ข้าวนอกนา ตอนที่ 27
วันรุ่งขึ้น....กราฟหัวใจเคลื่อนไหวขึ้นลงสม่ำเสมอ ดำขยับตัว แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา จอร์จจับมือดำไว้
“ดำ...ฟื้นแล้วเหรอ”
ดำลืมตามอง จอร์จดีใจมาก
“หนูยังไม่ตายเหรอ”
จอร์จกุมมือดำอย่างดีใจ
“จะรีบตายไปทำไมล่ะ เธอยังต้องอยู่ใช้หนี้ฉันอีกนาน”
ดำค้อนปะหลับปะเหลือก
“ถึงตายไปแล้ว หนูก็จะกลับมาใช้หนี้ให้หมด ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
จอร์จหัวเราะขำ ดำนิ่วหน้า
“ยังจะขำอีก เจ็บจะแย่อยู่แล้ว”
“เจ็บแผลเหรอ”
ดำพยักหน้า พลางซี้ดปาก
“เจ็บสิ”
“เห็นห้าวหาญขนาดนั้นนึกว่าเจ็บไม่เป็น”
“ครูจอร์จอ่ะ หนูเจ็บจริงๆ นะ”
“โอเคๆ เดี๋ยวฉันเรียกพยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดให้”
จอร์จออกไป ดำมองตามยิ้มๆ
ใจหวานกับซูซี่นั่งสัปหงกบนเก้าอี้ จนหัวมาโขกกัน ซูซี่ตกใจตื่นขึ้น มองกราด
“ใครกล้ามาตีหัวฉันวะ มาเจอกันหน่อย”
ใจหวานจับหัวตัวเอง
“แกนั่นแหละนังซี่ มาโขกหัวฉัน”
ซูซี่รู้สึกตัว หันไปทางใจหวาน แต่ยังงงๆ งัวเงียอยู่
“เอ๊ะ...พี่หวานมาทำอะไรแถวนี้”
“มานอนเล่นมั้ง... แกจำไม่ได้เหรอว่าเรามาทำอะไร”
ซูซี่นึกๆ แล้วร้อนใจขึ้นมาทันที
“จริงด้วย นังดำ เช้าแล้ว นังดำมันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“เราไปดูกันเถอะ...นั่นหมอจอร์จเดินมาพอดี”
ทั้งสองรีบลุกขึ้นไปหา จอร์จเดินออกมาหน้าเศร้า
“ดำเป็นไงบ้างคะหมอ”
จอร์จมองหน้าใจหวานเศร้า พลางทอดถอนใจ
“เข้าไปดูเองเถอะ”
ใจหวานกับซูซี่สบตากันหน้าเสีย
ใจหวานกับซูซี่เก็นสีหน้าของจอร์จก็ไม่สบายใจ วิ่งเข้าไปหาดำที่หลับอยู่
“ดำ...ดำ แกอย่าเป็นอะไรนะดำ”
ซูซี่เขย่าตัวดำ
“กลับมาก่อนดำ ฉันรักแกนะ แกอย่าเพิ่งรีบตาย ฮือๆ”
ดำหันมาตาเบิ่งโพลง ทั้งสองผวาตกใจ
“อร๊าย”
ใจหวานรีบวิ่งหนี ซูซี่จะวิ่งตาม แต่ดำดึงแขนไว้ ซูซี่เลยดึงแขนใจหวานไว้บ้าง
“พี่หวานช่วยด้วย”
“ปล่อยฉันนะนังซี่”
“พี่หวานอย่าทิ้งซี่”
“ปล่อยฉันก่อนสิ แล้วฉันจะไปตามคนมาช่วยแก”
“ไม่เอา หนูกลัว”
“จะไปไหน” ดำงงๆ
“ไปที่ชอบๆ เถอะนะดำ แล้วฉันจะกรวดน้ำไปให้”
“อ้าว...ไหนเมื่อกี้แกบอกว่ารักฉันไง”
“รักก็ส่วนรักสิ”
“ฉันยังไม่ตาย”
ทั้งสองชะงัก ใจหวานค่อยๆ เข้าไปจับตัวดำ
“เออจริง ตัวยังอุ่นๆ อยู่เลย หมอจอร์จ...”
ใจหวานเจ็บใจหันไปหน้าประตู เห็นจอร์จหัวเราะขำ
“หมอนะหมอ หลอกกันได้”
ดำก็หัวเราะด้วย จอร์จเดินเข้ามา
“ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ ดำนั่นแหละต้นคิด”
ใจหวานแกล้งกดแผลดำเบาๆ
“นี่แน่ะ ขนาดเพิ่งฟื้นแกยังแสบได้ขนาดนี้”
“โอ๊ย...พี่หวาน หนูยังป่วยอยู่นะ”
ใจหวานกับซูซี่ค้อนดำปะหลับปะเหลือก
“ดำอยากให้ทุกคนหายเครียดน่ะสิ”
ซูซี่เข้าไปจับมือดำ
“เอาวะ ยอมแกก่อนก็แล้วกัน เห็นว่าเป็นคนป่วยนะเนี่ย”
ใจหวานหันมาบอกดำ
“หายไวๆ นะไอ้ดำ”
ใจหวานกับซูซี่จับมือดำอย่างดีใจ จอร์จตามเข้ามาจับมือทุกคนไว้
ใจหวานเดินออกมาส่งซูซี่ด้านนอก
“แกกลับไปพักก่อนเถอะ ฉันกับหมอจอร์จจะดูแลดำต่อเอง”
“งั้นเย็นๆ ซี่ค่อยมาใหม่ ฝากดูแลดำมันด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง”
ซูซี่จะเดินออกไป แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นใครบางคน
โจ้กับจรูญศรีออกมาดูหน้าบ้าน
“ลูกจิ๋มนี่เอง”
จิ๋มร้องไห้เข้ามาหา พลางกรีดร้อง
“ฮือๆ ๆ แม่ จิ๋มไม่ยอม จิ๋มไม่ยอมจริงๆด้วย”
“จิ๋มเป็นอะไรไปลูก ทำไมมาเอามืดค่ำป่านนี้”
“ก็ไอ้แก่น่ะสิ จิ๋มจับได้ว่ามันแอบไปมีกิ๊กเป็นช่างทำผม”
จรูญศรีหน้าตื่น
“ว้าย...ตาเถรยายชี ลูกแม่สวยน่ารักขนาดนี้มันยังจะไปมีกิ๊กได้อีกเหรอตาต่ำจริงๆ”
“พอจิ๋มด่ามัน มันก็เลยตบจิ๋ม แล้วไล่จิ๋มออกจากบ้าน”
จรูญศรีโกรธมาก
“ไอ้เสี่ยชั่ว แม่จะไปด่ามัน”
“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้แม่ วันนี้จิ๋มไม่อยากเจอหน้ามันอีก”
โจ้เหลือบมองจิ๋มอย่างสมเพช
“ทียัยจิ๋มยังแอบไปแรดกับหนุ่มๆ ได้เลย ลูกเต้าไม่สนใจเลี้ยง”
“อีพี่โจ้ ไอ้ชั่วไอ้เลว ฉันเป็นน้องแกนะ”
จิ๋มเข้ามาทุบตีอย่างโมโห โจ้ปัดป้อง
“เฮ้ย..นังจิ๋ม เดี๋ยวมึงโดนหรอก”
โจ้ผลักออก จนจิ๋มเซไป
“แม่ดูไอ้โจ้สิ”
จรูญศรีดุโจ้
“แกนี่มันชอบว่าน้องนักนะโจ้ แทนที่จะช่วยกันปลอบใจ”
“ก็พูดความจริงนี่”
โจ้ทำลอยหน้าลอยตา จิ๋มมองแค้นๆ จรูญศรีได้แต่กอดปลอบลูกสาว
เขมวรรณพาเดือนเข้ามาในห้องพักแห่งหนึ่ง
“คอนโดของเพื่อนแม่ ซื้อไว้ให้คนเช่า แต่ตอนนี้คนเช่าเพิ่งย้ายออกไป หนูอยู่ที่นี่ไปก่อนนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะคุณแม่ ขอบคุณที่ช่วยเดือนมาตลอด”
เขมวรรณลูบผม ลูบหลังเดือนอย่างห่วงใย
“อยู่ข้างนอกลำบากหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ เดือนสบายใจมากกว่า”
“แม่อยากให้หนูกลับไปอยู่ที่บ้านเราเหมือนเดิม”
“หนู...หนูไม่อยากกลับไปอยู่ที่นั่นอีกแล้วค่ะ”
“เดือน...ลูกจะเล่าให้แม่ฟังได้หรือยัง ว่าทำไมถึงหนีออกจากบ้าน”
เดือนอึ้งไป ไม่อยากเล่าแต่คิดไม่ออกว่าจะปิดบังอย่างไร ถึงกับหน้าถอดสี
“คือ...”
