บ่วงวันวาร ตอนที่ ๓
บัวเพิ่งฟื้นไข้ พยายามจะลุกขึ้นนั่ง น้อยกลับมาถึงพอดีรีบเข้าไปช่วยประคองบัว
“เป็นไงมั่งบัว ค่อยยังชั่วมั้ย”
“เจ็บที่ตัวยังไม่เท่าเจ็บที่หัวใจหรอกน้อย คำพูดของทาสอย่างข้า ไม่มีใครเชื่อถือจนต้องเจ็บตัวอย่างนี้ ใครนะเคยพูดว่า..คนเราเกิดมามีความเป็นคนเท่าเทียมกัน มันไม่จริงเลย ทาสอย่างเรา..ไม่มีใครเห็นค่าความเป็นหรอก จริงมั้ยน้อย” บัวบ่นอย่างน้อยใจ
“ไม่จริงหรอกบัว อย่างน้อย..ก็มีลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์นั่นละ ที่เห็นค่าความเป็นคนของทาสอย่างเรา บัว...วันนี้ข้าได้พบคุณฉัตรด้วย”
บัวสะท้อนใจ จนน้ำตาปริ่ม “พูดถึงเขาทำไม เขาอยู่ที่สูง ข้าอยู่ที่ต่ำ คุณฉัตรเหมาะสมกับคุณพิศแล้วละ”
“แต่เขาชอบเอ็งนะบัว ไม่ได้ชอบคุณพิศ” น้อยบอกท่าทีจริงจังมาก
บัวหันมามองน้อย อาการงงๆ
น้อยอธิบายต่อ “คุณฉายบอกข้าว่า..ที่คุณฉัตรต้องเทียวไปมาหาสู่คุณพิศ..ก็เพื่อจะได้มาพบหน้าเอ็ง วันนี้ที่เขาชวนคุณพิศไปไหว้พระ เขาก็คิดว่าเอ็งจะได้ร่วมขบวนไปกับคุณพิศเธอด้วย พอเขาไม่เห็นเอ็ง สีหน้าสีตาหมองเศร้าไปเลย”
บัวร้องถามหน้าตาตื่น “จริงเรอะน้อย”
“จริงสิ ข้าจะโกหกเอ็งทำไม แล้วนี่ข้าบอกคุณฉาย..ให้ไปบอกคุณฉัตรแล้วด้วยว่า..เอ็งน่ะถูกเฆี่ยนจนซมไข้ คอยดูเถิด..คุณฉัตรต้องนั่งไม่ติดแน่ “
ขณะเดียวกันที่บนเรือนใหญ่ พระยาสมานกำลังกระเซ้าถามบุตรี อย่างอารมณ์ดี
“กลับมาจากไปไหว้พระกับพ่อฉัตร ดูหน้าตาลูกพิศผ่องใสจริง”
“เห็นทีเรือนเราจะมีงานมงคลเร็วๆ นี้แล้วล่ะมั้งเจ้าคะ...ท่านเจ้าคุณ” นางด้วงสาระแน
พิศยิ้ม มั่นใจในตัวเองมาก ระหว่างนั้นมีบ่าวเดินขึ้นเรือนมาท่าทางรีบร้อนขณะนั่งลงรายงาน
“มีคนจากเรือนท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาขอพบเจ้าค่ะ”
พิศหน้าตาตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ต๊าย เพิ่งจะไปไหว้พระด้วยกันมายังไม่ทันจะข้ามวันเลย..ก็ส่งคนมาหาถึงเรือน สงสัยจะส่งของกำนัลตามมานะเจ้าคะ” นางด้วงสอพลอตามนิสัย
พระยาสมานยิ้มชอบใจ ในขณะที่พิศยิ้มดีใจ นายสนเดินขึ้นเรือนมาแล้วทรุดตัวลงนั่งไหว้
“กระผมชื่อสน เป็นบ่าวเรือนท่านเจ้าคุณโกสินทร์ขอรับ”
“มีอะไรรึ” พระยาสมานถาม
“บ่าวเก่าแก่ที่เรือนของกระผมเกิดล้มป่วยลง แต่คุณฉัตรจะให้ไปรับหมอฝรั่งมาดูอาการบ่าวผู้นั้นก็ไม่ยอม จะหาแต่หมอสมุนไพรตามความเชื่อดั้งเดิมท่าเดียว พอดีคุณฉัตรรู้ว่าที่เรือนนี้มีบ่าวชื่อน้อยที่มีความรู้เรื่องยาสมุนไพรอยู่บ้าง จึงอยากจะขอยืมตัวบ่าวที่ชื่อน้อยให้ไปช่วยดูอาการคนป่วยที่เรือนโน้นสักหน่อยขอรับ” สนว่าเป็นคุ้งเป็นแคว
พิศกับพระยาสมานมองหน้ากันอย่างงงๆ
ครู่ต่อมาน้อยกำลังนั่งฟังคำสั่งจากพิศอยู่ด้วยสีหน้างงๆ
“อีน้อย! เอ็งมียาสมุนไพรเท่าไหร่เอาไปให้หมดนะ อย่าให้ขาดแม้แต่อย่างเดียว เอ็งต้องทำให้คนป่วยที่เรือนหายให้ได้ ถ้าเขาไม่หาย ข้าจะลงโทษเอ็ง”
“เจ้าค่ะๆ” น้อยรับคำ
“ไอ้เพียร เอ็งไปกับนังน้อยด้วย”
“ขอรับ” นายเพียรรับคำ
ขณะเดียวกันบัวนั่งมองดูน้อยเอาสมุนไพรประดามี ที่น้อยเอาใส่ลงในห่อผ้าอย่างขนานใหญ่
“ไม่ต้องห่วงนะบัว ข้าจะไปหาทางบอกคุณฉัตรเรื่องเอ็งด้วยตัวเอง จะดูทีสิว่า..เขาจะว่าอย่างไร”
“โธ่..อย่าเลยน้อย บอกเขาไปก็ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร เขาเป็นถึงนายทหาร ส่วนข้า..มันก็แค่ทาสขัดดอก โชคชะตาฟ้ากำหนดมาให้เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าไม่คิดหวังอะไรอีกแล้วละ” บัวว่า
น้อยขัดใจ “ไฮ้ ทำไมยอมแพ้อะไรง่ายๆ อย่างนี้เล่าบัว เกิดเป็นคนทั้งทีมันต้องมีความหวังในชีวิตสิ เอ็งน่ะเป็นเพียงทาสขัดดอก ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยอย่างข้า ฉะนั้นวันหนึ่งเอ็งจะต้องได้เป็นไท”
บัวเลิกเถียง ได้แต่ถอนใจ
ไอ้เพียรเดินคุมตัวน้อย ที่ถือห่อผ้าใส่ยาสมุนไพรติดมือมาด้วย สองคนตรงมาที่เรือนพระยาโกสินทร์ท่าทางขึงขังมาก มีนายสนรั้งท้าย
“เอ้า..เดินเร็วๆ เข้าสินังน้อย เดินอ้อยสร้อยอย่างนี้ คนป่วยได้ตายกันพอดี” ไอ้เพียรดึงแขนน้อยให้เดินเร็วขึ้น
“ข้าก็เดินเร่งฝีเท้าอยู่นี่แหละ”
น้อยสะบัดแขนออกจากไอ้เพียรเต็มแรง จนทำให้ห่อผ้าที่ถือมาหล่นพื้น ไอ้เพียรก้มเก็บพลางถาม
“เอ็งเอาอะไรมาเยอะแยะเนี่ย”
น้อยกระชากห่อผ้าคืนมาจากไอ้เพียร “ก็สมุนไพรน่ะสิ ข้าไม่รู้ว่าคนป่วย..ป่วยด้วยโรคอะไร ข้าก็ต้องเอามาหมดทุกอย่างที่มีไว้ก่อนสิ เอ็งนี่โง่จริง”
ไอ้เพียรถลึงตามองน้อยอย่างโมโห แต่น้อยไม่สนใจเดินไป มีฉัตรกับฉายเดินออกมารับ
น้อยกับฉายสบตากัน ไอ้เพียรมองแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ แต่ไม่แสดงอะไรออกมา
“ขอบใจจริงๆ ที่มานะแม่น้อย”
“ไม่เป็นไรมิได้เจ้าค่ะ คนป่วยอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“ข้างใน”
ฉัตรเดินนำน้อยตาม ไอ้เพียรตั้งท่าจะตามน้อย แต่ฉายเดินมาขวางหน้าไว้เสียก่อน ไอ้เพียรมองหน้าฉายเป็นเชิงถาม
“รออยู่ที่นี่เถอะ คนป่วยเป็นผู้หญิง เจ้าเข้าไปคงไม่เหมาะ”
ไอ้เพียรพยักหน้าเข้าใจ แต่ยังมองตามน้อยไป เพียรเห็นฉัตรเดินนำน้อยไปด้านหลังเรือน
ฉัตรเดินนำหน้าน้อยมาที่มุมหนึ่งในบ้าน แล้วหยุดเดินเอาดื้อๆ น้อยชะงักกึก แล้วมองฉัตรอย่างตกใจ แล้วมองไปรอบๆ
“คนป่วยอยู่ที่ไหนเล่าเจ้าคะคุณฉัตร”
“อยู่ที่เรือนเจ้านั่นแหละ”
น้อยหน้าเหวอ
“เรือนนี้ไม่มีคนป่วยหรอก”
น้อยหน้าเหวอหนักขึ้นไปอีก เบิ่งตาโตเป็นเชิงถาม ฉัตรบอกต่อ
“แม่บัวต่างหากคือคนป่วย ฉันรู้เรื่องที่แม่บัวถูกเฆี่ยนจนซมไข้จากฉายแล้ว ฉันเป็นห่วงแม่บัวมาก”
“อ้อ” น้อยถึงบางอ้อ
ฉัตรหยิบขวดยาออกมา ส่งให้น้อย “เอ้า..ฉันฝากยาฝรั่งนี่ให้แม่บัวหน่อย”
น้อยรับขวดยามาดูอย่างตื่นเต้น
ทางด้านฉายยืนคุมเชิงอยู่ไม่ให้ไอ้เพียรตามน้อยเข้าไปด้านในได้ ทันใดนั้นแอนนาก็เดินมา
แอนนาพูดเป็นภาษารัสเซีย “ฉาย..ไปดูไฟหัวเตียงให้แอนนาที มันเปิดไม่ติด”
ฉายทำหน้าขัดใจ แต่แล้วเดินไปที่ห้องกับแอนนา ไอ้เพียรมองตามไป พอเห็นฉายลับตัวไปแล้ว จึงหันไปมองทางที่น้อยเดินไป ไอ้เพียรตัดสินใจจะไปดูน้อย
ไอ้เพียรค่อยๆ เดินเข้ามาด้านใน มองสำรวจไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นเคย แล้วเขม้นตามอง เห็นน้อยยืนดูอะไรบางอย่างในมือ ในขณะที่ฉัตรกำลังอธิบายการใช้ยาอยู่อย่างละเอียด แต่เพียรไม่ได้ยิน เลยขยับจะเดินเข้าไปแอบฟังด้วยความสงสัย แต่พอจะขยับก็ต้องชะงัก เมื่อสนโผล่มาขวางหน้าไว้
ไอ้เพียรตกใจร้อง “เฮ้ย”
ฉัตรกับน้อยได้ยินเสียงไอ้เพียรก็หันขวับมามอง พอเห็นเป็นไอ้เพียร น้อยก็รีบเอาขวดยายัดใส่ห่อผ้าอย่างรวดเร็ว
