนาไฉนเอาจานรับแทน
"ให้เพื่อนดีกว่าค่ะ น้องพบแพ้ปูค่ะ น้องพบทานปูไม่ได้"
ปัทม์ชะงัก เหมือนจะเสียหน้า ลำเพารีบแก้เกมให้ลูกสาวคนโปรด
"ลูกเพื่อนจำผิดแล้วล่ะ แม่นะแพ้ปู น้องพบแพ้กุ้ง"
โลมฤทัยแกล้งยิ้ม
"แหม พี่เพื่อนจำได้แต่เรื่องของคุณปวุฒินะคะ"
รจนาไฉนจะหยิบกุ้งเป็นจังหวะเดียวที่ปัทม์ก็หยิบ ทั้งคู่มือชนกัน
"ขอโทษค่ะ"
รจนาไฉนหยิบกุ้งมาแล้วพูด
"ฉันแกะกุ้งให้นะคะ"
ปัทม์ยิ้มคิดว่าเธอจะแกะกุ้งให้ แต่เธอกลับเอาไปให้ปวุฒิ
"ทานให้อร่อยนะคะ"
ปัทม์ไม่พอใจหยิบกุ้งมาแกะเอง
"อร่อยมากครับ คงเป็นเพราะฝีมือแกะกุ้งของคุณเพื่อน"
"งั้นเพื่อนแกะให้อีกตัวนะคะ"
ระหว่างที่รจนาไฉนแกะกุ้ง แต่หัวกุ้งแทงนิ้วมือเธอจนร้อง "โอ๊ย"
"เจ็บมั้ยครับ"
ปวุฒิเข้ามาจับมือดูแลรจนาไฉนทันที ปัทม์ไม่พอใจลุกขึ้นเดินเข้าไปดันปวุฒิออกไปทันที
"เลิกเอาใจกันซะที" ปัทม์บอก
"ผมก็แค่เป็นห่วงคุณเพื่อน ผมทำอะไรผิด"
"ไม่ใช่หน้าที่คุณ นี่เมียผม ผมดูแลได้"
"ผมรู้ดีว่าคุณเพื่อนเป็นอะไรกับคุณ ผมให้เกียรติคุณเพื่อนเสมอ แต่คุณสิเคยให้เกียรติภรรยาบ้างรึเปล่า"
ปัทม์ไม่พอใจจะต่อยปวุฒิ รจนาไฉนเข้ามาห้าม
"หยุดนะ คุณทำอะไร"
ปัทม์ไม่พอใจปวุฒิ
"จะทำอะไรมันก็เรื่องของผม งานเลี้ยงเลิกแล้ว"
ปัทม์ลุกเดินหนีออกไปทันที ทุกคนตกใจ
ที่มุมหนึ่ง กลุ่มคนใช้กำลังจับกลุ่มเมาท์dyo
"นั่น... ถังดับเพลิงเอาไม่อยู่แล้ว รีบหาหลุมหลบภัยดีกว่า" ชิว่า
จันทร์เจ้าและปยงค์กลัวจะเกิดเรื่องใหญ่โต รจนาไฉนรู้สึกผิดที่ปัทม์เสียมารยาทกับทุกคน...
มุมหนึ่งที่หน้าบ้านปัทม์ในกลางคืน รจนาไฉนเดินออกไปส่งปวุฒิ
"เพื่อนขอโทษด้วยนะคะ คุณปัทม์คงจะเหนื่อยและเครียดจากงาน"
"เขาเครียดเพราะผมต่างหาก แต่ผมไม่โกรธเขาหรอก เพราะอย่างน้อยผมก็ได้พูดในสิ่งที่ควรพูด"
"เพื่อนขอร้องล่ะ อย่ามีเรื่องกับเขาอีกเลย"
"ผมก็ไม่อยากมี แต่ผมยอมให้เขาทำร้ายจิตใจคุณไม่ได้"
ปวุฒิส่งความรู้สึกรักและเป็นห่วงรจนาไฉน แต่ปัทม์เข้าขวาง กระชากตัวรจนาไฉนมาใกล้ตัว
"ส่งแขกเสร็จ ไปทำหน้าที่เมียได้แล้ว"
"คุณปัทม์ !"
