xs
xsm
sm
md
lg

อาญารัก ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อาญารัก ตอนที่ 8

เวลานั้นคุณนายทองจันทร์อยู่บนเรือนตัวเอง ยังคงสั่งการต่อ โดยมีเนียนนั่งก้มหน้าก้มตาฟัง

“ข้าจะให้เอ็งมาจัดข้าวของ รอรับ หนูอี๊ด กับหลานเทิดศักดิ์ กลับบ้านปิดเทอมใหญ่”
“กลับบ้านรึเจ้าคะ” เนียนตื่นเต้นนัก
“กลับบ้านน่ะสิ รวมทั้งลูกเอ็งด้วยนั่นแหละ”
เนียนยิ่งตื่นเต้นดีใจใหญ่
“แหม เอ้อ ปิดเทอมแล้วหรือเจ้าคะ แหม...”
“ดูเอ็งดีใจกว่าฉันอีก คิดถึงลูกสาวละสิ” หญิงชรามองอย่างเวทนา
“เอ้อ เจ้าค่ะ”
“เอ็งจัดห้องชั้นล่างที่เอ็งเคยอยู่ด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ”
ทองจันทร์นึกหมั่นไส้นิดๆ “เอ็งมันก็เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ไม่อยากรู้รึ ว่าข้าให้จัดห้องนั้นทำไม”
“เนียนไม่บังอาจอยากรู้ดอกเจ้าค่ะ”
“เอ็งไม่เคยบังอาจอยากใดๆ สักอย่าง แล้วทำไมเอ็งบังอาจอยากมีชู้ฮึ” ทองจันทร์หมั่นไส้ อดเหน็บแนมไม่ได้
เนียนสะดุ้งนิ่งไป
“เอาละ เรื่องมันผ่านไปหลายปีแล้ข้าไม่อยากตอกย้ำหัวตะปู ท่านพระครูท่านให้ปลงซะ ข้าอยากให้เอ็งช่วยบังอาจอยากรู้สักนิดไม่ได้รึ ว่าข้าให้เอ็งจัดห้องนั่นทำไม”
นั่นแหละเนียนจึงถาม “คุณท่านให้จัดห้องนั่นทำไมเจ้าคะ”
“จัดให้เอ็งกับเด็กติ๋วลูกเอ็งอยู่น่ะสิ”
“คุณท่าน”
ทองจันทร์ยิ้มด้วยเวทนา เนียนก้มลงกราบเท้า ทองจันทร์ทำทีเป็นชักเท้าหนี เมินหน้า
“ข้าเวทนาเด็กติ๋วย่ะ ไม่ใช่เอ็ง”
เนียนก้มหน้าแอบยิ้มดีใจที่ลูกจะสบายขึ้น
“แม่เรียมย่ะ เขาตัวตั้งตัวตีมาพูดซ้ำซากกับข้าว่าสงสารเด็กติ๋วเอ็งก็เลยพลอยฟ้าพลอยฝนได้ดิบได้ดีไปกับลูกเอ็งด้วย”
เนียนให้นึกขอบคุณเรียมมากขึ้น

ภายในห้องเรียนของฝาแฝด เด็กสาวทุกคนต่างกำลังฟังผลสอบอย่างจดจ่อ ครูนฤมลกำลังจะประกาศ
“ฟังผลสอบเสร็จนักเรียนทุกคน ไปรอผู้ปกครองมารับกลับบ้านนักเรียนประจำ ให้รอผู้ปกครองที่ห้องรอผู้ปกครองเอาละมาฟังผลสอบกันสักที ใครที่ดีแล้วก็ขอให้รักษาความดีไว้ดังเกลือรักษาความเค็ม ใครที่แย่ ต้องปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นนักเรียนที่สอบได้ที่หนึ่ง ได้แก่ เด็กหญิง...”

ไม่นานต่อมา เด็กหญิงที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นฝาแฝดกัน นั่งรออยู่ในห้องรอผู้ปกครอง เนื้อทองนั่งยิ้มถือสมุดพกแน่น ทานตะวันมองมาอย่างไม่พอใจ
“เอ็งถือสมุดพกจะเอาไว้อวดคุณแม่ใช่ไหมว่าเอ็งสอบได้ที่หนึ่ง เอามานี่นะ”
ทานตะวันกระชากมาจนได้ พอดีกับที่เรียมกับท่านขุน และเอกตามหลัง เดินเข้ามา
ขุนภักดีชะงักชักสีหน้า ที่เห็นเด็กสองคนแต่งชุดนักเรียนทั้งคู่ จึงหันมาเอาเรื่องเรียม
“เด็กติ๋วใส่ชุดนักเรียนโก้ เรียมส่งเสียเงินแพงๆ ให้มันเรียนเสมอลูกเราจนได้รึ”
“เอ้อ...” เรียมอึกอัก
นฤมลเดินเข้ามาพอดี รีบแก้ต่างให้
“ฉันให้ทุนการศึกษาเด็กที่เก่งที่สุดในชั้นค่ะ ฉันให้ไว้หลายทุนค่ะ”
“นี่ นี่ครูกำลังจะบอกว่า...” ขุนภักดีอึ้ง
นฤมลสวนออกมา “เนื้อทองสอบได้ที่หนึ่ง ทั้งสองเทอม”
“เก่งมากจ่ะหนูติ๋ว” เรียมยิ้มปลื้ม
เอกแอบยิ้มหน้าบาน เป็นปลื้มแทนเนียน
“แล้วลูกสาวผม...” ขุนภักดีถาม
“ทานตะวันสอบเกือบได้ที่โหล่ทั้งสองเทอมค่ะ เอ็งไม่ค่อยตั้งใจเรียนค่ะ”
“หนูอี๊ดจ๋า ทำไมลูกไม่ตั้งใจเรียนจ๊ะ” เรียมถามขึ้น
“หนูคิดถึงคุณแม่ คุณพ่อ คุณย่า นี่คะ หนูต้องทำอะไรเองทุกอย่าง เด็กติ๋วมันก็ไม่ยอมช่วย ให้มันตามหนูมาทำไมก็ไม่รู้” ทานตะวันพูดอย่างฉุนเฉียว
ครูนฤมลเอ่ยขึ้น “ป้าบอกทานตะวันหลายครั้งแล้วว่า ที่โรงเรียนทุกคนเท่าเทียมกันจ้ะ” ครูใหญ่ของโรงเรียนสตรีชื่อดังหันมาทางขุนภักดี “ท่านขุนคะ ดิฉันอยากจะแนะนำในฐานะเป็นครูใหญ่ที่นี่ ทานตะวันเอาแต่ใจตัวเองมากจึงไม่ค่อยมีเพื่อน มีแต่เนื้อทองที่ยอมเอ็งทุกอย่างแต่เอ็งก็ยังไม่พอใจ ถ้าปล่อยอย่างนี้นานไปจะเป็นผลเสียกับทานตะวันเองนะคะ คือ...ฉันหวังดีนะคะ”
“ผมเข้าใจและรับฟังครับ ขอบคุณมาก”
“ขอบใจมากจ้ะ นฤมล” เรียมไม่อยากพูดนาน “หนูอี๊ด หนูติ๋ว กราบลาคุณครูสิ”
ทุกคนล่ำลากัน แล้วเดินออกไปที่รถ เอกหิ้วกระเป๋าของทานตะวันตามไป