“เอ็งมาจากไหนนี่! ตกใจหมด” ไอ้เพียรถาม
นายสน ตอบหน้าเรียบเฉย “ทำไมเอ็งไม่รออยู่ด้านนอก”
“ก็ข้าเห็นนังน้อยมันหายเข้ามานาน เผื่อมันต้องการคนช่วย ข้าก็เลยว่าจะเข้ามาช่วยน่ะสิ”
“ไม่ต้อง” นายสนบอก
ฉายกระหืดกระหอบเข้ามา พอดีกับที่ฉัตรพาน้อยเข้ามาใกล้ แล้วสบตากับฉายเป็นเชิงรู้กันว่าเรียบร้อยแล้ว ไอ้เพียรมองหน้าน้อยอย่างสงสัย น้อยก้มหน้างุดไม่สบตาใครเลย
“เรียบร้อยไหมขอรับ” ไอ้เพียรถาม
ฉัตรพยักหน้า “แม่น้อยดูอาการคนป่วย และดูแลให้บ่าวที่เรือนนี้ปรุงยาสมุนไพรให้คนป่วยเรียบร้อยแล้ว ฝากขอบคุณท่านเจ้าคุณสมานกับคุณพิศด้วยนะ..ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมตัวแม่น้อยมา”
“ไม่เป็นไรขอรับคุณฉัตร หากคุณฉัตรต้องการตัวนังน้อยมาช่วยปรุงยาสมุนไพรให้คนป่วยอีก ท่านเจ้าคุณกับคุณพิศก็คงจะยินดี คุณฉัตรให้คนไปบอกที่เรือนได้เลย แล้วกระผมก็จะพานังน้อยมาปรุงยาให้เองขอรับ”
“ขอบใจ” ฉัตรเอ่ย
“ถ้าเช่นนั้นกระผมลา...” ไอ้เพียรยกมือไหว้ฉัตรกับฉาย
น้อยยกมือไหว้ลาทุกคนเช่นกัน พร้อมกับหันสบตากับฉัตรอย่างรู้กัน แล้วเดินตามไอ้เพียรออกไป มีนายสนตามไปส่ง
“ต้องขอโทษพี่ฉายด้วย พอดีแอนนาให้กระผมไปดูหลอดไฟที่ในห้อง ไม่นึกเลยว่าไอ้เพียรมันจะกล้าเดินตามเข้ามาในนี้”
“ก็หวังว่ามันจะไม่สงสัยอะไรนะ”
ฉัตรมีสีหน้าเป็นกังวลหนัก
ขณะที่ไอ้เพียรกับน้อยเดินออกมาจากด้านใน โดยมีนายสนเดินตามมาส่ง ระหว่างนั้นพระยาโกสินทร์เข้ามาเห็นพอดี ไอ้เพียรกับน้อยรีบทรุดลงนั่งไหว้ทันที ท่านเจ้าคุณมองนายสนเป็นเชิงถามว่านี่ใคร
“บ่าวบ้านท่านเจ้าคุณสมานขอรับ” นายสนบอก
“มาทำอะไรกันล่ะ”
ไอ้เพียรรีบพูดเอาหน้า “คุณฉัตรให้คนไปขอตัวนังน้อยมาช่วยดูอาการคนป่วยที่เรือนนี้ขอรับ”
พระยาโกสินทร์ฉงน “มีใครป่วยด้วยรึ ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ไอ้เพียรมองหน้าอย่างสงสัยจัด น้อยก้มหน้างุดไม่ยอมมองหน้าใครเลย
น้อยเดินก้มหน้างุดๆ นำเพียรเข้ามาตามทางเดินในเรือนพระยาสมาน นายพียรตามเข้ามาดึงแขนน้อยไว้ สองคนโต้เถียงกันไปมา
“เอ็งยังไม่ได้ตอบข้าเลยว่า..ตกลงที่เรือนนั้น ใครป่วย”
“ก็บ่าวในเรือนน่ะสิ”
ไอ้เพียรคาดคั้น “บ่าวนั้นชื่ออะไร”
“ข้าไม่ได้ถาม ข้ามีหน้าที่ดูอาการคนป่วยและปรุงยา ไม่ได้มีหน้าที่ถาม” น้อยหงุดหงิด
“แล้วทำไมเอ็งปรุงยาเสร็จเร็วนักวะ”
“ก็ข้าเจียดยาให้ แล้วให้บ่าวเรือนนั้นจัดการต้มกันเอง”
“แล้วคุณฉัตรเอาอะไรให้เอ็ง”
“เปล่า”
“ข้าไม่เชื่อ! ก็ข้าเห็นกะตาว่าเขาส่งอะไรให้เอ็ง ไหน เอาห่อผ้าของเอ็งมาดูสิ”
ไอ้เพียรเข้ายื้อแย่งห่อผ้าในมือไปจากน้อย แต่น้อยดึงไว้ จนเกิดการยื้อยุดกัน
“อย่ามายุ่งกับของๆ ข้านะ”
ไอ้เพียรไม่ยอมปล่อยดึงมาอีก “เอามานี่”
น้อยโมโหมาก “เลิกยุ่งกับข้า แล้วก็กลับไปสอพลอท่านเจ้าคุณของเอ็งเถอะไป๊ อย่ามายุ่งกับพวกที่มีแต่เลือดทาสเต็มตัวอย่างข้าเลย ไป๊” น้อยผลักอกเพียรเต็มแรง แล้ววิ่งออกไปเลย
ไอ้เพียรมองตาม สีหน้าเจ็บใจ
เวลาต่อมาเพียรเดินครุ่นคิดมาตามทาง จอพิศกับนางด้วง ก็รีบทรุดลงนั่งทันที
“กลับมาแล้วรึ คนป่วยที่เรือนคุณฉัตรนั่นเป็นอย่างไรบ้าง อาการหนักหนาแค่ไหน”
“บ่าวไม่ทราบขอรับ คุณฉัตรไม่ได้ให้บ่าวเข้าไปดูด้วยเพราะเป็นบ่าวผู้หญิง ให้แต่เพียงนังน้อยเข้าไปคนเดียวเท่านั้น” ไอ้เพียรรายงานตามสัตย์
“แล้วคุณฉัตรฝากความอะไรกลับมาบอกข้าบ้างหรือไม่”
“บ่าวไม่ทราบขอรับ แต่เห็นคุณฉัตรฝากของบางอย่างให้นังน้อยมา”
“ถามอะไรๆเอ็งก็ตอบแต่ว่าไม่รู้ๆๆๆ น่าเบื่อจริง แล้วนี่นังน้อยไปไหน”
“กลับเรือนไปแล้วขอรับ” ไอ้เพียรบอก
พิศหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
ทางด้านน้อยวิ่งเข้ามาในเรือนทาส ตรงไปหาบัวที่นอนอยู่ เอ่ยขึ้น
“บัว...ข้ามีข่าวคุณฉัตรจะมาบอก”
บัวสนใจขึ้นมาทันที
“คุณฉัตรเธอเป็นห่วงเอ็งมาก...เรื่องที่เอ็งถูกเฆี่ยนจนนอนซมไข้อยู่อย่างนี้น่ะ เธอก็เลยฝากยาฝรั่งนี่มากับข้า ให้เจ้ากินและทาสมานแผล”
น้อยส่งขวดยาฝรั่งให้ บัวรับไปดูอย่างตื่นเต้นและปลาบปลื้ม
“คุณฉัตรฝากยามาให้ข้า”
“ก็ข้าบอกแล้วว่าเขาห่วงเอ็งจริง แล้วนี่เขายังจะหาทางมาเยี่ยมเอ็งด้วย”
ได้ฟังที่น้อยบอก บัวตกใจมาก “มาเยี่ยม”
น้อยพยักหน้า
“ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่า..มันอาจเกิดเป็นเรื่องใหญ่ได้ถ้าใครรู้เข้า”
น้อยพยักหน้าอีก บัวนิ่งไปสักครู่แล้วน้ำตาเริ่มปริ่มขอบตา
“คุณฉัตรช่างดีต่อข้าเสียจริง”
“ก็เพราะเขารักเอ็งไง” น้อยว่า
“รัก..กับทาส” บัวพูดพลางส่ายหน้า “คุณฉัตรเธออยู่ในที่สูงกว่าข้านัก ข้าไม่คิดอาจเอื้อม” บัวน้ำตาปริ่มอีก
น้อยยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ จู่ๆ ประตูเรือนก็ถูกทุบปังๆๆ อย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
บ่วงวันวาร ตอนที่ ๓ (ต่อ)
ที่แท้คนที่เคาะประตูเรียกที่หน้าเรือนทาสคือนางด้วง
“อีน้อย เปิดประตูเร็ว คุณพิศมา”
บัวได้ยินก็ตกใจ
“คุณพิศมา”
บัวก้มลงมองขวดยาที่ฉัตรฝากมาให้แล้วลนลาน เหลียวซ้ายแลขวาหาที่ซ่อน
น้อยวิ่งไปที่ประตู “ประเดี๋ยวพี่ด้วง”
เสียงนางด้วงแหวเข้ามาเร่ง “อย่าชักช้า เอ็งจะให้คุณพิศรอไปถึงไหนวะ”
จังหวะนั้นบัวมองไปที่พื้นกระดาน เห็นร่องหนึ่งแง้มอยู่ บัวงัดเปิดขึ้น แล้วเอาขวดยายัดใส่ลงไปในร่องแล้วรีบปิด น้อยเปิดประตูให้พิศกับนางด้วงเข้ามา พิศกับนางด้วงเข้ามา
“อีสองตัวนี้มัวทำอะไรอยู่ยะ ปล่อยให้คุณพิศเธอยืนคอยอยู่ที่หน้าเรือนเป็นนานสองนาน” นางด้วงโวยวาย
บัวหลบตาวูบ พิศมองอย่างระแวงสงสัยแต่ยังไม่พูดอะไร
“ข้า..ผลัดผ้าอยู่น่ะพี่ด้วง คุณพิศมีอะไรจะใช้บ่าวหรือเจ้าคะ”
“เอ็งไปดูอาการคนป่วยที่เรือนคุณฉัตร ได้เรื่องได้ราวอย่างไรทำไมไม่ขึ้นไปรายงานข้าบนเรือน”
“คือ..บ่าวเห็นว่ามันมืดแล้ว ก็เลยคิดว่าจะขึ้นไปรายงานบนเรือนตอนเช้าเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าอยากรู้เดี๋ยวนี้ คนป่วยเป็นอะไรมากรึเปล่า แล้วเอ็งปรุงยาให้เขาเรียบร้อยดีไหม”
“เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ”
น้อยมีสีหน้าส่อพิรุธ จนจอมสอพลออย่างนางด้วงนึกสงสัย
“อีน้อย เอ็งมีอะไรปิดบังคุณพิศรึ”
“ไม่มีจ้ะ”
นางด้วงไม่เชื่อ “แล้วในห่อผ้านั่นมีอะไร วุ๊ย! สงสัยคุณฉัตรคงฝากของกำนัลมาให้คุณพิศละเจ้าค่ะ” นางด้วงหันมาทางน้อย “นังน้อย เอ็งริอ่านจะอมพะนำเอาของ ของเจ้านายรึ”
“ข้าเปล่านะ คุณฉัตรไม่ได้ฝากอะไรมาสักหน่อย”
“ข้าไม่เชื่อ คุณฉัตรออกจะหลงใหลได้ปลื้มคุณพิศเธอขนาดไหน ใครๆ ก็รู้ มีรึจะไม่ฝากของกำนัลติดไม้ติดมือเอ็งกลับมาให้คุณพิศเป็นการขอบใจน่ะ” นางด้วงว่า