ปัทม์ไม่สนใจดึงร่างเธอกลับเข้าไปในบ้าน ปวุฒิมองอย่างไม่พอใจนักแต่ทำอะไรไม่ได้ จำต้องเดินออกไป
ลานกว้างในไร่หน้าบ้าน ปวุฒิเดินไปที่รถด้วยจิตใจที่เศร้า พยายามทำใจที่คนรักต้องไปกับคนอื่น เขาชะงัก เมื่อเห็นโลมฤทัยดักรออยู่
"อย่าคิดว่าฉันจะมาง้อคุณนะ ฉันจะไม่ทำโง่ ๆ แน่นอน"
"คุณต้องการอะไร วันก่อนมาร้องห่มร้องไห้อยากเป็นแฟนผม แต่วันนี้กลับคิดแย่งสามีของพี่สาวตัวเอง"
"หึงฉันเหรอ รึเพิ่งสำนึกได้ว่ากำลังสูญเสียของมีค่าไป"
"ใช่ แต่ของมีค่าของผม ไม่ใช่คุณ"
"คุณจะให้นิยามฉันยังไงก็ได้ ฉันแค่มาขอบใจ คุณทำให้ฉันตาสว่าง รู้ว่าอะไรเป็นก้อนกรวดอะไรเป็นทอง"
ปวุฒิเดินหนีออกไป โลมฤทัยยิ้มอย่างผู้ชนะ
ปัทม์ดึงร่างรจนาไฉนมาที่ระเบียงห้องพัก ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มองจากด้านล่างเห็นได้ชัดเจน
"ปล่อยฉันได้แล้ว"
"ทำไม กลัวแฟนเก่าหึงรึไง อย่าลืมสิว่าคุณเป็นเมียผม"
"มันก็แค่ในนาม ยังไงความสัมพันธ์ของเราก็เป็นแค่นายจ้างกับลูกจ้าง"
ปัทม์มองรจนาไฉนด้วยแววตาลึกซึ้งและอ่อนโยนมากกว่าเดิม สวมกอดอย่างลึกซึ้ง ทำเอาเธอชะงักและสงสัย เธอผลักร่างปัทม์ออกไป
"คุณจะทำอะไร"
"ผมรักคุณ"
รจนาไฉนอึ้ง ไม่คิดว่าปัทม์จะพูดอย่างนี้
“ผมขอโทษ”
รจนาไฉนงง มองเขาด้วยสายตาค้นหา
"ผมรู้ว่าที่ผ่านมา ผมเลวร้ายกับคุณมากแค่ไหน แต่วันนี้...วันที่คุณเอาอกเอาใจแฟนเก่าของคุณ มันทำให้หัวใจผมปวดร้าว ผมหึงคุณ นี่ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่าความรัก"
ปัทม์ส่งแววตาที่เหมือนกับจริงใจให้เธอ
"แล้วคุณล่ะ คุณรักผมบ้างมั้ย"
รจนาไฉนมองอึ้ง ไม่เข้าใจความรู้สึกของใจตัวเองที่มีต่อผู้ชายคนนี้ในเวลานี้
"คุณไม่รักผมก็ไม่เป็นไร ผมแค่อยากให้คุณเปิดใจให้โอกาสผมบ้างนะครับ"
ปัทม์เข้าไปกอดเธอแล้วจะจูบ รจนาไฉนเริ่มเคลิ้ม
ปวุฒิที่ยืนแอบมองอยู่ที่รถของตัวเอง ทนไม่ได้กับภาพบาดตานี้ เขาก้มหน้าแล้วสตาร์ทเครื่องรถยนต์ ขับออกไป
ปัทม์เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้รจนาไฉนมากขึ้นไปทุกที เขาส่งสายตาจ้องไปยังตาของเธอ
"คุณรักผมบ้างมั้ย"
รจนาไฉนมองหน้าปัทม์อย่างค้นหา เขาชำเลืองมองไปด้านล่างเห็นว่า ปวุฒิขับรถออกไปแล้ว จึงผลักรจนาไฉนออกห่างทันที เธอแปลกใจ หันไปมองเห็นรถปวุฒิวิ่งออกไป
"คุณใช้ฉันเป็นเครื่องมือทำลายจิตใจปวุฒิ"
"ฉันเป็นเจ้าของชีวิตเธอ จะทำอะไรกับเธอก็ได้"
ปัทม์เข้ามาจับเนื้อตัว รจนาไฉนสะบัดหนี
"ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายอีกแล้ว"
รจนาไฉนหนีเข้าไปในห้อง ปัทม์ตามไปทันที
รจนาไฉนจะเดินหนี แต่เข้ามาคว้าตัวไว้
"เธอจะไปไหน"
"ไปนอนกับคุณแม่"
"ไปนอนรึว่าไปเตี๊ยมแผนการเลวๆ"
"พูดอะไรของคุณ"
"เลิกทำหน้าซื่อไม่รู้เรื่องได้มั้ย วันนี้เธอให้ฉันออกไปกับน้องสาว เพื่อนัดแฟนเก่ามาเล่นชู้กลางสวนดอกไม้"
"เลิกหยาบคายกับฉันซะที ฉันไม่เคยคิดอะไรเลว ๆ อย่างนั้น"
"แล้วแผนการพาน้องสาวมาประเคนผัวล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่รู้ไม่เห็น เธอคงรู้ตัวว่าหลอกล่อเอาเงินจากฉันไม่สำเร็จ ก็เลยแท็คทีมให้น้องสาว เจ้ามารยามาเป็นตัวช่วย โดยมีแม่เป็นหัวหน้าทีม พวกเธอมันเลวกันทั้งบ้าน!"
