มนต์จันทรา ตอนที่ 4
ยามบ่าย โศภีหน้าหงิกงอเดินลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากข้างในอย่างทุลักทุเล ขณะที่ลำแพงกำลังทำความสะอาดของตกแต่งโถงบ้านอยู่ โดยไม่แยแสแม้แต่น้อย โศภีหงุดหงิดแหวใส่ลำแพง
"นี่แก ไปบอกคนงานให้เอาเรือออก แล้วก็หาคนมาช่วยฉันขนกระเป๋าด้วย ฉันจะกลับบ้านแล้ว"
ลำแพงหน้านิ่งๆถาม
"จะไม่รอพบคุณษมาก่อนเหรอคะ"
โศภีโดนจี้ใจดำก็ตวาดแว๊ด
"ทำไมฉันต้องรอพบเจ้านายแกด้วย เจ้านายแกตะหาก ที่ต้องเป็นฝ่ายไปง้อขอโทษฉัน ไม่ใช่ให้ฉันต้องมานั่งรอพบเค้า"
"รีบแค่ไหนคุณก็ต้องรอก่อนค่ะ เพราะคุณษมาเอาเรือไปที่พระฮาม ส่วนเรืออีกลำกลับเข้าฝั่งไปขนของตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่กลับ"
"แต่ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกแกไม่มีเรือ ก็โทรไปบอกคนของฉันให้เอาเรือมารับสิ ง่ายๆแค่นี้คิดไม่เป็นรึไง"
"แล้วทำไมไม่โทรเองล่ะคะ คนของคุณ คุณก็สั่งเองสิ"
"แก..."
โศภีไม่ทันจะด่ากลับ แลงสีหน้าเครียดก็เดินเข้ามาในโถงบ้าน
"พี่แพง"
ลำแพงเสียงขุ่นๆ รำคาญ อารมณ์ค้างจากโศภี
"มีอะไร"
"ผู้จัดการโทรมาบอกว่าติดต่อคุณษมาไม่ได้เลย ฉันเลยวิทยุไปที่พระฮาม ก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน เงียบกริบ มันแปลกๆนะพี่ ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่รู้มีปัญหาอะไรรึเปล่า"
ลำแพงสีหน้าสงสัยปนห่วง
"งั้นพี่จะลองใช้เครื่องในห้องทำงานคุณษมาติดต่อไปอีกที"
ลำแพงรีบเดินกลับไปที่ทางห้องทำงานของษมาเพื่อติดต่อวิทยุสื่อสาร แลงรีบตามพี่สาวไปติดๆ
โศภีหน้านิ่งหันมองตามสองคนไปอย่างใช้ความคิด
บรรยากาศยามเย็นของเกาะพระฮาม หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆไปแล้ว ทุกอย่างดูสงบ สวยงาม เป็นธรรมชาติ สาระวารียืนหน้าเครียด ใช้ความคิดอยู่
ษมาเดินตามหาสาระวารีด้วยสีหน้าแววตาเป็นห่วง พอเห็นตัวก็รีบเข้าไปหาทันที ษมาและสาระวารีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
"มาทำอะไรตรงนี้ครับ เกิดพวกมันย้อนกลับมา ใครจะช่วยคุณทัน"
สาระวารีมองหน้าษมานิ่ง
"มองหน้าผมยังงี้อีกแล้ว"
"ศัตรูของคุณเป็นใครกันแน่คะถึงได้งัดอาวุธสงคราม ออกมายิงเป็นว่าเล่นขนาดนี้"
"ท่าทางเลือดนักข่าวของคุณกำลังฉีดพล่าน"
สาระวารีหน้าเครียดเอาจริง
"ถ้าคุณไม่ตอบ ฉันจะไม่คุยกับคุณอีกเลย"สาระวารีจะเดินหนี
ษมารีบพูดทันที
"ศัตรูผมมีอยู่เต็มไปหมด ใครๆก็อยากให้ผมตายทั้งนั้นแหละ"
สาระวารีหันไปมองษมา สีหน้าสนใจใคร่รู้
"เรื่องวันนี้ ผมยังตอบไม่ได้หรอกนะว่าฝีมือใคร แต่ผมยืนยันได้ ว่าผมไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย ที่ผมถูกไล่ฆ่าก็เพราะสัมปทานคาสิโนประเด็นเดียวเลย"
สาระวารีแปลกใจ
"ทำไมล่ะคะ ก็คุณได้สัมปทานไปแล้วนี่ ฆ่าคุณตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร"
"มีสิครับ ในสัญญาสัมปทาน ระบุว่าถ้าผมเปิดคาสิโนไม่ทันตามกำหนด ไม่ว่าจะสาเหตุอะไร สัมปทานของผมก็ต้องเปลี่ยนมือไป ถึงได้มีแต่คนคอยขัดแข้งขัดขา ถึงขั้นอยากฆ่าผมให้ตายไงครับ"
สาระวารีโวยวาย ไม่เห็นด้วย
"สัญญาบ้าบอยังงี้คุณทำไปได้ยังไง นี่ก็ไม่ต่างจากคุณทำสัญญาเชิญคนมาฆ่าชัดๆ"
ษมาหน้าขรึมลง
"สร้างคาสิโนที่นี่ มันเป็นความฝันของผม แล้วนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่ผมจะทำให้ฝันตัวเองเป็นจริงได้ ถึงจะเสี่ยงตาย มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง"
สาระวารีถอนใจหนักๆ
"ฝันอยากเป็นเจ้าของบ่อน ดีตายล่ะ"
ษมายิ้มๆ
"คุณฝังใจเกลียดการพนันขนาดนี้ ใจคุณไม่ยอมเปิดรับง่ายๆ หรอก แล้วคุณไม่มีความฝันอะไรมั่งเหรอ"
สาระวารีหน้าเศร้าลง
"ฉันก็เคยฝันค่ะ แต่มันเป็นฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง ฉันถึงขั้นเคยอธิษฐานขอกับพระจันทร์เลยนะคะ
ฉันอยากให้แม่หายป่วย อยากให้พ่อเลิกเล่นการพนัน คุณว่ามันจะเป็นจริงได้มั้ยล่ะ" สาระวารีแอบน้ำตารื้น หันไปมองหน้าษมา
ทั้งคู่สบตากัน ษมามองเห็นแววตาของสาระวารีที่ฉายแววเศร้าฝังใจชัดเจน... เธอเดินเลี่ยงนำไปก่อนที่เขาจะมาอ่านความรู้สึกได้มากไปกว่านี้
ษมามองตามเธอไป ด้วยความรู้สึกเข้าใจและสงสารผู้หญิงคนนี้จับใจ
เวลาเย็น ฝนกำลังตกหนักที่หน้าบ้านษมาที่เกาะยานก บริเวณโถงบ้าน โศภีกำลังโวยวาย วีนลั่นใส่ลำแพงไม่ยอมเลิก
“ตอนแรกแกบอกว่าเรือไม่มี ตอนนี้เรือก็กลับมาแล้วไงล่ะ ทำไมยังไม่ออกไปตามหาษมาอีก”
ลำแพงสีหน้าเย็นชา
“คุณก็เห็นอยู่ว่าฝนตกหนัก ใครจะกล้าเอาเรือออกตอนนี้ล่ะคะ หรือว่าคุณจะไป ดิฉันจะได้ให้คนจัดเรือให้”
โศภีโมโห เหยียดปากหมั่นไส้
“ไหนแกบอกว่าแกจงรักภักดีกับษมานักหนา ษมาขาดการติดต่อไปกี่ชั่วโมงแล้ว ฉันไม่เห็นแกจะร้อนใจอะไรเลย”
ลำแพงชักหงุดหงิด
“ก็มันติดต่อไม่ได้ จะให้ฉันทำยังไงล่ะค่ะ ต้องพล่าน โวยวายคนอื่นไปทั่วเหมือนกับคุณอีกคนงั้นเรอะ”
โศภีสีหน้าเจ็บใจมาก
“แก”
แลงวิ่งฝ่าสายฝนตัวเปียกเข้ามาขัดจังหวะสองสาวได้ทัน
“พี่ลำแพง ได้ข่าวคุณษมาแล้วครับ”
โศภีรีบพูดแซงทันที
“ติดต่อษมาได้แล้วเหรอ ษมาเป็นยังไงบ้าง”
“ยังติดต่อไม่ได้หรอกครับ แต่พวกเรือประมงที่ไปหาปลาแถวพระฮาม บอกว่ามีการยิงถล่มกันที่พระฮาม แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปดู ผมสงสัยว่าที่เราติดต่อคุณษมาไม่ได้ ก็คงเพราะเรื่องนี้ล่ะครับ”
โศภีนิ่งๆไป ลำแพงหน้าเสียทันที มีท่าทางร้อนใจเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
สาระวารีเดินอ้อมกลับมาดูทางท่าเรือ ก็เห็นร่องรอย ความเสียหายของท่าเรือ ข้าวของที่โดนระเบิดกระจุยกระจายไปทั่วบริเวณ ถึงกับหน้าซีดเผือด ก้าวขาไม่ออกเหมือนเข่าอ่อน จนษมารีบเข้ามาประคอง “เป็นอะไรครับ”
สาระวารีรีบผละตัวออก แต่หน้ายังซีดอยู่
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“แน่ใจนะครับ”
สาระวารีพยักหน้ารับ สีหน้ารู้สึกผิดหวังตัวเองมาก
“ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย รู้สึกเหมือนตัวเองขี้ขลาดยังไงก็ไม่รู้”
ษมาให้กำลังใจ
“ไม่หรอกวารี คุณเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมากเลยนะ”
สาระวารีขำเยาะตัวเอง
“คนกล้าอะไรจะหน้าซีด เข่าอ่อน ก้าวขาไม่ออกยังงี้ล่ะคะ”
“มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่ไม่กลัวอะไรเลย แล้วคุณก็ไม่ใช่คนโง่ จะมีซักกี่คนที่ยังยืนอยู่ได้ หลังจาก
ถูกไล่ยิงด้วยอาวุธสงครามขนาดนั้น” เขามองวารีด้วยสายตาชื่นชม ยิ้มให้
“ก็คุณไงคะ”
ษมายักไหล่
“ผมชินแล้ว นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอไล่ล่าแบบนี้
สาระวารีช่างสงสัย ตามประสานักข่าว
“แล้วครั้งที่ผ่านๆมา ทำไมไม่มีข่าวออกมาเลยล่ะคะ”
“มีเรื่องอีกตั้งมากมายที่นักข่าวไม่รู้ และมีอีกมากที่รู้แต่ออกข่าวไม่ได้ อย่างเรื่องวันนี้ ผมแน่ใจว่านอกจากพวกเราไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คงไม่มีใครรู้”
