บ่วงวันวาร ตอนที่ ๗
ส่วนทางด้านไอ้เพียรวิ่งหลบๆ ซ่อนๆ ตรงมาลงเรือลำหนึ่ง ซึ่งเป็นเรือสำปั่น มีช่องเก็บของอยู่ใต้ท้องเรือด้วย
“นังน้อยๆ” ไอ้เพียรตะโกนเรียก
น้อยโผล่มาจากที่ซ่อน “ได้ความว่าอย่างไร ไอ้เพียร ได้ข่าวบัวมันบ้างไหม”
“นังบัวยังปลอดภัยดี คุณพิศขังมันเอาไว้ แต่ว่า ตะกี๊ข้าแวะเข้าไปในตลาด ได้ยินข่าวใหม่มา ข่าวไม่สู้ดี” ไอ้เพียรบอก
น้อยถามหน้าตื่น “อะไร”
“คุณฉัตรจะแต่งงานกับคุณพิศวันพรุ่งนี้”
น้อยอึ้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจ “เป็นไปได้ยังไง ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคุณฉัตรจะเลือกคุณพิศ” น้อยครวญด้วยความสงสารบัว “โธ่ บัวเอ๊ย มันคงจะเสียใจมาก”
น้อยคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปหยิบไม้พาย
ไอ้เพียรเห็นก็ตกใจ “นังน้อย เอ็งจะทำอะไร”
“ข้าจะไปหาบัว ข้าจะไปช่วยมันออกมา” น้อยบอกอย่างมุ่งมั่น
“ไม่ได้นะ เอ็งอยากไปตายหรือยังไง มันเสี่ยงนะเว้ย”
ไอ้เพียรไม่ยอม แย่งไม้พายจากน้อยมา น้อยแย่งกลับคืนมา
“เสี่ยงข้าก็จะไป”
“เอ้า ถ้าเอ็งไป ข้าไปด้วย...ข้าจะไปเสี่ยงกับเอ็ง เป็นไงเป็นกัน!” ไอ้เพียรมองน้อย พูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ยอมให้เอ็งไปเสี่ยงคนเดียวแน่”
น้อยมองไอ้เพียร รู้ว่าไม่มีประโยชน์จะเถียง ได้แต่ถอนใจ นิ่งคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“งั้นเอ็งก็เตรียมตัว เดี๋ยวข้าไปหาข้าวมาให้กิน”
สองคนยังอยู่ด้วยกันที่ริมแม่น้ำ น้อยกำลังย่างปลาอยู่ ระหว่างนั้นน้อยชะเง้อมองเพียรอย่างระวัง แล้วหยิบผงอะไรบางอย่าง น้อยรู้ดีว่าเป็นเกสรดอกลำโพง โรยลงไปบนตัวปลา
สักครู่หนึ่งน้อยก็เอาปลามาให้ไอ้เพียร
“กินปลารองท้องก่อน จะได้มีแรงไปช่วยนังบัวกัน”
“แล้วเอ็งไม่กินหรือ”
“เอ็งกินไปก่อนเถอะ ข้ายังไม่หิว”
น้อยบอก พลางส่งกระทงรองปลาให้ ไอ้เพียรยิ้มแย้ม แล้วหยิบปลามากินอย่างชื่นอกชื่นใจ น้อยนั่งชำเลืองมองเป็นระยะๆ เหมือนมีอะไรบางอย่าง
ไอ้เพียรปลื้มไม่หายเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “รสมือเอ็งนี่เลิศแท้ แค่ปลาย่างไฟ ก็อร่อยยิ่งกว่าข้าวทิพย์”
“กินไปเถอะ อย่าพูดมาก กินเยอะๆ นะ” น้อยบอก
“ข้ากินไปเยอะแล้ว” ไอ้เพียรยื่นปลามาให้น้อย “เอ็งกินบ้างเถอะ นังน้อย”
แต่แล้วเพียรต้องชะงัก เริ่มรู้สึกมึนหัวตึบ ดวงตาพร่าเลือน ไอ้เพียรรู้สึกผิดปกติ หันไปมองน้อย อาการเริ่มสะลึมสะลือ “นังน้อย...ปลานี่มัน...” ไอ้เพียรนึกได้ “เอ็ง...”
พูดได่เท่านั้นไอ้เพียรก็หมดแรงฟุบหลับไป
ค่ำคืนนั้นบรรยากาศภายในคุกหลังเรือนทาสเงียบสงัด แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในคุกเห็นบัวนั่งอยู่ท่าทางดูเศร้าโศก
สักครู่หนึ่ง บัวหยิบเชือกที่ไว้ใช้มัดมือบริเวณนั้นออกมา น้ำตาอาบสองแก้ม จากนั้นบัวค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปที่กลางกรงขัง กอนจะนำเอาเชือกโยนขึ้นไปแขวนไว้กับคานของกรง บัวค่อยๆมัดเชือกกับคานกรงอย่างช้าๆ
ครู่ต่อมาบัวเอาแต่พร่ำรำพัน
“บ่าวอยากให้คุณฉัตรรู้ไว้ว่า บ่าวซาบซึ้งในความรักที่คุณฉัตรมีให้บ่าวเสียเหลือเกิน”
บัวจับเชือกในมือกำไว้แน่นอย่างมุ่งมั่น
“คุณฉัตรเสียสละเพื่อบ่าวมามากแล้ว ต่อไปนี้คุณฉัตรจะไม่ต้องทำอะไรเพื่อบ่าวอีก…ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เรากลับมารักกันอีกด้วยเถิด”
ขาดคำทันใดนั้น บัวค่อยๆ โหนคอตัวเองไว้กับเชือก บัวหลับตาน้ำตาหยดสุดท้ายหยดลง บัวปล่อยร่างตัวเองห้อยโตงเตงอยู่กับเชือก
นางพุ่มเข้ามาเห็นพอดีก็รู้สึกตกใจ “นังบัว” แล้วรีบตะโกนบอกกับบ่าวผู้ชาย “เฮ้ย! เอากุญแจมาเปิดประตูหน่อย นังบัวฆ่าตัวตาย”
บ่าวผู้ชายมาเปิดประตูให้
นางพุ่มรีบปรี่เข้าไปช่วยบัว
“นังบัว ทำไมเอ็งคิดสั้นแบบนี้”
บัวร้องไห้สะอึกสะอื้น “น้าพุ่มจะมาช่วยข้าไว้ทำไม ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ข้าไม่อยากให้คุณฉัตรแต่งงานกับคุณพิศ ไม่อยากให้คุณฉัตรไม่มีความสุขเพราะข้า”
“แต่เอ็งต้องอยู่” นางพุ่มพูดเสียงแข็ง
“ข้าอยู่ไม่ได้ ข้าทนเห็นคุณฉัตรไม่มีความสุขเพราะข้าไม่ได้ ข้ารู้สึกเหมือนเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้คนรักของข้าตกนรกทั้งเป็น” บัวครวญคร่ำ
“เอ็งต้องอยู่ให้ถึงพรุ่งนี้! เอ็งฟังข้านะนังบัว ข้ามีข่าวดีจะมาบอกเอ็ง พรุ่งนี้คุณฉัตรจะพาเอ็งหนีไปจากที่นี่”
บัวชะงัก ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีขึ้น
เวลาผ่านไป นางพุ่มหันไปหยิบสำรับข้าวมาให้บัว ซึ่งใส่ใบตองมา
“เอ้า กินซะ เอ็งไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน คืนนี้กินให้อิ่มพรุ่งนี้เอ็งจะได้มีแรงหนี”
“จ้ะ”
บัวยิ้มรับคำ แล้วรับสำรับมากินข้าวหน้าตาสดใสเปี่ยมความหวัง
“กินเยอะๆ นะ” นางพุ่มบอก
ไม่นานต่อมานางด้วงนั่งพับเพียบอยู่ต่อหน้าพิศ
“นังบัวมันกินข้าวได้ แล้วยังไง”
“ไม่ใช่แค่กินข้าวได้เจ้าค่ะ คุณพิศเจ้าขา แต่สีหน้ามันดูสดใส วันอื่นบ่าวเห็นมันเอาแต่ร้องไห้กระซิกกระซี้ แต่วันนี้ มันดูอย่างไรพิกล”
ฟังที่นางด้วงรายงาน พิศมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำออกมา “มันต้องมีอะไรแน่ๆ” แล้วหันมาสั่งนางด้วง “เอ็งไปตามไอ้แนบมาพบข้า”
“เจ้าค่ะ”
นางด้วงเดินออกไปเลย ส่วนพิศมีสีหน้าเหี้ยมเกรียมน่ากลัวมาก
วันต่อมาไอ้เพียรตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่บนเรือ และพอรู้สึกตัวว่าโดนมัดไว้ก็ตกใจไอ้เพียรโวยวายลั่น
“นังน้อยเอ็งจะมัดข้าทำไม?”