ในเวลาต่อมาหนักกำลังแอบมองอยู่นอกโรงเรียนชายล้วน รอดูหน้าเทิดศักดิ์ด้วยความคิดถึง
“ลูกเอ๋ย! ขอเพียงเห็นหน้า แม้แตะต้องไม่ได้พ่อก็ปลื้มใจเป็นที่สุดแล้ว”
หนักยิ้มบางๆ แอบดูต่อ สอดตามองผ่านรั้วโรงเรียนหาเทิดศักดิ์
หนักมองไปจนเห็นเทิดศักดิ์เต็มๆ ซึ่งมีเรียมและขุนภักดีมารับ ซึ่งเวลานั้นขุนภักดีกำลังบรรจงใส่สร้อยห้อยพระที่หนักให้แก่เทิดศักดิ์
“ของขวัญที่ลูกสอบได้ที่หนึ่ง เป็นเด็กดีพระจะคุ้มครองลูกนะ”
“แม่ดีใจมากที่เทิดศักดิ์สอบได้ที่หนึ่ง เก่งจริงๆ”
“ยังมีคนเก่งสอบได้ที่หนึ่งเหมือนผมอีกคนครับ คุณนายแม่ คุณพ่อ”
“ใครรึ”
“เขารอผู้ปกครองอยู่ตรงนั้นครับ คุณพ่อ”
เทิดศักดิ์ชี้ไปที่แดงน้อย แต่ไม่ทันได้เรียก แดงน้อยก็วิ่งตื้อไปอย่างรวดเร็ว
“ลุงมาแล้ว”
“เขาวิ่งไปหาลุงของเขาแล้วครับคุณนายแม่ คุณพ่อ”

สองคนพยักหน้า พาเทิดศักดิ์กลับบ้านไป

รถของขุนภักดีจอดอยู่ ในรถมีเด็กสาวฝาแฝดรอกันอยู่สองคน

“เด็กติ๋ว เอ็งลงไปยืนรอข้างล่างสิ” ทานตะวันบอก
เนื้อทองพยายามจะเปิดประตูรถลงไป ในจังหวะพอดีกับที่หนักและแดงน้อยเดินมา แดงน้อยกับเนื้อทองเลยชนกัน
“อุ๊ยตาย” เนื้อทองตกใจ
“อุ๊ย ขอโทษครับ”
หนักจับเนื้อทองเอาไว้ไม่ให้ล้ม พลางถาม
“ไม่เจ็บใช่ไหมหนู”
“ไม่เจ็บค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” เนื้อทองไหว้นอบน้อม
ทานตะวันแหวใส่อย่างไม่สบอารมณ์ “เด็กติ๋ว เอ็งพูดกับใครน่ะ จะฟ้องคุณพ่อว่าเอ็งไปพูดกับพวกคนข้างถนน”
ทำเอาแดงน้อยกับหนักต้องหันไปมองทานตะวันในรถที่นั่งเชิดหยิ่งเกินงามเป็นคุณหนูอยู่
“รีบไปกันเถิด รถที่ลุงว่ามารับ รอด้านโน้น”
หนักรีบจูงแดงน้อยเดินออกไป เนื้อทองมองตาม แดงน้อยหันมามองตอบ
เด็กสองคนสบตากันยิ้มให้กัน
เสียงเทิดศักดิ์ดังเข้ามา “แดงน้อย แดงน้อย รอก่อน”
แต่แดงน้อยกับหนักเดินหันหลังห่างไปแล้วจึงไม่ได้ยิน สักครู่พวกเรียมเดินมาถึง
“คุณพ่อขา เด็กติ๋วมันไปพูดกับคนข้างถนนสองคนที่เดินออกไปนั่นค่ะ” ทานตะวันฟ้องทันที
“นั่นเพื่อนรักของพี่กับลุงของเขานะ น้องอี๊ด” เทิดศักดิ์ตำหนิสีหน้าไม่พอใจ
“ทำไมพี่เทิดศักด์มีเพื่อนนั่งสามล้อ พวกมันเป็น คนจนคนชั้นต่ำนี่นา”
ทั้งหมด เห็นเพียงด้านหลังแดงน้อยกับหนักนั่งสามล้อกลับบ้านไป
“คุณครูเพิ่งสอนพี่เมื่อสักครู่ ท่านว่า คนเราจะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำจ้ะนองอี๊ด”
เรียมยิ้มลูบหัวเทิดศักดิ์อย่างเอื้อเอ็นดู ขุนภักดียิ้มให้เทิดศักดิ์ที่พูดจาฉลาดหลักแหลม ส่วนทานตะวันหน้าตึง