“นังน้อย ส่งห่อผ้ามาให้ข้าดูสิ” พิศสั่ง
นางด้วงเห็นน้อยนิ่งๆ อยู่ก็ไม่ทันใจ กระชากห่อผ้าจากมือน้อยเอามาส่งห่อผ้าให้พิศพลางหรี่ตามองน้อยอย่างคาดโทษ..ประมาณว่าถ้าพบของแปลกผิดตาละก็ น้อยโดนแน่
“ถ้าคุณฉัตรเขาฝากของอะไรมาให้คุณพิศ แล้วเอ็งคิดจะเอาเป็นของตัวเองละก็ เอ็งโดนเฆี่ยนหลังลายแน่ คุณพิศเจ้าขา เทออกมาดูเลยเจ้าค่ะ จะได้รู้กันไปเลยว่านังน้อยมันโกหกรึเปล่า เทออกมาดูกันเลยเจ้าค่ะ”
พิศเทห่อผ้าออก มีแต่พวกสมุนไพรนานาชนิด พิศกับนางด้วงสีหน้าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง
“ก็บ่าวบอกแล้วว่าคุณฉัตรไม่ได้ฝากอะไรกลับมาให้คุณพิศเจ้าค่ะ นอกจากฝากขอบคุณที่คุณพิศส่งบ่าวไปช่วยดูแลปรุงยาให้คนป่วยที่เรือนโน้น กับบอกว่า..อีก 2-3 วันจะมาเยี่ยมเยือนคุณพิศที่เรือนนี้ ก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”
น้อยว่าแล้วรีบคลานเข้าไปเก็บสมุนไพรลงห่อผ้าตามเดิม พิศหรี่ตามองน้อยอย่างไม่คลายสงสัย
“ถ้าข้าจับได้ว่าเอ็งมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับคุณฉัตรปิดบังข้าละก็ เอ็งสองคน...” ชี้หน้าด่ากราดทั้งน้อย ทั้งบัว “โดนเฆี่ยนหลังขาดแน่ จำไว้”
น้อยกับบัวรีบก้มลงไหว้พิศอย่างลนลาน ด้วยความกลัว นางด้วงเองก็เริ่มกลัวพิศเอาเรื่องที่นางด้วงยุให้พิศค้นห่อผ้าของน้อยแล้วไม่เจออะไร เลยรีบประจบเอาใจพิศ
“คุณฉัตรเธอบอกว่าอีก 2-3 วันจะมาเยี่ยม แหม...เทียวไล้เทียวขื่ออย่างนี้ เห็นทีจะมีขบวนขันหมากคงจะยกตามมาเร็วๆ นี้ละกระมังเจ้าคะคุณพิศ”
พิศได้ฟังก็มีสีหน้าดีขึ้น แต่บัวสีหน้าไม่ดีเลย พิศจะเดินออกไปแต่เดินเหยียบแผ่นไม้กระดานที่บัวเอาขวดยาซุกไว้ พิศชะงักก้มลงมอง
พิศมองไปยังร่องไม่กระดาน แล้วขยับเท้ายกขึ้น เห็นแผ่นกระดานเผยอขึ้นนิดๆ
พิศขมวดคิ้วสงสัย บัวหน้าเสียสุดๆ พิศจ้องหน้าบัวเขม็ง
“เอ็งเอาอะไรซ่อนไว้ใต้กระดานนี้เรอะ”
บัวปากคอสั่น “เอ้อ…”
“ต๊าย! อีสองตัวนี่ร้ายกาจนัก คุณฉัตรฝากของมาให้คุณพิศแล้วพวกเอ็งคิดจะเม้มซ่อนเอาไว้ใช่มั้ยเนี่ย มาเจ้าค่ะ อีด้วงเปิดเอง”
นางด้วงจอมสาระแนรีบคุกเข่าลงที่พื้น แล้วงัดร่องกระดานขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้ามั่นใจมากว่าต้องเจออะไร บัวหน้าเครียดจนต้องหลับตาลง ปลงตก แต่แล้วนางด้วงก็ทำหน้าเหวอ พิศมองหน้านางด้วงแล้วสงสัย
“เจออะไรนังด้วง”
“ไม่เจอเจ้าค่ะ” นางด้วงรายงาน
บัวลืมตาขึ้นมองอย่างงงสุดๆ หันไปมองหน้ากับน้อย แล้วคลานเข้าไปดูกับตาตัวเอง บัวมองไปไม่เห็นขวดยาใต้ร่องกระดานแผ่นนั้นแล้ว
“ก็แค่แผ่นกระดานมันโก่งจนหลุดออกจากพื้นน่ะเจ้าค่ะคุณพิศ เวลาเหยียบมันก็เลยลั่น” น้อยแก้ตัว
พิศพยักหน้า “แล้วไป”
ดังนั้นแล้วพิศจึงหันกลับเดินออกไป นางด้วงรีบตามติดไปประกบเอาใจ พอพิศกับนางด้วงพ้นไป น้อยวิ่งไปปิดประตู ในขณะที่บัวงัดเปิดกระดานแผ่นนั้นดูอีกครั้ง น้อยวิ่งกลับเข้ามาดูด้วย
ปรากฏว่าที่ร่องกระดาน ไม่มีขวดยาจริงๆ
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างงงสุดๆ บัวเอามือควานลงในร่องกระดาน พบว่ามันมีช่องโหว่ บัวตัดสินใจวิ่งไปที่ประตูเรือน เปิดประตูออกไป น้อยตามมาไวๆ
บัวกับน้อยเปิดประตูเรือนออกมาเงียบๆ แล้วมองตามหลังพิศไป ทั้งคู่เห็นพิศกับนางด้วงเดินกลับไปที่เรือนแล้ว
บัวกับน้อยรีบออกจากเรือน บัวรีบคลานเข้าไปที่ใต้ถุนเรือน แล้วเจอขวดยาของฉัตรหล่นกลิ้งอยู่ที่ใต้ถุนเรือน บัวคว้าขวดยานั้นทันที
บัวคลานกลับออกมาพร้อมชูขวดยาให้น้อยดู น้อยทำท่าถอนใจโล่งอก
“โฮ้ย! หัวใจอีน้อยมันจะวายซะให้ได้เลย”
บัวกอดขวดยาไว้แนบอก ถอนใจโล่งอกเช่นเดียวกัน
ทางด้านพระยาโกสินทร์ยืนคิดอยู่ เพราะติดใจสงสัยเรื่องที่ว่ามีบ่าวในเรือนป่วยแต่ตนไม่รู้ สักครู่หนึ่งนายสนก็เข้ามาหา
“เรียกหากระผมหรือขอรับท่านเจ้าคุณ”
“ไปตามพ่อฉัตรมาพบข้าหน่อย ข้าอยากรู้ว่าใครที่เรือนเราป่วยเสียจนต้องไปขอตัวบ่าวเรือนโน้นมาปรุงยาให้น่ะ”
สนอึกอักๆ มีพิรุธ
พระยาโกสินทร์เร่งเสียงดุ “ไปสิ”
นายสนยังไม่ขยับ
“มีอะไร”
นายสนไม่ตอบ พระยาโกสินทร์เอะใจ ก้าวเดินพรวดๆ ไปที่ห้องฉัตรเองเลย นายสนตามไปด้วย
พระยาโกสินทร์เดินเข้ามาหยุดที่หน้าห้องบุตรชายคนโต แล้วเคาะประตูห้องเรียก
“ฉัตร..ฉัตร..นอนรึยัง ออกมาคุยกับพ่อหน่อย”
ทุกอย่างเงียบกริบ
พระยาโกสินทร์เคาะแรงขึ้น “ฉัตร..ฉัตร”
ภายในห้องยังคงเงียบ พระยาโกสินทร์หันมามองบ่าวรับใช้ของบุตรชาย เห็นนายสนก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตา พระยาโกสินทร์หวั่นใจบางอย่าง
“ไอ้สน ! มึงเอากุญแจห้องลูกกูมาสิ”
นายสนรีบวิ่งไปเอากุญแจ พระยาโกสินทร์ยืนรออย่างร้อนใจ
เวลาเดียวกัน ภายในอาณาบริเวณเรือนพระยาสมาน ใต้แสงสลัวของพระจันทร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาเมฆบนท้องฟ้า เงาดำตะคุ่มๆ 2 เงาวิ่งเร็วๆ กันมา แล้วหยุดซ่อนตัวอยู่ในดงไม้
หากไม่พินิจก็ยากจะรู้ว่าเจ้าของเงาดำ 2 เงานั้นคือฉัตรกับฉาย เพราะต่างอยู่ในชุดมิดชิดรัดกุมสีมืดๆ มัวๆ มีผ้าโพกหัวปิดบังหน้าไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงดวงตา ฉัตรและฉายกวาดสายตาดูไปรอบๆ
ฉายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น “กระผมละนับถือความใจกล้าของพี่ฉัตรจริงๆ เพราะสิ่งที่เราสองคนกระทำอยู่นี้ เป็นเรื่องที่อาจหาญมาก หากเจ้าคุณพ่อรู้ หรือว่าเราถูกจับได้ เห็นทีจะเกิดเรื่องใหญ่แน่นะขอรับพี่ฉัตร”
“พี่ไม่กลัว ฉายก็รู้..เมื่อความรักเกิดขึ้นในหัวใจ คนเราสามารถทำอะไรก็ได้ที่ไม่เคยทำ พี่อยากเห็นแม่บัว อยากรู้ว่า..หล่อนเจ็บถึงเพียงไหน และเหตุใดถึงต้องถูกเฆี่ยนตีอย่างป่าเถื่อนโหดร้ายเช่นนี้ด้วย ไป! รีบไปเถอะ จวนได้เวลานัดหมายกับแม่น้อยแล้ว”
ฉัตรบอกอย่างมาดมั่นก่อนจะวิ่งนำ โดยมีฉายตามไปติดๆ
ขณะเดียวกันนายสนวิ่งกลับมาพร้อมพวงกุญแจแล้วยื่นส่งให้พระยาโกสินทร์ ท่านเจ้าคุณรับกุญแจมาจะไข แต่พบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อคไว้ จึงผลักประตูห้องฉัตรเข้าไปทันที
พระยาโกสินทร์เห็นห้องว่างเปล่าสภาพเตียงยังเรียบตึงไม่มีร่องรอยการหลับนอน
ท่านเจ้าคุณหน้านิ่งเคียดขึ้งขึ้นมาทันที
ครู่ต่อมาพระยาโกสินทร์มายืนเคาะประตูเรียกฉายที่หน้าห้อง
“ฉาย..นอนรึยัง” พระยาโกสินทร์เห็นยังเงียบอยู่จึง เคาะอีก 2-3 ที
ประตูห้องเปิดออก เห็นเป็นแอนนาที่เปิดประตูออกมา หน้าตางัวเงีย
“ฉายนอนรึยัง” ท่านเจ้าคุณถามสะใภ้แหม่ม
“ฉายไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน”
พระยาโกสินทร์หันขวับไปมองนายสน ที่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย
“ไอ้สน ! มึงรู้มั้ยว่าลูกกูทั้งสองคนไปไหน ! บอกกูมาเดี๋ยวนี้”
นายสนหน้าตาตื่น ยิ่งเห็นพระยาโกสินทร์จ้องมาอย่างคาดคั้น สนจึงถึงกับปากคอสั่นเอาเลยทีเดียว
พระยาโกสินทร์คาดคั้นอย่างหนัก “มึงเป็นบ่าวรับใช้ลูกกู ลูกกูไปไหนค่ำๆมืดๆ ดึกๆ ดื่นๆ มึงจะบอกว่าไม่รู้ เป็นไปไม่ได้! ถ้ามึงไม่บอก กูเอามึงตายแน่”
นายสนหน้าเสีย เบะปากจะร้องไห้ ยกมือไหว้พระยาโกสินทร์ปลกๆ
ขณะเดียวกันบัวคว้ามือน้อย ที่ถือผ้าที่จะเอาไปผูกหัวเสาหน้าเรือนอยู่
“อย่าทำอย่างนี้เลยน้อย”
“เอ๊า! แต่ถ้าไม่ทำ คุณฉัตรเขาก็จะมาหาเอ็งไม่ถูกเรือนน่ะสิ”
“แต่ข้ากลัว” บัวกังวล
“ถ้าเอ็งกลัวก็อยู่เฉยๆ ข้าจัดการเอง” น้อยว่า
“แต่ถ้าคุณพิศรู้เข้า...เราตายแน่ๆ เลยน้อย” บัวกังวลหนัก
“เถอะ..บัว อย่างมากก็แค่ตาย”
น้อยสะบัดตัวออกจากบัว แล้วเดินถือผ้าออกไปนอกเรือน บัวถอนใจใหญ่อย่างกลัดกลุ้ม
น้อยเดินออกมาจากด้านในเรือนที่พัก เหลียวซ้ายแลขวา พอไม่เห็นใคร น้อยเอาผ้าที่ห่อยาสมุนไปบ้านฉัตร ออกมาผูกที่หัวเสาเรือน
แต่แล้วในขณะที่กำลังผูกอยู่นั้น น้อยก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือของใครคนหนึ่งมาคว้ามือเธอไว้หมับ!
ทางด้านบัวซึ่งอยู่ในเรือนทาส ไม่สบายใจในสิ่งที่น้อยกำลังจะทำ จึงหารอยแตกของฝาเรือนเพื่อมองไปดูเหตุการณ์ด้านนอก พอบัวมองตามรอยแตกออกไป ก็เห็นน้อยกำลังถูกใครบางคนกระชากมือไว้ บัวก็สีหน้าตกใจสุดขีด
น้อยสีหน้ายังตกใจอยู่
“ไอ้เพียร”
“เอ็งเอาผ้ามาผูกหัวเรือนทำไม”
น้อยนิ่งไปชั่วครู่ แล้วพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติ “ข้าก็จะเอาผ้าออกมาตากน่ะสิ”
“ตาก กลางค่ำกลางคืนอย่างนี้น่ะเรอะ” เพียรไม่เชื่อ
“ก็ข้าอยากให้มันแห้งทันเช้าน่ะสิ เผื่อข้าต้องไปช่วยปรุงยาให้บ่าวที่เรือนคุณฉัตรอีก มันจะได้แห้งทัน”
เพียรพยายามคาดคั้น “แล้วทำไมเอ็งไม่วางผึ่งดีๆ เอ็งเอาผ้ามาผูกให้เป็นที่หมายตาของใครใช่มั้ย บอกข้ามาซะดีๆ”
“เปล่า”
เพียรไม่เชื่อจับตัวน้อยเขย่าคาดคั้นเอาคำตอบ “เอ็งนัดกับใครคืนนี้หา นังน้อย”
“ปล่อยข้านะ”
“ข้าไม่ปล่อย จนกว่าเอ็งจะบอกความจริงข้ามาว่าเอ็งนัดหมายกับใครคืนนี้”
“ข้าไม่ได้นัดใคร”
“ถ้าเอ็งไม่ยอมบอกข้าดีๆ ข้าจะไปบอกเรื่องนี้กับคุณพิศ” เพียรยกชื่อพิศมาขู่
น้อยมีสีหน้าหวาดหวั่น “ก็ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้นัดใคร”
น้อยสะบัดตัวออกจากเพียร แล้วเดินไปปลดผ้าที่มัดที่หัวเสาออก
“ถ้าเรื่องนี้มันหนักหัวเอ็งนัก ข้าไม่ผูกก็ได้”
แล้วน้อยก็เดินถือผ้าเดินปึงๆกลับเข้าเรือนไป เพียรมองตามอย่างจับผิด
น้อยเดินกลับเข้ามาในเรือน บัวรีบเข้าไปหาน้อยอย่างเป็นห่วง แต่น้อยยังไม่พูดอะไร รีบไปแอบมองเพียรที่อยู่หน้าเรือน ตามรอยแตกของฝาเรือน)
น้อย เห็นเพียรยังปักหลักคุมเชิงอยู่แถวหน้าเรือนอยู่ ไม่ยอมไปไหน
น้อยอารมณ์เสีย
“โฮ้ย ! ไอ้เพียรนะไอ้เพียร! ยุ่งจริง”
น้อยรู้สึกขัดเคืองใจอย่างที่สุด ในขณะที่บัวสีหน้าไม่สบายใจ
ส่วนเพียรยังปักหลักเฝ้าดูเรือนน้อยอยู่อย่างมุ่งมั่น สักครู่บ่าวชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดอะไรบางอย่างกับเพียร เพียรสีหน้าขัดใจ แล้วจำใจเดินตามบ่าวชายคนนั้นไป แต่ยังไม่วายหันกลับมามองที่เรือนน้อยอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
น้อยซึ่งแอบดูเพียรอยู่ตามรอยแตกของฝาเรือน ยิ้มดีใจ แต่บัวสีหน้ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น เพียรพานางอุ่นเดินออกมาจากเรือนทาส นางอุ่นยังเดินร้องไห้กระซิกๆ มาตลอดทาง
“เอ็งจะร้องไห้ไปทำไมนักหนาวะ..อีอุ่น เอ็งไม่อยากเป็นเมียท่านเจ้าคุณรึ”
นางอุ่นส่ายหน้า จนเพียรนึกโมโห
“เอ็งนี่โง่แท้ เป็นเมียท่านเจ้าคุณแล้ว...เอ็งจะสบาย”
นางอุ่นแว้ดใส่อย่างหมดความอดทน “ขนาดเอ็งเป็นลูก ข้ายังไม่เห็นเอ็งสบายเลยนี่หว่า ยังวิ่งรับใช้..เป็นขี้ข้าไม่ต่างไปจากคนอื่น”
เพียรโมโหถูกจี้ใจดำ ผลักนางอุ่นให้เดินนำหน้าไป แล้วเดินตามท่าทางฮึดฮัดขัดใจ
เพียรกับอุ่นเดินขึ้นมาถึงบนเรือน สักครู่ห้องพระยาสมานก็เปิดออก เพียร เห็นพระยาสมานกวักมือเรียกมัน
เพียรพานางอุ่นเดินตรงไปยังห้องพระยาสมานทันที พระยาสมานรีบผลักนางอุ่นเข้าห้อง แล้วหันกลับมาสั่งเพียร
“เอ็งนั่งเฝ้าอยู่แถวหน้าเรือนนี่ อย่าไปไหน ถ้าลูกพิศข้าตื่น เอ็งต้องรีบเรียกข้าทันทีรู้มั้ย”
“ขอรับ”
แล้วพระยาสมานก็รีบกลับเข้าห้องแล้วปิดประตูห้องลั่นกลอนทันที เพียรทรุดลงนั่งเฝ้าห้องพระยาสมานอยู่ในมุมมืดอย่างสุดเซ็ง
ขณะเดียวกันฉัตรกับฉายวิ่งเข้ามาในอาณาบริเวณเรือนพระยาสมาน แล้วซุ่มหลบลงต่ำ กวาดตามอง สองคนเห็นเรือนทาสเป็นเงาตะคุ่มๆ ในความมืดเรียงรายกันไปหลายต่อหลายหลัง
“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรกันเล่าขอรับว่าเรือนไหนคือเรือนของแม่บัว”
ฉัตรไม่ตอบกวาดสายตามอง และไปหยุดที่หน้าเรือนของน้อย เห็นห่อผ้าที่น้อยเคยใช้ห่อสมุนไพรตอนไปบ้านฉัตรเมื่อกลางวันผูกอยู่กับเสาที่หน้าเรือน
ฉัตรชี้ให้ฉายดู แล้วสองหนุ่มก็วิ่งตรงไปที่เรือนนั้นทันที
ฉัตรกับฉาย วิ่งเข้ามา ฉัตรจับผ้าที่น้อยผูกไว้ที่หน้าเรือน
ฉัตรนึกถึงตอนที่ตนและและฉาย เดินออกมารับน้อย เห็นน้อยถือห่อผ้าที่ผูกอยู่หน้าเรือนนี้มาด้วย
“ใช่เรือนนี้ละ” ฉัตรบอกอย่างมั่นใจ
ทั้งสองโดดขึ้นไปบนเรือนอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ฉัตรเคาะประตูเรือนเบาๆ สักครู่หนึ่งน้อยก็ค่อยๆ แง้มประตูออกมา พอเห็นว่าเป็นฉัตรกับฉายก็ยิ้มดีใจ
“บ่าวกลัวว่าคุณฉัตร คุณฉายจะมาที่เรือนทาสนี่ไม่ถูกเสียอีกเจ้าค่ะ”
“แม่บัวอยู่บนเรือนนี้รึ” ฉัตรรีบถาม
“เจ้าค่ะ”
ฉัตรหันไปหาฉาย “ฉายอยู่ดูต้นทางที่นี่ หากมีใครผ่านมา ให้สัญญาณพี่อย่างที่นัดกันไว้”
ฉายรับคำ “ขอรับ”
น้อยเปิดประตูให้ฉัตรเดินเข้าเรือน ฉัตรกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังอีกครั้ง ก่อนจะรีบผลุบเข้าห้องตามน้อยไป
ทิ้งให้ฉายซุ่มอยู่แถวหน้าเรือนดูต้นทาง
บ่วงวันวาร ตอนที่ ๓ (ต่อ)
น้อยเดินนำฉัตรเข้ามาในเรือนทาส ฉัตรมองไปเห็นบัวนั่งเอาผ้าคลุมไหล่ เอนตัวพิงฝาเรือนอยู่อย่างอ่อนระโหย ยังไม่หายไข้ดี
พอเห็นฉัตรโผล่เข้ามา บัวก็มีสีหน้าและแววตาดีใจมาก
“คุณฉัตร”
“แม่บัว” ฉัตรถลาเข้าไปหา
บัวจะขยับมารับฉัตรบ้าง แต่ก็เจ็บแผลที่หลังแปล๊บขึ้นมา จึงชะงักกึก มีสีหน้าเจ็บ ฉัตรจึงปราดเข้าไปประคอง
