xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวนอกนา ตอนที่ 1 - 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข้าวนอกนา ตอนที่ 1

ดำเด็กหญิงตัวดำวัย 6 ขวบร้องเพลงลูกทุ่งเต้นไปร้องไปอยู่หน้ากระจก เคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน เธอยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อให้เห็นตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่แขวนอยู่

ดำมีพรสวรรค์ในการเต้นและร้องเพลง ทันใดนั้นเสียงของสมรดังขึ้น
“อีดำ”
ดำสะดุ้งทำให้เสียหลัก จึงยึดบานกระจกไว้ แต่แล้วก็หล่นโครมลงมาจากเก้าอี้ กระจกหล่นแตกกระจาย ไปนอนแอ้งแม้งบนพื้น ดำพยายามลุกขึ้น แต่มือสมรเข้ามากระชากตัวไว้
“ซนอีกแล้วนะนังนี่ อีลูกนิโกร พ่อแม่มันไม่เลี้ยงแล้วยังไม่เจียมตัว ทีนี้จะซนอีกมั้ย จะซนอีกมั้ย”
สมรตีไปด่าไป ดำแอ่นก้นหนีให้น้ำหนักมือเบาลง แต่ไม่ร้องไห้สักแอะ กลับเถียงฉอดๆ
“หนูไม่ได้ซนซะหน่อย หนูแค่ปีนขึ้นไปร้องเพลง”
“หน้าดำปิ๊ดปี๋เนี่ยนะจะไปเป็นนักร้อง ไม่มีใครอยากดูหน้าดำๆ อย่างเอ็งร้องเพลงหรอก”
“คนเขาฟังเพลง ไม่ได้ดูเพลงซะหน่อย เกี่ยวอะไรกับหน้าดำด้วย”
“ทำไมจะไม่เกี่ยววะ เอ็งยังต้องมองตัวเองเวลาเต้นเลย แล้วนี่มาทำกระจกข้าแตกอีก โอ๊ย...กระจกบานนึงไม่ใช่ถูกๆนะโว้ยอีดำ”
“ถ้าป้าไม่เข้ามา หนูก็ไม่ตก กระจกก็ไม่แตกหรอก”
สมรฟาดอีก
“หนอย...ยังจะเถียงอีก เถียงคำไม่ตกฟาก เลี้ยงเอ็งมันเหนื่อยจริงๆ นังนี่ตีให้ตายก็ไม่มีร้อง นี่ถ้าเป็นผู้ชายโตขึ้นมันคงเป็นผู้ร้ายใจอำมหิต ใจแข็งยังกะหิน...”
ป้าสมรหยุดหอบ ดำถือโอกาสนั้นสะบัดออกจากสมรแล้ววิ่งออกไป
“อย่าหนีนะอีดำตับเป็ด”
สมรรีบตามไปติดๆ

ดำวิ่งออกมาจากบ้าน สมรวิ่งตาม
“อย่าหนีนะอีดำ ข้าบอกให้หยุดไงล่ะ หยุดเดี๋ยวนี้”
ดำหันมาตอบไปวิ่งไป
“หยุดให้โง่เหรอ หยุดก็โดนตีสิ”
ทันใดนั้นเสียงเดือนเด็กหญิงวัย 7 ขวบร้องไห้จ้า สมรชะงัก
“เอ็งจะร้องทำไมวะนังเดือน ข้าตีนังดำ ไม่ได้ตีเอ็งซะหน่อย”
เดือนร้องไห้อยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้ามา
“ป้าหมอนอย่าตีดำนะ ฮือๆๆ”
ดำหยุดวิ่ง แล้วเข้าไปหยิกเดือนอย่างหมั่นไส้
“มาหยิกเค้าทำไม หยิกเค้าทำไม”
“ร้องไห้ทำไมล่ะ นี่...นี่ ทำเป็นออเซาะให้น่าสงสารอีกละซี่”
สมรกระชากตัวดำออกมา
“หยุดนะนังดำ นังใจอีกา สวยก็ไม่สวยยังนิสัยไม่ดีอีก ไม่รู้จักทำตัวดีอย่างนังเดือนเขามั่ง...นี่แน่ะ”
สมรตีดำแรงขึ้นอีก แต่ดำไม่ร้องไห้ มีแต่เดือนที่ร้องไห้ไม่หยุด ผสมปนเปกับเสียงด่าทอของสมร
“นี่...นี่...จะตีให้ตายเลย นังดำ”
ดำได้แต่เม้มปากแน่น

ค่ำนั้น สมรเข้ามาในห้องทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยหอบ
“เฮ้อ...เหนื่อย เลี้ยงนังเด็กสองตัวนั่นไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา วันๆวิ่งไล่ตีไล่จับนังดำก็เหนื่อยจะตายแล้ว”
ชาญเดินเซเข้ามาด้วยความเมา พูดอ้อแอ้
“บอกแล้วว่าขายให้คุณนายนั่นไปซะ นังไพมาถามตั้งหลายหนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แล้วถ้าแม่มันเกิดกลับมาล่ะ”
“ไม่กลับมาร้อก ลองมันทิ้งไปตั้งเกือบสองปีแบบนี้ ป่านนี้คงมีผัวใหม่ไปแล้วให้คุณนายเอาไปเลี้ยงดีกว่า เด็กมันจะได้เข้าโรงเรียนด้วย”
สมรคิดๆ
“ก็ดีเหมือนกัน คอยดูนะจะเรียกค่าเลี้ยงดูให้คุ้มที่นังแม่มันทิ้งไปตั้งสองปี เงินทองไม่เคยส่งมา ไอ้เราก็หาเช้ากินค่ำ ยังต้องแบกเด็กสองคนนี่ไว้อีก อีลูกฝรั่งค่อยยังชั่วหน่อย น่ารักด้วยเป็นเด็กดีด้วย แต่อีลูกนิโกรนี่มันใจดำเหมือนตัว ขี้อิจฉารังแกเก่งก็เท่านั้น ใคร้...จะเอามันไปฮะ”
สมรหันไป ทำหน้าเซ็ง ชาญเมาหลับกรนครอกไปแล้ว

สายวันใหม่...ดำลืมตาตื่นขึ้นมา มองไปเห็นเดือนที่หลับอยู่ข้างๆแล้วมองเดือนด้วยความริษยา เดือนผิวขาวอมชมพูหลับตาพริ้มอย่างคนมีความสุข ดำเอื้อมมือไปตีแขนเผียะใหญ่ เดือนสะดุ้งตกใจตื่น หันมามองดำงงๆ
“ทำอะไรเค้าน่ะ”
“ก็ทำแบบนี้ไง”
ดำตีเดือนอีกหลายที
“โอ๊ย...มาตีเค้าทำไม เค้าเจ็บนะ โอ๊ย...”
“ก็อยากขาวทำไมล่ะ นี่...นี่...อยากขาวทำไม ให้เค้าดำคนเดียวทำไม”
ดำตี เดือนได้แต่ปัดป้องไปร้องไห้ไป
“โอ๊ยๆ...ฮือๆ อย่าตีเค้านะ”
สมรเข้ามาลากตัวดำออกนอกมุ้ง
“เอาอีกแล้วนะนังดำ หาเรื่องอีกแล้ว”
สมรลากดำออกมานอกมุ้ง แล้วฟาดเผียะตามแขนตามตัวดำ แต่ดำไม่ร้องไห้
“นังดำนี่เป็นอะไร แกล้งพี่เอ็งทุกที ทำไมถึงร้ายนักฮึ ทำไมร้ายนัก”
ดำเม้มปากแน่น สมรผลักหัว
“ไปเลย รีบไปล้างหน้าแปรงฟัน เดี๋ยวข้าจะพาพวกเอ็งออกไปข้างนอก”
เดือนสงสัย
“ไปไหนเหรอจ๊ะป้าหมอน”
“พาพวกเอ็งไปให้เขาดูตัว เผื่อเขาจะรับพวกเอ็งไปอยู่ด้วย ข้าเลี้ยงพวกเอ็งไม่ไหวแล้ว”
เดือนร้องไห้สะอึกสะอื้น ดึงเสื้อสมรไว้เบาๆ
“หนูไม่ไป หนูจะอยู่กะป้าหมอน”
“จะมาอยู่กับข้าจนโตเป็นสาวได้ยังไง ข้าจะเอาข้าวที่ไหนเลี้ยงเอ็ง ไปอยู่กะคนอื่นเขาจะได้ให้เรียนหนังสือหนังหา ให้อยู่ดีๆ กินดีๆ ถ้าเขารักเอ็ง เอ็งก็สบาย”
เดือนแย้ง
“แล้วถ้าเขาไม่รักหนูล่ะ”
“เอ็งทำดีๆ เขาก็ต้องรัก อย่ากลัวไปเลย หน้าตาเอ็งน่ารักอยู่แล้ว” สมรหันไปมองดำ “นังดำตับเป็ดนี่สิ จะถูกเขาตีตายเสียก็ไม่รู้”
ดำหน้ามุ่ยหน้างอไม่ชอบใจ
“ก็ลองมาตีสิ จะด่าให้”
“ดูดู๊...ดำยังกะถ่าน ขี้ริ้วขี้เหร่หมามันไม่แล ยังจะทำอวดเก่ง แถมหน้างอเป็นจวักอยู่อีก เฮ้อ...อีดำนี่ ถ้าใครขอเอาไปเลี้ยง แม่จะยกให้เปล่าๆเลย แถมปฏิทินอีกด้วยเอ้า ไป...รีบไป ข้านัดเขาไว้แล้ว แต่งตัวสวยๆ ด้วยนะ เดี๋ยวข้าเลือกชุดให้”
สมรผลักดำออกไป แต่รุนหลังเดือนเบาๆ

รถแท็กซี่ของชาญมาจอดหน้าบ้านเขมวรรณ...สมรบอก ขณะที่ชาญชะเง้อมองบ้าน
“แกไปได้แล้ว”
“ทำไมไม่ให้ข้าเข้าไปด้วย เผื่อจะช่วยต่อรองให้ได้ราคาดีๆ”
“บอกแล้วว่าไม่ต้อง ฉันคนเดียวก็พอ เขาเห็นหน้าแกจะพาลคิดว่าพวกเรามาขู่เอาเงิน”
สมรพาดำกับเดือนลงจากรถ ชาญมองตามอย่างเสียดาย ก่อนที่จะขับแท็กซี่ออกไป ดำแหงนคอมองความใหญ่โตของบ้านอย่างรู้สึกทึ่ง
“โห...เราจะได้มาอยู่บ้านนี้เหรอป้า ใหญ่ยังกะวัง”
“เดี๋ยวเข้าไปก็รู้เอง”
สมรกดกริ่ง ไพออกมา พอเห็นสมรก็ยิ้มทันที
“ไพ”
“อ้าว...มาแล้วเหรอป้าหมอน เข้ามาสิ คุณผู้หญิงรออยู่เลย”
สมรจูงมือดำกับเดือนเข้าไปในบ้าน

สมรนั่งรออยู่ในห้องรับแขกอย่างสงบเสงี่ยม ดำมองไปรอบๆ บ้านอย่างตื่นเต้น รู้สึกว่าทุกอย่างสวยไปหมด ดำหันไปกระซิบกับเดือน
“สวยจังนะเดือน”
“อือ...”
เดือนมองดูบ้านด้วยความตื่นเต้นไม่ผิดไปกว่าดำ แต่ยังมีแววหวั่นกลัว เสียงเขมวรรณดังขึ้น
“ต๊าย...มาแล้วเหรอเนี่ย”
ทุกคนหันไปมอง สมรยกมือไหว้อย่างพินอบพิเทา เขมวรรณเดินเข้ามาพลางรับไหว้ พอเห็นดำก็มองด้วยแววตาขบขัน แต่เมื่อเห็นเดือนก็กลับกลายเป็นตื่นเต้นและพอใจ ปรี่เข้ามาจับตัวเดือนทันที
“ยายหนูนี่ยิ่งโตยิ่งน่ารัก เจ็ดขวบแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ เขาเป็นคนพี่ชื่อเดือน นั่นเป็นน้องชื่อดำ”
เขมวรรณพาเดือนไปนั่งตักบนเก้าอี้ ลูบหน้าลูบหลังลูบแก้มเดือนอย่างเอ็นดู แต่พอปรายตามองดำก็หัวเราะ
“นี่น่ะเหรอที่ว่าแม่เดียวกัน เออแน่ะ เลือดพ่อแรงทั้งคู่ นี่เขาเอามาฝากเลี้ยงไว้ตั้งแต่เมื่อไรล่ะ”
“ตั้งแต่ยังแบเบาะแน่ะค่ะคุณ นังแม่หายสาบสูญไม่ส่งเงินส่งทองมาปีกว่าแล้ว คุณเลี้ยงเป็นลูกเสียทั้งคู่เลยสิคะ นึกว่าเอ็นดูเด็กตาดำๆ”
“โอ๊ย...ไม่เอาล่ะจ้ะ ฉันไม่ชอบเด็กดำๆ คุณผู้ชายเขาก็ไม่อยากมีลูกดำ มันฟ้องว่าไม่ใช่ลูกของเราเอง คุณผู้ชายเขาขาวนี่ ฉันเองก็เป็นคนขาว มีลูกดำๆ เดินไปไหนด้วยกันก็ผิดสังเกตแย่”
ดำหน้าเจื่อนไปด้วยความผิดหวัง เขมวรรณหันมาปลอบดำ
“อีกหน่อยหนูก็คงมีแม่ที่คล้ายๆ กับหนู แล้วหนูก็จะกลายเป็นลูกของเขาจริงๆนะจ๊ะ”
ดำกัดปากแน่น ตาจ้องเขมวรรณเป๋ง ขณะที่เขมวรรณขยี้ผมของเดือนอย่างเอ็นดู
“วันนี้ให้เด็กอยู่กับฉันเลย ไม่ต้องเอากลับไปแล้วนะ”
สมรอึกอัก เขมวรรณดูออก
“จะเรียกค่าเลี้ยงดูสักเท่าไหร่ล่ะ”
“ฉันเลี้ยงมาตั้งสองปี สงสารเด็กค่ะ ถึงจนก็ต้องกัดฟันเลี้ยง แต่วาสนาของเขา จะได้อยู่กับคุณ ฉันขอความกรุณาให้คุณช่วยค่าข้าวสักเดือนละห้าพันเท่านั้น สองปีก็แสนสอง”
เขมวรรณต่อรอง
“สักแสนเดียวก็พอแล้ว”
สมรนิ่งไป คิดคำนวณอยู่ในใจ เขมวรรณรีบตัดบท
“เดี๋ยวฉันจะให้มัดจำไปสองหมื่นก่อน มะรืนจะให้ทนายเอาสัญญาไปให้เซ็น แล้วค่อยจ่ายที่เหลือทั้งหมด”
สมรไม่กล้าปฏิเสธอีกเพราะกลัวเขมวรรณเปลี่ยนใจ แล้วเข้าไปลูบคลำแข้งขาของเดือน น้ำตาคลอๆ
“อยู่กับท่านนะลูกนะ ทำตัวดีๆ ท่านจะได้รักจะได้เอ็นดู ป้าเชื่อว่าเอ็งทำได้อยู่แล้วนะเดือน”
เดือนไม่ร้องไห้ ได้แต่พยักหน้าแล้วมองตาแป๋ว

