xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวนอกนา ตอนที่ 21 - 22

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข้าวนอกนา ตอนที่ 21

ออยร้องเพลงอยู่บนเวที ทำท่าเซ็กซี่เรียกแขก แขกเข้ามาทิปออยแบบจัดหนัก ดำขึ้นไปหา

“อีออย มึงกับกูต้องเจอกัน”
ออยมองดำงงๆ ดำตบหน้าออยฉาดใหญ่
“อีดำ มึงตบกูทำไม”
แขกในผับทั้งตกใจทั้งฮือฮา
“เฮ้ย...มีโชว์ตบให้ดูด้วยว่ะ”
ดำชี้หน้าออย
“มึงแกล้งหักรองเท้ากู ทำให้พี่หวานแท้ง”
ดำตบออยอีกฉาดใหญ่ ออยตบดำกลับ แต่เจอดำถีบจนล้มโครม
“รู้แล้วใช่ไหม รสชาติของคนล้มมันเป็นยังไง”
ดำจะเข้าไปกระทืบออยซ้ำ แต่แมนกับป๋องเข้ามาช่วยกันแยกทั้งสอง ดำดิ้นพราด จ้อยเข้ามาสั่ง
“จับมันออกไป”
“ปล่อยกู ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”
จ้อยตามดำออกไป

ดำถูกแมนกับป๋องจับโยนออกมาจากผับ จ้อยตามมา
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมดำ ว่าอย่าก่อเรื่องวุ่นวายอีก”
“ในเมื่อคุณจ้อยไม่สนใจ หนูก็ต้องเป็นคนสั่งสอนนังออยเอง”
“แกไม่มีความเกรงใจฉันเลย”
“ถ้าหนูไม่เกรงใจ หนูก็จะไม่ไปฟ้องคุณจ้อยก่อน แต่นี่คุณจ้อยไม่จัดการอะไรให้ แถมยังเข้าข้างนังออยอีก”
​จ้อยไม่พอใจ
“ฉันมีสิทธิ์จะตัดสินใจตามความคิดของฉัน แกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องอย่างที่ใครๆ เขาว่าจริงๆ นังดำ”
“หนูน่ะเหรอเลี้ยงไม่เชื่อง หนูร้องเพลงเรียกแขกให้ที่นี่ตั้งเท่าไร”
“อย่ามาอวดเก่งเลยนังดำ ฉันหานักร้องสวยกว่าแกได้ถมไป ถึงเสียงอาจจะไม่ดีกว่า แต่ถึงยังไงคนก็ชอบดูของขาวๆ สวยๆ มากกว่าของดำน่าเกลียดอย่างแก”
“ถึงตัวหนูจะน่าเกลียด แต่ใจไม่น่าเกลียดเท่าคุณจ้อยหรอก”
“แกหลอกด่าฉันเหรอนังดำ”
“หนูด่าตรงๆ นี่แหละ คุณจ้อยก็ใจแคบเหมือนคุณนายจรูญศรี คุณโจ้ คุณจิ๋มที่มองคนแต่ภายนอก คอยแต่จะเอาเปรียบคนอื่นที่ด้อยกว่า มิน่าถึงโดนผัวฝรั่งทิ้ง”
จ้อยตวาดลั่น
“อีดำ แล้วแกล่ะ โดนไอ้ผัวแมงดาทิ้งเหมือนกัน เสียอะไรต่อมิอะไรให้มันตั้งเท่าไรล่ะ”
ดำขมขื่นและเจ็บปวด แต่ก็เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ตามนิสัย
“หนูโดนทิ้งเพราะผิวหนูดำ แต่คุณจ้อยโดนทิ้งเพราะใจโคตรดำ”
จ้อยทำท่าจะตบดำ แต่ดำจับมือจ้อยไว้ แล้วผลักจ้อยออกไป
“จำไว้ว่าคุณจ้อยไม่ใช่เจ้านายหนูแล้ว ไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรกับหนูได้ตามใจชอบอีกต่อไป”
ดำเดินออกไป จ้อยมองตามเจ็บใจ ออยมาแอบดู ยิ้มเยาะอย่างพอใจ แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บแผลที่โดนดำตบ

​แนทช่วยเอาน้ำแข็งประคบแก้มให้ออย
“โอ๊ย...อีดำนี่นอกจากปากร้ายแล้ว มันยังมือหนัก ตีนหนักอีก”ออยร้องไปบานไป
“ถึงโดนก็คุ้มว่ะออย อีดำมันโดนเฉดหัวออกไปสมใจแกแล้ว”
ออยเหล่แอ๋มอย่างหงุดหงิด
“คุ้มกับผีอะไร แกไม่มาโดนมั่งวะ โอ๊ย...”
แอ๋มหน้าเจื่อนไป
“ต่อไปนี้แกก็หมดเสี้ยนหนามซะทีนะนังออย”
“คอยดูนะ ฉันจะยุให้คุณจ้อยรับหนุ่มๆ เข้ามาเพิ่มมั่ง จะได้ไม่มีใครเด่นเกินหน้าเกินตาเราอีก”
แนทกับแอ๋มมองหน้ากันอย่างเห็นด้วย ออยซี้ดปากเพราะเจ็บแผลแต่แววตามีความสุข

​ดำนั่งซึมอยู่คนเดียวหน้าห้องคนไข้ จอร์จเปิดประตูออกมา แปลกใจที่เห็นดำ
“ดำ...กลับมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เข้าไปในห้อง”
“หนูขอนั่งทำใจสักพักก่อน ไม่อยากให้พี่หวานสงสัย”
“เกิดอะไรขึ้น”
“หนูโดนคุณจ้อยไล่ออก”
ดำซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง จอร์จดึงดำเข้ามากอดปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะดำ ถึงจะไม่ได้ร้องเพลงที่นี่ คนมีความสามารถอย่างดำก็ไปที่อื่นได้”
“บางที..หนูอยากจะไปทำอย่างอื่น อยากจะเลิกร้องเพลงไปเลย”
“เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกทางที่จะเดินได้ ดำก็เดินมาแล้วทำไมไม่ไปต่อ จะมาท้ออะไรกับเรื่องเล็กๆ แค่นี้”
“หนูท้อกับความไม่ยุติธรรมของคน หนูเจอมาตลอดชีวิตแล้ว ไม่รู้ต้องเจออีกถึงเมื่อไร”
“โอกาสมีอยู่เสมอนะดำ เดี๋ยวมันก็เข้ามาอีก”
“โอกาสของคนอย่างหนูมันไม่เท่าโอกาสของคนอื่นๆ หรอก ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องความรัก”
“ยังมีคนเห็นคุณค่าของเธออีกมากนะดำ เธอร้องเพลงเก่งกว่าคนอื่น ฉันเชื่อว่าโอกาสของเธอไม่มีวันหมด เธอต้องสู้ต่อไป”
ดำยังซึม จอร์จอมองดำอย่างเป็นห่วง
“กลับบ้านไปพักก่อนนะดำ ใจหวานหลับไปแล้ว ซูซี่ดูแลอยู่ พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใจหวานใหม่”
ดำพยักหน้า จอร์จตบบ่าให้กำลังใจดำ

ดำกลับมาเศร้าๆ ผ่าน รปภ. ที่นั่งเฝ้ายามอยู่ พอเห็นดำก็รีบทัก
“วันนี้กลับมาเกือบเช้าเลยนะพี่ดำ มีคนมารอพี่ดำตั้งแต่หัวค่ำแน่ะ”
“คนมารอฉัน ใครเหรอ”
“เป็นผู้หญิงอายุน่าจะ 50 กว่าๆ เขาไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร บอกว่าอยากให้พี่จำได้เอง”
ดำมองเข้าไปในล็อบบี้อย่างงุนงงสงสัย

ดำเดินออกมา เขม้นมองอย่างไม่แน่ใจ แต่พอแน่ใจแล้วก็ทั้งตกใจและประหลาดใจมาก
“แม่”
กุหลาบซึ่งนั่งหลับอยู่งัวเงียลุกขึ้นมา พอเห็นดำก็ลุกขึ้นอย่างดีใจ
“ดำลูกแม่”
กุหลาบโผเข้ามากอดดำไว้
“ดำ...แม่คิดถึงลูกมาก”
“แม่มาได้ยังไง”
ดำงุนงงและเกร็งตัวกับอ้อมกอดนั้น
“แม่ตามหาลูกมานานแล้วดำ”
กุหลาบลูบหน้าลูบตาดำเหมือนรัก และคิดถึงเต็มประดา
“แม่ดีใจที่สุดที่ได้เจอลูก”
“แล้วทำไม...เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว แม่ไม่กลับมาหาหนู”
กุหลาบลูบผมดำอย่างเอ็นดู
“ตอนนั้น...แม่เดือดร้อนมาก ไม่มีเงินจะเลี้ยงลูก แม่ตระเวนไปหางานทำหลายจังหวัด ไม่อยากจะเอาลูกไปลำบากด้วย”
ดำพยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อออกมา
“แต่หนู...รอแม่อยู่นาน...หลายปี”
“แม่ก็กลับมาแล้วไงดำ แม่ตามหาดำกับเดือนมาหลายปีแล้ว แม่คิดถึงลูกทั้งสองคนตลอดเวลา แม่เล่าให้ทุกคนฟังว่ามีลูกคนนึงชื่อดำคนนึงชื่อเดือน แต่ยกให้เศรษฐีไปเลี้ยง พอดีเมื่อหลายวันก่อนมีเพื่อนเห็นข่าวที่ดำประกาศว่าเป็นพี่น้องกับเดือน แม่ก็เลยออกตามหาว่าลูกสองคนอยู่ที่ไหน ในที่สุดก็ได้เจอกัน ดำลูกแม่...ยกโทษให้แม่นะลูก”
ดำพยักหน้า เสียงเครือ
“จ้ะแม่จ๋า”
“แม่รักลูกนะดำ”
กุหลาบกอดดำไว้ ดำค่อยๆ ยกมือขึ้นกอดกุหลาบตอบ ตอนแรกลังเลใจ แต่แล้วก็หลับตากอดแนบแน่นอย่างรู้สึกโหยหาอ้อมกอดนี้มาแสนนาน น้ำตาของดำไหลออกมาอย่างสุดกลั้น
“หนูก็รักแม่...”

ดำพากุหลาบไปที่ร้านอาหาร กับข้าวหลายจานวางเรียงรายเต็มโต๊ะ กุหลาบนั่งกินอย่างหิวโหย ดำยิ้มพอใจที่ได้ตอบแทนแม่
“กินเยอะๆ เลยนะแม่ อยากกินอะไรสั่งมาอีก ที่นี่อร่อยทุกอย่าง”
“เดี๋ยวนี้แกอยู่สุขสบายดีใช่ไหมดำ ได้ข่าวว่าเป็นนักร้องดังไปแล้ว”
“ก็...ยังไม่สบายเท่าไรหรอกแม่ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูดูแลตัวเองได้”
“ดำดูแลตัวเองได้แม่ก็ดีใจ”
“แล้วแม่เจอพี่เดือนหรือยัง”
กุหลาบชะงัก บีบน้ำตาคลอ
“เจอแล้ว แต่เขาจำแม่ไม่ได้”
ดำเจ็บใจ
“เห็นแก่ตัวอีกตามเคย”
“อย่าไปว่าพี่เขาเลยลูก เขาอาจจะกลัวโดนพ่อแม่ใหม่ต่อว่ามาก็ได้”
“หนูรู้จักบ้านเขา”
กุหลาบถึงกับวางฃ้อนส้อม จับมือดำบีบอย่างดีใจ
“งั้นรีบพาแม่ไปหาพี่แกเลย”
“ไม่ได้หรอกแม่ เขาอยู่บ้านเศรษฐี ไม่ให้ใครเข้าไปเจอง่ายๆ”
“แล้วเราจะทำยังไงถึงจะได้เจอพี่สาวแก ทำยังไงเขาถึงจะยอมรับว่าแม่เป็นแม่ของเขา”
“หนูเคยทำทุกอย่างแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมรับว่าหนูเป็นน้อง หนูไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”
“แกต้องช่วยแม่นะดำ แม่อยากเจอเดือน อยากกอดเดือน อยากได้ยินเดือนเรียกแม่ว่าแม่สักครั้ง ช่วยแม่เถอะนะดำลูกแม่”

