มารกามเทพ ตอนที่ 16
น้ำหนึ่งอยู่ที่ร้านเว้ดดิ้งแห่งหนึ่งกับนักปราชญ์แล้ว มีพนักงานในร้านคอยดูแล น้ำหนึ่งเลือกชุดแต่งงานชุดแล้วชุดเล่าในท่าทีซังกะตายเหมือนไม่สนใจ โดยมีนักปราชญ์คอยตามไม่ห่าง
“นี่น้ำหนึ่งไม่ชอบชุดไหนเลยเหรอ?”
“ค่ะ”
นักปราชญ์เริ่มหงุดหงิด “งั้นให้ดีไซเนอร์ เค้าออกแบบใหม่เลยดีมั้ย”
“อะไรก็ได้ค่ะ” น้ำหนึ่งพูดแล้วเดินหนีไม่ดูอีก
“อ้าว” นักปราชญ์เดินตาม
“ก็เราสองคนไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรักอยู่แล้ว จะชุดไหนก็เหมือนกันล่ะค่ะ”
นักปราชญ์ชักโมโห “น้ำหนึ่ง”
“หรือไม่จริงคะ...พี่นักปราชญ์ก็รู้อยู่แล้ว น้ำหนึ่งรักพี่เพชร แล้วน้ำหนึ่งก็รู้...ที่พี่นักปราชญ์แต่งงาน เพราะอยากเป็นเขยรัฐมนตรี ในเมื่อเราสองคนรู้อยู่แก่ใจ ว่าเราสองคนแต่งงานเพื่ออะไร พิธีรีตองอะไร ก็ไม่เห็นจะมีความหมาย” น้ำหนึ่งเดินหนีอีก
นักปราชญ์ไม่ยอม เดินตามมา “งั้นก็ไม่ต้องแต่ง จดทะเบียนแค่นั้น จบ”
“น้ำหนึ่งไม่จด”
นักปราชญ์โมโหมาก “เอายังไงอีก”
“อย่างที่บอกค่ะ พี่นักปราชญ์อยากจัดงานแต่งใหญ่โตแค่ไหน ก็เชิญ แต่จะไม่มีการจดทะเบียน เราสองคนจะแต่งงานกันแค่ในนามแค่นั้น”
“อวดดีนักนะน้ำหนึ่ง”
“ถ้าน้ำหนึ่งอวดดี...พี่นักปราชญ์จะไม่แต่งงานกับน้ำหนึ่งก็ได้นี่คะ”
“โอเค...แต่งก็แต่ง ยังไงคนทั้งประเทศก็จะได้รู้ ต่อไปน้ำหนึ่งเป็นเมียพี่”
“งั้นถ้าจะแต่ง พี่นักปราชญ์ก็ต้องทำตามความต้องการของน้ำหนึ่งทุกอย่าง”
“จะให้ทำยังไง ว่ามา”
“น้ำหนึ่งจะแต่งงานวันที่ 13 มิถุนา และภายในงาน จะต้องมีแต่ดอกปีบเท่านั้น”
“13 มิถุนา ภายในงานจะต้องมีแต่ดอกปีบ” หน้าตานักปราชญ์ยามนี้สุดแสนจะโมโห โกรธขึ้ง
เพชรนอนดวงตาปรือ สติเหมือนจะหลุดลอย พลอยมองนิ่ง ดวงตาของพลอยมีทั้งความเจ็บปวด แต่ก็สาแก่ใจ ดอกปีบร่วงหล่นลงมาบนใบหน้าเพชร กลางหว่างสติสัมปชัญญะที่ใกล้จะดับวูบลงนั้น เพชรหวนคิดถึงน้ำหนึ่ง
เห็นเป็นตัวเองจูงมือน้ำหนึ่งเดินเล่นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สองคนหน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน บรรยากาศแสนอบอุ่น
“หอมจังค่ะ”
“หอมดอกปีบ”
ดอกปีบค่อยๆ หล่นลงมาจากต้น เพชรเก็บเอามาหนึ่งดอก มาแซมผมให้น้ำหนึ่ง
“นี่หลอกน้ำหนึ่งอีกหรือเปล่าคะ”
“หลอกอะไรจ้ะ”
“ก็ครั้งหนึ่ง พี่เพชรเคยทำโรแมนติก จอดรถแล้วเก็บดอกปีบให้น้ำหนึ่ง”
ภาพตอนเพชรจอดรถเด็ดดอกปีบใส่กรวยมาให้น้ำหนึ่งผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่กลายเป็นว่า...ตอนนั้นพี่เพชรทำเพื่อหลอกน้ำหนึ่งแค่นั้น”
เพชรรู้สึกผิด “พี่ขอโทษ จะไม่มีอีกแล้วจ้ะ พี่จะเก็บดอกปีบทั้งหมดในโลกนี้ไปให้น้ำหนึ่ง”
เพชรพูดพลางก้มลงหอมช่อดอกปีบที่อยู่เรือนผมน้ำหนึ่ง
นึกถึงตรงนี้ดวงตาเพชรใกล้หรี่ปิดลง คราวนี้พลอยใจหาย กลัวจริงๆ
“เพชร” พลอยเขย่าตัว “เพชร เพชรอย่าเป็นอะไรนะ เพชร”
เพชรนอนแน่นิ่ง พลอยกลัวร้องไห้โฮ พยายามฉุดกระชากร่างของเพชรขึ้นมา
“เพชรลุกขึ้นมาคุยกับพี่ก่อนสิ..ลุกขึ้นมาคุยกับพี่ เพชร” พลอยกอดเพชรแนบอกร้องไห้
เหมือนคนบ้าคลั่ง “อย่าทิ้งพี่ไปนะเพชร อย่าทิ้งพี่ไป”
หมอณัฐวิ่งเข้ามาพอดี
“คุณพลอย คุณเพชรเป็นอะไร?
พลอยบอกละล่ำละลัก “ช่วยเพชรด้วยค่ะคุณหมอ ช่วยเพชรด้วย” พลอยร่ำร้องแทบขาดใจ
ร่างเพชรถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว โดยมีหมอณัฐตามประกบ พลอยร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
“เพชรต้องไม่เป็นอะไรๆๆๆ”
พลอยร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วเห็นภาพหลอนเป็นผีพจนีย์ ปรากฏตัวยิ้มเยาะ
“ฉันจะเอาพี่เพชรไปอยู่ด้วย”
พลอยตะโกนลั่น “ไม่มีวัน”
คนแถวนั้นหันขวับมามองพลอย เห็นพลอยพูดอยู่คนเดียว พลอยสะบัดหน้าจะไปทางอื่น
เห็นผีรจนาในสภาพซีดเซียวมองจ้อง
“ฉันจะเอาพี่เพชรไปอยู่ด้วย”
“อยากตายอีกรอบเหรอนังผีบ้า!”
คนแถวนั้นหันขวับมามองพลอย พลอยยืนถมึงทึง ไม่กลัวผี แต่คนแถวนั้นกลัวพลอย
“ผีบ้า...”
“ก็เค้าน่ะแหละผีบ้า ไม่น่าเลยนะ ส้วยสวย ไม่น่าเป็นบ้าเลย”
พลอยยืนตาขวางไม่รู้ตัว
นักปราชญ์มาส่งน้ำหนึ่งที่คฤหาสน์ น้ำหนึ่งบอกย้ำ
“อย่าลืมนะคะ ทำอย่างที่น้ำหนึ่งต้องการ ไม่อย่างนั้นน้ำหนึ่งไม่แต่ง” น้ำหนึ่งเดินหนีไป
นวลมองตามไม่เข้าใจ จึงถามนักปราชญ์ “อะไรคะคุณนักปราชญ์”
“ก็น้ำหนึ่งน่ะสิครับ บอกสินสอดจะไม่เอาซักบาท แต่ต้องแต่งงานวันที่ 13 มิถุนาและทั่วทั้งบริเวณงานแต่งงานจะต้องมีแต่ดอกปีบ”
“13 มิถุนา ดอกปีบ” นวลพึมพำ
“13 มิถุนาไม่เท่าไหร่ อยากแต่งวันไหนก็แต่ง แต่ที่จะเอาดอกปีบมาประดับทั่วงาน ดอกปีบมันทนที่ไหน มันเหี่ยวมันช้ำง่ายจะตาย...แล้วทั้งงาน ผมจะไปหาที่ไหนมามากมายขนาดนั้น น้ำหนึ่งทำอย่างนี้ ไม่ต้องการแต่งงานกับผมชัดๆ”
นวลเองก็ไม่พอใจน้ำหนึ่ง “ใช่ค่ะ...คุณน้ำหนึ่งไม่ต้องการแต่งงานกับคุณ”
นักปราชญ์โกรธ “ป้านวล”
“ทั้งเลข 13 ทั้งเรื่องดอกปีบอะไรนั่น เกี่ยวกับไอ้เพชรทั้งนั้น”
นักปราชญ์งง “เกี่ยวยังไงป้า”
“เลขประจำตัวไอ้เพชรตอนเป็นนักกีฬาคือเลข 13 ส่วนดอกปีบ ไอ้เพชรก็เป็นคน
เอามาให้คุณน้ำหนึ่งไงล่ะคะ”
ฟังที่นวลบอกนักปราชญ์หน้าบูดบึ้ง โกรธจัด
คืนนั้นพอกลับมาถึงบ้าน นักปราชญ์ขว้างปาข้าวของในห้องรับแขกด้วยท่าทางโมโหมาก
“ยิ่งรู้ว่าไอ้เพชรเป็นคนให้ดอกปีบกับน้ำหนึ่ง ผมก็ยิ่งไม่มีทางให้มีดอกปีบในงานแต่งงานของผม”
“แล้วจะทำยังไง” อารีย์ถาม
“ก็ถ้าไม่ยอมแต่งดีๆผมก็จะฉุด ไม่ต้องรอแล้ว สิบสอง สิบสาม ฉุดเลย”
จังหวะนี้ทับทิมในคราบของไพลินยืนมองอยู่ด้านหลัง จากมุมในครัว ยิ้มคิดในใจ
“ต่อไปแกคงมีแรงไปฉุดใครได้หรอก ไอ้เลว”
ใจเดินมาทางด้านหลัง “น้ำอัญชันเสร็จรึยังไงไพลิน”
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ” ทับทิมยื่นให้
ใจรับน้ำอัญชันจากมือของทับทิม แล้วเดินเข้าไปเสิร์ฟให้สองแม่ลูก สองคนรับมาดื่มท่าทางชื่นใจ ทับทิมมองพอใจก่อนเดินกลับเข้าครัวไป แต่ยังทันได้ยินเสียงอารีย์เอ่ยขึ้น
“เออ...แม่ไพลินนี่ฝีมือดีทุกอย่าง ตั้งแต่มาอยู่นี่ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเลย ไปตามมาหาฉันหน่อยไปใจ”
“ค่ะ”
ทับทิมตาเป็นประกาย ใจเดินออกมา แต่ยังไม่ทันไร อารีย์ก็อาเจียนออกมา ใจกับนักปราชญ์ตกใจ
“คุณแม่...” นักปราชญ์บอกกับใจ “เรียกรถพยาบาลเร็วใจ”
“ค่ะๆๆๆ” ใจวิ่งออกไป
ขณะที่ทับทิมยืนมองอย่างสาแก่ใจ
รุ่งเช้าเพชรนอนอยู่บนเตียง ตามเนื้อตัวมีสายระโยงระยาง พลอยนั่งเฝ้าอยู่ สภาพของพลอยเหมือนซากศพ ผอมและโทรม เพชรขยับตัว ครางเบาๆ พลอยรีบปราดเข้าไปหาทันทีอย่างดีใจ
“เพชร..เพชรรู้สึกตัวแล้ว”
เพชรหลับตา แต่ในความรู้สึกของเพชร เหมือนตัวเองลืมตาอยู่ และเห็นเป็นน้ำหนึ่งมาหา
เพชรดีใจมาก “น้ำหนึ่ง...”