“อย่าขยับตัวมาก ประเดี๋ยวแผลจะปริ นั่งเถิดแม่บัว...” ฉัตรว่าพลางประคองบัว แล้วไม่ปล่อยมือ
บัวมองฉัตรอย่างปลาบปลื้มและเทิดทูน “ท่านกล้ามากที่ทำเช่นนี้”
“ทำได้เพราะใจหรอก” ฉัตรมองบัวอย่างรักใคร่
ทั้งสองมองตากัน น้อยรู้สึกตัวว่าเป็นส่วนเกิน จึงค่อยๆ ถอยออกไปนอกเรือน ปล่อยให้ฉัตรกับบัวได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง
น้อยออกมาจากในเรือนแล้วมองหาฉาย แต่ไม่เห็น น้อยก็ใจคอไม่ดี ร้องเรียกเบาๆ
“คุณฉาย”
เมื่อไม่เห็นฉาย น้อยลงจากเรือน แล้วมองไปรอบๆ จนถอยไปสะดุดกับฉาย น้อยร้องอุทาน จะล้ม แต่ฉายคว้าตัวไว้ได้ทัน น้อยมองหน้าฉาย อายจะทำอะไรไม่ถูก ฉายขำ รีบดึงตัวน้อยให้หลบเข้าเงามืด ยังไม่ได้คิดอะไรมาก
ฉายก็กวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง กลัวใครมาได้ยินเสียงน้อยร้องเมื่อกี้ แต่ก็ไม่เห็นใคร ระหว่างนี้น้อยที่นั่งอยู่ในความมืดคู่กับฉาย แอบเหลือบตามองดูฉาย รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เวลาผ่านไป เพียรนั่งรอพระยาสมานอยู่อย่างสุดเซ็ง แล้วจู่ๆ ประตูห้องพระยาสมานก็เปิดออก เพียรรีบลุกพรวดเข้าไปหาทันที พระยาสมานผลักนางอุ่นออกมาจากห้องอย่างไม่ใยดี รู้สึกอารมณ์เสีย
“อีอุ่นมันมีเลือด มึงก็ไม่รู้จักบอกกู กูเสียอารมณ์หมด มึงเอามันกลับเรือนทาสไปเลยไป๊ ! เร็วสิ เดี๋ยวลูกพิศกูรู้เข้า เอากูตายแน่ ! ไป๊”
จากนั้นพระยาสมานก็ปิดประตูห้องไปเลย เพียรรีบเข้าไปพานางอุ่นลงเรือนไป
ฉัตรดูแผลที่หลังบัว ด้วยสีหน้าเครียด สักครู่จึงถามอาการเสียงอ่อนโยน
“เจ็บมากมั้ย”
บัวไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า น้ำตาปริ่ม ฉัตรเห็นน้ำตาก็อดใจไม่ไหว ใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาให้บัวอย่างแผ่วเบา ยิ่งรู้ว่าฉัตรอาทร บัวยิ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ในที่สุดฉัตรเลยโอบกอดบัวไว้ บัวซุกหน้าร้องไห้อยู่กับอกฉัตรทันที
“ทำไมถึงต้องเฆี่ยนตีกันรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย”
“ก็บ่าวเป็นทาสเขานี่เจ้าคะ เขาจะเฆี่ยนจะตีให้ตายอย่างไรก็ได้”
ฉัตรโมโหนัก “ป่าเถื่อนที่สุด แล้วก็เลิกเรียกตัวเองกับฉันว่า บ่าว เสียทีเถอะ สำหรับฉัน เจ้าไม่ใช่...บ่าว”
“แต่จะทำอย่างไรได้เล่า บ่าว..เอ้อ..ฉันก็คงต้องก้มหน้ารับกรรม เป็นทาสขัดดอกเขาไปอย่างนี้จนกว่าพ่อจะหาอัฐมาไถ่ตัวฉันกลับไป”
ฉัตรถอนหายใจเครียด “แม่น้อยบอกว่า..ปกติเจ้าจะต้องขึ้นไปนอนเฝ้าหน้าเตียงคุณพิศที่บนเรือน”
“จ้ะ แต่นี่ฉันมาเจ็บเสียก่อน คุณพิศเธอจึงให้ฉันลงมารักษาตัวที่นี่ ค่อยยังชั่วแล้วค่อยกลับขึ้นไปรับใช้เธอบนเรือนใหม่”
“ถ้าเช่นนั้น..ระหว่างที่เจ้ายังอยู่ที่เรือนนี้ฉันจะมาเยี่ยมเจ้าบ่อยๆ”
บัวตกใจ “จะมาได้อย่างไร หากคุณพิศรู้เข้า คงเกิดเรื่องใหญ่”
“ฉันไม่กลัว หรือว่าเจ้าไม่อยากให้ฉันมา”
“อยากสิจ๊ะ แต่ฉันเป็นห่วงท่าน”
ฉัตรยิ้มออก จับมือบัว “ยิ่งเจ้าห่วง ฉันก็ยิ่งต้องมา”
บัวยิ้มชื่นใจนักกับน้ำคำของฉัตร
ฉายเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นฉัตรอยู่ในเรือนนาน ฉายค่อยๆ ป้องปากเรียกเสียงไม่ดังนัก
“พี่ฉัตร”
ฉัตรกับบัวตื่นจากภวังค์หวานเพราะเสียงเรียกของฉาย
“ฉายเรียกแล้ว ฉันเห็นทีจะต้องกลับเสียที ยากิน ยาทา กินใช้ให้หมดนะ เจ้าจะได้หายเร็วๆ”
“จ้ะ..” บัวยกมือไหว้ฉัตร “ขอบพระคุณท่านมาก”
ฉัตรจับมือบัวไว้ ทั้งสองมองตากันอย่างอาลัย)
เสียงฉายเรียกดังเข้ามา “พี่ฉัตร”
“รีบไปเถอะจ้ะ แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก” บัวบอก
ฉัตรหน้าเครียดขึ้นมาทันที “ทำไม”
“เพราะฟ้าดินคงจะกำหนดไว้แล้ว..ว่าเรา..ไม่ใช่คู่กัน ฉันจึงต้องมาเป็นทาสขัดดอกเขาอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้กลับไปเป็นคนอิสระอีก ฉันต้องจงรักภักดีกับนายซึ่งก็คือคุณพิศ ซึ่งเหมาะสมกับท่านที่เป็นนายทหารหนุ่มที่มีอนาคตไกลทุกอย่าง”
“ไม่ ! ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเจ้า” ฉัตรให้คำมั่น
บัวซาบซึ้งใจ น้ำตาซึม สองคนมองหน้ากัน แล้วสวมกอดกันนิ่งนาน
เพียรพานางอุ่นกลับมาส่งที่เรือนทาส รอดูจากนางอุ่นเข้าเรือนเรียบร้อย เพียรก็เหลียวมองไปที่เรือนของน้อย
เพียรเห็นหน้าเรือนของน้อย มีผ้าผืนเดิมกลับมาผูกที่เดิมอีกแล้ว เพียรกัดฟันเจ็บใจ เชื่อว่าน้อยนัดผู้ชายมาหาในคืนนี้อย่างแน่นอน
“นังน้อย”
ฉายร้อนใจ เห็นเรียกเท่าไหร่ฉัตรก็ไม่ออกมาจากในเรือนเสียที ฉายตัดสินใจพุ่งไปที่ประตูเรือน เคาะเบาๆ ๒-๓ ทีแล้วเปิดเข้าไป น้อยตกใจแต่ยังไม่ตามไป ยังอยู่ดูต้นทางที่ข้างนอกเรือนอยู่
ฉายเปิดประตูเรือนเข้ามา ฉัตรกับบัวผละออกจากกัน
“ไปเถอะพี่ฉัตร ประเดี๋ยวใครมาเจอเข้า ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ”
ฉัตรลุกขึ้นเดินจะออกไป แต่ไม่วายเหลียวกลับมาดูบัวอย่างเป็นห่วงไม่เลิก บัวมองตามฉัตร แววตาอาลัยอาวรณ์กันและกัน แต่ยังไม่ทันที่ฉัตรกับฉายจะออกไปนอกเรือน น้อยก็พรวดพราดเข้ามา ด้วยสีหน้าตระหนกตกใจกลัวสุดขีด
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
ฉัตรมองจากรอยแตกของฝาเรือนน้อย เห็นเพียรและเหล่าบ่าวชายถืออาวุธครบมือล้อมอยู่รอบเรือนทาส
เสียงเพียรตะโกนลั่น “เฮ้ย ใครที่อยู่บนเรือนนังน้อย ออกมาประเดี๋ยวนี้”
ฉัตรที่เพิ่งเงยหน้าออกจากการดูตามรอยแตกของฝาเรือน หน้าเครียด
น้อยมีท่าทีร้อนรนมาก “ไอ้เพียรมันพาคนมาล้อมเรือนเราไว้หมดเลยเจ้าค่ะ จะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ”
ฉัตรนิ่งคิด ฉายหน้าเครียดไม่แพ้กัน
“ถ้าถูกจับได้ มีหวังเป็นเรื่องใหญ่แน่พี่ฉัตร”
ฉัตรตัดสินใจ “แล้วใครจะยอมให้ถูกจับกันเล่าฉาย”
ขาดคำฉัตรก็หยิบปืนที่เหน็บหลังมาด้วยออก ฉายเลยหยิบเอาปืนที่พกมาเช่นกันออกมาด้วย บัวกับน้อยเห็นก็ตกใจกลัว ผวาเข้ากอดกัน แล้วสองหนุ่มก็ตวัดผ้าที่คล้องคอมาดูปกคลุมใบหน้าจนเหลือแต่นัยน์ตา
แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อ เพียรก็ถีบประตูเรือนจนเปิดผ่างออกมา เพียรและเหล่าบ่าวชายพุ่งเข้ามา ฉัตรกับฉายกราดปืนเล็ง ทำให้พวกเพียรชะงักไปชั่วขณะ
ฉัตรกับฉายฉวยจังหวะนั้น วิ่งออกนอกเรือนไป เพียรรู้ทัน กระโดดถีบเข้าที่หลังฉาย จนฉายหน้าคะมำ ไปกระแทกฉัตร สองพี่น้องเสียหลักล้มลงที่หน้าเรือน เพียรกับพวกตามไปจะซ้ำ แต่บัวกรีดร้องขึ้น
“อย่า”
เสียงนั้นทำให้พวกเพียรชะงักอีกครั้ง ฉัตรกับฉายคว้าปืนที่ตกอยู่ขึ้นมาใหม่
ฉัตรตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้าเสียงดังเปรี้ยง!