ดำครุ่นคิดหนักว่าจะช่วยแม่อย่างไรดี

เดือนนั่งเช็คเฟซบุ๊คในมือถือรอไวภพอยู่ แต่สักพักก็เริ่มเบื่อ จึงดูนาฬิกาว่าทำไมเขายังมาไม่ถึง เธอจึงกดมือถือจะโทรหา บริกรยื่นจานขนมมาให้

“ไม่ได้สั่งนี่คะ” เดือนมองอย่างแปลกใจ
“มีคนสั่งให้ครับ”
“ใครคะ”
“เขาบอกว่าลองทานดูจะรู้เองครับ”
บริกรออกไป เดือนมองจานขนมอย่างไม่ค่อยไว้ใจ จึงลองเขี่ยๆดู แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นแหวนวงหนึ่งอยู่ใต้จาน เดือนหยิบขึ้นมาดู ไวภพเดินเข้ามานั่งตรงข้าม
“ไวคะ ซื้อให้เดือนทำไม”
“ผมอยากให้เดือนเห็นแล้วนึกถึงผม”
“แต่มัน...แพงเกินไป”
“ไม่มีอะไรที่แพงเกินไปสำหรับเดือนหรอก”
“หืม...เลี่ยนอีกแล้วค่ะ เอาคืนไปก่อนเถอะค่ะ ไว้เรียนจบแล้วเราค่อยคิดถึงเรื่องนี้นะคะ”
เดือนยื่นแหวนคืนให้ไวภพ แต่เขากลับดึงมือเธอมาแล้วสวมแหวนให้ เดือนอึกอักเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้เขาสวมแหวนให้แต่โดยดี
“ผมให้แล้วไม่รับคืนครับ นอกเสียจากว่า...เดือนจะไม่อยากเห็นหน้าผมอีก”
เดือนมองอย่างปลาบปลื้มใจ ไวภพจับมือเธอไว้ มองสบตากันอย่างดื่มด่ำในความรัก

เมื่อมาเดินเล่นกันที่ริมน้ำในสวนสาธารณะ เดือนเหม่อมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าหวั่นใจอะไรบางอย่างลึกๆ มือขวาหมุนแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายเล่นอย่างครุ่นคิด
“เดือนไม่ชอบแหวนเหรอครับ” ไวภพแปลกใจกับท่าทีนั้น
“ชอบค่ะ แต่เราหมั้นกันเร็วเกินไปหรือเปล่าคะ”
“นี่ไม่ใช่แหวนหมั้นนะครับ เป็นแค่แหวนแทนใจ ถึงแม้คุณพ่อคุณจะไม่ชอบหน้าผม แต่ผมอยากให้เดือนมั่นใจในตัวผม ว่าจะพิสูจน์ให้คุณพ่อคุณยอมรับความรักของเราให้ได้”
“เดือนรู้จักคุณพ่อดี ท่านเข้มงวดและดุกับเดือนเพราะท่านเป็นห่วง”
“ผมเข้าใจท่านนะ ผมก็จะพยายามทำตัวให้ท่านไว้ใจผม ว่าจะทะนุถนอมดูแลเดือนคนนี้อย่างดีที่สุด ท่านจะได้ยอมให้เราคบกันอย่างเปิดเผยซะที เราจะสู้ไปด้วยกันนะเดือน”
“ค่ะ เราจะสู้ไปด้วยกัน”
ไวภพเข้ามากอดเดือนไว้ เดือนซบลงกับอกของไวภพอย่างเชื่อมั่นในตัวเขา

ดำพากุหลาบเข้ามาในห้อง
“ทำไมมาอยู่ห้องแคบๆ แบบนี้ล่ะ” กุหลาบมองไปรอบๆ พลางเบ้หน้า
“หนูมีเงินเช่าเขาได้เท่านี้นี่แม่”
“ดีนะแกอยู่คนเดียว ไม่งั้นอึดอัดแย่ ทำไมไม่หัดจับแขกรวยๆ ที่มาฟังเพลงบ้าง”
“ใครเขาจะเอานักร้องตัวดำอย่างหนู”
“เออจริง วาสนาแกกับนังเดือนมันต่างกันลิบลับเลยนะ รายนั้นอยู่บ้านหลังใหญ่โตมโหฬาร ห้องน้ำบ้านนั้นคงกว้างมากกว่าทั้งห้องนี้อีก”
ดำกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแอบน้อยใจ
“ใช่สิ หน้าตาหนูมันน่าเกลียด ผิดกับนังเดือน ไม่มีใครเขาอยากรับหนูเป็นลูกหรอก”
“แหม...ทำเป็นน้อยใจ ถึงหน้าตาแกจะเป็นยังไง แกก็เป็นลูกของแม่ แม่ถึงกลับมาหาแกไงล่ะ”
กุหลาบขยี้ผมหยิกๆ ของดำเบาๆ ดำรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา
“แม่อยู่ที่นี่ไปนานๆ เลยนะ หนูจะหาเลี้ยงแม่เอง”
นัยน์ตาของกุหลาบหลุกหลิกนิดหนึ่ง แล้วเสแสร้งยิ้มออกมา
“เออๆ ถ้ามากรุงเทพแม่ก็จะมาหาแกนี่แหละ”
“แม่นอนดูทีวีห้องหนูไปก่อนนะ เดี๋ยวหนูจะออกไปข้างนอก”
“ไปร้องเพลงเหรอ”
ดำนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ใช่”
“พาแม่ไปดูแกร้องเพลงหน่อยสิ อยากเห็นแสงสีในกรุงเทพบ้าง”
“วันนี้ยังไม่ได้หรอกแม่ ไว้หนูขอเจ้านายก่อน แล้วจะพาแม่ไปเที่ยว”
“งั้นวันนี้แกทิ้งเงินไว้ให้แม่ซักสองพันสิ”
ดำตกใจ
“แม่จะเอาไปทำอะไรตั้งสองพัน”
“ก็เอาไว้กินข้าวไง แล้วก็หาชุดที่จะใส่ไปออกรายการด้วย”
ดำถึงกับกลืนน้ำลาย จำใจหยิบกระเป๋ามานับเงิน
“ตอนนี้หนูมีแค่พันสี่ แม่เอาไปก่อนนะ เดี๋ยวแวะกดตังค์มาให้”
กุหลาบรีบรับเงินมาอย่างดีใจ ดำออกไป กุหลาบนอนเดินดูข้าวของในบ้าน แล้วทำหน้ายี้
“ใช้แต่ของถูกๆ นักร้องประสาอะไรวะ”

ดำกระหืดกระหอบมาถึงหน้าห้องคนไข้ พบจอร์จกับซูซี่
“พี่หวานเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้รอฟื้นจากยาสลบอยู่”
“ก่อนเข้าห้อง พี่หวานถามถึงแกด้วย ไหนว่าจะมาให้กำลังใจแต่เช้า” ซูซี่แปลกใจ
“พอดี...แม่มาหาฉันที่บ้าน”
“หา...แม่? แกมีแม่ด้วยเหรอวะดำ”
จอร์จหันมาถาม
“แม่ที่ทิ้งเธอไปตั้งแต่เด็กน่ะเหรอ”
ดำพยักหน้า ทั้งดีใจทั้งเศร้า
“แม่กลับมาหาหนูแล้ว”
“เขากลับมาทำไม ในเมื่อเขาทิ้งเธอไปนานแล้ว”
“แม่มีความจำเป็น แล้วก็หาหนูไม่เจอ แม่บอกว่าที่ผ่านมาคิดถึงหนูมาก อยากเจอพี่สาวหนูด้วย”
จอร์จกับซูซี่มองหน้าดำอย่างไม่อยากเชื่อ

เดือนกลับเข้ามาในบ้าน พอผ่านห้องนั่งเล่นก็หยุด มองเข้าไป เห็นแต่เขมวรรณก็โล่งใจ ทำท่าจะเข้าไป แต่แล้วเสียงดนัยธรดังเข้ามา
“เดือน...”
เดือนถึงกับตัวลีบ รีบซ่อนมือที่สวมแหวนไว้ข้างหลัง
“ไปไหนมาทั้งวัน”
“ไปมหาลัยมาค่ะ”
“ยังไม่ปิดเทอมอีกเหรอ แล้วทำไมไม่สวมชุดนักศึกษา”
เดือนหลบตา
“วันนี้ที่คณะมีกิจกรรมเตรียมรับน้องใหม่ค่ะ เดือนก็เลยต้องเข้าไปช่วย”
“พอได้แล้วนะ เลิกทำซะทีกิจกรรมบ้าบออะไรน่ะ ปิดเทอมแล้วหัดอยู่ติดบ้านซะบ้าง หรือว่าแอบออกไปเจอผู้ชาย”
“เปล่านะคะ...เดือน...”
เดือนหน้าเจื่อน ดนัยธรมองอย่างสงสัย
“แขนข้างนั้นเป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“แล้วทำไมต้องซ่อน ไหนพ่อดูซิ”
ดนัยธรจะเข้าไปจับแขนเดือน เดือนตกใจ แต่เขมวรรณออกมาเสียก่อน
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
เดือนรีบถลาไปหาเขมวรรณ
“ค่ะคุณแม่”
“อากาศร้อนๆ แม่เตรียมลอดช่องน้ำกะทิไว้ให้ ไปทานกันนะจ๊ะ...คุณจะเอาอีกไหมคะ”
ดนัยธรมองเดือนหมั่นไส้ แต่ตอบเขมวรรณ
“พอแล้ว กินมากๆ ก็เบื่อ”
เขมวรรณสะอึกไปนิดหนึ่ง แต่ทำเป็นไม่มีอะไร พาเดือนออกไป ดนัยธรมองตามหงุดหงิด

เขมวรรณพาเดือนเข้าไปในครัว พลางชวนคุย
“คุณพ่อคงกำลังอารมณ์ไม่ดี อย่าคิดมากนะจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่ เดือนขอเอาขนมขึ้นไปกินบนห้องนะคะ”
เขมวรรณลูบผมเดือน
“จ้ะ ขึ้นไปรอที่ห้องก่อน เดี๋ยวแม่ให้ไพยกขนมขึ้นไปให้”
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนมองซ้ายมองขวาว่าดนัยธรไม่อยู่แถวนั้นแล้วจึงรีบออกไป เขมวรรณรู้สึกเครียด เขมวรรณเปิดตู้ยา หยิบยาออกมากิน
“ยาอะไรน่ะแม่เข็ม”
เสียงขจิตที่ดังขึ้น เขมวรรณมือไม้สั่น ทำยาหล่นพื้น
“ถึงกับต้องกินยาระงับประสาทเลยเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะแม่”
ขจิตแย่งซองยามาดู
“ทำไมจะไม่ใช่ แม่เห็นตั้งแต่วันก่อน ที่ลูกลืมไว้แถวนี้”
“หนูปวดหัวนิดหน่อยค่ะ หมอเลยให้ยาคลายเครียดมา”
“แม่ว่าถ้าตัวเครียดขนาดนี้ ต้องหาทางออกอย่างอื่นแล้ว”
“ทางออกอะไรคะ”
“ให้ยัยเดือนออกไปอยู่ข้างนอกซะ”
เขมวรรณตกใจ
“ไม่นะคะแม่ เข็มไม่ยอม”
“แล้วตัวจะปล่อยให้ตัวเองเครียด จนอกแตกตายหรือยังไง”
“มันต้องมีวิธีแก้ที่ดีกว่านั้นค่ะ”
“แล้วไอ้วิธีนั้นมันยังไงล่ะ ทำไมไม่รีบทำ”
“เข็มยังคิดไม่ออกค่ะ ขอเวลาอีกหน่อย เข็มจะหาทางแก้เอง”
“เขมวรรณทำท่าปวดหัว ขจิตลูบหลังลูกพลางปลอบประโลม”
“คิดดูให้ดีนะเข็ม ถ้าอะไรๆ มันยังแก้ไขได้ ก็ต้องแก้ก่อนจะสายเกินไป อย่ามัวแต่รอให้เวลามันผ่านไปจนสายเกินแก้”

เขมวรรณหลับตาลง พยายามใช้ความคิด

ข้าวนอกนา ตอนที่ 21 (ต่อ)