รจนาไฉนตบหน้าปัทม์ฉาดใหญ่ น้ำตาคลอด้วยความกดดันและอัดอั้นใจ
"คุณจะด่า จะเหยียดหยามแค่ไหนฉันทนได้ แต่อย่ามาว่าร้ายคนในครอบครัวฉัน เพราะพวกเขาคือผู้ให้ชีวิตฉัน"
"ฟังดูดีมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่เด็กกำพร้าที่เขาเก็บมาเลี้ยงเยี่ยงทาส แต่เธอก็ยังปกป้องพวกเขา บทสาวกำพร้าผู้กตัญญู เธอตีบทนี้แตกกระจุย ฉันแทบน้ำตาไหล ฉันขอปรบมือให้"
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ปัทม์ปรบมือให้รจนาไฉนเยาะเย้ยและทำร้ายจิตใจ
"คนไม่มีหัวใจอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจจิตใจของฉัน"
"งั้นใครล่ะที่เข้าใจ แฟนเก่าเธองั้นเหรอ"
"ใช่ คุณปวุฒิเป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้าใจฉัน รักฉันฟังให้ชัด ๆ เลยนะ ฉันรักคุณปวุฒิ"
รจนาไฉนพูดเย้ยปัทม์ ทำให้ปัทม์เดือดดาล พุ่งเข้ากอดรัดรจนาไฉน
"เธอไม่มีสิทธิ์รักใคร เพราะเธอเป็นเมียฉัน"
"ปล่อย ฉันรักคุณปวุฒิ ฉันเกลียดคุณ"
ปัทม์กอดรัดแล้วผลักรจนาไฉนล้มลงที่เตียง...เธอตกใจพยายามปัดป้อง
"อย่านะ"
"ฉันเป็นเจ้าชีวิตเธอ ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง ดูซิว่าถ้าเธอตกเป็นของฉันแล้ว ไอ้ปวุฒิยังจะรอกินของเหลือเดนรึเปล่า"
ปัทม์เข้ากอดรัด รจนาไฉนดิ้นสู้ไม่ได้
"ปล่อย ปล่อยฉันนะ ปล่อย"
ปัทม์ซุกหน้ากอดจูบไม่หยุด เธอพยายามขัดขืนแต่เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ในที่สุดเธอร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร นิ่งเฉยไร้ทางต่อสู้จนทำให้ปัทม์หยุด เขารู้สึกผิดมากดันร่างเธอออกห่าง
"เลิกร้องไห้ได้แล้ว ฉันไม่ทำอะไรเธอแล้ว"
รจนาไฉนร้องไห้น้ำตาไหลจนปัทม์ทำอะไรไม่ถูก
"ฉันบอกให้เลิกร้อง"
เธอยังคงสะอื้นจนปัทม์กระอักกระอ่วนใจ
"นี่ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอแล้วนะ เลิกร้องไห้"
ปัทม์ลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งระยะให้อยู่ห่างกับรจนาไฉน แต่เธอยังร้องไห้อยู่
"พอ ๆ ๆ ฉันไม่หลงกลเธอหรอก ฉันไม่ทำอะไรเธอ ฉันไม่ยอมเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงชั่วอย่างเธอแน่ ๆ !"
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทั้งคู่ต่างหันไปมอง
รจนาไฉนเช็ดคราบน้ำตาเดินไปเปิดประตู
"ขอโทษนะคะคุณปัทม์ที่รบกวนคือพบคิดถึงพี่เพื่อน อยากนอนคุยกันตามประสาพี่น้อง... คืนนี้เราไปนอนคุยกันนะคะพี่เพื่อน คุณปัทม์คงไม่ว่าอะไรนะคะ"
"เชิญ อยากจะทำอะไรก็เชิญ"
โลมฤทัยพารจนาไฉนออกไป ปัทม์มองไม่พอใจนัก
"ต่อให้คิดแผนซับซ้อนแค่ไหน ฉันไม่มีวันตกหลุมพรางพวกเธอ"
ภายในห้องนอนโลมฤทัย เธอนั่งอยู่บนเตียง รจนาไฉนนั่งอยู่ข้าง ๆ
"พี่เพื่อน พบปวดเท้า"
รจนาไฉนเข้ามานวดเท้าให้โลมฤทัย
"พี่เพื่อนรักคุณปัทม์รึเปล่า"
รจนาไฉนชะงักนิดหนึ่ง
"เปล่า... เอ้อ น้องพบก็เห็นว่าคุณปัทม์เองก็ไม่ได้ใส่ใจพี่ เราแค่เป็นสามีภรรยากันตามสัญญา พี่ไม่มีวันรักคุณปัทม์ และคุณปัทม์เองก็ไม่มีวันรักพี่"
"ดี งั้นต่อไปนี้ฉันจะเป็นผู้หญิงของคุณปัทม์"
"อะไรนะ"
"ฉันมาทวงสิทธิ์ของฉันคืน ฉันเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของคุณแม่ ความจริงแล้วฉันคือ คนที่ต้องแต่งงานกับคุณปัทม์"
