xs
xsm
sm
md
lg

อาญารัก ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อาญารัก ตอนที่ 17

ด้านเนื้อทองยังคงโศกเศร้าเสียใจ และหวาดกลัวเรื่องเนียนจะโดนจับไปคุมขัง แดงน้อยเห็นให้นึกสงสารจึงเดินเข้ามาปลอบ

“น้องติ๋วครับความจริงพี่กับเทิดศักดิ์ไม่เชื่อดอกว่าน้าเนียนฆ่ายัยช้อย”
“เชื่ออย่างไรก็ไร้ประโยชน์ค่ะ เพราะหลักฐานมัดแม่เนียนแน่นหนามากทำไมคะ ทำไมแม่ถึงต้องโดนทำร้ายมาตลอดเวลา เพราะว่าหนูกับแม่ยากจนต่ำต้อยถึงพบเจอแต่ความขมขื่น ทั้งที่เราแม่ลูกพยายามทำดีอดทนไม่ปริปากบ่น เรื่องครั้งนี้ หนูใจจะขาดแล้วค่ะ พี่แดงน้อย”
ด้วยความที่จริงๆ แล้ว แดงน้อยหลงรักเนื้อทองหมดใจ ทนฟังไม่ได้จึงกอดเนื้อทองเอาไว้ลูบหัวปลอบโยน
“ความจริงก็คือความจริง และพี่กับเทิดศักดิ์ต้องพยายามพิสูจน์ออกมาให้ได้ ว่าน้าเนียนไม่ผิด”
เนื้อทองสะอื้นไห้ซบกับอกแดงน้อย จังหวะนี้ทานตะวันปราดมากระชากเนื้อทองออก แล้วตบหน้าสุดแรงเกิดเพราะหึงหวง
“งามหน้า นักนะ แม่ว่าที่พี่สะใภ้ของชั้น ลับหลังพี่เทิดศักดิ์มาออดอ้อนพี่แดงน้อย ตกลงระหว่างแกกับแม่แก ใครกันแน่ที่อยากได้พี่แดงน้อยหรือว่าแข่งกันใครดีใครได้”
เนื้อทองตกตะลึงกับคำพูดของทานตะวัน
“คุณหนูอี๊ด กำลังใส่ร้ายชั้นกับแม่อย่างรุนแรงแสนสาหัสมากนะคะ”
“ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ แกก็สำส่อนเหมือนกับแม่แกนั่นแหละเมื่อก่อนเป็นลูกชู้ มาตอนนี้เป็นลูกฆาตกร”
แดงน้อยตวาดเพราะสุดทนฟัง “หยุดนะ คุณทานตะวัน นี่หรือคือคำพูดของผู้ดีมีแต่เชือดเฉือนหัวใจคนอื่นให้ชอกช้ำ ผมกับน้องติ๋วบริสุทธิ์ใจต่อกันผมกับเทิดศักดิ์ไว้ใจกันและกัน เราสองคนไม่มีวัน เผาเรือนเพื่อน”
ทานตะวันยิ่งโมโห “พี่แดงน้อยตวาดหนู เพราะต้องการปกป้องมัน”
“มันคนนี้ที่คุณทานตะวันจิกกดหัวเรียกเธอนี่แหละ คือคนที่เทิดศักดิ์รักคือคนที่ผมรัก รักโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แล้วคุณทานตะวันเล่ามีใครสักคนไหมที่คิดกับคุณเช่นนี้ น้องติ๋วครับ ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับน้องติ๋ว ขึ้นเรือนไปหาคุณย่านะครับ พี่จะไปส่ง”
แดงน้อยประคองเนื้อทองที่ร้องไห้เดินจากไป ทานตะวันมองตามตาขวางสุดแสนอิจฉา
“อีติ๋ว อีลูกนังฆาตกร ขอให้แม่แกติดตะราง โดนประหารชีวิต โทษฐานฆ่าคนตาย”

ทานตะวันมองตามอย่างเคียดแค้นชิงชังเนื้อทอง หึงหวงแดงน้อย โกรธจนพาลน้ำตาไหล

เวลานั้นภายในห้องโถงบ้านท่านเจ้าพระยา ที่บางกอก ท่านเจ้าพระยาตบบ่าขุนภักดี
“ชีวิตการงานรุ่งโรจน์ ลูกเต้าก็ได้ดิบได้ดี เป็นตัวแทนพ่อเทพในเมืองสุพรรณ ยินดีด้วยนะพ่อเทพ”
“กระผมมีวันนี้เพราะท่านเมตตาอบรมสั่งสอน ขอรับ กราบขอบพระคุณท่านขอรับ”
“เรื่องการงานดีแล้ว เรื่องครอบครัวเล่า ได้ยินว่ามีเมียสามตามตำรารึ”
“ขอรับ คือ เอ้อ…”
“ผู้ชายเราก็แบบนี้แหละ มียศถาทรัพย์สินเงินทองมากขึ้น ก็มีเมียมากตามไปด้วย ว่าแต่เมียทั้งสามนี่ปกครองกันได้ดีไม่มีริษยาตบตีกันรึ”
“เอ้อ ก็มีบ้างประมาณว่าลิ้นกับฟันน่ะขอรับ”
“เรื่องนี้ก็อยากจะสั่งสอนด้วย ผู้หญิงน่ะเวลาร้ายก็ร้ายเกินชายอย่างเราๆ จงดูแลเมียทั้งสามให้เท่าเทียมกัน ใครมาก่อนถือว่าเป็นพี่ใหญ่ใครมาทีหลังให้เคารพคนมาก่อน คนมาก่อนก็เมตตาปราณีคนมาหลัง”
“รับทราบและจะนำไปปฎิบัติขอรับ”
“ยังไงละก็จดจำเรื่องที่ชั้นเคยกระทำผิดพลาดต่อพ่อเทพสมัยนั้นให้ดี ชั้นหูเบาไปตีเอาพ่อเทพ หลงเคืองมาเป็นสิบๆปี ที่ไหนได้ แม่ตัวดีมาคายบาปก่อนตาย ว่าแม่เองที่หลงรักพ่อเทพ อย่าเชียวนะ อย่าหูเบาเด็ดขาด”
ท่านขุนหน้าเสียไปนิดหนึ่ง แล้วสารภาพออกมา
“กระผม ได้ทำผิดมหันต์ไปยิ่งกว่านั้นมากมายขอรับ กระผมหูเบาวู่วาม นำความทุกข์มาสู่ผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ รักที่สุดอย่างที่ไม่คิดว่าจะรักใครได้ขนาดเธอคนนั้น ผมทำร้ายเธอมายี่สิบกว่าปี เพราะเข้าใจเธอผิด”
“พุทโธ่ แม่เรียมเอ๊ย”
“ไม่ใช่เรียมดอกขอรับ แต่เป็นภรรยาคนที่สามของกระผม ตอนนี้กระผมตาสว่างแล้วขอรับ กลับไปนี่ก็จะรับขวัญเธอขอรับ”
“ดีมาก ชีวิตคนเรานั้นมันสั้นนักหนา ใครร้ายมาก็ใช่ว่าจะต้องร้ายตอบเสมอไป เพราะใจเรานั่นแหละจะทุกข์ทนเสียเอง สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ มิใช่บนท้องฟ้าหรือใต้ดินดอก พ่อเทพ”
“กระผมซาบซึ้งข้อนี้ดีขอรับ เพราะนรกอยู่ในใจของกระผมมานานเหลือเกิน กระผมกำลังปลดเปลื้องนรกออกจากอกและผลักไปให้พ้นตนเองพ้นบ้านขอรับ”
ขุนภักดีก้มลงกราบท่านพระยา ซึ่งท่านพระยาเอามือลูบหัวให้พร
“หวังว่าคงได้ยินข่าวดีของครอบครัวพ่อเทพก่อนชั้นตายนะ”
“ขอรับ อีกสองวันเสร็จราชการ กระผมกลับบ้านที่สุพรรณกระผมจะกระทำการให้เกิดข่าวดีดังที่ท่านแนะนำขอรับ”
ขุนภักดีก้มลงกราบอีกครั้ง

ด้านถมมาจอดเรือที่ท่าแถวตลาด
“ถึงแล้วครับ คุณเนียน”
“ขอบใจมาก จำไว้ขอร้องด้วยนะ ว่าอย่าได้เอ่ยถึงชั้นหรือท่านขุนไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าใครจะถามอย่างไรก็ตาม ยืนกระต่ายขาเดียวเท่านั้น”
“ครับ”
เนียนลงจากเรือ ถมขับเรือออกไป

ฝ่ายทานตะวันมาโวยวายระบายอารมณ์กับสนเรื่องแดงน้อยกอดเนื้อทอง สนฟังแต่ไม่สนใจอีกแล้วเพราะจดจ่ออยู่แต่เรื่องเนียนเจอข้อหาฆ่าช้อยแน่ ส่วนเรื่องเนื้อทองกับแดงน้อยสนก็ยิ่งดีใจ ด้วยเนื้อทองจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเทิดศักดิ์อีก
“แม่สนฟังเรื่องความสำส่อนของมันสองแม่ลูกแล้ว แม่สนต้องรีบฟ้องพี่เทิดศักดิ์ให้ตัดรอนนังติ๋วมันนะคะ” ทานตะวันใส่อารมณ์สุดๆ
“วุ๊ย แม่สนไม่สนใจมันแล้วคะ มันจะไปสำส่อนกับใครยังไง ประเดี๋ยวมันก็ไปสำส่อนในนรกหมกไหม้หลังความตายในไม่ช้านี้ค่ะ”
“แม่สนขา พี่แดงน้อยบอกหนูหน้าตาเฉยว่ารักนังติ๋วมันนะคะ”
“ช่างเขาปะไรคะ รักก็รักสิคะ จะว่าไปแดงน้อยก็ใช่ว่าลูกชาติลูกตระกูลก็คู่ควรกับนังติ๋วแล้ว ไม่คู่ควรกับหนูอี๊ดดอก”
ทานตะวันชะงัก รู้สึกแปร่งหู “อ้าวแม่สนคะ อย่าลืมสิคะ ว่าหนูรักพี่แดงน้อย”
“หารักใหม่เถิดค่ะ ดีจะตายที่แดงน้อยรักมัน มันจะได้ไม่มารักเทิดศักดิ์ของแม่สน” สนเริ่มรำคาญมากขึ้น
“เอ๊ะแม่สน ทำไมพูดจาเรรวนอย่างนี้คะ นี่แม่สนคิดจะไม่ใยดีต่อความรู้สึกหงุดหงิดของหนูแล้วหรือคะ”
“แม่สนกำลังสนใจใยดีในความรู้สึกหงุดหงิดของตัวเองอยู่คะ หนูอี๊ดขาฟังนะคะว่าแม่สนเบื่อการเอาแต่ใจตัว จู้จี้จุกจิกเซ้าซี้ น่ารำคาญใจ รู้จักคำว่ารำคาญไหมคะ”
ทานตะวันโมโห “เอ๊ะยัยสน นี่จะขัดใจกันรึ”
“อ้าวยัยอี๊ด อีเด็กบ้า พูดภาษาคนไม่เคยรู้เรื่อง ต่อไปนี้จะไปตอแยใครที่ไหนก็ไป รำคาญใจแกมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว อย่ามายุ่งกับชั้น”
ทานตะวันของขึ้น “นังสน”
“นังอี๊ด แกจะเอายังไงกับชั้น ทนแกไม่ไหวแล้ว ลูกเต้าก็ไม่ใช่”
“ชั้นจะไปฟ้องคุณพ่อ”
“เชิญแกขี่ม้าสามศอกไปบอกพ่อบอกย่าบอกแม่แกเลย จะได้บอกบ้างว่า แกสาระแนมาร้องไห้ข่มขู่ให้ชั้นรังแกนังเนียนกับนังติ๋ว อยากให้ชั้นฆ่าพวกมันให้ตายด้วยซ้ำ เอาสิมาแลกกัน อีเด็กเมื่อวานซืน”
ทานตะวันตกใจ กรีดร้องออกมา แล้ววิ่งลงจากเรือนสนไป
“สาธุ กำจัดอีนังลิ้นไรไต่ตอมมายี่สิบกว่าปีสำเร็จแล้ว”

สนก่นด่า แล้วถอนใจอย่างโล่งอก

ฟากเนียนเดินเลือกซื้อของใช้จำเป็นในร้านค้ามาจนถึงร้านขายรองเท้า แล้วหยุดยืนมอง

“รองเท้าสีดำของหนูติ๋ว ที่ให้เราเอามาใส่แล้วหายไป”
รองเท้าคู่นั้นเหมือนกันกับคู่ที่เนียนเอาของเนื้อทองมาใส่ เนียนยิ้มเดินไปจับรองเท้าดู
“เหมือนกันเปี๊ยบ หนูติ๋ว ซื้อมาจากร้านนี่เอง” เนียนหันเรียกคนขาย “คนขายจ๊ะรองเท้าคู่นี้ราคาเท่าไหร่จ๊ะ”
คนขายเดินมาหาเนียนยิ้มแย้ม
หมู่เติมกำลังเดินตรวจตราในตลาด เห็นเนียนกำลังซื้อรองเท้าชะงัก
“แม่เนียน มาซื้อรองเท้า เหมือนคู่ที่หมวดเทิดศักดิ์กับนายอำเภอ พบในที่เกิดเหตุฆ่ายัยช้อยเปี๊ยบ มีพิรุธ”
หมู่เติมตื่นเต้นมาก เนียนจ่ายเงิน ถือถุงรองเท้าเดินไปอีกทาง

เทิดศักดิ์กับแดงน้อย นั่งปรึกษากันที่ท่าน้ำเรื่องคดีทั้งหลาย
“แดงน้อย แกคิดว่าน้าเนียนจะกลับมาหรือเปล่า”
“กันว่าน้าเนียนต้องกลับมา ถ้าน้าเนียนไม่ได้ทำผิด แกต้องกลับมา”
“ถ้าน้าเนียนไม่กลับมา แสดงว่าแกหนี มีพิรุธ”
เสียงเครื่องเรือยนต์ดังแว่วมา สองคนลุกชะเง้อคอมองไป
“น้าเนียนมาแล้ว”
แต่กลายเป็นเรือถมที่ขับมาตามลำพัง
“นายถม”
ถมจอดเรือ มองสองคนที่ยืนเหมือนรออะไรสักอย่างแปลกใจ ถมยกมือไหว้สองคน
“สวัสดีขอรับ คุณเทิดศักดิ์นายอำเภอ”
“นายถมไปไหนมา”
“ไปเอ้อ...ไปธุระให้ท่านขุนขอรับ”
“ธุระที่ไหน” แดงน้อยซัก จากนั้นสองหนุ่มก็ผลัดกันถาม ถมตอบไม่เต็มคำนัก
“เอ้อ เอ้อ…”
“ชั้นได้ยินกบกับแมวบอกว่า คุณพ่อให้นายถมไปส่งน้าเนียนที่สามชุก”
“เอ้อ ขอรับ”
“แล้วไหนน้าเนียน ทำไมไม่กลับมากับนายถม”
“เอ้อ คือ กระผมแค่ส่งเธอไว้ที่นั่นขอรับ”
“ส่งไว้หลายวันแล้วนะ แล้วนายถมทำไมไม่กลับมา”
“นายถมไปไหนหลังจากส่งน้าเนียนที่สามชุก”
“ไป เอ้อ...ไปเยี่ยมญาติของกระผมขอรับ”
“แน่ใจนะว่าน้าถมไม่ได้อยู่กับน้าเนียนตลอดเวลา”
“ขอรับ”
“นายถมคงไม่รู้สินะว่าสองสามวันที่นายถมไม่อยู่มีการฆ่ากันตายที่บ้านนี้”
ถมตกใจมาก “ฆ่ากันตาย”
“ยัยช้อยคนสนิทของคุณแม่ ถูกฆ่าตายใกล้ท่าน้ำนี่แหละ” เทิดศักดิ์บอก
ถมตกตะลึง
“ถ้านายถมไปกับน้าเนียนก็บอกว่าไป หรือว่าไปไหนมาก็บอกมาตามตรง” แดงน้อยซัก
“กระผมว่า รอให้ท่านขุนกลับมาแล้วให้ท่านบอกเองดีกว่า ท่านให้กระผมไปที่ไหนมาขอรับ กระผมไปก่อนนะขอรับ”
“ประหลาดจริง”
“พูดจากำกวมอ้ำอึ้งมาก”
สองคนแปลกใจท่าทีนายถม