เดือนกลั้นน้ำตา เขมวรรณลูบผม
“ไม่พอใจอะไรใครเหรอลูก”
เดือนเสียงสั่นเครือ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เดือน...เดือนแค่...อยากจะออกมาอยู่ข้างนอก”
“แค่นั้นเองเหรอ แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้าน”
“เดือน...เดือนขอโทษค่ะ เดือนไม่กล้ากลับไปอีกแล้ว”
เดือนร้องไห้โฮออกมา เขมวรรณเริ่มกลัวความจริง ถ้าเดือนเล่าแล้วทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิม
“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่านะจ๊ะ แม่เข้าใจ”
“ค่ะคุณแม่ เดือนขอไปเรียนต่อเมืองนอกได้ไหมคะ”
เขมวรรณมองหน้าเดือนแปลกใจ
“ทำไมล่ะเดือน ลูกเรียนปีสองแล้วนะจ๊ะ”
“เดือนอยากขอเวลาทำใจเรื่องบางเรื่องค่ะ”
เขมวรรณพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้าลูกอยากไปแม่จะส่งไปเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
เขมวรรณกอดไว้ เดือนสะอื้นฮัก เขมวรรณสะเทือนใจอยู่ลึกๆ ด้วยความแน่ใจว่าสิ่งที่เธอสงสัยเรื่องเดือนกับดนัยธรอาจจะเป็นจริง
เขมวรรณกลับมาบ้าน ดนัยธรเข้ามาถามอย่างร้อนใจ
“ไปเจอยัยเดือนมาเป็นยังไงบ้าง”
“แกไม่อยากกลับมาอยู่ที่บ้านค่ะ”
ดนัยธรหงุดหงิดทันที
“เป็นอะไรนักหนา บ้านช่องตัวเองมีทำไมไม่อยากกลับ มันไปอยู่กับผู้ชายล่ะสิ เห็นไหมล่ะ เด็กสมัยนี้มันใจแตกใจง่าย ไม่ทันไรก็มีผัวแล้ว...”
เขมวรรณแทรกขึ้นอย่างทนไม่ไหว
“คุณก็น่าจะรู้นี่คะว่า ทำไมเดือนถึงไม่อยากกลับมาอยู่บ้าน”
ดนัยธรชะงัก เขมวรรณมองหน้าสามีด้วยสายตาที่ทั้งเสียใจและโกรธ ดนัยธรอึ้งไป เขมวรรณน้ำตาคลอ
“ฉันจะส่งยัยเดือนไปเรียนเมืองนอก แกจะได้ไปให้ไกลๆ จากสิ่งแวดล้อมแย่ๆ ที่คอยทำร้ายหัวใจแกมาตลอด”
ดนัยธรสะอึก
“เข็ม...”
ดนัยธรไม่อยากให้เดือนไป อยากจะขอโทษภรรยาแต่พูดอะไรไม่ออก เขมวรรณเดินออกไป เขามองตามอย่างเสียใจ
อ่านต่อเวลา 09.00 น.
ข้าวนอกนา ตอนที่ 27 (ต่อ)
จอร์จ เดือน ไวภพ มาที่ห้องพักไข้ของดำแต่ปรากฏว่าพบกองทัพนักข่าวอออยู่เต็มไปหมด นักข่าวเข้ามาถามใจหวาน
“ดำฟื้นแล้วใช่ไหมคะ”
นักข่าวอีกคนแทรกเข้ามา
“ขอเข้าไปสัมภาษณ์หน่อยนะคะ”
ใจหวานรีบห้าม
“เดี๋ยวก่อนนะคะ หมอยังห้ามเยี่ยมค่ะ”
“ตอนนี้อาการของดำเป็นยังไงบ้างคะ ทุกคนอยากรู้ค่ะ”
จอร์จกับไวภพและเดือนมองอย่างแปลกใจ เดือนรีบหลบไม่อยากเจอนักข่าว
“เราอย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้เลยนะคะ”
ไวภพหันไปบอกจอร์จฟัง
“เดือนไม่อยากเจอนักข่าวน่ะครับ”
จอร์จพยักหน้าเข้าใจ
“ไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมดำก็แล้วกันค่ะ”
“โอเคครับ เดี๋ยวผมจะบอกดำให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไว้เดือนจะมาเล่าทุกอย่างให้ดำฟังด้วยตัวเอง”
เดือนกับไวภพยกมือไหว้จอร์จแล้วเดินออกไป จอร์จมองเข้าไปอย่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น
บ่ายวันนั้น...ทั้งหมดอยู่ในห้องพักฟื้น ใจหวานบอกกับจอร์จและดำอย่างตื่นเต้น
“ตอนนี้ดำมันดังใหญ่แล้ว ทั้งในข่าวทีวีทั้งในอินเตอร์เน็ต ใครๆก็ชมมันว่ากล้าหาญมาก เอาตัวเสี่ยงชีวิตช่วยคนอื่นโดยไม่ห่วงตัวเองเลย”
จอร์จยิ้มปลื้มแทน หันไปมองดำที่รับฟังอย่างปลื้มใจเช่นกัน
“เธอกลายเป็นไอดอลของคนในสังคมไปแล้วนะดำ เห็นไหมว่าความดีที่เธอทำมันมีคนมองเห็นจริงๆ”
ใจหวานถามอย่างสงสัย
“ตอนเข้าไปช่วยพี่สาว แกคิดยังไงวะดำถึงกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้น”
“เพราะหนูนึกถึงคำพูดของลุงหวัดที่เคยสอนหนู...”
