มนต์จันทรา ตอนที่ 9
เกาะยานกตอนสาย ษมากำลังเดินคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ โดยมีจันเลาเดินตามคุ้มกันอยู่ห่างๆ
"ติดระบบกันขโมยแบบครบเซ็ทไปเลยนั่นล่ะ"
ษมาฟังอีกฝ่าย แลวบอก
"ได้ ๆ ฝากด้วยนะพิพัช ไม่ต้องห่วงทางนี้ จันเลาประกบฉันเป็นเงาตามตัวเลย...นายก็พยายามประกบวารีให้ได้ อย่างจันเลาตามประกบฉันก็แล้วกัน”
ษมายิ้มๆก่อนกดตัดสายหันไปมองจันเลา
พิพัชถึงกรุงเทพแล้ว
"ผมอยากเห็นตอนที่สองคนเจอหน้ากันจริงๆเลยครับ" จันเลายิ้มขำ
ษมาแอบกังวลนิดๆ
"ทำไงได้ล่ะ ถ้าบอกก่อนวารีต้องไม่ยอมให้พิพัชไปบ้านแน่ๆ"
ษมาถอนใจออกมาอย่างบางๆ เดินนำไป จันเลารวมความกล้า ถามโพล่งออกไป
"คุณษมาคิดจริงจังกับคุณวารี หรือ แค่คบเป็นเพื่อนแก้เหงาฆ่าเวลาครับ"
ษมาหน้าดุขึ้นมา
"แกเห็นฉันเป็นคนยังงั้นเหรอะ"
จันเลาหน้าแหยๆ
"ขอโทษครับ"
"แกเคยเห็นฉันให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าวารีมาก่อนรึเปล่า"
"ไม่เคยครับ"
"คงได้คำตอบแล้วนะ"
ษมาเดินนำต่อไป
"แต่คุณวารีเธอเกลียดการพนันมาก"
ษมาหยุดกึก จันเลาพูดต่อ
"แล้วเค้าก็เป็นคนใจแข็งมากซะด้วย บอกตรงๆนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า คุณษมาจะเปลี่ยนใจเธอได้"
ษมาหันมามองหน้าจันเลา ยิ้มมั่นใจ
"ฉันรู้ว่าวารีเค้าใจแข็งแล้วก็เป็นผู้หญิงที่มีอุดมการณ์ เพราะเค้าเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันถึงชอบเค้า แต่ฉันมั่นใจ ว่าความจริงใจของฉัน จะเปลี่ยนความคิดเค้าได้ แต่คงต้องใช้เวลานานมาก แต่มันก็คุ้มที่จะรอใช่มั้ยล่ะ" ษมาถอนใจออกมาบางๆ แล้วเดินนำต่อไป ลึกๆก็กังวลใจเรื่องนี้อยู่มาก จันเลามองตามเจ้านายไปด้วยความรู้สึกเห็นใจและเข้าใจ
ผ่านเวลาซักพัก สาระสะมาลงจากรถแท็กซี่ เพราะเพิ่งกลับจากต่างประเทศ โดยคนขับรถแท็กซี่ ช่วยขนกระเป๋าเสื้อผ้า ...สาระสะมาอยู่ในยูนิฟอร์มแอร์โฮสเตส พอขนกระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จ แท็กซี่ก็ขับรถออกไป
ขณะนั้นเอง พิพัชก็เลี้ยวรถเข้ามาพอดี เขาบีบแตรใส่ จนสาระสะมาต้องหันกลับไปมอง เพราะพิพัชเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาระวารี พิพัชกดปุ่มลดกระจกลงมาฃ
"เปิดประตูบ้านสิคุณ ผมจะได้เอารถเข้าไปจอด"
สาระสะมางงๆ เพราะไม่เคยเจอพิพัชมาก่อน
"จำบ้านผิดรึเปล่าคะ"
พิพัชหงุดหงิดมองสาระสะมา หัวจดเท้า
"กวนได้หน้าตายมาก เปลี่ยนลุ๊คซะขนาดนี้ ปลอมตัวไปสืบข่าวในสายการบินมาแหงๆ...ใจคอคุณนี่กะจะป่วนไปทุกสาขาอาชีพเลยรึไง"
สาระสะมาอมยิ้ม เดาได้แล้วว่ามาหาน้องสาวตน
"ยิ้มอะไรอยู่ได้ อย่านึกว่าผมอยากมานะ ถ้าคุณษมาไม่ขอร้องให้ผมมาดูแลคุณ จ้างให้ ผมก็ไม่มาหรอก"
สาระสะมายิ้มเล็กน้อย
"งั้นรอซักครู่นะคะ"
สาระสะมาเดินไปเปิดประตูรั้ว พิพัชมองตามด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เซ็งสุดๆ
พิพัชกำลังเดินสำรวจบ้าน พร้อมกับใช้ไอแพดถ่ายมุมต่างๆของบ้าน เก็บรายละเอียดว่าจะติดกล้อง
ติดระบบรักษาความปลอดภัยตรงไหนดี สาระสะมายิ้มบางเดินถือน้ำเย็นๆมาให้พิพัช
" ทานน้ำก่อนสิคะ"
พิพัชหันมาจ้องหน้าสาระสะมาอย่างหวาดระแวง
"คุณวางยาผมรึเปล่า"
สาระสะมาหัวเราะ เพราะเข้าใจได้ทันทีว่า น้องสาวคงทำแสบไว้เยอะ
"ไม่หรอกค่ะ ฉันจะทำแบบนั้นไป ทำไม"
พิพัชจ้องหน้า
"คุณเลิกแอ๊บได้แล้ว คุณษมาไม่อยู่ ... ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนเลยนะ ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะคำสั่งของคุณษมาให้มาคุ้มครองคุณ ถ้าคุณขืนออกฤทธิ์กับผมก็เท่ากับคุณทำร้ายตัวคุณเอง เพราะผมคงไม่ทนคุณเหมือนคุณษมาแน่ๆ"
สาระสะมาเอะใจ ปั้นยิ้มแกล้งหลอกถาม
"ฉันว่าฉันดูแลตัวเองได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องมีใครมาคุ้มครอง คุณษมากังวลอะไรมากไปรึเปล่าคะ"
พิพัชยิ้มเยาะ
"อย่างคุณน่ะเหรอจะดูแลตัวเองได้ ถ้าจ่าบูรณ์ไม่ช่วยคุณเอาไว้ ป่านนี้คุณโดนฆ่าหั่นศพไปแล้ว อย่าอวดเก่งไปหน่อยเลย"
สาระสะมานิ่งไปอย่างใช้ความคิดประติดประต่อเรื่อง
"ผมขอไปสำรวจข้างบนบ้านนะครับ"
พิพัชไม่รอคำให้อนุญาต เดินลิ่วๆไปขึ้นชั้นสองเลย สาระสะมานิ่งคิด แสดงว่าต้องเกิดอะไรขึ้น โดยที่น้องไม่ยอมเล่าให้ตนฟังแน่
สาระวารีในสภาพเพิ่งตื่นนอน อยู่ในชุดนอนเยินๆ ผมเผ้ากระจาย สาระวารีเดินหาวออกจากห้อง
เดินลงบันไดมา พอดีกับพิพัชที่เดินขึ้นบันไดมา พร้อมถ่ายวีดีโอจากไอแพด หน้ามึนที่เพิ่งตื่นของสาระวารีปรากฎขึ้นหน้าจอไอแพดอย่างเต็มจอ ทั้งคู่เลยประจันหน้ากันเข้าเต็มๆ ต่างตกใจแทบช็อก
"เฮ๊ย"
สาระวารีดีดตัวกลับขึ้นไปหลายก้าว พิพัชตกใจมากหันไปมองกลับไปที่โถง นึกว่าผีหลอก สาระสะมาเดินตามมายืนยิ้มหวานให้พิพัชที่ตีนบันได
พิพัชนั่งลงที่โซฟารับแขกพร้อมบ่นพึมพำ
"มีแฝดก็ไม่บอก"
"ทำไมต้องบอก คุณเป็นนายทะเบียนเขตรึไง"
พิพัชถอนใจ สาระสะมาอมยิ้มไปมา สาระวารีไม่พอใจทันที
"เจ้านายคุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร เจ้าชีวิตฉันเรอะคิดจะส่งใครมาคุมฉันก็ส่งมาได้ตามใจชอบ ไม่ได้ถามความสมัครใจฉันเลย"
พิพัชดูไม่แคร์ ทำหูทวนลมไป
"แล้วฉันก็ไม่ต้องการบอดี้ก่งบอดี้การ์ดอะไรด้วย กลับไปได้แล้ว เชิญ"
พิพัชเสียงแข็งนั่งเต๊ะกวนๆ ซะอีก
"คนเดียวที่สั่งผมได้คือคุณษมา ไม่ใช่คุณ ถ้าไม่พอใจ ก็โทรไปบอกคุณษมาโน่น"
" ได้เลย ฉันโทรหาเจ้านายคุณแน่ จะให้เรียกตัวคุณกลับเกาะนรกนั่นไปเดี๋ยวนี้เลย"
สาระวารีจะขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือ แต่พี่สาวพูดสวนขึ้น
"เดี๋ยววารี เราว่าให้คุณพิพัช เค้าทำหน้าที่ของเค้าไปดีกว่านะ"
"สะมา"
" เรียกคุณษมาทำไม"
พิพัชถาม
สาระวารีตวาดแว๊ด
"ฉันเรียกพี่สาวฉันย่ะ ชื่อเค้าคล้ายกัน ชื่อตั้งร้อยชื่อพันชื่อไม่ตั้ง"
"อ้าว นึกว่าเพ้อขนาดเรียกชื่อผิดชื่อถูก" พิพัชตอบกวน
สาระวารีจ้องหน้าพิพัช อารมณ์ประมาณอยากด่า ได้แต่ยู่ปากทำเสียงหงุดหงิดใส่ ก่อนหันไปเฉ่ง
พี่สาวแทน
"ทำไมนายต้องเข้าข้างคนอื่นด้วย"
"เราควรจะต้องเป็นฝ่ายถามนายมากกว่า ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมนายถึงไม่เล่ารายละเอียดให้เราฟัง"
สาระวารีหน้าเจื่อน
"เรากลัวนายไม่สบายใจน่ะสะมา"
สาระสะมามองดุอย่างเคืองๆ
"ที่ไม่บอกความจริงเพราะกลัวเราให้นายลาออกจากงานใช่มั้ยล่ะ"
สาระวารีหน้าจ๋อยๆ เถียงไม่ออก พิพัชชำเลืองมองสาระสะมา ไม่คิดว่า คนบุคลิกเรียบร้อยอย่างสาระสะมาเอาน้องสาวจอมเฮี้ยวคนนี้อยู่
"เอาอย่างงี้ ไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว เราก็ควรทำตามที่คุณษมาเค้าเห็นสมควรจะดีกว่า"
"แต่..."
สาระสะมาพูดสวนขึ้น
"หรือว่านายอยากจะย้ายไปอยู่ที่อื่นซักพัก จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบล่ะ"
สาระวารีกระฟัดกระเฟียด ไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าหือกับพี่ เธอชายหางตามองพิพัชตาขวาง ก่อนเดินปึงปังกลับขึ้นบ้านไป
สาระสะมาถอนใจส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วง พิพัชชำเลืองมองสาระสะมาแล้วอมยิ้มชอบใจ
เวลาสายวันรุ่งขึ้น ประตูห้องนอนสาระวารีถูกเปิดออกมาเบาๆ เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปทำงานเรียบร้อย สะพายกระเป๋าคู่ใจ เดินย่องๆ ออกมาจากห้องนอนลงบันไดมา พลางแอบก้มส่องมองมาที่โถงเพื่อหาพิพัช เธอยิ้มพอใจรีบเดินเร็วลงบันไดมาที่โถง กวาดตามองอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีใคร!!