บนโต๊ะทานอาหาร เรียมฟังสองคนพูดเรื่องราวที่ไปสืบสวนมา
“นายถมมันไม่ได้โกหกแน่ะนะ เทิดศักดิ์ แดงน้อย”
“ผมก็ไม่แน่ใจครับคุณนายแม่ ดูมันอึกอักชอบกลอยู่ครับ”
“คำให้การของนายถมเท่ากับตอกย้ำว่า เขาไม่อาจเป็นพยานยืนยันให้น้าเนียนได้ว่า น้าเนียนอยู่ที่ไหน ในช่วงที่ยัยช้อยโดนฆ่า”
“โธ่ เนียน เทิดศักดิ์ แดงน้อย สองคนต้องช่วยน้าเนียนนะลูก”
สองคนมองหน้ากัน
“ผมกับแดงน้อยพยายามจะช่วยถึงที่สุดอยู่นี่แหละครับแต่”
“แต่ จนถึงป่านนี้มีแต่พยานที่บ่งบอกว่าน้าเนียนมาที่ท่าน้ำ”
“เพียงมีใครสักคน ที่บอกว่าน้าเนียนอยู่ที่ไหน น้าเนียนก็จะรอดพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาครับ”
“โธ่ เนียน นี่ชั้นจะช่วยเนียนได้อย่างไรกันเล่า”
กบ เข้ามารายงาน
“หมู่เติมมาขอพบคุณเทิดศักดิ์ กับนายอำเภอเจ้าค่ะ”
“รออยู่ที่ศาลาท่าน้ำเจ้าค่ะ”
สองพยักหน้าแล้วลุกออกไป เรียมมองตามสีหน้านั้นวิตกกังวลมาก

สนซึ่งแอบมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่บนเรือน
“อีเนียนตายแน่ แต่คนที่กำลังจะตายตามมันอีกสองคนคือเรากับเทิดศักดิ์ อีแก่ทองจันทร์ในบ้านนี้มีเพียงมึงเท่านั้นที่รู้ทันกูไปเสียทุกเรื่อง”
สนแอบมองไปอีก
“ไอ้แช่มอีกคน ถ้ามันรู้ว่าแม่มันตาย โอ๊ย จะทำอย่างไรกับมันดี มันเปิดโปงกูแน่”
สนว้าวุ่นใจไปหมด

หมู่เติม เข้ามารายงานเทิดศักดิ์ กับแดงน้อย ซึ่งเดินเข้ามาในศาลาท่าน้ำ
“น้าเนียนอยู่ที่ตลาดนี่เอง” เทิดศักดิ์ว่า
“น้าเนียนไปที่ตลาดเพื่อซื้อรองเท้าเหมือนกับคู่ที่ตกอยู่ใกล้ศพยัยช้อย”
“นี่แปลว่าอะไรกัน” เทิดศักดิ์ฉงน
“กลบเกลื่อนหลักฐานว่าชั้นไม่ได้ทำรองหายครับ” หมู่เติมออกความเห็น
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยสบตากัน
“หมู่เติมเห็นไหมว่าน้าเนียนไปทางไหน” เทิดศักดิ์ถาม
“ไม่ทันดูต่อดอกครับ พอเห็น ผมก็รีบเผ่นมารายงานที่นี่ทันทีครับ”
“ไปดูที่ตลาดต่อไปสิ ว่าน้าเนียนยังอยู่ที่ตลาดไหม”
“ครับ”
หมู่เติมเดินออกไป
“ถ้าน้าเนียนแกคิดจะหนี แกจะไปเดินลอยชายในตลาดทำไม แกน่าจะหนีไปไกลแล้ว”
“แต่ทำไมน้าเนียนต้องเจาะจงซื้อรองเท้า เหมือนกับคู่นั้นด้วย”
“โธ่ นี่หลักฐานมันมัดน้าเนียนแน่นหนาขึ้นทุกที”

สองหนุ่มถอนใจเฮือกๆ ท่าทีอ่อนอกอ่อนใจ
 

สามคนอยู่บนเรือนด้วยกัน เนื้อทองนั้นยังคงสลดหดหู่ไม่หาย เรียมมาหารือกับทองจันทร์เรื่องช่วยเนียน

“คุณแม่ขา ถ้า เอ้อ ถ้า เรื่องราวมันเลวร้ายมากมาย เราจะทำอย่างไรกันดีคะ”
“แม่คิดว่าเรื่องราวคงไม่เลวร้ายมากมายดอกเรียม” หญิงชราปลอบ
“โธ่ คุณแม่ขา ในเมื่อสนเป็นพยานปากเอกที่เจอเนียนที่ศาลาท่าน้ำนั่นนะคะ สนริษยาเนียนและเกลียดเนียนมากนะคะ”
“วุ๊ย เนียนมันอาจเจอใครที่มันนัดแนะแล้วกลับไปเลยก็ได้ ทำไมต้องคิดว่ามันจะรอฆ่าอีนังช้อย แม่ถามหน่อย เนียนมันจะได้รับประโยชน์อันใดจากการฆ่าอีนังสวะช้อย นอกจากได้บาปเวร ติดตะราง โดนประหารชีวิต”
ตลอดเวลา เนื้อทองนั่งนิ่งๆ ถอนสะอื้นเงียบๆ
“สนเห็นเนียนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” เรียมว่า
“มันไม่เห็นดอก มันปรักปรำน่ะ แต่แม่ว่าบางทีมันอาจสำนึกดีเปลี่ยนใจก็ได้นะเรียม”
“ลำบากค่ะ คุณนายสนเกลียดแม่เนียน ยิ่งกว่าใดๆ ในโลกนี้ เธอไม่มีวันเปลี่ยนใจดอกค่ะ” เนื้อทองพูดแทรกขึ้น
เรียมกับทองจันทร์มองหน้ากัน
สนเดินมาหาแดงน้อยกับเทิดศักดิ์ที่ท่าน้ำ เพื่อหยั่งเชิงเรื่องว่าแช่มรู้ว่าช้อยตายหรือยัง
“เทิดศักดิ์ แดงน้อย มารอใครกันรึ”
“เปล่าครับ คุณแม่” สองหนุ่มบอกพร้อมกัน
“มานั่งปรึกษากันเรื่อง การตายของยัยช้อยนี่แหละครับ” เทิดศักดิ์ว่าต่อ
“เอ้อ คุณแม่สนครับ ตอนที่คุณแม่พบน้าเนียน น้าเนียนมีท่าทีอย่างไรบ้างครับ” แดงน้อยถาม
“ก็ดูรีบๆ ลนๆ ยังไงพิกลอยู่นะ แต่แม่ไม่ทันสังเกต แม่กลัวเสือหนัก”
“แต่คืนนั้น คุณแม่ทำไมไม่บอกผมครับ ว่าเจอน้าเนียนที่ท่าน้ำ”
“วุ๊ย ก็แม่บอกแล้วว่าแม่กลัว เอ้อ...แล้วนี่ไอ้แช่มมันรู้หรือยัง ว่าแม่มันโดนเนียนฆ่าตาย”
“คุณแม่สนครับ เรายังพูดเช่นนั้นไม่ได้นะครับ ว่าน้าเนียนฆ่ายัยช้อย” แดงน้อยท้วง
“ก็รองเท้านั่นยังไม่พออีกหรือที่จะบอกว่ามันฆ่า” สนว่า
“ก็พออยู่ครับ แต่ถ้ามีใครอีกสักคนมายืนยันว่าน้าเนียนอยู่ที่ไหนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน รองเท้าคู่นั้นก็ไม่เพียงพอดอกครับ”
สนหงุดหงิด “เอ๊ะ ก็คำพูดของแม่ที่บอกว่าพบมันยังไม่เพียงพอหรือ”
“ถ้าน้าเนียนปฏิเสธเล่าครับ ว่าไม่พบกับแม่สน”
“มันก็เลวเกินคนสิ้นดี กล้าโกหกเพื่อเอาตัวรอด แม่ไม่อยากฟังเรื่องของมันแล้ว แม่ไปก่อน”
สนเดินออกไป สองคนมองตาม
“แดงน้อย ถ้าความจริงแม่กันต่างหากที่เป็นคนฆ่ายัยช้อย” เทิดศักดิ์เอ่ยขึ้นอย่างอัดอั้น
แดงน้อยตกใจ “แกพูดอย่างนี้หนที่สองแล้วนะ”
“กันกำลังสงสัยว่าคุณแม่ โยนบาปให้น้าเนียน”
สองคนนั่งกลุ้มกันต่อไป

เนียนเดินลงท่าน้ำตลาด ว่าจ้างเรือให้ไปส่งที่บ้านภักดีภูบาล
“ไปบ้านท่านขุนภักดีภูบาลจ้ะ”
“ลงมาเลยแม่คุณ”
เนียนก้าวลงเรือพายไปสีหน้าแจ่มใส ไม่กังวลสักนิดว่ากำลังจะเกิดเหตุร้ายกับตน

บนโรงพักเวลาเดียวกัน ตำรวจเดินมาเรียกแช่ม
“นายแช่ม มีญาติมาเยี่ยม”
แช่มยืนมองอย่างแปลกใจว่าใครมาหา เพราะมีผ้าคลุมหน้าตา
“ใครน่ะ”
“ข้าเอง คุณนายสน”
“ไปให้พ้น” แช่มตะเพิด
“แกอย่าเข้าใจข้าผิดไอ้แช่ม ไอ้เรื่องที่แกจะโดนวางยานั่นน่ะ เนียนมันเป็นคนทำต่างหาก”
“โกหก ทั้งเพ” แช่มไม่เชื่อ
“นังเนียนมันเกลียดแกจะเป็นจะตาย” สนเป่าหูต่อ
“เพราะคุณนายทำให้มันเกลียดแม่น่ะสิ”
“ข้ามีข่าวดีจะมาบอกแก แต่แกอย่าเอ็ดอึงไปทีเดียว”
“ไม่อยากจะฟัง อยากอยู่อย่างเดียวจะออกไปจากตะรางนี่” แช่มบอก

“นี่แหละคือข่าวดีที่ข้ากำลังจะมาบอกแก ข้าจะช่วยแกให้ได้ออกจากตะรางได้แล้ว”
แช่มไม่อยากเชื่อ “คุณนาย”
“จุ๊ๆ บอกว่าอย่าเอ็ดอึง ลูกชายข้าตกลงยอมให้แกได้ประกันตัวแล้ว”
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก”
“พอแกได้ประกันตัว ข้าจะให้เงินแกหนีไปให้สุดประเทศสยาม”
แช่มหลงคารมดีใจมาก “ขอบพระคุณอีกครั้งครับ แล้วผมจะได้ประกันตัวตอนไหน”
“ขอเวลาไม่เกินอาทิตย์”
“เอ้อ...ทำไมแม่ไม่มาหาผม”
สนบอกหน้าตาเฉย “แม่แกตายแล้ว”
แช่มตะลึง “แม่ตายแล้ว”
“ถูกนังเนียนมันฆ่าเอา” สนบอก
แช่มตะลึงงัน
“แม่...แม่ โธ่ แม่”
แช่มร้องไห้โฮ
“ระงับใจไว้ ข้าจะดูแลงานศพแม่แกให้เอง ชั้นจะรอให้แกออกไปเผาแม่ แล้วค่อยหนี แต่แกต้องสงบเสงี่ยมปากให้มากที่สุดจำไว้”
แช่มคำราม “ชั้นจะออกไปฆ่าอีเนียน ให้ตายตกไปตามกัน”
“อันนี้ก็แล้วแต่แกเถิดนะอย่ากระโตกกระตากอะไร ทั้งสิ้น อีกไม่นานอีเนียนมันก็โดนจับมาใส่ตะรางแล้ว”
สนรีบเอาผ้าปิดหน้าให้มิดชิดแล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกไป สวนกับหมู่เติมพอดี
หมู่เติมถามตำรวจเวร “ใครน่ะ ดูละม้ายคล้ายๆ แต่ไม่ถนัดตา”
“ญาตินายแช่ม”
หมู่เติมพยักหน้า
ฝ่ายนางสนคนชั่วเดินยิ้มย่องมาเรียกสามล้อนั่งกลับบ้าน
“ทีนี้ไอ้แช่มก็หมดปัญญาจะมาเปิดโปงกู เพราะอีเนียนฆ่าแม่มัน กูไม่เกี่ยวเหลือแต่อีแก่ทองจันทร์ เป็นปัญหาใหญ่”

สนยิ้มย่องสบายใจ ถอนใจโล่งอกไปอีกเปลาะ

เนียนนั่งเรือพายมากลางลำน้ำ มุ่งหน้ากลับบ้าน จังหวะหนึ่งหยิบกล่องรองเท้ามาแกะดู ใบหน้ายิ้มแย้มพูดกับตัวเอง

“หนูติ๋วจ๋า แม่ซื้อหารองเท้าเหมือนคู่เดิมมาคืนหนูติ๋วแล้วจ้ะ”
“ถึงบ้านท่านขุนภักดี แล้วน้องสาว”
คนเรือพายเรือไปเทียบท่า เนียนขยับลุกจะก้าวขึ้นท่าน้ำ

สองหนุ่มนั่งรอที่ศาลาด้านในเรือน แดงน้อยหันไปเห็นว่าเนียนมาถึงแล้ว
“น้าเนียนมาแล้ว”
“แกไม่ได้หนีสักหน่อย”
“สีหน้าท่าทางก็ดูปกติดี ไม่มีพิรุธ”
สองคนไม่อยากจะขยับไปพูดจา ไม่สบายใจอย่างยิ่งแต่ก็จำใจลุกไปหา

เนียนเดินมาเห็นแดงน้อยและเทิดศักดิ์ออกมารับก็ยิ้มทักทาย
“คุณเทิดศักดิ์ นายอำเภอ”
เทิดศักดิ์และแดงน้อยดูอึดอัดและลำบากใจมาก
“เอ้อ น้าเนียนครับ” เทิดศักดิ์ถามก่อน
“น้าเนียนมาจากไหนครับ” แดงน้อยถามต่อ
“มาจาก เอ้อ ตลาดค่ะ”
“น้าเนียนไปทำอะไรที่ตลาดครับ”
“ไปซื้อรองเท้าแตะมาคืนหนูติ๋วค่ะ คือ น้า...น้า…”
“ทำรองเท้าของน้องติ๋วหายหรือครับ” แดงน้อยซัก
“ค่ะ”
“คือ ผมว่าไม่หายดอกครับ” เทิดศักดิ์ว่า
“ไม่หาย แล้วมันไปอยู่ที่ไหนคะ”
แดงน้อยถอนใจแล้วหยิบรองเท้ามาให้เนียนดู
“อยู่ที่นี่ไงครับ”
เนียนแปลกใจ “นี่ นี่ นายอำเภอไปเจอที่ไหนคะ”
“ที่บริเวณใกล้ศพยัยช้อยครับ น้าเนียน”
“ศพยัยช้อย ศพชัยช้อย นี่ นี่” เนียนแทบช็อก
“ยัยช้อยโดนฆ่าตายครับ” แดงน้อยบอก
เทิดศักดิ์เล่าเสริม “ใกล้ท่าน้ำนี่แหละครับ”
“โธ่ ยัยช้อย จับคนร้ายได้หรือยังคะ” เนียนหน้าเศร้า สลดหดหู่
เทิดศักดิ์ และแดงน้อยมองหน้ากัน
“เอ้อ...ยังครับ”
“แล้วคนร้ายทิ้งอะไรไว้เป็นหลักฐานบ้างไหมคะ”
เทิดศักดิ์และแดงน้อยมองหน้ากันอีก
“เอ้อ รองเท้าคู่นี้แหละครับ” สองหนุ่มบอก
เนียนงง “รองเท้าคู่นี้ของน้าที่เอามาจากหนูติ๋ว นะคะ”
สองคนมองหน้ากันพูดไม่ออก จังหวะนี้สาวแสบทานตะวันเดินเข้ามา
“ก็รองเท้าที่แกใส่ไปฆ่ายัยช้อยตาย แล้วแกก็ตกใจกลัววิ่งหนีจนลืมรองเท้าทิ้งไว้”
เนียนตกใจปฏิเสธลั่น “ไม่จริง ไม่ ไม่นะ ไม่จริง”
“อย่ามาทำหน้าซื่อราวกับว่าเกิดมาไม่เคยทำอะไรผิด นี่มันหนที่เท่าไหร่แล้ว ร้ายแรงขนาดนี้ ยังตีหน้าซื่อช่างเลวร้ายเหลือเกินพี่แดงน้อย จับมันไปจับมันใส่ตะรางค่ะ” ทานตะวันไม่รู้ตัวว่ากำลังว่าร้ายแม่บังเกิดเกล้าของตน
“โธ่ นี่มันอะไรกันคะ ทำไมทำไมถึงมากล่าวร้ายใส่กันอย่างนี้”
เนียนตกใจร้องไห้โฮ ทานตะวันใส่เต็มที่
“สมน้ำหน้า แกมันฆาตกรใจโหด ใจดำ”
“คุณหนูอี๊ดเจ้าขา ชั้นไม่ได้ทำ ชั้นไม่ได้ทำ”
“แกทำ แล้วยังมาทำปากแข็ง”
เทิดศักดิ์ขึ้นเสียง “น้องอี๊ด หยุดที ช่วยไปให้พ้นจากการสอบสวนของพี่ซะ”
“ให้เราได้พูดกับน้าเนียนตามลำพังเถิดครับ คุณทานตะวัน”
เนียนเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น ทานตะวันยิ้มสะใจแล้วกระแทกเท้าเดินจากไป
“น้าไม่ได้ทำ น้าไม่ได้ทำ ชั้นไม่ได้ทำ”
เนียนเอาแต่ร้องไห้ครวญคร่ำ สองคนประคองเนียนให้ลุกมานั่ง