ดำยิ้มนึกถึงอดีต เธอนึกถึงคำพูดของลุงหวัด
‘สักวันนะดำ ถ้าหนูเป็นคนดี ก็ต้องมีใครเห็นคุณค่าของหนูจริงๆ เชื่อลุง แล้วหนูจะรู้ว่าความดีทำให้คนอื่นมองเห็นตัวหนูมากกว่าความสวยงามภายนอก’
“ตอนนั้นหนูไม่เชื่อลุงหวัดหรอก หนูคิดว่าอยากขาวอยากสวยเหมือนคนอื่นเป็นคนดีไปทำไม ไม่มีใครมองเห็น...” ดำหันมามองจอร์จ “แล้วหนูก็นึกถึงคำสอนของครูด้วยค่ะ”
ดำนึกถึงในอดีตที่เธอกับจอร์จคุยกันหน้าห้องเรียนมูลนิธิ
“ทุกคนเป็นคนสวยได้ ถ้าสวยมาจากข้างใน บางคนสวยแต่ทำตัวน่าเกลียดก็กลายเป็นไม่สวยแล้ว แต่ถ้าเธอเป็นคนดี ความสวยมันก็เปล่งประกายจากข้างในออกมา”
ดำทำปากยื่นปากยาว ไม่ค่อยเห็นด้วย
“คนดีสมัยนี้อยู่ได้เหรอครู โดนคนอื่นเอาเปรียบตาย”
“ก็เป็นคนดีที่ฉลาดสิดำ ต้องรู้ทันคนด้วย ใครที่คิดจะเอาเปรียบเราก็อยู่ห่างๆเขาซะ”
“บางทีหนูก็ห่างไม่ได้นะครู ต้องอยู่กันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หนูไม่มีวันเป็นคนสวยอย่างที่ครูว่าได้หรอก”
จอร์จถอนใจนิดๆกับความดื้อของดำ แต่ก็พูดต่ออย่างใจเย็น
“แค่เริ่มต้นทำดีกับคนที่เธอรักก่อน รับรองเธอจะต้องสวยขึ้นแน่ๆ ไม่เชื่อลองดูสิ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ดำพูด จอร์จยิ้มอย่างดีใจ
“ยังจำคำของฉันได้ด้วยเหรอดำ นึกว่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาซะแล้ว”
“จำได้สิคะ แต่ส่วนใหญ่หนูทำตามไม่ได้เท่านั้นเอง”
ใจหวานกับจอร์จหัวเราะขำ
“แต่ตอนนี้แกทำได้แล้ว แถมทำได้สุดยอดมากๆ”
ดำเขินๆ
“สถานการณ์มันบังคับด้วย ถ้าให้ไปเสี่ยงเหมือนเดิมอีกหนูอาจจะไม่กล้าแล้วก็ได้”
“เธอทำได้ดำ ครูมั่นใจว่าเธอต้องทำได้อีกแน่ เพราะมันมาจากข้างในตัวเธอ เธอทำมันจากใจจริงๆ”
ดำมองจอร์จอย่างรู้สึกขอบคุณ จอร์จจับมือเธอไว้อย่างให้ความมั่นใจ
จรูญศรีนั่งดูข่าวอยู่ในบ้าน ภาพข่าวในทีวี เป็นภาพดำตอนเข้าไปชาร์จตัวฤทัยเพื่อช่วยเดือน ตามด้วยภาพหนังสือพิมพ์ลงข่าวชื่นชมดำ เฟซบุ๊คที่โพสต์ภาพของดำและมีคนกดไลค์เป็นพัน เด็กทำผมทรงเดียวกับดำ แล้วถ่ายรูปลงติ๊กเกอร์ ข้อความ “ถึงตัวจะดำ แต่ขอทำดี” “ไม่สวยแล้วไง แต่ใจงาม” ผู้สื่อข่าวดำเนินรายการข่าว
“จากการที่ดำ หรือที่เราเคยรู้จักกันในนามมิสดอลลี่ เสี่ยงชีวิตกระโดดล็อคคอคนร้าย เพื่อช่วยชีวิตพี่สาวคนละพ่อของเธอ ในขณะที่พี่สาวถูกคนร้ายเมายาบ้าจับเป็นตัวประกันนั้น ทำให้ดำกลายเป็นกระแสในทุกสื่อเพียงชั่วข้ามคืน ดำได้รับความชื่นชมในความกล้าหาญและเสียสละ โดยไม่นึกถึงชีวิตตัวเอง แม้พี่สาวคนนี้จะเคยปฏิเสธความเป็นพี่น้องกับเธอมาก่อนก็ตาม...”
จรูญศรีกับโจ้ที่กำลังดูข่าว จรูญศรีโวยลั่น
“ต๊าย...อีนังดำนี่มันสร้างภาพชัดๆ ใครจะรู้ว่ามันเนรคุณคนที่เลี้ยงมันมาอย่างฉัน ดีนะที่ฉันอโหสิให้มัน นึกว่าทำบุญ ไม่งั้นจะแฉให้หมด ว่าเมื่อก่อนมันร้ายกาจยังไง”
“เดี๋ยวโจ้ช่วยแฉมันเองแม่ หมั่นไส้มัน”
“เอาเลยโจ้ จัดเต็มเลยลูกจ๋า”
“อีเดือนก็เหมือนกัน ทำแอ๊บเป็นคุณหนูสวยใสแสนดีมานาน ในที่สุดกำพืดก็โผล่ อยากรู้นักถ้าเปิดเทอมเจอกันจะทำหน้ายังไง”
“ถ้าเจอนังคุณนายเขมวรรณที่วัด จะไล่บี้ให้อับอายขายขี้หน้าซะ พอเราถามก็ไม่เคยยอมรับ เขาว่ากันว่า อีตาอธิบดีดนัยธรน่ะจะเอาเป็นเมีย เด็กถึงได้หาทางออกบ้าๆ ไปติดยา นังแม่มันก็ยังไม่ยอมรับความจริง”
สองแม่ลูกยิ้มหยัน เสียงแตรรถหน้าบ้านดังขึ้น จรูญศรีสงสัย
“ดึกป่านนี้แล้ว ใครมาอีกเนี่ย”
ทั้งสองมองไปหน้าบ้านอย่างแปลกใจ
โจ้กับจรูญศรีออกมาดูหน้าบ้าน
“ลูกจิ๋มนี่เอง”
จิ๋มร้องไห้เข้ามาหา พลางกรีดร้อง
“ฮือๆ ๆ แม่ จิ๋มไม่ยอม จิ๋มไม่ยอมจริงๆด้วย”
“จิ๋มเป็นอะไรไปลูก ทำไมมาเอามืดค่ำป่านนี้”
“ก็ไอ้แก่น่ะสิ จิ๋มจับได้ว่ามันแอบไปมีกิ๊กเป็นช่างทำผม”
จรูญศรีหน้าตื่น
“ว้าย...ตาเถรยายชี ลูกแม่สวยน่ารักขนาดนี้มันยังจะไปมีกิ๊กได้อีกเหรอตาต่ำจริงๆ”
“พอจิ๋มด่ามัน มันก็เลยตบจิ๋ม แล้วไล่จิ๋มออกจากบ้าน”
จรูญศรีโกรธมาก
“ไอ้เสี่ยชั่ว แม่จะไปด่ามัน”
“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้แม่ วันนี้จิ๋มไม่อยากเจอหน้ามันอีก”
โจ้เหลือบมองจิ๋มอย่างสมเพช
“ทียัยจิ๋มยังแอบไปแรดกับหนุ่มๆ ได้เลย ลูกเต้าไม่สนใจเลี้ยง”
“อีพี่โจ้ ไอ้ชั่วไอ้เลว ฉันเป็นน้องแกนะ”
จิ๋มเข้ามาทุบตีอย่างโมโห โจ้ปัดป้อง
“เฮ้ย..นังจิ๋ม เดี๋ยวมึงโดนหรอก”
โจ้ผลักออก จนจิ๋มเซไป
“แม่ดูไอ้โจ้สิ”
จรูญศรีดุโจ้
“แกนี่มันชอบว่าน้องนักนะโจ้ แทนที่จะช่วยกันปลอบใจ”
“ก็พูดความจริงนี่”
โจ้ทำลอยหน้าลอยตา จิ๋มมองแค้นๆ จรูญศรีได้แต่กอดปลอบลูกสาว
เขมวรรณพาเดือนเข้ามาในห้องพักแห่งหนึ่ง
“คอนโดของเพื่อนแม่ ซื้อไว้ให้คนเช่า แต่ตอนนี้คนเช่าเพิ่งย้ายออกไป หนูอยู่ที่นี่ไปก่อนนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะคุณแม่ ขอบคุณที่ช่วยเดือนมาตลอด”
เขมวรรณลูบผม ลูบหลังเดือนอย่างห่วงใย
“อยู่ข้างนอกลำบากหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ เดือนสบายใจมากกว่า”
“แม่อยากให้หนูกลับไปอยู่ที่บ้านเราเหมือนเดิม”
“หนู...หนูไม่อยากกลับไปอยู่ที่นั่นอีกแล้วค่ะ”
“เดือน...ลูกจะเล่าให้แม่ฟังได้หรือยัง ว่าทำไมถึงหนีออกจากบ้าน”
เดือนอึ้งไป ไม่อยากเล่าแต่คิดไม่ออกว่าจะปิดบังอย่างไร ถึงกับหน้าถอดสี
“คือ...”
