อาญารัก ตอนที่ 19
หลังมื้อค่ำ สองแม่ลูกนอนกอดกันอยู่ในห้องนอน พูดคุยกันอย่างมีความสุข เนื้อทองหนุนตักเนียนยิ้มหน้าบาน
“แม่เนียนจ๋า ท่านขุนไม่รังเกียจเรา แล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“คงเช่นนั้นแหละจ้ะ ลูกว่าดีไหมเล่าจ๊ะ”
“ดีมากๆ จ้ะ แต่หนูเกรงว่า ประเดี๋ยวท่านก็โกรธเราขึ้นมาอีก” เนื้อทองอดกังวลไม่ได้
“ท่านคงไม่โกรธแล้วจ้ะ”
“ท่านเชื่อแล้วหรือจ้ะว่าแม่ไม่มีชู้”
“คงอย่างนั้นแหละจ้ะ” เนียนกลัวลูกจะถามต่อเลยตัดบท “หนูติ๋วจ๋าเราสองคนมัวมาคุยกันนานมากไปแล้ว หนูรีบไปดูแลคุณท่านนะจ้ะ แม่ห่วงท่านมาก”
“จ้ะ หนูไปก่อนนะจ้ะ รักแม่เนียนนะจ๊ะ”
“รักลูกเหมือนกันจ้ะ”
เนื้อทองออกไป เนียนนั่งยิ้มกับตัวเองท่าทีมีความสุขล้น จังหวะนี้มีเสียงเรียกทางหน้าต่าง
“คุณเนียน คุณเนียน”
เนียนโผล่ไปมอง
“พี่เอก”
เอกบอกเนียนเบาๆ ป้องปากกลัวใครได้ยิน
“พี่กำลังจะไปรับยายอ่อนมาหาคุณนายเรียม โพล้งกับพี่แพร จะมาหาเนียนด้วย เงียบเหยียบไว้นะ”
เอกพูดจบวิ่งออกไป
ฟากสนนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เทิดศักดิ์เดินมาโอบไหล่แม่
“คุณแม่ครับ”
สนสะดุ้งร้อง “ว้าย”
“คุณแม่ตกใจอีกแล้ว”
“แม่กำลังคิดอะไรเพลินๆ นี่นา บ้านนั้นเขาเลิกสนุกสนานกันแล้วรึ”
“ครับ ผมกำลังจะไปอยู่เวร คุณแม่อยู่คนเดียว อย่าเที่ยวออกไปเดินเพ่นพ่านนะครับ”
“จ้ะ ขอบใจที่ห่วงใยแม่”
“ผมห่วงคุณแม่เสมอครับ ผมไปนะครับ”
เทิดศักดิ์จับมือแม่มาวางบนหัว แล้วออกไป สนมองเหม่อต่อไปที่นอกหน้าต่าง
“เออกูมันหมาหัวเน่า เอ๊ะ นั่นเสียงใครพายเรือมาจ๋อมแจ๋ม ใกล้ท่าน้ำทำทีหลบๆ ซ่อนๆ หรือจะเป็นไอ้หนัก แย่แล้ว”
สนปราดไปจะปิดหน้าต่างแล้วสนก็มองไป
“เอ๊ะ ไอ้เอก พาใครมา ผู้หญิงเสียด้วย”
สนลงเรือนไปทันที
ที่แท้เป็นยายอ่อนกับเอกกำลังย่องหลบซ้ายหลบขวา เดินหายไปทางด้านตึกใน สนแอบมองมาท่าทีตื่นเต้น
“อียายอ่อน กับไอ้เอก มันพากันไปไหนรึ แล้วไอ้เอกพามันมาทำไม”
สนแอบสะกดรอยตามไป
ด้านท่านขุนกับเรียมพยายามพูดจาดีๆกับทานตะวัน ที่ยังตะบึงตะบอนไม่หาย
“ทำไมหนูไม่มากินข้าวกับเราจ๊ะ หนูอี๊ด”
“เราไหนคะ เราที่หมายรวมถึงอีเด็กติ๋วกับยัยเนียน หนูร่วมโต๊ะอาหารกับพวกมันไม่ลงดอกค่ะ”
ขุนภักดีชักฉุน “คำก็มัน สองคำก็มัน คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เกิดมาแล้ว นี่สิ ใครกอบโกยความดีได้มากกว่า คนนั้นก็คือคนที่น่าคบหาสมาคมแม้กระทั่งร่วมกินอาหารด้วยกันได้ ที่พ่อเป็นใหญ่เป็นโตผู้คนนับหน้าถือตา ทั้งเมืองสุพรรณก็เพราะว่าพ่อไม่เคยรังเกียจใคร กินข้าวได้แม้กระทั่งกับชาวนา”
“มิน่าคุณพ่อถึงมีเมียเป็นชาวนา” ทานตะวันย้อนให้
ท่านขุนชักสีหน้า แต่ก็พยายามระงับอารมณ์อบรมลูกสาวนิสัยเสียต่อ
“ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ ถ้าพวกเขาไม่ทำนา หนูอี๊ดคงต้องไปแบ่งหญ้ากินกับควาย”
“คุณพ่อคุณแม่จะรุมตำหนิติเตียนหนูให้ชอกช้ำไปอีกมากเพียงไหนคะ วันนี้พิศมัยมันยกพวกลาออกจากร้านหนูไปหมดแล้วค่ะ”
สองผัวเมียตกใจ “หนูอี๊ด”
ทานตะวันร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ พอดีเอก มาลับๆ ล่อๆ เรียมจึงลุกบอกกับท่านขุน
“พี่เทพพูดกับลูกไปก่อนนะคะ เรียมจะแวะไปคุยธุระกับนายเอกสักครู่”
เรียมลุกเดินออกไป
ฟากยายอ่อนมานั่งรอเรียม โดยไม่รู้ว่าสนแอบมองตาขวางท่าทีเข่นเขี้ยว
“ไอ้เอกพาอีแก่นี่มันมารอใครกัน จะออกไปถามมันสักหน่อย”
สนขยับจะออกไป เอกพาเรียมเข้ามาก่อน ยายอ่อนไหว้ร้องทักเสียงดัง
“คุณนายเรียม เจ้าขาสวัสดีเจ้าค่ะ อิชั้นมาตามที่คุณนายสั่งเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ”
สนชะงัก สีหน้าฉงน หลบมุมแอบมองต่อ
“อีเรียมนัดอียายอ่อนมาทำไม”
ยายอ่อนพูดคุยกับเรียม
“ตกลงว่าเนียนได้ประกันตัวไปแล้ว แต่ยายก็ยังต้องมาเป็นพยานอีกปากว่าเขาไปบ้านแพน รวมทั้งนายโพล้งกับนางแพรด้วย”
“ไม่ใช่แค่มาเป็นพยานเท่านั้นดอกเจ้าค่ะ คุณนายเรียม อิชั้นต้องมาจัดการ เรื่องที่นาที่ซื้อจากเนียนเขาด้วยเจ้าคะ เรื่องมันวุ่นวายขายปลาช่อนมากเจ้าค่ะ”
“วุ่นวายอย่างไรรึ”
“ก็แหม ไม่อยากจะพูดเพราะเนียนเขาไม่อยากให้พูด”
“ยายอ่อนนี่ละก็ ตัวเองมีความลับกับคุณนายกับเนียนมากมาย ดูแต่เรื่องลูกสิ” เอกเอ็ด
สนหูผึ่งพลอยตื่นเต้นไปด้วย
“พวกมันมีความลับอะไรกันมากมายนะ
เรียม เอก และยายอ่อน คุยกันต่อ
“ก็จริงนะ เรื่องลูกของคุณนายกับเนียน มันก็พัวพันกันไปหมด” ยายอ่อนว่า
“ก็ต้องขอบใจยายอ่อนมากนะ ที่ช่วยกันปิดบังเรื่องลูกของชั้นที่ตาย”
สนตาโต ตื่นเต้นมาก
“ลูกอีเรียมมันตาย แล้วอีเด็กอี๊ดมาจากไหน”
“ลูกเนียนมันเป็นฝาแฝด น่ารักน่าชังแข็งแรงทั้งสองคน อิชั้นอยากเห็นเหลือเกินเจ้าค่ะ” ยายอ่อนว่า
“ก็สบายดีกันทั้งสองคน” เรียมบอก
“คนพี่ก็ยกให้คุณนายเรียม คนน้องก็ต้องเป็นลูกของเนียนน่ะสิ” เอกเสริม
สนตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเก่า
“ที่แท้มันคือฝาแฝดกัน มันร้ายกาจมาก มิน่าอีเรียมถึงได้เอาใจทั้งอีเนียนกับอีเด็กติ๋วหนักหนา”
เรียมไถ่ถามอีก “ทีนี้ยายอ่อนบอกมาสิ ว่าที่นาของเนียนมันวุ่นวายอย่างไร”
“ก็เนียนเขากลัวว่าใครจะรู้ว่าเขาโอนที่นาให้นายอำเภอแดงน้อย”
“อะไรกันนี่” เรียมประหลาดใจ
“นี่...อย่าบอกนะยาย” เอกพอนึกออกแล้ว