ฝ่ายเนื้อทองยังคงเศร้าไม่เลิก
“หนูติ๋ว ถ้าแม่หนูหาข้อแก้ตัวไม่ได้ ชั้นจะไปประกันตัวแม่หนูออกมาสู้คดีเอง”
“ย่าจะยอมเสียเงินเสียทองเท่าไหร่ไม่ว่ากัน ขอให้แม่หนูพ้นคดีให้ได้”
“หนูกราบขอบพระคุณมากค่ะ”
ทานตะวันเดินยิ้มเยาะขึ้นมาพอดี
“ว่าอย่างไร ไม่ทราบยะ นังลูกฆาตกร ไม่ไปสั่งลาแม่แกตอนถูกใส่กุญแจมือส่งเข้าตะรางหรือยะ”
“แม่” เนื้อทองตกใจ
“รีบไปนะยะ เดี๋ยวจะไม่ทันย่ะ อยู่ที่ท่าน้ำย่ะ แหม อุตส่าห์มาบอกจะขอบใจสักคำก็หาไม่ นิสัยเสียแท้ๆ”
“หนูอี๊ดทำไมพูดจาเชือดเฉือนหัวใจเขาอย่างนั้น แม่เตือนแล้วนะ” เรียมโมโห
“ยัยอี๊ดนี่แหละนิสัยเสีย นิสัยเลว ไปเรียมพาแม่ไปดูเนียนมันหน่อย” ทองจันทร์ด่าแล้วรีบชวนกันไป
“ค่ะ”
เรียมประคองทองจันทร์ให้ลุก ทานตะวันยืนยิ้มเยาะหยัน เรียมแหวใส่
“อย่ามายิ้มเย้ยหยันเนียนทีเดียว ลองนึกดู เอาใจเขามาใส่ใจเราสักนิดสิ ถ้าหากเนียนเป็นแม่ตัวเองแกจะรู้สึกอย่างไร”
“เชอะ คุณแม่เปรียบเปรยอะไรไม่มีวันเป็นความจริง ต่ำต้อยอย่างนั้นยังไม่มีวันเป็นแม่คนสูงส่งอย่างหนูได้ คงต้องรอไปอีกสิบชาติ” ทานตะวันพูดท่าทางอวดดีใส่
เรียมจ้องหน้าเขม็ง “จำคำพูดของแกเอาไว้ให้ดี”
“อย่ามัวไปทุ่มเถียงกับเด็กคางคกยางไม่ตกหัวไม่รู้สึกเลยแม่เรียม แม่ห่วงเนียนจะแย่แล้ว”

เรียมพาทองจันทร์และเนื้อทองลงเรือนไป

อาญารัก ตอนที่ 17 (ต่อ)

ระหว่างนี้ พวกบริวารวิ่งกันให้พล่าน กล่าวขานเรื่องเนียนเซ็งแซ่ ทุกคนล้วนไม่เชื่อว่าเนียนฆ่าช้อย

“พวกเรา...เนียนมาแล้ว” กบร้องนำขึ้น
“เนียนกำลังจะโดนจับไปเข้าตะราง” แมวโพล่งตาม
“ไม่อยากจะเชื่อว่าเนียนทำจริงๆ” แม่ครัวบอก
“ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ” กบว่า
“ร้อยเชื่อพันเชื่อ ว่ามีคนสร้างหลักฐานเท็จ” แมวบอกอีก
“เอ๊ะ ไอ้ถมหายไปไหน เห็นมันเพิ่งกลับมาแหม็บๆ” แม่ครัวแปลกใจ
แต่พอพูดจบก็พากันเอ็ดตะโร เฮละโรไปดูเนียนที่ท่าน้ำ ถมแอบมองตกใจมาก
“ไหงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้หว่า คุณเนียนเป็นแพะรับบาปเสียแล้วจะช่วยคุณเนียนได้อย่างไรหนอ”
ถมพยายามนึก แล้วแอบเดินตามพวกนั้นต่อไป

ที่ท่าน้ำยามนั้นเนียนกอดเนื้อทองไว้แน่น สองแม่ลูกร้องไห้ มีเทิดศักดิ์กับแดงน้อยยืนมอง สลดใจไปด้วย
“แม่ไม่ได้ทำ แม่ไม่มีวันจะทำ หนูติ๋วเชื่อแม่ไหมลูก”
“เชื่อสิจ้ะแม่เนียน แม้แต่ยุงแม่เนียนยังไม่ยอมตบ แถมห้ามหนูตบแล้วแม่เนียนจะไปฆ่ายัยช้อยได้ลงคออย่างไร”
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยสบตากัน ถอนใจเฮือกใหญ่
“แต่แม่ไม่มีข้อแก้ต้ว หลักฐานมันมัดตัวแม่ไว้แน่นหนา หนูติ๋วจ๋า นี่รองเท้า ที่แม่ทำหาย แม่ซื้อมาคืนให้ลูกแล้วจ้ะ”
“แม่เนียนจ๋า หนูไม่อยากได้รองเท้าคืน หนูอยากได้อิสรภาพของแม่คืนมาต่างหาก”
“น้องติ๋วครับ ขอพี่ถามน้าเนียนต่ออีกสักประโยคสองประโยคครับ” แดงน้อยเอ่ยขึ้น
“น้าเนียนไปงานศพ แล้วกลับมาที่นี่อีกใช่ไหมครับ” เทิดศักดิ์ถาม
“ค่ะ”
“แม่ แม่กลับมาจริงๆ แม่กลับมาทำไมคะ”
“เอ้อ กลับมารอพบ พบเอ้อ…”
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยร้อนใจ “พบใครครับ”
“บอกไม่ได้ค่ะ”
“แม่”
ทองจันทร์กับเรียมเข้ามาสมทบ มีพวกบริวารตามมาอีกโขยง
“เวรละสิ เนียน แกดันยอมรับทำไมว่าแกกลับมา กลับคำพูดเสียใหม่”
“อ้าวคุณย่า อย่ามาชี้แนะอะไรผิดๆ ให้น้าเนียนสิครับ”
“แกอย่ามาเรียกชั้นว่าย่า ชั้นไม่เอาแกเป็นหลานดอก เกลียดน้ำหน้า”
“โธ่ คุณย่าครับ นี่เวลาเป็นเวลาตายนะครับ อย่ามาล้อเล่นตลกขู่ผม”
“ชั้นไม่ได้ขู่แก ชั้นเอาจริง” ทองจันทร์ฮึดฮัด
“คุณแม่ขาใจเย็นๆ เนียน ชั้นกับคุณแม่จะไปประกันตัวเนียนออกมาสู้คดีเอง” เรียมบอก
“เนียนกราบขอบพระคุณทั้งสองท่านเจ้าค่ะ เนียน ไม่มีทางแก้ตัวแล้วเจ้าค่ะ เวรกรรมของเนียนแต่ชาติปางก่อนคงมากมายนัก เนียนคงทำกรรมชั่วเอาไว้ร้ายแรง จนต้องมาชดใช้กรรม ในชาตินี้เท่าไหร่ไม่มีหมดเนียนกราบลาเจ้าค่ะ”
“เนียนเอ๊ย”
ทองจันทร์สะเทือนใจ ถึงกับน้ำตาไหลย้อย
“เนียน โธ่”
เรียมน้ำตาหยดริน
“หนูติ๋วจ๋า ปล่อยแม่เถิด ทุกคนในที่นี้ ชั้นขอสาบานว่าชั้นไม่ได้ฆ่าช้อย ถ้าสิ่งศักดิ์ มีจริง ท่านจะดลบันดาล ให้ความจริงปรากฏสักวัน แม้ว่ากว่าจะปรากฏหลังจากชั้นโดนประหารชีวิตไปแล้วก็ตาม”
เสียงสะอื้นคนแถวนั้นดังระงม
“แม่เนียน แม่เนียน”
“แม่เคยสอนไว้ว่าอย่างไร อดทน อดกลั้น เข้มแข็งไว้ลูกรัก เขยิบออกไปจากตัวแม่ ไปสิ”
เนื้อทองจำใจเขยิบออกไป เนียนยื่นมือมาให้เทิดกับแดงน้อย
“กุญแจมือคะ ใส่สิคะ นายอำเภอ คุณเทิดศักดิ์”
สองคนสบตากัน เทิดศักดิ์พยักหน้า ให้แดงน้อย แดงน้อยใส่กุญแจมือลงไปที่มือของเนียน สิ้นเสียงกุญแจมือสิ้น เสียงสะอื้นดังระงม
เนียนเดินอยู่ตรงกลาง แดงน้อยเทิดศักดิ์ประกบไว้ลงไปท่าน้ำ หมู่เติมเอาเรือมาจอดรอที่ท่า ทุกคนมองเนียนต่างน้ำตาไหล
เนียนก้าวลงเรือก่อนลงหันมามองหน้าลูกสาว แล้วกวาดตามองทุกคน น้ำตาเนียนไหลอาบสองแก้ม
พวกกบแมวและบ่าวในเรือนร้องลั่น “เนียน”
เรียมกับทองจันทร์ร้องตาม “เนียน”

“แม่เนียน” เนื้อทองใจจะขาดรอนๆ

ฝ่ายถมแอบดูอยู่ที่พุ่มไม้ด้านหลังศาลา

“โธ่เอ๊ย คุณเนียน”
สนเดินมาจากไหนไม่รู้ แลเห็นถมก็แปลกใจมาก
“ไอ้ถมนี่ นี่มันกลับมาตอนไหน มันไปไหนมา มันเรียกอีเนียนว่าคุณเนียนทำไม”
“จะทำอย่างไรดีหนอให้คุณเทิดศักดิ์กับ นายอำเภอรู้ว่า คุณเนียนอยู่ที่ไหน”
สนหูผึ่งตื่นเต้นตกใจ
“ไอ้ถมมันรู้แน่ว่าอีเนียนอยู่ที่ไหน ตายละวา”
สนก้าวออกไปแสดงตัว หาถมทันที
“ไอ้ถม”
ถมตกใจมาก “คุณนายสน”
“ชั้นมีอะไรสอบถามแก”
“อะไรรึขอรับ”
“ตามไปริมน้ำทางด้านโน้น ตรงที่มีเรือจอดอยู่”
“ทำไมต้องตามไปขอรับ สอบถามตรงนี้ก็ได้ขอรับ”
“ย้อนรึ ชั้นบอกให้แกตามไป หรือว่าแกจะขัดคำสั่ง”
“ขอรับ กระผมจะตามไปขอรับ”
“แกไปรอก่อน ประเดี๋ยวชั้นจะตามไป”
ถมเดินไปสนเดินไป

ฝ่ายเนียนนั่งใส่กุญแจมือไม่ร้องไห้สะอื้น มีแต่น้ำตาที่ไหลหยดลงใบหน้า ท่าทีเนียนแน่วนิ่ง ขณะที่เทิดศักดิ์กับแดงน้อยรู้สึกแย่มากๆ คิดกันไปต่างๆ นาๆ
“น้าเนียนยอมรับว่ากลับมา แต่ทำไมน้าเนียนไม่ยอมบอกว่ากลับมาพบใคร”
“หรือว่าน้าเนียนมารอพบเสือหนักจริงๆอย่างคุณแม่สนว่า”
“ทำไมต้องกลับมารอพบที่ท่าน้ำบ้านชั้น ให้มันประเจิดประเจ้อ ไปพบที่สามชุกไม่ดีกว่ารึ”
“จริงของแก ชั้นเห็นน้าเนียนปวดร้าว เห็นน้องติ๋วเสียใจ ทำให้จิตใจชั้นแย่มากนะเทิดศักดิ์”
“จิตใจชั้นย่ำแย่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแกดอก น้าเนียนขมขื่นจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง”
“น้าเนียนไม่มีพิรุธสักนิดตอนที่ขึ้นมาจากเรือแล้วพบเราสองคน”
“ตอนที่เราซักถาม น้าเนียนก็ตกใจในลักษณะที่ไม่รู้เรื่องยัยช้อยตาย ด้วยซ้ำ” เทิดศักดิ์ตั้งข้อสังเกต
“จริงสิ แกตกใจแทบช็อกที่ได้ข่าว คนที่น้าเนียนมารอพบต้องสำคัญมาก ถึงขนาดที่น้าเนียนไม่ยอมบอกว่าใคร”
“มาทำนองเดียวกับตอนที่น้าเนียนไม่ยอมบอกว่าผู้ชายคนนั้นคือใครเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว”
สองหนุ่มว้าวุ่นใจ แต่เนียนยังคงนั่งนิงน้ำตาไหลสองแก้มดังเดิม บอกตัวเองในใจ
“พี่ขุนเจ้าขา เนียนจะไม่ยอมผิดสัญญากับพี่ขุนเด็ดขาดเจ้าค่ะ เนียนจะไม่ยอมทำให้พี่ขุนต้องอับอายขายหน้าว่าลอบมาพบเนียนดอกเจ้าค่ะ ให้มันตายไปกับตัวเนียนตอนโดนประหารเถิดเจ้าค่ะ”