พลอยหน้าซีด เพชรคว้าตัวพลอยมากอดแน่น อย่างคนโหยหาคนรัก
“น้ำหนึ่งกลับมาหาพี่แล้ว... พี่ดีใจ ดีใจจริงๆ” เพชรกอดพลอยแน่น “ต่อไป น้ำหนึ่งอย่าจากพี่ไปไหนอีกนะ” เพชรมองหน้าพลอย แต่เห็นเป็นน้ำหนึ่ง “เราจะแต่งงานกัน อยู่ด้วยกันตราบจนนิรันดร์” เพชรจูบน้ำหนึ่ง
พลอยตาเบิกกว้าง แต่ก็ไม่ปฏิเสธ พลอยปล่อยให้เพชรจูบ แต่ดวงตาวาวโรจน์ เจ็บ แสลงใจที่ตัวเองเป็นตัวแทนของน้ำหนึ่ง
จังหวะนี้ประตูถูกเปิดเข้ามา หมอณัฐกับอลิสสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า อลิสร้องดังตามนิสัย
“ว้าย”
พลอยผงะออกจากเพชร ฟากเพชรเหมือนรู้สึกตัว เบิกตากว้าง ทันทีที่ลืมตาก็ถาม
“น้ำหนึ่งล่ะ น้ำหนึ่งอยู่ไหน”
“น้ำหนึ่งมีที่ไหน ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็” อลิสจงใจประชด “พี่พลอยของคุณไง”
เพชรงง “พี่พลอย”
อลิสประชดอีก “บอกไปสิคะพี่พลอยขา จะน้ำหนึ่ง น้ำสอง น้ำอะไรไม่มีทั้งนั้น มีแต่พี่พลอย ที่ยืนให้น้องเพชรกอดจูบอยู่ตรงนี้”
หมอณัฐดุ “อลิส”
อลิสเบ้ปาก เพชรหน้าซีดงุนงง พลอยหน้าเสีย แต่มองอลิสตาวาว หมอณัฐตัดบท
“ผมมาตรวจอาการคุณเพชร”
พลอยหันมาทางอลิส “แล้วเธอมาทำไม”
อลิสแกล้งยั่วพลอย “ก็มาเยี่ยมพี่เพชรขา..แทนน้ำหนึ่งเพื่อนรักของอลิสน่ะสิคะพี่พลอยขา”
“ผมเป็นอะไรครับคุณหมอ”
หมอณัฐอ้ำอึ้ง “อาหารเป็นพิษน่ะครับ”
“อาหารเป็นเพชรที่ไหน? ทำไมพี่หมอไม่บอกพี่เพชรขา ไปตรงๆ ล่ะคะ ว่ามีกรดกำมะถันปนเปื้อนอยู่ในอาหาร” อลิสบอกแทนละเอียดยิบ
“กรดกำมะถัน” เพชรงง ส่วนพลอยหน้าซีด
หมอณัฐดุอีก “อลิส”
“โอเคๆๆโอเค อลิสไม่ยุ่งก็ได้ ก็แค่จะแวะมาบอก รีบรักษาเนื้อรักษาตัวนะคะพี่เพชรขา เพราะน้องน้ำหนึ่งกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้าแล้วล่ะค่ะ”
เพชรตกใจ “น้ำหนึ่งจะแต่งงาน”
“ค่ะ..อ้าว แล้วพี่พลอยขาไม่ได้บอกเหรอคะ ข่าวใหญ่ขนาดนี้ โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวกับรมต.เกรียงศักดิ์ พี่พลอยขาไม่น่าจะพลาดนะคะ”
พลอยมองอลิสอย่างเข่นเขี้ยว แทบอยากจะกระโดดไปหักคอ
ขณะที่อลิสเดินลิ่วจะออกจากโรงพยาบาล พลอยตามไป
“เธอกำลังยุ่งเรื่องของฉัน”
“แล้วเธอจะทำอะไรฉัน ทำอย่างที่ทำกับพจนีย์เหรอ”
พลอยหน้าซีด อลิสหัวเราะเยาะ แหย่พลอย
“ความลับไม่มีในโลกหรอกนะคะพี่พลอยขา พี่เพชรจะรับได้ยังไง ถ้ารู้ว่า ความจริงแล้วพี่พลอยคือฆาตกรฆ่าคน แค่นั้นไม่พอ พี่พลอยขายังจะฆ่าพี่เพชรอีก เอ๊ะ..หรือว่าฆ่าเพราะหึง นี่พี่พลอยวิปริตถึงขนาดหลงรักน้องชายตัวเองเหรอคะ” อลิสหัวเราะร่า “อุ๊ยๆๆ จะเรียกว่าวิปริตก็คงไม่ได้...เพราะพี่เพชรขา ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของพี่พลอย” พูดถึงตรงนี้อลิสมองจ้องหน้าพลอยเขม็ง “กินผู้ใหญ่ไม่ได้ เลยหันมากินเด็กเหรอคะพี่พลอย”
พลอยมองจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อลิสเสียงดังใส่ไม่กลัวสักนิด
“มองทำไม พี่พลอยเป็นโรคจิต รู้ตัวไว้ด้วยนะ ยัยพลอยบ้าเธอเป็นโรคจิต”
พลอยยื่นมือออกไปจะตะปบคออลิส อลิสจับมือพลอยเอาไว้ก่อน
“เธอไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอกยัยพลอยบ้า มีแต่ต่อไป เธอนั่นแหละ จะต้องเข้าไปนอนในคุกเพราะฉัน”
พลอยมองสู้ตาอลิส “ไม่มีทาง”
อลิสยั่วอีก “มีซี้...รอพยานปากเอกอย่างพจนีย์ จำความได้เท่านั้นแหละ เธอเสร็จแน่”
พลอยเผลอหลุด “พจนีย์ยังไม่ตาย”
อลิสหัวเราะสะใจ ผลักพลอยออกจนล้มลง “เธอทำร้ายพจนีย์จริงๆ ด้วย...อีกไม่นาน เตรียมรับผลกรรมที่เธอทำไว้ได้เลย ยัยพลอยบ้า” เดินเชิดหนีไปไม่แยแสพลอย
พลอยหน้าซีด “พจนีย์มันยังไม่ตาย ไม่จริง!”
ตกกลางดึก พลอยเดินลุยเข้าไปในป่าที่ยันพจนีย์ลงเหวไป ปากร่ำร้อง
“พจนีย์มันจะไม่ตายได้ยังไง เป็นไปไม่ได้”
พลอยเดินบุกเข้าไปในป่า กวาดสายตามองหาซากศพของพจนีย์ แต่ไม่เห็นศพพจนีย์แต่อย่างใด พลอยหน้าซีด
“พจนีย์ยังไม่ตาย...ไม่จริง”
เสียงหมอณัฐดังเข้ามาเบาๆ “จริงครับคุณพลอย”
พลอยเหลียวขวับไปมอง เห็นหมอณัฐยืนอยู่ด้านหลัง “คุณหมอ”
หมอณัฐมองมาด้วยความสงสาร “คุณพจนีย์ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าวันไหน ความจำเธอกลับคืนมา...ความจริงที่ว่า ใครเป็นคนทำร้ายเธอ ก็คงจะเปิดเผย”
พลอยเสียวสันหลังวาบ เริ่มลนลาน “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ” พร้อมกับจะเดินหนี
หมอณัฐคว้ามือพลอยไว้ “คุณพลอยครับ หมอรักคุณพลอยนะครับ รักมาก หมอไม่อยากให้คุณพลอยถลำตัวมากไปกว่านี้ หมออยากให้คุณพลอยมอบตัว”
“ฉันไม่ได้ทำผิด ฉันจะมอบตัวทำไม” พลอยตวัดเสียงใส่
“แล้วกรดกำมะถันล่ะครับ กรดกำมะถันปนเปื้อนลงไปในอาหารที่คุณเพชรรับประทานได้ยังไง”
ดวงตาของพลอยเบิกกว้าง หวาดระแวง ปนกลัว “หมอ!”
“หมอพร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณพลอยทุกอย่าง แต่คุณพลอยคงรู้นิสัยของอลิส อลิสไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ๆ
พลอยหน้าซีดเผือด
ดึกสงัด ทั่วบริเวณบ้านพักของหมอณัฐเงียบเชียบและมืดสนิท บ้านทั้งหลังเหมือนตกอยู่ในสายตาใครคนหนึ่งตลอดเวลา
ที่แท้เป็นพลอยนั่นเอง ดวงตาของพลอยก็เบนไปที่รถคันหนึ่งที่จอดอยู่ มันเป็นรถที่อลิสชอบใช้ พลอยยิ้มที่มุมปาก สีหน้าแสดงว่าคิดอะไรออก
รุ่งเช้าวันต่อมาอลิสเดินลงมาจากตัวบ้าน ขณะที่หมอณัฐเดินหน้ามุ่ยขึ้นมา
“รถพี่เสีย ยืมรถอลิสหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ” อลิสควักกุญแจให้
“อลิส พี่ขอร้อง อลิสอย่าทำอะไรเรื่องคุณพลอยนะ ไว้พี่จะพยายามตะล่อมคุยให้เค้ายอมรับผิดเอง”
อลิสตาโตดีใจ “พี่หมอเชื่อแล้วใช่มั้ยคะว่าคุณพลอยทำผิด คุณพลอยเป็นคนร้าย”
หมอณัฐพยักหน้า อลิสยิ้มดีใจ
“ถ้าพี่หมอพูดอย่างนี้ อลิสก็ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ อลิสจะรอให้เค้ารับกรรมด้วยตัวของเค้าเอง”
“ขอบใจมากอลิส” หมอณัฐจะเดินไป
อลิสบอกทันที “จริงๆอลิสก็ไม่ได้อะไรกับเค้าหรอกนะคะ ที่อลิสทำทุกอย่างเพราะห่วงพี่หมอเท่านั้นเอง”
หมอณัฐเดินกลับมา “ขอบใจมากอลิส” เอื้อมมือมาดึงอลิสไปกอด
อลิสหัวเราะ “ไม่เป็นไรค่ะพี่หมอ รักกัน ๆๆ ค่ะ”
สองคนยิ้มเข้าใจกัน หมอณัฐเดินไปที่รถ อลิสหยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออก
โดยไม่รู้ว่าพลอยซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งมองอลิสไม่วางตา สายตาบอกว่าโกรธแค้น ชิงชัง และเกลียดมาก
อ่านต่อหน้า 2
มารกามเทพ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ทางด้านน้ำหนึ่งทำหน้าซังกะตายอยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์ดัง น้ำหนึ่งกดรับเปิดลำโพง พลางเปิดดูหนังสือไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้สนใจที่จะคุยเท่าไหร่
“ว่าไงอลิส”
“เธอจะแต่งงานเหรอ”
“ใช่หรือไม่ใช่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ”
จังหวะนี้ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ แล้วถูกเปิดเข้ามา น้ำหนึ่งไม่เห็น แต่ดาราณีที่เข้ามาได้ยิน
“นี่! ฉันไม่ได้โทร.มาหาเรื่องเธอนะ ที่ฉันโทร.มานี่เพราะสงสารพี่เพชร”
“พี่เพชรทำไม”
“ถูกยัยพลอยบ้าวางยา เกือบตาย ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่แต่งงาน แต่ฉันจะกลับมาหา มาช่วยพี่เพชร”
ดาราณีฟังแล้วไม่สบายใจ น้ำหนึ่ง พยายามต่อสู้กับหัวใจตัวเอง
“พี่เพชรกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
“เกี่ยวสิ เพราะทันทีที่พี่เพชรฟื้น คนแรกที่เค้าคิดถึงคือเธอ และที่สำคัญ...ฉันว่ายัยพลอยบ้ามันน่ากลัว”
“พี่พลอยจะทำอะไรอีก”
“ไม่รู้ แต่ฉันเห็นสายตายัยพลอยบ้ามองพี่เพชรแล้ว ฉันกลัวพี่พลอยบ้าจะกินพี่เพชร เธอรีบมานะน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งลังเล เสียงดาราณีดังขึ้น
“แม่ไม่ให้น้ำหนึ่งไปไหนทั้งนั้น”
“คุณแม่”
“ไม่ว่าเพชร-พลอยจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเรา ชีวิตเราไม่ควรจะมีพวกเค้าอีกแล้วนะ...น้ำหนึ่งต้องแต่งงาน”
น้ำหนึ่งหน้าซีดเผือด ดาราณีมองลูกสงสาร แต่จำต้องใจแข็ง
อลิสที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ จะเดินเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพลอยยืนอยู่
อลิสถามอย่างตกใจ “มาทำไม”
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“มีอะไร อยากพูดก็พูดมา”
“ที่นี่คงไม่เหมาะ ...คืนนี้เราเจอกันได้มั้ย”
“จะหลอกฉันไปฆ่าหั่นศพรึไง” อลิสดักคอ
“ก็แล้วแต่เธอจะคิด แต่ถ้าเธออยากรู้เรื่องราวทุกอย่าง คืนนี้เราเจอกันที่...ห้วยแมงมุมดำ” พลอยค่อยๆ เดินกลับออกไปช้าๆ
อลิสทำท่ากลัว แต่เบ้ปาก “จะมาจะไป เหมือนผีจริงๆ เลยแม่คุณ” สาวแสบครุ่นคิด “ห้วยแมงมุมดำ หล่อนจะทำอะไรของหล่อน” อลิสหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความ “พี่หมอ..คืนนี้..ยัยพลอยบ้านัดอลิสไปหาที่ห้วยแมงมุมดำ พี่หมอรีบตามไปนะ”
อลิสวางสาย สายตาไม่ไว้วางใจพลอยเลย
ท่ามกลางความมืดของห้วยแมงมุมดำ รอบบริเวณเห็นแต่เป็นป่ารกชัฏ อลิสหน้างอ
“นัดมานี่...ยัยพลอยบ้ามันจะหลอกฉันมาฆ่าหั่นศพแหงๆ” อลิสกวาดตามอง “พี่หมอนะพี่หมอ ทำไมไม่มาซักที คุณพลอย..คุณอยู่ไหน คุณพลอย”
เงียบไม่มีเสียงตอบ แต่พออลิสย่างเท้าลงพื้นเท่านั้น ร่างทั้งร่างก็ถูกกระตุกวูบด้วยแร้วที่มี
ลักษณะเหมือนถุงผ้าผืนใหญ่ ดึงขึ้นไปที่สูงอย่างรวดเร็ว แร้วนั้นดึงแน่น อลิสร้องตะโกนลั่นป่า
“ช่วยด้วยๆๆๆ”
แต่แร้วนั้นช่างเหมือนกับใยแมงมุม เมื่อกระตุกแร้วก็ยิ่งรัดตัวอลิสแน่นหนาขึ้น ที่สุดอลิสก็หมดสติลง พลอยยืนยิ้มมองผลงานอย่างพึงพอใจ
ดึกสงัด หมอณัฐขับรถมาจอดริมห้วยแมงมุมดำ รอบๆ บริเวณมืดไปหมด เห็นเพียงแสงจันทร์
“อลิส..อลิส..อลิสอยู่ไหน คุณพลอย”
เงียบไม่มีคนตอบ หมอณัฐกดมือถือโทร.ออก
“ไม่มีสัญญาณ....” หมอครุ่นคิด “หรืออลิสจะยังไม่มา”
ยุงบินมากัดตอม หมอณัฐไล่ยุงก่อนตัดสินใจไปนั่งรถในรถ เวลาผ่านไปหมอณัฐหาวหวอดๆ และอลิสก็ยังไม่มา หมอณัฐเผลอหลับลงตรงนั้น
พลอยลากแร้วที่หุ้มตัวอลิสมาก่อนสะบัดแร้วออก ร่างของอลิสกลิ้งออกมา
พลอยมองอย่างสาสมใจ “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าดวงของแกจะดีเหมือนนังพจนีย์หรือเปล่า”
พลอยเอาเท้ายันร่างของอลิสลงไปในเหวเบื้องล่างอย่างแรง ร่างของอลิสกลิ้งลงไป
“ขาเป๋ๆ ของฉัน มันยังใช้งานได้ดีตามเคย” พลอยแสยะยิ้มหัวเราะร่า ก่อนเดินกลับไป
ร่างของอลิสกลิ้งหลุนๆ ลงเนินเขาที่ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำลึก ทันทีที่ร่างสัมผัสน้ำอลิสก็รู้สึกตัวร้องลั่น “โอ๊ย”
อลิสร้องลั่น และสติฟื้นคืนมาทันที อลิสเอามืออุดปากตัวเอง ว่ายน้ำหนีสุดแรง ก่อนจะหมดแรง อยู่ในน้ำ ร่างอลิสร่วงผล็อยจมน้ำทันที
ส่วนหมอณัฐ เผลอหลับไป และหมอณัฐก็ไม่มีโอกาสได้รู้ตัวว่าจะเป็นการหลับครั้งสุดท้ายหลับชั่วนิรันดร์
เพชรนอนกระสับกระส่าย ท่าทางไม่สบายใจเอาซะเลย นึกถึงตอนหลังจากที่พลอยกับอลิสออกไป เพชรถามหมอณัฐ
ซึ่งเวลานั้นเพชรถามหมอณัฐละล่ำละลัก
“จริงเหรอครับคุณหมอ มีกรดอะไรบ้าๆ ปนอยู่ในอาหารของผม”
หมอณัฐลำบากใจ “ครับ”
“พี่พลอย”
“อาจจะไม่เกี่ยวกับคุณพลอยก็ได้ครับ สารปนเปื้อนพวกนั้นอาจจะมาจากแหล่งที่คุณพลอยไปซื้ออาหารมาก็ได้”
“พี่พลอยไม่ได้ซื้อที่ไหนหรอกครับคุณหมอ อาหารมื้อนั้นพี่พลอยเป็นคนทำให้ผมทาน” หมอณัฐซีดเผือดขาว
คืนนั้นเพชรสุดแสนจะอ่อนเพลีย ไม่เข้าใจ
“พี่พลอยห้ามผมไปหาน้ำหนึ่งไม่ได้หรอก”
เพชรบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว
รุ่งเช้าพลอยประคองเพชรเข้ามาในบ้าน
“พี่ดีใจจริงๆ เลยที่เพชรไม่เป็นอะไร”
เพชรมองพลอยนิ่งๆ ขณะถาม “สารปนเปื้อนบ้าๆ พวกนั้น มาอยู่ในอาหารได้ยังไงครับพี่พลอย”
พลอยลนลานละล่ำละลัก “พี่ไม่รู้...พี่ไม่รู้จริงๆนะเพชร อาจจะเป็นจาก” คิดหาข้อแก้ตัวใหญ่ “แป้ง...แป้งที่ทำขนม”
“ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับ ปนมากับแป้ง แต่ผมก็ยังแปลกใจอยู่ดี ทำไมแป้งถึงได้มีสารปนเปื้อนมากขนาดนั้น เพราะเท่าที่ผมคุยกับหมอณัฐ คุณหมอบอกว่า ร่างกายของผมต้องได้รับสารปนเปื้อนนั้นในปริมาณที่มาก ผมถึงได้เกือบตาย”
“พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ที่พี่ไม่ระวัง ต่อไป พี่จะไม่ประมาทอย่างนี้อีก ต่อไปพี่จะเลิกซื้อแป้งยี่ห้อนั้นไปเลย เพชรนั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้ เพชรจะได้ทานยา”
พลอยเดินไป เพชรนั่งเหนื่อยหัวใจอยู่ตรงนั้น เสียงโทรศัพท์ดัง เพชรเดินไปรับ
“บ้านเชิงเขาครับ”
ทับทิมในคราบไพลิน อยู่ที่บ้านสมบัติยิ้มบางๆ “แม่เอง...ที่แม่โทร.มานี่ เพราะมีข่าวดีมาบอก”
“เรื่องอะไรครับ”
“แม่ไอ้นักปราชญ์มันกำลังจะเดี้ยงแล้วนะ เพราะแม่ใช้ยาวิเศษจัดการมัน”
เพชรฉงน “ยาวิเศษ..ยาวิเศษอะไรครับ”
“ก็ยาวิเศษที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แม่ผสมลงไปในอาหาร เครื่องดื่ม ของกินทุกอย่างให้พวกมันกิน แม่มันเดี้ยงไปแล้ว ต่อไปก็ถึงคราวลูกมันแล้วล่ะ...”