สาระวารีรีบวิ่งปรู๊ดไปที่หน้าประตูบ้านฉวยรองเท้าคู่เก่งมาใส่อย่างเร็ว
พิพัชเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เห็นหลังสาระวารีไวๆ จึงวิ่งปาดตามออกไปคว้าแขนเธอเอาไว้ทันที่หน้าบ้าน
สาระวารีเสียงหงุดหงิดถาม
"ปล่อยนะ มาจับฉันทำไม"
พิพัชหน้าบึ้งตึง
"จะไปไหน"
"ก็ไปทำงานน่ะสิ"
"ผมไปส่ง"
"ไม่ต้อง"
"ไม่ได้" พิพัชจะลากแขนสาระวารีไปขึ้นรถ เธอกระชากมือออก
"นายไม่มีสิทธิ์มาทำยังงี้กับฉันนะ"
"ผมก็ไม่ได้อยากทำนักหรอก ถ้าเจ้านายไม่สั่ง"
"นายไม่ต้องเอาชื่อคุณษมามาอ้างเลย เค้ายังไม่มีปัญญาบังคับฉันได้ แล้วนายคิดว่าตัวเองเป็นใคร"
"ตกลงจะไม่ให้ผมไปส่งใช่มั้ย"
"ใช่"
"ก็ดี ถูกจับตัวไปเชือดซะจะได้จบๆ ผมจะได้กลับเกาะ ไม่ต้องมาทนอยู่กับคุณ"
พิพัชเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างไม่แคร์
สาระวารีบ่นพึมพำ
"ฉันควรเป็นฝ่ายพูดมากกว่าย่ะ"
สาระวารีเหยียดปากหมั่นไส้ก่อนเดินออกไปจากบ้าน พิพัชหยุดมองตามเธอไป สีหน้าเป็นห่วงความปลอดภัยแต่ก็ขี้เกียจมีเรื่องให้รำคาญ
สาระสะมากำลังทำอาหารเช้า ประเภทอาหารจานเดียวง่ายๆ อยู่ในครัว พิพัชเดินเข้ามาในครัวมา
เธอหันไปยิ้มให้พิพัช
"หิวรึยังคะ"
"ยังหรอกครับ"
"ได้ยินเสียงทะเลาะอะไรกับวารีเหรอคะ"
พิพัชหน้าบึ้งปนเซ็ง
"น้องสาวคุณนี่เอาแต่ใจจริงๆนะครับ ผมจะไปส่งที่ทำงานก็ไม่ยอม ดื้อมาก เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วจะรู้สึก"
สาระสะมาปิดเตา ตักอาหารใส่จานพร้อมคุยกัน
"วารีเค้าเป็นแบบนี้ล่ะค่ะยิ่งห้าม เหมือนยิ่งยุ มั่นใจตัวเองมาก ใช้อารมณ์นำไปก่อน เหตุผลค่อยมาคิดตามทีหลัง"
"เหมือนจะต่างกับคุณเยอะนะครับ"
สาระสะมาได้แต่ยิ้มๆ พิพัชเข้ามาช่วยรับจานอาหารมาช่วยถือเอาไว้ เธอตักอาหารใส่อีกจานต่อไป
พิพัชชำเลืองมองสาระสะมาเล็กน้อย แล้วอมยิ้มปลื้มๆ
สาระวารีเดินเข้ากองบ.ก.มา พอเข้ามาก็เห็นไชยวัฒน์ และมีคณา กำลังจับกลุ่มคุยกันกับนักข่าว
คนอื่นๆอยู่ มีคณาหันไปเห็นสาระวารีก็ยิ้มแย้มทักทาย
"อายุยืนจริงๆเลยนะ กำลังนินทาก็โผล่มาเลย"
สาระวารีหน้าบึ้งๆ
"แกอย่ามากวนฉันมากนะมี่ บอกไว้ซะก่อน วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี"
ไชยวัฒน์กระเซ้า
"ใครไปขัดใจเจ้าหญิงมาล่ะขอรับ"
"เรื่องมันยาวค่ะบอกอ แต่เล่าสั้นๆ มีแขกไม่ได้รับเชิญมาอยู่ที่บ้าน"
มีคณายื่น "สยามสารรายสัปดาห์" ปกรูปภาพเหมือนของษมาขึ้นโชว์ให้เพื่อนดู
สาระวารีเปลี่ยนหน้าตาบูดบึ้งที่อารมณ์เสียเรื่องพิพัชก่อนออกจากบ้าน เป็นดีใจทันที
"อ้าว ไหนว่าจะลงอาทิตย์หน้าไงคะบอกอ"
"ก็กลัวเจ้าพ่อคุณจะโดนเก็บซะก่อนน่ะสิ ขี้เกียจแก้บทความอีกรอบ" ไชยวัฒน์บอก
"บอกอใจร้าย"
สาระวารีเปิดดูเนื้อหาด้านใน มีคณายิ้มแย้ม
"เธอทิ้งประเด็นร้อนไว้ในบทความขนาดนี้ เดี๋ยวคงมีพวกเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเปิดคาสิโนออกมาถกเถียงกันยกใหญ่แหละ"
"ก็ดี อีตาเจ้าพ่อนั่นจะได้รู้ตัวว่า มีกลุ่มคนที่ต่อต้านมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้มีแต่คนเห็นดีเห็นงามไปกับตัวซะหมดหรอก"
สาระวารีสีหน้าหมั่นไส้ เหยียดปากดูถูก ก่อนก้มอ่านเช็กเรื่องที่เธอเขียนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
มีคณาและไชยวัฒน์แอบยิ้มสบตากัน เหมือนอ่านใจออกว่า สาระวารีปากร้ายแต่ใจรักษมาไปซะแล้ว
เวลาเที่ยง โศภีกำลังนั่งอ่านบทสัมภาษณ์ษมาในสยามสารรายสัปดาห์ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งใน จ. ตราด เธอเบะปากหมั่นไส้
"สร้างภาพ"
โศภีวางสยามสารลง แล้วหันไปทานอาหารต่อ
ทันใดนั้นเอง ก็มีมือเข้ามาเอื้อมหยิบสยามสารของโศภีไปอ่านบ้าง โศภีเงยหน้ามอง เห็นษมาอยู่ตรงหน้า เธอตกใจมาก แต่รีบเก็บอาการปั้นยิ้มหวาน
"อ้าว คุณน่ะเอง นั่งก่อนสิคะ"
ษมานั่งลงตามคำเชิญ
"ขึ้นฝั่งมาทำอะไรคะเนี่ย"
ษมาปั้นยิ้มรับอย่างมีมรรยาท
"ผมต้องอยู่จัดการงานศพให้คนขับรถของผมน่ะครับ เค้ารับเคราะห์แทนผม เพราะรถยนต์ถูกลอบวางระเบิด"
โศภีทำหน้าตกใจ แล้วปั้นหน้าเห็นอกเห็นใจ
"อุ๊ยตายแล้ว ข่าวลือเป็นความจริงเหรอคะเนี่ย โชคดีจังเลยที่คุณปลอดภัย คุณพระคุณเจ้า
คุ้มครองแท้ๆเลย"
ษมายิ้มเย็นๆ เหมือนรู้ทัน โศภีร้อนตัวอยู่แล้ว ก็กรอกตาหลบไป รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
"นี่คุณอ่านคอลัมน์สัมภาษณ์คุณรึยังคะ ลงแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นเลย สมกับที่คุณมีสายสัมพันธ์อันดีกับนักข่าวเลยนะคะ" โศภีพูดแล้วแอบยิ้มเหยียด
ษมาขำๆ บอก
"ผมก็พยายามดีกับคนทุกคนนั่นแหละ ไม่เคยอยากเป็นศัตรูกับใครเลย มีแต่คนอื่น อยากเป็นศัตรูกับผมมากกว่า" ษมาพูดพลางมองหน้าโศภีนิ่ง
โศภียิ้มใส ออกความเห็นไปแบบคนบริสุทธิ์ ไม่มีนอกใน
"ช่วยไม่ได้นี่คะ ผลประโยชน์ ใครๆก็อยากได้ เมื่อมันหาเองไม่ได้แล้ว ก็ต้องแย่งชิงเป็นธรรมดา"
โศภียิ้มบางๆ จับมือษมาไว้ราวกับเป็นห่วงเป็นใย ก่อนพูดต่อ
"ก็อย่างที่โศเคยเตือนคุณไว้ไงคะ ถ้าไม่อยากเสี่ยงตกเป็นเป้า ก็ถอยออกมาซะดีกว่า เงินทองที่คุณมีอยู่ตอนนี้ ใช้ไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมด จะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเองอีกทำไม"
ษมายื่นอีกมือไปกุมมือโศภีซ้อนอีกที
"แต่ผมคิดมุมกลับนะโศ มันไม่ใช่ผมเสี่ยงคนเดียวหรอก"
ษมาจงใจเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเข้ม มองโศภีอย่างมีเลศนัย
"ศัตรูของผม ก็เสี่ยงไม่แพ้ผมเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ว่าจะเป็นของใครมากกว่า เพราะฉะนั้น ใครอย่าพลาดก็แล้วกัน"
โศภียิ้มสู้ แต่ในใจเต้นตูมตาม กลัวษมาเอาคืนอยู่เหมือนกัน ษมาอมยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ เปิดดูสยามสารไปมา
ผ่านเวลาซักครู่ โศภีเดินออกมาจากร้านอาหาร ตรงไปที่รถของตนที่จอดอยู่ โดยมีลูกน้อง 2 คนรอให้การคุ้มกันอยู่ที่รถ
"ฉันจะแวะไปทำผมก่อน"
"ครับ คุณโศ"
ลูกน้องคนที่ 1 เปิดประตูให้โศภีเข้าไปนั่ง ก่อนจะปิดประตูลง ขณะที่ลูกน้องคนที่ 2 คอยสอดส่ายสายตา ระวังภัยให้เจ้านายอย่างเต็มที่
ก่อนที่ลูกน้องทั้ง 2 คน จะเข้าไปนั่งในรถ เตรียมจะออกรถพาโศภีไปส่ง ทันทีที่ลูกน้องคนที่ 1 บิดกุญแจรถสตาร์ทเครื่อง ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเสียงระเบิด ดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับควันที่พวยพุ่งออกมาตลบเต็มรถไปหมด
ลูกน้องทั้ง 2 คน รีบเปิดประตู วิ่งหนีออกมาตามสัญชาติญาณด้วยความหวาดกลัวสุดๆ
พอควันระเบิดจางไป ก็เห็นโศภีนอนหมอบกับเบาะกรีดร้องด้วยความกลัว ก่อนจะรู้ตัวว่ายังไม่ตาย ลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ หน้าตาช็อกไม่หาย
โศภีร้อนรนรีบเปิดประตูลงจากรถ ส้นสูงพลิก ไปหกล้มหกลุกอยู่หน้ารถ พอควันที่คละคลุ้งค่อยๆ จาง โศภีก็เห็นกลุ่มคนที่มามุงดูเธออยู่ห่างๆ
ษมาเดินหน้านิ่งๆ ออกจากร้านอาหารมามองดูโศภี ลูกน้องรีบวิ่งกลับมาช่วยเจ้านาย
โศภีหงุดหงิดหัวเสียปัดลูกน้องกระเจิงก่อนลุกขึ้นเองแล้วมองไปที่ษมา แต่ไม่มีษมาอยู่บริเวณนั้นแล้ว
โศภีหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าษมาคิดเอาคืนตนจริงๆ ตนก็ยากที่จะรอด
เวลาบ่าย ภายในห้องครัวบ้านษมาที่เกาะยานก แลงกำลังเปิดตู้เย็นหยิบผลไม้นอกราคาแพงๆ ออกมากินอย่างสบายใจ ขณะแลงกำลังเอร็ดอร่อยก็ได้ยินเสียงโมโหของลำแพงที่ตวาดดังขึ้น
"ไอ้แลง"
แลงสะดุ้งเฮือก สีหน้าซีดเผือด หันกลับไปเห็นลำแพงยืนจ้องตนเขม็ง
"แกกล้าดียังไง ถึงได้มาขโมยผลไม้คุณษมากิน"
แลงแอบหงุดหงิด
"พี่จะหวงอะไรนักหนา ฉันไม่เห็นเค้าเคยกินหมดซักที เหลือเน่าทิ้งตลอด ฉันกินนิดๆหน่อยๆ จะเป็นอะไรไป"
ลำแพงตวาดแว๊ด
"จะกินจะทิ้งก็เงินของเค้า ผลหมากรากไม้ของพวกเรา ฉันก็ซื้อให้กินไม่เคยขาดอยู่แล้ว แกมันแค่คนรับใช้อย่ามาสะเออะขโมยของเจ้านายกิน ฉันไม่ชอบ"
แลงเจ็บใจมาก
"คนรับใช้เหรอ พี่เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ถ้าพ่อไม่ตายซะก่อน ฉันจะได้เป็นเจ้าของเกาะนี้ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ไอ้ษมาหรอก"
ลำแพงตะคอก ตาแข็ง เสียงดุ
"ไอ้แลง"
"ฉันอดคิดไม่ได้จริงๆ จ้ะพี่ ตอนนั้นถ้าพ่อไม่หมดตัว เราก็ไม่ต้องขายเกาะนี้ไป พี่กับฉันก็ต้องได้เรียนหนังสือสูงๆ ไม่ต้องมาเป็นขี้ข้ารับใช้เค้าอยู่แบบนี้หรอก" แลง พูดเสียงอ่อยด้วยความกลัวพี่สาว
ลำแพงสีหน้านิ่งไป กรอกตาไปมาเล็กน้อย ไม่กล้าสู้ตาแลง คล้ายมีความนัยปิดบังอยู่ เธอพูดเสียงอ่อยลงเหมือนกัน
"เรื่องมันผ่านไปนานแล้วน่าเจ้าแลง ตอนนี้เจ้าของเกาะยานกคือคุณษมา ไม่ใช่พวกเรา แค่ได้กลับมาอยู่ที่นี่ แกก็น่าจะพอใจได้แล้ว"
"พี่ก็ดีแต่พูดให้ฉันพอใจ แล้วทุกวันนี้ พี่พอใจแล้วจริงเหรอ"
แลงยิ้มหยันอย่างรู้ทัน ลำแพงอึ้งไป เพราะจริงๆแล้ว เธอก็ยังมีความต้องการบางอย่างซ่อนอยู่
ลำแพงย้อนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
ในอดีตเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เวลากลางวัน บนรีสอร์ตเกาะยานก ลำแพงและผู้หญิงจำนวนหนึ่ง กำลังเข้าคิวกันรับชุดพนักงานรีสอร์ต พร้อมกับเซ็นรับ เจ้าของเกาะ วัย 35-40 ปี หน้าตาดี มีเงิน ท่าทางใจดี เดินตรวจงานผ่านมา
พนักงานเห็นเจ้าของผ่านมาก็ยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะคุณภูผา"
เจ้าของรับไหว้ ยิ้มแย้ม หันไปมองทางเหล่าพนักงานใหม่
"พนักงานใหม่เหรอ"
"ค่ะ เพิ่งจะมาถึงเดี๋ยวนี้เอง ดิฉันกำลังจะพาไปสอนงานค่ะ"
เจ้าของพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปพูดกับกลุ่มพนักงานใหม่
"ผมชื่อภูผานะ เป็นเจ้าของที่นี่ ถ้ามีปัญหาอึดอัดอะไรก็บอกผมโดยตรงได้เลย หวังว่าเรา
จะได้ทำงานร่วมกันนานๆนะ"
ลำแพง แลง กับกลุ่มพนักงานใหม่ ยกมือไหว้เจ้าของ ภูผารับไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินเลี่ยงไป
ลำแพงมองตามด้วยสายตาชื่นชม
กลางวันวันหนึ่ง ภายในสวนบนเกาะ ลำแพงกำลังเก็บดอกไม้ เพื่อเอาไปใช้ประดับรีสอร์ต ในขณะที่แลงกำลังพรวนดินต้นไม้อยู่ใกล้ๆ ภูผาเดินผ่านมาเห็นเข้าก็ยิ้มทักทาย
"เก็บดอกไม้ไปทำอะไรเหรอลำแพง"
"เอาไปลอยน้ำที่แก้วโชว์ในห้องพักน่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แล้วดอกไม้ในรีสอร์ตเราก็สวยกว่าด้วยนะคะ"
"ขอบใจมากที่ช่วยฉันประหยัด เอ๊ะ วันนี้วันหยุดเธอไม่ใช่เรอะ"
ลำแพงแอบเขิน
"อุ๊ย คุณภูผาจำได้ด้วยเหรอคะ"
"ทำไมฉันจะจำไม่ได้ล่ะ"
ลำแพงแอบอมยิ้มเขินๆ แลงพรวนดินไปก็แอบเหล่มองพี่สาว
"ดิฉันไม่ชอบหยุดอยู่เฉยๆ หรอกค่ะ มีงานอะไรช่วยทำให้รีสอร์ตได้ ลำแพงก็อยากจะทำค่ะ"
ภูผายิ้มแย้มบอก
"โชคดีของฉันจริงๆ ที่ได้เธอมาทำงานให้"
ภูผาวางมือบนบ่าลำแพง แล้วบีบเบาๆ ลำแพงชำเลืองมองมือภูผา เขินจนหน้าแดง
"ยังไงก็อย่าทิ้งกันนะลำแพง ฉันอยากให้เธออยู่กับฉันไปนานๆ"
ลำแพงสบตา ยิ้มหวาน
"ค่ะคุณภูผา"
ภูผา เจ้าของเกาะยิ้มให้ก่อนเดินเลี่ยงไป ลำแพงมองตามเจ้าของเกาะไปด้วยสายตารักใคร่
"คุณภูผาชอบพูดจากับพี่แปลกๆนะ"
"แปลกยังไง"
"แกหูหนวกเหรอไอ้แลง แกลองดูสายตาที่คุณภูผามองฉันสิ แค่มองก็รู้แล้ว ว่าเค้าคิดยังไงกับฉัน"
แลงตกใจมาก
“นี่พี่คิดว่าคุณภูผาชอบพี่เหรอ โอ๊ย เป็นไปไม่ได้หรอกพี่"
ลำแพงหน้าหงิก รู้สึกเสียอารมณ์
"ฉันก็เห็นเค้าพูดดีอย่างงี้กับพนักงานทุกคนนั่นแหละ" แลงบอก
ลำแพงตวาดแว๊ด
"ไม่เหมือน เค้าดีกับฉันมากกว่าคนอื่นๆ แกไม่รู้อะไร ก็หุบปากไปเลยไอ้แลง"
ลำแพงยิ้มฝันหวาน อมยิ้มเขินบอก
"ใครจะไปรู้ ฉันอาจจะเขยิบฐานะจากพนักงานไปเป็นคุณนายเจ้าของเกาะก็ได้"
"แต่ฉันได้ยินมาว่า คุณภูผาเค้ามีเมียอยู่ที่กรุงเทพแล้วนะพี่"
ลำแพงเปลี่ยนสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
"รีสอร์ตนี้เปิดมาเป็นเดือนแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยเห็นหน้านังเมียที่ลือกันนั่นซักครั้งเดียว งานที่นี่อาจจะหนักเกินไปสำหรับผู้หญิงกรุงเทพผิวบางพรรค์นั้นก็ได้ วิถีชีวิตคุณภูผาไม่เหมาะกับผู้หญิงแบบนั้นหรอก มันต้องคนที่ช่วยเหลือเค้าได้ทุกๆ เรื่อง อย่าง ฉันมากกว่า" ลำแพงสีหน้ามั่นใจ ยิ้มแย้มอารมณ์ดี
แลงมองพี่สาวด้วยความกระอักกระอ่วน รู้สึกว่าพี่สาวเพ้อเจ้อไปเองคนเดียว แต่ก็ไม่กล้าพูดมาก ลำแพงยังคงยิ้มอารมณ์ดีเก็บดอกไม้ไป
เวลาเย็น สวนในบ้านษมา บนเกาะยานก ลำแพงกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี เธอเหลือบตาไปเห็นต้นการะเกดในกระถาง ยิ้มก็หุบหายไปทันที เหยียดปากเชิดอย่างชิงชัง เธอเดินผ่าน ไม่ยอมรดน้ำให้ต้นการะเกดเลยแม้แต่หยดเดียว
ษมากลับมาที่เกาะ พอเห็นลำแพงก็เลยเดินเข้าไปหา ษมายิ้มทักทาย
"ขยันจังนะลำแพง"
"อ้าว... คุณษมา กลับมาเงียบๆ"
"ได้ไปงานสวดศพเหวียงรึยัง"
"ยังไม่มีจังหวะขึ้นฝั่งเลยค่ะ"
"งั้นพรุ่งนี้ไปพร้อมกับฉันเลยสิ"
ลำแพงดีใจมาก
"ได้ค่ะ"
"มีเสื้อผ้าใส่ไปงานมั้ย ไม่มีก็บอกเดี๋ยวฉันออกค่าใช้จ่ายให้"
ลำแพงปลื้มมาก รีบยกมือไหว้
"ขอบคุณมากค่ะ"
ษมาเดินเลี่ยงกลับไปเข้าบ้าน ลำแพงมองตาม ยิ้มปลาบปลื้ม ลำแพงดูตื่นเต้นดีใจมาก ลุกลน จนทำอะไรไม่ถูก
"ฉันจะได้ออกงานคู่กับคุณษมาจริงๆ เหรอเนี่ย"
ลำแพงทิ้งฝักบัวรดน้ำทันที รีบเดินกลับไปห้องพัก ค้นหาเสื้อผ้าไว้ทุกข์
เวลาเย็น โทรศัพท์มือถือของสาระวารีกำลังสั่นอยู่ หน้าจอบอกสายเรียกเข้าเป็นชื่อษมา เธอนั่งดูโทรศัพท์มือของตัวเองสั่นโดยไม่ยอมรับสาย สีหน้าลังเล เหมือนตัดสินใจบางอย่างไม่ได้
มีคณาเดินถือแฟ้มเอกสารผ่านมา พอได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือก็หันไปมอง พอเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของสาระวารี แถมสาระวารีไม่ยอมรับอีก ก็ยิ่งงง
"อ้าว ทำไมไม่รับสายล่ะวารี"
สาระวารีถอนใจยาวออกมา ไม่รู้จะตอบเพื่อนยังไงดี... มีคณายิ่งงงหนัก เลยหยิบโทรศัพท์มือถือของสาระวารีมาดู พอเห็นว่าษมาโทรมาก็พอจะเข้าใจได้บ้าง
"ฉันไม่อยากติดต่อกับเค้าอีกแล้วล่ะมี่" สาระวารีพูดเปรยขึ้นมา
มีคณาถามอย่างสงสัย
"ทำไมล่ะ"
สาระวารีมีสีหน้าเครียดๆ เหมือนสับสน มีคณามองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเป็นห่วงปนสงสัย
มนต์จันทรา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ผ่านเวลาเล็กน้อย สาระวารี และมีคณา กำลังเดินคุยกันที่มุมเงียบๆมุมหนึ่งในสยามสาร สาระวารีมีสีหน้าอึดอัดใจ ขณะที่มีคณาถอนใจ อดเป็นห่วงความรู้สึกเพื่อนไม่ได้
"เธอทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากไปรึเปล่าวารี ก็ในเมื่อคุณษมาเค้าไม่มีข้อเสียอะไร แล้วเค้าก็จริงใจกับเธอ ส่วนเธอก็ไม่ได้รังเกียจเค้า ฉันว่ามันก็ลงตัวหมดทุกอย่างแล้วนี่"
สาระวารีหน้าเครียด
"เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดการพนันแค่ไหน แล้วเธอจะให้ฉันคบ..."