22.2ซูซี่มองดำอย่างแปลกใจในสิ่งที่เธอเล่า...
“อะไรนะดำ อย่างนี้ก็เท่ากับกลืนน้ำลายตัวเองสิ”
“แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ นังเดือนก็ไม่มีทางยอมรับหรอก”
ซูซี่ถอนใจ
“แกจะหาเรื่องใส่ตัวอีกทำไม เข้าไปหาพี่สาวแกตรงๆ ดีกว่า”
“ในเมื่อฉันถูกคุณจ้อยไล่ออกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครอีกต่อไป ฉันจะทำเพื่อแม่ของฉัน”
“มันเท่ากับทำลายชีวิตพี่สาวแกไม่ใช่เหรอ”
“แต่มันไม่มีสิทธิ์จะมีชีวิตสุขสบายอยู่คนเดียว แล้วปล่อยให้ฉันกับแม่ลำบาก ที่จริงแม่แค่อยากเจอนังเดือน ฉันรู้ว่าแม่อยากเจอนังเดือนมากกว่าฉัน ฉันก็จะตอบแทนแม่ให้สมหวัง”
“แกทำประชดชีวิตใช่ไหม แกกลับมามองโลกในแง่ร้ายอีกแล้วดำ”
“ถ้าแกเจอชีวิตอย่างฉัน แกจะไม่มีวันมองโลกในแง่ดีหรอกซูซี่ ยิ่งเกิดมาต่ำต้อยก็ยิ่งถูกเหยียบย่ำจนโงหัวไม่ขึ้น มีแต่นังเดือนที่ชีวิตมันโชคดี มันกลับเสแสร้งลืมชาติกำเนิดตัวเอง ฉันจะทำให้มันเหลียวหลังกลับมามองฉันกับแม่บ้าง”
ซูซี่มองดำอย่างเห็นใจ แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีของดำนัก

ดำเดินมาถึงหน้าบ้านของสมร เสียงอู๊ดดังขึ้นอย่างกวนๆ
“อีดำ”
ดำหันขวับไปด่าทันที
“ถึงดำแล้วไปหนักกบาลใครวะ”
“ปากจัดเหมือนเดิมนะมึง แถมดำกว่าเดิมอีก”
ดำเขม้นมองอู๊ดอย่างรู้สึกคุ้นๆ
“มึงเป็นใครวะ”
“จำกูไม่ได้เหรอ อีดำ ดำปิ๊ดปี๋ยิ่งตียิ่งกัด ดำกว่าหมัดยิ่งกัดยิ่งตี”
ดำเขม้นมองอีกที เริ่มคลับคล้ายคลับคลา แล้วจำได้ อู๊ดเป็นคนพูดเรื่องของเดือนให้ฟัง....
‘...เออ...อีดำ อีเดือนมันไปอยู่กะคนอื่นแล้วเรอะ แม่บอกว่าป้าหมอนขายอีเดือนไปแล้ว’
‘ไม่รู้!’
‘อะไรไม่รู้ อีเดือนมันเป็นพี่มึงแท้ๆ แล้วทำไมมึงไม่ไปอยู่กับอีเดือนด้วยวะ’
‘กูบอกว่าไม่รู้ก็ไม่รู้สิวะ ถามอยู่ได้’
‘กูรู้แล้ว มึงอิจฉามันล่ะสิที่มีคนเอาไปอยู่ด้วย ส่วนมึงไม่มีใครเอา’
ดำโกรธ แหวขึ้นมาทันที
‘มึงมาเสือกอะไรด้วยวะไอ้อู๊ด’
หน่อยวิ่งเข้ามาล้อดำ
‘เพราะมึงดำไงล่ะ ดำปิ๊ดปี๋ยิ่งตียิ่งกัด ดำกว่าหมัดยิ่งกัดยิ่งตี’
‘ดำแบบนี้ให้ฟรีก็ไม่มีใครเอา’
เมื่อนึกเรื่องราวในอดีตด้ ดำตบหัวอู๊ดป๊าบ
“ไอ้อู๊ด”
“เออ...กูเอง กว่าจะระลึกชาติได้”
“มึงยังอยู่แถวนี้เหรอวะ”
“บ้านกูอยู่นี่นี่หว่า”
“แล้วป้าหมอนกับลุงชาญล่ะ”
“ลุงชาญเสียไปนานแล้ว ป้าหมอนเลยกลับบ้านนอกไปอยู่กับญาติ เห็นมึงได้ดิบได้ดีเป็นนักร้องดังไปแล้วนี่หว่า”
ดำรีบเออออ
“เดี๋ยวนี้สบายแล้ว แม่เลยกลับมาอยู่ด้วย”
“อ๋อ...ก่อนหน้านี้แม่มึงก็มาตามหามึงที่นี่ แต่กูไม่รู้หรอกว่ามึงอยู่ไหนแล้วมึงกลับมาแถวนี้ทำไมวะ”
“กูอยากได้รูปกูกับพี่สาวตอนเด็กๆ”
“จะเอาไปทำไม”
ดำครุ่นคิดว่าจะบอกอู๊ดอย่างไรดี

อู๊ดยกลังเก่าๆ ใบหนึ่งมาวางตรงหน้าดำ ที่นั่งรออยู่หน้าบ้าน
“ของที่ป้าหมอนทิ้งไว้ กูกะจะทิ้งตั้งหลายทีแล้ว แต่ตอนนั้นเห็นมึงออกทีวีเลยคิดว่าสักวันอาจจะมีพวกรายการโทรทัศน์มาตามหารูปมึงตอนเด็กๆ ไปออกบ้าง แล้วมึงก็มาจริงๆ”
“ขอบใจว่ะอู๊ด โชคดีที่มึงยังไม่ทิ้ง”
ดำลงมือรื้อค้นข้าวของไปด้วย
“แล้วมึงจะเอาไปออกรายการอะไรวะ”
“รายการอ้อมกอดแห่งรัก”
“รายการนี้ดังนี่หว่า เฮ้ยมึงเจ๋งว่ะ”
ดำค้นเจอรูปเก่าๆ ใบหนึ่ง จึงยังไม่ทันตอบคำถามอู๊ด ได้แต่อุทานอย่างดีใจ
“เจอแล้ว”
ภาพในมือดำ เป็นรูปคู่ของดำกับเดือนตอนเด็ก ดำหน้าตาบูดบึ้ง แต่เดือนหน้าตายิ้มแย้ม
“รูปมึงกับนังเดือนนี่หว่า แล้วตอนนี้นังเดือนเป็นยังไงบ้างวะ ได้เจอบ้างหรือเปล่า”
แววตาของดำลุกวาบขึ้น
“ไม่ได้เจอหรอก...มันก็คงสุขสบายกับพ่อแม่เศรษฐีของมันน่ะแหละ”
“มันไม่ได้มาช่วยเหลืออะไรมึงเลยเหรอ”
“มันคงจำกูไม่ได้หรอก”
“กูยังจำมึงได้เลย แต่ก็อย่างว่า มันได้ดิบได้ดีแล้ว จะมาจำเรื่องแย่ๆ ไว้ทำไมมันโคตรโชคดีเลยว่ะ เกิดมาทั้งขาวทั้งสวย ท่าทางมันก็เหมือนลูกคุณหนูตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ยิ่งตอนได้ไปอยู่บ้านเศรษฐีใครๆ ก็อิจฉา กูยังอยากโชคดีอย่างมันบ้าง”
ดำดูรูปในมือด้วยแววตาริษยา ความเกลียดชังที่ทับถมอยู่ในใจถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
มือของดำกำรูปใบนั้นไว้แน่นอย่างรอคอยเวลา

อู๊ดลุกขึ้นจะเดินออกมาส่งดำ
“ขอบใจนะอู๊ด”
“ไม่เป็นไร มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้”
อู๊ดมองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใครเห็น หยิบซองบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“กูให้มึงไปลอง เผื่อจะร้องเพลงคล่องๆขึ้น”
ดำมองสงสัย
“อะไรของมึงวะ”
“ลองดู กินแล้วสบายใจ ถ้าอยากได้อีกก็โทรมา กูไปส่งถึงที่”
ดำแบมือออก เห็นเป็นยาเม็ดในซองใส ดำเริ่มเข้าใจว่าเป็นยาเสพติด มองอู๊ดอย่างนึกไม่ถึง


ดำเปิดประตูเข้ามาก็งุนงง เมื่อเห็นกุหลาบในชุดหรู กำลังส่องกระจกอย่างภาคภูมิใจ
“เป็นไง สวยไหมดำ”
“แม่ซื้อชุดใหม่มาเหรอ”
“ก็เออสิวะ จะไปออกรายการ ต้องให้ดูดีหน่อย ไหนแกได้รูปนังเดือนมาหรือเปล่า”
ดำเปิดกระเป๋าหยิบรูปขึ้นมา กุหลาบรับมาดูดีใจมาก
“เก่งมากดำ แกไปหามาได้ยังไง”
“หนูก็ไปขอจากป้าหมอนมา”
“มันยอมให้แกเหรอ”
“ป้าหมอนกลับไปอยู่บ้านนอกแล้ว ส่วนลุงชาญก็เสียไปหลายปี ดีที่ป้าหนอมทิ้งของฝากเพื่อนบ้านแถวนั้นไว้”
กุหลาบมองเดือนในรูปอย่างชื่นชม
“ตอนเด็กๆ นังเดือนมันน่ารักจริงๆ แก้มงี้ใสยังกับตุ๊กตา”
ดำเม้มปากแน่นอย่างเจ็บปวด กุหลาบดึงดำมานั่งบนโซฟา
“มานี่ดำ เราต้องเตี๊ยมคำพูดที่จะไปออกรายการกันหน่อย”
“ทำไมต้องเตรียมด้วยล่ะแม่”
“ต้องมาเตี๊ยมสิวะ จะได้ตรงกัน แม่จะเล่าว่าตอนนั้นแม่ต้องเลือกระหว่างแกกับพี่สาว แต่โชคดีพี่สาวแกมีเศรษฐีรับไปเลี้ยง แม่เลยเลือกแกเพราะแกน่าสงสารมากกว่า”
ดำอึดอัดมาก โพล่งออกมาอย่างเหลืออด
“แม่จะให้หนูโกหกด้วยเหรอ”
“โกหกอะไรวะอีดำ แค่เล่าเรื่องบิดไปนิดเดียว”
“แต่แม่ไม่ได้เอาหนูไปเลี้ยง”
“ฟังให้จบก่อนสิวะ แม่เลี้ยงแกไม่ไหว เลยต้องฝากแกไว้กับป้าหมอนต่อแล้วแม่ก็ตระเวนทำงานรับจ้างตามต่างจังหวัดเพื่อส่งเงินมาให้แก แต่ป้าหมอนแอบยกแกให้คนอื่นอีก แม่กลับมาอีกทีไม่เจอแกแล้ว...”
ดำอดทนฟังอย่างรู้สึกเจ็บปวด

ค่ำคืนนั้น...เดือนนอนหมุนแหวนที่นิ้วด้วยความคิดถึงไวภพ
“เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะไว เดือนอยากให้เราคบกันอย่างเปิดเผยซะที”
เดือนหลับตาลงฝันหวาน

เช้าวันใหม่...ในห้องอัดรายการ แสงไฟสว่างวาบขึ้นบนเวที พร้อมกับเสียงตบมือดัง พิธีกรหญิงยกมือไหว้ผู้ชม
“สวัสดีค่ะท่านผู้ชม พบกับรายการอ้อมกอดแห่งรัก อีกครั้งนะคะ แขกรับเชิญของเราในวันนี้เป็นนักร้องที่ไม่เคยออกอัลบั้ม แต่เธอร้องเพลงตามผับและสถานบันเทิง จนดังเป็นพลุแตกเมื่อครั้งเข้าประกวดในรายการ The Song ที่เธอได้พูดถึงชีวิตของตัวเองที่พลัดพรากจากแม่มาตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ วันนี้เธอได้พบกับแม่ที่แท้จริงของเธอแล้ว และต้องการตามหาพี่สาวที่พลัดพรากจากกันมานานถึง 15 ปี…ขอเชิญพบกับเจ้าของฉายามิสดอลลี่ ดลินหรือน้องดำ และคุณกุหลาบ คุณแม่ของเธอได้เลยค่ะ”
ผู้ชมปรบมือให้ ดำเดินออกมาพร้อมกับกุหลาบ ทั้งสองยกมือไหว้ผู้ชมและพิธีกร

