สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 12 อวสาน
ในจอโทรทัศน์ปรากฏภาพข่าว โผน กิ่งเพชร ชก ชนะ เปเรซ โดยมีผู้ประกาศกำลังรายงานข่าว
“โผน กิ่งเพชรแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทคนใหม่ ได้เดินทางมาถึงเมืองไทยแล้วครับ ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง สมกับที่เป็นขวัญใจของชาวไทยในขณะนี้ ต่อไปเป็นข่าวต่างประเทศ”
แต่ จู่ๆ จอโทรทัศน์เปลี่ยนเป็นรูปนายพลเซกองกับเจ้าวีระวงส์ โดยมีผู้ประกาศข่าว รายงานข่าว
“พลเอกเซกอง วงศ์พูคำ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศเวียงภูคำยืนยันว่า เจ้าหลวงสุริวงศ์ทรงโปรดให้แต่งตั้งเจ้าวีระวงส์ขึ้นเป็นเจ้าหลวงพระองค์ใหม่ ส่วนหมายกำหนดการของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกยังไม่ได้กำหนดเป็นที่แน่นอน”
บริเวณโถง วังจุฑาเทพ หม่อมเอียดยืนดูรูปหม่อมเจ้าวิชชากรอยู่ ย่าอ่อนมองไปรอบๆตัวอย่างใจหาย
"คุณพี่คะ ทำไมคุณพี่ถึงปล่อยให้หลานๆ ไปล่ะคะ น้องเพิ่งได้ฟังข่าวมาว่า ทางเวียงภูคำกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดูท่าบ้านเมืองเขาจะต้องเกิดความวุ่นวายอีกแน่ แล้วชายใหญ่นึกยังไงถึงคิดไปดูงานที่นั่นตอนนี้ แล้วชายพีร์...ชายพีร์ของน้องไปด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย"
"ไปกันหมดทั้งห้าพี่น้อง"
"ไปกันหมด ! ตายแล้ว คุณพี่ ! นี่มันเรื่องอะไรกันคะ เป็นเพราะแม่สร้อยฟ้าแน่ๆ มันคงคิดแผนการหลอกใช้คนของเรา"
ย่าอ่อนคิดใหม่อย่างงงๆ
"แต่มันเป็นแค่สาวชาวบ้านป่า มันหลอกให้ทุกคนไปเวียงภูคำทำไม"
"แม่อ่อน ! เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว ก็รู้กันอยู่ว่า หลานแต่ละคนเป็นยังไง ห้ามกันได้เสียที่ไหน ถ้าฉันไม่อนุญาตให้ไป ก็คงจะหนีไปกันเอง"
"แต่น้องสงสัยว่า หลานๆของเราไปทำอะไรที่เวียงภูคำกันแน่"
"ฉันก็ไม่แน่ใจนัก แต่ที่รู้แน่ก็คือ หลานๆของเราจะต้องไปทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่งั้นคงไม่ได้ชื่อว่าห้าสิงห์จุฑาเทพหรอก"
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนยืนอยู่ท่ามกลางวังจุฑาเทพที่ว่างเปล่า
บริเวณค่ายกองกำลัง ชายแดนไทย รัชชานนท์กับจ่อยสุมหัวคุยกันอยู่อย่างเคร่งเครียด จ่อยคุยไปก็จิบน้ำจากกระติกน้ำแบบทหารไป พลางพยักหน้างึกงักๆกับรัชชานนท์
ทั้งสองมองไปที่สร้อยที่กำลังเช็ดทำความสะอาดปืนอยู่
สร้อยหยิบกระติกน้ำขึ้นมา รัชชานนท์กับจ่อยมองอย่างลุ้นๆ สร้อยวางกระติกกลับที่เดิม รัชชานนท์กับจ่อยถอนใจเฮือก แต่รัชชานนท์อดเป็นห่วงสร้อยไม่ได้
"ไม่ได้ทำเกินคำสั่งใช่มั้ย บักจ่อย พี่ชายภัทรบอกไว้ว่า ตัวเล็กๆอย่างนี้ แค่สองเม็ดก็สลบเหมือดแล้ว"
จ่อยยิ้มแหะๆ
"ข้อยจำบ่ได้ ! ว่าใส่ไปกี่เม็ด คุณชายๆ"
จ่อยชี้ให้รัชชานนท์ดู สร้อยคว้ากระติกน้ำขึ้นมาดื่มอั๊กๆจนหมดกระติก สร้อยถือกระติกเดินอาดๆตรงมาหารัชชานนท์กับจ่อยc]h;โยนกระติกใส่รัชชานนท์จนรับแทบไม่ทัน
"ข้อยกินน้ำเหมิดแล้ว พอใจแล้วบ่"
รัชชานนท์คิดไม่ถึง
"เธอพูดเรื่องอะไรของเธอ สร้อยฟ้า"
"พวกเจ้าเฝ้าเบิ่งข้อย บ่ใช่คอยเบิ่งว่าข้อยสิกินน้ำกระติกนี้บ่ ยาสลบบ่กี่เม็ดขัดขวางข้อยบ่ได้ดอก"
จ่อยงง
"เจ้าฮู้แล้ว ฮู้ได้จังได๋ ฮู้แล้ว เป็นหยังเจ้ายังกล้ากินน้ำอีก อีสร้อย"
"ข้อยฮู้ว่า คุณชายบ่ยอมให้ข้อยไปด้วยง่ายๆ เจ้าต้องมีแผนอะหยังอีหลี แต่บ่คึดว่าเจ้าสิใช้แผนสกปรกกับข้อยจังซี้"
ชัชวีร์เดินเข้ามาเพราะเสียงดังด้วยความโมโหของสร้อย
"คุณชัช ! คุณชัชร่วมมือกับพวกนี้ด้วยบ่"
"ร่วมมือเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ"
"กะเรื่องวางยาสลบข้อยน่ะซิ"
รัชชานนท์ส่ายหน้ากับชัชวีร์ทำไม่รู้ไม่เห็น
จ่อยเริ่มง่วงเบลอ
"คุณชายๆ ข้อยจำได้แล้ว ข้อยแอบใส่ยาไปสามเม็ด"
จ่อยชูขึ้นสามนิ้วให้ดูแล้วตาค่อยๆปิดลง ตัวอ่อนปวกเปียก ล้มพับไปนอนที่พื้น
"คุณชายเล็กคึดวางยาสลบข้อย คุณชัชต้องจัดการเรื่องนี้ให้ข้อย"
"ไม่ใช่ยาสลบ แค่ยาคลายเครียดที่ทำให้นอนหลับสบายเท่านั้นเอง"
"ก็คือกันแหละ ถ้ามื้ออื่นไอ้บักจ่อยบ่ฟื้นขึ้นมา กะทิ้งมันไว้ที่นี่ คุณชัช ! คุณชัชสั่งให้ผู้ชายคนนี้ออกไปจากค่ายเฮาซะ คนที่แอบลอบแทงข้างหลังผู้อื่นจังซี้ ไว้ใจบ่ได้"
สร้อยเดินฉับๆออกไป
"ก็รีบตามไปซิครับ เดี๋ยวเรื่องก็ไปกันใหญ่หรอก พี่ชายเล็ก"
รัชชานนท์เพิ่งรู้สึกตัวรีบจ้ำอ้าวตามไป ชัชวีร์มองตามอย่างขำๆ
สร้อยเดินหนีมาที่มุมสงบของค่าย โมโหฮึดฮัดอยู่คนเดียว รัชชานนท์เดินตามมาทัน
"สร้อยฟ้า"
สร้อยหันขวับกลับมามองแล้วพุ่งเข้ารัวหมัดใส่พุงรัชชานนท์ด้วยความโมโห
"เป็นหยังเฮ็ดกันจังซี้"
รัชชานนท์ยอมเจ็บตัวปล่อยให้สร้อยเตะต่อยจนพอใจแล้วจับตัวสร้อยให้หยุด
"ฟังฉันก่อน สร้อยฟ้า ฟังฉันก่อน ฉันไม่ได้คิดทำร้ายเธอนะ ฉันทำไปก็เพราะความหวังดี ฉันไม่อยากให้เธอต้องไปเสี่ยงตาย เข้าใจคำว่าเสี่ยงตายมั้ย ถ้าเธอไปด้วย เธออาจจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อใหญ่อีก"
"เป็นหยังเจ้าไปตายได้ แต่ข้อยไปตายบ่ได้ ข้อยมีสายเลือดเวียงภูคำเต็มโต ในฐานะข้าของแผ่นดิน ข้อยมีหน้าที่ต้องไปช่วยเจ้าหลวง แล้วเจ้าล่ะ เจ้าบ่ใช่ชาวเวียงภูคำ เจ้ามาเกี่ยวข้องอะหยังด้วย"
"ฉันเกี่ยวข้องอะไรด้วยงั้นเหรอ จนป่านนี้แล้ว เธอยังไม่รู้อีกหรือว่า ทำไม ฉันถึงได้เป็นห่วงเธอนัก ทำไมฉันถึงหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เธอมา"
สร้อยเริ่มเอะใจแต่ทำเฉไฉ
"ข้อยบ่ฮู้ !"
"ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอก ที่จะยอมให้คนที่เขารักต้องไปเสี่ยงตาย ถ้าต้องตาย เราก็ต้องตายด้วยกัน"
"คุณชาย"
"ฉันไม่ใช่ชาวเวียงภูคำ แต่เมียฉันเป็นชาวเวียงภูคำ อย่างที่เธอเคยพูดไว้ ยังไงล่ะ ผัวไปไหนเมียก็ต้องไปด้วย ถ้าหากว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน"
"บ่ เฮาสิต้องรอดชีวิตกลับมา ข้อยบ่ยอมให้คุณชายต้องมาตายเพราะข้อย เฮาต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันคืนเก่า แล้วข้อยสิดีกับคุณชายหลายๆ คือกับที่คุณชายดีกับข้อย ถ้าบ่จำเป็น ข้อยสิบ่เฮ็ดให้คุณชายเจ็บโตอีก"
"ถึงวันนี้แล้ว เธอจะบอกว่ารักฉันซักคำไม่ได้เลยเหรอ"
"คนอย่างอีสร้อยบ่บอกฮักไผง่ายๆดอก คนเฮาฮักกัน บ่ต้องเว้า กะฮู้ได้ว่าฮักเด้อ"
สร้อยเฉไฉแล้วจะรีบเดินไปด้วยความขวยเขิน แต่รัชชานนท์ดึงตัวสร้อยเข้ามากอด
"เธอหมายความว่า คำพูดไม่สำคัญเท่ากับการกระทำใช่มั้ยล่ะ"
"แม่นแล้ว แต่บ่ใช่เฮ็ดอย่างที่คุณชายกำลังเฮ็ดอยู่นี่ ! เจ้าเล่ห์แสนกลนัก คุณชายรัชชานนท์"
สร้อยพยายามดิ้น แต่ดิ้นไม่หลุดต้องอยู่ในอ้อมกอดของรัชชานนท์
บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศ เวียงภูคำ ในเช้าวันใหม่ ธราธร ปวรรุจ พุฒิภัทร และรณพีร์เดินเรียงแถวเข้าไปยังจุดตรวจพาสปอร์ต
ธราธรเดินเข้าไปยื่นพาสปอร์ตของตัวเอง และของน้องชายทุกคนให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่เปิดพาสปอร์ตดู เห็นนามสกุล “จุฑาเทพ” ก็เงยหน้ามองธราธรและคนอื่นๆ ทันที พร้อมส่งเสียงดุห้วน
"คนไทย...มากันกี่คน"
"พวกผมมากันทั้งหมดสี่คน ตามพาสปอร์ตนี่แหละ แล้วนี่ครับ จดหมายรับรองจากทางเวียงภูคำ คือผมเป็นเจ้าหน้าที่โบราณคดีที่มีหน้าที่ตรวจสอบโบราณวัตถุของเวียงภูคำที่ถูกลักลอบขนข้ามไปฝั่งไทย ผมก็เลย..."
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้ามเมืองหันไปพยักหน้าให้ทหารเวียงภูคำ 5-6 คนที่ยืนประจำการอยู่ เหมือนรออยู่นานแล้ว ทหาร 2 คนเข้าประกบธราธรไว้ก่อนที่เขาจะพูดจบ ปวรรุจ พุฒิภัทร และรณพีร์กรูกันเข้าไปหาพี่ชาย
"นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมเป็นเจ้าหน้าที่การฑูตของไทย คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนี้กับพวกผม ผมมีเอกสิทธิ์ที่กฎหมายของเวียงภูคำบังคับใช้กับผมไม่ได้ คุณต้องปล่อยพี่ชายของผมเดี๋ยวนี้"
"ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในแผ่นดินของเวียงภูคำ ก็ต้องอยู่ใต้กฎหมายของเวียงภูคำ ไม่มีการยกเว้นใดๆทั้งสิ้น เอาคนพวกนี้ไปกักตัวไว้ก่อน"
ทหารอีก 3 คนเข้ามาช่วยคุมตัวคุณชายทั้งสี่คน
"เฮ้ย ! นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือเปล่า คิดจะจับก็จับกันง่ายๆอย่างนี้เหรอ บอกมาก่อนว่า มีเหตุผลอะไรถึงต้องกักขังกัน" รณพีร์ถาม
"ใจเย็นๆ สถานการณ์อย่างนี้ เขาคงไม่ปล่อยให้ใครผ่านเข้าไปง่ายๆ เรามีเอกสารทุกอย่างครบถ้วน อย่างมากก็กักตัวเราไม่กี่ชั่วโมง" พุฒิภัทรบอก
ทหาร 5 คนคุมตัวคุณชายทั้งสี่เดินไป ใครเดินช้าก็มีการเอาปืนยาวกระทุ้งหลังเป็นระยะๆ
คุณชายทั้งสี่ถูกคุมตัวเดินเลยห้องสอบสวนไปและเดินต่อไปยังทางเดินที่มืดลงๆทุกที
"ผมว่า...พวกเราคงไม่ได้แค่ถูกกักตัวไว้เพื่อสอบสวน เราอาจจะถูกกักตัวเพื่อปิดปาก ! ไม่ได้กลับออกไปแน่" รณพีร์บอก
ทุกคนมองไปที่ทางเดินข้างหน้าอันมืดมิดและหน้าตาทะมึนของพวกทหารเวียงภูคำชวนให้ขนหัวลุกเป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มรัชชานนท์แล่นแพข้ามแม่น้ำมาอย่างช้าๆ ทุกคนหมอบแนบแพไว้ ดูไกลๆเห็นเหมือนแพเปล่าๆสองสามลำที่ค่อยๆลอยตามๆกัน แล้วก็ลอยข้ามมาถึงฝั่งชายแดนเวียงภูคำ
ทุกคนค่อยๆเคลื่อนไหวลงจากแพ มีจ่อยที่เดินโซเซกว่าใครเพื่อนเพราะยังเมายานอนหลับอยู่ ทับทิมจับตัวจ่อยให้ยืนอย่างมั่นคง รัชชานนท์กับชัชวีร์มองไปรอบๆที่เงียบสงบ
ชัชวีร์ สร้อย จ่อย ทับทิมและทหารชาวเวียงภูคำทั้งหลายยืนมองแผ่นดินเกิดของตัวเอง ที่เพิ่งได้กลับมาเหยียบเป็นครั้งแรก
"นี่หรือแผ่นดินเวียงภูคำของเฮา" สร้อยบอก
"ในที่สุดเฮากะได้เหยียบผืนแผ่นดินบ้านเกิดของเฮา"
ชัชวีร์มองแผ่นดินเกิดไปรอบๆด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
"ตอนนี้พวกพี่ชายใหญ่คงไปถึงจุดนัดหมายแล้ว" รัชชานนท์บอก
ชัชวีร์ได้สติ
"งั้นเรารีบไปสมทบกับพวกพี่ชายใหญ่ รีบเดินทางกันต่อได้แล้ว"
ทับทิมบอก
"ข้อยนำทางเอง"
ทับทิมเดินนำทางออกไปแล้วทุกคนต้องตกใจ เพราะทหารของโพนโฮงโผล่พรวดมาฟาดหัวทับทิมด้วยด้ามปืนอย่างแรง ทับทิมล้มลงสลบเหมือดนอนคว่ำหน้า
ในทันทีโพนโฮงและทหารกองกำลังที่มีผ้าปิดปากและใส่ชุดเหมือนโจรกรูเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมอาวุธครบมือ ล้อมรอบพวกรัชชานนท์ไว้ทันที
พวกรัชชานนท์จะชักปืนขึ้นสู้แต่ก็ช้าไปแล้ว พวกโพนโฮงถือปืนจ่อไว้อยู่ก่อนแล้ว
"จับพวกมันไว้"
โพนโฮงและทหารกองกำลังพุ่งเข้าประชิดตัวกลุ่มรัชชานนท์โดยทันที
