xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุทาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 11

ชัชวีร์เองก็ไม่ต่างจากสองคน ยังคงสับสนหนัก และพยายามรวบรวมสติอยู่

“ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้ ผม ผมจะเป็นเจ้ารัชทายาทแห่งเวียงภูคำได้ยังไง... ไม่จริง ผมไม่อยากเชื่อ”
“เพราะอย่างนี้พ่อถึงบอกลูกไม่ได้ว่า แม่ของลูกเป็นใคร เพื่อความปลอดภัยของลูกเอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายพลเซกองไม่เคยหยุดตามไล่ล่าเจ้ารัชทายาทเลย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้”
อนุพันธ์ถอยหลังมาหนึ่งก้าว แล้วโค้งถวายคำนับอย่างถูกต้องตามประเพณี
“ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบ...”

รัชชานนท์โค้งคำนับตาม สร้อยเงอะเงะไม่รู้จะทำยังไงทรุดตัวแล้วก้มลงกราบที่พื้น
ชัชวีร์รีบดึงสร้อยขึ้นมายืน ชัชวีร์ยังตั้งรับความจริงไม่ทัน!!
“เดี๋ยวก่อน ! ทุกคนหยุดก่อน ไม่ใช่ตอนนี้ ผมขอเวลา...”
“ฝ่าพระบาท ไม่มีเวลาแล้ว...ฝ่าพระบาทจะต้องเสด็จกลับไปเวียงภูคำเพื่อกอบกู้บ้านเมืองกลับคืนมา หลังจากนั้นจะได้อัญเชิญพระศพเจ้านางส่องดาวกลับไปยังแผ่นดินที่พระองค์รัก...”
ชัชวีร์แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ขณะที่สร้อยดีใจจนร้องไห้ที่ตามเจ้ารัชทายาทเจอแล้ว

รถของอนุพันธ์แล่นออกไป เพื่อชัชวีร์ไปที่สุสานเจ้าส่องดาว รัชชานนท์กับสร้อยยืนมองตาม ทั้งสองต่างนึกไม่ถึงว่าชัชวีร์จะเป็นเจ้ารังสิมันตุ์ไปได้ สร้อยยืนเช็ดน้ำตาอย่างดีใจจนแทบพูดไม่ออก
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่า นายชัชจะกลายเป็นเจ้ารังสิมันตุ์ไปได้ คนที่เราคิดว่า คงต้องอยู่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว กลับอยู่ใกล้กับเราแค่นี้เอง”
สร้อยพร่ำพูดซ้ำๆอย่างดีใจ
“เฮาเจอแล้ว เฮาเจอเจ้ารัชทายาทแล้วๆ”
“ใช่ เราเจอเจ้ารัชทายาทแล้ว ฉะนั้นต่อไปนี้ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของเจ้ารัชทายาทองค์เดียว”
“เป็นหยังกลายเป็นจังซี้ไปได้ คุณชายรับปากข้อยไว้แล้วว่า ถ้าเฮาตามหาเจ้ารัชทายาทเจอ กะสิพาเพิ่นไปหาพ่อใหญ่ด้วยกัน”
“ตอนนี้คนที่มีอำนาจสูงสุดคือ เจ้ารังสิมันตุ์ไม่ใช่พ่อใหญ่แล้ว”
“แต่คุณชัชบ่เคยเป็น ผู้นำคือพ่อใหญ่ บ่ฮู้เฮื่องแผนการกอบกู้แผ่นดินแม้ซักนิดเดียว แล้วเฮาสิรอให้คุณชัชสั่งการได้จังได๋”
“ฉันเชื่อว่า นายชัชทำได้ อย่าลืมสิว่า เขาเป็นนายทหารอากาศที่ผ่านการรบมาแล้ว แล้วเรายังมีนายทหารใหญ่อย่างคุณลุงอนุพันธ์หนุนหลังอีก นายชัช เอ๊ย เจ้ารังสิมันตุ์องค์นี้จะต้องเป็นผู้นำบัลลังก์กลับคืนมาให้เจ้าหลวงได้อย่างแน่นอน..แต่เราก็ยังไม่รู้แน่ว่า นายชัชจะยอมรับตำแหน่งเจ้ารัชทายาทหรือเปล่า”
“นั่นน่ะซิ ภาระหน้าที่ของข้อยที่ต้องตามเจ้ารัชทายาทกลับไปเวียงภูคำว่า ยากหลายแล้ว หน้าที่ของเจ้ารัชทายาทที่ต้องกอบกู้บ้านเมืองยิ่งยากลำบากทวีคูณ แต่บ่ว่า เพิ่นสิตัดสินใจจังได๋ ข้อยกะยอมรับได้”
รัชชานนท์มองสร้อยอย่างเห็นใจ ที่เห็นว่าหนทางกอบกู้เวียงภูคำยังอีกยาวไกล

อนุพันธ์เดินนำหน้ามา ชัชวีร์เดินตามมาด้วยความรู้สึกสับสนอยู่ หลังรับรู้เรื่องชาติกำเนิดของตัวเองที่สุดจะยอมรับได้ในเวลาอันสั้น ทั้งสองหยุดอยู่ที่หน้าหลุมฝังศพของเจ้าส่องดาว
“นี่คือหลุมพระศพของเจ้านางส่องดาว”
ชัชวีร์จับจ้องที่หลุมฝังศพของแม่ นิ่งอึ้งไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“แม่...แม่ของผม ผมไม่คิดเลยว่า แม่ของผมจะเป็นถึงเจ้านางแห่งเวียงภูคำ ที่ผ่านมาผมนึกถึงภาพแม่เป็นเพียงสาวชาวบ้านธรรมดา ผมเคยคิดดูหมิ่นดูแคลนแม่ ผมนี่มันโง่เขลาไร้ความสำนึก”
“เป็นความผิดของเกล้ากระหม่อมเพียงคนเดียว ที่ปิดบังความจริงมาตลอด..ตอนนี้ฝ่าพระบาทก็ทรงรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ทั้งเรื่องชาติกำเนิดที่สูงส่ง และแม่ที่ฝ่าพระบาทถามถึงตลอดชีวิต”
อนุพันธ์หันไปมองหลุมศพของเจ้าส่องดาวอย่างระลึกถึงความหลัง
“แม่ที่รักลูกมากกว่าชีวิตตัวเอง เจ้านางทรงทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิตของฝ่าพระบาทไว้ แม้เมื่อถึงลมหายใจสุดท้าย พระราชดำรัสของพระองค์ก็คือพระนามของฝ่าพระบาท...เจ้ารังสิมันต์”
“คุณพ่อ! เลิกพูดกับผมอย่างนี้ซักที ยังไงผมก็เปลี่ยนไปเป็นเจ้ารังสิมันต์ในเวลาชั่วข้ามวันไม่ได้หรอกครับ”
“เรารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เจ้านางส่องดาวเสียสละพระชนม์ชีพเพื่อเจ้ารัชทายาท เพราะทรงรู้ว่า ความหวังของชาวเวียงภูคำอยู่ที่ฝ่าพระบาทเพียงองค์เดียว ที่จะนำแผ่นดินเวียงภูคำกลับมาสงบสุขเช่นเดิม นี่คือภาระและหน้าที่ของเจ้ารัชทายาทที่ไม่สามารถที่จะหลบเลี่ยงได้ แต่ถ้าฝ่าพระบาทจะไม่ทรงรับตำแหน่งผู้นำในครั้งนี้ ก็ไม่มีใครที่จะบังคับพระทัยฝ่าพระบาทได้”
ชัชวีร์นิ่งงันกับภาระที่หนักอึ้ง เขามองไปที่หลุมฝังศพของแม่อยู่นาน ชัชวีร์มองแหวนเจ้ารัชทายาทในมือของอนุพันธ์ และตัดสินใจยื่นมือไปรับแหวน
อนุพันธ์จะคุกเข่าถวายพระธำมรงค์ให้ ชัชวีร์ตัดสินใจรับแหวนเจ้ารัชทายาทขึ้นมาสวม

เป็นการบอกถึงการตัดสินใจว่า ยอมรับในการที่จะเป็นเจ้ารัชทายาทอย่างเต็มใจ!

ด้านดารณีนุชเพิ่งกลับจากข้างนอก เดินเข้ามาเห็นศินีนุชนั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว
ดารณีนุชมองเห็นถุงเสื้อผ้าหลายถุงกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะและที่พื้น

"นี่ลูกไม่ไปวังจุฑาเทพอีกแล้วเหรอ แม่บอกแล้วว่า เบื่อยังไงก็ต้องไปให้คุณชายเล็กเห็นหน้าทุกวัน นี่อะไรกัน ออกไปซื้อของแทนเสียนี่ แล้วทำไมทิ้งข้าวของกระจัดกระจายอย่างนี้"
ดารณีนุชหยิบถุงเสื้อผ้าที่หล่นที่พื้นขึ้นมา ศินีนุชปราดเข้ามาดึงถุงเสื้อผ้าโยนลงไปบนโต๊ะ
"ทิ้งไว้อย่างนั้นเถอะค่ะ คุณแม่ เดี๋ยวให้นังจวงมาเก็บ คุณแม่ทราบมั้ยคะว่า เกิดอะไรขึ้น วันนี้พี่ชายเล็กมาที่บ้านของเรา"
ดารณีนุชหลงดีใจ
"นี่คุณชายเล็กคงตาสว่างแล้วล่ะซิ ถึงได้มาตามง้องอนลูกถึงบ้านเนี่ย คงรู้แล้วว่ามีเพชรอยู่ในมือ ไม่ควรจะไปคว้าก้อนกรวดมาประดับหัวแหวน"
"คุณแม่คะ พี่ชายเล็กมาหาลูกซะเมื่อไหร่ล่ะคะ เด็กในบ้านบอกว่า พี่ชายเล็กมาหาคุณพ่อ แล้วก็พานังสร้อยฟ้ามาด้วย นี่พี่ชายเล็กไม่ยอมแต่งงานกับนุชแน่ๆ ถึงได้พานังเมียบ้านป่ามายืนยันกับคุณพ่อ"
"ใจเย็นๆ นะ ลูกนุช เรายังไม่รู้แน่ว่า คุณชายเล็กมาที่นี่ทำไม"
"พี่ชายเล็กพานังเมียบ้านป่ามาบ้านเราก็เท่ากับหยามน้ำหน้ากัน ! ถึงพี่ชายเล็กจะคู่ควรกับนุชแค่ไหน นุชก็ไม่ขอทนอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ"
ดารณีนุชนิ่งคิด
"อดทนต่อไปอีกซักหน่อยนะ ลูกนุช แม่จะทำให้ทุกคนเห็นเองว่า ผู้หญิงต่ำๆ อย่างแม่สร้อยฟ้า อย่าว่าแต่เป็นเมียน้อยเมียเก็บของคุณชายเล็กเลย ให้เป็นคนรับใช้ที่วังจุฑาเทพ ก็ยังไม่คู่ควร"
ดารณีนุชนิ่งคิดแผนที่จะจัดงานเลี้ยงเพื่อฉีกหน้าสร้อยให้อับอาย

หน้าเรือนคนใช้ จ่อยยืนรออยู่อย่างกระสับกระส่าย รัชชานนท์กับสร้อยเดินเถียงกันมาตลอดทาง
"คุณชายว่า คุณชัชสิยอมรับเป็นเจ้ารัชทายาทบ่ ถ้าหากเพิ่นยังตัดสินใจบ่ได้ ข้อยกะบ่มีเวลารอแล้ว ข้อยกับบักจ่อยสิฟ่าวกลับไปหาพ่อใหญ่ก่อน"
"เธอกับบักจ่อยรออยู่ที่นี่แหละ ฉันจะหาทางติดต่อกับพ่อใหญ่ให้เอง"
จ่อยปราดเข้าไปหารัชชานนท์กับสร้อยอย่างร้อนรน
"เจอคุณชายอนุพันธ์บ่ แล้วเพิ่นฮู้อะหยังเกี่ยวกับเจ้ารัชทายาทบ้าง นี่บ่ได้เฮื่องกลับมาอีกแล้วล่ะสิ จังซี้ต้องให้ข้อยช่วยอีกแรง บ่จังสั้นชาตินี้บ่มีวันหาเจ้าชายเจอดอก"
"เราตามหาเจ้ารังสิมันตุ์เจอแล้ว" รัชชานนท์บอก
ชัชวีร์เดินมาที่กลุ่มของรัชชานนท์
"อย่ามาโม้หน่อยเลย เป็นหยังสิตามหาเจอง่ายปานนั้น ได้มาแค่เบาะแสว่าเพิ่นอยู่ที่ไสแม่นบ่ นี่คงต้องตามหาต่อไปอีกเป็นเดือนเป็นปี"
"เฮาเจอตัวเจ้ารังสิมันตุ์แล้วอีหลี ถ้าเจ้าบ่เชื่อกะหันไปเบิ่งข้างหลังเจ้า"
จ่อยเห็นสร้อยหน้าตาจริงจังก็ต้องชะงักแล้วค่อยๆ หันไปดู เห็นชัชวีร์ที่ยืนนิ่งขรึมกว่าปกติ
"ป๊าดโธ่ ! อีสร้อย เจ้ารังสิมันตุ์ที่ไส นี่มันบักคุณชัช"
"เจ้าเบิ่งให้ดีๆ บักจ่อย นี่คือเจ้ารังสิมันตุ์ เจ้ารัชทายาทของเฮา"
จ่อยจ้องมองชัชวีร์อย่างงงงวย มองขึ้นๆลงๆแล้วมาหยุดที่แหวนเจ้ารัชทายาทที่ชัชวีร์ใส่อยู่
"เจ้า...เจ้ารัชทายาท ! เป็นไปได้จังได๋"
จ่อยเข่าอ่อนเลยทีเดียวเมื่อแน่ใจว่า ชัชวีร์กลายเป็นเจ้ารังสิมันตุ์ไปแล้วจริงๆ

ทางเดินแถวเรือนคนใช้ รัชชานนท์กับชัชวีร์เดินคุยกันมา สร้อยกับจ่อยเดินตามหลังมาอย่างเกรงๆกลัวๆ
"แล้วนี่คุณลุงอนุพันธ์ว่ายังไงบ้าง ท่านยอมให้ฝ่าพระบาทไปเป็นผู้นำกองกำลังกู้ชาติของเวียงภูคำหรือเปล่า"
ชัชวีร์รีบขัด
"พี่ชายเล็กครับ ตอนนี้ผมยังเป็นนายชัชอยู่นะครับ"
ชัชวีร์ตัดสินใจถอดแหวนเจ้ารัชทายาทออกไปก่อน
"ตราบใดที่ผมยังไม่ได้กอบกู้แผ่นดินเวียงภูคำกลับคืนมา ผมก็ยังเป็นนายชัชวีร์คนเดิมอยู่ เธอสองคนด้วยนะ ขอให้ทำตัวเหมือนเดิม แล้วก็ขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ คนยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี"
สร้อยดีใจสุดๆ
"นี่แสดงว่าคุณชัชยอมรับที่จะเป็นเจ้ารัชทายาทแล้ว ! เฮาเฮ็ดงานตามที่พ่อใหญ่สั่งสำเร็จแล้ว บักจ่อย เฮาได้เจ้ารัชทายาทมาเป็นผู้นำกองกำลังจังซี้ เฮาสิต้องโค่นไอ้เซกองได้อีหลี ! ก่อนไปฮอดเวียงภูคำ เฮาต้องสอนคุณชัชเว้าภาษาเวียงก่อน ดีบ่ บักจ่อย"
สร้อยกระทุ้งศอกใส่จ่อยอย่างหยอกล้อดีใจ แต่จ่อยยังยืนเฉยและหน้าซีดเผือดอยู่
"บักจ่อย! เป็นหยังยืนขาสั่นหน้าซีดจังซี้ บ่ซำบายบ่"
จ่อยทรุดฮวบลงคุกเข่ากับพื้น ยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วลงกราบที่เท้าชัชวีร์ประหลกๆ
"ฝ่า..ฝ่าพระบาท..เออ..คุณชัช..ยกโทษให้ข้อยด้วยเด้อ ข้อยผิดไปแล้วๆ"
ชัชวีร์รีบดึงตัวจ่อยให้ลุกขึ้นมา
"เฮ้ย ! นี่มันเรื่องอะไรกัน บักจ่อยทำอะไรผิด ทำไมต้องให้ฉันยกโทษให้"
จ่อยปากคอสั่น
"กะ...กะ...ที่ข้อยต่อยปากคุณชัชเมื่อมื้อก่อนโน้นจังได๋เล่า"
"เป็นความผิดของนายซะที่ไหน นายทำถูกแล้วที่ปกป้องศักดิ์ศรีให้กับจันทา ฉันไม่ถือโทษโกรธนาย ฉันนับถือในความเป็นลูกผู้ชายของนายด้วยซ้ำ"
"ขอบคุณหลายๆ เด้อ ! คุณชัชมีเมตตาสมกับเป็นเจ้ารัชทายาทอีหลี ตั้งแต่ฮู้จักกันมื้อแฮก ข้อยกะคึดไว้แล้ว คุณชัชต้องบ่ใช่คนธรรมดา"
จ่อยหน้าบานดีใจหายจ๋อยเป็นปลิดทิ้ง กลับไปยืนกับสร้อยพลางกระทุ้งศอกใส่
"ได้ยินบ่ เจ้ารัชทายาทบอกว่านับถือข้อยโว้ย อีสร้อย"
จันทาเร่งรีบเดินเข้ามาหา
"กลับมากันแล้วหรือคะ"
ทุกคนหันไปมองชัชวีร์ เขาส่ายหน้าให้ทุกคนรับรู้ว่า ไม่ให้จันทารู้เรื่องเจ้ารัชทายาท