วนิดากับสมภพนั่งดูรายการที่อ้อมกอดแห่งรักอยู่ด้วยกันในห้องรับแขก
“ตามหาญาติกันอีกแล้ว ไร้สาระจริงๆ”
สมภพหยิบรีโมททำท่าจะเปลี่ยนช่อง วนิดาร้องโวยวายแล้วตีมือสมภพ
“อย่านะคุณ ฉันกำลังดูอยู่”
“อ้าว...”
สมภพหน้าเซ็ง รีบวางรีโมทลงทันที แล้วลุกออกไปอย่างหงุดหงิด วนิดาจ้องดูจออย่างใจจดจ่อ
ไวภพเดินมาเจอกับสมภพที่เดินออกมาพอดี
​“แม่แกนี่ชอบดูแต่อะไรน้ำเน่าๆ” สมภพบ่นอุบ
“เรื่องจริงนี่แหละน้ำเน่ายิ่งกว่าละครเสียอีก สนุกจะตาย”
“แม่ดูอะไรอยู่เหรอครับ”
“รายการอ้อมกอดแห่งรักไง แกเคยดูหรือเปล่า”
ไวภพขำพ่อกับแม่ เดินเข้ามานั่งดูด้วยขำๆ แต่แล้วพอเห็นบนจอก็สีหน้าตะลึงงันเพราะจำดำได้
“ดำ...”
“แกรู้จักเด็กนิโกรนี่ด้วยเหรอ”
“อ๋อ..เปล่าหรอกครับ แค่อุทานว่าผิวเขาดำ”
“มันดำปิ๊ดปี๋จริงๆ เห็นเขาว่าเป็นลูกครึ่งนิโกรน่ะ”
ไวภพนั่งดูต่ออย่างสนใจ คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเดือนก็ได้

ในห้องอัดรายการ พิธีกรหญิงหันมาทางดำ
​“ยินดีกับน้องดำด้วยนะคะ ที่ได้พบกับคุณแม่ที่แท้จริงแล้ว”
​“ขอบคุณค่ะ”
“อยากทราบความรู้สึกตอนที่ได้กลับมาเจอกัน เจอกันที่ไหน แล้วรู้สึกยังไงคะ”
ดำกับกุหลาบมองหน้ากัน กุหลาบเข้าไปกอดดำอย่างแสนรัก
“ดีใจที่สุดในชีวิตเลยค่ะ ฉันตามหาลูกทั้งสองคนมาสิบกว่าปี จนเห็นดำออกทีวีก็เลยหาจนเจอว่าอยู่ที่ไหน ฉันบุกไปหาดำถึงบ้านเลยค่ะ”
“แล้วน้องดำล่ะคะ” พิธีกรหันมาถาม
“หนูก็ดีใจ แปลกใจมากด้วยค่ะ หนูรอแม่มาสิบกว่าปี ไม่นึกว่าแม่จะกลับมา”
“เป็นเรื่องราวที่ซาบซึ้งมากเลยนะคะ คงเป็นความประทับใจที่ทั้งสองคนไม่มีวันลืม แต่ทราบว่ายังมีพี่สาวอีกคนที่ดำกับแม่ตามหามาตลอดเวลา”
“ใช่ค่ะ ฉันมีลูกอีกคนชื่อเดือน เป็นพี่สาวของดำค่ะ”
“แล้วทราบไหมคะว่าน้องเดือนอยู่ที่ไหน”
กุหลาบตีหน้าเศร้า
“เขามีเศรษฐีรับไปเลี้ยงค่ะ เราเลยไม่ได้เจอกันอีก”
“หมายความว่าคุณกุหลาบยกลูกให้คนอื่นไปเหรอคะ”
“ตอนนั้นฉันต้องตระเวนไปทำงานหลายจังหวัด เลยเอาลูกฝากเพื่อนบ้านเลี้ยง แล้วส่งเงินไปให้ตลอด แต่ตอนหลังคนที่รับเลี้ยงแอบเอาเดือนไปขายให้เป็นลูกเศรษฐี ส่วนดำก็ถูกยกให้คนอื่นไปอีกเหมือนกัน ฉันกลับไปก็ไม่เจอลูกแล้ว เหมือนใจจะขาดเสียให้ได้”
กุหลาบบีบเสียงเครือ พิธีกรฟังไปแอบน้ำตาซึม ทีมงานต้องส่งกระดาษทิชชูให้
“เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากเลยนะคะ การพลัดพรากจากลูกในไส้ที่ตัวเองรักถึง 2 คน นานสิบกว่าปี แล้วน้องเดือนรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงคะ”
“ฉันมีแต่รูปของลูกสองคนตอนเด็กๆ ที่พกไว้ตลอดค่ะ”
กุหลาบหยิบรูปขึ้นมา

ภาพในทีวี กุหลาบหยิบรูปขึ้นมา
“นี่รูปดำกับเดือนตอนเด็กๆค่ะ”
ไพที่กำลังใช้ไม้ปัดขนไก่ทำความสะอาดอยู่ ถึงกับชะงักดูอย่างใจจดจ่อ ขณะที่ ขจิต เขมวรรณและดนัยธรนั่งดูอยู่ด้วย
กุหลาบหยิบรูปขึ้นมาโชว์ กล้องซูมเข้าไปใกล้ เห็นเป็นรูปเดือนตอนเด็กๆ ไพถึงกับทำไม้กวาดหล่น แต่เกือบจะจังหวะเดียวกันนั้น มีเสียงแก้วน้ำหล่นแตก เพล้ง! ทุกคนหันไปมอง
“เดือน”เขมวรรณร้องอย่างตกใจ
เดือนรับไม่ได้วิ่งออกไป เขมวรรณรีบตามไป ดนัยธรโกรธจัด ลุกขึ้นโวยวาย
“มันจะมาตามหาลูกทำไมอีกวะ เงินก็ให้มันไปแล้ว คอยดูนะ ฉันจะฟ้องมันให้ติดคุกหัวโต ทั้งนังนิโกรกับแม่มันด้วย”
ดนัยธรเดินออกไปอย่างโมโหสุดขีด ขจิตได้แต่เอามือทาบอกอย่างนึกไม่ถึง

เดือนวิ่งออกมาร้องไห้ที่สวนหลังบ้าน เขมวรรณตามมา
“เดือน...เดือนจ๋าลูก...”
“หนูไม่ใช่ลูกของคุณแม่แล้วค่ะ”
เขมวรรณเข้าไปตรงหน้าเดือน ร้องไห้เสียใจเช่นกัน
“ทำไมถึงพูดอย่างนั้น ถึงยังไงหนูก็เป็นลูกของแม่ ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ได้”
“คุณแม่จะคืนเดือนให้กับ..กับแม่แท้ๆ ของเดือนหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีทาง แม่ไม่มีวันยอมคืนเดือนให้กับเขาไป แต่เดือนน่ะสิ...จะกลับไปหาเขาหรือเปล่า”
เดือนอึ้งไปนิดหนึ่ง นิ่งคิด ใจหนึ่งก็ยังผูกพัน แต่อีกใจก็กลัวความจริง เขมวรรณยิ่งใจเสีย ดึงเดือนมากอดไว้
“อย่ากลับไปหาเขาเลยนะลูก แม่อยากให้ลูกเป็นลูกของแม่ต่อไป ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้อีก ถ้าเราเฉยไว้ เรื่องทั้งหมดก็จะเงียบไปเอง”
“ค่ะคุณแม่ เดือนจะมีคุณแม่เป็นแม่ของเดือนคนเดียว”
“ขอบใจจ้ะลูก ขอบใจลูกเดือนของแม่”
เขมวรรณลูบหลังลูบผมปลอบเดือน
“หนูสบายใจได้ พ่อกับแม่จะหาทางจัดการเรื่องนี้เอง”
เขมวรรณกอดเดือนไว้แน่นอย่างไม่อยากเสียลูกไปให้ใคร ขณะที่ขจิตที่ตามมา มองอยู่อย่างเป็นห่วงเขมวรรณ

เขมวรรณกลับเข้ามาในครัว หยิบยาเข้าปาก แล้วดื่มน้ำตาม ขจิตเข้ามายืนด้านหลัง มองลูกสาวตัวเองอย่างสงสาร
“แม่ผิดเองยัยเข็ม”
เขมวรรณหันไป
“หมายความว่ายังไงคะ”
“วันก่อนนังผู้หญิงนั่น...แม่แท้ๆ ยัยเดือนมาที่บ้าน”
“แล้วทำไมคุณแม่ไม่บอกเข็ม”
“แม่กลัวแกจะเครียดมากกว่าเดิมน่ะสิ”
“เขามาทวงยัยเดือนเหรอคะ”
“เขาบอกว่าอยากจะเจอลูกสาว แม่ว่า...มันคงเดือดร้อนเงินมากกว่าละมั้ง”
“เขาอยากได้อะไรหนูยอมให้ทุกอย่าง แต่ไม่มีวันที่จะคืนยัยเดือนให้เขาไปเด็ดขาด”
“พวกนั้นมีแต่รูปยัยเดือนตอนเด็กๆ ที่ยังอยู่ในสลัม ทั้งโทรมทั้งมอซอ ไม่มีใครดูออกหรอกว่าเป็นยัยเดือนของเรา แล้วชื่อมันก็ซ้ำกันได้”
“แล้วถ้าเขากลับมาหายัยเดือนที่นี่ล่ะคะ”
“นังคนนั้นเซ็นยกลูกให้เราแล้ว ยัยเดือนอยู่กับเรามาสิบกว่าปี ถ้าจะฟ้องร้องกันทางกฎหมายก็ไม่มีทางเอาลูกคืนได้หรอก ลูกไม่ต้องกลัวนะเข็ม”
ขจิตเข้ามากอดปลอบ เขมวรรณร้องไห้กับขจิตอย่างหาที่พึ่ง

พิธีกรดำเนินรายการมาถึงช่วงสุดท้าย
“ถ้าพี่เดือนของน้องดำดูอยู่ น้องดำมีอะไรจะพูดถึงพี่สาวคะ”
ดำหันมาพูดกับกล้อง
“หนูอยากจะบอกกับพี่เดือนว่า แม่คิดถึงพี่มาก อยากจะเจอหน้าพี่อีกสักครั้งไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน แม่ไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากจะเจอพี่เท่านั้นเอง พี่เดือนอยู่ที่ไหน ขอให้กลับมาหาแม่ มากราบแม่ผู้ให้กำเนิดสักครั้ง”
พิธีกรหันมาทางกุหลาบ
“แล้วคุณกุหลาบละคะ มีอะไรอยากจะพูดกับลูกสาวคนโตบ้าง”
กุหลาบบีบน้ำตาคลอ
“ลูกเดือนของแม่ แม่รักลูกคิดถึงลูกใจจะขาด สิบหกปีที่เราไม่ได้เจอกันเลย ลูกไปอยู่ที่ไหน กลับมาหาแม่เถอะนะลูก แม่อยากรู้ว่าลูกสบายดีหรือเปล่า ยังคิดถึงแม่คนนี้บ้างไหม แม่อยากเจอลูกอีกสักครั้งก่อนตาย กลับมาหาแม่นะลูก...เดือนลูกแม่”
กุหลาบน้ำตาไหลออกมา ท่าทางน่าสงสารมาก พิธีกรทำท่าจะร้องไห้ตามไปด้วย รีบสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ค่ะ นั่นคือหัวอกของแม่ที่ตามหาลูกสาวมานานถึงสิบหกปี ถ้าน้องเดือนหรือใครที่รู้จักกับน้องเดือนได้ชมรายการนี้ และจำได้ว่านี่คือแม่และน้องสาวที่พลัดพรากจากกัน ให้ติดต่อมายังรายการอ้อมกอดแห่งรักของเราด้วยนะคะ...ขอให้คุณกุหลาบและน้องดำได้พบกับน้องเดือนในเร็ววันค่ะ...สำหรับวันนี้ ดิฉันและรายการอ้อมกอดแห่งรัก ต้องลาไปก่อน พบกันใหม่วันจันทร์หน้า สวัสดีค่ะ...”