“บอกตอนนี้แหละ นายอำเภอแดงน้อยน่ะลูกของเนียนกับผัวคนแรกชื่อแดงมันถูกรถชนตายไป เมื่อวันที่นายอำเภอแดงน้อยเกิดนั่นแหละ”
สนตกตะลึงอีกครั้ง
“นายอำเภอแดงน้อย เป็นลูกอีเนียน”
ฟากเนียนมาแอบเจอโพล้งกับแพร สองคนคนดีใจกับเนียนหลังรู้เรื่องท่านขุนแล้ว
“พี่ดีใจมากนะที่เนียน รอดพ้นบ่วงกรรมของนางสนมาจนได้”
“แล้วเนียนจะเอายังไง สมควรต้องให้นางคุณนายสนมัน โดนเสียบ้าง” แพรว่า
เนียนส่ายหน้า
“เนียนไม่จองเวรใคร และประการสำคัญ ยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครอย่าเที่ยวไปพูดว่าเป็นคุณสน มันไม่สมควรจ้ะ”
สองคนระอา “เอาอีกแล้วเนียน”
“แกจะดีไปถึงไหน” แพรบ่น
เนียนได้แต่ยิ้ม
ฝ่ายยายอ่อนพูดจนหยุดไม่ได้แล้ว เรียมก็อยากรู้ต่อไปเช่นกัน
“มาว่าเรื่องที่นาของเนียนกันต่อเจ้าค่ะ”
“ชั้นอยากรู้ยายอ่อนไปรวบรวมเงินมาจากไหนรึ ถึงไปซื้อที่นาของเนียนได้น่ะ แค่เงินของชั้นมันก็คงไม่พอดอก”
“เกือบจะพอเจ้าค่ะ แต่พอดีคุณสนให้เงินอิชั้นมาสมทบมาอีกมากโข”
เอกกะเรียมร้อง “ฮ้า”
“แม่สนเขาให้เงินยายอ่อนค่าอะไรรึ ในเมื่อค่าทำคลอด พี่เทพก็ให้ชั้นให้ยายแล้วนี่นา”
“คือคุณนายสนให้เงินอิชั้นเป็นค่าปิดปาก” ยายอ่อนบอก
“ค่าปิดปาก” เรียมไม่เข้าใจ
“เจ้าค่ะ ปิดปากเรื่อง...”
มาถึงตรงนี้ สนทนให้ยายอ่อนแฉตัวเองต่อไม่ได้แล้ว จึงฉวยเอาก้อนหิน เขวี้ยงโยนไปใส่ในวงสนทนาทันที
“อีอ่อน มึงจะพูดต่อไม่ได้”
"ว้าย" พวกเรียม ตกใจ
“ท่าจะไม่ดีแล้ว มีคนเห็นเรามาแอบคุยกันแน่ๆ” เรียมว่า
“ใช่ขอรับ ทำท่าจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว คุณนายเรียมขอรับผมจะรีบพากลับไปเรือนก่อนนะขอรับ ยายอ่อนรออยู่นี่นะ เดี๋ยวจะไปส่ง”
“ไม่ต้องดอกพ่อเอก ก็เห็นว่ายายมากับนายโพล้งนางแพรมัน มันนัดเจอกันที่คุ้งน้ำใกล้ๆนี่แหละ ป่านนี้มันคงมารอแล้ว ยายไปเองได้ พ่อคุณ”
“ขอบใจยายอ่อนมาก รับรองว่าเรื่องที่รู้ในวันนี้จะไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ต่อไปอีก”
“ขอบคุณมากเจ้าคะ อิชั้นก็จะไม่แพร่งพรายต่ออีก แหมเสียดายยังเล่าต่อไม่จบ” ยายอ่อนเปรี้ยวปากอยากเล่าต่อ
“เดี๋ยวมึงได้เล่าต่อจนจบแน่อีแก่ปากลำโพง” สนคำราม
เรียมออกไปกับเอก ยายอ่อนเดินกระย่องกระแย่ง หลบไปที่เรือ
ขุนภักดียังคงอบรมลูกสาวต่ออยู่บนเรือนใหญ่
“คนเรามีเรื่องราวมากมาย ที่ต้องรับรู้รับฟัง ด้วยเหตุและผลไม่ใช่อารมณ์ มีทั้งเรื่องที่ดีและร้าย ลูกต้องรับมันให้ได้ทั้งสองแบบ”
“หนูไม่ชอบอดทน แม่สนสอนหนูมาตลอดว่าเกิดเป็นหนูไม่ต้องทนดอก”
“ฟังพ่อบอกเอาไว้ให้ดี แม่สนสอนหนูผิดมาตลอด คนที่ผิดมากที่สุดคือพ่อ ที่ช่วยส่งเสริมไม่ว่ากล่าว แม้คุณแม่จะคอยติติงก็ตาม การคิดก่อนพูดนั้นช่วยเราได้มากนะลูก”
“คุณพ่อกำลังพูดว่าหนูไม่มีความอดทนไม่ใช่คนดี”
เรียมเดินกลับมาถึงเรือนแล้ว
“ยังคุยกันไม่จบอีกรึ พ่อลูกคู่นี้”
“จบแล้วคะ หนูจะไปนอน ท่องคำดุว่าของทั้งคุณพ่อคุณแม่ให้มันชอกช้ำใจให้มากๆ ค่ะ”
พูดประชดบุพการีจบ ทานตะวันก็พรวดออกไป เข้าห้องปิดประตูลงกลอน เรียมกับท่านขุนส่ายหน้า
ยายอ่อนพายเรือมา ตั้งจะไปจุดที่นัดหมายกับโพล้งและแพรไว้ ยายอ่อนได้ยินเสียงพายจ๋อมแจ๋มอยู่ด้านหลัง กระชั้นมาทุกทีราวกับว่าจะไล่จี้ตน
เรือที่พายไล่หลังยายอ่อนมีผ้าคลุมหน้าพาดมาที่ไหล่ ในที่สุด เรือของยายอ่อนก็โดนกระแทก
“อะไรกันรึนี่ ที่ให้เรือแล่นมีกว้างใหญ่ ทำไมต้องมาพายไล่จี้ก้นใส่กัน”
“กูอยากพายจี้ก้นใส่มึง มึงน่ะไฟลนก้นยังไม่รู้สึกตัวอีอ่อน”
ยายอ่อนงง “แกเป็นใครกันน่ะ”
“กูเอง มึงอยากจะพูดว่ามึงปิดปากสิ่งใดกับอีเรียมเรื่องลูกกู มึงพูดออกมาสิ”
ยายอ่อนตกตะลึง “คุณสน”
สนพายเรือแซงเข้ามาเทียบข้างเรือยายอ่อน แล้วสนก็เอาผ้าที่คลุมหน้ารัดคอยายอ่อนจนปวกเปียก
ยายอ่อนไม่ทันตาย
“มึงมันช่างพูดนัก เชิญมึงไปเล่าเรื่องของลูกกูต่อในนรกเถิด”
“อีสน อย่า”
“มึงทรยศกู กูให้เงินมึงแล้ว มึงยังคิดจะเอาความลับของกูมาเปิดเผย”
ว่าแล้วสนก็ผลักเรือยายอ่อนจนคว่ำ ลอยไปตามยถากรรม ยายอ่อนตะเกียกตะกายหนีตายด้วยว่ายน้ำไม่เป็น
“ชั้นว่ายน้ำไม่เป็น”
“เพราะมึงเป็น แต่เปิดโปงกู” สนด่า
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ยายอ่อนร้องอย่างน่าเวทนา พยายามตะเกียกตะกายมาเกาะเรือที่คว่ำจม สนใช้เท้าถีบเรือห่างออกไปทุกทีๆ
อ่านต่อหน้า 2
อาญารัก ตอนที่ 19 (ต่อ)
ขณะเดียวกันขุนภักดีและเรียมคุยกันอยู่ในห้องนอน
“เรียมไปพบยายอ่อนมาค่ะ”
“ยายอ่อนไหน”
“ยายอ่อนคนทำคลอดลูกเราค่ะ ทำคลอดเทิดศักดิ์ด้วย”
ท่านขุนนึกได้ ยิ้มอารมณ์ดี “ทำคลอดหนูติ๋วอีกคน ขอบใจเรียมมากนะ ที่ครั้งนั้นเรียมช่วยดูแลให้ยายอ่อนทำคลอดเนียน หาไม่เช่นนั้น บางทีหนูติ๋วอาจมีอันตราย”
“เอ้อ ค่ะ” เรียมพูดได้ไม่เต็มปาก
ท่านขุนโอบเรียม
ยายอ่อนตะเกียกตะกายจะจมน้ำให้ได้ พอยายอ่อนจะเกาะเรือได้ สนก็ถีบเรือออก
“ชะ ชะ ช่วยด้วย”
“ช่วยให้มึงตายอยู่แล้ว”
“อีสนคนชั่ว ใจดำ”
“อีอ่อนคนโง่ ใจง่าย มึงก็ต้องตายอย่างนี้แหละ”
สนเอาเท้าเหยียบหัวยายอ่อนกดลงไปใต้ผิวน้ำอย่างเหี้ยมโหด
สองผัวเมียพูดคุยกันต่อ
“ยายอ่อนแกมาทำอะไรรึ”
“แกมา เรื่องซื้อขายที่นาของเนียน”
“อ้อ ใช่สิ ที่นาของเนียน แดงน้อยกับพี่เพิ่งจะคุยกันเรื่องนี้”
“คุยว่าอย่างไรคะ”
“แดงน้อยแปลกใจมากที่เนียนมายกที่นาให้ตั้งแต่เขาสี่ขวบ แถมปิดบังไม่ยอมบอกใคร พี่น่ะให้สงสัยว่า...”