"แต่คุณปัทม์คงไม่ยอมหย่ากับพี่ง่าย ๆ"
"เรื่องนั้นฉันรู้ดี ต่อไปนี้พี่ต้องเปิดทางให้ฉันได้ใกล้ชิดคุณปัทม์ ทำให้คุณปัทม์เกลียดพี่แล้วมารักฉัน พี่คงจะพอใจเท่ากับพี่จะได้กลับไปหาคุณปวุฒิ วิน ๆ ทั้งคู่"
รจนาไฉนเจ็บปวดใจที่ต้องเสียสละปัทม์ให้โลมฤทัย
"จ้ะ"
โลมฤทัยลุกขึ้นเตรียมตัวจะนอน
"ฉันง่วงแล้ว ปิดไฟให้ด้วย"
รจนาไฉนปิดไฟ และเข้ามานอนกับโลมฤทัย
"พี่ไปนอนห้องอื่นเถอะ ฉันไม่ชอบนอนร่วมกับใคร มันอึดอัด"
รจนาไฉนเดินออกจากห้องไป เธอยิ้มดีใจที่สั่งรจนาไฉนได้ทุกอย่าง
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
รจนาไฉนเดินออกมาจากห้องนอนโลมฤทัยแล้วปิดประตูลง ก่อนจะเจอลำเพายืนสีหน้าจริงจังอยู่
"เรามีเรื่องต้องคุยกันให้รู้เรื่อง"
รจนาไฉนเดินอย่างเลื่อนลอยมาถึงหน้าบ้าน อึ้งกับสิ่งที่ลำเพาและโลมฤทัยต้องการ
"ฉันต้องการให้แกทำตามที่น้องขอ แกคงรู้ดีใช่มั้ย...ถ้าฉันไม่เก็บแกมาเลี้ยงชีวิตแกจะเป็นยังไง"
รจนาไฉนแววตาเหม่นหมอง เศร้าไปกับชะตากรรมของตัวเองที่ประสบอยู่ ลำเพาบีบแขนรจนาไฉนออกคำสั่ง
"ถ้าอยากให้พ่อหายป่วยมีชีวิตที่ดีขึ้น แกต้องเปิดทางให้ลูกพบได้รักกับคุณปัทม์ อย่าขัดขวางน้อง อย่าให้พ่อรู้ว่าพี่น้องต้องแย่งผู้ชายคนเดียวกัน"
รจนาไฉนเสียใจสับสน หันกลับไปมองบ้านเบื้องหลังด้วยแววตาทดท้อ แล้ววิ่งออกไป
รจนาไฉนวิ่งร้องไห้มายังบริเวณไร่ชา เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่ปัทม์เอาใจโลมฤทัยกับคำพูดเสียดแทงใจ
"ความจริงผมน่าจะมีโอกาสต้อนรับคุณพบ... ผู้หญิงเก่งที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม เข้ามาอยู่ดูแลที่นี่นานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ผมเลือกชีวิตผิดพลาด"
ปัทม์ชำเลืองมองไปทางรจนาไฉน เธอหน้าเสียไปนิดหนึ่ง แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้เช่นกัน
"แต่ผมสัญญาครับ ต่อไปนี้ผมจะพยายามแก้ไข ไม่ปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดอีก ขอดื่มให้กับคุณพบ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์และน่าค้นหา"
รจนาไฉนวิ่งต่อไปราวคนที่หัวใจแหลกสลาย และเจ็บช้ำอย่างที่สุด
เหตุการณ์ที่ปัทม์บอกรักเธอเพื่อเย้ยปวุฒิ... ผ่านเข้ามาในความคิด
"ผมรักคุณ"
ปัทม์เข้าไปกอดรจนาไฉนแล้วจะจูบ...เธอเริ่มเคลิ้ม
เธอหยุดวิ่ง ตัวหอบโยน ร้องไห้อีกครั้งกับเหตุการณ์ที่ปัทม์จะขืนใจ แล้วบอกว่าไม่มีวันรักเธอ
"ฉันเป็นเจ้าชีวิตเธอ ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง ดูซิว่าถ้าเธอตกเป็นของฉันแล้ว ไอ้ปวุฒิยังจะรอกินของเหลือเดนรึเปล่า"
ปัทม์เข้ากอดรัดแน่น ซุกหน้าจูบ รจนาไฉนดิ้นสู้แรงไม่ได้
รจนาไฉนสีหน้าเศร้าเดินต่อไปช้า ๆ คล้ายคนไม่มีจิตใจจนมาถึงหน้าผาทรนง
"เพื่อนสัญญาค่ะคุณแม่ เพื่อนจะทำทุกอย่างเพื่อคุณแม่และน้องพบ เพื่อนจะไม่ทำให้คุณพ่อต้องเสียใจ เพื่อนขอเพียงสิ่งเดียว...ขอให้คุณแม่รักเพื่อน ขอให้ทุกคนรักเพื่อนบ้าง"
รจนาไฉนร้องไห้เสียใจทรุดลงไปกับพื้น เสียงนกกลางคืนร้องดังขึ้น ทำให้รจนาไฉนได้สติหันมองไปรอบๆจึงรู้ว่า เธอวิ่งมาไกลมากและอยู่ในสถานที่ซึ่งเธอไม่คุ้นเคย เธอหันไปมองรอบ ๆ เห็นหลุมศพก็แปลกใจ....
