xs
xsm
sm
md
lg

มารกามเทพ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มารกามเทพ ตอนที่ 10

เวลาเดียวกันนั้นที่บริเวณด้านนอกบ้านเชิงเขา ฝนยังเทสายตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา น้ำหนึ่งผลุบเข้ามาในห้อง ครุ่นคิดถึงคำพูดที่ตนรับปากกับเพชร ว่าจะดูแลพลอย

“ฝากพี่พลอยด้วยนะน้ำหนึ่ง” ถึงตอนนี้น้ำหนึ่งชักลังเล ภาพเหตุการณ์ตอนที่พลอยพุ่งตัวออกจากรถเข็นเข้าไปขย้ำรจนาต่อหน้ายังติดตา น้ำหนึ่งเริ่มสับสนจะทำยังไงดี
เวลาผ่านไปเสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน น้ำหนึ่งสะดุ้งเฮือกตกใจตื่น หอบหายใจหอบ คิดหนัก ส่วนที่ด้านนอก พลอยนั่งอยู่บนรถเข็น สายตาที่มองมายังประตูห้องยิ้มมีเลศนัย

ฝนยังตกหนัก ดินที่ถูกขุดกระเด็นมาถูกร่างของเพชรที่นอนหมดสติอยู่ แลเห็นลูกน้องของนักปราชญ์ขุดดิน อยู่อย่างเซ็งๆ โดยมีนักปราชญ์ยืนคุมอยู่ ท่าทางของลูกน้องไม่อยากขุด ขณะที่อาการของนักปราชญ์ดูเหี้ยมเกรียมมาก ยืนมองหลุมที่ถูกขุดอย่างสะใจ หลุมนั้นทั้งกว้างและลึกลงไปทุกที

ฝ่ายเกรียงศักดิ์และดาราณีนอนหันหลังให้กันอยู่ด้านในห้อง สองคนมึนตึงใส่กันอยู่ สีหน้าของสองคนกลุ้มใจ กังวล คล้ายคิดอะไร
ดาราณีหันมาถามแบบอดใจไม่ได้ “คุณว่า...รปภ.จะโกหกเรามั้ยคะ”
เกรียงศักดิ์หันมาหา ดาราณีว่าต่อ
“ฉันคิดว่า..มันน่าจะมีอะไรมากไปกว่านั้น ท่าทางรปภ.แปลกๆ”
“ผมก็...คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
“พูดตรงๆ นะคะ...ฉันไม่อยากให้มีเรื่องอะไรรุนแรงอีก....อะไรคุยกันได้...ฉันก็อยากจะทำ...ฉัน
อยากจะให้น้ำหนึ่งกลับมา”
เห็นสีหน้าของดาราณีมีแต่ความกังวลใจ เกรียงศักดิ์สงสาร ค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือภรรยาเอาไว้ บีบเบาๆ เป็นการปลอบประโลม

น้ำหนึ่งอยู่ในห้อง เก็บข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋า ทันใดนั้น ไฟทั้งบ้านก็ดับลง น้ำหนึ่งสะดุ้งโหยงขึ้นอีกพึมพำ “อะไรกันเนี่ย? ฝนตก ไฟดับ”
น้ำหนึ่งค้นหาไฟฉายในห้อง แต่ไม่เจอ ท่ามกลางมืดและความเงียบสงัด น้ำหนึ่งได้ยินเสียงคล้ายรถลากเอี๊ยดๆ อยู่ในบ้าน ก่อนจะเงียบหายไปเมื่อมาถึงหน้าห้องตัวเอง น้ำหนึ่งเดินไปที่ประตู เอาหูแนบฟัง
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น เหมือนคนลุกขึ้นจากรถเข็น น้ำหนึ่งใจเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะค่อยๆ เปิดประตูออกไป
พลอยที่เดินอยู่ในบ้าน ไม่ห่างจากห้องของน้ำหนึ่ง ยืนยิ้ม
ด้านนอกห้อง ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงเลือนรางของแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา น้ำหนึ่งเห็นรถเข็น
ของพลอยวางตั้งอยู่ โดยปราศจากร่างของพลอย น้ำหนึ่งจ้องตาไม่กระพริบ ความอยากรู้อยากเห็นพุ่งเข้ามา รับเสียงฝีเท้าคน ลากเสียงหนักๆ อยู่ไม่ไกล น้ำหนึ่งมองตามเสียง ตัดรับภาพพลอย ลากเท้าอย่างแรง จงใจให้รองเท้าที่ใส่อยู่ในบ้าน สัมผัสกับพื้นให้มากที่สุด น้ำหนึ่ง สายตาหวาดหวั่นทั้งกลัวทั้งอยากรู้ แต่ความอยากรู้มีมากว่า น้ำหนึ่งตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไป

ฝนหยุดตกแล้ว เพชรยังคงนอนแน่นิ่งไม่ได้สติ ขณะที่หลุมถูกขุดกว้างและลึกพอที่จะใส่ร่างคนลงไป นักปราชญ์สั่ง
“โยนมันลงไป”
ลูกน้องคนหนึ่งลังเล “แต่...ไอ้เพชรมันยังไม่ตายนะครับ
“ไอ้เบื๊อกนี่” นักปราชญ์ยันโครม ลูกน้องล้มตึง “หลุมก็ขุดจนเสร็จแล้ว จะพูดหานรกอะไร”
“ผมแค่อยากให้นายเปลี่ยนใจ”
“ได้...ฉันจะเปลี่ยนใจ งั้นแกก็ลงไปนอนแทนไอ้เพชร”
ขาดคำนักปราชญ์ยกเท้าจะถีบอีก ลูกน้องรีบหลบ นักปราชญ์สั่งเหี้ยม
“โยนมันลงไป”
“ครับ!”
ลูกน้องรับคำ แล้วเดินไปแบกร่างไร้สติของเพชรโยนลงหลุม ลูกน้องมองเพชร อย่างเวทนา แต่ต้องตัดใจ โกยดินลงกลบร่างของเพชร ทีละน้อย ทีละน้อย

ส่วนที่บ้านเชิงเขา น้ำหนึ่งจรดฝีเท้าแผ่วเบา ตามเสียงฝีเท้าพลอย จนผ่านพ้นประตูบ้านออกไป แล้วน้ำหนึ่งก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมองออกไป ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงแสงลางเลือนจากดวงจันทร์ ร่างของพลอยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อรับกับความทะมึนของขุนเขา ร่างพลอยดูเด่นเป็นสง่า แต่ทว่า มันช่างดูน่ากลัว

ขณะเดียวกันพจนีย์นอนไม่หลับ ครุ่นคิดบอกตัวเอง
“ใช่..มันต้องเป็นแผนของยัยน้ำหนึ่งเรียกร้องความสนใจจากพี่เพชรแน่ๆ...” พจนีย์ลุกขึ้นนั่ง “คอยดูนะ...ถ้าฉันเห็น แกออเซาะพี่เพชรในห้องนอน...”
พจนีย์ลุกพรวดเดินออกไปจากห้องทันที

ด้านน้ำหนึ่งยืนอึ้ง ตะลึงงัน ถึงจะเคยเห็นมาบ้างแล้ว แต่คราวนี้คือพลอยเดินอยู่ตรงหน้า ไม่ได้พิการ
“พี่พลอย”
พลอยหันมายิ้มบางๆ แต่รอยยิ้มนั้นช่างน่าสยดสยองนัก พลอยถามเบาๆ “ไง...ตกใจมากนักเหรอ”
น้ำหนึ่งปากคอสั่น ไม่ทันได้ตอบ พลอยก็ว่าต่ออีก
“โอ๋ๆๆๆ ตัวสั่น มามะพี่จะปลอบ”
พลอยเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ น้ำหนึ่งมองจังหวะการก้าวเดินของพลอย เหมือนคนปกติไม่มีผิด
พลอยดึงตัวน้ำหนึ่งเข้ามากอด น้ำหนึ่งตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ เงยหน้ามองดูพลอย ท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ไหนบอกจะไม่กลัวพี่” พลอยหัวเราะเบาๆ จับหน้าของน้ำหนึ่งเบนออก “ไม่ต้องกลัว น้ำหนึ่ง...เป็นลูกของคนที่พี่รัก....ยังไง..พี่ก็ไม่มีทางทำอะไรน้ำหนึ่ง”
ปากพูดแต่มือของพลอยที่จับวงหน้าของน้ำหนึ่งกลับออกแรงกดแรงขึ้นจนน้ำหนึ่งร้อง
“โอ๊ย พี่พลอย...น้ำหนึ่งเจ็บ”
พลอยกัดฟันกรอด ตาลุกวาว “เจ็บเหรอ...แค่นี้มันยังน้อยไป กับสิ่งที่พ่อแม่เธอทำกับฉัน”
พลอยผลักหน้าน้ำหนึ่งออกเต็มแรง จนน้ำหนึ่งล้มลงไป พลอยตามไปกระชากตัวน้ำหนึ่งเอาไว้
“รู้เอาไว้..ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่แก ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้” พลอยคุกคามหนัก
น้ำหนึ่งปัดป้อง “อย่าพี่พลอย..น้ำหนึ่งเจ็บ เจ็บ”
“ความเจ็บของแกมันไม่ได้เสี้ยวของฉัน...” พลอยบีบคอยน้ำหนึ่งแน่น “พ่อแม่แกมันเลว ได้ยินมั้ยน้ำหนึ่ง พ่อแม่แกมันเลว” พลอยด่าทั้งน้ำตา เจ็บปวดใจเพรารู้ดีว่าเกรียงศักดิ์รักดาราณีมากกว่าตัวเอง
พลอยกดมือแรงเข้า จนน้ำหนึ่ง เริ่มหายใจไม่ออก
ขณะเดียวกันร่างของเพชรนอนแน่นิ่ง ขณะที่ดินเริ่มกลบร่างมากขึ้นไปทุกที จังหวะนี้เพชรค่อยๆ กระพริบตา เพิ่งจะได้สติ เพชรหันหน้ามามอง ลูกน้องนักปราชญ์เห็นร้องลั่น
“มันฟื้นแล้ว”
นักปราชญ์เหลียวขวับมองมามองอย่างโกรธแค้น
“ไอ้เพชร”
นักปราชญ์คว้าจอบจากมือของลูกน้องเงื้อขึ้นหมายจะฟาดลงยังร่างเพชร ทว่าเพชรรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกระโดดขึ้นมาจากหลุม ยันโครมเข้าที่ท้องของนักปราชญ์สุดแรง จนนักปราชญ์ล้มลง เพชรกระชากจอบที่หล่นอยู่ข้างๆ ขึ้นมา ฟาดเข้าที่ร่างของนักปราชญ์ไม่ยั้ง
“โอ๊ย!”
นักปราชญ์ร้องด้วยความเจ็บปวด เพชรฟาดและกระทืบๆ ด้วยความแค้น ลูกน้องนักปราชญ์ตะโกนก้อง
“ไอ้เพชร!”
เพชรเหลียวขวับไปมองเห็นลูกน้องนักปราชญ์ เล็งปืนมายังตน ตั้งท่าจะยิง เพชรเหวี่ยงจอบเข้าที่ร่างของลูกน้อง ลูกน้องหลบ ล้มระนาว เพชรกระเสือกกระสนวิ่งหนีออกไป หายไปในความมืด
“ไอ้เพชร!”