“พอได้แล้วครับแม่..ผมไม่อยากให้แม่เป็นผู้ร้ายฆ่าคน”
“ช่วยไม่ได้ มันอยากทำแกก่อน แม่ก็จะจัดการพวกมันอย่างสาสม บอกพลอยด้วยไอ้ยาวิเศษที่แม่ให้ไปน่ะ ให้มันใช้ระวังๆ”
เพชรเพิ่งรู้ ทับทิมให้ยากับพลอย เสียงทับทิมดังเจื้อยแจ้วต่อ
“เพราะถ้าใส่ลงไปมากๆ ถึงตายได้เลยนะ แล้วถ้าตายกะทันหัน ความผิดก็จะมาถึงตัว...ไม่เหมือนแม่..แม่ใส่ทีละนิด ทีละหน่อย ยังไงแม่ก็ลอยนวล”
ทับทิมวางสาย เพชรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น รู้แน่ชัด พลอยวางยาเขาจริงๆ
พลอยง่วนอยู่ในห้อง ในมือถือขวดกรดกำมะถันเอาไว้
“พี่เกือบฆ่าเพชร” พลอยตั้งใจ แต่ตอนนี้นึกเสียใจ
จังหวะที่พลอยทำท่าจะเอายาทิ้งในถังขยะ ประตูห้องพลอยค่อยๆ แง้มออกช้าๆ แผ่วเบาเห็นเป็นเพชรแอบเข้ามามองพลอย เห็นในมือพลอยมีขวดน้ำใสๆ อยู่เสียงทับทิมดังก้องมา
“ก็ยาวิเศษที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น”
เพชรมองจ้องที่ขวดยา หัวใจเต้นรัวเร็ว ขณะที่พลอย ทำท่าจะทิ้งขวดยาแต่เสียดาย ที่สุด
พลอยก็ตัดสินใจเอาขวดยาเก็บไว้ที่เดิม พลอยหันมาแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นเพชร
“มีอะไรเพชร”
“ผม...ปวดหัว เลยอยากจะมาขอยาแก้ปวดหัวกับพี่พลอย”
พลอยใจเต้น ไม่รู้เพชรเห็นหรือเปล่า “ได้จ้ะ” พลางเปิดตู้หยิบยามาให้
“ขอยานอนหลับผมด้วยครับ หมู่นี้ผมนอนไม่หลับ”
“จ้ะ” พลอยหยิบขวดยานอนหลับให้
“ขอบคุณครับ”
เพชรเดินออกไป พลอยมองตามสีหน้าว้าวุ่นไม่สบายใจ กังวลว่าเพชรรู้เห็นอะไรรึเปล่า?
ไม่นานต่อมาท่ามกลางความมืด เพชรนั่งอยู่บนเตียง สายตาของเพชรจับจ้องที่เสื้อเบอร์ที่13 และขวดโหลดาว ก่อนจะมองขวดยานอนหลับที่อยู่ในมือ ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่
วันต่อมาน้ำหนึ่งบอกนักปราชญ์ที่แวะมาหาที่บ้าน
“คุณป้าไม่สบาย จะเลื่อนงานแต่งออกไปก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่เช็คอาการคุณแม่แล้ว ท่านปลอดภัย แต่วันแต่งถ้าไม่หายดี ท่านอาจจะมาร่วมงานไม่ได้”
“คอยให้ท่านหายดีดีกว่าค่ะ น้ำหนึ่งอยากให้ท่านมาร่วมงาน” น้ำหนึ่งว่า
“ขอบใจมากที่เป็นห่วงแม่พี่..แต่พี่ว่า น้ำหนึ่งไม่อยากแต่งมากกว่า”
น้ำหนึ่งนิ่ง นักปราชญ์หัวเราะ
“ยิ่งน้ำหนึ่งทำท่าอย่างนี้ พี่ยิ่งอยากแต่ง ไม่ต้องรออะไรแล้ว แต่งๆๆ ไปซะทีจะได้หมดเรื่องราว หมดปัญหา” นักปราชญ์จงใจพูดยั่ว “งานแต่งของเราจะต้องยิ่งใหญ่แน่นอน”
น้ำหนึ่งมองหน้านักปราชญ์อย่างไม่พอใจ แต่จำต้องนิ่ง
น้ำหนึ่งกับนิ้งนัดกันที่ร้านอาหาร สองสาวคุยกัน นิ้งโวย
“ทั้งๆ ที่ยัยอลิสอุตส่าห์มาบอกว่าพี่เพชรรักตัว ตัวยังจะแต่งกับไอ้พี่นักปราชญ์นั่นอีกเหรอ”
“ฮื่อ”
“น้ำหนึ่ง”
“บอกแล้วไงนิ้ง จะได้จบปัญหาทุกอย่าง อ้อ! วันงาน ตัวไม่ต้องแต่งตัวสวยมาก็ได้นะ เพราะเค้าก็จะเป็นเจ้าสาวที่ไม่สวยเหมือนกัน”
น้ำหนึ่งบอกอย่างไม่พอใจ
ด้านเพชรยืนคั้นน้ำผักผลไม้อยู่ในครัว เพชรหน้าเครียดตะโกนก้องบอกตัวเองในใจ
“เจ้าสาวของพี่จะมีน้ำหนึ่งเพียงคนเดียว และเจ้าบ่าวของน้ำหนึ่งก็จะต้องมีพี่เพียงคนเดียวเหมือนกัน”
ดวงตาที่เพชรจับจ้องที่น้ำผักผลไม้ที่ไหลลงมาที่แก้วนิ่ง
พลอยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เห็นข่าวแต่งงานของน้ำหนึ่ง “13 มิถุนาฤกษ์ดี น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุศย์ พร้อมลั่นระฆังวิวาห์ ปิดตำนานเมียน้อยเสียที”
เสียงฝีเท้าดังเข้ามา พลอยรีบซ่อนหนังสือพิมพ์รวดเร็ว
“ดื่มน้ำผักผลไม้ครับ ผมทำมาให้พี่พลอย”
พลอยมองอย่างดีใจ “นึกขยันอะไรขึ้นมาฮึเพชร” รับแก้วมาดื่ม
“ผมอยากดูแลพี่พลอย...”
พลอยมองหน้าเพชรไม่เชื่อสายตา เพชรพูดต่อ
“จริงๆ เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง เราไม่จำเป็นต้องมีใครอีกก็ได้”
พลอยคาดไม่ถึง “เพชรพูดจริงนะ”
“ครับ..ผมขอโทษที่ทำให้พี่พลอยไม่สบายใจ ต่อไป..เราจะมีกันและกันแค่สองคน”
“ขอบใจมากเพชรที่เข้าใจพี่ พี่รักเพชรที่สุดในโลกเลย” พลอยผวากอดเพชร
เพชรดันตัวพลอยออก “ผมก็รักพี่พลอย พี่พลอยดื่มน้ำให้หมดนะครับ”
พลอยหน้าแหยๆ “น้ำผักนี่ขมจัง รสก็เฝื่อนๆไม่อร่อย แต่เพชรอุตส่าห์ทำให้พี่..พี่จะดื่มให้หมดเลย หมดเหยือกเลยนะเพชรนะ”
“ครับ”
พลอยหันไปคว้าเหยือกมาเทน้ำผักใส่แก้วดื่มอีก เพชรมองพลอยด้วยสายตาสลด สงสาร
เห็นใจ แต่แล้วดวงตาของเพชรก็เป็นประกายกร้าวขึ้น คิดในใจ
“ผมขอโทษพี่พลอย แต่มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเห็นแก่ตัว”
สีหน้าพลอยง่วงงง แล้วเริ่มหาวหวอดๆ และพลอยก็หมดสติหลับพับไปตรงนั้น
เพชรทอดถอนใจก่อนอุ้มตัวพลอยขึ้นมา
เช้าวันต่อมา น้ำหนึ่งนั่งแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวอยู่ สำหรับพิธีช่วงเช้า หน้าตาของน้ำหนึ่งดูไม่มีความสุขเอาเลย จนนิ้งที่ยืนข้างๆ กระซิบบอกเซ็งๆ
“ไม่อยากแต่งก็ไม่รู้จะแต่งทำไม”
“ก็แต่งให้ทุกคนสบายใจไง”
“แล้วตัวเองทุกข์น่ะเหรอ” น้ำหนึ่งนิ่ง นิ้งว่าต่อ “ยังไงเธอตัดสินใจแล้ว เธอต้องยิ้มรับไม่อย่างนั้น คนที่จะทุกข์กว่าเธอคือคุณพ่อคุณแม่แน่ๆ”
นิ้งกับน้ำหนึ่งหันไปมอง เห็นรมต.เกรียงศักดิ์ และนวล พาดาราณีเข้ามา น้ำหนึ่งฝืนยิ้มให้ทุกคน
ดาราณียิ้มเศร้า เข้าใจลูก “น้ำหนึ่งสวยมากกก แต่ ความจริง...ลูกแม่ ต้องสวยได้มากกว่านี้”
น้ำหนึ่งยิ้มเจื่อนๆ ดาราณีพูดต่อ
“แต่สำหรับแม่...ยังไง น้ำหนึ่งก็สวยที่สุด มะ...ขอแม่กอดที”
น้ำหนึ่งลุกขึ้นมาจะให้แม่กอด แต่แล้วน้ำหนึ่งกลับสะดุดขาตัวเอง ล้มลงร้อง “ว้าย”
“น้ำหนึ่ง” แรงรักและความเป็นห่วงลูกสาวสุดสวาท ทำให้ดาราณีลุกพรวดจากรถเข็นปราดมาหาน้ำหนึ่ง
ทุกคนชะงักมองตะลึงภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เหมือนว่าดาราณีจะเดินได้
เกรียงศักดิ์กะนวลอุทานลั่น “คุณหญิง”
น้ำหนึ่งเองก็เช่นกัน “คุณแม่”
ทุกคนมองจ้องหน้าคุณหญิง เกรียงศักดิ์กับน้ำหนึ่ง รีบประคองดาราณีขึ้นมา
น้ำหนึ่งตกตะลึง “คุณแม่เดินได้”
ดาราณีอึ้ง คาดไม่ถึงเหมือนกัน ค่อยๆ เหยียดเท้าออกไป คุณหญิงค่อยๆ ก้าวเดิน
ได้อย่างน่าอัศจรรย์ น้ำหนึ่งดีใจเหลือแสน ร้องไห้โฮ ยิ้มทั้งน้ำตา
“คุณแม่เดินได้..คุณแม่เดินได้แล้วจริงๆ ด้วย น้ำหนึ่งดีใจที่สุดในโลกเลยค่ะ”
เกรียงศักดิ์สวมกอดดาราณีอย่างเต็มตื้น “ขอบคุณมากคุณหญิง ที่มอบของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้ลูกในวันแต่งงาน” สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันตื้นตัน “ผมดีใจจริงๆ”
จังหวะนี้นักปราชญ์ปรากฎตัวเดินเข้ามามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เสียดาย...คุณแม่พี่ก็อยากให้ของขวัญน้ำหนึ่งเหมือนกัน แต่ท่านยังไม่หายดี เลยมาร่วมงานเราไม่ได้”
น้ำหนึ่งบอกเสียงห้วน “น้ำหนึ่งก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งแต่ง”
นักปราชญ์บอกเสียงเข้ม “ก็พี่อยากแต่ง ต่อให้งานนี้ไม่มีแขกมาซักคน พี่ก็จะแต่ง” พลางถือวิสาสะเดินเข้ามาใกล้ โดยไม่เกรงใจเกรียงศักดิ์เลย “เจ้าบ่าวของน้ำหนึ่งต้องเป็นพี่ ไม่ใช่ไอ้เพชร
น้ำหนึ่งมองนักปราชญ์ไม่พอใจ เกรียงศักดิ์กับดาราณีมองหน้ากันไม่สบายใจ”
ขณะเดียวกันเพชรบึ่งรถมาตามทางอย่างรวดเร็ว ใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนกลางคืน เพชรเดินออกมาจากห้องพลอย หลังจากที่เพชรพาพลอยเข้านอนแล้ว
เพชรอยู่ตรงโถงด้านนอกแล้ว แลเห็นข้าวของวางระเกะระกะ แก้วน้ำ เหยือกสมุนไพร และเห็นหนังสือพิมพ์วางตกอยู่
หน้านั้นในหนังสือพิมพ์เป็นรูปคู่ของน้ำหนึ่ง และนักปราชญ์พร้อมรายงานข่าวการแต่งงานของสองคน เพชรคว้ามาดู ภาพแทนสายตา
“13 มิถุนายน ฤกษ์ดี น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุศย์ พร้อมลั่นระฆังวิวาห์ ปิดตำนานมหากาพย์เมียน้อย”
เพชรหน้าซีดเผือด “น้ำหนึ่ง” ผลุนผลันไป เสียงมือถือดัง เพชรกดรับ “ครับ”
“คุณเพชร..นี่ป้าน้อม ที่ดูแลคอนโดนะคะ” เสียงน้อมดังลอดออกมา
“มีอะไรครับ?”