"หลุมศพ"
รจนาไฉนกำลังจะเดินเข้าไปที่บริเวณหลุมศพ เพราะอยากรู้ว่าเป็นหลุมศพของใคร แต่แล้วปัทม์เข้ามากระชากเธอ
"เธอมาทำอะไรที่นี่ !"
"ว้าย!"
รจนาไฉนตกใจเป็นลมในอ้อมกอดของปัทม์ เขากอดและประคองร่างที่ไร้สติของเธอไว้
แสงฟ้าแลบแปลบปลาบที่หน้าหลุมศพแสงจันทร์ เขาอุ้มเธอที่อยู่ในอาการสลบอยู่เดินเข้ามาในอีกมุมหนึ่งของหน้าผาทรนง
ปัทม์ยืนเพ่งมองไปยังหลุมศพของแสงจันทร์ แสงฟ้าแลบทำให้ภาพของปัทม์ดูเสมือนมัจจุราชที่น่าสะพรึงกลัว
"แสงจันทร์ ผู้หญิงคนนี้เป็นร่างอวตารของเธอรึเปล่า ทำไมถึงได้มีนิสัยใจคอเหมือนเธอนัก โหยหาเพียงผู้ชายที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข ไม่เคยมีความรักความจริงใจให้ใคร"
ทันใดนั้นมีงูเห่าตัวหนึ่งเลื้อยผ่านมาแผ่แม่เบี้ยอยู่ที่หน้าหลุมศพแสงจันทร์ เขาเพ่งจ้องไปยังงูเห่าตัวนั้น
"สัญชาติผู้หญิงก็เหมือนงูเห่า เฝ้าหาจังหวะพ่นพิษใส่ทำให้เหยื่อหมดทางดิ้นรนต่อสู้ แล้วค่อย ๆ เขมือบกินทีละนิด..ทีละนิด"
งูตัวนั้นเลื้อยผ่านไป ปัทม์หันมามองรจนาไฉน
"เธอก็คงรอจังหวะให้ฉันตายใจ แต่อย่าหวังเลย ฉันไม่ใช่เหยื่อของเธอ ฉันจะเป็นคนจัดการเธอ ก่อนที่เธอจะจัดการฉัน"
ปัทม์พูดจบ เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น สายฝนกระหน่ำลงมา เขาหันไปมองรจนาไฉนในอ้อมกอด
ในเวลาต่อมา ปัทม์ขี่ม้าประคองรจนาไฉนที่เป็นลมไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดด้านหน้า ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ เขาควบขี้ม้าผ่านท่ามกลางหุบเขาไร่ชาที่ยิ่งใหญ่ ปัทม์รู้สึกเป็นห่วงเธอเร่งควบม้าให้เร็วขึ้นอีก
ปัทม์ควบม้ามาถึงหน้าบ้าน ชิวิ่งออกมาดูด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพรจนาไฉน
"นายไปไหนมา...คุณรจนาไฉน!"
ปัทม์หันไปแตะตัวเธอให้ตื่น..
"รจนาไฉน...ฟื้นได้แล้ว"
รจนาไฉนยังไม่ได้สติ ปัทม์ไม่พอใจดันตัวเธอวางไว้บนหลังม้า แล้วเขากระโดดลงมา
"นาย..แล้วคุณรจนาไฉนล่ะ"
"แกแบกพาไปห้องแล้วกัน"
ปัทม์ไม่สนใจจะเดินออกไป ชิเข้าไปประคองรจนาไฉนลงจากหลังม้าอย่างเก้ๆกังๆ ปัทม์ทนไม่ได้กลัวรจนาไฉนจะตกจากหลังม้า จึงเข้าไปอุ้มลงมาเอง
"ไม่ได้เรื่อง รีบไปตามจันทร์ให้มาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย"
"ครับนาย"
ปัทม์อุ้มรจนาไฉนเข้าไปในบ้าน
"แล้วทำไมไม่อุ้มเองตั้งแต่แรกวะ"
ชิบ่นพึมพำแล้วนึกได้
"จันทร์....เหตุฉุกเฉิน!"
ภายในห้องนอนปัทม์ เขาวางรจนาไฉนนอนลงบนเตียง
"หาเรื่องให้ฉันตลอดเวลา เธอมันเป็นภาระจริงๆ"
เขาเดินออกไปถอดเสื้อเปียกของตัวเอง หยิบผ้าขนหนูจะเข้าไปอาบน้ำ แต่เมื่อหันไปมองเธอก็อดสงสารไม่ได้ เขาตัดสินใจเดินเอาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าที่เปียกฝนให้เธอ
"แล้วทำไมฉันต้องมาทำให้เธอ"
ปัทม์ปาผ้าขนหนูแล้วเดินออกไป แต่ก็อดสงสารไม่ได้ จึงเดินกลับมาเช็ดหน้าให้อีกครั้ง เขาเช็ดเส้นผมแล้วเพ่งมอง เอามือมาปัดเส้นผมที่ปิดใบหน้าออก เขามองเธอราวกับรจนาไฉนเป็นรูปปั้นที่สวยงาม ปัทม์เริ่มเคลิ้มยื่นหน้าเข้าไปจะจูบเธอ
ชิกับจันทร์เจ้าวิ่งเข้ามาพอดี
"น้องจันทร์มาแล้วนาย!"