ดำเม้มปากมองเดือนอย่างหมั่นไส้ปนน้อยใจ

เย็นนั้น...ชาญมองดูเงินในมือสมรอย่างรู้สึกขัดใจ

“เฮ้ย...เลี้ยงมาตั้งสองปี ทำไมไม่เรียกให้มันคุ้มกว่านี้วะ น่าจะขอสักสองแสน”
สมรหลบตาหลุกหลิกเพราะโกหก
“เรียกไปแล้วเขาไม่ให้ เขาต่อเหลือห้าหมื่นด้วยซ้ำ ข้าอุตส่าห์บีบน้ำตาขอมาได้ตั้งหกหมื่น”
“งั้นเอามาให้ข้าเก็บไว้ก่อน”
ชาญจะคว้าเงินในมือ แต่สมรเบี่ยงหลบ
“เรื่องอะไรจะให้ เดี๋ยวแกก็เอาไปลงขวดหมด”
ชาญไม่พอใจ
“เอ๊ะ...อีหมอน กูเป็นผัวมึงนะ”
สมรยื่นเงินให้ห้าพัน
“เอาไปเท่านี้ก่อน ไว้ขายนังดำได้ ฉันค่อยให้แกเพิ่มก็แล้วกัน”
“โธ่เอ๊ย...ไปหวังอะไรกับมัน ใคร้จะเอามันไปเลี้ยงเป็นลูกเป็นหลาน ดำน่าเกลียดออกอย่างนั้น เราก็คงต้องเลี้ยงมันไปตามมีตามเกิดนั่นแหละ”
“ยังไงฉันต้องหาทางขายมันไปให้ได้”
ดำแอบฟังอยู่ด้วยความน้อยใจปนโกรธ

ค่ำนั้น ดนัยธรก้มลงมองเดือนอย่างเอ็นดู
“เขายอมยกเด็กให้แล้วเหรอ”
เดือนมองดนัยธรตาปริบๆ เขมวรรณยิ้ม มองเดือนอย่างภูมิใจ
“ค่ะ เราได้ยัยหนูมาเป็นลูกเราสมใจแล้ว”
ดนัยธรอุ้มเดือนขึ้นไป
“เดือนมาเป็นลูกพ่อนะ”
เขมวรรณบอกเดือน
“เรียกคุณพ่อสิคะลูก”
เดือนหันมองเขมวรรณด้วยตาบ้องแบ๊ว
“เรียกคุณพ่อสิคะ”
เขมวรรณมองลุ้นๆ ในที่สุดเดือนก็พูดออกมาด้วยเสียงเล็กๆน่ารัก
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
“น่ารักจริงๆ เลยลูกพ่อ”
ดนัยธรหอมแก้มเดือนซ้ายขวาอย่างรักใคร่ เขมวรรณมองอย่างปลื้มใจ ขจิตมารดาของเขมวรรณมองอยู่ด้วยแววตาไม่พอใจ ก่อนจะเดินเข้ามา
“เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม มันจะเหมือนลูกของตัวเองได้ยังไง ยิ่งเชื้อแถวเป็นอย่างนี้ด้วย ไม่กลัวหรอกเรอะว่านิสัยใจคอมันจะไปเหมือนแม่ของมันเข้า...”
เขมวรรณหน้าเสีย สบตากับดนัยธร ขจิตมองเดือนแล้วพูดต่อ
“ลูกของญาติพี่น้องถมเถไปไม่เอามาเลี้ยง อย่างน้อยก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขรู้จักว่าใครเป็นพ่อใครเป็นแม่ ไอ้นี่รู้ๆ กันอยู่ว่าเชื้อสายเป็นยังไง มิหนำซ้ำเด็กมันโตพอจะรู้อะไรๆแล้ว”
ดนัยธรไม่ชอบใจนัก
“นั่นสิครับ เด็กโตพอที่จะรู้อะไรๆแล้ว แล้วคุณแม่ก็พูดอะไรๆ ต่อหน้าเด็กเสียด้วย”
เขมวรรณเรียกไพ
“ไพ...ไพ มารับคุณหนูไปทานขนมเร็ว”
ไพเข้ามา ดนัยธรส่งเดือนให้ไพรับไป เขมวรรณมองตาม แล้วหันกลับมาติงขจิต
“คุณแม่ไม่น่าพูดแบบนั้นต่อหน้าเด็กเลย ไหนๆ หนูจะเลี้ยงเป็นลูกแล้วก็ไม่อยากให้แกมีปมด้อย”
“โตอายุตั้งหกเจ็ดขวบแล้ว จะปิดมันได้ยังไงกัน ถึงยังไงมันก็ต้องรู้ว่าไม่ใช่ลูกจริงๆ อยู่วันยังค่ำนั่นแหละ”
“หนูไม่ได้ตั้งใจจะปิด แต่ไม่อยากให้เด็กสะเทือนใจ ไหนๆ เราเอามาเลี้ยงเป็นลูกแล้ว ก็อยากให้เด็กรู้สึกว่าเราเป็นพ่อแม่จริงๆ ของแก ถ้าเราไม่พูดถึงต่อไปแกก็อาจจะไม่นึกถึงแล้วก็ลืมๆไปได้บ้าง”
“ถึงยังงั้นแม่ก็อดหนักใจไม่ได้ ลูกกับนัยสมบัติตั้งมากมาย ถ้าจู่ ๆ เลี้ยงมาเกือบตายแล้วมันกอบโกยเอาของเราไปให้แม่แท้ๆ ของมันก็น่าเสียดาย เออ...ถ้าหากเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขมีเชื้อสายเราอยู่บ้าง ถึงจะยกอะไรให้ก็ยังไม่เสียดายเท่ากับเป็นคนอื่น”
ดนัยธรขัดขึ้น
“เดี๋ยวนี้ยายหนูไม่ใช่คนอื่นแล้วนะครับคุณแม่ แกเป็นลูกของผมกับเข็ม แล้วก็เป็นหลานของคุณแม่ด้วย ผมอยากให้คุณแม่คิดว่าแกเป็นหลานแท้ๆ คนนึงเหมือนกัน”
“ไอ้คิดน่ะคิดได้หรอก แต่ความรู้สึกลึกๆ เรารู้ว่ามันไม่ได้ออกมาจากท้องแม่เข็มจริงๆ ฉันอดกลัวไม่ได้ว่าเลือดของแม่มันจะแรง”
“ผมเชื่อว่าเด็กเกิดมาบริสุทธิ์เหมือนกันหมดทุกคนแหละครับคุณแม่ เด็กจะดีจะชั่วอยู่ที่สิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดู ผมเชื่อว่าเราจะอบรมแกได้ คุณแม่อย่าเป็นห่วงให้ไม่สบายใจไปเปล่าๆ เลยครับ”
ดนัยธรจบประโยคด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง เหมือนอยากจะให้จบเรื่องนี้ ขจิตได้แต่มองหน้าดนัยธรอย่างพูดไม่ออก แม้จะยังนึกค้านอยู่ในใจ

ห้องนอนของเดือนตกแต่งสวยหวานและเต็มไปด้วยตุ๊กตาตามมุมต่างๆ เขมวรรณนั่งอ่านนิทานให้เดือนที่นอนอยู่บนเตียง แขนข้างหนึ่งถือหนังสือ อีกข้างโอบเดือนไว้
“เสนาบดีได้นำรองเท้าแก้วไปตามบ้านต่างๆ เพื่อให้หญิงสาวทั่วอาณาจักรได้ลอง...จนมาถึงบ้านแม่เลี้ยง เมื่อลูกสาวทั้งสองลองครบแล้ว นางก็โกหกว่าไม่มีหญิงสาวในบ้านอีก พร้อมทำลายรองเท้าแก้วจนแตกละเอียด ทุกคนต่างหมดหวังว่าจะไม่สามารถหาหญิงปริศนาของเจ้าชายพบ...”
เดือนนอนตาแป๋ว กอดตุ๊กตาหมี ตั้งใจฟังอย่างอยากรู้อยากเห็น
“น่าสงสารซินเดอเรลล่าจังค่ะคุณแม่ แล้วเจ้าชายจะเจอซินเดอเรลล่ามั้ยคะ”
เขมวรรณยิ้มกับเดือนอย่างเอ็นดู แล้วอ่านให้ฟังต่อ
“แต่สุดท้าย ซินเดอเรลล่าก็หยิบรองเท้าแก้วอีกข้างที่เก็บไว้ขึ้นมาและสวมให้กับเหล่าเสนาได้ดู ทำให้ซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชาย และมีความสุขตราบนานเท่านาน”
เขมวรรณปิดหนังสือ มองไปยิ้มน้อยๆ เดือนตบมือยิ้มดีใจ
“เย้...ในที่สุดซินเดอเรลล่าก็สมหวัง สนุกจังค่ะ พรุ่งนี้คุณแม่อ่านนิทานให้เดือนฟังอีกนะคะ”
“จ้ะลูก แม่จะมาอ่านนิทานให้หนูฟังทุกคืน”
เดือนหาวหวอด เขมวรรณดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ก้มลงจูบที่แก้มอย่างแสนรัก แล้วลูบผมเบาๆ
“หลับฝันดีนะคะลูก”
“ค่ะคุณแม่”
เดือนนอนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข รอบตัวมีตุ๊กตาน่ารักๆ เต็มไปหมด เขมวรรณเอื้อมมือไปปิดไฟ

ดำนอนร้องไห้อยู่คนเดียวในความมืด
“ฮือๆๆๆ...”
สมรนอนกระสับกระส่าย พลางตะโกนออกมานอกมุ้ง
“อีดำ ร้องไห้ทำไมวะ หนวกหูเป็นบ้า จะหลับจะนอนมั่งได้ยินแต่เสียงร้องไห้ พ่อแม่เอ็งตายหรือยังไง”
ชาญขัดขึ้น
“ช่างมันเถอะน่ะ มันคงคิดถึงพี่ของมัน เคยอยู่ด้วยกันมาแต่เล็กแต่น้อย ปล่อยให้มันร้องไป มันเหนื่อยเดี๋ยวมันก็หลับไปเอง”
ดำร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆเธอคิดในใจ
“ไม่ได้คิดถึงหรอก เกลียดจะตาย เกลียดๆๆ ทำไมนังเดือนได้อยู่บ้านสวยๆคนเดียว ทำไม...”
ดำร้องไห้ออกมาอีกอย่างเต็มไปด้วยความเกลียดชังขมขื่น

วันใหม่...เขมวรรณจูงเดือนตามออกมาส่งดนัยธรที่หน้าบ้าน ดนัยธรก้มลงจับแก้มเดือน
“พ่อไปทำงานแล้วนะลูก”
“คุณพ่อกลับมาเร็วๆนะคะ”
“ครับลูก พ่อจะรีบกลับมาหาหนูจ้ะ”
ดนัยหอมแก้มซ้ายขวาของเดือนอย่างรักใคร่เอ็นดู ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป ขจิตยืนอยู่มุมหนึ่ง แอบมองอย่างพิจารณา

เขมวรรณยื่นตุ๊กตาบาร์บี้ให้เดือนเล่น
“ชอบไหมคะลูก”
เดือนรับตุ๊กตามาอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ชอบค่ะ หนูไม่เคยมีตุ๊กตาสวยๆแบบนี้เลย”
เขมวรรณลูบผมเดือนอย่างเอ็นดู
“อีกหน่อยแม่จะซื้อให้หลายๆ ตัวเลย แม่พาหนูไปเลือกเองดีมั้ย”
เดือนยิ้มดีใจ
“ค่ะคุณแม่”
เขมวรรณยิ้มปลื้มยิ่งขึ้นที่เดือนเรียกแม่ชัดถ้อยชัดคำ
“นั่งรออยู่นี่นะ เดี๋ยวคุณแม่เอาขนมให้นะคะลูก”
“ขอบคุณค่ะ”
เขมวรรณเดินออกไป ขจิตมองตาม

เขมวรรณหยิบขนมออกจากตู้เย็นมาใส่จาน และเทน้ำหวานใส่แก้ว ขจิตเข้ามาคุยด้วย
“ตานัยดูจะหลงลูกเลี้ยงอยู่มากนะ แม่เข็ม”
“หนูก็หลงค่ะคุณแม่ ก็ไม่น่าหลงหรือคะ เด็กออกสวยน่ารักยังงั้น นัยเขาอยากมีลูกผู้หญิงอยู่แล้วด้วย”
ขจิตจ้องหน้าลูกสาวอย่างจริงจัง
“ถามจริงๆ เถอะ แม่เข็ม ไม่นึกอิจฉาเด็กนั่นบ้างหรือยังไง ถ้าดนัยเขาเกิดรักใคร่ไยดีมันยิ่งกว่าเมีย”
เขมวรรณหันกลับมาจ้องหน้าแม่บ้าง แววตาไม่พอใจ
“คุณแม่ถามชอบกล หนูจะไปอิจฉาเด็กทำไมคะ ในเมื่อเด็กก็เท่ากับว่าเป็นลูกของหนูเหมือนกัน ขอเสียทีเถอะค่ะคุณแม่ คุณแม่อย่าทำให้หนูไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไรๆ ที่มันเหลวไหลหน่อยเลยค่ะ”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหรอกนะ แม่เข็ม ไม่ใช่ว่าแม่จะยุแหย่ให้คิดอะไรอกุศล แต่มันก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้ว ผู้ชายน่ะไม่เหมือนผู้หญิงหรอกนะ จริงอยู่...ตอนเป็นเด็กเขาอาจจะรักใครเอ็นดูอย่างลูกจริงๆ แต่พอเด็กโตเป็นสาวแล้วมันอาจเปลี่ยนไปอีกอย่างนึง ยิ่งเด็กมีเชื้อแม่แบบนั้นด้วย...”
เขมวรรณขัดขึ้น
“คุณแม่อย่าพูดเลยค่ะ หนูไม่อยากฟังเรื่อง...อย่างนี้ ถึงจะเป็นความหวังดีของคุณแม่ แต่หนูก็ไม่อยากคิดระแวงให้เครียดเปล่าๆ แล้วมันยังเป็นการดูถูกลูกเขยคุณแม่เองด้วย หนูขอโทษที่ต้องขอให้หยุดพูดเรื่องแบบนี้ในบ้านเราเถอะนะคะ”
ขจิตจะพูดต่อ แต่ไพเข้ามาเสียก่อน
“คุณผู้หญิงคะ ป้าหมอนมาแล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ ให้ไปรอที่ห้องรับแขกก่อนนะ อย่าให้มาเจอคุณหนูอีก”
“ค่ะ”
ไพรีบออกไป เขมวรรณยกน้ำกับขนมออกไป ขจิตมองตามอย่างขัดใจ