ส่วนที่วังกิตติวงศ์ ดารณีนุชถือซองเงินหน้าปึกพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย
"ท่านฑูตทองสินไม่ได้ถามอะไรใช่มั้ย ก็คงไม่ถามอยู่แล้ว ข้อมูลที่ฉันให้ไป ได้ใช้ประโยชน์แน่ ดีกว่าข้อมูลของหน่วยข่าวกรองไหนๆ แต่แกไม่ได้บอกใช่มั้ยว่า ได้ข้อมูลมาจากฉัน ฉันเตรียมเงินไว้แล้ว ยัง...ข่าวไอ้ชัชวีร์ตายออกมาเมื่อไหร่ แกก็มารับเงินเมื่อนั้น"
ดารณีนุชวางโทรศัพท์แล้วหันขวับกลับมาเจออนุพันธ์ยืนหน้าทะมึนอย่างโกรธอยู่ ศินีนุชเดินช้าๆตามมาอีกคน เธอมองแม่อย่างผิดหวังและเสียใจที่สุด
"ท่านฑูตทองสิน...ท่านฑูตเวียงภูคำ..คุณทำอะไรลงไป ! คุณรู้มั้ย ชัชวีร์เป็นใคร"
"ฉันรู้ ! ฉันรู้ว่า มันเป็นใคร มันเป็นเจ้ารัชทายาทเวียงภูคำ แล้วยังไง มันคิดจะไปกู้บ้านกู้เมือง มันตั้งใจไปฆ่าตัวตายชัดๆ ฉันก็แค่ช่วยให้มันตายเร็วขึ้น ก็เลยให้คนไปบอกท่านฑูตทองสินว่า เจ้ารังสิมันต์กำลังจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอน"
"คุณแม่...ทำไมคุณแม่ใจคออำมหิตอย่างนี้ ยังไงพี่ชัชก็เป็นคนในครอบครัวเรา เราอยู่ด้วยกันมากี่ปี"
ดารณีนุชหันไปตอบอนุพันธ์คนเดียว
"สิบห้าปี ! ฉันต้องทนเห็นหน้าไอ้ลูกกาฝากมาสิบห้าปี เพราะมีไอ้ชัช คุณถึงลืมแม่ของมันไม่ได้ คุณคิดถึงมันทุกลมหายใจเข้าออก คุณรู้มั้ยว่า ฉันต้องอยู่อย่างทรมานใจแค่ไหน"
ดารณีนุชหันไปจ้องหน้าอนุพันธ์ ไม่กลัวอะไรหน้าไหนอีกแล้ว
"ถึงเวลาที่คุณจะต้องทรมานใจบ้างแล้ว นี่แหละผลของการที่คุณทำให้ฉันต้องเจ็บปวด นี่เป็นโอกาสที่ฉันจะได้กำจัดทั้งไอ้ชัช ทั้งนังสร้อยฟ้า เสี้ยนหนามในชีวิตของเราสองแม่ลูก ถ้าฉันไม่ฉวยโอกาสนี้ ฉันก็โง่เต็มทนแล้ว"
"แล้วพี่ชายเล็กของนุชล่ะคะ พี่ชายเล็กไปกับพี่ชัชด้วยนะคะ แล้วยังพี่ๆคนอื่นอีก หลานชายของหม่อมย่าทั้งห้าคน ! ทุกคนจะต้องมาตายเพราะความเกลียดชังไร้เหตุผลของคุณแม่หรือคะ"
ดารณีนุชนิ่งอึ้งไป
"แม่...แม่ไม่ทันคิด"
อนุพันธ์มองดารณีนุชอย่างเกลียดเข้าถึงกระดูก ถ้าฆ่าได้ คงฆ่าไปแล้ว
"คุณไม่เคยคิดต่างหาก ไม่เคยคิดดี คิดแต่ไปทางที่ชั่ว แล้วก็เอาเรื่องเลวๆ ยัดใส่หัวสมองลูก แต่ลูกยังรู้จักคิดมากกว่าหัวหงอกอย่างคุณอีก ถ้าเจ้ารัชทายาทเป็นอะไรไป"
"ใคร? ใครจะมาทำอะไรฉันได้ ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน ใครก็ทำอะไรฉันไม่ได้"
"ผมนี่แหละที่จะลากคุณเข้าคุกเอง หรือถ้ากฎหมายทำอะไรคุณไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ใครทำกรรมดีกรรมชั่ว อีกไม่นานก็จะเห็นผลแห่งกรรมเอง"
อนุพันธ์เดินเร็วๆกลับเข้าไปในบ้าน ศินีนุชเดินหนีไปอีกทาง ดารณีนุชเริ่มหวาดหวั่น
บริเวณหน้าตึกวังกิตติวงศ์ ทหารรับใช้และคนรับใช้ยกกระเป๋าคนละสองใบ
ดารณีนุชโผเผออกมาดูคนรับใช้ขนกระเป๋าหลายใบ เรียกได้ว่า เก็บข้าวของเกลี้ยงอนุพันธ์เดินตามออกมา เขาถือชุดเครื่องแบบทหารติดมือมาด้วย
ดารณีนุชแทบกระโจนเข้าไปขวางอนุพันธ์ทันที
"คุณ...คุณจะไปไหน ทำไม ขนกระเป๋าไปมากมายขนาดนี้"
"คุณก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว แล้วผมจะส่งทนาย คุณเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน"
"เอกสาร...เอกสารอะไร"
"ก็เอกสารเพื่อจดทะเบียนหย่าน่ะซิ ผมขอหย่ากับคุณ"
"หย่า ! คุณจะหย่ากับฉันเหรอ ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมหย่า ฉันไม่ยอมเป็นแม่ม่ายผัวหย่าให้ต้องอับอายขายขี้หน้าคน ฉันจะไม่หย่าเด็ดขาด ฆ่าฉันให้ตายซะดีกว่า"
"คุณไม่ยอมหย่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ผมรอได้ ไม่ว่าคุณจะยื้อยุดด้วยวิธีไหน ผมก็จะไม่มีวันใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคุณอีกต่อไป"
"ยกโทษให้ฉันด้วย...ฉันผิดไปแล้ว ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมด ฉันต้องมีคุณอยู่ด้วยไว้คอยเตือนสติฉัน เรามีลูกด้วยกันนะ คุณ... คุณต้องอยู่ช่วยดูแลลูกกับฉัน คุณต้องทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อ ! คุณใจร้ายใจดำกับฉันได้ แต่อย่าใจร้ายกับลูก ไม่คิดถึงฉันก็ต้องคิดถึงลูกนุชของเรา"
ดารณีนุชปากคอสั่นอ้างเหตุผลที่ฟังดูดีไปหมด แต่ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น!!
ศินีนุชน้ำตาไหลเดินออกมากอดอนุพันธ์
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อ นุชดูแลตัวเองได้ คุณพ่อไปเถอะค่ะ นุชโตแล้ว นุชเข้าใจเป็นนุช นุชก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน"
"ขอบใจ ลูก"
อนุพันธ์กอดศินีนุชอีกครั้งแล้วเดินออกไป
"คุณชาย...อย่าไป...ได้โปรด"
"ผมผิดเอง...ผมไม่ควรเห็นแก่ผู้ใหญ่ ยอมแต่งงานกับคุณ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องอยู่อย่างทรมานมานานนับสิบปี นับตั้งแต่วันนี้เราจะได้มีชีวิตที่เราเลือกเอง ชีวิตผมที่จะไม่มีคุณอีกต่อไป"
อนุพันธ์เดินออกไป ศินีนุชยืนมองดารณีนุชทิ้งตัวลงเกลือกกลิ้งกับพื้นอย่างใจสลาย
บริเวณสุสานส่องดาว อนุพันธ์ยืนนิ่ง ก่อนเดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่ายด้วยเป็นห่วงชัชวีร์และคุณชายทุกคนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายเพราะดารณีนุชแจ้งข่าวทางเวียงภูคำเรื่องกลุ่มชัชวีร์ข้ามไปเวียงภูคำ
รัชชานนท์ สร้อย ชัชวีร์ และจ่อย ทุกคนถูกจับไขว้หลังมัดมือไว้ทุกคน ทหารของโพนโฮงผลักเข้าไปในห้องทึบทีละคน ทับทิมถูกโยนเข้ามาเป็นคนสุดท้ายและยังไม่ได้สติ แล้วพวกทหารเดินออกไป
"พวกมันต้องฆ่าเราอีหลี" สร้อยว่า
"กลัวอะหยัง มีมือมีตีนคือกัน ลุยโลด" จ่อยบอก
"คุยคำโต เฮาถูกมัดไว้จังซี้ สิไปเฮ็ดอะหยังมันได้"
"พวกเราอยู่นิ่งๆดูท่าทีพวกมันไปก่อน พวกนี้ไม่น่าจะใช่ทหารของเซกอง ถ้าใช่ ป่านนี้มันคงเอาตัวสร้อยฟ้าไปแล้ว" รัชชานนท์บอก
"พวกมันอาจจะเป็นพวกโจรเรียกค่าไถ่ ชาวเวียงภูคำคงอดอยากจนกลายเป็นโจรกันหมดแล้ว" ชัชวีร์บอก
โพนโฮงเดินปึงปังเข้ามา ชัชวีร์รีบเข้าไปเผชิญหน้ากับโพนโฮง
"พวกทหารคนอื่นๆของฉันอยู่ที่ไหน"
โพนโฮงไม่สนใจหันไปสั่งทหารที่ตามหลังมา
"เอาตัวแม่หญิงไปขังไว้อีกห้อง"
รัชชานนท์ ชัชวีร์ และจ่อยรีบเอาตัวเข้าบังปกป้องสร้อยไว้
"แกต้องข้ามศพฉันไปก่อน"
"พวกเราทุกคนพร้อมที่จะเอาชีวิตปกป้องผู้หญิงคนนี้ แกปล่อยผู้หญิงไปก่อน แล้วแกต้องการเงินเท่าไหร่ ก็บอกมาได้เลย ว่ายังไงล่ะ" ชัชวีร์บอก
"เฮ้ย ! เปิดหน้ามาคุยกันซิวะ ไอ้พวกขี้ขลาด นี่คงฮู้โตว่า ชั่วช้าสามานย์จนบ่กล้าให้ไผเห็นหน้า"
"บักจ่อย..พวกมันเป็นโจรเรียกค่าไถ่ ถ้าพวกมันให้เราเห็นหน้า พวกมันได้ฆ่าเราปิดปากแน่"
จ่อยหน้าจ๋อยที่คำพูดอาจจะพาให้ทุกคนตายหมด
"ไผบอกว่า ข้อยเป็นโจร !? เว้าจังซี้มันหยามหน้ากันโพดๆ จังซี้มันต้องสั่งสอนซักหน่อยแล้ว" โพนโฮงขยับปืนในมือข่มขู่
"ถ้าแกไม่ใช่โจร แล้วแกเป็นใคร จับพวกเรามาทำไม หรือว่าพวกแกเป็นทหารขี้ข้าของไอ้เซกอง"
โพนโฮงโกรธจนหน้ามืดเงื้อมือจะตบหน้าชัชวีร์ด้วยด้ามปืน
"เฮ้ย ! เซา ! ห้ามเฮ็ดฮ้ายเจ้ารัชทายาท"
โพนโฮงตกใจ มีอาการงง ลดมือที่เงื้ออยู่ลงทันทีพลางดึงผ้าที่ปิดหน้าออกเพื่อจ้องชัชวีร์ให้ถนัด
"เจ้ารัชทายาท"
ทับทิมเพิ่งได้สติโผเผลุกขึ้นยืน และเพิ่งเห็นหน้าโพนโฮง
"ไอ้โพนโฮง"
โพนโฮงหันขวับไปเพิ่งเห็นว่าเป็นทับทิม
"บักทับทิม"
"เจ้ากำลังเฮ็ดอะหยัง อยากถูกประหารเจ็ดชั่วโคตรบ่ เป็นหยังคือกล้าแตะต้องเจ้ารังสิมันตุ์ เจ้ารัชทายาทของเฮา"
"เจ้ารัชทายาท ! เพิ่นเป็นเจ้ารัชทายาทอีหลี"
รัชชานนท์ ชัชวีร์ สร้อยและจ่อยโล่งใจไปได้ โดยเฉพาะจ่อยโล่งใจสุดๆ
ในตึกกองกำลัง เวียงภูคำ โพนโฮงคุกเข่าลงต่อหน้าชัชวีร์ ทหารของโพนโฮงต่างคุกเข่าตามเป็นแถวๆ
"ยกโทษให้หมู่เฮา..เอ๊ย...พวกเกล้ากระหม่อมด้วยเถอะ พระเจ้าข้า เกล้ากระหม่อมสมควรตาย สมควรตายอีหลี"
รัชชานนท์ สร้อย จ่อยและทับทิมมองโพนโฮงอย่างไม่ถือโทษ แต่แอบสะใจเล็กน้อย
"ลุกขึ้นมาเถอะ โพนโฮง คนที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เอาเป็นว่า ฉันยกโทษให้ ลุกขึ้นมาให้หมดทุกคน เรามีงานสำคัญรออยู่ เราต้องรีบไปช่วยเจ้าหลวงให้เร็วที่สุด"
โพนโฮงรีบลุกขึ้น พร้อมๆกับทหารคนอื่นๆที่กล้าลุกขึ้นยืนตาม
"เจ้าหลวงถูกจับอยู่ในคุกใต้ดินอย่างบ่ต้องสงสัย จังได๋ไอ้เซกองกะต้องให้เจ้าหลวงอยู่ใกล้ตัวไว้ มันได้ข่าวว่า เจ้ารัชทายาทลอบกลับเข้ามาเวียงภูคำ มันกะเลยดิ้นพล่านหาทางแต่งตั้งเจ้าหลวงองค์ใหม่โดยเร็ว"
"มันรู้เรื่องเจ้ารัชทายาทได้ยังไง" รัชชานนท์บอก
"มีคนแจ้งข่าวเฮื่องเจ้ารัชทายาทไปทางฑูตเวียงภูคำประจำประเทศไทย ข้อยกะนึกว่าเจ้ารัชทายาทสิมาทางด่านตรวจคนเข้าเมือง กะเลยให้คนไปดักพาตัวมาก่อนที่คนของไอ้เซกองไปฮอด แต่บ่คึดว่า เจ้ารัชทายาทสิเข้ามาทางชายแดนที่เป็นป่าเป็นเขา"
"ไผสิโง่เข้ามาทางด่านเล่า คนของศัตรูเต็มไปเหมิด"
"แล้วเจ้ารัชทายาทของเฮากะเป็นนายทหารที่แข็งแกร่งอดทน ต่อให้ต้องเดินป่าข้ามภูเขาเป็นลูกๆ เพิ่นกะบ่ย่าน" สร้อยว่า
"แล้วนายคิดว่าพวกเราเป็นใคร ถึงได้จับตัวมา"
"ข้อยกะคึดว่า พวกเจ้าเป็นทหารรับจ้างที่ไอ้เซกองจ้างมาจากฝั่งไทย ข้อยต้องคอยส่งคนไปดักจับไว้เพื่อตัดกำลังพวกศัตรู ตอนนี้พอฮู้ว่าเจ้าหลวงยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนกะหันมาร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งทหารและตำรวจกว่าทั่วประเทศลุกฮือกันต่อต้านไอ้เซกอง สถานที่ราชการสำคัญๆเฮากะยึดคืนได้เกือบเหมิดแล้ว คุณชายท่านฑูตแนะนำว่า เป้าหมายสำคัญต่อไปคือ กรมโฆษณาการ เฮาสิได้ปิดกระบอกเสียงของไอ้เซกองมัน"
"เดี๋ยวๆนะ คุณชายท่านฑูตคนไหน" รัชชานนท์ถาม
"กะคุณชายที่ข้อยจับตัวมา บ่แม่น... คุณชายที่ข้อยซ่วยพาตัวออกมาจากด่านก่อนที่สิถูกพวกไอ้เซกองจับตัว พวกคุณชายจุฑาเทพ เจ้าบ่ฮู้จักดอก อ้อ ! ฝ่าพระบาท คุณชายคนโตเพิ่นให้มากราบทูลว่า เพิ่นกับน้องๆสิไปเฮ็ดตามแผนที่วางไว้ ฝ่าพระบาทบ่ต้องเป็นห่วง ไปซ่วยเจ้าหลวงได้โลด" โพนโฮงบอก
"นี่บักโพนโฮง คุณชายที่นายพูดถึงยังไม่ได้เป็นท่านฑูต เขายังเป็นเลขานุการโทประจำอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์"
"บ่ใช่เวลาที่สิมาเถียงเฮื่องนี้เด้อ คุณชายเล็ก" ทับทิมบอก
"ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบลงมือแล้ว บักโพนโฮง เราจะต้องเข้าไปในวังพูคำวงศ์ในวันนี้ คุณชายเล็กคนนี้จำแบบแปลนวังได้หมดแล้ว"
"จำได้กะบ่มีประโยชน์ เฮาต้องมีแผนการที่รัดกุมก่อน เกล้ากระหม่อมมีแผนที่สิเสนอฝ่าพระบาท พระเจ้าข้า"
ทับทิมจ้องโพนโฮง
"บ่ได้ !"