คณะที่ไปบางกอกทุกคนกลับมาถึงบ้านแล้ว เวลานี้เนียนนั่งกางมือ เด็กหญิงเนื้อทองโผเข้ามากอดแม่ด้วยความคิดถึง
“หนูติ๋วลูกรัก แม่คิดถึงลูกตลอดเวลา”
“แม่เนียนจ๋า หนูคิดถึงแม่ที่สุดในโลกทุกวัน”
สองคนกอดกันกลมดิก

ครอบครัวขุนภักดี มาล้อมวงกินอาหารที่เรือนคุณนายทองจันทร์
“ขอบใจที่มารวมญาติข้าวเรือนนี้เพื่อต้อนรับหลานสองคน บางคนต้องทำใจสักหน่อย อาหารถูกปากแต่อาจไม่ถูกใจ เลือกกินเอาที่ถูกใจตามสะดวกเถิดนะ”
“แม่สนทำน้ำพริกปลาทู เด็กๆ ไม่กินน้ำพริกกินแต่ปลาทูนะลูก”
“เทิดศักดิ์ ครับ เด็กคนที่สอบได้ที่หนึ่งเหมือนหนูเขาชื่ออะไรรึ” เรียมเอ่ยขึ้น
“เขาชื่อแดงน้อยครับ เขาเป็นเพื่อนรักของผมครับ คุณนายแม่”
เนียนกำลังถือจานผัดมา ตกใจทำจานหล่นจากมือ ทุกคนหันมามองเนียน
“อุ๊ย ขอประทานโทษเจ้าค่ะ”
“ซุ่มซ่ามที่สุด ดูสิน้ำผัดผักกระเด็นใส่เสื้อสวยฉันเลอะเทอะหมด” สนด่า
“น้าเนียนเขาไม่ได้ตั้งใจครับ” เทิดศักดิ์แก้ต่างให้
ทองจันทร์เอ็ดเอา “ลูกเอ็งก็ไม่ใช่ แล้วจะตื่นเต้นตกใจไปทำไมขวัญอ่อนมากไปรึเปล่า”
เนื้อทองรีบมาช่วยเนียนเช็ดเก็บจานเก็บของที่ตก กบกับแมวรีบมาช่วย เนียนใจเต้นมือเท้าอ่อนเย็นไปหมด
เรียมรีบช่วยกู้สถานการณ์ “บ้านนี้มีเด็กเรียนเก่งสอบได้ที่หนึ่งสองคนค่ะคุณแม่”
“ใครรึ หนูอี๊ดของย่าแน่ๆ”
สนทำเป็นตื่นเต้น “ใช่ไหมคะ หนูอี๊ด”
ทานตะวันนิ่งเงียบ
“หนูติ๋วต่างหาก หนูอี๊ดน่ะได้เกือบที่โหล่” เรียมบอก
สนให้ท้ายทันที “จะเป็นไรไปคะ ได้เกือบที่โหล่ แต่มีชีวิตสุขสบายกว่าคนได้ที่หนึ่งมีถมไป ไม่ต้องเสียใจนะหนูอี๊ด”
ทานตะวันมองหน้าสนอย่างพึงพอใจ

เนียนนั่งมองเนื้อทองกินข้าวที่ตนคลุกให้อย่างมีความสุข ในหูได้ยินเสียงเทิดศักดิ์บอกกับเรียม
“เขาชื่อแดงน้อยครับ เขาเป็นเพื่อนรักของผมครับ คุณนายแม่”
เสียงนั้นดังซ้ำๆ ในหู ในที่สุดเนียนตัดสินใจถามลูกสาว
“หนูติ๋วจ๋า ลูกเห็นเพื่อนรักของคุณเทิดศักดิ์ที่ชื่อแดงน้อยไหมจ๊ะ”
“เห็นสิจ๊ะ”
“หนูเห็นเขา” เนียนตื่นเต้นมาก “หนู...ได้พูดกับเขาไหมจ้ะ”
“พูดสิจ๊ะ เราชนกัน เกือบหกล้ม หนูได้แต่ร้องอุ๊ยตาย เขาขอโทษหนู ลุงเขาจับหนูไว้ไม่ให้ล้ม”
“ลุงเขา ลุงเขาไปรับหรือจ้ะ” เนียนยิ่งตื่นเต้น
“ลุงเขาท่าทางใจดีมาก ถามหนูว่า เจ็บไหม หนูตอบว่าไม่เจ็บ”
“แล้วพูดอะไรกันต่อจ้ะ”
“ไม่ทันพูดจ้ะ คุณหนูอี๊ดเอ็ดตะโรว่าหนูไปพูดกับคนข้างถนน เขาเลยพากันเดินไปเลยจ้ะ”
“โธ่...น่าเสียดาย”
เนียนคราง ตื่นเต้นจนมือไม้สั่น ใจสั่น ไปหมด
“แม่เนียน อยากรู้จักเขาหรือจ๊ะ” เนื้อทองแปลกใจ
เนียนได้สติ
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไรจ้ะ แม่แค่ตื่นเต้นเห็นเขาเก่งเท่าคุณหนูเทิดศักดิ์ เอ้อ...เขาเป็นคนที่ไหนรึ”
“ไหนว่าแค่ตื่นเต้นเพราะเห็นเขาเรียนเก่ง ทำไมถามละเอียดยิบ” เอกที่อยู่ด้วยเหล่ถาม
“เอ้อ ไม่ถามแล้วจ้ะ ไม่อยากรู้แล้วจ้ะ”
“หนูไปถามคุณเทิดศักดิ์ให้ก็ได้จ้ะ แม่เนียน”
เนียนส่ายหน้า
“แม่ไม่อยากรู้ดอกจ้ะ หนูติ๋วคนดี แม่ภูมิใจ ดีใจมากที่หนูเก่งสอบได้ที่หนึ่ง”
“โตขึ้นหนูจะเป็นคุณครูเหมือนคุณครูป้านฤมล จ้ะแม่เนียน”