“ป้าเก็บมือถือคุณก้องได้ ในมือถือ ป้าเห็นคลิปที่คุณก้องถ่ายไว้ มีรูป ไฮโซที่ชื่อนักปราชญ์ด้วยค่ะ”
เพชรได้ฟังก็มีหน้าตาตื่นเต้น สงสัย และแปลกใจระคนกัน
เพชรขับรถมาด้วยอาการสับสน ว้าวุ่น เสียงบอกตัวเอง
“น้ำหนึ่งจะแต่งงาน...คลิปไอ้นักปราชญ์”
ที่สุดเพชรก็ตัดสินใจ เลี้ยวรถไปอีกทางอื่นที่ไม่ใช่โรงแรมสถานที่แต่งงานของน้ำหนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น เพชรจอดรถก้าวลง แล้วเดินลิ่วลงไปหาน้อมที่ยืนรออย่างกระวนกระวายอยู่แล้ว
“ป้าหาเบอร์คุณเพชรตั้งนาน กว่าจะเจอ นี่ค่ะมือถือคุณก้อง” หญิงสูงวัยยื่นให้
เพชรรับมาเปิดดูทันที ในสายตาเห็นเป็นภาพนักปราชญ์แอบย่องเข้าไปในห้องเพชรที่คอนโด ดวงตาของเพชรเปล่งประกายวาบขึ้น เห็นทางเอาผิดนักปราชญ์
“ขอบคุณมากป้าน้อม ผมมีหลักฐานที่จะทำให้ผมพ้นผิดแล้ว” เพชรคำรามอยู่ในใจ “แกไม่รอดแน่ นักปราชญ์”
เวลานั้นนักปราชญ์และน้ำหนึ่ง แต่งตัวสวยหล่ออยู่ในชุดบ่าวสาวเรียบร้อย ต่างคนต่างมองหน้ากัน หากแต่ไม่ใช่แววตาของคนที่กำลังมีความสุขกับการเป็นคู่ชีวิตกันเลย ก่อนที่น้ำหนึ่งจะสะบัดหน้าใส่นักปราชญ์ แล้วเดินออกมา นักปราชญ์มองตามไม่พอใจ
“ฉันจะทำให้ไอ้เพชรมันกระอักเลือดเลยคอยดู!”
นักปราชญ์ตามออกไปอย่างฉุนเฉียว
ด้านพลอย งัวเงียตื่นขึ้นมาบนเตียง ทำหน้างงๆ เริ่มลำดับเหตุการณ์
“เราเข้ามานอนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
พลอยทำหน้าครุ่นคิด ทบทวนความจำ เหตุการณ์ตอนที่เพชรเอาน้ำมาให้กินผุดขึ้นมา
“เพชร” พลอยลุกพรวดขึ้น
พลอยเดินออกมายังห้องโถง ตรงที่เพชรเอาน้ำมาให้ดื่ม เห็นสภาพข้าวของทุกอย่างยังวาง
อยู่เหมือนเดิม แก้ว เหยือกน้ำ พลอยหน้าตาตื่น นึกถึงตอนที่ตนซ่อนหนังสือพิมพ์เอาไว้ พลอยกวาดสายตามองหา แต่มันไม่อยู่แล้ว พลอยหน้าซีด รู้ทันทีว่าเพชรรู้เรื่องน้ำหนึ่งแต่งงานแล้ว
พลอยร้อนใจมากกว่าเดิมเป็นทวี “เพชร..เพชร” รีบตรงไปยังห้องเพชรทันที
ครู่ต่อมาพลอยเปิดประตูเข้ามาในห้องเพชร เห็นสภาพห้องเรียบร้อย และบนเตียงนอนมีหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นวางอยู่ ข่าวน้ำหนึ่งแต่งงานเด่นหรา พลอยคว้ามา แต่ต้องชะงักอีก เมื่อเห็นเสื้อเบอร์ 13 ของเพชรวางอยู่ เคียงข้างกับขวดโหลดาวของน้ำหนึ่ง
พลอยขว้างหนังสือพิมพ์ลงพื้น ปราดเข้าไปหยิบเสื้อ และต้องชะงักอีก เมื่อเห็นลายมือของเพชร เขียนบนกระดาษ เรียบแต่สวย
โดยเขียนชื่อ “เพชร” แล้วคั่นด้วยรูปหัวใจ “น้ำหนึ่ง” = เพชรน้ำหนึ่ง
“เพชรรักน้ำหนึ่ง เพชรรักน้ำหนึ่ง”
พลอยกรีดร้องสุดเสียง อาละวาดอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกันนั้นก็ขยำกระดาษ ปัดเสื้อ เขวี้ยงขวดดาวแตก เห็นดาวกระจายเต็มพื้น ตาพลอยขวาง คำรามออกมาด้วยความหวงแหน
“พี่ไม่ยอม พี่ไม่ยอมให้เพชรแต่งงานกับนังน้ำหนึ่งเด็ดขาด”
ฝ่ายเพชรขับรถมาตามทาง มือถือดัง เพชรหยิบมามองเห็นเป็นเบอร์พลอย เพชรตัดใจไม่รับสาย
พลอยโกรธจัด ตาขวาง กดโทร.ออกอีก เพชรไม่รับแต่ทำหน้าเหนื่อยใจ พลอยยิ่งโกรธ
“เพชรไม่รับสายพี่ เพชรไม่รับสายพี่?” พลอยกระหน่ำกดจิก โทร.ออกอีก
เพชรเริ่มหงุด และในที่สุดก็ตัดสินใจกดปิดมือถือไปเลย พลอยโทร.ออก อีกรู้ว่าเพชรปิดมือถือก็หน้าซีดเผือด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งตาขวาง
“เพชรกำลังลองดีกับพี่” นัยน์ตาของพลอยยามนี้วาวโรจน์ แลดูเหี้ยมเกรียม ไม่ใช่พลอยคนเดิม
“ได้! แล้วเพชรกับนังน้ำหนึ่งจะได้จำพี่ไปจนวันตาย”
ภายในห้องที่จัดงานแต่งของโรงแรม น้ำหนึ่งอยู่ในชุดเจ้าสาว เป็นชุดไทยสำหรับงานแต่งตอนเช้าเดินออกมาดู น้ำหนึ่งกวาดตามอง เห็นดอกไม้ประดับงานแต่ง แต่ไม่มีดอกปีบ
“ไหนดอกปีบ” น้ำหนึ่งแปลกใจ
นักปราชญ์ที่ตามมาบอก “พี่เตรียมไว้งานฉลอง กลางคืน”
“น้ำหนึ่งจะเอาเดี๋ยวนี้” น้ำหนึ่งเสียงแข็งใส่
นักปราชญ์เสียงแข็งไม่ยอมเหมือนกัน “พี่บอกแล้วไง ว่างานกลางคืน”
น้ำหนึ่งไม่ยอมเหมือนกัน “น้ำหนึ่งก็บอกแล้วไง ว่าต้องมีดอกปีบตั้งแต่งานเช้า
นักปราชญ์กระชากแขนด้วยความโมโห “อย่าปัญญาอ่อนน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งเสียงเข้ม “อย่ามาด่ากันนะ” พร้อมกับกระชากแขนออก
“ทำไมจะด่าไม่ได้ ในเมื่อน้ำหนึ่งงี่เง่า”
น้ำหนึ่งอึ้ง นักปราชญ์หยาบคายมากกว่าที่คิด “คำพูดของพี่ แตกต่างจากชื่อพี่จังเลยนะคะ พี่นักปราชญ์” น้ำหนึ่งเค้นคำแดกดันตอนท้าย
“พี่ใช้คำพูดที่เหมาะกับคนฟัง คนเป็นยังไง พี่ก็พูดอย่างนั้น อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้...ว่าทำไมต้องเป็นดอกปีบ ทำไมต้องเป็นวันที่ 13”
“รู้...แล้วไงคะ” น้ำเสียงของน้ำหนึ่งเต็มไปด้วยความหยามหยัน “ยังไง พี่ก็อยากแต่งงานกับน้ำหนึ่งอยู่ดี”
“ใช่ แต่หลังแต่ง เธอเจอดีแน่น้ำหนึ่ง พี่จะลบไอ้เพชรออกจากใจเธอจนมันไม่เหลือซาก”
น้ำหนึ่งยิ้มหยัน “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถึงวันครบรอบแต่งงานพี่ก็ต้องจำได้ วันที่13 ความจริงแล้วมันคือวันอะไร?”
“วันตายของไอ้เพชร!”
นักปราชญ์กระแทกเสียงใส่ พร้อมกับเดินชนไหล่น้ำหนึ่งอย่างแรงไม่ให้เกียรติ
น้ำหนึ่งมองตามไม่พอใจมาก
อ่านต่อหน้า 3
มารกามเทพ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ครู่ต่อมาน้ำหนึ่งเดินกระฟัดกระเฟียดกลับมามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาว นิ้งรู้เรื่องก็สุดแสนจะเซ็งแทน
“ถ้าเป็นฉัน จ้างให้ฉันก็ไม่แต่ง ทุกข์ทรมานขมขื่นตั้งแต่เห็นหน้าจะแต่งทำไม? อ่ะ!
โทรศัพท์ ใครก็ไม่รู้โทร.มาหาเธอตั้งหลายทีแล้ว ฉันไม่ได้ดู” นิ้งยื่นมือถือให้น้ำหนึ่ง
น้ำหนึ่งหยิบมามอง มือถือดังขึ้นอีก เห็นเป็นเบอร์พลอย สีหน้าน้ำหนึ่งเปลี่ยนไปทันที
นิ้งมองอย่างแปลกใจ “ใคร”
“เปล่า” น้ำหนึ่งเลี่ยงออกมารับโทรศัพท์ “คะ..พี่พลอย”
พลอยที่อยู่บ้านเชิงเขา หน้าตาบูดเบี้ยวแต่จำต้องข่มอารมณ์
“วันนี้น้ำหนึ่งแต่งงาน พี่โทร.มาแสดงความยินดี!”
น้ำหนึ่งไม่เข้าใจ ว่าพลอยจะมาไม้ไหน “ขอบคุณค่ะ”
พลอยพูดเองก็เสียใจเอง “เพชร เสียใจมาก ตอนนี้...เค้ากำลังไปตามน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งงง เพชรหรือจะมา พลอยน้ำตาคลอ ทั้งเสียใจและเจ็บแค้น ก่อนจะพูดต่อ
“รับปากกับพี่ได้มั้ย ต่อให้เพชรไปหา ไปพาน้ำหนึ่งหนี น้ำหนึ่งก็จะไม่ไปกับเพชร”
น้ำหนึ่งสับสน นิ้งมองอย่างสงสัยว่าเพื่อนคุยกับใคร พลอยพูดต่อคาดคั้น แกมสั่ง
“รับปากพี่สิน้ำหนึ่ง น้ำหนึ่งจะไม่หนีตามเพชรเป็นครั้งที่ 2”
น้ำหนึ่งลำบากใจ “พี่พลอยคะ อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ” นิ้งตาโต
พลอยพูดเสียงเข้ม “เป็นไปได้...พี่รู้นิสัยเพชร ลองถ้าเพชรจะทำอะไรเพชรต้องทำ เพชรรักเธอ เพชรไม่ยอมให้เธอแต่งงานแน่ๆ แต่...พี่ทนไม่ได้...พี่ทนไม่ได้ ได้ยินมั้ยน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งเสียงเศร้าๆ “น้ำหนึ่งรู้ค่ะ ว่าพี่พลอยเกลียดน้ำหนึ่ง”
“ใช่...และนอกเหนือไปกว่านั้น...พี่...รัก...เพชร”
น้ำหนึ่งอึ้ง เสียงพูดคำว่า “พี่รักเพชร” ของพลอย ฟังดูแปลก แปร่ง แฝงความนัย พลอยพูดต่อ
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าเพชรกับพี่ ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ...” พลอยเริ่มเพ้อ หมายจะไซโคน้ำหนึ่ง “พี่รักเพชร...เพชรก็รักพี่ ที่ผ่านมาเราสองคนรักกัน”
คราวนี้น้ำหนึ่งหน้าซีดเผือด ภาพความหลังต่างๆ ที่เพชรดูแล เอาใจใส่พลอยผุดขึ้นมาเป็น
ระลอก ราวกับสายน้ำไหล พลอยรู้ว่าได้ผลก็ยิ้มหยัน
“เราต่าง...เป็นของกันและกัน”
ดวงตาของน้ำหนึ่งเบิกกว้าง แทบเป็นลม
พลอยย้ำอีก “พ่อเธอทำร้ายพี่มากพอแล้ว เธออย่าทำร้ายพี่อีกเลยนะน้ำหนึ่ง คืนเพชร
ให้กับพี่ คืนผู้ชายของพี่ มาให้พี่ “ผัวพี่ พี่ขอ” พลอยจงใจเค้นคำตอนประโยคหลัง
น้ำหนึ่งกดสายทิ้ง น้ำตาไหลริน ในขณะที่พลอยยิ้มหยันตาวาววับ ด้วยความสะใจ
นิ้งตกใจเมื่อเห็นอาการเพื่อน “เป็นอะไรน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งบอกนิ้งด้วยเสียงเข้ม “ต่อให้ต้องเดินลงเหว ลงนรก ฉันก็จะแต่งงาน!”