จ้อยร้องโวยวายหลังจากนั่งดู รายการอ้อมกอดแห่งรักจนจบ
“ตายแล้ว...นังดำมันหน้าด้านจริงๆ กล้าพาแม่มันไปออกรายการตามหาพี่สาวทางนั้นไม่มีทางคืนเด็กให้หรอก นังดำกับแม่คงเข้าตาจน อยากได้เงินค่าปิดปากแน่ๆ”
โจ้พยักหน้าเห็นด้วย
“พี่จ้อยไล่นังดำออกไปแล้ว มันเลยร้อนเงินน่ะสิ”
“ป่านนี้อานัยคงเต้นเป็นเจ้าเข้า ควันออกหูไปแล้วมั้ง อุตส่าห์ปิดมาตั้งนานโดนนังดำแฉแล้วแฉอีก”
“สมน้ำหน้าไอ้ไวภพด้วย ป่านนี้คงเหวอไป บอกแล้วไม่เชื่อว่าเดือนไม่ใช่ลูกแท้ๆ พ่อถึงได้หวงนัก”
“นั่นก็บัดสีบัดเถลิง ไม่รู้คุณอาเข็มจะรู้ตัวบ้างหรือยัง ว่าผัวตัวเองเลี้ยงต้อยมากะจะเก็บไว้กินเอง อี๊ย...พูดแล้วขนลุก”
“อาจจะรู้เห็นเป็นใจด้วยมั้ง เหมือนพวกที่อยากเอาใจผัวตัวเอง เลยหาเมียเด็กมาประเคนให้ ไม่เห็นจะน่าขนลุกตรงไหนเลย น่าอิจฉามากกว่า”
“ทุเรศน่ะโจ้ เรื่องทุเรศแบบนี้ไปอิจฉาเขาทำไม”
“ก็น้องเดือนสวยน่ารักจะตาย ถ้าดันไปเสร็จไอ้แก่คราวพ่อก่อนละก็น่าเสียดาย”
จ้อยค้อนโจ้ปะหลับปะเหลือก รับไม่ได้กับความคิดของน้องชาย

ข้าวนอกนา ตอนที่ 22

ไวภพนั่งดูจบถึงกับนิ่งอึ้ง วนิดาหันมาทางไวภพ
“เด็กในรูปนั่น ใช่คนเดียวกับหนูเดือนที่แม่เจอวันนั้นหรือเปล่า”
“คงไม่ใช่หรอกครับ เด็กหน้าตาคล้ายกันมีเยอะแยะ”
“แต่แม่ว่าเป็นคนเดียวกันนะ หน้าเหมือนกันยังกับแกะ แล้วก่อนหน้านี้ก็มีเรื่อง ที่เด็กลูกนิโกรคนนี้มาแฉว่าเป็นพี่สาวที่หายไปด้วย”
ไวภพพยายามแย้ง
“เขาออกมาประกาศแล้วนี่ครับว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“แกอย่ามาแก้ตัวแทนแฟนตัวเองเลยไว ลูกคุณหนูที่แท้ก็ลูกผู้หญิงสำส่อนที่ไหนไม่รู้ ดูสิ งามหน้าไหมล่ะ คนเค้าได้รู้กันทั่วประเทศแล้วทีนี้ ตอนนี้เพื่อนแม่เขายังเมาธ์กันทั่วเลยว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกแท้ๆของอธิบดีดนัยธร แต่เป็นเด็กลูกครึ่งอเมริกัน ที่เขาไปเก็บมาจากสลัมตั้งแต่เล็กๆ”
“แต่ถึงจะจริง พ่อแม่เดือนเขาก็รักเหมือนลูกแท้ๆนะครับ”
“โอ๊ย...มันเหมือนกันซะเมื่อไร แค่คิดถึงสายเลือดก็ยี้...สกปรก แม่รับไม่ได้หรอกที่จะเอามาเป็นสะใภ้ ถ้าเลิกคบได้ก็เลิกเถอะ”
ไวภพทำท่าจะเดินหนี แต่วนิดาตามมาพูดต่อ
“แถมเขายังว่ากันอีกนะ ว่าพ่อหวงลูกสาวมาก เรื่องของเรื่องก็คงจะเข้าทำนองพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงสาวๆ หน้าตาลูกสาวก็สวยขนาดนี้ เห็นทีคุณดนัยธรแกจะเกิดเสียดายเลยเก็บเอาไว้เสียเองก็ไม่รู้”
ไวภพรู้สึกใจกระตุกวูบ ทนฟังไม่ได้ เดินหนีไป
“ไว...ไว...”
เมื่อลูกไม่หันกลับมา วนิดามองตามพลางส่ายหน้า

ไวภพนั่งซึมอยู่ในห้องตัวเอง เศร้าเสียใจกับความจริงที่เกิดขึ้นแต่ไม่อยากยอมรับ และผิดหวังที่เดือนโกหก เขานึกถึงสางที่ออยบอก
‘ไอ้ที่เขาว่ากันว่าเลี้ยงต้อยน่ะ คุณเคยได้ยินไหม มันผิดวิสัยคนเป็นพ่อธรรมดาๆ ถึงจะหวงลูกสาวยังไงก็เถอะ เอ๊ะ...ไม่ใช่สิ ดูเหมือนจะหึงมากกว่านะ...’
โจ้พูดถึงเรื่องนี้ว่า...
‘นึกอยู่แล้วว่าคงไม่ใช่ลูกจริง หน้าตาบอกเชื้อชาติออกโต้งๆ ท่าทางพ่อหวงมากด้วย เคยไปส่งที่บ้านพี่ยังโดนไล่ออกมา’
แล้วเสียงวนิดาก็ดังก้องขึ้นมาในหัว
‘…แถมเขายังว่ากันอีกนะ ว่าพ่อหวงลูกสาวมาก เรื่องของเรื่องก็คงจะเข้าทำนองพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงสาวๆ หน้าตาลูกสาวก็สวยขนาดนี้ เห็นทีคุณดนัยธรแกจะเกิดเสียดายเลยเก็บเอาไว้เสียเองก็ไม่รู้’
เสียงต่างๆ อื้ออึงกันอยู่ในหัว ไวภพยกมือปิดหูตัวเอง
​“ทำไมคุณต้องหลอกผมด้วย เดือน...ทำไม”
ไวภพตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมา กดโทรออกหาเดือน ครู่หนึ่งเธอรับสาย
“ฮัลโหล เดือนครับ ตอนนี้เดือนอยู่ที่ไหน...”
เดือนดีใจที่ไวภพโทรมา เพราะรู้สึกว้าวุ่นใจอยู่
“อยู่บ้านค่ะ”
“ผมมีเรื่องกลุ้มใจ อยากจะคุยกับเดือน”
เดือนชักหวั่น
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เจอกันค่อยคุยดีกว่า อีกชั่วโมงผมจะไปรับที่สวนหมู่บ้านนะครับ เจอกันครับ”
ไวภพวางสาย อย่างครุ่นคิดจะทำอะไรบางอย่าง

ดำหิ้วถุงของฝากมาเต็มมืออย่างอารมณ์ดี ขณะที่จอร์จออกมาจากห้องใจหวานพอดี
“นี่หนูซื้อของโปรดครูกับพี่หวานมาทั้งนั้นเลย พี่หวานเป็นยังไงบ้างคะครู”
จอร์จไม่ตอบ สีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดำตกใจคิดว่าเพราะเรื่องใจหวาน
“พี่หวานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ใจหวานไม่ได้เป็นอะไรหรอก เขาดีขึ้นแล้ว แต่ฉันสิรู้สึกแย่มาก”
“ครูเป็นอะไรคะ”
“ฉันผิดหวังในตัวเธอมากดำ”
ดำนิ่งอั้นไปอย่างนึกไม่ถึง
“ผิดหวังเรื่องอะไร”
“ทำไมเธอต้องไปออกรายการตามหาพี่สาว ทั้งที่เธอก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“หนูอยากให้เขายอมรับแม่กับหนู ไม่อยากให้เขาลืมกำพืดตัวเอง”
“แต่เขาไปมีชีวิตใหม่กับพ่อแม่ใหม่แล้ว ถ้าเขาไม่สมัครใจที่จะยอมรับ เธอกับแม่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรจากเขาอีก ในเมื่อแม่ของเธอเซ็นยกลูกให้เขาไปแล้ว ถ้าเป็นที่อเมริกา เธอกับแม่อาจจะโดนฟ้องก็ได้”
“แต่นี่มันเมืองไทยนี่คะ หนูมีสิทธิ์เรียกร้องสิทธิ์ของแม่ที่เป็นแม่แท้ๆ ของนังเดือนด้วย”
“ถึงเป็นเมืองไทยก็เถอะ มันไม่ถูกต้องนะดำ ฉันรู้ว่าเธอจงใจทำลายชีวิตเขา เพราะเธอเกลียดเขาใช่ไหม”
“ใช่ หนูเกลียดนังเดือนเพราะมันโชคดีกว่าหนูทุกอย่าง ทั้งที่เรามีชาติกำเนิดเดียวกัน แต่มันเกิดมาใครๆ ก็รักมัน เพราะมันสวยกว่าขาวกว่า หนูอยากทำอะไรให้แม่หันมารักหนูบ้าง”
“เมื่อก่อนฉันคิดว่าเธอเป็นคนใฝ่ดี พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่นี่เธอกลับตั้งใจปล่อยให้ความเกลียดชังความริษยาเข้าครอบงำจิตใจตัวเอง จนทำลายคนอื่น ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
จอร์จเดินออกไปอย่างผิดหวัง ดำมองตามจอร์จอย่างเสียใจเช่นกัน น้ำตาซึมเอ่อออกมา เพราะเป็นครั้งแรกที่ทำให้จอร์จเสียใจ ปล่อยให้ถุงต่างๆ หลุดจากมือร่วงลงพื้น

เดือนแต่งตัวสวยออกมา เจอดนัยธรก็ถึงกับชะงัก ดนัยธรมองหัวจรดเท้าอย่างรู้แกว
“มืดค่ำแล้วจะไปไหน”
“เดือนจะออกไปซื้อขนมหน้าปากซอยค่ะ”
“ทำไมไม่ให้ไพออกไปซื้อให้”
“เดือนอยากเดินเล่นไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ”
“นัดเจอไอ้หนุ่มนั่นใช่ไหม”
“คุณพ่อ...”
เดือนส่ายหน้าพยายามปฏิเสธ แต่พูดไม่ออก ดนัยธรโพล่งออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก ไปอยู่กับมัน หรือจะกลับไปอยู่สลัมกับแม่แท้ๆก็ได้”
เดือนเสียใจ สะบัดหน้าออกไป ดนัยธรมองตามอย่างหัวเสีย

เดือนเดินมาที่สวนของหมู่บ้าน รีบเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นไวภพนั่งรออยู่
“เดือน...”
“ไวคะ มีอะไรถึงอยากเจอเดือนกะทันหันอย่างนี้”
“เดือนครับ... ได้ดูรายการอ้อมกอดแห่งรักหรือเปล่า”
เดือนนึกไม่ถึงว่าไวภพจะถามตรงๆ ส่ายหน้าปฏิเสธอึกอัก
“เปล่าค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
“ดำกับแม่เขาไปออกรายการ ประกาศตามหาพี่สาว เขาเอารูปพี่สาวตอนเด็กๆมาออกด้วย เด็กในรูปนั่นคล้ายเดือนมาก”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เด็กคนนั้นไม่ใช่เดือนแน่ๆ คงเป็นคนหน้าคล้ายกัน”
“จนป่านนี้แล้วทำไมต้องปิดบังผมอีก”
“ปิดบังอะไรกันคะ ไวยังสงสัยว่าเดือนไม่ใช่ลูกของคุณพ่อคุณแม่อีกเหรอคะ”
ไวภพมองเดือนอย่างเจ็บปวด
​“คุยกันตรงนี้ไม่สะดวก เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า”
“ไวจะพาเดือนไปไหนคะ เดือนไปได้ไม่นานนะคะ”
ไวภพไม่ตอบ จูงมือเดือนขึ้นรถ

ไวภพขับรถออกมา ทั้งสองต่างนิ่ง ไวภพถอนใจหนักๆ ออกมาก่อนจะพูดขึ้น
“เราอยู่กันสองคนแล้ว ผมอยากให้เดือนพูดความจริงกับผม จะได้ไหม”
“เดือนพูดความจริงแล้ว ทำไมไวถึงไม่เชื่อใจเดือนเลย”
“คุณพ่อของเดือนยังหนุ่มอยู่มากนะ”
เดือนสะอึกกับคำพูดของไวภพ
“ถ้าเทียบกับคุณแม่ของคุณ ดูจะยังหนุ่มกว่ามาก.. ท่าทางเดือนจะรักคุณพ่อมาก”
เดือนเริ่มอึดอัดใจในถ้อยคำและแววตาของไวภพ แต่แข็งใจตอบกลับไปเหมือนขบขัน
​“ใครบ้างไม่รักพ่อของตัวเอง”
“ถ้าให้เลือกระหว่างคุณพ่อเดือนกับผม เดือนจะเลือกใคร”
เดือนหันขวับมามองไวภพอย่างงุนงง
“ทำไมถามอย่างนี้ละคะ”
“ผมเข้าใจแล้วทำไมท่านถึงหวงคุณนัก”
ทั้งสองเงียบไปภายใต้บรรยากาศที่อึดอัด