เดือนกลั้นน้ำตา เขมวรรณลูบผม
“ไม่พอใจอะไรใครเหรอลูก”
เดือนเสียงสั่นเครือ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เดือน...เดือนแค่...อยากจะออกมาอยู่ข้างนอก”
“แค่นั้นเองเหรอ แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้าน”
“เดือน...เดือนขอโทษค่ะ เดือนไม่กล้ากลับไปอีกแล้ว”
เดือนร้องไห้โฮออกมา เขมวรรณเริ่มกลัวความจริง ถ้าเดือนเล่าแล้วทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิม
“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่านะจ๊ะ แม่เข้าใจ”
“ค่ะคุณแม่ เดือนขอไปเรียนต่อเมืองนอกได้ไหมคะ”
เขมวรรณมองหน้าเดือนแปลกใจ
“ทำไมล่ะเดือน ลูกเรียนปีสองแล้วนะจ๊ะ”
“เดือนอยากขอเวลาทำใจเรื่องบางเรื่องค่ะ”
เขมวรรณพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้าลูกอยากไปแม่จะส่งไปเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
เขมวรรณกอดไว้ เดือนสะอื้นฮัก เขมวรรณสะเทือนใจอยู่ลึกๆ ด้วยความแน่ใจว่าสิ่งที่เธอสงสัยเรื่องเดือนกับดนัยธรอาจจะเป็นจริง
เขมวรรณกลับมาบ้าน ดนัยธรเข้ามาถามอย่างร้อนใจ
“ไปเจอยัยเดือนมาเป็นยังไงบ้าง”
“แกไม่อยากกลับมาอยู่ที่บ้านค่ะ”
ดนัยธรหงุดหงิดทันที
“เป็นอะไรนักหนา บ้านช่องตัวเองมีทำไมไม่อยากกลับ มันไปอยู่กับผู้ชายล่ะสิ เห็นไหมล่ะ เด็กสมัยนี้มันใจแตกใจง่าย ไม่ทันไรก็มีผัวแล้ว...”
เขมวรรณแทรกขึ้นอย่างทนไม่ไหว
“คุณก็น่าจะรู้นี่คะว่า ทำไมเดือนถึงไม่อยากกลับมาอยู่บ้าน”
ดนัยธรชะงัก เขมวรรณมองหน้าสามีด้วยสายตาที่ทั้งเสียใจและโกรธ ดนัยธรอึ้งไป เขมวรรณน้ำตาคลอ
“ฉันจะส่งยัยเดือนไปเรียนเมืองนอก แกจะได้ไปให้ไกลๆ จากสิ่งแวดล้อมแย่ๆ ที่คอยทำร้ายหัวใจแกมาตลอด”
ดนัยธรสะอึก
“เข็ม...”
ดนัยธรไม่อยากให้เดือนไป อยากจะขอโทษภรรยาแต่พูดอะไรไม่ออก เขมวรรณเดินออกไป เขามองตามอย่างเสียใจ
ข้าวนอกนา ตอนที่ 28
วันใหม่...จ้อยอยู่ในห้องทำงานที่บ้านกดเครื่องคิดเลขไม่ลงตัว
“อะไรวะเนี่ย”
จ้อยปาเครื่องคิดเลขไปเกือบโดนหัวจรูญศรีที่เข้ามา
“ว้าย...อะไรกันยัยจ้อย เครื่องพังหมดแล้ว”
“พังก็พังสิแม่ ดันคิดออกมาไม่ลงตัวสักที”
“อ้าว...เครื่องเสียก็ซื้อใหม่สิ จะใช้ของพังๆอยู่ทำไม”
“เครื่องมันยังไม่พังหรอกแม่ แต่หัวหนูจะพังซะก่อน”
จรูญศรีสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น”
“ก็ที่ผับน่ะสิแม่ นักร้องลาออกไปเกือบหมด เหลืออยู่ไม่กี่คน”
“แกก็จ้างคนใหม่สิ เดี๋ยวนี้นักร้องมีเยอะแยะ ใครๆ ก็อยากเป็นนักร้องกันทั้งนั้น”
“แต่ที่ร้องดีจริงๆ ไม่ค่อยมีหรอก แล้วตอนนี้ก็ไม่มีเงินจ้างแล้วด้วย พอนักร้องเก่าๆ ลาออกไป ลูกค้าเลยหายไปหมด ทำโปรโมชั่นแล้วยอดก็ยังไม่เพิ่ม”
จรูญศรีเข้าไปเอามือทาบไหล่ลูกสาวไว้
“ใจเย็นๆ ยัยจ้อย ค่อยๆ หาทางแก้ไป เดี๋ยวแม่จะพาแกไปให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์สะเดาะเคราห์ซะหน่อย เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น”
“หนูขอยืมตังค์แม่มาหมุนหน่อยสิ”
จรูญศรีชะงัก เอามือออกทันที
“โอ๊ย...แม่ไม่มีเงินให้แกยืมหรอก อู่แม่ก็เลิกทำมาหลายปีแล้ว ตอนนี้กินบุญเก่าอย่างเดียว”
“โอ๊ย...อะไรก็ช่วยไม่ได้ งั้นหนูหาทางออกเองก็แล้วกัน”
จ้อยทำท่ากุมขมับ จรูญศรีมองกลุ้มๆ
ใจหวานกับซูซี่ช่วยดำเก็บของอยู่ในห้องพักไข้ จอร์จช่วยดูคิวให้ดำในสมุด
“พรุ่งนี้เที่ยง คุณสรวิทย์ขอสัมภาษณ์สดในรายการข่าวร้อยแปด หกโมงเย็น ไปอัดรายการตีสิบสอง มะรืนสิบเอ็ดโมงมีนัดไปออกข่าวเข้มข้น สี่โมงไปคุยสดรายการคนทำดี ส่วนของวันมะเลื่องนี่...ไว้ค่อยบอกอีกทีก็แล้วกัน เธอคงจำได้ไม่หมด”