ทับทิมรู้ว่า แผนของโพนโฮงเป็นยังไง เพราะทับทิมเป็นสายข่าวให้พ่อใหญ่ รู้จักที่ทางในเวียงภูคำ และรู้จักโพนโฮงและมีเวลาช่วงหนึ่งที่อยู่ที่ค่ายกองกำลัง จึงพอรู้แผนจากโพนโฮงในตอนนั้น
ทับทิมสำทับกับรัชชานนท์
"บ่ได้อีหลี"
รัชชานนท์มองทับทิมอย่างสงสัย แล้วหันไปมองสร้อยตามสายตาของทับทิมแต่ยังไม่เข้าใจ
อ่านต่อหน้า 2
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 12 อวสาน (ต่อ)
หน้าวังภูคำวงศ์ ตกอยู่ในบรรยากาศหดหู่ วังเวง ชาวบ้านกอดศพลูกร้องไห้อยู่ เสียงปืนยังดังขึ้นขู่
ชาวบ้านรีบอุ้มศพลูกวิ่งออกไป มีทหารซุ่มอยู่ตามมุมต่างๆบนตึกของวัง รัชชานนท์ ชัชวีร์ ทับทิมและโพนโฮงซุ่มอยู่ไกลๆมองไปที่หน้าวัง
"ถ้าบ่ใช้แผนของข้อย กะบ่มีทางที่สิเข้าไปในวังได้"
รัชชานนท์เข้าใจแผนแล้ว
"ฉันไม่เห็นด้วยกับแผนนี้เลยจริงๆ ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้น"
รัชชานนท์ชะงักไม่กล้าแม้จะพูดต่อให้จบ
"ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ ถ้าผมเข้าไปเองได้ ผมเข้าไปแล้วล่ะครับ"
"บ่ได้ๆ ฝ่าพระบาทเฮ็ดจังสั้นบ่ได้ ชีวิตของฝ่าพระบาทมีค่าเกินกว่าที่สิเข้าไปเสี่ยง ที่จริงฝ่าพระบาทบ่ควรมาด้วยเลย ควรรออยู่ที่กองกำลังสิปลอดภัยกว่า" โพนโฮงบอก
"ฉันจะรออยู่เฉยได้ยังไง ในขณะที่ทุกคนกำลังเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่มีใครเคยเข้าไปในวังพูคำวงศ์ได้เลยเหรอ"
"วังพูคำวงศ์มีการคุ้มกันแน่นหนา พระเจ้าข้า คนของหมู่เฮาที่แอบเข้าไปได้ แต่กะบ่เคยมีไผกลับออกมาได้ซักคน ถ้าบ่ถูกจับขังคุกกะคงถูกฆ่าตายไปแล้ว"
"แล้วแผนการครั้งนี้ มันต่างอะไรกับแผนการก่อนหน้านี้" รัชชานนท์ถาม
"กะแผนครั้งนี้เฮาได้อีสร้อยเป็นคนไปเปิดทางให้จังได๋เล่า คุณชาย เฮาสิซ่วยเจ้าหลวงได้บ่ กะคงขึ้นอยู่กับอีสร้อยเพียงผู้เดียว"
รัชชานนท์กระวนกระวายใจเป็นห่วงสร้อยมาก
บริเวณทางเดิน ในวังพูคำวงศ์ ทหาร 2 คนเดินนำหน้ากลุ่มนางฟ้อนเข้ามา สร้อยกับจ่อยในคราบนางฟ้อนปะปนอยู่ในกลุ่มนางฟ้อนจนกลมกลืน มีจ่อยเป็นนางฟ้อนร่างใหญ่ราวกับกะเทย
จ่อยขยับตัวยุกยิกไปมาอย่างไม่คุ้นเคยกับชุดผู้หญิง
"อีสร้อย"
"เงียบไว้ อย่าเพิ่งเว้าอะหยัง"
สร้อยมองไปด้านหลัง เห็นทหารอีก 2 คน เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ผละออกไป
"ข้อยคันคะเยอไปเหมิดทั้งโตเลย หายใจกะบ่ออก"
"ไผให้เจ้าตามมาล่ะ ข้อยบอกแล้วว่า ข้อยมาผู้เดียวได้"
"เป็นหยังต้องปลอมตัวเป็นนางฟ้อนนางรำด้วยวะ"
ทหารเวียงที่เดินอยู่ข้างหน้า หันซ้ายมองขวาเหมือนได้ยินเสียงผู้ชายแว่วๆ
สร้อยเสียงเบาลง
"บักโพนโฮงก็บอกแล้วจังได๋ มีแต่นางฟ้อนกะซำนั้นที่เข้ามาในวังได้โดยง่าย รับรองว่าบ่มีไผจับได้ ไอ้พวกทหารพอเห็นแม่หญิงกะหน้ามืดตามัวบ่สังเกตอะหยัง เข้าใจแล้วบ่"
"เอ้า! พวกนางฟ้อนเข้าไปนั่งรอห้องพู้น ไป เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงถึงเวลาแสดงเด้อ เตรียมโตให้พร้อม"
กลุ่มนางฟ้อนทยอยกันเข้าไป จ่อยเกาะแจอยู่กับสร้อยรั้งท้าย
"แล้วเจ้าฮู้บ่ นางฟ้อนกะคือนางโลมดีๆนี่เอง"
"อย่าเพิ่งไป"
วีระวงส์เกาะหมับที่แขนของสร้อย เธอตกใจหันไปเกือบจะชกหน้า แต่ยั้งมือไว้ทันเมื่อเห็นว่าเป็นวีระวงส์ที่ดูเป็นเจ้าคนนายคน เลยไม่กล้าทำอะไรกลัวแผนแตก
"ไปฟ้อนให้ข้อยเบิ่งที่ห้อง ไปๆ"
วีระวงส์ลากตัวสร้อยออกไป จ่อยยืนมองตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้ ทหารเวียงกำลังมองจ่อยตาปริบๆเช่นกัน รู้สึกนางฟ้อนคนนี้ดูประหลาดมาก จ่อยรีบเอาผ้าปิดหน้าแล้วรีบเดินออก
โพนโฮงนำทางพาทุกคนมาที่อุโมงค์ลับที่เชื่อมต่อที่จะเข้าวังพูคำวงศ์ได้
วีระวงส์ลากสร้อยเข้ามาในห้องนอน สร้อยสะบัดตัวออกจากวีระวงส์อย่างรังเกียจ ก่อนถอยกรูดไปติดฝาผนังห้อง วีระวงส์ถอดเสื้อชั้นนอกออกแล้วเดินไปที่เตียง
"ท่าน...ท่าน...สิอยากดูข้อยฟ้อนแม่นบ่ แต่บ่มีดนตรี แล้วข้อยสิฟ้อนได้จังได๋"
"เจ้านี่เฮ็ดโตไร้เดียงสาแท้ บ่ฮู้อีหลีบ่ว่า ข้อยต้องการเบิ่งอะหยัง เดี๋ยวก่อน นี่เจ้าบ่ฮู้จักข้อยบ่"
"ข้อยเพิ่งมาจากบ้านนอกไกลปืนเที่ยง บ่ฮู้เฮื่องฮู้ฮาวอะหยัง ถ้าข้อยเฮ็ดสิ่งใดหรือเว้าอะหยังบ่ถูกบ่ควร กะอภัยให้ข้อยด้วยนะ ท่าน...ท่าน"
"ท่านวีระวงส์..ข้อยคือเจ้าวีระวงส์ ผู้ที่สิเป็นเจ้าหลวงองค์ต่อไป เจ้ามีบุญหลายเด้อที่ได้มาฮับใช้ปรนนิบัติข้อย..มานั่งข้างๆข้อย มา"
วีระวงส์นั่งลงบนเตียงแล้วตบที่เตียงเบา พลางยิ้มตาเยิ้มใส่สร้อย
"ข้อยบอกให้มานั่งข้างๆข้อยจังได๋เล่า"
สร้อยรีรอแล้วค่อยๆ ไปนั่งที่เตียงแต่นั่งห่างออกไป วีระวงส์ขยับเข้าไปใกล้
"เจ้าเพิ่งแตกเนื้อสาว บ่เคยต้องมือชายล่ะซิ ดีล่ะ ข้อยสิสอนบทเรียนฮักให้กับเจ้าเอง ถ้าเจ้าปรนนิบัติข้อยได้ถูกใจ แล้วข้อยสิตกรางวัลให้อย่างงาม ดีบ่ดีข้อยให้เจ้าย้ายเข้ามาอยู่ในวัง ได้ใช้ชีวิตสุขซำบายคือเจ้าหญิงเลยนา"
วีระวงส์กระโจนเข้าหาสร้อยในเวลาเดียวกับที่เซกองเปิดประตูผลัวะเข้ามาพอดี เซกองเสียงดังลั่น
"วีระวงส์"
วีระวงส์กระเด้งผละออกจากสร้อยก่อนที่จะถูกสร้อยถีบออกมา
"เซกอง"
สร้อยหันขวับไปจ้องเซกองทันที แต่เซกองไม่สนใจสร้อย มัวแต่เล่นงานวีระวงส์
"ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานจังซี้ เจ้ายังมีแก่ใจเอิ้นแม่หญิงมากกกอดอีกเรอะ ออกไปกับข้อยเดี๋ยวนี้ เฮามีเฮื่องเตรียมตัวอีกหลาย ไป ฟ่าว ไป"
เซกองเดินโครมๆ ออกไป วีระวงส์คว้าเสื้อตัวนอกมาใส่มือไม้สั่น
"เจ้า..เจ้ารออยู่ในห้องนี้ก่อน ประเดี๋ยวข้อยสิกลับมา"
วีระวงส์รีบตามเซกองออกไป สร้อยรีบลุกจะตามไปแล้วต้องถอยหลังร่นเข้าห้อง ทหาร 2 คนเดินยิ้มกริ่มเข้ามาเมื่อเห็นโอกาสเหมาะ
"เจ้าฟ่าวไปไส อีกโดนกว่าเจ้าวีระวงส์สิกลับมา เฮาสิซ่วยเจ้าคลายเหงาเอง" ทหารคนแรกบอก
ทหารคนที่ 2 บอก
"อดอยากปากแห้งมาหลายเดือน แล้วมื้อนี้พี่ขอแล้วกันนะ น้องคนงาม"
ทหาร 2 คนรุกเข้าไปหาสร้อยอย่างเร็ว จ่อยบุกเข้ามากระชากตัวทหารคนที่ 1 ออกมาแล้วยำเละ ส่วนสร้อยฉวยของใกล้มือฟาดหัวทหารคนที่ 2 แล้วถีบซ้ำจนเซไป จ่อยซัดอีกสองหมัด
ทหารเวียงทั้งสองสิ้นฤทธิ์หมดสติไป สร้อยกับจ่อยรีบถอดชุดทหารของพวกมันออก
นายพลเซกองกับวีระวงส์เดินไปทางห้องโถงใหญ่ เซกองด่าว่าวีระวงส์ไปตลอดทาง
"ข้อยอุตส่าห์เลือกเจ้าแล้ว เป็นหยังบ่ฮู้จักหน้าที่ของโตเอง เป็นหยังข้อยต้องคอยสอนเจ้าทุกเฮื่อง เจ้าโง่เง่าเบาปัญญาควบคุมง่าย แต่นี่มันโง่เง่าเกินทน เวลานี้มันเป็นเวลาอะหยัง เฮาพลาดบ่ได้ ถ้าพลาดเฮา ได้กลับบ้านเก่ากันแน่"
สร้อยกับจ่อยในชุดทหารย่องออกจากห้องนอน สร้อยจ้องมองตามเซกองไปอย่างเกลียดจัง เธอขยับจะไปหาเซกอง แต่จ่อยดึงตัวไว้พลางดึงกระดาษแผนที่บอกทางไปประตูลับ
กลุ่มทหาร 2 คนเดินเข้ามา สร้อยกับจ่อยทำหน้าตายเดินสวนออกไป
"เจ้าสองคนน่ะ ! เซาก่อน" ทหารคนที่ 3 บอก
สร้อยกับจ่อยหยุดนิ่ง จ่อยขยับตัวไปบังสร้อยไว้ครึ่งตัว,ทั้งคู่ยืนนิ่งลุ้นแทบกลั้นหายใจ
โพนโฮงนำทุกคนมาถึงหน้าประตูทางลับเข้าวังพูคำวงศ์ พอดีกับเวลาที่นัดกับสร้อยไว้ ทุกอย่างเงียบกริบ รัชชานนท์กับชัชวีร์ช่วยกันกระแทกประตู แต่ประตูไม่ขยับ !!
"นี่มันถึงเวลาแล้ว"
"สร้อยฟ้าต้องเอาตัวรอดได้แน่"
"มันกะบ่แน่ดอก ฝ่าพระบาท มื้อนี้ไอ้เซกองเพิ่มกำลังทหารเป็นสองเท่า มันอาจสิฮู้ตัวกะได้ว่า พวกเฮากำลังเฮ็ดอะหยังกันอยู่" โพนโฮงบอก
"บ่เว้า กะบ่มีไผว่า เจ้าบ่มีปากดอก บักโพน" ทับทิมบอก
"ใจเย็นๆ นะครับ พี่ชายเล็ก รอไปอีกซักหน่อย ผมเชื่อในตัวสร้อยฟ้า" ชัชวีร์บอก
รัชชานนท์ยังคงร้อนใจเป็นห่วงสร้อยอยู่
สร้อยกับจ่อยยืนนิ่ง สร้อยค่อยๆ ขยับแตะปืนที่เอว เตรียมพร้อมรับมือ ทหารคนที่ 3 ตบไปที่อกของจ่อยอย่างแรง จนแผนที่ของวังแลบออกมาให้เสียวไส้เล่น
"ติดกระดุมให้เฮียบฮ้อย ! เป็นทหารต้องฮู้จักฮักษาระเบียบวินัย"
ทหารทั้งสองเดินออกไป พลางบ่นด่าอย่างเกลียดชังดูหมิ่น
"ไอ้พวกทหารรับจ้าง"
สร้อยกับจ่อยรอจนทหารทั้งสองเดินลับตาออกไป ทั้งสองรีบวิ่งตามทางที่ตรงไปประตูลับ ทหาร 4 คนเดินเข้าหยุดคุยกันอย่างเคร่งเครียด สร้อยกับจ่อยหลบวูบหามุมที่ซ่อนตัว
"หนีไปตอนนี้ดีกว่า ก่อนที่จะไม่มีโอกาสหนี" ทหารคนที่ 4 บอก
"นั่นน่ะสิ เราไม่ใช่คนเวียงภูคำซักหน่อย เรื่องอะไรจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่" ทหารคนที่ 5 บอก
"เอาชีวิตไว้ก่อน เงินค่าจ้างงวดสุดท้าย ไม่ต้องไปเอามันหรอก"
สร้อยกับจ่อยมองหน้ากันอย่างร้อนใจ แต่กลุ่มทหารยังหยุดยืนคุยไม่ไปไหน
รัชชานนท์รออย่างกระวนกระวายเป็นห่วงสร้อยมาก ชัชวีร์ยืนรออย่างสงบเยือกเย็น ทับทิมกับโพนโฮงยืนรวมอยู่กับกลุ่มทหารกองกำลัง ทับทิมทนไม่ไหวเดินไปหารัชชานนท์
"เฮาควรเฮ็ดจังได๋ดี คุณชาย"
"ฉันไม่อยากจะรอแล้ว เราพังประตูเข้าไปเลยดีกว่า เรามีระเบิดหรือเปล่าระเบิดประตูเข้าไปเลย"
"ไม่ได้นะครับ พี่ชายเล็ก เดี๋ยวไอ้เซกองมันจะรู้ตัวเสียก่อน ผมก็เป็นห่วงสร้อยฟ้า แต่เราจะต้องช่วยเจ้าหลวงให้ได้ก่อน"
ชัชวีร์อึดอัดใจ แต่ต้องเด็ดขาด
"งั้นฉันจะไปหาทางอื่น มันมีทางเข้าไปในวังนี้ได้ นอกจากไอ้ประตูบ้าๆ บานนี้บานเดียว"
"ข้อยไปด้วย" ทับทิมบอก
"พวกเจ้ากำลังหาเฮื่องไปตาย บ่มีทางไสนอกจากทางนี้ทางเดียว" โพนโฮงบอก
"ตายเป็นตาย ! ฉันรออยู่เฉยๆไม่ได้อีกต่อไปแล้ว"
รัชชานนท์กับทับทิมขยับจะเดินออกไป เสียงก็อกแก็กดังขึ้นที่ประตู ทุกคนหันมาจ้องดู แต่ก็หยิบปืนออกมาเตรียมพร้อม ไม่รู้ว่าเป็นใครแน่ ! ที่จะออกมาจากประตู
สร้อยกับจ่อยช่วยกันดันประตูที่ฝืดสุดๆออก รัชชานนท์กับชัชวีร์รีบเข้าไปช่วยอีกสองแรง
"เซื่อฝีมือข้อยบ่ล่ะ"
สร้อยยืนตระหง่านอย่างภูมิใจ มีจ่อยยืนโชว์พาวอยู่ข้างๆไม่ได้เห็นเลยว่าคนรอบๆข้างมีสีหน้าเคร่งเครียดแค่ไหน แต่สุดท้ายก็โล่งใจกันทุกคน
บริเวณตึกกรมโฆษณาการ เวียงภูคำ รณพีร์นำกลุ่มทหารกองกำลังยิงต่อสู้กับกลุ่มทหารเวียงภูคำที่ยึดกรมโฆษณาการอยู่
ทหารกองกำลังถูกยิงล้มลง 2 คน รณพีร์ยิงโต้กลับสอยทหารฝ่ายตรงข้ามจนร่วงได้มากกว่า
ธราธรกับพุฒิภัทรวิ่งหลบกระสุนมาที่รณพีร์
"ช่วยยิงคุ้มกันให้ด้วย" ธราธรบอก
ธราธรกับพุฒิภัทรวิ่งซิกแซกหลบกระสุนเสี่ยงตายไปหิ้วปีกทหารกองกำลังที่ถูกยิงเข้ามา ปวรรุจถือกระเป๋ายาทหารวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยพุฒิภัทรกดแผลคนเจ็บไว้พุฒภัทรรีบทำแผลไว้ให้ชั่วคราว ธราธรมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การยิงต่อสู้ไม่มีใครยอมใครและเริ่มยืดเยื้อแล้ว ทหารกองกำลัง4-5 นายที่ถูกยิงนอนเรียงหลบมุมอยู่นอกแนวกระสุน
"ดูตามสถานการณ์แล้ว เราคงยึดกรมโฆษณาการกลับมาไม่ได้ง่ายๆ" ธราธรบอก