จังหวะนี้เกรียงศักดิ์ประคองดาราณีเข้ามา ดาราณีบอกว่า
“แต่แม่ไม่ยอม ถ้าน้ำหนึ่งทุกข์ทรมานกับการแต่งงานครั้งนี้ แม่จะฉุดมือหนูขึ้นมาเอง”
เกรียงศักดิ์เสริม “พ่อพร้อมเผชิญหน้ากับทุกอย่างน้ำหนึ่ง อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด แต่พ่อจะไม่ยอมให้ลูกของพ่อทุกข์ใจ”
น้ำหนึ่งมองหน้าพ่อกับแม่ อย่างคาดไม่ถึง
ด้านนักปราชญ์ยืนหงุดหงิด โมโห ลูกน้องเดินเข้ามาถามประจบ
“นายครับนาย”
นักปราชญ์ตะคอกใส่ “อะไร”
“ดอกปีบ....นายจะให้เอาดอกปีบไว้ที่ไหนครับ”
“ดอกปีบ!”
สีหน้านักปราชญ์งวยงงสุดขีด
ไม่นานต่อมา นักปราชญ์เดินลิ่วมายังโรงแรมด้านนอก เห็นดอกปีบโรยเป็นทางตามทางเดินโรงแรม สวยงามมาก ด้านนวลยืนงงอยู่ นักปราชญ์เองก็งง แต่อีกมุม น้ำหนึ่ง เกรียงศักดิ์ ประคองดาราณีออกมา ทุกคนเห็นดอกปีบสีขาวพราวกระจ่าง หอมอบอวลไปทั่วต่างก็ตะลึง
นวลถามแปลกใจ “คุณนักปราชญ์สั่งดอกปีบมาให้คุณน้ำหนึ่งเหรอคะ”
“เปล่า” นักปราชญ์บอก
“แล้วใคร” นวลและทุกคนมองหน้ากันงงๆ
น้ำหนึ่งตื่นเต้น คิดถึงคำพูดพลอย ที่บอกว่าเพชรจะมาพาหนี!!
ขณะเดียวกันที่บริเวณทางเดินด้านนอกโรงแรม แลเห็นเป็นดอกปีบสีขาวโรยอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียว เพื่อนเพชร ลูกชายเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ถามยิ้มๆ
“เป็นไง โอเคมั้ยเพชร” มองพรมดอกปีบที่พื้น
“สวยมาก...ขอบใจที่ช่วยเพื่อน” สีหน้าเพชรดูเป็นกังวล “แต่ทำอย่างนี้ ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย”
เพื่อนเพชรหัวเราะ “จะมีอะไร โรงแรมฉัน ฉันคุยกับคุณพ่อได้ ไปจัดการธุระของนายเถอะ”
เพชรยิ้มเป็นเชิงขอบคุณเพื่อน แล้ววิ่งเข้าไปในโรงแรมทันที
ด้านนักปราชญ์สุดจะโมโห ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด ไม่ไว้หน้าใคร
“ใครจะเอาดอกปีบทุเรศๆ มาก็ช่าง ยังไง ฉันก็จะแต่งงานกับน้ำหนึ่งอยู่ดี...” นักปราชญ์ประกาศเสียงดังฟังชัด “จดทะเบียนเลย”
เกรียงศักดิ์ไม่พอใจ “พิธีอะไรยังไม่เริ่มเลย จะจดทะเบียนได้ยังไง”
“ผมไม่สนใจแล้วครับ” นักปราชญ์กวาดตามองไปรอบๆ ท่าทีระแวงระวัง “ผมต้องการแต่งงานกับน้ำหนึ่ง แค่นั้น พอ!”
ดาราณีฉุนขาด “ให้เกียรติน้าหน่อยได้มั้ย”
“แค่ผมเอาน้ำหนึ่งมาใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ ก็ถือว่าให้เกียรติมากพอแล้วครับ” นักปราชญ์เหน็บ
เกรียงศักดิ์เดินเข้ามาขวางหน้าน้ำหนึ่ง เผชิญหน้านักปราชญ์ “งั้น..น้าก็ถือว่า ที่ผ่านมา น้าให้เกียรติเธอมากพอแล้วเหมือนกัน คุณหญิง..พาลูกกลับบ้าน”
นักปราชญ์ตกใจคาดไม่ถึง “คุณน้า”
“ต่อให้น้ำหนึ่งหนีตามผู้ชาย น้ายังไม่เสียใจเท่า ตัดสินใจให้น้ำหนึ่งแต่งงานกับเธอ ไป..น้ำหนึ่ง” เกรียงศักดิ์จะพาน้ำหนึ่งออกไป
นักปราชญ์ปราดมาขวาง “ไม่ได้ น้ำหนึ่งต้องแต่งงานกับผม” แล้วกระชากน้ำหนึ่งมา
เพชรเดินถือช่อดอกปีบที่จัดอย่างสวยงามเข้ามา พูดดุดันจริงจัง
“น้ำหนึ่งต้องเป็นเจ้าสาวของผมคนเดียวเท่านั้น” ทุกคนเหลียวขวับไปมอง
น้ำหนึ่งตะลึง “พี่เพชร!”
เพชรชูช่อดอกปีบขึ้นมา “พี่มารับแล้ว”
นักปราชญ์โกรธมาก ยิ่งเห็นดอกปีบไม่มีค่า แต่น้ำหนึ่งมองซึ้งยิ่งโกรธ “ไอ้เพชร!”
ขาดคำนักปราชญ์ถลันเข้าหา เพชรเบี่ยงตัวขวางน้ำหนึ่งเอาไว้ ปกป้องเต็มที่ ช่อดอกปีบร่วงหล่นลง นักปราชญ์จะเอาเท้าเหยียบ เพชรเตะเท้าตัด นักปราชญ์ล้มลง เพชรควักมือถือของก้องออกมา เปิดคลิปที่ก้องถ่ายให้นักปราชญ์ดู
“หลักฐานที่ผมมีอยู่ คงเอาผิดคุณได้ไม่ยาก ทั้งเรื่องการตายของก้อง และการตายของตาหวาน”
นักปราชญ์มองคลิปอย่างตื่นตะลึง ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ในมือของเพชรได้ เพชรยื่นมือถือของก้องให้เกรียงศักดิ์ เกรียงศักดิ์มองงง เพชรพูดอย่างอ่อนน้อม แต่เข้มแข็งจริงจัง
“ที่ผ่านมา เราสองคนซื้อใจกันแล้ว ผมไว้ใจท่าน”
เกรียงศักดิ์พยักหน้า มองเพชรอย่างรู้สึกดี รับมือถือเอาไว้ นักปราชญ์มองอย่างโกรธแค้น
เพชรก้มลงหยิบช่อดอกปีบที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วส่งให้น้ำหนึ่ง ก่อนบอกเกรียงศักดิ์
“ผมรักน้ำหนึ่ง ผมขอลูกสาวท่านนะครับ ไปน้ำหนึ่ง” เพชรพาน้ำหนึ่งวิ่งออกไปต่อหน้าทุกคน
“ไอ้เพชร” นักปราชญ์มองตามอย่างโกรธแค้น หันมาเอาเรื่องสองคน “นี่คุณน้าไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอครับ”
“น้าบอกแล้วไง ต่อให้น้ำหนึ่งหนีตามผู้ชาย น้าก็ยังยินดีกว่าให้แต่งงานกับเธอ”
“คุณน้า…โธ่เว้ย!” นักปราชญ์ด่าลูกน้อง “ยืนอยู่ทำไม ตามไปสิวะ” แล้ววิ่งตามออกไป
เกรียงศักดิ์รีบตามไปติดๆ นวลรีบประคองดาราณีที่ยืนเซซังแทบล้มทั้งยืนอยู่ แต่ดาราณีกลับบอก
“พาฉันออกไปนวล พาฉันออกไป!”
เพชรคว้ามือน้ำหนึ่งที่ถือช่อดอกปีบวิ่งหนี นักปราชญ์กับพรรคพวกวิ่งตามมา
“ไอ้เพชร”
ลูกน้องของนักปราชญ์วิ่งมาขวางหน้าเพชรและน้ำหนึ่งเอาไว้ สองคนตกใจ ชะงัก
“แกคิดว่าจะหนีไปได้เหรอ”
เพชร เอาตัวมาขวางน้ำหนึ่ง แตกต่างจากตอนที่เคยเอาน้ำหนึ่งเป็นโล่บังหน้าในครั้งก่อน
“คุณไม่มีสิทธิ์มาห้าม” เพชรบอก
“ใช่! เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ” น้ำหนึ่งเสริม
“น้ำหนึ่ง! ไอ้เพชร!” นักปราชญ์โกรธสุดขีดถลันเข้าหาเพชร
เพชรปกป้องน้ำหนึ่งสุดชีวิต แต่ถูกลูกน้องของนักปราชญ์เข้ามารุมสกรัม น้ำหนึ่งได้แต่ร้อง
กรี๊ดๆๆ นักปราชญ์กระชากช่อดอกปีบ
“ดอกปีบ นี่ มีค่านักใช่มั้ย” นักปราชญ์โยนลงพื้นเอาเท้าขยี้ๆ
น้ำหนึ่งด่า “เลว”
ด้านเพชรล้มลง เลือดที่จมูกเพชรไหลออกมาเป็นทางยาว น้ำหนึ่งประคองกอดเพชร ร้องไห้
“พี่เพชร”
จังหวะที่นักปราชญ์ควักปืนออกมาเล็งใส่ เป็นเวลาเดียวกับที่เกรียงศักดิ์ก็วิ่งมาถึงพอดี ร้องตะโกนห้าม
“หยุด” นักปราชญ์หันมามอง “เธอไม่มีสิทธิ์ทำอะไรใครทั้งนั้น”
นักปราชญ์ฉุน “คุณน้า”
เกรียงศักดิ์ชูมือถือขึ้น “หลักฐานทุกอย่างที่อยู่ในนี้ เอาผิดเธอได้”
เพชรฉวยโอกาสนั้นพาน้ำหนึ่งวิ่งออกไป นักปราชญ์ตะโกนบอกลูกน้อง
“ตามมันสิวะ” ลูกน้องตามเพชรและน้ำหนึ่งไป นักปราชญ์หันมามองเกรียงศักดิ์
เกรียงศักดิ์โกรธมากมองนักปราชญ์อย่างเข่นเขี้ยว
“อย่าทำอะไรเพชร ตะรางไม่ได้มีไว้ขังหมา น้าพูดแค่นี้แหละ”
นักปราชญ์โกรธมากไม่สนอะไรแล้ว “ก็เอาสิครับ อย่าลืม! เรื่องทั้งหมดคุณน้าก็ผิดด้วยเหมือนกัน”
เกรียงศักดิ์ตัดใจแล้ว “ฉันพร้อมเอาตำแหน่งเข้าแลก กับความถูกต้อง ทุกอย่าง”
“ได้...ถ้าผมเป็นอะไร ตำแหน่งรัฐมนตรีของคุณน้า ก็ต้องหลุดเหมือนกัน”
นักปราชญ์เดินลิ่วตามลูกน้องไป นวลประคองคุณหญิงออกมา ดาราณีใจหายวับ มองสามีออย่างเป็นกังวลได้ยินคำขู่เมื่อครู่นี้
“คุณคะ”
“หัวใจของน้ำหนึ่งอยู่ที่ไหน ตัวของน้ำหนึ่งก็ต้องตามหัวใจไป ถูกต้องแล้วคุณ”
เกรียงศักดิ์ไม่ตาม ดาราณีมองตาม วูบหนึ่งรู้สึกโล่งใจ นวลมองตามตาขวาง ไม่ชอบเพชรอยู่ดี
เพชรในสภาพสะบักสะบอม พาน้ำหนึ่งวิ่งออกมา นักปราชญ์และลูกน้องวิ่งตามออกไป เพชรกระโจนขึ้นรถ น้ำหนึ่งมองเห็นเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดก็เป็นห่วง
“พี่เพชร”
“พี่ไม่เป็นไร เร็ว”
เพชรพาน้ำหนึ่งขึ้นรถ ขับทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว นักปราชญ์และลูกน้องวิ่งมาหัวเสีย
“ปัดโธ่เว๊ย!”
ตกกลางคืน อารีย์ที่อาการยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่ นั่งอยู่ในบ้าน ถามลูกชายหน้าเซียว ในท่าทีตกใจน้ำเสียงแผ่วๆ
“ว่าไงนะ? ไอ้เพชรมันฉุดน้ำหนึ่ง”
ทับทิมยืนอยู่ด้านหลังแอบมอง ยิ้มอย่างพอใจ นักปราชญ์ตอบอย่างโมโห
“ครับ”
“เสียดาย แม่ไม่ได้ไปงานด้วย ไม่งั้น...มันตาย!”
“ต่อให้ไป ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับแม่ คุณน้าเข้าข้างมัน แต่แม่ไม่ต้องห่วงยังไง ผมไม่ปล่อยมันไปแน่ งานนี้มันตาย ไอ้เพชร”
ทับทิมยิ้ม แกมีปัญหาทำอะไรลูกฉันได้ ใจเดินมาพอดี
ทับทิมยื่นถาดเครื่องดื่มให้ “เครื่องดื่มของท่าน...จ้ะป้า”
ใจรับมา แล้วเดินเอาไปให้นักปราชญ์กับอารีย์ดื่ม ทับทิมมองภาพเครื่องดื่มผสมกรด
กำมะถันไหลลงคอสองแม่ลูก แล้วยิ่งยิ้มพอใจ
เพชรหน้าซีด เสียเลือดไปมาก ขับรถมาจอดที่ริมทะเล น้ำหนึ่งมองอย่างเป็นห่วง
“พี่เพชรเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ” น้ำหนึ่งเอื้อมมือมาเช็ดเลือดให้ ทั้งสงสารและเป็นห่วงมาก
เพชรไม่ตอบใดๆ แต่ดึงน้ำหนึ่งมากอดแบบรักสุดหัวใจ “พี่รักน้ำหนึ่ง”
มือน้ำหนึ่งทำท่าจะกอดเพชรตอบ แต่แล้วเสียงของพลอยก็ดังก้อง “พี่รักเพชร เพชรก็รักพี่ ที่ผ่านมาเราสองคนรักกัน เราต่าง...เป็นของกันและกัน” มือน้ำหนึ่งชะงักงันค้างอยู่แค่นั้น ร้องไห้โฮออกมา
เพชรงง แปลกใจ ใจหาย “น้ำหนึ่งไม่รักพี่เหรอ”
“น้ำหนึ่งรักพี่เพชร รักมานาน” น้ำหนึ่งมองจ้องตา ย้ำอีก “แต่กรุณาเถอะค่ะ เลิกเอาหัวใจของน้ำหนึ่งไปเหยียบเล่น ซะที” น้ำหนึ่งผละออกจากเพชร เปิดประตูวิ่งลงไป
“น้ำหนึ่ง ๆ” เพชรงวยงง ไม่เข้าใจ รีบวิ่งตามลงไปอย่างรวดเร็ว
น้ำหนึ่งวิ่งหนีลงไปในทะเล เพชรตามไปคว้าตัวมาฉุดเอาไว้ ถามงุนงง สงสัย
“น้ำหนึ่งเป็นอะไร?”