"ว้าย!"
ชิและจันทร์เจ้าเห็นปัทม์ถอดเสื้อกำลังจะจูบรจนาไฉนก็รีบบอก
"เอ่อ...ไปแล้วนาย!"
"จะไปไหน รีบเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เดี๋ยวนายแกก็เป็นปอดบวมตายหรอก"
ปัทม์รีบเดินออกไปให้จันทร์เจ้าเข้าไปทำหน้าที่ดูแลแทน ชิยืนมองด้วยความชื่นชมจนลืมไปว่าจันทร์เจ้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้รจนาไฉน
"สวยงามราวกับนางฟ้า"
"ไอ้ชิ!"
ชิตกใจ
"ครับนาย"
ชิรีบออกไปจากห้องทันที
ปัทม์กำลังรื้อหายาในตู้ยาส่วนตัว
"ไม่เห็นต้องให้จันทร์เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย นายเปลี่ยนเองก็ได้ นายเป็นผัว"
"ไอ้ชิ!"
"ครับนาย"
ปัทม์หยิบห่อยาขึ้นมาดูแล้วส่งให้ชิ
"ยาอะไรอะนาย ชิไม่เคยเห็น"
"ยาสมุนไพรได้มาจากดอย แกเอาไปต้มทิ้งไว้ทั้งคืน แล้วพรุ่งนี้เอาให้คุณรจนาไฉนดื่ม จะได้ไม่เป็นหวัด"
"ครับนาย"
จันทร์เจ้าเข้ามาบอกปัทม์
"จันทร์เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณรจนาไฉนเรียบร้อยแล้วเจ้า"
"พรุ่งนี้รีบตื่นมาทำอาหารด้วย คุณรจนาไฉนคงจะตื่นสายเพราะเพลียมาก"
ชิกับจันทร์พูดขึ้นพร้อมกัน
"เพลียมาก!"
"อะไรของพวกแก"
ปัทม์รีบเดินออกไป ชิและจันทร์เจ้าแอบหัวเราะ
"ปากบอกว่าไม่ไม่......แต่ไปทำอะไรกัน"
"นั่นสิ..เพลียมาก ฮิ ๆ"
ทั้งสองคนปิดปากหัวเราะชอบใจกันทั้งสองคน
ปัทม์เดินเดินไปมองรจนาไฉนที่นอนอยู่ในห้องนอน
"เธอมีอะไรในใจรึเปล่า ถึงได้ตกใจจนเป็นลม เธอมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้ รึว่าเธอถูกแม่และน้องสาวบังคับให้ทำอย่างนี้ ถ้าเป็นนั้นอย่างจริง รจนาไฉน...ฉันขอโทษ"
ปัทม์ก้มลงจูบรจนาไฉน แต่เธอลืมตาขึ้นมาเห็นพอดี
"คุณทำอะไร"
"แทนคำขอโทษจากฉัน ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำร้ายจิตใจเธออีกแล้ว"
ปัทม์ก้มลงจูบรจนาไฉน แต่เธอผลักออก
"ออกไปนะ คนฉวยโอกาส ออกไป"
รจนาไฉนผลัก แต่ปัทม์กลับเข้ามาขืนใจ เธอตกใจ ตะโกนสุดเสียง....
"อย่านะ ไม่... ไม่"
ตอนเช้าวันใหม่ รจนาไฉนสะดุ้งตื่น เธอหันไปรอบตัวค่อยๆตั้งสติ
"ไม่... เราฝันไปเหรอ เมื่อคืนเราอยู่ที่หน้าหลุมศพ แล้วเรามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง"
รจนาไฉนตกใจ มองสำรวจเสื้อผ้าก็เห็นรู้ว่าถูกเปลี่ยนชุด
"คุณปัทม์ !"
รจนาไฉนตกใจ รีบเดินไปที่โซฟาเตรียมตะโกนด่าเต็มที่
"คุณทำอะไรฉัน!"
รจนาไฉนมองไปไม่เจอปัทม์นอนอยู่ก็แปลกใจ
"มันเกิดอะไรขึ้น"
ยามเช้าเวลาต่อเนื่องมา รจนาไฉนเดินตามหาปัทม์ แต่ได้ยินเสียงจากห้องครัวดังออกมา
"อะไรนะ คุณปัทม์อุ้มคุณรจนาไฉนมาบ้าน"
รจนาไฉนแปลกใจ เดินกลับไปแอบฟังที่มุมหนึ่ง...