ไวภพกับเดือนนั่งเงียบมาอย่างไม่มีใครพูดอะไร แต่แล้วเดือนตกใจเมื่อเห็นว่าไวภพกำลังจะเลี้ยวรถเข้าโรงแรมม่านรูด
“ไวจะทำอะไร”
เดือนจับพวงมาลัยของไวภพเอาไว้ ไม่ให้เลี้ยวเข้าไป รถส่ายไปมาจนเลยประตูทางเข้าไป ไวภพพยายามคุมพวงมาลัยรถไว้ แล้วเบรกกะทันหัน ล้อรถกระแทกฟุตบาทเล็กน้อย
“อย่าทำอย่างนี้ มันอันตราย”
“แล้วไวกำลังจะทำอะไรล่ะ”
น้ำตาเดือนไหลพร่างพรู ไวภพจอดรถเข้าข้างทาง
“มันเป็นทางเดียวที่จะผูกพันเราสองคนไว้ด้วยกัน เดือนไม่เข้าใจความรู้สึกของผมหรอก”
“เดือนเข้าใจ เดือนรู้ แต่วิธีนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของเรา”
“แต่ผมรักเดือนนะ รักมากจนไม่อยากจะเสียคุณไปให้กับใคร”
ไวภพโอบเดือนไว้และพยายามจะกอดจูบ เดือนผลักไสเขาออกด้วยความหวงตัว
“อย่า...เรายังมีเวลาแก้ปัญหากันอีกนาน ปล่อยเดือนเถอะค่ะ”
“ใช่ เรายังมีเวลาแก้ปัญหากันอีกนาน แต่อาจจะหมดเวลาไปได้เหมือนกันผมหวงเดือน หวงจนไม่อยากจะปล่อยเดือนไว้ตามลำพัง...กับใคร รู้ไหม”

เดือนได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ปวดร้าวกับความหมายในคำพูดของเขา
“...กับผู้ชายที่คุณเรียกว่าพ่อยังไงล่ะ พอรู้ว่าเขาไม่ใช่พ่อของเดือนจริงๆ ผมก็ระแวงความรู้สึกของเขาทันที ผมหวงคุณอย่างที่เขาหวงนั่นแหละเดือน เรื่องอย่างนี้มันเป็นไปได้...เดือน...เป็นไปได้ แล้วก็เคยมีตัวอย่างมาแล้วบ่อยๆ”
เดือนยิ่งร้องไห้หนัก จนไวภพตกใจ
“หยุดร้องไห้เถอะเดือน ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ผมจะพาคุณกลับเดี๋ยวนี้”
ไวภพออกรถ เดือนร้องไห้เบาลง แต่ยังสะอึกสะอื้น ไวภพหน้าเครียด

ไวภพขับรถมาใกล้กับหน้าหมู่บ้าน
“ผมส่งเดือนตรงนี้นะ แล้วเดือนข้ามถนนไปเอง จะได้ไม่มีใครเห็น”
เดือนยังสะอึกสะอื้นน้อยๆ นัยน์ตาบวมมีคราบน้ำตา
“แล้ว...แล้ว...”
ไวภพน้ำเสียงขมขื่น ไม่มองหน้าเดือน
“ผมคงไม่สำคัญกับคุณเท่าไรหรอกเดือน แล้วเจอกันที่มหาลัย”
เดือนลงจากรถ ไวภพขับออกไป เดือนมองตามน้ำตาร่วงอย่างเสียใจ

โจ้เล่นดนตรีอยู่บนเวทีของผับจ้อย แอ๋มเดินเข้ามาเห็นถึงกับกรี๊ดกร๊าดกับแนท
“นักร้องใหม่เหรอวะแนท เท่ว่ะ”
“คุณโจ้ น้องชายคุณจ้อยไง”
แอ๋มเขม้นมอง
“อ๋อ...จำได้แล้ว เขาจะมาเล่นดนตรีที่นี่เหรอ”
“ตอนนี้นักร้องขาดนังดำกับนังหวานไป คุณจ้อยเลยให้น้องชายมาเล่นดนตรีแทนนังสองคนนั้น”
“ก็ดีเหมือนกันนะ”
แอ๋มมองโจ้อย่างปลาบปลื้ม แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ถึงกับอุทานอย่างตื่นเต้น
“นั่นดูนั่น”
ไวภพเดินเข้ามานั่งอยู่มุมหนึ่ง
“นังออยต้องดี๊ด๊าแน่”
แนทกับแอ๋มชักชวนกันเข้าไปบอกข่าวดีกับออย โจ้เล่นดนตรีเสร็จ เดินลงมา เห็นไวภพก็ตรงเข้ามาหาทันที
“ไงวะ แม่แท้ๆ ของเด็กแกไปออกรายการตามหาลูกอยู่นี่หว่า”
“เกี่ยวไรกับพี่ด้วย”
“ยอมรับความจริงซะที ไอ้หน้าโง่ ป่านนี้ลูกคุณหนูโดนพ่อเลี้ยงเคลมไปแล้วมั้ง”
ไวภพเหมือนถูกจี้ใจดำ กระชากคอเสื้อโจ้ขึ้นมา
“พูดจาหมาไม่แดก”
“แต่มึงอ่ะต้องแดกของเหลือเดนจากคนอื่น”
ไวภพชกโจ้เซไป โจ้เงื้อหมัดจะชกไวภพกลับ จ้อยรีบเข้ามาห้าม
“อย่าโจ้ อย่ามีเรื่องกับแขก”
“มันมาชกก่อน
โจ้ยังฮึดฮัด จ้อยพยักเพยิดให้บ๋อยมาเอาตัวโจ้ไป แล้วหันไปบอกไวภพ
“ต้องขอโทษแทนโจ้ด้วยนะคะ เดี๋ยวพี่จะแถมมิกเซอร์ฟรีให้”
“ขอบคุณครับ อย่าให้เขามายุ่งกับผมอีกก็พอ”
จ้อยให้บ๋อยพาไวภพไปนั่ง จ้อยมองตามพลางถอนใจ

ใจหวานอุทานออกมาด้วยความงุนงง
“อะไรนะดำ แกหลอกแม่ว่าออกมาร้องเพลงเนี่ยนะ”
ดำซึ่งแต่งหน้าแต่งตัวเหมือนออกมาร้องเพลง นั่งเซ็งอยู่ในห้อง
“หนูขอมาอยู่ห้องพี่หวานก่อนนะ ไม่อยากให้แม่รู้ว่าตกงานอยู่”
“ทำไมต้องสร้างภาพด้วยวะดำ”
“ปกติแม่ก็รักนังเดือนมากกว่าหนูอยู่แล้ว ถ้าแม่รู้ว่าหนูตกงานด้วย แม่ต้องดูถูกหนูแน่ๆ แล้วแม่ก็จะหนีหนูไปอีก”
“ถ้าแม่รักแกจริงก็ต้องยอมรับแกได้สิ”
“หนูไม่อยากเสี่ยงหรอก ไหนๆ แม่ก็กลับมาหาหนูแล้ว หนูอยากทำให้แม่รักหนูมากที่สุด”
ใจหวานส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“ฉันว่าวิธีนี้ได้ผลไม่นานหรอกวะดำ สักวันแม่แกก็ต้องรู้”
“เดี๋ยวหนูก็หางานใหม่ได้เองละน่า”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครคะ”
“ฉันเอง ใจหวาน”
ดำชะงัก หาทางหลบเลี่ยง
“ครูจอร์จมาทำไมน่ะพี่หวาน”
“เขาก็มาเยี่ยม ดูอาการฉันน่ะแหละ”
ใจหวานไปเปิดประตูให้จอร์จเข้ามา พอเจอดำก็ต่างคนต่างชะงัก จอร์จจะทัก แต่ดำหันไปบอกกับใจหวาน
“หนูไปก่อนนะพี่หวาน”
“อ้าว...ไหนแกว่าจะอยู่จนผับเลิกไง”
“หนูหิว ไปหาข้าวกินก่อนดีกว่า”
ดำเดินออกไปโดยไม่ทักจอร์จ ใจหวานมองตามงงๆ

ดำออกมายืนหน้าห้องด้วยความรู้สึกเจ็บปวด นึกถึงสิ่งที่จอร์จพูดกับเธอ
‘เมื่อก่อนฉันคิดว่าเธอเป็นคนใฝ่ดี พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่นี่เธอกลับตั้งใจปล่อยให้ความเกลียดชังความริษยาเข้าครอบงำจิตใจตัวเอง จนทำลายคนอื่น ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ’
ดำน้ำตาไหลออกมา
“หนูมันไม่ดีเอง ถึงได้ทำให้ครูผิดหวัง หนูไม่อยู่ให้เหม็นขี้หน้าหรอก”
ดำเช็ดน้ำตา แล้วเดินออกไป

ใจหวานมองตามดำงงๆ แล้วหันมาพูดกับจอร์จ
“ดำมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ คิดจะไปก็ไป เอ๊ะ...หรือว่ามันโกรธอะไรหมอ”
“ผมดุเขาเรื่องที่เขาไปออกรายการวันนั้น”
“มิน่า...นังดำถึงได้หน้าบูดใส่หมอ ถ้าหวานรู้ว่ามันจะไปออกรายการ หวานก็จะห้ามมันเหมือนกัน ไม่รู้มันจงเกลียดจงชังอะไรพี่สาวมันนักหนา”
“ผมเข้าใจดำนะว่าเขาเจออะไรมาบ้าง เหมือนผมที่เคยโดนเหยียดผิวมาก่อน แต่ดำไม่ควรจะใช้ความโกรธแค้นของตัวเองทำลายชีวิตพี่สาว เพียงเพราะเขามีชีวิตที่ดีกว่า”
“คิดอีกทีก็น่าสงสารดำมันเหมือนกันนะหมอ มันโตมาอย่างลำบาก ไม่มีใครคอยสอน แต่ยังดีที่มันใฝ่ดี หวังว่าดำมันจะคิดได้บ้าง”
“ผมก็หวังว่าอย่างนั้น”
แต่แล้วจอร์จกับใจหวานก็มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ

ดนัยธรร้อนใจ กดมือถือหาจ้อย
“ฮัลโหล จ้อยใช่ไหม...”
จ้อยอึ้งไปนิดหนึ่งที่ดนัยธรโทรมา แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องของเดือน
“สวัสดีค่ะ คุณอานัย จ้อยเองค่ะ มีอะไรให้จ้อยรับใช้คะ”
“ทำไมเธอถึงปล่อยให้เด็กนิโกรคนนั้นไปพูดพาดพิงถึงยัยเดือนอีก”
“จ้อยไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
“ไม่รู้ได้ยังไง ก็มันเป็นเด็กในสังกัดของเธอไม่ใช่เหรอ”
“จ้อยหมายถึง ไม่ได้รู้เรื่องกับนังดำเลยนะคะคุณอา เพราะจ้อยไล่นังดำออกไปแล้ว”
“ออกไปแล้วเหรอ แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิคะคุณอา แต่ที่จริงคุณอาไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลยนี่คะ ในเมื่อดำประกาศตามหาพี่สาวที่ชื่อเดือน แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นน้องเดือนลูกสาวคุณอาเลยสักคำ”
“มันก็ทำให้ใครๆ เข้าใจผิดได้นั่นแหละ”
“คุณอาไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อีกไม่นานพี่สาวตัวจริงเขาอาจจะปรากฏตัวออกมาตอนนั้นน้องเดือนจะได้พ้นข้อครหาซะที”
​ดนัยธรชักฉุน
“โอเค งั้นแค่นี้นะ”
จ้อยวางสายพลางยิ้มหยัน
“กินปูนร้อนท้องละซี้”