สาระวารีชะงักไป รีบเลี่ยงคำพูดอื่น
"...เข้าไปสนิทสนมกับเจ้าของบ่อนเนี่ยนะ"
"เธอก็เลยเลือกที่จะตัดใจจากเค้าแทน"
สาระวารีปากยังปฏิเสธ
"ตัดจงตัดใจอะไร อย่าเลือกใช้คำสร้างกระแสแบบนักข่าวหน่อยเลย"
"ก็ฉันเป็นนักข่าวนี่นา"
สาระวารีเบ้ปากเซ็งๆปนหมั่นไส้เพื่อน มีคณาเข้าใจและเห็นใจ
"ฉันก็ไม่รู้จะแนะนำเธอยังไงเหมือนกันนะ ฉันเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย"
สาระวารีสบตากับมีคณาเข้าใจเพื่อน
"แต่ฉันเชื่อว่าคนเราทุกคน ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวแหละ ถ้าเราจะยอมรับใครซักคนเข้ามาในชีวิต เราก็ต้องรับทั้งข้อดีแล้วก็ข้อเสียของเค้าด้วย จะเลือกแต่เฉพาะข้อดีไม่ได้หรอก ขนาดตัวเราเองแท้ๆ ยังทำให้ดีพร้อมซะทุกอย่างไม่ได้เลย"
"ฉันเข้าใจ แต่ข้อเสียของเค้า มันเป็นสิ่งที่เค้าเลือกตัดทิ้งออกไปได้นี่นา การที่เค้าไม่ยอมตัดมัน ก็แปลว่าฉันสำคัญน้อยกว่าคาสิโนของเค้า"
"เธอกำลังจะบอกว่า เค้าผิดเพราะให้ความสำคัญกับความฝันทั้งชีวิตของเค้า มากกว่าความสุขของเธอใช่มั้ย"
สาระวารีจ้องหน้า ตาแข็งใส่เพื่อน
"เธอพยายามพูดให้ฉันดูแย่ เป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว ... ไปเป็นสมุนเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ"
"เปล่า ฉันพูดจากข้อเท็จจริงที่เธอเล่าให้ฟัง"
สาระวารีถอนใจ
"ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันไม่ควรไปทำข่าวคาสิโน แล้วเธอก็ไม่ควรไปงานแฟชั่นการกุศลนั่นเลยว่ามั้ย จะได้ไม่ต้องไปรู้จักกับอีตา 2 คนนั่น ให้ชีวิตต้องปวดหัว"
มีคณาและสาระวารีนิ่งไปอย่างคิดตาม ทั้งคู่หันมาสบตากัน ต่างอ่านใจกันออกโดยไม่ต้องพูด เพราะการเจอหิรัณย์และษมาก็คือเรื่องดีๆ ในชีวิตมากกว่าเรื่องเลวร้าย ถ้าไม่มีเค้าในชีวิตก็อดใจหายไม่ได้
"อย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้หน่อยเลยเนอะ"
"นั่นสิ เราจะย้อนเวลากลับไปได้ไง"
ต่างฝ่าย ต่างถอนใจออกมากับปัญหาความรักที่ยังคิดไม่ตกด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งปัญหาใหญ่ก็อยู่ใจของทั้งคู่เองมากกว่า
เกาะยานกตอนหัวค่ำ ภายในห้องพักลำแพง... เธอกำลังลองชุดไว้ทุกข์ไปงานศพ สวยเรียบ ดูหรูหราเหมือนคุณนาย ลำแพงส่องกระจกมองดูตัวเองอย่างพอใจ แลงเปิดประตูพรวดเข้าห้องมาก็ตกใจ แปลกใจกับการแต่งตัวของพี่สาว
"เข้าห้องคนอื่นหัดเคาะประตูซะบ้างนะ" ลำแพงตวาดด่าใส่
"พี่จะแต่งตัวไปไหน"
ลำแพงพูดอย่างภูมิใจ
"ฉันก็ลองชุดไปงานสวดศพเจ้าเหวียงพร้อมกับคุณษมาน่ะสิ คุณษมาเธอออกปากชวนด้วยตัวเองเลยนะ" ลำแพงยิ้มแย้มปลาบปลื้ม หันไปส่องกระจกต่อ
แลงเข้าไปจับเสื้อผ้าลำแพง เธอรีบตีมือน้องชาย กลัวเสื้อผ้าจะเปื้อนจะยับ
"พี่ไปเอาเสื้อผ้าสวยๆ แบบนี้มาจากไหน"
"ฉันก็ซื้อสะสมเอาไว้เรื่อยๆ ฉันเป็นคนเตรียมพร้อมอยู่เสมอ แกก็รู้ดีนี่ ดูอย่างวันนี้สิ คุณษมาชวนฉันออกงานปุบปับ ถ้าฉันไม่เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมตลอดเวลา ฉันจะหาชุดสวยๆ ที่ไหนมาใส่ให้คู่ควรออกงานเคียงข้างกับคุณษมาล่ะ" ลำแพงมีสีหน้าภาคภูมิใจในตัวเอง
ลำแพงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แลงเห็นมีเสื้อผ้าเรียงรายเป็นตับ แต่มีผ้าแพรสีขาวสะอาดคลุมกันฝุ่นเอาไว้ เธอดึงผ้าคลุมออกโชว์ ค่อยเห็นชุดสวยสไตล์ผู้ดีอย่างคุณนายแขวนอยู่นับสิบชุด
"เห็นมั้ย งานรูปแบบไหนฉันก็พร้อมเสมอ ขาดก็แต่ชุดแต่งงานเท่านั้นล่ะ"
ลำแพงยกมือขึ้นปิดปาก ทั้งขำและเขินตัวเอง
"ไม่น่าล่ะ ทำงานมาทั้งชีวิต ถึงได้มีเงินเก็บเหลืออยู่เท่านั้น"
ลำแพงตาเขียวใส่น้องชาย
"ฉันยกให้แกไปใช้หนี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว ยังจะมาพูดมากอีก"
ลำแพงรีบเอาผ้าคลุมเสื้อผ้าอย่างห่วงใย
"ยังไม่เข็ดอีกเหรอพี่แพง"
ลำแพงหยุดกึก หันมาจ้องหน้าแลง
"เข็ดอะไร"
"ก็เข็ดกับเจ้าของเกาะที่มีเมียอยู่แล้วน่ะสิ"
ลำแพงโกรธมาก
"หุบปากนะไอ้แลง อย่าเอาคุณษมาไปเทียบกับไอ้เวรนั่น"
"แต่คุณษมาเค้าไม่ได้คิดอะไรกับพี่" แลงพูดอย่างเป็นห่วงพี่สาว
ลำแพงปาดเอามือเข้าบีบคอแลง สีหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด ดูน่ากลัวเหมือนคนมีอาการทางจิตไม่ปกติ
"หุบปากนะไอ้แลง ถ้าแกไม่อยากตาย"
อยากได้เกาะของเราคืนมั้ย อยากได้แกก็หุบปากไป หุบปาก หุบปากให้สนิท" ลำแพงขบกราม พูดกัดฟัน ตาเบิกกว้างก่อนผลักแลงจนล้มไปที่เตียง
แลงไอสำลักออกมา สีหน้าท่าทางดูกลัวพี่สาวคนนี้มาก ลำแพงเกร็งตัว ตาขวาง เอียงคอมองแลงเล็กน้อย อย่างคนมีอาการทางจิตซ่อนอยู่
ลำแพงเบือนหน้ามามองทางกระจก ปรับท่าทีเป็นยิ้มหวานสวยงามทันที อาการแปลกๆ เมื่อครู่หายสนิทเป็นปลิดทิ้ง มองดูตัวเองในชุดสวยอย่างชื่นชม
อ่านต่อเวลา 17.00น.
สาระวารีเดินกลับเข้าบ้านมาตอนหัวค่ำ ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นพิพัชกำลังยืนคุยกับช่างเรื่อง ตำแหน่งการติดตั้งกล้องวงจรปิดอยู่ ช่างติดตั้งกำลังชี้ตำแหน่ง
"ตรงนี้อีกตัวก็น่าจะพอครับ"
"จะทำอะไรไม่ทราบ"
พิพัชหันไปมองแล้วบอก
"ติดตั้งกล้องวงจรปิดกับสัญญาณกันขโมยไงครับ"
"อะไรจะขนาดนั้น ฉันไม่ใช่ลูกแฝดเศรษฐีหมื่นล้านนะคะ ไม่ต้องมาติดอะไรในบ้านฉันเลยนะ"
"แต่คุณษมาเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ"
"เค้าเป็นญาติฝ่ายไหนของฉันเหรอ นี่ฉันงงไปหมดแล้ว"
"คุณนี่พูดจาไม่น่ารักเอาซะเลย"
"ฉันก็ไม่ได้อยากให้คุณหรือว่าเจ้านายคุณมารักฉันนี่"
พิพัชถอนใจส่ายหน้าอย่างระอา
"ช่วยพาคนของคุณออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน"
ช่างมองหน้าพิพัช
"ขอโทษทีนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันใหม่"
"ไม่มีพรุ่งนี้หรือว่าวันไหนทั้งนั้นล่ะ ที่นี่บ้านของฉัน"
สาระวารีชี้หน้าพิพัช แล้วพูดต่อ
"นายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็ถือดีเข้ามาวุ่นวายในบ้านของฉัน โดยที่ฉันไม่เต็มใจ ฉันไม่ติดตั้งสัญญาณบ้าบออะไรทั้งนั้น เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ"
พูดจบ สาระวารีก็เดินหน้าหงิกหน้างอไปขึ้นบ้านไป ช่างทำหน้าแหยๆ
"งั้นผมกลับก่อนนะครับ"
"ถ้าเจ้าของบ้านเค้าไม่ยอมให้ติดตั้งจริงๆ ค่อยคิดค่าเสียเวลากันอีกทีนะครับ"
ช่างยิ้มแย้มรับคำ "ครับ"
ช่างเดินออกไปจากบ้านหน้าจ๋องๆ
สาระสะมาหน้าซีดเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นช่างเดินออกไปจากบ้านไปพอดี
"น้องสาวคุณนี่เหลือเกินจริงๆ"
"ฉันได้ยินหมดแล้วล่ะค่ะ"
พิพัชสีหน้าเป็นห่วง
"ดีขึ้นมั้ยครับ"
"อาเจียนหมดไส้หมดพุงเลยค่ะ"
"ผมว่าน่าจะอาการอาหารเป็นพิษนะครับ"
"น่าจะใช่นะคะ" สาระสะมาจะเดินกลับมานั่งที่โซฟา
พิพัชรีบเข้ามาประคอง
"มียาฆ่าเชื้อติดบ้านไว้รึเปล่าครับ"
"ไม่มีแล้วล่ะค่ะ ไม่ค่อยได้เป็นบ่อยๆ เลยไม่ได้ซื้อติดบ้านเอาไว้"
พิพัชประคองสาระสะมาเดินไปนั่งที่โซฟารับแขก สาระวารีเดินกลับลงมาจากชั้นบนเห็นทั้งคู่จูงมือประคองกันมานั่งที่โซฟาพอดี
สาระวารีมีสีหน้าตกใจ ปนไม่พอใจมาก
ผ่านเวลาซักครู่ ษมาถึงกับผงะ จนต้องรีบเอาโทรศัพท์มือถือห่างหู เพราะโดนสาระวารีวีนใส่จนหูแทบแตก ษมาหน้าเหยเก ก่อนพูดตอบกลับไป
"ค่อยๆพูดเบาๆ ก็ได้วารี ผมยังไม่แก่ขนาดหูตึงหรอกนะครับ"
สาระวารีกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยความโมโหในห้องนอน
"คุณลองมาเป็นฉันบ้างมั้ยล่ะ ดูซิว่าจะยังใจเย็นอยู่ได้มั้ย"
"อย่าโกรธพิพัชเค้าเลย เค้าทำตามคำสั่งผม"
สาระวารีโกรธจัดถาม
"นี่คุณสั่งให้จีบเค้าพี่สาวฉันด้วยเรอะ"
ษมาสีหน้าอึ้งปนงง ถามกลับไป
"พิพัชจีบพี่สาวคุณ"
" ก็ใช่น่ะสิ"
ษมาอึ้งไปครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมา สาระวารีตวาดแว๊ด
"หัวเราะอะไร"
"ใจคอคุณจะไม่ให้คนเค้าปิ๊งปั๊งกันบ้างรึไง"
"นี่คุณกำลังจะเข้าข้างลูกน้องคุณใช่มั้ย"
ษมาพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่
"ผมไม่ได้เข้าข้างใคร แต่คุณคิดดูนะ ของอย่างงี้ มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก...ถ้าเค้าจะชอบจะจีบกัน มันใช่ความผิดของผมเหรอ"
สาระวารีสวนมาทันที
"ใช่สิ"
"อ้าว"
สาระวารีโกรธด้วยความหวงพี่สาว
"เพราะคุณส่งตัวนายนั่นมาที่บ้านฉัน ไม่งั้นก็ไม่เกิดเรื่องหรอก คุณษมา คุณเป็นเจ้านายนายพิพัช คุณต้องรับผิดชอบ โทรไปสั่งลูกน้องคุณ ให้เลิกยุ่งกับพี่สาวฉันเดี๋ยวนี้เลย"
"ผมทำไม่ได้หรอกวารี นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเค้าสองคน"
สาระวารีน้ำเสียงโมโห พูดตอบกลับไป
"ได้ ฉันให้โอกาสคุณแล้วนะ ถ้าคุณไม่จัดการ ฉันจะลงมือเอง"
สาระวารีกดตัดสายอย่างโมโหโทโส สีหน้าใช้ความคิดว่าจะตัดไฟเสียแต่ต้นลมได้ยังไง
"เกลียดตัวกินไข่แท้ๆ เลยพิพัชเอ๊ย"
ษมาขำๆส่ายหน้า
พิพัชกำลังเช็ดรถปัดฝุ่นรถอยู่ที่หน้าบ้านสาระวารีในตอนเช้า ไม่คาดคิดกระเป๋าสะพายฟาดใส่กลางหลังพิพัชจนต้องถอยหลบฉาก สาระวารียืนสีหน้าตาโกรธจัด
"อะไรของคุณ มาฟาดผมทำไม นอนหลับไม่เต็มตื่นรึไง"
"ไม่ต้องทำมาพูดดี กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง"
"อะไรของคุณ ผมงงไปหมดแล้ว คุณเป็นผู้หญิงที่เข้าใจยากที่สุดที่ผมเคยเจอมาในชีวิตเลยรู้ตัวมั้ย"
"ฉันจะบอกให้ว่าพี่สาวฉัน เข้าใจยากกว่าฉันอีกย่ะ"
"แล้วพี่สาวคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย"
สาระวารีหมั่นไส้มาก เอากระเป๋าสะพายมาฟาดๆใส่อีก พิพัชเหลืออดจับตัวสาระวารีล็อกเอาไว้ สาระวารีโวยวายลั่น สะบัดกระโดด เหวี่ยง
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้พิพัช"
พิพัชยอมปล่อยไปด้วยความรำคาญ เธอชี้หน้า
"ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ว่าฉันไม่มีวันยอมรับคุณเด็ดขาด คุณล้มเลิกความคิดที่จะมาจีบพี่สาวฉันได้เลย"
พิพัชอึ้ง
"นี่คุณคิดว่าผมจีบพี่สาวคุณเรอะ"
"ก็ใช่น่ะสิ"
"นี่คุณ คุณกับพี่สาวหน้าเหมือนกันยังกับแกะ ผมพิศวาสไม่ลงหรอก กลัวหลอนมากกว่า"
สาระวารีเจ็บใจมากพิพัชพูดต่อ
"ผมตั้งใจจะเป็นพ่อสื่อให้พี่สาวคุณ กับคุณษมาตะหาก"
สาระวารีตกใจสุดขีด
"ว่ายังไงนะ"
พิพัชยิ้มกวน
"คุณได้ยินไม่ผิดหรอก พี่สาวคุณทั้งฉลาด ใจเย็น ใช้เหตุผลมาก่อนอารมณ์ เป็นแม่บ้านแม่เรือน แถมยังเข้มแข็งกว่าที่เห็นซะอีก เหมาะที่จะยืนเคียงข้างคุณษมามากที่สุดแล้ว"
สาระวารีอึ้งไป
"คุณษมาน่าจะชอบที่หน้าตาคุณ มากกว่านิสัยอย่างคุณ"
สาระวารีเจ็บใจจนคิดคำด่าไม่ออก
"เพราะฉะนั้นพี่สาวคุณน่าจะแทนที่ได้ไม่ยาก"
สาระวารีจะอ้าปากพูดต่อ แต่พิพัชพูดสวนขัดขึ้นซะก่อน