“พี่เทพสงสัยได้แม่นย่ำแล้วค่ะ”
“แม่นยำว่า แดงน้อยกับเนียน...”
เรียมต่อคำให้ “เป็นแม่ลูกกัน”
“พี่ว่าแล้ว ใจคิดตั้งแต่ตอนบ่าย แต่ไม่กล้าเอ่ย”
“ยายอ่อน แกว่า พ่อของแดงน้อยตายในวันที่แดงน้อยเกิดนั่นแหละค่ะ พอดีกับที่เกิดเรื่องที่นาตาน้อมเลยพาเนียนมาขัดดอก คนสนิทกันชื่อนายโพล้งกับนางแพร ช่วยดูแลแดงน้อยให้”
“ดูแลกันจนเรียนจบด้วยเงินค่าเช่านาจากยายอ่อนน่ะรึ ค่าเช่านั้นมันพอส่งเข้าเรียนวชิราวุธรึ มีร้านกาแฟ ใหญ่โต แถมตอนนี้มีรถออสตินขับ แล้วทำไมเนียนต้องมาขัดดอก”
“พี่เทพ สงสัยอะไรหรือคะ”
“สงสัยว่าแดงน้อยไปเอาเงินมาจากไหน ชีวิตใกล้เคียงกับเทิดศักดิ์ ที่พี่เอ่ยปากนี่มิใช่ดูถูกแดงน้อย เพียงแค่สงสัย”
“ได้ยินว่ามีลุงน่ะคะ หรือว่าลุงคนนี้จะให้ปันแดงน้อย”
“อืม อาจจะใช่”
ขุนภักดีพยายามคิด เพราะไม่เข้าใจเรื่องนี้
ด้านเนียนยังคงพูดจาพาทีกับโพล้งแพรต่อไป มีเอกอยู่ด้วย
“เวลานี้พี่ขุนก็ยอมรับแล้วว่าหนูติ๋วเป็นลูกของท่าน”
“แต่ได้ข่าวว่า หนูอี๊ดนั่นเหลือรับ ไม่น่ารักเอาเสียเลยตั้งแต่ เคยมาที่ร้านที่บางกอก นิสัยใจคอช่างต่างกันเสียเหลือเกิน” แพรบ่น
“แดงน้อยกับหนูติ๋วเอานิสัยแม่มา แต่หนูอี๊ดนี่สิ นิสัยคุณนายเรียมก็แสนดี แต่ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยใครมา รึว่านิสัยพ่อ”
แพรบอก “ไอ้เอกมันว่าเอานิสัย ยัยคุณนายสนมาตะหาก แย่หน่อยนะเนียน”
“แล้วนี่จะปิดบังเรื่องนี้กันนานแค่ไหน” โพล้งว่า
“เรื่องหนูติ๋วพี่ขุนกำลังจะหาโอกาสพูดกับหนูติ๋วจ้ะ” เนียนว่า
“แล้วเรื่องของแดงน้อยเล่า”
“โอกาสยังไม่อำนวย แต่ก็คงไม่นานดอก เพราะต้องขายที่นาให้ยายอ่อนแกในเร็ววัน แต่สำหรับหนูอี๊ด ชั้นจนปัญญาจ้ะแกรังเกียจชั้นกับหนูติ๋วมาก” เนียนหน้าสลดลง
“แล้วถ้าหากเกิดมารู้ว่า ท่านขุนยอมรับหนูติ๋วเป็นลูก มิอาละวาดหนักรึ” โพล้งว่า
“ก็เพราะเหตุนี้ ชั้นจึงขอร้องให้พี่ขุนค่อยเป็นค่อยไป รักษาน้ำใจหนูอี๊ดเอาไว้ก่อน”
“เฮ้อ น้ำท่วมปาก”
แพรกะโพล้งมองหน้าเนียน
“เวลานี้เกรงแต่ว่าถ้าพี่หนักรู้ข่าวเนียน แกจะโผล่ออกมาเพ่นพ่านเดี๋ยวจะโดน เทิดศักดิ์กับแดงน้อยจับตัวเอาจนได้”
“นี่แหละที่พี่ก็ห่วงแกอยู่ หลบเงียบอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้หายไปตั้งแต่ แดงน้อยกลับมาจากเมืองนอก เอารถมาให้แล้วเงียบไปเลย”
เนียนหน้าเสียห่วงพี่ชายมาก
สองคนยังคุยกันต่อ
“พี่ขุนคิดว่าหนูอี๊ด จะยอมรับหนูติ๋วง่ายๆ ไหมคะ”
“นี่แหละที่เนียนขอไว้ ไม่อยากหักด้ามพร้าด้วยเข่า”
“หนูอี๊ดช่างนิสัยไม่ดีเสียเหลือเกิน” เรียมสะท้อนใจ
“เป็นเพราะพี่ให้ท้าย แล้วยอมให้สน สนตะพายหนูอี๊ด”
“พี่เทพ”
“พี่ตามใจลูกเกินไป เพราะรักมาก เรียมเสียอีกที่คอยห้ามปราม”
ขุนภักดียังคิดต่อ แต่สายตามองไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นบางอย่าง
“เอ๊ะ”
“อะไรหรือคะ”
“มีคนกล้ามาล้วงคองูเห่า ดูนั่นสิเรียม
เรียมตกใจ “คนร้ายที่ลอยนวล”
ขุนภักดีปรี่ไปฉวยปืน จะออกไป เรียมวิ่งตาม
“อย่าตามมาเรียม”
“เรียมห่วงพี่เทพนะคะ”
เรียมไม่ฟังตามขุนภักดีไป
ส่วนสนยันหัวยายอ่อนไว้ มือของยายอ่อนที่พยายามไขว่คว้าหาที่ยึดตกลงในน้ำ สนมั่นใจว่ายายอ่อนตายแล้ว จึงปล่อยเท้าจากหัวยายอ่อน
“มึงไปปากโป้งในนรก เสียที อีอ่อน”
สนหยิบพายมาพายเรือกลับ หน้าตาเฉย
ฟากขุนภักดีกับเรียมย่องมาดูว่าใครมาบุกรุกบ้าน สองคนย่องมาตรงจุดที่รู้ว่ามีคนอยู่ตรงนั้น ได้ยินเสียงแว่วๆ
“มีหลายคนอยู่ตรงนั้น ไปดูสิว่าใครบังอาจ ไม่รู้รึว่านี่บ้านงูจงอางจะยิงมันเดี๋ยวนี้”
ขุนภักดีถือปืนตั้งท่าดิบดี พาเรียมย่องไปใกล้ๆ
เรียมกระซิบบอก “นั่นเสียงเนียนค่ะ”
“เนียน มาทำอะไรค่ำมืด หลบๆ ซ่อนๆ อีกแล้ว”
เรียมมองไป จำได้ “มาพบนายโพล้ง กับนางแพรค่ะ ยายอ่อนแกบอกว่ามากับสองคนนี่จะมาหาเนียน มาพร้อมกับนายเอกนี่แหละค่ะ”
“ใช่จริงๆ ด้วย”
สองคนแอบมอง ขณะที่สี่คนกำลังพูดคุยกันเบาๆ
เรียมเห็นเนียนมีเพื่อนอยู่ด้วยจึงวางใจ ทำท่าจะไป
“เนียนกับสองคนนั่นคงมาคุยกันตามประสาคนไม่พบหน้ากันมานานไปกันเถิดค่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว”
“แต่พี่อยากฟังว่าเขาคุยอะไรกัน ไม่มาจับผิดดอก บางทีเราอาจได้รู้อะไรที่เนียนไม่ได้บอกพี่กับเรียมอีกก็ได้”
“จะจับผิดเนียนอีกแล้วหรือคะ”
“ไม่ใช่ดอก พี่มีความรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะมาพูดกันถึงเรื่องสำคัญที่อาจเกี่ยวพันกับครอบครัวเรา มิใช่มาดักจับผิด เรื่องนี้ไม่มีอีกแล้วจ้ะ”
เรียมพยักหน้า สองคนยืนเบียดชิดกันแอบฟัง
จู่ๆ เนียนให้นึกห่วงยายอ่อน
“พี่เอกจ้ะ พี่โพล้งกับพี่แพร ยังคุยกันกับชั้นไม่จบ พี่เอกไปอยู่เป็นเพื่อนยายอ่อนแกก่อนเถิด ชั้นสังหรณ์ใจ ฉวยว่าใคร รู้แกวว่าแกอยู่คนเดียว แกอาจเคราะห์ร้ายจ้ะ”
“ครับ คุณนายเนียน” เอกว่า
เนียนเอ็ด “พี่เอกเอาอีกแล้ว พ่อเราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าเรียกชั้นแบบนี้”
“เรียกเป็นทางการครับ หาไม่มันจะกลายเป็นเยี่ยงอย่างให้นางกบนางแมวมันลามปามคุณนายเนียนเอาได้”