นักปราชญ์มองตาม คำรามออกมาอย่างโกรธแค้น

ด้านพลอยบีบคอน้ำหนึ่งแรงขึ้นๆ น้ำหนึ่งเริ่มหมดแรง พลอยมองสภาพน้ำหนึ่งตรงหน้าอย่างสะใจ ขณะที่น้ำหนึ่งพูดอ้อนวอน แทบไม่มีเสียง

“น้ำหนึ่ง...ขอโทษ....อย่า...ทำน้ำหนึ่ง”
พลอยมองน้ำหนึ่งด้วยความสับสน สำนึกชั่วดีตีกันในหัว “เธอไม่น่าเกิดมาเป็นลูกของท่านเลย”
“คุณพ่อ...ไม่...ตั้งใจ” น้ำหนึ่งใจจะขาดอยู่รอมร่อ
พลอยโกรธขึ้นมาอีก “ไม่ตั้งใจ...สิ่งที่ทำกับฉัน ไม่ได้ตั้งใจ” พลอยค่อยๆ ปล่อยมือจากคอน้ำหนึ่ง ร้องไห้โฮ “การที่ท่านมีอะไรกับพลอยไม่ตั้งใจ....พลอยมันไร้ค่า...ไร้ราคาขนาดนั้นเลยหรือคะ? พลอยไม่มีอะไรเทียบเท่าคุณหญิงได้เลยใช่มั้ยคะ”
น้ำหนึ่งตกใจระคนสงสาร “พี่พลอย”
พลอยกรีดร้องอย่างคนบ้าคลั่ง “พลอยไม่มีอะไรเทียบเท่าคุณหญิงได้เลยใช่มั้ย? ท่านถึงได้ทำกับพลอยอย่างนี้ โอ๊ย” พลอยเอามือกุมหัว ร่างชักกระตุก ค่อยๆ ชักมากขึ้นอย่างรุนแรงจนตัวงอก่องอขิง
“พี่พลอยๆๆ” น้ำหนึ่งตกใจมากปราดเข้าไปหาประคองร่างพลอยไว้
จังหวะนี้พจนีย์เดินเข้ามาจากด้านหลัง เห็นพลอยนอนบิดร่างไปมา ท่าทางเจ็บปวด โดยมีน้ำหนึ่งคร่อมเอาไว้
พจนีย์ตกตะลึง แผดเสียงดังลั่น “นังน้ำหนึ่ง..แกทำอะไรพี่พลอย”
น้ำหนึ่งหันมามองอย่างตกใจ “คุณพจนีย์”
พจนีย์ปราดข้ามาหาพลอย ประคองกอดเอาไว้ “แกทำอะไรพี่พลอย” พจนีย์เอามือตบหน้าเบาๆ เรียกสติ “พี่พลอยๆ”
พลอยเริ่มได้สติคืนมา เห็นพจนีย์และน้ำหนึ่ง “พจน์”
“นังน้ำหนึ่งมันจะฆ่าพี่พลอย”
“เปล่านะ”
“ไม่ต้องปฏิเสธ” พจนีย์กอดพลอยแน่น “โถ พี่พลอย”
พลอยมองพจนีย์รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร “พจน์...ช่วยพี่ด้วย ช่วยพี่ด้วย” พลอยกอดพจนีย์แน่นเหมือนคนเสียขวัญ
พจนีย์มองจ้องน้ำหนึ่งตาขวาง “แก...” พจนีย์มองกวาดสายตาหาเพชร “พี่เพชร...” ก่อนจะหันมามองน้ำหนึ่งเขม็ง “พอพี่เพชรไม่อยู่ แกก็จะฆ่าพี่พลอย แกเลวมาก”
พจนีย์บันดาลโทสะ ปราดเข้ามาหาและผลักร่างน้ำหนึ่งเต็มแรงจนล้มลงไป น้ำหนึ่งร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย”
“ถ้าพี่เพชรกลับมา...ฉันจะฟ้องพี่เพชร เธอทำร้ายพี่พลอย” พจนีย์หันมากอดประคองพลอย
น้ำหนึ่งหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าจะเจออะไรอย่างนี้ “ฉันเปล่า”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว....ไสหัวไปจากที่นี่เลย ไป๊”
น้ำหนึ่งมองพลอย ขณะที่พลอยไม่ได้มองตอบ แต่กอดพจนีย์แน่น เหมือนเด็กเสียขวัญอาการน่าสงสาร
พจนีย์มองมาสุดแสนจะหมั่นไส้ ลุกขึ้นมาจะตบ “ไป๊!”
น้ำหนึ่งจำต้องผละตัวถอยห่าง วิ่งหนีไป พจนีย์กอดพลอยปลอบ
“เจ็บมากมั้ยพี่พลอย ไม่ต้องห่วงนะ...พจน์จะดูแลพี่พลอยแทนพี่เพชรเอง”
พลอยมองตามสาแก่ใจ ยิ้มเยาะขณะคิดในใจ
“แกไม่มีทางรอดพ้นพวกเดนทรชนได้หรอก น้ำหนึ่ง”

ท่ามกลางความมืดมิด น้ำหนึ่งวิ่งเตลิดมาตามทาง เช่นเดียวกับเพชรก็วิ่งหนีมาตามทางเช่นกัน ฝนฟ้าเพิ่งหยุดตก แต่ถนนยังเปียก แฉะ และลื่น จังหวะนั้นน้ำหนึ่งลื่นล้ม กลิ้งตกลงมาจากเนินเขา ขณะที่ร่างของเพชรก็ล้มลงด้วยร่างกายที่ยังเจ็บปวด เพชรกับน้ำหนึ่งหมดสติกันไปทั้งคู่
น้ำหนึ่งสลบอยู่บนเนินเขา เป็นจุดที่ไม่มีคนผ่านไปมา

รุ่งเช้าวันต่อมา ดาราณีกับเกรียงศักดิ์นั่งอยู่ที่ห้องโถงในคฤหาสน์ นวลเดินนำรปภ.เข้ามา ส่งเสียงดุเอากับรปภ.
“เร็วๆ”
รปภ.หน้าซีดหน้าเจื่อนจ๋อย งงปนกลัว “ท่านมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
เกรียงศักดิ์จ้องหน้าถามเสียงเข้ม “ฉันอยากรู้เรื่องเมื่อคืน...มันเกิดอะไรขึ้น?”
รปภ.ก้มหน้างุดหลบตา นึกกลัวนักปราชญ์ขึ้นมาอีก ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ดาราณีใช้ไม้อ่อน ตะล่อม
“บอกฉันมาเถอะ มีอะไร ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ดุ ไม่ว่าเธอหรอก”
รปภ.ชั่งใจอยู่นิดหนึ่งจึงบอก “เมื่อคืน...คนที่ชื่อเพชรมาที่นี่ครับ”
เกรียงศักดิ์ฉุน ส่วนดาราณีตกใจระคนกังวล ขณะที่นวลตาเขียวไม่พอใจ รปภ.เล่าต่อ
“แต่...แต่คุณนักปราชญ์ จัดการ แล้วครับ”
ดาราณีถามรัวเร็ว “จัดการยังไง”

เวลาเดียวกันนักปราชญ์อยู่ที่บ้านแล้ว เนื้อตัวยังมีร่องรอยช้ำเขียวให้เห็น ขณะบอกพ่อแม่
“ก็จัดการเก็บไอ้เพชรน่ะสิครับ ขุดหลุม ฝังมัน”
สมบัติได้ฟังถึงกับหน้าซีดเผือด ห่วงไปถึงทับทิม ขณะที่อารีย์จ้องมองสามีจับสังเกตอาการ
นักปราชญ์หัวเราะหยันเมื่อเห็นสีหน้าสมบัติ “มันไม่ตายหรอกครับพ่อ..มันดวงดีที่ฟื้นขึ้นมาซะก่อน ไม่งั้น...มันจะต้องถูกฝังทั้งเป็น”
“ทำไมต้องทำกับเค้าขนาดนี้ด้วย”
อารีย์มองสมบัติตาขวาง เถียงแทนลูกชายเสียงดุ “เพราะถ้ามันยังอยู่ มันไม่มีทางให้นักปราชญ์ลอยนวลแน่”
“แต่ แต่...” สมบัติยุ่งยากใจ “แค่นี้ เค้าก็หนีหัวซุกหัวซุนแล้ว ปล่อยเค้าไปเถอะ”
อารีย์บอกเสียงเข้ม “ไม่” พร้อมกับมองมายังสมบัติ “ถ้านายเพชรเป็นลูกของคนอื่นคุณคงไม่พูดอย่างนี้ แต่เพราะมันเป็นลูกของนังทับทิม”
นักปราชญ์โกรธ พูดเยาะเย้ยบิดา “รักครั้งแรกที่ยังฝังจิตฝังใจคุณพ่อ”
สมบัติหลบตาวูบ อารีย์มองสมบัติตาขวางขณะบอก
“ฉันไม่ได้หึงได้หวงคุณ แต่ฉันโกรธ ฉันเจ็บ ฉันแค้น ที่คุณนึกถึงแต่ผู้หญิงคนนั้น จนไม่นึกถึงหัวอก
ลูก ถ้าคุณไม่อยากปกป้องลูก...ฉันนี่แหละจะปกป้องลูกเอง” อารีย์สะบัดหน้าเดินออกไป
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณพ่อ..ผมเป็นลูกผู้ชายพอ...ผมไม่ให้คุณแม่ปกป้องผมหรอก...” นักปราชญ์พูดเสียงเข้ม “ผมจะปกป้องตัวเอง ไอ้เพชรมันต้องตาย!”
นักปราชญ์เดินตามอารีย์ออกไป ขณะที่สมบัติเครียดจัด

ขณะเดียวกันเพชรค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา เพชรเจ็บปวดไปทั้งร่างลุกขึ้นอย่างลำบากยากเย็น แต่สายตาของเพชรกลับเต็มไปด้วย ความเคียดแค้น ขณะที่น้ำหนึ่งนอนหมดสติ ท่ามกลางถนนหนทางลาดชันที่แสนขรุขระ ของขุนเขา

ด้านดาราณีกับเกรียงศักดิ์ ยังมีท่าทางว้าวุ่นกลุ้มใจหนัก ดาราณีบ่นบอกเกรียงศักดิ์อย่างยุ่งยากใจ
“นักปราชญ์ไม่รู้รึไง ยิ่งทำอย่างนี้ เรื่องมันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่”
“ก็ไอ้เพชร มันแส่หาเรื่องเอง”
ดาราณีแย้ง “เพราะแม่เค้ามาที่นี่ต่างหาก”
“เพราะน้ำหนึ่งต่างหาก ที่ทำคนอื่นเค้าเดือดร้อนกันไปหมด บ้าผู้ชาย” เกรียงศักดิ์ชังน้ำหน้าลูกสาวขึ้นมา
ดาราณีฉุนกึก “คุณ”
ดาราณีกับเกรียงศักดิ์ตั้งท่าจะมีเรื่องกันอีก นวลรีบห้ามทัพ
“อย่าโทษคุณน้ำหนึ่งเลยค่ะ ดีไม่ดีตอนนี้....คุณน้ำหนึ่งอาจจะกำลังทุกข์ระทมขมขื่นอยู่ก็ได้”
“หมายความว่ายังไงนวล” ดาราณีถาม
“นายเพชรมาตามหาแม่ แถมถูกจับตัวไปอย่างนั้น...คุณน้ำหนึ่ง คงต้องอยู่คนเดียว” นวลบอก
ดาราณีห่วงลูกสาวมาก “น้ำหนึ่ง”
เกรียงศักดิ์ฮึดฮัดขึ้นมาอีก อารมณ์เสีย ทั้งรัก ทั้งห่วง ทั้งโกรธลูก ดาราณีนิ่งคิดไปนิดหนึ่งก่อนบอก
“แต่ฉันสงสัย...แม่ของเพชรมาที่นี่ทำไม...ในเมื่อเพชรเป็นฝ่ายฉุดลูกเรา”
นวลกับเกรียงศักดิ์หันมามองภรรยา ดาราณีครุ่นคิดขณะพึมพำ
“และที่สำคัญ...”
พร้อมกันนั้น เสียงทับทิมบอกดังก้องในหูดาราณี
“ฉันยังเห็นใจที่เราเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน แต่แกไม่..แกทำร้ายลูกผู้หญิงด้วยกัน ทั้งๆ ที่ผัวแกมัน
เลว ผัวแกมันชั่ว แกไม่เคยนึกถึงหัวอกคนอื่นบ้างเลย นอกจากผัวแก
เกรียงศักดิ์ถามท่าทีงวยงงสงสัย “อะไร”
“เค้าบอก เค้าไม่เคยทำร้ายลูกผู้หญิงด้วยกัน” ดาราณีมองหน้าเกรียงศักดิ์ “แต่สามีฉันเลว ชั่ว.....ฉันไม่เคยคิดถึงใจใคร นอกจากใจคุณ” ดวงตาของคุณหญิงไหวระริก ใจเต้นระรัวขณะพูดประโยคต่อมา “หรือว่า...”
เกรียงศักดิ์ถามเสียงรัวเร็วยิ่งกว่า “อะไรคุณหญิง”
“ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ และนายเพชรก็คือน้องของพลอย” ดาราณีบอก