สาระวารีเลือดนักข่าวฉีดพล่านขึ้นมา ยิ้มอย่างนึกสนุก
“ลองนึกดูสิคะ ข่าวเจ้า พ่อเกาะยานกถูกระเบิดเอ็ม 79 ถล่มหน้าคาสิโน มันจะตื่นเต้นเร้าใจคนอ่านสยามสารมากขนาดไหน”
ษมาหน้านิ่ง จ้องหน้าสาระวารี
“อย่าแม้แต่จะคิดนะวารี”
สาระวารียิ้มค้าง ถูกสกัดดาวรุ่ง
“อย่าลืมว่าคุณก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย การตกเป็นข่าวซะเอง ไม่สนุกเหมือนกับการทำข่าวคนอื่นหรอกนะ”
“แต่คุณก็ไม่ควรปิดบังข่าวสารต่อสาธารณชน”
“ใช่ ถ้าเป็นข่าวที่มีประโยชน์ หรือว่ามีผลกระทบกับคนหมู่มาก แต่เรื่องนี้ผมเห็นว่า เกี่ยวพันกับคนแค่ไม่กี่คน ผมไม่เห็นมีความจำเป็นต้องเปิดเผย”
ษมาเดินนำกลับไป
สาระวารีเดินตามเลียบเคียงถามต่อ
“แล้วคุณคิดบ้างมั้ย บางทีอาจจะไม่ใช่ฝีมือพวกอยากได้สัมปทานก็ได้ แต่เป็นคนที่มีเรื่องโกรธแค้นส่วนตัวกับคุณแล้วฉวยโอกาส อย่างเช่นนายดิตถ์ เป็นต้น”
ษมาหยุดกึก หันกลับมา หน้าตามีแววดุ สาระวารีตกใจ ผงะไปเล็กน้อย
“ถ้ายังไม่รู้แน่ อย่าเอ่ยชื่อใครออกมาเลยวารี”
ษมาน้ำเสียงเรียบขรึมคล้ายสั่งห้าม
“ผมไม่มีอะไรจะให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะ คุณต้องไม่เขียนข่าวนี้ โอเคนะครับ” ษมาจ้องตาสาระวารีแล้วเดินนำกลับไป
สาระวารีเหยียดปากหมั่นไส้ ทิ้งค้อนไปมา ก่อนเดินตามษมาไป อย่างไม่สบอารมณ์นัก พิพัชที่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว แอบจับตามองทั้งคู่อยู่ด้วยสีหน้านิ่ง ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“ผมไม่มีอะไรจะให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะ คุณต้องไม่เขียนข่าวนี้ โอเคนะครับ” ษมาจ้องตาสาระวารีแล้วเดินนำกลับไป
สาระวารีเหยียดปากหมั่นไส้ ทิ้งค้อนไปมา ก่อนเดินตามษมาไป อย่างไม่สบอารมณ์นัก พิพัชที่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว แอบจับตามองทั้งคู่อยู่ด้วยสีหน้านิ่ง ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
เวลากลางคืน ท่ามกลางบรรยากาศในผับของดิตถ์ เขากำลังคุยกับลูกน้องอยู่ด้วยความสนใจ
“ ข่าวชัวร์แน่นะ”
“เสี่ยก็รู้ว่าสายของเราไม่เคยพลาด”
ดิตถ์สบตากับลูกน้องแบบรู้กันว่า สายที่ว่านี้คือใคร
“แค่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามันเป็นหรือตายเท่านั้นเอง ไอ้นี่ดวงมันแข็งจริงๆ เจอมาตั้งกี่ครั้งรอดตายได้ทุกที”
“โชคไม่เข้าข้างมันตลอดไปหรอก เอ็งคอยเช็คข่าวกับสายของเราให้ดี ถ้าคืนนี้ยังไม่ได้ข่าวไอ้ษมาอีก พรุ่งนี้กูจะได้ไปทาบทามหุ้นส่วน”
ดิตถ์ยิ้มพอใจ
“ไม่เร็วเกินไปเหรอครับนาย”
“เรื่องยังงี้ช้าได้ยังไงวะ มีแต่คนจ้องตะครุบตาเป็นมัน...ขออย่างเดียว ให้มันตายโหงจริงๆ เถอะ คาสิโนเกาะพระฮาม ได้เปลี่ยนมือแน่”
ดืตถ์สะแหยะยิ้มร้ายๆ มีความหวังขึ้นมา
หน้าแคมป์คนงานตอนกลางคืน ฝนตกหนัก กูซอและคนงานอีกคน กำลังสุมหัวกันซ่อมเครื่องมือสื่อสารที่มุมห้อง จันเลายกแฟ้มเอกสารเดินผ่านทั้งคู่ไปให้ษมา เขาตรวจดูเอกสารบัญชีต่างๆไปก่อนพูดเปรยขึ้น
“ติดอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ตรวจงานเอกสารซะที ไม่งั้นก็ผลัดไปเรื่อย”
จันเลายิ้มๆ กระซิบกระซาบให้ษมา พร้อมพยักเพยิดหน้าไปทางสาระวารี
“ท่าจะหิวมากนะครับ”
ษมามองตามจันเลาเห็นสาระวารีกัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเคี้ยวแห้งๆไปจนหมดถุง แล้วขยำซองทิ้งถังขยะ
“อิ่มรึเปล่าวารี” ษมาถาม
“ไม่อิ่มได้ไงคะ อาหารหมดแล้วนี่ นี่ถ้ารู้ว่าจะต้องมาติดเกาะ ฉันไม่กินข้าวคลุกกะปิเมื่อกลางวันจนหมดเกลี้ยงหรอก”
ษมายิ้มๆ
“ดื่มน้ำตามเข้าไปสิ จะได้อิ่ม”
“ไม่ไหวหรอกค่ะ ล่อเข้าไป 2 ซอง เดี๋ยวบะหมี่พองท้องแตกตายพอดี ทำงานดีกว่า”
สาระวารีลุกเดินไปหยิบกระเป๋าใส่กล้อง ษมามองตามยิ้มเอ็นดู เธอรื้อหาของไปบ่นไป
“ดีนะที่อุปกรณ์หากินไม่จมน้ำไปหมด มาเสียเที่ยวเลย เสี่ยงตายไม่ได้งาน”
สาระวารีบ่นเสร็จคำ ไฟดับพรึบทันที สาระวารีร้องลั่นด้วยความตกใจ เสียงษมาขำๆ ตามมา เธอโวยวาย
“ขำอะไร ไม่ตลกเลยนะ มืดจะตายอยู่แล้ว”
อึดใจ ษมาก็หยิบเทียนและไฟแช็คออกมาจุดสร้างความสว่างให้ห้อง
“สว่างแล้ว กลัวความมืดเหรอ”
“ฉันไม่ได้กลัว”
ษมายิ้มๆ โยนไฟแช็คไปให้จันเลา...จันเลารับไปและช่วยกูซอจุดเทียนไขเพิ่มความสว่างให้ห้อง ษมาเดินถือเทียนไขมานั่งที่แคร่
“ถ้าไม่ได้กลัวก็มานั่งคุยกับผมที่นี่ แสดงให้เห็นหน่อยว่าคุณก็ไม่ได้กลัวผม”
“ทำไมฉันต้องกลัวคุณด้วย ก็แค่นั่งคุย” สาระวารีลุกมานั่งด้วย ษมาหยดน้ำตาเทียนลงแคร่ไม้ไผ่เพื่อตั้งเทียน เธอเดินมานั่งแต่เว้นระยะห่างเล็กน้อย
“ไงคะ ฉันมาแล้ว อยากจะคุยอะไรกับฉัน หรือว่าเปลี่ยนใจอยากจะให้สัมภาษณ์ต่อ”
ษมาตั้งเทียนไข เงยหน้าพร้อมตอบ
“ไม่เอา เบื่อคุยเรื่องผมแล้ว คุยเรื่องคุณบ้างดีกว่า ทำไมคุณถึงชอบเป็นนักข่าว”
สาระวารีนึกๆก่อนตอบ
“ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบอะไรหรอกค่ะ เห็นว่างานน่าจะสนุก ไม่ต้องจำเจอยู่แต่ในออฟฟิศ ก็เลยเลือกเรียน แต่มาเริ่มรักจริงๆ ก็ตอนได้ทำงานแล้ว”
แววตาสาระวารีฉายเห็นถึง ความสดใส ช่างฝัน มีความมุ่งมั่น
“งานนี้ทำให้ฉันได้ท่องเที่ยว ได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา โลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะแยะเลยนะคะที่เรายังไม่รู้”
ษมาแอบชำเลืองมองหน้าเธอที่ฉาบด้วยแสงสว่างจากเปลวเทียน ดูงามละมุนจับตาจนษมาจนไม่อาจจะละสายตาไปไหนได้ สาระวารีสายตาเป็นประกาย ภูมิใจกับสิ่งที่ทำอยู่
“ที่สำคัญสุดเลยนะคะ การเป็นนักข่าวทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจตัวเอง ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันเนี่ย ก็ทำประโยชน์ให้สังคมได้”
ษมายิ้มกะเซ้า
“พูดสร้างภาพรึเปล่า”
“ฉันจะพูดสร้างภาพกับเจ้าพ่อไปทำไมคะ”
สาระวารีทิ้งค้อนใส่เล็กน้อยก่อนจะพูดต่ออย่างมั่นใจ
“ฉันน่ะเหมือนกระเจาเงาบานใหญ่ๆ ที่ช่วยเตือนให้คนรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น จะได้หาทางป้องกันตัวเอง”
“เหมือนที่คุณกำลังจะนำเสนอเรื่องคาสิโนของผม เพื่อให้ประชาชนหาทางป้องกันใช่มั้ย”
สาระวารียักไหล่ สบตาษมา พูดอย่างระวัง แต่ไม่ใช่ต่อต้านหรือประชด
“ฉันมีหน้าที่แค่เสนอข่าวตามความเป็นจริงค่ะ คนอ่านจะเป็นคนตัดสินใจเอง ว่าเรื่องไหนเป็นอันตรายต้องหาทางป้องกันหรือไม่”
“เธอเป็นคนตอบคำถามได้ดีนะ”
“เป็นคนถามคำถามที่แย่รึไงคะ”
“พูดเองนะ”
สาระวารีเหยียดปากใส่เล็กน้อย
“ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจ เอาล่ะ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเถอะ ผมยกแคร่ตัวนี้ให้... จ้องตา กู๊ดไนท์ครับ แขกคนแรกของคาสิโนเกาะพระฮาม”
สาระวารีสบตากับษมา ษมาขยับตัวไปเป่าเทียนไขดับมืดลงแล้วเดินกลับไปโต๊ะทำงาน...