“รีบไปสิจ้ะ คนร้ายยังลอยนวลอยู่นะ”
เอกรีบออกไปดูยายอ่อน สามคนหันมาพูดคุยกันต่อ
“พี่โพล้งพี่แพร ชั้นฝากบอกลูกน้าเนิบที่สามชุกด้วย ว่าไม่ต้องห่วงชั้น” เนียนบอกสองคน
“เวรแท้ๆ นะเนียน ไอ้แดงน้อยมันหารู้ไม่ มันจับแม่มันเข้าตะราง” โพล้งเอ่ยขึ้น
“เขาทำตามหน้าที่ ชั้นดูแววตาเขาออก รวมทั้งแววตาคุณเทิดศักดิ์ด้วยพวกเขาเสียใจที่ใส่กุญแจมือชั้น”
“นี่ขนาดมันยังไม่รู้นะว่าแม่มัน มันยังรักห่วงใยขนาดนั้น นี่ถ้ามันรู้”
“เขาน่ารักเสมอ ตั้งแต่ที่พบกันวันแรก ชั้นสงสัยว่ามันจะมีสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างเราจ้ะ” เนียนยิ้ม
“แล้วกับเด็กอี๊ดเล่า เขาเรียกว่าสายอะไรรึ” โพล้งประชด
เนียนหน้าจ๋อยไปสนิท
สองคนฟังถึงตรงนี้ เรียมหน้าซีดมาก แต่ขุนภักดีฟังแล้วเอะใจ
“นายโพล้งมันพูดเช่นนั้นหมายความว่ากระไรของมัน เรียมเข้าใจไหม”
เรียมนิ่งอึ้งเงียบงันไป
“มันคงรู้ว่าหนูอี๊ดร้ายกาจกับเนียนมาก เฮ้อ หนูอี๊ดนะหนูอี๊ด ขอเพียงร้ายแต่ปาก อย่าเป็นพวกเคียวเจ็ดเล่มเข็มเจ็ดอันเหมือนสนเลย”
“ตั้งแต่กลับมาจากบางกอก ทำไมพี่เทพจึงเฉยเมยกับสนนักคะ” เรียมถามเรื่องคาใจ
“เพราะพี่เห็นเนื้อแท้ของสนถนัดชัดเจนมาก วันที่พี่ให้เนียนมาพบเนียนมารอพี่ แต่กลับเจอสนก่อน สนกำลังจะแทงเนียนให้บอกว่ามาทำไม เนียนไม่บอก สนตั้งท่าจะทำร้ายเนียนพี่จึงออกอุบายให้ไอ้ถมมันตะโกนว่าเสือหนักมา สนเลยละมือจากเนียน” ขุนภักดีเล่า
“ตายจริง ตายแน่ ถ้าไม่ทำเช่นนั้นสนแทงเนียนดับดิ้นตรงนั้นแล้ว”
“พี่คงต้องออกแสดงตัว การตายคงไม่เกิดขึ้นกับนางช้อย และไอ้ถม”
สองคนได้แต่ถอนใจ
ฝ่ายสามคน เนียน และแพร ฟัง โพล้ง เล่าเรื่องต่อ
“เวรที่มันก่อกับเนียน คงถึงตัวมันบ้างสักวัน และอาจในไม่ช้านี้” โพล้งบอก
“ลูกชายมันคงได้จับแม่ตัวเองเข้าตะรางกันบ้าง น่าสงสารเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่” แพรว่า
“เวรของแม่ แต่มาตกถึงลูก มันใจร้ายนัก ฆ่าได้กระทั่งอีนางช้อย แม้มันจะเลว มันก็จงรักภักดีกับอีนางคุณนายสนจะเป็นจะตาย” โพล้งว่า
“พี่โพล้ง พี่แพร เอาอีกแล้วบอกตามตรง ชั้นไม่เชื่อว่า คุณสนจะฆ่าช้อยได้ เขาคู่หูกัน สนิทกัน ตายแทนกันได้”
“ก็นี่แหละมันให้นางช้อยตายแทนมัน ก่อนที่จะเปิดปากเปิดโปงความชั่วของมัน”
แพรกะเนียนแปลกใจไม่รู้มาก่อน “เปิดโปงว่ากระไร”
“ข้าน่ะผัวนางช้อยทีเดียวนะ” โพล้งบอก
สองคนร้อง “ไฮ้”
ขุนภักดีกับเรียมก็ตะลึงไปด้วยเช่นกัน สองคนหันมามองหน้ากัน
“นี่มันเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เลยรึ”
เสียงโพล้งเล่าเรื่องดังมา “ก่อนที่ท่านขุนจะยกย่องเนียนน่ะ นางสนมันอิจฉาเนียนจนคิดทำลายเนียนให้ป่นปี้”
“โธ่ เนียน” เรียมครวญ
“เนียนจำได้ไหม วันที่มันหลอกเนียนให้ไปวัดกับมันแล้วมันบอกเนียนว่ามันจะไปทุ่ง เพราะท้องเสีย แต่ที่จริงมันหลอกทิ้งเนียนเพื่อจะให้ไอ้เหิมผัวชั่วคราวของมันมาปล้ำขืนใจเนียน”
ท่านขุนกับเรียม ตกตะลึงเป็นครั้งที่สอง
ขุนภักดีแค้นคำรามออกมา “อีนรกส่งมาเกิด”
“โธ่ ช่างทำกันได้ถึงเพียงนี้” เรียมอนาถใจ
ท่านขุนจับมือเรียมที่สั่นไปหมดไว้แน่น เข้าที่มือสองคนด้วย
เนียนเองก็ตะลึง แพรก็เช่นกัน
“การกระทำเช่นนี้ มันไม่ใช่คนแล้ว”
“เนียนนึกออกหรือยัง เรื่องครั้งนั้น”
“จ้ะ นึกออกแล้วจ้ะ เขาบอกว่าชวนไปวัด แล้วจากนั้นเขาจะไปเยี่ยมพ่อหรือแม่เขาที่ป่วยหนักที่ศรีประจันต์จ้ะ”
“แล้วทำไมแกถึงไปเป็นผัวนางช้อยมันได้ ตอนไหน” แพรงง
“นี่แหละทีเด็ด ฟังกันให้ถนัดชัดเจน ถึงความเลวระยำของนางสนมัน”
“แต่ชั้นก็ไม่ได้โดนไอ้เหิมทำร้ายนี่นา” เนียนว่า
“ก็เพราะว่า ไอ้เหิมมันมาจ้างพี่หนัก ให้ไปข่มขืนเนียนแทนมันเพราะมันระย่อบารมีท่านขุน”
สองคนผัวเมียที่แอบฟังอยู่ตกใจอีกรอบ
“หมายถึงเสือหนักหรือเปล่า” ท่านขุนครุ่นคิด
“เสือหนักมาเกี่ยวอะไรด้วย” เรียมงง
สองคนยิ่งอยากรู้
อ่านต่อหน้า 3
อาญารัก ตอนที่ 19 (ต่อ)
เนียนเองฟังแล้วก็แปลกใจเอามากๆ
“มีเรื่องร้ายแรงกับตัวเองขนาดนี้ แต่ชั้นไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน แล้วยังไงต่อจ้ะ พี่โพล้ง”
“ข้าก็มากับพี่หนักเขา ตามที่ไอ้เหิมมันบอก พี่หนักตั้งใจว่าจะได้เงินค่าจ้างไปให้นางแพร ให้มันรักษาไอ้แดงน้อย”
สองคนได้ฟังยิ่งงงใหญ่
“เสือหนักอยากได้เงินมารักษาแดงน้อย” ขุนภักดีทวนคำ
“เสือหนักเกี่ยวข้องอะไรกับแดงน้อย” เรียมงงหนัก
“ไอ้เหิมมันหารู้ไม่ว่า มันจุดไต้ตำตอเข้าให้จังเบ้อเร้อพี่หนักน่ะพี่เนียน ดันเซ่อซ่ามาจ้างให้ไปข่มขืนน้องเขาเสียอย่างนั้น” โพล้งเล่าต่อ
ขุนภักดีกับเรียม พูดไม่ออก
“เสือหนักเป็นพี่เนียน” สองคนอุทาน
“ผู้ชายที่มาพบเนียนครั้งกระนั้น คือเสือหนักจริงๆ” ขุนภักดีว่า
“แต่ไม่ใช่ชู้ เป็นพี่ชาย” เรียมย้ำ
สองคนมึนงงกับสิ่งที่ได้รับรู้
โพล้งโดนแพรด่าข้อหาโยกโย้
“โฮ้ย...ไอ้บ้า อย่าร่ำไรรีบๆ เล่า”
“ทีนี้ข้าก็มากับพี่หนัก แล้วข้าก็มาเจอเนียน นั่งหน้าเซ่อหน้าโง่รออีนางสองคนนั่นอยู่”
“แต่ชั้นไม่เห็นใครสักคน” เนียนท้วง
“ใคร้ จะมาให้เห็นเล่าเนียน พี่หนักแกก็ถึงบางอ้อ แกก็เลย...”