“เอ็งอยู่นี่แหละ” น้อยกลั้นใจพูด “ข้ารอดมาได้ ข้าจะมาปล่อยเอ็ง”
น้อยใจแข็ง เก็บข้าวของเตรียมตัว ไม่สนใจไอ้เพียรเพราะไม่อยากให้เพียรต้องไปเดือนร้อนเพราะตนอีก
“เอ็งไปบ้านนั้นคนเดียว ก็เหมือนไปตาย เอ็งจะกลับมาได้ยังไง” ไอ้เพียรดิ้นรน “นังน้อยปล่อยข้าเถอะ ให้ข้าไปด้วย ให้ข้าไปกับเอ็ง!”
ไอ้เพียรพยายามดิ้นรนแต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด น้อยรู้สึกสะเทือนและสงสารจนน้ำตาคลอๆ
“ถ้าจะตาย ก็ขอให้ข้าตายคนเดียวเถอะ อย่าลืมสิ เอ็งยังมีแม่ที่ต้องดูแล สักวันเอ็งต้องพาน้าพุ่มออกมาจากที่นั่นให้ได้ เอ็งไม่ได้เป็นอะไรกับข้า เอ็งจะมาตายเพื่อข้า” น้อยว่า
“แต่ข้ารักเอ็ง นังน้อย”
“ข้ารู้ แต่ข้าไม่ได้รักเอ็ง” น้อยน้ำตาไหล มองหน้าไอ้เพียรอย่างตื้นตันใจ “ข้ารู้ว่าเอ็งดีกับข้าแค่ไหน ถ้าข้าสั่งใจตัวเองได้ ข้าคงรักเอ็งไปแล้ว แต่ข้าทำไม่ได้”
ไอ้เพียรฟังแล้วเศร้า น้ำตาไหลริน ร้องครวญคร่ำ
“ถึงเอ็งไม่รักข้า แต่ขอให้ข้าได้รักเอ็งต่อไปไม่ได้หรือ นังน้อย…ที่ข้าช่วยเอ็ง ข้าไม่ได้หวังใดอื่น แค่อยากเห็นเอ็งอยู่รอดปลอดภัย เอ็งเป็นเหมือนดวงใจข้า จะให้ข้านอนเฉย ให้คนอื่นเข้ามาฆ่ามาฟันเอ็ง ข้าจะทนได้ยังไง”
น้อยขยับเข้ามานั่งข้างๆ เอามือลูบแก้ม พร้อมกับปาดเช็ดน้ำตาให้ไอ้เพียร พูดสั่งเสีย
“ผู้หญิงใจร้ายอย่างข้า ไม่สมควรให้ใครมาเสี่ยงชีวิตตายแทนหรอก เพียรฟังข้านะ ไปช่วยบัวครั้งนี้ ไม่รู้ว่าข้าจะได้มีโอกาสกลับมาเจอเอ็งอีกหรือเปล่า ถ้าหากข้าไม่รอดกลับมา...ข้าขอให้เอ็งอยู่ดี มีสุข ได้เจอคนที่เขารักเอ็ง ให้สมกับความดีของเอ็งเถะนะ”
น้อยพูดพลางปาดน้ำตา ก้มลงกราบไอ้เพียร แล้วเดินออกไป
ไอ้เพียรพยายามดิ้น โวยวายให้น้อยปล่อย
“นังน้อย!…ปล่อยข้า อย่าทำอย่างนี้ ปล่อย!”
น้อยข่มใจ เดินลงเรือพายออกไป ไม่สนใจไอ้เพียร
“นังน้อย”
ไอ้เพียรดิ้นสุดใจจนเชือกบาดเนื้อเลือดไหลออกมา แต่เชือกไม่หลุดมันเจ็บแสบจนน้ำตาไหลนองหน้า
รุ่งเช้าฉัตรแต่งตัวในชุดเจ้าบ่าว เดินเข้ามาหาพระยาโกสินทร์ แล้วก้มลงกราบแทบเท้าด้วยสำนึกในความรักของผู้เป็นบิดา
“กระผมไม่อาจหาคำพูดอะไรมาพูดกับเจ้าคุณพ่อได้กระผมซาบซึ้งในสิ่งที่เจ้าคุณพ่อยอมสละให้กับกระผม ทุกอย่างที่ผ่านมา”
“สิ่งที่ทำอยู่นี้รู้ว่ามันผิด แต่ที่พ่อทำก็เพราะว่าพ่อรักเจ้า พ่อทุกคนก็อยากเห็นลูกมีความสุข ขอให้เรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนะลูก” พระยาโกสินทร์ปลอบขวัญบุตรชายคนโต
ฉัตรน้อมรับ “ขอรับเจ้าคุณพ่อ” แล้วก้มกราบเท้าท่านเจ้าคุณผู้เป็นบิดาอีกครั้งหนึ่ง
เวลาต่อมาฉัตรกับฉายกำลังทบทวนแผน
“แผนการวันนี้ต้องผ่านไปได้ด้วยดี ชีวิตพี่ฝากไว้ในมือฉายนะ” ฉัตรกำชับ
ฉายรับคำ “กระผมจะทำให้เต็มที่ที่สุดขอรับ”
ฉัตรเล่าละเอียดจนฉายมองเห็นภาพแจ่มชัด ในตอนที่เขากำลังนั่งอยู่กลางงานพิธี พร้อมพระยาโกสินทร์ และฉาย ส่วนพิศก็อยู่อีกมุมหนึ่งกับพระยาสมาน กำลังเตรียมตัวจะทำการหมั้นกัน
“ช่วงทำพิธีหมั้น แม่พุ่มจะไปจุดไฟเผาโรงครัว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนในงาน”
“จากนั้น พี่จะให้ฉายลอบไปปล่อยแม่บัวออกมาจากคุก”
ฉายไปสะเดาะประตูคุก ปล่อยบัวออกมาได้ จากนั้นฉายจะพาบัวมาส่งให้นายสนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“แล้วฉายก็พาบัวไปส่งให้นายสน พี่ให้นายสนเตรียมเรือไว้แล้ว แล้วฉายก็รีบกลับเข้ามาในงานอย่าให้ใครสงสัย”
ฉัตรซักซ้อมแผนชิงตัวบัวให้ทุกคนฟัง
รุ่งเช้า ที่บริเวณหน้าเรือนพระยาโกสินทร์ ขบวนขันหมากเตรียมพร้อมแล้ว ฉัตรอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสวมใส่ราชประแตนสีขาวยืนหล่ออยู่หน้าขบวน ฉายอยู่ข้างๆ พี่ชาย ถัดไปเป็นขบวนสินสอด ตรวนทองคำ พระยาโกสินทร์นั่งอยู่บนเสลี่ยงคอยประคองหีบตรวนทองคำไว้ โดยมีทหารใส่ชุดเต็มยศคอยดูแลตรวนทองคำขนาบสองข้าง
ระหว่างนั้นฉัตรหันมากระซิบบอกนายสน
“เอ็งไปรอที่ท่าเรือได้แล้ว เตรียมทุกอย่างให้พร้อม”
“ขอรับ”
นายสนรับคำแล้วเดินแยกออกไป
“ได้ฤกษ์แล้ว ไปกันเถอะ”
พระยาโกสินทร์เอ่ยขึ้น จากนั้นขบวนขันหมากเริ่มเคลื่อนตัวออกจากบ้านพระยาโกสินทร์
ครู่ต่อมายินเสียงโห่เอาฤกษ์เอาชัยดังขึ้นระหว่างทางไปยังเรือนพระยาสมาน โดยมีขบวนขันหมากของฉัตรกำลังเดินทางมา
ชาวบ้านต่างชะเง้อดูตรวนทองคำอย่างตื่นตาตื่นใจ ตลอดสองข้างทาง มีชาวบ้านบางส่วนเดินตามไปดูตรวนทองคำจนถึงบ้านพระยาสมาน
“ใครอยากเห็นตรวนทองคำ ตามข้ามา”
พระยาโกสินทร์พูดพลางยิ้มมีแผน
ไม่นานนัก ขบวนขันหมากก็เคลื่อนตัวเข้ามาในอาณาบริเวณเรือนพระยาสมาน หม่อมจรัส ท่านชายทัด และพระยาสมาน ยืนรอรับขบวนขันหมากอยู่ พระยาสมานเห็นขบวนขันหมากเข้ามาก็ยิ้มแก้มปริ แล้วครู่หนึ่งก็เหลือบไปเห็นชาวบ้านที่แห่แหนตามมาดูตรวนทองคำกรูเข้ามาในบ้านอย่างล้นหลาม
“อ้าวเฮ้ย พวกชาวบ้านมันจะเข้ามาในเรือนกันทำไม” พระยาสมานหันไปบอกไอ้สิงห์ “เอ็งไปคอยจัดการกันไว้อย่าให้ใครเข้ามาเกะกะในงานได้”
จังหวะนั้น ขบวนขันหมากมาถึงหน้าเรือนแล้ว พระยาสมานทักทายพร้อมกับยิ้มย่อง
“ยกขบวนขันหมากมาเสียใหญ่โตเลยนะ ท่านเจ้าคุณถึงกับเอาตรวนทองคำมาเป็นสินสอดทองหมั้น กระผมคิดไม่ถึงจริงๆ”