จันทามองทุกคนด้วยหน้าตาเหรอหราไม่เข้าใจ

ชัชวีร์ดึงจันทาออกมาเดินด้วยกันสองคน

"มีอะไรหรือคะ คุณชัช ทำไมไม่มีใครยอมบอกอะไรจันทาเลย แล้วนี่ คุณชัชรู้เรื่องแหวนเจ้ารัชทายาทแล้วใช่มั้ยคะ"
"ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เราไม่ต้องไปตามหาเจ้ารัชทายาทที่ไหนอีกต่อไป ฉันจะเป็นคนพาสร้อยฟ้ากับจ่อยกลับไปสมทบกับกลุ่มกองกำลังของพ่อใหญ่เอง"
จันทายิ่งไม่เข้าใจ
"ทำไมล่ะคะ"
"ตอนนี้ฉันเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว อย่าลืมซิว่า ฉันเป็นทหาร ถ้าเราต้องบุกเข้าเวียงภูคำ จะมีใครเหมาะที่จะเป็นผู้นำกองกำลังเท่าฉันอีก"
"แล้วทำไมคุณชัชต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงชีวิตอย่างนั้น คุณชัชไม่ใช่ชาวเวียงภูคำเสียหน่อย มีเหตุผลอะไรอื่นอีกหรือเปล่าคะ"
"ตอนนี้จันทารู้เรื่องแค่นี้ก็พอ แล้วเมื่อไหร่ที่ทุกอย่างคลี่คลายลง ฉันจะบอกกับจันทาเองว่า ทำไมฉันถึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้นำในครั้งนี้ จันทา..."
ชัชวีร์รวบมือทั้งสองของจันทาขึ้นมากุมไว้
"ขอให้มั่นใจในตัวฉัน ไม่ว่าต่อไปในวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็จะไม่มีวันทำให้ฉันเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นได้ นอกจากเป็นคุณชัชของจันทา"
ชัชวีร์จับมือจันทาอย่างให้คำมั่นสัญญาหนักแน่น แต่กลับทำให้จันทาหวาดหวั่นว่าต้องมีเรื่องที่เธอยังไม่รู้แอบซ่อนไว้อยู่

เช้าวันใหม่ ที่วังจุฑาเทพ สร้อยเดินมุ่งมาที่สมบุญกับคนงาน 2 คนที่กำลังช่วยกันประดับไฟที่ต้นไม้อยู่ จ่อยบอก
"เจ้าบ่ไปเฮียนงานในครัว ประเดี๋ยวคุณท่านชาววังกะได้ดุเอาอีกดอกอีสร้อย"
"ดุกะดุไป อีกบ่โดนเฮากะสิไปจากที่นี่แล้ว เฮ็ดงานกับเจ้าดีกว่าไปนั่งแกะสลักฮ้อยมาลัยเป็นชั่วโมงๆ นั่งจนปวดดากไปเหมิด"
"เจ้าบ่เฮ็ดตามที่ตกลงกับคุณชายไว้ จังซี้ยายชะนีนุชกะต้องได้เป็นสะใภ้วังนี้แทนเจ้าอีหลี เจ้าลืมคึดถึงเฮื่องนี้ไปแล้วแม่นบ่"
สร้อยชะงักไปนิด
"ช่างเถอะ...จังได๋ข้อยกะอยู่ช่วยคุณชายตลอดไปบ่ได้ ตอนนี้ ข้อยคึดถึงแต่เฮื่องของเวียงภูคำ บ่มีเวลาคึดเฮื่องของคนอื่น"
"แต่คุณชายเล็กบ่ใช่คนอื่นสำหรับเจ้า"
สมบุญตะโกนโวยกับคนงานอย่างแสดงอำนาจ
"จะคุยกันอีกนานมั้ย ยังมีงานต้องทำอีกเยอะแยะ มีใครไปยกโต๊ะเก้าอี้เข้ามาหรือยังวะ หา"
" ยกมาแล้ว จะให้ตั้งตรงไหนล่ะ"
ทุกคนหันไปมองเห็นชัชวีร์พาคนงาน 2-3 คนยกโต๊ะเก้าอี้ตามหลังมา สมบุญรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
"คุณชัช ! คุมคนงานมาเองเหรอครับ เดี๋ยวผมรับช่วงต่อเองครับ ตามมาทางนี้มา.. ไอ้จ่อย เดี๋ยวเอ็งตามมาช่วยงานด้วยล่ะ"
สมบุญเดินนำคนงาน 2-3 คนยกโต๊ะเก้าอี้ตามไป สร้อยกับจ่อยมองตามกลุ่มสมบุญที่เดินไปแล้วหันกลับมามองชัชวีร์อย่างสงสัย
"ไม่ต้องสงสัยไปหรอก ฉันมีหน้าที่เหมือนหัวหน้าคนงานที่วังกิตติวงศ์อยู่แล้ว คุณหญิงดารณีนุชมาจัดงานที่นี่ ฉันก็ต้องมาช่วยตามหน้าที่"
"คุณหญิงท่านจะมาจัดงานอะไรที่วังจุฑาเทพนี่หรือคะ"
"งานเลี้ยงต้อนรับคณะฑูตจากเวียงภูคำ"
สร้อยกับจ่อยอึ้งไปในทันที ชัชวีร์ก็กำลังคิดหนักไม่แพ้กัน

ที่เรือนหม่อม ดารณีนุชกับศินีนุชก้มลงไหว้หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอย่างอ่อนน้อม
"ดิฉันต้องขอบพระคุณหม่อมป้าเป็นอย่างสูงนะคะ ที่อนุญาตให้ใช้วังจุฑาเทพจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้"
"ถ้าหากเป็นงานเพื่อชาติบ้านเมือง ทางวังจุฑาเทพยินดีช่วยเสมอ แต่งานสำคัญระดับนี้ทำไมถึงจัดขึ้นอย่างฉุกละหุกนักล่ะ ฉันกลัวว่า เราจะเตรียมงานกันไม่ทันน่ะซิ" หม่อมเอียดบอกย่าอ่อนเสนอหน้าทันที
"ฉุกละหุกอะไรกันคะ คุณพี่ ทางเราก็จัดงานออกบ่อยไป เรามีเวลาตั้งวันสองวัน โอ๊ย เหลือเฝือค่ะ"
"หม่อมย่าจะห่วงอะไรคะ เรามีพี่ชัชอยู่ทั้งคน คุณแม่เคยสั่งให้พี่ชัชจัดงานเลี้ยงใหญ่ๆ ไม่รู้กี่งานต่อกี่งานแล้วล่ะค่ะ พี่ชัชไม่กล้าทำอะไรผิดพลาดหรอกค่ะ ไม่งั้นคุณแม่เล่นงานตายแน่"
ดารณีนุชแทบอยากจะแอบหยิกให้ศินีนุชเลิกเจื้อยแจ้ว
"ไม่ถึงกับเล่นงานหรอกค่ะ ก็เคยมีว่ากล่าวตักเตือนกันบ้าง ตาชัชเป็นคนขยันแล้วก็มีน้ำใจ ที่เห็นวิ่งวุ่นทำโน้นทำนี่ ก็อาสาทำเองทั้งนั้น ลูกชายคนโปรดของคุณพ่อเขา ดิฉันไม่กล้าไปชี้นิ้วสั่งงานหรอกค่ะ หม่อมป้า"
"ที่จริงวังกิตติวงศ์ก็ใหญ่โตกว้างขวางไม่แพ้ที่นี่ ถ้าเคยจัดงานเลี้ยงใหญ่ๆ เป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าหากไปจัดงานที่โน่น อาจจะสะดวกกว่า ที่พูดนี่ก็เพราะเป็นห่วงคุณหญิงหรอกนะ"
"แต่ชื่อเสียงของวังกิตติวงศ์เทียบไม่ได้เลยกับวังจุฑาเทพ เราจัดงานที่นี่จะเป็นการดีกว่าค่ะ แล้วหม่อมป้าคอยดูนะคะ หลังจากงานเลี้ยงสำคัญครั้งนี้จบลง วังจุฑาเทพจะเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางกว่าเดิม"
ดารณีนุชกับศินีนุชหันไปยิ้มให้กันอย่างเข้าใจกันสองคน

มั่นใจว่าทุกคนในงานจะได้เห็น สะใภ้จุฑาเทพเป็นสาวบ้านป่าที่จะทำให้คนวังจุฑาเทพได้อับอาย

ภายในห้องโต้โดมของห้าสิงห์ ที่วังจุฑาเทพ รัชชานนท์นิ่งคิดหนักเรื่องที่ดารณีนุชจะมาจัดงานเลี้ยงที่วังจุฑาเทพ

"คุณป้าหญิงกำลังคิดทำอะไรอยู่ ถึงได้จงใจที่จะมาจัดงานเลี้ยงที่นี่ แล้วก็ไม่ใช่งานเลี้ยงธรรมดา"
ธราธรนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานอยู่ คิดพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด
"แต่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับคณะฑูตจากเวียงภูคำ.. เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับสร้อยฟ้าแน่ๆ ฉันว่าคงเป็นแผนตื้นๆที่ต้องการจะฉีกหน้าสร้อยฟ้าล่ะมั้ง"
พุฒิภัทรกับรณพีร์ร่วมวงประชุมอยู่ด้วย
"แต่ก็ไม่น่าที่จะต้องเป็นห่วงนี่ครับ หม่อมย่ายังไม่ยอมรับสร้อยฟ้าเป็นหลานสะใภ้ แล้วงานใหญ่อย่างนี้ท่านไม่มีวันปล่อยให้สร้อยฟ้าออกงานแน่นอน" พุฒิภัทรบอก
"ตอนนี้อยู่ที่พี่ชายเล็กแล้วล่ะครับว่า จะคุมสร้อยฟ้าอยู่หรือเปล่า ผมว่านะ แค่ได้ยินคำว่า เวียงภูคำ สร้อยฟ้าคงวิ่งรี่เข้าไปในงานแน่ๆ สงสัยงานนี้คงต้องให้นายชัชช่วยจัดการให้"
รัชชานนท์เสียงขุ่นมัว
"ทำไมต้องเป็นนายชัช ฉันคุมคนของฉันเอง ไม่ต้องเป็นห่วง"
"คุณป้าหญิงนี่คิดแผนอะไรไม่เข้าท่าเลย ใช้วังจุฑาเทพจัดงานครั้งนี้ เท่ากับประกาศว่า ทางฝ่ายเราสนับสนุนรัฐบาลทหารของนายพลเซกอง"
"เรื่องนี้ผมจะช่วยจัดการให้เองครับ พี่ชายใหญ่"
ทุกคนหันไปมองตามเสียงเห็นปวรรุจยืนยิ้มอยู่
"ชายรุจ"
รัชชานนท์ พุฒิภัทร และรณพีร์รีบลุกพรวดจะมาหาปวรรุจ
"นั่งอยู่ตรงนั้นแหละ ฉันจะต้องคุยกับพี่ชายใหญ่เรื่องเวียงภูคำก่อน ส่วนนาย..ชายเล็ก ตอนนี้นายมีหน้าที่เดียวคือคุมเมียของนายไว้ให้ดี"
รัชชานนท์ยิ้มรับอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก

ปวรรุจกราบที่ตักหม่อมเอียดแล้วขยับไปกราบย่าอ่อนตามลำดับ
"ชายรุจของย่า"
ย่าอ่อนกอดปวรรุจอย่างรักใคร่คิดถึง ทั้งๆที่ ก่อนหน้านั้นรังเกียจรังงอนปวรรุจเป็นอย่างมาก
"ทำไมกลับมาเงียบๆ อย่างนี้ล่ะ ชายรุจ" หม่อมเอียดถาม
"ผมตัดสินใจลางานกลับมากะทันหันน่ะครับ โชคดีที่ผมมาได้ทันเวลาพอดี"
ปวรรุจยิ้มและหันไปยกมือไหว้ดารณีนุช และมีศินีนุชที่ยังนั่งอยู่ด้วย
"สวัสดีครับคุณป้าหญิง สบายดีนะครับ"
"สบายดีจ้ะ เราไม่ได้เจอกันนานหลายปีเลยนะ นี่ชายรุจคงจำน้องนุชไม่ได้แล้วแน่ๆ นี่ศินีนุช...ลูกนุชของป้าเองจ้ะ"
ศินีนุชยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะ พี่ชายรุจ นุชดีใจจริงๆที่เราได้เจอกันในวันนี้ พี่ชายเล็กเล่าเรื่องพี่ชายรุจให้นุชฟังอยู่บ่อยๆ จนเหมือนนุชรู้จักพี่ชายรุจก่อนที่จะเจอตัวเสียอีก"
ปวรรุจยิ้มอย่างรู้ทันว่า ศินีนุชพูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย
"ชายรุจ ที่บอกว่าโชคดีที่มาได้ทันเวลาพอดี หมายความว่ายังไง"
"ผมโชคดีที่กลับมาทันงานเลี้ยงใหญ่ของคุณป้าหญิงไงครับ หม่อมย่า คุณป้าหญิงครับ งานเลี้ยงครั้งนี้ ผมเกรงว่าจะเป็นไปตามอย่างที่ต้องการไม่ได้แล้วล่ะครับ"
"ไม่ได้นะ เราเชิญแขกเหรื่อไว้หมดแล้ว จะมายกเลิกตอนนี้ไม่ได้ ทางวังจุฑาเทพได้เสียชื่อเสียงแน่ๆ" ย่าอ่อนบอก
"ผมไม่ได้หมายความว่าให้ยกเลิก ผมอยากให้จัดเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ"
ดารณีนุชกับศินีนุชตั้งอกตั้งใจฟังแต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก

รัชชานนท์กับสร้อยรับฟังปวรรุจอธิบายเหตุผลที่ได้บอกดารณีนุชไปแล้ว
"ถึงแม้ว่าทางเวียงภูคำจะส่งฑูตมาประจำประเทศเราแล้ว แต่ทางเราก็ยังต้องดูท่าทีของรัฐบาลเวียงภูคำอยู่ เราจึงควรจัดงานเงียบๆไม่เอิกเกริก พี่ให้เหตุผลว่าเรามีปัญหาทางการเมืองอยู่ ไม่อธิบายมากไปกว่านั้น คุณป้าหญิงก็ยอมฟัง ที่จริงการได้เจอฑูตเวียงภูคำในครั้งนี้ ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้รับข่าวสารข้อมูลมากขึ้น"
"ฑูตพวกนั้นมันเป็นคนของไอ้เซกอง มันบ่ยอมบอกความจริงเฮาดอก แต่ไม่เป็นไร ข้อยเจอตัวพวกมันมื้อใด๋ ข้อยสิไปเค้นคอถามมันเอง" สร้อยบอก
ปวรรุจมองท่าทางห้าวหาญของสร้อยอย่างไม่แปลกใจนัก ออกจะทึ่งๆขำๆด้วย
"เรื่องนั้นขอให้เป็นหน้าที่ของฉันจะดีกว่านะ สร้อยฟ้า"
ปวรรุจยิ้มขำกับรัชชานนท์บอก
"เหมือนอย่างที่ชายภัทรเขียนเล่าในจดหมายไม่มีผิด ฉันก็นึกแล้ว...คนอย่างนายจะต้องได้เมียอย่างสร้อยฟ้านี่ ไม่งั้นเอานายไม่อยู่แน่"
"คุณชายภัทรคงเล่าบ่เหมิด ข้อยกับคุณชายเล็กแต่งงานจดทะเบียนกันอีหลี แต่บ่ได้เป็นผัวเมียกัน ! เฮื่องนั้นช่างมันเถอะ"
รัชชานนท์ชะงักกึกไป รู้สึกกระทบใจเล็กๆที่สร้อยมุ่งมั่นแต่เรื่องเวียงภูคำ
"ตกลงคุณชายรุจสิมาช่วยเฮาด้วยอีกคนอีหลีบ่ จังสั้นข้อยสิฟ่าวไปบอกคุณชัช"
สร้อยรีบเร่งเดินออกไปทันที
"นายชัชมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย"
รัชชานนท์อึกอัก
"อีกไม่นานพี่ชายรุจก็จะรู้เองล่ะครับ ตอนนี้เอาเรื่องงานเลี้ยงให้จบก่อนแล้วกันครับ พี่ชายรุจ"
รัชชานนท์หลบตาปวรรุจเพราะยังต้องปิดบังเรื่องเจ้ารัชทายาทอยู่
-ตัดไป-
เย็นวันใหม่ เวลาผ่านไปสองวัน บริเวณโถงวังจุฑาเทพ ในบรรยากาศการเตรียมงานเลี้ยง คนรับใช้ของวังจุฑาเทพเดินขวักไขว่จัดเตรียมมุมอาหาร มุมเครื่องดื่ม วางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะ เป็นงานเลี้ยงค็อกเทลมีแค่เครื่องดื่มและฟิงเกอร์ฟู๊ด
สร้อยกับจันทาช่วยกันจัดวางดอกไม้ตามมุมต่างๆ รัชชานนท์เดินตามสร้อยกำชับแล้วกำชับอีก
"ช่วยงานตรงนี้เสร็จก็กลับที่พักไปทันทีเลยนะ เข้าใจมั้ย"
"ฮู้แล้วน่า คุณชายสั่งเป็นฮ้อยเทื้อแล้ว บ่เซื่อใจบ่"
"ก็เธอเชื่อใจได้ที่ไหนล่ะ ฉันไม่ได้อยากได้ชื่อว่าคุมเมียของตัวเองไม่ได้"
"ไผให้เจ้ามาคุมข้อย เจ้าสิไปไสกะฟ่าวไปเลย คนสิเฮ็ดงาน รำคาญแท้"
"คุณชายรีบไปแต่งตัวเถอะค่ะ เดี๋ยวจันทาจะช่วยดูเจ้าสร้อยให้เอง" จันทาบอก
"จันทาก็คุมสร้อยฟ้าไว้ไม่อยู่หรอก ฉันรู้แล้วว่า ฉันควรจะต้องทำยังไง...ไปกับฉัน สร้อยฟ้า"
หลังคิดอะไรได้ รัชชานนท์ก็ดึงสร้อยออกไป แล้วถอยกลับมาดึงจันทาตามไปอีกคน
"จันทาด้วย ! ไปด้วยกัน ไป"
รัชชานนท์ดึงตัวสร้อยกับจันทาออกไป ดารณีนุชและศินีนุชก้าวเข้ามาเห็นรัชชานนท์จัดการคุมสร้อยไว้ และมีสาวใช้ถือชุดราตรี 2 ชุดเดินตามหลังมา
"อย่างนี้ก็ไม่เป็นไปตามแผนของเราน่ะซิคะ คุณแม่"
"ไม่ต้องห่วง แม่คิดจะทำอะไรแล้ว ไม่เคยที่จะไม่สำเร็จ"

ดารณีนุชมองตามกลุ่มรัชชานนท์ไป

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 11 (ต่อ)

ภายในครัว... สร้อยกับจันทาช่วยจัดเตรียมอาหารคนงานอยู่กับแจ๋ว รัชชานนท์ยืนคุมเชิงสร้อยอยู่กับย่าอ่อน

"ผมฝากสร้อยฟ้าด้วยนะครับ ย่าอ่อน"
"ไม่ต้องฝาก ย่าก็ไม่ยอมให้แม่สร้อยฟ้าออกไปเพ่นพ่านในงานหรอก หน้าที่เราน่ะต้องอยู่ในครัวอยู่แล้ว ไม่รู้จะเสนอหน้าขึ้นไปช่วยงานบนตึกทำไม เร่งๆ มือเข้า พวกคนงานยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย ชายเล็กไปได้แล้ว ไป ย่าจะไม่ให้ใครก้าวออกไปจากครัวแม้แต่ก้าวเดียว เชื่อมือย่าสิ" ย่าอ่อนบอก
"ขอบคุณครับ ย่าอ่อน"
สร้อยเงยหน้าขึ้นทำเบะปากถลึงตาใส่รัชชานนท์ เขายิ้มอย่างเหนือกว่าแล้วเดินออกไป
"อ้าวๆ ข้าวสุกแล้วไม่ใช่เรอะ รีบยกลงจากเตามาดงข้าวที แม่สร้อยฟ้า ดงข้าวเป็นหรือเปล่า ไปดงข้าว ไป"
ดารณีนุชกับศินีนุชเดินเข้ามาในครัว ทุกคนชะงักหันไปมองเป็นแถว
"คุณหญิงเข้ามาถึงในครัว ติดขัดเรื่องอะไรหรือเปล่า เรื่องอาหารใช่มั้ยล่ะ เห็นหนูเกษบอกว่าจะส่งมาช้ากว่ากำหนดนิดหน่อย"
"ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ การเตรียมงานทุกอย่างราบรื่นดี แต่อยากจะขอตัวแม่สร้อยฟ้าไปช่วยต้อนรับแขกหน่อยน่ะค่ะ"
ย่าอ่อนร้องเสียงหลง
"ไม่ได้หรอก คุณหญิง ให้แม่สาวบ้านป่าไปช่วยต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เดี๋ยวก็ได้ทำตัวเป็นลิงเป็นค่างได้ขายหน้ากันหมด"
ศินีนุชพูดเสียงเบาให้ย่าอ่อนได้ยินคนเดียว
"ถ้าแม่สร้อยฟ้าทำตัวเองขายหน้ากลางงาน มันก็จะได้หมดโอกาสพิสูจน์ตัวเองต่อไปยังไงล่ะคะ"
"คุณป้าคงจะเข้าใจในความหวังดีของเราแล้วนะคะ"
ย่าอ่อนมองสร้อยที่กำลังดงข้าวอยู่อย่างไม่สนใจใคร ย่าอ่อนนิ่งคิดสองจิตสองใจอยู่

ดารณีนุชกับศินีนุชเดินฉับๆนำหน้าเข้ามา สร้อยเดินตามเข้ามาช้าๆอย่างไม่ยี่หระอะไร ชุดราตรีของสองแม่ลูกแขวนเตรียมอยู่อย่างเรียบร้อยในห้องแต่งตัว วังจุฑาเทพ
คนรับใช้กำลังจัดวางเครื่องประดับเตรียมไว้ให้อยู่ ช่างผมและช่างแต่งหน้าเตรียมพร้อมรออยู่
"เอ้า รีบเปลี่ยนชุดซะ แล้วก็ลงไปรอฉันข้างล่าง"
ศินีนุชบอกสร้อยที่รำคาญใจ
"ไหนล่ะชุดของฉัน"
สร้อยมองไปที่ชุดราตรีซึ่งมีเพียงสองชุดที่แขวนอยู่ สองแม่ลูกเข้ามาขวางทางบังไม่ให้เห็นชุดราตรีสวยที่แขวนอยู่ ศินีนุชชูชุดสีมอๆของชาวเวียงภูคำขึ้นมาดูแล้วโยนให้สร้อยไป
"นี่ยังไงล่ะชุดของเธอ สำหรับงานคืนนี้ ชุดสาวบ้านป่าเหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว แล้วอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า สร้อยซักเส้น ต่างหูซักคู่"
"ตายจริง..ทำยังไงดีล่ะ เครื่องประดับของเราไม่เข้ากับชุดเวียงภูคำของเธอเลย"
กรองแก้วเดินเข้ามา
"งั้นดิฉันขออนุญาตดูแลคุณสร้อยต่อเองนะคะ ไปค่ะ คุณสร้อย เราไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแก้วกันดีกว่านะคะ"
"เดี๋ยวก่อน แม่กรองแก้ว เธอมายุ่งอะไรด้วย" ดารณีนุชถาม
"ปกติดิฉันมีหน้าที่คอยดูแลคุณสร้อยอยู่แล้วล่ะค่ะ ดูแลในฐานะที่เป็นสะใภ้จุฑาเทพเหมือนกันยังไงล่ะคะ เชิญคุณหญิงกับคุณนุชตามสบายนะคะ อย่าคิดว่าเป็นแขกของที่นี่ ไม่ต้องเกรงใจกันนะคะ แต่คงไม่ต้องบอกมั้งคะ ดูเหมือนทุกคนจะคุ้นเคยกับที่นี่เหมือนเป็นบ้านของตัวเองอยู่แล้ว"
กรองแก้วพาสร้อยเดินออกไป สองแม่ลูกมองตามอย่างขัดใจ

บรรยากาศงานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น ผู้คนยังเบาบางถือแก้วเครื่องดื่มยืนจับกลุ่มทักทายกัน บริกรถือถาดเครื่องดื่มและถาดอาหารเดินบริการให้แขกในงาน
ธราธรกับปวรรุจยืนต้อนรับแขกอยู่ทางเข้างาน มีช่างภาพคอยถ่ายรูปเป็นระยะๆ ดารณีนุชกับศินีนุชเดินเข้างานมา
ศินีนุชเดินหยิ่งชูคอราวกับเป็นงานของตัวเองคนเดียว แต่ปรายตามองแล้วไม่มีใครสนใจมองมา ดารณีนุชดึงลูกสาวไปช่วยธราธรกับปวรรุจต้อนรับแขกทันที
"มาทางนี้ ลูก ไปช่วยพี่ๆเขาต้อนรับแขก อย่าลืมซิว่า คืนนี้เราเป็นเจ้าภาพร่วมกับทางวังจุฑาเทพ"
"ได้ค่ะ คุณแม่ คืนนี้นุชจะแสดงตัวให้ทุกคนเห็นว่า นุชนี่แหละสะใภ้จุฑาเทพตัวจริง ไม่ใช่แม่สร้อยฟ้า สาวบ้านป่านั่น"
ศินีนุชเดินปราดนำหน้าดารณีนุชไปที่ทางเข้างานทันที

ธราธรกับปวรรุจกับจับมือทักทายกับแขกฝรั่งผู้ชายอยู่ ศินีนุชรีบแทรกตัวไปจับมือทักทายด้วยทีท่าร่าเริง ตีสนิทกับแขกฝรั่งทันที
"Good evening sir. How are you? Thank you for coming. Thank you so so very much."
ศินีนุชตั้งใจให้พูดเว่อร์ไว้ จากนั้นก็ปาดหน้าธราธรกับปวรรุจเข้าไปต้อนรับยอดยศที่เดินเข้ามา
"Good evening. Have we met somewhere?"
ธราธรบอก
"ก็น่าจะเคยเจอกันที่งานไหนซักงานนะ ว่ายังไงนายยอดยศ เคยเจอกับคุณศินีนุชที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า"
ยอดยศในชุดทักซิโด แบบนายทหารอากาศเต็มยศ ยิ้มขำก่อนยกมือไหว้
"ไม่น่าจะเคยเจอครับ สวัสดีครับ พี่ชายใหญ่ พี่ชายรุจ"
ศินีนุชหน้าแตกก่อนแก้ตัวมั่วไป
"คนไทยหรือคะเนี่ย นุช...นุชเห็นว่า ผิวขาวจัดอย่างกับไม่ใช่คนไทย ตัวก็สูงใหญ่"
ปวรรุจยิ้มขำ
"นายยอดเป็นคนไทยแน่ พี่รับรองได้ ไม่งั้นคงเข้ารับราชการเป็นทหารอากาศของไทยไม่ได้แน่"

ธราธรกับปวรรุจมองศินีนุชที่ยิ้มแหยๆ

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนนั่งอยู่มุมหนึ่งของในงาน หม่อมเอียดจับตามองความจุ้นจ้านของสองแม่ลูกแล้วต้องส่ายหน้า ย่าอ่อนชะเง้อมองไปรอบๆ หาสร้อยอยู่

"ฉันว่า ฉันคิดผิดจริงๆ ที่ยอมให้คุณหญิงดารณีนุชจัดงานที่นี่"
หม่อมเอียดหันไปมองย่าอ่อนที่นั่งไม่ติด ขยับตัวมองหาสร้อยตลอดเวลา
"แม่อ่อน"
"เปล่าค่ะ ไม่ได้มองหาใครค่ะ คุณพี่ น้องก็แค่มองไปทั่วๆว่ามีใครมากันบ้าง เห็นชายรุจแล้วก็คิดถึงท่านหญิงรสานะคะ น่าจะกลับมากับชายรุจด้วย ตอนนี้ใครๆก็ลดยศท่านเป็นคุณรสา แต่น้องเรียกไม่ลงหรอกค่ะ ยังไงท่านก็ยังเป็นท่านหญิงรสาของอ่อน"
"ไม่ต้องพูดนอกเรื่อง เธอมองหาใครอยู่ คราวก่อนก็แกล้งปล่อยให้แม่สร้อยฟ้าหนีออกไปจากวัง คราวนี้มีเรื่องอะไรอีกล่ะ"
ย่าอ่อนยิ้มแห้งๆ
"คุณพี่รู้เรื่องนั้นด้วยหรือคะ เออ..คือ ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอกนะคะ แต่ถ้าเดี๋ยวมีอะไรเกิดขึ้น คุณพี่ก็อย่าเคืองน้องนะคะ น้องก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มีอะไรมาดลใจให้น้องตัดสินใจอย่างนั้น เอาเป็นว่า น้องกราบขอโทษคุณพี่ล่วงหน้าเลยนะคะ" ย่าอ่อนยกมือไหว้พี่สาวอย่างเกรงๆ
หม่อมเอียดมองย่าอ่อนอย่างอ่อนใจและไม่เข้าใจแม้แต่น้อย รู้แต่เดี๋ยวได้เป็นเรื่องอีกแน่

เชิงบันไดโถง วังจุฑาเทพ รณพีร์ ในชุดทักซิโดแบบนายทหารอากาศเต็มยศยืนมองรัชชานนท์อย่างขำๆ ที่เห็นพี่ชายเดินไป เดินมา รอคอยอย่างกระวนกระวายใจ
"ใจเย็นๆน่า พี่ชายเล็ก เรามีอยู่กันตั้งห้าคน รับรองสร้อยฟ้าไม่มีทางเข้าไปถึงตัวฑูตเวียงภูคำแน่ แล้วไม่ต้องห่วงหรอกนะครับว่า สร้อยฟ้าจะไปทำอะไรเปิ่นๆในงาน พี่ชายเล็กก็คอยประกบไว้อย่าให้ห่างตัว"
"ไอ้เรื่องนั้นฉันไม่สนใจหรอก เจ้าตัวเองก็คงไม่สนใจ เขาได้เจอสิ่งที่เขาต้องการแล้ว หม่อมย่าจะยอมรับเขาหรือไม่ก็ช่าง เรื่องของฉันมันไม่สำคัญต่อเขาอีกต่อไป"
"สร้อยฟ้าได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เขาเจอแหวนรัชทายาทแล้วหรือครับ"
พุฒิภัทรกับกรองแก้วในชุดหรูเดินลงมาขัดจังหวะเสียก่อน
"ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ชายเล็ก เชื่อฝีมือกรองแก้วเขาเถอะ"
จันทาในชุดสวยเดินตามลงมาอย่างเหนียมๆ มีกระเป๋าราตรีใบเล็กพอใส่ผ้าเช็ดหน้าของชัชวีร์
"แก้วขอให้น้องจันทาเข้างานไปเป็นเพื่อนคุณสร้อยด้วยน่ะค่ะ เราจะได้มีคนคอยอยู่กับคุณสร้อยตลอดเวลา"
"งั้นคืนนี้ผมขอเป็นคู่ควงของจันทาเอง" รณพีร์บอก
รณพีร์เดินไปหาจันทา ขยับแขนออกให้จันทาแตะแขนแล้วพาเดินออกไป
"แล้วสร้อยฟ้าล่ะครับ คุณแก้ว"
เสียงฝีเท้าก้าวเดินลงบันไดมา รัชชานนท์หันขึ้นไปมองที่บันได สร้อยในชุดราตรียาวสวยเหมือนเจ้าหญิงเดินเร็วๆลงมา เขายืนมองสร้อยอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