เกรียงศักดิ์ตกตะลึง คาดไม่ถึง ขนลุกซู่ ใจเต้นรัวเร็ว หวาดกลัวสุดขีด

มารกามเทพ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ด้านเกรียงศักดิ์ลงพื้นที่พบประชาชนวันนี้ แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเลย มัวแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดที่ดาราณีบอกอยู่ตลอดเวลา

“ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ และนายเพชรก็คือน้องของพลอย”
เกรียงศักดิ์หน้าเครียด ใจคอไม่ดี บ่นพึมพำออกมาเบาๆ “...มัน...มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น”
จังหวะนี้นักข่าวคนหนึ่ง เริ่มยิงคำถาม
“ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นท่านออกพื้นที่เลยครับ”
“งานที่กระทรวงยุ่งๆ น่ะครับ”
“นึกว่าจะยุ่งเรื่องคุณน้ำหนึ่ง แล้วก็ตามหาฆาตกรที่ฆ่าตาหวานซะอีก” อีกคนถาม
เกรียงศักดิ์อึ้งไปทันที ถูกถามด้วยคำถามเจาะใจดำ บรรดานักข่าวสังเกตเห็น ยิงคำถามกันอีกเป็นชุด
“ทั้งคุณน้ำหนึ่งและเรื่องฆาตกรไปถึงไหนแล้วครับ”
“เมื่อไหร่คุณน้ำหนึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ”
“แล้วเหมือนท่านไม่ได้เดือดร้อนในการติดตามคดีของตาหวาน”
เกรียงศักดิ์อื้ออึง หน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด การ์ดผู้ติดตามรีบเข้ามากันผู้สื่อข่าว ขณะที่เกรียงศักดิ์ตอบ
“ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องลูกสาวของผม ขอเป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัวนะครับ”
“ขอโทษนะครับ ท่านมีประชุมต่อ ขอตัว...” การ์ดขอตัว
เกรียงศักดิ์หน้าซีดเป็นวันสันหลังหวะ การ์ดรีบกันออกไป นักข่าวหันมาเมาท์กันเอง
“ต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ฉันว่าคุณน้ำหนึ่งไม่ได้เมืองนอกหรอก”
ทุกคนมองตามเกรียงศักดิ์ สายตาเต็มไปด้วยเคลือบแคลงสงสัย

เวลาเดียวกันน้ำหนึ่งยังนอนสลบอยู่ที่เดิม บังเอิญมะพร้าวถือตะกร้ามาเก็บเห็ดในป่าละแวกนั้น
“หน้าฝนแท้ๆ ทำไมเห็ดออกน้อยจัง”
มะพร้าวบ่น กำลังจะเดินไปอีกทาง แต่หางตากลับเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ มะพร้าวตกใจ
“อ้าว! ใครเป็นอะไรอยู่นั่น” มะพร้าวรีบเดินไปหาทันที เห็นผู้หญิงนอนคว่ำหน้า มะพร้าวปลุก
“คุณๆ”
มะพร้าวพลิกร่างขึ้นมา พอเห็นเป็นน้ำหนึ่งที่นอนนิ่งหน้าซีดเผือด ก็ตกใจ
“คุณ”
น้ำหนึ่งค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา ท่าทียังงงๆ มองเห็นมะพร้าว
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงมานอนที่นี่” มะพร้าวไม่รอคำตอบประคองพร้อมกับบอก “เดี๋ยวฉันพาไปส่งบ้านเชิงเขา”
น้ำหนึ่งสะดุ้ง ท่าทีหวาดกลัวและลนลาน “ไม่....ฉันไม่ไป”
มะพร้าวมองงงๆ น้ำหนึ่งอ้อนวอนขอร้อง
“ช่วยพาฉัน...ไปจากที่นี่”
มะพร้าวงุนงง แต่พยักหน้ารับ รีบประคองร่างของน้ำหนึ่งพาไปทุลักทุเล เห็ดเหิดไม่เก็บมันแล้ว

ตกกลางคืน ขณะเกรียงศักดิ์เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เหมือนจะเดินทาง ครุ่นคิดถึงคำพูดของดาราณี
“ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ และนายเพชรก็คือน้องของพลอย”
เกรียงศักดิ์คิดในใจ “เราต้องรู้ความจริงทุกอย่างให้ได้”
เกรียงศักดิ์เร่งมือเก็บข้าวของ ดาราณีเดินเข้ามาในห้อง เห็นก็สงสัย และแปลกใจ
“คุณจะไปไหน”
“ต่างจังหวัด”
“ต่างจังหวัด” ดาราณีมองมาหน้าตึง ทั้งฉุน โกรธและผิดหวัง “นี่คุณคิดจะเอาตัวรอด ทั้งๆ ที่ปัญหาทุกอย่างเกิดจากคุณงั้นเหรอ”
“ผมทำอะไร น้ำหนึ่งต่างหากที่หนีตามไอ้เพชรไป จนเรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายอย่างนี้”
“เอะอะอะไร คุณก็เอาแต่โทษลูก คุณไม่เคยโทษตัวเองเลย เพราะถ้าคุณพร้อมจะรับฟัง น้ำหนึ่งก็คงไม่หนีเตลิดไปกับผู้ชายอย่างนั้น”
เกรียงศักดิ์โกรธขึ้นมาอีก “ไม่หนีเตลิดไปกับผู้ชาย แล้วใครกันที่มันด่าพ่อแม่ปาวๆ ไม่ใช่น้ำหนึ่งหรอกเหรอ หยุดพูดได้แล้ว ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณอีก”
“ก็ฉันบอกแล้วไงคะ ลูกยังเป็นเด็ก ลูกไร้เดียงสา ดีไม่ดี ลูกนั่นแหละที่กำลังตกเป็นเหยื่อเพราะคุณ”
เกรียงศักดิ์อึ้ง นิ่งงันไป ความรู้สึกอื้ออึง อารมณ์เย็นลงขณะบอก
“ถ้าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผม...ผมจะรับผิดชอบมันเอง”
ดาราณีพาลพาโล พูดออกไปด้วยความหมั่นไส้ “รับผิดชอบยังไง? เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ คุณจะรับผิดชอบยังไง”
เกรียงศักดิ์นิ่งไม่ตอบ ดาราณีเครียดจัดระเบิดอารมณ์ร้องไห้โฮออกมา นวลที่อยู่ด้านนอก ไม่สบายใจเลย

รุ่งเช้าเกรียงศักดิ์ผลุนผลันขึ้นรถ คนขับจะเข้ามาขับรถ เกรียงศักดิ์บอก
“ไม่ต้อง ฉันจะขับเอง”
เกรียงศักดิ์ก้าวขึ้นรถ นวลที่จดๆ จ้องๆรออยู่นาน วิ่งมาถามอย่างเกรงๆ
“ท่านคะ? ท่านจะไปไหน? กลับเมื่อไรคะ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ นวล”
“นวลขอโทษค่ะ..นวลเป็นห่วงคุณหญิง”
“งั้นเธอก็ดูแลคุณหญิงให้ดีแล้วกัน เพราะฉันยังไม่รู้...ฉันจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ท่าน” นวลตกใจ
“บอกคุณหญิงแล้วกัน สะสางปัญหาได้เมื่อไหร่ ฉันจะกลับมา”
เกรียงศักดิ์ขับรถออกไป นวลมองตามตาละห้อย ส่วนด้านหลังดาราณียืนมองตามอย่างโกรธขึ้ง
“คนเห็นแก่ตัว” ดาราณีสะบัดหน้าเข้าบ้านไป
นวลหันมาเห็นดาราณีพอดี “บ้านแตกสาแหรกขาด เพราะแกคนเดียว ไอ้เพชร”
นับวันความโกรธเกลียดในตัวเพชรในใจของนวลเพิ่มเป็นทวี

ด้านพลอยนอนแบบอยู่บนเตียง โดยมีพจนีย์คอยดูแล ส่วนเพชรมีที่ท่าทางยังเหนื่อยอ่อนอยู่มาก ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำ ถามเสียงดังตกใจ
“ว่าไงนะ น้ำหนึ่งหนีไป”
พจนีย์ลอยหน้าลอยตาฟ้อง “ใช่ค่ะ! ก่อนไป ยังทำร้ายพี่พลอยอีกด้วย”
เพชรมองพลอยในจังหวะที่พลอยเงยหน้ามองเพชรเช่นกัน ดวงตาคู่นั้นหม่นหมอง อ้างว้าง น้ำตาคลอหน่วยแลดูน่าสงสาร
“อย่าว่าน้ำหนึ่งเลยนะเพชร...ที่น้ำหนึ่งทนอยู่ดูแลพี่ เพราะรักเพชร...แต่พอเพชรไม่อยู่...น้ำหนึ่งก็ไป” พลอยเงียบไป พยายามกลั้นก้อนสะอื้น “พี่เข้าใจ พี่มันคนพิการใครจะอยากอยู่ด้วย” พลอยพูดจบก็น้ำตาไหลริน
พจนีย์ดึงตัวพลอยมากอดประจบเร่งทำคะแนน “พจน์นี่ไงคะที่อยากอยู่ดูแลพี่พลอย...พี่พลอยอย่าร้องไห้นะคะ...เห็นพี่พลอยร้องไห้ พจน์จะร้องตาม”
พลอยแอบชำเลืองมองพจนีย์อย่างรู้เท่าทัน เพชรหน้าบึ้ง ถามพลอยเป็นห่วง
“พี่พลอย เจ็บตรงไหนบ้างมั้ยครับ” เพชรแตะเบาๆ ถามเสียงอ่อนโยน
พลอยแสร้งสะดุ้งสุดตัว ประหนึ่งว่าเจ็บมาก “โอ๊ย” เพชรตกใจใหญ่ พลอยรีบบอก “พี่ไม่เจ็บจ้ะ พี่ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ แต่ถ้าพจน์มาไม่ทัน พี่พลอยอาจถูกน้ำหนึ่ง บีบคอตายไปแล้ว” พจนีย์ใส่ต่อ
เพชรตกใจมาก “อะไรนะ น้ำหนึ่ง บีบคอพี่พลอย”
พลอยแสร้งต่อว่าพจนีย์ “พจน์..พูดให้พี่เพชรไม่สบายใจทำไม” พลอยจงใจเรียกพี่เพชรแทนพจน์
“ก็น้องน้ำหนึ่งสุดที่รักของพี่เพชร บีบคอพี่พลอยจริงๆ นี่ คงเหมือนที่พี่พลอยบอกแหละ รำคาญ ที่ต้องอยู่ดูคนพิการ”
เพชรเปิดประตูพรวดออกไปหน้าบ้าน พลอยร้องขึ้นทันที
“เพชรๆ” พลอยหันมามองพจนีย์ หน้าเศร้า “เพชรต้องไปตามน้ำหนึ่งแน่ๆ เลยพจน์”
“เดี๋ยวพจน์จัดการเองค่ะ” พจนีย์รีบตามออกไป
พลอยขึ้นรถเข็น รีบเข็นรถตามออกไป

เพชรผลุนผลันตรงไปที่รถ พจนีย์ตามไป
“อย่าบอกนะว่าพี่เพชร หลงผู้หญิง จนไม่คิดจะทำอะไรมัน ทั้งๆ ที่ยัยน้ำหนึ่งมันทำร้ายพี่พลอย”
“อย่ายุ่งเรื่องครอบครัวพี่ได้มั้ยพจน์”
“ที่พจน์ยุ่งเพราะพจน์หวังดีค่ะ...พี่เพชรก็บอกเองว่าตามหาน้าทับทิมยังไม่เจอ แต่พี่เพชรก็ไม่ได้เป็นห่วงแม่ พี่เพชรห่วงแต่นังนั่น”
“ใครบอกว่าพี่ห่วงเค้า”
“ถ้าไม่ห่วง พี่เพชร จะตามเค้าไปทำไมคะ”
“ตามมาให้เค้าชดใช้ในสิ่งที่เค้าทำไงล่ะ? พี่จะเอาคืนคนบ้านนั้นให้ถึงที่สุด”
เพชรพูดจบ แล้วขึ้นรถขับทะยานออกไป พจนีย์มองงงๆ เพราะไม่รู้เรื่องเกรียงศักดิ์ หรือครอบครัวน้ำหนึ่งทำอะไรเพชร
พลอยนั่งอยู่บนรถเข็น ดวงตาวาวโรจน์ บอกตัวเองในใจ
“ฉันก็จะไปเอาคืนแกครอบครัวแกเหมือนกัน นังน้ำหนึ่ง!”