ใจหวานอึ้งๆ
“โอ้โห...ดำคิวยาวไปถึงปีหน้าเลยนะเนี่ย”
ดำเขินๆ
“เว่อร์แล้วพี่หวาน”
ซูซี่ชื่นชม
“ตอนนี้ดำดังยิ่งกว่าซุปเปอร์สตาร์ซะอีก”
จอร์จหันมาบอก
“ฉันพยายามไม่รับคิวเช้านักนะ เพราะดำต้องพักผ่อนมากๆ อ้อ...แล้วดำหายดีเมื่อไร มีร้านอาหารกับโรงแรมจองตัวไปร้องเพลงตามลิสท์ที่ฉันให้ดูไปแล้ว”
ดำลังเล
“หนูเลือกไม่ถูกเลย ว่าจะไปร้องที่ไหนดี แต่ละที่หรูๆ ทั้งนั้นเลย หนูทำตัวไม่ถูก”
“ก็เป็นตัวของเธอเองนั่นแหละดำ ดีที่สุดแล้ว”
“อย่างนี้เรียกว่า ไม่สวยก็เลือกได้”
ดำเหล่ใจหวานกับคำว่าไม่สวย ใจหวานรีบแก้
“เอ้าๆ สวยเลือกได้ก็ได้ โอกาสแกมาถึงแล้วนะดำ รีบคว้าไว้เถอะ”
ดำกำหมัดแน่นอย่างพร้อมสู้เต็มที่
“หนูพร้อมแล้วค่ะ”
ใจหวานกับซูซี่เก็บของเสร็จ ซูซี่ยิ้มให้กำลังใจ
“ไป...พร้อมไปเผชิญโอกาสแล้วนะดำ”
จอร์จช่วยประคองดำลงจากเตียง ทั้งหมดพากันออกไป
จอร์จเปิดประตูพาดำออกมา แต่แล้วก็ต้องผงะเมื่อมีแสงแฟลชวูบวาบเข้าหน้า แฟนคลับหลายคนเอาดอกไม้มาให้กำลังใจดำ
“พี่ดำคะ พี่เก่งจริงๆ ค่ะ หนูดูข่าวแล้วอยากเป็นอย่างพี่”
“จิ๊บบี้ก็จะทำตามแบบพี่ดำ พี่ดำเป็นไอดอลของหนูเลยนะคะ”
ดำยิ้มให้กับทุกคนแม้จะยังงงงๆ อยู่ จอร์จ ใจหวาน ซูซี่ ยิ้มมองหน้ากันขำๆ นักข่าว 4-5 คนกรูกันเข้ามาสัมภาษณ์
“น้องดำอาการเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็...ยังเจ็บแผลนิดหน่อยค่ะ แต่อย่างอื่นหายดีแล้ว”
“ออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะทำอะไรต่อคะ”
“คิดว่าจะกลับไปร้องเพลงต่อค่ะ”
“ได้ข่าวว่ามีค่ายเพลงติดต่อให้ไปออกอัลบั้มด้วย น้องดำตัดสินใจยังไงคะ”
“หนูยังไม่ทราบรายละเอียดค่ะ คงต้องคุยกันอีกที”
“ได้เจอกับพี่สาวบ้างหรือเปล่าคะ”
“ยังเลยค่ะ”
เดือนกับไวภพหลบอยู่มุมหนึ่ง
“มาทีไรเจอนักข่าวทุกทีเลย”
“เราไปเยี่ยมดำที่อพาร์ตเมนท์ก็ได้นี่ครับ”
“เดือนต้องเตรียมตัวไปเรียนต่อแล้ว ไม่รู้จะได้เจอดำอีกเมื่อไร ถ้าเราหนีก็ต้องหนีตลอดไป”
เดือนตัดสินใจเข้าหาดำ ไวภพยิ้มแล้วตามไป
ดำยังตอบคำถามนักข่าวที่รุมสัมภาษณ์
“...ตอนนี้ยังไม่คิดอะไรค่ะ ขอกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วค่อยดูอีกทีค่ะ...”
ดำมองไป เห็นเดือนเข้ามาหาก็ดีใจ
“พี่เดือน...”
“ดำ...”
เดือนเข้ามาหาดำ นักข่าวแหวกทางให้ แล้วถ่ายรูปไว้ เดือนเดินเข้าหาดำอย่างสง่าผ่าเผยเข้ามาจับมือดำไว้
“ดำเป็นยังไงบ้าง”
“ครูจอร์จเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วนะ ขอบใจนะที่ช่วยให้เลือดฉัน”
“พี่ต้องขอบใจดำมากกว่า ถ้าไม่ได้ดำช่วย พี่อาจจะไม่รอด”
“ก็เราสองคนเป็นพี่น้องกันนี่”
เดือนกอดดำไว้
“ดำน้องพี่ พี่จะไม่ทิ้งดำอีกแล้วนะ”
นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์เดือน
“น้องเดือนยอมรับแล้วเหรอคะ ว่าเป็นพี่สาวของดำ”
“ใช่ค่ะ เดือนขอประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเดือนเป็นพี่สาวแท้ๆ ของดำค่ะ”
“แล้วทำไมที่ผ่านมาถึงปฏิเสธมาตลอดคะ”
เดือนอึกอักคิดหาคำตอบที่เหมาะสม กำลังจะพูด แต่ดำบีบมือเดือนให้สัญญาณ แล้วช่วยตอบแทน
“หนูเองล่ะค่ะ ทำให้พี่เดือนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคนมาสวมรอยเป็นน้องสาว เพราะหนูจำเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับตัวพี่เดือนผิดไป”
เดือนแย้ง
“เดือนเองนั่นแหละที่...”