ขณะเดียวกันตรงริมน้ำอีกด้านหนึ่งของเรือน ที่มีเรือพายเล็กๆ จอดอยู่ ถมรอสนครู่หนึ่งสนเดินมา
“คุณนายสนจะถามอะไรกระผมขอรับ”
“แกรู้ใช่ไหม ว่าเนียนอยู่ที่ไหน”
“ทำไมหรือขอรับ”
“ถ้าแกบอกรู้ ว่าเนียนอยู่ที่ไหน เท่ากับแกได้ช่วยให้เนียนรอดพ้นตะราง”
“คุณสนหมายความว่า คุณสนต้องการจะช่วยคุณเนียน”
“ใช่ เอ้อ ทำไมเดี๋ยวนี้แกเรียกเนียน ว่าคุณเนียน ใครสั่ง”
“เอ้อ…”
“พี่ขุนสั่งแกใช่ไหม”
ถมเอาแต่ “เอ้อ...”
“ไม่ต้องปิดๆ บังๆ ชั้นไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากจะช่วยเนียนแกรู้ใช่ไหมว่าชั้นพบเนียนที่ท่าน้ำ”
“เอ้อ...”
“ถ้าเช่นนั้น แกบอกมาว่าเนียนมารอพบใคร”
“บอกไม่ได้ขอรับ”
“แกอยากให้เนียนโดนประหารใช่ไหม”
“ไม่ขอรับ ไม่ เอ้อ... ความจริงกระผมบอกก็ได้ แต่กระผมขอไปบอกนายอำเภอกับ คุณเทิดศักดิ์ เป็นอย่างไรก็เป็นกัน ขออย่าให้คุณเนียนต้องติดคุกโดยไม่ยุติธรรมเลย”
“ดีนะ ที่แกไม่เชื่อว่ามันฆ่ายัยช้อย”
“ไม่เชื่อดอกขอรับ เพราะมันไม่จริงขอรับ”
“แกไม่รู้ดอกรึ ว่ามันมาคอยเสือหนัก”
“ไม่เชื่อขอรับ”
“ชั้นได้ยินเสียงเสือหนักมา กับหู แล้วแกจะไม่เชื่ออย่างไร”
“นั่นเสียงกระผมเองขอรับ ผมแสร้งร้องให้คุณนายสนตกใจจะได้ไม่แทงคุณเนียนขอรับ”
“ไอ้ถม นี่แก แกมากับอีเนียน แกแอบดูชั้น แกเป็นพวกอีเนียน”
“เป็นพวกความยุติธรรมขอรับ”
“งั้นแกลงเรือพายไปที่โรงพักไปบอกความจริงเถิด”
“ขอรับ”
จังหวะที่สนถมหันตัวจะลงเรือ สนคว้าเอาใบพายที่วางริมน้ำ ฟาดกระหน่ำใส่ถมเต็มแรง
“นี่แน่ะรางวัลของพวกความยุติธรรม”
“โอ๊ย” ถามร้องลั่น
สนฟาดต่อจนร่างถมล้มลงไป สนก้มลงไปกระหน่ำฟาดๆๆ ถมมองจ้องหน้าสนเขม็ง
“นี่แน่ะพวกอีเนียน” ปากด่า มือสนก็กระหน่ำตีต่อ
“อีสน คนชั่วช้ามึงต้องรับกรรมในไม่ช้า
ถมแช่งแล้วแน่นิ่งไป ร่างกระตุกๆ สนดึงเรือมาแล้วถีบถมลงไปในเรือ เอาไม้พายจุ่มน้ำแล้วโยนลงไปในเรือสนยืนมองยิ้มเยาะ

ร่างไร้วิญญาณของถมนอนกระเท่เร่อยู่บนเรือ ที่ลอยไปตามกระแสน้ำในคลอง

ด้านเนียนโดนควบคุมตัวมาที่ห้องขัง กำลังเดินผ่านกรงขังแช่ม เนียนหน้าสงบนิ่งปลงได้แล้ว

“อีเนียน มึง ฆ...” แช่มคำรามลั่น “มึงวางยาพิษกู โชคดีที่กูไม่ตาย”
“หุบปากนะนายแช่ม อย่ากล่าวหากันเลื่อนลอย” เทิดศักดิ์ปราม
“ไม่ได้กล่าวหาเลื่อนลอย แต่แม่ช้อยแกบอกว่ามันทำนี่นา” แช่มโวยวายอีก
“อย่าก่อกวน นายแช่ม ถ้าแกอยู่ในความสงบ เราจะเอาแกมากันเป็นพยาน” แดงน้อยว่า
“จริงหรือ”
“จริงสิ ดังนั้นอย่าโวยวาย ใส่ร้ายใครอีก”
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์พาเนียนเดินผ่านไปยังอีกห้องขังหนึ่ง
แช่มมองตามยิ้มดีใจ เพราะคำพูดของแดงน้อยไปพ้องกับคำบอกของสนที่บอกว่ามันจะได้ประกันตัว
“คุณนายสนพูดความจริง ว่าเราจะได้ปล่อยตัว อีเนียนคนชั่ว มึงฆ่าแม่กูดีละ กูจะเป็นพยานปรักปรำมึงให้โดนประหาร” แช่มพอมีกำลังใจ

เนียนถูกคุมตัวใปเข้าห้องขัง ถอดกุญแจมือแล้ว
“อโหสิให้ผมด้วยเถิดครับ น้าเนียน ผมทำตามกฎหมายและหลักฐาน”
“ผมกราบขอโทษด้วย กฎหมายไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าน้าเนียนบอกว่าน้าเนียนมาพบใครที่ท่าน้ำ ใครคนนั้น น่าจะเป็นพยานให้น้าเนียนรอดพ้นโทษนี้ได้นะครับ”
เนียนส่ายหน้าช้าๆ
เทิดศักดิ์กับแดงน้อย สบตากันอย่างอ่อนใจถอยออกมา ใส่กุญแจห้องขัง ปล่อยให้เนียน ยืนมองรอดผ่านลูกกรงด้วยสีหน้าเศร้าโศกแต่สงบนิ่ง บอกตัวเองเบาๆ
“แดงน้อยของแม่ ไม่นึกเลยว่าชาตินี้จะโดนลูกตัวเองจับเข้าตะราง”
เหมือนมีอะไรดลใจให้แดงน้อยหันผวามาดูเนียน แดงน้อยมองหน้าเนียนแล้วคิดในใจ
“น้าเนียนโธ่ ผมรักน้าเนียนเหมือนแม่แท้ๆ แต่ผมต้องจับแม่ของตัวเองเข้าตะราง ด้วยมือของตัวเองหรือนี่”
แดงน้อยยกมือตัวเองมามอง แล้วเงยหน้ามองเนียน
สองคนมองหน้ากัน แดงน้อยน้ำตาคลอ เนียนน้ำตาไหล

ทองจันทร์กับเนื้อทองนอนอยู่ในห้อง ทองจันทร์นอนไม่หลับเช่นกัน เนื้อทองนอนห่างออกมา น้ำตาไหลพราก
ปาดน้ำตาปาดแล้วปาดอีก ภาพที่เนียนโดนใส่กุญแจมือคาตาอยู่อย่างนั้น
“แม่เนียนจ๋า”
ส่วนทองจันทร์หงุดหงิดมาก ภาพตอนช้อยมาบอกว่า เทิดศักดิ์อาจไม่ใช่ลูกชายท่านขุนผุดขึ้นมาอีก
“นางช้อยมดเท็จ รึว่ามันพูดจริง ถ้านางช้อยพูดจริง สนมันก็ต้องจำนนบอกว่าไม่เห็นเนียน”
ทองจันทร์ถอนใจ เนื้อทองก็ถอนใจตาม


กลางดึก สนนอนไม่หลับ เหตุการณ์ที่ทองจันทร์บอกว่าช้อยมารายงานเรื่องเทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกท่านขุน ผุดขึ้นในหัว
“อีแก่มึงทำให้กูจนตรอก กลับคำช่วยอีเนียน”
พอเผลอหลับ สนก็เห็นวิญญาณร้ายที่เคยฆ่า มาเป็นโขยง เริ่มมาจากเหิมเดินถือมีดพุ่งเข้ามาหาจะฆ่าสน
“อีสน มึงต้องตาย กูคือผัวคนแรกของมึง มึงหักหลังกู ทำไม”
สนตกใจอ้าปากจะกรีดร้อง แต่กลัวเสียงดัง เอามือปิดปากตัวเองไว้ทัน
“ไอ้เหิม มึงไปนรกเถิด อย่ามาตามรังควาญกูนะ”
สนนั่งตาค้างไม่ยอมหลับ แต่พอเวลาผ่านไปสนดันเผลอจะหลับอีก
คราวนี้ไอ้หวานมาเหยียบอกสน
“มึงฆ่ากูทำไม อีคุณนายสน กูทำอะไรให้มึง กูรับใช้มึงแท้ๆ”
สนสะดุ้ง พรวดลุกจะวิ่งหนี
“ไอ้หวาน มึงปากเสียเอง ใครจะช่วยมึงได้”
สนนั่งหอบ แต่เผลอฟุบหลับไปอีก
คราวนี้เป็นผีสายกับเสริมเข้ามาพร้อมด้วย จานยาพิษ เสริมบีคอสน สายกรอกยาพิษ
“อีคุณนายใจอำมหิต หลอกใช้กู แล้วฆ่ากู นี่แน่ยาพิษ”
“กูประจานมึงไปแล้วว่า มึงมาเช่าเรือกูให้ไปฆ่าอีฝาแฝด”
สนเอามือกุมคอตัวเองร้องโวยวาย
“อย่า อย่าไม่ไม่นะ”
สนดิ้นไปมาวิ่งวนรอบห้อง

เทิดศักดิ์นอนหลับอยู่ถึงกับสะดุ้ง เพราะเสียงตึงตังจากข้างห้อง เทิดศักดิ์ลุกพรวด
“คุณแม่ เสือหนักมาทำร้ายคุณแม่”
เทิดศักดิ์วิ่งออกไป
สนวิ่งวนไปมาหน้าตาถมึงทึง คล้ายคนบ้ามากขึ้น
“ไปนะไปให้พ้น”
สนผมเผ้ากระเซิง เทิดศักดิ์เปิดประตูเข้ามา ปราดมาดึงโอบไว้
“มันอยู่ไหนครับ คุณแม่” เทิดศักดิ์ส่ายตาหา
สนได้สติ มามุกเก่า “แม่ละเมอ”
“ละเมออีกแล้วหรือครับ ละเมอทำร้ายตัวเองเสียด้วย ไม่มีใครแอบมาทำร้ายคุณแม่จริงๆ หรือครับ”
“ไม่มี ไม่มีจริงๆ ลูก แม่บอกว่าละเมอ ก็ละเมอสิ กลับไปห้องลูกนะ”
“ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่”
“นะ อย่านะ ไม่ต้อง”
“ผมห่วงคุณแม่นะครับ คุณแม่ครับ ผมรักคุณแม่เทิดทูนคุณแม่มากที่สุดกว่าใครในโลกนี้ยกเว้นไว้เพียงคุณพ่อเท่านั้น”
สนน้ำตาร่วงพรูร้องไห้โฮ กอดลูกเอาไว้
“แม่ก็รักลูกยิ่งเสียกว่าชีวิตของตัวเอง แม่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกมากล่าวร้ายให้ลูกเสีย ว่ามันคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม”
สนทำหน้าดุดันจนเทิดศักดิ์กลัวในใจ
“คุณแม่พูดน่ากลัวเกินไป ใครจะมาใส่ร้ายผมกันครับ ผมเป็นลูกขุนภักดีภูบาล รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วยังจะมีใครบังอาจครับ”
สนยิ่งร้องไห้ พร่ำพูดไม่หยุด
“แม่รักลูกๆๆๆจำไว้ว่าแม่รักลูกแม่จะทำเพื่อลูกนะเทิดศักดิ์”
“คุณแม่มีอะไรในใจไม่สบายใจใช่ไหมครับ”
สนส่ายหน้าดุนหลังเทิดศักดิ์ให้ออกไปจากห้อง
“ขืนให้อยู่ในห้องด้วยกันกูเผลอหลุดคำพูดมัดตัวเองออกมา ลูกมิจับกูเข้าตะรางเองรึนั่น”
สนนั่งหอบแฮ่ก

แดงน้อยใจลอยไปถึงเนียน นึกถึงภาพเนียนยืนมองแดงน้อย ผ่านลูกกรง
“น้าเนียนครับ ผมอยากช่วยน้าเนียนใจแทบขาด ทำไมน้าเนียนไม่ยอมให้ความร่วมมือสักนิด”
แดงน้อยซบหน้ากับฝ่ามือ ตาแดงกล่ำ

ส่วนสนนังพิงผนังห้องนอนปากก็พร่ำในมือถือมีดเอาไว้
“อย่ามากันนะ พวกมึงอย่ามากันอีกนะ”
แล้วสนก็เผลอหลับจนได้ และฝันร้ายอีก
ฝันเห็นเรือพายลำหนึ่งพายมา ที่ท่าน้ำ ที่สนยืนอยู่ คนพายปิดหน้าไว้
“ใครน่ะ”
คนพายเรือปลดผ้าออก เป็นหน้าช้อยตาเถลือกถลน เลือดเต็มหน้า
“กูจะมาเอาชีวิตมึงคืน อีสน คนใจอำมหิต”
ช้อยกระโดดขึ้นฝั่งมาแบบผี มาถึงตัวสน
“ว๊าย”
ช้อยมาจิกหัวสน จนหน้าหงาย เห็นถม เสริม สาย หวาน เหิม วิ่งกรูมาบนท่าน้ำมารุมทุบตีสน
“แอร๊ย” สนกรี๊ด
เทิดศักดิ์พรวดเข้ามาอีก เห็นสนกำลังดิ้นไปมาที่พื้นแถมในมือถือมีดทำท่าจะจ้วงแทงตัวเอง
“คุณแม่”
เทิดศักดิ์ไปแย่งมีดไว้ได้ทัน สนร้องไห้ เทิดศักดิ์กอดแม่ไว้
“แม่ แม่…”
“ครับ คุณแม่ละเมออีกแล้ว คุณแม่ไล่ผมไปไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปนี้ ในบ้านต้องไม่มีมีด แม้แต่เล่มเดียวแล้วครับ”
สนหอบจนตัวโยน น้ำตาไหล กลัวจับขั้วหัวใจ
“แม่ แม่ พรุ่งนี้แม่จะไปหาคุณย่าทองจันทร์”
“ไปทำไมหรือครับ”
“ไม่มีอะไร แค่ไปหาไปคุยกันปกติ ขอธูปสักสามดอกสิลูก”
ครู่ต่อมาสนพนมมือพึมพำมีธูปจุดแล้วในมือ
“พวกแกทั้งหลาย ชั้นขอโทษ อย่าตามมารังควาญชั้นอีกเลย พรุ่งนี้ชั้นจะทำความดี ไปบอกอีแก่ทองจันทร์ ว่าชั้นรับปากบอกว่าไม่เห็นอีเนียนกับลูกเทิดศักดิ์ และแดงน้อย”

สนก้มลงกราบ เทิดศักดิ์ดึงธูปจากมือสนออก ไม่รู้ดอกว่าแม่สวดมนต์ว่ากระไร

เช้าวันต่อมาเรียมแต่งตัวสวยเตรียมออกจากบ้าน ทานตะวันเดินมาทักถาม

“คุณแม่จะไปไหนหรือคะ”
“แม่จะไปขอประกันตัว น้าเนียน”
“คุณแม่ จะไปทำไมให้อับอายขายหน้า ไม่มีใครให้ประกันมันดอกค่ะมันฆ่าคนตายโดยเจตนานะคะ อย่าไปนะคะ”
“แม่จะไป หนูอี๊ดไม่ต้องมาห้ามแม่ ความจริงแล้ว หนูอี๊ดนั่นแหละควรจะไปด้วย”
“พูดอะไรคะ มันไม่ใช่แม่หนูสักหน่อย”
“เนียนให้ชีวิตใหม่กับหนู”
“นี่คุณแม่ลำเลิกบุญคุณหนูแทนมันอีกแล้ว”
เรียมเบื่อจะพูด โบกมือไล่
“ไปให้พ้น ไปไหนก็ไป”
เรียมเดินลงเรือนไปทานตะวันมองตามตาคว่ำ ไม่พอใจ
“นี่คุณแม่จะให้เราทำตัวราวกับติดหนี้ชีวิตยัยเนียนให้จงได้ รึทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด แม่สนก็ลุกขึ้นมา อวดดีกำแหงใส่พี่แดงน้อย ก็เรียกชื่อคุณทานตะวันเต็มยศราวกับเหินห่างกันเต็มประดา คุณย่าก็หมางเมิน”
ทานตะวันหงุดหงิดไปหมด