"ยังไงคุณก็ยอมรับเรื่องคาสิโนไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อยังไงก็ไปกันไม่ได้ คุณคงไม่คิดกันท่าคนอื่นหรอกนะ แล้วคนอื่นที่ว่านี้ ก็คือพี่สาวแท้ๆ ของคุณเองด้วย"
สาระวารีอึ้งสนิท เถียงไม่ออกซักคำ งงไปหมดกับความคิดของพิพัช จนทำอะไรไม่ถูก
เวลาสาย ที่มุมกาแฟสยามสาร มีคณากำลังกดน้ำร้อนจากกระติกน้ำร้อนใส่ถ้วยชงกาแฟ โดยมีสาระวารียืนคุยเครียดอยู่ใกล้ๆ
" ในที่สุดเธอก็เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อจนได้ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างวารีจะโดนลูกน้องคุณษมาไซโคซะเสียศูนย์ได้" มีคณานึกขำ
สาระวารีหน้าเครียด
"ไม่ตลกเลยนะยัยมี่ ฉันกลุ้มจะตายอยู่แล้วนะ มีอย่างที่ไหน คิดจะเป็นพ่อสื่อให้พี่สาวฉันกับนายเจ้าพ่อนั่น ทุเรศที่สุด"
มีคณาเดินคนกาแฟมานั่งที่โต๊ะ
"เค้าก็คงเห็นว่า เธอสองคนหน้าเหมือนกันมั้ง ถ้าคุณษมาชอบเธอได้ก็น่าจะชอบพี่สาวเธอได้"
"ตรรกะของนายนั่นมันใช้ได้เรอะ คนอายุอานามขนาดนายษมาคงไม่ได้ชอบใครที่แค่รูปร่างหน้าตาหรอก"
สาระวารีนั่งลงข้างๆ มีคณา มีคณาเหล่มองเพื่อน ยิ้มๆ กระเซ้า
"ตกลงนี่เธอหวงพี่สาว หรือว่าหึงกลัวคุณษมาจะไปชอบพี่สาวเธอกันแน่จ๊ะ"
"ป้าแว่น" สาระวารีโมโหปนเจ็บใจ ดีดติ่งหูมีคณาแรงๆ
"โอ๊ย...โอเค ไม่แซวแล้วก็ได้"
"พูดไม่เข้าหู เดี๋ยวดีดแว่นแตก"
"ดุจริงเพื่อนฉัน แต่ที่คุณพิพัชเค้าพูดก็ถูกนะ" มีคณาถอนใจ จ้องหน้าเพื่อน แล้วพูดต่อ
"ยังไงเธอก็เกลียดการพนันจนรับคุณษมาเค้าไม่ได้ อยู่แล้ว เธอจะปิดโอกาสคุณษมาไม่ให้เค้ามองผู้หญิงคนอื่น มันก็ไม่ยุติธรรมกับเค้านะ"
"แต่ผู้หญิงคนนั้น คือพี่สาวของฉันนะ"
มีคณาหน้าตาเจ้าเล่ห์มีแผนการขึ้นมาเล็กน้อย จงใจพูดยั่วให้เผยความรู้สึกออกมา
"ก็ใช่ แต่เธอกับคุณษมาก็ยังไม่ใช่แฟนกันซะหน่อย ยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงไหนเลยด้วยซ้ำ แล้วถ้าเค้าจะเปลี่ยนใจ หรือพี่เธอจะหันมามองคุณษมาบ้าง ก็ไม่ผิดตรงไหนนี่"
มีคณาทำจิบกาแฟไป สาระวารี คิ้วขมวด สับสนปนว้าวุ่นใจแปลกๆ เถียงไม่ออก!! มีคณาแอบเหล่มองอาการของเพื่อนแล้วก็อมยิ้มออกมา บางทีเจอบททดสอบแบบนี้เข้าไปบ้าง เพื่อนอาจจะยอมลดอคติลงแล้วยอมเปิดใจตัวเองมากขึ้นก็ได้
ท่ามกลางบรรยากาศในซุปเปอร์มาเก็ต สาระสะมากำลังเลือกซื้อสินค้า โดยมีพิพัชคอยเข็นรถใส่ของเดินตาม
"คุณพิพัชเล่าซะเห็นภาพเลย ทำเอาฉันอยากไปเกาะยานกซะเดี๋ยวนี้เลยนะคะเนี่ย"
"คุณวารีก็ไปเกาะยานกตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเล่าให้คุณฟังบ้างเลยเหรอครับ"
"เล่าค่ะ ... แต่เค้าบอกว่าเป็นเกาะของมาเฟีย มีแรงงานผีดิบกับเลขาหน้าบึ้งเป็นผู้ช่วยค่ะ"
พิพัชหน้าบึ้งตึง
"นึกแล้วว่าต้องพูดแบบนี้ ไม่จริงเลยนะครับ คุณษมาไม่ใช่เจ้าพ่อมาเฟียอะไรทั้งนั้น ตัวจริงออกจะเป็นคนใจดี มีน้ำใจ ลูกน้องทุกคนรักคุณษมากันทั้งนั้นล่ะครับ"
"ฉันทราบค่ะ ฉันเคยเจอคุณษมามาแล้ว"
พิพัชยิ้มแหยๆ
"จริงสิครับ ผมลืมไป แต่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ก็ไม่เท่ากับได้ไปเจอคุณษมาที่ยานกหรอกนะครับ ถ้าคุณว่าง ผมขอเชิญเลยนะครับ รับรองว่าคุณจะได้เห็นคุณษมาในมุมที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน รับรองว่าคุณจะต้องประทับใจแน่ๆ"
สาระสะมามองหน้าพิพัชยิ้มๆ กระเซ้า
"โทรสั่งซื้อตอนนี้ได้ส่วนลดเท่าไหร่คะ"
"คุณสะมา ผมพูดเรื่องจริงนะครับ"
" ฉันเชื่อที่คุณพูดค่ะ เพียงแต่รู้สึกเหมือนคุณพิพัช พยายามจะโฆษณาขายตรงเจ้านายคุณยังไงก็ไม่รู้"สาระสะมายิ้มขำ พิพัชหน้าแหยไป
"ขอโทษนะคะถ้าเข้าใจผิด แต่ฉันรู้สึกอย่างงั้นจริงๆ"
พิพัชเสียงอ่อย หน้าจ๋อย
"ถึงว่า คุณษมาเคยบอกว่าอย่างผมไม่มีทางเป็นนักขายที่ดีได้หรอก"
สาระสะมาจ้องหน้าพิพัช
"ทีนี้จะบอกฉันได้รึยังคะ ว่าคุณกำลังพยายามทำอะไรอยู่"
สาระสะมามองหน้าพิพัชนิ่ง สีหน้าแววตาคาดคั้น รอคำตอบ พิพัชยิ้มเจื่อนที่ถูกจับได้
ผ่านเวลาซักครู่ สาระสะมาหัวเราะชอบใจเดินคู่กับพิพัชที่เข็นรถใส่ของออกมาจากซุปเปอร์ฯไปยังที่จอดรถ พิพัชถึงกับหน้าเสีย
"อย่าหัวเราะสิครับ นี่ผมคิดจริงจังนะครับ"
เธอพยายามกลั้นขำแล้วบอก
"ขอโทษค่ะ แต่มันอดขำไม่ได้จริงๆ คุณคิดได้ยังไงคะ ถึงอยากจับคู่ให้ฉันกับคุณษมา"
"ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจตอนนี้ก็ได้ครับ แค่รับคุณษมาไว้พิจารณาบ้างก็พอ"
สาระสะมายิ้มแย้ม
"คงไม่ได้หรอกค่ะ"
"ทำไมล่ะครับ"
"ข้อแรก ฉันไม่ได้ชอบคุณษมา และข้อสอง คุณษมาชอบน้องสาวฉัน"
พิพัชเบะปาก อย่างเซ็งๆ
"แต่ผู้หญิงคนนั้น เอ่อ คุณวารีไม่เหมาะกับคุณษมาในทุกๆด้าน คุณวารีทั้งใจร้อน แข็งกระด้าง แล้วเค้าก็เกลียดการพนันเข้ากระดูกดำ จะอยู่กันเข้าไปได้ยังไง ผมยังมองไม่เห็นทางออกเลย"
"ดูคุณจะรักเจ้านายคุณมากเลยนะคะ"
"ครับ คุณษมามีบุญคุณกับผมมาก แล้วเราก็ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าคุณษมาคิดจะมีใครซักคน ผมก็อยากให้เค้าได้คนที่เพียบพร้อมอย่างคุณ"
"ฉันไม่ได้เพียบพร้อมขนาดนั้นหรอกค่ะ แล้วไอ้ความเพียบพร้อมที่คุณว่า ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะไปกันได้ตลอดรอดฝั่งนะคะ มันขึ้นอยู่ที่นิสัยใจคอมากกว่า ว่าเข้ากันได้มากน้อยแค่ไหน"
"แล้วคุณคิดว่านิสัยใจคอของคุณวารี จะเข้ากับคุณษมาได้อย่างงั้นเหรอครับ"
"ฉันมั่นใจว่าคุณษมาคงไม่ได้ชอบวารีแค่ที่หน้าตาหรอกค่ะ"
พิพัชแสดงสีหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยออกมา
"เพราะระดับคุณษมา จะหาผู้หญิงสวยแค่ไหนก็ได้ ดูอย่างคุณโศภีนั่นสิคะ สวยขนาดนั้นคุณษมายังเมิน ฉันมั่นใจ ว่าไม่มีใครเหมาะกับคุณษมา เท่าวารีอีกแล้วล่ะค่ะ ไม่เชื่อก็คอยดูกันต่อไป"
พิพัชได้แต่ถอนใจยาวออกมา
เวลาบ่าย ตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอยู่ รถขนสินค้าของบริษัทษมาค่อยๆวิ่งมาตามทาง ตำรวจโบกให้หยุด รถบรรทุกก็หยุดตามที่ตำรวจโบก
บ่ายกว่านั้น ลำแพงในชุดไว้ทุกข์มาดคุณนายเดินลงบันไดบ้านเตรียมจะไปงานศพพร้อมกับษมา
ลำแพงมองไปที่ทางท่าเรือด้วยสีหน้าแปลกใจ เห็นษมาในชุดไว้ทุกข์จะไปงานศพ จันเลาและแลง กำลังยืนคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ แลงหันมองเห็นพี่สาวก็รีบเดินเลี่ยงกลับออกมาหา ลำแพงปรี่เข้าหาน้องชายด้วยความอยากรู้
"มีเรื่องอะไร ตำรวจมาทำไม"
ลำแพงรอฟังเรื่องราวจากปากแลง ษมาและจันเลามีสีหน้าเคร่งเครียด ษมาดูหมายค้นแล้วบอก
"โอ.เค.ครับ ถ้าทางสารวัตรมีหมายมา ก็เชิญค้นได้ตามสบายเลยครับ ... จันเลา อำนวย ความสะดวกให้สารวัตรด้วยนะ"
"ครับ คุณษมา ... เชิญครับ"
จันเลาเดินนำตำรวจส่วนหนึ่งเลี่ยงไป
"เดี๋ยวผมขอเชิญคุณษมา ไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ"
ลำแพงรีบเดินเข้ามาหาตำรวจ ด้วยความห่วงษมาสุดๆ
"ให้ปากคำอะไรกันคะ คุณษมาไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด แค่ค้นเจอยาในรถขนของบริษัทเท่านั้นเอง จะมาเหมาว่าคุณษมาเป็นคนทำ ไม่ด่วนสรุปเกินไปหน่อยเหรอคะ"
ลำแพงค้อนใส่ตำรวจให้อีกขวับ ษมาปราม
"ลำแพง คุณตำรวจเค้าทำตามหน้าที่ ไม่มีอะไรหรอก ฉันคงไปงานศพพร้อมกับเธอไม่ทันแล้วล่ะ ฝากเป็นตัวแทนฉันด้วยนะลำแพง"
ลำแพงหน้าแหยนึกเสียดาย
"ค่ะคุณ"
ษมาหันไปพูดกับตำรวจ
"งั้นไปกันเลยมั้ยครับ"
ษมาเดินคู่ไปกับตำรวจที่ท่าเรือ ลำแพงได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ช่วยเหลืออะไรษมาไม่ได้
เธอก้มลงมองชุดไว้ทุกข์ที่สวมใส่อยู่ ออกอาการหงุดหงิดที่ไม่ได้ออกงานคู่กับษมา
เวลาบ่าย ดิตถ์กำลังหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ชนแก้วไวน์แสดงความยินดีกับโศภีที่ร้านอาหารริมทะเล
"ผมบอกคุณแล้วว่าเราสองคนต้องร่วมมือกัน ถึงจะรุ่ง เห็นมั้ย ไม่ทันไรไอ้ษมาก็โดนยัดเข้าคุกไปแล้ว"
โศภียิ้มแย้มพอใจ
"แค่ป้ายสีไอ้ษมาเข้าคุก มันไม่ถึงตายหรอกนะ เงินมันก็มีเยอะแยะ สู้คดีจนหลุดได้ไม่ยากหรอก"
ดิตถ์หัวเราะเจ้าเล่ห์
"อย่าหลงประเด็นสิคุณโศ ที่เราต้องการอันดับแรกคือคาสิโน ส่วนชีวิตไอ้ษมามันแค่ของแถม"
โศภีฟังดิตถ์อย่างตั้งใจ
"ลองคิดดูนะ ไม่มีประเทศไหนในโลก อยากพัวพันหรือยอมรับพ่อค้ายาเสพติดอย่างเปิดเผยหรอก แล้วในสัญญาสัมปทานก็ระบุคุณสมบัติผู้ประมูลข้อนี้ไว้ชัดเจน"
โศภีคิดตามทัน ค่อยยิ้มออก
"เราต้องฉวยโอกาสที่ไอ้ษมาโดนป้ายสี เดินเกมยึดคาสิโนมันมาให้ได้ ผมจะตีข่าวทางนี้เอง ส่วนคุณก็อาศัยเส้นสายของคุณทางฝั่งโน้น ขอคัดค้านให้ยกเลิกสัมปทานของไอ้ษมาซะ อ้างว่ามันพัวพันการค้ายาเสพติดข้ามชาติ"
โศภีขำๆ
"ลงทุนฆ่ามันเท่าไหร่ก็ไม่ตายซะที คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแผนใส่ร้ายง่ายๆ จะทำให้เราได้คาสิโนมันมา"
"เส้นผมบังภูเขาแท้ๆเลย"
ทั้งคู่ต่างหัวเราะสะใจ ที่เล่นงานษมาได้แล้ว ยังมีหวังยึดคาสิโนมาได้อีก ทั้งคู่ต่างชนแก้วฉลองความสำเร็จล่วงหน้ากันอีกครั้ง
เวลาเย็น สาระวารีเดินออกมาที่หน้าสยามสาร ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะนั้นเอง เสียงแตรรถของพิพัชดังขึ้น เธอหันไปมองตาม เห็นเขาจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว เธอเดินเข้าไปหา เขาลงจากรถแล้วถาม
"คุณรู้ข่าวคุณษมารึยัง"
"รู้แล้วค่ะ"
"งั้นก็รีบขึ้นรถ ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้าน ผมคงต้องกลับตราดทันที"
พิพัชเปิดประตูจะขึ้นรถ แต่พอหันกลับมาเห็นว่า สาระวารียังยืนอยู่ที่เดิม เขาหงุดหงิด
"อ้าว ชักช้าอะไรอยู่ล่ะคุณ ผมบอกแล้วไงว่าผมรีบ"
"ขอฉันไปตราดด้วยคนได้มั้ยคะ"
"คุณจะไปทำไม"
สาระวารีหน้าเครียด
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"อ้าว"
สาระวารีบอกสีหน้าจริงจัง
"แต่ฉันมั่นใจ ว่าคนอย่างเจ้านายคุณไม่มีวันค้ายานรกเด็ดขาด มันต้องมีใครซักคนจงใจใส่ร้ายเค้าแน่ๆ"
พิพัชซึ้งใจแทนสาระวารีที่เชื่อใจษมา เสียงอ่อนลง
"ขอบใจที่เชื่อใจคุณษมา แต่คุณอย่าไปเลย คุณไป ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก"
"ฉันรู้ ว่าฉันไม่มีประโยชน์ ช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้ แต่...เอ่อ แต่ฉันก็อยากแสดงน้ำใจกับ
คุณษมาบ้าง ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำตัววุ่นวาย เกะกะพวกคุณ ขอให้ฉันไปด้วยคนนะ"
สาระวารีแววตาอ้อน พิพัชมองสาระวารีนิ่ง เริ่มเห็นความจริงใจที่เธอมีให้กับษมา
"อยากไปก็รีบขึ้นรถเร็วๆเลย"
พิพัชตีหน้ายักษ์ใส่ก่อนขึ้นรถนำไป สาระวารียิ้มแย้มดีใจรีบตามไปขึ้นทันที
มนต์จันทรา ตอนที่ 9 (ต่อ)
สาระสะมากำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในรถแท็กซี่ที่ติดไฟแดงอยู่
"ไปฉุกละหุกแบบนี้ ที่กองบอกอนายไม่วุ่นวายแย่เลยเหรอวารี"
สาระวารีกำลังจัดเสื้อผ้าใส่เป้ไป คุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย
"ก็เพราะอย่างงี้แหละ เราถึงขอให้นายช่วยโทรไปลาบอกอให้หน่อย ขืนเราโทรไปเอง โดนบอกอเฉ่งหูชาแน่ แต่ถ้าเป็นนาย บอกอเค้าเกรงใจ คงไม่กล้าว่าอะไรมากหรอก"
สาระสะมาที่นั่งเบาะหลังแท็กซี่
"จะให้เราโดนด่าแทน ก็พูดมาตรงๆ เถอะ แล้วนี่นายจะกลับเมื่อไหร่"
"ยังไม่รู้เลย ขอไปดูก่อนละกันว่ามันร้ายแรงแค่ไหน เราถึงจะตอบได้"
สาระสะมากระเซ้า
"ห่วงเค้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ"
สาระวารีอึกๆอักๆ รีบทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนใส่ไป
"นายพูดให้ดีนะ"
พัช สีหน้าร้อนใจยืนอยู่ที่บันไดตะโกนขึ้นมา
"เสร็จรึยังคุณ ให้เวลาอีก 5 นาที ผมจะไม่รอแล้วนะ"
สาระวารีตะโกนลงมา
"เสร็จแล้วๆ เร่งซะจริง ไปรอที่รถเลยไป"
พิพัชหน้าเดินหน้าเซ็งนำออกไปจากบ้าน ภายในห้องนอน สาระวารีรูดซิปปิดเป้
"นายพิพัชเร่งแล้ว แค่นี้ก่อนนะสะมา"
สาระวารีรีบกดตัดสายไป แล้วสะพายเป้กระชับบ่า รีบออกไปจากห้องนอนทันที สาระสะมาพูดพึมพำพลางส่ายหน้า
"นายจะหนีใจตัวเองไปทำไมวารี"
บริเวณรีสอร์ตที่ตราดของษมาตอนกลางคืน ษมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา เขาหลับตาพักผ่อน ท่าทางเหนื่อยอ่อน อยู่ที่บ้านพักส่วนตัว
เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น ษมาหลับตา พูดตอบไป
"เข้ามา"
มีคนเปิดประตู แล้วเดินเข้ามาหาษมา ษมายังหลับตาพูดไป
"วางไว้นั่นล่ะ ฉันยังกินไม่ลงหรอก แกไปพักผ่อนเถอะจันเลา ฉันอยู่คนเดียวได้"
" ถ้าอยู่ได้ งั้นฉันกลับ"
ษมาตกใจ รีบลืมตาแล้วลุกขึ้นทันทีด้วยความดีใจ
"วารี คุณมาได้ยังไงครับ"
"ก็มากับเลขาคุณน่ะสิ"
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะมา นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยครับเนี่ย"
สาระวารีหน้าบึ้งใส่ ออกแนวรำคาญ ษมายิ้มเจื่อนไป ต้องสะกดความดีใจเอาไว้ เธอนั่งลง ถามต่อด้วยความเป็นห่วง
"ตกลงคดีเป็นยังไงบ้างคะ"
ษมาสีหน้าขรึมลง
"ก็หนักเอาเรื่อง รถขนของที่เจอยาซุกซ่อนอยู่ก็รถของบริษัทผม คนขับก็คนของผม งานนี้ก็คงต้องสู้คดีกันอีกยาว แต่ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้..." ษมาถอนหายใจ สีหน้าหนักใจ
"เรื่องคาสิโนใช่มั้ยคะ"
สาระวารีพูดสวนขึ้น ษมาพยักหน้ารับ
"ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนที่สร้างเรื่องใส่ร้ายคุณ น่าจะหวังผลให้คุณถูกยกเลิกสัมปทาน"
"ใช่ แทนที่จะเอาชีวิตผม ก็หันมาใช้วิธีนี้แทน ผมเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน"
สาระวารีมองหน้าษมา
"ถึงฉันจะมีความคิดต่อต้านการสร้างคาสิโนของคุณ แต่ฉันก็ทนเห็นคุณโดนใส่ร้ายป้ายสีแบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ"
ษมามองหน้าสาระวารีนิ่ง แอบซึ้งใจ
"ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง แต่ถ้าคุณต้องการให้ฉันทำอะไร ก็บอกมาได้เลยนะคะ"
ษมายิ้มปลื้ม
"ได้ยินแบบนี้ ผมมีกำลังใจสู้ขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากนะวารีที่ยังไม่ทิ้งผม"
ษมาจ้องตาหวานใส่ เธอหลบสายตาแก้เขินไป แอบอมยิ้มอยู่ในที
พิพัช จันเลา และสมบูรณ์ ที่ยืนมองอยู่ผ่านช่องประตูห้องที่เปิดอ้าเอาไว้ จันเลาและสมบูรณ์หันมายิ้มๆ ดีใจให้กัน มีเพียงพิพัชคนเดียวที่หน้านิ่งๆ ยังไม่ถูกใจว่าที่นายหญิงคนใหม่นัก
เวลาต่อเนื่องมา พิพัช จันเลา และสมบูรณ์เดินคุยกันมาที่หน้าบ้านพัก
"ลุงมั่นใจว่าต้องมีคนแอบซุกยาในรถขนสินค้าของเราแน่ๆ มันต้องการหาเรื่องใส่ความคุณษมา ลุงก็เลยไปตามสืบจากคนของเราก่อน มีน่าสงสัยอยู่ 2 คน"
"มันเป็นใครครับลุง"
"สุชาติกับทวี คนงานที่โรงงานเรานั่นแหละ"
พิพัชหันมองทางจันเลา
"นี่เกลือเป็นหนอนอีกแล้วเรอะ"
"อันนี้ก็ยังไม่ชัวร์ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนมัน 2 คนถูกจับได้ว่ายักยอกของบริษัทไปขายตลาดมืด เราก็เลยให้ออกไป"
"มันสองคนอาจจะเคียดแค้นบริษัทก็ได้"
พิพัชมีสีหน้าคิดตาม เห็นด้วย มีความเป็นไปได้
"พอลุงบูรณ์บอกมา ฉันก็รีบไปที่บ้านพวกมัน แต่ไม่ทันพวกมันหนีไปแล้ว ตอนนี้กำลังให้คนตามล่าตัวอยู่" จันเลาบอก
"เรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของลุงกับจันเลาเอง คุณพิพัชไปตามเรื่องสัมปทานคาสิโนเถอะ ใครก็ตาม ที่เดินเรื่องขอให้ยกเลิกสัมปทานคุณษมา โดยใช้เรื่องยาเสพติดมาอ้าง ไอ้คนนั้นแหละเข้าข่ายเป็นตัวบงการที่สุด"
พิพัชพยักหน้าเห็นด้วย
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ระเบียงบ้านพักที่รีสอร์ตส่วนตัวตอนกลางวัน ษมากำลังคุยกับพิพัช โดยมีสาระวารีอยู่ใกล้ๆ ษมาหน้าเครียดทันทีเมื่อได้รับข่าว
"โศภีอีกแล้วเรอะ"
"ครับ พอข่าวเรื่องคุณษมาออกไป เค้าก็รีบเดินเรื่องคัดค้านสัมปทานเป็นคนแรกเลย ไม่มีทางที่เรื่องจะเร็วขนาดนี้ถ้าไม่ได้เตรียมการเอาไว้ก่อนล่วงหน้า"
สาระวารีสงสัย
"แล้วทางโน้นจะลงมติตัดสินเรื่องนี้เมื่อไหร่คะ"
"น่าจะภายใน 2-3 วันนี้แหละ แต่คนที่เข้าใจเราก็มีเยอะ น่าจะพอถ่วงเวลาได้ซักเดือน" พิพัชบอก
ษมาสีหน้าใช้ความคิด
"ทางฝั่งโน้นก็ปล่อยให้เค้าจัดการไปตามนั้น แต่สำหรับทางเรา รีบปล่อยข่าวลือให้ทั่วเลยว่า ฉันถูกตัดสิทธิ์สัมปทานแล้ว โศภีคือผู้ได้รับสัมปทานคาสิโนที่เกาะพระฮามแทน" ษมาหน้านิ่ง สีหน้าแววตามีแผนการ
พิพัชและสาระวารีมีสีหน้าแปลกใจ ษมาอมยิ้มมุมปากอย่างมีแผนการ
ลูกน้องโศภีขับรถพาดิตถ์ และโศภี มาหยุดที่หน้าบ้านโศภี แล้วบีบแตรเพื่อรอคนมาเปิดประตู ดิตถ์พูดขึ้นอย่างเซ็งๆ
"เมื่อไหร่ผมจะไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆซะที คุณสัญญาแล้วนะคุณโศ ว่าจะเคลียร์เรื่องคดีให้ผม"
"ฉันรู้แล้ว แต่คดีมันเล็กซะที่ไหนล่ะ ต้องใช้เวลา ใจเย็นๆน่ะได้เรื่องเมื่อไหร่ คุณก็ค่อยออกมามอบตัว แล้วทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน"
โศภีแอบหงุดหงิด ดิตถ์ชักสีหน้าเซ็งๆ
ขณะนั้นเอง มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ขับมาจอดเทียบรถโศภี มือปืนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชักปืนออกมา
ดิตถ์เหลือบไปเห็นเข้า ก็ตกใจสุดขีด รีบดึงตัวโศภีเข้ามาเป็นโล่บังให้ตัวเองทันที มือปืนตั้งท่าจะเหนี่ยวไกยิงใส่
โศภีกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจ หลับตาปี๋ ลูกน้องโศภี ดาหน้าออกมาจากบ้านเพื่อยิงสกัด
มือปืนเสียจังหวะ ซิ่งรถหนีไปอย่างเร็ว ลูกน้องโศภีวิ่งตามกวดไล่ยิง แต่ก็ไม่ทันแล้ว
โศภีโกรธจัดด่าดราดใส่ดิตถ์ที่โถงบ้าน
" แกมันเห็นแก่ตัวที่สุด ดึงฉันมาเป็นโล่บังกระสุนให้แกได้ยังไง"
"ก็ผมไม่รู้ว่ารถคุณกันกระสุน"
"แกไม่ต้องทำอ้างดีเลยไอ้ดิตถ์"
โศภีคิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย ตรงเข้าฟาดใส่ดิตถ์ไม่ยั้ง
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของโศภีก็ดังขึ้น เป็นเสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะ เธอหยุดกึก
"ไอ้ษมาโทรมา"
โศภีชี้หน้าด่าดิตถ์ก่อนไปรับโทรศัพท์ ดิตถ์ได้ช่องเอาตัวรอด
"เปิดสปีกเกอร์เลยคุณ ผมอยากฟังด้วย"
โศภีค้อนใส่ก่อนกดสปีกเกอร์ตามที่ดิตถ์บอก
"สวัสดีค่ะษมา มีธุระอะไรสำคัญเหรอคะ ถึงโทรมาหาโศได้"
เสียงษมาดังออกมาจากโทรศัพท์
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
ษมามีน้ำเสียงเยาะหยันอยู่ในที
"ได้ข่าวว่าคุณถูกลอบยิงเหรอครับโศ เป็นยังไงบ้างล่ะ"
โศภีชักสีหน้าทันที เพราะคิดว่าเป็นฝีมือษมาเลยโกรธจัด
"ฉันเพิ่งถูกลอบยิงไม่ถึงสิบนาที คุณรู้ได้ยังไง"
ษมากำลังเดินคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่สวนรีสอร์ต ษมาหัวเราะบอก
"ไม่ใช่ฝีมือผมหรอกน่า ที่ผมรู้ ก็เพราะผมเดาเอาจากประสบการณ์"
โศภีเหลือบไปสบตากับดิตถ์อย่างงงๆ ดิตถ์ก็ยักไหล่ไม่เข้าใจ โศภีถามกลับไป
"พูดอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจ"
ษมายิ้มเจ้าเล่ห์
"ตอนนี้ข่าวคุณกำลังดัง ความเคลื่อนไหวของคุณ ถูกจับตาทุกฝีก้าวแหละ"
"ฉันมีข่าวอะไร"
ษมายิ้มกวนๆบอก
"อ้าว ก็ข่าวที่คุณเพิ่งได้สัมปทานคาสิโนที่เกาะพระฮามแทนผมไงครับ"
ดิตถ์ และโศภี หน้าตาตกใจมาก
"สัมปทานบ้าอะไร ฉันยังไม่ได้ซะหน่อย"
"เหรอ งั้นคุณก็ต้องตามไปอธิบายเอาเองแล้วล่ะ เพราะมีคนเชื่อข่าวนี้อยู่เยอะ รวมทั้งไอ้พวกโลภมาก ที่ทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้สัมปทานด้วย โชคดีนะครับโศ ผมจะสวดมนต์ขอพรให้คุณปลอดภัย"
ษมากดตัดสายไป โศภี เจ็บแค้นใจมาก
"ซวยแล้วคุณโศ เจอมันย้อนศรเอาแบบนี้ คุณรีบหาที่ซ่อนตัวดีกว่า"
โศภีชักร้อนตัว กลัวตาย
"เพราะแผนการแกคนเดียว ทำฉันเดือนร้อนแล้วเห็นมั้ย"
ดิตถ์ขี้ขลาด กลัวตายเหมือนกัน
"ผมกลับก่อนดีกว่าคุณโศ บ้านคุณไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้วล่ะ"
ดิตถ์รีบเดินเร็วออกไปจากบ้านทันที
"ไอ้ดิตถ์ ไอ้ตาขาว ไอ้..." โศภีนึกคำด่าที่สาสมไม่ออก ได้แต่หงุดหงิดเจ็บใจ ก่อนจะมีสีหน้าหวาดระแวงห่วงความปลอดภัยของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน
ในเวลาต่อเนื่องมา สาระวารีนั่งลงอย่างเซ็งๆ ที่ห้องนั่งเล่นที่บ้านพักรีสอร์ตษมาที่ตราด ษมาเดินยิ้มเข้ามาหาสาระวารี
"ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ ผมเอาคืนได้บ้าง คุณไม่ดีใจเหรอ"
สาระวารีหน้านิ่ง พูดประชด
"ฉันก็ตื่นตูมเกินเหตุ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาเลย คุณเป็นคนเก่ง จัดการทุกอย่างได้เองอยู่แล้ว มาให้เป็นตัวตลก"
ษมาหน้าขรึมลง
"ใครบอกล่ะครับ จริงๆเมื่อวานผมเครียดมากเลยนะ แต่ที่ทุกอย่างคลี่คลาย ผมมีพลังฮึดขึ้นสู้ได้ ก็เพราะได้เห็นหน้าคุณ"
ษมาจ้องตาสาระวารีนิ่ง เธอเขินและชะงักไปเล็กน้อย เขาเดินมานั่งข้างๆ ค่อยๆจับมือเธอไว้อย่างทะนุถนอม
" คุณเกลียดการพนัน เกลียดคาสิโน ถ้าผมถูกยกเลิกสัมปทานไปซะได้ คุณน่าจะสะใจมากกว่า แต่กลับไม่ใช่ คุณรีบมาที่นี่โดยไม่สนใจอะไรพวกนั้นเลย คุณมาเพราะแค่เป็นห่วงผมเท่านั้น"
สาระวารีเหยียดปากหมั่นไส้ บ่นพึมพำ
"คนแก่นี่ชอบคิดเองเออเองซะจริง"
ษมาเชยคางเธอขึ้นมามองหน้า ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ๆ
"ผมไม่อยากให้คุณจากผมไปไหนอีกแล้วนะวารี"
สาระวารีมองตาษมา กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ใจเต้นแทบระเบิด
"เรา..."