เขมวรรณเข้ามาในห้องรับแขก สมรยกมือไหว้อย่างดีใจ เขมวรรณกับธวัชชัยรับไหว้
“นังเดือนไม่อยู่เหรอคะ”
“ยัยหนูไม่อยู่จ้ะ คุณยายพาออกไปเที่ยว”
สมรผิดหวัง
“ท่าทางนังเดือนจะมีความสุขนะคะ มันเป็นเด็กน่ารักช่างประจบ พอไม่อยู่ก็คิดถึงมันเหมือนกัน”
“จ้ะ ยัยหนูเป็นเด็กน่ารัก ใครๆก็รักแก...เดี๋ยวคุณธวัชชัยจะเอาเอกสารยกเดือนเป็นบุตรบุญธรรมให้ป้าหมอนเซ็นนะจ๊ะ”
ธวัชชัยส่งให้สมร
“ลองอ่านสัญญาดูนะครับ”
สมรหยิบมาดู แล้วยื่นไปไกลๆอย่างคนสายตายาวพลางหรี่ตา
“ฉันอ่านหนังสือไม่แตกหรอกคุณ สายตาก็ไม่ดี”
“งั้นผมจะสรุปให้ฟัง...”
ขจิตแอบมองอยู่มุมหนึ่ง ส่ายหน้ายิ้มหยัน

“นึกว่าจะลบกำพืดใครได้ง่ายๆเหรอ ไม่มีทาง”

ข้าวนอกนา ตอนที่ 1 (ต่อ)

สมรกลับเข้ามาในบ้าน ดำมองตามอย่างอยากรู้อยากเห็น ชาญตามเข้ามาถาม

“เป็นไง เรื่องเรียบร้อยแล้วเรอะ”
“คงเรียบร้อยแล้วละ ต้องเซ็นชื่ออะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ นังเดือนมันโชคดี ทางนั้นเขารักมันเหมือนลูกจริงๆ แถมเขาเปลี่ยนชื่อให้ซะเพราะพริ้งด้วย”
“ชื่ออะไรวะ”
“เดือนไขแสง”
ชาญขำ
“เฮอะ...ชื่อยาวยังกับลิเก แต่ก็เพราะดีเหมือนกัน...เดือนไขแสง”
ดำเชิดหน้าขึ้น
“หนูก็จะไปเปลี่ยนชื่อของหนูมั่ง”
สมรหันมาถาม
“เอ็งจะชื่ออะไรวะนังดำ ดำดีสีไม่ตกเรอะ”
ดำบอกอย่างมั่นใจ
“หนูจะเป็นดำไขแสง”
สมรหัวเราะเสียงดังจนสำลักน้ำลาย แล้วก็หัวเราะไปพูดไปไอไป
“ฮ่าๆๆๆ อีดำเอ๊ย...อีดำไขแสง ดำอย่างเอ็งมันมีแต่ทึบแสงมากกว่าละมั้ง เดือนดาวเพชรพลอยมันก็มีแสงได้ ของดำๆ ยังกะถ่านอย่างนี้จะเอาแสงมาจากไหน”
ดำหายใจแรงด้วยความเจ็บใจ ชาญมองดำขำๆ
“เอ็งชื่อนังดำไขสวรรค์ก็แล้วกัน นังดำ โตขึ้นจะได้บริการไขประตูสวรรค์เหมือนแม่ของเอ็ง”
สมรกับชาญประสานเสียงหัวเราะกัน ดำมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่สีหน้าก็ไม่พอใจนัก
“คอยดูนะ หนูจะเปลี่ยนชื่อของหนูให้เพราะยิ่งกว่าเดือนไขแสงอีก”
ดำวิ่งออกไป สมรกับชาญมองตามพลางหัวเราะดังกว่าเดิม
“เออๆ ข้าจะคอยดู...นังดำไขสวรรค์”
ชาญถอนใจ
“ที่จริงก็น่าสงสารนังดำมันเหมือนกันนะ หมอน ลูกแม่เดียวกันแท้ๆ คนนึงไปได้ดีมีความสุข แต่นังดำนี่ยังลูกผีลูกคน ไม่รู้ว่าโตขึ้นมันจะเป็นยังไง”
“เห็นนังดำมันอยากไปเที่ยวห้าง ฉันก็ว่าจะพาไป ปลอบใจมันซะหน่อย”
สมรกับชาญได้แต่สบตากันเห็นด้วย

อู๊ดนั่งเล่นเกมในมือถือเก่าๆ เครื่องหนึ่ง ดำวิ่งเข้ามาดู
“ไอ้อู๊ด วันนี้เล่นอะไรวะ กูเล่นด้วยคนสิ”
“ให้กูจบเกมนี้ก่อนดิวะ เออ...อีดำ อีเดือนมันไปอยู่กะคนอื่นแล้วเรอะ แม่บอกว่าป้าหมอนขายอีเดือนไปแล้ว”
“ไม่รู้”
“อะไรไม่รู้ อีเดือนมันเป็นพี่มึงแท้ๆ แล้วทำไมมึงไม่ไปอยู่กับอีเดือนด้วยวะ”
“กูบอกว่าไม่รู้ก็ไม่รู้สิวะ ถามอยู่ได้”
“กูรู้แล้ว มึงอิจฉามันล่ะสิที่มีคนเอาไปอยู่ด้วย ส่วนมึงไม่มีใครเอา”
ดำโกรธ แหวขึ้นมาทันที
“มึงมาเสือกอะไรด้วยวะไอ้อู๊ด”
หน่อยวิ่งเข้ามาล้อดำ
“เพราะมึงดำไงล่ะ ดำปิ๊ดปี๋ยิ่งตียิ่งกัด ดำกว่าหมัดยิ่งกัดยิ่งตี”
อู๊ดเสริม
“ดำแบบนี้ให้ฟรีก็ไม่มีใครเอา”
อู๊ดกับหน่อยหัวเราะกันสนุกสนาน ดำกระโจนเข้ากระชากผม หน่อยกรีดร้องเสียงดัง
“อ๊าย”
“เฮ้ย ปล่อยนะอีดำ”
อู๊ดเข้าไปเตะ ดำหันไปกัดหูอู๊ดหมับทันที
“โอ๊ย...อีดำ ปล่อยกูนะ กูเจ็บ”
อู๊ดพยายามสะบัดดำออก แต่ดำกัดแน่นจนเลือดไหล อู๊ดร้องโหยหวน
“โอ๊ย...หูขาดแล้ว”
หน่อยเข้าไปช่วยดึงตัวดำ แต่ถูกดำถีบออก
“ช่วยด้วย นังดำกัดหูไอ้อู๊ดจะขาดแล้ว”
ชื่นเข้ามาดู ตกใจ
“ว้าย...นังดำ ปล่อยไอ้อู๊ดเดี๋ยวนี้นะ”
ชื่นเข้าไปดึงแขนดำ อู๊ดร้องลั่น
“โอ๊ย...เบาๆ หูจะขาดแล้วโว้ย”
ชื่นยิ่งไม่กล้าดึง ได้แต่เอ็ดตะโรลั่น
“กูบอกให้มึงปล่อย ปล่อยสิวะ”
สมรเข้ามาจะดึงตัวดำออก
“ปล่อยนะนังดำ ปล่อยไอ้อู๊ดเดี๋ยวนี้”
ดำยังไม่ยอมปล่อย สมรทั้งตีทั้งหยิก ดำยิ่งกัดแน่นเข้า สมรเหลืออด
“ถ้าไม่ปล่อย ข้าจะเอาเอ็งไปปล่อยข้างถนน คืนนี้ไม่ต้องเข้าบ้าน”
ดำยอมปล่อยอู๊ด สมรฟาดผัวะที่แขน
“นังนี่ร้ายนัก ดุยังกับหมา”
สมรฟาดดำไม่ยั้ง แต่ดำไม่ร้องไห้สักแอะ

สมรลากดำมา แล้วเอาไม้ตีตามแขนขา
“เอ็งไปกัดหูไอ้อู๊ดมันทำไมหา ถ้าหูมันขาดเอ็งติดตะรางแน่ อยากเข้าไปอยู่ในคุกหรือไง”
ดำแอ่นตัวไปมา เถียงฉอดๆ
“ก็มันอยากมาล้อหนูก่อนนี่”
“แค่ล้อเล่นมันจะตายหรือยังไงวะ”
“ป้าหมอนไม่ได้เป็นหนู ไม่รู้หรอกว่ารู้สึกยังไง”
“ข้าไม่อยากเป็นเอ็งหรอก เอ็งมันทั้งดุทั้งน่าเกลียด แถมยังร้ายอย่างนี้ เห็นทีข้าจะเลี้ยงเอ็งต่อไปไม่ไหวแล้วนังดำ”
ดำมองหน้าสมร ใจหายวาบขึ้นมา

หลายวันต่อมา สมรพาดำมาหาจรูญศรีที่อพาร์ตเมนท์ให้เช่า จรูญศรีมองดำอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเบ้หน้าส่ายหน้าไปด้วย
“จะยกเด็กนิโกรนี่ให้ฉันเหรอ”ล
“เห็นคุณนายเคยบอกว่าอยากได้คนมาช่วยทำงานบ้านนี่คะ”
“แต่นี่มันเด็กเกินไป จะเอามาใช้งานอะไรได้”
“เอามาฝึกก็ได้ค่ะคุณนาย นังดำมันเรียนรู้ไว คุณนายชอบทำบุญอยู่แล้ว นึกซะว่าเลี้ยงไว้เอาบุญเถอะค่ะ”
จรูญศรีมองดำอย่างพิจารณา ดำจ้องจรูญศรีกลับตาเป๋ง
“เออ...นังเด็กนี่มันกล้าจริง ท่าทางไม่กลัวใครเลย ฉันจะเอามันอยู่เหรอ”
“คุณนายจะดุจะตีมันยังไงก็ได้ค่ะ มาอยู่กับคุณนาย บางทีมันจะได้มีคนสอนบ้าง ฉันแก่แล้ววิ่งตามเด็กไม่ไหว”
ใครบางคนเข้ามาดึงผมดำจากด้านหลัง
“โอ๊ย...ใครวะ”
ดำทำท่าจะหันกลับไปตี แต่จรูญศรีรีบเข้าไปกันไว้
“เอ๊ะๆ...อะไรกัน นี่ถึงกับจะลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ เด็กคนนี้นี่”
ดำเถียง
“ก็มันมาดึงผมฉันก่อน”
สมรปราม
“แค่ดึงเล่นๆ ไม่เห็นเป็นไรนี่วะนังดำ”
จิ๋มชี้ดำเหมือนเจอของเล่นถูกใจ
“แม่...หน้าตาเหมือนตุ๊กตานิโกรที่พี่จ้อยซื้อมาฝากเลย”
“อย่าไปยุ่งกับมัน”
“แม่...จิ๋มอยากได้”
สมรดีใจ
“คุณจิ๋มอยากได้ก็ขอให้คุณแม่เอามาอยู่ด้วยสิคะ”
จิ๋มทำท่าอ้อน
“แม่...”
จรูญศรีไม่ยอม
“น่าเกลียดอย่างนี้จะเอามาทำอะไรยัยจิ๋ม”
“ก็หนูจะเอา...หนูอยากได้มาเล่นด้วย พี่โจ้ชอบเล่นแรงๆ จิ๋มเล่นกับพี่โจ้ไม่สนุกเลย”
จรูญศรีนิ่งคิด สมรมองลุ้นๆก่อนจะอ้อนวอน
“นึกว่าเลี้ยงลูกนกลูกกาไว้เอาบุญเถอะค่ะคุณนาย เผื่อจะช่วยสั่งสอนให้มันเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้บ้าง เลี้ยงไว้ให้คอยรับใช้คุณจิ๋มก็ได้”
จรูญศรีมองดำหัวจรดเท้าอย่างชั่งใจ

จรูญศรีพาดำเข้ามาในบ้าน จิ๋มจูงดำมาด้วยเหมือนจูงของเล่นมากกว่าคน โจ้เห็นดำก็หัวเราะลั่น
“โอ้โฮ...ดำปิ๊ดปี๋ เหมือนพวกนิโกรในหนังเลยว่ะ”
ดำด่าสวน
“ไอ้ห่า...”
มือของจรูญศรีหยิกปากดำทันที
“ปากจัดนัก นังคนนี้ อยู่ที่นี่อย่ามาเทียวด่าใครต่อใครไม่ได้นะ นี่มันบ้านผู้ดี ไม่ใช่สลัมเหมือนที่ที่แกเคยอยู่”
ดำเถียง
“ก็มันมาล้อหนูก่อนนี่”
“มันอีกแล้ว...” จรูญศรีทำท่าเงื้อมือ “จะมาเรียกคุณโจ้คุณจิ๋มว่ามันไม่ได้เป็นอันขาด จำเอาไว้ เขาเป็นลูกผู้ดี ไม่เหมือนพวกของแกที่โน่น แล้วก็เรียกคุณสองคนนี่ว่าคุณจิ๋ม คุณโจ้เท่านั้น เข้าใจมั้ย”
ดำมองไป เห็นโจ้ทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียน ดำได้แต่เม้มปากเก็บความไม่พอใจไว้ จรูญศรีเสียงเข้ม
“ฉันถามว่าเข้าใจมั้ย...ฮึ...”
ดำไม่ตอบ ได้แต่กำมือแน่นมองโจ้ที่หัวเราะขบขันดำที่ทำอะไรไม่ได้ จรูญศรีหันไปมองโจ้ตามสายตาของดำ โจ้ทำท่าเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมมองคุณโจ้เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไป...ไปหลังบ้านโน่น เดี๋ยวฉัน จะพาไปรู้จักนอม”