แพรกับเนียนจดจ่อรอฟัง
ขุนภักดีกับเรียมสองคนจับมือกัน ตั้งใจฟังต่อ
ภาพในอดีตตอนที่เสือหนักกับโพล้งมาฉุดคร่า สนกับช้อยเอาไปเป็นเมียคนละคน จนถึงตอนเสือหนักเอาสองคนมาโยนใส่เรือ หลังจากเจ็ดวันผ่านไป
เนียนถึงกับน้ำตาซึม
“พี่หนักทำเพื่อน้องถึงเพียงนี้ โธ่ พี่หนัก”
“พี่หนักรักเนียนกับแดงน้อยมากที่สุด”
“พี่หนักแค้นนางสนจนสุดทน ถึงปล้ำเพราะแค้น ทั้งที่พี่หนักไม่ใช่คนเช่นนั้น” โพล้งว่า
สองคนเข้าใจแจ่มแจ้งหมดแล้ว
“มิน่า สนจึงทั้งเกลียด ทั้งกลัวเสือหนักนักหนา”
“เนียนจึงโดนใส่ร้ายป้ายสี เพราะสนรู้ว่าสองคนนี่เป็นพี่น้องกัน”
“ทีนี้ก็มาถึงตอนสำคัญที่ว่า นางสนมันดันตั้งท้อง” เสียงโพล้งดังเข้ามาอีก
สองคนมองหน้ากันอีก
เนียนแปลกใจไม่หาย
“ก็ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับการคิดไปฆ่ายัยช้อยตายสักหน่อย” เนียนว่า
“นั่นสิ ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน”
“เกี่ยวที่สุด ก็ไอ้แช่มลูกนางช้อยมันก็ลูกไอ้เหิม” โพล้งบอก
“นี่แปลว่านางสน เป็นเมียไอ้เหิม นางช้อยก็เมียไอ้เหิม”
“แต่นางช้อยแอบมีลูกกับไอ้เหิมคือไอ้แช่ม ไอ้แช่มมันโดนหมวดเทิดศักดิ์จับ มันก็มาอ้อนวอนให้นางสนช่วยบอกไอ้หมวดกับท่านขุนให้ประกันตัวลูกมัน”
“แต่นางสนไม่ยอมใช่ไหม”
“มันจะยอมช่วยใครนอกจากช่วยตัวเอง”
“แล้วทำไมต้องฆ่ายัยช้อย” เนียนคาใจมาก
“นางช้อยมันจะเปิดโปงเรื่องที่นางสนท้อง คนอะไรท้องสิบสองเดือน ที่ยายอ่อนแกเล่ามา มันน่าสงกะสัยไหมล่ะ คนนะไม่ใช่ช้างม้าวัวควายจะได้ท้องกันยาวๆ”
สองคนฟังอย่างตื่นเต้นแทบหยุดหายใจ
“พี่จำไม่ได้ว่าสนท้องสิบสองเดือน เพราะพี่มัวแต่ตื่นเต้นจะได้ลูก”
“เรียมเองก็ประหลาดใจค่ะ แต่ไม่กล้าไปสงสัยอะไร”
เสียงเนียนซักต่อ
“แล้วพี่โพล้งคิดว่ายัยช้อยจะเปิดโปงคุณสนเรื่องอะไรรึ”
ฟากโพล้งสาธยายเหตุการณ์ในอดีตที่เก็บงำเป็นความลับมานานกว่า 20 ปี ต่ออย่างออกรส
“ก็ในเมื่อท่านขุน ไม่ได้มาหานางสนตั้งสองสามเดือนตั้งแต่กะเนียนเข้าบ้านท่านขุนมา”
“เร็วๆ เข้า นางช้อยมันจะเปิดโปงว่ากระไร” แพรเร่งยิกๆ
“มันจะเปิดโปงว่า นางสนท้องกับเสือหนัก ไม่ใช่ท่านขุน”
“คุณเทิดศักดิ์เป็นลูกพี่หนัก เป็นหลานของชั้น”
เนียนตะลึง
ขุนภักดีใจหายวับ
“เทิดศักดิ์ของพ่อ”
ขุนภักดีเซไปนิดหนึ่ง เรียมประคองไว้
“พี่เทพ ตั้งสติให้ดีค่ะ กลับบ้านก่อนนะคะ”
ขณะกำลังจะกลับ เสียงโพล้งเล่าต่อ
“ทีนี้ยายอ่อนแกก็ยังบอกพวกเราสองคนต่อเรื่อง…”
ท่านขุนชะงัก
“พี่จะฟังต่อไป”
สามคนอยู่ด้วยกันและโพล้งกำลังเล่าเรื่องต่อไป
“ยายอ่อนไปหาข้าที่บางกอก มันก็มาบอกเรื่องลูกของเนียน”
เอกวิ่งหน้าตื่นตระหนกมา
“เนียน ยายอ่อน จมน้ำตาย”
ทุกคนตกใจกันหมด
“อะไรกันนี่” เนียนครวญ
โพล้งกะแพรตื่นตะลึง “ยายอ่อน”
ขุนภักดีกับเรียมสองคนตกใจไม่แพ้พวกเนียน
“เพิ่งคุยกันหลัดๆ เมื่อหัวค่ำ”
“มีคนฆ่าปิดปากยายอ่อนอีกแล้ว เรียม พี่จะพาเรียมไปบ้าน อย่ากระโตกกระตากให้ใครรู้ว่าเราได้รู้ได้เห็นอะไรคืนนี้” ขุนภักดีว่า
“ค่ะ พี่เทพ”
ขุนภักดีพาเรียมเดินหลบไปจากที่นั้น
พอรู้ข่าวเนียนถึงกับน้ำตาไหล สงสารยายอ่อน
“ยายอ่อน...ยายอ่อน”
“นางสนแน่ๆ” แพรมั่นใจ
“ก็ต้องแน่อยู่แล้ว” โพล้งคิดเช่นกัน
“สองคนนี่รีบกลับไปก่อน ชั้นจะพาคุณนายเนียนกลับเรือน แล้วจะรีบไปแจ้งข่าวท่านขุน คุณเทิดศักดิ์ นายอำเภอแดงน้อย อย่าแพร่งพรายให้ใครรู้ว่ามาพบกับคุณนายเนียนนะ”
โพล้งกะแพรรับคำ “จ้ะ”
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป
สนนั่งอยู่บนเรือนระวังตัวแจ ท่าทีหวาดระแวง กลอกตาไปมาคล้ายคนบ้าเข้าไปทุกที
“นังอ่อน ชั้น ชั้นไม่ได้อยากจะฆ่าพวกแก ชั้นไม่ได้อยากจะฆ่าใครสักคน แต่พวกแกวอนให้ข้าเล่นงานพวกเอ็งเองต่างหาก”
เสียงผู้คนเอะอะด้านล่าง
เสียงเอกดังตามมา “ทางนี้ครับหมู่เติม คุณเทิดศักดิ์ นายอำเภอ”
สนตกใจ
“เทิดศักดิ์กับแดงน้อยมาหาหลักฐานเอาเราเข้าตะราง ทำอย่างไรดี โธ่ โธ่ ไม่ได้การละ ถ้าเราทำหลบซ่อนตัว จะกลายเป็นพิรุธ”
สนขยับผมทำหน้าตาให้เข้าที่ จัดแจงออกไปดูเหตุการณ์
ด้านเรียมกับท่านขุนกลับมาถึงบ้าน ทำไม่รู้ไม่ชี้ เข้ามาทำเป็นนั่งในห้องโถงรับแขก
“ที่แท้เสือหนักคือพี่ของเนียน ที่แท้คนที่มาหาเนียนคือเสือหนักจริงๆ”
“นี่กระมังคะที่ทำให้เนียนไม่ยอมเปิดปากบอกว่าคนที่มาหาคืนนั้นคือใครเพราะกลัวพี่ชายโดนจับ”
“นี่กระมังที่ทำให้สนต้องจงเกลียดจงชังเนียนมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะกลัวว่าพี่และทุกคนจะรู้ว่าท้องกับเสือหนัก กลัวใครจะรู้ว่าเทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกของพี่ เรื่องนี้คงจะมีคนรู้ความจริงหลายคน เช่น ยัยช้อยยัยอ่อน นายเหิมรวมทั้งไอ้พวกที่ตายๆ กันไปนั่น”