เสียงปืนของฉัตร ทำให้พิศสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นพร้อมๆ กับนางด้วง
นางด้วงเสียงสั่นด้วยความกลัว “เสียงอะไรน่ะเจ้าคะคุณพิศ”
พิศไม่ตอบ ก้าวลงจากเตียง เอาผ้าตวัดคลุมไหล่ไว้แล้วเดินออกไปนอกห้องทันที นางด้วงตามไปแต่สีหน้าหวาดกลัว
พิศก้าวพรวดออกมาจากในห้องตรงมายังโถงกลางเรือน มีนางด้วงตามมาด้วย แล้วเจอกับพระยาสมานที่ถือดาบออกมาจากห้องเข้าที่กลางเรือน สีหน้าตื่นตกใจไม่แพ้กัน
“เสียงมาจากทางเรือนทาส”
พิศไม่พูดอะไร เดินลงเรือนไปทันที พระยาสมานตามไปติดๆ นางด้วงสีหน้าขัดใจว่าไม่อยากไป แต่ก็ต้องตามพิศไป ทาสอื่นๆตามไปด้วย
ฉัตรกับฉาย จะหนีต่อ ทาสอื่นๆ เริ่มโผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์อย่างอยากรู้ แต่ก็กลัว เพียรจะไม่ยอมให้ฉัตรกับฉายหนีได้ ขยับจะพุ่งเข้าใส่ ฉัตรกับฉายยิงขึ้นฟ้ากันอีกคนละเปรี้ยง ! แล้วเล็งปืนใส่เพียร ทำให้ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปหาฉัตรและฉาย สองพี่น้องอาศัยช่วงที่ทุกคนยังตื่นตะลึงอยู่นั้น วิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
พิศ พระยาสมาน และนางด้วง เข้ามาอีกทาง พิศเขม้นตามองฝ่าความสลัวไป เห็นเพียงเงาดำ 2 เงา วิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว พิศขมวดคิ้วสงสัย
“ไอ้เพียร ตามไปจับมันให้ได้”
เพียรพาเหล่าบ่าวชายจำนวนหนึ่งวิ่งไล่ตามฉัตรกับฉายไปติดๆ พิศจึงหันกลับมาถามทาสที่เหลือ
“โจรมันขึ้นเรือนใคร”
“เรือนนังน้อยเจ้าค่ะ” บ่าวคนหนึ่งบอก
“ไปลากตัวนังน้อย บัวบัวมันออกมา” พิศสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด
บ่าวชายอีกจำนวนหนึ่งบุกขึ้นไปบนเรือนทันที พิศตามไป นางด้วงตามไปด้วย พระยาสมานส่ายหน้า
ส่วนทางฉัตร กับฉาย วิ่งมาถึงรั้ว กำลังปีนออก ฉัตรปีนขึ้นไปบนรั้วแล้ว ยื่นมือให้ฉาย พร้อมกับดึงตัวฉายให้ขึ้นมาบนรั้วด้วยกัน เพียรพาเหล่าบ่าวชายตามมาทัน ตรงเข้าฉุดขาฉายเอาไว้ ฉายเสียหลัก พลัดตกจากรั้วลงไปนอนที่พื้น
เพียรสั่งเหล่าบ่าวชายเสียงดัง “จับมัน”
เหล่าบ่าวชายกำลังจะเข้ารุมจับตัวฉายไว้ ฉัตรตัดสินใจยิงลงที่พื้น ระหว่างตัวฉายกับเหล่าบ่าวชาย ทำให้เหล่าบ่าวชายต้องพากันโดดหลบกระสุนกันอย่างตกใจ
ฉัตรฉวยจังหวะที่เพียรและเหล่าบ่าวตกใจ ยังทำอะไรไม่ถูก โดดลงจากรั้ว แล้วฉุดฉายขึ้น แล้วดันตัวฉายขึ้นรั้ว แล้วหันมายิงลงพื้นอีกนัด เพื่อปองกันไม่ให้เพียรและเหล่าบ่าวชายเข้ามาใกล้ตัวได้ แล้วฉัตรก็โดดขึ้นรั้วตามไปฉายไป ทั้งสองโดดลงรั้วอีกฝั่งแล้ววิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว เพียรเจ็บใจ
“ฮึ่ย”
ด้านบัวกับน้อยนั่งกอดกันกลมตัวสั่นเทาอยู่ในเรือน บ่าวผู้ชายบุกเข้ามา พิศและนางด้วงตามเข้ามาด้วย บ่าวชายเข้าไปรุมจับตัวน้อยกับบัวแล้วลากออกไป พิศเดินมองไปรอบๆ ห้อง
พิศกวาดสายตามองไปรอบๆห้องเพื่อสำรวจร่องรอย นางด้วงรีบเข้ามาสอพลอเข้ามาช่วยกวาดตามอง แต่ทั้งพิศและนางด้วงก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงเดินออกไป
ขณะที่บ่าวผู้ชายที่เหลือลากตัวน้อยกับบัวออกมาจากในเรือน พิศเดินตามออกมา แล้วเห็นอะไรบางอย่าง พิศเห็นผ้าของน้อยที่ผูกอยู่ที่หัวเสา รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์บอกที่หมาย
พิศเม้มปาก แล้วลงเรือนไป บ่าวชายเอาตัวบัวกับน้อยมาโยนไว้ตรงหน้าพิศ บัวกับน้อยยกมือไหว้พิศปลกๆ ด้วยความหวาดกลัว
“บอกมา! ใครลักลอบมาพบพวกเอ็งสองคน”
น้อยกับบัวร้องไห้ แต่ไม่มีใครยอมปริปาก
พิศตะคอก “บอกมา”
สองสาวส่ายหน้า ไม่ยอมพูด แต่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวพิศจับใจ
“พวกเอ็งไม่ยอมบอกรึ”
ระหว่างนั้นเพียรกับบ่าวผู้ชายวิ่งกลับมา
“ตามไม่ทันขอรับ”
พิศเจ็บใจ “ฮึ” นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไอ้เพียร ลากตัวอีกน้อย อีบัวไปที่ลาน แล้วไปเอาหวายมา”
บัวกับน้อยตกใจกลัวสุดขีด ผวาเข้ากอดกันร้องไห้เสียงดัง แต่ก็ถูกเพียรกับบ่าวชายคนอื่นๆ ช่วยกันลากตัวสองคนไป
พิศเดินตามไปด้วยสีหน้าเลือดเย็น ในขณะที่พระยาสมานมีสีหน้าร้อนใจมาก
บ่วงวันวาร ตอนที่ ๓ (ต่อ)
ฉัตรกับฉายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
“โอ๊ย..เกือบไม่รอด” ฉายเอ่ยขึ้นม่ามีโล่งใจ
ฉัตรพูดหน้าเครียด “พี่เป็นห่วงสองคนนั่นจริงฉาย ถึงเราจะหนีรอดมาได้อย่างนี้ แต่สองคนนั่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ฉัตรชะงักหยุดพูดไปทันทีทันใด เมื่อเห็นเงาใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ฉายหันมองตามสายตาพี่ชาย เห็นใครคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามา ทั้งสองกลั้นใจ และแล้วร่างนั้นก็โผล่เข้ามาในแสง เห็นว่าเป็นนายสน ที่พุ่งเข้ามากราบเท้าฉัตรอย่างกลัวลาน
“คุณฉัตรขอรับ ยกโทษให้กระผมเถิดนะขอรับ กระผมผิดไปแล้ว”
ฉัตรงวยงง “เอ็งทำอะไร”
สนเบะปากร้องไห้ “กระผม..ฮือๆ”
ฉัตรนิ่งอึ้งไปทันที พอจะเดาอะไรได้ลางๆ
“นี่อย่าบอกนะว่าเอ็ง”
ฉายพูดไม่ทันจบ ก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“ไอ้สนมันสารภาพกับพ่อหมดแล้ว..ว่าเจ้าสองคนแอบลักลอบเข้าไปบ้านท่านเจ้าคุณสมานกัน”
ฉัตรกับฉายหันขวับไปมอง เห็นพระยาโกสินทร์ยืนหน้าบึ้งอยู่ มีแอนนายืนหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างหลังด้วย
ฉัตรกับฉายอุทานพร้อมกัน “เจ้าคุณพ่อ”
บัวกับน้อยถูกบ่าวชายลากตัวมาที่ลานกลางบ้าน สองคนร้องไห้มาตลอดทาง เพียรเดินตามมาทีหลัง มีหวายอันใหญ่ในมือเตรียมพร้อมจะเฆี่ยนตามคำสั่ง
“พวกเอ็งจะบอกหรือไม่บอก ว่าพวกเอ็งนัดหมายใครให้มาพบถึงเรือน ข้าเห็นเอ็งเอาผ้าผูกที่เสาเรือนเป็นที่หมายตา บอกมา เอ็งนัดกับใคร”
ทั้งสองมองหน้ากัน รู้ว่าถ้าบอกก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ แต่ถ้าไม่บอกก็คงถูกเฆี่ยนยับ ตัดสินใจไม่ได้
“อีน้อย เรือนนั้นเป็นเรือนของเอ็ง หาใช่เรือนของอีบัวไม่ เพราะฉะนั้น..คนที่ลักลอบเข้ามา มันต้องมาหาเอ็ง ใช่หรือไม่ บอกมา ใครมาหาเอ็ง”
น้อยไม่กล้าตอบ ได้แต่ส่ายหน้า พิศมองหน้าน้อยกับหน้าบัวสลับกันไปมา แล้วตัดสินใจสั่งเพียร
“ไอ้เพียร เฆี่ยนอีบัวจนกว่าอีน้อยมันจะยอมบอก”
ทั้งบัวทั้งน้อยตกใจ
“ไม่..ไม่” น้อยร้องลั่น