บนถนนสายหนึ่งที่มุ่งหน้าไปกรุงเทพฯ น้ำหนึ่งนั่งข้างคนขับท่าทางเหม่อลอย มะพร้าวมองทั้งสงสาร เห็นใจ และเคลือบแคลงใจ มะพร้าวขับรถอยู่ชำเลืองตามองน้ำหนึ่ง คิดในใจ
“อีหรอบนี้ ถูกผู้ชายทิ้งแหงๆ เฮ้อ! ไม่น่าเล้ย”
มะพร้าวได้แต่ถอนใจ ขณะขับรถมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ

ฟากอลิสนั่งบ่นบ้าอยู่กับ เพื่อนเก้งนางเดิม ภายในร้านอาหาร
“ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่คิดจริงๆ เลยว่าจะเจอคนโรคจิตขนาดนั้น”
“ต๊าย...ฉันว่าเธอจิตมากแล้ว นางพลอยอะไรนั่นจิตกว่าเธออีกเหรอ นี่! เธอจะจัดการนังนั่นยังไง”
“ฉันมีวิธี...และวิธีของฉัน ยิงปืนนัดเดียว นกต้องร่วงลงมาทั้งฝูง”
“ตรรกะอลิส ใช่และชัวร์เสมอ” เพื่อนสาวว่า
“แน่น๊อน” อลิสยิ้มพอใจ

ไม่นานต่อมา ดาราณีซึ่งมีท่าทางไม่ค่อยสบายใจ บอกกับอลิสที่มาถามหาสามี
“ท่านไม่อยู่จ้ะ อลิสมีเรื่องอะไรกับท่านจ๊ะ”
“เรื่องน้ำหนึ่ง”
“น้ำหนึ่ง” ดาราณีมองมาด้วยท่าทีสงสัย ยังไม่รู้ว่าอลิสจะมาไม้ไหน
อลิสรีบบอก “อลิสรู้ค่ะคุณน้า ว่าน้ำหนึ่งอยู่ที่ไหน”
นวลที่นั่งพับเพียบรอรับใช้แถวนั้นหูผึ่ง อยากรู้เหมือนกันน้ำหนึ่งอยู่ที่ไหน ดาราณีถามรัวเร็ว
“ที่ไหนจ๊ะ”
“บ้านเชิงเขาค่ะ”
“บ้านเชิงเขา”

ดาราณีทวนชื่อ หันมาหานวล สองคนมองหน้ากันหัวใจเต้นระรัว

ฟากเกรียงศักดิ์ถามหาบ้านพลอย แต่เป็นบ้านหลังเดิม ถามไปเรื่อง หลังแล้วหลังเล่า ชาวบ้านชี้ไปเรื่อยๆ จากแดดเปรี้ยง จนตะวันคล้อยต่ำลง

บรรยากาศยามเย็นของที่บ้านเชิงเขา ดูทะมึน และเงียบสงัด พลอยนั่งเศร้าโดดเดี่ยว และเดียวดายอยู่กับพจนีย์
“ทุกคนจากพี่ไปหมดแล้ว”
“เค้าไปเพื่อจัดการนังน้ำหนึ่ง” พจนีย์ปลอบ
“เพื่อตัวเค้าเองต่างหาก”
“พี่เพชรอาจจะใช่...แต่น้าทับทิม ไปเพราะห่วงพี่พลอยจริงๆ เฮ้อ! ป่านนี้น้าทับทิมจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
พลอยตาวาวโรจน์ขึ้นมาทันที รู้ว่าทับทิมไปไหน “นั่นสิ...ป่านนี้แม่จะเป็นยังไง พจน์..พี่อยากคิดอะไรเงียบๆ”
“แต่พี่พลอย”
“พี่อยากอยู่คนเดียว”
“ก็ได้ค่ะ...งั้น...เดี๋ยวพจน์มาใหม่นะพี่”
พจนีย์เดินออกไป แต่ไม่วายหันมาค้อนขณะคิดในใจ “นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องทำคะแนนเรื่องพี่เพชร จ้างให้ ฉันก็ไม่ดูพี่หรอก..คนอะไร ไม่อยู่กับร่องกับรอย”
พลอยเหลียวมองตามหลัง รู้ทันพจนีย์

ขณะที่พจนีย์เดินออกมาหน้าบ้าน เห็นรถคันหรูแล่นเข้ามาจอด
“รถใคร”
ที่แท้เป็นเกรียงศักดิ์ ที่จอดรถอยู่หน้าบ้าน เห็นบ้านของพลอย ไม่ได้ติดชื่อว่าบ้านเชิงเขา เพราะเป็นชื่อที่คนแถวนั้นเรียกเอง เกรียงศักดิ์จอดรถลงมาจอด กวาดสายตามอง พจนีย์เสนอหน้าออกไปพอดี เกรียงศักดิ์ถาม
“นี่บ้านเชิงเขาหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ” สายตาสอดรู้สอดเห็นมากขณะถาม “มาหาใครคะ”
“พลอย..ผมมาหาพลอย”
“พี่พลอย” ดวงตาพจนีย์ไหวระริกอยากรู้มาก
“ใช่บ้านพลอยหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ...บ้านพี่พลอย”
เกรียงศักดิ์ค้อมศีรษะทำนองขอบคุณก่อนเดินเข้าไป พจนีย์เรียกไว้สาระแนถามด้วยความอยากรู้
“เอ่อ..คุณมีอะไรกับพี่พลอยคะ”
“ธุระ..ผมมีธุระกับพลอย” เกรียงศักดิ์เดินเข้าไปเลย
“ธุระอะไร” พจนีย์ตาวาว เดินตามเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ที่ด้านในบ้าน พลอยนั่งอยู่ ดวงตาประหวั่นพรุ่นพรึงขณะบ่นพึมพำ
“อย่าบอกนะว่าคนพวกนั้นทำร้ายแม่”
พลอยหลับตาลง มือไม้สั่นเครียด เอามือควานหยิบขวดยา แต่มือสั่นขวดยากลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้น พลอย
ทำท่าจะลุกออกจากรถเข็น แต่ต้องชะงักเมื่อมีเท้าของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา พลอยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เห็น บุรุษนายนั้นก้มตัวลงเก็บขวดยาให้ พลอยใจเต้นรัวราวกับเสียงกลอง จำได้แม่น ขณะที่เกรียงศักดิ์เงยหน้าขึ้น
พลอยเสียงสั่น “ท่าน”
เกรียงศักดิ์มองสภาพพลอย แล้วนึกสะท้อนใจ เพราะเพิ่งเคยเห็นจะจะตาครั้งแรก
“พลอย”
ที่ด้านนอกพจนีย์แอบย่องมามองดู เห็นสองคนมองจ้องตากันนิ่งๆ พลอยมองเกรียงศักดิ์ ทั้งรัก ทั้งเกลียด เคียดแค้น ส่วนเกรียงศักดิ์มองพลอยยิ่งรู้สึกผิด ยื่นขวดยาให้ พลอยไม่รับถามเสียงเครือ
“ท่าน...มาทำไม”
เกรียงศักดิ์ไม่อยากให้เหลือเยื่อใย พูดตัดรอน “ฉันมาหา...น้ำหนึ่ง”
พลอยเสียใจมาก ทั้งเสียหน้าและผิดหวัง คว้าขวดยาปาใส่หน้า “ที่แท้...านก็ไม่ได้คิดถึงพลอย ท่านไม่ได้คิดถึงพลอยเลย”
เกรียงศักดิ์เจ็บ แต่ไม่สนใจ ห่วงน้ำหนึ่งมากกว่า ถามเสียงสั่น “ตกลง..น้ำหนึ่ง..มาที่นี่จริงๆ ใช่มั้ย”
พลอยมองจ้องเขม็ง เสียใจมาก กรี๊ดออกมาอย่างขัดใจ “ท่านไม่ได้สนใจพลอยเลย ท่านไม่ได้สนใจพลอยเลย” พลอยสะบัดตัวดิ้นเร่าๆ อาละวาด
เกรียงศักดิ์เสียงดังให้หยุด “เรื่องเรามันจบไปแล้วนะพลอย”
พจนีย์อึ้งตะลึง งง พยายามจับต้นชนปลาย ขณะที่พลอยตะเบ็งเสียงใส่
“แต่พลอยยังไม่จบ พลอยต้องทุกข์ทรมานเพราะใคร” ว่าแล้วก็ทุบขาตัวเอง “พลอยต้องเป็นอีเป๋ พิการ
เพราะใคร” พจนีย์มองอย่างตะลึงพรึงเพริด
เกรียงศักดิ์ปราดเข้าไปห้าม “หยุดพลอย หยุด! อย่าทำร้ายตัวเอง”
“แต่คนอื่นทำได้ใช่มั้ย? ท่านกับคุณหญิงทำร้ายพลอยได้ใช่มั้ย” พลอยยิ่งทุบตีทำร้ายตัวเองใหญ่
เกรียงศักดิ์ตกใจ เข้ามากอดห้ามรั้งเอาไว้ “อย่าพลอย!อย่า”
“ปล่อย”
พลอยดิ้นสุดแรงจนรถเข็นล้ม ร่างพลอยร่วงลงหน้าฟาดฟื้นพลอยร้อง “โอ๊ย” เกรียงศักดิ์ตกใจ
“พลอย!”
พลอยสะบัดตัวออกบอกเสียงเข้ม “ปล่อย” แล้วมองจ้อง “ตกลง ท่านมาตามหาลูกสาวท่านใช่มั้ย”
“ใช่”
พลอยเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “น้ำหนึ่ง..ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“น้ำหนึ่งอยู่ไหน”
พลอยไม่ตอบ แต่จากสายตาของพลอย เกรียงศักดิ์รู้ ใจเต้นรัวขณะถาม
“เพชรคือน้องชายของพลอย งั้นที่ผ่านมา...”
พลอยหัวเราะเยาะ “ท่านเป็นคนเก่ง เรื่องแค่นี้...ท่านเดาไม่ยากหรอกค่ะ”
เกรียงศักดิ์แทบคลั่งกระชากร่างพลอย “พลอย”
“แต่กว่าจะถึงวันนั้นลูกสาวท่านก็ถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยอย่างพลอย”
พจนีย์ตกตะลึง เกรียงศักดิ์โกรธจนตัวสั่น
“ลูกสาวฉันอยู่ไหน น้ำหนึ่งอยู่ไหน บอกมาพลอย ลูกสาวฉันอยู่ไหน”
พลอยลอยหน้าลอยตาบอก “พลอยไม่รู้...รู้แต่...นอกจากเป็นเมียน้อย ตอนนี้...น้ำหนึ่งอาจจะกลายเป็นเมียหลายๆ คนก็ได้”
เกรียงศักดิ์ใจแป้ว “เธอหมายความว่ายังไงพลอย”
พลอยยิ้มเย้ย “เมื่อคืน ท่ามกลางฝนตกหนัก น้ำหนึ่งหนีไปจากที่นี่...กลางคืน มืด...เดนทรชนเยอะ ท่าน
คงรู้ว่าลูกสาวท่านจะมีชะตาชีวิตยังไง”
“พลอย”
เกรียงศักดิ์ตรงเข้ามาทำท่าจะขย้ำคอ พจนีย์ตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน พลอยท้า
พลอยท้า “เอาสิคะ..ฆ่าพลอยให้ตายเลย”
เกรียงศักดิ์ทำท่าจะตบพลอย พลอยเงยหน้ารับอย่างท้าทาย มือของเกรียงศักดิ์สั่นระริก พลอยท้า
“ท่านทำลายพลอยมาทั้งชีวิตแล้ว แค่นี้ มันเล็กน้อยจะตาย”
พูดจบพลอยก็คว้ามือของเกรียงศักดิ์ตบเข้าที่ใบหน้าตัวเองอย่างแรง เกรียงศักดิ์ตะลึง
“เธอบ้าไปแล้วพลอย เธอบ้าไปแล้ว”
เกรียงศักดิ์มองพลอยอย่างรังเกียจ แล้วถอยหนี ก่อนจะวิ่งลนลานออกไป พจนีย์ วิ่งตามเกรียงศักดิ์ออกไป ทั้งอยากรู้อยากเห็นทั้งกลัว ขณะที่พลอยหัวเราะทั้งน้ำตา
“ใช่!พลอยมันบ้า พลอยมันบ้า!”
พูดจบพลอยก็ยันกายลุกขึ้น กระชากลิ้นชัก หยิบปืนออกมา