"ผมไปตรวจสอบมาแล้ว นายทหารที่คุมอำนาจอยู่บนตึกชื่อพลโทกองแล นายพลคนนี้เคยอยู่กรมทหารม้า เคยทำงานรับใช้เจ้าหลวง ไม่ใช่เป็นคนของเซกอง แต่ที่ต้องมายึดที่นี่ไว้ก็เพราะทำตามหน้าที่ของนายทหารที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา" ปวรรุจบอก
พุฒิภัทรถาม
"นี่นายคงไม่คิดที่จะหาทางเจรจากับนายพลคนนี้หรอกนะ"
ปวรรุจตบไหล่พุฒิภัทร
"นายนี่รู้ใจฉันจริงๆ"
ธราธรเห็นด้วยกับปวรรุจ รีบตะโกนสั่งทหารกองกำลังทันที
"ได้ ฉันจัดการให้เอง หยุดยิงๆๆ"
กลุ่มทหารกองกำลังค่อยๆหยุดยิงกันทีละคน สองคนจนถึงรณพีร์ที่ยังยิงใส่ทหารเวียงอยู่
"ไอ้ชายพีร์! หยุดยิง"
รณพีร์หยุดยิงแล้วหันมามองพวกพี่ๆอย่างไม่เข้าใจ ทางฝ่ายทหารเวียงก็หยุดยิงตามไปด้วย
ขณะเดียวกันพลโทกองแลยืนอยู่บนตึกมองลงมา
"เซาๆ"
ธราธรปลดอาวุธออกจากตัวแล้วเดินชูมือออกให้เห็นว่าไม่ได้ถืออาวุธ ธราธรตะโกน
"เราขอคุยด้วยได้มั้ย ท่านนายพล"
ปวรรุจกับพุฒิภัทรเดินชูมือออกมายืนเคียงธราธร รณพีร์ขัดใจแต่ก็ยอมวางอาวุธแล้วเดินออกมา ปวรรุจตะโกนบอก
"ขอให้ทุกคนรู้ว่า ตอนนี้เจ้ารังสิมันตุ์กลับมาแล้ว"
สี่คุณชายยืนชูมืออย่างไม่กลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายยิงเข้าใส่ และเงยหน้าขึ้นมองกองแลอย่างไม่หวั่น
ทางฝ่ายรัชชานนท์ ทุกคนวิ่งลัดเลาะมาจากทางประตูลับ ทั้งหมดเข้ามาถึงทางเดินในเขตวัง
"เราแบ่งเป็นสองกลุ่มกันดีกว่า" รัชชานนท์บอก
"ผมจะไปจัดการไอ้เซกองเอง" ชัชวีร์ว่า
"เฮาสิไปซ่วยเจ้าหลวงที่คุกใต้ดิน เราต่างฟ่าวแยกย้ายกันไปเถอะ" ทับทิมบอก
"นั่นน่ะซี้ ไปกันเป็นโขยง มันบ่คล่องตัว ไปๆ อีสร้อย เจ้าไปกับข้อย" จ่อยว่า
จ่อยดึงสร้อยให้เดินไปทางขวา พวกทหารกองกำลังที่ตามมารอรับคำสั่งอยู่ที่ทางเข้า
"ไปทางนั้นซะที่ไหน ทางไปคุกใต้ดินต้องไปทางนี้"
รัชชานนท์พูดกับชัชวีร์
"ตรงไปคือตึกกองบัญชาการของไอ้เซกอง แต่ตอนนี้มันอยู่ไม่เป็นที่ คงต้องค้นหากันกันหนักหน่อย นายเอาทับทิมกับโพนโฮงไปก็แล้วกัน"
ทหารเวียงภูคำ 3 คนเดินเข้าเจอกลุ่มรัชชานนท์เข้า
ทหารคนที่ 6บอก
"เฮ้ย ! มีผู้บุกรุก ไอ้พวกกบฎมันบุกเข้ามา"
"พวกมึงนั่นแหละ ไอ้พวกกบฎคิดคดขายซาติ" ทับทิมบอก
รัชชานนท์บอก
"ทับทิม พานายชัชออกไปก่อน ไป โพนโฮง"
รัชชานนท์หันไปอีกทีโพนโฮงโผเข้าต่อสู้กับทหารเป็นพัลวันไปแล้ว สร้อยกับจ่อยก็เข้าร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้ละมือ ทับทิมดึงชัชวีร์ออกไปก่อน
รัชชานนท์ยืนมองสร้อยที่สู้อย่างไม่กลัวตาย แล้วไม่รอช้าช่วยซัดจนทหารหมอบไป
"ไส คุกใต้ดินไปทางไสนะ คุณชาย" สร้อยถาม
รัชชานนท์เดินดุ่มๆนำหน้าออกไป เหนื่อยใจที่มีเรื่องต้องเป็นห่วงสร้อยอยู่ตลอด สร้อย จ่อยและโพนโฮงพากันตามรัชชานนท์ไปอย่างรวดเร็ว
บริเวณคุกใต้ดิน ทหารเวียง 4-5 นั่งเล่นโขกหมากรุกเฝ้าอยู่หน้าคุก ทหารอีกคนถูกเหวี่ยงเข้ามากลางวง พวกทหารรีบลุกขึ้นแตกกระจายก่อนจะชักปืนขึ้น
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว รัชชานนท์ก้าวเข้ามาพร้อมจ่อปืนอยู่ สร้อย จ่อยและโพนโฮงถือปืนรี่ตามเข้ามา โพนโฮงสับไกปืนดังแก๊บ ทำขู่ว่าจะยิงทิ้ง กลุ่มทหารตกใจยอมแพ้ ต่างรีบโยนปืนทิ้ง ทหารทุกคนถูกไขว้หลังมัดมือ
"เอาล่ะ จัดการพวกทหารเวียงเรียบวุธแล้ว ไปตามหาเจ้าหลวงกัน"
"ไปๆ ฟ่าวไปกันเร็วๆ" สร้อยบอก
สร้อยกับจ่อยพากันเดินออกไปอย่างร้อนใจ รัชชานนท์เดินตามหลังระวังให้
โพนโฮงยังมัดทหารเวียงคนสุดท้ายอยู่
"เฮาบ่เคยเห็นเจ้าหลวง แล้วสิฮู้ได้จังได๋ว่า ไผเป็นเจ้าหลวง แล้วนี่สิตามหากันจังได๋ บ่ต้องเดินถามกันไปตลอดทางเร้อ"
"นี่มันคุกหลวงกะต้องเอาไว้ขังเจ้าหลวงสิ หาบ่ยากดอก"
"คุกหลวงไม่น่าจะมีนักโทษมากนัก คนที่มีบุญบารมีได้เป็นถึงเจ้าหลวง ถ้าเห็นแล้วก็คงจะรู้ได้ในทันที"
ทั้งสามเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆและมองหาตลอด ทุกคนชะงักเมื่อเห็นไกสอนถูกขังอยู่คนเดียว
"พ่อ" จ่อยเรียก
"ลุงไกสอน ! แล้วพ่อใหญ่ของข้อยล่ะ"
"เปิดประตูให้ที กุญแจอยู่ที่ไผ บ่ต้องใช้กุญแจล่ะ ข้อยจัดการเอง พ่อถอยหลังไปก่อน ถอยๆๆ"
จ่อยเล็งปืนจะยิงไปที่แม่กุญแจที่คล้องอยู่ โพนโฮงชูกุญแจต่อหน้าจ่อย
"บ่ต้องๆ ข้อยเปิดประตูให้เอง พวกเจ้านี่มีปัญหากับประตูอีหลีแท้น้อ"
โพนโฮงเห็นไกสอนถนัดตา เลยรีบตาลีตาลานไขกุญแจเปิดประตูแล้วรุดเข้าไปในห้องขัง
"ท่านนายพล ! ท่านกะถูกจับมาด้วยหรือนี่ ข้อยขอโทษด้วยที่มาซ่วยท่านช้าไปหน่อย"
โพนโฮงโค้งทำความเคารพอย่างนอบน้อม รัชชานนท์ สร้อยและจ่อยมองหน้ากันเป็นงง
"ไผ ไผเป็นนายพล" จ่อยถาม
"กะนี่จังได๋ พลเอกไกสอน วงสะหวัน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอาณาจักรเวียงภูคำ !"
"พ่อของข้อยเป็นนายพล"
"ลุงไกสอนเป็นผู้บัญชาการทหาร แล้วพ่อใหญ่ล่ะ เป็นใคร"
รัชชานนท์หันมามองสร้อยที่นิ่งตะลึงคิดอยู่เหมือนกัน
ภายในห้องโถงใหญ่ วังภูคำวงศ์ พ่อใหญ่ในชุดเจ้าหลวงเต็มยศนั่งอยู่ที่บัลลังก์สีหน้านิ่งและสงบ เซกองในชุดทหารเต็มยศ มีเหรียญตราประดับเพียบยืนมองอย่างพอใจ
วีระวงส์ยืนตัวสั่นงันงกยิ่งเห็นเจ้าหลวงหน้านิ่งก็ยิ่งใจไม่ดี ทหารคนที่ 7 ยืนอยู่หลังกล้องถ่ายหนังและทหารคนที่ 8 ถือกล้องถ่ายรูปเตรียมถ่ายถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อโกหกประชาชน
เซกองพูดกับพ่อใหญ่
"บ่ต้องมีพิธีการอะหยังมาก เจ้ากะมอบแหวนเจ้าหลวงให้เจ้าวีระวงส์ไป"
เซกองกับวีระวงส์
"เจ้ารับแหวนเอาไปใส่ แล้วกะไปยืนอยู่ข้างเจ้าหลวง แล้วเดี๋ยวกะเก็บภาพเจ้าตอนที่นั่งบนบัลลังก์เป็นเจ้าหลวง ก็เป็นอันเสร็จเฮียบฮ้อย"
"แต่ข้อยว่า ประชาชนสิบ่เซื่อ..กะนี่บ่ใช่แหวนเจ้าหลวง" วีระวงส์บอก
"ไผสิฮู้ว่า เป็นแหวนที่เฮ็ดขึ้นใหม่ มีแต่คนที่อยู่ในนี้ที่ฮู้เท่านั้น เจ้ากะอย่าโง่ไปป่าวประกาศบอกไผกะแล้วกัน เอาล่ะ เริ่มพิธีได้ เดินกล้อง !" เซกองบอก
ทหารคนที่ 7เริ่มถ่ายหนังเก็บภาพเหตุการณ์ไป ทหาร8 เตรียมถ่ายรูปตอนมอบแหวน ทหารเวียง9 ยกปืนขึ้นจ่อขู่พ่อใหญ่อยู่หลังกล้องถ่ายหนัง
พ่อใหญ่มองแหวนเจ้าหลวงปลอมที่วางอยู่บนพานข้างตัว
ชัชวีร์กับทับทิมมาถึงหน้าห้อง จัดการกับทหาร 2คนที่เฝ้าอยู่อย่างเงียบเชียบ
พ่อใหญ่มองแหวนแล้วหันกลับมามองเซกอง ไม่สนใจวีระวงส์ที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า
"หยิบแหวนขึ้นมา บ่จังสั้น เจ้าสิได้ตายคาบัลลังก์แน่"
"เฮาขอเว้าอะหยังก่อน" พ่อใหญ่บอก
ชัชวีร์กับทับทิมเดินเข้าหลบมุมอยู่ ทั้งสองเห็นพ่อใหญ่นั่งอยู่เป็นประธานในห้องก็แปลกใจ
"ได้ ! อยากบอกลาประชาชนของเจ้า กะบอกไป เพราะนี่เป็นโอกาสเทื้อสุดท้ายที่เจ้าสิได้นั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ เจ้าหลวงสุริยวงศ์ !"
ชัชวีร์กับทับทิมต่างแปลกใจและตกตะลึงอึงอื้อเมื่อรู้ว่าพ่อใหญ่คือ เจ้าหลวงที่ตามหาอยู่
พ่อใหญ่จ้องไปที่กล้องถ่ายหนังที่ยังเดินกล้องไปเรื่อยๆ
"เฮามีคำพูดประโยคสุดท้ายที่สิฝากไว้ให้ชาวเวียงภูคำ -- ตราบใดที่คนเฮายังมีลมหายใจ ตราบนั้นกะยังมีความหวัง วันหนึ่งข้างหน้า...เจ้ารังสิมันตุ์ เจ้าหลวงตัวจริงสิกลับมา”
"สุริยวงศ์" เซกองน้ำเสียงไม่พอใจ
เสียงวิทยุดังลั่นทั่ววัง ประกาศเรื่องที่กองกำลังยึดกรมโฆษณาการได้แล้ว เสียงกองแลประกาศ
“พี่น้องประชาชนชาวเวียง นี่คือเสียงจากกองกำลังกู้ชาติเวียงภูคำ ขอประกาศให้รับทราบโดยทั่วกันว่า ทางกองกำลังกู้ชาติที่มีเจ้ารังสิมันตุ์เป็นผู้นำ ได้กอบกู้แผ่นดินเวียงภูคำจากจอมเผด็จการเซกองได้สำเร็จแล้ว เจ้าหลวงของเฮา เจ้าสุริยวงศ์ได้กลับมาปกครองแผ่นดินแล้ว นับแต่จากนี้อาณาจักรเวียงภูคำสิกลับมาสงบร่มเย็นดังเดิม”
เซกองเริ่มคลั่งที่กระบอกเสียงแหล่งสุดท้ายถูกยึดไป
ที่ตึกกรมโฆษณาการ พวกธราธรเจรจากับพันโทกองแลได้สำเร็จ ธราธรยื่นมือให้กองแลจับ ทั้งสองจับมือกัน มีปวรรุจ พุฒิภัทร และรณพีร์ยืนอยู่เบื้องหลัง
ปวรรุจก้าวออกมา กองแลรีบยื่นมือให้ปวรรุจก่อนเลย ทั้งสองจับมือกัน
"ผมนึกแล้วว่า ท่านนายพลต้องเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าทำในสิ่งที่ต้องทำ"
"ครับ ผมทำสิ่งที่ต้องทำมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ผมควรจะทำเพื่อเจ้ามหาชีวิตของผมซักที ถ้าผมจะต้องตายไปจากโลกนี้ ผมจะได้ตายไปพร้อมกับความเป็นชายชาติทหารที่แท้จริง"
กองแลเดินออกไป พุฒิภัทรเดินเข้าตบไหล่ชมเชยปวรรุจที่เจรจาได้สำเร็จ
รณพีร์เข้ามาจะตบไหล่ปวรรุจบ้าง พอปวรรุจหันไปมองก็รีบลดมือลง
"เป้าหมายต่อไป" พุฒิภัทรจุดประเด็น
รณพีร์ต่อ
"วังพูคำวงศ์ !"
คุณชายทั้งสี่กำหมัดขึ้น ประกาศถึงชัยชนะในวันนี้
อ่านต่อหน้า 3
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 12 อวสาน (ต่อ)
ณ ห้องโถงใหญ่ พ่อใหญ่นิ่งคิด ไม่อยากเชื่อว่าเจ้ารังสิมันตุ์กลับคืนสู่เวียงภูคำแล้ว เซกองเดินวนเวียนเหมือนคนบ้า แทบทึ้งหัวตัวเองด้วยความมึนงง แก้ไขหรือทำอะไรไม่ถูก
"เจ้ารังสิมันตุ์...บ่จริง...ข้อยบ่เซื่อ ลูกชายของเจ้ากลับมาทวงบัลลังก์คืนอีหลีบ่ มันอยู่ไส มันยึดบัลลังก์ของข้อยไปได้จังได๋ ไอ้แก่! ไอ้รังสิมันตุ์ มันอยู่ไส! ถ้าบ่บอก กูสิยิงมึงทิ้งเดี๋ยวนี้"
เซกองถือปืนจ่อไปที่พ่อใหญ่แล้วโบกปืนไปมาเหมือนคนบ้า
"มันอยู่ไส บอกมา"
เซกองเตรียมจะเหนี่ยวไกปืนยิงพ่อใหญ่ ชัชวีร์ยิงพุ่งไปที่มือของเซกองจนปืนหลุดกระเด็น เซกองร้องโอ๊ยกุมมือที่เลือดไหลอาบ ชัชวีร์ก้าวเข้ามา ทับทิมเดินตามหลังมาพร้อมกับจ่อปืนใส่ทหารคนที่ 9 เพียงคนเดียวที่มีปืน ทหารคนที่ 7และทหารคนที่ 8 ยกมือขึ้นยอมแพ้ถอยหลังหนีไปในทันที
วีระวงส์ขี้ขลาดค่อยๆลัดเลาะเอาตัวแนบฝาผนังแล้วแอบหลบหนีออกไปทันทีเหมือนกัน
"ฉันอยู่นี่ ฉันนี่แหละเจ้ารังสิมันตุ์ !"
ทหารเวียงภูคำสามคนที่อยู่ด้วยคุกเข่าลงอย่างศิโรราบและยอมรับ คนที่มีปืนก็วางปืนลง
ทับทิมพยักหน้าให้เป็นการส่งสัญญาณ ทหารทั้งสามหลบออกไป พ่อใหญ่หันไปมองชัชวีร์อย่างดีใจ เรื่องที่เคยแวบๆสังหรณ์เมื่อก่อนเป็นจริงขึ้นมาได้!!
"คุณชัชวีร์เป็นลูกชายของพ่อใหญ่...บ่ใช่สิ...เป็นพระโอรสของฝ่าพระบาทพระเจ้าข้า" ทับทิมทูลรายงาน
พ่อใหญ่กับชัชวีร์มองหน้ากันนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างมันอื้ออึงจนพูดไม่ออกด้วยกันทั้งคู่ เซกองตั้งสติได้วิ่งไปตรงเข้าเล่นงาน แต่ถูกชัชวีร์ซัดอีกสองสามหมัดจนเซล้มหมอบแทบเท้าของพ่อใหญ่แล้วหมดสติไปอย่างหมดสภาพ
รัชชานนท์กับสร้อยรีบเร่งเข้ามา สร้อยวิ่งไปกอดพ่อใหญ่ไว้แน่นอย่างเป็นห่วงและโล่งใจเมื่อเห็นพ่อใหญ่ปลอดภัย
"พ่อใหญ่ !"