ส่วนโต๊ะทำงานของษมายังสว่างด้วยเทียนไขที่จันเลาจุดไว้ให้ ษมาเดินไปนั่งทำงาน เห็นจันเลา
กูซอ และคนงานยังจุดเทียนไขช่วยกันซ่อมแซมวิทยุสื่อสารอยู่มุมห้อง
สาระวารีขยับตัวลงนอนพักบนแคร่ แอบนอนมองษมานั่งทำงานที่โต๊ะทำงานไปเงียบๆ ก่อนที่เธอจะพริ้มตาหลับลงด้วยความรู้สึกปลอดภัย
เวลาเช้า บ้านจิณห์วรา ดิตถ์กำลังคุยกับจิตติอยู่ในห้องรับแขก
“ติดต่อษมาไม่ได้แค่พ้นข้ามคืน คุณก็จะชวนผมยึดคาสิโนของคุณษมาแล้วเหรอ เร็วไปหน่อยมั้งคุณดิตถ์”
“ของอย่างงี้ ยิ่งเร็วก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอครับ ขืนรอออกข่าวทีวีว่า ไอ้... เอ่อคุณษมาตายแล้ว เราโดนปาดหน้าแน่ๆ”
"แล้วถ้าเกิดคุณษมาเค้ายังไม่ตายล่ะ"
"ก็แล้วไปสิครับ แต่ถ้าตายจริง เราจะเดินนำคนอื่นหนึ่งก้าว"
จิตติสีหน้านิ่งๆ อ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
"ผมเช็กข่าวมาละเอียดแล้ว คุณษมาโดนถล่มด้วยอาวุธสงครามคาท่าเรือขนาดนั้น รอดยากครับ"
ขณะนั้นเอง จิณห์วราเดินเข้ามาในห้อง หน้าตาไม่ค่อยชอบดิตถ์นัก
"แต่เท่าที่รู้มา คุณษมาก็ไม่ได้โดนลอบฆ่าด้วยอาวุธสงครามเป็นครั้งแรกนี่คะ"
ดิตถ์เหล่มองจิณห์วรา เธอพูดต่อ
"จิณห์ก็เห็นเค้ารอดมาได้ทุกครั้ง"
"แต่คราวนี้ คุณษมาหายเงียบไปเลยนะครับ ผิดกับครั้งก่อนๆ ถ้าคุณจิณห์ไม่เชื่อ ก็ลองติดต่อเพื่อนคุณที่เป็นนักข่าวดูสิครับ เพราะสายข่าวของผมบอกว่าเพื่อนคุณอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ถ้าติดต่อไม่ได้ ก็แสดงว่า..." ดิตถ์หยุดพูด ปั้นหน้าเศร้าใส่จิณห์ ก่อนพูดต่อ
"เสียใจด้วยนะครับ"
จิณห์วราหน้าเสียทันที ด้วยความเป็นห่วงสาระวารี ดิตถ์หันไปพูดกับจิตติ
"ว่าไงครับคุณจิตติ ผมรู้มาว่าคุณอยากเข้าหุ้นเปิดคาสิโนกับษมามานานแล้ว แต่ษมามันไม่ยอม คราวนี้ไม่สนใจมาหุ้นกับผมบ้างเหรอครับ คุณมีเงิน ผมมีเส้นสาย คาสิโนเกาะพระฮามจะไปไหนเสีย"
ดิตถ์ขำๆมั่นใจ จิณห์วราหันไปมองพ่อ จิตติมีสีหน้าครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี
ผ่านเวลาซักครู่ ดิตถ์เดินหน้าหงิกออกมาจากบ้านจิตติ ลูกน้องที่รออยู่รีบมาเปิดประตูรถให้ และซักทันที
"เป็นไงครับนาย เสี่ยจิตติตกลงมั้ยครับ"
ดิตถ์ตะคอกใส่อย่างหงุดหงิด
"ตกลงกับผีน่ะสิ ไอ้แก่ใจเสาะ กูไม่ง้อมันก็ได้วะ"
ดิตถ์หงุดหงิดเดินหัวเสียขึ้นรถไป
เวลาต่อเนื่องมา จิตติกำลังคุยกับจิณห์วราอยู่ในห้องรับแขก
"ถึงพ่อจะอยากได้คาสิโนนี่มาก แต่พ่อก็ไม่โง่หุ้นกับคนอย่างไอ้ดิตถ์หรอก ไอ้นี่มันสิบแปดมงกุฎ สร้างภาพเป็นเจ้าของรีสอร์ต เจ้าของธุรกิจโน่นนี่ จริงๆก็เงินหมุนทั้งนั้น จะล้มวันไหนก็ไม่รู้ ขืนหุ้นกับมันก็เท่ากับเอาเงินไปทิ้งทะเลเท่านั้นเอง"
จิณห์วรายิ้มดีใจ
"ใช่ค่ะคุณพ่อ นายดิตถ์มันคงร้อนเงิน ก็เลยปั้นเรื่องมาหลอกคุณพ่อว่าคุณษมาตาย ไม่น่าเป็นไปได้"
จิตติหน้าเครียดขึ้นมา
"แต่เรื่องที่คุณษมากับหนูวารีถูกลอบฆ่าที่พระฮามเป็นเรื่องจริงนะลูก พ่อรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"
จิณห์วราตกใจมาก
"ทำไมพ่อไม่บอกจิณห์ล่ะคะ"
" พ่อเห็นว่ายังไม่มีอะไรยืนยันว่า เค้าสองคนเป็นอันตรายจริงรึเปล่า พ่อเลยไม่อยากให้ลูกกังวล"
จิณห์วราหน้าเครียดหนัก ยิ่งห่วงสาระวารีมากขึ้น
"วารีจะเป็นยังไงมั่งเนี่ย"
จิณห์วราร้อนใจ ลองโทรศัพท์มือถือออกหาเพื่อนทันที
เวลาเช้า สาระวารีล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วเดินออกมาที่หน้าแคมป์เห็นษมาและทุกคน รวมทั้งคนงานกำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ คนงานที่ทานเสร็จแล้วก็ช่วยกันเก็บกวาด จัดสถานที่ที่รกเลอะเพราะพายุเข้าเมื่อคืน ษมาทักทาย
"หลับสบายมั้ย"
"ค่ะ"
สาระวารีทำจมูกฟุดฟิด
"ฉันได้กลิ่นกาแฟกับไข่เจียว"
ษมายิ้มๆ หยิบกระติกยาวๆ เทกาแฟร้อนๆ ใส่ถ้วยให้
"มานั่งนี่สิ"
มนต์จันทรา ตอนที่ 4 (ต่อ)
สาระวารียิ้มแย้มมานั่งอย่างว่าง่าย
"ยังงี้ค่อยเรียกว่ามื้อเช้าที่สดใสหน่อย"
พิพัชที่นั่งทานอาหารเช้ากับจันเลาอีกโต๊ะ เหล่ๆ มองมาทางสาระวารี สีหน้าไม่ค่อยชอบนัก
กูซอยิ้มแย้มเดินมาหาสาระวารี
"จะทานอะไรดีครับคุณวารี"
ษมาพูดเสริม
"ข้าวต้ม หรือ แซนด์วิชดีล่ะ"
"ขอข้าวต้มหนักท้องไว้ก่อนดีกว่าค่ะ แล้วค่อยตบท้ายด้วยแซนด์วิช"
ษมาขำๆอย่างเอ็นดูบอก
"กูซอช่วยจัดการให้ที"
"ได้เลยครับ รอเดี๋ยวนะครับคุณวารี"
"ขอบคุณค่ะ"
"ตามสบายนะ ผมขอไปเดินสำรวจความเสียหายหน่อย"
ทันทีที่ษมาลุกเดินไป พิพัชก็ลุกมาหาสาระวารีทันที จันเลามองตามเพื่อนพร้อมถอนใจออกมา
"ถ้าอยากกินอยู่สบายๆ ก็ไม่น่าดันทุรังมาทำข่าวที่พระฮาม"
พิพัชแขวะ สาระวารีเหล่มองพิพัช
"ทำเอาคนอื่นเค้าเดือดร้อนเกือบตายกันไปหมด"
สาระวารีไม่พอใจขึ้นมาทันที
"พูดยังงี้ก็ไม่ถูกนะคุณ ใครกันแน่ที่เดือดร้อนจนเกือบตาย ต่อให้ฉันไม่มาพวกคุณก็ต้องโดนถล่มอยู่แล้ว"
พิพัชจ้องสาระวารีนิ่ง ตาดุๆ สาระวารีทำหน้าตากวนประสาท
"เอ หรือว่าไอ้พวกมือปืนมันเห็นว่าฉันสวยเข้าตา ก็เลยนึกพิศวาสขึ้นมา คว้าเอ็ม79 มาไล่ยิง จนทุกคนต้องพลอยเดือดร้อนไปกันหมด"
พิพัชขบกรามแน่น ไม่พอใจเดินหัวเสียกลับออกไป จันเลาได้ยินทุกอย่าง ก็ยิ้มๆ ทานอาหารต่อไป เธอเหยียดปากตามพิพัช เหม็นขี้หน้าเหมือนกัน
"องครักษ์พิทักษ์นาย"
สาระวารีทิ้งค้อนตามหลัง หญิงคนหนึ่งยกข้าวต้มมาให้สาระวารี
"เดี๋ยวคุณกูซอทำแซนด์วิชมาให้นะคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
หญิงคนนั้นจะเดินไป สาระวารีนึกได้
"เดี๋ยวเธอ...เกาะนี้มีที่ท่องเที่ยวอะไรมั่งมั้ย ฉันอยากไปถ่ายรูป"
สาระวารียิ้มแย้มรอคำตอบ
ผ่านเวลาซักครู่ หญิงคนเดิมนำทางพาสาระวารีเดินลัดเลาะมาตามทางไปน้ำตก เธอเล่าให้ฟังว่า
"คุณษมาท่านบอกว่า คนที่มาเที่ยวไม่จำเป็นต้องมาเล่นพนันอย่างเดียว เราต้องมีโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารและธรรมชาติสวยๆ ไว้ให้ครอบครัวลูกค้ามาพักผ่อนด้วยกัน"
สาระวารีแอบเบะปากหมั่นไส้
"สงสัยทุกคนที่นี่จะถูกเจ้านายล้างสมองกันหมดแล้ว ถึงได้ชื่นชมกันซะเหลือเกิน"
"เปล่านะคะคุณ"
"เธอรู้มั้ยว่า การพนันเป็นสิ่งไม่ดี ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน แต่เสียพนันเราจะไม่เหลืออะไร แม้แต่ที่ซุกหัวนอน ตอนนี้ เจ้านายเธอกำลังทำสิ่งที่ทำร้ายสังคมอยู่"
หญิงคนนั้นทำสีหน้างงๆ
"แต่คุณษมาก็ไม่ได้บังคับให้ใครมาเล่นนี่คะ แล้วคนที่จะมาเล่นที่นี่ ก็ต้องรวยเท่านั้นถึงจะมาเล่นได้ อย่างพวกหนูไม่มีปัญญาเข้าไปเล่นหรอกค่ะ"
สาระวารีอึกๆอักๆ ไม่คิดว่าจะเจอย้อน ขณะนั้นเอง ก็มีเด็กๆ วิ่งเล่นสวนกลับมาหลายคน เธอแปลกใจ
"ที่นี่มีเด็กเล็กๆ ด้วยเหรอ"
"ก็ลูกคนงานที่นี่ล่ะค่ะ คุณษมาท่านให้เอามาอยู่ด้วย แล้วนี่กำลังจะจ้างครูมาสอนหนังสือให้ด้วยนะคะ"
"อีกไม่กี่เดือน คาสิโนก็สร้างเสร็จแล้ว จะจ้างครูมาอีกทำไม"
"ถึงสร้างเสร็จ ถ้าพวกเราอยากทำงานกับคุณษมาต่อ ท่านก็จะรับไว้เป็นพนักงานประจำที่นี่ค่ะ ใครถนัดด้านไหนก็ทำด้านนั้น ท่านบอกว่าหาคนไว้ใจได้ยาก เมื่อพวกเราช่วยท่านสร้างคาสิโนมาด้วยกันก็อยากให้อยู่ช่วยงานกันต่อ ท่านเป็นคนใจดีมากเลยนะคะ"
สาระวารีอึ้งๆไปเหมือนกัน เป็นอีกมุมของษมาที่ตนมองข้ามไป หญิงคนนั้นยิ้มดีใจ
"เงินเดือนดีด้วยนะคะคุณ ฉันล่ะอยากให้คาสิโนสร้างเสร็จเร็วๆ จะได้สบายขึ้นซะที ไม่ต้องมานั่งแบกหามหนักๆ ทั้งวันอยู่ยังงี้"