ความมืดโรยตัวลงมาปกคลุมบริเวณด้านนอก บเนเชิงเขาอย่างรวดเร็ว เกรียงศักดิ์ตามหาน้ำหนึ่ง
“น้ำหนึ่งๆๆ น้ำหนึ่งอยู่ที่ไหน น้ำหนึ่ง”
พจนีย์ที่ตามมาแบบหลบซ่อน แอบมองทุกอย่างด้วยใจระทึก เกรียงศักดิ์เห็นแต่ความมืด รอบตัวมีแต่ป่า หุบเขาทะมึน เกรียงศักดิ์แทบบ้า
“อยู่ที่ไหน น้ำหนึ่ง”
เกรียงศักดิ์รีบคว้ามือถือขึ้นมา จังหวะนี้พลอยที่ตามมาข้างหลัง ยิงปืนออกมาดังเปรี้ยง ถูกมือถือของเกรียงศักดิ์เป๊ะๆ
เกรียงศักดิ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ “เฮ้ย!” แล้วหันมามองพลอย
พลอยหัวเราะร่วนมองปืนในมือ “แหม...ฟลุคเป็นบ้า...เพราะถ้าไม่ฟลุค กระสุนคงโดนท่านไม่ใช่มือถือ”
เกรียงศักดิ์ถอยหลังกรูด “อย่าทำอะไรฉันนะพลอย”
พลอยแสร้งจับขาตัวเอง แล้ว ค่อยๆ เดินเหมือนคนพิการ เข้ามาหาเกรียงศักดิ์ทีละนิด เกรียงศักดิ์ใจเต้นระรัว
“พลอยไม่ทำอะไรท่านหรอกค่ะ...แค่อยากให้ท่านรับรู้...รสชาติของคนพิการ มันเป็นยังไง”
“อย่า พลอย!”
พลอยไม่ฟังเสียง ยิงเปรี้ยงออกมา กระสุนโดนเข้าที่ขาของเกรียงศักดิ์จังๆ เกรียงศักดิ์ร้อง “โอ๊ย” แล้วตัวล้มทรุด กลิ้งลงตามเนินเขา กระแทกกับต้นไม้หมดสติ พจนีย์เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมองภาพตรงหน้า อาการตื่นตะลึง
“พี่พลอย!”
พจนีย์รู้สึกกลัวมาก มองพลอยอย่างหวาดผวา รีบถอยหลัง แต่เท้าของพจนีย์ดันเหยียบเข้ากับกิ่งไม้ จนกิ่งไม้หักเสียงดัง พลอยหันขวับไปมองตามเสียง รู้ทันทีมีคนร้องตะโกนถาม
“ใคร” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ “ฉันถามว่าใคร”
พจนีย์หน้าซีด รีบย่องหนีไปด้วยความตกใจ พลอยมองไปยังเกรียงศักดิ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่

พลอยเหลียวขวับมามองตามทางที่ได้ยินเสียงไปตามทิศทางที่คาดว่าใช่

มารกามเทพ ตอนที่ 10 (ต่อ)

พจนีย์วิ่งหัวซุกหัวซุนหนีพลอย บ่นบ้าเบาๆ กลัวจับจิต ยกมือไหว้ทั่วทิศ

“โอ๊ย...รู้แล้ว รสชาติการหนีตายเป็นยังไง? เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยลูกด้วย”
พจนีย์วิ่งมา เท้าเกิดสะดุดเข้ากับรากไม้ที่โผล่ขึ้นมา พจนีย์ล้มลง
“โอ๊ย!”
พลอยที่ตั้งท่าจะเดินไปทางอื่นหันมาทางเสียง พจนีย์แอบอยู่หลังต้นไม้เห็นพลอยก่อน
พจนีย์เอามืออุดปากตัวเองพร้อมกับชักขาคุดคู้เอาไว้อย่างรวดเร็ว ค่อยๆ คลานหลบไปใต้พุ่มไม้
ส่วนพลอยค่อยๆ เดินมาจนถึงบริเวณจุดที่พจนีย์ซ่อนตัวอยู่ พลอยกวาดสาตามองไปรอบๆ ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ จึงเอามือปัดไปตามพุ่มไม้ มือของพลอยอยู่เหนือศีรษะของพจนีย์นิดเดียวเท่านั้น พจนีย์แทบช็อก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พลอยกวาดตามอง กิ่งไม้ร่วงลงโดนศีรษะพจนีย์พอดี พจนีย์เจ็บแต่ไม่กล้าร้อง พลอยมอง จนแน่ใจว่าไม่มีใคร จึงเดินหัวเสียไป พจนีย์ถอนหายใจโล่งอก หนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

ขณะเดียวกัน รจนาครุ่นคิดอยู่ในบ้าน จิตใจเต็มไปด้วยความอิจฉา
“เราต้องบอกให้พี่เพชรรู้เรื่องที่พี่พจน์ทำร้ายน้ำหนึ่ง” รจนาหยิบมือถือมากด แต่ไม่ติด รจนานิ่วหน้า “หรือพี่
เพชรยังไม่กลับจากกรุงเทพฯ”
รจนาคิดในใจ
“คนที่จะได้ครอบครองพี่เพชรต้องเป็นเรา ไม่ใช่พี่พจน์”
รจนาลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ารวดเร็วแล้วเดินออกไป ลับร่างของรจนาเพียงครู่เดียว พจนีย์ก็วิ่งหน้าตา
ตื่นเข้ามา หอบแฮ่กๆๆๆ
“รจ...รจ...รจ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ พจนีย์วิ่งหาน้องพลางตะโกนเรียก
“รจ...รจอยู่ไหน พี่มีเรื่องจะบอก โธ่เอ๊ย! ไปไหน”
พจนีย์กวาดตามอง แปลกใจที่รจนาไม่อยู่ งงว่าน้องสาวไปไหนเอายามนี้?

ฝ่ายมะพร้าวขับรถมาส่งน้ำหนึ่ง พอถึงหน้าประตูคฤหาสน์ น้ำหนึ่งก็รีบบอก
“จอดหน้าบ้านนี่แหละ”
มะพร้าวจอดรถ ในจังหวะที่ดาราณีซึ่งอยู่ในห้องชั้นบนของบ้าน มองจากหน้าต่างลงมาเห็น รถคันเก่าๆ แล่นมาจอด
“รถใคร?” ดาราณีเพ่งมองอย่างแปลกใจ
จนเมื่อน้ำหนึ่งเดินลงมาจากรถพร้อมกับมะพร้าว ดาราณีถึงกับตะลึง
“น้ำหนึ่ง”
นวลที่ทำงานอยู่แถวนั้นชะงัก หันมามองท่าทีตื่นเต้น “คุณน้ำหนึ่ง”
ดาราณีละตัวจากหน้าต่าง เดินไปด้านล่างอย่างตื่นเต้นดีใจ นวลรีบตาม ตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน

น้ำหนึ่งบอกขอบคุณมะพร้าว
“ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาส่ง”
มะพร้าวมองบ้านอย่างตื่นตะลึง เห็นป้ายชื่อ บ้านรมต.เกรียงศักดิ์ “บ้านคุณเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่บ้านฉัน แล้วฉันจะให้มะพร้าวมาส่งบ้านใคร”
น้ำหนึ่งพูดยิ้มๆ ไม่ทันเห็นด้านหลังว่าดาราณีกับนวลเดินออกมา มะพร้าวเองก็ไม่ทันเห็น มัวแต่มองน้ำหนึ่ง
“บ้านคุณออกจะรวย คุณเองก็เป็นถึงลูกรมต.ไม่น่าเป็นเมียน้อยใครเลย”
“ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร”
“จริงไม่จริงฉันไม่รู้...แต่ผู้หญิงที่ถูกด่าว่าเป็นเมียน้อย ยังไงคำว่าเมียน้อยก็ติดอยู่ตรงหน้าผากแล้วคุณเองก็เหมือนกัน”
น้ำหนึ่งอึ้ง มะพร้าวเดินขับรถออกไปท่าทีเสียความรู้สึก น้ำหนึ่งเองก็เสียใจ พอหันกลับมาก็สะดุ้ง หน้าซีด เมื่อเจอ ดาราณี นวล ที่ยืนน้ำตาซึมมองมา
“คุณแม่”
ดาราณีไม่พูดอะไร สะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไป น้ำตากลบนัยน์ตา น้ำหนึ่งใจหาย ใจเสีย รู้สึกผิดและสงสารแม่ ที่ตัวเองบ้าผู้ชาย บ้าความรักจนเกิดเรื่องมากมาย
“คุณแม่”
น้ำหนึ่งวิ่งตามดาราณีเข้าบ้านไป นวลมองตามปวดหัวใจไม่ต่างกัน

ดาราณีเดินหนีเข้าไปในบ้านน้ำตาไหลพราก น้ำหนึ่งวิ่งตามท่าทีร้อนใจ
“คุณแม่”
ดาราณีบอกเสียงดัง “ไม่ต้องมาเรียกแม่”
น้ำหนึ่งอึ้ง นวลที่ตามมาด้านหลัง ได้ยินก็อึ้งเช่นกัน ดาราณีหันมาทั้งน้ำตา
“แม่พยายามคิดมาตลอด ว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ แม่ไม่คิดเลย..น้ำหนึ่งจะเป็นเมียน้อยเค้าจริงๆ”
“น้ำหนึ่งไม่เคยเป็นเมียน้อยใคร แต่ทุกอย่าง มันเกิดขึ้นเพราะคุณพ่อ” น้ำหนึ่งว่า
ดาราณีสังหรณ์ใจ ถามเสียงสั่น “คุณพ่อเกี่ยวอะไร”
“คุณพ่อ..เคยหลอกผู้หญิงที่ชื่อพลอยประดับมาเป็นเมียน้อยใช่มั้ยคะ”
ดาราณีอึ้ง ตะลึงกับคำถาม “น้ำหนึ่ง”
สายตาสองแม่ลูกประสานกัน ดาราณีครุ่นคิด น้ำหนึ่งเห็นสายตาของดาราณีก็เข้าใจ ว่ามันคือเรื่องจริง
สองแม่ลูกน้ำตาไหล รวมทั้งนวล