เนียนมาโอบกอดลูกไว้อย่างมีความสุข และอยากรู้อยากฟังเรื่องราวของแดงน้อย ว่าใช่คนเดียวกับแดงน้อยลูกตัวเองไหม

ที่ร้านกาแฟไทยเจริญ หนัก หรือ สิน โพล้ง แพร และแดงน้อย ทั้งหมดนั่งคุยกันอยู่

“พี่หนักไปสุพรรณทำไมรึ” โพล้งสงสัยยิ่งนัก
“เอ็งอยากรู้ไปทำไมเล่า”
“มันสอดรู้ ไม่รู้สักเรื่องมันจะเส้นสมองแตกตาย” แพรแขวะ
“แดงน้อยครับ เพื่อนคนที่ชื่อเทิดศักดิ์ เขาดีกับแดงน้อยมากหรือ” หนักหันมาทางหลานชาย
“ดีที่สุดครับ เราถูกคอกันมาก เขาไม่ถือตัวว่าเป็นลูกท่านหลานเธอ เหมือนบางคนที่พอรู้ว่าผมเป็นลูกคนธรรมดาก็เมินหน้าไม่อยากสมาคมด้วย”
“แล้วใครว่าแดงน้อยเป็นลูกคนธรรมดาเล่า” โพล้งคุยโว
หนักรีบตัดบททันที “พอทีไอ้โพล้ง”
แพรแก้ตัวให้ “ลุงโพล้งเขาจะหมายความว่า ลุงสินของแดงน้อยน่ะธรรมดาที่ไหน”
“ใช่ครับ ลุงไม่ธรรมดา ทั้งหล่อทั้งโก้ ทั้งรวยด้วย เพียงแต่ว่าไม่มีคำนำหน้าว่าท่านขุน คุณหลวง คุณพระเท่านั้นเอง”
คำพูดของแดงน้อย ทำเอาทุกคนเงียบงันกันไป หนักดึงแดงน้อยเข้ามากอด
“ลุงไปก่อน อาจจะอีกนานลุงถึงจะมา รักษาความดีให้เหมือนเกลือรักษาความเค็มนะแดงน้อย”
“ครับ ลุงสิน”
“ฝากชมเพื่อนสนิทของแดงน้อยด้วยว่าเก่งมาก”
หนักไม่วายฝากแรงใจไปให้ลูกชาย สองลุงหลานกอดลากันกลม

ไม่นานต่อมา หนักนั่งอยู่ในสามล้อ หวนคิดในใจถึงคำพูดของแดงน้อยแล้วนึกสะท้อนใจ
“ลุงไม่มีคำนำหน้าดีงามว่าท่านขุน คุณหลวง คุณพระ แต่ลุงมีคำนำหน้าชั่วช้าเลวทรามว่าไอ้เสือ ช่างเป็นคำนำหน้าที่อัปลักษณ์น่ารังเกียจที่สุด ถ้าใครรู้เข้าแดงน้อย จะเอาหน้าไว้ที่ไหนจะอับอายเพียงใด”
หนักคิดแล้วเศร้า

ตกตอนกลางคืนเนียนจัดที่นอนหมอนมุ้งให้เนื้อทอง
“เดินทางมาแทบทั้งวัน หนูคงเหนื่อยมาก หลับนะลูก”
“จ้ะ” เนื้อทองดึงมือแม่มาแนบแก้ม “แม่เนียนจ๋า หนูรู้แล้วว่า คนที่ชื่อแดงน้อยเพื่อนคุณเทิดศักดิ์เขาเป็นคนที่ไหน”
เนียนกระตือรือล้นมาก “คนสุพรรณหรือจ๊ะ”
“บางกอกจ้ะ”
เนียนงงคิดไม่ออกว่าแดงน้อยลูกตัวองจะไปอยู่บางกอกได้อย่างไร

เวลาต่อมาเนียนเอนตัวโอบกอดลูบหัวลูบหลังเนื้อทองที่หลับไปแล้ว พึมพำเหมือนจะบอกลูก
“หนูติ๋วจ๋า แม่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ลุงของหนูช่างกล้าหาญมาพบพูดจากับเขา ยังมอบพระให้เขาเพื่ออะไร แต่แม่ก็ดีใจว่าลุงปลอดภัย แม่อยากภาวนาขอให้แดงน้อยคนนั้น เป็นแดงน้อยคนเดียวกันกับแดงน้อยพี่ชายของหนูเหลือเกิน”

วันคืนหมุนผ่าน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ความเจริญแผ่ขยายเข้ามาถนนเส้นเล็กแคบ กลายเป็นถนนหนทางใหญ่โตขึ้น พร้อมๆ กับเวลาที่ ผ่านไปอีก 10 ปี