จรูญศรีผลักดำออกไป

จรูญศรีพาดำมาในครัว ประนอมเห็นดำก็ถึงกับอุทานออกมา ราวกับเห็นตัวประหลาด

“โอ้โห...นี่เหรอเด็กนิโกร เคยเห็นแต่ในหนัง เพิ่งเจอตัวจริงก็วันนี้เอง มันดำมืดสนิทจริงๆ”
“แกดูแลให้ด้วยนะนอม ให้ดำช่วยทำงานเบาๆไปก่อน พอคุณจิ๋มเรียกก็ให้มันรับใช้คุณจิ๋มเขาด้วย”
ดำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ
“จะทำได้เหรอคะคุณนาย มันยังเด็กมาก”
จรูญศรีถอนใจ
“ที่จริงฉันก็ไม่อยากเอามาเป็นภาระหรอก แต่มีคนเขายกให้ฟรีๆ เพราะเลี้ยงไม่ไหว ฉันเลยสงสารรับไว้ นึกว่าเอาบุญ”
ประนอมมองดำอย่างเวทนา เพราะรู้นิสัยคุณนายดีว่าไม่เอามาเปล่าๆแน่
“ไงดำ มาอยู่นี่ต้องขยันๆ หน่อยนา”
จรูญศรีหันไปบอกดำ
“ไป...ไปกับพี่นอมเขา...แกหาที่ให้มันนอนด้วยก็แล้วกัน ถ้าใครมาจ่ายค่าเช่าแกก็เขียนใบเสร็จให้ด้วย เดี๋ยวฉันจะพาคุณโจ้ไปหาหลวงพ่อที่วัด เย็นๆ ถึงจะกลับ”
จรูญศรีเดินออกไป ประนอมจูงดำไป
“ไปดำ...เดี๋ยวฉันพาไปดูว่าแกนอนตรงไหนได้”

จรูญศรีพาโจ้มาที่วัด ทั้งสองนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อ โจ้ท่าทางเบื่อๆ จรูญศรีพนมมือไปคุยกับพระไป
“คราวนี้สอบตกอีกแล้วค่ะ ดิฉันก็เลยต้องพามารดน้ำมนต์ เผื่อจะเรียนเก่งขึ้นบ้าง”
“น้ำมนต์ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะโยม ถ้าไม่ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือ”
โจ้เถียง
“อ่านแล้วมันไม่เข้าหัวนี่ครับ”
“ที่จริงลูกชายคนนี้เป็นคนหัวดีค่ะ เรื่องอื่นเรียนรู้เร็ว แต่เรื่องในหนังสือไม่ค่อยจำ เอาแต่จะเล่น หลวงพ่อช่วยรดน้ำมนต์หน่อยนะคะ มันจะได้ตั้งใจเรียนมากกว่านี้”
“เอ้า...งั้นเข้ามาใกล้ๆ มา”
จรูญศรีดึงโจ้เข้าไปใกล้ๆ แล้วกระทุ้ง หลวงพ่อบอก
“พนมมือสิโจ้”
โจ้ยกมือขึ้นพนมอย่างเสียไม่ได้ หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ โจ้สลัดหัวไปมาอย่างหงุดหงิด

วันใหม่...จิ๋มนอนกินขนมไปดูทีวีไปอยู่บนโซฟา ส่วนโจ้นั่งเล่นเกมในโน้ตบุ๊ค อย่างเมามัน ดำมองโน้ตบุ๊คของโจ้อย่างสนใจ จิ๋มรำคราญ
“พี่โจ้เสียงเบาหน่อยดิ”
“อะไรวะ กำลังเล่นเกมอยู่”
“ก็มันหนวกหูนี่”
“หนวกหูก็ไปนั่งที่อื่นสิวะ”
“แต่จิ๋มไม่ได้ยินเสียงทีวี”
“อะไรนะ”
จิ๋มดังขึ้น
“จิ๋มไม่ได้ยินเสียงทีวี”
โจ้ทำเป็นไม่ได้ยิน กลับเร่งเสียงเกมให้ดังขึ้น จิ๋มเลยไปดึงโน้ตบุ๊คมาปิดเสียง
“เฮ้ย...ยุ่งอะไรวะ”
โจ้จิกผมจิ๋ม จรูญศรีวิ่งเข้ามาห้ามอย่างตกใจ
“ไม่เอาๆ โจ้อย่าแกล้งน้อง ไปเล่นในห้องไปโจ้”
“โอ๊ย...เบื่อผู้หญิงว่ะ”
โจ้เดินผ่านดำซึ่งกำลังเช็ดโต๊ะอยู่ โจ้หมั่นไส้เลยแกล้งเตะก้นดำ
“เอ๊ะ คุณโจ้นี่ เจ็บนะโว้ย”
จรูญศรีดุเสียงเข้ม
“นังดำ”
โจ้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกดำ แล้วรีบวิ่งเข้าห้องไป จิ๋มเอื้อมมือหยิบขนมในจานมากินต่อ แต่ขนมหมดแล้ว เลยตะโกนเรียกดำ
“ดำ...หยิบถุงขนมในตู้เย็นมาหน่อย”
ดำทำท่าเซ็ง ๆ จรูญศรีมองขวาง ดำลุกเดินไปหยิบแต่โดยดี ดำหยิบขนมมาให้จิ๋ม แล้วจะเดินกลับไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจิ๋มสั่ง
“นั่งลงสิ”
ดำมองหน้าจิ๋มงงๆ จรูญศรีตวาด
“คุณจิ๋มบอกให้นั่งก็นั่งสินังดำ”
ดำจำใจนั่งลง จิ๋มจับดำให้นั่งตัวตรง แล้วหันหลังให้เธอ จิ๋มเอาหวีมาหวีผมให้ดำ แล้วพยายามจะดึงยืดผมดำให้ตรง แต่ดึงเท่าไรก็ไม่ยืด ดำเริ่มรำคาญ เอามือปัดไม่ให้ทำ
“นั่งเฉยๆ ซี่ เค้าจะแต่งตัวให้”
จิ๋มจับดำให้นั่งนิ่งๆ แล้วเอาโบว์สีแดงมาผูก แต่ดำเอนหัวหนีไม่ยอมให้ผูก จิ๋มเลยเขกหัวดำดังป๊อก ดำยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆ หันขวับไปมองจิ๋มตาขวาง ตวาดลั่น
“เจ็บนะโว้ย”
จิ๋มตกใจ จรูญศรีหันมา
“อย่านะดำ แกอย่าทำอะไรคุณจิ๋มนะ ไม่งั้นฉันฟาดจริงๆ ด้วย เอ...นังนี่ดุยังกับหมา กะอีแค่เขกหัวนิดเดียวมันจะเจ็บอะไรนักหนา”
ดำเถียง
“ทำไมจะไม่เจ็บ ไม่ได้ถูกเขกเองก็ไม่เจ็บสิ”
จรูญศรีฟาดดำเผียะทันที
“จองหองแต่ตัวเท่ากำปั้น ดำยังกะถ่านแล้วยังไม่เจียมตัว...อย่าไปเล่นกับมันลูก ดูหน้ามันสิดุยังกะไม่ใช่คน”
จิ๋มยังไม่ยอมรามือ เอาตุ๊กตาเด็กนิโกรมาให้ดำดู
“เหมือนดำมั้ยล่ะ ถ้าดำผูกโบว์อีกนิดละก็หน้าเหมือนตุ๊กตานี่เปี๊ยบเลย”
ดำโพล่งขึ้น
“ไม่เห็นอยากเหมือนนี่”
“แต่ดำเหมือนตุ๊กตาตัวนี้จริงๆ ตัวดำๆ หัวหยิกๆ เหมือนเปี๊ยบ”
ดำกางเล็บพลางมองหน้าจิ๋มเหมือนอยากจะข่วน แล้วมองตุ๊กตาอย่างเกลียดชัง

ดำออกมานั่งหน้ามุ่ยอยู่หลังบ้าน ประนอมซึ่งนั่งซักผ้าอยู่หันมามอง
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ โดนคุณนายดุมาละสิ”
“เปล่าหรอก แต่เกลียดไอ้คุณโจ้กับนังคุณจิ๋ม ไอ้คุณโจ้ชอบแกล้งหาเรื่อง ส่วนนังคุณจิ๋มชอบทำเหมือนหนูเป็นตุ๊กตา บอกว่าเหมือนตุ๊กตานิโกรตัวดำๆ น่าเกลียดจะตาย”
ประนอมขำๆ
“ก็เหมือนจริงๆ นี่หว่า ตุ๊กตานั่นเขาทำเลียนแบบพวกนิโกร พ่อแกก็เป็นนิโกรแบบนั้นนั่นแหละ ฉันว่าฉันดำแล้วนะ ยังขาวกว่าแกตั้งแยะ ดูสิ”
ประนอมเอาแขนตัวเองไปเทียบกับดำ ดำได้แต่มองอย่างเจ็บใจตัวเอง แล้วลุกขึ้นถอดเสื้อออก ประนอมมองแปลกใจ
“จะทำอะไรน่ะดำ”
“อาบน้ำไงพี่นอม”
ดำเปิดน้ำก๊อกรดหัวตัวเอง แล้วเทผงซักฟอกออกมาใส่มือ เอามาถูตัว ประนอมมองตกใจ
“เอ้า...ทำไมเอาผงซักฟอกไปถูตัวน่ะ เดี๋ยวได้เนื้อตัวถลอกปอกเปิกหมดหรอก”
“จะได้ขาวๆ ผ้าดำๆ ซักแล้วขาว ตัวดำๆ ซักแล้วก็ต้องขาว”
“โธ่เอ๊ย...ดำ”
ประนอมมองดำอย่างสมเพชเวทนา
“ผ้าดำๆ ซักแล้วมันขาวได้ แต่ตัวดำทำยังไงมันก็ขาวไม่ได้ ผ้ามันสกปรก รู้มั้ย มันถึงได้ซักออก แต่ตัวดำมันดำเอง ไม่ใช่ดำเพราะสกปรก จะไปทำให้มันขาวได้ยังไง”
ดำชะงัก ซึมไป ประนอมรีบเข้าไปตักน้ำราดตัวดำ
“แสบตัวมั้ยล่ะเนี่ย ทีหลังอย่าเอาผงซักฟอกไปถูตัวอีกนะ ดีที่แกผิวหนา ถ้าคนผิวบางๆ ป่านนี้แดงถลอกไปแล้ว”
“ฉันจะไม่มีวันตัวขาวได้เลยเหรอพี่นอม”
ประนอมมองดำ พลางถอนใจ
“ถ้าโตขึ้นแกหาเงินได้เยอะๆ ก็ลองไปฉีดยาให้ขาวแบบนักร้องฝรั่งที่เขารวยๆสิวะ มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง เปลี่ยนสีผิวดำให้เป็นขาวก็ยังได้”
ดำสนใจ
“ถ้ามีเงินก็ทำได้ทุกอย่างงั้นเหรอพี่นอม”
“เออสิ...”
ดำมองขึ้นไปบนฟ้า สีหน้ามีความหวังขึ้นมา

สาย วันใหม่...เดือนนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องนอน เขมวรรณยืนผูกโบว์ให้อยู่ด้านหลัง
“สวยจังค่ะลูก ชอบมั้ยคะ”
เดือนหันข้างมองโบว์ตัวเอง
“ชอบค่ะคุณแม่”
เขมวรรณประคองเดือนให้ยืนขึ้นมา
“เดือนลูกแม่น่ารักที่สุด ไปโรงเรียนอย่าดื้อกับคุณครูนะคะ”
“หนูไม่อยากไปโรงเรียนเลยค่ะ อยากอยู่บ้านกับคุณแม่ทุกวัน”
“ไม่ได้ค่ะ หนูต้องไปเรียนหนังสือ โตขึ้นจะได้เป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้”
“ค่ะ หนูเชื่อคุณแม่ค่ะ”
“น่ารักจริงๆ เลยเดือนลูกแม่”
เขมวรรณหอมแก้มเดือน แล้วจูงมือออกไป

ประนอมเดินออกมาหน้าบ้าน ดำมารอปิดประตูให้ ประนอมกำชับ
“แกอยู่เฝ้าบ้านนะดำ อย่าออกไปไหนล่ะ ฉันไปข้างนอกแป๊บเดียว”
“หนูไปด้วยสิ”
“ไปไม่ได้ ฉันจะไปทำธุระ อยู่เฝ้าบ้านนี่แหละ เดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝาก”
“ทำธุระอะไรน่ะพี่นอม”
“ยุ่งจริงแกนี่ ฉันจะไปธนาคารโอนเงินให้แม่”
“แม่พี่นอมอยู่ไหนเหรอ”
“อยู่ศรีสะเกษโน่น แล้วแม่แกล่ะดำ”
ดำเศร้าไป
“ไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน”
ประนอมสงสาร
“คิดถึงแม่มั่งมั้ยดำ”
ดำนิ่งคิดนิดนึง
“ไม่รู้จะคิดถึงยังไง เพราะหนูจำหน้าแม่ไม่ได้เลย แต่ป้าหมอนบอกว่าแม่คงทิ้งหนูไป ไม่กลับมาแล้ว”
ประนอมมองดำอย่างเวทนา
“แม่แกคงไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงแก สักวันนึงอาจจะมารับตัวแกไปอยู่ด้วย”
ดำดีใจ
“จริงเหรอพี่นอม พี่นอมพูดจริงนะ”
“อ้าวๆ ฉันก็เดาไปงั้นเอง อย่ามาหวังว่ามันจะจริงสิวะนังดำ”
ดำเริ่มคิดถึงแม่อย่างมีความหวังขึ้นมา
“เข้าบ้านได้แล้วดำ เดี๋ยวคุณผู้หญิงเห็นเข้าจะถูกดุ”
ประนอมเดินออกไป ดำมองตามสักพักจะกลับเข้าบ้าน แต่แล้วดำก็ชะงัก เมื่อเห็นอะไรบางอย่าง รถคันหนึ่งแล่นผ่านมา เดือนในชุดนักเรียน ผมผูกโบว์สวยงาม นั่งอยู่ด้านหลังของรถกับเขมวรรณ โดยมีคนขับรถให้ ดำมองตามตะลึง
“เดือน...”
ในรถเปิดเพลงฝรั่งดัง และเดือนกำลังคุยกับเขมวรรณ จึงไม่ได้ยินเสียงดำ
“เดือน...เดือน! อีเดือน”
ดำวิ่งตามเดือนไปแต่วิ่งไม่ทัน จนในที่สุดหกล้มลง ทันใดนั้นเสียงกุหลาบดังขึ้น
“ดำ...ดำใช่ไหมลูก ดำลูกแม่”