พลอยลากร่างท่วมเลือดของเกรียงศักดิ์ที่ยังหมดสติ มายังห้องร้างเก็บของในบ้านเชิงเขา ห้องนั้นมืดทึบ ผนังเป็นปูนเปลือย แลดูน่ากลัว พลอยมองร่างของเกรียงศักดิ์ ก่อนเดินช้าๆ ไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาทำให้เกรียงศักดิ์แผ่วเบา อ่อนโยน
“พลอยรักท่าน...พลอยไม่ทำให้ท่านตายหรอกค่ะ”
พลอยลูบไล้วงหน้าของเกรียงศักดิ์แววตาแสนสับสน รัก โกรธ เกลียด เสียใจ น้อยใจระคนอยู่ในนั้น ก่อนที่ดวงตาจะแข็งกร้าว
“แต่ท่านต้องอยู่กับพลอย...ทรมานเหมือนพลอย”
พลอยตะเบ็งเสียงหัวเราะร่า น้ำเสียงฟังแล้วแสนหลอกหลอน

ขณะเดียวกันเพชรขับรถมาด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของเกรียงศักดิ์ เสียงของพจนีย์ดังก้อง
“ก็น้องน้ำหนึ่งสุดที่รักของพี่เพชร บีบคอพี่พลอยจริงๆ นี่ คงเหมือนที่พี่พลอยบอกแหละ รำคาญ ที่ต้องอยู่ดูคนพิการ”
เพชรคิดในใจ “พี่ดูเธอผิดไปจริงๆ น้ำหนึ่ง เธอมันเลว เหมือนพ่อแม่เธอ”

สีหน้าเพชรกราดเกรี้ยว ผิดหวังในตัวน้ำหนึ่ง ขณะที่เท้าเหยียบคันเร่งจมมิดไมล์

ด้านดาราณีนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดว่าความลับที่เก็บไว้มานาน จะเปิดเผยในวันนี้ น้ำหนึ่งถามซ้ำ

“คุณพ่อเคยหลอกผู้หญิงที่ชื่อพลอยประดับมาเป็นเมียน้อยใช่มั้ยคะ”
นวลปราม ท่าทียังดูเกรงใจอยู่ “คุณน้ำหนึ่ง ถามอะไรคุณแม่อย่างนั้นคะ”
น้ำหนึ่งมองดาราณี รอฟังคำตอบ “คุณแม่ไม่ตอบ แสดงว่า...มันเป็นเรื่องจริง”
ดาราณีเสียงเครือรู้สึกเจ็บปวด และน้อยใจ “น้ำหนึ่งเห็นใจผู้หญิงคนนั้น แต่น้ำหนึ่งไม่คิดถึงหัวใจแม่”
“คุณแม่ตอบมาก่อนสิคะ..ว่าจริงหรือเปล่า คุณพ่อหลอกผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเมียน้อยจริงหรือเปล่า”
“คุณพ่อไม่เคยหลอกใคร ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เข้าหาคุณพ่อเอง”
น้ำหนึ่งมองมารดาด้วยสายตาผิดหวัง “คุณแม่ก็เหมือนผู้หญิงทั้งโลก เข้าข้างสามีตัวเอง จนมองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น”
“น้ำหนึ่ง!” ดาราณีชักโกรธ
“คุณแม่รู้มั้ยคะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน เค้าพิการ เค้าเป็นโรคประสาท เค้าเป็นบ้า เพราะคุณพ่อ”
ดาราณีสุดทนไหว ตบหน้าน้ำหนึ่งอย่างแรง จนหน้าหัน
“คุณแม่” น้ำหนึ่งเหลียวขวับมามองอย่างเสียใจ ร้องไห้ออกมาด้วยความผิดหวัง
“ลูกหลงผู้ชายอย่างที่คุณพ่อว่าจริงๆ” ดาราณีด่าซ้ำ
“คุณแม่โกหกตัวเองต่างหาก...คุณพ่อหลอกผู้หญิง ทำลายผู้หญิง และคุณแม่ก็เลือกที่จะเข้าข้าง
คุณพ่อปกป้องคุณพ่อ แต่ทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ด้วยการโยนความผิดให้กับเค้าน้ำหนึ่งไม่คิดจริงๆ ว่าคุณแม่จะเป็นคนแบบนี้”
น้ำหนึ่งยังบ้าผู้ชายจนแสดงอาการกร้าวร้าวกับบุพการี แล้ววิ่งหนีออกไปทันที
สองคนตกใจ “น้ำหนึ่ง” / “คุณน้ำหนึ่ง”
ดาราณีและนวลวิ่งตามน้ำหนึ่งไป

น้ำหนึ่งวิ่งเตลิดออกมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพชรขับรถมาจอดพอดี น้ำหนึ่งเห็นเพชรก็ดีใจ เพชรลงจากรถ น้ำหนึ่งร้อง
“พี่เพชร”
เพชรเดาเรื่องออกรีบบอก และพาขึ้นรถ “รีบขึ้นรถเร็วน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งวิ่งขึ้นรถ ดาราณีกับนวลวิ่งออกมาพอดี เห็นทุกอย่าง
“อย่าไปน้ำหนึ่ง” / “คุณน้ำหนึ่งอย่าไป”
“พาน้ำหนึ่งลงมาเดี๋ยวนี้” ดาราณีตะโกนก้อง
เพชรยิ้มเย้ยเดินมาหาดาราณีอย่างท้าทาย “คุณหญิงก็พาลงมาอีกสิครับ ถ้าคิดว่าทำได้”
นวลคำราม “ไอ้เพชร!”
“น้ำหนึ่งลงมา”
“ไม่ค่ะ...น้ำหนึ่งไม่ลง”
เพชรยิ้มหยัน “ที่ผ่านมา ผมไม่เคยพาลูกสาวคุณหญิงหนีนะครับ...มีแต่ลูกสาวคุณหญิงหนีตามผมเอง”
“ไอ้เพชร” ดาราณีโกรธจนตัวสั่น ตบหน้าผลัวะ
“ไอ้เลว” นวลด่าซ้ำ
“ถึงผมจะชั่วจะเลวยังไงก็ไม่เท่าสิ่งที่พวกคุณทำกับผม พี่ผม แม่ผม พวกคุณต้องรับผิดชอบ”
เพชรผลุนผลันขึ้นรถ สองคนตะโกน
“อย่าไปน้ำหนึ่ง” / “คุณน้ำหนึ่ง อย่าไป”
เพชรไม่สนพาน้ำหนึ่งขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ดาราณีกรีดร้องจนเป็นลมร่วงอยู่ตรงนั้น นวลประคองอย่างตกใจ
“คุณหญิง” นวลมองตามน้ำหนึ่งอย่างเจ็บปวด “แล้วคุณน้ำหนึ่ง จะเสียใจในสิ่งที่ทำ”

เวลาต่อมา เพชรขับรถมาจอดที่บ้านไร่เพื่อนของเขา บรรยากาศร่มรื่น แต่ก็ดูเงียบสงัดและวังเวง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว
“ที่ไหนคะพี่เพชร”
เพชรบอกเสียงแข็ง ท่าทีเปลี่ยนไป “ที่ไหนก็ได้...ไม่ใช่นรกแล้วกัน”
น้ำหนึ่งงง “พี่เพชร”
“ฉันเคยคิดที่จะปราณีเธอ แต่สุดท้าย เธอทำร้ายพี่ฉัน พ่อแม่เธอก็ทำร้ายแม่ฉัน พี่ฉัน ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้อีกแล้วน้ำหนึ่ง”
เพชรฉุดกระชากลากถูน้ำหนึ่งลงจากรถ น้ำหนึ่งตกใจ
“อย่าทำน้ำหนึ่งอย่างนี้พี่เพชร ไหนเราว่าจะดูแลกัน ช่วยกัน เข้าใจกัน”
“วันนั้น มันไม่ใช่วันนี้”
น้ำหนึ่งฟังแล้วผิดหวัง “พี่เพชร”
“มานี่”
เพชรไม่สนลากน้ำหนึ่งไป น้ำหนึ่งได้แต่ร้องกรี๊ดๆ ร่างปลิวตามแรงฉุดของเพชรไป

ตามทางเดิน บริเวณบ้านไร่ เพชรลากน้ำหนึ่งมา น้ำหนึ่งยื้อตัวพูดอ้อนวอน
“พี่เพชร...อย่า อย่า!”
“ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย”
เพชรลากน้ำหนึ่งลงไปในคลอง น้ำหนึ่งยื้อมือเอาไว้
“อย่า! อย่า พี่เพชร..น้ำหนึ่งว่ายน้ำไม่เป็น อย่า”
เพชรไม่ฟังเสียงเหวี่ยงน้ำหนึ่งลงไป น้ำหนึ่งยื้อมือเพชรไว้แน่น ทำให้ทั้งสองคนตกลงไปด้วยกัน
“ว้าย”
เพชรโมโหที่ตกลงไปด้วย “น้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งคว้าตัวเพชรกอดเอาไว้แน่น เพราะจะจมน้ำ เพชรดันตัวออก
“ปล่อย”
“ไม่! น้ำหนึ่งกลัว อย่าทิ้งน้ำหนึ่ง”
“บอกให้ปล่อย”
เพชรเหวี่ยงน้ำหนึ่งออกไปเต็มแรง ร่างบอบบางของน้ำหนึ่งลอยละลิ่วไปกระทบผิวน้ำ
“ว้าย!”
น้ำหนึ่งแสร้งทำทีเป็นหมดแรงจะจมน้ำ ร้องลั่น
“พี่เพชร...ช่วยน้ำหนึ่งด้วย พี่เพชร” แล้วทิ้งร่างจมน้ำไป
เพชรทำใจแข็งไม่สนใจ น้ำหนึ่งก็วัดใจ ปล่อยตัวเองจมลงน้ำไป เพชรก้าวจะขึ้นมาบนฝั่ง เสียงของน้ำหนึ่ง
เงียบ เพชรหันไปมอง เห็นน้ำหนึ่งจมน้ำ เพชรใจหายวับร้องเรียก
“น้ำหนึ่ง”
เพชรกระโจนพรวดทีเดียวถึงตัวน้ำหนึ่ง กอดประคองขึ้นมา น้ำหนึ่งแกล้งหมดสติ เพชรอุ้มน้ำหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนพื้นดิน พร่ำบอก
“อย่าเป็นอะไรนะน้ำหนึ่ง”
เพชรตบหน้าน้ำหนึ่งเบาๆ น้ำหนึ่งนอนนิ่ง เพชรก้มลงจะผายปอดให้ จู่ๆ น้ำหนึ่งร้องไห้โฮออกมา อย่างตื้นตัน
เพชรงง เพ่งมอง อย่างแปลกใจ

“น้ำหนึ่ง”

สองคนสบตากัน เพชรเห็นดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความรักและภักดี

“ยังไงพี่เพชรก็ห่วงน้ำหนึ่ง แล้วทำไมพี่เพชรไม่ฟังน้ำหนึ่งบ้างคะ” น้ำหนึ่งอ้อนวอนทั้งน้ำตา “ทำไมพี่เพชร
ไม่ฟังน้ำหนึ่งบ้าง”
เพชรสงสาร แต่ทำใจแข็ง “เพราะครอบครัวของเธอใจร้าย พี่ไว้ใจเธอไม่ได้น้ำหนึ่ง”
เพชรเดินหนีไป น้ำหนึ่งร้องไห้โฮ ท้องฟ้ามืดทะมึน และจู่ๆ สายฝนก็เทกระหน่ำลงมา น้ำหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่กลางสายฝน มองเพชรที่เดินห่างออกไปทุกทีๆ