“ค่ะ เอ้อ พี่เทพขา เรียมขอร้อง อย่าจงชังรังเกียจเทิดศักดิ์นะคะ”
“พี่เลี้ยงดู พี่ภาคภูมิใจของพี่มาตั้งแต่เขาเกิด แม้ไม่ใช่สายเลือด พี่ก็รักก็เห็นเขาเป็นลูกของพี่ตลอดเวลา ไม่เคยเห็นเป็นอื่น พี่จะไปจงชังรังเกียจเขาลงได้อย่างไร เขาเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาเลือกที่จะเป็นคนดีได้เขาดีมาตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ไม่เคยทำให้พี่ผิดหวังสักครั้ง”
“เรียมก็รักชื่นชมเขามาตลอด เขาช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน”
“นิสัยใจคอช่างต่างกับแม่ราวขาวกับดำ”
“นิสัยของเขาเหมือนเนียน เหมือนแดงน้อย เหมือนหนูติ๋วค่ะ”
“พี่ดีใจมากนะ ในที่สุดทุกคนก็เกี่ยวดองเป็นญาติกันไปหมด”
“นี่กระมังคะที่ทำให้เนียนดูอิดเอื้อน ตอนที่คุณแม่กับเรียมไปขอหมั้นหนูติ๋วให้เทิดศักดิ์”
“เทิดศักดิ์จะเสียใจมากแค่ไหนที่แกไม่ใช่ลูกของพี่ แต่กลายเป็นลูกของไอ้เสือร้ายที่แกกำลังตามล่า เทิดศักดิ์กำลังตามล่าพ่อตัวเอง เวรกรรมแท้ๆ”
“แดงน้อยกำลังตามล่าลุงตัวเอง ทำไมหนอชีวิตของพวกเขาจึงน่าสงสารอย่างนี้”
เห็นกบ แมวลับๆ ล่อๆ ทุบถองผลักกันไปมา
“เอ็งพูดสิ”
“เอ็งนั่นแหละพูด”
“เอ็งสองคนมาลับๆ ล่อๆ จะมาแอบดูแอบฟังพวกข้าคุยกันรึ”
“หามิได้เจ้าค่ะ”
“แล้วพวกเอ็งมาแอบฟังอะไรรึ”
“เอ้อ ก็คล้ายจะใช่เจ้าค่ะ แต่มิใช่เจ้าค่ะ มิได้มาแอบฟังเจ้าค่ะ”
“คือพี่เอกเขาให้มาแอบดูว่าท่านขุนเข้านอนหรือยังเจ้าค่ะ”
ขุนภักดีกับเรียมมองหน้ากัน รู้ว่าเอกให้มาทำไม
“ไอ้เอกมันให้มาดูทำไม”
“คือว่า คือว่า”
“ฆ่ากันตายอีกแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านขุนกะเรียมร้อง “อ้อ”
“คราวนี้ยายอ่อนหมอตำแยทำคลอดคุณหนูเจ้าค่ะ” กบบอก
ขุนภักดีกับเรียมมองหน้ากัน เรียมพยักหน้า ท่านขุนลุกกระซิบเรียม
“รีบไปเข้านอนนะเรียม พี่จะไปดูเหตุการณ์”
“ระวังตัวนะคะ ขอให้ยายอ่อนคือศพสุดท้ายเถิดค่ะ”
“นี่มันคือการกระทำของคนหรือสัตว์ ที่ผุดมาจากนรกกันแน่”
ท่านขุนได้แต่ทอดถอนใจ
อ่านต่อหน้า 4
อาญารัก ตอนที่ 19 (ต่อ)
ทองจันทร์กับเนื้อทองนอนคนละที่ ทองจันทร์หลับแล้ว ส่วนเนื้อทอง ได้ยินเสียงคนวิ่งวุ่นไปมา จึงลุกมาที่หน้าต่าง ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก แล้วให้นึกเป็นห่วงแม่มาก
“พวกเขาวิ่งกันวุ่นเรื่องอะไรอีก ตายจริง แม่เนียนมีปัญหาอะไร”
เนื้อทองย่องออกไปจากห้อง
ด้านเนียนกำลังพนมมือ มือไม้สั่น
“ยายอ่อนจ๋าไปสู่สุคตินะจ้ะ ไปที่ชอบๆ นะจ๊ะ”
เนื้อทองเดินเข้ามาเห็นแม่กำลังสวดมนต์มือไม้สั่นน้ำตาซึม
“แม่เป็นอะไรจ้ะ แม่สวดมนต์ให้ใครรึ”
“ยายอ่อนจ้ะ ยายอ่อนหมอตำแยที่แกทำคลอดหนู แกจมน้ำตายเมื่อสักครู่ แม่ก็เลยมาสวดมนต์ให้แกไปดี”
“น่าสงสารจังนะจ้ะแม่”
“แม่ตั้งใจว่าจะพาหนูไปรู้จักไปไหว้แกสักครั้ง ในฐานะที่แกทำคลอดหนู หมดโอกาสเสียแล้ว เอ้อ คุณย่าท่านหลับแล้วหรือลูก”
“จ้ะ”
“ถึงท่านจะหลับก็อย่าทิ้งท่านออกมานาน กลับไปดูท่านนะลูก”
“ทำไมพักนี้แม่ห่วงท่านเหลือเกินจ๊ะ”
“แม่สังหรณ์ใจไม่สบายใจ ตราบใดที่คนร้ายยังไม่ปรากฏตัวตราบนั้นทุกคนมีสิทธิ์ตกอยู่ในอันตราย ถึงหนูเองก็เถิด จะไปไหนมาไหน อย่าได้ไปที่ลับที่เปลี่ยวเพียงลำพัง”
“จ้ะ แม่ แม่เองก็เช่นกันนะจ๊ะ”
“ขอบใจที่ห่วงแม่ แม่จะระวังตัว รีบไปสิ”
เนียนดุนหลังลูกออกไปจากห้อง เนื้อทองออกไปพ้นแล้ว เนียนปิดห้องพนมมือต่อ
“ขออย่าให้เกิดเหตุร้ายกับผู้ใดอีกเลย ขอให้คนๆ นั้นกลับใจอย่าได้คิดเข่นฆ่าใครอีกต่อไปด้วยเถิด”
เนียนดูวิตกกังวลมาก ในใจเนียนนึกถึงสน แต่ไม่ได้พูดออกมา
ด้านทองจันทร์นอนพลิกตัว เสียงจิ้งจกบนผนัง ร้องดังลั่น
“จิ๊กๆๆๆ” และดังยาว จนทองจันทร์สะดุ้งตกใจตื่น
“เสียงจิ้งจก จิ้งจกทัก”
เนื้อทองกลับเข้ามาพอดี
“คุณย่าตื่นนานแล้วหรือคะ”
“เพิ่งจะตื่นน่ะ จิ้งจกมันทักย่า มันร้องทักดังมาก มันทักจนย่าตกใจตื่น ลางไม่ดีอีกแล้ว” หญิงชราว่า
“ไม่ใช่ดอกค่ะ คุณย่า จิ้งจกมันก็ร้องของมันไปเรื่อยเปื่อยค่ะ”
“ไม่เรื่อยเปื่อยดอก มันร้องเตือนร้องทักย่าว่าให้ระวังตัว ครั้งแรกก็แมงมุมนี่ครั้งที่สองแล้วนะ ขออย่ามีครั้งที่สามเลย”
“คุณย่าอย่ากังวลเลยค่ะ ถ้าคุณย่านอนไม่หลับ หนูอ่านอิเหนาให้ฟังนะคะ”
“ก็ดี เอ๊ะ นั่นหนูออกไปไหนมารึ”
เนื้อทองอึกอักไม่อยากจะบอกให้ทองจันทร์ตกใจ
“ออกไปหาแม่เนียนมาค่ะ”
เสียงผู้คนยังดังเอะอะแถวด้านล่าง
“พวกนั้นมันเอะอะอะไรกัน ป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอน หนูติ๋วออกไปหาแม่เพราะเหตุนี้ใช่ไหม”
“เอ้อ...”