“งั้นเอ็งก็บอกมาว่า..ใครมาหาเอ็ง”
น้อยอึกอักๆ มองบัว บัวส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้บอก น้อยเลยพูดไม่ออก พิศยิ่งโมโห
“ไอ้เพียรเฆี่ยนอีบัวประเดี๋ยวนี้ เอาให้สุดแรง จนกว่าอีน้อยมันจะยอมบอกว่ามันนัดใครมาพบ”
เพียรเดินกระชับหวายในมือตรงไปที่บัว แล้วหวดขวับลงไปที่หลัวบัวเต็มแรง
แผ่นหลังของบัวเป็นแผลปริแตก เลือดซึมขึ้นมาทันที
บัวสะดุ้งเฮือก น้ำตาร่วงเผาะด้วยความเจ็บปวด น้อยก็น้ำตาตกพอกัน
“เฆี่ยนต่อไปสิไอ้เพียร ! เฆี่ยน”
เพียรกลั้นใจเฆี่ยนบัวอีก น้อยทนไม่ไหวถลาเข้ามากอดเท้าพิศไว้ แล้วพนมมือขึ้นกราบที่
เท้าพิศอ้อนวอน
“อย่าเฆี่ยนนังบัวมันเลยเจ้าค่ะ บ่าวยอมบอกแล้ว”
บัวตกใจ “น้อย”
“บ่าวยอมบอกแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นก็บอกมาเดี๋ยวนี้ว่า...เอ็งให้ใครลักลอบเข้ามาหาถึงในเรือน บอกมา”
น้อยกลัวมาก และรู้ดีว่าถ้าบอกว่าฉัตรกับฉายมา ก็คงโดนเฆี่ยนทั้งสองคน บัวพยายามส่ายหน้าห้าม น้อยลังเล
ขณะเดียวกันฉัตรกับฉาย ยืนเม้มปากอยู่กลางเรือน ประจันหน้าผู้เป็นบิดา แอนนา และนายสนอยู่ด้วย
“บอกพ่อมา เจ้าสองคนไปที่เรือนท่านเจ้าคุณสมานทำไม”
ฉายมองหน้าฉัตรเป็นเชิงปรึกษาว่าจะเอายังไงดี ฉัตรยังนิ่ง
พระยาโกสินทร์ชักโมโห “เอ้า ยืนเบื้อใบ้อยู่ทำไม” ท่านเจ้าคุณคิดอะไรขึ้นมาได้ก็ตาโตอย่างตกใจ “นี่อย่าบอกนะว่า…”
พระยาโกสินทร์ชี้หน้าฉัตรจะพูดต่อ แล้วแล้วก็เห็นแอนนากับนายสนมองมาอย่างอยากรู้มาก พระยาโกสินทร์เลยไม่อยากพูดเรื่องบัดสีต่อหน้าคนอื่น เลยเดินฮึดฮัดเข้าห้องไปเลย ฉัตรมีสีหน้าเครียด
ด้านพิศถามย้ำ
“บอกมาอีน้อย มึงกับอีบัวนัดหมายผู้ชายมาสมสู่ในเรือนข้าใช่ไม๊ เอ็งบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ”
น้อยพูดไม่ออก
“ไอ้เพียร”
เพียรเฆี่ยนบัวอีก บัวกัดปากจนเลือดออก
“จะบอกมั้ย”
เพียรเห็นน้อยยังนิ่ง ก็เฆี่ยนบัวอีกขวับ น้อยทนไม่ไหวกลั้นใจโกหกออกมา
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ คนที่มา..คือพ่อของนังบัวมันเจ้าค่ะ”
พิศชะงัก “อะไรนะ”
“พ่อของนังบัวมันจะมาบอกว่า..ยังหาอัฐมาไถ่ตัวอีบัวมันไม่ได้ คงต้องให้อีบัวเป็นทาสรับใช้อยู่ที่เรือนนี่ไปจนตายเจ้าค่ะ”
ทุกคนอึ้ง พิศไม่เชื่อ
“ข้าไม่เชื่อเอ็งหรอก ข้าเห็น..ผู้ชายสองคนที่วิ่งหนีไปนั่นออกจะดูปราดเปรียวหนุ่มแน่น แล้วยังมีปืนอีกด้วย ถ้าเป็นพ่อของอีบัว จะมีปืนได้อย่างไรกัน”
“พ่ออีบัวยืมปืนเขามาเจ้าค่ะ พ่อเล่าว่าตั้งแต่ถูกโจรปล้นคราวนั้น เวลาไปไหนมาไหนไกลบ้าน ก็เลยจะยืมปืนคนอื่นเขามาไว้ป้องกันตัวเจ้าค่ะ พ่ออีบัวบอกว่า..อาจจะไม่โชคดีรอดตายอย่างครั้งที่แล้วได้” น้อยบอก
“ข้าไม่เชื่อ ไอ้เพียร เฆี่ยนอีบัวอีก จนกว่ามันจะพูดความจริงออกมา”
น้อยผวาเข้าไปกอดเท้าพิศไว้
“นี่คือความจริงเจ้าค่ะ”
พิศไม่สนใจฟัง “ไอ้เพียร”
เพียรขยับเข้ามาจะเฆี่ยนบัว พระยาสมานทนไม่ไหว แหวกเข้ามากลางวง
“พอเถอะๆ ลูกพิศ อย่าไปเฆี่ยนตีมันอีกเลย แผลเก่าที่หลังนังบัวมันยังไม่ทันหาย จะได้แผลใหม่ซ้ำ มันจะตายเสียก่อนนะลูก พ่อว่านังน้อยมันคงพูดจริง ไอ้เพียร เอาหวายไปเก็บไป๊”
ท่านเจ้าคุณตัดบท พิศเม้มปากอย่างขัดใจ
ขณะที่พระยาโกสินทร์เดินฮึดฮัดอยู่ในห้อง ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วสักครู่ฉัตรกับฉายก็ค่อยๆ เดินเข้ามา พอพระยาโกสินทร์เห็นหน้าฉัตรก็โวยวายใส่ทันที
“เจ้าฉัตร ทำไมเจ้าใจเร็วด่วนได้อย่างนี้ ทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ได้ยังไง จะให้พ่อพูดไปต่อหน้าบ่าวไพร่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่เจ้าจะรักจะชอบแม่พิศ ก็ควรจะเดินตามตรอกออกตามประตู ให้ถูกต้องตามประเพณีสิ ร้อนใจนักก็บอกพ่อ พ่อจะได้หาผู้ใหญ่ไปเจรจาสู่ขอโดยด่วน แม่พิศนั่นน่ะ..เขาเป็นลูกผู้ลากมากดี มีพ่อมีแม่ ไม่ใช่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ แต่นี่อะไร ทำอะไรลงไปไม่นึกถึงหน้าพ่อเลย เจ้าทำเช่นนี้ ท่านเจ้าคุณสมานจะมาถอนหงอกพ่อเอาได้รู้มั้ย”
พูดแล้วพระยาโกสินทร์ก็หันไปชี้หน้าฉาย
“เจ้าก็อีกคน โตจนมีเมียแล้ว แทนที่จะฉุดรั้งพี่ให้อยู่ในร่องในรอย กลับช่วยกันในทางที่ผิดเสียนี่” ท่าทีท่านเจ้าคุณขัดใจมาก “โอ๊ย ! เอาละๆๆๆๆ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พ่อก็จะหาทางแก้ไขในเรื่องที่เจ้าก่อขึ้นนี่ให้เร็วที่สุด”
ฉัตรได้ฟังก็มีสีหน้าเครียดเคร่ง
น้อยกับนางพุ่มช่วยกันประคองบัวกลับมาถึงเรือนพักทาส
“ขอบใจน้าพุ่มมากนะจ๊ะ”
“เออ..ไม่เป็นไร เป็นทาสด้วยกัน ก็ต้องช่วยกันไป”
นางพุ่มว่าแล้วก็ออกไป น้อยพาบัวนั่งลง แล้วดูแผลให้
“เฮ้อ..แผลเก่ายังไม่ทันจะหาย ได้แผลใหม่มาเสียอีกแล้ว กว่าพ่อเอ็งจะมาไถ่ตัวเอ็งกลับไป เอ็งจะรอดปลอดภัยไปได้อีกกี่ครั้งว้า” น้อยบ่น
“น้อย...ข้าว่าคุณพิศเธอไม่เชื่อหรอกว่า...เป็นพ่อข้า ที่มาหาคืนนี้น่ะ”
“ไม่เชื่อแต่จะทำอะไรได้เล่า เฮ้อ..ข้าขอแค่ให้คุณฉัตรกับคุณฉายหนีรอดกลับเรือนไปได้ แล้วเอ็งก็ไม่ถูกเฆี่ยนไปมากกว่านี้ จะให้ข้าต้องโกหกตกนรกมากกว่านี้...ข้าก็ยอม” น้อยว่า
“ขอบใจเอ็งจริงๆ นะน้อย...ขอบใจ”
น้อยพยักหน้ารับ บัวซาบซึ้งกับสิ่งที่น้อยทำมาก โผเข้ากอดน้อยด้วยความขอบคุณ
“แต่ข้ากลัวว่า..ครั้งหน้า..เราอาจจะไม่รอดเช่นครั้งนี้”
สีหน้าบัวกังวลไม่หาย
พิศเดินกลับมาที่ห้อง สีหน้าครุ่นคิดมาตลอดทาง นางด้วงตามติด
“ที่คุณพิศสั่งให้นังบัว นังน้อย ทำงานกลางแจ้ง 3 วันเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่กล้านัดหมายใครเข้ามาพบที่เรือนอีก บ่าวว่าน้อยไปนะเจ้าคะ”
พิศปรายหางตามองนางด้วงด้วยความโกรธ ที่บังอาจตำหนิคำสั่งเธอ นางด้วงรู้ตัวก็จ๋อยไป แล้วเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วบ่าวก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายชดมันจะกล้าหาญบุกเรือนเราเพื่อเข้ามาพบลูกสาวมันขนาดนั้น”
พิศบอกเสียงเรียบ “มันไม่ใช่นายชดหรอก”
“อ้าว..แล้วทำไมคุณพิศไม่สั่งให้เฆี่ยนนังบัวต่อจนกว่ามันจะสารภาพเล่าเจ้าคะ”
“ข้าดูหน้านังสองคนนั่น ข้าก็รู้ว่าต่อให้ตีมันจนตายคาหวาย มันก็ไม่มีวันปริปากบอกความจริงแน่ว่าไอ้ผู้ชายสองคนนั่นเป็นใคร”
“แล้วคุณพิศจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”