ตกกลางคืน ที่ด้านนอกบ้านฝนตกหนัก เพชรอยู่ในบ้านหน้าตาว้าวุ่น โกรธ ห่วง สงสารตีกันนุงนัง บางจังหวะทำท่าจะเดินออกไป แต่เปลี่ยนใจเดินกลับเข้ามาเหมือนเดิม บอกตัวเอง
“จะเป็นจะตายก็ช่าง ไม่ต้องไปสนใจ เพชร”
เพชรล้มตัวลงนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเรียกผะแผ่ว เพชรสะดุ้งหันไปมองที่ประตู
“พี่เพชร”
แววตาของเพชรอ่อนลงนึกห่วงขึ้นมาแว่บหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโกรธ พยายามทำใจแข็ง ส่วนด้านนอก น้ำหนึ่งเนื้อตัวเปียกปอน เริ่มหนาวสั่น พูดอ้อนวอน
“พี่เพชร น้ำหนึ่งกลัว น้ำหนึ่งหนาว เปิดประตูให้น้ำหนึ่งหน่อย”
เพชรเงียบทำหน้าตาหงุดหงิดแต่ใจอ่อนยวบ น้ำหนึ่งอ้อนวอนอีก พร้อมกับเคาะประตู
“พี่เพชร...เปิดประตูให้น้ำหนึ่งหน่อยนะ”
“ไม่!”
“พี่เพชร”
เพชรเปิดประตูออกไป น้ำหนึ่งแอบยิ้มดีใจ แต่เพชรกลับบอก
“ฉันให้โอกาสเธอหนี...เพราะถ้าเธออยู่ที่นี่...เธอจะต้องถูกทรมานน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งส่ายหน้า “น้ำหนึ่งไม่ไปไหน น้ำหนึ่งรักพี่เพชร และน้ำหนึ่งก็รู้ว่าพี่เพชรรักน้ำหนึ่ง”
เพชรโกรธที่ถูกจี้ใจดำ “ฉันไม่ได้รักเธอ...”
“ถึงพี่เพชรจะบอกว่าไม่รัก แต่สายตาพี่เพชรรักน้ำหนึ่ง...น้ำหนึ่งขอย้ำคำเดิม น้ำหนึ่งจะอยู่กับพี่เพชร ทำให้พี่เพชรกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้” น้ำหนึ่งเพ้อฝัน
“ไม่มีทาง น้ำหนึ่ง ไม่มีทาง”
เพชรปิดประตู น้ำหนึ่งนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มีน้ำตา มีตาสายตาที่เด็ดเดี่ยวพร้อมเผชิญอุปสรรคทุกอย่าง

เช้าวันต่อมาดาราณีนั่งร้องไห้อยู่ในห้อง นวลเอาอาหารมาให้
“ทานอะไรบ้างค่ะคุณหญิง”
“ฉันกินไม่ลง เหมือนที่เค้าว่าจริงๆ นวล ผู้หญิงเวลามีความรัก โง่ทุกคน”
“คุณน้ำหนึ่งไม่ผิด คนที่ผิด คือพลอย” นวลว่า
ดาราณีเสียงเครือสั่น “เหมือนที่น้ำหนึ่งพูดนั่นแหละ ฉันเข้าข้างท่าน ฉันปกป้องท่าน พลอยไม่ผิด”
“ผิดค่ะ เพราะพลอยเข้าหาท่าน ไม่ใช่ท่านเข้าหาพลอย”
นวลย้ำเด็ดเดี่ยวเข้าข้างดาราณีเต็มที่

เกรียงศักดิ์ฟื้นตื่นขึ้นมา ยังงงๆ นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
“พลอยทำแผลให้ท่านแล้ว เดี๋ยวท่านก็หาย”
เกรียงศักดิ์สะดุ้งหันมามอง พอเห็นเป็นพลอย เกรียงศักดิ์ก็ขยับถดตัวออกห่าง ทั้งกลัวและรังเกียจ พลอยมองอย่างเจ็บปวด
“ท่านกลัวพลอยหรือคะ หรือท่านรังเกียจ”
เกรียงศักดิ์มองด้วยความสงสัย “พลอยต้องการอะไร”
พลอยเค้นคำพูดนิ่งๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “อยากให้ท่านได้รู้รสความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน เหมือนอย่างพลอยบ้าง” จังหวะนี้มองเกรียงศักดิ์ แววตาหลอนๆ “ผู้ชายเจ้าชู้ เห็นแก่ได้ มันไม่ควรจะอยู่อย่างสุขสบาย...แต่พลอยไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก” พลางคว้าจานขึ้นขึ้นมา “ทานข้าวค่ะ”
เกรียงศักดิ์ตวัดเสียง “ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องทานค่ะ จะได้ทานยา”
พลอยยัดข้าวใส่ปากเกรียงศักดิ์ ถูกเกรียงศักดิ์ปัดมือออก บอกเสียงแข็ง
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่กิน”
พลอยมองจ้องเขม็งสู้สายตา “พลอยก็บอกท่านเหมือนกัน...ท่านต้องกิน” พร้อมกับตักข้าวยัดใส่ปากเกรียงศักดิ์อีก
เกรียงศักดิ์ด่าด้วยความโกรธ “พลอยเป็นบ้า!”
พลอยหัวเราะร่วน “พลอยไม่บ้าคนเดียวหรอกค่ะ ต่อไปคนที่บ้าก็คือครอบครัวของท่าน นังดาราณี นังน้ำ
หนึ่ง มันต้องบ้าเหมือนพลอย” ท้ายประโยคพลอยบอกเสียงเข้ม
เกรียงศักดิ์มองจ้อง นึกได้ว่าบัดนี้พลอยบ้าไปแล้วจริงๆ น้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งเวทนา สงสาร และหวาดกลัว
“พลอย”
พลอยมองจ้องหน้าเกรียงศักดิ์ หัวเราะเบาๆ “ท่านจำไว้นะคะ...ลูกเมียท่าน จะต้องเป็นเหมือนพลอย”
พูดจบพลอยก็เหวี่ยงจานข้าวลอยหวือมาเกือบถูกหัวเกรียงศักดิ์ ก่อนที่พลอยจะลุกเดินไป เกรียงศักดิ์ลุก
ตามแต่ขาเจ็บ พอไปถึงประตู พลอยก็ปิดประตูโครมใส่หน้า ล็อกด้านนอกเรียบร้อย เกรียงศักดิ์ทุบประตู ร้องบอก
“เปิดประตูให้ฉัน พลอย!”
พลอยหัวเราะ ค่อยๆ เดินออกไป เกรียงศักดิ์รู้ในทันที ว่าหยุดพลอยไม่ได้แล้ว

ด้านเพชรเปิดประตูบ้านออกมา แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นน้ำหนึ่งนั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านไม่ยอมไปไหน เพชรถามห้วน
“ตกลงเธอไม่ไปจริงๆ”
“น้ำหนึ่งบอกแล้วไงคะ...จะอยู่กับพี่เพชร จนกว่าพี่เพชรจะกลับมาเป็นคนเดิม คนเดิมที่รักน้ำหนึ่ง”
เพชรใจแป้ว เสียใจเหมือนกัน “พี่รักเธอไม่ได้อีกแล้วน้ำหนึ่ง ครอบครัวพี่ต้องพังเพราะพวกเธอ”
เพชรจะเดินเข้าบ้าน น้ำหนึ่งบอกอีก
“อดีตเป็นสิ่งที่เราย้อนกลับไปแก้ไม่ได้ น้ำหนึ่งจะไม่ยอมให้ความรักของเรา ต้องพังไปเหมือนกันค่ะ”
น้ำเสียงน้ำหนึ่งพูดอย่างจริงจัง แฝงไว้ด้วยความดื้อรั้น เพชรอ่อนใจปนสับสน ตัดสินใจเดินเข้าบ้านปิดประตู

ส่วนน้ำหนึ่งยังอยู่ที่เดิม แววตามุ่งมั่น ตามประสาเด็กสาวช่างฝัน ผู้เทิดทูนความรักเหนือสิ่งอื่นใด

มารกามเทพ ตอนที่ 10 (ต่อ)

คืนนั้นดาราณีนอนซม หน้าเศร้า ท่าทางไม่สบายใจอยู่บนเตียง นวลยกสำรับอาหารมาให้

“คุณหญิง.....ทานอะไรหน่อยนะคะ”
“ฉันทานไม่ลง”
นวลฟังแล้วยิ่งเป็นห่วง “คุณหญิงไม่ยอมทานอะไรอีกแล้ว...งั้นไปหาหมอนะคะ”
“ฉันไม่เป็นอะไร กินยาก็หาย!”
พูดจบดาราณีคว้ายามากิน นวลคว้ามือเอาไว้บอกอ้อนวอน
“คุณหญิงทานยาอย่างนี้ไม่หายหรอกค่ะ”
ดาราณีเสียใจ จนน้ำตาคลอ “ก็ดี...จะได้ตายๆ ไปเลย ยังไง ฉันก็ไม่มีใครแล้ว”
“ไม่เอาค่ะอย่าพูดอย่างนี้...คุณหญิงต้องเข้มแข็ง เอาเป็นว่านวลไปตามคุณหมอนะคะ”
นวลไม่ฟังเสียงดาราณีเดินออกไป ดาราณีหน้าเศร้าหมองร้องไห้อยู่อย่างนั้น พร้อมกับบอกตัวเองในใจ
“แม่ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ น้ำหนึ่งจะหลงนายเพชรขนาดนี้”
ดาราณีหลับตาลงทั้งน้ำตา เสียใจมากที่ลูกสาวคนเดียวบ้าผู้ชายขนาดนี้

เพชรฮึดฮัดเดินไปมาอยู่ที่ภายในห้อง ว้าวุ่นใจ ทั้งห่วงทั้งโกรธน้ำหนึ่ง ในที่สุดก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว ค่อยๆย่องไปที่ประตูเปิดออกไปมอง
ท่ามกลางความมืดสลัว เพชรเห็นน้ำหนึ่งนั่งกอดตัวเองเอาไว้ เอาหน้าซบลงกับเข่า ลมพัดแรงจนน้ำหนึ่งร่างสั่นสะท้าน วูบหนึ่งที่เพชรใจอ่อน ดวงตาเป็นห่วงน้ำหนึ่งจะออกไป แต่ห้ามใจตัวเองเอาไว้
เพชรคิดในใจ “ท่องเอาไว้เพชร พี่พลอย คนบ้านนี้ทุกคนทำร้ายพี่พลอย!”
เพชรค่อยๆ ปิดประตูเหมือนเดิม ขณะที่น้ำหนึ่งก็นั่งกอดตัวเองตัวร่างสั่นสะท้านเหมือนเดิม

นวลโทรศัพท์ ใจคอไม่ดี กดมือถือเท่าไหร่ก็ไม่ติด
“โทรศัพท์บ้าเป็นไร ทำไมโทร.ไม่ติด”
นวลฮึดฮัดก่อนจะเดินออกมาหารปภ.ที่ป้อมหน้าคฤหาสน์ รปภ.ถาม
“ไปไหนครับน้านวล”
“คุณหญิงไม่ค่อยสบาย ฉันจะไปตามคุณหมอ”
“คุณหมอที่ปากซอยเหรอครับ เดี๋ยวผมพาไป!” รปภ.กุลีกุจอไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตน
“ไม่เป็นไร เฝ้าบ้านเถอะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวเดียว เผื่อคุณหญิงเป็นอะไรไป”
นวลพะว้าพะวังขณะพยักหน้าอนุญาต รปภ.นำรถมอเตอร์ไซค์ออกไป นวลปิดประตูเอาไว้เฉยไม่ได้ล็อค เห็นทั้งคู่นั่งมอเตอร์ไซค์ออกไปไกลจนลับหายไปในความมมืด
ประตูเล็กถูกเปิดเข้ามาใหม่ และเป็นพลอยที่ก้าวเข้ามา