ดำแทรกขึ้น
“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงเราสองคนนะคะ หลังจากนี้เราจะติดต่อกันเสมอ หนูดีใจที่ได้มีครอบครัวอย่างคนอื่นเขาแล้ว และครอบครัวนี้ก็เป็นพี่สาวที่หนูรักมากด้วย”
ดำพยักหน้ายิ้มให้เดือน
“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา และขอบใจดำสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อพี่พี่ก็รักดำนะ”
สองพี่น้องกอดกันแน่น นักข่าวถ่ายรูปนั้นไว้ ทุกคนมองทั้งสองอย่างปลาบปลื้มใจ
ภาพของดำกับเดือนกลายเป็นภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ พาดหัว
“พี่สาวมิสดอลลี่ยอมรับ เป็นน้องสาวจริง...แฮปปี้เอ็นดิ้ง พี่สาวไฮโซยอมรับดำเป็นน้อง”
ดำได้ออกรายการทีวี พิธีกรดำเนินรายการ
“ในที่สุดเรื่องราวของดำหรือดลินก็จบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งนะคะ ดำกับแม่เคยออกรายการตามหาพี่สาวที่ชื่อเดือน วันนี้ดำกับเดือนก็ได้พบกันแล้วเดือนยอมรับว่า ที่ผ่านมาเธอไม่กล้ายอมรับดำว่าเป็นน้องเพราะห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง แต่ความดีของดำทำให้เธอยอมรับและรักน้องคนนี้อย่างสุดหัวใจ และดำกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่สวยมาจากข้างใน เป็นไอดอลของวัยรุ่นหลายๆ คนในยุคนี้ ขอเชิญพบกับดำหรือดลินได้เลยค่ะ”
ดำในชุดสวยออกมาสวัสดีและโบกมือผู้ชม เสียงผู้ชมตบมือกึกก้อง จอร์จอยู่ในกลุ่มผู้ชมนั้นด้วย ดำสบตากับเขา จอร์จยกนิ้วให้กำลังใจ
ดำออกมาจากห้ออัดหลังจากอัดรายการเสร็จแล้ว เธอมาหาจอร์จที่รออยู่
“เป็นไงบ้างคะครู”
“ดำตอบได้ดีมาก”
“ก็ตอบตามที่ครูสอนมา ครูไม่ผิดหวังในตัวหนูแล้วใช่ไหมคะ”
จอร์จจับไหล่ทั้งสองข้างของดำไว้
“ไม่เลย ครูภูมิใจในตัวเธอด้วยซ้ำ”
ดำมองจอร์จอย่างซึ้งใจ
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครูช่วยหนูทำไม ทำไมต้องทำดีกับหนูขนาดนี้”
“ฉันช่วยเธอเพราะอยากให้เธอได้ช่วยคนอื่นๆ”
“หนูจะช่วยคนอื่นได้ยังไง ลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย”
“ถ้าเธอทำให้ชีวิตตัวเองประสบความสำเร็จได้ ถึงเวลานั้นก็จะรู้ว่าจะช่วยใครต่อใครได้ยังไง”
ดำมองจอร์จอย่างประทับใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่
เขมวรรณพาเดือนเข้ามาในบ้าน
“เดี๋ยวแม่ให้ไพไปช่วยเก็บของนะจ๊ะ”
เดือนรับคำ ขจิตเดินเข้ามา เดือนเข้าไปไหว้
“คุณยายขา หนูคิดถึงคุณยายจังค่ะ”
ขจิตประคองแขนสองข้างของเดือนขึ้นมา แล้วโอบไว้
“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะหลานยาย”
“หนูขอโทษนะคะที่ทำให้คุณยายเป็นห่วง”
“เอาเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ทุกคนในโลกต้องรู้จักผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น”
“คุณยายคะ...เดือนรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรควรไม่ควร แต่...คนเรา...บางทีก็...อยากจะทำผิดๆ เหมือนกัน เพราะ...เพราะ...”
“ยายรู้เดือน ยายรู้ว่าหนูรู้สึกยังไง เสียใจยังไง ไม่เฉพาะแต่หนูกับแม่หรอก ยายเองก็เหมือนกัน แต่...นั่นแหละ ยายว่าหนูยังมีโอกาสประคับประคองตัวเองต่อไปอีกได้”
เขมวรรณเข้ามาปลอบ
“ถึงอะไรๆ มันจะเปลี่ยนไปบ้าง แม่กับยายก็ไม่ทิ้งหนูหรอกเดือน”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ คุณยาย”
เดือนเข้าไปกอดแม่กับยายไว้ ดนัยธรเดินเข้ามาเห็นก็ชะงัก เดือนเงยหน้าเห็น
“คุณพ่อ...”
ดนัยธรเดินออกไปอย่างรู้สึกผิด
เดือนเข้ามาหาดนัยธร
“คุณพ่อขา”
ดนัยธรหยุดมอง เดือนยกมือไหว้
“เดือน...พ่อขอโทษ ขอโทษสำหรับเรื่องบ้าๆ ที่ทำลงไป”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ เดือนไม่เคยถือโทษโกรธคุณพ่อเลย เดือนต้องขอบคุณคุณพ่อที่เลี้ยงดูเดือนมาตลอด”
“กลับมาอยู่บ้านนะเดือน พ่ออยากให้บ้านเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือน...ตอนที่เดือนยังเด็กๆ”
เดือนมองดนัยธรน้ำตาคลอ
“เดือนขอไปเรียนต่อก่อนนะคะคุณพ่อ แล้วเดือนจะกลับมาเป็นลูกของคุณพ่ออีกครั้ง”
ดนัยธรพยักหน้าอย่างยอมรับ
“ทุกอย่างก็แล้วแต่ลูกเถอะ ขอให้ลูกโชคดีนะเดือน พ่อจะรอวันที่ลูกสำเร็จกลับมา”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
เดือนก้มลงกราบ ดนัยธรน้ำตาคลอประคองให้ลุกขึ้น เขมวรรณกับขจิตยืนมองอยู่ ขจิตลูบหลังปลอบเขมวรรณว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้ว
อ่านต่อเวลา 09.00 น.
ข้าวนอกนา ตอนที่ 28 (ต่อ)
จรูญศรีกลับเข้ามาในบ้านกับโจ้และจิ๋ม ปากบ่นอุบหลังจากไปด่าเสี่ยกลับมา
“โอ๊ย...ไอ้เสี่ยเวรนั่นมันเลวที่สุด หาว่าลูกจิ๋มมีชู้ มันเลยไปมีกิ๊กบ้าง ไม่มีความรับผิดชอบ ผู้ชายนี่มันเลวจริงๆ”
“อ้าว...แม่ นี่เท่ากับด่าโจ้ด้วยนะ”
“จ้าๆ ยกเว้นลูกโจ้คนนึง” จรูญศรีประคองหน้าลูกชาย “โจ้ของแม่น่ารักที่สุด”
“จิ๋มไม่กลับไปอยู่กับมันแล้วนะแม่ จิ๋มจะขอหย่า”
จรูญศรีรีบห้าม
“ใจเย็นๆ ลูกจิ๋ม หย่าแล้วจิ๋มจะเลี้ยงจัมโบ้ยังไง”
“ก็ให้ไอ้เสี่ยมันเลี้ยงไปสิ”
โจ้กระซิบ
“แต่อย่าลืมนะว่าจัมโบ้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเสี่ย”
จิ๋มกระทืบเท้าโวยวาย
“ไม่ใช่ก็ช่างมันสิ จิ๋มไม่อยากได้มาตั้งแต่แรกแล้ว จะไปเอาออกแม่ก็ห้าม”
จรูญศรีหน้าตื่น
“จุ๊ๆๆ อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวคนอื่นได้ยินก็รู้กันหมดหรอก”
“แม่รับเลี้ยงไอ้จัมโบ้มันเองก็แล้วกัน ทั้งดื้อทั้งซนยังกะลิง เอาแต่ใจตัวเอง จิ๋มไม่อยากเลี้ยงแล้ว”
จรูญศรีหนักใจ
“งั้นแกก็ต้องหัดทำงานบ้าง เอาเงินมาส่งเสียไอ้จัมโบ้มัน ไปช่วยจ้อยมันที่ผับก็ได้”
“ไม่เอาๆ จิ๋มไม่อยากทำงานกลางคืนทุเรศๆ แบบนั้น”
จิ๋มรีบเดินเข้าบ้าน จรูญศรีตามไป โจ้มองตามเซ็งๆ
“เดี๋ยวสิลูกจิ๋ม ลูก...”