ดำเงยหน้าขึ้น สีหน้าตื่นเต้นดีใจและประหลาดใจอย่างนึกไม่ถึง

ข้าวนอกนา ตอนที่ 2

เขมวรรณพาเดือนมาส่งที่หน้าห้องเรียนในโรงเรียนอนุบาล ฝากฝังเดือนกับครูประจำชั้น

“ฝากคุณครูช่วยดูแลเดือนไขแสงเป็นพิเศษด้วยนะคะ แกเพิ่งได้เรียนหนังสือ อาจจะยังไม่ทันเพื่อนๆ คนอื่น”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่นี่เราดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดทุกคน” ครูหันไปหาเดือน “ปีนี้อยู่กับครูนะจ๊ะ เดือนไขแสง เดี๋ยวครูพาไปนั่งในห้อง”
เขมวรรณบอกกับเดือน
“แม่ไปแล้วนะคะลูกเดือน”
“คุณแม่มารับเดือนเร็วๆนะคะ”
“ยังไงหนูก็ต้องเลิกเรียนก่อน แม่ถึงมารับได้ หนูอยู่กับคุณครูนะลูก”
“ค่ะคุณแม่”
“ตอนเย็นแม่จะรีบมารับค่ะ”
“ไปกับครูนะคะ ไปเจอเพื่อนๆหนูเยอะแยะเลย”
ครูจูงเดือนเข้าห้องเรียนไป เขมวรรณมองตามเดือนอย่างเป็นห่วง แต่แล้วก็ตัดใจเดินออกไป

หน้าบ้านจรูญศรี...ดำมองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้นดีใจ
“น้าเป็นใคร ทำไมรู้ชื่อหนูด้วย”
กุหลาบแต่งตัวจัดๆแบบสาวขายบริการ ก้มลงมา
“ฉันเป็นแม่ของหนูไงล่ะ”
ดำถึงกับอ้าปากหวออย่างงุนงงและตื่นเต้น กึ่งไม่แน่ใจ
“แม่...แม่จริงๆ เหรอ”
“จริงซี่ แม่เอาเดือนกับดำไปฝากป้าหมอนเลี้ยงไง”
ดำแน่ใจแล้ว โผเข้ากอดกุหลาบทันที
“แม่...หนูคิดถึงแม่ แม่มารับหนูไปอยู่ด้วยใช่มั้ย”
กุหลาบลูบหัวดำ แล้วแกะดำออกเบาๆ
“แม่อยากเจอลูกนะ เมื่อแม่ไปหาเดือนกับดำที่บ้านป้าหมอนมา ป้าหมอนบอกว่าดำอยู่นี่ แต่ไม่รู้เดือนอยู่ไหน เพราะมีคนขโมยไปจากบ้าน”
ดำเอียงคอครุ่นคิดทบทวน
“ไม่ใช่นะแม่ ป้าหมอนพาเดือนไปที่บ้านหลังใหญ่ๆสวยๆ หนูก็ไปด้วย แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้เดือนอยู่กับเขาเลย ไม่ให้กลับบ้าน แถมให้เงินป้าหมอนตั้งเยอะ”
กุหลาบแววตาวาบขึ้นอย่างเจ็บใจ
“รู้ไหมว่าบ้านนั้นอยู่ไหน”
ดำส่ายหน้า
“ไม่รู้ หนูจำไม่ได้ว่าไปทางไหน อ๋อ...แต่เมื่อกี้หนูเห็นเดือนนั่งรถไปทางโน้นแน่ะ ใส่ชุดนักเรียนด้วย”
“งั้นคงเรียนอยู่โรงเรียนแถวนั้นสินะ”
กุหลาบมองตามอย่างหมายมาด
“แม่จะไปหาเดือนก่อน ดำเข้าบ้านไป”
“หนูไปกับแม่ด้วยนะ”
“อยู่นี่แหละดำ ไว้แม่จะมารับทีหลัง”
“แม่กลับมารับหนูจริงๆนะ”
กุหลาบพยักหน้า แล้วเดินออกไป ดำมองตามแม่อย่างมีความหวัง
“แม่...อย่าลืมนะ รีบกลับมารับหนูด้วย”

ครูประจำชั้นกลับเข้ามาในห้องพักครู ครูใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง
“เดือนไขแสงเป็นยังไงบ้าง”
“แกน่ารักดีค่ะ ว่านอนสอนง่าย ติดจะขี้อายหน่อย แต่เพื่อนๆก็ชอบแก เพราะแกสวยน่ารัก บางคนก็ถามว่าทำไมถึงผมแดง ผิวก็ขาวอมชมพูเหมือนลูกครึ่ง”
ครูใหญ่เดินเข้ามาใกล้ แล้วลดเสียงลงเป็นกระซิบ
“ไม่ใช่ลูกจริงๆ ของเขาหรอกนะ ลูกขอมาเลี้ยงน่ะ แต่อย่าพูดไปล่ะ พ่อแม่เขาปิด เด็กคนนี้มีบุญ พ่อแม่ที่เอามาเลี้ยงรักทูนหัวทูนเกล้าด้วยกันทั้งคู่ อย่าทำเป็นรู้เรื่องไปถามเด็กเข้าล่ะ พ่อแม่เขารู้ละก็เอาตายเลย”
“งั้นเหรอ หนูถึงได้ว่าทำไมถึงได้สวยผิดพ่อผิดแม่นัก”
แม่บ้านเข้ามาหาครูใหญ่
“ครูใหญ่คะ มีผู้ปกครองมาขอพบเด็กนักเรียนค่ะ”

ในห้องรับแขกของโรงเรียน...กุหลาบผุดลุกขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะยกมือไหว้ ครูใหญ่รับไหว้
“เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าคุณมาหาเด็กนักเรียนที่นี่”
“ฉันมาหาลูก ที่นี่มีเด็กผู้หญิงอายุ 7 ขวบชื่อเดือนมั้ยคะ”
ครูใหญ่อึ้งไป นึกถึงเดือนไขแสง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ชื่อเดือนเหรอคะ ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย”
“คนที่เอามาเลี้ยงอาจจะเปลี่ยนชื่อเด็กก็ได้ เด็กคนนี้หน้าตาไม่เหมือนคนอื่นแน่ๆ แกเป็นลูกครึ่งฝรั่งค่ะ ผมจะสีออกแดงๆ ผิวขาวอมชมพู ตาโตสีน้ำตาล...”
ครูใหญ่กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ก่อนจะตอบออกไป
“ไม่มีค่ะ คุณคงต้องลองไปหาที่อื่นแล้วนะคะ” ครูโหญ่แกล้งดูนาฬิกา “เดี๋ยวดิฉันมีสอนต่อ ขอตัวนะคะ”
ครูใหญ่รีบเดินออกไป กุหลาบมองตามอย่างไม่เชื่อนัก

ประนอมกลับเข้าบ้านมา ดำวิ่งหน้าตื่นมาบอก
“พี่นอม วันนี้แม่มาหาหนูจริงๆด้วย”
“แม่ไหน”
“แม่...ก็แม่จริงๆของหนูไง ที่เอาไปฝากป้าหมอนเลี้ยงน่ะ”
ประนอมชะงัก
“แม่แท้ๆน่ะเหรอ แล้วเขามาหาแกทำไม”
“เขาบอกว่าคิดถึงหนู จะมารับหนูไปอยู่ด้วย”
“อ้าว...แล้วเขามาคุยกับคุณนายหรือยัง”
“ยัง แม่บอกว่าต้องไปทำธุระก่อน”
“เออ...ดีใจด้วยที่ได้เจอแม่ซะที แล้วแม่แกหน้าตาเป็นยังไงล่ะ”
“แม่ของหนูหนูก็ว่าสวยละ ขาวกว่าหนูด้วย”
“โอ๊ย...ใครจะมาดำกว่าแก ดำกว่านี้ก็เขียวแล้ว แม่แกจะมารับแกเมื่อไร”
“แม่ไม่ได้บอก คงไม่นานหรอก” ดำหน้าเครียด ชักกลุ้มขึ้นมา “พี่นอม ถ้าคุณนายไม่ยอมให้หนูกลับไปอยู่กับแม่ล่ะ”
“ก็คงต้องแจ้งตำรวจ”
“ดีเลย ตำรวจจะได้จับคุณนายเข้าคุก”
“ฉันว่าคุณนายคงยอมให้แกไปอยู่แล้วละ เขาคงไม่อยากยุ่งกับตำรวจหรอก ว่าแต่แม่แกเหอะ จะกลับมาแน่เร้อ”
“ทำไมจะไม่กลับ แม่บอกแล้วว่าจะกลับมาหาก็ต้องมาสิ”
ดำนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม แต่ประนอมมองดำอย่างไม่แน่ใจ

กุหลาบกลับมาที่บ้านสมร เธอโวยวายใส่
“พี่หมอนไม่มีสิทธิ์เอาลูกฉันไปยกคนอื่น”
“ก็ใครมันจะมีปัญญาเลี้ยงเอาไว้ให้ล่ะยะ เงินทองก็ไม่เคยส่งเสีย ฉันยังอุตส่าห์เลี้ยงไว้ตั้งสองปี ถ้าไม่ให้ใครเขาไปก็ต้องเอาไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าอยู่ดี”
“แต่ตอนแรกพี่หมอนโกหกฉัน ว่ามีคนขโมยตัวนังเดือนไป”
“อะ...แกจำผิดแล้ว ฉันบอกว่ามีคนเอาตัวไปต่างหาก”
“ฉันไปเจอนังดำมา มันบอกว่าพี่หมอนเอาเด็กไปประเคนให้ถึงที่ ถ้าฉันฟ้องขึ้นมา พี่หมอนหมดตัวแน่”
สมรมองกุหลาบอย่างเริ่มกลัว แต่ยังทำปากเก่ง
“ทำไม...แล้วจะเอายังไง บอกซะก่อนว่าฉันไม่มีเงินให้ ค่าเลี้ยงดูตั้งสองปีแกยังไม่ให้ฉันเลย”
“งั้นบอกมา...ว่านังเดือนอยู่ที่ไหน”
สมรมองหน้ากุหลาบอย่างชั่งใจ

กุหลาบมาถึงหน้ารั้วบ้านเขมวรรณ มองความใหญ่โตของบ้านอย่างหวั่นๆ เธอสูดหายใจลึกแล้วตัดสินใจกดกริ่ง สักพักไพออกมา มองอย่างแปลกใจ
“มาหาใคร”
“มาหาเจ้าของบ้าน”
ไพมองหัวจรดเท้า
“มีธุระอะไร”
“ธุระสำคัญมาก ฉันมาหาลูกของฉัน เขาว่าเด็กอยู่ที่นี่ เด็กที่ชื่อเดือนน่ะ หน้าตาลูกครึ่ง ผิวขาวๆ ผมแดงๆ อยู่นี่หรือเปล่า”
หน้าไพเผือดลงเล็กน้อย แล้วมองอย่างเกลียดชัง
“รออยู่นี่ก่อน”
ไพกลับเข้าบ้านไป กุหลาบเกาะรั้วมองตาม

เขมวรรณกดโทรศัพท์โทรหาดนัยธรอย่างร้อนใจ
“นัยเหรอคะ”
“มีอะไรเข็ม ทำไมเสียงคุณตกใจอย่างนั้น”
“มีผู้หญิงคนนึงมารอหน้าบ้าน อ้างตัวว่าเป็นแม่ของยัยเดือนค่ะ”
ดนัยธรตกใจแต่พยายามปลอบ
“ใจเย็นๆเข็ม อย่าเพิ่งให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามานะ อาจจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎก็ได้”
“งั้นคุณช่วยไปรับยายเดือนที่โรงเรียน แล้วให้แกไปค้างบ้านพี่โขมก่อนนะคะ คุณแม่ก็อยู่ที่นั่นพอดี จะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน ฉันจะจัดการทางนี้เอง”

กุหลาบเดินไปเดินมาหน้าบ้านอย่างร้อนรน ไพเดินออกมา กุหลาบดีใจรีบเข้าไปเกาะรั้ว
“ลูกฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“มาผิดบ้านแล้ว ไปซะเถอะ บ้านนี้ไม่มีลูกใครอยู่หรอก ไปถามหาบ้านอื่นไป๊”
“อย่ามาโกหก ลูกฉันอยู่ที่นี่แน่ๆ”
“บอกให้ไปที่อื่นไงล่ะ”
“ฉันจะนั่งคอยดูลูกฉันตรงนี้แหละ” กุหลาบตะโกน “เดือน...เดือน แม่มาหาหนูออกมาหาแม่เถอะลูก”
ไพกลับเข้าบ้าน กุหลาบตะโกนลั่นสุดเสียง
“ฉันจะเอาลูกฉันคืนให้ได้ เอาลูกฉันคืนมา”

เขมวรรณแหวกม่านแอบมอง สะดุ้งตกใจกับเสียงของกุหลาบ เธอรีบปิดม่านลง เสียงกุหลาบยังดังมา
“เอาลูกฉันคืนมา”
พอหันกลับไปก็สะดุ้ง เมื่อเห็นว่าเป็นไพก็ค่อยโล่งอก
“โอ๊ย...ไพนี่เอง ใจหายหมดเลย”
“มันยังไม่ยอมไปค่ะคุณผู้หญิง จะให้เรียกตำรวจมั้ยคะ”
เขมวรรณเสียงสั่นๆ
“ช่างเขาเถอะ อยากจะรอก็ปล่อยเขาไป ฉันไม่มีวันให้เขาได้เจอกับยัยเดือนหรอก”