ขณะที่ดาราณีที่หลับอยู่ในห้อง ออกอาการหน้านิ่ว ปวดหัวทนไม่ไหว ดาราณีเอื้อมมือจะไปหยิบขวดยาที่วางอยู่ข้างเตียง แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อไฟทั้งบ้านดับพรึ่บลง บ้านทั้งหลังมืดสนิท มีเพียงสว่างจากถนนสาดส่องเข้ามา ทุกอย่างเงียบงัน ดาราณีมองออกไปนอกเห็นอย่างแปลกใจ
“ไฟข้างนอกก็ไม่ได้ดับนี่”
ดาราณีกวาดตามองไปรอบๆ ยินเสียงคล้ายประตูที่ชั้นล่างถูกเปิดเข้ามา ดาราณีร้องถาม
“นวล...นวล กลับมาแล้วเหรอนวล”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ดาราณีลุกออกจากเตียงมีท่าทีว่าดีใจ

ดาราณีเดินลงมาด้านล่างเห็นเงาตะคุ่มๆ ของใครคนหนึ่งในระยะที่ไม่ชัดเชนพอจะรู้ว่าเป็นใคร ดาราณีนึกว่าเป็นนวล
“นวล...ตามคนมาดูหน่อย ไฟบ้านเราเป็นอะไรทำไมถึงดับ”
เงาร่างนั้นไม่ตอบ กลับเดินห่างออกไป จากรูปร่างที่เห็นดาราณีรู้ว่าไม่ใช่นวล แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นพลอย
“ใคร” เงียบกริบ ดาราณีฉงน “ฉันถามว่าใคร”
พลอยเงียบไม่ตอบ สีหน้าของดาราณีตระหนกเต็มที่ เมื่อร่างนั้นเคลื่อนห่างออกไป ดาราณีตะโกนถามอีก
“ใคร? เข้ามาทำไม? หยุดนะ...หยุด”
พลอยไม่หยุด เดินหลอกล่อให้ดาราณีเดินตามต่อ ท่ามกลางความมืด ดาราณีเดินตามร่างของพลอยอย่าง
อยากรู้ พอเลี้ยวมามุมหนึ่งในบ้าน ร่างของพลอยก็หายไปแล้ว ดาราณีตื่นตระหนก
“หายไปไหน” ดาราณีกวาดตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอ ได้แต่ถามตัวเอง “หรือเราจะตาฝาด”
ดาราณีถอนหายใจ ก่อนหันกลับมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อพลอยอยู่ในสภาพผมเผ้ารุงรัง ยืนเอียง
คอมองอยู่ ผมของพลอยปรกใบหน้าไปเสี้ยวหนึ่ง เห็นเพียงดวงตาแห้งแล้ง ท่าทีเหมือนผี ผสมคนบ้าแลดูน่ากลัวมาก
ดาราณีกรี๊ดสุดเสียง “อร้าย... ผี”
“ฉันเอง”
ดาราณีหันมามองอีกที “พลอย!”
ดาราณีมองพลอยเนื้อตัวสั่น พลอยยืนมองมานิ่งๆ ช่างเป็นความนิ่งที่น่ากลัวเหลือแสน ดาราณีถามปากคอสั่น
“พลอยมาที่นี่ได้ยังไง”
พลอยพูดเสียงเนิบช้า เยียบเย็น “แล้วคุณหญิงคิดว่า คนตาย มาที่นี่ได้ยังไง”
ดาราณีตกใจมาก “พลอย”
“ไปอยู่ด้วยกันนะคุณหญิง” พลอยเดินเข้าไปใกล้ๆ
ดาราณีกลัวจับจิต ถอยหลังกรูด
“ไม่...ไม่ ม่าย...”
ดาราณีกรีดร้องแล้ววิ่งหนี ขณะที่พลอยยิ้มร้ายเดินตามไปอย่างช้าๆ

ดาราณีวิ่งหนีจะขึ้นชั้นบน อารามรีบ ชนโต๊ะภายในบ้านล้มลง
“โอ๊ย!”
ดาราณีเหลียวขวับไปมองด้านหลัง ไม่เห็นพลอย จึงค่อยโล่งใจ พยุงกายจะลุกขึ้น แต่แล้วเลือดในกายของ
ดาราณีก็เย็นเฉียบ เมื่อเสียงพลอยดังขึ้น
“ไปอยู่ด้วยกันนะคุณหญิง!”
ดาราณีกลัวตกใจมากขึ้นอีก ยิ่งไม่เห็นตัวพลอยก็ยิ่งหลอน ดาราณีร้องสุดเสียง
“ไม่!”
ดาราณีขาเจ็บแต่พยายามลุก แล้วตะเกียกตะกายคลานขึ้นบันไดจนเกือบจะขึ้นบนพื้นได้ เสียงของพลอยดังขึ้นมาอีก
“ไปอยู่ด้วยกันนะคุณหญิง!!
ดาราณีหันขวับไปมอง เห็นพลอย ยืนเงยหน้ามองขึ้นมา ดาราณีร้องออกมาด้วยความกลัว ขณะที่เท้าก็ก้าวขึ้นไปด้านบน เท้าของดาราณีเหยียบชายกระโปรงของตัวเองจนเสียหลักลื่นไถล ร่างของดาราณีร่วงลงบันได ดาราณีร้องสุดเสียงเมื่อร่างกระแทกพื้นอย่างแรงและดาราณีก็หมดสติลงตรงนั้น

พลอยมองภาพตรงหน้าอย่างสาสมใจ แล้วเดินตรงไปเปิดคัทเอาท์ที่คุมไฟในบ้านทั้งหมด แล้วเดินออกไป

คล้อยร่างของพลอยไม่กี่อึดใจ นวลก็เดินเข้ามาเห็นร่างของดาราณีนอนกองที่เชิงบันได

“คุณหญิง”
นวลตกใจกรี๊ดสุดเสียง แล้วรีบวิ่งไปประคองดาราณีทันที พลอยที่ซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งตรงด้านนอก ชะโงก
หน้ามาดูแล้วยิ้มร้ายออกมา ก่อนแฝงกายเร้นหายออกไป

ขณะเดียวกันน้ำหนึ่งนอนกอดตัวเองอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านสะดุ้งตื่นขึ้นมา รอบกายมีแต่ความเงียบ เพชรไม่ไดออกมาดูดำดูดี น้ำหนึ่งน้ำตาไหล เพชรที่แอบมองอยู่ด้านใน ด้วยความสงสาร 
“คุณแม่...” น้ำหนึ่งผู้ซึ่งหลงผู้ชายจนด่าบุพการีรู้สึกผิดขึ้นมา “น้ำหนึ่งขอโทษ!”
ดวงตาเพชรวาววับขึ้นมา ฉุน และโกรธขึ้นมาอีก เมื่อได้ยินน้ำหนึ่งพูดถึงดาราณี
น้ำหนึ่งแหงนหน้ามองฟ้า เหมือนจะบอกไปถึงดาราณี “น้ำหนึ่งจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นให้ได้ค่ะ”
เพชรคิดในใจ “ไม่มีวัน”
จากนั้นเพชรก็ล้มตัวลงนอน ไม่สนใจที่จะมองน้ำหนึ่งอีก
ส่วนด้านนอกตรระเบียงน้ำหนึ่งน้ำตาไหลริน รู้สึก อ้างว้าง เดียวดาย และโดดเดี่ยวเหลือแสน

วันต่อมาเกรียงศักดิ์พยายามจะออกไปจากห้องเก็บของ แต่ก็ออกไม่ได้
“ปล่อยฉันไปนะพลอย พลอย ปล่อยฉันออกไป”
พลอยเปิดประตูเข้ามา เกรียงศักดิ์หันไปมอง พลอยบอกด้วยสีหน้าเฉยเมย ท่าทีเย็นชา
“พลอยก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกค่ะ แค่มีข่าวมาบอก”
“อะไร”
พลอยยื่นหนังสือพิมพ์ให้ แต่ยังไม่ให้อ่าน
“คุณหญิงดาราณีพลัดตกบันได อาการสาหัส”
เกรียงศักดิ์แทบช็อก “คุณหญิง”
พลอยยิ้มแกมเยาะ “ดีไม่ดีคุณหญิงอาจจะกลายเป็นอีเป๋ เหมือนกับที่พลอยเคยเป็นก็ได้นะคะ”
เกรียงศักดิ์ตะลึง พลอยโยนหนังสือพิมพ์ใส่หน้าเกรียงศักดิ์ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เกรียงศักดิ์ตะครุบหนังสือพิมพ์อ่านอย่างร้อนใจ พลอยมองภาพตรงหน้า แสลงใจ เสียงหัวเราะหายไป เหลือเพียงดวงตาที่เจ็บปวด
เกรียงศักดิ์ห่วงดาราณีมาก พลอยสะบัดหน้าออกไปปิดประตูปัง ท่าทางที่ล็อกกุญแจกระแทกกระทั้นปวดใจ ขณะที่เกรียงศักดิ์อ่านข่าว สุดจะเป็นห่วง ได้แต่ครวญคร่ำออกมา
“คุณหญิง ๆ”

ดาราณีนอนแบบอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ใบหน้าซีดเผือด มีเพียงสายห้องระโยงระยาง นวลจับขอบเตียงมองอย่างเวทนา
“ไม่น่าเลยคุณหญิง” นวลแปลกใจนิ่วหน้า “คุณท่าน คุณน้ำหนึ่ง อยู่ที่ไหนกัน”
นวลมองดาราณี ยิ่งมองก็ยิ่งเวทนา ได้แต่พึมพำ
“คุณหญิงฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะคะ”
ดาราณีนิ่งเหมือนเดิม จังหวะนี้มีเสียงกุกกักจากทางด้านหลัง เหมือนคนจะเปิดประตูเข้ามา ดาราณีเหลียวขวับมองออกไป จากกระจกเล็กหน้าห้องเห็นเป็นนักข่าวกำลังจะเข้ามา ดาราณีวิ่งออกไปและปิดประตูอย่างรวดเร็วบอกบรรดานักข่าวจอมสาระแน
“คุณหญิงยังไม่ฟื้นค่ะ กรุณาอย่ารบกวนคุณหญิง”
“แล้วท่านล่ะคะ” / “คุณน้ำหนึ่งล่ำคะ”
นวลลนลานบอก “เดี๋ยวมาค่ะ”
“เดี๋ยวมา ตกลงท่านไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ” นักข่าวสาระแนถามอีก
“ท่านไปไหน”
“แล้วสรุปคุณน้ำหนึ่ง หนีไปอยู่กับผู้ชาย”
นวลร้อนใจ “ท่านไปธุระยังไม่กลับ ส่วนคุณน้ำหนึ่งอยู่ที่ต่างประเทศ”
นักข่าวมองหน้ากันถามเสียงเซ็งแซ่
“แต่จากที่เช็ก ทราบว่าคุณน้ำหนึ่งยังอยู่ในประเทศ”
“ตกลงที่คุณหญิงตกบันได เพราะเสียใจข่าวคุณน้ำหนึ่งหรือเปล่าครับ” นักข่าวถามอีก
“กรุณาเถอะนะคะ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนะคะ เห็นใจกันบ้างเถอะค่ะ”
นักข่าวเห็นท่าทางจริงจังเสียงแข็งของนวลก็ยอมถอยห่างออกไป นวลเองก็เดินเลี่ยงไปในท่าทีร้อนใจ ได้แต่พึมพำ
“คุณหญิงเป็นถึงขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครกลับมา”

ขณะเดียวกันน้ำหนึ่งที่นั่งกอดเข่าพิงฝาบ้าน หน้าซีด เนื้อตัวสั่นนิดๆ เหมือนคนไม่สบาย แลดูน่าสงสารมาก

ด้านพจนีย์อยู่ในบ้าน นั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่เห็นพลอยยิงถูกมือถือเกรียงศักดิ์ พจนีย์ตาลุกวาว
ยังตื่นเต้นไม่หาย และอยากตามล่าหาความจริง
“ผู้ชายคนนั้นกับพี่พลอย ต้องมีอะไรกันแน่”

สีหน้าพจนีย์สีหน้ากระหายใคร่รู้มาก

ติดตาม "มารกามเทพ" ตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น