ทองจันทร์มองเนื้อทองที่ยังน้ำตาคลอ กำลังจะไปกับเรียม
“ยัยติ๋ว นั่นคุณเรียมมารับแล้ว รีบพากันไปขอประกันตัวแม่เรา”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ คุณย่า”
“รีบไปกันแต่เช้าจะได้รีบทำเรื่อง เนียนจะได้กลับมาบ้านกันวันนี้”
สนเดินหน้าตาอิดโรยขึ้นเรือนมา ดูราวกับคนอดนอนมาทั้งคืน
“อ้าว แม่สนมา แม่เรียมเขาจะไปขอประกันตัวเนียนมันพอดีย่ะ”
สนร้อง “อ้อ”
เรียมพาเนื้อทองออกไป สนมองตามแล้วนั่งลงไหว้ทองจันทร์
“จะมาต่อว่าอะไรชั้นอีกรึ แม่สนคนเก่ง คนฉลาด”
“สนจะมาบอกคุณแม่ว่า สนตกลงค่ะ”
“ตกลง นี่ชั้นฟังไม่ผิดนะยะ”
“ค่ะ สนตกลง จะกลับคำว่าสนไม่เห็นเนียนที่ศาลาดอกค่ะ”
“ขอบใจย่ะ แต่การที่หล่อนตัดสินใจเช่นนี้เพราะที่นางช้อยบอกชั้นเรื่องตาเทิดศักด์นั่นมันจริงรึ”
ในใจสนคั่งแค้นสุดๆ ทำได้แค่คำรามในคอ
“อีแก่ มึงรังแกลูกกู” แต่ออกเสียงอีกคำ “หามิได้นะคะ สนแต่อยากทำอะไรดีๆ ให้เนียนบ้าง เท่านั้นแหละค่ะ”
“ขอบใจแทนเนียนมันนะ เรื่องตาเทิดศักดิ์นั่น ชั้นไม่ทำจริงจังดอกนอกจากแม่สนคิดร้ายหมายขวัญคนอื่นผิดๆ อีก หายกันนะ”
สนคิดในใจ “ไม่หายดอก อีแก่” แต่พูดอีกอย่าง “เอ้อ ค่ะหายกันค่ะ”
“แล้วจะไปบอกเมื่อไหร่กันเล่ายะ เร่งๆ หน่อยนะยะ แม่เนียนจะติดตะรางโดยไร้ความผิดย่ะ”
“คือสนเพิ่งบอกความจริงไปแหม็บๆ จู่ๆ จะให้สนกลับคำหน้าตาเฉยใครจะเชื่อสนง่ายๆ คะ ขอเวลาสนอีกสักวันสองวัน สนพูดแน่ไม่ผิดคำดอกค่ะ”
“ดีละ ตกลงตามนี้ ขอให้แสนเจริญๆ นะยะ”
สนไหว้ในใจแช่งชัก
“รักอีเนียนกันหนักหนา น่าจะส่งยาพิษไปให้มันแท้ๆ”

ตอนเช้าวันนี้ เนียนยืนนิ่งมองผ่านลูกกรงออกไป เห็นเนื้อทองเดินตรงเข้ามากับเรียม เนียนไหว้ทักเรียม
“คุณเรียม หนูติ๋ว”
“แม่จ๋า”
“ชั้นเอาข้าวมาให้เนียนกินจ้ะ อย่าไปไว้ใจใครที่มันฝากมาให้ถ้าไม่ใช่ชั้นหรือหนูติ๋วมาเองเด็ดขาดนะ”
“เจ้าค่ะ ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
“แม่จ๋า” เนื้อทองน้ำตาร่วงพรู
“หนูติ๋ว อย่าร้องไห้ แม่บอกไว้อย่างไร อย่าร้องไห้สิลูกรัก”
เนื้อทองส่ายหน้า
“หนูติ๋วทำข้าวห่อเอามาให้แม่เนียนกินนะ”
เนื้อทองกับเรียมถือข้าวห่อใบตองมาให้ตำรวจ แล้วส่งให้เนียน เนียนจะส่ายหน้า
“แม่จ๋า กินนะจ้ะ กินเถิด หนูทำเองกับมือจ้ะ”
“แม่จะกินจ้ะ”
เนียนพยายามฝืนยิ้มให้สองคนทั้งน้ำตา
“หนูติ๋ว อยู่กับแม่ตรงนี้ คุณนายแม่จะไปพบพี่เทิดศักดิ์กับนายอำเภอ”
เรียมว่าแล้วเดินออกไป เนียนกับเนื้อทองมองตาม

เทิดศักดิ์กับแดงน้อยอยู่ในห้องทำงานเทิดศักดิ์บนโรงพัก เรียมมาขอประกันตัวเนียน
“คุณนายแม่ครับ คดีแบบนี้ เขาไม่ให้ประกันตัวกันดอกครับ”
“โธ่ เทิดศักดิ์ก็รู้อยู่ว่า เนียนไม่หนีไปไหน ถ้าหนีเขาจะกลับมาทำไมการกลับมาของเนียนก็แสดงให้รู้กันอยู่แน่ๆว่าเนียนไม่ได้ทำ”
“ครับ คุณนายแม่ น้าเนียนน่าจะไม่ได้ทำ แต่อย่างที่เทิดศักดิ์บอกนั่นแหละครับ ว่าคดีอย่างนี้ไม่มีใครกล้าให้ประกันตัวดอก” แดงน้อยเสริม
“โธ่ แล้วจะช่วยได้อย่างไร จะมีใครมีอำนาจให้ประกันตัวได้ไหม”
สองคนมองหน้ากัน แล้วบอก
“ข้าหลวงครับ”
“พี่เทพ”
“ครับ” สองคนบอก
เรียมถอนใจ

ด้านเนียนกับเนื้อมองหน้ากันผ่านห้องขัง
“หนูสงสารแม่ หนูเสียใจ หนูใจจะขาดแล้วแม่เนียนจ๋า”
“แม่ก็สงสารหนู ห่วงใยหนู แต่ถ้าหนูมัวพะวงเรื่องนี้มากเกินไปงานการที่หนูต้องรับผิดชอบ ต่อคนอื่นส่วนใหญ่จะเสียหายนะลูกรัก”
“หนูอยากกอดแม่ หนูอยาก…”
“ยื่นมือมาสิลูก กอดไม่ได้ จับไม่ได้ เราก็แตะมือกัน นะลูก”
“จ้ะแม่เนียน”
เนื้อทองพยายามยื่นมืออยากจับแม่ เนียนยื่นมืออยากจะจับติ๋วแต่ไม่ถึงกัน ในที่สุดก็แตะกันได้แค่ปลายนิ้วของแต่ละคน มือแตะกัน
“หนูติ๋วจ๋า แม่ส่งความรักความห่วงใยของแม่ผ่านปลายนิ้วไปให้ลูกแล้ว หนูรู้สึกไหมจ้ะ”
“รู้สึกจ้ะแม่เนียน หนูก็ส่งความรักความห่วงใยของหนู ผ่านปลายนิ้วของหนูไปให้แม่เช่นกันจ้ะ หนูรักแม่”
“แม่ก็รักหนูจ้ะ รักแม่ ยิ้มให้แม่สิลูกรัก”
“จ้ะหนูยิ้มแล้ว หนูจะเก็บยิ้มของแม่ไปไว้ แม้ในความฝันของหนูจ้ะ”
“แม่ก็จะเก็บรอยยิ้มของหนูไว้ในทั้งยามฝันและยามตื่นของแม่ตลอดไปจ้ะ”
“แต่ความจริงอีกสักครู่ แม่ก็จะได้ประกันตัวแล้วนะจ๊ะ”

สองคนแม่ลูกสบตากันน้ำตาร่วง ยิ้มให้กันทั้งน้ำตา

อาญารัก ตอนที่ 17 (ต่อ)

สามคนเดินมาด้วยกันก่อนจะถึงหน้าห้องขัง เรียมนั้นหน้าตาสิ้นหวังไปแล้ว ส่วนแดงน้อยกับเทิดศักดิ์หน้าเครียด สามคนหยุดมองเนียนกับเนื้อทอง อึ้งและสะท้อนใจกับภาพสองแม่ลูกตรงหน้าที่เห็น

“โธ่ เนียน ชั้นขอโทษ ชั้นเสียใจที่ช่วยเนียนไม่ได้”
“น้าเนียน น้องติ๋ว โธ่”
“น้องติ๋ว น้าเนียน ผมอยากช่วยเหลือเกิน”
“น้าเนียนใจแข็งนัก ไม่ยอมเอ่ยถึงคนที่น้าเนียนมารอพบ” แดงน้อยครวญ
“รึจะเป็นคนเดียวกันกับที่เนียนพบเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว”
สามคนเดินตรงไปห้องขัง

พอทั้งสามเดินมาถึง เนื้อทองหันมามอง แล้วถามด้วยสีหน้าดีใจ
“พี่เทิดศักดิ์กับพี่แดงน้อยให้ประกันตัวแม่เนียนได้แล้วใช่ไหมคะ”
“เอ้อ...พี่ พี่ขอโทษ”
“เราสองคนเสียใจ”
“หมายความว่า...โธ่ แม่จ๋า”
“ชั้นจะต้องพยายามต่อไป รอให้พี่เทพกลับมาก่อน”
“แม่เนียน” เนื้อทองร้องไห้โฮ “ทำไมแม่ต้องพบแต่เรื่องเลวร้ายตลอดเวลา”
“แม่ยึดมั่นในความดี สักวัน ฟ้าดินจะปกป้องแม่ เช็ดน้ำตาไปสอนหนังสือเถิดลูก หนูติ๋ว ลูกศิษย์รอหนูอยู่”
“เนียนจ๊ะ ถ้าเนียนยอมบอกว่าเนียนมารอพบใครนั่นแหละผู้กำกับจึงจะยอมให้ประกันตัว ขอร้องนะเนียน” เรียมว่า
“เนียนบอกไม่ได้ค่ะ ขออยู่ในนี้ดีที่สุดค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องรอให้พี่เทพกลับมาจากบางกอก แล้วให้พี่เทพมาพูดกับเนียนเอง”
“เอ้อ อย่าไปรบกวนท่านเลยค่ะ หนูติ๋วจ๊ะ แม่บอกว่าอย่างไร กลับไปสอนหนังสือเถิด นั่นคือภาระหน้าที่ของหนู”
“ค่ะ...แม่เนียน”
เนื้อทองไหว้ลาแม่ และไหว้เรียม

ด้านเทิดศักดิ์สั่งการหมู่เติมหาหลักฐานเพิ่ม
“หมู่เติมไปสามชุก ไปสืบว่าน้าเนียนออกจากสามชุกแล้วไปไหน”
“ครับ หมวด”
“ไปเลยทันทีเดี๋ยวนี้”
“ครับ หมวด อ้อ แค่จะให้สืบว่าไปไหน ไม่ให้สืบว่าหาใคร ไปทำอะไรดอกหรือครับหมวด”
“ฉลาดมาก ไปสืบอย่างที่หมวดสงสัยนั่นละ แล้วรีบกลับมาให้ไว”
“ครับ”
หมู่เติมวันทยหัตถ์แล้วรีบออกไป เทิดศักดิ์ครุ่นคิด
“เราต้องช่วยน้าเนียนให้ได้ เราต้องไม่ผิดพลาดด้วยการเอาคนบริสุทธิ์มาลงโทษ”
เทิดศักดิ์มีความหวังจะช่วยเนียนให้ได้

ฝ่ายทองจันทร์ถอนใจเมื่อฟังเรียมเอ่ยจบ
“เนียนมันเป็นอย่างนี้เสมอสิน่า เอาเถิด แม่สนมันรับปากจะกลับคำพูดเสียใหม่ว่า มันไม่ได้พบเนียนดอก”
“คุณแม่ขา แต่เนียนยอมรับไปแล้วนี่คะ ว่ามาที่ท่าน้ำบ้านเราจริงแล้วเทิดศักดิ์ แดงน้อยจะเชื่อหรือคะ”
“ก็นั่นน่ะสิทำไมมันวัวพันหลัก กันถึงเพียงนี้”
“คงต้องรอพี่เทพกลับมาค่ะ”
สองคนทุกข์ร้อนไปกับเรื่องเนียน

ทานตะวันลงทุนมาขอพบเนื้อทองที่โรงเรียน
“คุณหนูอี๊ดมาพบชั้นมีอะไรหรือคะ”
“มีสิ มีมากด้วย”
“เชิญค่ะ”
“ลาออกจากการสอนที่โรงเรียนนี้ซะ แล้วไปซุกซ่อนตัวที่ไหนก็ไป”
“คุณหนูติ๋ว ชั้นลาออกอยู่แล้วค่ะ หลังจากปิดเทอมใหญ่นี้”
“แต่แกก็จะไปเป็นเจ้าของโรงเรียนใหม่นั่น ชั้นถึงต้องตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการให้แกไปอยู่ที่อื่น โรงเรียนนั่น ชั้นหาคนมาจัดการเองก็ได้”
“แต่ชั้นต้องกลายเป็นคนเหลวไหล”
“เหลวไหล ดีกว่าอกตัญญู แม่แก ทำให้บ้านชั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงมามากพอแล้ว แต่ครั้งนี้มันยิ่งใหญ่เลวร้ายหนักหนา ถึงขั้นฆ่าคนอื่นตาย”
“แม่เนียนไม่ได้ฆ่าใครตายค่ะ ทำไมไม่คิดบ้างว่า คนที่ฆ่ายัยช้อยอาจเป็นคนเดียวกับที่ฆ่านายสายตายบ้างก็ได้ค่ะ”
“เอ๊ะ แกอย่ามายักท่านะ แม่แกกับแกมันกินบนเรือนขี้บนหลังคาเนรคุณแกสัญญามาสิ ว่าถ้าแม่โดนประหารชีวิตแกต้องไปอยู่ที่อื่น พ่อแม่ย่าชั้นอุ้มชูให้ปันแกสองคนมานานมากพอแล้ว เห็นแก่พวกเราสักครั้ง จะให้ชั้นกราบแกก็ได้นะ”
ทานตะวันทำท่าราวกับจะมากราบจริงๆ เนื้อทองรีบลุกถอยหลังส่ายหน้า
“อย่านะคะ อย่าทำนะคะ”
“ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่สัญญาเล่า”
“ขอเวลาชั้นตรึกตรองสักสองสามวันค่ะ”
“ชั้นจะให้เวลาแกสามวัน ยังมีอีก เรื่องพี่แดงน้อย หยุดให้ท่าเขาสักที”
“ชั้นไม่ได้...” เนื้องทองยังพูดไม่ทันจบ ทานตะวันสวนออกมา
“อย่ายุ่งกับเขา อยู่ให้ห่างเขาเข้าไว้ อย่าทำตัวเป็นวันทองสองใจแกอยากได้พี่เทิดศักดิ์ ก็ช่างหัวพี่เทิดศักดิ์กับแก แต่พี่แดงน้อย บอกมานานแล้วตั้งแต่ก่อนชั้นไปนอก ว่าชั้นจอง”
“ค่ะ”
“อย่าค่ะแค่ปาก ทำตามด้วยย่ะ”
แล้วทานตะวันก็เดินจากไป เนื้อทองนั่งซึม เพื่อนครูเดินมาหา
“ครูติ๋ว คนที่หน้าตาคล้ายเธอคนนั้น ใช่คุณทานตะวันเจ้าของร้านเสริมสวยโก้หรูที่สุดในเมืองเราใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ”
“หยิ่งมาก แขกมาทำผมที่ร้าน หล่อนมองเสื้อผ้า เครื่องประดับกำพืดก่อนถ้าคนธรรมดาอย่างเราๆ หล่อนไม่สนใจ ถ้าเป็นพวกคุณนายทั้งหลาย หล่อนยิ้มแย้มให้ ไม่ง้อลูกค้าแบบนี้ เห็นทีจะล่องแม่น้ำหายไปออกทะเลสักวัน ร้านเจ๊งแน่ๆ”
เนื้อทองไม่พูดอะไรต่อฟังอย่างเดียว

ที่หน้ากระทรวงมหาดไทยบางกอก เอกเปิดประตูรถ ท่านขุนพูดยิ้มๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ
“กลับบ้านสักที มาหลายวันแล้ว คิด…”
“คิดถึงใครรึขอรับ” เอกแกล้งถาม
“เงียบนะไอ้เอก แกนี่ยิ่งแก่ยิ่งลามปาม รีบออกเดินทางอยากให้ถึงบ้านเต็มแก่แล้ว”
ขุนภักดีก้าวขึ้นรถ แล้วชะงัก
“ลืมอะไรหรือขอรับ”
“ลืมไปว่าน่าจะซื้อของกำนัลสักหน่อย”
“ของกำนัล” เอกยิ้มอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องมายิ้มรู้ทัน ไปห้างประจำที่ชั้นซื้อของจากเมืองนอก”
“ขอรับ แต่มันจะทำให้ท่านขุนถึงบ้านค่ำไปนิดหน่อยนะขอรับ”
ขุนภักดีเงียบ เดินขึ้นค้นของในรถ เอกขึ้นมาประจำที่คนขับ ท่านขุนยิ้มพึมพำกับตัวเอง
“เนียน กลับถึงบ้านจะขอพบเนียนเป็นคนแรก เพื่อบอกเรื่องหนูติ๋วที่ค้างไว้วันก่อนให้จบ จะให้ของกำนัล รับขวัญเนียน เนียนจะได้หมดทุกข์ หมดโศกเสียที”