น้ำหนึ่งร้องไห้ ปัดมือเพชรออก ดวงตาหวาดระแวง “น้ำหนึ่งไม่รู้ว่าพี่เพชรต้องการอะไร
จากน้ำหนึ่งอีก ทำร้าย ทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของน้ำหนึ่ง”
เพชรไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น “เราเข้าใจกันแล้วไม่ใช่เหรอน้ำหนึ่ง แล้วพี่ก็ยอม ทิ้งความแค้นทุกอย่างเพื่อรักของเรา”
“เหรอคะ? เพื่อรักของเราเหรอคะ? น้ำหนึ่งคิดว่าเพราะพี่พลอยซะอีก”
เพชรมองมาอย่างระแวง สงสัยว่าพลอยทำอะไรอีก “เรื่องของพี่พลอย มันจบไปแล้ว”
น้ำหนึ่งเสียงดังใส่ “จบเหรอคะ มันจบเหรอคะ สำหรับน้ำหนึ่งมันคือการเริ่มต้น การทวงสิทธิ์ของพี่พลอย”
เพชรยิ่งงง “สิทธิ์ของพี่พลอย อะไรน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม “สิทธิ์ในการที่พี่เพชรเป็นคนของพี่พลอยไงคะ จริงๆ น้ำหนึ่งน่าจะรู้มาตั้งนาน ว่าพี่เพชรกับพี่พลอยเป็นอะไรกัน” น้ำหนึ่งพูดด้วยเสียงสั่นเครือ สายตาบ่งบอกความรู้สึกขื่นขม เจ็บปวด “มันช่างน่าขยะแขยง ไงคะ ให้น้ำหนึ่งเป็นเมียน้อยคุณพจนีย์ไม่พอ พี่เพชรยังจะให้น้ำหนึ่งเป็นเมียน้อยพี่พลอยอีกเหรอ” น้ำหนึ่งกรี๊ด อาละวาด ตีน้ำอย่างบ้าคลั่ง
เพชรจับตัวน้ำหนึ่งเอาไว้ “น้ำหนึ่งพูดอะไร”
น้ำหนึ่งร้องไห้ กรีดเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด ขยะแขยง “พูดอย่างที่พี่พลอยพูด พี่พลอยกับพี่เพชร...เป็น...เป็น...”
เพชรรับรู้ได้ทันที ตกใจมาก “ไม่นะน้ำหนึ่ง พี่กับพี่พลอยเป็นพี่น้องกัน ไม่ใช่อะไรที่มันขยะแขยงอย่างนั้น”
“แต่พี่พลอยบอก พี่พลอยบอกน้ำหนึ่ง พี่เพชรเป็นของพี่พลอย”
เพชรตะลึง “พี่พลอย”
“พี่เพชรจะดูถูกน้ำหนึ่งไปถึงไหนคะ พี่เพชรจะให้น้ำหนึ่งอยู่ในฐานะไหน ความแค้นของเราถึงจะจบจะสิ้นกันซักที พี่เพชรบอกมาเลย” น้ำหนึ่งคลั่ง อาละวาดร้องไห้ไม่ไหวแล้ว
เพชรจับน้ำหนึ่งเอาไว้ “ในฐานะเมียพี่ไง น้ำหนึ่งเป็นเจ้าสาวของพี่”
“น้ำหนึ่งไม่เอาแล้ว น้ำหนึ่งไม่เป็นแล้ว” น้ำหนึ่งวิ่งหนีจะขึ้นฝั่ง
เพชรไม่ยอม คว้าตัวน้ำหนึ่งเอาไว้ น้ำหนึ่งดิ้นและล้มลงนอนหงายที่ตรงชายริมทะเลนั้น เพชรประคองเอาไว้อย่างแสนรัก น้ำหนึ่งร้องไห้หมดท่า เสียใจอย่างที่สุด
“พี่เพชรไม่รู้หรอก การที่ผู้หญิงคนหนึ่งยอมทิ้งเกียรติทิ้งศักดิ์ศรี หนีตามผู้ชาย ถูกด่าว่าหน้าไม่อาย หน้าด้าน มันเจ็บปวดขนาดไหน แต่ที่น้ำหนึ่ง เพราะน้ำหนึ่งรักพี่เพชร..น้ำหนึ่งรักพี่เพชร แต่พี่เพชร ทำเหมือน ไม่เคยรักน้ำหนึ่งเลย”
เพชรเสียใจมาก ให้คำมั่น “พี่รักน้ำหนึ่งสุดหัวใจ พี่ขอโทษ...มันจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว มันจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว”
ว่าพลางเพชรก้มลงจูบทีหน้าผากปลอบประโลม น้ำหนึ่งนอนนิ่งมองเพชรด้วยแววตาค้นหา ถามเสียงแผ่ว
“พี่เพชรจะหลอกอะไรน้ำหนึ่งอีกคะ”
เพชรเช็ดน้ำตาให้ “ไม่แล้ว มันไม่มีอีกแล้ว เพราะพี่หลอกตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะห้ามใจขนาดไหน พี่ก็รักน้ำหนึ่ง รักสุดหัวใจ”
เพชรก้มลงจูบน้ำหนึ่งอย่างแผ่วเบาละมุนละไม
ครู่ต่อมาเพชรอุ้มน้ำหนึ่งที่เนื้อตัวเปียกปอนเข้ามาในห้อง วางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม
เพชรก้มลงจูบน้ำหนึ่ง เป็นจูบแห่งรักท่วมท้น น้ำหนึ่งมองเพชรทั้งรักและรู้สึกผิด
“น้ำหนึ่งคงเป็นเหมือนผู้หญิงที่ตาบอดเพราะความรักทั้งโลก เชื่อในสิ่งที่ผู้ชายโกหก จัดสรรปั้นแต่ง เพราะคำว่ารักคำเดียว เพราะในวันนี้..น้ำหนึ่งก็ยังพร้อมจะเชื่อพี่เพชรอยู่ดี”
“พี่รักน้ำหนึ่ง รักด้วยหัวใจจริงๆ” เพชรก้มลงจูบน้ำหนึ่งอย่างอ่อนโยน บอกเสียงหวาน “สิ่งที่พี่ทำอาจดูเหมือนเห็นแก่ตัว เอาเปรียบ แต่พี่อยากให้น้ำหนึ่งเป็นของพี่ทั้งตัวและหัวใจ จะไม่มีใครว่าน้ำหนึ่งได้อีก...เพราะน้ำหนึ่ง คือ เมียของพี่ เมียของพี่ เพียงคนเดียว”
“พี่เพชร”
“จะไม่มีใครพรากเราออกจากกันได้อีกแล้ว น้ำหนึ่ง!”
น้ำหนึ่งมองเพชรซึ้งๆ เพชรมองตอบอย่างจริงจัง ก่อนจะก้มลงจูบอย่างแผ่วเบา และน้ำหนึ่งแพ้ใจตัวเองรอรับจุมพิตนั้น เพราะรักเพชรล้นใจ
ส่วนที่บ้านเชิงเขา พลอยมองโทรศัพท์ ซึ่งมันยังคงวางนิ่งๆ ไม่มีเสียงเข้า พลอยโทร.ออกหาเพชร แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ พลอยกรี๊ดอาละวาด เขวี้ยงโทรศัพท์ออกไปสุดแรง
วันต่อมาอลิสรู้สึกตัวขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง
“นี่เรายังไม่ตายเหรอ” อลิสจะผุดลุกขึ้น
“ฟื้นแล้วเหรอคุณ” พยาบาลซึ่งอยู่ในห้องถามขึ้น
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อลิสงุนงง
“ชาวบ้านไปพบคุณหมดสติอยู่ริมห้วย เลยพามาส่งโรงพยาบาล
“โรงพยาบาล” อลิสนึกได้ “พี่หมอ พี่หมอ พี่หมออยู่ไหน เรียกพี่หมอมาหาฉัน”
พยาบาลหน้าซีด อึกอัก ท่าทีลำบากใจ “เอ่อ...”
“ถ้าพี่หมอไม่มาหาฉัน ฉันไปหาพี่หมอก็ได้” อลิสถามรัวเร็วจะบอกเรื่องพลอย “พี่หมออยู่
ไหน? ตอนนี้พี่หมออยู่ไหน”
“เอ่อ” พยาบาลอึกอัก
“ว่าไง? เป็นอะไร? พี่หมออยู่ไหน?”
“คุณหมอ...คุณหมอณัฐเสียแล้วค่ะ”
“พี่หมอณัฐเสียแล้ว” อลิสกรีดร้องสุดเสียง
อลิสวิ่งออกไปตามทางโรงพยาบาล เหมือนคนสติแตก เสียงของพยาบาลคนนั้นดังก้อง
“คุณหมอเสียชีวิตภายในรถที่ห้วยแมงมุมดำค่ะ”
เหตุการณ์ที่พลอยนัดให้ไปหาที่ห้วยแมงมุมดำ และอลิสโทร.ไปบอกหมอณัฐผุดขึ้นมา
อลิสคำรามออกมาอย่างแค้นคั่ง มั่นใจ
“นังพลอย ต้องเป็นฝีมือแกแน่ นังพลอย”
ฟากพลอยนั่งทำขนมน้ำดอกไม้อยู่ในครัว บนถาดที่วางขนมมีดอกปีบ โรยแทนดอกมะลิพลอยหยิบดอกปีบขึ้นมา
“พี่ทำให้เพชรนะ พี่ทำทุกอย่างให้เพชร เพชรต้องกลับมาหาพี่มาเป็นของพี่ เหมือนเดิม” พลอยพูดพร่ำออกมาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเต็มที่
จังหวะนี้อลิสวิ่งพรวดเข้ามา ท่าทีกราดเกรี้ยว “นังพลอย”
พลอยสะดุ้ง เหลียวขวับมองมาอย่างตกใจ “นี่แกยังไม่ตายเหรอนังอลิส?”
“ฉันตายไม่ได้ เพราะฉันต้องกลับมาฆ่าแกก่อน นังโรคจิต”
อลิสทะยานเข้ามากระชากจิกผมพลอยสุดแรงเกิด ร่างของพลอยล้มลงเพราะไม่ทันตั้งตัว อลิสตามมากระชากผมตบ
“แกฆ่าพี่หมอใช่มั้ย? แกเป็นคนฆ่าพี่หมอใช่มั้ย”
พลอยมองตอบอย่างไม่ยี่หระ “ใช่! แล้วจะทำไม”
“นังพลอย” อลิสขย้ำคอบีบแรงๆ “แกเลวมาก ทั้งๆ ที่พี่หมอรักแก ทำเพื่อแกทุกอย่าง แกทำพี่หมอได้ยังไง”
พลอยสู้แต่แทบไม่มีเสียง “เพราะแกไง” พร้อมกับผลักอลิสออกเต็มแรง
อลิสล้มลง พลอยขึ้นคร่อม บีบคอคืนอย่างแรง
“คนที่ฉันจะฆ่าคือแก...แต่คุณหมอซวยเอง”
อลิสกรีดเสียงอย่างโกรธแค้น “นังพลอย”
พลอยตบผลัวะ “แกอยากแส่ดีนัก ทำไม แกจะทำไมฉัน นังอลิส”
อลิสร้องไห้ เสียใจเป็นที่สุด ถามเสียงแผ่ว “แกทำอะไรพี่หมอ บอกมาแกทำอะไรพี่หมอ”
“ทำให้ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ นอนไหลตายในรถไงล่ะ เรื่องแค่นี้ สำหรับฉันมันไม่ยากหรอก”
“ใช่..เรื่องเลวๆ ไม่ใช่เรื่องยากของแกหรอก นังเลว” อลิสรวบรวมกำลังผลักพลอยออก “ฉัน
จะแจ้งตำรวจมาจับแก”
พลอยผงะไปนิดเดียว “แกคิดว่าแกไปจากที่นี่ได้ก็เอาสิ” แล้วจ้องอลิสเขม็ง
อลิสผวา เริ่มหวาดกลัว “แกจะทำอะไร”
“ส่งแกไปอยู่กับเพื่อนของแกไงล่ะ” พลอยหัวเราะร่วน ถามหลอนๆ “แกจะเอาแบบไหน? ถูกถีบตกเขาตายแบบนังพจนีย์”
พลอยเริ่มหลอน เห็นผีพจนีย์นั่งอยู่ พลอยหัวเราะ
“หรือว่า ฆ่าโบกปูนอย่างนังรจนา” พลางมองไปที่ผนังครัว
อลิสเนื้อตัวสั่น มองฝาผนัง ตามสายตาของพลอย เห็นสภาพของปูนที่ฉาบทาเป็นรอยเก่าใหม่ไม่เท่ากัน พลอยหัวเราะ เมื่อเห็นรจนานั่งงอเข่าเหมือนสภาพก่อนตาย
อลิสตะลึงพรึงเพริด “แก..ฆ่าคน”
“แล้วยังไง”
“นังพลอยบ้า นังโรคจิต”
“ด่าฉันเลย เพราะต่อไป แกจะไม่มีปากได้ด่าฉันอีก นังอลิส
พลอยเงื้อมือขึ้น อลิสกรีดร้องสุดเสียง เมื่อมองไปเห็นมีดอยู่แถวนั้น อลิสหลับหูหลับตาร้องกรี๊ดๆๆ กลัวจะถูกเอามีดเฉาะปาก
แต่แล้วอลิสสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่ริมฝีปาก อลิสลืมตาก็เห็นพลอยยัดขนมน้ำดอกไม้เข้าปากตัวเอง ยัดๆๆ จนอลิสตาเหลือก พลอยหัวเราะ
“ฉันไม่โหดร้ายขนาดเอามีดเฉาะปากแกหรอก ให้ขนมติดคอแกตาย ทรมานกว่ากันเยอะ นังอลิส” พูดจบพลอยก็เอาขนมยัดปากอลิส ยัดๆๆๆ
อลิสตาเหลือกลาน จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว พลอยหัวเราะร่า
“ทรมานใช่มั้ย? มันทรมานใช่มั้ย”
อลิสสำลักพรวด ขนมพุ่งใส่หน้าพลอยจังๆ พลอยผงะ อลิสฉวยโอกาสนั้นผลักพลอยจนล้มลง
“คราวนี้ แกจะได้รู้ นังพลอยบ้า ว่าความทรมานเป็นยังไง”
อลิสคว้าเอาขนมน้ำดอกไม้ยัดใส่ปากพลอยคืนบ้าง พลอยสำลัก อลิสยัดอีก ก่อนกระชากผมพลอยขึ้นมา ตวาดใส่
“แต่ฉันไม่ปัญญาอ่อนอย่างแกหรอก ฉันจะลากคอแกเข้าตะราง นังพลอย”
อลิสแค้นสุดๆ กระชากผมพลอยดึงขึ้นสุดแรง จะลากตัวไป พลอยร้องโอดโอย
“ปล่อยฉัน..ฉันบอกให้ปล่อยฉัน ปล่อย” พลอยกัดฟันสู้ กระชากมือของอลิส ถามเสียงกร้าว “แกจะปล่อยไม่ปล่อย”
อลิสมองพลอย ชักกลัว แต่ใจดีสู้เสือ “ไม่ปล่อย”
พลอยถามย้ำ เสียงเยือกเย็น “ไม่ปล่อยใช่มั้ย”
พลอยถาม จ้องตาอลิสเขม็ง ก่อนจะคว้ามีดแถวนั้นขึ้นมาขู่
“ได้...แกไม่ปล่อยมือฉันก็ได้” พลอยจรดปลายมีดลงบนท่อนแขนตัวเอง
อลิสตาเหลือก ถามเสียงสั่น “อย่าบอกนะว่าแกจะตัดมือตัวเอง”
พลอยพยักหน้า กลอกตาไปมาท่าทีหลอนๆ “ก็ในเมื่อแกไม่ยอมปล่อยมือฉัน ฉันก็จะตัดมือตัวเอง”
อลิสตะลึงปล่อยมือพลอยทันทีอย่างสยอง “แกมันบ้า แกมันบ้า นังพลอย”
อลิสถอยหลังหนี แต่เซล้มลง พลอยลุกขึ้นมาพร้อมมีด หัวเราะดังก้อง
“นังบ้าเอ๊ย ใครจะบ้าตัดมือตัวเอง ฉันจะตัดมือแก แล้วถ้าแกยังอยู่ ฉันจะเชือดแกเป็นชิ้นๆ นังอลิส!”