แต่ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงลำแพงดังขัดขึ้น
"คุณษมาคะ"
ษมาและสาระวารีตกใจ จนรีบผละออกจากกัน หันไปเห็นลำแพงยืนอยู่หน้าห้อง ษมารีบปั้นหน้าปกติ แต่ยังดูไม่เนียนนัก
"อ้าวลำแพง มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เพิ่งถึงเดี๋ยวนี้เองค่ะ ดิฉันกับเจ้าแลงเป็นห่วงคุณ ก็เลยออกจากเกาะยานกมาที่นี่ เผื่อมีอะไรจะช่วยคุณได้บ้าง"
ลำแพงมองไปทางสาระวารี แววตาหมั่นไส้ปนชิงชัง
"ไม่คิดว่า... จะมาขัดจังหวะ ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มพอดี"
สาระวารีหลบสายตาด้วยความเขินอาย เช่นเดียวกับษมาที่มีท่าทางเก้อเขินขึ้นมา ลำแพงมองด้วยสายตาเย็นชา เกลียดชังริษยาถึงขีดสุด สะบัดหน้าพรืดออกไปทันที แลงหน้านิ่งๆ เดินตามพี่สาวออกไป
สาระวารีลุกเดินเลี่ยงไปทางห้องพัก ษมาหันมองตาม สีหน้ายิ้มพอใจ สัมผัสได้ว่าเธอก็รู้สึกไม่ต่างกันกับ ความสัมพันธ์ที่มีความคืบหน้าขึ้น
เวลาเย็น คนงาน 2 คนกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่ง คนหนึ่งดูทีวีอยู่ อีกคนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
คนงานคนที่ 1ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำถาม
"นายดิตถ์โทรมารึยังวะ"
คนงานคนที่ 2 ขณะนอนดูทีวี ตอบไป
"ยังเลย"
"อะไรวะ เรายัดยาในรถส่งสินค้าจนไอ้ษมาถูกจับตามสัญญาแล้ว ทำไมยังไม่จ่ายเงินส่วนที่เหลืออีกวะ"
เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คนงานคนที่ 1 เดินไปส่องดูที่ตาแมว...เห็นเด็กหนุ่มยืนถือถุงใส่อาหารอยู่หน้าห้อง
"ไอ้ท็อปมาแล้ว"
คนงานคนที่ 2บ่น
"หิวเกือบตาย"
คนงานคนที่ 1เปิดประตูรับพร้อมต่อว่า
"มึงไปซื้อถึงไหนวะไอ้ท็อป"
ไม่คาดคิด... สมบูรณ์ พร้อมกับลูกน้องษมา 2-3 คนที่หลบอยู่ข้างประตูก็ปรากฏตัวขึ้น ล็อกตัวท็อปเอาไว้พร้อมจี้ปืนขู่คนงานทั้ง 2 คน
คนงานทั้งสองตกใจ แต่ก็หนีไปทัน ได้แต่ยกมือเหนือหัวยอมแพ้
เวลาหัวค่ำ หญิงสาวสีหน้าหวาดกลัวคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับคนงานคนที่ 1
"พี่เป็นยังไงบ้าง"
"ก็อยู่ในคุกน่ะสิวะ"
ดิตถ์ปาดมือเข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือจากข้างหูหญิงสาวไปคุยเอง หญิงสาวสีหน้าหวาดกลัวรีบเดินไปกอดลูกที่มุมห้อง ดิตถ์คุยโทรศัพท์ต่อด้วยสีหน้าดุดัน
"เงียบ แล้วฟังฉันให้ดี ยอมรับผิดไปซะ อย่าพูดพาดพิงอะไรถึงพวกฉันเด็ดขาด แล้วเงินส่วนที่เหลือ ฉันจะให้ลูกเมียแกเอาไว้ใช้ แต่ถ้าแกเอ่ยชื่อฉันแม้แต่คำเดียว คงไม่ต้องบอกนะ ว่าลูกเมียแกต้องเจออะไรบ้าง"
ดิตถ์เหลือบตามองไปที่ลูกเมียของคนงานคนที่ 1 ด้วยแววตาดุดัน... สองแม่ลูกกอดกันกลมด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัว ดิตถ์ฟังปลายสายก่อนจะสะแหยะยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
บ้านพักส่วนตัว ภายในรีสอร์ตษมาที่ตราดตอนหัวค่ำ ลำแพงกำลังรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วให้สาระวารี ด้วยสีหน้านิ่งๆ สาระวารีตั้งท่าจะตักข้าวให้ษมา ลำแพงเสียงแข็งบอก
"ไม่ต้องค่ะ เป็นหน้าที่ของดิฉัน"
สาระวารีหยุดช่วย ไม่อยากขัดใจ เธอเลี่ยงที่จะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มไป ลำแพงตักข้าวต่อไปตามหน้าที่ สีหน้านิ่งๆ ตักให้ษมาก่อน ษมาชวนสาระวารีคุยต่อไป
"งานนี้ต้องชมจ่าบูรณ์ อุตส่าห์ไปตามล่าตัวไอ้สองคนนั่นมาจนได้ ไม่อย่างงั้น ผมคงต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์กันอีกยาว"
สาระวารียิ้มดีใจ ลำแพงตักข้าวให้สาระวารี
"จบได้เร็วก็ดีแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นโดนยกเลิกสัมปทานขึ้นมา ฉันขี้เกียจต้องมานั่งปลอบใจไปสมน้ำหน้าคุณไป"
ษมาสีหน้าน้อยใจ
"แล้วทำไมต้องสมน้ำหน้าผมด้วยล่ะ คาสิโนผมจะสร้างประโยชน์ตั้งเยอะ แต่คุณเลือกที่จะปิดหูปิดตาไม่ยอมมองเอง"
ลำแพงชายหางตามองสาระวารีอย่างชิงชัง ษมาหันไปพูดกับลำแพง
"ลำแพงมีอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องอยู่รับใช้ฉันหรอก"
"ค่ะคุณษมา"
ลำแพงเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
"ประโยชน์เยอะ แต่ข้อเสียมีเยอะกว่า เพราะฉะนั้น ถ้าไม่สร้างได้ เป็นดีที่สุด"
สาระวารีหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบอีกครั้ง ษมาถอนใจอย่างเซ็ง
"ไหนๆคุณก็มาแล้ว อยู่ทำข่าวพลอยต่อเลยมั้ย จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา"
"บอกอยังไม่ได้อนุมัติเลยค่ะ จะทำได้ยังไง แค่ฉันโดดงานมานี่กลับไปก็โดนด่าหูชาไป 3 วัน 7 วันแล้วล่ะ"
ทันใดนั้น สาระวารีก็เกิดปวดท้องขึ้นมา
"โอ๊ย"
ษมาตกใจถาม
"เป็นอะไรครับ"
สาระวารีปวดท้องหนักขึ้นเรื่อยๆ...โอ๊ย...
ษมาตกใจมาก รีบลุกเข้าไปประคอง
"เป็นอะไรวารี"
ลำแพงแอบดูสาระวารีที่ปวดท้อง ด้วยสีหน้าสาแก่ใจ
เวลากลางคืน ต่อมา หมอกำลังตรวจอาการสาระวารีที่นอนอยู่บนเตียงในห้องตรวจ โดยมีษมายืนอยู่ใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง
"แน่ใจนะครับ ว่าไม่เคยมีประวัติแพ้อาหารอะไรมาก่อน"
สาระวารีลุกขึ้นนั่ง
"แน่ใจค่ะ เคยเป็นอาหารเป็นพิษบ้าง แต่นานๆ จะเป็นซักครั้ง แล้วอาหารที่ทานช่วงวันสองวันนี้ก็เป็นอาหารปกติทั่วๆไป ไม่ได้กินอะไรแปลกพิสดารเลยค่ะหมอ"
ษมารีบเสริม
"ผมเองก็ทานเหมือนๆกับวารีทั้งวัน ถ้ามีอะไรผิดสำแดง ผมก็น่าจะเป็นด้วยสิครับหมอ"
หมอหันมาถามวารี
"แล้วตอนนี้ยังปวดท้องอยู่รึเปล่าครับ"
สาระวารีเดินมานั่งตรงข้ามหมอ
"ไม่ปวดแล้วค่ะ แต่รู้สึกเพลียๆไม่ค่อยมีแรง"
"งั้นเดี๋ยวหมอจะจัดยาไปเผื่อไว้ให้แล้วกันนะครับ"
"ค่ะคุณหมอ"
สาระวารี ๆ รู้สึกแปลกใจกับอาการปวดท้องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ผ่านเวลาซักครู่ บริเวณสวนหย่อมรีสอร์ตษมา ลำแพงตบหน้าแลงจนหัน สีหน้าแววตาลำแพงเต็มไปด้วยความโกรธจัด ราวกับจะฆ่าให้ตายคามือ... ขณะที่แลงกลัวพี่สาวมาก
"พี่มาตบหน้าฉันทำไม"
ลำแพงกระชากคอเสื้อแลง
"ยังมีหน้ามาถามอีก เมื่อกี๊คุณษมาโทรมาบอกว่า อีนักข่าวนั่นหายดีแล้ว มันจะหายได้ยังไง ถ้าแกไม่แอบทำให้ยาของฉันเจือจาง ถ้าแกไม่มาสาระแนเรื่องของฉัน ป่านนี้อีนั่นมันตายไปแล้ว"
"แต่ฉันทำเพื่อพี่นะ คิดดูสิ ถ้ามันตาย ตำรวจก็ต้องเข้ามาสืบ แล้วคนที่ดูแลเรื่องอาหารก็มีแต่พี่ แล้วพี่จะหนีพ้นความผิดเหรอ"
ลำแพงตะคอก สีหน้าแววตาเจ็บช้ำ
"แล้วแกจะยอมปล่อยให้มันแย่งคุณษมาไปจากฉันง่ายๆ รึไง"
ลำแพงแววตาโกรธจัด เริ่มมีอาการทางจิตอ่อน ส่อแววออกมาให้เห็น
" ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่ แต่ฉันอยากให้พี่ใจเย็นๆ เอาไว้ก่อน จำตอนคุณภูผาได้มั้ยพี่แพง เราค่อยๆทำให้มันตายช้าๆ เห็นมั้ย ไม่มีใครสงสัยพวกเราเลย"
ลำแพงคิดตามแล้วสงบลง ยอมปล่อยตัวน้องชายออกไป แลงรีบถอยห่างไปตั้งหลัก ดูกลัวๆ พี่สาวอยู่มาก ลำแพงค่อยๆ เผยอยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจ แล้วคิดถึงเรื่องเจ้าของเกาะคนเก่าที่ตนฆ่าทิ้งไป
อ่านต่อเวลา 17.00น.