“นี่รึ...” หม่อมจรัสยกมือไหว้เหนือหัว “ตรวนทองคำพระราชทานที่ผู้คนเขาพูดถึงกัน อยากจะเห็นเป็นบุญตา”
“ขอรับ” ท่านเจ้าคุณบิดาฉัตรและฉายว่า
หม่อมจรัสยิ้มเยื้อนพร้อมกับเอ่ยสัพยอก “แหม! เพชร พลอย ทองหยอง มีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่เอามา เอาตรวนมาเป็นสินสอดมันพิลึกอยู่นะคะท่านเจ้าคุณ”
พระยาโกสินทร์พูดประชด “งานแต่งงานครั้งนี้มันพิลึกพิลั่นไม่เหมือนใครอยู่แล้ว...จะว่าไป นี่มันก็เป็นถึง” ท่านเจ้าคุณว่าพลางยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัว “ตรวนทองพระราชทานเลยนะขอรับ”
พระยาสมานจอมโลภเห็นแก่ได้มองตรวนทองคำแล้วยิ้มร่า
“อยากจะเห็นแล้วสิว่าตรวนทองคำที่ว่าจะงดงามเพียงใด” ท่านเจ้าคุณหันมาเชื้อเชิญทุกคน “เชิญขึ้นเรือนกันดีกว่าขอรับ”
ฉัตร กับฉาย มีสีหน้าเรียบเฉย
บ่วงวันวาร ตอนที่ ๗ (ต่อ)
ระหว่างนั้นนางด้วงวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานพิศ
“มากันแล้วเจ้าค่ะคุณพิศ อีพวกชาวบ้านแห่กันมาดูตรวนทองคำกันเต็มบ้านเลยเจ้าค่ะ”
“นางด้วงในพิธีวันนี้ เอ็งไม่ต้องอยู่กับข้า” พิศบอก
นางด้วงเง็ง “เอ้า! แล้วจะให้บ่าวทำอะไรเจ้าคะ”
พิศมองไปที่ฉัตรสีหน้าเรียบเฉย ซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง
หีบถูกเปิดขึ้น เห็น ‘ตรวนทองคำ’ วางอยู่บนนั้น เสียงผู้คนในงานต่างฮือฮาเมื่อได้เห็นของแปลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพระยาสมานนั้นถึงกับตาลุกวาวเลยทีเดียว
ทางด้านบัวได้ยินเสียงขบวนขันหมาก ก็ดีใจและมีความความหวัง
ขณะเดียวกัน มีใครคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาที่คุก และเดินเข้ามาในคุกจ้องมองไปที่บัว บัวยังไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินเข้าไปหา จังหวะต่อมาใครคนนั้นเดินเข้าไปหาบัวใกล้ขึ้นอีก บัวได้ยินเสียงเดินจึงเหลียวมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“น้าพุ่ม”
ที่แท้เป็นนางพุ่ม ซึ่งในมือถือยามนี้มีเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับเผาครัวไว้เรียบร้อยแล้ว
“เอ็งเตรียมตัวนะ” นางพุ่มบอก
“แล้วข้าต้องทำยังไงบ้าง”
“เอ็งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ระหว่างที่คุณฉัตรทำพิธีอยู่บนเรือน คุณฉายจะมารับเอ็งไปที่ท่าเรือคลองบางหลวง แล้วคุณฉัตรจะตามไปทีหลัง” นางพุ่มบอก
พิศเดินออกมาพร้อมบ่าวคนที่ไปตาม ผู้คนในพิธีต่างหันไปมองพิศเป็นตาเดียว ฉัตรกับพิศสบตากันอย่างมีเชิง
“เจ้าสาวงามจริง” หม่อมจรัสว่า
พระยาสมานมองลูกสาวแล้วยิ้มอย่างปลื้มใจ
นางพุ่ม เดินเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง แต่พอไม่เห็นใคร นางพุ่มก็ค่อยๆ จุดไฟขึ้นเพื่อเตรียมจะเผาโรงครัว นางพุ่มมองเปลวไฟที่จุดขึ้น
“ขอให้นังบัวมันรอดปลอดภัยด้วยเถิด ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี”
ทันใดนั้น นางพุ่มก็เริ่มเผาโรงครัวตามแผน
ส่วนบนเรือน ฉัตรกับพิศนั่งเคียงกันอยู่ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ ขณะที่ทั้งสองก้มลงกราบขอพรจากผู้ใหญ่ ฉัตรกระซิบบอกพิศเสียงเบาๆ
“หวังว่าแม่พิศจะรักษาคำพูดที่ว่า...จะปล่อยแม่บัว”
พิศกระซิบตอบเสียงเบาพอกัน “คุณฉัตรยอมแต่งงานกับพิศ พิศก็ต้องรักษาคำพูดสิคะ”ฉัตรเหลียวมองหน้าพิศอย่างวัดใจกัน
ครู่หนึ่ง บ่าวคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาร้องเรียกพระยาสมาน
“ท่านเจ้าคุณเจ้าขา”
พระยาสมานฉุน เลยด่าออกไป “มีอะไร ไม่เห็นรึว่ากำลังมีงานพิธีอยู่น่ะ”
“ไฟไหม้โรงครัวเจ้าค่ะ”
พระยาสมานและแขกเหรื่อในงานได้ยิน ต่างร้องอุทานกันเสียงดังอื้ออึง
ฉัตรหันไปมองหน้าฉายทันที เป็นสัญญาณบอกว่าเริ่มแผนได้ ฉายพยักหน้ารับรู้ แล้วแอบวิ่งออกไปเหมือนว่าวิ่งตามไปดูเหตุการณ์ ฉัตรเหลือบไปสบตากับพระยาโกสินทร์อย่างรู้นัยกัน
“กระผมขอตัวก่อนนะขอรับหม่อม”
พระยาสมานกำลังจะวิ่งออกไป แขกเหรื่อและบ่าวไพร่จะวิ่งตามไป
พระยาโกสินทร์ห้ามไว้ “ท่านเจ้าคุณไม่ต้องออกไปหรอกขอรับ”
“ทำไมล่ะท่านเจ้าคุณ! กระผมจะออกไปดูความเสียหายเสียหน่อย”
“ให้ทาสข้างล่างมันดับไฟกันไปเถอะขอรับ ไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะเป็นอันตรายเสียเปล่าๆ เดี๋ยวเสร็จพิธีค่อยลงไปก็ได้”
พิศมองจ้องพระยาโกสินทร์อย่างสงสัย แต่ไม่ได้กระโตกกระตากอะไร แถมยังสนับสนุนความคิดนี้
“พิศเห็นด้วยค่ะ เราทำพิธีให้เสร็จไป ไฟไหม้ได้เดี๋ยวมันก็มอดได้” พลางหันไปทางฉัตร “จริงมั้ยคะคุณฉัตร"
ฉัตรมองพิศอย่างประหลาดใจ
ฉายวิ่งตรงไปที่คุก ระหว่างทางสวนกับบ่าวไพร่ที่วิ่งออกไปดูไฟไหม้ก็คอยหลบ
บ่าวผู้ชายตะโกนเรียกกันจ้าละหวั่น “เฮ้ย เร็วๆ โว้ย ช่วยกันไปดับไฟเร็ว!”
บ่าวจำนวนหนึ่งวิ่งวุ่นเป็นที่โกลาหล หาเครื่องมือไปช่วยกันดับไฟโรงครัว
ฉายวิ่งเข้ามาบริเวณคุก กวาดตาหาบัวไปรอบๆ
“แม่บัว”
ฉายมองหาไปทั่วบริเวณ แต่ไม่พบบัว ฉายงง เดินไปที่ประตูกรง จังหวะที่หันกลับมาก็โดนท่อนไม้ฟาดเข้าที่กกหู ฉายล้มลงกับพื้น เผยให้เห็นว่าเป็นฝีมือนางด้วง ที่กำลังโยนไม้ทิ้งไปอีกทาง
“คิดจะมาช่วยนังบัวหรือเจ้าคะ นังบัวไม่มีทางหนี ออกไปตามแผนคุณฉัตรได้หรอกเจ้าค่ะ!”