วันนี้ เด็กนักเรียนในโรงเรียนสตรีชั้นมัธยม 6 ทั้งหมดกำลังทำข้อสอบวิชาสุดท้าย ครูประจำชั้นเดินวนเวียนดูการทำข้อสอบของเด็กที่ก้มหน้า ก้มตา บ้างก็นั่งคิดคำตอบ
เด็กสาวฝาแฝดนั่งทำข้อสอบใกล้กัน เนื้อทองก้มหน้าก้มตาเขียนคำคอบ แต่ทานตะวันนั่งเขียนไม่ค่อยจะออก พลางมองไปที่อีกฝ่าย เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง
“นักเรียน ห้ามทุจริตการสอบด้วยการแอบเอาคำตอบเข้ามาในห้อง หรือแอบ ลอกข้อสอบกันเด็ดขาด ถ้าใครไม่เชื่อฟังจะโดนทำโทษให้สอบตก” เสียงครูดังขึ้น
เนื้อทองรีบเขียนคำตอบโดยเร็ว ทานตะวันกระซิบเรียก
“เนื้อทอง เนื้อทอง เนื้อทอง ได้ยินไหม”
เนื้อทองไม่อยากพูดด้วย แต่ก็ต้องหันไปมอง
“ทำข้อสอบเสร็จหรือยัง”
เนื้อทอง พยักหน้า ทานตะวันยิ้มเจ้าเล่ห์ แกล้งทำกระดาษข้อสอบตกมาที่ข้างโต๊ะของเนื้อทอง
“อุ๊ย”
ทันใดนั้นทานตะวันก็ฉวยข้อสอบที่เนื้อทองทำเสร็จไปจากโต๊ะ
“อุ๊ย”
ครูหันมามอง
“มีอะไรกันน่ะเนื้อทอง ทานตะวัน”
เนื้อทองอึกอัก “เอ้อ…”
“เนื้อทองทำกระดาษคำตอบตกค่ะ แต่เขากลัวคุณครูจะหาว่าลอกข้อสอบหนู เขาไม่กล้าก้มลงไปเก็บค่ะ”
“เอ้อ”
“เก็บเถิดจ้ะ เนื้อทอง จะหมดเวลาแล้ว ใครทำยังไม่เสร็จเร่งมือด้วย ใครที่ทำเสร็จแล้ว เอามาส่ง”
ทานตะวันยกมือว่าตัวเองทำเสร็จพลางลุกขึ้น ถือกระดาษคำตอบ แล้วทำทีเป็นก้มลงไปเก็บกระดาษเปล่าของตัวเองวางให้ติ๋วพร้อมกระซิบสั่ง
“เขียนชื่อชั้นที่กระดาษคำตอบนี้ เพราะกระดาษคำตอบของเธออยู่ที่ชั้น ทำคำตอบของชั้นให้ดีๆ ด้วย”
พูดจบทานตะวันก็รีบเดินออกไปเนื้อทองตกใจมองตามพึมพำ
“อีกแล้วรึนี่”
เนื้อทองหน้าจ๋อย เขียนชื่อบนกระดาษข้อสอบว่า น. ส. ทานตะวัน ภักดีภูบาล
จากนั้นรีบก้มหน้าก้มตาทำคำตอบ

ขณะเดียวกันที่ประตูหน้าโรงเรียนเตรียมทหาร แดงน้อย อายุ 17 ย่าง 18 เป็นหนุ่มแล้ว เดินออกมาจากโรงเรียน สวมชุดนักเรียนเตรียมทหารใส่หมวกนักเรียนนายร้อยหิ้วกระเป๋าออกมา ยืนตรงนิ่งแต่ส่ายตามองหาใครบางคน สักครู่จึงเห็นเทิดศักดิ์ วัย 17 ปี ในชุดนักเรียนเตรียมอุดมหิ้วกระเป๋าเดินยิ้มเผล่มาหาแดงน้อย
“แหมใส่ชุดนักเรียนเตรียมทหารโก้จริงนะ แดงน้อย”
“เอ็งก็เหมือนกัน แต่งชุดนักเรียนเตรียมจุฬาติดเข็มโก้หยอกใครซะเมื่อไหร่”
สองคนหัวเราะให้กันเบาๆ

ส่วนที่โรงสตรี ขณะที่เนื้อทองนั่งหันหลังกำลังอ่านตำรา ขุนภักดีเดินเข้ามาหา มองเห็นด้านหลังของเนื้อทองที่เหมือนกับด้านหลังของทานตะวัน จึงเข้าไปโอบกอดบ่า
“หนูอี๊ดลูกรักของพ่อ”
เนื้อทองตกใจมาก ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกตัวแข็งทื่อ
“ไม่พอใจรึหนูอี๊ดของพ่อ เด็กติ๋วมันขัดใจอะไรลูกพ่ออีก พ่อจะเอ็ดมันให้”
ทานตะวันเดินเข้ามาโวยวายใส่บิดา
“คุณพ่อไปกอดยัยติ๋วมันทำไมค่ะ นั่น”
ขุนภักดีตกใจ ทานตะวันมาดึงท่านขุนออกมาจากเนื้อทอง
“บ้าจริง ทำไมไม่รีบบอกว่าไม่ใช่หนูอี๊ด” ขุนภักดีเอ็ดแก้เก้อ
“นั่นสิยืนนิ่งเป็นตอไม้ไปได้ หรือว่าอยากมีพ่อเป็นท่านขุนเหมือนฉัน”
เนื้อทองหันมาไหว้ขุนภักดี หน้าจ๋อยมาก
“เธอพยายามทำตัวให้เหมือนฉันตลอดเวลา เธอชอบทำให้ใครๆเข้าใจผิดว่าเธอคือฉัน”
นฤมลเข้ามา
“สวัสดีค่ะ ท่านขุน เรียมไม่ได้มาด้วยหรือคะ”
“ครับ คือผมมาราชการ เลยแวะมาเยี่ยมลูกสาว ได้ยินว่ากำลังสอบ เป็นยังไงบ้างหนูอี๊ด”
“นี่แหละค่ะ เป็นเรื่องที่กำลังจะมาสอบ สองคนนี่เป็นการส่วนตัว”
“มีอะไรหรือครับ”

สองสาวหน้าจ๋อยมาก ท่านขุนมองหน้านฤมลสลับกับมองหน้าสองคน

ฟากสองหนุ่มน้อย เดินคุยกันอยู่ตรงป้ายรถเมล์ แดงน้อยเดินตรงเป๊ะ ระมัดระวังตัวมาก

“โชคดีนะ ที่เราเรียนอยู่ใกล้กัน กับเอ็งเลยพบกันที่ป้ายรถเมล์ทุกเย็นวันศุกร์”
“งั้นเย็นนี้ ไปกินอาหารฝีมือแม่แพรที่บ้านกัน เอ็งชอบไม่ใช่รึ”
“วันนี้ต้องรีบกลับไปรับหน้าคุณพ่อท่านมาราชการ ที่บางกอก เอ็งไปบ้านท่านเจ้าพระยาด้วยกันไหมล่ะคุณพ่อมาทีไรถามถึงเอ็งทุกที”
“กันอยากรีบกลับไปบ้าน เผื่อลุงสินจะแวะมาหากัน”
“กันไม่เคยเจอลุงเอ็งอีกเลยตั้งแต่วันที่ ลุงมารับเอ็งตอนที่เรายังเป็นเด็กเล็กๆ”
“ลุงถามถึงเอ็งทุกครั้ง ที่ลุงมาหากัน ลุงชอบเอ็งมาก”
“กันก็เคารพลุงของเอ็งมาก ฝากกราบสวัสดีลุงของเอ็งด้วย”
รถเมล์มา ทั้งสองแยกย้ายกันไปขึ้นรถตามเส้นทางของตัวเอง