พลันสร้อยก็ชะงัก...
"พ่อใหญ่เป็นเจ้าหลวงอีหลีบ่ !? พ่อใหญ่เป็นเจ้าหลวงได้จังได๋ เป็นหยังมันเป็นจังซี้ไปได้"
"บ่ฮู้คือกัน เกิดมาพ่อกะมีคนเอิ้นว่าเจ้ารัชทายาท บัดใหญ่ขึ้นกะมีคนเปลี่ยนมาเอิ้นว่าเจ้าหลวง เจ้าคงต้องไปถามปู่เจ้าแล้วล่ะมั้ง"
"พ่อใหญ่แล้วเป็นหยังบ่บอกข้อยว่า พ่อใหญ่เป็นเจ้าหลวง"
"เจ้ากะฮู้แล้วตอนนี้ มันสิแตกต่างกันหม่องไหนล่ะ บ่ว่าจังได๋ พ่อกะเป็นพ่อใหญ่ของเจ้า พูดจากันคือเก่า"
พ่อใหญ่พูดกับชัชวีร์ที่ยังท่าทางอึกอักอยู่
"เอิ้นเฮาว่าพ่อใหญ่ คือน้องสาวเจ้า"
"ครับ พ่อใหญ่"
"น้องสาวของเจ้า..เจ้าสร้อยฟ้า..เจ้าหญิงเวียงภูคำ"
รัชชานนท์ได้ยินคำว่า”เจ้าหญิง”ก็ค่อยๆถอยออกไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่ทุกคนช่วยเจ้าหลวงออกมาได้และจัดการกับเซกองได้สำเร็จ อนุพันธ์ได้เดินมาล่ำลาและวางดอกไม้ให้เจ้าส่องดาวเป็นครั้งสุดท้าย
"ส่องดาว...เธอกำลังจะได้กลับบ้านแล้ว"
อนุพันธ์แตะป้ายหินสลักหน้าหลุมศพเจ้าส่องดาวอย่างแผ่วเบา และยืนโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ที่หลุมฝังศพนั้น
โพนโฮงกับทับทิมประกบเซกองที่ถูกใส่โซ่ตรวนซ้ายขวาเพื่อพาตัวจากห้องโถงไปที่ระเบียงของตึก เซกองถูกพาตัวผ่านหน้าชัชวีร์และสร้อยฟ้า พ่อใหญ่เตือน
"เจ้าสร้อย"
พ่อใหญ่ยังไม่ทันพูดต่อให้จบ สร้อยฟ้าก็ชกเปรี้ยงที่หน้าเซกองอย่างแรง พ่อใหญ่ได้แต่ส่ายหน้า
ที่ระเบียง เซกองถูกจับให้มายืนอยู่จุดที่เคยยืนมองประชาชนถูกยิงตาย ทับทิมกับโพนโฮงควบคุมตัวอยู่ โพนโฮงพูดใส่ไมค์เสียงดังก้อง
"เฮากำจัดกบฎของแผ่นดินได้แล้ว"
ชาวเวียงภูคำนับร้อย นับพันโห่ร้องส่งเสียงดีใจ เซกองหมดแรงทรุดลงคุกเข่าก้มหน้า
พ่อใหญ่นั่งอยู่ที่โถงมองเซกองที่เหมือนซากอะไรบางอย่าง ชัชวีร์กับสร้อยฟ้าอยู่ด้วย
"เฮาสิเฮ็ดจังได๋กับไอ้เซกองดี พ่อใหญ่ จับมันตัดหัวเสียบประจานดีบ่" สร้อยฟ้าว่า
"บ่ดี บ้านเมืองเฮามีขื่อมีแป บ่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน"
"เราควรจัดการตามกฎหมายครับ พ่อใหญ่ กฎหมายของเวียงภูคำมีการลงโทษที่เด็ดขาด เซกองต้องได้รับการลงโทษที่สาสมแน่"
ไกสอนกับจ่อยเดินเข้ามา ไกสอนก้มหัวคำนับพ่อใหญ่ ชัชวีร์ และสร้อยฟ้า
"บ่ต้องเฮ็ดจังซี้ดอก ลุงไกสอน"
สร้อยหันมาพูดกับบักจ่อย
"แต่เจ้าต้อง ! ตอนนี้ข้อยเป็นเจ้าสร้อยฟ้าแล้ว เป็นเจ้าหญิงเวียงภูคำ ฮู้แล้วบ่"
"ฮู้แล้ว ! พระเจ้าข้า"
จ่อยก้มโค้งให้อย่างเงอะงะให้สร้อยฟ้า
สร้อยเดินไปตบไหล่จ่อยที่ทำหน้าจืด วางตัวไม่ถูก ทำให้สร้อยหัวเราะขำ
"ข้อยล้อเล่นน่า แต่จังได๋ข้อยกะบ่เป็นอีสร้อยแล้วเด้อ พ่อใหญ่ ข้อยเป็นลูก
สาวเจ้าหลวง เป็นน้องสาวเจ้ารังสิมันตุ์ แม่ข้อยกะต้องเป็น..."
"เจ้านางส่องดาว...คือเจ้าแม่ของเรา" ชัชวีร์บอก
"แม่นแล้ว...แม่ของเจ้าสองคน แม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก มีชื่อว่า เจ้านาง
ส่องดาว พวกเจ้าไปฮับแม่กลับมาบ้านได้แล้ว"
สร้อยฟ้ากับชัชวีร์มองหน้า เมื่อได้รับคำสั่งจากพ่อใหญ่
เช้าวันใหม่ ที่สุสานเจ้าส่องดาว สร้อยฟ้าและชัชวีร์ในชุดเวียงภูคำระดับสูง แต่เรียบง่าย เดินตรงเข้ามาที่หลุมฝังศพส่องดาว
สร้อยฟ้ากับชัชวีร์คุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพส่องดาว ทั้งสองก้มลงกราบพระมารดา
ชัชวีร์ลุกขึ้นยืน แต่สร้อยฟ้ายังหมอบกระแตอยู่ที่หน้าหลุมฝังศพพลางสะอึกสะอื้นไม่หยุด
"แม่...แม่ของสร้อย"
"เจ้าสร้อย"
ชัชวีร์ประคองสร้อยฟ้าให้ลุกขึ้น ทั้งสองยืนมองหลุมฝังศพของแม่อย่างเศร้าโศก ชัชวีร์เช็ดน้ำตาปลอบใจน้องสาว
"เจ้า..เจ้าพี่จำเจ้าแม่ได้บ้างหรือเปล่า"
ชัชวีร์หยิบรูปเจ้าส่องดาวที่หลุดรอดจากกองไฟที่ถูกดารณีนุชเผามาให้สร้อยฟ้าดู
"นี่ยังไง แม่ของเรา"
"แม่งามหลาย...งามกว่าแม่หญิงทุกคนในโลกนี้"
"เจ้าแม่งามทั้งกายงามทั้งใจ เสียดายจริงๆที่พี่ไม่มีภาพความทรงจำของแม่หลงเหลืออยู่เลย สงครามที่โหดร้ายทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้น แผ่นดินของเราต้องพังพินาศ ครอบครัวต้องแตกกระสานซ่านกระเซ็น ไม่รู้ว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องมาสังเวยให้ไอ้เซกอง ไอ้เผด็จการขายชาติเพียงคนเดียว"
"แต่มันก็ได้ผลของกรรมไปแล้ว คนอย่างไอ้เซกองตายไปอย่างไร้ความหมาย แต่เราจะต้องไม่ให้ชาวเวียงภูคำลืมคุณงามความดีของเจ้าแม่ที่มีต่อแผ่นดินเวียงภูคำ เราทุกคนจะระลึกถึงพระคุณของพระองค์ตลอดไป...เจ้าแม่คะ ลูกมาพาเจ้าแม่กลับไปด้วยกัน"
"เราจะกลับเวียงภูคำกัน..กลับไปแผ่นดินบ้านเกิดของเรา"
อนุพันธ์เดินมาหยุดที่เนินเขา มองลงมาที่ชัชวีร์และสร้อย อนุพันธ์ได้เห็นชัชวีร์ในชุดเจ้าชายเวียงภูคำก็เต็มตื้นอย่างปลื้มใจ
"ในที่สุด...หน้าที่ของพ่อจบลงแล้ว"
อนุพันธ์เดินออกไป ขณะที่สร้อยฟ้ากับชัชวีร์ยังยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของเจ้าส่องดาว
เช้าวันใหม่ สร้อยฟ้า ชัชวีร์และพ่อใหญ่ยืนอยู่ทางออกของวังพูคำวงศ์เพื่อส่งคุณชายทั้งสี่ ... ธราธร ปวรรุจ พุฒิภัทร และรณพีร์เดินออกไปจากวังพูคำ
"เฮาขอขอบใจคุณชายทุกท่านที่ได้ช่วยลูกชายของเฮากอบกู้เวียงภูคำกลับมา คุณชายเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่ชาวเวียงภูคำ เฮาอยากให้คุณชายเห็นเวียงภูคำเป็นบ้านอีกหลังนึง ขอให้มาแวะเยี่ยมเยียนกันได้ทุกเมื่อ เฮาถือว่า พูคำวงศ์กับจุฑาเทพ เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"
ธราธร ปวรรุจ พุฒิภัทร และรณพีร์หันมามองพ่อใหญ่กับชัชวีร์ คุณชายทั้งสี่ก้มคำนับถวายความเคารพอย่างจริงใจ
ฝ่ายรัชชานนท์ยืนอยู่คนเดียวบนระเบียงชั้นล่าง มองออกไปที่สวนสวย ชัชวีร์กับสร้อยฟ้าเดินกลับมาจากส่งพวกธราธร มีข้าราชบริพารเดินตามาหลัง
รัชชานนท์ยืนมองความเปลี่ยนแปลงของสร้อยฟ้าที่อยู่ในชุดเจ้าหญิงเวียงภูคำที่ยังไม่เต็มยศ แต่ไม่ใช่สร้อยคนเดิม สร้อยฟ้าหันมองซ้ายมองขวาด้วยรู้สึกว่า มีคนมองมา รัชชานนท์รีบหลบวูบโดยไม่รู้ตัวว่าทำไม
"เจ้าสร้อยฟ้า...เจ้าหญิงเวียงภูคำ"
ชัชวีร์กับสร้อยฟ้าเดินหายเข้าไปในตึกของวัง แฮรี่กับแม่เฒ่าเดินเข้ามาอีกทาง
แฮรี่จับมือรัชชานนท์
"คุณชายรัชชานนท์ ท่านไกสอนไม่เคยเชื่อคำทำนายของแม่เฒ่า แต่คนตะวันตกอย่างผมกลับเชื่อยิ่งกว่า แล้วคุณชายก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คุณชายคือมงกุฎแห่งเทพจริงๆ"
แม่เฒ่าบอก
"ถ้าเฮาบ่มีคุณชายจุฑาเทพ เฮากะบ่มีมื้อนี้"
"ผมคิดว่า จุฑาเทพทุกคนก็คือ มงกุฎแห่งเทพในคำทำนายของแม่เฒ่าล่ะครับ นี่พวกพี่ๆและน้องชายของผมต้องรีบกลับไปทำงานตามหน้าที่ ก็เลยเหลือผมคนเดียวเป็นตัวแทนเข้าร่วมพิธีบรมราชาภิเษกพรุ่งนี้"
รัชชานนท์ยิ้มขื่นๆ อย่างขมใจบอกไม่ถูก แล้วจะเดินออกไปแล้วต้องชะงักหยุด เสียงแม่เฒ่าทักขึ้น
"คุณชายรัชชานนท์ คุณชายเป็นมงกุฎแห่งเทพเพียงผู้เดียว"
รัชชานนท์หันกลับมายืนฟังแม่เฒ่าอย่างนิ่งสงบ แต่ภายในใจสับสนคิดไม่ตก
"คุณชายกำลังหลงทางอยู่เด้อ หาทางออกให้เจอ ฝ่าหมอกเมฆในหัวใจของคุณชายให้ได้ อย่าเฮ็ดอะหยังที่สิเฮ็ดให้โตเองเสียใจทีหลัง ใช้แต่ตาสิมองเห็นอะหยังกั๋น”
รัชชานนท์หันกลับไปเดินทางเดิม ยังไม่เห็นทางออกเช่นเดิม
เรือนหม่อม วังจุฑาเทพ เช้าวันใหม่ หม่อมเอียดโล่งใจเป็นอันมาก มองธราธร ปวรรุจและพุฒิภัทรที่กลับมาอย่างปลอดภัย ย่าอ่อนกอดรณพีร์แน่น กอดแล้วกอดอีกเพื่อเรียกขวัญกลับมา
"ย่าขอสั่งห้าม ! ห้ามหลานๆทุกคนทำตัวกล้าบ้าบิ่นอย่างนี้อีก ห้ามเด็ดขาด ไม่ใช่เรื่องของชาติบ้านเมืองของเราซักหน่อย ไปสู้รบตบมือกับพวกทหารได้ยังไง เรารู้เรื่องการรบการศึกกับเขาซะที่ไหน" ย่าอ่อนบอก
"ย่าอ่อนครับ ผมครับ ผมเป็นทหารที่ผ่านการฝึกรบมาแล้ว"
"ส่วนพวกผมก็เคยลุยกับพวกทหารเวียงตอนอยู่ป่ามาแล้ว ชายรุจ...ก็ใช้ความสามารถด้านการฑูตด้วยการเจรจาต่อรอง พวกเราถึงผ่านพ้นทุกอย่างมาด้วยดี" ปวรรุจบอก
"ดีเกินคาดเลยล่ะครับ เราช่วยกอบกู้ประเทศที่อยู่ใต้อำนาจของเผด็จการมานับสิบปี เราไม่ได้ช่วยแต่เจ้ารังสิมันตุ์นะครับ เราช่วยชาวเวียงภูคำทั้งประเทศเลยนะครับ"
ปวรรุจเห็นหม่อมเอียดที่ดีใจก็โล่งใจ แต่ยังทำฟอร์มนั่งนิ่งอยู่ ปวรรุจเข้าไปกราบที่ไหล่หม่อมเอียด
"ผมขอเป็นตัวแทนของทุกคน กราบขอโทษหม่อมย่าแล้วก็ย่าอ่อนนะครับ ที่ทำให้เป็นห่วง ผมเป็นคนบอกทุกคนเองว่า อย่าเพิ่งบอกเหตุผลที่ไปเวียงภูคำให้หม่อมย่ารู้ มันเป็นเรื่องของความปลอดภัยน่ะครับ"
รณพีร์หลุดปาก
"ขนาดเราระวังตัวขนาดนี้ ตอนไปถึงเวียงภูคำยังเฉียดฉิวเกือบถูกพวกเซกองจับตัวไป มีคนตั้งใจส่งข่าว.."
รณพีร์ชะงัก เมื่อเห็นสายตาพี่ๆมองดุมา หม่อมเอียดชะงัก ฟังรับข้อมูลตรงนี้อย่างสนใจ จันทาเดินมาหยุดฟังก็ชะงักเมื่อยินชื่อชัชวีร์
"ย่าเข้าใจ ชัชวีร์เป็นเพื่อนรักของชายพีร์ เพื่อนเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกัน ถ้าหากคุณชายอนุพันธ์รับรู้เรื่องนี้ด้วย ย่าก็เชื่อว่า ทุกคนตัดสินใจไม่ผิดที่ไปในครั้งนี้ เรียกว่าทำความดีครั้งยิ่งใหญ่เลยล่ะ"
"เราต้องเรียกพระองค์ว่า เจ้าหลวงรังสิมันตุ์แล้วนะคะ คุณพี่ วันนี้แล้วไม่ใช่เหรอที่มีพิธีบรมราชาภิเษกน่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่า ชัชวีร์จะกลายเป็นเจ้าผู้ครองแผ่นดินไปได้" ย่าอ่อนว่า
จันทารู้สึกเจ็บแปลบเสียใจจนต้องถอยออกไปทำใจ
"ยังมีเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออีกเรื่องครับ...เรื่องของสร้อยฟ้า"
รณพีร์รีบขัด
"ผมว่า...เรารอให้เจ้าตัวมาเล่าเองดีกว่านะครับ เรื่องที่เกินคาดเหลือเชื่ออย่างนี้ ถ้ารู้ก่อนก็ไม่ตื่นเต้นน่ะซิครับ จริงมั้ยล่ะครับ"
รณพีร์มองพี่ๆ เป็นเชิงขอร้องให้ปิดเรื่องสร้อยฟ้าไปก่อน
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองอย่างสงสัย เรื่องอะไรกัน!