“จับตาดูมัน แล้วจับให้ได้คาหนังคาเขาว่ามันลักลอบเล่นชู้กับใคร จับให้ได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย แล้วข้าจะประจานมันทั้งคู่ มันถึงจะสาแก่ใจกว่า”
นางด้วงพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ พิศตาวาววับอย่างเจ็บใจที่จับไม่ได้คาหนังคาเขา
วันต่อมา ถาดผลไม้หายากก็ได้วางอยู่บนโต๊ะที่บนเรือนพระยาสมานแล้ว พิศกำลังมองอยู่อย่างแปลกใจ
“ของใครนี่”
นางพุ่มรีบคลานเข้ามารายงาน
“คุณฉัตรให้คนส่งมาให้คุณพิศเจ้าค่ะ บอกว่าขอบคุณที่ส่งนังน้อยไปช่วยปรุงยาให้คนป่วยที่เรือนโน้นเมื่อวานนี้น่ะเจ้าค่ะ”
พิศยิ้มออกมาทันที “อ้อ..แล้วนี่คนของคุณฉัตรกลับไปแล้วรึ ไม่เช่นนั้นข้าจะฝากสำรับคาวหวานกลับไปคุณฉัตรเธอบ้าง”
“กลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
นายสนยังไม่ได้กลับ และกำลังซุ่มตัวอยู่ในพุ่มไม้ แอบมองอะไรบางอย่างอยู่ใจจดใจจ่อ ครู่ต่อมานายสนเห็นบัวกับน้อยกำลังช่วยกันตักน้ำจากท่าน้ำ ไปใส่โอ่งอยู่ท่ามกลางแดดเปรี้ยง บัวเหมือนจะเป็นลม เพราะมีแผลที่หลังด้วย น้อยรีบเข้าไปถาม
บัวส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แล้วก้มหน้าก้มตาตักน้ำแบกไปใส่โอ่งต่อไปอย่างอดทน
ขณะเดียวกันฉัตรเดินไปเดินมาอยู่บนเรือนนั่งไม่ติดที่ ฉายมองพี่ชายอย่างเข้าใจ สักครู่นายสนก็วิ่งเข้า ฉัตรปราดเข้าไปหาทันที
“ว่าไงนายสน”
“ยังอยู่ดีทั้งสองคน ทั้งแม่บัว และแม่น้อยขอรับ เสียแต่ว่า...ถูกสั่งให้ไปทำงานกลางแจ้ง 3 วันขอรับ”
ฉัตรทำหน้าขัดใจ “แล้วเรื่องที่มีคนบุกขึ้นเรือนทาสล่ะ คนเรือนโน้นเขาพูดกันว่าอย่างไรบ้าง”
“เห็นว่าเป็นพ่อของแม่บัวแอบมาเยี่ยมลูกยามวิกาลขอรับ” นายสนบอก
ฉัตรทำหน้างง แล้วโบกมือไล่ให้นายสนออกไป สักครู่หนึ่งนายสนออกไป เหลือเพียงสองพี่น้อง
“รูปการณ์ออกไปทางนั้นได้อย่างไรกันนี่ แปลกจริง” ฉัตรคาใจ
“จะออกไปทางนั้นได้อย่างไรก็ช่างมันเถิดขอรับพี่ฉัตร แต่เวลานี้ทั้งแม่บัว และแม่น้อย รอดปลอดภัย ไม่โดนขังโดนเฆี่ยนก็บุญโขแล้ว กระผมว่า..บางทีพี่ฉัตรอาจต้องตัดใจจากแม่บัวเสีย เพราะกระผมไม่เห็นหนทางที่ราบรื่นเลย”
“ไม่ พี่จะไม่เปลี่ยนใจจากแม่บัวไปรักหญิงอื่นเป็นอันขาด” ฉัตรยืนยัน
“แล้วเรื่องคุณพิศเล่าขอรับ เจ้าคุณพ่อคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อคืนผ่านไปง่ายๆ แน่ขอรับ”
ฉัตรรู้สึกกังกล
ที่กระทรวงกลาโหม ตอนกลางวัน พระยาสมานกำลังนั่งอ่านงานอยู่ในห้องหนึ่ง พระยาโกสินทร์เดินเร็วๆ เข้ามาหา
“พบตัวท่านเจ้าคุณเสียที”
พระยาสมานรู้สึกแปลกใจ “มีอะไรหรือขอรับ”
“ก็มีธุระสำคัญจะมาคุยกับท่านเจ้าคุณสมานน่ะสิขอรับ กระผมละใจร้อนอยากจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อนที่ข้าวสารจะกลายเป็นข้าวสุกไปเสียก่อน”
พระยาสมานฉงน “ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก”
พระยาโกสินทร์พูดพลางสังเกตอาการพระยาสมานไปด้วยว่ารู้เรื่องแค่ไหน
“ก็เรื่องของพ่อฉัตรกับแม่พิศอย่างไรเล่าขอรับ”
“อ้อ..อ๋อ..ก็เห็นชอบพอกันดีอยู่”
พระยาโกสินทร์เห็นพระยาสมานไม่ได้มีท่าทางโกรธอะไรก็รีบพูดต่อ
“ถ้าเช่นนั้นท่านเจ้าคุณก็คงจะไม่รังเกียจหากว่ากระผมจะขอทาบทามแม่พิศให้กับพ่อฉัตร ลูกชายคนโตของกระผมเอาไว้เสียคร่าวๆ ตรงนี้ก่อน แล้วกระผมจะนำผู้ใหญ่ไปเจรจาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้งที่เรือน”
พระยาสมานยิ้มกว้างอย่างพอใจ “กระผมยินดีจริงๆ ขอรับที่เราสองครอบครัวจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน..ยินดีจริงๆ”
พระยาโกสินทร์แอบถอนใจโล่งอกที่ทุกอย่างราบรื่น ในขณะที่พระยาสมานเนื้อเต้นที่ลูกรักจะได้ออกเรือนไปกับผู้ชายดีๆ
เย็นนั้นพระยาสมานกลับจากกระทรวงเดินหน้าบานขึ้นมาบนเรือน แล้วตะโกนสั่งบ่าวแถวนั้น
“ไปตามแม่พิศมาพบข้าด่วน”
บ่าวคนหนึ่งกุลีกุจอออกไป พระยาสมานนั่งยิ้มปลื้มใจอยู่สักครู่ พิศก็เดินเข้ามา นางด้วงตามแหนมาด้วย
“เจ้าคุณพ่อให้บ่าวไปตาม มีธุระอะไรจะใช้ลูกหรือคะ”
พระยาสมานยิ้มย่องขณะบอกบุตรี “ธุระน่ะไม่มีหรอก มีแต่ข่าวดี”
พิศฉงน “ข่าวดีอะไรหรือคะ”
“วันนี้ ท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาเอ่ยปากทาบทามเจ้าให้กับพ่อฉัตร”
พิศดีใจมาก “จริงหรือคะเจ้าคุณพ่อ”
พระยาสมานพยักหน้า “เรื่องแบบนี้..พ่อจะพูดเล่นได้ยังไง”
พิศยิ้มปลื้มอกปลื้มใจ นางด้วงพลอยยิ้มปลื้มไปด้วย
ขณะเดียวกันบัวกับน้อยเดินท่าทางกะปลกกะเปลี้ยกลับมาที่เรือนทาส
“โฮ้ย..ตากแดดเสียแสบไปทั้งตัวเลย” น้อยว่า พลางลูบแขนขาตัวเองอย่างอ่อนล้า “นี่แค่วันแรกนะเนี่ย”
“แต่ก็ดีกว่าถูกเฆี่ยนละน้อย” บัวว่า
น้อยพยักหน้ารับอย่างเห็นจริงด้วย “จริง”
ระหว่างนั้นนางพุ่มวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่นเต้น
“พวกเอ็งรู้ข่าวรึยัง”
“ข่าวอะไรจ๊ะน้าพุ่ม” บัวสงสัย
“ก็ข่าวคุณพิศจะออกเรือนไปกับลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์น่ะสิ” นางพุ่มบอก
คำพูดนั้นกระแทกเข้าที่หน้าบัวอย่างจัง บัวตกตะลึง
เวลาต่อมานางด้วงกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ในครัว ขณะนำข่าวคุณพิศของหล่อนมาประกาศท่ามกลางบ่าวคนอื่นๆ
“ไหมล่ะ ข้าว่าแล้วว่าเรือนเราจะต้องมีงานมงคลเร็วๆ นี้ แล้วก็มีจริงๆ”
นางพุ่มเอ่ยขึ้น “แหม..เห็นคุณฉัตรท่าทางนิ่งๆ ไม่นึกว่าจะใจร้อนขนาดนี้เลยนะ”
นางด้วง “ความรักไงจ๊ะน้า...เมื่อพบคนที่ถูกใจ จะรอช้าไปใยเล่า คุณพิศของเราก็ออกจะงามพร้อม ทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ผู้ชายคนไหนก็ต้องอยากได้เธอไปเป็นแม่ศรีเรือนกันทั้งนั้นละ”
“มันก็จริงของเอ็ง...” นางแดงมองหา ท่าทางแปลกใจ “เอ๊ะ..แล้วนี่นังบัวกับนังน้อย มันไม่มากินข้าวเรอะ”
ทางด้านบัวกำลังนั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ น้อยมองอย่างเข้าใจความรู้สึก
“ข้าขอโทษ ข้าไม่น่าพูดให้เอ็งมีความหวังเลย ข้าน่าจะรู้...คนเรา..ลงได้ชื่อว่าเป็นทาสเขาแล้ว มันไม่มีวันมีความสุขสมใจหรอก”
“เอ็งไม่ผิดหรอกน้อย ข้าผิดเอง ที่คิดว่าทาสกับนายทหารจะรักกันได้ ข้าควรจะตัดใจเสียตั้งแต่มาเป็นทาส ไม่ควรเผยอ...” บัวน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาจนร้องไห้ออกมาอีก
น้อยสงสารนัก แต่ทำได้แค่เพียงปลอบใจ
ติดตาม "บ่วงวันวาร" ตอนที่ ๔