เขมวรรณกอดอกอย่างรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา

ดนัยธรเข้ามาในโรงเรียน รีบอุ้มเดือนขึ้นรถ พลางมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง ก่อนจะขึ้นไปนั่งด้านคนขับ

“เดี๋ยวพ่อจะพาหนูไปบ้านคุณป้าโขมก่อนนะลูก”
“ทำไมคุณพ่อไม่พาหนูกลับบ้านล่ะคะ”
“พ่อกับแม่มีธุระจ้ะลูก หนูไปอยู่กับคุณป้าสักพักนะ คุณยายก็จะอยู่เป็นเพื่อน หนูด้วย”
ดนัยธรกอดเดือนไว้อย่างปลอบโยน แต่หน้าตาของเดือนยังไม่สบายใจนัก
“เดือนไปกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ”
“ไม่ได้จ้ะ หนูต้องเรียนหนังสือ ไม่งั้นจะไม่ทันเพื่อนๆนะลูก”
เดือนพยักหน้าอย่างจำใจยอมรับ
“คุณพ่อมารับเดือนกลับบ้านเร็วๆนะคะ”
“จ้ะ อีกสองสามวันเสร็จธุระแล้ว พ่อจะรีบมารับหนูทันทีเลย”
ดนัยธรรีบออกรถ เขาไม่สบายใจ

เขมวรรณมือไม้สั่น เมื่อเดินออกมาพบตำรวจ
“มีอะไรคะคุณตำรวจ”
“สารวัตรให้ผมมาเรียนเจ้าของบ้านนี้ว่า มีคนมาแจ้งความเรื่องลูกของเขา เขาบอกว่าคนที่เขาฝากลูกไว้ยกลูกให้เจ้าของบ้านนี้”
“ดิฉันต้องทำยังไงเหรอคะ”
“สารวัตรจะขอเชิญไปพบกับแม่ของเด็กที่สถานีตำรวจครับ”
เขมวรรณกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก หน้าซีดเหมือนจะเป็นลม ขจิตเดินเข้ามา
“ถ้าเรื่องถึงโรงถึงศาล ระวังให้ดีจะแพ้นังแม่ของยายเดือน ก็นี่แหละ เตือนแล้วเชียวนะ เรื่องเอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอมแบบนี้”
เขมวรรณยิ่งเครียดกว่าเดิม

ในสถานีตำรวจ...กุหลาบโวยวายลั่น
“ฉันต้องเอาลูกฉันคืนมาให้ได้ โธ่...ลูกทั้งคนใครจะไม่รักคะ อุตส่าห์ส่งเงินส่งทองมาให้ ขาดไปไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง มันเอาลูกฉันไปยกให้คนอื่น”
สารวัตรพยายามไกล่เกลี่ย
“เดี๋ยวก่อน ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน”
“ไม่ค่อยพูดแล้ว ฉันไปทวงลูกคืนถึงบ้านก็ไม่ยอมให้ ทำไมถึงใจร้ายใจดำกันนัก”
ขจิตสวน
“ใครกันแน่ที่ใจร้าย เธอไม่เลี้ยงดูลูก เอาไปทิ้งๆขว้างๆ คนเลี้ยงเขาเลี้ยงไม่ไหว ก็ต้องยกให้คนอื่น”
กุหลาบเถียง
“ใครบอกว่าฉันทิ้งๆขว้างๆ ยัยสมรแกโกหก ฉันขาดส่งเงินให้ไม่กี่เดือนเอง มันไม่มีสิทธิ์เอาลูกฉันไปยกให้คนอื่น”
สารวัตรไกล่เกลี่ย
“แต่ถ้าหากว่าลูกคุณไปอยู่กับคนอื่นที่เขาเลี้ยงดูได้ดีกว่า คุณก็น่าจะพอใจไม่ใช่เหรอ”
ขจิตขัดขึ้น
“งั้นก็ถามความสมัครใจของเด็กเป็นไง”
เขมวรรณรีบค้าน
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ เข็มจะไม่ยอมให้เอาลูกเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เด็ดขาด”
“ไม่ต้องห่วงเด็กนักหรอกยัยเข็ม เราต้องให้มันมีภูมิคุ้มกันบ้าง ไม่ใช่ปกป้องกันจนอ่อนแอเกินไป”
“แกยังเด็กนักค่ะคุณแม่ เรื่องแบบนี้จะฝังใจแกเป็นปมด้อยมากกว่า”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าอะลุ้มอล่วยกันได้” สารวัตรหันไปหากุหลาบ “คุณยอมยกเด็กให้เขาไปซะ แล้วก็รับเอาค่าเลี้ยงดูไปตามแต่จะตกลงกัน”
กุหลาบเลิกคิ้ว ถามเสียงสูงเหมือนตกใจที่ถูกสบประมาท
“แปลว่าจะซื้อลูกฉันน่ะซี”
กุหลาบกวาดตามองเขมวรรณกับขจิตและสารวัตร ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น
“โอ๊ย...ไม่ได้หรอก ลูกทั้งคนใครจะยอมขายให้ง่ายๆ”

ค่ำนั้น...เขมวรรณกลับเข้ามาในบ้านพร้อมขจิต เขมวรรณเครียดจัดและมีน้ำตาคลอ ดนัยธรปราดเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างเข็ม”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมท่าเดียวค่ะ บอกว่าจะเอาลูกคืน แล้วจะไปฟ้องมูลนิธิด้วย”
ขจิตถอนใจ
“น่ากลัวจะต้องหมดตัวเพราะเด็กคนนี้ละมั้ง แสนสองแสนแม่มันไม่ยอมตกลง มันคงกะจะเอาให้ตั้งตัวได้เลย”
“ยังไงเข็มก็ไม่ยอมให้เขาเอายัยเดือนไปหรอกค่ะ ดูก็รู้แล้วว่าเขาดูแลยัยเดือนไม่ดีเท่าเราแน่ แล้วเข็มก็ไม่อยากให้ลูกมารู้หรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันจะกระทบจิตใจแก...เราจะทำยังไงดีคะนัย”
“ไม่ต้องไปกลัวเข็ม ผมดูออกว่าพวกนี้มาท่าไหน ไว้ผมจะเอาทนายไปคุยเอง”
ดนัยธรเสียงเข้มอย่างไม่ยอมแพ้ เขมวรรณมองอย่างฝากความหวัง

วันใหม่...ดำออกมาทิ้งขยะ พลางชะเง้อมองไปหน้าบ้าน ทางโน้นทีทางนี้ที ประนอมกลับจากตลาดเห็นเข้าก็ถามขึ้น
“รอแม่อยู่ล่ะสิ”
ดำเหลือบมองประนอมอย่างไม่พอใจที่รู้ทัน
“รอรถของยัยเดือนด้วย บางทีเขาอาจจะรู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน”
“ถ้าเขาจะมาจริงๆ ก็คงมากดกริ่งนั่นแหละ แกรีบเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวคุณนายเห็นแกอู้งานจะโดนดุเอา”
ประนอมกลับเข้าบ้านไป ดำมองไปแล้วถอนใจ กำลังจะกลับเข้าบ้าน แต่แล้วก็เห็นรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาเหมือนรถที่เดือนนั่งมาแล่นผ่านมา ดำดีใจ
“เดือน...”
ดำรีบวิ่งเข้าไปหา จึงไม่ทันระวังรถที่วิ่งเข้ามาอีกทาง รถเบรกเอี๊ยด ดำตกใจล้มลง
“ว๊าย”
“ตายห่ะ...”
ชายคนขับมองจากในรถ นึกว่าดำตายแล้ว เลยจะรีบเลี้ยวรถหนี แต่พอดำค่อยๆ ลุกขึ้นมาแบบงงๆ ชายคนนั้นก็ลงจากรถมาต่อว่าทันที
“เฮ้ย...อีดำนี่ อยากตายหรือไง วิ่งมาขวางรถแบบนี้”
“น้านั่นแหละขับรถภาษาอะไร ไม่ดูคนเลย”
“เป็นเด็กเป็นเล็กยังจะเถียงอีก”
ลุงหวัดเข้ามาขวาง
“มีน้ำใจบ้างหรือเปล่า ชนเด็กแล้วยังไม่ขอโทษ”
“ขอโทษทำไม มันวิ่งออกมาเอง โชคดีที่มันไม่ตาย ไม่งั้นคนที่ซวยก็คือกูนี่แหละ”
พูดจบชายคนนั้นก็ขึ้นรถขับออกไป ลุงหวัดมองตามพลางส่ายหน้า แล้วเข้าไปดูดำ
“เป็นอะไรหรือเปล่าอีหนู”
ลุงหวัดปัดฝุ่นที่เปื้อนตามเนื้อตัวให้ดำ เขาตกใจเมื่อเห็นแผลที่ข้อศอก
“เลือดไหลนี่”
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บเท่าไร”
“เก่งนะ ตัวแค่เนี้ยไม่ร้องไห้เลย”
ลุงหวัดจับหัวดำเขย่าอย่างเอ็นดู
“ไป เดี๋ยวลุงพาไปให้ยัยนอมทำแผลให้นะ”
ลุงหวัดพาดำเข้าบ้านไป แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคุณนายหน้าถมึงทึงรออยู่
“มาแล้วเหรอนายหวัด”
ลุงหวัดหน้าเจื่อนไป

จรูญศรีแหวลั่น ในขณะที่หวัดนั่งหน้าเจื่อน
“โอ๊ย...อย่ามาอ้างเลย ถ้าเดือนนี้ไม่จ่ายค่าเช่า ก็ขนของออกไปได้”
“ขอโทษจริงๆครับคุณนาย พอดีลูกผมป่วยพร้อมกันสองคน ผมกับเมียต้องผลัดกันเฝ้า ผมก็ขับแท็กซี่ไม่ได้อยู่หลายวัน”
“เดือนที่แล้วก็บอกว่าต้องจ่ายค่าเทอมลูก เดือนนี้ลูกป่วยอีกแล้ว ทำไมปัญหาเยอะนักล่ะ”
“ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดเลยนะครับ ขอเลื่อนไปอีกอาทิตย์นึงได้ไหมครับ” ลุงหวัดยกมือไหว้ “ผมขอร้องเถอะครับคุณนาย”
“ฉันเปิดห้องให้คนเช่า ไม่ได้เปิดให้อยู่ฟรีนะ ถ้านายหวัดอยากอยู่ฟรีก็ไปอยู่ที่อื่น...”

ในห้องคนใช้...ประนอมทายาที่แผลให้ดำ เสียงจรูญศรีดังลั่นออกมา
“ฉันยอมมาหลายครั้งแล้ว ถ้ายอมบ่อยๆ อีกหน่อยคนอื่นมันก็จะเอาอย่างซี่ นี่ค้างค่าเช่ามาสามเดือนแล้ว ฉันขาดรายได้ไปตั้งเท่าไร ไม่รู้ละ จะไปกู้หนี้ยืมสินใครมาก็เรื่องของลุง แต่ต้องจ่ายค่าเช่าให้ฉัน ไม่อย่างนั้นย้ายออกไปได้เลย”
ดำหันมาถามประนอม
“ท่าทางคุณนายโมโหมาก ถึงได้เสียงดังขนาดนี้”
“สงสารลุงหวัดจริงจริ๊ง เจอฤทธิ์คุณนายอีกแล้ว”
ประนอมเผลอกดแผลดำด้วยความแค้นใจแทนลุงหวัด
“โอ๊ย...เบาหน่อยพี่นอม หนูเจ็บ”
“เออ...โทษที”
ประนอมค่อยทายาอย่างเบามือ ดำถามต่อ
“ลุงหวัดเป็นใครเหรอพี่นอม”
“แกเช่าห้องคุณนายอยู่ อาชีพแกขับแท็กซี่ แต่แกมีลูกหลายคน เงินเลยไม่ค่อยพอใช้ แกเป็นคนดีมาก ขนาดเคยเก็บเงินในรถได้หลายแสน ยังเอาไปคืนเจ้าของ ลงหนังสือพิมพ์ตั้งหลายฉบับ”
“เป็นหนู หนูไม่คืนหรอก”
ประนอมตำหนิ
“แม้...นังดำนี่ เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดจะเอาของคนอื่นแล้วเหรอ”
“หนูอยากรวยนี่พี่นอม คนรวยทำอะไรก็ได้ อยากขาวก็ยังขาวได้ พี่นอมเคยบอกหนูเอง แล้วถ้าหนูรวยหนูขาวน่ารักอย่างนังเดือน แม่ก็จะได้กลับมารับหนูไปอยู่ด้วย”
ประนอมได้แต่ส่ายหน้ามองดำอย่างปลงๆ จะสอนก็สอนไม่เป็น แล้วดำก็ตาโตเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง
“พี่นอม นั่นไงแม่หนู”
ประนอมหันไปมอง ทีวีในห้อง เป็นภาพข่าวของกุหลาบ
“เช้าวันนี้นางกุหลาบ เหลากระโทก ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจ...ว่าลูกสาววัย 6 ขวบ และ 7 ขวบของตนถูกพี่เลี้ยงนำไปขายให้กับคู่สามีภรรยาที่ต้องการรับบุตรบุญธรรม โดยที่เธอไม่ได้ยินยอม...”