เช้าวันเดียวกัน ท่ามกลางบรรยากาศพิธีบรมราชาภิเษกของเจ้ารังสิมันตุ์ พ่อใหญ่นั่งอยู่ที่บัลลังก์เจ้าหลวง ชัชวีร์ในชุดเจ้าหลวงก้าวเดินช้าๆ มาตามทางเดินกลางห้องโถงใหญ่ ตามด้วยคนอื่นๆ พร้อมเพียง
เริ่มด้วยสร้อยสวยสง่าในชุดเจ้าหญิงเต็มยศ จ่อยหล่อล่ำในชุดทหารยศ ร.ต. ไกสอน ในชุดทหารพลเอก แฮรี่ แม่เฒ่า ทับทิมในชุดทหารยศร.อ. รวมทั้งนายทหารและข้าราชการเต็มงาน
ทุกคนอยู่กันพร้อมพรั่งชื่นมื่น แต่ยังมองไม่เห็นรัชชานนท์
สร้อยชะเง้อมองแล้วเห็นรัชชานนท์ยืนอยู่ด้านหลังกับพวกเหล่าทหารและข้าราชการ
จ่อยกับทับทิมยืนเยื้องหลังของสร้อยฟ้า จ่อยชะเง้อมองไปที่รัชชานนท์อีกคน
"เป็นหยังคุณชายถึงไปยืนอยู่หม่องพู้น"
"บ่ฮู้"
ไกสอนมองรัชชานนท์ยืนอยู่ไกลออกไปอย่างพอใจ พิธีแต่งตั้งเจ้าหลวงเป็นไปอย่างเรียบง่าย พ่อใหญ่ส่งมอบแหวนเจ้าหลวงให้กับชัชวีร์
ชัชวีร์รับแหวนมาสวม พ่อใหญ่ขยับตัวลุกจากบัลลังก์ ชัชวีร์แตะแขนเป็นเชิงห้าม
ชัชวีร์ยืนอยู่ข้างพ่อใหญ่ที่ยังคงนั่งอยู่เป็นเหมือนเสาหลักของแผ่นดิน
รัชชานนท์เห็นสร้อยฟ้าในชุดเจ้าหญิงเวียงภูคำเต็มยศ ตอกย้ำให้เห็นว่าสูงส่งเพียงไหน
ท่ามกลางบรรยากาศของเวียงภูคำที่เป็นอาณาจักรเล็กๆที่สุขสงบ อนุพันธ์ยืนอยู่บนเนินเขาเวียงภูคำมองไปลงเป็นสุสานที่ฝังเจ้าส่องดาว พ่อใหญ่เดินมาคนเดียวมายืนข้างอนุพันธ์ อนุพันธ์รีบโค้งคำนับอย่างเคารพสูงสุด
"เจ้าหลวง...ใต้ฝ่าพระบาท"
"อดีต..อดีตเจ้าหลวงต่างหากล่ะครับ คุณชาย ผมปลดระวางตัวเองแล้ว ตอนนี้ผมเป็นได้แค่พ่อใหญ่ล่ะครับ คุณชายน่าจะเข้าไปร่วมพิธีด้วย"
"เกล้ากระหม่อม"
พ่อใหญ่กระแอมเสียงขัดคอ
"ผมขอชื่นชมพระบารมีอยู่ห่างๆ อย่างนี้จะดีกว่าครับ แล้วอีกอย่างผมอยากจะดูอาณาจักรเวียงภูคำให้เต็มตาซักครั้งในชีวิต"
"คุณคงอยากเห็นแผ่นดินบ้านเกิดของส่องดาวมานานแล้ว ผมเองก็อยากไปเห็นกรุงเทพฯซักครั้งในชีวิตเหมือนกัน ช่วงชีวิตที่ส่องดาวอยู่ที่นั่น เป็นช่วงชีวิตที่เธอไม่เคยลืม...ผมต้องขอบคุณคุณชาย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชาย... ส่องดาวคงไม่ได้กลับบ้าน และต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่คุณชายเลี้ยงลูกของเราได้ดีเหลือเกิน"
"ผมยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ผมไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเจ้าหลวงรังสิมันตุ์ไม่เข้ามาอยู่ในชีวิตผม ผมจะเป็นยังไง..ชีวิตผมไม่มีความสุข...แต่ก็ยังมีความหวังก็เพราะมีเจ้าหลวง"
"ตอนนี้ความหวังก็บรรลุผลแล้ว ส่วนเรื่องความสุข...ขอเพียงรักษาแผ่นดินบ้านเกิดของเราไว้...มีผู้ปกครองแผ่นดินโดยธรรม เราทุกคนก็จะได้อยู่เป็นสุขทุกลมหายใจ"
พ่อใหญ่กับอนุพันธ์มองไปเบื้องหน้า... แผ่นฟ้ากว้าง ภูเขาสูงตระหง่าน ป่าเขียวในบรรยากาศอบอวลไปด้วยสุขที่สงบ
สองผู้ที่เคยยิ่งใหญ่เหลือเพียงสองคนตัวเล็กๆในโลกกว้าง
อ่านต่อหน้า 4
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 12 อวสาน (ต่อ)
ด้านรัชชานนท์เดินออกจากทางห้องโถงใหญ่ที่จัดพิธี ไกสอนเดินมาหยุดขวางทางไว้
"ขอบคุณคุณชายหลายที่เฮ็ดตามที่ข้อยขอร้อง"
"ผมทราบครับว่า ตำแหน่งของผมควรจะยืนอยู่ตรงไหน ผมไม่มีวันทำให้เจ้าสร้อยฟ้าต้องเสื่อมพระเกียรติหรอกครับ ท่านไกสอน"
"ถ้าจังสั้นกะขอให้คุณชายปิดเรื่องที่เคยแต่งงานกับเจ้าสร้อยฟ้าไว้ ที่จริง... เฮาควรสิถือว่า การแต่งงานเป็นโมฆะ ตอนที่เจ้าสร้อยฟ้าอยู่ที่วังจุฑาเทพกะบ่ได้อยู่ในฐานะสะใภ้ แต่กลับได้อยู่ที่เฮือนคนใช้ ตอนนั้นเจ้าสร้อยฟ้าบ่คู่ควรกับคุณชาย แต่ตอนนี้เจ้าสร้อยฟ้าสูงส่งเกินกว่าที่สิลดตัวลงมาหาคุณชา เจ้าฟ้าคู่ควรกับเจ้าฟ้าด้วยกันเท่านั้น"
ไกสอนหันเดินออกไปปะหน้ากับจ่อยที่ยืนฟังอยู่ตลอด จ่อยไม่เห็นด้วย
"พ่อ ! เป็นหยังเว้ากับคุณชายจังซี้"
ไกสอนไม่ตอบ รีบเดินออกไปเพราะทำหน้าที่จบแล้ว จ่อยรีบกวดตามพ่อไป
สร้อยฟ้าเดินเข้ามาอีกทาง รีบตรงมาหารัชชานนท์ที่จ้องมองสร้อยฟ้าในชุดเจ้าหญิงอีกครั้ง
"คุณชาย เจ้าหลบหน้าข้อยบ่ เป็นหยังบ่ได้เจอกันเลย มีปัญหาอะหยังกับข้อยหรือจังได๋"
"ฉันจะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้ แล้วเธอก็ต้องกลับกับฉันด้วย"
"ข้อยกลับไปตอนนี้บ่ได้ดอก ข้อยเพิ่งเจอพ่อใหญ่ เพิ่งฮู้จักพี่ซายของโตเอง ครอบครัวข้อยเพิ่งได้อยู่กันพร้อมหน้า แล้วที่สำคัญข้อยต้องช่วยเจ้าหลวงฟื้นฟูเวียงภูคำ บ้านเฮามีปัญหาต้องแก้ไขหลาย ข้อยขออยู่ช่วยเจ้าหลวงเฮ็ดงาน" สร้อยยิ้มประจบ
"ไม่ได้ เธอต้องกลับพรุ่งนี้ ถ้าไม่กลับไปกับฉันพรุ่งนี้ เราก็ไม่ต้องเจอหน้ากันอีกเลย จะได้รู้ว่าเวียงภูคำหรือฉันที่สำคัญกว่า"
"ล้อเล่นใช่บ่ เจ้าบ่ได้เว้าจริงใช่บ่"
"พรุ่งนี้ฉันจะรอที่ท่าน้ำ ฉันจะรอถึงเที่ยงเท่านั้น"
รัชชานนท์เดินออกไป ปล่อยให้สร้อยฟ้ามึนงงอย่างไม่เข้าใจ
เช้าวันใหม่ พ่อใหญ่ สร้อยฟ้า และชัชวีร์ยืนอยู่ด้วยกัน พ่อใหญ่โปรยเถ้ากระดูกของส่องดาวลงแม่น้ำ สร้อยฟ้าพนมมืออธิษฐาน
"เจ้าแม่..ขอให้เจ้าแม่ไปสู่สุขคติ บ่ต้องเป็นห่วงพ่อใหญ่ ข้อยสิดูแลเพิ่นแทนเจ้าแม่เองเด้อ ส่วนเจ้าพี่ ข้อยสิหาแม่หญิงมาดูแลให้"
"ไม่ต้องมายุ่งกับพี่เลย สร้อยฟ้า แค่อธิษฐานว่า ชาติหน้าขอให้ครอบครัวของเราได้อยู่พร้อมกันก็พอแล้ว"
"พ่อใหญ่... พ่อใหญ่ฮักเจ้าแม่หลายบ่ พ่อใหญ่กับเจ้าแม่ได้อยู่ด้วยกันสิบปีกว่าๆ คนเฮาต้องใช้เวลาสำได๋ถึงสิเข้าใจคนที่เฮาฮักได้"
"เจ้าต้องการคำตอบข้อใด ถ้าข้อแรก ข้อยบ่ตอบเจ้า เพราะเจ้าบ่อยากฮู้ดอก ส่วนอีกข้อ คนเฮาบ่มีไผฮู้ใจกันทุกเฮื่อง คนฮักกันกะต้องเรียนรู้กันไป เข้าใจหรือบ่ฮู้ใจ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขบ่ หาคำตอบให้หัวใจของเจ้าเอง"
ชัชวีร์กับสร้อยฟ้ายืนฟังพ่อใหญ่อย่างตั้งใจ เพราะกำลังมีปัญหารักทั้งสองคน
ไกสอนกับจ่อยมากับพวกพ่อใหญ่ด้วย สองพ่อลูกยืนมองครอบครัวที่ตามหากันเจออย่างอิจฉา
"เจ้าสร้อยฟ้าโซคดีแท้น้อ มีแหวนวงเดียวกะตามหาพี่ซายจนเจอ พ่อ... ข้อยขอโทษด้วย ข้อยบ่มีเวลาตามหาสร้อยพระจันทร์เลย สร้อยตะวันของข้อยคงบ่มีวันได้ต่อติดกับสร้อยพระจันทร์ของน้อง"
"บ่เป็นหยัง เฮื่องตามหาเจ้ารัชทายาทต้องมาก่อน เฮาเองกะบ่มีเบาะแสของตารเกศเลย"
"ตารเกศ"
"ตารเกศ..แปลว่า พระจันทร์...พ่อถึงได้เฮ็ดเส้นพระจันทร์ไว้ให้จังได๋ล่ะ"
ไกสอนปลงๆไม่คิดว่าจะได้เจอลูกสาวแล้ว เขากำลังจะเดินออกไป แต่จ่อยเรียกตัวรั้งไว้อย่างคาใจ
"พ่อ...แล้วเฮื่องคุณชายกับเจ้าสร้อยฟ้าล่ะ"
"พ่อเว้าตั้งแต่ตอนเกิดเฮื่องที่หมู่บ้านวลาหกแล้ว ถึงคุณชายสิมีเชื้อมีสายกะยังบ่คู่ควรกับเจ้าหญิงของเฮา พ่อเฮ็ดไปกะเพื่อเจ้าสร้อยฟ้า"
พ่อใหญ่เดินมาตบไหล่ไกสอนอย่างเตือนสติ
"เจ้าคงลืมไปแล้วว่า ความฮักมันเป็นจังได๋ เป็นจังได๋ล่ะน้อ ไอ้ความฮักนี่"
ไกสอนมองตามพ่อใหญ่ที่พูดและบ่นพึมพำ ก็เริ่มรู้สึกสะกิดใจขึ้น พ่อลูกหันไปมองชัชวีร์กับสร้อยฟ้ายืนอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่มองไปไกลๆ ต่างคิดถึงเรื่องความรักของตัวเอง
ภายในห้องทำงาน วังพูคำวงศ์ สร้อยฟ้ากลับมาที่โต๊ะทำงาน เดินไปเดินมาคิดหนักเรื่องจะตามรัชชานนท์
สร้อยฟ้าพึมพำกับตัวเอง
"รอที่ท่าน้ำ รอถึงเที่ยงเท่านั้น"
ชัชวีร์เดินเข้ามาหา มองนาฬิกาที่ฝาผนังบอกเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง
"เราไปตอนนี้ก็ยังทัน เดี๋ยวพี่ขับรถให้"
"บ่ ! ข้อยบ่ไป ข้อยบอกเฮื่องนี้กับพี่ชัช กะเพราะอยากให้รับรู้ไว้ว่า คุณชายของพี่ชัชเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองปานใด๋"
สร้อยฟ้าชะงักมองที่โต๊ะมีซองจดหมายพร้อมกับแหวนแต่งงานอยู่บนซอง
สร้อยฟ้าหัวใจสั่นระรัวจนเหมือนจะหยุดเต้น เธอค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบแหวนขึ้นมา
"แหวนแต่งงาน...แหวนแต่งงานของคุณชาย"
สร้อยฟ้าหยิบการ์ดออกมาจากซองจดหมาย
"สร้อยฟ้า...นี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วสำหรับเราทั้งสองคน"
ชัชวีร์มองสร้อยฟ้าอย่างเห็นใจและสงสาร
"สร้อยฟ้า..พี่ชายเล็กไม่ควรทำอย่างนี้กับเธอ พี่ต้องไปพูดกับพี่ชายเล็ก"
"บ่ต้องไป เฮาจบกันจังซี้กะดีแล้ว ข้อยกะบ่เคยคึดที่สิกลับไปวังจุฑาเทพกับเพิ่น เฮาสองคนบ่เคยเป็นอะหยังกัน ผู้ชายผู้นี้บังเอิญแค่เข้ามาในชีวิตของข้อย เพิ่นบ่มีความหมายอะหยัง กับข้อย..บ่มี..ซักน้อยกะบ่มี"
สร้อยฟ้ากำแหวนไว้แน่นอย่างเจ็บปวด ปากว่าดีแล้วแต่น้ำตากลับไหลไม่หยุด
รัชชานนท์นั่งเรือข้ามมาฝั่งไทยด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้สร้อย
เวลาเคลื่อนคล้อยผันผ่าน... จนถึงเช้าวันใหม่ ดารณีนุชกับศินีนุชนั่งรอคำตอบอยู่วังจุฑาเทพ ศินีนุชนิ่งเฉยกว่าปกติ หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองดารณีนุชอย่างไม่อยากเชื่อว่า ยังกล้ามาหาอีก
"คุณหญิงต้องการคำตอบอะไรไม่ทราบ" หม่อมเอียดถาม
"ก็คำตอบเรื่องคุณชายเล็กกับลูกนุชน่ะซิคะ คุณชายกลับมาหลายอาทิตย์แล้วไม่ใช่เหรอคะ แล้วก็ไม่ได้พาแม่สาวบ้านป่ากลับมาด้วยก็แสดงว่า คุณชายเล็กเลือกลูกนุชของดิฉัน เรารีบจัดงานแต่งงานกันดีกว่านะคะ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนถามเรื่องนี้ หม่อมย่าเห็นใจทางเราบ้างนะคะ ฝ่ายเราเป็นผู้หญิงมีแต่จะเสียหาย"
"ทางเราเห็นใจและเข้าใจดีทุกอย่าง เรารู้แล้วว่า คนเรารู้หน้า ไม่รู้ใจจริงๆ ไม่เคยคิดเลยว่า คุณหญิงดารณีนุชจะเป็นคนใจคออำมหิตถึงเพียงนี้ คิดจะฆ่าได้แม้แต่หลานชายของฉัน คุณหญิงคิดจะฆ่าหลานชายของฉัน ก็เท่ากับต้องการฆ่าฉันด้วย" ย่าอ่อนบอก
"คุณป้าพูดเรื่องอะไร"
หม่อมเอียดน้ำเสียงจริงจัง
"เรื่องฑูตเวียงภูคำ ฉันพูดแค่นี้ คุณหญิงคงเข้าใจ อย่าให้ต้องรื้อฟื้นกันอีก กลับไปซะ ไม่งั้นถ้าฉันเปลี่ยนใจ คิดเอาเรื่องขึ้นมาล่ะก็ หนูนุชจะต้องกำพร้าแม่"
ดารณีนุชทู่ซี้ปากแข็ง
"ดิฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าหากคิดหาเรื่องเฉไฉเพื่อที่คุณชายเล็กไม่ต้องแต่งงานกับลูกนุชก็ได้ ดิฉันก็ไม่อยากให้ลูกใช้นามสกุลจุฑาเทพนักหรอก เพราะคนวงศ์สกุลนี้ตระบัดสัตย์ ไม่เคยคิดจะรักษาสัญญาที่ให้กับเทวพรหม ไม่มีความละอายใจกันเลย"
"แล้วคุณแม่ล่ะคะ ละอายใจบ้างหรือเปล่า นุชเป็นคนเรียนเรื่องที่คุณแม่คิดร้ายกับพี่ชัชให้หม่อมย่าทราบเอง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รู้ว่า นุชไม่คู่ควรกับพี่ชายเล็ก เพราะนุชมีแม่เป็นฆาตกร" ศินีนุชพูดขึ้น
"ลูกนุช"
"นุชจะไม่ยอมเป็นเหมือนคุณแม่ ถ้าผู้ชายไม่รัก นุชก็จะปล่อยเขาไป นุชไม่อยากทุรนทุรายใจเหมือนตกนรกทุกวันอย่างคุณแม่ นุชจะย้ายไปอยู่กับคุณพ่อ เราจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก นุชขอโทษ แต่คุณแม่ทำในสิ่งที่นุชอภัยให้ไม่ได้จริงๆ"
ศินีนุชยกมือไหว้ขอโทษดารณีนุชแล้วเดินร้องไห้ออกไปอย่างเจ็บปวด ดารณีนุชที่ยืนนิ่งอึ้ง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนเธอรู้สึกตัวได้สติอีกครั้ง จึงรีบวิ่งตามศินีนุชออกไป
"ลูกนุช ! แม่ไม่ให้ลูกไป อย่าทิ้งแม่ไป อย่าทิ้งแม่เลยนะ แม่ขอร้อง"
"น่าเวทนาจริงๆนะคะ เพิ่งถูกผัวทิ้งไม่นาน นี่มาถูกลูกทิ้งอีก" ย่าอ่อนซ้ำเติม
"กรรม...เชื่อเถอะว่า ผลของกรรม มันมีจริงๆ"
ย่าอ่อนนิ่งเงียบไม่พูดต่ออะไรอีก หม่อมเอียดโล่งใจที่กำจัดปัญหาเรื่องดารณีนุชไปได้
ภายในห้องรัชชานนท์ วังจุฑาเทพ รูปแต่งงานของรัชชานนท์กับสร้อยฟ้าที่หมู่บ้านวลาหกวางระเกะระกะอยู่
รัชชานนท์กำลังทำงาน ตรวจดูแบบแปลนโครงสร้างตึก แต่ไม่มีสมาธิ แล้วก็ต้องหยิบรูปสร้อยฟ้ามาดูทีละรูป เป็นรูปสร้อยฟ้าเมื่อตอนก่อนที่จะเป็นเจ้าหญิง เสียงเคาะประตูดังขึ้น รัชชานนท์รีบรวบรวมรูปทุกใบของสร้อยฟ้าเก็บใส่ลิ้นชัก
"ฉันขอเข้าไปหน่อยนะ"
ปวรรุจเปิดประตูเดินเข้ามา รัชชานนท์เก็บรูปถ่ายของสร้อยฟ้าได้ทันท่วงที
"ฉันกำลังจะไปสนามบินแล้ว ฉันลาทุกคนแล้ว นี่ก็มาลานายเป็นคนสุดท้าย ถ้าหากอยากจะลืมใครบางคน การเปลี่ยนบรรยากาศอาจจะช่วยได้ จะไปด้วยกันเที่ยวนี้เลยมั้ยล่ะ ฉันจะได้เลื่อนไฟลท์บิน"
รัชชานนท์ไม่ฟัง
"ขอให้เดินทางปลอดภัย ฝากความคิดถึงถึงคุณรสาด้วยนะครับ"
"ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ ถ้านายจะตัดสินใจใหม่"
"พี่ชายรุจรู้สึกยังไง ที่ท่านหญิงรสาต้องโดนลดยศมาเป็นคุณรสา เพราะท่านหญิงตัดสินใจแต่งงานกับพี่"
"จำที่เจ้าสร้อยฟ้าเคยพูดไว้ได้หรือเปล่า คนเราจะเกิดในป่าหรือเกิดในวังก็เป็นคนเหมือนกัน ยศฐาบรรดาศักดิ์ไม่ได้มีความสำคัญเท่าคนสองคนมีใจตรงกันหรือเปล่า"
ปวรรุจก้มลงหยิบรูปสร้อยฟ้าที่หล่นอยู่ที่พื้นหนึ่งใบ เป็นรูปที่รัชชานนท์แอบถ่ายในป่า
ปวรรุจส่งรูปสร้อยฟ้าคืนให้รัชชานนท์ แล้วตบไหล่โดยไม่พูดอะไรอีก
ที่วังจุฑาเทพ เช้าวันนี้ ชัชวีร์กับรณพีร์เดินลงบันไดมาด้วยกัน
"นี่นายคงไม่ได้มาหาฉันถึงที่นี่ เพื่อจะมาเยี่ยมเยียนกันเฉยๆ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องพี่ชายเล็กกับ..."