“นังพลอยบ้า นังฆาตกรโรคจิต” อลิสมองมาทั้งกลัว ทั้งเกลียด “ฉันจะเอาแกเข้าคุก แก
ต้องไปชดใช้สิ่งที่แกทำในคุก นังพลอย” แล้วอลิสก็วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันต้องไปใช้กรรมในคุกเหรอ ไม่มีวัน”
พลอยเงื้อมีดขึ้นมามองดู หัวเราะร่าเสียงดังกึกก้อง
อ่านต่อหน้า 4
มารกามเทพ ตอนที่ 16 (ต่อ)
วันต่อมาเกรียงศักดิ์ กำลังประคองดาราณีให้หัดเดิน สองคนมีสีหน้าไม่สบายใจนัก นวลมองอย่างครุ่นคิด
“เพราะเธอ เธอคนเดียวที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ฉันต้องหยุดเธอให้ได้ พลอย”
นวลตัดสินใจมาพบสองแม่ลูกที่คฤหาสน์ นักปราชญ์ย้อนถามอย่างตกใจ
“ว่าไงนะ? พลอย เมียน้อยคุณน้าน่ะเหรอ เป็นพี่สาวไอ้เพชร”
“ค่ะ ที่เรื่องมันยุ่งทุกอย่างเพราะ พลอยให้นายเพชรมาแก้แค้น มาฉุดคุณน้ำหนึ่งให้ไปเป็นเมียน้อย”
ทับทิมในคราบของไพลินแอบมอง เห็นหน้านวลก็ตกใจ ขณะเดียวกันความโกรธก็พุ่งขึ้นมา เมื่อได้ยินอารีย์พูดกับนักปราชญ์เสียงโหยแหบ
“งั้น แกก็ไปจัดการกับนังพลอย ใช้มันเป็นเหยื่อ ลากไอ้เพชรกลับมา”
“แน่นอนครับแม่ ผมจะไปลากตัวไอ้เพชร มาแล่เนื้อเอาเกลือทา” นักปราชญ์ว่า
“แม่จะช่วยด้วย อยากรู้เหมือนกัน คนอย่างไอ้เพชร หน้าตามันจะเป็นยังไง”
ทับทิมมองนวลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
นวลเปิดประตูรั้วเดินออกไปตามทาง โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลัง ทับทิมในคราบไพลินเดินตามออกไป ทับทิมเรียกเสียงเย็น
“เธอยังกลับไปไม่ได้”
นวลทำหน้าแปลกใจ ก่อนหันมามอง ในสายตาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งไม่คุ้นหน้า จนทับทิมกระชากวิกผมออก นวลเพ่งมอง ก่อนจะตกตะลึง
“ทับทิม”
“ใช่...ฉันเอง”
นวลเข้ามาจับไม้จับมือ “เธอจริงๆ ด้วย เธอรู้มั้ย ฉันตามหาเธอมานานแค่ไหน ฉันดี
ใจจริงๆที่ได้เจอเธอทับทิม” นวลร้องไห้ออกมา “ลูกฉัน..ลูกฉัน ไอ้น้อย ไอ้น้อยอยู่ไหน น้อยเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่มีอีกแล้ว ไอ้น้อย”
นวลใจหายวับ “หมายความว่ายังไงทับทิม ลูกฉัน? น้อยลูกฉัน”
“ไอ้น้อยลูกเธอไม่มีอีกแล้ว มีแต่ เพชร”
นวลไม่เข้าใจ “เพชร...อะไร อะไรของเธอ”
“ไอ้เพชร....คนที่เธอกำลังจะยื่นความตายให้กับมันไงล่ะ ลูกเธอ!”
นวลปากคอสั่นตกใจสุดขีด “เพชร”
ทับทิมปราดเข้ามาจิกผมนวลอย่างโกรธแค้น “ใช่..เพชรที่แกสาระแนมาบอกไอ้นักปราชญ์ให้ไปจัดการนั่นแหละ มันเป็นลูกแก แล้วแกก็ยังสาระแน มายุ่งกับพลอยลูกฉันอีก”
นวลตะลึง “เพชร...พลอย”
ทับทิมกระชากหัว มาโขกเสาไฟได้โขก ๆๆๆ ระบายแค้น “เออ..เพชรกับพลอยมันเป็นลูกฉันลูกแก แล้วแกยังสาระแนไปบอกคนไปฆ่ามันอีก ทำไมแกโง่อย่างนี้นังนวล ทำไมแกโง่อย่างนี้” จับหัวนวลกระแทกเสาอีก
นวลร้องไห้ “ฉันไม่รู้จริงๆทับทิม ฉันไม่รู้จริงๆ”
“แต่แกต้องรู้ แกไม่เคยเลี้ยงดูลูกแกไม่พอ แกยังส่งคนไปฆ่าลูกแกอีก นังนวล แก
ส่งคนไปฆ่าลูกแก”
นวลตกใจร่ำไห้ “ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันไม่รู้”
นักปราชญ์เดินมาข้างหลัง หัวเราะร่า
“แต่ฉันขอบใจมาก ที่ทำให้ฉันได้รู้...ว่าแกสองคน คือแม่ของไอ้เพชร”
“คุณนักปราชญ์” / “ไอ้นักปราชญ์”
นักปราชญ์บอกลูกน้องเสียงเหี้ยม “ลากตัวมันเข้าไป”
สิ้นคำสั่ง ลูกน้องของนักปราชญ์ตรงเข้าไปลากตัวนวลกับทับทิมทันที
ไม่นานต่อมานักปราชญ์ผลักร่างของนวลกับทับทิมลงกองตรงหน้าอารีย์
อารีย์งง “นี่มันเรื่องอะไรกันนักปราชญ์”
“นังนวล คือแม่ของไอ้เพชร”
นวลมองนักปราชญ์ตะลึง สรรพนามที่เรียกตัวเองเปลี่ยนไป นักปราชญ์หยาบคายมาก
“ส่วนนังแก่ขี้เหร่นี่...” กระชากคางของทับทิมให้เงยหน้าขึ้น “คือนังทับทิม”
อารีย์มองจ้องหน้าทับทิมที่ปลอมตัว จำได้ “นังทับทิม”
ใจที่อยู่ด้านหลังมองทับทิมอย่างตะลึง ร้องเรียก “นี่ไพลิน..ไพลิน”
อารีย์และนักปราชญ์หันขวับไปมองใจ
นักปราชญ์งง “ใครไพลิน”
“ก็แม่ครัวคนใหม่ ที่คุณๆชมว่าทำกับข้าวอร่อยไงละคะ”
สองแม่ลูกตะลึง “นังทับทิม”
“นี่แกปลอมตัวเข้ามาอยู่ในบ้านฉันเหรอ” อารีย์ตกใจ
“หน้าตาโง่ไม่พอ ยังถามโง่ๆ อีก”
“นังทับทิม” อารีย์ตบหน้าทับทิมสุดแรง เสียงดังผลัวะ
นวลตกใจ “ทับทิมฉันขอโทษ” ก่อนจะหันกับสองแม่ลูก “ปล่อยเราสองคนไปนะคะ ฉันขอร้อง”
“นี่ก็โง่อีกคน แกคิดว่าเรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว เดรัจฉานสองตัวนี้มันจะปล่อยเราสองคนไปเหรอ” ทับทิมด่า
“แกคิดถูกแล้ว ฉันไม่มีวันปล่อยพวกแกไปหรอก ตรงกันข้าม ฉันจะใช้แกสองคนเป็นเหยื่อล่อไอ้เพชรกลับมา” นักปราชญ์บอก
นวลเอาแต่ร้องไห้โฮๆ ทับทิมมองสองแม่ลูกสลับกันอย่างโกรธแค้น แล้วหันมามองนวลตาขวางทำแผนตนบรรลัยป่นปี้ แถมถูกสองแม่ลูกจับได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
วันต่อมาที่ทะเล น้ำหนึ่งยืนเหม่ออยู่ชายหาด เพชรเดินมา สวมกอด พร้อมเอาพวงมาลัยดอกปีบสวมบนศีรษะเป็นมงกุฎ พวงมาลัยดอกปีบสวยมาก เพชรบอกอ่อนโยน
“เงินเดือนของพี่อาจจะไม่มากมาย แต่พี่สัญญา พี่จะไม่ปล่อยให้น้ำหนึ่งกับลูกลำบาก”
“น้ำหนึ่งไม่เคยกลัวความลำบากค่ะ สิ่งเดียวที่น้ำหนึ่งกลัวคือ...ถูกหลอก”
ให้เป็นเหยื่อการแก้แค้นของใครอีก?
เพชรเสียใจ “พี่บอกแล้วไง มันจะไม่มีอีก”
“น้ำหนึ่งจะพยายามเชื่อ แต่พี่เพชรเข้าใจใช่มั้ยคะ ความไว้ใจ ถ้าถูกทำลายลงไปมันต้องใช้เวลาที่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่”
“พี่พร้อมจะใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อพิสูจน์ให้น้ำหนึ่งเชื่อใจ ว่าพี่รักน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งมองเพชร สายตาเต็มไปด้วยความรัก แต่ในขณะเดียวกันก็เคลือบแคลงสงสัย อยู่เพชรลูบเรือนผมบอกอย่างอ่อนโยน
“น้ำหนึ่งรู้มั้ย พี่จำความรู้สึกที่น้ำหนึ่งมีต่อพี่ได้ทุกอย่าง”
เพชรเล่าให้ฟัง จนเห็นภาพเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยน้ำหนึ่งแอบกรี๊ดเพชร ภาพที่น้ำหนึ่งยอมเพชรทุกอย่าง เพชรบอกด้วยเสียงอ่อนโยน
“พี่จำความรักที่น้ำหนึ่งมีต่อพี่ได้ทุกอย่าง น้ำหนึ่งรักพี่ ทำเพื่อพี่ได้ขนาดนี้ ถ้าพี่มองไม่เห็นอีก พี่คงโง่เต็มที พี่รักน้ำหนึ่ง ตั้งแต่วันนี้ไป พี่จะไม่คิดถึงใครอีก แต่พี่จะทำทุกอย่างเพื่อน้ำหนึ่ง เพื่อรักของเรา”
เพชรกอดน้ำหนึ่งแนบแน่น เสียงมือถือดัง เพชรมองเบอร์ไม่คุ้น ก่อนรับสาย
“ครับ”
เป็นนักปราชญ์ซึ่งจับตัวทับทิมและนวลเอาไว้ โทร.มาบอกเสียงเหี้ยม
“หมดเวลาเสวยสุขของแกแล้วไอ้เพชร”
“ไอ้นักปราชญ์” เพชรคำราม น้ำหนึ่งมอง หน้าซีดเผือด
“แม่แกอยู่กับฉัน...ทั้งแม่จริง...แม่ปลอม”
เพชรฉงน “แกหมายความว่ายังไง”
จังหวะนี้ทับทิมกับนวล ตะเบ็งเสียงออกมาในทำนองเดียวกัน
“แกอย่ายุ่งกับลูกฉันนะ”
“อย่าทำอะไรลูกน้า”
เพชรหน้าซีดเผือด จำเสียงทับทิมได้ และในขณะเดียวกันได้ยินเสียงนวลก็งง
นักปราชญ์เดาออกหัวเราะลั่น “อยากรู้ก็ตามไปบ้านเชิงเขา รีบไป ไม่งั้น แกอาจจะต้องเรียกฉันว่าพี่เขย อีกหนึ่งตำแหน่ง เพราะฉันจะไปฉุดนังพลอย!”