ภายในงานเลี้ยง ธราธรกับปวรรุจยืนต้อนรับแขกที่เข้างาน ผู้คนในงานเริ่มหนาตาขึ้น
จ่อยกับสมบุญถือถาดเครื่องดื่มเดินบริการแขกไปทั่วงาน จ่อยเดิน มองทางเข้างานตลอดเวลา
"เป็นหยังยังบ่มากันอีก ไอ้พวกขี้ฑูตเอ๊ย"
จ่อยเดินสวนกับศินีนุชที่คว้าแก้วไวน์ขาวในถาดของจ่อยแล้วเดินไปหลบมุม ดารณีนุชตามมาที่ลูกสาวซึ่งยืนสงบสติอารมณ์อยู่หลังจากหน้าแตกเรื่องยอดยศ
"มายืนทำอะไรตรงนี้ เดี๋ยวท่านฑูตกำลังจะมาแล้วนะ"
"เดี๋ยวค่ะ คุณแม่ ขอนุชตั้งตัวก่อน นุชไม่อยากทำตัวเองขายหน้าอีก"
ดารณีนุชหันไปมอง เห็นชัชวีร์ ในชุดทักซิโดแบบนายทหารอากาศเต็มยศเดินเข้ามาในงาน และหยุดพูดคุยกับธราธรและปวรรุจ
"มันมาเสนอหน้าทำไม แม่สั่งมันแล้วว่า เตรียมงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ไสหัวกลับไป"
ดารณีนุชลืมสนใจลูกสาวไปชั่วครู่ จ้องมองจนชัชวีร์ต้องหันมามอง ชัชวีร์มองกลับอย่างไม่หลบตา แต่กลับยืนมองมาด้วยทีท่าสุขุมเยือกเย็น ดารณีนุชพึมพำ
"ไอ้ชัช ! ทำไมมันดูแปลกไป"
ศินีนุชเสียงดัง
"คุณแม่ ! ดูนั่นซิคะ"
รัชชานนท์กับสร้อยฟ้าเดินควงคู่กันมา ทุกคนในงานต่างพากันหันไปมองเป็นทิวแถว
ธราธรตบไหล่ให้ปวรรุจหันไปมองน้องชายกับน้องสะใภ้ พุฒิภัทรกับกรองแก้วที่ยืนเคียงกัน มองทั้งสองอย่างชื่นชม
จ่อยกับสมบุญยืนมองสร้อยฟ้าจนอ้าปากค้าง รณพีร์ยืนอยู่กับจันทาก็ยังมองทั้งสองคน

จันทาเลื่อนสายตาไปจนไปเจอกับสายตาของชัชวีร์ที่มีสายตาให้กับจันทาเพียงคนเดียว

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนนั่งรับไหว้แขกคนไทยที่เข้ามาทักทาย หม่อมเอียดมองข้ามไหล่ย่าอ่อนไปทยังรัชชานนท์กับสร้อยเดินเข้างานมา

"ชายเล็กมาแล้ว มากับแม่สร้อยฟ้า"
ย่าอ่อนทำหน้าแหย รู้สึกผิดจนไม่กล้าหันไปมอง เมื่อตัดสินใจหันไปมองแล้วต้องตาค้าง หลุดปาก
" ต๊าย ! อีกากลายไปเป็นหงส์ไปได้ยังไง ! อุ๊ย ! แต่ยังไงหนูนุชก็งามสมเป็นกุลสตรีกว่านะคะ คุณพี่"
"เธออย่าดูคนแค่ที่เปลือกนอก จะดูคนก็ต้องดูให้ถึงแก่นข้างใน เด็กคนนี้...ไม่ได้มีดีที่ความสวยอย่างเดียว ฉลาด ซื่อสัตย์ และเป็นเด็กที่กล้าหาญ"
"แค่กล้ากระโดดข้ามกำแพงวังหนีกลับบ้านป่า ไม่ถึงกับเรียกว่ากล้าหาญหรอกมั้งคะ เรียกว่าขาดสติเสียมากกว่า"
"แล้วที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยชายเล็กไว้ ไม่ได้เรียกว่ากล้าหาญหรอกเรอะ นับวันฉันก็ยิ่งรู้สึกว่า แม่สร้อยฟ้าคนนี้ มีเรื่องที่เรายังไม่รู้อีกมาก"
หม่อมเอียดมองรัชชานนท์กับสร้อยฟ้าเดินเคียงคู่กัน ดูเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูก

สองแม่ลูกยังคงจ้องมองรัชชานนท์กับสร้อยอย่างเป็นมึน วิไลรัมภาเดินเข้ามาหยุดยืนข้างศินีนุช
"ข่าวลือที่ว่า คุณชายรัชชานนท์แต่งงานแล้วเป็นความจริงเหรอนี่ เอ๊ะ แต่เห็นว่า พี่ชายเล็กไปคว้าสาวบ้านป่ามาเป็นเมีย ใช่ผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าจ๊ะ นุช"
"พี่ชายเล็กแต่งงานกับแม่นั่นแล้วก็จริง แต่หม่อมย่ายังไม่ยอมรับเป็นหลานสะใภ้ย่ะ เพราะฉะนั้นฉันก็ยังมีโอกาส"
"แต่ฉันว่าเธอหมดโอกาสแล้วล่ะ ลงหม่อมย่าอนุญาตให้พี่ชายเล็กพาเมียออกงานได้"
"ก็แค่งานเลี้ยงเล็กๆ เลี้ยงกันภายใน"
"ถึงจะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ แต่ปากคนยาวยิ่งกว่าปากกา พูดกันไป ปากต่อปาก เดี๋ยวข่าวนี้ก็รู้ถึงกันหมดว่า ทางจุฑาเทพได้สะใภ้คนใหม่แล้ว น่าสงสารจริงๆ แพ้ผู้หญิงที่ไหนไม่แพ้ ดันมาแพ้สาวบ้านป่า"
วิไลรัมภาเดินยิ้มอย่างสะใจออกไป ศินีนุชหันมาวี๊ดใส่ดารณีนุช
"คุณแม่ ! นี่แผนอะไรของคุณแม่ ทำไมมันถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้"
"ใจเย็นๆซิ ลูก เรายังมีโอกาสชนะมัน"
ศินีนุชยังกระฟัดกระเฟียดอยู่ ยิ่งมองตามวิไลรัมภาก็ยิ่งอารมณ์เสีย

รณพีร์ส่งแก้วเครื่องดื่มให้กับจันทา ชัชวีร์เข้าดึงแก้วเครื่องดื่มคืนให้กับจ่อยที่เดินถือถาดเครื่องดื่มผ่านมา รณพีร์พูดหยอก
"ทำอย่างนี้ อยากมีเรื่องหรือยังไงวะ"
รณพีร์ตบไหล่ชัชวีร์อย่างแรง จ่อยยืนมองตาโต รู้อยู่ว่าชัชวีร์เป็นเจ้ารัชทายาท
"เครื่องดื่มแรงๆอย่างนี้ ไม่เหมาะสำหรับสุภาพสตรี ไปกันเถอะ จันทา ขอบใจนะเพื่อน ที่ช่วยดูแลผู้หญิงของฉันให้"
ชัชวีร์ตบไหล่รณพีร์กลับแล้วเดินออกไป จ่อยจ้องมองค่อยๆถอยกลับไปอย่างพอใจ
วิไลรัมภาเข้ามาควงแขนรณพีร์เสียบแทนจันทาในทันใด
"เราไปเดินเล่นกันเถอะค่ะ พี่ชายพีร์"
รณพีร์ถูกวิไลรัมภาลากพาไปอย่างไม่เต็มใจ วิไลรัมภาหันมายิ้มเยาะให้ศินีนุชอีกครั้ง จนเธอแทบจะเต้นเร่าๆ ดารณีนุชรีบดันลูกสาวให้ลงสนามสู้กับสร้อยอีกครั้ง

บริเวณมุมเครื่องดื่ม รัชชานนท์ยืนจับตามองสร้อยอย่างไม่วางตา สร้อยเก้อเขินทำอะไรไม่ถูกจนหยิบแก้วไวน์ขาวมาดื่มรวดเดียวหมด แล้วจะหยิบอีกแก้วจะมาซดต่อ แต่รัชชานนท์ต้องดึงแก้วไว้
รัชชานนท์ยิ้ม
"พอๆ แก้วเดียวก็พอแล้ว นี่เธอเขินฉันเหรอ"
สร้อยค้อนขวับให้
"บ่"
"ค้อนก็เป็นด้วย"
"มื้อใด๋ที่เจ้าสิเห็นข้อยเป็นแม่หญิงซักที"
รัชชานนท์ดึงมือของสร้อยมากุมไว้แน่น
"ก็วันนี้นี่แหละที่ฉันแน่ใจว่า เธอเป็นผู้หญิงเต็มตัว เธอรอก่อนได้มั้ย รอให้ครบหนึ่งเดือน ตอนนี้ฉันเชื่อว่า หม่อมย่าต้องยอมรับเธอแล้ว ขอให้เราได้แต่งงานกันก่อน แล้วค่อยไปเวียงภูคำด้วยกัน"
สร้อยนิ่งอึ้งไป ศินีนุชเดินฉับๆเข้ามาขัดจังหวะ สร้อยรีบดึงมือออกจากรัชชานนท์ทันที ศินีนุชโกหกหน้าตาย
"พี่ชายรุจให้มาตามพี่ชายเล็กไปช่วยต้อนรับแขกค่ะ"
"เดี๋ยวพี่ขอไปตามจันทาให้มาอยู่เป็นเพื่อนสร้อยฟ้าก่อนนะ"
"ก็ให้สร้อยไปด้วยกันซิคะ เดี๋ยวนุชจะช่วยดูแลสร้อยให้เองค่ะ"
ศินีนุชดึงสร้อยออกไปด้วยกันทันที รัชชานนท์ต้องรีบตามไปอย่างไม่ไว้ใจ

ศินีนุชลากตัวสร้อยเดินออกมาแล้วค่อยผ่อนฝีเท้าลง ตาก็สอดส่ายหาเหยื่อไป
รัชชานนท์เดินตามหลังมาอย่างรวดเร็ว
"เร็วๆหน่อยซิคะ พี่ชายเล็ก พี่ชายรุจรอเราอยู่"
จังหวะเดียวกับ Hubert ฝรั่งชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฑูตเดินเข้ามา ปวรรุจเดินตามหลังมาห่างๆ หยุดชะงักมองพฤติกรรมของศินีนุช
ศินีนุชพอจะรู้จัก เลยทำเป็นตีสนิทมากเกิน โผเข้าไปทักทายทันที
"Good evening Mr.Hubert. We’re so pleased that you could come. I would like you to meet หม่อมราชวงศ์รัชชานนท์ จุฑาเทพ"
ศินีนุชหันไปพูดกับรัชชานนท์
"This is Mr.Hubert from เออ.."
แล้วศินีนุชก็นึกไม่ออกได้แต่พูดกว้างๆ มั่วๆ ไป
" from... He is our guest of honor."
รัชชานนท์ยื่นมือไปจับมือกับ Hubert
"How do you do."
"How do you do."
ศินีนุชจงใจเสียงดัง
"สร้อยฟ้าแนะนำตัวเองซิจ๊ะ"
รัชชานนท์มองศินีนุชอย่างรู้ทัน ปวรรุจและแขกที่อยู่แถวๆนั้นหันมามองสร้อย
สร้อยยกมือไหว้ฮูเบิร์ต
"ซาหวัดดีค่ะ คุณฮูเบิร์ต ข้อยซื่อสร้อยฟ้าค่ะ ยินดีต้อนฮับสู่วังจุฑาเทพ"
ปวรรุจยืนแอบจับตามองสร้อยอย่างสนใจ รู้สึกได้ว่า ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีๆซ่อนอยู่แน่นอน
"Oh ! I’m so sorry. How unfortunate. สร้อยฟ้า does not speak English at all. She is from upcountry and only been here just a few days. Poor girl !"
ศินีนุชบอกคนรอบๆตัว
"น่าสงสารมากๆเลยนะคะ มากๆเลยนะคะ เราเพิ่งรับเธอมาจากจังหวัดชายแดนน่ะค่ะ"
"น้องนุช"

สร้อยส่งยิ้มให้ฮูเบิร์ตอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ชัชวีร์พาจันทาเดินมาจากอีกมุมหนึ่งของงาน เสียงเพลงดังจากวงดนตรีเครื่องสาย เขายังคงจับมือเธอไม่ยอมปล่อย

"คุณชัช...ปล่อยมือจันทาก่อน"
"น่าเสียดายที่งานวันนี้ไม่มีฟลอร์เต้นรำ เราเลยไม่ได้เต้นรำด้วยกันเลย"
"ไม่ต้องเสียดายหรอกค่ะ เพราะจันทาเต้นรำไม่เป็น..."
"งั้นฉันสอนให้"
ชัชวีร์ดึงจันทาเข้ามา มือหนึ่งจับมือจันทาไว้ อีกมือแตะเอวแล้วดึงตัวจันทามาใกล้และใกล้อีกจนหน้าทั้งสองแทบชิดกัน จันทารั้งตัวไว้มองชัชวีร์อย่างห้ามปราม
"คุณชัช"
"คืนนี้ตามใจฉันหน่อยเถอะนะ ฉันไม่รู้ว่า เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้อีกหรือเปล่า ฉันไปเวียงภูคำแล้ว...อาจจะไม่ได้กลับมาก็ได้"
"คุณชัชต้องกลับมาอย่างปลอดภัยค่ะ สัญญากับจันทาซิคะว่า คุณชัชจะกลับมาหาจันทา...สัญญาสิคะ คุณชัชต้องสัญญากับจันทา"
"ฉันสัญญา"
"คุณชัชไม่เคยผิดคำพูด คุณชัชสัญญากับจันทาแล้ว คุณชัชต้องทำตามสัญญาได้แน่ค่ะ ปล่อยจันทาก่อนนะคะ จันทามีของจะคืนให้..."
จันทาดันตัวชัชวีร์ออกไป แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าราตรีใบเล็กที่ติดตัวมา
"โธ่ นี่เหรอของที่จะให้ฉัน"
"ผ้าเช็ดหน้านี่เป็นของคุณชัชนี่คะ จันทาว่าจะคืนนานแล้ว แต่ก็ลืมทุกที"
"เก็บไว้เถอะ ฉันให้แล้ว ไม่ขอรับคืน ฉันขอเป็นอย่างอื่นแทนได้มั้ย"
"คุณชัชอยากได้อะไรหรือคะ"
"ฉันอยากได้หัวใจของจันทา"
"คุณชัชได้หัวใจของจันทาไปแล้วล่ะค่ะ"
"ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"จันทาก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นวันที่คุณชัชเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณชัชอย่างไม่ปิดบัง ทำให้จันทารู้สึกได้ว่า คุณชัชไม่ได้อยู่ห่างไกลกันเกินเอื้อม จันทาจะรอนะคะ ไม่ว่าคุณชัชจะไปนานแค่ไหน จันทาก็จะรอ"
ชัชวีร์ดึงจันทาเข้ามากอดทั้งมีความสุข ทั้งอึดอัดใจที่มีความลับที่ยังไม่ได้บอกจันทา

จ่อยจัดเครื่องดื่มใส่ถาดอยู่ แต่ตาคอยมองไปยังทางเข้าอยู่บ่อยๆ จันทาเดินเก้อๆเขินๆเดินเข้ามาช่วยงานจ่อย
"เป็นหยังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงจังซี้ บ่ซำบายบ่ เป็นไข้บ่"
"ข้อยบ่เป็นหยัง อากาศมันฮ้อนน่ะ อ้ายจ่อย"
"แล้วนี่คุณชัชไปไสแล้ว ข้อยคอยเฝ้าเบิ่งอยู่ เผลอโตไปหน่อยเดียว เพิ่นกะหายโตไปซะแล้ว"
"คุณชัชอยู่กับเสี่ยวของเพิ่นหม่องโน้นจังได๋เล่า แล้วเป็นหยังเจ้าต้องคอยเฝ้าเบิ่งคุณชัชเพิ่น"
ชัชวีร์ยืนคุยอยู่กับรณพีร์และยอดยศ
"บ่มีอะหยัง เพิ่นกะเฝ้าเบิ่งทุกคน เบิ่งเจ้า เบิ่งอีสร้อย เบิ่งคุณชัช เบิ่งคุณชาย...งานมื้อนี้มีแต่คนแต่งตัวสวยๆงามๆ น่าเบิ่งไปเหมิดเด้อ"
จ่อยหันไปมองจับจ้องชัชวีร์อย่างเฝ้าระวังราวกับตั้งตัวเองเป็นองครักษ์ไปแล้ว