แต่แล้วทั้งสามก็หยุดกึก มองไปที่รถซึ่งจอดอยู่ จรูญศรีแปลกใจ
“เอ๊ะ...ใครมาบ้านเราเนี่ย แล้วยัยจ้อยยังไม่ไปผับอีกเหรอ”
จรูญศรีมองเข้าไปในบ้านอย่างแปลกใจ
โจ้ จรูญศรีกับจิ๋มเข้ามาในบ้าน เห็นชาย 3 คนกำลังหยิบของในบ้านมาดู และจดใส่กระดาษ จรูญศรีหน้าตื่นตกใจ
“ว้าย...ไอ้หัวขโมย โจ้จัดการ”
ชายทั้งสามหันมาตกใจ แต่ยังไม่ทันอธิบายอะไร จรูญศรีก็หยิบไม้กวาดใกล้มือไปไล่ตี
“ไปให้พ้นนะ ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจ”
โจ้เข้าไปล็อคคอชายอีกคนไว้ แล้วเตะต่อย ชายอีกคนเข้ามาช่วยห้าม
“เดี๋ยวครับคุณนาย พวกเราไม่ใช่ขโมยครับ”
“ยังจะโกหกอีก” จรูญศรีสั่งจิ๋ม “หนีไปแล้วโทรเรียกตำรวจเลยจิ๋ม”
จิ๋มทำท่าจะออกไป จรูญศรียังไล่ตีชายทั้งสาม โจ้ไล่เตะเจ้าหน้าที่ จ้อยรีบออกมาห้าม
“โจ้อย่า...พอแล้วแม่ เขาเป็นเจ้าหน้าที่แบงก์ ไม่ใช่ขโมยหรอก”
โจ้ จรูญศรี จิ๋มชะงัก มองหน้าจ้อยงงๆ
“เจ้าหน้าที่แบงก์มาทำอะไรที่นี่”
จ้อยอึกอัก เจ้าหน้าที่ออกมาอธิบาย
“เราจำเป็นต้องเข้ามาตรวจสอบบ้านกับทรัพย์สินภายในบ้าน เพื่อประเมินราคาครับ เพราะคุณจำแลงศรี ได้นำบ้านและที่ดินไปจำนองกับธนาคารไว้”
“ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง” จรูญศรีมอหน้าจ้อย “แกเอาบ้านไปจำนองไว้ตั้งแต่เมื่อไร”
จ้อยหน้าเจื่อน
“ก็ตอนที่ผับขาดทุนสิแม่ จ้อยเลยต้องเอาบ้านไปจำนอง เอาเงินมาหมุนก่อน”
จรูญศรีถึงกับเซ
“หา...นังจ้อย ทำไมถึงทำแบบนี้”
“ก็แม่ไม่ยอมช่วยจ้อย จะให้จ้อยทำยังไง”
โจ้ตะลึง
“หมายความว่า...แบงก์จะมายึดบ้านเราเหรอ”
จิ๋มตกใจ
“เราจะไม่มีที่อยู่กันแล้วเหรอแม่”
จรูญศรีโวยวาย
“ไม่ได้นะจ้อย แม่ไม่ยอม แกเอาบ้านคืนมา”
จ้อยหน้าสลด
“มันสายไปแล้วแม่”
จรูญศรีเซอีกที โจ้เข้าไปประคองไว้ เสียงกริ่งดังขึ้น
“ใครมาอีกล่ะเนี่ย โจ้ไปดูทีซิใครมา”
โจ้ออกไปอย่างหงุดหงิด
โจ้ออกมาหน้ารั้วบ้านชะงักตกใจเมื่อพบว่าคนที่มากดกริ่งเป็นตำรวจ
“มาหาใครครับ”
“เรามาขอพบคุณเจริญศักดิ์ครับ”
“ผมเอง มีอะไรครับคุณตำรวจ”
ในบ้าน...จรูญศรียังโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ธนาคารและจ้อย
“ไม่ได้นะ จะยึดบ้านนี้ไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม”
เสียงโจ้ดังเข้ามา
“แม่... ช่วยโจ้ด้วยแม่”
จรูญศรีตกใจเมื่อได้ยินเสียงโจ้
“อะไรกันอีกเนี่ย ใครทำอะไรลูกโจ้”
จรูญศรีรีบออกไป พอเห็นตำรวจก็ดีใจ นึกว่ามาเพราะจิ๋มโทรเรียก
“คุณตำรวจนี่เอง มาเร็วทันใจจริง เข้าไปจับพวกมันเลยค่ะ พวกมันบุกรุกบ้านฉัน”
จรูญศรีเปิดประตูให้ โจ้หน้าซีด
“แม่...อย่าแม่”
“ให้มันเข้าไปจับไอ้พวกนั้น”
ตำรวจเข้ามาจับกุมตัวโจ้ไว้ จรูญศรีรีบบอก
“ไม่ใช่คนนี้ค่ะคุณตำรวจ คนร้ายอยู่ข้างใน เข้าไปจับมันเลย”
ตำรวจชี้โจ้
“คนนี้คือคุณเจริญศักดิ์ใช่ไหมครับ”
จรูญศรีพยักหน้า
“ชะ...ใช่ค่ะ”
“งั้นเราจับถูกคนแล้วครับ เรามีหลักฐานคลิปที่คุณเจริญศักดิ์พยายามข่มขืนผู้หญิงคนนึงในคอนโดของเขา”
จรูญศรีชะงักอึ้ง
“คลิปอะไรกันโจ้ แกไปทำอะไรใคร”
“โจ้...เอามือถือไปซ่อม รูปที่โจ้ถ่ายคลิปกับเดือนมันก็เลยหลุดไป”
จรูญศรีถึงกับเป็นลมล้มพับลงไป โจ้รีบเข้าไปประคอง
“โธ่...แม่ แล้วใครจะช่วยโจ้
วันใหม่...ไวภพจูงมือเดือนมาตามทางในสวนของหมู่บ้าน
“ไวไม่อยากให้เดือนไปเลย เดือนเรียนที่นี่อีกสองปีก็จบแล้ว ทำไมต้องไปด้วย”
“เดือนตัดสินใจแล้วค่ะ บางทีเวลาอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของเราสองคนได้นะคะ”
ไวภพกุมมือเดือนไว้
“ไม่ว่าเดือนจะเป็นยังไง เป็นใครมาจากไหนก็ไม่สำคัญ ไวรักเดือนเพราะตัวเดือน ไม่ใช่อย่างอื่น”
“แล้วพ่อแม่ไวละคะ”
“ไวจะทำให้ท่านยอมรับเดือนให้ได้”
“งั้นไวก็รอเดือนได้นะคะ”
“ถ้าต้องรอผมก็จะรอครับ แล้วเดือนล่ะ”
“เดือนจะกลับมาพร้อมกับ...ใบปริญญา รับรองจะไม่มีคนอื่น”
“สัญญาแล้วนะ”
“สัญญาสิคะ แล้วไวล่ะ”
“ผมสัญญาว่าเรียนจบแล้วจะตามเดือนไปเรียนต่อโทที่นั่น ดีไหม”
“ดีค่ะ”
ไวภพกับเดือนเกี่ยวก้อยสัญญากัน ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้แน่น เธอซบลงกับอกของเขาอย่างรู้สึกอบอุ่นและมั่นคงกว่าเคย
ดำเข้ามาในคลินิก
“พี่หวาน หนูกลับมาแล้ว ครูจอร์จอยู่หรือเปล่า”
ใจหวานกำลังเก็บของ