สาระวารีนิ่งขรึมไป คราวนี้ เธอพูดอะไรไม่ออก เพราะถึงบ่อนจะไม่ดี แต่ก็ทำให้เกิดอาชีพและกระจายรายได้จริงอย่างที่ษมาเคยบอกไว้
เวลาสาย บริเวณชายหาดเกาะพระฮาม ษมากำลังเดินคุยกับจันเลาเรื่องการก่อสร้างกาสิโนอยู่ พออยากจะได้อะไร ก็สั่งให้พิพัชจด โดยมีกูซอคอยตามรับใช้อีกที
กูซอตกใจเหลือบไปเห็นเรือสองลำ กำลังแล่นมาที่เกาะพระฮาม
"คุณษมาครับ มีเรือสองลำมาทางนี้ครับ"
ทุกคนรีบหันไปมองตามทันที พิพัชหยิบปืนส่งให้ษมา แล้วยืนขวางหน้าษมาไว้ตามสัญชาตญาณ
"ระวังครับคุณษมา อาจจะเป็นพวกเมื่อวานก็ได้"
ษมากระชับปืนสีหน้าเคร่งเครียด เตรียมพร้อม จันเลาหยิบกล้องส่องทางไกลมาส่องดูแล้วยิ้มๆ
"ไม่ใช่พวกเมื่อวานหรอกครับ แต่ผมว่าน่ากลัวกว่า"
"ไหนเอากล้องมาสิ" ษมาบอก
จันเลาส่งกล้องส่องทางไกลให้ษมา เขารับกล้องมาส่อง แล้วลดกล้องลง หน้าตาเซ็งๆ อย่างเห็นได้ชัด
ผ่านเวลาเล็กน้อย โศภีกำลังโวยวายใส่กูซอ พิพัช และจันเลา โดยมีลำแพงยืนอยู่ใกล้ๆกลางแคมป์คนงาน
" ไม่รู้ได้ยังไง แกเป็นเลขากับบอดี้การ์ด ประกบยังกะเงาตามตัว ษมาไปไหน มีเรอะพวกแกจะไม่รู้"
"คุณษมาไม่ได้สั่งเอาไว้ พวกเราก็เลยไม่กล้าถาม"
โศภีโมโห
"เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่อง ษมาไม่มีทางไปไหนมาไหนคนเดียวหรอก พวกแกอย่ามาโกหกฉันเลย"
"ผมไม่ได้โกหก แต่ที่พวกเราไม่ได้ตามไป ก็เพราะคุณษมาไม่ได้สั่ง แล้วเกาะนี้ก็มีคนงานของเราเฝ้าทางขึ้นเกาะทุกด้านรับรองว่า ไม่มีใครขึ้นเกาะมาทำร้ายคุณษมาได้เด็ดขาด"
"ในเมื่อคุณษมาปลอดภัยก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ คุณษมาอาจจะตรวจงานอยู่แถวนี้ก็ได้" ลำแพงบอก
โศภีหันไปวีนใส่ลำแพงทันที
"ใครถามหล่อน ไม่รู้จะตามมาด้วยทำไม เกะกะขวางหูขวางตา"
โศภีค้อนตาเขียวใส่ ลำแพงเจ็บใจมาก แต่เก็บอาการได้แต่เชิดหน้านิ่ง แววตาแข็ง โศภีมีสีหน้าอยากเอาชนะ
"ให้มันรู้ไปว่าเกาะแคบๆแค่นี้ ษมาจะหนีฉันพ้น"
โศภีเดินปึงปังหัวเสียออกไปตามหา พิพัช จันเลา และกูซอ สบตากัน
"ตกลงคุณษมาหลบแม่นี่ใช่มั้ย"
กูซอบอก แล้วทำท่าขนลุก
"ใครจะอยากเจอล่ะครับคุณลำแพง ผู้หญิงอะไร น่ากลัวที่สุดเลย"
ลำแพงยิ้มสะใจก่อนเดินตามโศภีไป พิพัชถอนใจส่ายหน้า แล้วต่างก็แยกย้ายไปทำงานกันต่อ
ษมาหลบหน้าโศภีเดินมาถึงน้ำตก ขณะนั่งพักก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสาระวารีนุ่งกระโจมอกแช่น้ำตกเล่นไปอย่างสบายใจ ทั้งคู่เห็นกัน ต่างตกใจ สาระวารีรีบแช่น้ำลึกลงไปให้โผล่พ้นมาแค่หัว ษมายิ้มถาม
"นึกสนุกอะไรขึ้นมา"
สาระวารีแอบเขิน
"ไม่ได้นึกสนุก เห็นน้ำมันใสสะอาดดีก็เลยยืมผ้าถุงน้องเค้ามาอาบน้ำ"
ษมายิ้มๆ
"น่าสบายจังเลยนะ" ษมาหาที่นั่งเหมาะๆ
"คุณจะไปไหนก็ไปสิ จะมานั่งตรงนี้ทำไมล่ะ"
"คุณก็อาบน้ำไปสิ ผมไม่มองหรอก"ษมายิ้มๆ หันไปมองทางอื่น
"จ้างให้ฉันก็ไม่เชื่อ ไปให้เร็วๆเลย"
สาระวารีพึมพำ
"เฒ่าลามก"
ษมาอมยิ้มแกล้ง แกล้งลุกขึ้นยืนปลดกระดุมทีละเม็ด
"ที่จริงผมอาบน้ำพร้อมกับคุณเลยก็ดีเหมือนกันนะ"
สาระวารีตกใจมาก
"จะบ้าเหรอ คิดอะไรอยู่ ฉันรู้นะ"
"ษมา"
โศภีเสียงแข็ง ไม่พอใจ ษมาและสาระวารีหยุดกึก โศภีมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก ภาพที่เธอเห็นคือษมาตั้งท่าจะถอดเสื้อลงไปเล่นน้ำกับสาระวารีที่แช่น้ำรออยู่แล้ว หลังโศภีถัดไปคือ ลำแพงที่เดินตามมา ถึงกับผงะ นิ่งตื้อไป เหมือนช็อกกับภาพที่เห็นตรงหน้า
สาระวารีเซ็งจัด ดำน้ำมิดหัวแก้ความอึดอัดไปเลย
ผ่านเวลาซักครู่ สาระวารีจะเดินมาขึ้นเรือที่ท่าเรือเกาะพระฮาม มีกูซอคอยดูแลตรงที่ขึ้นเรือ
โศภีเดินปรี่ตามมาโวยวาย กระชากแขนสาระวารีเอาไว้
"จะหนีไปไหน วันนี้เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง"
"คุณษมาก็เล่าความจริงทั้งหมดให้คุณฟังแล้ว จะเอายังไงอีกคะ"
"แต่ฉันไม่เชื่อ"
"ก็เรื่องของคุณ" สาระวารีจะกลับไปขึ้นเรือ โศภีกระชากแขนสาระวารีกลับมาแรงๆ ทั้งคู่จ้องหน้ากัน
"หยุดเดี๋ยวนี้นะโศ" ษมาน้ำเสียงไม่พอใจมาก
ษมาเดินหน้าตาไม่พอใจตามมา จันเลาตามประกบ คุ้มกัน
"อย่ามาแสดงกริยาไม่สุภาพกับแขกของผม"
"แขกหรือคู่ขากันแน่คะ"
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
สาระวารีโกรธจนตาแข็ง ขบกรามแน่น พิพัชและลำแพงขนของจำเป็นตามมาขึ้นเรือ แล้วหยุดดูเหตุการณ์สีหน้านิ่ง
"โศอุตส่าห์ห่วงคุณ พอออกเรือได้ก็รีบมาตามหาคุณทันที"
โศภีหันจ้องหน้าสาระวารี ด้วยสายตาโกรธเกลียดก่อนชี้หน้าสาระวารีและพูดต่อ
"แต่คุณกลับมาเล่นน้ำสำเริงสำราญอยู่กับนังนี่"
สาระวารีปัดมือโศภีที่ชี้หน้าเธอออกอย่างแรง
"ต่อให้ฉันแก้ผ้าเล่นน้ำกับคุณษมาแล้วคุณเดือดร้อนอะไรด้วย"
โศภีอึ้งไปเลย ษมานิ่งไป จันเลาที่ยืนข้างๆ อมยิ้ม
สาระวารีจ้องหน้า ยิ้มเหยียดอย่างดูถูก
"แขกก็ไม่ใช่ คู่ขายิ่งไม่ใช่ใหญ่ "
โศภีโกรธจนกำมือแน่น
"ฉันเป็นแขกที่คุณษมาออกปากเชิญ ส่วนคุณไม่ใช่ แล้วฉันก็ไม่เห็นว่า ใครที่เกาะยานกจะยินดีต้อนรับคุณซักคน คุณทนเพื่ออะไรคะ ฉันล่ะอยากขอสัมภาษณ์คุณจริงๆเลย"
โศภีโกรธจนเหลืออด พูดพร้อมตวัดมือจะตบหน้าสาระวารี
"ขอตบหน้านักข่าวซักทีเถอะ"
ษมาจับมือโศภีคว้าไปแน่น หน้าตาดุ
"พายุหมดแล้ว คุณขึ้นเรือแล้วกลับเข้าฝั่งไปเลยดีกว่า"
โศภีอึ้งมองหน้าษมา น้ำตารื้นด้วยความน้อยใจ ษมาปล่อยมือแล้วจงใจเดินไปทำท่าเหมือนจะโอบเอวสาระวารีพาขึ้นเรือไป เธอสะบัดตัวออกห่างเดินนำไปก่อน โศภีโกรธจนตัวสั่น
ลำแพงพูดพอได้ยินกับพิพัชที่ยืนอยู่
"เจ้านายเราท่าจะหลงเด็กนี่มาก"
พิพัชหน้าตาเครียดขึ้นมาทันทีรีบเดินตามไปประกบษมาทันที ลำแพงเดินเชิดมายืนเคียงโศภี ชายหางตามอง ยิ้มหยันด้วยมุมปาก แล้วเดินนำไปไม่พูดอะไรซักคำ โศภียิ่งเจ็บแค้นกว่าโดนด่า โกรธแทบคลั่ง เธอขบกรามแน่น แววตาร้ายกาจ เห็นความโหดเหี้ยมที่ซ่อนอยู่
บ่ายแก่ๆ ทั้งหมดเดินทางกลับถึงเกาะยานก... สาระวารีเดินหน้าเซ็งๆ ษมาเดินตามไปพูดด้วย
"โกรธผมเหรอ"
"ถ้าไม่ติดว่า ยังสัมภาษณ์ไม่เสร็จ ฉันอยากกลับไปซะเดี๋ยวนี้เลย เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ น่ารำคาญมาก" สาระวารีพูดเน้นเสียง ใส่อารมณ์รำคาญสุดๆ
"ผมเสียใจที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีกับเกาะพระฮาม"
สาระวารีถอนใจ
"กับคนมากกว่าค่ะ"
แลงรีบเดินเข้ามารายงาน
"คุณษมาครับ เสี่ยจิตติมาพบครับ ตอนนี้รออยู่ในบ้านครับ"
"วารี"
สาระวารีมองเลยไปพบว่า จินห์วราเพื่อนซี้เดินคู่มากับวัฒนา เธอดีใจ
"จิณห์"
สาระวารีวิ่งไปกอดเพื่อนแล้วตบไหล่ทักทายวัฒนา เธอยิ้มสบายใจ สดชื่นขึ้นเมื่อได้เจอเพื่อน
เวลาต่อเนื่องมา ษมาคุยกับจิตติคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
" ขอบคุณคุณจิตติมากนะครับที่เป็นห่วง งานนี้ก็เกือบไปเหมือนกันล่ะครับ โชคดีที่คนของผมช่วยเอาไว้ได้ทัน ไม่งั้นก็คงแย่"
"พักหลังชักถี่ขึ้นเรื่อยๆแล้วนะคุณษมา ผมว่ารีบๆเปิดคาสิโนซะทีเถอะ เปิดเป็นโซนๆไปก่อนก็ได้"
"เปิดก่อนบางโซน ผมกลัวว่างานจะล่าช้าขึ้นไปอีกน่ะสิครับ แล้วลูกค้าอาจจะเป็นเป้าโจมตีแทนผมก็ได้"
"ก็จริงนะ คุณษมานี่คิดรอบด้าน สมแล้วที่ได้ทำงานใหญ่ระดับนี้"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ประสบการณ์ตรงนี้มันสอนน่ะครับ"
ษมากวาดตามองหาสาระวารีไปทางสนาม
"เอ่อ ไหนๆผมก็มาแล้ว เรามาคุยเรื่องธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งของเรากันต่อดีกว่า ผมว่าตอนนี้..."