บ่าวผู้สอพลอและจิตใจมืดดำอำมหิตพูดเย้ยพลางยิ้มอย่างสะใจ
ที่แท้บัวกำลังถูกไอ้แนบผูกมัดข้อมือทั้ง ๒ ข้าง เดินจูงกึ่งลากมาตามราวป่าในอาการถูลู่ถูกัง ตามคำสั่งของพิศ ที่วางแผนแก้มือฉัตรไว้แล้วล่วงหน้า
“ปล่อยข้านะไอ้แนบ เอ็งจะพาข้าไปไหน” บัวร้องลั่น
ไอ้แนบบอกสั้นๆ “ซ่อง”
บัวตกใจมาก “ซ่อง”
ไอ้แนบบอกย้ำ “ใช่”
บัวส่ายหน้า พร้อมกับดิ้นรนขัดขืน
ไอ้แนบหัวเราะร่า “ข้าจะพาเอ็งไปขายเป็นหญิงหยำฉ่า ขายเอ็งได้เท่าไหร่ คุณพิศยกค่าตัวเอ็งให้ข้าหมดเลยรู้มั้ย”
บัวตกใจสุดขีด “อย่านะ” และพยายามสะบัดมือให้หลุด ไอ้แนบไม่ทันระวังตัว ทำให้บัวหลุดไปได้ บัววิ่งหนีไปทันที
“เฮ้ย”
ไอ้แนบวิ่งตามบัวไปอย่างไม่ลดละ แล้วกระโดดตะครุบตัวบัวไว้ได้ สองล้มกลิ้งไปด้วยกัน พอไอ้แนบตั้งตัวได้ก็ขึ้นนั่งคร่อมตัวบัวไว้ไม่ให้ดิ้นหนีแล้วตบหน้าผัวะเต็มแรง
“อีนี่ ฤทธิ์เยอะนักนะมึง นี่ถ้าข้าไม่กลัวว่าค่าตัวเอ็งจะตกละก็ ข้าจะ…”
บัวพยายามดิ้นหนีอีก แนบโมโหเงื้อมือจะตบบัวอีกฉาด จังหวะนั้นบัวเหลียวไปเห็นใครบางคนวิ่งเข้ามา ไอ้แนบชะงักจึงหันไปตามสายตาบัว จึงเห็นว่าเป็นน้อยถือท่อนไม้ตีหัวไอ้แนบเต็มแรง จนมันเซถลาล้มลงไป
บัวดีใจมาก “น้อย”
“หนีเร็วนังบัว”
น้อยไม่พูดพร่ำเข้าไปช่วยพยุงตัวบัวให้ลุกขึ้น ทั้งคู่กำลังจะวิ่งหนี แต่โชคร้ายไอ้แนบตั้งตัวได้ก่อน มันถลาเข้าไปจิกหัวน้อยไว้ น้อยร้อง “โอ๊ย”
ไอ้แนบโมโหมาก “อีน้อย”
น้อยหันมาตบตีสู้ แต่ก็สู้แรงชายไม่ได้ ถูกไอ้แนบตบลงไปกองที่พื้น บัวเข้าไปดึงไอ้แนบไว้เพื่อช่วยน้อย แต่ถูกไอ้แนบหันมาตบบัวกระเด็นออกไปอีกทาง
“มึงนี่วอนหาเรื่องจริงๆ นะ…ดี! กูจับขายซ่องให้หมด”
ว่าพลางไอ้แนบเข้าไปจิกหัวน้อยและเอาเถาวัลย์แถวนั้นผูกมัดมือไว้
เวลาเดียวกันบนเรือนพระยาสมาน พิธีการยังดำเนินต่อไป มุมหนึ่งด้วงคลานเข้ามาหาพิศ กระซิบบางอย่างให้พิศฟัง แล้วพิศก็สั่งบางอย่างกับนางด้วงอีก ก่อนจะเห็นนางด้วงคลานออกไป
ฉัตรท่าทางเป็นกังวล เหลียวมองหาฉายอยู่ตลอดเวลา พระยาโกสินทร์ก็ชะเง้อชะแง้มองหาฉายเช่นกัน
จนพระยาสมานเห็นผิดสังเกต
“มีอะไรหรือเปล่าขอรับท่านเจ้าคุณ”
พระยาโกสินทร์ตกใจ “ไม่มีอะไรขอรับ”
“มองหาคุณฉายอยู่หรือคะ” พิศพูดดักคอ
“ใช่…นายฉายจะไปไหนก็ไม่ยอมบอกยอมกล่าว”
พิศแสยะยิ้มพูดเสียงเรียบ “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
ฉัตรมองจ้องรู้สึกว่าพิศพูดจาแปลกๆ ก็นึกสงสัย
ทางด้านฉายค่อยๆ ลืมตาตื่น พร้อมกับสะบัดหัวด้วยความงุนงง เจ็บปวด แล้วจึงเห็นว่า ตนเองถูกขังอยู่ในคุก ครู่หนึ่ง มีคนเดินเข้ามา ฉายเหลือบไปเห็นเงาลางๆ
“เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
ที่แท้เป็นนางพุ่มเดินเข้ามาตรงนั้น พอนางพุ่ม เห็นฉายอยู่ในคุกก็ตกใจ
“คุณฉายไปอยู่ในนั้นได้ยังไงเจ้าคะ”
ฉายพยามยามทบทวนเหตุการณ์ “ฉันจะมาช่วยแม่บัว แต่กลับถูกใครก็ไม่รู้ฟาดเข้าที่นี่” ฉายเอามือจับตรงกกหูที่โดนฟาด
นางพุ่มมองหาบัว
“แล้วนังบัวล่ะเจ้าคะ”
“ฉันก็ไม่รู้ ฉันมาก็ไม่เจอแม่บัวแล้ว”
พุ่มตกใจ “อย่าบอกนะเจ้าคะว่าคุณพิศรู้ทันแผนของคุณฉัตร”
“รีบช่วยฉันออกไปก่อนเถอะ ฉันจะไปบอกพี่ฉัตร”
ขณะเดียวกันนางด้วงเดินกลับมาเห็นฉายวิ่งขึ้นเรือนไป ก็ตกใจ
“คุณฉาย! ซวยแน่อีด้วง! คุณฉายหนีออกมาได้ยังไง”
นางด้วงเหลือบไปเห็นนางพุ่มเพิ่งเดินพ้นออกไปจากคุก
“นังพุ่ม”
ด้วงโมโหคิดว่าต้องเป็นฝีมือนางพุ่มแน่ๆ
ฉายวิ่งขึ้นมาบนเรือน พิศเห็นท่าทางฉายก็เดาออกว่าไปช่วยบัวไม่ทันแน่ ฉายเข้ามากระซิบบอกฉัตร
“พี่ฉัตร แม่บัวไม่ได้อยู่ที่คุก”
ฉัตรตกใจ หันมามองพิศทันที พิศยิ้มเยาะในที ฉัตรโมโหแต่พยายามระงับอารมณ์
“แม่พิศเอาตัวแม่บัวไปไว้ที่ไหน!”
พิศเห็นฉัตรร้อนใจ ห่วงบัวก็ยิ่งแค้นใจ
“ก็อยู่ในที่ที่มันสมควรจะอยู่สิคะ” พิศตอกใส่หน้า
ฉัตรสังหรณ์ใจไม่ดีกลัวบัวเป็นอันตราย
“หล่อนทำอะไรแม่บัว”
พิศยิ้มร้ายออกมา “เสร็จพิธีเมื่อไหร่ คุณฉัตรได้เจอตัวนังบัวแน่”
“ฉันจะยกเลิกพิธีเดี๋ยวนี้ หากฉันไม่รู้ว่าหล่อนเอาแม่บัวไปไว้ที่ไหนและแม่บัวปลอดภัยดีหรือไม่” ฉัตรขู่กลับ
แต่พิศไม่สะทกสะท้านสักนิด พูดย้อนกลับอย่างสะใจ “มันก็คงปลอดภัยดี อยู่ในซ่อง! นั่นแหละคะ”
ฉัตรตกใจเป็นห่วงบัวและโกรธพิศมาก!
บ่วงวันวาร ตอนที่ ๗ (ต่อ)
ฉัตรโกรธจัดจนเผลอพูดเสียงดัง
“ทำไมต้องทำกันถึงเพียงนี้!”
แขกเหรื่อได้ยินต่างตกใจหันมามองบ่าวสาว
พิศโต้เสียงแข็ง “เพราะคุณฉัตร ไม่ได้คิดจะมาเข้าพิธีกับพิศจริงๆ นี่คะ คุณฉัตรแค่จะเอาพิธีมาบังหน้าแล้วก็มาชิงตัวนังทาสนั่นไป ใช่มั้ยคะ”
ฉัตรอึ้งไป พระยาโกสินทร์กับฉายมองหน้ากัน ตกใจที่พิศรู้แผนการ แขกฝั่งเจ้าสาวตกอกตกใจ เริ่มโวยวายกัน หม่อมจรัสตกใจหันมองพระยาสมาน
พิศขยับเข้าไปกระซิบกับฉัตร “ในเมื่อคุณฉัตรคิดไม่ซื่อและจะทำให้พิศอับอาย พิศก็ต้องทำให้คุณฉัตรเจ็บเหมือนกัน”
ฉัตรเหลืออดแล้วพูดเสียงดัง
“หล่อนช่างเป็นผู้หญิงที่จิตใจโหดเหี้ยมที่สุดที่ฉันเคยเจอมา ถ้าเช่นนี้ ฉันขอยกเลิกพิธีในวันนี้ทั้งหมด!”
แขกเหรื่อได้ยินพากันแตกฮือ พิศแค้นจัด กำมือแน่นด้วยความโมโห
พระยาสมานโมโห เพราะเสียหน้า
“ทำอย่างนี้ได้ยังไง! ไม่หยามหน้ากันไปหน่อยเรอะ!”
“แค่นี้มันยังน้อยไปขอรับ เมื่อเทียบกับสิ่งที่แม่พิศกับท่านเจ้าคุณกำลังทำอยู่”
พระยาสมานโกรธมากขึ้นเสียงดังลั่นบ้าน “เจ้าฉัตร!”