ชัชวีร์ขรึมไปอีก
"ไม่ใช่ นายทหารองครักษ์ของฉันขอร้องให้พามาที่นี่"
สมบุญ และคนรับใช้อีก 3-4 คนยืนออทางเข้ามา มองดูชัชวีร์กันอย่างตื่นเต้น
"องครักษ์ของฉัน ร้อยตรีจุมพลกับร้อยเอกทับทิม"
ชัชวีร์มองไปข้างล่าง จ่อยกับทับทิมเพิ่งเดินผ่านหมู่มวลคนรับใช้เข้ามา
"เถิงมื้อนี้ข้อยกะยังบ่เข้าใจ เป็นหยังเจ้าได้เป็นร้อยเอก แต่ข้อยได้เป็นแค่ร้อยตรี ไผสิเป็นลูกชายนายพลคุมกองทัพเวียงภูคำกันแน่" จ่อยว่า
"เฮื่องยศตำแหน่งเขาวัดกันที่ผลของงาน" ทับทิมบอก
"นั่น..นั่น..ไอ้บักจ่อย ไอ้บ้านนอกนี่"
จ่อยหันไปจ้องมองสมบุญ
"ข้อยบ่ใช่บักจ่อยแล้วเด้อ ข้อยคือร้อยตรีจุมพล วงสะหวัน องครักษ์ของเจ้าหลวงรังสิมันตุ์ มีอะหยังสิใช้ข้อยเฮ็ดบ่ พี่สมบุญ !"
สมบุญหลบหน้าหลบตา
"บ่มีๆเด้อ บ่มีๆ เออ ไม่มีใคร ใครจะกล้า"
หม่อมเอียดมีสมศรีเดินตามหลัง ย่าอ่อนมีแจ๋วเดินตามมา หม่อมเอียดกับย่าอ่อนกำลังจะถอนสายบัวแสดงความเคารพชัชวีร์
"ไม่ต้องหรอกครับ หม่อมย่า ย่าอ่อน ถ้าทำเหมือนผมเป็นคนอื่นอย่างนี้ ผมคงไม่กล้ามาที่นี่อีก"
"ยังไงก็คงเหมือนเดิมไม่ได้หรอก แต่ก็เอาเถอะ เพื่อความสบายใจของหลาน ย่าก็จะพยายามเหมือนเดิม"หม่อมเอียดบอก
"แต่ถ้าทำตัวเสมอกันเกินไป ก็ไม่ไหว ย่ารู้ขนบธรรมเนียมของชาววังดี ถ้าเรารู้แล้วเราไม่ปฏิบัติตาม มันก็ยังไงอยู่ ขอเพคะเพขาซักนิดก็ยังดีนะเพคะ ชายพีร์เล่าว่า ฝ่าพระบาทได้พบกับน้องสาวที่พลัดพรากกันไปตั้งแต่เด็กๆ พามาด้วยหรือเปล่า เพคะ"
"ผมพามาด้วยครับ...แต่น้องสาวของผมไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับทุกคนที่นี่เลย ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นั่นยังไงครับ เจ้าสร้อยฟ้า..เจ้าหญิงเวียงภูคำ น้องสาวแท้ๆของผม"
ฆฒ๋ฮฒเอียดและย่าอ่อนรวมทั้งคนรับใช้ทุกคนหันไปดู สร้อยฟ้าเดินเข้ามาในมือหอบดอกไม้จากในสวน ถึงได้เข้ามาช้า ทุกคนในวังจุฑาเทพนิ่งอึ้งตะลึงงันไปตามๆ ยกเว้นรณพีร์ที่ยืนกลั้นหัวเราะอยู่
จ่อยเข้าไปรับหอบดอกไม้จากสร้อยฟ้า สร้อยฟ้ายกมือไหว้หม่อมเอียดและย่าอ่อนที่ยังยืนตาค้างอยู่
"สวัสดีค่ะ คุณท่าน"
"เจ้า..เจ้าสร้อยฟ้า..นี่หรือเจ้าสร้อยฟ้า..เจ้าหญิงเวียงภูคำ"
ย่าอ่อนเริ่มเข่าอ่อนเกือบจะทรุดฮวบลง แต่แจ๋วประคองไว้ได้ แจ๋วมองสร้อยฟ้าอย่างเกรงๆ
"อิฉันกะเข่าอ่อนไม่แพ้คุณท่านหรอกค่ะ" แจ๋วบอก
หม่อมเอียดควบคุมสติไว้ได้ สมศรีไม่มีคดีกับสร้อยฟ้า สมบุญอ้าปากค้างจนจ่อยไปหุบให้
"นี่ใช่มั้ยเรื่องเหลือเชื่อที่ชายพีร์พูดถึง ถ้ายังเป็นเด็กๆ ย่าจะหยิกเนื้อให้เขียวเชียว เรื่องอย่างนี้ล้อเล่นได้ที่ไหน"
"ดิฉันตามพี่ชัชมาที่นี่เพื่อที่จะขอบคุณคุณท่านทั้งสองที่นอกจากให้ที่พักอาศัยแล้ว ก็ยังช่วยอบรมสั่งสอนดิฉันอีก แล้วก็ยังได้วิชาการเรือนอีก ขอบคุณนะคะ ดิฉันขออนุญาตเดินดูรอบๆหน่อยนะคะ ตอนที่พักอยู่ที่นี่อยู่แต่เรือนทางโน้น ไม่ค่อยมีโอกาสขึ้นมาบนตึกน่ะค่ะ" สรอยพูดพลางยกมือไหว้
สร้อยฟ้าผละออกไปเดินดูรอบๆภายในวังจุฑาเทพ
"เรือนทางโพ้น เจ้าสร้อยฟ้าหมายถึง เรือนคนใช้น่ะครับ" จ่อยย้ำ
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนนิ่งอึ้ง เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน แม้หม่อมเอียดจะดีกับสร้อยฟ้าแล้วก็ตาม
จันทาเดินเข้ามาแล้วชะงักเมื่อเห็นชัชวีร์ แม้เขาจะรู้ว่าสร้อยฟ้ามาที่นี่แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ จันทาถอนสายบัวให้ชัชวีร์ที่นั่งกลางตำแหน่งประธานในห้อง หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองหน้ากันอย่างหนักใจ มองจ่อยกับจันทาแล้วไม่รู้สึกว่าเหมาะสมกัน
"แม่จันทา มานั่งข้างๆฉันนี่ มา" ย่าอ่อนบอก
จ่อยนั่งอยู่ข้างๆชัชวีร์ แล้วค่อยๆเอนตัวไปหาชัชวีร์
"ฝ่าพระบาทบ่เปลี่ยนใจแน่นะ เกล้ากระหม่อมให้เวลาฝ่าพระบาทได้คึด ก่อนที่พ่อจะเดินทางมาฮอดวังจุฑาเทพ"
ชัชวีร์ทำเป็นไม่ได้ยินที่จ่อยพูดเตือน
"จันทามาแล้ว เราถามเจ้าตัวเลยดีกว่ามั้ยครับ"
"เจ้าหลวงรังสิมันตุ์เสด็จมาที่นี่ก็เพื่อเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอเธอให้กับร้อยตรีจุมพล วงสะหวันหรือบักจ่อยที่เธอเคยรู้จัก" หม่อมเอียดบอก
"ตอนนี้เราสองคนเป็นผู้ปกครองของเธอ แต่เราจะให้เธอตัดสินใจเรื่องนี้เอง เอาไปลองคิดทบทวนตริตรองดูก่อนซักปีสองปี ดูเรื่องหน้าตา ฐานะ การศึกษา ผู้หญิงเราน่ะนะ ชีวิตนึงแต่งงานได้ครั้งเดียวนะ จันทา"
จันทามองชัชวีร์เขม็ง
"จันทาตอบตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ"
"ได้คำตอบเร็วอย่างนี้ ต้องไม่ใช่ข่าวดีแน่ๆเลยบักจ่อย" ย่าอ่อนบอก"จันทาตกลงค่ะ"
"ที่จริงเราควรจะรอคุณพ่อของบักจ่อยก่อนนะ" หม่อมเอียดว่า
จ่อยมองชัชวีร์อย่างอ่อนใจที่ไม่ยอมทำอะไร
"เราถือว่า วันนี้เป็นการทาบทามไว้ก่อน แล้ววันหลังค่อยมาทำพิธีสู่ขอ ให้เป็นเรื่องเป็นราว ดีมั้ยค่ะ คุณพี่ ยืดเวลาออกไปก่อน เพราะบักจ่อยคงมาตัวเปล่าไม่ได้มีของหมั้นติดตัวมาด้วยหรอกมั้ง" ย่าอ่อนบอก
"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเป็นเครื่องเพชรหรือของมีค่าอะไร อ้ายจ่อยมีอะหยังติดตัวมา กะเอาออกมาหมั้นข้อยไว้ก่อน แล้วฟ่าวหาฤกษ์ที่เร็วที่สุด ข้อยสิได้แต่งงานกับเจ้าสมดังใจ"
จันทามองชัชวีร์อีกครั้ง จนชัชวีร์เริ่มทนไม่ไหว
"จันทา...เรื่องสำคัญอย่างนี้ อย่ารีบด่วนตัดสินใจ ฉันได้ยินมาเสมอว่า การแต่งงานคือความสุขทั้งชีวิต"
จ่อยง่วนอยู่กับการถอดสร้อยตะวันออกมา
"ข้อยกะมีสร้อยติดตัวมาอยู่เส้นเดียว สร้อยตะวันที่พ่อให้ไว้..."
ชัชวีร์บอก
"จันทามีสร้อยคล้ายๆสร้อยของนายที่เธอเคยจะให้ฉัน...สร้อยพระจันทร์"
"ใช่ค่ะ แม่เฒ่าเรียกสร้อยเส้นนี้ว่า สร้อยพระจันทร์ เหมือนชื่อของจันทา"
ไกสอนกับทับทิมเพิ่งก้าวเข้ามา ไกสอนได้ยินคำว่าสร้อยพระจันทร์ ก็หยุดมองจันทาอย่างแปลกใจสุดๆ
"สร้อยพระจันทร์ ! ขอข้อยเบิ่งหน่อย เร็วเข้า"
จันทาถอดสร้อยพระจันทร์ส่งให้จ่อย ไกสอนปราดเข้ามานำสร้อยตะวันกับสร้อยพระจันทร์ประกบเข้าด้วยกันได้อย่างพอดี
"จันทาเป็นน้องตารเกศของเฮา พ่อ ข้อยบ่ต้องไปฉกสร้อยจากอกแม่หญิงที่ไสแล้ว โธ่เอ๊ย น้องสาวที่ข้อยตามหาอยู่กะเป็นจันทานี่เอง บ่อยากสิเซื่อ ! เฮาแต่งงานกันบ่ได้แล้ว จันทา เฮาเป็นพี่น้องกัน"
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนโล่งใจ ชัชวีร์มองจันทาที่นิ่งอึ้งกับข่าวดีที่มาโดยไม่ทันได้รู้ตัว
อีกมุมของวังจุฑาเทพ จันทาก้มลงกราบเท้าไกสอน เธอดีใจที่ได้เจอพ่อที่แท้จริงเสียที ไกสอนดึงจันทามากอด
"จันทา...พ่อบ่ได้คึดทอดทิ้งเจ้าเลย พ่อกับแม่เจ้าพลัดหลงกันในป่าที่หนองคาย ตอนนั้นเฮาต้องหนีไปให้ไกลที่สุด บ่จังสั้นไอ้เซกองมันสิตามเจอหมู่เฮาได้ กว่าพ่อสิอพยพกลับมาที่หนองคายกะเป็นเวลาหลายปี..."