ดำจ้องทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจฟังมาก

ข้าวนอกนา ตอนที่ 2 (ต่อ)

ลุงหวัดเดินออกมาหน้ารั้วบ้านของจรูญศรีอย่างเซื่องซึม ดำวิ่งตามมา

“ลุงจ๋า ลุงหวัด”
“อ้าว...ดำ ว่าไง รู้จักชื่อลุงด้วยเหรอ”
“ลุงก็รู้จักชื่อหนูเหมือนกันน่ะแหละ”
ลุงหวัดก้มลงจับหัวดำเขย่า
“แล้ววิ่งตามลุงมาทำไม”
“หนูขอติดรถลุงไปข้างนอก”
“จะไปไหนล่ะ แล้วคุณนายไม่ว่าเอาเหรอ”
“หนูจะไปหาแม่”
ลุงหวัดมองดำอย่างงุนงง

รถแท็กซี่ของลุงหวัดขับมาจอดหน้าสถานีตำรวจ รถซึ่งยังไม่ทันจอดดี ดำทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ ลุงหวัดรีบบอก
“เดี๋ยวก่อน รอด้วย เดี๋ยวลุงเข้าไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะลุง เดี๋ยวหนูก็เจอแม่แล้ว”
“แน่ใจนะว่าแม่อยู่ที่นี่”
“ในข่าวบอกว่าแม่จะมาที่โรงพักตอนบ่าย แม่ต้องมาแน่ๆ”
“ลุงจะรอแถวนี้ ถ้าอีกห้านาทีดำไม่ออกมาแสดงว่าเจอแม่แล้ว ลุงก็จะไป”
ดำยกมือไหว้
“ขอบคุณจ้ะลุง หนูไปละ”
ดำรีบลงจากรถ ลุงหวัดมองตามดำอย่างเป็นห่วง

กุหลาบแปลกใจมาก แต่แล้วก็ทำท่าดีใจเมื่อเห็นดำเดินเข้ามา
“ดำ...ดำลูกรักของแม่” กุหลาบโผเข้าไปกอดดำ “แม่ดีใจ ดีใจเหลือเกิน ที่ได้เจอลูก มาได้ยังไงกัน”
“หนูแอบหนีคุณนายออกมา แล้วติดรถแท็กซี่ของลุงหวัดมา”
กุหลาบทำท่าเข้าไปกอดดำเหมือนรักเสียเต็มประดา
“โถ...ไม่น่าลำบากเลยลูก ไว้แม่จะไปรับหนูมา แม่จะเลี้ยงลูกเอง ยังพี่ของดำอีกคน เราไปอยู่กันตามประสาแม่ๆลูกๆ นะลูกนะ”
ดนัยธรกับธวัชชัยซึ่งเป็นทนายของเขาเดินเข้ามา ดนัยธรเหลือบมองกุหลาบอย่างรังเกียจ
“คุณก็ได้ลูกคืนไปคนนึงแล้วนี่ คุณกุหลาบ สำหรับคนโตยกให้ผมเลยก็แล้วกัน คุณอย่าทำให้ลูกคุณต้องกลับไปลำบากอีกเลย ตอนนี้แกมีความสุขสบาย มีความอบอุ่นจากครอบครัวเต็มที่แล้ว”
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าอยู่กับแม่จะไม่อบอุ่นกว่าอยู่กับคนอื่น”
“อยู่กับเรา เราให้ความรักความอบอุ่นกับเดือนทุกอย่าง ได้เรียนโรงเรียนดีๆ กินดีอยู่สบาย พนันกันเลยว่า ถ้ามีการขึ้นศาล แล้วถามความสมัครใจของเด็กละก็ คุณไม่มีวันได้แกไปแน่ๆ”
“ก็ไม่แน่นักหรอกคุณ ฉันเองก็ปรึกษาทนายของมูลนิธิมาแล้วเหมือนกัน”
“งั้นก็ตามใจ เมื่อตกลงกันไม่ได้ ผมก็จำเป็นต้องให้เด็กขึ้นศาล ทั้งๆที่ไม่อยากให้กระเทือนถึงตัวแกเลย ไอ้ที่คุณจะเรียกห้าหกแสนผมไม่มีปัญญา ผมให้ได้แค่แสนเดียวอย่างมาก”
ดนัยธรลุกขึ้นยืน ดำเงยหน้ามองดูเขาอย่างทึ่ง ธวัชชัยยกมือไหว้สารวัตร
“ขอบคุณนะครับสารวัตร”
ดนัยธรกับธวัชชัยจะไป กุหลาบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ดนัยธรหันกลับมา แววตาฉายแสงแสดงความมีชัย สารวัตรเกลี้ยกล่อม
“เอ้า...ตัดสินใจให้ดีๆ เงินแสนไม่ใช่น้อยๆ ไหนๆ เขาก็เลี้ยงมาดีแล้ว ถ้าต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเรื่องก็ไปอีกยาว แล้วก็ไม่แน่ด้วยว่าใครจะชนะ”

กุหลาบเซ็นชื่อลงในแผ่นกระดาษต่อหน้าสารวัตร ดนัยธรถอนใจยาว ธวัชชัยมองหน้ากุหลาบแล้วย้ำเสียงเข้ม
“สัญญาแล้วนะว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเด็กอีก”
“ก็เซ็นไปแล้วนี่”
ดนัยธรยกมือไหว้สารวัตร
“ขอบคุณมากครับสารวัตร งั้นเสร็จธุระแล้วผมลาละ”
สารวัตรรับไหว้ ดนัยธรกับธวัชชัยออกไป สารวัตรหันมาทางกุหลาบ
“คงพอใจแล้วสินะ”
“โอ๊ย...นี่หนูเห็นแก่ลูกของหนูหรอกถึงได้ตกลง ถ้าคุณนั่นแกไม่บอกว่าเด็กจะเดือดร้อนจ้างหนูก็ไม่ยอม ให้เอาเงินมากองท่วมหัวหนู หนูก็ไม่ยอมขายลูกแน่”
“ก็ดีแล้ว อันที่จริงเราก็ไม่ได้เลี้ยงมา ความใกล้ชิดสนิทสนมไม่เท่ากับพ่อแม่ใหม่ของเขา แล้วเราก็ยังมีลูกอีกคน” สารวัตรมองดำ “เอากลับไปเลี้ยงให้ดีก็แล้วกัน”
“แน่ล่ะค่ะ ลูกของหนูนี่ สารวัตรน่ะลำเอียง เห็นท่าทางเขาใหญ่โต สารวัตรก็เข้าข้างเขา”
สารวัตรชะงัก
“อ้าว...บ๊ะแล้ว...”
กุหลาบยกมือไหว้สารวัตร แล้วเดินดุ่มๆออกไป ดำรีบตาม

กุหลาบเดินมาแล้วชะงัก หันมาทางดำ
“เจ้าของบ้านแกอยู่หรือเปล่า”
“แม่ถามทำไม”
“ก็จะไปหาเขาน่ะซี อยากจะตกลงอะไรกับเขาสักหน่อย”
ดำมองแม่อย่างใจหาย
“อย่าไปหาเขาเลย หนูเป็นลูกแม่ ถึงยังไงเขาก็จะเอาหนูไปอยู่ด้วยอีกไม่ได้ หนูอยู่กับแม่ดีกว่า เขาเลี้ยงหนูเป็นคนใช้ ไม่ได้เลี้ยงเป็นลูกอย่างนังเดือน”
กุหลาบอึ้งไป พูดเสียงอ่อนลง
“ที่จริงอยู่กับเขาก็ดีแล้ว”
ดำหน้าเจื่อนลง
“ไม่เห็นดีเลย หนูต้องทำงานทั้งวัน เหงาก็เหงา แม่ไม่เอาหนูไปอยู่ด้วยเหรอ”
“แกกลับบ้านเดิมไปก่อน แล้วแม่จะไปรับทีหลัง”
“หนูอยากอยู่กับแม่”
กุหลาบเสียงเข้ม
“แกยังอยู่กับฉันไม่ได้”
“ก็ไหนเมื่อกี้แม่บอกตำรวจว่าอยากเอาหนูไปอยู่ด้วยไง”
กุหลาบหงุดหงิดที่ดำเซ้าซี้
“บอกว่ายังไปไม่ได้ ไปไม่ได้ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ถ้าไปได้ก็เอาไปอยู่ด้วยแล้วสิ อยู่กับคนอื่นมาตั้งนานสองนานอยู่มาได้ เกิดจะดัดจริตอะไรขึ้นมา”
ดำมองหน้าแม่อย่างเสียใจ แต่คิดว่าแม่โกรธเพราะตนเซ้าซี้ เลยรีบประจบ
“หนูกลับไปอยู่กับคุณนายก็ได้ แล้วแม่ต้องไปรับหนูเร็วๆนะ”
“อือ...ดีแล้ว บอกเขาด้วยว่าแม่ฝากแกไว้ก่อน แล้วจะมารับทีหลัง เดี๋ยวแม่ไปส่งแกเอง”
กุหลาบเดินออกไป ดำยื่นมือไปจับมือกุหลาบเพื่อให้จูง กุหลาบจูงมือดำ

เขมวรรณโผเข้ากอดเดือน น้ำตาคลอเต็มตา
“พ้นเคราะห์เสียที ลูกเอ๋ย...”
เขมวรรณกอดลูกแน่นพลางกอดจูบ ด้วยความรู้สึกรักและหวงแหนมากกว่าเดิม เดือนมองแม่งงๆ แต่ยังไม่ทันถามอะไร ดนัยธรก็ดึงไปกอดบ้าง จูบหน้าผากของลูกสาวเบาๆ ขจิตมองอย่างไม่สบายใจ
“คุณพ่อคุณแม่ขา เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พ่อกับแม่ไม่ได้เจอหนูหลายวัน ก็เลยคิดถึงมาก”
“หนูก็คิดถึงคุณพ่อคุณแม่มากเลยค่ะ”
เดือนอยู่ท่ามกลางพ่อกับแม่ ซึ่งโอบกอดเธอไว้คนละข้างอย่างมีความสุข

กุหลาบจูงมือดำมาส่งหน้าบ้านจรูญ
“ทำตัวดีๆ นะดำ แม่ไปละ”
ดำยังไม่ยอมปล่อยมือ
“แล้วเมื่อไรแม่จะกลับมารับหนู”
กุหลาบทำเมินๆ
“อีกอาทิตย์นึง แม่จะไปธุระต่างจังหวัดก่อน อย่าดื้อนะดำ”
ดำค่อยๆ ปล่อยมือแม่ กุหลาบเดินออกไป ดำมองตามแล้วตะโกน
“แล้วแม่อย่าลืมมารับหนูนะ”
กุหลาบไม่หันหน้ามา แต่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ดำมองตามแม่อย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม

ดำกลับเข้ามาในบ้าน พร้อมสีหน้ามีความหวัง
“เมื่อกี้คุณนายถามหาแกว่าแกหายไปไหน ดีนะที่ฉันโกหกว่าฉันใช้แกออกไปซื้อของ คุณนายรีบไปวัดเลยไม่ได้สนใจอีก แล้วแม่ของแกว่ายังไงบ้าง”
“เขาเห็นเขาก็ดีใจ เข้ามากอดน่ะซี่ โอ๊ย...เขาพูดอะไรเยอะแยะจำไม่ได้หรอก จำได้แต่ว่า เขาบอกว่าใครเอาเงินมากองท่วมหัวเขาซื้อหนูจากเขาเขาก็ไม่ยอมขาย เขาบอกว่าลูกของแม่ทั้งคน”
“แล้วเมื่อไรแม่จะมารับแกไปอยู่ด้วยล่ะ”
ดำตอบอย่างภูมิใจ
“แม่บอกว่าอีกไม่กี่วัน แม่จะไปทำธุระก่อน โอ้โฮ...แม่รักหนูมากเลยพี่นอม บอกว่าถ้าคุณนายไม่ยอมคืนหนูให้แม่นะ แม่จะแจ้งตำรวจมาจับเข้าคุก”

ประนอมมองดำอย่างไม่อยากเชื่อ

หลายวันต่อมา...ดำออกมาชะเง้อคอรอหน้าบ้าน มองไปแต่ไร้วี่แววของแม่

“แม่ไม่กลับมารับหนูแล้วเหรอ แม่...แม่หายไปไหน แม่...ฮือๆ”
น้ำตาของดำไหลออกมาเป็นสาย

10 ปีต่อมา....ดำชะเง้อรอแม่อยู่หน้าบ้าน สักครู่ กุหลาบก็เดินมาหา
“แม่...”
“ดำ...ดำลูกแม่”
“ทำไมแม่เพิ่งมา หนูรอแม่นานแล้วนะ”
“แม่ไปทำงานมา หาเงินมาซื้อลูกคืนจากคุณนายไงจ๊ะ”
“แม่...หนูรักแม่จังเลย”
ดำโผเข้ากอดแม่ ทันใดนั้นเสียงโจ้ดังขึ้น
“อีดำ...อีดำ...อีดำ”
ดำสะดุ้ง ตื่นจากภวังค์ หันไปมองตามเสียง โจ้ในชุดนักศึกษาเตะรองเท้าลอยหวือมา ดำหลบวูบ รองเท้าเฉียดหัวไปหน่อยเดียว ดำชักสีหน้าหงุดหงิด
“อะไรอีกล่ะคุณโจ้”
“ทำไมรองเท้าสกปรกนักวะ แกไม่ได้เช็ดให้เหรอ”
“เช็ดแล้ว”
“เช็ดเมื่อไร”
“เมื่อวาน”
โจ้เงื้อเท้าทำท่าจะเตะดำ ดำรีบหลบ
“อีควายเอ๊ย เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวานสิวะ วันนี้เช็ดให้สะอาดด้วย”
“ทำไมต้องเช็ดทุกวันด้วย”
โจ้เงื้อเท้าอีก
“แกจะเช็ดหรือไม่เช็ด”
ดำจำใจไปเช็ดรองเท้าให้โจ้แต่โดยดี โจ้ชูเท้าให้ ดำจึงต้องเอารองเท้าไปสวมให้ จิ๋มลากเสียงยาว
“ดาม...”
ดำถอนใจเซ็งๆ เหลือบมองจิ๋มโดยไม่ตอบ
“หยิบรองเท้ามาหรือยัง เร็วๆ”
ดำวิ่งไปหยิบรองเท้าแล้วสวมให้จิ๋มด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