ฉัตรไม่สนใจจะเดินออกไป ฉายเดินตามฉัตรไป
พระยาสมานโมโหหันมาเล่นงานเอากับพระยาโกสินทร์ “ท่านเจ้าคุณ! ลูกชายตัวดีของท่านเจ้าคุณมันหยามหน้ากระผมมากไปแล้ว! ท่านเจ้าคุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”
“ที่เจ้าฉัตรทำก็ถูกแล้ว!”
“ว่ายังไงนะ! ทำไมพูดแบบนี้ละท่านเจ้าคุณ!”
“ก็ในเมื่อท่านเจ้าคุณผิดคำพูด ทุกอย่างก็เป็นอันยกเลิก” ท่านเจ้าคุณหันไปสั่งทหาร “ไปยกหีบตรวนทองคำและสินสอดทั้งหมดกลับเรือน!”
ทหารกำลังจะเข้าไปเก็บสินสอด พระยาสมานเข้าไปขวางไว้
“หยุด! จะเอาสินสอดไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
ทหารทุกคนชะงัก
“ท่านเจ้าคุณกับลูกชายต่างหากที่ผิดคำพูด และกระทำการอันหยามเกียรติและต่ำทรามต่อหน้ากระผมและแขกเหรื่อเยี่ยงนี้ กระผมต้องยึดสินสอดทั้งหมดนี่ไว้เพื่อเป็นการชดใช้!”
พระโกสินทร์ตอกกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ได้! ถ้าท่านเจ้าคุณเห็นทรัพย์สินเงินทองมันมีค่ากว่าความผิดชอบชั่วดี กระผมก็จะยกสินสอดพวกนี้ให้ คิดเสียว่าทำทาน! และเราทั้งสองตระกูลจบกันเพียงเท่านี้!”
พระยาโกสินทร์พูดจบก็เดินลงเรือนไปพร้อมฉัตรและฉาย พระยาสมานแค้นแทบจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไอ้โกสินทร์!!”
พิศมองตามสามพ่อลูกด้วยสายตาชิงชัง
ทางด้านน้อยกับบัวถูกมัดมือไว้ ไอ้แนบกำลังฉุดกระชากน้อยกับบัวให้เดิน น้อยนิ่งๆ ยอมให้ลากไป ขณะนั้นก็จ้องไอ้แนบอย่างมีแผน
“อีน้อยมึงมาได้จังหวะพอดีเลยนะ เอามึงสองคนไปขายกูคงได้อัฐมาใช้อีกหลายปี”
น้อยแสยะยิ้มเหมือนมีแผนบางอย่างในใจ
จังหวะนั้นเอง เถาวัลย์ที่มัดข้อมือน้อยไว้ค่อยๆ หลวมและกำลังหลุดออก น้อยแกล้งจับเถาวัลย์ไว้ให้เหมือนว่าเถาวัลย์ยังมัดข้อมืออยู่)
ครู่หนึ่ง น้อยมองหน้าบัว แล้วพยักหน้าให้สัญญาณว่าจะเริ่มแผน
ทันใดนั้น น้อยก็แกล้งปวดท้องฟุบลงไปที่พื้น
“โอ๊ย!!”
ไอ้แนบหยุดชะงัก และพยายามดึงตัวน้อยขึ้น!
“มึงอย่ามาสำออยอีน้อย อีกนิดเดี๋ยวก็ถึงแล้ว…ลุกขึ้นมา”
“ข้าปวดท้อง!”
ระหว่างนั้น บัวได้จังหวะจึงเข้าไปใช้มือที่ถูกมัดอยู่ทุบไปที่ไอ้แนบเต็มแรง จนมันเซออกไป!
ไอ้แนบโมโหหันไปตบบัวอย่างแรง บัวล้มสลบไป
น้อยได้จังหวะถีบไอ้แนบจนกระเด็น ดาบไอ้แนบกระเด็นหลุดออกจากมือ!
“พวกมึงนี่รนหาที่ตายจริงๆนะ!” ไอ้แนบคำราม
น้อยมองไปที่ดาบ แล้วรีบคลานจะไปคว้าดาบไว้ ไอ้แนบก็รีบลุกขึ้นพุ่งไปคว้าดาบเช่นกัน
น้อยกำลังจะถึงดาบ แต่แล้วไอ้แนบไวกว่าคว้าดาบไว้ได้ก่อน! น้อยมองอย่างตกใจ! ไอ้แนบง้างดาบจะฟันน้อยแล้ว
แนบกำลังจะลงดาบไปที่น้อย ทันใดนั้น ไอ้เพียรก็เข้ามากระโดดถีบไอ้แนบจนมันกระเด็นออกไป
น้อยดีใจมาก “ไอ้เพียร! มาได้ยังไง”
เพียรเอาแต่ถามเพราะเป็นห่วงน้อย “เอ็งเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
จังหวะนั้นแนบตั้งตัวลุกขึ้นมา ตั้งดาบขึ้นสู้กับเพียร
“วันนี้เป็นวันอะไร ทุกคนพร้อมจะมาตายด้วยคมดาบของกู ...อยากตายกูจะสนองให้ คุณพิศจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยใจเพราะพวกเอ็งอีก!”
ไอ้แนบโผนทะยานตรงเข้าไปฟันเพียรทันที เพียรคว้าท่อนไม้ไว้ป้องกันตัว แนบกับเพียรต่อสู้กัน
น้อยมองไอ้เพียรอย่างเป็นห่วง นึกหาวิธีจะเข้าไปช่วย
ทางด้านนายสนเตรียมเรือไว้ให้ฉัตรพร้อมแล้ว สนชะเง้อมองฉัตรท่าทางกังวล ก่อนจะพึมพำออกมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? ทำไมคุณฉัตรถึงยังไม่มานะ”
ฉัตรกับฉายออกตามหาบัว มาถึงอีกมุมในป่าละแวกเรือนพระยาสมาน
“พี่ฉัตรจะไปหาแม่บัวที่ไหนขอรับ?” ฉายสงสัย
“ซ่อง…แม่พิศบอกว่าจะเอาแม่บัวไปขายที่ซ่อง” สีหน้าท่าทางของนายทหารหนุ่มร้อนรนมากๆ
ฟากไอ้แนบตรงเข้าฟันไอ้เพียรแบบไม่ยั้ง ไอ้เพียรหลบคมดาบทำให้ไอ้แนบเสียหลักสะดุดกอหญ้าล้มลงไป ไอ้แนบหันมาจะเข้าไปแทงไอ้เพียร
น้อยรีบหยิบท่อนไม้มาตีไอ้แนบสุดแรง จนมันซวนเซล้มลงไป
ไอ้เพียรสบโอกาสเข้าไปแย่งดาบที่มือแนบ พอคว้าดาบไว้ได้ ไอ้เพียรก็แทงเข้าที่ท้องไอ้แนบทันที ไอ้แนบตาเหลือกด้วยความเจ็บ เลือดค่อยๆ ไหลออกจากปาก
“ไอ้เพียร”
ไอ้เพียรหันกลับมาหาบัวกับน้อย ช่วยแกะเชือกที่มัดมือออก
“สุดท้ายเอ็งก็มาช่วยข้าไว้อีกจนได้” น้อยกล่าวอย่างตื้นตัน
“เอ็งจะให้ข้าทิ้งเอ็งได้ลงหรือนังน้อย ข้าทำไม่ได้!” ไอ้เพียรบอกอย่างจริงใจ
“ข้าขอบใจเอ็งมากนะ”
ไอ้เพียรยิ้ม ดีใจเป็นที่สุด
“จะขอบใจข้าทำไม ข้าเต็มใจทำเพื่อเอ็งนะ”
น้อยหันไปทางบัว
“พานังบัวหนีไปจากที่นี่กันเถอะ”
บัวเริ่มได้สติพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้น จังหวะนั้นบัวเห็นไอ้แนบฟื้นแล้วกำลังจะพุ่งดาบมาที่ไอ้เพียร บัวตกใจรีบร้องตะโกนบอก
“เพียร ระวัง!!”
ไอ้เพียรหันไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้แนบพุ่งดาบมาที่ร่างของมันพอดี ไอ้เพียรโดนแทนจังๆ จุกและเจ็บ จนเลือดออกจากปาก น้อยกับบัวตกตะลึงตาค้าง!
น้อยอึ้ง! น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากไอ้แนบพุ่งดาบใส่เพียรเสร็จ ร่างของมันก็ล้มลงไปกับพื้น ตาค้างลมหายใจค่อยๆ หมดลงและแน่นิ่งไป!
พร้อมกันนั้นร่างเพียรก็ค่อยๆ ล้มลง
“ไอ้เพียร”
น้อยตะโกนก้อง ปล่อยโฮออกมา กอดไอ้เพียรไว้แน่น
“ไอ้เพียร…อย่าเป็นอะไรนะ”
ไอ้เพียรเจ็บปวดเหลือแสน แต่มันยังพยายามจะพูดกับน้อย น้ำเสียงแผ่วเต็มที
“นังน้อย…”
“เพียร เอ็งอย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น เอ็งอดทนไว้ก่อนนะ”
“ต่อไป ไม่มีข้าแล้ว เอ็งดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“เพียร…” น้อยคราง
ไอ้เพียรสำลัก เลือดยิ่งพุ่งออกมา พูดกระท่อนกระแท่น
“ถึงเอ็งจะไม่รักข้า แต่ข้า...ข้าก็มีความสุขที่ได้รักเอ็ง” ไอ้เพียรจับมือน้อยมากุมไว้ที่หัวใจ “และข้า...ก็จะขอรักเอ็ง...ตลอดไป...”