"แล้วสองคนนั่นออกไปทำอะไรข้างนอกดึกๆดื่นๆ ฝนก็ตก" ปยงค์ถาม
"คงจะเปลี่ยนบรรยากาศ" ชิบอก
"ทะลึ่ง!" จันทร์เจ้าว่า
"รึไม่จริง คุณรจนาไฉนสลบไสล... คุณปัทม์ยังบอกอีกว่าเพลียมาก"
รจนาไฉนตกใจไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้น
"แล้วไงต่อ" ปยงค์ซัก
"ก็คุณปัทม์ควบม้าพาคุณรจนาไฉนกลับบ้าน แล้วก็อุ้มไปวางไว้ที่เตียง" จันทร์เจ้าบอก
"เล่าไปไม่เห็นภาพ ดูนี่" ชิบอกแล้วทำเลียนแบบปัทม์
"รจนาไฉน เธอไม่ต้องห่วงนะฉันจะดูแลเธอเอง ดูสิ เปียกปอนหมดเลยที่รัก"
ชิหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดหน้าตาจันทร์เจ้า
"ผ้าขี้ริ้วสกปรก!"
"ห้ามพูด ตอนนี้คุณรจนาไฉนสลบไม่ได้สติ"
จันทร์เจ้าจำต้องนอนสลบต่อไป ชิคอยเช็ดตัวให้
"แล้วคุณปัทม์ทำไงต่อ"
"หลังจากนั้นก็..."
ชิก้มลงจะจูบจันทร์เจ้า
รจนาไฉนตกใจมาก...
"จูบเลยเหรอ" ปยงค์ถาม
"เปล่า..ชิอยากจูบน้องจันทร์เอง"
“คุณปัทม์ไม่ได้จูบแต่ก็ไม่แน่ ถ้าพวกเราเข้าไปช้า ก็อาจจะ...” จันทร์เจ้าบอก
รจนาไฉนค่อยคลายความโล่งใจ
“แกว่าสองคนนั้นรักกันรึเปล่า” ปยงค์ถาม
ทั้งชิกับจันทร์เจ้าต่างตอบพร้อมกัน แต่ไปกันคนละทาง
“รัก / ไม่รัก”
“รักสิ ถ้าไม่รักจะทำให้ขนาดนั้นเหรอ นายออกจะห่วงใยคุณรจนาไฉน” ชิบอก
“แต่รักแล้วทำไมต้องทำร้ายจิตใจตลอดเวลา” จันทร์เจ้าว่า
รจนาไฉนคิดอะไรบางอย่าง
รจนาไฉนเดินยิ้มอิ่มใจผ่านสวนดอกไม้ เธอนึกถึงคำพูดของชิ
“รักสิ ถ้าไม่รักจะทำให้ขนาดนั้นเหรอ นายออกจะห่วงใยคุณรจนาไฉน”
รจนาไฉนยืนยิ้มคนเดียว
“คนอย่างเขารักเป็นด้วยเหรอ”
รจนาไฉนเผลอยิ้มคนเดียว เมื่อเห็นคนงานมองมาก็เขิน รีบเดินไป
ปัทม์เดินไปถึงหน้าโกดังเก็บชา คนงานสองสามคนเดินออกมา
“ขนชาหมดรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับนาย”
“ไปบอกทุกคนพักได้แล้... พรุ่งนี้เตรียมสนุกให้เต็มที่” “ครับนาย”
ปัทม์มองโกดังเก็บชาแล้วเดินเข้าไปด้วยความสุขใจ รจนาไฉนแปลกใจ เดินตามเข้าไป
ปัทม์เห็นลังไม้ใส่ชาที่วางเรียงรายเต็มโกดังอันกว้างใหญ่และสวยงาม เขายืนนิ่งมองผลผลิตด้วยความอิ่มใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองที่ขื่อด้านบนของโกดัง เห็นรูปภาพเก่าของพ่อปัทม์ยืนคู่กับปัทม์ในวัยเด็ก
“พ่อครับ ผมทำสำเร็จแล้ว วันนี้ไร่ชาปัทมกุลของเราสร้างผลผลิตคุณภาพเยี่ยม ชาเหล่านี้จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับเรา ให้กับคนดอยท้องถิ่น ต่อไปนี้คนที่นี่ไม่ต้องทำไร่เลื่อนลอย ไม่ต้องปลูกฝิ่น ไม่ต้องขนยาเสพติด พวกเขาจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของไร่ชาของพวกเขาเอง”
รจนาไฉนแอบฟังอยู่มุมหนึ่งถึงกับอึ้ง ไม่คิดมาก่อนว่าปัทม์ตั้งใจทำไร่ชา เพื่อพัฒนาชาวดอย
ปัทม์เดินไปที่ลังใส่ชาแล้วเอามือลูบลังชาด้วยความสุขใจ เธอเดินออกมาที่มุมหนึ่งแล้วมองปัทม์ด้วยความรู้สึกที่ดี และเห็นความสุขของปัทม์ครั้งแรก
ปัทม์เปิดลังออกแล้วกำชาไว้หนึ่งกำมือ เขามองชาในมือ รจนาไฉนแปลกใจ ว่าเขาจะเอาชาไปทำอะไร
ในเวลาต่อมา ปัทม์เดินตรงมาที่หน้าหลุมศพของแสงจันทร์ ปัทม์ยืนเพ่งมองแล้วโปรยชาในมือลงหน้าหลุมศพ
"แสงจันทร์ นี่ไง...ใบชาที่จะเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนมหาศาล เงินที่เธอต้องการ"
รจนาไฉนแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง
"น่าเสียดาย ที่เธอจากไปซะก่อน จากไปเพราะความโง่ของเธอ ! เธอทิ้งฉันเพราะคิดว่าต้องมาลำบากกับชาวไร่ชาวสวน ฉันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอคิดผิด"
รจนาไฉนยืนฟัง นิ่วหน้าไปกับคำพูดของปัทม์ที่ด่าทอคนที่ตายไปแล้ว
"เห็นมั้ย...วันนี้ฉันเป็นเจ้าของทุกอย่าง ส่วนเธอต้องนอนอยู่ด้วยความทุกข์ระทมใจ"
"การจมอยู่กับความเกลียดชังในอดีตเนี่ย มันมีความสุขนักเหรอคะ"เสียงรจนาไฉนดังขึ้น ปัทม์หันมามอง
"รจนาไฉน"
เธอเดินออกมาจากมุมหนึ่ง ตรงเข้ามาเผชิญหน้ากับเขาที่หน้าหลุมศพนั้น
"คุณจะอาฆาตพยาบาทเธอไปถึงไหน ทั้ง ๆ ที่เธอก็จากไปแล้ว คุณควรจะให้อภัยเธอ"
"เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้"
"อดีตภรรยาคุณ ฉันเคยเห็นรูปในห้องนอน"
"แสงจันทร์เป็นผู้หญิงหิวเงินสายพันธุ์เดียวกับเธอ คนแบบนี้ไม่สมควรได้รับการให้อภัย ฉันจะทำให้วิญญาณอยู่ไม่เป็นสุข จมอยู่กับความทุกข์ชั่วกัปชั่วกัลป์"
"ใครกันแน่ที่เป็นทุกข์"
ปัทม์ชะงักไปทันที
"คุณต่างหากที่ต้องจมกับความทุกข์ เพราะเก็บความเกลียดชังไว้ทั้งชีวิต ทำไมไม่ลืมอดีต แล้วสร้างทุกอย่างให้ดีขึ้นล่ะคะ"
"คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้ามาสั่งสอนฉัน !"
"เพราะฉันมีอดีตที่เลวร้ายกว่าคุณหลายร้อย หลายเท่าพันเท่าไงคะ"
ปัทม์นิ่งมองตรงไปยังแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำของรจนาไฉน นึกเห็นใจเธอโดยไม่รู้ตัว
"ฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับความรักหรือความอบอุ่นจากแม่แม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่เล็กจนโตฉันรอคอยอ้อมกอดที่อบอุ่นของแม่มาทั้งชีวิต เพียรทำความดีทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจแม่ หวังให้เขารักและชื่นชมในตัวฉันบ้าง แต่ไม่เคยมีวันนั้นสำหรับฉัน"
รจนาไฉนน้ำตาคลอเมื่อพูดถึงเรื่องราวของตัวเอง แม้เธอจะใจแข็งเพียงใดแต่ยังอดอ่อนแอไม่ได้
"ในที่สุดฉันถึงได้รู้ความจริง... ฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ! ฉันมีค่าแค่เศษเนื้อที่เขาเมตตาสงสารชุบเลี้ยง เพื่อใช้เป็นทาสของลูกสาวของเขา"
ปัทม์มองเธอด้วยความแปลกใจที่รจนาไฉนกล้าเล่าในเรื่องส่วนตัว เธอพยายามอดกลั้น กลืนความขมขื่นในชีวิตลงและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งมากขึ้น
"อดีตมีแต่จะทำให้เราจมอยู่กับความเศร้า นาฬิกาไม่เคยเดินถอยหลัง ชีวิตของเราต้องเดินไปข้างหน้า ตราบใดที่เรายึดติดอยู่กับอดีตที่เลวร้าย มันจะยิ่งทำให้เราเจ็บปวด คุณต้องเริ่มต้นใหม่ สร้างสิ่งที่ดีเข้าสู่ชีวิต"
รจนาไฉนเข้ามาเก็บเศษกิ่งไม้และใบไม้ออกจากหลุมศพแสงจันทร์ ต้องการทำความสะอาดให้
"ให้เกียรติเธอบ้างสิคะ อย่างน้อย.. ผู้หญิงคนนี้ก็ทำให้คุณมีแรง มีพลังที่จะต่อสู้เพื่อลบคำสบประมาท เธอมีส่วนในความสำเร็จในวันนี้ เท่า ๆ กันกับคุณ"
ปัทม์ทนเห็นเธอทำความสะอาดหลุมศพไม่ได้ เข้าไปกระชากเธอออกมา
"เลิกยุ่งเรื่องของฉัน...ออกไป"
ปัทม์ฉุดแขนรจนาไฉนออกไป
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 เวลา 17.00น.