“อย่าปิดย่า ถ้าไม่บอก ย่าจะออกไปถามพวกมันเอง”
“ยายอ่อน หมอตำแยที่ทำคลอดหนูจมน้ำตายค่ะ”
ทองจันทร์ตะลึงตกใจ
“ยายอ่อน โธ่เอ๊ย เวรกรรม เชื่อสิว่ามันไม่ได้จมน้ำตาย แต่มีคนไปทำให้มันจมน้ำตาย มันจะฆ่าให้ตายให้หมดเมืองสุพรรณรึนั่น”
ทองจันทร์หนักใจ เนื้อทองรีบหยิบหนังสืออิเหนามาอ่านเป็นคำกลอนสำเนียงเสนาะให้ทองจันทร์ฟัง
ส่วนทานตะวันกระสับกระส่าย หลับไม่ลง ภาพคุณนายปลัด คุณนายจ่าศาลมาด่าว่า และภาพพิศมัยกับพวกลาออก และสนหมางเมินผุดขึ้นมาหลอกหลอน แต่ทานตะวันยังคงโทษแต่คนอื่น
“คนพวกนั้นมันไม่รู้จักเคารพยำเกรงบารมีคุณพ่อ ดีละจะบอกให้คุณพ่อเล่นงานมัน โดยเฉพาะอีนางสน ทำไมแก ไม่ทำตัวเหมือนยัยเนียนที่เกรงกลัวเราตลอดเวลา”
ทานตะวันไม่สำนึก พยายามคิดเอาชนะคะคานคนทั้งหลายต่อ
ขณะเดียวกันทุกคนกำลังมุงดูศพยายอ่อนที่มีผ้าขาวม้าคลุมทับร่างเอาไว้กันอุจาดตา
“ไม่มีร่องรอยว่าถูกทำร้ายเหมือนทุกรายครับ คุณพ่อ” เทิดศักดิ์บอกขุนภักดี
“ลักษณะนี้คล้ายตายเพราะว่ายน้ำไม่เป็น จึงจมน้ำตาย” แดงน้อยว่า
“ยายอ่อนถึงจะแก่มาก แต่พายเรือแข็ง ถ้าไม่มีใครใจร้ายไปทำให้แกตกลงไปน้ำ แกคงช่วยตัวเองลำบาก รายยายอ่อนนี่ฆาตกรมันฉลาดขึ้นมาก ไม่ใช้อาวุธแต่ทำให้จมน้ำตายแบบแนบเนียน” ขุนภักดีวินิจฉัย
สนทำทีกระหืดกระหอบเข้ามาถาม ท่าทีตื่นตระหนก
“นั่นอะไรกันคะพี่ขุน สนได้ยินพวกในบ้านมันตื่นเต้นเอะอะว่ามีใครจมน้ำตาย”
“ยายอ่อนคนทำคลอดผมนั่นแหละครับคุณแม่”
“แกเข้าเมืองมาเพื่อ จะมาเป็นพยานให้น้าเนียนว่าน้าเนียนไปหาแกที่บ้านแพน และจะมาจัดการเรื่องที่นาที่แกซื้อน้าเนียนครับ” แดงน้อยบอก
“หรือว่าแกไปกำความลับของใครเอาไว้ แกทำคลอดคนมาแยะ ก็กำความลับเรื่องท้องๆไส้ๆ ที่ไม่ชอบมาพากลของคนเอาไว้แยะ” โพล้งพูดลอยๆ
“ยายอ่อนแกแวะมาหาสนบ้างหรือเปล่า” ขุนภักดีถาม
สนส่ายหน้าดิก
“ไม่ได้มาหาสนดอกค่ะ สนเองก็เพิ่งทราบนะคะ ว่ายายอ่อนมา ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน ยายอ่อน โธ่ มาจมน้ำตายเสียแล้ว”
“ยายอ่อนไม่ได้จมน้ำตาย แต่ยายอ่อนถูกทำให้จมน้ำตาย เพราะไปรู้ความลับ ของใครบางคน เทิดศักดิ์ แดงน้อย หมู่เติม เอาศพไปจัดการตามขั้นตอนของกฎหมาย” ท่านขุนสั่งการ
“คุณแม่ครับ รีบกลับขึ้นเรือนเถิดครับ”
“ผมคิดว่าตอนนี้ พวกเราทั้งหมดอยู่ในสายตาของฆาตกรนะครับ” เอกเอ่ยขึ้น
“สนนี่ก็ช่างทำไม่กลัวเกรงเลยนะ ลงมาดูทำไมกัน รีบกลับขึ้นเรือนพี่จะไปส่งสนขึ้นเรือน พี่มีเรื่องจะคุยกับสนอยู่เหมือนกัน”
สนทำหน้าจ๋อยๆ ท่านขุนดึงแขนสนออกไป สายตาขุนภักดีดูออกว่าเครียดมาก สายตาสนหวั่นไหว ท่านขุนเดินเฉียดเอกไปพลางกระซิบ
“ข้ามีเรื่องจะถามนายโพล้งกับนางแพร ไปพาพวกเขาไปรอข้าที่ต้นมะขามใหญ่”
เอกไม่พูดอะไรแต่เข้าใจกันกับท่านขุน
สนใจคอไม่ดีไม่รู้ว่าขุนภักดีอยากจะมาคุยเรื่องอะไร สนทำหาวทำง่วง
“พี่ขุนขา สนง่วงนอนมากแล้ว พี่ขุนค่อยมาคุยกับสนวันหลังดีไหมคะ”
“พี่จะคุยวันนี้ พี่ไม่คุยยาวดอก พี่แค่จะถามอะไรสนนิดหน่อยเรื่องยายอ่อน สนกับแกสนิทสนมกันมากไหม”
“วุ๊ย..สนกับยายอ่อนแทบไม่ได้คุ้นเคยอะไรกัน ก็แค่รู้จักกันตอนที่แกมาทำคลอดลูกเทิดศักดิ์ แล้วยายอ่อนมันก็หายเงียบไป แหม...มาโผล่อีกทีก็กลายเป็นศพ”
“รึว่าเพราะแกจะมาหาสน แกเลยโชคร้าย ถูกใครกดน้ำตาย”
“สนไม่รู้เรื่องนะคะ สนไม่รู้ดอกว่าแกจะมาหาสนหรือเปล่า โฮ้ยง่วงแท้ๆ”
“พี่ได้ยินคนพูดกันว่า สนเคยให้เงินแกไปตั้งตัว ทำไมสนถึงใจดีให้ไปมากนัก”
สนตกใจมาก คำรามในคอเบาๆ
“อีเรียม” แต่สนละล่ำละลักออกมา “เปล่านะคะ สนไม่เคยให้เงินยายอ่อนพี่ขุน สงสัยอะไรสนคะ”
“ถึงให้ก็ช่างเถิด พี่คิดว่าแกอาจมาขอเงินสน ไม่มีอะไรแล้ว พี่กลับเรือนก่อน สนนอนซะ อ้อ..มีอีกเรื่อง พี่อยากจะแนะนำสน คนเราหมั่นสะสมศัตรู ไม่ยอมสะสมมิตร ชีวิตมันจะหายนะ”
ท่านขุนดุ่มๆ จากไปไม่มีทีท่ารักใคร่เช่นเคย และไม่สนใจใยดี
“ไปเฉยๆ แบบนี้เองรึ ไม่มีห่วงหาอาทร นี่พี่ขุนเริ่มระแวงกูแล้วรึ”
ภาพเนียนคุยกับยายอ่อนและเอกผุดขึ้นมาในมโนนึก
“ไอ้เอก อีเรียม มันไปฟ้องพี่ขุน โชคดีที่เราไม่ปล่อยให้มันพูดเรื่องเทิดศักดิ์จนจบ ทำไมพวกมึงวอนให้กูจนตรอกกันไม่สิ้นสุดเสียที มึงจะช่วยกันต้อนกูไปถึงไหน”
สนอ่อนใจหวาดกลัวไปหมด
ด้านเรียมเองก็เริ่มวิตกเรื่องเนื้อทองและทานตะวัน