ภายในห้องพักครูใหญ่นฤมล สองแฝดต่างนั่งร้องไห้ เนื้อทองร้องเงียบๆ ทานตะวันสะอึกสะอื้น นฤมลทำหน้าเข้ม ขุนภักดีพูดไม่ออกถอนใจเฮือกๆ
“ทานตะวัน เนื้อทอง จะแอบทำข้อสอบให้กันอีกไหม”
“ไม่ทำแล้วค่ะ” สองคนประสานเสียง
“รู้ไหมว่า การกระทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ คือการเริ่มต้นของการทุจริต”
ขุนภักดีดุ “หนูอี๊ด ลูกไม่ใช่เด็กโง่ แต่ลูกไม่พยายามจะทำอะไรด้วยตัวของลูกเองต่างหาก เนื้อทอง จำไว้ ห้ามช่วยเหลือใดๆกับทานตะวันอีกเด็ดขาด”
“เจ้าค่ะ” เนื้อทองรับคำ
“เลิกเจ้าค่ะเจ้าคะสักที ครูนฤมลจะเข้าใจว่าฉันกดขี่เอา สมัยนี้เขายิ่งถามหาประชาธิปไตยกันทั้งนั้น” ขุนภักดีบอก
นฤมลแอบยิ้ม หันมาปรามสองคน
“ลายมือเนื้อทองกับทานตะวันถึงจะคล้ายกัน แต่ครูก็จำได้ไม่เช่นนั้นจะเป็นครูของพวกหนูได้อย่างไร”
“หนูขอโทษค่ะ จะลงโทษหนูยังไงหนูก็ได้ค่ะ” เนื้อทองบอกจ๋อยๆ
“หนูไม่ชอบเรียนหนังสือค่ะ คุณพ่อ คุณป้านฤมล จบมอหกหนูไม่เรียนต่อได้ไหมคะ”
ท่านขุนอึ้งไป นฤมลพยายามเกลี้ยกล่อม
“รอให้จบมอแปดก่อนค่อยตัดสินใจ แต่ที่แน่ๆ เนื้อทองจะเรียนคุรุศาสตร์จุฬา เขาอยากเป็นครูค่ะ ท่านขุน”
ขุนภักดีพยักหน้าหนักใจ มองหน้าเด็กสองคน เสียใจที่ทานตะวันไม่เอาถ่าน มองเนื้อทองเริ่มใจอ่อนลงเพราะเนื้อทองแสนดีเหมือนเนียนสมัยก่อนไม่มีผิด

ทองจันทร์ยื่นกำไลทองคำอันเล็กๆ ส่งให้เนื้อทอง
“ของขวัญที่เอ็งรับใช้ฉันตอนปิดเทอมมาสิบปี รับไปสิ”
“คุณท่านให้หนูจริงๆ หรือคะ”
“ถามอะไรอย่างนั้น รีบกราบขอบพระคุณท่าน สิเนื้อทอง” เนียนบอก
“ลูกเอ็งมันก็เหมือนเอ็งนั่นแหละเกรงกลัวคนอื่นไปหมด นี่ใกล้จบมอแปดแล้วสินะ”
“ค่ะ”
ทานตะวันเดินเข้ามากอดย่าหอมแก้มทองจันทร์ยิ้มหน้าบาน
“คุณย่าขาคิดถึงจังเลย รักคุณย่าที่สุด”
“เด็กคนนี้ประจบ จะเอาอะไรจากย่าอีกรึ”
ทานตะวันหยิบกำไลที่เนื้อทองถืออยู่ มาดู
“คุณย่าให้มันหรือคะ งั้น ให้หนูเป็นกำไลทองฝังเพชรนะคะ คุณย่า”
“ได้สิหลาน ย่าให้หลานได้ทั้งนั้น ว่าแต่จบมอแปดแล้วหนูจะเรียนอะไรต่อล่ะ”
“อยู่บ้านเฉยๆ เดินไปเดินมา รอเวลาแต่งงานกับคนดีๆ มีเงินค่ะ คุณย่า”
ทองจันทร์ตกใจบ้วนน้ำหมากปิ๊ดดด
“ไฮ้พูดอะไรออกมาอย่างนั้น คนแก่ฟังแล้ว อยากจะเอาหน้าด้นดิน ใครสั่งใครสอนให้พูดถึงเรื่องนี้หน้าตาเฉย”
“แม่สนค่ะ แม่สนบอกว่าหนูมีชาติมีตระกูล ไม่ต้องไปร่ำไปเรียนสูงเหมือนพวกคนไม่มีอันจะกิน เดี๋ยวก็มีผู้ชายเศรษฐีดีๆ มีชาติมีตระกูลมาสู่ขอ รอวันเป็นคุณหญิงคุณนายเหมือนคุณย่ากับคุณแม่”
ทองจันทร์ตบอกผาง
“แม่สนเอาอีกแล้วรึ”
เนียนกับติ๋วนั่งเงียบไปไม่ปริปาก ขณะอี๊ดโยนกำไลใส่ติ๋ว
“กำไรสวะ ทองเส้นนิดเดียว”
เรียมเดินเข้ามาเห็นภาพเกเรพอดี
“ไม่น่ารักเลยนะหนูอี๊ด” เรียมเอ็ด
“ก็ไม่ต้องรักสิคะ รักยัยเนื้อทองไปเถิดค่ะ มันดีมันวิเศษวิเศษไปหมดทุกอย่าง วันก่อนคุณพ่อไปเยี่ยมหนูที่โรงเรียน ยังไปกอดมันเรียกมันว่าลูกรัก อีกไม่นานคุณย่าก็คงจะเอาด้วยอีกคน”
เนียนกับเรียมสะดุ้งตกใจมองหน้ากัน
“จริงรึเนื้อทอง”
“ท่านเข้าใจผิดเพราะเห็นหนูด้านหลัง ท่านเข้าใจว่าหนูเป็นคุณทานตะวันค่ะ”
เนียนกับเรียมสบตากันอีกครั้งเนียนใจเต้นตูมๆ ที่พ่อไปกอดลูกโดยไม่รู้ตัวว่านั่นคือลูก ลูกก็ไม่รู้ว่าพ่อ พอพูดจบทานตะวันเดินกระแทกเท้าปังๆ ลงเรือนไป ทองจันทร์มองตามส่ายหน้า เรียมยิ่งระอามากกว่า
ทานตะวันสวนกับเทิดศักดิ์ที่เดินยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามามีดอกไม้ซ่อนไว้ด้านหลัง
“ผมมาขอข้าวเรือนคุณย่ากินครับ อยากกินฝืมือ...”
ทานตะวันสวนคำทันที “ฝีมือยัยติ๋ว พี่เทิดศักดิ์นี่ก็อีกคน ไม่แคล้วหลงรักยัยคนนี้เข้าให้แล้ว”
“พี่หลงรักเด็กดีๆ ดีกว่าหลงรักเด็กชั่วร้าย เอาแต่ใจตัว เนื้อทองพี่มีดอกไม้มาให้คนสอบได้ที่ 1 อีกแล้ว”
พวกผู้ใหญ่นิ่งเงียบพูดไม่ออก เนื้อทองไม่กล้ารับ เนียนใจคอไม่ดี ทองจันทร์จึงเลยตามเลย
“มัวรีๆ รอๆ ทำไม เข้าให้ก็รับสิ เนื้อทอง”
เสียงตะโกนดังมาจากนอกเรือน เป็นเสียงทานตะวัน
“ยังขาดคุณแม่อีกคน จะประเคนอะไรให้ก็รีบๆ สิคะ”