ท่านขุนยิ้มอีก สีหน้าเบิกบานใจเหลือแสนเมื่อนึกถึงหน้าเนียน

ด้านเนียนนั่งสงบนิ่งอยู่ในห้องขัง ใคร่ครวญครุ่นคิด

“ถึงจะต้องมาตายไปตอนนี้เพราะ โดนใส่ร้ายป้ายสี ก็ไม่หวั่นเกรงเสียดายชีวิตอีกแล้ว พี่ขุนเข้าใจเนียน ดีต่อเนียน เมตตาเนียนเช่นเดิมแล้ว ลูกทั้งสอง มีชีวิตยู่ต่อไปไม่ยากลำบาก เพียงแค่นี้ชีวิตชาวนาจนๆ อย่างเนียนก็พอใจแล้ว”
เนียนปาดน้ำตา
“นางเนียน นายอำเภอมาเยี่ยม” ตำรวจเวรบอก
“ลูกแดงน้อยมาเยี่ยมแม่”
เนียนอุทานออกมาเบาๆ ยิ้มออกมาได้ รีบปาดน้ำตา

แดงน้อยไหว้อย่างนอบน้อม เนียนรับไหว้ มองแดงน้อยนัยน์ตาเจิดจ้า ดีใจมาก
“น้าเนียนครับ ผมมากราบวิงวอนน้าเนียนอีกครั้ง”
“เรื่องอะไรหรือคะ นายอำเภอ”
“น้าเนียนกรุณาบอกผมมาว่าน้าเนียนมารอพบใคร เพื่อการรอดพ้นจากการกล่าวโทษผิดๆ ในครั้งนี้”
“นายอำเภอมั่นใจว่านี่คือการกล่าวโทษผิดๆ นายอำเภอคิดว่าน้าไม่ได้ฆ่ายัยช้อย” เนียนตื้นตันใจนักแล้ว
“ครับ ผมและเทิดศักดิ์มั่นใจมาก ว่าน้าเนียนไม่ได้ฆ่ายัยช้อย ผมจึงอ้อนวอนน้าเนียนครั้งแล้วครั้งเล่า”
“น้าดีใจ น้าภูมิใจ น้ามีความสุขมาก ที่นายอำเภอไม่ได้คิดว่าน้าทำความผิด ขอบคุณ ขอบคุณมากที่สุด ไม่มีอะไรน่าดีใจมากไปกว่านี้ ที่นายอำเภอมั่นใจว่าน้าบริสุทธิ์”
แดงน้อยให้นึกแปลกใจว่าทำไมเนียนพูดไปคนละเรื่องคนละราว
“น้าเนียนครับ นั่นไม่ใช่ข้อใหญ่ใจคามที่ผมมาขอร้องวันนี้ดอกนะครับน้าเนียนครับ ถ้าผมจับคนผิดมาลงโทษ ผมก็บาป น้าเนียนช่วยผมกับเทิดศักดิ์ไม่ให้ก่อกรมทำเข็ญกับคนที่เราเคารพรักผิดๆ นะครับ”
เนียนนิ่งไปกับคำขอร้องนั้น
“น้า เอ้อ...น้าสัญญากับเขาเอาไว้ ว่าจะไปพูดเรื่องนี้ น้าไม่อาจกลับคำพูดที่ให้ไว้กับเขาดอกค่ะ ขอประทานโทษนายอำเภอด้วยนะคะ”
“โธ่ นี่น้าเนียน ยอมรับผิดเพื่อรักษาคำพูด ไม่คุ้มกันเลยนะครับ ถ้าคนๆ นั้นเขาทราบอย่างนี้เขายังจะยอมให้น้าเนียนลำบากเพราะปกป้องเขาอีกหรือครับ”
เนียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“น้าอยากนั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ ขอโทษด้วยนะคะ นายอำเภอ”
เนียนเดินหลบไปนั่งเงียบๆ แดงน้อยจนใจ หนักใจสงสารเนียนมาก

ด้านสนทุรนทุรายหนัก คิดไม่ตก เดินวนเวียนไปมาบ่นบ้าอยู่คนเดียว
“ไปบอกผู้กำกับว่าเราไม่ได้พบอีเนียน หรือไม่ไปบอกดี ถ้าไปบอกก็เท่ากับเรากลับคำพูด ถ้าไม่บอกอีแก่ก็แฉโพย เปิดโปงลูกเทิดศักดิ์สมบัติชิ้นล้ำค่าชิ้นเดียวในโลกของเรา โอ๊ย..ทำไมอีสนถึงจนปัญญาถึงเพียงนี้ ทำไมอีแก่ทองจันทร์มันต้องมาบีบคั้นให้กูสิ้นท่าเพื่อให้อีเนียนรอด”
สนว้าวุ่นหนัก

เหตุการณ์ที่บ้านแพน โพล้งกับแพร กำลังถกเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระตามเคย
“ชั้นว่า เนียนมันกำลังมีความสุข เพราะท่านขุนเมตตามันแล้ว” โพล้งเปิดประเด็น
“ลูกนางช่างเดา เดี๋ยวจะกลายเป็นเดาสุ่มเข้าจนได้”
“ลูกนางช่างขัดคอ คอยจ้องแต่จะขัดคอ กันทั้งวันทั้งวี่”
ยายอ่อนเดินหน้ามุ่ยเข้ามาหา มาถึงก็ร้องโวยวาย
“โอ๊ย วุ่นวายขายปลาช่อนไม่เลิกไม่ลาสักที กะอีที่ดินสิบไร่ของเนียนมันนี่แหละ”
“มีอะไรอีกรึ”
“เนียนมันเซ็นมอบอำนาจเรียบร้อยแล้วนี่ ชั้นก็ไปจัดการให้แล้ว” แพรบอก
“เนียนมันเซ็นมอบเรียบร้อย แต่คนที่มันยกที่นาให้นี่สิ ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง”
สองคนมองหน้ากัน
“แกสองคนอย่ามาทำไขสือปิดบังกันดีกว่า แหม...ทำไม่รู้เรื่องว่าเนียนมันโอนที่นาให้พ่อแดงน้อย”
สองคนมองหน้ากัน ติดอ่างพูดไม่ออก
“เอ้อ...”
“ถึงพูดไม่ออกเลยรึ ถามจริง แกสองคนจะปิดบังชั้นไปทำไม อย่านึกว่าชั้นโง่นา”
“ก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง ก็เนียน มันไม่อยากให้เอิกเกริก” โพล้งว่า
“ก็ถ้ามาลับๆ ล่อๆ นี่แหละ เรื่องมันจะบิดเบี้ยวไปว่าเนียนยกที่นาให้แดงน้อย เพราะว่าแดงน้อยเป็นลูกของเนียน ที่เกิดจากเสือหนัก เอาง่ายๆ นา”
แพรฉุน “ปากเริ่มเสียแล้วไง ยายอ่อน”
“ก็ชั้นอ่อนอกอ่อนใจนี่นา รู้หรอกน่าว่าแดงน้อยน่ะเกิดจากผัวชื่อไอ้แดง มันตายไปตอนไอ้แดงเกิดพอดีเนื่องจากโดนรถชน”
โพล้งกับแพรอ้าปากหวอ ข้อมูลยายอ่อนเป๊ะ ขณะที่ยายอ่อนยกมือปัดที่ปากสองคน
“โอ้โฮ”
“ก็ชั้นไปสืบมาจากนางน้องสาวแกนั่นแหละ มันสาธยายหมดเปลือก หมดไส้หมดพุง ยังคิดจะโกหกปิดบังกันอีกไหม”
สองคนพยักหน้าจ๋อยๆ
“นางแพร แกสั่งทุกคนให้ปิดยกเว้นน้องสาวแก”
“เอ๊ะ ก็ยายอ่อนแกรู้ไปถึงก้นกบก้นกอย อย่ามาต่อว่ากันต่อสิน่า”
“แกสองคนอย่ามัวมาเถียงกัน แกสองคนต้องรีบไปจัดการเรื่องพ่อแดงน้อยให้เขาโอนที่นาให้ชั้นอีกต่อให้เรียบร้อย”
สองคนมองหน้ากัน

จังหวะนี้หมู่เติมเดินพรวดพราดเข้ามา สามคนตกใจ
“ตำรวจ”
“หนี” โพล้งว่าทำท่าจะลุก
“แกทำอะไรผิดรึ”
“ไม่ต้องหนี หมวดเทิดศักดิ์ท่านให้มาถามว่า นางเนียนออกมาจากสามชุกแล้วไปไหน ผมสืบได้ความมาว่า แกมาที่บ้านแพน” หมู่เติมรีบบอก
“เอ้อ...แล้วทำไมต้องสืบด้วยว่าเนียนไปไหนมาไหน” แพรแปลกใจ
โพล้งหัวหมอ “ทำไมต้องมารุกรานสิทธิ์ส่วนตัวกันด้วย”
“ก็เพราะว่านางเนียนกำลังหมดสิทธิ์ส่วนตัวอยู่น่ะสิ” หมู่เติมบอก
สามคนงง ถามพร้อมกัน “ทำไมรึ”
“นางเนียนเป็นผู้ต้องหาฆ่านางช้อยคนสนิทของคุณนายสนตาย”
สามคนร้อง “หา”
“ตอนนี้นางเนียนอยู่ในตะราง”

คราวนี้ยายอ่อน โพล้ง และแพรต่างตกตะลึงอุทานประสานเสียง “เนียน”

สนตัดสินใจพาตัวเองมาที่โรงพัก และเวลานี้ผู้กำกับกำลังไหว้สนอยู่

“สวัสดีครับ คุณนายสน มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ คุณนาย”
“ไม่มีดอกผู้กำกับ แต่ชั้น ชั้นเอ้อจะมาพบเรื่องคดีของเนียน คนรับใช้ที่บ้าน ที่มันชื่อนางเนียน”
“อ้อ จะมาเยี่ยมนางเนียน หรือครับ เชิญ ๆๆ ครับ”
“เปล่า จะมาบอกผู้กำกับเรื่องที่ชั้นบอกหมวดเทิดศักดิ์ลูกชายไปว่าชั้นพบเนียนมัน เช้ามืดวันเกิดเหตุน่ะ”
“ครับ ครับ ดีมาก มันเป็นหลักฐานมัดตัวนางเนียนแน่นดิ้นไม่หลุด”
“แต่ว่าความจริง ชั้นมาย้อนนึก ที่ชั้นพบเห็นเนียนมันน่ะคนละวันกันต่างหาก”
ผู้กำกับงง “อ้าว ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยุ่งกันใหญ่สิครับ”
“ชั้นไม่รู้ดอกว่าจะอย่างไร แต่ชั้นมาบอกแค่นี้แหละ ชั้นน่ะใจบุญสุลทานเกรงว่าจะเป็นสาเหตุให้เนียนมันติดตะราง”
“ใจบุญแท้ๆ แต่ถ้าคุณนายไม่ได้พบ เพราะจำวันผิด เหตุใดนางเนียนจึงรับสารภาพว่าคุณนายพบนางจริงครับ ตกลงนี่นางเนียนยอมโกหกให้ตนเองติดตะรางหรือครับ”
“โฮ้ย...ชั้นไม่รู้เรื่องแล้ว ผู้กำกับ เอาเถิด ชั้นมาบอกตามนี้ ชั้นต้องขอลากลับ”
สนลุกขึ้น ผู้กำกับแปลกใจไม่หาย สนรีบร้อนออกไป

ฟากแดงน้อยอยู่ที่ห้องทำงานในศาลากลาง นั่งครุ่นคิดเรื่องเนียนจนเวียนหัวไปหมด
“น้าเนียนปิดบังอะไรไว้มากมาย เรื่องผู้ชายที่มาพบกันเมื่อยี่สิบกว่าปี เรื่องคนที่น้าเนียนมารอพบ เรื่องยกที่ดินให้ ใครก็ไม่ยอมเอ่ยปาก”
เสมียนเคาะห้องเข้ามา
“กระผมเองขอรับ นายอำเภอ”
“เข้ามา”
เสมียนมีสีหน้าตื่นเต้นมาก
“ได้ความเรื่องที่นาสิบไร่ของนางเนียนที่บ้านแพนแล้วขอรับ”
“ได้ความว่ากระไร”
“นางเนียนเซ็นมอบอำนาจให้นางแพร ไปโอนที่ดินให้กับผู้รับมรดกแล้วขอรับ”
“แปลว่ายายอ่อนคนนั้นซื้อที่นาได้แล้ว”
“ยังซื้อไม่ได้ขอรับ”
“เพราะอะไร”
“เพราะ ผู้ที่รับโอนยังไม่ได้เซ็นรับโอนจากนางเนียนจึง ยังขายต่อให้ยายอ่อนคนนั้นไม่ได้ขอรับ”
“ก็ไปตามหาคนที่นางเนียนโอนที่ดินให้” แดงน้อยว่า
เสมียนอึกอัก “เอ้อ...คือ ๆ ไม่ต้องตามหาดอกขอรับ”
“หมายความว่ากระไร เสมียน”
“คือนางเนียนยกที่ดินนั่นให้นายอำเภอขอรับ”
“เหลวไหล” แดงน้อยไม่เชื่อ
“มิได้เหลวไหลขอรับ นี่ขอรับ เอกสาร นางเนียนยกที่ดินให้นายอำเภอขอรับตอนที่ยังเป็นเด็กชายแดงน้อย อายุสี่ขวบขอรับ”
เสมียนส่งเอกสารมาวางตรงหน้าแดงน้อย แดงน้อยแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
“อะไรกันนี่ ทำไม ทำไมน้าเนียนถึงยกที่นาให้เรา ทำไมน้าเนียนไม่ยอมบอกตอนที่เราถามเรื่องที่นา น้าเนียนปิดบังทำไม แล้วทำไมให้มาตั้งแต่เราอายุแค่สี่ขวบ ทั้งที่เรากับน้าเนียนเพิ่งพบกันที่บ้านท่านขุน ตอนเราโตแล้ว ที่แท้น้าเนียนรู้จักเรามานานแล้ว”
แดงน้อยมึนงงสงสัยไปหมด

ตกตอนเย็นที่สโมสรของข้าราชการประจำจังหวัด
สองหนุ่มตีแบดมินตันด้วยกัน สองคนสวมกางเกงสีขาวหลวมๆ ยาวถึงเข่าเป็นกางเกงผ้า ส่วนเสื้อเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ตีไปตะโกนคุยกันไปด้วย
“กันมีเรื่องแปลกๆ จะบอกแก” เทิดศักดิ์ตะโกนขึ้นก่อน
“กันก็มีเรื่องแปลกๆ จะบอกแกเหมือนกัน รับรองว่าของกันแปลกกว่าของแก”
“เรื่องแปลกของแกต้องแปลกน้อยกว่าของกัน ให้กันบอกก่อน”
“กันไม่ยอม กันจะบอกก่อน”
“ถ้าอย่างนั้น”
สองคนเอ่ยขึ้น พร้อมกับหยุดตี ดึงผมตัวเองมา แล้วต่างกำไว้ เอามาแบออกให้กันดู
“ผมของกันยาวกว่าของแก กันชนะ”
“เชิญแกเล่าไป” แดงน้อยบอก
“กันรู้แล้วว่าน้าเนียนออกจากสามชุกแล้วไปไหน”
“ไปไหนรึ” แดงน้อยยังไม่หายงงเรื่องเนียน
“บ้านแพน บ้านแกนั่นแหละ”
“ไฮ้...ไปหาแม่แพรกับลุงโพล้งรึ”
“ถูกต้อง”
“ตอนที่กันชวนน้าเนียนทำไมแกไม่ยอมไป แล้วนี่แกแอบไปทำไมที่บ้านแพน”
“ไปจัดการเรื่องที่นาสิบไร่ที่ยายอ่อนอะไรนั่น ขอซื้อจากแก”
“แล้วแกรู้ได้อย่างไร”
“กันส่งหมู่เติมไปน่ะสิ กันอยากจะช่วยให้น้าเนียนพ้นผิดให้ได้กันจึงสืบสาวราวเรื่องจนถึงที่สุด”
“จบแล้วรึ กันจะได้บอกบ้าง”
“ยัง ตอนนี้ ยายอ่อน ป้าแพร ลุงโพล้ง มาอยู่ที่ในตัวเมืองแล้ว มาทำไม รับรองว่าแกเดาไม่ถูก”
“ฟังมาทั้งหมดนี่กันเดาตอนจบถูกแล้ว”
“ไม่จริงดอก ทำไมแกไม่รอให้กันเล่าต่อ”
“กันต่อตอนจบให้แกเอง สามคนนั่นมาเพราะว่ามีปัญหา เนื่องจากว่า คนที่น้าเนียนยกที่นาให้ ต้องเซ็นโอนขายให้ยายอ่อน”
“เดาเก่ง แต่แกไม่มีทางเดาถูกว่าน้าเนียนยกที่นาให้ใคร”
“ให้....”
นายอำเภอหนุ่มพูดไม่ทันจบ ผู้กำกับถือไม้แบดมินตันเข้ามาพร้อมกับบอกเรื่องสน
“สองคนนั่นหยุดพูด แล้วหยุดฟังเรื่องแปลกทางนี้”
เทิดศักดิ์และแดงน้อย หันมาทางผู้กำกับ
“เรื่องแปลก”
“คุณนายสนแม่หมวดเทิดศักดิ์มาพบผม บอกว่าเธอสับสนเรื่องนางเนียน เธอไม่ได้เจอนางเนียนเช้ามืดวันที่นางช้อยถูกฆ่าตาย”