ชัชวีร์อยู่กลางมีรณพีร์กับยอดยศประกบซ้ายขวา มีสาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านทั้งสามคนไป รณพีร์กับยอดยศหันมองไปพร้อมๆกัน ชัชวีร์ดึงคอเสื้อทั้งสองให้หันกลับมา
"น้อยๆ เพื่อน ไอ้ยอด นายมีคู่หมั้นแล้วนะโว้ย นึกถึงคุณพิมพรรณเขาบ้าง"
"ก็เพราะหมั้นแล้วน่ะซิ ฉันถึงขอใช้ชีวิตโสดให้คุ้มค่าหน่อย"
"แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วยวะ คู่หมั้นก็ไม่มี คู่รักก็ยังหาไม่เจอ"
"นายก็มีน้องรัมภายังไงล่ะ ยังไงพี่ชายเล็กก็ไม่มีวันลงเอยกับน้องนุชอย่างแน่นอน"
"เฮ้ยๆ เรื่องนี้ฉันไม่ขอรับรู้ เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ ขอร้อง ! แล้วนายนึกยังไง ถึงบังคับให้ไอ้ยอดมางานคืนนี้วะ มันต้องไปร่วมฝึกบินที่อเมริกา พรุ่งนี้ ต้องออกเดินทางแต่เช้ามืด หรือกลัวว่ามันจะไปติดใจแหม่มที่โน่นไม่ยอมกลับมาวะ"
ชัชวีร์น้ำเสียงจริงจัง
"เออว่ะ ฉันกลัวว่าเราสามคนอาจจะไม่ได้เจอกันอีก"
"ฉันไปฝึกบินแค่สามเดือนเอง แต่ถ้าหากมีปัญหาอะไร ติดต่อฉันได้ทันที"
"ปัญหาของฉัน...ฉันคงต้องหาทางแก้ไขเอง"
รณพีร์ไม่ทันฟังที่ชัชวีร์พูด กลับไปเห็นช่างภาพที่กำลังถ่ายรูปคนในงานอยู่
"ช่างภาพๆ มานี่หน่อยๆ"
รณพีร์รีบกวักมือเรียกช่างภาพที่เดินถ่ายรูปคนอื่นอยู่ให้เข้ามา
"ถ่ายรูปสามเสืออากาศไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อย เพื่อน ถือว่านี่เป็นงานเลี้ยงส่งไอ้ยอดมันก็แล้วกัน เอ้า หนึ่ง-สอง-สาม"
จ่อยรู้สึกเหมือนมีคนด้อมๆมองๆอยู่ข้างนอก จ่อยเผลอตัวเดินผ่านหน้ากลุ่มชัชวีร์ รณพีร์และยอดยศไปหน้าตาเฉย พร้อมๆกับที่ช่างภาพกดชัตเตอร์
รณพีร์กับยอดยศร้อง "เฮ้ย !"
"ถ่ายใหม่ๆๆ" รณพีร์บอก
ชัชวีร์มองตามจ่อยอย่างแปลกใจ ยามนี้ ... ชัชวีร์ เปลี่ยนไปมาก เขาระแวดระวังทุกอย่างรอบตัวมากขึ้น
เสียงกดชัตเตอร์ดังหลายครั้ง กลุ่มสามเสืออากาศชูกำปั้นโพสท่าไป

รณพีร์กับยอดยศกำลังกรึ่มได้ที่ แต่ชัชวีร์เคร่งขรึมเป็นกังวล

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 11 (ต่อ)

รัชชานนท์พาสร้อยมานั่งที่โต๊ะหม่อมเอียดกับย่าอ่อน ดารณีนุชเดินยิ้มกริ่มเข้ามานั่งด้วย

"คุณชายเล็กถึงกับพาหนีมานั่งตรงนี้เลยเหรอ แม่สร้อยฟ้าจ๊ะ ถ้าหากเธอยังคิดที่จะเป็นสะใภ้จุฑาเทพล่ะก็ ไม่ใช่แค่เรียนเป็นแม่บ้านแม่เรือนเท่านั้น เธอยังต้องเรียนรู้การเข้าสังคมชั้นสูง แต่นี่แม้แต่ช่วยคุณชายต้อนรับแขกชาวต่างชาติก็ยังทำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอคงอยู่ที่นี่ไม่ได้นานแน่"
รัชชานนท์จับมือสร้อยอย่างให้กำลังใจ สร้อยนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน
"นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน" ย่าอ่อนถาม
"ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คุณป้า แค่แม่สร้อยฟ้าไม่รู้จักมารยาททางสังคม พูดภาษาก็ไม่ได้ พอเจอแขกฝรั่งก็เป็นใบ้ไปเลย ดีที่ลูกนุชอยู่ช่วยกู้หน้าให้ทางวังจุฑาเทพ ช่วยทำหน้าที่ต้อนรับแขกแทนแม่สร้อยฟ้า ตอนนี้ทุกคนคงจะทราบกันดีแล้วว่า ใครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนควรค่าที่จะเป็นสะใภ้จุฑาเทพ"
รัชชานนท์มองสร้อยอย่างเป็นห่วง

จ่อยเดินย่องออกมาอย่างระแวดระวัง ตัวมองไปรอบๆว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า จันทาย่องตามมาทางด้านหลัง จ่อยหันขวับมาจะฟาดเข้าให้แล้วต้องเงื้อมือค้างไว้
"จันทา ! ตามออกมาเฮ็ดหยัง"
"อ้ายจ่อยล่ะ ออกมาเฮ็ดหยัง ข้อยเห็นเจ้ามีท่าทางแปลกๆ กะเลยตามออกมาเบิ่งว่า เจ้าเป็นอะหยัง"
"ข้อยอาจคึดมากไปเองกะได้ เฮากลับเข้างานกันเถอะ"
จ่อยกับจันทาหันกลับเดินไปที่เดิม เสียงพุ่มไม้ไหวดังผิดปกติ จ่อยปราดเข้าไปตามเสียง
"ไผวะ ! ไอ้โจรหน้าโง่คึดจังได๋มาปล้นบ้านนี้มื้อนี้ หา"
จ่อยโผล่พรวดๆเข้าไปแล้วต้องชะงัก จันทาตามมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
"มันเป็นไผ มันเป็นโจรอีหลีบ่ มันอยู่ที่ไส อ้ายจ่อย" จันทาถาม
จ่อยยังงงอยู่
"มันบ่ใช่โจร"
จ่อยชี้ไปที่ทับทิมที่นอนหมอบอยู่ที่พื้นอย่างคนหมดแรง
"อ้ายทับทิม"
จ่อยกับจันทาโผเข้าไปหาทับทิมอย่างตกใจและแปลกใจ

หม่อมเอียดยังคงจิบเครื่องดื่มอย่างนิ่งคิด รัชชานนท์กับสร้อยรอดูว่า หม่อมเอียดจะว่ายังไง ดารณีนุชกับย่าอ่อนมองหน้ากันจนอดรนทนไม่ไหว
"เห็นหรือยังล่ะค่ะ คุณพี่ แม่คนนี้ไม่ได้มีดีอย่างที่คุณพี่คิด หนำซ้ำยังขาดคุณสมบัติสำคัญอีก ขาดการศึกษายังไงล่ะคะ คุณพี่"
"เรื่องภาษาไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรียนรู้กันได้ แม่สร้อยฟ้าอาจจะไม่เก่งด้านภาษา แต่คงไม่กลัวฝรั่งขึ้นสมองเหมือนเธอล่ะมั้ง แม่อ่อน"
"น้องกลัวฝรั่งเสียที่ไหนคะ แค่ขี้เกียจจะพูดด้วยเท่านั้นเอง"
ศินีนุชพาฮูเบิร์ตเดินเข้ามาอย่างเริงร่า หมายจะตามมาฉีกหน้าสร้อยครั้งใหญ่อีกครั้ง
"หม่อมย่าขา ย่าอ่อนขา"
ย่าอ่อนเห็นฝรั่งฮูเบิร์ตก็นั่งตัวแข็งตัวตรงอย่างหวั่นหวาดว่า เขาจะมาพูดด้วย
"นุชจะมาขอยืมตัวสร้อยฟ้าไปซักเดี๋ยวนะคะ มิสเตอร์ฮูเบิร์ตคนนี้ พอรู้ว่า สร้อยฟ้าเป็นชาวเวียงภูคำก็ตื่นเต้นใหญ่เลยล่ะค่ะ"
ปวรรุจตามมาสมทบและอธิบายเพิ่มเติม
"มิสเตอร์ฮูเบิร์ตเป็นนักสะสมของโบราณน่ะครับ โดยเฉพาะของเก่าที่มาจากเวียงภูคำ เขาเคยบอกว่า เขารักเวียงภูคำยิ่งกว่าเมืองมึนเช่น (München) บ้านเกิดของเขาที่เยอรมันเสียอีก"
"เมืองมึนเช่นที่ไหนกันคะ พี่ชายรุจ มิสเตอร์ฮูเบิร์ตเกิดที่เมืองมิวนิคต่างหาก นุชซักประวัติมาเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ"
ปวรรุจ รัชชานนท์แอบยิ้มขำเกือบพร้อมกับที่สร้อยก็แอบยิ้มที่ศินีนุชอวดภูมิแบบผิดๆ ทำให้ปวรรุจและรัชชานนท์สะดุดใจทีท่าของสร้อย
"ไม่ต้องกลัวนะ สร้อยฟ้า เดี๋ยวฉันจะเป็นล่ามให้เธอเอง"
รัชชานนท์พูดกับฮูเบิร์ต
"I will be your interpreter tonight."
"Oh ! How nice. Just tell Miss สร้อยฟ้า I’m pleased to meet her. . I’ve heard so much about nice things in Vieng Pu Kum."
"มิสเตอร์ฮูเบิร์ตบอกว่า เป็นเกียรติอย่างมาก…" ศินีนุชบอก
ไม่ทันที่ศินีนุชจะพูดอะไรต่อ สร้อยรีบตอบฮูเบิร์ตทันที
"Thank you for your kind words about my country. I was born in เวียงภูคำ but I left my country since I was a child and never have a chance to go back. I wish I could go back soon."
ทุกคนนิ่งอึ้งตะลึงงันที่สร้อยพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว
"Oh, I see. I hope the situation there will be improved and you will be there in no time."
ฮูเบิร์ตยิ้มให้สร้อยอย่างให้กำลังใจแล้วเดินออกไป
ปวรรุจลองหลอกถาม
" Fliegst du nach Deutschland ? (ฟรีกสท์ ดู น๊าค ดอทช์ลัน – อยากไปเยอรมันไหม)"
สร้อยไม่ทันเห็นว่า ฮูเบิร์ตเดินออกไปแล้ว ก็รีบตอบเพราะนึกว่าฮูเบิร์ตถาม
"Nien, Ich habe was vor. (ไนน์, อิคช์ ฮาเบ้อ วาส ฟอ- ไม่ค่ะ ฉันมีแผนอื่นแล้ว)"
รัชชานนท์ถามทันทีทันควัน
" Parlez vous français? (ปาร์เล วู ฟรองเซ?- พูดฝรั่งเศสได้ไหม)"
"Un peu. Anglais, s'il vous plaît. (เอิง เปอ,อองเกล ซิล วูเปล – A little bit,English please หรือสั้นๆแค่ เอิงเปอ -ได้แค่นิดหน่อย )"
"โอ๊ยตาย แม่สาวบ้านป่าพูดได้กี่ภาษากันล่ะนี่ ไหนมีใครพูดภาษาจีนได้บ้าง ลองถามแม่คุณให้หน่อยซิ" หม่อมเอียดบอก
"ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ ถ้าพูดได้อีกภาษา น้องได้เป็นลมแน่ๆ หนูนุช เขาพูดอะไรกัน รู้เรื่องกับเขาบ้างมั้ย ต้องพูดผิดๆถูกๆแน่เลย แปลให้ย่าฟังหน่อยซิ" ย่าอ่อนบอก
"ไม่ผิดหรอกครับ ผมรับรองได้ว่า สร้อยฟ้าพูดได้ถูกต้องทุกภาษา อ้อ น้องนุชครับ มึนเช่นกับมิวนิคก็คือเมืองเดียวกัน มึนเช่นเป็นภาษาเยอรมันน่ะครับ"
ศินีนุชกับดารณีนุชหน้าแตกแล้วแตกอีก ได้แต่นิ่งทำคอแข็งไม่ยอมรับรู้อะไร
"หม่อมย่ากับย่าอ่อนคงไม่สงสัยเรื่องการศึกษาของสร้อยฟ้าแล้วใช่มั้ยครับ อย่างนี้ผมคงไม่ต้องรอจนครบหนึ่งเดือนแล้วนะครับ" รัชชานนท์บอก
"ไม่นะคะ นุชไม่ยอมนะคะ คุณแม่คะ คุณแม่ทำอะไรเข้าซักอย่างซิคะ คุณแม่ เพราะคุณแม่คนเดียว"

ศินีนุชพูดเสียงดัง เขย่าตัวดารณีนุชอย่างเอาแต่ใจ หม่อมเอียดกับย่าอ่อนได้เห็นท่าทางเอาแต่ใจ กระฟัดกระเฟียดของศินีนุชเต็มๆตา

รัชชานนท์กับสร้อยเดินด้วยกันมา เขาจ้องสร้อยแบบจ้องแล้วจ้องอีก สร้อยหยุดเดินหันมาจ้องรัชชานนท์บ้าง ปวรรุจที่เดินตามหลังมาเลยต้องชะงักหยุดไปด้วย

"เจ้ามีปัญหาอะหยังกับข้อย"
"ก็ฉันยังไม่หายงงน่ะซิ"
"เป็นหยังต้องงง ข้อยกะเคยบอกเจ้าแล้วว่า ข้อยเว้าภาษาฝรั่งได้ เจ้าบ่เซื่อข้อยเอง มันกะซ่วยบ่ได้ ที่เจ้าต้องงงเหมือนถูกทุบหัวจังซี้"
"ฉันก็นึกว่า เธอจะท่องเอถึงแซดได้ ไม่คิดว่า นอกจากจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อแล้ว เธอยังพูดภาษาฝรั่งเศสกับภาษาเยอรมันได้อีก"
"ข้อยกะพอเว้าได้กะซำนั้น บ่ได้เก่งอะหยัง"
"ฉันชักอยากรู้จักครูของเธอแล้วล่ะ แล้วนี่เขาสอนอะไรเธออีกบ้าง" ปวรรุจบอก
"แฮรี่สอนให้ข้อยอย่าดูถูกคน คนเฮาบ่มีไผสูงบ่มีไผต่ำกว่าไผ บ่ว่าเกิดในในป่าหรือว่าเกิดในวัง กะเป็นคนคือกัน !"
รัชชานนท์หันไปมองปวรรุจ คงเข้าใจแล้วว่าสร้อยแสบแค่ไหน
พุฒิภัทรเดินหน้าเคร่งเข้ามา
"ฑูตเวียงภูคำมากันแล้ว"
"มาเอาป่านนี้ ไม่ให้เกียรติกันจริงๆ ชายเล็กพาสร้อยฟ้ากลับไปที่พัก ไป"
"บ่ ข้อยบ่ไป !"
จ่อยกับจันทาประคองทับทิมเข้ามา
"บักทับทิม ! เกิดอะหยังขึ้น พ่อใหญ่ ! พ่อใหญ่ล่ะ" สร้อยถาม
ทับทิมหน้าสลด ได้แต่ส่ายหน้าไม่ตอบอะไร สร้อยหันมามองรัชชานนท์อย่างดื้อแพ่ง
ภายในห้องรับแขก วังจุฑาเทพ ธราธรกำลังเผชิญหน้ากับทองสิน ฑูตของเวียงภูคำ และมีเจ้าหน้าที่ 2 คนเป็นผู้ติดตาม
"ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่คุณชายสนใจประวัติศาสตร์ของเรา ส่วนเรื่องที่คุณชายอยากจะเข้าไปดูโบราณสถานที่เวียงภูคำ ผมคงต้องรบกวนให้ทางกรมฯของคุณชายส่งเรื่องเข้ามาตามขั้นตอนนะครับ"
ทองสินลุกขึ้นยืนเป็นการจบบทสนทนา
"ผมขอตัวไปกราบสวัสดีคุณหญิงดารณีนุชก่อน"
รัชชานนท์กับสร้อยเดินเข้ามาพร้อมด้วยปวรรุจ
"เดี๋ยวก่อนซิครับ เรายังอยากรู้เรื่องของเวียงภูคำในด้านอื่นอีก เช่น ปัญหาชายแดนที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข ชาวเวียงภูคำลี้ภัยหนีข้ามมาฝั่งไทยเป็นร้อยเป็นพัน ถึงวันนี้อาจจะมีจำนวนนับหมื่นแล้วก็ได้"
"เราก็ไม่อยากก้าวก่ายปัญหาภายในประเทศของคุณหรอกนะครับ ถ้าหากว่าทางเราจะไม่ได้รับผลกระทบของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของท่าน"
ทองสินพูดตัดบท
"ตอนนี้เวียงภูคำสงบสุขดีครับ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยและปรารถนาดี วันนี้ผมคงจะไม่สะดวกร่วมงานเสียแล้วล่ะครับ ผมขอลากลับเลยจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย"
ทองสินเดินออกไปอย่างไม่ต่อความยาวด้วย เจ้าหน้าที่ 2 คนรีบเดินตามหลังไป
สามพี่น้องมองหน้ากัน ไม่ได้ข้อมูลหรือผลคืบหน้าแต่อย่างไร
"เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป"
สร้อยไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามออกไปทันที

ทองสินเดินไปทางออกของตึก เจ้าหน้าที่สองคนเดินตามหลังโดยไว สร้อยเร่งเดินตามมา มีรัชชานนท์ตามหลังมาอย่างด่วน
"เวียงภูคำบ่มีวันสงบสุขได้ดอก"
ทองสินชะงักหันมาเผชิญหน้ากับสร้อย
"เจ้าเป็นชาวเวียงภูคำ เป็นหยังเจ้าฮอดมาอยู่ที่วังจุฑาเทพได้"
"แม่นแล้ว ข้อยเป็นชาวเวียงภูคำ แล้วข้อยกะฮู้เฮื่องทุกอย่างของเวียงภูคำมากกว่าไอ้ขี้ฑูตอย่างเจ้า ก่อนที่บ้านเมืองจะวิบัติจังซี้ แผ่นดินของเฮาได้ชื่อว่า ราชอาณาจักรเวียงภูคำ”
ชัชวีร์และรณพีร์เดินเข้ามาอีกทาง เพิ่งรู้ข่าวเรื่องฑูตทองสิน
"The kingdom of เวียงภูคำ, Kingdom ที่มีความหมายมากกว่าคำว่า ราชอาณาจักร แต่ยังหมายถึง แผ่นดินที่ปกครองโดยพระราชาที่มีเมตตาธรรม ไม่ใช่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้"
"ถ้าแผ่นดินของเฮาบ่มีเจ้าหลวงสุริยวงศ์ ชาวเวียงภูคำกะบ่มีวันได้มีชีวิตที่สงบสุขดอก มีแต่ข่าวก่อจลาจลทุกวัน ผู้คนอดอยากล้มตายไปเท่าใด๋ คนดีๆบ่มีที่ยืน แต่คนเลวทรามกลับได้ดี เป็นจังซี้บ้านเฮือนเฮาถึงได้ล่มจม !"
"บ่แม่น ! ตอนนี้แผ่นดินเวียงภูคำสงบสุขแล้ว นายพลเซกองบ่ใช่เผด็จการ ท่านแค่ช่วยดูแลบ้านเมืองแทนเจ้าหลวงชั่วคราวเท่านั้น พวกเจ้าคงบ่ฮู้ล่ะซิว่า เจ้าหลวงสุริยวงศ์เสด็จนิวัตเวียงภูคำแล้ว" ทองสินว่า
"เป็นไปได้ยังไง ถ้าข่าวนี้เป็นความจริง พวกเราก็ต้องรู้กันแล้ว" รัชชานนท์บอก
"พวกเผด็จการก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น แก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ ก็ปล่อยข่าวหลอกประชาชนไปวันๆ"
"บ่เซื่อ ข้อยกะบ่บังคับ พวกเจ้ารอให้ฮอดมื้อที่เจ้าหลวงส่งมอบบัลลังก์ให้เจ้ารัชทายาทกะแล้วกัน"
ทองสินเดินออกไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่สองคนอย่างไม่สนใจอะไรอีก
"เจ้ารัชทายาทอะหยัง กะเจ้ารัชทายาทของเฮายืนอยู่ตรงนี้"
"ใคร เธอหมายถึงใคร สร้อยฟ้า" รณพีร์ถาม
"ข้อยกะหมายถึงคุณชัชวีร์น่ะซิ ! คุณชัชวีร์บ่ใช่ลูกของคุณชายอนุพันธ์ แต่เป็นพระโอรสของเจ้าหลวงสุริยวงศ์ เพิ่นเป็นเจ้ารัชทายาทของเฮา"
"เจ้ารัชทายาท"

รณพีร์นิ่งอึ้งมึนงงไป

ภายในวังภูคำวงศ์ เช้าวันใหม่ ในบรรยากาศหดหู่แห้งแล้ง นายพลเซกองยืนอยู่ที่ระเบียงมองไปที่เบื้องล่างที่เป็นลานกว้างหน้าวัง

เหล่าทหารเวียงภูคำยืนเฝ้าระวังอยู่ที่ระเบียงและมุมต่างๆที่เซกองยืนอยู่ รวมทั้งที่ซุ่มอยู่ตามมุมต่างๆของวัง
บริเวณลานหน้าวัง โพนโฮง ผู้นำมวลชนถือโทรโข่ง ปลุกเร้ากลุ่มมวลชนขึ้นร่วมประท้วงต่อต้านเซกองอย่างอื้ออึง มีมวลชนเข้าร่วมมากมาย
"เจ้าหลวง ! เจ้าหลวง ! กลับมา"
กลุ่มคนขานรับ
"กลับมาๆๆๆ"
"เซกอง ออกไปๆๆๆ"
"ออกไปๆๆๆ"
กระสุนสาดมาจากหลายทิศหลายทาง โพนโฮงกับฝูงมวลชนแตกฮือแยกกันออกไป เสียงกรีดร้องตกใจดังลั่นและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังระงม

เซกองยืนมองลงไปเห็นฝูงชนวิ่งหนีตายกันอลหม่านอย่างพอใจ ก่อนเดินผละกลับเข้ามาด้านใน วีระวงส์ เจ้าหลวงหุ่นเชิดของเซกองเดินพล่านไปมาอย่างไม่เป็นสุข
"เซกอง...เออ ท่านนายพล ข้อยบ่อยากเป็นเจ้ารัชทายาท เจ้ายกตำแหน่งนี้ให้ไผไปกะได้ แต่อย่าให้ข้อยเลย จังได๋เจ้ากะเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองนี้แต่เพียงผู้เดียว เจ้าสิยกไผขึ้นเป็นเจ้าหลวงกะบ่สำคัญ"
"เจ้าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว เจ้าวีระวงส์ เจ้าบ่มีอำนาจ บ่มีสติปัญญาเฮ็ดอะหยัง นอกจากใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ ข้อยสิควบคุมไผได้ง่ายคือเจ้าเล่า"
"ข้อยบอกแล้วว่า ข้อยบ่อยากเป็น บ่อยากได้ บ่ว่าตำแหน่งเจ้ารัชทายาท หรือว่าเจ้าหลวง ข้อยขอเป็นเจ้าปลายแถวจังซี้ ข้อยต้องการชีวิตที่สุขสงบ ข้อยบ่อยากตาย"
"เจ้าเป็นคนของข้อย ไผสิมาเฮ็ดอะหยังเจ้าได้ แม้แต่เจ้าหลวงกะยังอยู่ในกำมือของข้อย แล้วเจ้าสิต้องย่านอะหยัง"
เซกองจ้องมองวีระวงส์อย่างหงุดหงิดรำคาญใจ

พ่อใหญ่ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดิน มือเท้าถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน เซกองเดินอาดๆเข้ามาพร้อมกับวีระวงส์ โดยมีทหาร 2 คนตามหลังมา เซกองชะงัก เมื่อเห็นพ่อใหญ่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่สงบเกินคาด
"เจ้าหลวง"
"บ่ต้องถาม คำตอบของเฮากะยังคือเก่า" พ่อใหญ่บอก
"สุริยวงศ์ ! ถ้าเจ้าบ่ยอมยกบัลลังก์ให้เจ้าวีระวงส์ กะอย่าได้หวังเลยว่า สิได้ออกไปจากคุกนี่ เจ้าเลือกเอา เจ้าสิอยากอยู่อย่างสุขสบายจนแก่ตายหรือว่าอยากตายอย่างอนาถ"
“อันว่าความตายนี้เปิงเป็นทั้งโลก คันมันมาฮอดแล้วหนีได้กะบ่กลาย”
"เจ้าบ่ย่านความตาย ! ดี ! เจ้าสิได้ตายสมใจ"
"เจ้าหลวง ! ทรงพระกรุณาด้วยเถอะ พระเจ้าข้า เฮ็ดตามที่นายพลเซกองขอร้องเถอะ เกล้ากระหม่อมบ่อยากให้ไผต้องมาจบชีวิตจังซี้ จังได๋หมู่เฮากะมีเชื้อสายพูคำวงศ์คือกัน... แม้แต่เจ้าเอง ท่านนายพล เจ้ากะเป็นลูกหลานของราชวงศ์นี้" วีระวงส์บอก
"แล้วเป็นหยังประชาชนถึงได้ต่อต้านข้อย เป็นหยังพวกมันถึงเรียกร้องแต่ไอ้เจ้าหลวงคนนี้เล่า"เซกองว่า
"แผ่นดินเวียงภูคำบ่ใช่ของวงศ์ตระกูลใด แต่เป็นของประชาชนทุกคน บ่ว่าไผ มีสายเลือดเจ้าหรือเป็นประชาชนเดินดิน ถ้าหากว่าสามารถปกครองบ้านเมืองนี้ให้ร่มเย็นเป็นสุขได้ เฮาสิยกให้เป็นเจ้าหลวงโดยบ่มีเงื่อนไข แต่ว่าเจ้าบ่มีคุณธรรม เจ้าบ่มีวันเป็นเจ้าหลวงได้"
"ต้องเจ้าเท่านั้นใช่บ่ที่สิเป็นเจ้าหลวงได้ ประชาชนเรียกร้องต้องการเจ้านักได้! มื้ออื่นข้อยสิส่งเจ้ากลับคืนไปให้พวกมัน ข้อยสิเบิ่งว่า เจ้าหลวงที่บ่มีลมหายใจแล้ว สิปกครองบ้านเมืองนี้ได้จังได๋"
เซกองเดินปึงปังออกไป วีระวงส์เงอะงะๆแล้วรีบตามเซกองไป...
ทหารเวียงพ฿คำ 2 คนลากไกสอนที่โดนทรมานจนสะบักสะบอมโยนเข้าห้องขังอีกห้องพ่อใหญ่มองไกสอนที่นอนไม่ได้สติ

เซกองเดินพรวดพราดอย่างอารมณ์เสียออกจากทางคุกใต้ดิน วีระวงส์กระหืดกระหอบเดินตามมาดึงเซกองไว้ ทหาร 2 คนเดินตามอยู่ห่างๆ
"ท่านนายพลๆ ท่านสิฆ่าเจ้าหลวงอีหลีบ่ บ่ได้นะ บ่ได้ ถ้าเจ้าเฮ็ดอะหยังเจ้าหลวง เฮาสิถูกทุกประเทศคว่ำบาตร ตอนนี้เวียงภูคำต้องการความช่วยเหลือทุกด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการเงิน"
"เซาๆ!! บ่ต้องเว้าโพด ข้อยยังบ่เฮ็ดอะหยังเจ้าหลวงในตอนนี้"
"เจ้าเว้าจังซี้ หมายความว่าจังได๋"
"กะหมายความว่า ตราบใดที่ข้อยยังใช้ประโยชน์จากเจ้าหลวงได้ ข้อยกะยังบ่ดับชีวิตเพิ่นน่ะซิ"
"เจ้าคึดสิใช้เจ้าหลวงให้เฮ็ดอะหยัง"
"เป็นหยังต้องถาม เจ้าหัดคึดเองเป็นบ่ ข้อยกะต้องให้เจ้าหลวงแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นเจ้าหลวงองค์ใหม่ก่อนน่ะซิ เมื่อมีเจ้าหลวงองค์ใหม่แล้ว ข้อยสิเก็บเจ้าหลวงองค์เก่าไว้เฮ็ดอะหยัง"

เซกองนิ่งด้วยสีหน้าที่เหี้ยมโหด

ภายในคุกใต้ดิน พ่อใหญ่ขยับไปนั่งชิดติดกับห้องขังของไกสอนที่ค่อยๆฟื้นคืนสติแล้ว เขาค่อยๆขยับตัวไปพิงผนังห้องขังไว้

"เจ้าหลวง"
"เฮาติดคุกหลวงจังซี้ สิเป็นเจ้าหลวงได้จังได๋ นับตั้งแต่เฮาก้าวออกไปจากแผ่นดินเวียงภูคำ เฮากะบ่ใช่เจ้าหลวงแล้ว ถ้าเฮาเป็นเจ้าหลวงอีหลี เฮาคงบ่ทิ้งประชาชนไว้เบื้องหลัง"
"ฝ่าพระบาทบ่ได้ทิ้งประชาชน ถ้าคราวนั้นพวกเฮาบ่หนีไป พวกเฮากะต้องถูกไอ้เซกองฆ่าตายเหมิดสิ้น"
"แต่เฮาปกป้องชีวิตลูกเมียตัวเองบ่ได้"
"เฮายังบ่ฮู้แน่ว่า เจ้ารังสิมันตุ์ยังมีชีวิตอยู่บ่ ฝ่าพระบาทเคยตรัสอยู่เสมอ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ กะอย่าได้หมดหวัง บักทับทิมต้องหนีรอดไปได้อีหลี เพิ่นสิต้องส่งข่าวฮอดเจ้าสร้อยฟ้า"
"ถ้าหากว่าเจ้าสร้อยตามหารังสิมันตุ์บ่เจอ เฮากะบ่ต้องการให้เพิ่นกลับมา ลูกสาวของเฮาควรสิมีชีวิตคือแม่หญิงผู้อื่น ได้อยู่กับผู้บ่าวที่เพิ่นฮัก แค่นี้เฮากะบ่ต้องการอะหยังแล้ว แต่เจ้าลูกสาวผู้นี้ เพิ่นบ่เคยเซื่อพ่อมันเลย"
พ่อใหญ่ยังยิ้มได้เมื่อนึกถึงสร้อยและแน่ใจว่าลูกสาวคงกำลังก่อเรื่องอยู่อย่างแน่นอน

ภายในห้องพัก เรือนคนใช้ ของเช้าวันใหม่ สร้อยกระชากคอเสื้อทับทิมขึ้นมา ทั้งๆที่ทับทิมอยู่ในสภาพย่ำแย่ นอนแหมะอยู่ที่ฟูก
"เป็นหยังบ่ฮู้ ! เจ้าบ่ฮู้ได้จังได๋"
"ข้อยบ่ฮู้อีหลี"
จ่อยโผเข้ามาดึงสร้อยให้หลุดออกมาจากทับทิม
"อีสร้อยเอ๊ย เจ้าสิฆ่าบักทับทิมหรือจังได๋ มันเจ็บหนักปานตาย เจ้าบ่เห็นบ่"
"คุณชายภัทรบอกว่า มันบ่เป็นหยังแล้ว แค่โดนฟันโดนยิงบ่กี่แผล แค่นี้ เฮ็ดคือสิตาย พ่อใหญ่ของข้อยสิ บ่ฮู้ว่า เป็นตายร้ายดีจังได๋ บักทับทิม ! เล่ามาใหม่ตั้งแต่ต้น"
ทับทิมกัดฟันลุกขึ้นนั่งพิงฝาห้อง
"ข้อยบ่ฮู้อีหลี พอไอ้พวกทหารเวียงบุกเข้ามา ลูกกระสุนกะปลิวว่อนไปทั่ว แล้วอยู่ๆรอบๆตัวข้อยกะมืดดับไป ข้อยมาฮู้ตัวอีกทีกะเห็นแฮรี่นอนเจ็บอยู่ตรงหน้า คนของเฮาถูกฆ่าตายเหมิด แต่บ่..บ่มีศพของพ่อใหญ่กับลุงไกสอน"
ทั้งสร้อยกับจ่อยต่างนั่งกอดเข่า นิ่งอึ้งเครียด ไม่รู้ชะตากรรมของพ่อตัวเอง ทับทิมชกฝาผนังอย่างเจ็บใจและเจ็บปวด
"ข้อยสมควรตาย ! ข้อยปกป้องพ่อใหญ่บ่ได้"
สร้อยกับจ่อยต่างพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่ก็กลั้นไว้ไม่อยู่ !