ไอ้เพียรค่อยๆ หมดลมหายใจ สิ้นใจตายในอ้อมกอดน้อย ผู้หญิงที่มันรักมากที่สุดในชีวิต
“ไอ้เพียร!”
น้อยปล่อยโฮ ร้องไห้ครวญคร่ำ ก่อนจะค่อยๆ วางร่างไอ้เพียรลงกับพื้น
ขณะเดียวกันพิศอยู่ที่เรือนพระยาสมาน พอไอ้สิงห์มารายงานว่าบัวหนีไปได้ ก็ทั้งโกรธทั้งโมโห
“อะไรนะ! นังบัวมันหนีไปได้”
“ขอรับ บ่าวตามคุณฉัตรกับคุณฉายไปแต่ตามไม่ทัน กับไปเจอศพไอ้แนบกับไอ้เพียรแทน บ่าวคิดว่านังบัวกับนังน้อยมันคงหนีไปแล้วขอรับ”
พิศคำรามออกมาอย่างมั่นใจ
“อีบัวมันต้องหนีไปหาคุณฉัตรแน่ๆ”
ทางด้านนางพุ่มซึ่งถูกมัดมือมัดเท้านั่งฟุบอยู่ในกรงขัง สักครู่พิศ กับนางด้วง เดินเข้ามา พิศสั่งบ่าวคู่ใจ
“แก้มัดมัน”
นางด้วงเดินเข้าไปแก้เชือกให้นางพุ่ม
พิศถามทันที “นังพุ่ม...เอ็งรู้ใช่ไม๊ว่าคุณฉัตรพานังบัวหนีไปไหน”
นางพุ่มเงียบไม่ยอมตอบ
พิศนิ่ง พูดด้วยดีๆ “นังพุ่ม เอ็งก็เป็นทาสเรือนนี้ พ่อกับข้าเลี้ยงเอ็งไม่ดีตรงไหน เอ็งถึงได้ไปช่วยคนอื่น เห็นคนอื่นดีกว่าข้า บอกข้ามาว่าคุณฉัตรพานังบัวไปไหน”
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ” นางพุ่มบอก
“ปากแข็ง! ข้าเห็นกับตาว่าแกเป็นคนปล่อยคุณฉายออกไป แล้วโรงครัวที่ไฟไหม้ก็ต้องเป็นฝีมือแก ยังจะมาบอกว่าไม่รู้อีก”
นางพุ่มนั่งนิ่ง
“เอ็งบอกข้ามาเถอะ ถ้าเอ็งบอก ข้าจะปล่อยเอ็งกับไอ้เพียรเป็นอิสระ แต่ถ้าเอ็งไม่บอกเอ็งได้เห็นศพไอ้เพียรแน่!” พิศยกไอ้เพียรมาขู่ เพราะนางพุ่มยังไม่รู้ว่าลูกชายตายแล้ว
นางพุ่มได้ยินแบบนั้นก็ใจไม่ดี แต่ก็ยังแข็งใจไม่ยอมบอก
“บ่าวไม่ทราบจริงๆ เจ้าค่ะ”
“จะไม่บอกใช่มั้ย ข้าเตือนเอ็งแล้วนะ ถึงเวลานั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน” พิศหันมาทางไอ้สิงห์แกล้งบอก “ไอ้สิงห์ เอ็งพาบ่าวผู้ชายไปตามหาไอ้เพียรให้เจอ ถ้าเจอตัวแล้วตัดหัวมาให้แม่มันดู”
“ขอรับ” ไอ้สิงห์รับคำ
นางพุ่มใจหายวาบและคิดหนัก! ขณะที่พิศเดินออกไป
“เดี๋ยวเจ้าค่ะคุณพิศ” นางพุ่มเปลี่ยนใจ
พิศหยุดชะงัก หันไปยิ้มเหี้ยมกับนางด้วง!
ทางด้านน้อยกับพัวพากันหนีเข้ามาอีกมุมหนึ่งในป่า
“บัว ข้าว่าเราหนีไปที่อื่นก่อนดีกว่า ถ้าไปท่าเรือตอนนี้ไม่เจอคุณฉัตรล่ะ” น้อยประเมินสถานการณ์
“ข้ารอได้ คุณฉัตรให้ข้าไปรอที่นั่นยังไงคุณฉัตรก็ต้องมา” บัวบอก
“แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นไปตามแผนแล้ว คุณฉัตรอาจจะไม่ไปท่าเรือแล้วก็ได้ แล้วไม่แน่ตอนนี้เขากำลังตามหาเอ็งอยู่”
“ลองไปเสี่ยงดูก่อนนะน้อย ถ้าไม่เจอใครเราค่อยหนีไปที่อื่นกัน”
น้อยพยักหน้า ทั้งคู่รีบตรงไปที่ท่าน้ำจุดนัดหมายกับฉัตรทันที
ภายในห้องพิศบนเรือนพระยาสมานยามนั้น ของการจัดงานแต่งตอนเช้ายังหลงเหลืออยู่ให้เห็น พิศนั่งอยู่บนเตียง มองสินสอดของฉัตรอย่างชิงชัง พิศมองไปที่หีบตรวนทองคำ แล้วค่อยๆ เปิดหีบนั้นออก เห็นตรวนทองคำเหลืองอร่ามอยู่ในหีบ พิศจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ หยิบตรวนทองคำใส่ถุงผ้าไว้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วพระยาสมานเดินเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“หึ! ช่างหัวไอ้พระยาโกสินทร์กับลูกมันปะไร ผู้หญิงอย่างลูกมีพร้อมทุกอย่าง หาคนดีๆ ได้อีกไม่ยากหรอก”
พิศนั่งนิ่งๆ “พิศรู้คะ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
นางด้วงพรวดเข้ามาไม่ทันเห็นพระยาสมาน
“คุณพิศเจ้าขา” พอนางด้วงแลเห็นพระยาสมานก็สะดุ้ง ลดเสียงพูดเบาลง “ทุกอย่างพร้อมแล้วเจ้าค่ะ!” พิศขยับเดินออกจากห้อง
“ลูกจะออกไปไหน?”
“ไปทำธุระค่ะ เดี๋ยวพิศกลับมานะคะ” พิศหันมาทางนางด้วง “ไปเร็วนังด้วง!”
พิศถือถุงใส่ตรวนทองคำออกไปดวงตาวาววาม นางด้วงตามติด พระยาสมานมองลูกสาวอย่างแปลกใจ
บ่วงวันวาร ตอนที่ ๗ (ต่อ)
พิศเดินออกมาหน้าเรือน คำรามออกมาจากลำคอด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
“ถึงเวลาที่พวกมันต้องชดใช้แล้ว!”
ทางด้านฉัตรเดินหาบัวตามซ่องจนทั่วตลาด แต่ไม่พบเห็น ฉัตรสีหน้ากังวลเพราะเป็นห่วงบัวมาก ครู่ต่อมา ฉายเดินเข้ามาหา
“ไม่มีวี่แววเลยขอรับพี่ฉัตร ไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นมันเอาแม่บัวไปไว้ไหน?”
“พี่ว่าเรากลับไปดูแม่บัวที่ท่าเรือก่อนดีกว่า แม่บัวอาจจะหนีไปรอพี่ที่นั่นแล้วก็ได้” ฉัตรว่า
ฉายเห็นด้วย “ดีเหมือนกันขอรับ ถ้าไปแล้วไม่เจอ ก็ให้ไอ้สนออกตามหาอีกแรง”
เย็นย่ำ นายสนยังชะเง้อรอฉัตรด้วยความกังวล สักครู่หนึ่งจึงเห็นฉัตรกับฉายวิ่งมา นายสนดีใจ
“คุณฉัตร! บ่าวเป็นห่วงแทบแย่ คิดว่าเกิดเรื่องเสียอีก”
“เห็นแม่บัวมาที่นี่หรือยัง”
นายสนแปลกใจ
“ยังไม่เห็นเลยขอรับ”
ฉัตรสีหน้าผิดหวัง ใจคอไม่ดี ยิ่งเป็นห่วงบัวมากขึ้น
“ตามแผนคุณฉายต้องพาตัวแม่บัวมาที่นี่ไม่ใช่หรือขอรับ สรุปมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับ” นายสนสงสัย
“คุณพิศรู้ทันพวกเราน่ะสิ!” ฉายบอก
นายสนตกใจ “แล้วตอนนี้แม่บัวไปอยู่ไหนล่ะขอรับ”
“แม่พิศให้คนจับตัวแม่บัวไป ข้ากับพี่ฉัตรหามาค่อนวันยังไม่มีวี่แววเลย” ฉายบอกอีก
ฉัตรนิ่งคิดแล้วตัดสินใจ “เรารีบออกตามหาแม่บัวกันต่อเถอะ” หันมาบอกนายสน “ไอ้สน เอ็งรีบกลับไปพาบ่าวที่เรือนออกตามหาแม่บัวให้ทั่วพระนคร”
“ขอรับ” นายสนรับคำ
ขณะที่นายสนกำลังวิ่งออกไป แต่แล้วอยู่ๆก็ต้องหยุดชะงัก มีสีหน้าตกใจ หันมาทางฉัตรกับฉาย
“คุณฉัตรขอรับ!”