ษมาไม่ทันได้สนใจฟังจิตติ มัวแต่มองหาไปทางสาระวารี เห็นเดินคุยอยู่กับจิณห์วารีและวัฒนาอยู่
"คุณษมา"
ษมาสะดุ้งเล็กน้อย
"ใจลอยไปถึงไหนครับเนี่ย"
ษมาปั้นยิ้ม
"อ๋อ เปล่าครับ แล้วนี่คุณจิณห์จะมารับเพื่อนเค้ากลับไปพร้อมกันเลยรึเปล่าครับ"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เรากลับไปนั่งคุยที่ห้องรับแขกดีกว่านะ ดูคุณษมาไม่ค่อยมีสมาธิเลย"
ษมายิ้มเจื่อนๆ
"ก็ดีครับ เชิญครับ"
ษมาผันมือเชิญ จิตติเดินนำกลับเข้าไป ษมาเดินตาม แต่ไม่วายหันไปมองทางสาระวารีที่สนามอีกครั้ง เขากลัวสาระวารีจะตัดสินใจกลับตราดวันนี้เลย
บริเวณสนามสวยของเกาะ สาระวารี จิณห์วรา และวัฒนากำลังคุยกันต่อเนื่อง เธอเล่าเรื่องราวด้วยความเจ็บใจกับกรณีของโศภี
"ฉันก็แค่ไปเล่นน้ำที่น้ำตก แล้วคุณษมาบังเอิญไปเจอเข้า เรื่องก็มีอยู่แค่นั้น อธิบายเท่าไหร่ไม่ยอมเข้าใจ"
จิณห์วรายิ้มบอก
"ความหึงมันไม่เข้าใครออกใครหรอก"
"ประสาท ผู้ชายอย่างเค้าเนี่ยนะ"
"ผู้ชายอย่างคุณษมาทำไมเหรอพี่" วัฒนาถาม
สาระวารีรีบแก้ตัวพัลวัน
"ก็แก่น่ะสิ"
จิณห์วรายิ้มกระเซ้า
"จริงเร้อ...มากประสบการณ์ยังงี้แหละถึงจะกำราบเธออยู่"
"เรื่องอะไรฉันต้องหาแฟนมากำราบตัวเองยะ มีแฟนนะไม่ได้มีพ่ออีกคน"
วัฒนาถอนใจโล่งอก
"ได้ยินยังงี้ค่อยโล่งอกหน่อย ผมก็ห่วงซะแทบแย่ นึกว่าเจ๊จะหลงเสน่ห์คุณษมาเข้าซะแล้ว"
"ฉันมีจรรยาบรรณพอย่ะ จะไปมีความรู้สึกพิเศษกับแหล่งข่าวได้ไง แล้วฉันก็ไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น มาอยู่บ้านเค้าไม่กี่วัน จะให้มาหลงรักเค้าเนี่ยนะ ไม่มีทางหรอกย่ะ"
"เออๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลย จะกลับตราดพร้อมกันเลยมั้ย"
สาระวารีชะงักไปเล็กน้อย
"กลับเลยก็ดีเจ๊ ผมจะต้องกลับเข้ากรุงเทพแล้วนะ งานเพียบรอเจ๊ต่อไม่ไหวแล้วล่ะ"
สาระวารีถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"งานสัมภาษณ์เพิ่งจะคืบหน้าไปได้นิดเดียวเอง"
"มาอยู่ตั้งหลายวันแล้วนะเจ๊"
"แกไม่รู้หรอกว่าฉันต้องเจออะไรมั่ง" สาระวารีถอนใจ
จิณห์วราจ้องหน้าเพื่อน แววตาจับผิด
"สรุปว่ายังไม่อยากกลับใช่มั้ย"
สาระวารีไม่สู้ตาเล็กน้อย
"ไม่ใช่ไม่อยากกลับ แต่งานมันไม่เสร็จ จะให้ฉันกลับไปโดนหัวเราะเยาะรึไง"
จิณห์วราอมยิ้มเย้าๆ สาระวารีกลัวหลุด รีบตัดบท
"เธอมาก็ดีแล้ววัฒนา มาช่วยเก็บภาพสวยๆ รอบเกาะไว้ให้หน่อย"
สาระวารีเดินนำไปก่อนแก้เขิน จิณห์วราหันมาพูดยิ้มๆกับวัฒนา
"ลูกพี่เธอท่าทางน่าสงสัยซะแล้ว"
วัฒนายิ้มๆ สาระวารีส่งเสียงดุ
"วัฒนา ตามมาเร็วๆ เลย"
"ไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ"
วัฒนารีบตามสาระวารีไป จิณห์วรามองตามไป สีหน้าใช้ความคิดแล้วอมยิ้มออกมา
สยามสารตอนหัวค่ำ มีคณากำลังต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานรองท้องอยู่ที่ห้องกาแฟของสยามสาร พร้อมหนีบโทรศัพท์มือถือคุยกับสาระวารีที่โวยวายลั่น
"ว่าไงนะมี่ ไอ้วัฒนามันโทรไปฟ้องบ.ก.อย่างงั้นเหรอ"
มีคณาเบ้หน้า เอามือถือออกห่างจากหูทันที เพราะสาระวารีโวยเสียงดังมาก
"ไม่ได้ฟ้อง แต่ บ.ก.สั่งให้รายงานให้ละเอียด วัฒนาเค้าก็ทำไปตามหน้าที่ อย่าไปโกรธเค้าเลยน่า"
ภายในห้องนอนรับแขกบ้านษมา... สาระวารีหน้าตาขึงขังไม่พอใจ
"เธอไม่ต้องเข้าข้างมันเลยนะ เจ้านี่มันจอมเว่อร์อยู่แล้ว ไม่รู้มันใส่สีอะไรไปบ้าง บ.ก.ถึงใช้ให้เธอโทรมาลากฉันกลับอยู่เนี่ย"
มีคณายิ้มขำๆ
"บ.ก.เค้าห่วงเธอมากนะวารี ถึงขนาดยอมตัดใจทิ้งข่าวคาสิโนเลยนะ"
สาระวารีไม่เห็นด้วย
"ตกลงให้ฉันเสี่ยงตายมาฟรีๆ งั้นเหรอะ ไม่เอาด้วยหรอก ลงทุนมาขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องได้ข่าวกลับไป เสียชื่อวารีหมด"
"พูดอย่างงี้ แปลว่าเธอจะไม่ยอมกลับใช่มั้ย"
"เป็นเธอเป็นมัทก็ไม่ยอมกลับเหมือนกันแหละ หรือเธอจะเถียง นิสัยเรา 3 คนเหมือนกันอยู่อย่างที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ"
มีคณาเงียบไป
"ฝากบอกบ.ก.ให้ด้วยนะ ว่าไม่ต้องห่วงฉันเรื่องคุณษมา ฉันมั่นใจว่าเค้าไม่ทำร้ายฉันหรอก แล้วเค้าก็ไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายฉันได้ด้วย"
มีคณาอึ้ง
"เธอไม่เคยใช้คำว่ามั่นใจกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนะวารี"
สาระวารีหน้าเจื่อนไปทันที
"แค่นี้นะ"
สาระวารีกดตัดสาย แล้วนิ่งอย่างใช้ความคิด เธอไว้ใจษมามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้แต่ตัวเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
มนต์จันทรา ตอนที่ 4 (ต่อ)
บรรยากาศเกาะยานกยามเช้า แสงแดดส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้องพักของวารี สาระวารีนอนหลับอยู่บนเตียง เธอพลิกตัวไปกอดอะไรบางอย่างเข้า สาระวารีรู้สึกว่า สิ่งที่กอดนั้นนุ่มนิ่ม น่ากอดสุดๆ เธอยิ้มเคลิ้ม ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น แต่พอเห็นชัดๆก็ต้องตกใจจนสะดุ้งโหยง เมื่อสิ่งที่ตัวเองกำลังกอดอยู่ คือเจ้าแมวอ้วน คู่แค้นเก่านั่นเอง เธอลุกพรวดพราด โวยลายลั่น
"เจ้าตุ่มลาย แกเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงเนี่ย"
ตุ่มลายหันมองหน้าสาระวารี
"บุกรุกห้องนอนคนอื่นแล้วยังมาจ้องหน้าเค้าอีก ไอ้แมวอ้วน"
ตุ่มลายเดินส่ายอาดๆ ไม่แยแสไปหาที่นอนใหม่
ผ่านเวลาซักครู่ บริเวณระเบียงบ้าน ษมากำลังอุ้มเหลืองลาย พร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่สาระวารีทานอาหารเช้าด้วยสีหน้าบึ้งตึง ษมาหัวเราะ
"เลอะเทอะใหญ่แล้วคุณ เจ้าเหลืองลายมันเป็นแมว มันคิดไม่ได้ขนาดนั้นหรอก แล้วมันก็ใช้สายตาด่าใครไม่ได้ด้วย"
สาระวารีแค้นใจ
"คุณก็เข้าข้างแมวคุณตลอด เจ้าอ้วนนี่ร้ายจะตายไปแอบมานอนบนเตียงฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอฉันตกใจตื่น มันยังทำท่ารำคาญ เหมือนกับฉันเป็นพวกงี่เง่า ขี้โวยวาย ทำให้มันต้องตื่นนอนไปด้วย"
"หาเรื่องได้กระทั่งแมว"
สาระวารีวางช้อน จ้องหน้าษมาที่ยิ้มแล้วลูบขนเหลืองลายไปมา
"เหลืองลายมันคงแอบเข้าห้องคุณไปตั้งแต่เมื่อคืน คงไปซุกอยู่ที่ไหนซักแห่ง พอตกดึกมันหนาว ก็เลยขึ้นมานอนบนเตียงกับคุณก็เท่านั้นเอง ก็บ้านนี้เป็นบ้านของมันนี่นา มันก็อยู่ไปทั่วแหละ จริงมั้ย"
ษมามองหน้าแมวอย่างเอ็นดู เธอเบะปากหมั่นไส้สุดๆ ษมาตักแพนเค้กราดน้ำผึ้ง จะป้อนตุ่มลาย
"ให้กินของหวานอีกแล้ว"
"นิดเดียว ไม่เป็นไรหรอกน่า...เอ่อ เดี๋ยววันนี้เราขึ้นฝั่งกันหน่อยนะ ผมอยากจะพาคุณไปดูอะไรบางอย่าง"
สาระวารีสีหน้าสงสัยอยากรู้
เวลาสาย สาระวารีกำลังก้มกราบสถานที่เก็บกระดูกของสาร พ่อของสาระวารีที่อยู่ในวัด เธอ
เอาพวงมาลัยดอกมะลิแขวนเอาไว้แล้ว เธอมีสีหน้าเศร้าๆ ก่อนลุกเดินกลับออกมา
ษมาและสมบูรณ์รออยู่ไม่ห่างนัก... พิพัชกับจันเลายืนคุ้มกันอยู่
"ขอบคุณมากนะคะที่พาฉันมาที่นี่"
"คุณบอกผมว่า คุณรู้ข่าวการตายของพ่อคุณ หลังจากที่คุณพ่อคุณเสียไปหลายอาทิตย์ ผมเลยเดาว่าคุณคงยังไม่ได้มากราบศพพ่อคุณแน่ๆ"
สาระวารีพยักหน้ารับ สีหน้าเศร้าๆ
"ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีอัฐิของพ่อเก็บอยู่....ฉันกับพี่เคยตามข่าวเรื่องพ่ออยู่พักนึงเหมือนกัน แต่เราก็ไม่รู้จักญาติทางพ่อเลยซักคน คุณตาคุณยายก็ไม่อยากพูดถึงพ่อ เราก็เลยต้องตัดใจ"
"อย่าว่าแต่หนูเลย ลุงอยู่ใกล้ๆบ้านเก่าหนูแท้ๆ ยังไม่รู้เลยว่าพ่อหนูตายตอนไหน ได้ข่าวอีกที ศพพ่อหนูก็เผาไปเรียบร้อยแล้ว"
สาระวารีสีหน้าเศร้าๆ
"ถ้าไม่ใช่เพราะการพนัน พ่อก็คงไม่ต้องตาย ครอบครัวของหนูก็คงไม่ต้องเผชิญชะตากรรมแบบนี้หรอกลุง"
ษมาและสมบูรณ์สบตากันเล็กน้อย
"แล้วหนูวารีรู้รึเปล่าล่ะ ว่าทำไมพ่อหนูถึงได้ติดการพนัน"
สาระวารีแขวะ
"ของแบบนี้มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอคะลุง"
สมบูรณ์ฝืนยิ้มให้เด็กดื้อ
"พ่อหนูเคยเล่าให้ลุงฟังว่า แม่ของหนูเป็นลูกเศรษฐีผู้ดีเก่า ตากับยายรังเกียจพ่อหนูที่เป็นแค่เสมียนอำเภอจนๆ พ่อเค้าก็เลยพยายามสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อให้ทางบ้านแม่หนูยอมรับ"
"สร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยการเล่นการพนันเนี่ยนะคะ"