สองคนมองหน้ากันงงมากขึ้นไปอีก

เวลาเดียวกันตามถนนเส้นทางกลับสุพรรณ เอกกำลังลงมาดูรถ

“พุทโธ่ เอ๊ย จะกลั่นแกล้งกันไปถึงไหน”
“รถเป็นอะไรรึ นายเอก”
“ยางแตกขอรับ”
“แย่แท้ๆ ยิ่งจะรีบกลับกันอยู่ เอาละวันนี้ข้าหลวงเมืองสุพรรณ ขอช่วยกันเป็นกุลีเปลี่ยนยางรถสักครั้ง มาไอ้เอก มาช่วยกัน”
“ท่านขุน อย่านะขอรับ กระผมทำเองได้ขอรับ”
“ชั้นไม่ใช่คนหยิบโหย่งนั่งเชิดเป็นนายอยู่ตลอดเวลา เวลานี้มันต้องช่วยกัน และแกอย่าได้นึกว่าที่ช่วยแกนี่ เพราะเวทนาแก แต่ชั้นอยากกลับไปรับขวัญ...เอ๊ย กลับบ้านไวๆ”
เอกยิ้มรู้ทัน ขุนภักดีถลกแขนเสื้อท่าทีทะมัดทะแมง

ฝ่ายเนียนยืนตีหน้าสงบอยู่ในกรงขัง เห็นยายอ่อน แพร ยืนร้องไห้สงสารเนียน โพล้งยืนน้ำตาซึม
“ขอบคุณมากทุกคนที่มาเยี่ยมเนียน” เนียนบอก
“เนียนไม่ได้ผิดนี่นา ทำไมเขาถึงมาหาความกันได้ลงคอ” แพรครวญ
“เนียนอยู่ที่บ้านแพนแท้ๆ ทำไมจะไปฆ่านางช้อยบ้านั่นตายได้อย่างไร” โพล้งงงมาก
“แล้วนี่ที่นาของชั้นจะจัดการกันได้เมื่อไหร่ ทำไมจึงมีอุปสรรคมากมายนัก” ยายอ่อนจดจ่ออยู่แต่ที่นา
“เนียนพูดเรื่องนี้ มาหลายครั้งแล้ว สิ่งใดจะเกิด เนียนก็จะปล่อยให้เกิด”
“ให้มันเกิดร้ายแรงกับตัวเนียนอย่างนี้ พี่ยอมไม่ได้ดอก เนียนหมู่เติมแกพยายามถามพวกเราว่าเนียน มาพบใคร ที่บ้านท่านขุน”
“อย่าพูดนะ” เนียนบอกย้ำ
“เรา ไม่ได้พูด เพราะเนียนสั่งห้ามเอาไว้” โพล้งบอก
ยายอ่อนหมั่นไส้ “โอ้ย...ถ้าชั้นรู้อีกคนละก้อ ต่อให้ห้ามชั้นก็จะบอก เสียดายไม่ได้รู้ แล้วกูจะซื้อที่นาได้ไหมหนอ รอมายี่สิบกว่าปีแล้ว นานี่ถ้าไม่ได้เช่าทำกินไปรอไป กูไม่เอาแล้ว”
เนียนรีบปลอบ “ใจเย็นๆ จะยายอ่อน ยังไม่ได้ถามทุกข์สุขกันเลยจ้ะ ยายอ่อน สบายดีนะจ๊ะ”
“จะไม่สบายดีก็ตรงที่ ไม่อาจซื้อที่นาได้สักทีนี่แหละ”
“ยายอ่อน พี่แพร พี่โพล้ง มากันเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนกันก่อนเถิดดีไหมไม่ต้องห่วงเนียนดอก ถ้าเวรกรรมมีจริง เนียนคงแคล้วคลาด”
“แคล้วคลาดความสุขน่ะสิ เฮ้อ...” โพล้งถอนใจเฮือก
“แต่ถึงอย่างไร ชั้นกับสองคนนี่ก็น่าจะมาเป็นพยานได้ว่าเนียนไปบ้านแพน ไปหาเรา”
เนียนสบตาแพร อยากให้กลับไป แพรสบตาพยักหน้า
“เรากลับกันเถิดตาโพล้ง ยายอ่อน เอ้อ..เนียน แล้วนายถมมันไม่พูดอะไรสักคำเลยรึ มีใครไปสอบปากคำมันบ้างไหม”
“เนียนไม่ทราบดอกจ้ะ เนียนขอไปนั่งทำสมาธิก่อนนะจ๊ะ”
เนียนไหว้ลาสามคน แล้วถอยเข้าด้านใน สามคนจึงถอยกลับออกไป ท่าทีหงอยมาก

ฝ่ายเรียมหารือกับทองจันทร์หน้าเครียดเคร่ง
“ต้องรอพี่เทพกลับมาสถานเดียวค่ะคุณแม่”
เทิดศักดิ์เดินเข้ามาสมทบ สีหน้ายุ่งยาก
ทองจันทร์พาลพาโล “มาทำไม คนใจร้ายอยากฟาดให้หัวแตกตาย”
“คุณแม่ขา ตาเทิดทำอะไรไม่ได้ดอกนะคะ มันเป็นเรื่องของกฎหมาย”
“ไม่เป็นไรดอกครับคุณย่า ด่าผมได้ตามสบาย ผมเองก็อยากด่าตัวเองเหมือนกัน ที่ผมมานี่จะมาเรียนคุณย่ากับคุณแม่ว่า คุณแม่สนไปหาผู้กำกับแล้วกลับคำพูดว่าวันเกิดเหตุ คุณแม่ไม่ได้เจอน้าเนียนครับ”
“แล้วมันมีผลดีหรือผลร้ายเล่า”
“ไม่มีผลอะไรเลยครับ เพราะน้าเนียนรับไปแล้วว่าพบแม่สน จะมีผลก็แค่ว่าน้าเนียนหรือคุณแม่กันแน่ที่โกหก”
“เวรานุเวรแท้ๆ ไปๆ ไม่อยากจะเห็นหน้าแกแล้ว เพราะชั้นมั่นใจว่าแม่แกคือตัวการ”
“ผม เอ้อ คุณนายแม่ครับ ผมยังมีอีกเรื่อง ยายอ่อนกับญาติของแดงน้อยเพื่อนของน้าเนียนพากันมาเยี่ยมน้าเนียนครับ”
“ยายอ่อนมา” เรียมดีใจ
“แกจะพากันมาเป็นพยานว่าน้าเนียนไปบ้านแพนด้วย ผมขอตัว”
เทิดศักดิ์ไหว้สองคนแล้วรีบออกไป กบกับแมวเข้ามา
“ยายอ่อนมาเป็นพยานให้เนียน เรียมจะไปหายายอ่อนค่ะ คุณแม่” เรียมว่า
“นางกบ นางแมว ชั้นต้องการพบไอ้ถม มันหายหัวไปไหน”
“มันหายหัวไปตั้งแต่วันที่มันกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” กบบอก แมวว่าตาม
“มันโผล่หัวมาแว่บเดียวแล้วหายหัวไปเลยเจ้าค่ะ เรียกหาให้มันไปดูเนียนโดนจับไปขัง มันก็ไม่โผล่หัวมาเลยเจ้าค่ะ”
“รึว่ามันจะแอบหนีไปหาคู่รัก” แมวว่า
“เหลวไหลน่า นังกบ ไอ้ถมมันไม่ใช่คนโกงไปโกงมาเหมือนแกสองคน”
แมวกะกบร้อง “อุ๊ย”
“มันตรงไปตรงมา นายสั่งคำไหนคำนั้น เอาเป็นว่าถ้าแกสองคนเจอมันบอกมันว่า ชั้นสั่งให้มาพบด่วน”
กบกะแมวรับคำ “เจ้าค่ะ”

ทองจันทร์ยังหมกมุ่นกับเรื่องเนียนไม่วายเว้น

อาญารัก ตอนที่ 17 (ต่อ)

เวลาต่อมา กบกะแมวพายเรือมาตามลำน้ำบริเวณหน้าบ้านภักดีภูบาล เรืออีกลำลอยเท้งเต้งไปตามกระแสน้ำและแรงลม ไม่เห็นคนพาย หรือใครในเรือ นอกจากร่างไร้วิญญาณของถมนอนหงายหน้าตาถลนอยู่บนเรือ

กบกะแมวกำลังพายเรือใกล้กันกับเรือลำนั้นทุกที

“นางแมว แกว่าบ้านคู่รักไอ้ถมมันอยู่ตรงไหนนะ”
“อยู่ตรง.......เอ๊ะ นางกบแกดูนั่น เรือลำนั้น ลอยมาไม่มีคนพาย”
กบมองตามแมว
“เรือใครหว่า พายไปดูกันนางแมว”
“เกิดมันกำลังทำอะไรไม่อยากให้ใครรู้แล้วไปดูมัน ประเดี๋ยวมันด่าเอา อย่าไปเลยบ้านคู่รักไอ้ถม”
“เรือนั่นมันลอยมาหาเรา เฮ้ย มีคนนอนอยู่ในเรือ” กบเขม้นตามอง
เรือลอยมาหาสองคน ราวกับวิญญาณของถมต้องการปรากฏให้สองคนเจอศพตัวเอง
“ว้าย คนตาย” กบร้องลั่น
เรือลอยมาเทียบ สองคนเห็นถมเต็มๆ หวีดร้องสุดเสียง
“ไอ้ถม แอร๊ย...”

สนนั่งอยู่บนเรือนคนเดียว ท่าทีว้าวุ่นใจไม่น้อย
“ไอ้ถม ป่านนี้มีใครมาเห็นแกหรือยัง ป่านนี้แกลอยไปถึงไหนแล้วหนอ”
เทิดศักดิ์รีบร้อนมาหาสนมาต่อว่า
“วันนี้คุณแม่ไปหาผู้กำกับ”
“เอ้อ ...ใช่” สนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ไปบอกให้ผมเสียหายหรือครับ”
“ก็ เอ้อ... แม่”
“ทำไมคุณแม่ไปพูดเช่นนั้น ว่าคุณแม่ไม่ได้เจอน้าเนียนวันเกิดเหตุทั้งที่คุณแม่บอกกับผมว่าเจอน้าเนียนวันนั้น”
“ก็แม่ไม่อยากเอาตัวเองไปเกี่ยวพัน กับคดีนี้ ก็แม่อยากจะช่วยเนียนมันถ้าแม่บอกว่าไม่เจอมัน มันจะได้พ้นผิด”
“แต่น้าเนียนยอมรับไปแล้ว ว่าคุณแม่พูดจริง ทีนี้คุณแม่ต่างหากที่กลายเป็นคนพูดโกหกเสียเอง และการพูดกลับไปกลับมาเช่นนี้ ไม่ได้ช่วยดอกครับ ถ้าจะช่วยก็ต้องบอกแต่แรกว่าไม่เห็นน้าเนียน เพราะผมก็จะไม่สอบถามน้าเนียน”
“เอ๊ะ..ก็รองเท้ามันอยู่ในที่เกิดเหตุ ยังไงมันก็แก้ตัวไม่หลุดดอกน่า” สนยิ้มอย่างมีชัย
“คุณแม่ครับ ตกลงคุณแม่จะว่าอย่างไรกันแน่ อยากช่วยให้น้าเนียนรอดตะรางหรืออยากช่วยให้เขาติดตะราง”
“นี่กรรมใดใครก่อคนนั้นมันก็ต้องได้รับกรรมที่มันก่อ จะมาเคี่ยวเข็ญแม่ทำไม แม่พยายามทำดีมากๆแล้วนะลูก ทำเพื่อลูก แม่รักลูก ถ้าไม่รักลูกแม่ไม่ทำอะไรแบบนี้ดอก”
“คุณแม่พูดอะไรกันครับ เรากำลังพูดเรื่อง... คุณแม่วันนี้พูดอย่างอีกวันไปพูดอีกอย่าง มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องทำเพื่อผมรักผม”
“ก้อ....”
จังหวะนี้มีเสียงอื้ออึงมาจากด้านล่าง
“ไอ้ถมถูกฆ่าตาย” กบร้องนำ
“ศพมันลอยอืดอยู่ในเรือกลางแม่น้ำ” แมวเสริม
เทิดศักดิ์ลุกพรวด สนแอบถอนหายใจ
“อีกแล้วหรือนี่”
“ว้าย ตายจริง แม่ แม่กลัวไปหมดแล้วนะ แม่กลัวว่าแม่จะโดนฆ่าตายไปอีกราย”
เทิดศักดิ์รีบลงเรือนไปทันที สนแอบยิ้มสะใจ
“สมน้ำหน้า อยากแกว่งชีวิตหาความตายเอง ดีละ พวกมันคงตื่นตระหนกกันทั่วหน้า ขอไปสมน้ำหน้ามันสักหน่อย”
แต่เทิดศักดิ์ย้อนกลับมาอีกครั้ง สนรีบหุบยิ้มทำท่ากลัว
“คุณแม่ยิ้มอะไรครับ”
“เปล่า ลูกกลับมาทำไม”
“ผมลืมบอกคุณแม่ไปว่า ยายอ่อนที่ทำคลอดผม แกมาเยี่ยมน้าเนียนครับแกยังถามถึงคุณแม่”
“ต๊าย มันจะมาขอเงินแม่”
“คงไม่ดอกครับ ดูท่าทางแกจะมีเงินนะครับ แกซื้อนาน้าเนียนได้ตั้งสิบไร่ครับ แกมาขอเป็นพยานว่าน้าเนียนไปบ้านแพน ไปหาแก”
แล้วเทิดศักดิ์ก็ออกไปอีกครั้ง
“อีอ่อนนี่ไม่รักษาคำพูด กูบอกแล้วว่าอย่ากลับมาอีก มึงกลับมาทำไม หนอยกลับมาเป็นพยานให้อีเนียน นี่กูกำลังยืนอยู่ บนปากเหวหรือนี่”

สนหน้าเสียหวั่นไหวมากขึ้น

ที่บริเวณท่าน้ำ เห็นแมว กบ และเรียมกำลังยืนตื่นเต้นตกใจกันอยู่

“พวกแกเห็นศพนายถมตรงไหนไกลหรือใกล้บ้านเรา” เรียมถาม
“ทางด้านโน้นเจ้าค่ะ ด้านวัดน่ะเจ้าค่ะ” กบเล่า
“น่ากลัวมากๆ เจ้าค่ะ ตอนนี้คุณเทิดศักดิ์กำลังไปตรวจหาหลักฐานอยู่เจ้าค่ะ” แมวบอก
“ตอนนี้ไม่มีใครเหลือเลย กบ แมว ชั้นให้ไปถามหาว่ายายอ่อนแกพักที่ไหนได้ความไหม”
“ได้สิเจ้าค่ะ แต่ว่ามันมืดแล้วนะเจ้าคะ” กบกังวล
“แต่ชั้นก็จะไป แกสองคนพายเรือพาชั้นไปเดี๋ยวนี้” เรียมเสียงดัง
“เอ้อ...” สองคนอึกอัก
“ชั้นบอกให้พายเรือพาชั้นไป ชั้นอยากรู้อะไรอะไรอีกหลายอย่างจากยายอ่อน”
กบกะแมว พยักหน้านำเรียมไปที่ท่าน้ำ