“อ้าว...ข้าวของหายไปไหนหมด หนูไปทัวร์คอนเสิร์ตแป๊บเดียวจะย้ายคลินิกเลยเหรอ”
“ครูจอร์จไปฟิลิปปินส์แล้ว”
“ไปเที่ยวเหรอพี่หวาน ไม่เห็นบอกหนูเลย”
“เปล่า เขาได้งานใหม่เป็นอาสาสมัครที่นั่น”
ดำตกใจ
“อะไรนะ”
“ครูจอร์จกำลังจะย้ายไปอยู่ฟิลิปปินส์เดือนหน้า ไปนานตั้งสองปีแน่ะ”
ดำ รู้สึกเหมือนโลกจะถล่ม ถามใจหวานย้ำด้วยเสียงที่เปล่งออกมายากเย็น
“สองปีเลยเหรอ”
“ใช่ เขาต้องไปประจำที่นั่นสองปี”
ดำกล้ำกลืนก้อนแข็งๆที่จุกคอหอยขึ้นมา
“ทำไมไปนานจัง ไม่เห็นเขาบอกหนูเลย”
ดำน้ำตาไหลออกมาอย่างเสียใจ ใจหวานเข้ามาลูบหลังปลอบและกอดดำไว้
“แกโตแล้วนะดำ ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละดำเอ๊ย ที่ผ่านมาแกก็ไม่ได้คิดอะไรกับหมอจอร์จไม่ใช่เหรอ”
“อย่างน้อยเขาน่าจะบอกหนูบ้าง ครูจอร์จใจร้าย ใจร้ายที่สุด”
ดำยังอึ้ง ใจหวานมองอย่างสงสาร
อัลบั้ม “ไม่สวยแล้วไง” ของดำออกวางแผง...ดำให้สัมภาษณ์ออกรายการต่างๆ พร้อมโปรโมทอัลบั้มเพลง “ไม่สวยแล้วไง” ของดำ ดลิน ฮิตติดชาร์จขึ้นอันดับหนึ่งของรายการวิทยุสี่สัปดาห์ติดต่อกัน...ดำร้องเพลงออกคอนเสิร์ต มีแฟนคลับถือป้ายไฟตามเชียร์ ดำลงมาด้านล่างเวที แจกลายเซ็นกับแฟนคลับ
ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...เด็กนั่งฟังดำร้องเพลงอย่างตั้งใจและมีความสุข ด้านหลังจอร์จเดินมาหยุดอยู่ในมุมมืด ฟังดำร้องเพลงอย่างตั้งใจ ดำร้องจนจบ ได้รับเสียงตบมือกึกก้องชอบใจ เธอโค้งให้คนดู
“ขอให้น้องๆ ทุกคนตั้งใจเรียนหนังสือ และทำตัวเป็นเด็กดีนะคะ ถ้าอยากเป็นอะไรก็พยายามไปให้สุดฝัน ทำให้เต็มที่ ไม่มีอะไรยากเกินไปหรอกค่ะถ้าเราตั้งใจ ถึงแม้เราจะไม่มีครอบครัวเหมือนอย่างคนอื่น แต่เราก็ทำตัวของเราให้ดีกว่าคนอื่นได้ ซักวันต้องเป็นวันของเรา พี่ดำจะเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆ ค่ะ”
ทุกคนตบมือให้ จอร์จยิ้มชื่นชมแอบปลื้มที่ดำเอาคำสอนของตนมาสอนน้องๆ ดำมองไปรอบๆ ก็เห็นจอร์จซึ่งยืนอยู่ในมุมสว่างเล็กน้อย เธอชะงักกึก เขม้นมองจนแน่ใจ
“ครูจอร์จ...”
ดำรีบลงจากเวทีทันที วิ่งฝ่าผู้คนออกไปหาจนถึงที่เห็นเขายืนอยู่
“ครูจอร์จคะ”
ดำเข้าไปแตะบ่าชายคนหนึ่งที่ยืนหันหลังอยู่และคล้ายจอร์จ แต่พอเขาหันมาเธอก็ผิดหวัง เพราะกลายเป็นชายอื่นที่ไม่ใช่จอร์จ
“ขอโทษค่ะ”
ดำมองหาอย่างเศร้า
ดำเดินออกมา จะขึ้นรถตัวเองกลับบ้าน รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบ ดำพยายามโบกมือไล่ให้ไป แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่เสียงแตรรถคันนั้นดัง ดำชะงักหันไปมองอย่างไม่แน่ใจ จอร์จลงมาจากรถ ผายมือให้ดำเข้าไปนั่งข้างเขา ดำตะโกนลั่นออกมาอย่างดีใจ
“ครูจอร์จ...”
จอร์จยิ้มให้ ดำโผเข้าไปกอดอย่างดีใจ ละล่ำละลักถาม
“ครู...กลับมา...แล้วเหรอคะ ครูจอร์จตัวจริงใช่ไหม”
“ฉันกลับมาหาเธอไงล่ะ”
ดำมองหน้าจอร์จงงๆ น้ำตาไหลออกมา
“อย่ามาหลอกหนูเลย ไหนพี่หวานบอกว่าจะไปสองปี”
“หวานคงล้อเธอเล่นละมั้ง”
“อย่าไปอีกนะคะครู อย่าทิ้งหนูไปอีกนะ”
ดำโผเข้ากอดเขาอีกครั้ง จอร์จกอดตอบอย่างอ่อนโยน
เย็นนั้น จอร์จจูงมือดำมาถึงริมน้ำ มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
“ที่จริงฉันไม่ได้ไปไหนไกลหรอกนะ แค่ไปสอนหนังสือเด็กกับเป็นหมออาสาสมัครที่ชายแดน แต่อยากทดสอบเธอว่าจะคิดถึงฉันบ้างไหม”
ดำหยิกเขาเบาๆ
“ทดสอบอะไรนักหนา หนูหัวใจจะวาย”
“คนอย่างเธอมีหัวใจด้วยเหรอ”
ดำเข้าใจคำตัดพ้อของเขา
“มีสิคะ หนูเพิ่งรู้ใจตัวเองตอนครูไป ก่อนหน้านั้น หนูไม่กล้ารักใครอีกเพราะกลัวจะผิดหวังเหมือนที่ผ่านมา”
“ถ้ามัวแต่กลัวผิดหวัง เธอก็จะไม่สมหวังหรอกนะ เพราะสองอย่างนี้มันมักจะมาคู่กันเสมอ”
“ก็หนูมักจะผิดหวังมากกว่าสมหวังนี่”
“แต่ตอนนี้เธอสมหวังเกือบทุกอย่างแล้ว เพราะเธอมีความพยายาม”
“หนูทำตามที่ครูสอนแล้วด้วยนะคะ ในที่สุดหนูก็มีโอกาสทำอะไรที่ดีให้คนอื่นๆที่เกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจอย่างหนู”
“ครูภูมิใจในตัวเธอจริงๆ ดำ”
“ครูอย่าทิ้งหนูไปอีก คอยเป็นกำลังใจให้หนูต่อไปนะคะ”
จอร์จกอดดำไว้แทนคำตอบ เธอซบลงกับไหล่ของเขาอย่างรู้สึกอบอุ่นใจ ที่รู้ว่าต่อจากนี้เธอจะไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว แต่จะมีเขาอยู่เคียงข้างตลอดไป
จบบริบูรณ์