ดนัยธรวางสายด้วยความหงุดหงิด
“ฮึ...นังเด็กเมื่อวานซืน”
เขมวรรณเดินออกมาเห็นก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรคะนัย”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
เขมวรรณชะเง้อมองไปหน้าบ้านอย่างร้อนใจ
“ยัยเดือนออกไปข้างนอกตั้งนาน ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย”
ดนัยธรพาล
“ปล่อยมันไปเถอะ มืดค่ำป่านนี้ยังแล่นออกไปหาผู้ชายอีก”
“ยัยเดือนน่ะเหรอคะ”
“จะใครซะอีกล่ะ บอกว่าออกไปปากซอย แต่แต่งตัวยังกับจะไปเที่ยวกลางคืน”
“ลูกบอกเข็มว่าจะออกไปซื้อของหน้าปากซอยนี่เอง”
“คุณเชื่อเหรอ ว่านังเด็กนั่นไปซื้อของหน้าปากซอยจริงๆ”
“ทำไมคุณเรียกลูกเราอย่างนั้นคะนัย”
“แล้วมันทำตัวสมกับเป็นลูกของเราหรือเปล่าล่ะ ร่านเหมือนแม่แท้ๆ ของมัน”
“นัยคะ ฉันรู้สึกว่าหมู่นี้คุณอคติกับยัยเดือนเกินไป คำพูดแต่ละคำถ้าแกได้ยิน มันจะทำให้แกเสียใจมากนะคะ”
“ผมน่ะเหรออคติ ผมมองความจริงต่างหาก ไม่ใช่พวกโลกสวยอย่างคุณนี่ คอยดูก็แล้วกัน ถ้าไม่คุมให้ดีอาจจะท้องไม่มีพ่อเหมือนกับ...ฮึ่ย...”
ดนัยเดินออกไป เขมวรรณยิ่งกลุ้ม ร้อนรุ่มคิดว่าไม่ได้การแล้ว

ข้าวนอกนา ตอนที่ 22 (ต่อ)

เดือนนั่งร้องไห้อยู่ในสวนหมู่บ้านคนเดียว นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...ไวภพโอบเดือนไว้และพยายามจะกอดจูบ เดือนผลักไสเขาออกด้วยความหวงตัว
‘อย่า...เรายังมีเวลาแก้ปัญหากันอีกนาน ปล่อยเดือนเถอะค่ะ’
‘ใช่ เรายังมีเวลาแก้ปัญหากันอีกนาน แต่อาจจะหมดเวลาไปได้เหมือนกัน ผมหวงเดือน หวงจนไม่อยากจะปล่อยเดือนไว้ตามลำพัง...กับใคร รู้ไหม’
เดือนร้องไห้ออกมาอย่างหนัก พยายามจะถอดแหวนที่นิ้ว แต่ถอดไม่ออก
“เดือน...”
เดือนตกใจ มองไปเห็นเขมวรรณเดินเข้ามา
“หนูมาอยู่นี่เองเหรอลูก แม่ตามหาแทบแย่ โทรเข้ามือถือก็ไม่รับสาย”
“เดือนออกมาซื้อของแล้วก็เลย...เดินเล่นค่ะ”
“แล้วทำไมไม่รีบกลับ มานั่งทำอะไรตรงนี้มืดๆ คนเดียว ยุงจะหามอยู่แล้วนะ”
เขมวรรณสังเกตเห็นหน้าเดือน แต่เดือนรีบเบือนหน้าหลบ
“เดือนเป็นอะไรไปลูก ร้องไห้ทำไม”
“เดือนกลุ้มใจค่ะคุณแม่”
เขมวรรณกอดปลอบเดือน นึกว่ากลุ้มเรื่องรายการ
“ไม่ต้องห่วงนะลูก แม่บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมาก พ่อกับแม่จะหาทางช่วยหนูเอง”
“คุณแม่อย่าทิ้งเดือนนะคะ”
“แม่จะทิ้งลูกได้ยังไง แม่รักลูกมาก ลูกยังไม่รู้อีกเหรอ รักอย่างที่จะไม่ยอมให้ ใครมาพรากหนูไปจากแม่ได้”
เดือนกอดเขมวรรณไว้แน่นอย่างหาที่พึ่ง

เขมวรรณประคองเดือนกลับมาบ้าน เจอดนัยธรมองตาขวาง
“ไปเดินเล่นถึงไหนล่ะ”
เขมวรรณหันมาบอกเดือน
“ขึ้นไปบนห้องก่อน อาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาทานนมอุ่นๆ สักแก้วก่อนนอนนะจ๊ะ”
เดือนรีบขึ้นห้องไป เขมวรรณหันไปติงดนัยธร
“แกกำลังกลุ้มใจอยู่ ฉันเห็นแกไปนั่งร้องไห้อยู่ในสวนหมู่บ้าน อย่าไปซ้ำเติมแกเลยค่ะ”
“นัดเจอใครที่นั่นแล้วเขาไม่มาล่ะสิ”
“นัยคะ เข็มไม่เข้าใจเลย ทำไมคุณไม่รักลูกเหมือนเมื่อก่อน”
“แล้วยัยเดือนเป็นเด็กน่ารักเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่าล่ะ”
“กับเข็มแกก็เหมือนเดิมนะคะ แต่คุณทำให้ลูกกลัวจนแกไม่กล้าเข้าใกล้”
“ก็เพราะผมรู้น่ะสิ ว่ายัยเดือนเป็นยังไง มันจ้องจะออกไปเจอผู้ชายตลอดเวลา”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันไม่เห็นแกอยู่กับผู้ชายที่ไหนเลย เข็มว่าเราน่าจะช่วยกันหาทางช่วยลูกจากเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่านะคะ ลูกเครียดมาก ฉันสงสารแก”
“ช่วยแล้วยังไง ลูกคุณมองเห็นความหวังดีของเราบ้างหรือเปล่า ผมไม่อยากยุ่ง​ด้วยหรอก”
“ถ้าคุณไม่ช่วยจัดการ ฉันจะจัดการของฉันเอง”
“ก็ตามใจ”
ดนัยเดินหนีออกไป เขมวรรณมองตามกลัดกลุ้ม

ดำตระเวนหางานมาจนถึงหน้าผับแห่งหนึ่ง ดำหยุดมองอย่างสนใจ เพราะข้างหน้ามีรูปนักร้องหลายเชื้อชาติ ดำตัดสินใจเดินเข้าไป เธอได้พบผู้จัดการในผับ
“หนูมาสมัครเป็นนักร้องค่ะ”
ผู้จัดการมองดำหัวจรดเท้า
“ตอนนี้ยังไม่รับคนใหม่หรอก”
“หนูลองร้องเพลงให้ฟังก่อนก็ได้นะคะ แล้วถ้านักร้องขาดค่อยติดต่อหนูกลับไป”
“น้องใช่มิสดอลลี่หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
“ฉันรู้จักคุณจ้อยนะ เห็นเขาบอกว่าเราเยอะนี่”
ดำชักเคือง
“เยอะอะไรคะ”
“ก็แบบว่า...เรื่องเยอะไง เห็นเป็นข่าวบ้างไปออกรายการโน่นนี่บ้างตลอด”
“ทำไมคุณจ้อยต้องเอาหนูมาพูดแบบนี้ด้วย”
“เขาก็เตือนคนร่วมอาชีพด้วยกัน กลัวเธอจะมาป่วนที่นี่ ไปตามหาพี่สาวให้เจอก่อนละกัน”
“ถ้าใครดีกับหนูหนูก็ดีตอบ ไม่เคยป่วนใครที่ไหน”
“ยังไงที่นี่ก็ยังไม่รับคนใหม่นะ ลองไปหาที่อื่นดูก่อนเถอะ”
ดำเดินออกมาอย่างเซ็งสุดขีด

ซูซี่เข้ามาในห้องแต่งตัว กะจะหยิบชุดตัวเองออกมาใส่ แต่ปรากฏว่าหาไม่เจอ ชุดบนราวหายไปจนหมด
​“เฮ้ย...ชุดฉันหายไปไหนหมดวะ”
​“ฮ่าๆ”
ซูซี่หันไป เห็นออยคุยมือถือพลางหัวเราะลั่น
“โอ๊ย...สะใจว่ะแก ดูสิมันหน้าเหวอไปเลย ฮ่าๆ”
ซูซี่มองออยอย่างสงสัย ตรงเข้าไปยืนตรงหน้าออย ถามทั้งที่ออยยังคุยมือถืออยู่
​“ฝีมือแกใช่ไหม”
ออยหยุดหัวเราะ มองซูซี่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก ทำไม่สนใจ แล้วคุยมือถือต่อ
“ไม่มีอะไร เสียงทีวีน่ะ”
ซูซี่โมโห ดึงตัวออยหันมาคุยด้วย
“ใครทำอะไรวะ”
“แกขโมยชุดฉันไป”
ออยพูดในมือถือ
“แค่นี้ก่อนนะแก มีคนบ้ามาหาเรื่อง เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
ออยวางสาย แล้วเท้าสะเอวใส่ซูซี่
“อย่ามามั่ว ฉันเพิ่งเข้ามา จะขโมยชุดแกไปได้ยังไง”
“ไม่ใช่แกแล้วหมาตัวไหนทำวะ”
“ก็ไปถามหมาดูสิ พวกเดียวกับแกไม่ใช่เหรอ”
ออยหัวเราะ เสียงแนทกับแอ๋มหัวเราะประสานเข้ามา ซูซี่มองไป เห็นทั้งสองเข้ามา
ซูซี่มองกราดอย่างเจ็บใจ
“คอยดูนะ ฉันจะฟ้องคุณจ้อย ว่าพวกแกหาเรื่องแกล้งฉัน”
“สาระแนไปฟ้องเลย อย่าลืมนะว่าตอนนี้แกหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว”
“อย่านึกว่าฉันไม่กล้า”
“ก็เอาซี่ อีเตี้ยม่อต้อคอสั้นอย่างแก อยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานหรอก”
ออย แนท แอ๋มประสานเสียงหัวเราะกันอีกครั้ง ซูซี่เจ็บใจมาก
​“อย่าไปสนใจมันเลยออย ฉันมีข่าวดีมาบอก”
“ข่าวดีอะไร”
“คุณชายของแกกลับมาแล้ว”
“อร๊าย....คุณไวภพน่ะเหรอ จริงอ่ะ”
“จริงสิ แกรีบออกไปเทคแคร์เขาเลย”
ออยมานั่งแต่งหน้าส่องกระจกอย่างมีความสุข
“คืนนี้ฉันได้เคี้ยวหญ้าอ่อนกรุบกริบๆ แน่”
ออยรีบออกไป จึงลืมมือถือทิ้งไว้บนโต๊ะในห้อง ซูซี่มองตามแค้นใจ

ไวภพนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว แนทพาออยเข้ามา
“มาจริงๆ ด้วย ในที่สุดก็กลับมาแล้ว” ออยดีใจสุดขีด
“เอาเลยออย คืนนี้จัดการขั้นเด็ดขาด” ​แนทยุ
ออยพยักหน้ากับแนทแล้วยิ้มกริ่ม เดินเข้าไปหาไวภพทันที ออยเข้ามาเอาคางเกยไหล่ไวภพจากด้านหลัง
“คุณไวภพขา”
“ออย...”
“ไม่ได้มาตั้งนาน ออยคิดถึ๊งคิดถึง นึกว่าจะไม่เจอกันซะแล้ว”
“พอดีมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยน่ะครับ”
“มาหาออยดีกว่า รับรองมีแต่เรื่องสบายใจ”
ไวภพเหล้าหมด ออยคว้าแก้วมา
“ออยเองค่ะ”
ออยชงเหล้าให้ไวภพ พอเห็นเขาเผลอก็แอบใส่ยาบางอย่างลงไป สีหน้ากระหยิ่ม ซูซี่แอบดูอยู่ นึกแผนอะไรบางอย่างออก

ซูซี่เข้ามาในห้อง พลางมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้ว จึงหยิบมือถือออยขึ้นมา มองซ้ายมองขวาอีกว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ค่อยกดค้นหาเบอร์ของธัชชัยจนเจอ กำลังจะเมมใส่เครื่องตัวเอง
“ทำอะไรวะนังซูซี่”
แอ๋มถาม ซูซี่ตกใจเกือบทำมือถือหล่น แต่ใช้อีกมือคว้าไว้ทัน
“ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”
แอ๋มเดินเข้ามา มองมือถือและมองซูซี่อย่างสงสัย
“แกจะขโมยมือถือนังออยเหรอ”
“ฉันไม่ขโมยของของใครหรอก”
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกขโมย แกโดนแน่”
แอ๋มเอามือถือของออยไปเก็บ แล้วหยิบชุดใหม่มาจะเปลี่ยน ซูซี่รีบทบทวนความจำว่าเบอร์อะไร แล้วหยิบลิปสติกแถวนั้นมาเขียนบนมือตัวเอง