มนต์จันทรา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ย้อนไป 7-8 ปีก่อน เวลาเย็น ภูผา เจ้าของเกาะกับภรรยากำลังเดินควง จู๋จี๋ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
ลำแพงยืนมองทั้งคู่ด้วยสายตาริษยา เกลียดชังจับใจ โดยมีแลงยืนอยู่ใกล้ๆ
"ฉันบอกพี่แล้วว่าคุณภูผาเค้าไม่ได้สนใจพี่หรอก ที่ตอนแรกเค้ายังไม่ให้เมียมาที่นี่ ก็เพราะมันยังลำบากอยู่ เค้าห่วงเมียเค้า"
ลำแพงริษยาสุดๆ
"โง่ที่สุด ผู้หญิงแบบเนี้ยจะทำอะไรเป็น นอกจากแต่งตัวสวย เดินกรีดกรายไปวันๆ"
"ผู้ชายรวยๆ เค้าก็ต้องการผู้หญิงสวยๆ เอาไว้แค่เป็นเมียคอยเอาอกเอาใจเท่านั้นแหละพี่ มีเงินซะอย่างจะหาคนงาน บริวารเก่งๆ แค่ไหนก็จ้างได้ เค้าไม่มาสนใจเรื่องที่พี่ว่าหรอก"
ลำแพงหันมาจ้องหน้าแลงเขม็ง
"แกหาว่าฉันไม่สวย หน้าตาน่าเกลียดใช่มั้ย ไอ้แลง คุณภูผาถึงไม่สนใจฉัน"
แลงรีบปฏิเสธ หน้าแหยปนกลัว
"เปล่านะพี่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย"
"ไอ้แลง แกจำเรื่องที่แกขาหักตอนเด็กๆได้มั้ย"
แลงดูอึ้งๆ ไป
ลำแพงยิ้มเย็นๆ พร้อมเล่า
"แม่ซื้อขนมมาให้ฉันกับแก แต่แกขโมยของฉันไปกิน ฉันก็เลยผลักแกตกลงมาจากบันไดหน้าบ้านจนแกขาหัก"
ลำแพงขำๆร่วน ชอบใจมาก เสียงหัวเราะยาวนาน ก่อนที่แววตาจะเริ่มขวางขึ้น แลงรับรู้ได้ถึงอาการบางอย่างของพี่สาวที่กำลังจะตามมา เขาค่อยๆ ยิ้มแหย ถอยห่าง ตั้งท่าจะหนีไปให้ไกล...แต่ไม่ทัน ลำแพงปาดเข้าบีบคอน้องชาย ตะคอกใส่
"แกรู้มั้ยว่าเพราะอะไร เพราะสิ่งที่ฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน ฉันไม่ยอมยกของๆฉันให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น"
"พี่ พี่แพง ฉันหายใจไม่ออก"
ลำแพงได้สติขึ้นมาวูบหนึ่ง ยอมปล่อยมือ แลงไอโขลก ทั้งกลัว ทั้งหายใจไม่ออก ลำแพงมองไปทางที่ภูผาที่เดินผ่านไป สายตาโหดเหี้ยมอำมหิต เต็มไปด้วยความริษยาอย่างเต็มเปี่ยม
ในอดีต เวลาผ่านไป 1 ปี เวลากลางวัน บริเวณท่าเรือเกาะยานก แลงกับคนงานอื่น กำลังช่วยภูผาขนข้าวของต่างๆ ลงเรือ โดยมีภรรยาเจ้าของเกาะคอยคุมทรัพย์สินมีค่าอยู่ไม่ห่าง ลำแพงเดินประคองภูผา เจ้าของเกาะ ที่โดนลำแพงวางยา จนล้มป่วย ไม่ค่อยมีแรง
"ดิฉันไม่อยากให้คุณภูผาไปเลยค่ะ ไม่รู้เจ้าของคนใหม่จะเมตตาดิฉันเหมือนคุณภูผารึเปล่า"
ภูผาพูดอย่างอ่อนแรง
"ฉันก็ไม่อยากไปหรอก แต่ร่างกายฉันมันไม่ไหวจริงๆ ปีสองปีมานี่ มีแต่ทรงกับทรุด ถ้าไม่หยุดทำงานแล้วรักษาตัวจริงๆจังๆ ฉันคงแย่ แต่ลำแพงไม่ต้องกลัวนะ ฉันฝากฝังเธอกับคุณษมาไว้แล้ว ท่าทางเค้าก็เป็นคนใจดี"
ลำแพงมีสีหน้าใช้ความคิดอย่างหนักใจ
"ได้ยินว่าเค้าจะดัดแปลงรีสอร์ตเป็นบ้านพัก เธอคงสบายขึ้น ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเดิม"
ภรรยาเดินเข้ามาหาเพื่อประคองภูผาแทน ลำแพงหน้านิ่งๆ ขยับตัวห่างออกไป
"รีบไปกันเถอะค่ะคุณ แดดเริ่มร้อนแล้ว เดี๋ยวคุณจะหน้ามืดขึ้นมาอีก"
"จ้ะ ... ฉันไปนะลำแพง"
ลำแพงไหว้ลาภูผากับภรรยา
"โชคดีนะคะคุณภูผา คุณผู้หญิง ถ้ามีโอกาส ดิฉันจะไปกราบเยี่ยมพวกคุณที่กรุงเทพค่ะ"
ภรรยายิ้มแย้มบอก
"ขอบใจมากนะจ๊ะลำแพง ถ้าไม่ได้เธอช่วยแบ่งเบางานของรีสอร์ต ฉันกับคุณภูผาคงเหนื่อยกันมากกว่านี้ ถ้ามีอะไรให้ช่วย ก็ติดต่อไปตามที่อยู่ที่ฉันให้ไว้ได้เลยนะจ๊ะ"
"ขอบพระคุณค่ะคุณผู้หญิง"
ภรรยาเดินประคองภูผาไปขึ้นเรือ พอคล้อยหลัง ลำแพงก็จ้องตามสองคนไปด้วยสายตาอาฆาต
แลงเดินเข้ามาหาพี่สาว
"พี่ว่าจะอยู่ได้ถึงเดือนมั้ย"
ลำแพงยิ้มเหี้ยม
"ถึงสองอาทิตย์ก็เก่งแล้ว"
"แล้วเราจะทำยังไงกับไอ้เจ้าของเกาะคนใหม่นี่ดีล่ะพี่ เห็นว่ามันซื้อต่อจากคุณภูผาไปแพงซะด้วย อย่างงี้เราคงหมดหวังได้เกาะคืนแล้วใช่มั้ย พี่แพง" แลงสีหน้าหนักใจปนกังวล
ลำแพงมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างใช้ความคิด
จังหวะนั้น ... แลงแอบชิ่งหนีลำแพงออกไปก่อน ด้วยความกลัวอารมณ์พี่สาวมาก ลำแพงยืนกำมือแน่น เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
"ไม่ว่าจะคน หรือเกาะ ถ้าฉันไม่ได้ ก็ต้องไม่มีใครได้ทั้งนั้น" ลำแพงพูดพึมพำ ขบกรามแน่น ตาเบิกกว้าง
บรรยากาศรีสอร์ตษมาที่ตราดยามสายๆ สาระวารีสะพายกระเป๋าออกมาจากห้องนอนของตน เตรียมจะกลับกรุงเทพฯ จังหวะเดียวกับษมาเดินออกมาจากห้องพอดี
"อ้าว จะไปไหนน่ะวารี หายดีแล้วเหรอ"
"ถึงไม่หาย ก็ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ ไม่อยากโดนบอกอตัดเงินเดือน ยิ่งได้น้อยๆอยู่"
ษมายิ้ม
"คุณไม่ต้องกลับหรอก เสียเวลาไปๆมาๆ"
" อะไรของคุณ"
"หาข้อมูลทำสกู๊ปข่าวเรื่องขุดพลอยให้เสร็จก่อนค่อยกลับก็ได้นี่ครับ"
"ก็ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าบอกอยังไม่ได้อนุมัติเลย จะเขียนไปให้เค้าดีลีททิ้งเล่นๆ เหรอคะ"
ษมายิ้มเจ้าเล่ห์
"ลองโทรไปหาบอกอคุณใหม่เถอะ ผมว่าเค้าอาจจะเปลี่ยนใจ อยากให้คุณทำแล้วก็ได้"
สาระวารีพอเดาได้ จ้องหน้าษมา
"คุณโทรไปล็อบบี้บอกอมาแล้วใช่มั้ย"
ษมาอมยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัย
เวลาต่อเนื่อง ไชยวัฒน์ตีหน้าตาย คุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่กองบ.ก.
"ไม่มีอะไรจริงๆ คิดมากจังเลยวารี ผมก็เห็นเนื้อหามันน่าสนใจดี ก็แค่นั้นเอง"
พนักงานกองบ.ก.ทำงานอยู่ไปมาในบริเวณนั้น สาระวารีสีหน้าไม่เชื่อ กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าบ้านพักของษมา
"แค่นั้นแน่เหรอคะบอกอ พูดความจริงตอนนี้ยังทันนะคะ"
ไชยวัฒน์ตอบกลับมาไม่เต็มเสียง เหมือนตอบปัดๆไป
"ก็พูดไปหมดแล้วไง เนื้อหามันน่าสนใจมากๆ"
สาระวารีเสียงเข้ม
“บอกอคะ ถ้าไม่พูดความจริง วารีจะกลับเดี๋ยวนี้เลย แต่ถ้าบอกออยากได้สกู๊ปนี้มาก ก็ส่งนักข่าวคนอื่นมาทำแทนก็แล้วกัน”
ไชยวัฒน์ตกใจ รีบอ้อน
“เดี๋ยววารี ใจเย็นๆ ก่อนนะคนดีของบอกอ ผมเล่าให้ฟังก็ได้”
ไชยวัฒน์เดินเลี่ยงไปคุยมือถือที่มุมปลอดพนักงานคนอื่นๆ มองซ้ายขวาเล็กน้อย พูดเสียงอ่อย
“คืองี้ คุณษมาเค้าจองซื้อโฆษณาหนึ่งหน้าของเราทั้งเดือนเลย แลกกับการส่งตัวเธอไปทำสกู๊ปข่าวขุด
พลอย”
สาระวารีปรี๊ดแตก
“ที่แท้บอกอก็ยอมรับข้อเสนอเค้าเพราะหวังเงินค่าโฆษณา อย่างงี้ มันขายลูกน้องกินชัดๆ”
“ก็พูดเกินไป ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
สาระวารีแขวะ
“ไหนบ.ก.สอนเรานักหนาให้รักษาจรรยาบรรณไงคะ กลับมาทำผิดซะเอง”
ไชยวัฒน์รีบแย้ง
“ผมทำผิดตรงไหน ส่งเสริมให้คนรักกันได้บุญด้วยซ้ำ”
สาระวารีอึ้ง พูดไม่ออกเลยทีเดียว
“คุณษมาเค้าทำบ่อน ไม่ได้ทำเหมืองพลอยซะหน่อย ไม่ได้ไม่เสียกับสกู๊ปนี้แม้แต่น้อย แค่อยากได้นักข่าวของผมเฉยๆ” ไชยวัฒน์พูดขำๆ
สาระวารีแทบกรี๊ด ทั้งเขินทั้งเจ็บใจ
“บอกอ วารีไม่ทำค่ะ”
“เหรอ แล้วตอนนี้เธออยู่ไหนนะวารีกรุงเทพหรือตราด ถ้าตราดก็แสดงว่าโดดงาน แต่ถ้าทำสกู๊ปพลอย ก็แสดงว่าไปทำงาน”
ไชยวัฒน์ยิ้มเจ้าเล่ห์ สาระวารีมีสีหน้าเจ็บใจมาก เหมือนโดนษมาและบ.ก.รวมหัวกันแกล้ง
ผ่านเวลาซักครู่ ษมาเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคู่คนขับให้สาระวารี เธอเดินหน้าบูดบึ้งขึ้นไปนั่ง
เขาอมยิ้มพอใจปิดประตูให้ แล้วรีบเดินอารมณ์ดีขึ้นไปขับรถ ษมาขับรถออกไปจากรีสอร์ต
ลำแพงเดินออกมาจากที่ซ่อน มองตามรถษมาไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับมีน้ำตาไหลซึมออกมา ประมาณปวดร้าวใจถึงที่สุดแล้ว
ในเวลาต่อมา สาระวารีกำลังดูภาพถ่ายเก่าๆของการขุดพลอยสมัยก่อน โดยมีษมา กับเจ้าของร้านขายพลอยอยู่ใกล้ๆ เธอมีสีหน้าตื่นเต้น
“ภาพหายากทั้งนั้นเลย ขอบคุณมากนะคะคุณลุง ที่ให้ยืมไปลงภาพประกอบ”
เจ้าของร้านยิ้มแย้ม
“ไม่เป็นไรหรอก ไอ้ภาพพวกนี้ก็เก็บไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้นเอง ได้เผยแพร่ให้คนรุ่นหลังเห็นเป็นประโยชน์ ผมก็ดีใจ”
“แค่เห็นภาพ ก็รู้เลยนะคะ ว่าการขุดพลอยสมัยก่อน มันยากลำบากขนาดไหน”
ษมายิ้มๆ
“ยังไม่ได้ครึ่งของของจริงหรอกวารี คนที่ไปเสี่ยงโชคมีเยอะ แต่ที่รวยกลับมาจริงๆ ก็มีไม่กี่คนหรอก นี่ยังไม่รวมพวกที่เอาชีวิตไปทิ้งอีกนะ”
สาระวารีรีบกดเครื่องบันทึกเสียงทันที ถามเจ้าของร้าน
“ถึงตายเลยเหรอคะ แล้วตายเพราะอะไรคะ”
“ก็หลายอย่าง ส่วนใหญ่ก็ดินถล่ม น้ำป่า แล้วหนักสุดก็ไข้มาลาเรีย คนไปขุดพลอยสมัยนั้น โดนกันเกือบทุกคนแหละ”
“แล้วมีการฆ่าชิงพลอยกันบ้างรึเปล่าคะ”
ษมายิ้มๆ รู้ว่าสาระวารีถามเพราะอะไร
“ก็มีบ้าง แต่ไม่บ่อยหรอกนะ เพราะพวกเรารวมกลุ่มกันไว้ ไอ้คนที่คิดจะชิงพลอยมันเลยทำอะไรไม่ถนัด ยกเว้นจะถึงฆาตจริงๆอย่างเจ้าเดชเพื่อนคุณษมาเค้าน่ะ”
สาระวารีเหล่ษมานิดนึง
“คุณเดชนี่เป็นน้องชายคุณดิตถ์ใช่มั้ยคะ”
เจ้าของหัวเราะ
“รู้จักเจ้าตัวแสบนี่ด้วยเรอะ แล้วไปฟังนิทานของมันมารึยังล่ะ อย่าไปเชื่อเชียวนะ ไอ้นี่เจอใครเป็นต้องเล่าเรื่องที่น้องถูกฆ่าตายทุกที เล่าเป็นคุ้งเป็นแควยังกะเห็นเอง ทั้งๆที่ผมตะหาก ที่เป็นคนแรกที่เห็นศพเจ้าเดชกับตา”
สาระวารีหันไปสบตากับษมา ษมาได้แต่ยักไหล่ อารมณ์อยากรู้ก็ถามเอาเอง
“แล้วเรื่องจริงๆ มันเป็นยังไงกันแน่คะลุง”
สาระวารีมีสีหน้าอยากรู้
ในอดีต กลางวันวันหนึ่ง บรรยากาศขบวนการขุดพลอย มีการตั้งเต๊นท์เรียงราย บรรดาคนงานก็จับกลุ่มพูดคุยกัน เดชในสภาพไข้ขึ้นเป็นมาลาเรีย แต่ก็แข็งใจเดินเอากระติกน้ำมากรอกน้ำที่ริมลำธาร ษมาเห็นเข้า ก็รีบเดินเข้ามาหาเดชทันที
“จะเอาน้ำทำไมแกไม่บอกฉันวะ”
“ไม่เป็นไร ไข้ฉันลดแล้ว แกเองก็ขุดพลอยมาทั้งวัน เกรงใจแค่นี้ฉันทำเองได้”
ษมาสีหน้าเป็นห่วง
“ไข้แก เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย ฉันว่าไม่ค่อยน่าวางใจนะ ไม่รู้จะเป็นมาลาเรียรึเปล่า”
เดชหน้าเครียด คิดว่าตัวเองก็น่าจะเป็นเหมือนกัน…เดชจ้วงกระติกจะตักน้ำในลำธาร ไม่คาดคิดพอหันไปมองเห็นศพคนตายลอยน้ำมาอยู่ตรงหน้าพอดี เดชร้องลั่นด้วยความตกใจ ดีดตัวถอยจนหกล้มไปกับพื้น
ษมามีสีหน้าตกใจมาก ตะโกนลั่น
“มาช่วยกันหน่อย ศพไอ้เก่งลอยน้ำมา”
เจ้าของร้านกับพวกคนงานรีบพากันมาดูทันที เจ้าของร้านหันไปสั่งคนงาน
“ เวรจริงๆ เอ้า ช่วยกันหน่อยถือว่าเอาบุญ”
ษมาช่วยเหล่าคนงานลากศพเก่งขึ้นมาจากลำธาร ฝ่ายเดชยังตกใจ ตัวสั่นงันงกไม่หาย