ภายในห้องห้าสิงห์ วังจุฑาเทพ เวลาเดียวกัน ชัชวีร์เดินเข้ามาในห้อง คุณชายทุกคนลุกขึ้นยืนกันพรึ่บพรั่บ ยกเว้นรัชชานนท์ที่ลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ธราธรจะก้มลงทำความเคารพเป็นคนแรก แต่ชัชวีร์พูดขัดขึ้นมาก่อน
"พี่ชายใหญ่ครับ ผมขอร้องล่ะครับ"
"พี่ๆ ทุกคนครับ เจ้าชายชัชวีร์ของเรา ขอร้องให้ทุกคนทำตัวเหมือนเดิม ไม่งั้นเราจะทำงานใหญ่กันลำบาก ถ้ามัวแต่มาฝ่าพระบาท - พระเจ้าข้า กัน ตกลงตามนี้นะครับ" รณพีร์ก้มโค้งให้ชัชวีร์ - "ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม"
"ไอ้พีร์"
"ไอ้ชัช ! เหมือนเดิมพอหรือยัง ตอนนี้เราทุกคนก็รู้แล้วว่า นายเป็นใคร พวกเราคุยกันหลายครั้งหลายหน และทุกครั้งเราก็สรุปกันได้ว่า..."
"เราทุกคนจะไปช่วยนายกอบกู้บัลลังก์เวียงภูคำกลับคืนมา" รัชชานนท์บอก
"ผมยอมให้ทุกคนไปเสี่ยงตายเพื่อผมไม่ได้หรอกครับ ทุกคนมีครอบครัว มีคนที่รักรออยู่ ถ้าหากมีใครเป็นอะไรไป ผมมีกี่ชีวิตก็ชดใช้ให้ไม่ได้"
"เราไม่ได้ไปเสี่ยงเพื่อนายคนเดียว เราทำเพื่อชาวเวียงภูคำด้วย" ธราธรบอก"พวกนายเข้าเวียงภูคำไม่ได้แน่ ถ้าไม่มีฉัน" ปวรรุจบอก
"ถ้าอยากรักษาชีวิตทหารของนาย นายต้องมีฉันเป็นเสนารักษ์" พุฒิภัทรว่าชัชวีร์พูดขัดก่อนที่รณพีร์จะพูด
"เดี๋ยวก่อน ไอ้พีร์ นายฟังฉันก่อน ฉันไม่อยากมีปัญหากับทางกองทัพไทย"
รณพีร์ถอดยศที่ติดอยู่ออกจนหมดแม้แต่ป้ายชื่อที่หน้าอก
"ฉันจะไปร่วมกับกองกำลังกู้ชาติเวียงภูคำในฐานะเพื่อนของนาย ไม่เกี่ยวกับกองทัพเหล่าไหน แล้วฉันก็รวบรวมเพื่อนๆเสืออากาศที่พร้อมสู้ไปกับนาย หมดปัญหาได้หรือยัง"
ชัชวีร์นิ่งอึ้งตื้นตันด้วยความขอบคุณ แล้วทุกคนก็ต้องหันไปมองรัชชานนท์ที่ไม่ได้พูดต่อ
"ฉันมีเมียเป็นชาวเวียงภูคำรักชาติยิ่งกว่าชีวิต ยังไงฉันก็ต้องไปกับนายอยู่แล้ว แต่ฉันมีเรื่องต้องขอร้องนาย"

รัชชานนท์อยากจะขอร้องชัชวีร์ช่วยห้ามสร้อยฟ้าไว้

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 11 (ต่อ)

สร้อยเผ่นพรวดๆลงจากเรือนพร้อมกับย่ามผ้าเตรียมพร้อมออกเดินทาง รัชชานนท์กับชัชวีร์กระโดดลงจากเรือนวิ่งตาม จ่อยวิ่งมาอีกทางเพื่อดักหน้าไว้

สร้อยเจอจ่อยก็ต้องชะงัก
"ไอ้บักจ่อย! เจ้าอยากตายบ่"
รัชชานนท์ตามมาทางด้านหลังเข้าไปดึงตัวสร้อยไว้ได้
"ปล่อย ! ข้อยต้องไปช่วยพ่อใหญ่ ไผกะมาห้ามข้อยบ่ได้"
"แล้วเจ้ารัชทายาทล่ะ ห้ามเธอได้มั้ย"
สร้อยสะบัดตัวออกจากรัชชานนท์
"พอจังซี้กะเอายศเอาตำแหน่งมาขู่ ไผนะเคยเว้าไว้ว่า ตราบใดที่ผมยังไม่ได้กอบกู้แผ่นดินเวียงภูคำกลับคืนมา ผมก็ยังเป็นนายชัชคนเดิม”
สร้อยจ้องหน้าชัชวีร์ เธอจำคำพูดของชัชวีร์ได้ทุกคำ
"เธอยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อใหญ่" ชัชวีร์บอก
"พ่อใหญ่หายตัวไป จังได๋ข้อยกะต้องไปตามหา เป็นหยังต้องฮู้อะหยังมากกว่านี้อีก"
"พ่อของข้อยกะหายไปคือกัน เจ้าคึดว่า ข้อยบ่ทุกข์ร้อนบ่ ตอนนี้เจ้าต้องใจเย็นๆไว้ก่อน เจ้าต้องฟังคุณชัชเพิ่น" จ่อยว่า
"บ่ฟัง ข้อยใจเย็นคือเจ้าบ่ได้ บ่ใช่คุณชัชนี่ เจ้าหลวงถูกไอ้เซกองจับตัวไปกี่มื้อเข้าไปแล้ว บ่คึดเฮ็ดอะหยังเลย"
"เราคิดวางแผนการกันทุกวัน เรื่องใหญ่อย่างนี้เราจะผลีผลามได้ยังไง"
"ถ้าพวกเจ้าขืนคึดมาก เฮ็ดอะหยังชักช้า ไอ้เซกองได้ฆ่าเจ้าหลวงแน่"
"เรื่องไอ้เซกองจับตัวเจ้าหลวงไป พี่ชายใหญ่กับพี่ชายภัทรกำลังสืบหาความจริงอยู่ เราจะไปเชื่อคำพูดคนของไอ้เซกองง่ายๆไม่ได้หรอก" ชัชวีร์ว่า
"แต่ข้อยเซื่อที่มันเว้า มันบ่จำเป็นต้องบอกเฮื่องนี้ให้เฮาฮู้ ถ้าไอ้เซกองบ่มีเจ้าหลวงอยู่กำในมือ มันกะแต่งตั้งเจ้าหลวงองค์ใหม่บ่ได้"
"เรากำหนดวันเดินทางกันแล้ว เราทุกคนจะไปช่วยเจ้าหลวงกัน ยกเว้นเธอกับจันทา ห้ามไป นี่เป็นคำสั่งของเจ้ารัชทายาท" รัชชานนท์บอก
"ข้อยสิไป ! ถ้าบ่ให้ข้อยไปด้วย ข้อยกะสิหนีไปเอง หรือว่าเจ้าคึดจะขังข้อยไว้อีก ฝันไปเถอะ"
รัชชานนท์ ชัชวีร์ และจ่อยมองหน้ากันอย่างหนักใจ
"ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอไป ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ก็ไม่ให้ไป"
"ข้อยเป็นเมียเจ้า เจ้าไปไส ข้อยต้องไปด้วย ถ้าบ่ให้ข้อยไป กะไปหย่ากัน ตกลงยังสิห้ามบ่ให้ข้อยไปอีกบ่"
สร้อยยืนเอาเรื่องจ้องผู้ชายตัวโตๆสามคนอย่างไม่กลัวไอ้หน้าไหน

วังกิตติวงศ์ ชัชวีร์กับอนุพันธ์รีบเร่งเข้าไปในห้องทำงานเพื่อคุยเรื่องแผนการช่วยเจ้าหลวง ดารณีนุชเห็นท่าทางรีบร้อนของพ่อลูกแล้วนึกสงสัย
ในห้องทำงาน อนุพันธ์นิ่งคิดอย่างสุขุม ชัชวีร์เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ
"ฝ่าพระบาท..."
ดารณีนุชยืนแอบฟังอยู่ที่หน้าประตูที่ปิดไม่สนิทนัก เธอขยับตัวฟังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"ตอนนี้ผมขอเป็นนายชัชเถอะนะครับ คุณพ่อ... สร้อยฟ้าแน่ใจว่า กองกำลังกู้ชาติพร้อมแล้ว ทางนี้ผมกับชายพีร์ก็พอจะรวบรวมเพื่อนทหารมาช่วยกันได้ แต่มีปัญหาเรื่องที่จะข้ามชายแดนไปที่เวียงภูคำ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย ทางชายแดนฝั่งไทยมีกลุ่มลูกหลานชาวเวียงภูคำรวมตัวกันเป็นกองกำลังอาสา คอยช่วยเหลือชาวเวียงภูคำที่หนีตายข้ามมาฝั่งไทย พ่อเคยส่งทหารไปช่วยเหลือหลายครั้ง พ่อแน่ใจว่า พวกเขาต้องยินดีช่วยเจ้ารัชทายาทแน่"
ดารณีนุชนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินคำว่าเจ้ารัชทายาท
"คุณพ่อครับ ถึงผมจะเป็นสายเลือดของราชสกุลพูคำวงศ์ แต่ผมก็ไม่มีวันลืมว่า ที่ผมมีวันนี้ได้เพราะใคร เจ้าหลวงเป็นผู้ให้กำเนิด แต่คุณพ่อคือผู้ให้ชีวิต ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ นอกจาก..."
ชัชวีร์จะคุกเข่าลงกราบ แต่อนุพันธ์ดึงไว้
"ไม่ได้ ! ถึงลูกยังไม่ได้เป็นเจ้ารัชทายาทในตอนนี้ แต่ก็ห้ามคุกเข่าลงให้ใคร ห้ามเด็ดขาด พ่อเองก็ไม่ใช่พ่อที่ดีนัก พ่อรู้ว่า ลูกไม่เคยมีความสุขในบ้านนี้เลย ชีวิตพ่อมีข้อจำกัดหลายข้อ ไม่งั้นลูกคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้"
"คุณพ่อเลี้ยงผมมาอย่างดีที่สุดแล้วล่ะครับ"
ชัชวีร์ก้มลงไหว้ อนุพันธ์ดึงชัชวีร์เข้ามากอด ดารณีนุชได้ยินและเข้าใจเรื่องชัชวีร์แจ่มแจ้งก็รีบผละออกไป
"ขอบคุณนะครับ คุณพ่อ ขอบคุณที่รักและดูแลผมมาตลอด..ขอบคุณจริงๆ ครับ ขอบคุณจริงๆ"

ดารณีนุชยืนนิ่งคิดเรื่องที่ชัชวีร์เป็นเจ้ารัชทายาทของเวียงภูคำ เธอตัดสินใจหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมุนโทรหาคนที่จะใช้ทำงานสกปรก เธอยืนรอฟังอีกฝ่ายยกหูรับโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปลี่ยนใจวางโทรศัพท์ลง
"สวัสดีครับ"
ดารณีนุชรีบพูดสายก่อนที่จะเปลี่ยนใจ
"นี่ฉันเอง ช่วยหาคนไปส่งข่าวให้ท่านฑูตทองสินที ใช่ ฑูตของเวียงภูคำนั่นแหละ...ข่าวเจ้ารัชทายาท ก็พระองค์เป็นพระโอรสของเจ้าหลวงสุริยวงศ์ แกคิดว่ายังไงล่ะ คนไหนที่เป็นเจ้ารัชทายาทตัวจริงของเวียงภูคำ ! ฉันเป็นคนเดียวที่รู้ว่า พระองค์อยู่ที่ไหน และกำลังจะทำอะไร พรุ่งนี้ส่งคนมารับรายละเอียดก็แล้วกัน"
ดารณีนุชวางโทรศัพท์ลง รู้ตัวว่ากำลังทำเรื่องที่ผิดร้ายแรงระดับชาติ เธอยอมตัดใจ อย่างไม่คิดอะไรแล้ว ทุกอย่างลงมือไปแล้ว หยุดไม่ได้
ดารณีนุชหันมากลับจะเดินเข้าข้างในแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นศินีนุชยืนรออยู่
"ลูกได้ยินอะไรบ้าง"
ศินีนุชไม่ได้ยินทั้งหมดและยังไม่เข้าใจอะไรนัก
"เจ้ารัชทายาท คุณแม่ไปรู้จักเจ้ารัชทายาทที่ไหนหรือคะ แล้ว..คุณแม่คุยกับใครทางโทรศัพท์คะ ให้ส่งคนมาทำอะไร"
"เรื่องนี้ลูกไม่ต้องรู้หรอก"
"ถ้าคุณแม่ทำอะไรหลบๆซ่อนๆอย่างนี้ แสดงว่าคุณแม่กำลังทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถ้าคุณแม่ไม่บอก นุชไปเรียนถามคุณพ่อนะคะ คุณพ่ออาจจะรู้เรื่องเจ้ารัชทายาทอะไรนี่ก็ได้"
ดารณีนุชรีบดักไว้
"คุณพ่อรู้เรื่องนี้แล้ว รู้ดีเสียด้วย แม่รู้เรื่องเจ้ารัชทายาทมาจากคุณพ่อของลูกนั่นแหละ เจ้ารัชทายาทแห่งเวียงภูคำ มีชื่อว่า เจ้ารังสิมันตุ์ หรือที่เรารู้จักในชื่อหม่อมหลวงชัชวีร์ เทวพรหม"
"เป็นไปได้ยังไงคะ พี่ชัชกลายเป็นเจ้าชายไปได้ยังไงกัน"
"นี่คงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อไม่ยอมบอกว่า แม่ของนายชัชเป็นใคร ไม่ยอมบอกแม้แต่ชื่อ แม่เพียรพยายามสืบหาเป็นสิบปี ก็ไม่เคยพบคำตอบ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ไอ้ลูกขี้ครอกกลับมาเป็นลูกของเจ้าหลวงได้"
"ถ้าพี่ชัชเป็นเจ้ารังสิมันตุ์ พี่ชัชก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลยน่ะซิคะ คุณแม่ไม่ดีใจหรือคะ ที่คุณพ่อไม่ได้นอกใจคุณแม่ โธ่เอ๊ย ทำไมคุณพ่อไม่บอกความจริงตั้งแต่แรก คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องมาโกรธกัน เกลียดกันอย่างนี้ แล้วเรื่องที่คุณแม่คุยโทรศัพท์"
ดารณีนุชดึงศินีนุชเข้ามากอดแน่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
"แม่แค่อยากคุยกับคนที่วางใจได้เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรหรอก ลูก แม่ดีใจ ดีใจมากที่นายชัชไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ แต่มันคงไม่ได้ทำอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอก คุณพ่อของลูกก็ยัง...ก็ยังรักมัน"
ดารณีนุชกอดศินีนุชไว้ ทำให้ลูกสาวไม่ได้เห็นแม่ว่า สีหน้าของแม่ทั้งรัก ทั้งแค้นอนุพันธ์อย่างแน่นอก และคิดไปแก้แค้นให้หายเจ็บปวดกับชัชวีร์โดยไม่คิดว่าจะมีผลอะไรกับใครบ้าง
ดารณีนุชพึมพำ
"คุณยังรักมัน..นังส่องดาวกับลูกของมัน"
ดารณีนุชกอดลูกสาวน้ำตาไหลพราก ด้วยความทุกข์ใจที่ไม่เคยจบสิ้น

วังกิตติวงศ์ในตอนเช้าของวันใหม่ อนุพันธ์เดินออกมาส่งชัชวีร์ที่สะพายกระเป๋าทหาร
ศินีนุชรู้เรื่องจากดารณีนุชแล้วว่า ชัชวีร์เป็นเจ้ารังสิมันตุ์ เธอรีๆรอๆไม่รู้จะทำตัวยังไง
"ผมลานะครับ คุณพ่อ"
ชัชวีร์ยกมือไหว้ลา อนุพันธ์ดึงชัชวีร์มากอดและตบไหล่ให้กำลังใจ
"ขอให้ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ถึงเราไม่ได้มีโอกาสเจอกันอีก แต่ขอรู้ไว้ว่า พ่อคนนี้จะคอยดูลูกอยู่เสมอ"
ชัชวีร์หันไปไหว้ดารณีนุช
"ผมลานะครับ คุณหญิง"
"หวังว่า คงจะไม่ต้องเจอกันอีก"
ดารณีนุชไม่รับไหว้เดินออกไปเสียเฉยๆ ศินีนุชหน้าเสีย ยืนนิ่งบื้อใบ้อยู่
"น้องนุช"
ศินีนุชโผเข้ากอดชัชวีร์ ดีใจที่ชัชวีร์ไม่ถือโทษโกรธที่เคยเหวี่ยงวีนใส่
"พี่เข้าใจ... ถ้าน้องนุชเห็นว่าพี่ชัชยังเป็นพี่ชาย"
"นุชขอโทษ...นุชขอโทษนะคะ นุชไม่เคยเกลียดพี่ชัชนะคะ พี่ชัชต้องกลับมานะ นุชจะรอพี่ชัชกลับมา"

ชัชวีร์มองอนุพันธ์ชั่วอึดใจแล้วเดินออก อนุพันธ์มองตามลูกชายจนลับตา

การเดินทางไปยังเขตชายแดนที่ติดกับเวียงภูคำ มีรถทหารไร้สังกัดคันใหญ่ 2 คัน ที่แล่นตะบึงไม่หยุด เพื่อมุ่งตรงไปเขตชายแดน

ภายในรถ รัชชานนท์ สร้อย จ่อย ชัชวีร์ และพร้อมเพื่อนทหารอากาศที่อาสามาด้วยเต็มคันรถ บรรยากาศฮึกเหิม สร้อยกับจ่อยเตรียมพร้อม คิดแต่เรื่องเวียงภูคำ
รัชชานนท์กับชัขวีร์ที่มีความในใจกับเหตุการณ์ก่อนออกเดินทาง ต่างนิ่งคิด ...