สนมาแอบมองสังเกตการณ์ตามเคย
“อีเรียมไปหาอีอ่อน มันต้องไปสืบหาความจริงอะไรแน่ๆ แหม อีอ่อนมันพักที่ไหนกันนะ ตามอีเรียมไปดีไหมหนอ”
สนกระวีกระวาดจะหาทางตามไป
“แม่สนคิดจะหาเหตุร้ายที่ไหนอีกไม่ทราบยะ” เสียงทองจันทร์ดังขึ้น ก่อนจะก้าวออกมา พร้อมเนื้อทอง
“ว๊าย คุณแม่ สนก็....แค่....”
“มาแอบดูแม่เรียม หรือว่าแอบดูผลงานที่ทำไว้” ทองจันทร์ดักคอ
“เปล่าทั้งนั้นนะคะ สน สนจะขึ้นเรือนแล้วค่ะ”
สนหันเดินหนีไปดื้อๆ
“ยัยติ๋วแกดูเอานะ คนที่เวรกรรมมันกำลังจะตามทัน มันมักลุกลี้ลุกลน ท่าทางที่เคยเป็นผู้เป็นคน ก็กลายเป็นลิง หลุกหลิกยิกยักไปหมดไอ้ถมเอ๊ย ขอให้วิญญาณของเอ็งอย่าเพิ่งไปไหน มาช่วยกันจับคนร้ายที่มันฆ่าเอ็ง กับฆ่าคนอื่นๆ ขอให้ตำรวจพบหลักฐานสำคัญมัดตัวคนร้ายได้ด้วยเถิด กลับไปสวดมนต์แช่งคนร้ายต่อที่เรือนเรายัยติ๋ว”
“ค่ะ คุณย่า”
สนหยุดแล้วหันมามองตามทองจันทร์ ตาเขียวปัด
“อีแก่ มึงเกลียดกูมาก กูรู้ แต่กูเกลียดมึงมากกว่าที่มึงเกลียดกู และมึงก็ยังโง่ไม่รู้ตัว มึงเล่นงานกูท้าทายกูให้มากๆเข้าสิ กูจะได้ตัดสินมึงง่ายขึ้น”
สนมองตามหลังเคียดแค้นมาก เนื้อทองประคองทองจันทร์เดินออกไป เนื้อทองหันมา เจอสนถลึงตาใส่ก็ตกใจกลัว
“อุ๊ย”
ทองจันทร์หันมาบ้าง
“มีอะไรรึ ยัยติ๋ว แม่สนหล่อนขู่อะไรยัยติ๋วรึ”
“เปล่านี่ค่ะ”
สนหันกลับไปเสียเอง ทองจันทร์มองตามสีหน้าครุ่นคิด ฝ่ายเนื้อทองก้มหน้างุด

ตอนค่ำ ยายอ่อน โพล้ง แพร อยู่กันที่บ้านญาติของยายอ่อนแล้ว สามคนตกใจไหว้เรียมแทบไม่ทัน
“คุณนายเรียม”
แพรกะโพล้งไม่เคยเห็นมาก่อนตกใจมาก “คุณนายเรียม”
“สองคนนี้ คือ นางแพร กับนายโพล้ง พ่อแม่บุญธรรมของนายอำเภอแดงน้อยเจ้าค่ะ” ยายอ่อนแนะนำ
“อ้อ ที่ว่าเป็นเพื่อนกับเนียนใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ” / “ขอรับ”
“ทำไมต้องมาเองเจ้าคะ ทำไมไม่ให้คนไปตามยายไปพบเจ้าคะ” ยายอ่อนแปลกใจ
“เพราะชั้นมีเรื่องสำคัญจะมาพูดกับยายอ่อนน่ะสิ แต่ว่า เอ้อ ชั้นอยากพูดตามลำพัง กบ แมว แกสองคนไปรอด้านโน้น”
สองคนรับคำ “เจ้าค่ะ”

แพรกับโพล้งถอยหลบออกไปด้วย

ด้านทองจันทร์กับเนื้อทองนั่งกินข้าวกันตามลำพังสองคน ท่าทีดูซึมเซามาก

“ยัยติ๋วเอ๊ย ทำไมบ้านเรามันดูอึมครึมน่ากลัวขึ้นทุกที ทั้งที่ควรจะมีแต่ความสุข”
“ค่ะ แม่ไม่เคยทำผิดคิดร้าย ก็ต้องกลายเป็นคนร้าย”
“ตายกันเป็นว่าเล่น เป็นผักเป็นปลา รายไอ้ถมนี่โดนฆ่าปิดปากแน่ๆ”
“ปิดปากเรื่องอะไรหรือคะ คุณย่า”
“ย่าก็ไม่รู้ นี่พ่อเทพก็ไปเสียหลายวัน จะรู้บ้างไหมว่าที่นี่มีแต่เหตุร้ายรายต่อไปจะเป็นใครก็ไม่รู้”
เทิดศักดิ์กลับมาจากที่เกิดเหตุ ขึ้นมาสมทบ
“มาอีกแล้ว บอกแล้วว่าไม่อยากจะเห็นหน้า”
“คือมีพวกแถวหลังบ้านมารายงานผมว่า เห็นคุณนายแม่นั่งเรือให้กบกับแมวพายออกไปไหนไม่ทราบ ผมเป็นห่วง เกรงจะเกิดอันตรายน่ะครับมันมืดมากแล้ว” เทิดศักดิ์ว่า
“ตายจริง หนูก็เห็นค่ะ แต่คิดว่า คุณนายแม่คงจะไปแถวนี้สักครู่คงกลับมาหนูจะไปตามเองค่ะ” เนื้อทองอาสา
“อย่านะครับ น้องติ๋ว น้องติ๋วไป ใครจะอยู่กับคุณย่า คุณย่าก็เช่นกันต้องมีคนดูแลตลอดเวลาครับ”
“หมั่นไส้ แกอย่ามาทำเป็นห่วงชั้นย่ะ แกนั่นแหละย่ะรีบไปตามแม่เรียมสิยะ ใช้วิชาตำรวจของแกคิดดูสิยะว่าแม่เรียมเขาจะไปไหนของเขา”
เทิดศักดิ์ใคร่ครวญครุ่นคิด
“ไปหายายอ่อนแน่ๆ ไม่ควรใจร้อนไปเลยครับ ผมตั้งใจว่าจะให้ยายอ่อนมาหาคุณนายแม่ที่นี่ หรือรอให้คุณพ่อกลับมาก่อนแล้วให้นายเอกพาไปกลางวันน่าจะดีที่สุด น้องติ๋วดูแลคุณย่าดีๆนะครับ พี่ต้องรีบไปดูคุณนายแม่”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องมาห่วงชั้นดอกย่ะ แม่แกมันปากกับใจไม่เคยตรงกัน”
เทิดศักดิ์ส่ายหัวเข้าใจทองจันทร์ ติ๋วเองก็แปลกใจว่าทำไมทองจันทร์ชอบว่าเทิดศักดิ์นัก
“คุณย่าขา ทำไมตอนนี้คุณย่าดุว่าพี่เทิดศักดิ์บ่อยๆ คะ พี่เทิดศักดิ์น่าสงสารออกค่ะ ห่วงทุกคนไปหมด”
“ก็ย่าหมั่นไส้แม่มัน เลยพาลหมั่นไส้ไปถึงมัน แกห่วงว่าที่คู่หมั้นของแกรึ”
เนื้อทองไม่ตอบ ทองจันทร์ยิ้มๆ
“ย่าก็ด่ามันอย่างนั้นแหละเกลียดมันลงที่ไหนกัน เห็นมันมาแต่อ้อนแต่ออก ต่อให้มันเป็นใครก็ไม่รู้ ก็เกลียดไม่ลงดอก”
ทองจันทร์แอบถอนใจ เนื้อทองแปลกใจแต่ไม่ซักถามอะไรอีก

ฟากยายอ่อนส่ายหน้า ตอบคำถามเรียม
“ยายจนใจเจ้าค่ะ คุณนายเรียม ยายไม่รู้ดอกเจ้าค่ะ ว่าเนียนมันไปเจอใคร ที่บ้านท่านขุน เพราะเวลานี้ยายก็ปวดหัวกับเรื่องที่นาสิบไร่ของมันจะย่ำแย่”
“ถ้าเช่นนั้น นางแพรกับนายโพล้งสองคนนั้นอาจรู้ใช่ไหม”
“มันรู้เจ้าค่ะ”
“ดีละ ชั้นจะถามพวกเขา”
“มันไม่บอกดอกเจ้าค่ะ ว่าเนียนมาพบใคร เนียนมันสำทับไว้อีกครั้งที่โรงพัก เมื่อตอนไปเยี่ยมมัน พวกมันเป็นพวกพันธุ์อึดพันธุ์ดื้อเจ้าค่ะ”
“แต่ชั้นจะลองดู”
“เชิญเจ้าค่ะ”

เรียมมุ่งมั่น พยายามไม่เลิกรา

ทางด้านขุนภักดีกลับมาถึงบ้านแล้วรีบไปพบแม่ทันที แต่ต้องตกใจกับข่าวที่ได้รับฟังจากทองจันทร์และเนื้อทอง ของขวัญในมือหล่นจากมือ

“เนียนน่ะรึ ฆ่านางช้อยตาย เป็นไปไม่ได้”
“แม่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่หลักฐานมันบ่งชี้ว่าเป็นไปแล้ว”
ขุนภักดีหันไปเจอติ๋วนั่งน้ำตาไหลพราก มองเอามองเอา
“หนูติ๋ว”
สองคนงงในคำเรียกขานของท่านขุน
“พ่อเทพจะเรียกหนูอี๊ดหรือเปล่า เลยเผลอมาเรียกยัยติ๋วเป็นหนูติ๋ว”
“เอ้อ ผมจะไปประกันตัวเนียน” ขุนภักดีเฉไฉ
“ตอนนี้ไม่ทันดอกขอรับ ต้องเป็นพรุ่งนี้ขอรับ” เอกบอก
ขุนภักดีหันไปเอาเรื่องเอก “เพราะแก ทำให้ยางรถแตกไม่ตรวจตราให้ดี เลยกลับมาถึงบ้านเอาป่านนี้ นี่ หนู เอ้อ ยัยติ๋ว เสียใจมากละสิที่แม่ของเราต้องมีอันเป็นไปร้ายแรง”
“เจ้าค่ะ หนู หนูสงสารแม่เหลือเกินเจ้าค่ะ หนูมั่นใจว่าแม่หนูไม่ได้ทำจริงๆ เจ้าค่ะ”
“เรียมไปขอประกัน เขาก็ไม่ยอมให้ประกัน” ทองจันทร์บอก
“เพราะเหตุอันใดรึ” ขุนภักดีฉงน
“เพราะ..ว่าแม่เนียนไม่ยอมตอบมาว่ารอพบใครที่ ที่ท่าน้ำเช้ามืดวันเกิดเหตุน่ะสิ อีนางคนนี้มันช่างมีแต่เรื่องไม่ยอมพูด ไอ้บ้าที่มาพบมันนั่นใครกันนะอยากจะเขกกะโหลกให้ร้าว พ่อเทพไปคาดคั้นมันขู่มันให้บอกให้ได้”
ขุนภักดีครุ่นคิดแล้วจำได้ ที่แท้วันนั้น ท่านขุนมาพบเนียนคุยกันไม่ทันจบ เทิดศักดิ์เข้ามาขัดพอดี ขุนภักดีเครียด
“เรื่องแค่นี้ ทำไมจึงคิดว่าเนียนกลายเป็นคนฆ่าไปได้”
“แม่สนย่ะเขากลายเป็นพยานปากเอกยืนยันว่าเจอเนียนที่ท่าน้ำ แถมรองเท้าของเนียนดันไปตกอยู่ในที่เกิดเหตุ”
ขุนภักดีนึกขึ้นได้ ว่าคืนนั้นเนียนจะหารองเท้า แต่หาไม่เจอตนเลยให้ตังค์ไปซื้อใหม่ นึกแล้วท่านขุนบอกเสียงดุดันมาก
“ใส่ร้ายกันชัดๆ คุณแม่ครับ เรียมอยู่ไหนครับ”
“ไปไหนก็ไม่รู้ นี่พ่อเทิดศักดิ์มันไปตามหาอยู่”
“ไปทำไมมืดค่ำ เดี๋ยวเถิด ไอ้อีพวกอำมหิตที่มันจ้องจะทำร้ายเอาไอ้เอกแกรีบไปตามหาคุณนายเรียมด้วย ถ้าอยากพบใครให้ไปรับเขามาหาที่บ้าน ไม่ใช่แล่นออกไปตามลำพัง”
ขุนภักดีปรายตามามองลูกสาวอย่างเอ็นดูและสงสาร เลยพูดปลอบออกไป
“ไม่ต้องห่วงเรื่องแม่ดอก เสร็จธุระเรื่องแม่ พ..เอ้อ ชั้นมีเรื่องสำคัญจะต้องพูดคุยกับหนู”
ท่านขุนลงเรือนดุ่มๆ เอกรีบแล่นออกไป ทองจันทร์มองหน้าเนื้อทองท่าทีแปลกใจ
“พ่อเทพไม่รังเกียจแกกับแม่ของแก เขาไปกินอะไรที่บางกอกมานะ”
“ท่านจะช่วยแม่เนียนด้วยเจ้าค่ะ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ พ่อเทพไม่เชื่อว่าเนียนทำผิด แถมมั่นใจว่าเนียนโดนใส่ร้าย เออ..ในความทุกข์ร้อนก็ยังมีความสุขมาบังเกิดนะ ยัยติ๋วสบายใจได้ถ้าลอง พ่อเทพเขากุลีกุจอขนาดนั้น แม่แกมีหวังได้ประกันตัว อ้าวแล้วนี่ห่อของขวัญของใครกันเล่า”
“ท่านถือมาเจ้าค่ะ แต่ทำตก”
“อืม...ลมเปลี่ยนทิศจริง สายตาที่เขามองแก มันเปลี่ยนจากไม่ยินดียินร้ายเฉยเมย กลายเป็นแววตา เมตตาเอ็นดู ผสมอยู่นา รึว่าคนแก่ตาฝาด”
เนื้อทองก้มหน้างุดแอบดีใจ
“ไม่ฝาดดอกเจ้าค่ะ”

ทองจันทร์พยักหน้าพึงพอใจ

อ่านต่อหน้า 18
ข้าวนอกนา ตอนที่ 1 - 2
ข้าวนอกนา ตอนที่ 1 - 2
ดำเด็กหญิงตัวดำวัย 6 ขวบร้องเพลงลูกทุ่งเต้นไปร้องไปอยู่หน้ากระจก เคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน เธอยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อให้เห็นตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่แขวนอยู่ ดำมีพรสวรรค์ในการเต้นและร้องเพลง ทันใดนั้นเสียงของสมรดังขึ้น “อีดำ” ดำสะดุ้งทำให้เสียหลัก จึงยึดบานกระจกไว้ แต่แล้วก็หล่นโครมลงมาจากเก้าอี้ กระจกหล่นแตกกระจาย ไปนอนแอ้งแม้งบนพื้น ดำพยายามลุกขึ้น แต่มือสมรเข้ามากระชากตัวไว้ “ซนอีกแล้วนะนังนี่ อีลูกนิโกร พ่อแม่มันไม่เลี้ยงแล้วยังไม่เจียมตัว ทีนี้จะซนอีกมั้ย จะซนอีกมั้ย” สมรตีไปด่าไป ดำแอ่นก้นหนีให้น้ำหนักมือเบาลง แต่ไม่ร้องไห้สักแอะ กลับเถียงฉอดๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น