ผ่านมาหลายวัน เวลาสกลางคืน เดชกำลังหนาวสั่น ไข้ขึ้นสูง อยู่ในเต็นท์ ษมากับเจ้าของร้านต้มยาสมุนไพรมาให้ด้วย เจ้าของร้านยื่นแก้วยาสมุนไพรให้
“อ้ะ แข็งใจกินหน่อย จะได้ช่วยประทังไปได้บ้าง”
เดชในอาการหนาวสั่นบอก
“ขอบคุณครับ”
เดชรับแก้วยาสมุนไพรมาดื่ม รสชาติขมสุดๆจนหน้าเหยเก แต่ก็ต้องทนกิน
“เสียดาย อาการไม่น่ากำเริบตอนนี้เลย อยู่อีกซักสองวัน จะได้กลับพร้อมกัน” ษมาพูดอย่างห่วงเพื่อน
เดชมีอาการหนาวสั่น ไข้ขึ้น แต่ยังยิ้มอย่างมีความหวัง
“ไม่ไหวแล้วว่ะ ไม่อยากเป็นภาระให้พวกแกด้วย แล้วฉันก็อยากเอาไอ้เม็ดใหญ่ที่ขุดได้ไปขาย ไม่รู้เจียระไนแล้วจะได้เท่าไหร่”
“ไงก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน”
“เดี๋ยวจะฝากยาไว้กับลูกน้องนาย กันเอาไว้” เจ้าของร้านบอก
“ขอบคุณครับ ถ้ารู้ว่าลำบากอย่างงี้ฉันไม่มาหรอก”
ษมาตบบ่าเพื่อน
“เอางี้ ผมน่าจะกลับไล่หลังคุณซักวันนึง คุณก็ไม่สบาย คงไปไม่ได้เร็วเท่าไหร่ แล้วผมจะเร่งตามไปให้ทัน”
ษมาพยักหน้ารับเห็นด้วย
“งั้นผมฝากเดชด้วยนะครับ”
เจ้าของร้านพลอยพยักหน้ารับ ษมาเป็นห่วงหันมองเพื่อนที่นอนข่มตาหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ในอดีต กลางวันวันต่อมา เจ้าของร้านพร้อมคนงาน 3-4 คน กำลังขนของเดินป่ากันมา ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงปืนดังลั่นป่าขึ้นมา เจ้าของร้านรีบชักปืน แล้ววิ่งตามไปตามเสียงทันที ลูกน้องชักปืนตามไปติดๆ
หลังวิ่งตามหาไปได้ซักพัก เจ้าของก็ถึงกับผงะ เมื่อมาเจอศพของเดชนอนตายอยู่กลางป่า ในสภาพเลือดท่วมน่าสยดสยอง ส่วนข้าวของบางส่วนก็หายไป บางส่วนก็ถูกรื้อกระจุยกระจายไปหมด
ภายในร้านขายพลอย ษมา และ สาระวารีกำลังคุยอยู่กับเจ้าของร้านอยู่ต่อเนื่อง
“แล้วคุณลุงเล่าเรื่องนี้ให้นายดิตถ์ฟังรึเปล่าคะ”
“เล่าไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่มันไม่ฟัง เรื่องของเรื่อง ก็คือมันอิจฉาคุณษมา ไปขุดพลอยครั้งแรกก็ได้พลอยมาขายเป็นสิบๆล้าน มันก็เลยโมเมว่า คุณษมาขโมยพลอยของน้องมันไป”
“แล้วพลอยเม็ดใหญ่ที่คุณเดชขุดได้ มีคนตามเจอรึเปล่าคะ”
“ไม่เจอหรอก มันเป็นพลอยดิบ พอเจียระไนแล้วก็ไม่เหมือนเดิมหรอก”
สาระวารีหันไปพูดกับษมา
“แล้วทำไมคุณไม่เล่าให้ฉันฟังให้ละเอียดตั้งแต่แรก”
“ผมพูดไปก็เหมือนแก้ตัว สู้ให้คุณมาได้ยินกับหูตัวเองจะดีกว่า”
สาระวารีหมั่นไส้
“ไม่น่าล่ะ ถึงได้อยากให้ฉันมาทำข่าวพลอยนักหนา ที่แท้ก็อยากเคลียร์ตัวเองกับสื่อ”
ษมาขำๆ กับคำพูดและท่าทีประชดประชัน สาระวารีทิ้งค้อนใส่ให้อีกขวับ
ผ่านเวลาซักพัก ษมากำลังจิบกาแฟอยู่ในร้าน สาระวารีกำลังตรวจเช็กดูภาพถ่าย เธอยิ่งดูรูปก็ยิ่งอยากเห็นของจริง
“เดี๋ยวนี้เค้าไม่มีการขุดพลอยที่ฝั่งโน้นกันแล้วใช่มั้ยคะ”
“ถ้าแบบนักเสี่ยงโชคเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่มีแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้เค้าทำเป็นรูปสัมปทาน มีบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าไปจัดการ แล้วก็ใช้ดาวเทียมสำรวจ”
สาระวารีพยักหน้ารับ ยิ้มแย้ม
“งั้นตอนนี้ เหมืองพลอยที่คุณเคยขุด มันมีสภาพยังไงเหรอคะ”
ษมายิ้มแบบรู้ทัน
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะวารี มันอันตรายเกินไป ถึงไงผมก็ไม่พาคุณไปหรอก”
“เบื่อพวกรู้ทัน กลับกันเถอะค่ะ”
“อ้าว กาแฟยังไม่หมดแก้วเลย”
“อยากจะมีเวลาละเลียดจิบกาแฟไปอีกนานๆ หรือ จะให้เผาไปให้จิบแทนคะ ยิ่งอยู่นานยิ่งอันตราย”
“ตอนนี้คนที่ต้องระวังตัวคือโศภีมากกว่า”
“แต่ก็ประมาทไม่ได้ค่ะ”
ษมายิ้มบางๆ ชี้นิ้วให้สาระวารีดู
“แล้วใครว่าผมประมาทล่ะ ดูทางโน้นสิครับ”
สาระวารีมองตาม เห็นลูกน้องของษมายืนอยู่ห่างออกไป แม้จะดูเหมือนยืนคุยกันสบายๆ แต่สายตาคอยระแวดระวังภัยให้ษมาตลอดเวลา
ษมาชี้นิ้วให้ดูตาม
“แล้วก็ทางโน้นด้วย”
สาระวารีมองตาม เห็นลูกน้องษมาหลายคน คอยดูแลความปลอดภัยอยู่รอบตัวไปหมด ซึ่งถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลย ษมามีสีหน้าแววตาจริงจัง ห่วงใย
“ผมไม่ประมาทหรอกวารี ยิ่งมีคุณอยู่ด้วย ผมยิ่งต้องรอบคอบมากกว่าเดิมหลายเท่า...ขอบคุณมากที่ห่วงความปลอดภัยของผม”
สาระวารียิ้มบางๆ ซึ้งใจที่ษมาห่วงใยเอาใจ เธอก้มหน้าจิบกาแฟกลบเกลื่อนอารมณ์ไปก่อนที่เค้าจะจับได้ว่า ปลาบปลื้มมาก
แลงค่อยๆย่องมาแอบฟังการสนทนาของษมาที่ข้างบ้านพักตอนหัวค่ำ แลงได้ยินไม่ถนัด ขยับเดินไปหามุมอื่น... ก็ยังได้ยินไม่ถนัดอยู่ดี แลงจะเดินอ้อมเปลี่ยนมุมไปอีกด้านของตัวบ้านพัก ทันทีที่พ้นมุมบ้านก็เห็นลำแพงยืนหน้าบึ้งดุดัน จ้องเขม็งมาที่แลงเหมือนผีดิบไม่มีผิด แลงตกใจสุดตัวร้องเสียงหลง ดีดตัวถอยไปล้มลงกับพื้นสนาม ลำแพงหน้าตาดุดันจ้องแลง
ลำแพงกำลังโกรธจัด น้ำเสียง เกรี้ยวกราด ดุด่าแลงในห้องพัก
“สารภาพมาซะดีๆ นะไอ้แลง แกคิดจะทำอะไรคิดจะทรยศคุณษมาอีกใช่มั้ย”
“โอ๊ย เปล่านะพี่ ฉันแค่อยากรู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน จะได้มาเล่าให้พี่ฟังไงล่ะ”
ลำแพงบิดหูแลง
“แกคิดว่าฉันโง่นักรึไงไอ้แลง”
“โอ๊ย ๆ ฉันไม่กล้าแล้วล่ะจ้ะพี่แพง”
ลำแพงหน้าตาบูดบึ้ง ไม่พอใจ ยอมปล่อยมือที่บิดหูน้องชาย
“ที่หลงผิดทำไปคราวก่อน ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ฉันไม่กล้าหักหลังคุณษมาอีกแล้วจ้ะพี่”
ลำแพงจ้องน้องเขม็ง
“ไม่ทำก็ดีแล้ว อย่าลืมสิ คุณษมาไม่ใช่แค่เจ้านายจ่ายเงินเดือนแก แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณท่วมหัว ให้ชีวิตใหม่กับแก จำใส่หัวกะโหลกแกไว้เลย อย่าคิดเนรคุณท่านเป็นอันขาด” ลำแพงเอานิ้วจิ้มไสหัวแลงไปแรงๆ
แลงเมื่อโดนพี่สาวทวงบุญคุณก็อดนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้
ในอดีต เมื่อหลายปีก่อน เวลากลางวัน แลงเดินเล่นมาตามชายหาดเกาะยานก ขณะนั้นเองก็เหลือบเห็นผู้ชาย 4-5 คนเอาเรือมาจอดที่หาดทราย กำลังจะทยอยลงจากเรือ
แลงรีบเข้าไปหา
“พี่ชาย ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวนะ เข้ามาไม่ได้”
ผู้ชาย 4-5 คนเห็นแลงเข้าก็ตกใจหน้าเครียด เพราะที่แท้ … พวกนี้เป็นโจร
โจร 1ปั้นยิ้มบอก
“พวกเรามาหาปลาแล้วเรือมันเสียน่ะน้องชาย ขอแวะซ่อมเรือซักชั่วโมงละกัน เดี๋ยวก็ไปแล้วล่ะ”
“งั้นฉันต้องไปบอกพี่ก่อนนะ เจ้าของเก่าเค้าให้ฉันกับพี่อยู่เฝ้าที่นี่ ฉันไม่ใช่เจ้าของเกาะ ให้อนุญาตพี่ไม่ได้หรอก”
แลงหันหลังเดินเลี่ยงไป โจรคนที่ 1เห็นว่าจวนตัว เลยหันไปพยักหน้าให้ลูกน้อง พวกโจรที่เหลือ รีบกรูกันเข้าไปทำร้ายแลงอย่างไม่ยั้งทันที แลงไม่ทันตั้งตัว ถูกรุมจนสะบักสะบอม เลือดอาบ จบสลบเหมือดไป
โจรคนที่ 2 หันไปถามโจรคนที่ 1
“มันเห็นหน้าพวกเราแล้ว เอาไงดีพี่”
“ก็ปิดปากมันซะสิวะ”
โจรคนที่ 2 ชักมีดออกมา แล้วจิกหัวแลงขึ้นมา กะแทงให้ตาย แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงปืนดังขึ้น ลูกปืนยิงเฉี่ยวโจรคนที่ 2 ไปนิดเดียว..ษมาเป็นคนยิง พวกโจรตกใจหันมองเห็น ษมา พิพัช จันเลา และลูกน้อง มาช่วยไว้ได้ทัน กลุ่มโจรวิ่งหนีตาย
พิพัช จันเลา และลูกน้องวิ่งกวดตาม ษมาเข้าไปประคอง แลงรวมแรงเฮือกสุดท้ายลืมตามองษมาก่อนหมดสติไป
การไล่ล่าของจันเลา พิพัช กับกลุ่มโจร ยิงต่อสู้กันจนถึงตะลุมบอน ในที่สุดกลุ่มโจรก็ถูกจับตัวได้ทั้งหมด
ลำแพงกำลังทำแผลให้น้องที่นอนสลบอยู่บนเตียง เนื้อตัวแลงเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เลือดเปรอะเต็มตัว
ษมายืนมองดูอยู่ใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง
“โดนหนักเหมือนกันนะ ฉันว่าพาไปหาหมอบนฝั่งจะดีกว่า”
ลำแพงหน้าเสีย
“ฉันกับน้องไม่ค่อยมีเงินหรอกค่ะคุณ แต่ฉันพอจะมีความรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้าง น่าจะพอช่วยได้”
“ถึงไงมันก็ไม่ดีเท่าไปหาหมอหรอก ถ้าไม่มีเงิน เดี๋ยวฉันออกให้ แล้วก็ไม่ต้องเอามาใช้คืนหรอกนะ เพราะเป็นหน้าที่ของฉัน ที่ต้องดูแลทุกคนบนเกาะนี้อยู่แล้ว”
ลำแพงสงสัย
“คุณ...”
ษมายิ้มแย้มบอก
“อ้อ ฉันลืมบอกเธอไป ฉันชื่อษมา เป็นเจ้าของเกาะคนใหม่ เธอคือลำแพงใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ”
“คุณภูผาเค้าฝากฝังเธอกับน้องให้ทำงานกับฉันไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลเธอกับน้องให้ดีที่สุดไม่แพ้คุณภูผาเลย”
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณษมา”
ษมาเข้าไปดูอาการแลงใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง ลำแพงแอบมองษมาด้วยสายตาปลาบปลื้มและชื่นชมสุดๆ อาจจะเป็นคนนี้แหละ เจ้าชายในฝันที่เธอเฝ้ารอมานาน
ในอดีต ผ่านเวลา 7-8 วันหลังเกิดเหตุ เวลากลางวัน ษมากำลังคุมคนงานซ่อมแซม ดัดแปลงรีสอร์ต เป็นบ้านพักส่วนตัว แลงเพิ่งหายป่วย เดินเข้ามาช่วยคนงานยกกระถางต้นไม้ ษมาเหลือบไปเห็นเข้า
“แลง มานี่ซิ”
แลงวางกระถาง แล้วเดินเข้าไปหาษมา
“คุณษมามีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ”
“เปล่าหรอก เราเพิ่งหายเจ็บไม่ใช่เรอะ ไปพักให้หายดีก่อนเถอะ ยังไม่ต้องทำงานหรอก”
“ผมเกรงใจน่ะครับคุณษมา นั่งๆนอนๆมาตั้งหลายวันแล้ว”
ษมาตบบ่าแลง ยิ้มบางๆ
“นายทำงานกับฉัน ก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน อย่าเกรงใจเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้เลย รักษาตัวให้หายสนิทก่อนดีกว่า ฉันยังมีงานรอให้นายทำอีกเยอะ”
แลงยิ้มแย้ม ยกมือไหว้
“ขอบพระคุณครับ คุณษมา”
ษมาตบบ่าแลงแล้วเดินไปคุมคนงานอีกมุม แลงรู้สึกประทับใจในตัวเจ้านายคนใหม่
แลงมีสีหน้าสลดลง หลังจากที่โดนลำแพงทวงบุญคุณแทนษมา
“ฉันไม่มีวันลืมหรอกจ้ะพี่แพงว่าคุณษมาเค้าดีกับฉันขนาดไหน ถ้าไม่ได้เค้าช่วยเอาไว้ ฉันคงตายไปนานแล้ว”
“คิดได้ยังงี้ก็ดี”
“ที่ฉันต้องรับใช้ไอ้ดิตถ์ก็เพราะจำใจ แต่ถ้าจะให้ทำร้ายคุณษมาถึงตาย ฉันก็ไม่ทำหรอกจ้ะ”
ลำแพงจ้องน้องชายเขม็ง
“จำคำของแกไว้ให้ดีก็แล้วกันไอ้แลง ถ้าฉันรู้ว่า แกคิดเนรคุณคุณษมา ถึงแกเป็นน้อง ฉันก็ไม่ปล่อยแกไว้แน่”
ลำแพงจ้องหน้าแลงด้วยสายตาดุดันจนแลงกลัวๆ พี่สาวอย่างเห็นได้ชัด แลงรู้ดีว่าพี่สาวไม่ปกติจึงกลัวมากเป็นพิเศษ ลำแพงทิ้งค้อนใส่น้องชายก่อนเดินเลี่ยงไป พอลำแพงเดินพ้นไป แลงก็ขบฟันด้วยความเจ็บใจ
“เกาะของกูแท้ๆ”
แลงสีหน้าทะเยอทะยานอยากได้เกาะคืนมา
จบตอนที่ 9
อ่านต่อตอนที่ 10