“ไอ้นักปราชญ์ ไอ้เลว” เพชรวางสาย
น้ำหนึ่งร้อนใจถามเสียงรัวเร็ว “มีเรื่องอะไรอีกคะพี่เพชร”
“มันจับแม่เป็นตัวประกัน แล้วมัน มันยังจะไปฉุดพี่พลอย”
น้ำหนึ่งหน้าซีดเผือด
ไม่นานหลังจากนั้น นักปราชญ์ฉุดกระชากลากถู ทับทิมกับนวลออกมา
“ไป ฉันจะพาแกสองคนไปตายที่บ้านเชิงเขา”
“ฉันช่วยคุณมาทุกอย่าง ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยเราไปเถอะ” นวลอ้อนวอน
“ก็บอกแล้วไง ว่าจะปล่อยไปตายที่บ้านเชิงเขา ไป”
นวลร้องไห้โฮๆ “ปล่อย...ปล่อยฉันเถอะ ฉันขอร้อง”
ทับทิมโมโหแกมหมั่นไส้ “โอ๊ย!จะร้องไห้ทำไม รำคาญ” แล้วหันมาตวาดนักปราชญ์ “จะทำอะไรก็ทำ เพราะถ้าฉันหลุดไปได้ พวกแกไม่รอด”
“ปากดีนัก” ตบหน้าทับทิมเสียงดังผลัวะ ร่างทับทิมล้มลงไป ก่อนบอกลูกชาย “ปล่อยนัง
ทับทิมไว้นี่ แม่จะคิดบัญชีกับมันเอง”
นักปราชญ์เห็นด้วย “ก็ดีครับ..แม่จะได้ทบต้นทบดอก เอามันให้น่วมไปเลย ส่วนแก” กระชากนวล “ไป๊”
นักปราชญ์ลากนวลออกไป อารีย์หันมากระชากผมทับทิมขึ้น
“แกกล้ามาก ทับทิมที่มาล้วงคองูเห่าอย่างฉัน”
ทับทิมหัวเราะ พูดหยามหยัน “งูเห่า ก็ได้แต่เห่า แต่ฉันน่ะมันงูพิษ”
อารีย์ไม่เข้าใจมองงงๆ ทับทิมยิ้มเย้ยอีก
“รอดูแล้วกัน ว่างูเห่ากับงูพิษ อะไร พิษมันจะร้ายกว่ากัน”
อารีย์ไม่โต้ตอบ แต่จิกผมทับทิมกระชากตบอย่างสะใจ
เพชรขับรถมาตามทางด้วยความเร็วสูง โดยมีน้ำหนึ่งนั่งเคียงข้าง สองคนไม่สบายใจ
“พี่เพชรทำใจดีๆ ก่อนนะคะ อาจจะไม่มีอะไรรุนแรงอย่างที่คิดก็ได้”
“พี่ก็ขอให้..อย่ามีอะไรรุนแรงเลย แต่พี่รู้นิสัยแม่ นิสัยพี่พลอยดี มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆน้ำหนึ่ง”
เพชรพูดได้แค่นั้น รถทั้งคันก็เอียงวูบ เพชรร้องลั่น
“น้ำหนึ่งระวัง ยางแตก”
เพชรประคองรถสุดชีวิต ก่อนที่รถจะหยุดนิ่งข้างทางนั้นเอง
ฝ่ายอารีย์ลากทับทิมมาอย่างแรง ทั้งที่ไม่ค่อยมีแรง
“ปากดีนักนังทับทิม แกมานี่”
ทับทิมไม่สะทกสะท้าน แถมหัวเราะหยันพูดเป็นนัย “เดินแทบไม่ไหว ยังจะแค่นมาฉุดกระชากลากถูฉัน ไปกินอะไร บำรุงก่อนไป นังงูเห่า”
อารีย์มองอย่างเข่นเขี้ยว แต่ก็ไม่ไหวจริงๆ ได้แต่เรียกคนใช้ “ป้าใจ...หาอะไรมาให้ฉันกินหน่อย”
“ค่ะๆ” เสียงใจตะฌกนออกมา
ทับทิมเหยียดยิ้ม “อยากกินอะไร กินไป กินให้เยอะๆ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก จะนั่งอยู่ตรงนี้ รอให้แกทรมานนี่ล่ะ”
“อย่ามาทำปากดี”
“ปากดีที่ไหน ปากเสียจะตายฉันน่ะ!” ทับทิมพูดพลางมองอารีย์ “เพราะฉันดูโหวงเฮ้ง หน้าตาท่าทางอย่างแกนี่...ไม่น่ารอด อีกเดี๋ยวก็ตาย”
“นังทับทิม” อารีย์โกรธจัด จะเงื้อมือตบ
ใจเดินเอาสำรับอาหาร และเครื่องดื่มมาให้ แล้วรีบเดินออกไป อารีย์ดูเหนื่อยล้าอ่อนแรงมากๆ ยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด ทับทิมมองอยู่หัวเราะชอบอกชอบใจขณะบอก
“อย่าเพิ่งมีเรื่องกับฉัน กินซะ...กินให้เยอะๆ จะได้เหมือนนักโทษประหาร กินมื้อสุดท้ายก่อนตาย”
อารีย์ฉงน “แกพูดอะไรของแก”
“ที่แกต้องเข้าโรงพยาบาล แกไม่เคยสงสัยอะไรเลยเหรอ”
อารีย์มอง ยิ่งงงไปใหญ่ ทับทิมว่าช้าๆ ชัดๆ ดวงตาแข็งกร้าว
“อาหารทุกอย่าง เครื่องดื่มทุกอย่าง ในบ้านนี้ ฉันผสมยาวิเศษของฉันไว้หมดแล้ว”
“ยาวิเศษอะไรของแก”
“ยาวิเศษ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่มันจะค่อยๆทำลายระบบประสาททุกอย่างในร่างกาย จนตายไปช้าๆอย่างทรมาน”
มือของอารีย์ยังถือแก้วค้างอยู่อย่างนั้น ทับทิมหัวเราะ
“และวันนี้ ฉันก็ผสมมันอย่างเข้มข้นซะด้วย”
หน้าของอารีย์ถอดสี รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย ทับทิมหัวเราะ เย้ยอีก
“แต่จะโทษฉันฝ่ายเดียวไม่ได้นะ แกกับลูกแก ตะกละตระกรามเอง เป็นเศรษฐีซะเปล่า เจอของอร่อยเข้าหน่อย ทำยังกับไม่เคยกิน วันนี้ แกไม่รอดแน่นังอารีย์
อารีย์ล้มลงกับพื้น อาเจียน เนื้อตัวสั่น โลกหมุนติ้วๆๆ ตาพร่ามัว ได้รับสารพิษเข้มข้น อย่างแรง อารีย์ได้แต่เงื้อมือสั่นระริก พูดแทบไม่มีเสียง “จะ....ใจ...ช่วยฉันด้วย...ชะ..ช่วยด้วย”
ทับทิมพูดนิ่งๆ “ป้าใจไม่อยู่ เวลานี้...เป็นเวลาที่แกออกไปซื้อของเข้าบ้านทุกวัน แกเห็นแล้วใช่มั้ย ฉันไม่ได้ทำอะไร แกทำตัวของแกเอง...” ทับทิมนั่งลงมองจ้องหน้าอารีย์ “ตอนนี้แกคงรู้แล้วใช่มั้ย งูพิษอย่างฉัน ร้ายกาจแค่ไหน รายต่อไปที่ฉันจะฉกกัด คือลูกแก”
พูดจบทับทิมเอามือผลักหัวอารีย์อย่างแรงจนหน้าคะมำแล้วไป
ใจแอบมองอยู่เนื้อตัวสั่น พอลับร่างทับทิม ถึงได้วิ่งเข้ามาประคองอารีย์
“คุณคะคุณ คุณ?”
ส่วนทับทิมเดินออกมานอกบ้าน ด้วยมาดทระนง
“แม่กำลังจะไปช่วยแกแล้วพลอย!”
พลอยยืนอยู่ใต้ต้นปีบ มองเหม่อดูดอกสีขาวพราวกระจ่างเกลื่อนพื้น ก่อนเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา
“เพชรชอบดอกปีบ พี่จะเก็บดอกปีบไว้ให้เพชร”
พลอยค่อยๆ เอื้อมมือ เด็ดดอกปีบทีละกลีบ ทีละกลีบ โดยไม่รู้เลยว่าภัยกำลังจะมาเยือน
ด้านนักปราชญ์ขับรถมีนวลที่ถูกมัดมือนั่งอยู่ข้างๆ นวลร้องไห้
“คุณนักปราชญ์คะ...คุณจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรเพชรเลยนะ”
“มาอ้อนวอนทำไม ในเมื่อ แกเป็นคนบอกให้ฉันมาจัดการไอ้เพชร นังพลอยมันเอง”
“ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้ ว่าเพชรเป็นลูก นะคุณนะ...อย่าทำอะไรเพชรเลย แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดจนไม่กล้าไปสู้หน้าลูกแล้ว”
“เรื่องของแก เพราะเรื่องของฉัน คือจัดการไอ้เพชร”
“ไอ้เลว”
นักปราชญ์เบนรถจอดข้างทาง สะบัดหลังมือตบอย่างเหี้ยมโหด กระชากผม “อย่ามาทำฤทธิ์ใส่ฉัน ไม่งั้นแกจะไม่ได้เห็นหน้าไอ้เพชร ก่อนตาย” เหวี่ยงนวลออก จนผงะหงาย
“ฉันไม่น่ามายุ่งกับคนอย่างคุณเลย” นวลได้แต่มองอย่างโกรธขึ้ง และเสียใจ
ที่สถานีตำรวจเวลาเดียวกัน ตำรวจถามอลิสอย่างงุนงง
“ว่าไงนะครับ คุณจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับคนร้าย”
“ค่ะ นังพลอยบ้า มันฆ่าพี่ฉัน แล้วมันก็ยังฆ่าคน มันเก็บศพไว้ที่บ้านเชิงเขาอีก”
“คนบ้า?”
“ก็นังพลอยบ้าไงคะ? นังพลอยบ้าที่เคยเป็นเมียน้อยท่านเกรียงศักดิ์”
ตำรวจเงียบกริบ อลิสตาขวาง
“ทำไม?ไม่กล้าไปจับเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่กล้า แต่เรื่องแบบนี้มันต้องมีหลักฐาน จู่ๆ จะไปกล่าวหาเค้าได้ยังไง”
“ฉันไมได้กล่าวหา มันสารภาพออกมาเอง ได้ยินมั้ยคะ มันสารภาพออกมาเอง”
“ยังไง ก็ต้องมีหมายค้น เจ้หน้าที่ทะเล่อทะล่าเข้าไปค้นเดี๋ยวนี้ไมได้หรอกครับ”
อลิสฉุน “โอ๊ย นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้...ตั้งด่านเป็นอย่างเดียวรึไง”
“คุณกำลังดูหมิ่นเจ้าพนักงานนะครับ...ทางเจ้าหน้าที่ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน” ตำรวจบอกอีก
อลิสกรีดร้อง “หลักฐาน”
“ครับจะเป็นหลักฐานหรือพยานบุคคลก็ได้ ถ้าคุณมีเมื่อไหร่ ตำรวจพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ครับ”
อลิสกระฟัดกระเฟียดเดินออกมาจากสถานีตำรวจ
“หลักฐาน จะไปหาหลักฐานที่ไหน” อลิสชะงัก คิดได้ “พยานบุคคล”
อลิสตาโต รีบออกจากสถานีตำรวจทันที
ไม่นานต่อมาอลิสเขย่าตัวพจนีย์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“พจนีย์ เธอฟื้นขึ้นมาสิพจนีย์ เธอฟื้นขึ้นมาเอาผิดกับยัยพลอยบ้าเร็วๆ ลุกขึ้นมาพจนีย์” อลิสจับพจนีย์ที่นอนเป็นผักเขย่าๆ อย่างแรง
เจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาห้าม “อย่าคุณอย่า”
“อย่ามาห้ามฉัน” อลิสดื้อดึงดัน ปราดเข้าไปเขย่าอีก “พจนีย์เธอต้องลุกขึ้นมา”
เจ้าหน้าที่ดึงมืออลิสออก “กรุณาออกไปก่อนค่ะ ออกไปก่อน” แล้วพาตัวอลิสออกไป
อลิสยังตะโกน “ลุกขึ้นมาพจนีย์ เธอต้องลุกขึ้นมาช่วยฉัน เอาผิดกับนังพลอยบ้า”
ทันทีที่อลิสถูกลากตัวออกไป ประตูปิดลง ดวงตาของพจนีย์ก็ค่อยๆ กระพริบช้าๆ พจนีย์พึมพำเหมือนจิตโดนสั่ง
“นังพลอย”
ท่ามกลางความมืดทะมึนของหุบเขา พลอยยืนอ้างว้างอยู่อย่างเดียวดาย
“ไม่...ฉันไม่ชอบการอยู่คนเดียว...ฉันกลัวการอยู่คนเดียว”
พลอยกอดตัวเอง เนื้อตัวสั่น อ้างว้างเหลือแสน นักปราชญ์กระชากนวลเข้ามา
“ต่อไป เธอไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกพลอย”
พลอยเหลียวขวับมามอง เห็นเป็นนักปราชญ์กระชากนวลที่ถูกมัดมือเข้ามา นักปราชญ์ผลักนวลจนล้มลงตรงหน้าพลอย นวลร้องลั่น พลอยตกใจ และไม่เข้าใจ
“รีบหนีไปพลอย หนีไป”
นักปราชญ์ตบนวล “หุบปาก”
“มายุ่งวุ่นวายบ้านฉันทำไม”
“น้องชายเธอ มันบุกไปฉุดเจ้าสาวฉัน”
“นังน้ำหนึ่ง” พลอยตาวาวเป็นประกาย โกรธจัด
“และนังนวลหน้าโง่นี่ มันก็ไปสาระแนบอกฉัน ว่าเธอเป็นพี่สาวของไอ้เพชร ทั้งที่ไอ้เพชรเป็นลูกมัน”
พลอยเพ่งมองที่นวล แปลกใจ ประหลาดใจ เห็นนวลร้องไห้ ส่วนนักปราชญ์หัวเราะหยัน
“เธอว่าโลกเล่นตลกเกินไปมั้ย”
“น้าขอโทษพลอย น้าไม่รู้”
“ไอ้เพชรมันทำลายหัวใจฉัน ฉันก็จะทำลายหัวใจของมันเหมือนกัน มานี่”
นักปราชญ์กระชากมือพลอยหมับ พลอยมองนิ่ง ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้าน แต่แสร้งทำเป็น ร้องกรี๊ด สะบัดมืออย่างมีจริต “ปล่อยฉัน ปล่อย”
“ไม่ต้องมาดัดจริต มานี่”
“ม่าย...” พลอยร้องพร้อมกับผลักนักปราชญ์อย่างแรง
“นังพลอย” นักปราชญ์จะตามไป
“อย่า” นวลเอาขาตัวเองขัดขานักปราชญ์จนหัวคะมำล้มลง นักปราชญ์โมโหมาก
“แกนี่มันแส่ทุกเรื่องจริงๆ นังนวล”
นักปราชญ์คว้าไม้แถวนั้น ฟาดใส่นวลอย่างแรงจนหมดสติต่อหน้า ก่อนจะตามพลอยไปทันที ตะโกนก้องหุบเขา
“แกหนีฉันไม่รอดหรอก นังพลอย!”
อ่านต่อตอนที่ 17 (อวสาน)