“ในที่สุด ความจริงทั้งหลายก็ปรากฎออกมาเกือบจะทั้งหมด เหลือแต่เรื่องของหนูติ๋วกับหนูอี๊ดเท่านั้น เมื่อสักครู่ ถ้านายเอกไม่ได้ไปพบว่ายายอ่อนตาย พี่เทพคงรู้แล้วว่าเราโกหกหลอกลวงมาตลอด นี่เรามิต้องกลายเป็นคนโกหกหลอกลวงไปจนตายรึ”
เรียมไม่สบายใจมาก
ส่วนที่ใต้ต้นมะขาม โพล้ง กะแพรเริ่มวิตก เพราะท่านขุนพูดตรงมาก
“ตอนที่พวกนายโพล้ง แม่แพรกับเนียนคุยกัน ชั้นบังเอิญผ่านมาได้ยิน”
สามคนตกใจมาก
“ท่านขุนได้ยิน”
“ทุกถ้อยคำที่พูดกันนั่น ขอบใจนะที่ทำให้ชั้นตาสว่างได้รู้ความจริง”
โพล้ง แพร และเอก ก็ยังตกใจไม่หาย
“ขอประทานอภัยขอรับ พวกเรามิได้ตั้งใจจะนินทากาเลผู้ใด” โพล้งบอก
“ชั้นจะถือว่านั่นคือเล่าสู่กันฟัง แม้ว่าชั้นจะแอบฟัง ชั้นรู้ว่ายังเล่ากันไม่จบดอกนะ ใช่ไหม”
สามคนนิ่งงันกันไป
ด้านเรียมยังคงครุ่นคิดต่อ
“ทำไมเราไม่ให้เรื่องหนูอี๊ด หนูติ๋วออกจากปากของเราเองแทนที่จะให้พี่ขุนได้ยินจากคนอื่น”
ในเวลานี้ เรียมว้าวุ่นใจเหลือแสน
ส่วนเหตุการณ์ที่ใต้ต้นมะขามเวลานั้น สามคนเอาแต่นั่งเงียบ ไม่มีใครกล้าตอบคำถามขุนภักดี
“ตอบมา ว่าใช่รึไม่ใช่ ไอ้เอก แกกล้าโกหกข้ารึ
“เอ้อ คือว่า หามิได้ขอรับ คือว่า”
“ท่านขุน ต้องการทราบเรื่องอะไรขอรับ”
“เรื่องลูกของเนียน ที่นายโพล้งเล่าเอาไว้นั่นแหละ”
สามคนมองหน้ากัน
“คือว่า นายอำเภอแดงน้อยคือลูกของเนียนขอรับ” โพล้งบอก
“นั่นชั้นรู้แล้ว”
“หนูติ๋วไม่ใช่ลูกชู้เจ้าค่ะ” แพรว่า
“นี่ชั้นก็รู้แล้วเหมือนกัน อย่าบ่ายเบี่ยงกันสิน่า บอกมาสิว่าทุกคนจะพูดอะไรเกี่ยวกับลูกของเนียน”
“ถ้านายอำเภอเป็นลูกของคุณนายเนียน หนูติ๋วก็เป็นลูกของคุณนายเนียนหมายความว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ขอรับ” เอกบอกบ้าง
ขุนภักดีหมั่นเขี้ยว เตะเอกทันที
“ไอ้จอมกะล่อน ไอ้มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เอ็งถูกเตะจนตายแน่”
เอกจ๋อยโดนเตะแม้จะไม่จริงจัง
เนียนลุกนั่งไม่เป็นสุข
“ถ้าพี่ขุนรู้ว่าเรากับคุณพี่เรียมรวมหัวกันปดพี่ขุนเรื่อง หนูติ๋วกับคุณหนูอี๊ดท่านจะว่ากระไร เรามิกลายเป็นคนตลบตะแลง เสียแรงที่ตอนนี้ท่านมีเมตตาต่อเรา เลิกเคลือบแคลงเราแล้ว แต่ตราบใดที่คุณพี่เรียมไม่ต้องการเปิดเผย แล้วเราเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ไป ก็เท่ากับอกตัญญูต่อคุณพี่เรียม โธ่…”
เสียงเรียมเคาะห้องเรียก “เนียน เนียนจ๊ะ”
เนียนผวาไปเปิดประตู
“คุณพี่เรียม”
“ขอโทษที่มาเรียก แต่ชั้นทนรออีกต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“เรื่องลูกของเรา ลูกของเนียน หนูติ๋วกับหนูอี๊ด เราต้องไปบอกความจริงกับพี่เทพ ก่อนที่พี่เทพต้องไปขอให้คนอื่นบอก”
“คุณพี่เรียม”
“รีบไปเถิดชั้นเห็นพี่เทพกำลังเตะนายเอกอยู่ที่ต้นมะขาม เขากำลังถามเรื่องนี้อยู่แน่ๆ”
เรียมดึงแขนเนียนไปทันที
ทางฝ่ายทานตะวันนั่งครุ่นคิดฟุ้งซ่านต่างๆ นาๆ ต่อ
“ทำไมจู่ๆคุณพ่อก็ไปยกย่องยัยเนียนให้เป็นคุณนายเนียน ทำไมคุณแม่ ถึงคอยปกป้องมันสองคนแม่ลูกตลอดเวลาเรามีอะไรยัยติ๋วก็ต้องได้เพราะคุณแม่หยิบยื่น และตอนนี้มันคล้ายจะได้มากกว่าเรา ทั้งที่มันคือลูกชู้”
ทานตะวันคิดไปเรื่อยเปื่อย
ท่านขุนหยุดเตะเอก
“จะกะล่อนต่อไหมไอ้เอก”
“หามิได้ขอรับ ไม่แล้วขอรับ เอาละพวกเรา คุกเข่าพนมมือสาบานว่าจะเอ่ยแต่วาจาจริงจากใจ” เอกบอกเป็นทางการ
สามคนนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าท่านขุน ที่จ้องหน้าเอาเรื่องอยู่
“พวกเรากราบขออภัย พวกเราจะเอ่ยแต่วาจา…”
เรียมกับเนียนพากันมาถึงพอดี
“ไม่ต้องเอ่ยวาจาใดๆ ดอก ทั้งสามคน แล้วรีบไปกันเสียเถิด”
“เรียม เนียน น้องพากันลงมาทำไม นี่มันยามสองแล้วนะ”
“พี่โพล้ง พี่แพร กลับไปเถิดจ้ะ เนียนมีเรื่องจะกราบเรียนพี่ขุน”
สามคนจึงถอยออกไป ท่านขุนมองหน้าสองคนแปลกใจ
“เรียมกราบขอโทษพี่เทพค่ะ”
“เนียนก็เช่นกันค่ะ เนียนกราบขออภัยค่ะ”
“พากันมาขอโทษขออภัยเรื่องอะไรกันรึ”
“เรื่องลูกของเนียนค่ะ”
“ความจริง เนียนไม่ต้องกราบขออภัยดอกค่ะ เพราะเนียนคือผู้เสียสละคือผู้ให้ ส่วนเรียม คือผู้รับและเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด”
เรียมเริ่มน้ำตาคลอ เนียนก็น้ำตาคลอตาม ขุนภักดีมองเมียทั้งสองอย่างฉงนฉงาย
อ่านต่อตอนที่ 20