สาระวารีสีหน้าไม่เห็นด้วยปนดูถูก
"คุณพ่อคุณอาจจะไม่ใช่คนคิดไกลอะไรมากนัก แต่ที่เค้าทำไปทั้งหมดก็เพราะเค้ารักครอบครัว"
สาระวารีถอนใจออกมา สีหน้าไม่เห็นด้วย สมบูรณ์หยิบจดหมายเก่าๆฉบับหนึ่งออกมายื่นให้เธอ
"นี่เป็นจดหมายที่พ่อหนูเขียนไว้ก่อนตาย สัปเหร่อเค้าเจอที่ศพพ่อหนู ตอนนั้นไม่มีใครรู้ที่อยู่หนู เค้าก็เลยฝากไว้กับเจ้าอาวาส ลุงเองก็เพิ่งได้มาตอนคุณษมาสั่งให้ลองตามหาศพพ่อให้หนูนี่แหละ"
สาระวารีอึ้งไปเล็กน้อยชำเลืองมองษมา สายตาซึ้งใจที่ใส่ใจเรื่องที่ตนเล่าขนาดนี้ ษมายิ้มบางๆให้
"ลองอ่านดูสิวารี วิญญาณพ่อคุณคงหมดห่วงซะทีที่ลูกสาวได้อ่านจดหมายสั่งเสียของท่านแล้ว"
สาระวารีมองจดหมายในมือ ด้วยสีหน้าเศร้าๆ
เธอกำลังนั่งอ่านจดหมายอยู่ในมุมร่มรื่นภายใน
"พ่อรู้ว่า พ่อเขียนจดหมายฉบับนี้มาช้าเกินไป แต่พ่ออยากจะบอกลูกทั้งสองคนว่า ที่พ่อต้องยอมให้ลูกไปอยู่กับคุณตาคุณยาย ก็เพราะพ่อไม่มีเงินจริงๆ"
ษมาเดินตามมามองดูอยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ สาระวารีอ่านจดหมายพ่อไปน้ำตารื้นๆ ขึ้นมา
"พักหลังมานี่พ่อเล่นได้เกือบตลอด เริ่มมีเงินเหลือบ้างแล้ว ถ้าวันนี้ได้หนักๆอีกซักที พ่อตั้งใจจะไปรับลูกทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม รอพ่อด้วยนะ" / รัก จากพ่อ
สาระวารีพับจดหมายเก็บด้วยน้ำตาคลอเบ้า ษมาเดินเข้ามา บีบไหล่เบาๆ ให้กำลังใจ
"ขอบคุณมากนะคะ ที่พาฉันมาพบพ่อ ถ้าสะมารู้เรื่องต้องดีใจมากแน่ๆ" เธอรีบซับน้ำตาออกก่อนจะไหลออกมา
ษมายิ้มแย้ม
"ถือเป็นของขวัญเลี้ยงส่งคุณกลับกรุงเทพก็แล้วกัน"
สาระวารีแปลกใจ
"อะไรนะคะ"
ษมาสีหน้าหน้าเครียด ด้วยความเป็นห่วง
"ผมไม่อยากให้เหตุการณ์ที่พระฮามเกิดขึ้นกับคุณซ้ำอีก ผมจะให้สัมภาษณ์ทุกอย่างที่คุณอยากรู้และผมตอบได้ทั้งหมด วันนี้เลย คุณจะได้กลับกรุงเทพทันที"
จันเลาและพิพัชหันสบตากัน ทั้งคู่ไม่รู้มาก่อนเช่นกัน เธอค่อยยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่เห็นสายตาที่ษมามองตนอย่างซึมๆ เหมือนใจลึกๆ เหมือนยังไม่อยากให้กลับ แต่ห่วงความปลอดภัยมากกว่า
สาระวารียิ้มเฝื่อนลงแล้วค่อยๆ หลบสายตาไป
เวลาบ่าย หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่งในตัวเมืองตราด จันเลายืนคุมเชิงอยู่หน้าร้าน พิพัชกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ห่างไปเล็กน้อย
"คุณลำแพงก็รีบเก็บข้าวของเครื่องใช้คุณวารีมาให้ครบแล้วกัน เค้าจะได้ไม่หาเรื่องกลับไปเอาของอีก"
ลำแพงคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โถงบ้าน สีหน้ายิ้มแย้มดีใจ
"ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพิพัช เศษกระดาษซักชิ้นฉันก็จะเก็บใส่กระเป๋าให้หมด ไม่ให้หลงเหลือเลยล่ะค่ะ...แล้วเค้าคิดยังไงถึงเปลี่ยนใจกลับได้ล่ะคะ"
"คุณษมาเป็นห่วงกลัวเค้าจะได้รับอันตราย คงกลัวว่า ถ้ามีนักข่าวมาตาย แล้วนักข่าวจะแห่กันมาทำข่าวน่ะครับ"
ลำแพงสีหน้าเห็นด้วย
"ใช่ค่ะ คราวนี้จะคุมไม่อยู่ แค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ ฉันจะรีบไปเก็บของ จะได้ให้เจ้าแลงเอาของข้ามฝั่งไปให้เลย"
ลำแพงยิ้มดีใจมาก กดตัดสาย รีบเดินอารมณ์ดีไปทางห้องพักแขกทันที พิพัชก็อารมณ์ดีเดินไปคุยกับจันเลา
" กลับไปได้ซะที พวกเราจะได้หมดห่วง มีนักข่าวอยู่ข้างตัวนายแบบนี้ บอกตามตรงเหมือนถูกดักฟังอยู่ตลอดเวลา"
"ฉันว่ามันจะไม่จบแค่นี้น่ะสิ" จันเลาหันมองเข้าไปในร้าน พิพัชหน้าขรึมลง มองตามเข้าไปในร้าน
ในร้านกาแฟ...ษมากำลังให้สัมภาษณ์สาระวารีอยู่ โดยเธอบันทึกการสัมภาษณ์ด้วย
"ผมตระเวนไปมาแล้วหลายที่ ทั้งลาสเวกัส มาเก๊า เกนติ้ง สิงคโปร์ ช่วงเก็บข้อมูลทำให้ผมรู้ว่า ปีๆนึง เราต้องสูญเสียรายได้ไปมากขนาดไหน แล้วทำไมเราไม่ทำให้ถูกกฎหมาย จัดเก็บภาษีให้เป็นเรื่องเป็นราวไปซะเลย จะได้มีรายได้มาพัฒนาประเทศ คนก็มีงานทำด้วย"
"แล้วคุณจะบริหารงานคาสิโนยังไงคะ อย่างคนที่จะเป็นเจ้ามือ ฉันก็เคยได้ยินว่าต้องมีการฝึกมาก่อนไม่ใช่เหรอคะ"
"ช่วงแรกผมจะจ้างมืออาชีพจากต่างประเทศมาก่อน แล้วให้เค้าฝึกคนของเราให้ ไม่นานก็คงเป็นงาน"
"คุณพูดถึงแต่ข้อดี เคยคิดบ้างมั้ย ว่าการพนันมันบ่อนทำลายสังคม แล้วเราก็เป็นเมืองพุทธด้วย จะดีกว่ามั้ยถ้าจะไม่มีบ่อนการพนันซะเลย"
"ดีสิ แต่มันจะเป็นไปได้เรอะ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส เราก็หลีกเลี่ยงการพนันไปไม่พ้นหรอก หรือคุณจะเถียง"
สาระวารีเบ้ปากไปมา
"ถ้าคนอยากเล่นซะอย่าง ไม่ว่าห้ามยังไง เค้าก็หาที่เล่นจนได้นั่นล่ะ แต่ถ้าไม่เล่น ยังไงเค้าก็ไม่เล่น...ขอคำถามข้อสุดท้าย"
ษมาพูดตัดบท
สาระวารีค้อนใส่เล็กน้อยก่อนถาม
“คุณมีแรงผลักดันอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าถึงได้ตัดสินใจทำคาสิโน ทั้งๆที่ก็เห็นว่า มีปัญหาและอุปสรรคขวางหน้าอยู่เต็มไปหมด"
ษมายิ้มรับ
"ง่ายๆครับ มันเป็นธุรกิจที่ดีแล้วก็น่าลงทุน"
ษมาเอื้อมมือไปปิดเครื่องบันทึกเสียง
"มีเหตุผลอีกข้อ แต่ต้องไม่ใช่การสัมภาษณ์ โอ.เค.มั้ย"
สาระวารีหน้าบึ้งตึง พูดประชดประชัน
"ใครจะขัดใจเจ้าพ่อได้ล่ะคะ"
ษมายิ้มพอใจ
"ผมเคยบอกคุณแล้วว่ามันเป็นความฝันของผม แต่มันไม่ใช่ของผมคนเดียวหรอกนะ มันเป็นความฝันของพ่อผมด้วย พ่อพูดเรื่องนี้ให้ผมฟังหลายครั้งก่อนที่ท่านจะเสีย เพราะฉะนั้นคาสิโนที่พระฮามมันคือ การสานต่อความฝันของผมกับพ่อให้เป็นจริง"
สาระวารีถอนใจ
"ถึงว่า โดนยิงถล่มขนาดไหน คุณก็ไม่ยอมถอย ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำให้สัมภาษณ์"
สาระวารีเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างลงกระเป๋า
ษมาสีหน้าขรึมลง
"คุณจะกลับกรุงเทพวันนี้เลยรึเปล่า"
"ฉันคงค้างที่บ้านจิณห์คืนนึง ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยน จะเพิ่มคำให้สัมภาษณ์ยังไง ก็โทรหาฉันได้เลยนะคะ"
"หลังจากคืนนี้แล้วห้ามโทรหาอีกเลยใช่มั้ย" ษมาน้ำเสียงแอบตัดพ้อ
สาระวารีอึ้ง เขามองเธอนิ่ง สายตาดูอ้างว้าง ซึมๆ ทั้งคู่สบตากัน ต่างอดใจหายไม่ได้ สาระวารีเลี่ยงที่จะเก็บของต่อไป เขายังคงจับตามองเธออย่างไม่ละสายตา
จันเลาเดินนำมาเปิดประตูรถรอษมาและสาระวารี ทั้งคู่เดินคุยกันมา พิพัชเดินประกบหลังคุ้มกัน"คุณสนใจทำสกู๊ปข่าวเรื่องขุดพลอยมั้ยล่ะ"
สาระวารียิ้มๆ
"เหมือนรู้ใจบ.ก.เลยนะคะ"
" งั้นรอให้ผมเปิดคาสิโนเรียบร้อยก่อนแล้วกัน คุณจะได้ปลอดภัย..." ษมาสบตา พูดเสียงเบาลงเล็กน้อยเพราะอายคนอื่น
"เราจะได้เจอกันอีก"
สาระวารีอึ้งไปเล็กน้อย
ทันใดนั้น ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งปาดมา คนขับชักปืนออกมาเล็งใส่ษมาทันที พิพัชเหลือบไปเห็นเข้า ก็ตกใจสุดขีด
"ระวังครับคุณษมา"
พิพัชรีบพุ่งตัวมาบังษมาไว้ทันที
มือปืนลั่นไกยิง แต่พิพัชกันไว้ เลยโดนยิงเข้าไปแทนจนร่างร่วงไปกับพื้น ษมารีบรวบตัวสาระวารีล้มหมอบลงกับพื้นตามสัญชาติญาณ ในขณะที่จันเลาชักปืนออกมายิงสวน เฉี่ยวมือปืนไปนิดเดียว
มือปืนตกใจ รีบขับมอเตอร์ไซค์หนีไป จันเลาวิ่งตามไปยิงต่อ แต่ก็ไม่โดนคนร้าย ษมาดันสาระวารีเข้ารถ
"คุณเข้าไปหลบในรถก่อน อย่าออกมาเด็ดขาด"
ษมาจับสาระวารียัดเข้ารถปิดประตูไปจะได้หมดห่วง แล้วรีบเข้ามาดูอาการพิพัชทันที
ษมาทั้งตกใจ ทั้งเป็นห่วงสุดๆ พยายามปลุก
"พิพัชๆ"
จันเลาวิ่งกลับมาหน้าตาตื่นตกใจ ษมารีบสั่งจันเลา
"ตามรถพยาบาลเร็ว"
พิพัช นอนสลบจมกองเลือดไม่ได้สติ
เวลาหัวค่ำ ภายในห้องไอซียู พิพัชนอนหมดสติอาการโคม่าอยู่บนเตียง โดยมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตติดอยู่พร้อม ษมาและสาระวารีกำลังยืนคุยกับหมออยู่ข้างเตียงผู้ป่วย โดยมีกูซออยู่ใกล้ๆ ทุกคนมองพิพัชด้วยความเป็นห่วง
"โชคดีมากนะครับที่กระสุนไม่ถูกที่สำคัญ แต่คนไข้เสียเลือดเยอะมาก คงต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด"
"ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
ษมา และสาระวารี ไหว้ขอบคุณหมอ หมอรับไหว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ษมามองพิพัชด้วยสีหน้าเครียดๆ เป็นห่วงก่อนหันมองสาระวารี