พอฉัตรกับฉายหันกลับมาก็ตกใจเช่นกัน
ก่อนที่ฉัตรจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ “แม่บัว!”
บัวกับน้อยยืนอยู่ไม่ไกลนัก ฉัตรรีบวิ่งเข้าไปกอดบัวไว้แน่น
“แม่บัว ชาตินี้ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอแม่บัวอีกแล้ว”
“บ่าวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณฉัตรอีกแล้วเหมือนกันเจ้าคะ” บัวดีใจไม่ต่างกัน
“แม่บัวหนีมาได้อย่างไร”
“ไอ้แนบมันจะพาบ่าวไปขายที่ซ่อง พอดีนังน้อยกับเพียรมาช่วยไว้ได้ทันเจ้าค่ะ”
“ต่อไปนี้ฉันจะดูแลแม่บัว จะไม่มีใครทำร้ายแม่บัวได้อีก” ฉัตรให้คำมั่น
ทั้งคู่ยิ้มอย่างมีความสุข และกอดกันไว้แน่น
ฉายกับน้อย มองบัวกับฉัตรอย่างปลาบปลื้มไปด้วย
“แม่น้อยช่างกล้าหาญเหลือเกินที่เสี่ยงไปช่วยชีวิตแม่บัวไว้”
“บ่าวไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ ไอ้เพียรต่างหากที่มาช่วยบ่าวสองคนไว้ได้ทัน”
“แล้วไอ้เพียรหายไปไหนละแม่น้อย” ฉายถาม
น้อยน้ำตาคลอเบ้า
“ไอ้เพียรตายแล้วเจ้าค่ะ”
ฉายฟังแล้วตกใจ
“ไอ้เพียรตายแล้วรึ?”
“เจ้าค่ะ ไอ้เพียรถูกไอ้แนบฆ่าตายตอนที่เข้ามาช่วยบ่าว”
“แม่น้อยอย่าเสียใจไปเลยนะ ถือว่าไอ้เพียรไปสบายแล้ว” ฉายปลอบ
“เจ้าค่ะ..ทีนี้ก็เหลือแต่นังบัว บ่าวสงสารนังบัวมัน ชีวิตต้องผ่านเรื่องร้ายๆ มามากแล้ว บ่าวอยากให้มันมีความสุขบ้าง ถือว่านังบัวยังโชคดีที่ได้เจอคุณฉัตร”
น้อยจ้องมองบัวและฉัตร แววตาของน้อยดีใจและมีความสุขแทนบัว
“บ่าวไม่เคยคิดเลยนะเจ้าคะว่าความรักต่างชนชั้นจะมีอยู่จริง เห็นนังบัวมีความสุขแค่นี้บ่าวก็ดีใจแล้วเจ้าค่ะ”
ฉายจ้องมองน้อยพูดตาไม่กระพริบ ฉายรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีจิตใจดีเสียเหลือเกิน
“ชั้นก็เป็นอีกคนที่เชื่อว่าความรักต่างชนชั้นนั้นมีอยู่”
น้อยเหลียวไปมองฉายอย่างแปลกใจ ฉายยิ้มให้น้อย
ฉัตรกับบัวเตรียมจะขึ้นเรือแล้ว ฉาย น้อย และนายสน ตามมาส่ง
“พี่ขอบใจฉายมากนะ ที่ช่วยพี่มาตลอด”
“กระผมยินดีขอรับ”
“ตอนพี่ไม่อยู่ พี่ฝากดูแลเจ้าคุณพ่อด้วยนะ ถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างดีขึ้นแล้วพี่จะกลับมา” ฉัตรสั่งเสียน้องชาย
ส่วนบัวจับมือน้อยน้ำตาคลอด้วยความซึ้งใจ
“น้อยที่ผ่านมาข้าขอบใจเอ็งมากนะ ถ้าข้าไม่ได้เอ็งไม่รู้ว้าข้าจะมีชีวิตถึงวันนี้หรือเปล่า”
น้อยน้ำตาคลอ “ไม่เป็นไรหรอกบัว มีอะไรเราก็ต้องช่วยกัน ต่อไปนี้ขอให้เอ็งมีแต่ความสุขมากๆ นะ เรื่องร้ายๆ ก็ลืมมันไป”
“ขอบใจมากน้อย ข้าหนีไปคราวนี้ถ้าไม่ตายเสียก่อน ข้าจะกลับมาตอบแทนบุญคุณเอ็งนะ”
“นังบัว! เอ็งอย่าพูดแบบนั้น เอ็งต้องได้กลับมา เราต้องได้เจอกันอีก”
บัวพยักหน้าแล้วยิ้มให้น้อย
“เอ็งไม่ไปกลับข้าจริงๆ หรือ”
“เอ็งไปเถอะ ข้าอยู่ได้เอ็งไม่ต้องห่วงนะ”
ฉายเอ่ยขึ้น “แม่บัวไปกับพี่ฉัตรเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่น้อย…ฉันจะดูแลแม่น้อยเอง!”
น้อยหันมองฉาย รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก น้อยยิ้มให้ฉายทั้งน้ำตา
“ฉันจะพาแม่น้อยไปอยู่กับฉันที่เรือน ฉันจะดูแลแม่น้อยให้ดีที่สุด จะไม่มีใครมาทำร้ายแม่น้อยได้อีก” ฉายให้คำมั่น
น้อยมองฉายอย่างปลื้มใจเป็นที่สุด บัวได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ รู้สึกอุ่นใจขึ้น
“จริงหรือเจ้าคะคุณฉาย”
ฉายยิ้มแทนคำตอบ
บัวรู้สึกดีใจแทนน้อย
“น้อย…เอ็งไปอยู่กับคุณฉายนะ ข้าจะได้อุ่นใจ”
น้อยพยักหน้ารับคำ บัวและน้อยโผเข้ากอดกัน
“ถ้าอย่างนั้น เราไปกันเถอะแม่บัว นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว”
บัวบอกลาน้อย “ข้าไปก่อนนะน้อย”
บัวกับน้อยกอดกันร้องไห้น้ำตาคลอ
บัวบแกลาฉาย “บ่าวไปนะเจ้าคะคุณฉาย บ่าวฝากดูแลนังน้อยมันด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องห่วงนะ” ฉายบอก
“พี่ไปก่อนนะฉาย”
“โชคดีขอรับพี่ฉัตร”
ฉัตรกับฉายกอดอำลากัน
“โชคดีนะบัว”
นายสนเอ่ยขึ้น “เสื้อผ้าสัมภาระบางส่วนกระผมเตรียมไว้ให้ในเรือแล้วนะขอรับ”
“ขอบใจเอ็งมากไอ้สน”
นายสนก้มลงไหว้ลาฉัตร
“โชคดีนะขอรับคุณฉัตร”
ฉัตรกับบัวก้าวขึ้นเรือ ฉายกับน้อยยืนส่งฉัตรกับบัวจนเรือล่องออกไป ทั้งหมดมองหน้ากันอย่างอาลัยอาวรณ์
ฉัตรค่อยๆ พายเรือออกไปจากฝั่ง โดยไม่รู้ว่า มีเรือลำหนึ่งล่องเรื่อยๆ อยู่กลางแม่น้ำ
แหละภายในเรือลำนั้นเห็นพิศสีหน้านิ่งแต่ดูน่ากลัว ข้างในเต็มไปด้วยความแค้น มีไอ้แนบ กับนางด้วงนั่งมาด้วย
พระจันทร์เต็มดวงทอแสงส่องสว่างไปทั่วบริเวณท้องน้ำ ฉัตรค่อยๆ พายเรือล่องไปตามกระแสน้ำ บัวนั่งเคียงอยู่ข้างๆ แหงนมองพระจันทร์อย่างมีความสุข
“คืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะเจ้าคะ”
“ใช่ สวยมาก พระจันทร์สีเหลืองนวลอร่ามเด่นตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะให้เราอยู่ด้วยกัน และเริ่มชีวิตใหม่อย่างมีความสุข” ฉัตรยิ้มๆ
บัวยิ้มอย่างมีความสุข “เจ้าค่ะ”
“ต่อไปนี้ฉันจะดูแลแม่บัวไม่ให้ใครมาทำร้ายแม่บัวได้อีก ถึงแลกด้วยชีวิตฉันก็ยอม”
“บ่าวก็เหมือนกันเจ้าคะ บ่าวขอมอบชีวิตนี้ให้คุณฉัตรเพียงคนเดียว”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ฉัตรละไม้พายแล้วโอบกอดบัวไว้ ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ไม่นานต่อมากลางแม่น้ำแห่งนั้น เรือของฉัตรกำลังล่องสวนมากับเรืออีกลำ ซึ่งเป็นเรือสำปั่นขนาดใหญ่กว่าเรือของฉัตร ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาจากเรืออีกลำ
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย”
ฉัตรกับบัวได้ยินเสียงก็ตกใจ จึงมองเข้าไปยังเรืออีกลำ เห็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็คือไอ้สิงห์ แต่มีผ้าปิดหัวมองเห็นใบหน้าไม่ค่อยถนัด ร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย…เมียข้าจะคลอด!!”