ดำกลับมาที่คอนโดอย่างเหนื่อยอ่อน พอจะเข้าตึกก็หยุดกึกเมื่อจอร์จกับใจหวานเดินออกมาด้วยกัน
“ใจหวานฟื้นตัวเร็วมาก อีกสองสามวันก็หายเป็นปกติแล้ว”
“ขอบคุณนะคะหมอ เดี๋ยวหวานหายดีแล้วจะกลับไปช่วยงานที่คลินิกหมออีกนี่หมอจะกลับเลยหรือเปล่าคะ”
“ผมว่าจะไปช่วยมูลนิธิก่อน”
“หมอนี่ขยันได้โล่เลยแฮะ”
“ผมมีโอกาสดีกว่าคนอื่นแล้ว ก็อยากจะช่วยคนที่ด้อยโอกาสกว่าผมบ้างไปละ”
จอร์จล่ำลาใจหวานแล้วเดินผ่านหน้าดำไป ดำทำตัวลีบหมุนหลบเข้าอีกมุมของเสาไม่ให้จอร์จเห็น ก่อนจะมองตามเขาอย่างเศร้าสร้อย

ดำเปิดตู้ เห็นเสื้อผ้าข้าวของและกระเป๋าของกุหลาบยังอยู่ก็โล่งใจ เสียงเปิดประตูดังกุกกักๆ ดำรีบออกไปเปิดมากุหลาบก็เซมาปะทะดำอย่างแรง
“แม่...”
“เฮือก...”
กุหลาบส่งเสียงครางไม่ได้ศัพท์เพราะความเมา ดำพยายามประคองแม่ไว้แต่เกือบไม่ไหว
​“แม่กินเหล้ามาเหรอเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ มีความสุขจริงโว้ย”
“แม่ไปนั่งก่อนไป”
ดำประคองกุหลาบไปนั่ง แต่ไม่ไหว ล้มลงก่อนถึงโซฟา กุหลาบนอนแผ่หลากลางพื้นห้อง
“โอ๊ย...อีดำ มึงจะฆ่ากูเรอะ อีลูกชั่ว”
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะแม่ แม่น่ะเมามากแล้ว เดี๋ยวหนูพาไปนอน”
ดำเข้าไปจะประคองกุหลาบขึ้นมา แต่กุหลาบปัดออก
​“อีเวร อย่ามายุ่งกับกู”
“แม่นอนตรงนี้ไม่ได้นะ”
“กูจะนอน มึงอย่ามาโดนตัวกูได้ไหมอีดำ สกปรก”
กุหลาบปัดป้อง ดำมองแม่อย่างรู้สึกน้อยใจขึ้นมา กัดริมฝีปากแน่น
“แม่ก็เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ ที่รังเกียจหนู แต่หนูให้อภัยนะ แม่พูดไปเพราะเมาใช่ไหม”
ด้วยความรักแม่ ดำจึงไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้กุหลาบสร่างเมา กุหลาบเพ้อ
“เดือนกลับมาหาแม่นะลูกเดือน กลับมาหาแม่...”
ดำชะงัก มองหน้าแม่ด้วยความน้อยใจที่ผุดขึ้นมาเป็นริ้วๆ แต่พยายามข่มมันลงไป”
กุหลาบทำท่าพะอืดพะอืม ดำตกใจ
“แม่อย่านะ... อย่าเพิ่ง...เดี๋ยวฉันไปเอา...”
ดำจะวิ่งออกไปเอาภาชนะมารอง แต่ไม่ทันกุหลาบที่อ้วกลงบนพื้นเสียก่อน ดำมองอย่างเซ็งมาก

ออยประคองไวภพออกมา ไวภพเดินเซเพราะเมามาก
“เดินดีๆ นะคะคุณไวภพ ระวังค่ะระวัง”
ซูซี่แอบหลบอยู่มุมหนึ่ง ถ่ายออยกับไวภพเป็นคลิปภาพเคลื่อนไหว ออยประคองไวภพขึ้นรถไป
“เสร็จกูละอีออย”
ซูซี่จัดการกดส่งภาพนั้นไปให้ธัชชัย แล้วหัวเราะสะใจ
“ฮ่าๆ”
ซูซี่ยิ้มกริ่มสะใจสุดๆ

ออยประคองไวภพที่กำลังเมาเข้ามาในห้องพักของตนเอง
“ระวังนะคะ คุณไวภพ”
ออยประคองลงมาบนที่นอน มองไวภพอย่างหลงใหล
“ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ ปล่อยไปก็เสียดายแย่”
ออยเอามือลูบไล้ไปตามใบหน้า ไวภพลืมตาขึ้นมามองงงๆ เห็นออยเป็นเดือน
​“นี่ออยค่ะ ไม่ใช่เดือน”
“เดือน...”
“เดือนก็เดือนค่ะ”
ออยลงมือถอดเสื้อของเขาจนท่อนบนเปลือยเปล่า เธอลูบไล้ไปตามตัวเขาอย่างเสน่หา ออยถอดเสื้อตัวเองแล้วจูบไวภพ ก่อนจะซบลงกับอกของเขา แต่แล้วมีใครบางคนเข้ามากระชากตัวออยออกไป
“อีร่าน”
​ออยตกใจสุดขีด
“ว้าย...คุณธัช”
“มึงนี่มันดอกจริงๆ อีออย”
“เปล่านะคะ ฟังออยก่อน...”
ธัชชัยไม่ฟัง ตบออยจนล้มไปกับพื้น แล้วหันไปทางไวภพที่มึนๆ อยู่ ดึงตัวไวภพขึ้นมา
“มึงกล้าเป็นชู้กับกิ๊กกูเหรอไอ้หน้าจืด”
ไวภพมองงงๆ ธัชชัยชกไวภพจนล้มลง แล้วลากตัวไวภพออกไป

ธัชชัยลากตัวไวภพออกมา ลูกน้องสองคนรออยู่
“จัดการสั่งสอนมัน”
ทั้งสองคนลากตัวไวภพออกไปนอกห้อง ไวภพมึนๆ แต่เริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงดิ้นพราด
“เฮ้ย...จะทำอะไรกูวะ ปล่อยกู”
ไวภพสู้แรงชายทั้งสองไม่ได้ ถูกทั้งสองชกจนสลบ แล้วหามออกไป ออยซึ่งสวมเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกมา ธัชชัยจับตัวออยไว้
“จะหนีไปไหนอีออย”
ออยยกมือไหว้อย่างหวาดกลัว
“อย่าค่ะคุณธัช เขาเข้ามาเอง ออยยังไม่มีอะไรกับเขา”
“จับได้คาหนังคาเขามึงยังกล้าแถอีกเหรอ”
ธัชชัยจิกผมออยไปด้านหลัง
“เขาเมาแล้วมาลวนลามออย ออยไม่ได้สมัครใจ”
“กูเห็นตั้งแต่หน้าผับแล้ว มึงอย่ามาแหล ที่กูให้มึงไปยังไม่พอใช่ไหม”
“ออยขอโทษ ออยรักคุณนะคะคุณธัช”
“กูไม่เชื่อมึงอีกแล้ว”
ธัชชัยตบออย ออยวิ่งหนี ธัชชัยตามไปกระชากตัวมาตบอีก
“กูเจ็บนะ” ออยชักโมโห
“กูอยากให้มึงเจ็บ จะได้เลิกร่านซะที”
ธัชชัยจะตบ แต่ออยสู้ พยายามจะข่วน แต่เขาจับมือเธอไว้ แล้วตบจนล้ม ก่อนจะตามไปถีบ ออยได้แต่ร้องโอดโอยเพราะสู้แรงไม่ได้

ไวภพที่ถูกรุมกระทืบจนสลบเหมือด ถูกทิ้งในพงหญ้า ไม่นานนัก เสียงไซเรนของรถมูลนิธิดังเข้ามาใกล้ จอร์จลงมาดู เขย่าตัวไวภพ
“คุณ...คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่า”
จอร์จตรวจชีพจร เห็นว่ายังหายใจ รีบลากไวภพขึ้นจากพงหญ้า

สายวันใหม่ ไวภพลืมตาขึ้นมา แปลกใจที่เห็นจอร์จ
“คุณฟื้นแล้วเหรอ คุณไวภพ”
ไวภพมองไปรอบๆ
“ผมอยู่ที่ไหน”
“คลินิกผมเอง ผมเป็นหมอชื่อจอร์จ ผมกับมูลนิธิไปเจอคุณสลบอยู่ข้างทาง ใครทำร้ายคุณ”
ไวภพนิ่วหน้า พยายามนึก
“ผมก็ไม่รู้จักเขาเหมือนกัน”
“แต่ท่าทางไม่ใช่การชิงทรัพย์” จอร์จยื่นถุงให้ไวภพ “ของที่ติดตัวคุณมา มีมือถือแล้วก็กระเป๋าเงิน คุณลองเช็คดูว่ามีอะไรหายหรือเปล่า”
ไวภพรับถุงมาเปิดดู
“ทุกอย่างอยู่ครบ ขอบคุณมากครับที่ช่วยผม”
“ไม่เป็นไร แต่ผมว่าคุณน่าจะแจ้งความ”
“คงไม่หรอกครับ คิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า”
“งั้นก็...แล้วแต่คุณครับ”
จอร์จมองหน้าไวภพอย่างไม่เชื่อนัก คิดว่าต้องมีอะไรปิดบังอยู่

​เขมวรรณตัดสินใจโทรไปที่รายการอ้อมกอดแห่งรัก เพื่อขอเบอร์กุหลาบ ไม่นานนักก็ได้เบอร์มา เธอจึงโทรหาทันที เสียงมือถือดังขึ้น กุหลาบงัวเงียขึ้นมา
“ฮัลโหล...”
ดำซึ่งนอนอยู่บนพื้นชะงักมอง
“ใครนะคะ...ใช่ค่ะ ฉันเอง...”
กุหลาบฟัง พลางเหลือบมองดำอย่างระแวง เพราะเขมวรรณโทรมานัด
“วันนี้ฉันว่าง เดี๋ยวฉันออกไปเจอคุณ ที่ไหนดีล่ะ...”
ดำมองอย่างไม่สนใจ แล้วหลับต่อ
​“ได้สิ อีกสองชั่วโมงเจอกันที่นั่น”
กุหลาบกดวางสาย แววตาวาบขึ้นด้วยความสมใจ แต่เห็นดำยังขยับตัวอยู่ จึงแกล้งพูดไปเรื่องอื่น
“...คุณจะให้ฉันไปทำงานอะไร ฉันทำได้หมดทุกอย่าง ไม่เกี่ยงงานหรอก...”


ไวภพกลับมาบ้าน หน้าตาและตามตัวมีรอยฟกช้ำและผ้าก็อซปิดแผล เขาพยายามหลบๆ ไม่ให้ใครเห็น แต่เจอวนิดาเข้ามาเสียก่อน วนิดาถามอย่างแปลกใจ
“เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา ถึงกลับเอาป่านนี้ แล้วนี่...หน้าตาไปโดนอะไรมาน่ะไว”
“ผมโดนจี้น่ะครับ”
วนิดาตกใจ
“อะไรนะ โดนจี้ โดนที่ไหน”
“แถวมหาลัยครับ”
“แล้วแจ้งความหรือยัง”
“ไม่ได้แจ้งครับ มันเอาอะไรไปไม่ได้ มีคนมาช่วยผมก่อน”
วนิดาเข้ามาจับหน้าไวภพดูอย่างเป็นห่วง
“โดนหนักขนาดนี้ทำไมไม่แจ้งความฮึลูก”
“ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ครับ ขอตัวขึ้นไปนอนพักก่อนนะครับแม่”
ไวภพรีบขึ้นห้อง วนิดามองตามเป็นห่วงและสงสัย

โปรดติดตาม ข้าวนอกนา ตอนที่ 23
กำลังโหลดความคิดเห็น