"ผมว่าคุณกลับกรุงเทพไปเลยดีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ผมไม่อยากเห็นคุณโดนลูกหลงไปด้วย" ษมาหันหาสั่งกูซอ
"กูซอ ไปตามจันเลาให้ที"
"ครับ"
"เอ่อ เดี๋ยวค่ะ"
สาระวารีหน้าแหยๆ กลัวษมาว่าเล็กน้อย
"คือคุณพิพัชเจ็บหนักขนาดนี้ ฉันอยากรอให้แน่ใจว่า เค้าพ้นขีดอันตรายก่อน แล้วค่อยกลับมากกว่า คุณษมาคงไม่ว่าอะไรนะคะ"
ษมามองหน้าสาระวารี สีหน้าช่างใจ
"นะคะ ฉันรับรองว่าจะไม่สร้างเรื่องวุ่นวายให้กับคุณหรอกค่ะ"
ษมาหน้านิ่งบอก
"ขอบใจแทนพิพัชด้วยแล้วกัน"
สาระวารียิ้มดีใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ"
จันเลาเคาะประตูก่อนเปิดเข้าห้องไอซียูมา
"ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วครับคุณษมา เห็นหน้าไอ้คนยิงชัดเจนเลยครับ"
ษมาเสียงเข้มถาม
"มันเป็นใคร"
"มันชื่ออำนวยครับ เป็นลูกน้องนายดิตถ์"
ษมาสีหน้าเจ็บแค้นใจมาก
"กูซอ เฝ้าพิพัชไว้นะ"
"ครับคุณษมา"
ขาดคำ ษมาก็เดินออกจากห้องไปทันที โดยมีจันเลาตามไปคุ้มกัน สาระวารีไม่สบายใจเลยรีบตามไปอีกคน กูซอมองตามเห็นท่าไม่ดี รีบตามออกไปติดๆ
สาระวารีเร่งฝีเท้าเดินตามษมามายังทางเดินในโรงพยาบาล จันเลาตามมาอย่างเร็ว กูซอเดินตามหลังมาดูด้วยความเป็นห่วง
"คุณจะไปไหน"
“ถ้าเธอจะกลับไปบ้านคุณจิตติ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปส่ง”
สาระวารีไม่เห็นด้วย
“ฉันรู้ว่าคุณกำลังจะไปแก้แค้นคนที่ลอบทำร้ายคุณใช่มั้ยล่ะ”
ษมาตอบเลี่ยงๆ
“ผมมีวิธีของผม”
“ฉันจะไปด้วย”
ษมาถอนใจ สั่ง
“จันเลา จัดการที แล้วรีบตามไป”
ษมาสีหน้าเครียดเดินฉีกนำไป ขณะที่เธอมีสีหน้าอยากเอาชนะและจะตามไป จันเลารีบจับตัวเอาไว้ “คุณวารี อย่าตามไปเลยครับ เชื่อผมเถอะ”
กูซอรีบวิ่งตามมาช่วยจันเลา
“คุณษมากำลังจะไปเล่นงานคุณดิตถ์ใช่มั้ย”
“มันไม่ใช่ธุระของคุณ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ควรตกเป็นข่าว”
“ฉันไม่ได้อยากเขียนข่าว แต่ฉันห่วงความปลอดภัยของคุณษมา”
สาระวารีหลุดปากออกมา ก็อึ้งไปเอง
“ผมอยู่ทั้งคน รับรองว่าคุณษมาปลอดภัยแน่นอน แต่ถ้าคุณตามไป จะเป็นตัวถ่วงให้เราเดือดร้อนมากกว่า”
สาระวารีจ๋อยไป สีหน้าอ่อนลง
“กูซอ อยู่เป็นเพื่อนคุณวารี”
“คุณวารีกลับไปเฝ้าไข้คุณพิพัชกับผมดีกว่านะครับ”
สาระวารียอม พยักหน้ารับ จันเลารีบวิ่งกวดตามษมาไปทันที สาระวารีมองตามไปพร้อมถอนใจยาวออกมา
มนต์จันทรา ตอนที่ 4 (ต่อ)
เวลากลางคืน บรรยากาศภายในบ่อนของดิตถ์ ดิตถ์ออกอาการกำลังคุยกับลูกน้องอยู่
“ไอ้ษมานี่มันตายยากตายเย็นซะจริง อาวุธสงครามก็เล่นมันไม่ตาย วันนี้โดนดักยิงจ่อๆ ก็ยังรอดไปได้อีก”
ขาดคำ ลูกน้องดิตถ์คนหนึ่งก็ถูกถีบล้มลุกคลุกคลานเข้ามาในบ่อน ท่ามกลางความตกใจ
ของทุกคน ษมา จันเลาและลูกน้องของษมาเดินเข้ามาในบ่อน ดิตถ์ตกใจมาก
“ไอ้ษมา”
ษมาชักปืนออกมายิงขู่ เหล่านักพนันเห็นปืนก็ตกใจแตกตื่น หาที่หลบกันวุ่นวาย พวกลูกน้องรีบกันให้ดิตถ์ได้หนีออกไปทางด้านหลังของบ่อน เขาจะตามไป แต่ลูกน้องดิตถ์ตามเข้ามาขวางหน้า
จันเลาและลูกน้องษมา ก็เข้าปกป้องนาย ชกต่อยตะลุมบอนกันไป ษมาหาช่องรีบวิ่งกวดตามดิตถ์ออกไปอย่างเร็ว
บริเวณที่จอดรถหลังบ่อน ดิตถ์วิ่งหนีหางจุกตูดมาขึ้นรถ ขณะกำลังจะเปิดประตูรถ ปลายกระบอกปืนก็จ่อทิ่มกลางหลังดิตถ์ท เขายกมือยอมแพ้ ก่อนหันมอง พบว่าคนจ่อปืนใส่ตนคือษมา ดิตถ์กลัวจนหน้าซีด
“มึงจะเอายังไงกับกู”
ษมาจ้องหน้านิ่ง เอาจริง
“ฉันควรจะถามแกมากกว่า ที่ฉันถูกลอบฆ่าสองครั้งซ้อนนี่ ฝีมือแกใช่มั้ย”
ดิตถ์เกิดอาการกลัวสุดๆ
“แกอย่าทำอะไรฉันนะ ยังไงฉันก็เป็นพี่ชายเดชเพื่อนรักของแกนะโว้ย”
ษมาเสียงดุ กระโชก
“ตอบคำถามมา”
“ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ฉันไม่ได้ส่งใครไปทำร้ายแกทั้งนั้น”
“โกหก คนที่แกใช้ไปยิงฉัน มันชื่ออำนวย มันเป็นลูกน้องของแก” ษมาตะคอก
“ไอ้นวยเรอะ ไอ้เวร ทำกูซวยแล้วมั้ยล่ะ ไอ้นวยมันออกจากฉันไปได้พักใหญ่แล้ว แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่ามันไปทำงานให้กับใคร”
ษมาฟังอย่างไตร่ตรอง แต่ยังไม่เชื่อนัก แกล้งขู่
“ลาก่อนไอ้ดิตถ์”
ดิตถ์กลัวจนหน้าซีดตัวสั่น รีบเล่าอย่างละล่ำละลัก
“เฮ้ย เฮ้ย อย่ายิง ฉันไม่รู้จริงๆ ษมา... ไอ้นวยมันมือดี มีคนอยากดึงมันไปทำงานด้วยเยอะ มันเลยมาขอขึ้นเงินค่าจ้าง แกก็รู้ว่า แค่หมุนเงินเดือนต่อเดือน ฉันก็เต็มกลืนแล้ว จะเอาเงินที่ไหนไปขึ้นให้มันอีก ฉันก็เลยปล่อยให้มันออกไปอยู่ที่อื่น เรื่องลอบฆ่าแกทั้งที่พระฮามกับที่ตราดวันนี้ ไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆ ให้ฉันสาบานให้ตายโหงตายห่าที่ไหนก็ได้” ดิตถ์เล่าพลางยกมือไหว้
ษมามองดิตถ์นิ่ง รู้ว่าดิตถ์ไม่ใช่คนแน่จริง เป็นคนในจำพวก หมาเห่าใบตองแห้ง คงไม่กล้าโกหกตนแน่ ษมาลดปืนลง
“ถ้าแกโกหก ฉันกลับมาหาแกแน่”
“ฉันไม่กล้าโกหกแกหรอก”
ษมาข่มขู่
“ยืนหันหน้าเข้ารถไว้ ยกมือขึ้นเหนือหัว หันกลับมา สมองแกกระจายแน่”
ดิตถ์กลัวจนหน้าซีดเข่าอ่อน ทำตามคำสั่งอย่างไม่บิดพลิ้ว ษมาถอยห่างพร้อมเอาปืนจ่อจนแน่ใจก่อนจะวิ่งกลับออกไป
โทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นมา ดิตถ์สะดุ้งโหยง ผวาร้องลั่น
“เฮ้ย”
ดิตถ์เอามือจับตามตัวว่าไม่ได้โดนยิง ก่อนจะได้สติว่าเป็นเสียงโทรศัพท์ เขาหันมองเห็นษมาไปแล้ว จึงถอนใจอย่างโล่งอก กดรับ
“ว่าไงวะ”
ลูกน้องโทร.มาส่งข่าว
“ตำรวจเข้ามาทลายบ่อนเราครับเสี่ย รีบหนีเถอะครับ”
ดิตถ์ตกใจมาก สีหน้าเจ็บใจ สายตาอาฆาต
“ไอ้ษมา มึง...”
ดิตถ์รีบขึ้นรถขับหนีไปด้วยความแค้นใจ รู้ว่าเป็นฝีมือษมาแน่ๆ
หน้าบริษัทษมายามเช้า พนักงานกำลังขนเสบียงอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เอาไปเกาะยานกขึ้นรถกระบะ โดยมีลำแพงคอยดูแล สมบูรณ์เดินออกมาจากข้างใน
“อ้าว มาคุมงานด้วยตัวเองเลยเหรอคุณแม่บ้าน”
ลำแพงยิ้มแย้ม
“พายุเข้าซะหลายวันน่ะค่ะจ่า แล้วก็มีเรื่องยุ่งๆหลายเรื่องด้วย ฉันเลยกลัวว่า ข้าวของจะได้ไม่ครบ ก็เลยต้องมาคุมด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
“ไหนๆก็ออกจากเกาะมาแล้ว อยู่เที่ยวซักวันสองวันสิ ของพวกนี้ให้เด็กมันคุมกลับไปก็ได้”
“อย่าเลยค่ะ ฉันชอบอยู่บนเกาะมากกว่า ที่นี่คนเยอะ น่ารำคาญเป็นห่วงบ้านด้วย”
“ก็ดีครับ คุณษมาคงยังไม่ยอมกลับเกาะอีกหลายวันแหละจนกว่าจะส่งเจ้าตัวแสบขึ้นรถกลับกรุงเทพไปซะก่อน”
สมบูรณ์ขำๆส่ายหน้า ลำแพงแปลกใจ
“จ่าหมายถึงใครคะ”
“ก็นักข่าวจอมเฮี้ยวนั่นไงครับ”
ลำแพงเสียงเคืองๆ
“นี่เค้ายังไม่กลับไปอีกเหรอคะ”
“เห็นว่าจะอยู่รอดูอาการคุณพิพัชก่อน”
ลำแพงมีสีหน้าเก็บข้อมูล ไม่ค่อยพอใจนัก สมบูรณ์ยิ้มแบบรู้ทัน
“แต่ผมไม่เชื่อหรอก อยู่ทำข่าวมากกว่า คุณษมาถูกลอบยิงกลางเมืองขนาดนี้ ข่าวดังไปทั่ว มีเรอะที่หนูวารีจะยอมปล่อยข่าวนี้ผ่านไปง่ายๆ”
ลำแพงฝืนยิ้ม แต่บีบมือแน่นด้วยความเจ็บใจ ที่สาระวารียังไม่ยอมไปจากษมาซักที อารมณ์
หึงหวงเจ้านายเริ่มส่อเค้า
ภายในบ้านจิณห์วรา สาระวารีกำลังพิมพ์งานกับโน้ตบุ๊กในห้องพักแขกอย่างตั้งอกตั้งใจ จิณห์วราเคาะประตูห้องก่อนเปิดเข้ามา
“เสร็จรึยังจ๊ะ”
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ ขอส่งงานให้บ.ก.แป๊บ”
สาระวารีกดเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อส่งงาน
จิณห์วรายิ้มๆ
“ตกลงบ้านฉันกลายเป็นสำนักข่าวไปซะแล้ว”
สาระวารียิ้มแย้ม
“เอาน่า ถือว่าช่วยเพื่อนหน่อยแล้วกัน ข่าวดังยังงี้ เพื่อนไม่ส่งข่าวให้บ.ก.โดนเล่นงานแน่ เสียดายวัฒนากลับไปซะแล้ว ...เรียบร้อย”
“แล้วภาพประกอบจะเอาจากไหน”
“เมื่อวานตอนเกิดเรื่อง คุณษมาให้ฉันซ่อนตัวในรถ ฉันแอบใช้มือถือถ่ายรูปบริเวณที่เกิดเหตุส่งให้บ.ก.ไปแล้ว”
“เธอนี่มันนักฉวยโอกาสจริงๆ”
สาระวารียิ้มๆ
“ในที่สุดคุณษมาก็ตกเป็นภาพข่าวครั้งแรกในหน้าสยามสารจนได้ เพราะฝีมือนักข่าวจอมเจ้าเล่ห์อย่างเธอ” จิณห์วราถอนใจแล้วส่ายหน้า
“เปล่าซะหน่อย ไม่มีรูปเค้าหรอก”
“อ้าว... ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเค้า กลัวโดนเค้าด่าเหรอ”
สาระวารีอึกอัก
“แหม ก็เพื่อความสบายใจของแหล่งข่าว ยังต้องพึ่งพากันอีกยาว”
สาระวารีเก็บอุปกรณ์ทำงานแก้เก้อไป เพื่อนยิ้มกระเซ้า
“จริงอ้ะ”
“เอ๊ะแกนี่ จะเอายังไงกับฉัน...”