ในหอประชุมมหาวิทยาลัย...กลุ่มนักศึกษากำลังมุงดูอะไรบางอย่างด้วยความตื่นเต้น บนเวที โจ้ซึ่งเป็นพิธีกรถือซองกระดาษอยู่ในมือ
“และต่อไปจะเป็นการประกาศผลการโหวต ดาวและเดือนคณะของเราประจำปีการศึกษานี้”
นักศึกษาตบมือเฮลั่น แล้วรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ โจ้เปิดซอง แล้วอ่านประกาศผล
“เดือนคณะของเราปีนี้คือ...”
นักศึกษาทุกคนลุ้น
“เป็นนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ครับ ไวภพ ณรงค์พิชัย”
ทุกคนตบมือและกรี๊ดดังสนั่นด้วยความดีใจ ไวภพก้าวขึ้นไปยืนสง่าบนเวทีด้วยรอยยิ้มที่มาดมั่น เมื่อเสียงกรี๊ดและเสียงตบมือจางลง โจ้ก็ประกาศต่อ
“มาถึงส่วนที่ตื่นเต้นที่สุดสำหรับหนุ่ม ๆ แล้วนะครับ ปีนี้ดาวมหาวิทยาลัยของเรา” โจ้เปิดซองออกมา “โอ้โห...ไม่พลิกโผเลยครับ ดาวของเราเป็นสาวสวยจากคณะมนุษยศาสตร์นี่เอง น้องเดือน เดือนไขแสง ดนัยธำรง ครับ”
ทุกคนตบมือดังลั่น เสียงเฮเสียงกรี๊ดดังสนั่น ต่างหันมองไปเป็นตาเดียวกัน เดือนเดินขึ้นเวทีไปยืนข้างไวภพ พร้อมกับรอยยิ้มสดใสน่ารัก ทุกคนมองเดือนเหมือนโดนมนต์สะกด เพื่อนของเดือนที่อยู่ข้างล่างเวทีต่างกรี๊ดกร๊าดด้วยความดีใจ ฝ้ายชื่นชม
“โอ๊ย...สมกันจริงๆคู่นี้ เดือนกับไว”
เอ๋เสริม
“ดาวกับเดือนปีนี้สวยหล่อสุดๆ แล้ว”
ไวภพหันไปยิ้มให้เดือน มองเดือนด้วยสายตาหลงใหล เดือนสบตาเขาแววตาเขินอายเล็กน้อยอย่างสาวน้อยไร้เดียงสา เดือนและไวภพยืนเด่นคู่กันท่ามกลางนักศึกษาที่ห้อมล้อม

ดำเปิดประตูรั้วบ้าน พลางมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจแล้วจึงออกจากประตู แล้วรีบไปด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ...ดำเดินมาอย่างสบายใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นอะไรบางอย่าง เธอเห็นสมพันธุ์กำลังถูกกลุ่มวัยรุ่น 3 คนรุมล้อมเหมือนจะทำร้าย แจ๊คกับต๋องช่วยกันจับสมพันธุ์ไว้คนละข้าง บอลกระชากคอเสื้อสมพันธุ์ขึ้นมา
“เมื่อไรมึงจะเลิกยุ่งกับแฟนกูซะที”
สมพันธุ์ปฏิเสธ
“บอกแล้วว่าไม่ได้ยุ่ง เขามาหาผมให้ช่วยติวหนังสือเท่านั้นเอง”
“หน้าอย่างมึงติวหนังสือเหรอไอ้พัน กูไม่เชื่อ”
บอลชกสมพันธุ์ลงไปกอง แล้วจะเข้าไปกระทืบซ้ำ ดำถลาเข้าไปกระโดดขี่คอบอลจากด้านหลัง แล้วกัดหูอย่างแรง
“โอ๊ย...อะไรวะเนี่ย” บอลหันไป “อีดำ มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ”
แจ๊คกับต๋องจะเข้าไปดึงดำออกมา แต่ถูกดำสะบัดตัวถีบอย่างแรงจนล้มไปทั้งคู่ บอลกระชากผมดำ ทำให้ดำต้องยอมปล่อย
“โอ๊ย...”
บอลสะบัดออก ดำกระเด็นไปจนล้มลงใกล้กับกองขยะ บอลยิ้มหยัน
“อ๋อ...ที่แท้มึงชอบของดำเหรอวะ ไอ้พัน”
สมพันธุ์จะเถียง แต่ดำเถียงกลับไปก่อน
“ดำแล้วหนักหัวใครวะ”
ดำคว้าไม้ในกองขยะขึ้นมา แล้วเงื้อฟาดทั้งสามไม่ยั้ง โดนบ้างไม่โดนบ้าง จนพวกบอลล่าถอย สมพันธุ์หลบอยู่หลังดำ แจ๊คชี้หน้าสมพันธุ์
“ไอ้หน้าตัวเมีย ต้องให้ผู้หญิงช่วยเหรอวะ”
ดำสวน
“พวกมึงนั่นแหละหน้าตัวเมีย แถมยังหมาหมู่ด้วย จะรังแกผู้หญิงก็เข้ามาสิวะ”
แจ๊คหยิบมีดพกขึ้นมา แล้วย่างสามขุมจะเข้าไปหาดำ สมพันธุ์ตกใจ
“อย่านะไอ้แจ๊ค”
ดำมองไปด้านหลังแจ๊ค แล้วตะโกนดังลั่น
“เฮ้ย...ตำรวจ”
บอล ต๋อง แจ๊คหันไปมองอย่างตกใจ ดำรีบจูงสมพันธุ์หนีไปทันที บอลโมโห
“โธ่เว้ย...โดนอีดำมันหลอกแล้ว”
ทุกคนมองตามเจ็บใจ

ดำจูงสมพันธุ์วิ่งหนีมาจนถึงหน้าห้องเช่า พลางเหนื่อยหอบ สมพันธุ์ดึงมือออก ดำถามอย่างเป็นห่วง
“พี่พันไปมีเรื่องอะไรกับพวกมัน”
สมพันธุ์ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก แค่มองหน้าแล้วพูดขัดหูมันนิดหน่อย”
“แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินนะ ว่าพี่ไปแย่งแฟนมัน จริงเหรอ”
“ก็แค่คุยกันนิดหน่อย”
“พี่พัน ฉันขอเตือนนะ พี่พันเลิกยุ่งกับแฟนไอ้บอลมันดีกว่า ยัยนี่มันชอบหว่านผู้ชายไปทั่วให้ไอ้บอลมันหึงเล่น”
“ดำอย่ามายุ่งเรื่องของพี่เลย”
สมพันธุ์เดินเข้าบ้านไป ดำรีบตามไปง้อ
“ไม่ยุ่งก็ได้ รอเดี๋ยวสิพี่พัน”

ดำตามสมพันธุ์เข้ามาในห้องเช่าลุงหวัด
“ลุงหวัดจ๊ะ ฉันพาพี่พันมาส่ง”
“เอ้าดำเหรอ...เข้ามานั่งก่อน” ลุงหวัดมองลูกชาย “เอ๊ะ...หน้าลูกไปโดนอะไรมาน่ะพัน”
สมพันธุ์อึกอัก ดำรีบช่วย
“พวกไอ้บอลมันหาเรื่องพี่พันน่ะสิ”
หวัดหันไปถามดำ
“แล้ววันนี้ทำไมถึงมาได้”
“ไม่รู้หรอกลุง คุณนายไปวัด เห็นว่าวันนี้มีพิธีสะเดาะเคราะห์ กว่าจะกลับก็คงค่ำ” ดำหันไปบอกสมพันธุ์ “วันนี้ฉันไปเจอเพลงใหม่มา พี่พันดีดกีตาร์ให้ร้องหน่อยสิ”
ดำไปหยิบกีตาร์ของสมพันธุ์ที่วางอยู่มาให้ สมพันธุ์จำใจดีด ดำร้องไปเต้นไปอย่างมีความสุข

เย็นนั้น ในห้องซ้อมเชียร์...เดือนกำลังซ้อมเชียร์กับไวภพและเพื่อนๆ โดยมีรุ่นพี่ช่วยสอน โจ้นำเต้น
“สาม...สี่...”
เดือนกับไวภพเต้นท่าลีดตามรุ่นพี่ เดือนต้องหมุนตัว แต่เธอเซไป ไวภพรีบเข้าไปรับไว้ แต่เสียจังหวะล้มลง จนเดือนล้มทับตัวเขา โจ้รีบเข้ามาประคองเดือนขึ้นมาอย่างห่วงใยเกินรุ่นพี่รุ่นน้อง
“เดือนเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่โจ้”
“เดือนยังไหวนะ”
“ไหวค่ะพี่โจ้ สบายมาก”
“แต่พี่ว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า พี่ไปส่งบ้านนะเดือน เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วง”
“ขอบคุณค่ะพี่โจ้ แต่ที่บ้านมีรถมารับแล้ว”
“งั้นพี่เดินไปส่งที่รถนะครับ”
เดือนไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนลอบมองไวภพ เห็นไวภพมองมาด้วยสายตาห่วงใยและแอบหึงนิดๆ เดือนรีบหลบตาเขินๆ

ค่ำนั้น เดือนกลับเข้ามาบ้านอย่างร่าเริง ยกมือไหว้ขจิต ดนัยธรและเขมวรรณที่นั่งหน้าเครียดรออยู่
“คุณยายขา คุณพ่อขาคุณแม่ขา”
เขมวรรณยิ้มให้ลูกสาว
“กลับมาแล้วเหรอลูกเดือน มาทานข้าวกันนะจ๊ะ”
ดนัยธรมองอย่างไม่สบายใจนัก น้ำเสียงตำหนิ
“ทำไมวันนี้กลับค่ำนักล่ะลูก”
“พอดีว่าวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีประกาศผลดาวกับเดือนค่ะ”
เขมวรรณยิ้มกว้าง
“ถ้าให้ทายลูกต้องได้รับเลือกเป็นดาวใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่ เดือนก็เลยต้องอยู่ซ้อมเชียร์จนดึกด้วย”
ดนัยธรถอนใจ
“อย่างนี้จะไม่เสียการเรียนเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะคุณพ่อ เดือนแบ่งเวลาได้”
“แต่นี่แค่วันแรกก็กลับบ้านค่ำเสียแล้ว ถ้าต่อไปมิยิ่งดึกกว่านี้เหรอ”
เดือนเข้าไปโอบดนัยธรไว้อย่างเอาใจ น้ำเสียงออดอ้อน
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณพ่อขา ถ้าการเรียนเดือนตก เดือนจะถอนตัวทันทีค่ะ”
“เอาผลสอบมาให้พ่อดูทุกครั้งด้วยนะ”
เดือนยิ้มแย้ม
“ได้เจ้าค่ะ คุณพ่อสบายใจได้แล้วนะคะ”
ดนัยธรอ่อนลงเพราะท่าทีของเดือน ในขณะที่ขจิตยังจ้องจับผิด
“แค่กลับค่ำวันเดียว พ่อแม่เราเป็นห่วงแทบไม่เป็นอันกินอันนอนเลยฉันก็พลอยต้องหิ้วท้องรอด้วย”
เดือนหน้าจ๋อยลง
“หนูขอโทษนะคะคุณยายขา ต่อไปหนูจะโทรศัพท์มาบอกก่อนค่ะ วันนี้ทุกอย่างมันฉุกละหุกจริงๆ”
เขมวรรณตัดบท
“ยังไงเดือนก็กลับมาแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ ไป...ไปทานข้าวกันเถอะค่ะคุณแม่”
ดนัยธรโอบเดือนออกไป แล้วหอมหน้าผากเดือนพลางลูบผมอย่างรักใคร่เอ็นดู เขมวรรณยิ้มมองความรักของพ่อลูกอย่างปลื้มใจ จะเดินตามไป แต่ขจิตดึงรั้งเขมวรรณไว้นิดหนึ่งแล้วกระซิบใกล้ๆ
“นี่เขาจะกอดจูบลูกสาวจนโตเลยเหรอนี่”
เขมวรรณแอบสะอึก
“ระวังให้ดีนะ แม่เข็ม ถ้าเป็นพ่อลูกกันจริงๆก็ไปอย่าง”
เขมวรรณรีบยกมือปิดหู
“พอทีเถอะค่ะคุณแม่ อย่าพูดอะไรหรือคิดอะไรแบบนี้หน่อยเลย เดือนเป็นลูกของเราจริงๆ ขอให้จำไว้ว่าเดือนเป็นหลานแท้ๆ ของคุณแม่นะคะ”
เขมวรรณเดินหนีตามดนัยธรกับเดือนไป ขจิตแอบมองดนัยธรอย่างนึกระแวงสงสัยไม่หาย

ดำกระหืดกระหอบกลับเข้าบ้าน
“คุณนายกลับมาหรือยังพี่นอม”
“กลับมาแล้ว ถามหาแกด้วย”
ดำตกใจ ประนอมเห็นก็หัวเราะ
“ฮ่าๆๆ ยังหรอก กลับมาแต่คุณโจ้คุณจิ๋ม”
ดำถอนใจ
“ค่อยยังชั่ว”
“แกรีบไปจัดโต๊ะเถอะ เดี๋ยวสองคนนั้นโวยขึ้นมาจะยุ่ง”
ดำรีบยกจานกับข้าวออกไป

ดำยกกับข้าวมาจัดโต๊ะอาหาร โจ้นั่งเปิดรูปดูเล่นในไอแผดอย่างอารมณ์ดี จิ๋มเข้ามาดู
“รูปใครน่ะพี่โจ้”
“ลีดรุ่นน้อง เป็นดาวปีนี้ด้วย สวยใช่ไหมล่ะ”
“แหวะ ไม่เห็นสวยเท่าไร หน้าตาแปลกๆ เหมือนลูกครึ่ง”
ดำชะงักอย่างสนใจขึ้นมาทันที เงี่ยหูฟัง
“อิจฉาหรือไง สวยกว่าแกตั้งเยอะ แถมบ้านรวยมหาศาล”
“หมาวัดอย่างพี่โจ้อย่าหวังเลยดีกว่า”
โจ้ทำท่าจะถีบ
“ไปไกลๆ เลยนังจิ๋ม แกระวังแฟนแกไว้ให้ดีเหอะ”
“ไม่กลัวหรอก เอ๊ะ...ยัยนี่ใช่คนที่เคยถ่ายรูปลงหนังสือพลอยใสหรือเปล่า ที่ชื่อเดือน เดือนอะไรนะชื่อยาวๆ ประหลาดๆ”
“เดือนไขแสง”
ดำสะดุดกับชื่อนี้อย่างจัง
“เออ...ใช่ ใช่ เดือนไขแสง”
ดำพึมพำกับตัวเอง
“เดือนไขแสง”
จิ๋มถามโจ้
“คนนี้น่ะเหรอคุณหนูคนเดียวของบ้านดนัยธำรง ลูกอธิบดีดนัยธร”
ดำย่องไปที่ด้านหลังโจ้กับจิ๋ม พอเห็นเป็นรูปของเดือนก็จำได้ทันที
“นังเดือน...”

ดำจ้องมองเดือนความรู้สึก เต็มไปด้วยความขมขื่นชิงชัง

โปรดติดตาม "ข้าวนอกนา" ตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น