ฉัตรมองเข้าไปในเรือท่าทียังลังเล
เสียงผู้หญิงร้องครวญครางดังออกมา “โอ๊ย โอ๊ย ข้าไม่ไหวแล้ว”
ผู้ชายคนนั้นหันมาขอร้องกับบัว “เอ็งช่วยข้าหน่อยเถอะ ข้าไม่รู้ต้องทำอย่างไร”
บัวขยับจะเข้าไปช่วย ฉัตรมองแล้วไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไหร่เลยห้ามไว้
“ท่าทางแปลกๆ นะแม่บัว” ฉัตรไม่ไว้ใจ
“คนกำลังลำบากคงไม่มีอะไรหรอกเจ้าคะ ลองเข้าไปดูหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” บัวว่า
ฉัตรเอาเรือเข้าไปใกล้กับเรืออีกลำ ผู้ชายคนนั้นพยายามดึงผ้ามาปิดหน้าไว้
“ช่วยเมียข้าด้วย!”
ฉัตรเอาเรือเข้ามาเทียบ บัวรีบลงไปในเรืออีกลำ พลางถามอย่างมีน้ำใจ
“เมียเอ็งอยู่ไหนล่ะ”
เสียงคุ้นหูอันทรงอำนาจของพิศดังก้อง “อยู่นี่ไง!!!”
บัวหันไปจึงเห็นว่าเป็นพิศ “คุณพิศ”
ฉัตรที่รออยู่ในเรือของตนมีท่าทีร้อนใจ ในที่สุดจึงตัดสินใจข้ามไปยังเรือลำใหญ่
“แม่บัว เป็นอย่างไรบ้าง”
แต่เมื่อเข้าไปในเรือใหญ่ลำนั้น จึงเห็นว่าพิศยืนอยู่ ฉัตรตกใจแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เพราะถูกไอ้สิงห์ก็ทุบฉัตรจนสลบไป บัวหันมาเห็นฉัตรตกใจ!
“คุณฉัตร!”
บัวไม่ทันระวังตัว ปล่อยให้นังด้วงที่เดินออกมาทุบบัวสลบไปอีกคน!
เวลาผ่านไป นานเท่าไหร่ไม่รู้ ฉัตรเริ่มจะได้สติขยับจะลุกขึ้น หันไปเห็นบัวสลบอยู่ข้างๆ ก็ตกใจ!
“แม่บัว!”
ฉัตรประคองบัวขึ้นมา ไม่ทันเห็นว่าพิศนั่งจ้องมองทั้งคู่อยู่อย่างเยือกเย็น
“ฟื้นแล้วหรือคะ!”
ฉัตรเงยหน้าขึ้นมาเห็นพิศก็ตกใจ! ฉัตรกำลังจะขยับตัวลุกขึ้นแล้วชะงัก! เมื่อพบว่าทั้งตนและบัวถูกล่ามติดอยู่ด้วยกันกับ ‘ตรวนทองคำ’
“นี่มันอะไรกันแม่พิศ!”
ฉัตรพยายามจะกระชากตรวนออก แต่ไม่สำเร็จ พิศสีหน้าเรียบนิ่งแต่ข้างในเต็มไปด้วยความแค้น
“อยากอยู่ด้วยกันมากไม่ใช่หรือคะ พิศก็ทำตามใจคุณฉัตรแล้วนี่ไงคะ” พิศกระแทกเสียงใส่
ระหว่างนั้นบัวเริ่มได้สติแล้วค่อยๆ ฟื้น ขึ้นมา บัวยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เริ่มสำรวจตัวเอง สีหน้าของบัวตื่นตระหนกเมื่อพบว่าถูกจับล่ามด้วยตรวนอยู่ พอบัวเงยหน้ามาเห็นพิศก็ตกใจกลัว
“คุณพิศ”
ฉัตรเข้าไปกอดบัวไว้แน่น
“แม่บัวไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับฉัน ฉันจะไม่ให้ใครทำอะไรแม่บัวเด็ดขาด”
“ทำไมคุณพิศถึงต้องทำกันถึงขนาดนี้เจ้าคะ ปล่อยเราไปเถอะเจ้าค่ะ เราสองคนจะไปจากที่นี่ แล้วจะไม่กลับมาที่พระนครอีกเลย”
“คุณฉัตรเขาคอยปกป้องเอ็งอยู่ เอ็งจะกลัวอะไรเล่านังบัว”
“หล่อนต้องการอะไรว่ามา!” ฉัตรทั้งโกรธทั้งโมโหมาก
“พิศก็บอกแล้วไงคะว่า จะทำให้คุณฉัตรกับนังบัวได้อยู่ด้วยกันตลอดไป” พิศพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“หล่อนจะทำอะไร? ถ้าจะทำทำฉันคนเดียวปล่อยแม่บัวไป แม่บัวไม่รู้เรื่องอะไรด้วย!”
“ไม่เจ้าค่ะ! บ่าวเป็นต้นเหตุ ถ้าจะทำทำบ่าวเถอะเจ้าคะคุณพิศ”
พิศยิ่งแค้นที่ทั้งสองจะยอมตายแทนกัน พิศกำมือแน่น
“แม่พิศฉันขอร้องปล่อยแม่บัวไป!”
“ใครทำพิศเจ็บ มันต้องเจ็บยิ่งกว่า!”
“หล่อนมีจิตใจคับแคบ เจ้าคิดเจ้าแค้น ชีวิตนี้หล่อนจะหาความสุขไม่ได้เลย” ฉัตรว่า
“ใครบอกว่าจะหาไม่ได้ล่ะคะ นี่ไงคะ สิ่งที่พิศกำลังจะทำมันมีความสุขที่สุด…รักกันมากนักใช่ไม๊คะ ถ้ารักมากก็ขอให้รักกันตลอดไป” พิศหันไปทางไอ้สิงห์ “ไอ้สิงห์ พาคุณฉัตรกับนังบัวไปที่กาบเรือ”
ไอ้สิงห์ลากทั้งสองคนมาที่กาบเรือ ฉัตรกับบัวเพิ่งเห็นว่าเรือที่นั่งมานั้น
“ตรวนทองคำเส้นนี้ พิศให้คืนค่ะ”
“ปล่อยแม่บัวไป! ฉันขอรับผิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด”
“ไม่ค่ะคุณฉัตร ถ้าจะตายบ่าวขอตายไปพร้อมกับคุณฉัตร คนเราเกิดมา..ไม่ตายวันนี้วันหนึ่งก็ต้องตายอยู่ดี บ่าวไม่เคยกลัวที่จะต้องตาย ยิ่งตายกับคนที่บ่าวรักแค่นี้บ่าวก็มีความสุขแล้วเจ้าค่ะ”
ฉัตรโอบกอดบัวไว้แน่นอย่างแสนรัก
“แม่บัว ฉันรักแม่บัวนะ ไม่ว่าจะกี่ชาติกี่ภพ ฉันขอรักแม่บัวตลอดไป”
“บ่าวก็รักคุณฉัตรเจ้าคะ บ่าวก็จะรักคุณฉัตรทุกชาติไป”
พิศพูดขัดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น “ขอให้มีความสุขมากๆ และรักกันไปตลอดกาล”
ฉัตรกับบัวตกลงไปในแม่น้ำ! พิศมองฉัตรกับบัวค่อยๆ จมลงไปในน้ำ!
ฉัตรกับบัวตกลงมาในแม่น้ำแล้ว มองผ่านแผ่นน้ำขึ้นไป เห็นพิศยืนถมึงทึงอยู่ที่กาบเรือ หอบหายใจแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว นางด้วงเดินเข้ามาสมทบกับพิศ ทั้งสองยืนมองดูฉัตรกับบัวที่กำลังดำดิ่งลงในน้ำอย่างเลือดเย็น
แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทั่วคุ้งน้ำ ทำให้มองเห็นร่างของฉัตรกับบัวที่ถูกผูกติดกันอยู่ด้วย ‘ตรวนทองคำ’ ทั้งคู่มองหน้ากันสวมกอดกันไว้อย่างไม่กลัวความตาย สักพักทั้งสองคนเริ่มอ่อนแรง ร่างของทั้งคู่ดำดิ่งลงไปใต้ผืนน้ำ
ฉัตรกับบัวค่อยๆ สิ้นลมหายใจไปพร้อมๆ กัน ใต้ผืนน้ำแห่งนั้น
จบตอนที่ ๗ ภาคอดีต ติดตาม "บ่วงวันวาร" ตอนที่ ๘