รัชชานนท์กับสร้อยก้มลงกราบลาหม่อมเอียด จ่อยนั่งห่างออกไป ก้มลงกราบตาม จันทามองทุกคนอย่างเป็นห่วงแต่ไม่กล้าพูดอะไร
"ผมฝากกราบลาย่าอ่อนด้วยนะครับ หม่อมย่า"
หม่อมเอียดมองทั้งสามที่ใส่ชุดรัดกุมอย่างสังหรณ์ใจ
"แล้วทำไมไม่ไปลาเองล่ะ ก็แค่จะพาสร้อยฟ้ากับจ่อยกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ย่าอ่อนคงไม่ห้ามปรามอะไรหรอก"
"เราต้องรีบออกเดินทาง เรารอไม่ได้จริงๆ น่ะครับ"
"มีเรื่องอะไรกันแน่ แล้วทำไมถึงประจวบเหมาะอย่างนี้ ทุกคนถึงต้องไปเวียงภูคำกันหมด ชายใหญ่ก็บอกว่าไปเพราะเรื่องของทางกรมฯ ชายรุจ ชายภัทร แล้วก็ชายพีร์เลยขอตามไปกันหมด"
รัชชานนท์พูดไม่ได้มาก
"ครับ เป็นเรื่องประจวบเหมาะจริงๆ"
หม่อมเอียดรู้ทัน
"ย่าควรรู้แค่นี้ก็พอใช่มั้ย"
"ผมขออธิบายทุกอย่างตอนที่พวกเรากลับมาก็แล้วกันนะครับ"
จ่อยหลุดปาก
"บ่ฮู้ว่าสิได้กลับมาครบคนบ่"
สร้อยเห็นหม่อมเอียดชะงักไปนิด อย่างใจไม่ดี
"ดิฉันรับปากคุณท่านได้เลยว่า คุณชายทุกคนจะต้องกลับมาค่ะ"
"เธอด้วยนะ แม่สร้อยฟ้า เธอก็ต้องกลับมาพร้อมกับหลานชายของฉันด้วย"
รัชชานนท์หันไปยิ้มกับสร้อยอย่างดีใจที่ดูเหมือนหม่อมเอียดจะยอมรับสร้อยขึ้นบ้างแล้ว
"ส่วนแม่จันทา...ตอนนี้เขาขึ้นแท่นเป็นคนโปรดของแม่อ่อนไปแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเลย แล้วย่าจะดูแลให้เอง แต่เราทุกคนต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยล่ะ"
จ่อยมองจันทาอย่างเป็นห่วง รัชชานนท์ตรงเข้าไปกราบที่ตักของหม่อมเอียดอีกครั้ง สร้อยมองรัชชานนท์อย่างซึ้งใจ ที่เสียสละครอบครัวเพื่อไปเวียงภูคำกับเธอ

รถทหารไร้สังกัดแล่นมาสุดเขตทางรถ ทุกคนกระโดดลงจากรถ และต้องเริ่มเดินเท้าเข้าไปในป่าในเขตชายแดนเพื่อไปให้ถึงกองกำลังฯที่อยู่ชายแดน
ทับทิมเริ่มเดินนำทางไป ทุกคนเดินตามทับทิมอย่างเร่งรีบ ชัชวีร์ครุ่นคิดเรื่องจันทา

จ่อยกับจันทาเดินออกมาจากทางเรือนหม่อมเอียด ชัชวีร์เดินเข้ามาหยุดรีรออยู่เพื่อจะมาลาจันทาไปเวียงภูคำ แต่จันทากับจ่อยยังไม่ทันเห็นชัชวีร์
"จันทา..ฮักษาตัวด้วยเด้อ อย่าเฮ็ดงานหนัก เดี๋ยวสิเจ็บไข้ได้"
"ข้อยต่างหากที่สิต้องเป็นห่วงอ้ายจ่อย พวกเจ้ากำลังไปเฮ็ดงานใหญ่ บ่ฮู้ว่า มีอันตรายอะหยังฮออยู่ข้างหน้าบ้าง เจ้าต้องฮักษาตัวให้ดีเด้อ อ้าย"
"บ่ต้องเป็นห่วง ข้อยสิต้องได้กลับมารับเจ้าไปอยู่เวียงภูคำด้วยกันแน่W
จันทาชะงักกระอักกระอ่วน ไม่อยากทำให้จ่อยเสียใจ
"บ่..บ่ใช่อย่างที่เจ้าคึด เจ้าเป็นชาวเวียงแน่แท้บ่ต้องสงสัย ถ้าเจ้าอยากกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของเฮา ข้อยเป็นอ้ายของเจ้าแม่นบ่ ข้อยกะต้องกลับมาฮับเจ้า แต่ถ้าเจ้าอยากอยู่เป็นน้องสาวคุณชายเล็กที่นี่ กะตามใจเจ้าเด้อ"
"บ่ต้องห่วงข้อยเลย อ้ายจ่อย ตอนนี้ขอให้เจ้าคึดถึงภาระหน้าที่ที่มีต่อเวียงภูคำเท่านั้นกะพอแล้ว"
"แล้วกะภาระหน้าที่ที่ต้องฮับใช้เจ้ารัชทายาทด้วย"
จันทาอึ้งไป พร้อมๆกับชัชวีร์ก้าวเข้ามาให้เห็นตัว จ่อยรีบออกไปปล่อยให้ชัชวีร์ได้มีโอกาสคุยกับจันทา จันทามองชัชวีร์อย่างอึดอัดใจ แล้วตัดสินใจเดินออกไป ทิ้งให้ชัชวีร์ยืนอึ้ง

ชัชวีร์รีบเดินตามจันทาจนทัน แล้วรีบดึงแขนเธอไว้
"จันทา...ฉันให้สัญญา เรื่องของเราสองคนจะไม่มีวันเปลี่ยนไป"
จันทาหันกลับมามองชัชวีร์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จนชัชวีร์ต้องปล่อยมือจากจันทา
"เราอย่าหลอกตัวเองกันดีกว่าค่ะ นาทีที่รู้ว่า คุณชัชเป็นใคร จันทาก็รู้แล้วว่า เรื่องของเราคงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป"
"ฉันจะไม่ยอมให้ใครมากำหนดชีวิตของฉันได้"
"ตอนนี้คุณชัชเป็นเจ้ารังสิมันตุ์...เจ้ารัชทายาทแห่งเวียงภูคำ แล้วอีกไม่นานก็จะได้ขึ้นเป็นเจ้าหลวง ชีวิตของคุณชัชถูกกำหนดไปแล้วล่ะค่ะ แล้วผู้หญิงอย่างจันทาก็ไม่ควรจะอยู่ในชีวิตของคุณชัชอีกต่อไป"
"ไม่นะ จันทา ฉันรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ ฉันจะกลับมา ฉันจะกลับมารับเธอไปอยู่ที่เวียงภูคำด้วยกัน"
"ลืมสัญญาของเราซะเถอะค่ะ ตอนนี้คุณชัชต้องคิดถึงชาติบ้านเมืองไว้เป็นสำคัญ"
จันทาดึงสร้อยพระจันทร์ออกมา เสียใจไม่น้อยไปกว่าชัชวีร์ เขาได้เห็นสร้อยพระจันทร์เต็มตา
"ทีแรกจันทาว่าจะมอบสร้อยพระจันทร์เส้นนี้ให้คุณชัชไว้ดูต่างหน้า แต่คงจะไม่เหมาะสมแล้ว เพราะตอนนี้จันทาไม่อาจเอื้อมได้"
ชัชวีร์หมดเรี่ยวแรง
"ไม่นะ...จันทา อย่าตัดรอนฉันอย่างนี้"
"จันทาขออวยพรให้คุณชัชกอบกู้บัลลังก์เวียงภูคำกลับมาได้สำเร็จ ไปเป็นเจ้ารังสิมันตุ์ผู้สูงศักดิ์ ที่เป็นชาติกำเนิดที่แท้จริงของคุณชัช ต่อไป จันทาคงพูดกับคุณชัชอย่างนี้อีกไม่ได้แล้ว ไม่สิ ต่อไปเราคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว ลาก่อนค่ะ คุณชัช"

จันทาเดินออกไป กำสร้อยพระจันทร์ไว้แน่นอย่างเสียใจ ปล่อยให้ชัชวีร์ยืนเศร้าและปวดร้าวใจ

ชัชวีร์พยายามตัดทุกสิ่งที่กวนใจออกไป นาทีนี้มีหน้าที่กู้ชาติที่ต้องรับผิดชอบ เขาเดินเท้าอย่างรวดเร็วอยู่ในกลุ่มของรัชชานนท์ เบื้องหน้าทุกสายตาเห็นค่ายกองกำลังกู้ชาติ ที่มีเต็นท์ทหาร 2-3 หลัง

บรรยากาศของแคมป์ทหารที่ไม่เป็นระเบียบนัก กลุ่มทหารกองกำลังง่วนเตรียมตัวอยู่ กลุ่มรัชชานนท์หยุดยืนหน้าค่ายกองกำลัง กลุ่มทหารกองกำลัง 4-5 นายลุกฮือเตรียมรับมือ
ทับทิมรีบก้าวออกมาจากกลุ่ม ยกไม้ยกมือห้ามพวกทหารกองกำลังไว้ก่อน
"เฮ้ยๆ เฮาพวกเดียวกันเด้อ จำข้อยได้บ่ ข้อยเป็นคนพาแฮรี่มาส่งที่ค่ายนี้เมื่อหลายมื้อก่อน บ่เซื่อกะไปตามแฮรี่มา"
"ไม่ต้องตามแล้ว"
แฮรี่เร่งรีบเดินเข้ามาสมทบ เขายังเดินกะเผลก และยังมีผ้าคล้องคอรั้งแขนที่ถูกยิงมา
"ทุกคนถอยออกไปๆ คนพวกนี้แหละที่จะเป็นกำลังสำคัญของพวกเรา"
สร้อยกับจ่อยวิ่งเข้าไปหาแฮรี่ทันที
"แฮรี่"
"แฮรี่ซำบายดีบ่ บักทับทิมว่า แฮรี่โดนยิงบาดเจ็บ หายดีบ่" สร้อยถาม
"ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าสร้อย..บักจ่อย...ขอโทษจริงๆที่ช่วยพ่อใหญ่กับท่านไกสอนไว้ไม่ได้ ฉันคิดว่า ทั้งสองคนคงจะถูกพาตัวข้ามไปที่เวียงภูคำแล้ว"
"เฮื่องนั้นรอก่อนได้ เฮื่องของประเทศชาติต้องมาก่อน"
"ถูกต้อง เฮาต้องไปซ่วยเจ้าหลวงกันก่อน แล้วค่อยไปตามหาพ่อใหญ่กับลุงไกสอนกัน"
แฮรี่มองสร้อยอย่างอึดอัดใจที่ยังบอกไม่ได้ว่า เจ้าหลวงกับพ่อใหญ่ก็เป็นคนเดียวกันนั่นแหละ!!
รัชชานนท์กับชัชวีร์เดินเข้ามาสมทบ แฮรี่ชะงักแล้วโค้งคารวะชัชวีร์
"เจ้ารัชทายาท"
แฮรี่หันไปบอกทหารทุกคน
"ทุกคนลุกขึ้นถวายความเคารพ...เจ้ารังสิมันตุ์ เจ้ารัชทายาทแห่งเวียงภูคำ"
ทหารกองกำลังทุกคนลุกขึ้นยืนตรงแล้วรีบทำความเคารพ ก้มหัวโค้งคารวะบ้าง วัทยาหัตถ์บ้าง เงอะงะตามประสาชาวบ้านที่มาร่วมเป็นทหารอาสาในกองกำลังนี้ ชัชวีร์ยืนรับการถวายความเคารพอย่างไม่เต็มใจนัก
รัชชานนท์บอกกับชัชวีร์
"ทับทิมคงส่งข่าวมาบอกแฮรี่ล่วงหน้าแล้ว ทำตัวทำใจให้ชิน นายคงเป็นนายชัชวีร์ไปได้ไม่นานหรอก"
ชัชวีร์มองไปรอบๆตัวกับการบทบาทการเป็นผู้นำครั้งแรก

บรรยากาศฮึกเหิมคึกคักเมื่อมีเจ้ารัชทายาทเป็นผู้นำกองกำลัง กลุ่มทหารอากาศที่ติดตามมาช่วยชัชวีร์เปลี่ยนชุดเหมือนทหารกองกำลัง จ่อยกับทับทิมตรวจตราอาวุธปืนและระเบิดอยู่
ชัชวีร์เดินตรวจตรารอบๆค่ายกอง แบ่งกำลังทหาร สร้อยติดตามชัชวีร์ไปทุกที่
แฮรี่มองชัชวีร์กับสร้อยที่เดินเคียงข้างกัน
"แก้วตาดวงใจของเวียงภูคำ"
รัชชานนท์จับตามองแฮรี่อยู่ เห็นแฮรี่มองชัชวีร์กับสร้อยอยู่นาน
"คุณว่าอะไรนะ แฮรี่"
แฮรี่รู้สึกตัวหันกลับมาทางรัชชานนท์
"คำทำนายของแม่เฒ่าเป็นจริง แต่ไม่ได้เป็นจริงทั้งหมด มงกุฎแห่งเทพไม่ได้ทำให้เราต้องเสียอะไรไปเลย แต่กลับพาทั้งแก้วตาดวงใจเวียงภูคำกลับคืนมา... ผมยังบอกอะไรคุณชายมากไปกว่านี้ไม่ได้ เป็นคำสั่งของพ่อใหญ่น่ะครับ"
"ผมเข้าใจครับ แล้วไหนล่ะครับ แบบแปลนของวังพูคำวงศ์"
แฮรี่ชี้ที่ขมับของตัวเอง
"อยู่ในนี้ทั้งหมดครับ คุณชาย"
"แต่ดูสภาพของคุณตอนนี้แล้ว ผมว่า คุณไปกับพวกเราไม่ไหวหรอกครับ"
"ผมอยากจะขอให้คุณชายช่วยเขียนแบบแปลนฉบับสมบูรณ์ให้หน่อย"
แฮรี่คลี่แบบแปลนแบบคร่าวออกมาวางบนโต๊ะ รัชชานนท์รีบดูแบบและศึกษาทันที
"เราแน่ใจแล้วหรือครับว่า เจ้าหลวงถูกจับอยู่ที่วังพูคำวงศ์จริงๆ"
"แน่ใจครับ ตอนนี้วังพูคำวงศ์กลายเป็นกองบัญชาการของไอ้เซกองไปแล้ว มันไม่เอาเจ้าหลวงไปขังไว้ที่อื่นอย่างแน่นอน"
รัชชานนท์หันไปเห็นทหารบาดเจ็บเลือดอาบทั้งตัวถูกเพื่อนทหารสองคนหามผ่านไป แฮรี่เห็นจนชินชาบอก
"หน่วยสอดแนมน่ะครับ คงจะถูกทหารเวียงเล่นงานมา ... คุกหลวงอยู่ชั้นใต้ดินทางทิศตะวันตก เราเริ่มตั้งแต่ทางเข้าวังก่อนดีกว่านะครับ ทางเข้าวังมีสามทาง ทางเข้าหน้าวังอยู่ทางทิศตะวันออก..."
รัชชานนท์เขียนแบบแปลนตามที่แฮรี่บอกอย่างเป็นงาน แล้วอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทหารที่บาดเจ็บอีก

รัชชานนท์เริ่มเป็นห่วงสร้อยมากขึ้น

อ่านต่อตอนที่ 12 (อวสาน)
กำลังโหลดความคิดเห็น