ทุกคนส่ายหน้าเอือมเหลือล้น เนื้อทองมือสั่นขณะรับดอกไม้จากเทิดศักดิ์

อาญารัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

ทานตะวันวิ่งแจ้นมาฟ้องสนถึงเรือนเล็ก สนแอบเบือนหน้ายิ้มเยาะทานตะวันคิดในใจ

“สมน้ำหน้า เอ็งมันเด็กชั่วร้าย นิสัยเลวเหมือนอีช้อยไม่มีผิด”
คิดแล้วก็หันมายิ้มหวานเอามือเชยคางทานตะวัน
“โถๆๆๆๆ แม่สนฟังแล้วอยากจะไปตบหน้าอีเนียนกับอีเด็กติ๋วให้หน้าหันเป็นหมูย่าง คุณแม่เรียมของหนูก็กระไรเลย ลูกตัวเองแท้ๆ กลับไม่เข้าข้าง ไปเห็นดีเห็นงามไปตามพวกอีเนียน คุณย่าก็อีกคนทนดูได้ยังไง”
“พี่เทิดศักดิ์ก็เป็นไปกับเขาด้วยค่ะ พี่เทิดศักดิ์อยากเป็นคู่รักของอีเด็กติ๋ว เอาดอกไม้ไปให้มันหลัดๆ นี่เองค่ะ”
“ต๊าย อกอีแป้นจะแตก ช่างเป็นไผ่ลอดกอซะจริงๆ แม่สนต้องจัดการทำอะไรสักอย่าง”
“ทำเถิดค่ะ แม่สน หนูอี๊ดเสียหน้ามาก อีเด็กติ๋วมันหยามหนูอี๊ด หนูอี๊ดเกลียดมาก แค้นมาก”
“หนูอี๊ด แค้นมันเกลียดมันขนาดไหนคะ”
“เกลียดจนไม่อยากให้มันอยู่ร่วมบ้าน ร่วมโรงเรียน”
“หนูอี๊ดพูดถูก มันกับแม่มันน่าขยะแขยงมาก หนูอี๊ดรู้ไหมว่าอีเนียนมันเคยมาหลอกคุณพ่อว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ ทั้งที่มันมีลูกแล้ว”
“ตายจริง งามหน้าแท้ๆ แล้วยังไงอีกคะ”
“พอมันได้เป็นเมียคุณพ่อ มันก็มีชู้ จนมีลูกเป็นเด็กติ๋ว”
“เลวมาก ขนาดนี้แล้วทำไมคุณพ่อไม่เฉดหัวมันออกไปจากบ้านเล่าคะ”
“มันทำเสน่ห์ค่ะ”
“ตายจริง เอ้อ...แล้วลูกมันอีกคน ที่มีมาก่อนมันไปไหนแล้วคะ”
“นี่แหละที่แม่สนกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาสมคบกันกับอีเนียนอีเด็กติ๋ว มาทำร้ายพวกเรา”
ทานตะวันตกใจมาก
“ตายจริง แล้วทำไมเราไม่ทำอะไรกับมันก่อนที่มันจะมาทำกับเราค่ะ แม่สน”
“เราต้องระวังให้ดี เพราะชู้ของอีเนียนมันคือไอ้เสือปล้นฆ่าดุร้ายมาก”
“น่ากลัวมากค่ะ”
“มันชื่อไอ้เสือหนัก”
ทานตะวันตกอกตกใจมาก ส่วนสนแอบสะใจ