"บ่เป็นหยังดอกจ๊ะ พ่อไกสอน..เฮื่องมันกะผ่านมานานมากแล้ว จันทาดีใจหลายที่ได้เจอพ่อ ได้เจออ้ายจ่อย"
จ่อยน้ำตาคลอยืนมองพ่อกับน้องสาว ทับทิมมีความรู้สึกปลาบปลื้มไปด้วย
"เจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆของข้อยนี่เอง ข้อยถึงฮู้สึกเอ็นดูเจ้า ตั้งแต่มื้อแรกที่เฮาได้เจอกัน"
"มื้อแรกที่เฮาเจอกัน อ้ายจ่อยกะได้ซ่วยชีวิตข้อยไว้ ข้อยกะทั้งฮักทั้งนับถืออ้ายจ่อยเป็นพี่ซายแท้ๆ"
"เจ้าทั้งสองฮักกันคือพี่ชายน้องสาวกัน แล้วเป็นยังถึงคึดสิแต่งงานกันเล่า" ทับทิมถาม
"เจ้าบ่ฮู้อะหยัง ข้อยอยากมีเจ้าหลวงเป็นน้องเขยน่ะซี้ ข้อยกะนึกว่า วิธีนี้สิช่วยกระตุ้นให้เพิ่นลุกขึ้นเฮ็ดหยังบ้าง"
จันทารีบเปลี่ยนเรื่อง
"พ่อไกสอนตั้งชื่อจันทาว่า ตารเกศใช่บ่ ข้อยขอใช้ชื่อจันทาต่อไปได้บ่ ข้อยอยากเก็บซื่อนี้ไว้เป็นที่ระลึกถึงพ่อเจ้ย"
"ได้ๆ ได้เลย บ่มีปัญหา เจ้าสิมีซื่อว่าอะหยัง เจ้ากะเป็นพระจันทร์ที่ส่องแสงอยู่ในหัวใจของพ่อตลอดมา"
"แล้วข้อยล่ะ ข้อยเป็นพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างให้พ่อใช่บ่"
"เว้าอะหยังบ่ได้เจียมตัวเลย บักจ่อยเอ๊ย มีเจ้าหลวงรังสิมันตุ์พระองค์เดียวที่เป็นพระอาทิตย์ส่องสว่างให้กับชาวเวียงภูคำทุกผู้ทุกคน"
จ่อยมองจันทาที่นิ่งไปเมื่อได้ยินชื่อชัชวีร์
สร้อยฟ้าไล่ดูรูปถ่ายในวังแล้วมาหยุดมองรูปถ่ายของรัชชานนท์ในตอนเด็กและรูปถ่ายรัชชานนท์ในตอนโต หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินเข้ามาหาสร้อยฟ้า หม่อมเอียดพยักหน้าให้น้องสาวกล้าๆเข้าไปหาสร้อยฟ้าหน่อย ย่าอ่อนยืนบิดแล้วบิดอีกแล้วค่อยทำใจกล้า
"เจ้าสร้อยฟ้าเพคะ"
สร้อยฟ้าหันกลับมามอง
"คุณท่าน"
"ฝ่าพระบาทคงไม่มีวันยกโทษให้เกล้ากระหม่อมใช่มั้ยเพคะ ที่ชายเล็กกลับมาคนเดียวก็เป็นเพราะการกระทำของเกล้ากระหม่อม"
"ย่าอ่อนคะ สร้อยไม่มีอะไรที่จะต้องยกโทษให้ ทุกอย่างที่ย่าอ่อนทำลงไปก็เพราะรักและเป็นห่วงคุณชายเล็ก..สร้อยเรียกย่าอ่อนได้ใช่มั้ย ได้ใช่มั้ยคะ หม่อมย่า"
"ได้ซิเพคะ ทำไมจะไม่ได้ เรากลับมาเป็นย่าหลานกันตามเดิมนะ"
หม่อมเอียดขำ
"เรากับเจ้าสร้อยฟ้าไม่เคยเป็นย่าหลานกันเลยนะ แม่อ่อน"
"เราก็เริ่มต้นใหม่ซะตั้งแต่วันนี้ซิคะ คุณพี่ เรื่องที่ผ่านๆมาย่าไม่ดีเอง ถ้าชายเล็กรักใคร ย่าก็ควรจะรักด้วย ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครมาจากไหน ย่าอยากให้เจ้าสร้อยฟ้ากลับมาเป็นสะใภ้จุฑาเทพ จะเป็นการขอที่มากไปมั้ย เพคะ"
"เรื่องนั้นย่าอ่อนคงต้องถามคุณชายเล็กเองค่ะ"
"ชายเล็กหนีเข้าไปป่าไปหลายวันแล้วล่ะ คราวนี้คงไม่มีใครที่จะตามเขากลับมาได้ นอกจากเจ้าสร้อยฟ้าคนเดียว ช่วยคนแก่ด้วยเถอะ หลานช่วยไปตามชายเล็กกลับมาให้ย่าที" หม่อมเอียดบอก
สร้อยฟ้านิ่งคิดยังไม่ยอมรับปาก หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินออกไป จ่อยเดินเข้ามาหาสร้อย
"เจ้าต้องไปตามคุณชายเล็กเด้อ"
"คุณชายเล็กเป็นฝ่ายตัดสินใจไปเอง บ่ใช่ข้อย เป็นหยังข้อยต้องไปง้อง้อนเพิ่นด้วย ข้อยบ่ได้เฮ็ดอะหยังผิด เพิ่นต่างหากที่ต้องไปตามข้อย แต่เพิ่นกะบ่ไป"
"เฮื่องนี้บ่ใช่เป็นความผิดของคุณชาย แต่เป็นความผิดของพ่อข้อยเอง แล้วเจ้าสิเข้าใจว่า เป็นหยังคุณชายถึงต้องตัดสินใจจังซี้"
สร้อยฟ้าหันไปมองจ่อยอย่างไม่เข้าใจ แต่กำลังจะได้รู้เรื่องที่ไกสอนขอร้องรัชชานนท์ไว้
มุมสวยบริเวณเรือนหม่อมเอียด จันทาเดินยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เจอพ่อกับพี่ชาย สร้อยพระจันทร์กับสร้อยตะวัน ประกบติดอยู่ในมือของชัชวีร์ จันทาเงยหน้าขึ้นมองชัชวีร์ที่ยิ้มอย่างง้องอนอยู่
"ดวงตะวันจะต้องคู่กับดวงจันทร์เสมอ"
"แต่ดวงตะวันกับดวงจันทร์ไม่เคยอยู่เคียงกัน ไม่เคยอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันได้ พ่อเจ้ยเคยเล่าเรื่องตำนานพระอาทิตย์กับพระจันทร์ คุณชัช คงรู้ว่า ตำนานเรื่องความรักมักจะจบด้วยความเศร้าเสมอ"
"ไม่..เรื่องของเราจะไม่จบแบบนั้น ฉันจะไม่ยอมให้เธอไปจากฉันอีก"
"แต่คุณชัชยอมให้จันทาแต่งงานกับอ้ายจ่อยได้"
"ฉันไม่คิดว่า จันทาจะตอบตกลงนี่นา จันทา..เธอต้องกลับไปกับฉัน เธอเป็นลูกสาวนายพลไกสอนแล้ว ปัญหาเรื่องที่เราไม่คู่ควรก็ตกไปแล้ว แต่ต่อให้เธอยังเป็นลูกสาวของพรานเจ้ย ความรู้สึกของฉันก็ไม่เปลี่ยนแปลง"
"แต่ถ้าอ้ายจ่อยไม่บังคับให้คุณชัชมาสู่ขอจันทา เราก็คงไม่ได้เจอกัน"
ชัชวีร์ชักเหนื่อยใจ
"ผู้หญิง..มีข้อสงสัยที่ไม่สิ้นสุด ฉันคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ ฉันทุกข์ใจจนบักจ่อยต้องหาทางพาฉันมาที่นี่ ทำไมฉันไม่พยายามมาหาเธอเอง ฉันคิดเองว่า ยังไม่ถึงเวลา เรายิ่งจากกันนานแค่ไหน ก็จะทำให้จันทาได้รู้ว่า เธอรักฉันมากแค่ไหน"
"คุณชัชคิดไปเอง จันทาไม่เคยรัก ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับคุณชัชเลย"
"แล้วทำไมจันทาไม่เรียกฉันว่า เจ้ารังสิมันตุ์ล่ะ เพราะว่าฉันยังคงเป็นคุณชัชของจันทา เพราะว่าเธอยังรักฉัน เหมือนอย่างที่ฉันรักเธอ"
"จันทาอยากกลับบ้านแล้ว คุณชัชพาจันทากลับไปเวียงภูคำด้วยนะคะ"
ชัชวีร์ดึงจันทาเข้ากอด
"ฮักข้อยบ่"
"ข้อยฮักเจ้า...ฮักหลาย...ฮักบ่มีวันเปลี่ยน"
จันทาหมดสิ้นข้อสงสัย ทุกอย่างกำลังจะจบอย่างสวยงาม
กลางวันใหม่ สร้อยฟ้าในชุดรัดกุมสำหรับเดินป่าเธอเดินตามทางในป่า แกะรอยตามหารัชชานนท์อยู่
"เป็นอะหยังต้องหนีมาไกลฮอดหม่องนี้ ! อย่าให้ได้เจอเชียว"
สร้อยฟ้าจ้ำเดินตามหารัชชานนท์ต่อไป
มุมสงบของเวียงภูคำที่ดูบรรยากาศคล้ายๆกับหมู่บ้านวลาหก ที่ดูติดดินเป็นธรรมชาติ พ่อใหญ่กำลังโขกหมากรุกกับไกสอนอย่างสบายใจ แฮรี่เดินเข้ามาหาทั้งสอง
"พ่อใหญ่ มีข่าวเจ้าวีระวงส์หนีไปกบดานอยู่ที่เขตชายแดนไทย ถ้าต้องการจับตัวมาให้ได้ ก็ต้องรีบส่งทหารไปตอนนี้เลย"
ไกสอนบอก
"เจ้าหลวงยังบ่กลับมา พ่อใหญ่..เฮ็ดจังได๋ดี"
"ปล่อยมันไปเถอะ บุญบาปนี้เป็นคู่คือเงา เงานี้ไปตามเฮาทุกมื้อบ่มีเว้น อีกบ่นานเงาบาปกะถึงตัวมันเอง ว่าแต่ท่านไกสอนเถอะ หาคำตอบได้บ่"
"ได้แล้ว พ่อใหญ่ ข้อยบ่กล้าที่สิไปยุ่งกับความฮักของผู้ใดแล้ว"
"อันว่า ความฮัก แม่นบ่มี กะบ่ขาดใจ แต่ถ้าเจอฮักแท้แล้ว กะอย่าปล่อยให้หลุดลอยไป"
พ่อใหญ่ยิ้มมีความสุข ราวรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับสร้อยฟ้า
สร้อยฟ้าตามหารัชชานนท์ตามจุดตามๆในป่า ทั้งบริเวณลำธาร ในถ้ำ เธอปีนต้นไม้ขึ้นอยู่บนยอดที่สูง,แล้วมองไปรอบๆ แต่ยังไม่เห็นวี่แวว เธอกระโดดลงจากต้นไม้ ก้มลงแนบฟังที่พื้นแล้วยินเสียงฝีเท้าคน
สร้อยฟ้าเดินตามไปทางเสียงที่ได้ยิน ได้ยินชัตเตอร์ดังขึ้นกลางป่าเงียบ เธอแน่ใจว่าเป็นรัชชานนท์ แต่เมื่อพุ่งพรวดตรงเข้าไปกลับเจอความว่างเปล่า
รัชชานนท์เดินมาหยุดด้านหลังแล้วอดใจไม่ได้เดินเข้าไปจะกอดสร้อยจากด้านหลัง แต่ถูกสร้อยฟ้าถองศอกเข้าให้ รัชชานนท์เจ็บจนจุกตัวงอไป
"โอ๊ย อ๊าก"
"ข้อยมาตามโตเจ้ากลับไป หม่อมย่ากับย่าอ่อนเป็นห่วงเจ้าหลาย โตเป็น
ควายเถิกแล้วยังเฮ็ดโตเป็นเด็ก มีปัญหาอะหยังกะมาคุยกัน มาช่วยกัน แก้ไขกัน บ่ใช่หนีกันมาจังซี้"
"เรื่องของเรา เราจะแก้ไขกันยังไง เธอกลายเป็นเจ้าหญิงสร้อยฟ้าไปแล้ว"
"แล้วมีไผเคยบอกเจ้าว่า เจ้าอยู่กับข้อยบ่ได้ พ่อใหญ่กับพี่ชัช พวกเพิ่นคึดกับเจ้าคือคนในครอบครัวเดียวกัน แค่คำเว้าของลุงไกสอนผู้เดียวกะเฮ็ดให้เจ้าตัดใจได้ กะดี ข้อยสิได้ฮู้ว่า เจ้าเป็นคนใจรวนเร กลับไปเจอกันที่กรุงเทพฯ ข้อยสิไปหย่าให้เจ้า !"
สร้อยฟ้าเดินออกอย่าโมโห ยิ่งพูดยิ่งโมโห รัชชานนท์เข้าไปดึงสร้อยฟ้า
"ฉันไม่เคยคิดจะหย่า"
"บ่คึดหย่า แล้วคืนแหวนแต่งงานฮ็ดหยัง"
สร้อยฟ้าแทบเอาแหวนแต่งงานกระแทกใส่หน้ารัชชานนท์ รัชชานนท์รีบดึงแหวนกลับคืนไป
"เอาคืนมา ! เจ้าบอกเลิกข้อยแล้ว แหวนวงนั้นบ่ได้เป็นของเจ้าแล้ว"
รัชชานนท์เดินหนีไป ไม่ยอมให้แหวนคืนง่ายๆ สร้อยฟ้าวิ่งตามไปแล้วพบว่ารัชชานนท์หายไปแล้ว
สร้อยฟ้าแกะรอยเท้าของรัชชานนท์จนมาเจอที่ตั้งของเต็นท์ใหญ่สีขาวที่ตั้งอยู่กลางป่าแห่งนี้ กล้วยไม้ป่าถูกโยนจากที่สูงใส่ตัวสร้อย สร้อยตะครุบรับได้ทัน สร้อยมองไปที่ต้นไม้ คราวนี้ถูกรัชชานนท์โยนของใส่หัวเข้าบ้าง เขากระโดดลงจากต้นไม้ เดินไปหาสร้อยฟ้า
สร้อยฟ้าโยนกล้วยไม้คืนให้รัชชานนท์
"ฉันรู้ว่า ตอนนี้เธอรู้สึกยังไง"
"เจ้าบ่ฮู้ดอก บอกฮักกันแล้ว ไปเสี่ยงตายด้วยกันแล้ว แต่กลับมาทิ้งกันไปง่ายๆ ถ้าบ่คึดจริงจังกับข้อย กะอย่ามาบอกฮักกัน หรือว่าเจ้าบอกฮักผู้หญิงจนคล่องปาก ถึงได้เว้าว่าฮักได้ง่ายนัก"
"ฉันไม่เคยบอกรักใคร นอกจากเธอคนเดียว สร้อยฟ้า ที่ฉันต้องไปจากเธอ เพราะว่าฉันรักเธอ ฉันถึงดึงเธอจากฟ้าไม่ได้"
"เจ้ากับข้อยกะเป็นคนเดินดินคือกัน ข้อยเป็นเจ้าหญิงเวียงภูคำ กะแค่ได้อยู่วัง แต่กะเฮ็ดงานหนักโพด บ่ได้ต่างกับคุณชายอย่างเจ้าเลย"
"ฉันขอโทษ...ขอโทษที่หุนหันทำอะไรไปโดยไม่ยั้งคิด ฉันยังมีโอกาสแก้ตัวใช่มั้ย สร้อยฟ้า"
สร้อยฟ้านิ่งเงียบไม่ตอบ
"ไหนบอกว่า มีปัญหาอะไร เราก็ต้องมาคุยกัน มาหาทางแก้ไขกัน เรามาเริ่มต้นกันใหม่ จำได้มั้ยว่า ฉันเป็นคนที่เรียกเธอว่าสร้อยฟ้า ฉันรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงพิเศษไม่เหมือนใคร"
สร้อยฟ้าก็ยังนิ่งเงียบต่อ
"ยังฝันร้ายอยู่อีกหรือเปล่า"
สร้อยแอบยิ้มที่รัชชานนท์ยังจำได้ แต่ก็รีบหุบยิ้มทำหน้าเฉยใส่
"บ่ !"
"เป็นเจ้าหญิงนี่ ยังปีนต้นไม้ ยิงนกตกปลา กระโดดน้ำตก เตะต่อย กระโดดถีบคนอื่นได้หรือเปล่า"
สร้อยฟ้าหันขวับกลับมาจ้องรัชชานนท์ทันที
"ได้ซี้ ! ข้อยเฮ็ดทุกอย่างได้ตามที่ข้อยต้องการ บ่มีอะหยังเปลี่ยน"
"รวมทั้งเรื่องเราสองคนด้วยใช่มั้ย ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงด้วย"
"แต่ว่าเจ้าทิ้งแหวนแต่งงานไปแล้ว"
สร้อยฟ้าชะงัก เมื่อรัชชานนท์ดึงเชือกสีขาวที่คล้องแหวนแต่งงานของเขาอยู่สูงจากต้นไม้ใหญ่
"ฉันเป็นคนทิ้งแหวนแต่งงานไป ฉันก็ต้องเป็นคนเอาแหวนนี้กลับคืนมาเอง ฉันต้องทำตามประเพณีของเวียงภูคำ"
รัชชานนท์ดึงเชือกทำให้แหวนเลื่อนตามเชือกหล่นลงใส่มือตัวเอง
รัชชานนท์ส่งแหวนให้กับสร้อยฟ้าด้วยสายตาอ้อนวอน สร้อยฟ้ารับแหวนมาแล้วชั่งใจ สร้อยฟ้ายอมคืนดีสวมแหวนแต่งงานให้กับรัชชานนท์ เขาดึงเธอเข้ามากอดอย่างดีใจเหมือนได้ของรักกลับคืนมา แล้วปล่อยมือออก เขารีบถอดสร้อยหยกมาสวมให้กับสร้อยฟ้า
สร้อยมองสร้อยหยกอย่างจำความหมายของสร้อยเส้นนี้ได้
"หม่อมแม่ให้สร้อยหยกนี้กับฉันไว้ เพื่อมอบกับลูกสะใภ้ของท่าน นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า มีเธอคนเดียว สร้อยฟ้า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรัก"
"ขอบคุณค่ะ คุณชาย"
"เหมือนเดิม..ไม่ยอมตอบรักฉันซักที ไม่เป็นไร ไม่ต้องตอบรัก เราแต่งงานกันแล้วนี่ แต่งกันมาตั้งนานแล้วด้วย เราน่าจะเข้าหอกันได้ซักที"
รัชชานนท์ฉวยโอกาสที่สร้อยฟ้าเผลอ คว้าตัวขึ้นอุ้มทันที
"คุณชาย! กะได้ ข้อยสิตอบเจ้า ข้อยตอบเจ้าแล้ว บ่ต้องเข้าหอเน้อ"
"สายไปเสียแล้ว ข้อยฮู้คำตอบแล้ว ใช้แต่ตาสิมองเห็นอะหยังกั๋น เฮาต้องใช้หัวใจมองหา เฮาเถิงหาคนที่เฮาฮักเจอ"
รัชชานนท์อุ้มสร้อยฟ้าเข้าไปในเต็นท์ เงาสองคนภายในเต็นท์เห็นสร้อยหลุดจากอ้อมกอดรัชชานนท์ได้ แล้วต่อยถีบไม่ให้รัชชานท์เข้าใกล้ เสียงเนื้อโดนฟาดถีบดัง เพี๊ยะๆ ตุ๊บตั๊บๆ สลับกับเสียงโอดโอยร้องโอ๊ยของรัชชานนท์
สร้อยฟ้าเสียงเข้มอย่างมีชัยชนะ
"ฮัก! ข้อยฮักเจ้าหลายเด้อ!!"
ในสีหน้าชื่นมื่นเปี่ยมสุขของ ม.ร.ว. รัชชานนท์ จุฑาเทพ และ เจ้าหญิงสร้อยฟ้า มีเสียงตบตีทุบถอง เพี๊ยะๆ ตุ๊บตั๊บๆ ดังตามมาเป็นระยะ
อวสานแล้วเด้อ
โปรดติดตาม "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์" เร็วๆ นี้