สาระวารีรีบตัดบท
“อาสาจะไปส่งฉันที่โรงพยาบาลก็เร็วๆ เลย เดี๋ยวฉันก็พลาดข่าวสำคัญพอดี”
สาระวารีรีบสะพายเป้ เดินนำออกไปก่อน จิณห์วรามองตามเพื่อนแอบมองเห็นความผิดปกติบางอย่างในตัวสาระวารี
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ผ่านเวลาซักพัก บริเวณล็อบบี้โรงพยาบาลตอนสาย ษมาหน้านิ่งขรึมเดินเข้ามาหาโศภีที่นั่งรออยู่ในร้านกาแฟเล็กๆภายในโรงพยาบาล
โศภียิ้มแย้ม ลุกยืนต้อนรับ
“โศดีใจจังเลยที่คุณยอมมาพบโศ”
“คุณมีอะไรก็รีบว่ามา ผมมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ” ษมาพูดพลางนั่งลง
โศภียิ้มแบบรู้ทัน นั่งตาม
“ธุระของคุณ ใช่การตามล่าตัวมือปืนที่ยิงพิพัชรึเปล่าคะ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ มันตั้งใจฆ่าคุณมากกว่า” โศภียิ้มกวนเล็กน้อยขณะพูด
ษมาจ้องหน้าโศภี
“ข่าวไวดีจริงนะ”
“เจ้าพ่อคาสิโนผู้โด่งดัง กระดิกตัวทำอะไร ก็เป็นข่าวทั้งนั้นล่ะค่ะ ยิ่งถูกลอบยิงกลางเมืองแบบนี้ ใครที่ไหนจะไม่รู้... โศช่วยคุณได้นะคะ”
“ช่วยอะไร”
“ก็ตามหาตัวมือปืนน่ะสิคะ”
“แลกกับอะไร”
โศภียิ้มขำๆ แกล้งยั่วโมโห
“เอ... แลกกับอะไรดีน้า”
โศภีส่งสายตาประพิมพ์ประพราย ษมารำคาญ
“ถ้ายังคิดไม่ออก ผมไปเยี่ยมพิพัชก่อน”
ษมาจะลุกขึ้น โศภีรีบจับแขนษมาเอาไว้ สีหน้าแววตาอ้อนๆ
“เดี๋ยวสิคะษมา ใจร้อนจังเลย โศไม่ต้องการอะไรจากคุณหรอกค่ะ แค่อยากจะช่วยคุณบ้างก็เท่านั้นเอง เผื่อคุณจะมองโศในแง่ดีขึ้นบ้าง”
ษมาถอนใจ ยอมนั่งลง
“คุณจะช่วยผมยังไงก็ว่ามา”
โศภียิ้มบางๆ
“คืองี้ค่ะ โศได้ข่าวมาว่า ไอ้อำนวยมันว่าจ้างเรือพาหนีข้ามชายแดนตอนบ่ายนี้”
หน้าร้านกาแฟ...สาระวารีเข้าโรงพยาบาลมาเห็นทั้งคู่คุยกันอยู่ในร้านกาแฟ เลยแอบมองอยู่หน้าร้านเก็บข้อมูล โศภีเหลือบตามองมาเห็นสาระวารีพอดี เธอตกใจเล็กน้อย ษมาหันตามโศภีมามอง สาระวารีรีบเดินหนีไปขึ้นลิฟท์ทันที
“เดี๋ยวผมโทรหาคุณอีกที”
ษมาลุกตามสาระวารีไป โศภีจิกตามองตามษมาและสาระวารีไป ด้วยสีหน้าหมั่นไส้
สาระวารีเดินเรื่อยๆ มาตามทางเดินในโรงพยาบาลจะไปเยี่ยมพิพัช ษมาวิ่งตามมาคว้าแขนเธอเอาไว้ เธอตกใจ
“ทำไมยังไม่กลับกรุงเทพไปอีก เมื่อคืนหมอก็บอกแล้วว่า พิพัชพ้นขีดอันตราย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว”
“แหม...ก็ข่าวคุณถูกลอบยิงกลางเมือง มันดังกระฉ่อนเลยนี่คะ”
ษมาเสียงดุ ขึงขัง
“ผมไม่อนุญาตให้คุณทำข่าวนี้”
สาระวารีเถียงใส่ฉอดๆ อย่างไม่พอใจ
“ทำไมล่ะคะ ทีนักข่าวอื่นเค้าทำได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้ เรื่องอะไรมาห้ามฉันอยู่คนเดียว”
“เพราะผมเป็นห่วงคุณน่ะสิ”
ษมาจ้องตาสาระวารี ด้วยสายตาห่วงใยจริงๆ เธอแพ้ในแววตาคู่นั้น เธอดูอ่อนลง
“อย่าดื้อได้มั้ยวารี ตอนนี้กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่รู้ใครเป็นใคร ผมห่วงความปลอดภัยของคุณ ถึงได้อยากให้คุณกลับไปก่อน”
“แต่นี่มันเป็นงานของฉัน ถ้าฉันทิ้งข่าวไปเพราะรักตัวกลัวตายก็อย่ามาเป็นนักข่าวซะดีกว่า”
“แต่คุณก็รู้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังมีอิทธิพลมากกว่าที่คุณคิด”
“ถ้าอย่างงั้น ฉันยิ่งไม่มีวันไปไหนเด็ดขาด หน้าที่ของฉันคือการตีแผ่ความจริงให้สังคมรับรู้ ไม่ว่าศัตรูคุณจะเป็นใครก็ตาม หรือต่อให้ฉันต้องโดนหางเลขไปด้วย ฉันก็จะทำข่าวนี้ต่อ ชัดมั้ยคะ”
ษมาน้ำเสียงโมโห
“ทำไมคุณถึงได้ดื้ออย่างงี้นะ ถ้าคุณอยากได้ข่าวมากนัก ก็รอให้ทุกอย่างมันเคลียร์ก่อนไม่ได้รึไง ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย”
สาระวารียิ้มกวน
“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ยคะ งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ ฉันมีนัดสัมภาษณ์คุณหมอเจ้าของไข้คุณพิพัช”
สาระวารีเดินจากไปอย่างไม่แยแส ษมามองตามด้วยความเจ็บใจ
“เป็นเด็กหน่อยไม่ได้ จะจับตีให้ก้นลายเลย”
สาระวารีเหมือนรู้ตัวที่โดนเมาท์ หันมามองค้อนๆ ก่อนเดินกลับไป ษมาได้แต่ถอนใจออกมา
ลำแพงเดินออกมาจากลิฟท์ เห็นษมาเข้าพอดีก็เดินมาหา
“คุณพิพัชเป็นยังไงมั่งคะ”
“โอเคแล้วล่ะ”
“ฉันมาคุมขนของขึ้นเกาะ คุณมีอะไรต้องการเพิ่มมั้ยคะ”
“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกหรอก เธอจัดการแทนไปได้เลย”
“ค่ะ”
“ลำแพงมาก็ดีแล้ว ฝากดูแลคุณวารีด้วย”
ลำแพงอึ้งไปเล็กน้อย แต่เก็บอาการ
“ปล่อยเพ่นพ่านอยู่แบบนี้ ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอถ้าวันนี้เค้ายังไม่ยอมกลับกรุงเทพอีก ลำแพงช่วยพาวารีไป พักที่รีสอร์ตก่อน”
“เปิดห้องใหม่เหรอคะ”
“ให้พักที่บ้านรับรองของผมนั่นล่ะ”
ลำแพงตาแข็ง วิบขึ้นมาเลย ไม่พอใจปนอิจฉามาก
“พัก ในความหมายของผมคือกักบริเวณ คุณเข้าใจใช่มั้ย”
ลำแพงยิ้มรับ
“ค่ะ”
“ฝากด้วยนะลำแพง”
ษมาถอนใจเครียดๆ เดินกลับไปทางลิฟท์ ลำแพงหน้าเชิดนิ่ง เดินตัวแข็งไปทางห้องพักพิพัช ขบกรามขึ้นเป็นสัน เดินกำมือแน่นไปตลอดทาง เธออิจฉาสาระวารีที่ษมาเอาใจใส่ห่วงใยมาก
เวลาบ่าย อำนวย มือปืนที่ลอบยิงษมา สวมหมวกบังหน้า เดินสะพายเป้มาถึงท่าเรือ เขามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใครมารับซักคนเลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออก
“เฮ้ย กูถึงแล้ว ไม่เห็นมีใครมารับซักคน ตกลงจะเอาไงวะ...”
ขาดคำ ตำรวจที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากที่ซ่อนจะล้อมจับ อำนวยตกใจ ชักปืนยิงสวนทันที จนตำรวจต้องหาที่กำบัง เปิดโอกาสให้มือปืนวิ่งหนีไปอีกทาง แต่วิ่งไปได้หน่อยเดียว จันเลาที่ซุ่มอยู่ ก็โผล่ออกมาเตะสวน จนปืนอำนวยกระเด็นหลุดมือ ษมาเดินออกจากที่ซ่อนพร้อมปืนจ่อเล็งที่อำนวย
อำนวยถึงกับหน้าเสีย ตำรวจล้อมกรอบมาทางด้านหลัง
“ยกมือขึ้นเหนือหัว”
ขณะที่อำนวยจะยกมือขึ้นเหนือหัว กลับถูกลอบยิงระเบิดสมองจากระยะไกลตายคาที่ ษมา จันเลา และเหล่าตำรวจรีบหมอบหลบด้วยความตกใจ
อำนวยตายคาที่ ไม่ทันได้ปริปาก ษมามีสีหน้าเจ็บใจมากที่อำนวยถูกฆ่าตัดตอน
ผ่านเวลาพักใหญ่ ษมาและโศภี เดินคุยกับตำรวจระดับพันตำรวจเอก ออกมาจากด้านใน
“คุณษมาไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะหาตัวคนบงการให้ได้”
“แต่โศว่า งานนี้ไม่ง่ายเลยนะคะผู้กำกับ ขนาดตำรวจล้อมอยู่เต็มไปหมด มันยังส่งคนไปเก็บได้ คนที่อยู่เบื้องหลังนี่ต้องมีอิทธิพลใช่เล่น”
สมบูรณ์เดินหน้าเครียดเข้ามาหาษมา
“ได้เรื่องมั้ยจ่า”
“ได้ครับ แต่ไม่น่าใช่ข่าวดีนะครับ”
“ว่ามาเถอะครับ คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วล่ะ”
“ผมกับผู้กองธวัชตามสืบจนเจอตัวน้องชายไอ้นวยแล้วครับ เลยรู้ว่า หลังจากไอ้นวยออกจากนายดิตถ์แล้ว มันไปทำงาน กับใคร”
“กับใครเหรอจ่า” โศภีถาม
“คุณจิตติ”
ษมาและโศภีมีสีหน้าช็อกตกใจมากหันมองหน้ากัน
จบตอนที่ 4
อ่านต่อตอนที่ 5 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.