ทางด้านหนักโอบบ่าแดงน้อย มองอย่างภาคภูมิใจ
“อีกไม่กี่ปีก็กลายเป็นนายร้อยห้อยกระบี่แล้วหลานลุง”
“ลุงชอบไหมครับ ที่ผมอยากเป็นตำรวจ”
หนักแอบถอนใจ “ชอบสิ ชอบมาก หลานคงเป็นข้าหลวงที่ดี”
“ผมจะพิทักษ์สันติราษฎร์ให้ดีที่สุด ผมจะปราบโจรผู้ร้ายให้ราบคาบไอ้เสือไหนที่ว่าร้ายนักร้ายหนาผมจะตามราวีมันให้ถึงที่สุด”
หนักแอบถอนใจ “ถ้ามีตำรวจสักคน ที่พ่อหรือพี่น้องเขาเป็นตำรวจ เขาจะกล้าจับไอ้เสือคนนั้นไหมหนอ แดงน้อยว่ายังไง”
“คนอื่นผมไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นผม ผมต้องจับเพราะเกิดมาเป็นคนไทย ต้องเคารพกฎหมายครับ แม้ว่าจะต้องขมขื่นข่มใจจับคนคนนั้นผมก็ไม่อาจจละเว้น ลุงเห็นด้วยไหมครับ”
“เห็นด้วยที่สุด เอ้อ เพื่อนคนนั้น เทิดศักดิ์ เป็นอย่างไรบ้าง เขาเรียนอะไรรึ”
“รัฐศาสตร์จุฬาครับลุง เขาต้องการเป็นนักปกครอง เขาบอกว่าอยากเป็นปลัดอำเภอเดียวกับที่ผมเป็นตำรวจ จะช่วยกันจับผู้ร้าย ที่ชื่อไอ้เสือหนักที่มันคลาดแคล้วมาเกือบจะยี่สิบปี แต่มันยังก่อเหตุอยู่เนืองๆ”
หนักสะดุ้งกระสับกระส่ายนิดหนึ่ง
“บอกเขาว่าลุงขออวยพรให้เรียนจบด้วยดี และได้ทำสิ่งที่เขาตั้งใจไว้”
“ลุงคงชอบเขามากจริงๆ ด้วย ขนาดไม่ได้พบกันเป็นสิบกว่าปี แล้วลุงถามหาเขาทุกครั้งที่พบผม ถ้าลุงอยากเจอเขา ผมจะชวนเขา กับน้องสาวมาทานอาหารที่ร้านของเรา ตกลงไหมครับ”
หนักนิ่งไปใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ลุงขอคิดดูก่อน”
“เขาเองก็เคารพชื่นชมลุงมากนะครับ ถามถึงลุงเสมอ”
“ตกลง”
หนักตัดสินใจเพราะอยากเจอลูก

เทิดศักดิ์ซึ่งเวลานี้กลายเป็นนิสิตจุฬาฯเรียนคณะรัฐสาสตร์ กำลังไหว้นฤมลขณะมารับสองสาว
“สวัสดีครับ คุรับคุณป้านฤมล”
“สวัสดีจ้ะเทิดศักดิ์ แหมใส่ชุดนิสิตโก้จริงๆ นะ มารอน้องสาวรึ”
“ครับ คุณป้า ผมจะขออนุญาตคุณป้าพาน้องไปดูรับประทานอาหารที่ร้านเพื่อนสนิทของผม แล้วก็ขอไปดูหนังกันต่อน่ะครับ”
“ไม่มีปัญหาจ้ะ อย่ากลับมาดึกเกินไป แม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุด”
“รับรองครับ”
“เนื้อทองเขากำลังมุอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าคุรุศาสตร์จ้ะ”
“ผมทราบครับ น้องเขาบอกผมแล้ว” สีหน้าเทิดศักดิ์ดูกระชุ่มกระชวย กระฉับกระเฉงมาก
สักครู่จึงเห็นสองสาวแฝดพากันเข้ามาสองแต่งชุดมัธยมปลาย เสื้ออยู่ในประโปรง เข้ามาไหว้ครูนฤมล
“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิจ้ะ พี่เขามารับกินข้าวไปดูหนัง”
เทิดศักดิ์มองเนื้อทองอย่างชื่นชม ทานตะวันเห็นสายตาพี่ไม่พอใจเนื้อทองมากๆ

ไม่นานหลังจากนั้นภายในห้องพักส่วนตัวของทานตะวัน และเนื้อทอง ทานตะวันเอ่ยขึ้น
“รู้นะว่าพีเทิดศักดิ์ไม่อยากจะมารับฉันดอก แต่เขาอยากจะมารับเธอยัยติ๋ว ดูสิเนื้อเต้นใหญ่แล้ว” ว่าพลางหยิกเนื้อเนื้อทองด้วยความหมั่นไส้
“เอ้อ ไม่จริงดอกค่ะ เอ้อ คุณหนูอี๊ดจะใส่ชุดไหนคะ ฉันจะหยิบให้”
“ใส่ชุดไหนก็ได้ที่เธอเห็นว่าสวย อย่าให้สวยน้อยกว่าเธอก็แล้วกัน”
เนื้อทองหยิบมาให้ “นี่ค่ะ”
ทานตะวันรับเสื้อผ้ามาจากเนื้อทองที่หยิบให้ใส่มาแนบตัว
“ยัยเนื้อทอง เธอว่าชุดนี้สวยแล้วหรือ”
“สวยค่ะ ชุดของคุณหนูอี๊ดสวยทุกชุดค่ะ”
“แล้วเธอจะใส่อะไรเล่า รู้นะว่าคุณแม่แอบซื้อชุดให้เธอตอนมาเยี่ยมครั้งก่อน”
“ค่ะ”
ทานตะวันเอาเสื้อไปหาที่เปลี่ยน เนื้อทองเดินไปหยิบชุดที่เรียมซื้อให้ พอหยิบออกมาตกใจมาก เพราะชุดโดนตัดขาดรุ่งริ่งไปหมดทั้งสองชุด ทานตะวันแอบมองมาจากฉากเปลี่ยนชุด ยิ้มเยาะสะใจ

เนื้อทองน้ำตาคลอ รู้ทันทีว่าฝีมือใคร

เทิดศักดิ์มารอที่รถ ยิ้มย่องดีใจจะได้ใกล้ชิดเนื้อทอง หนุ่มน้อยยืนพิงรถชะโงกรอสองสาว

สักครู่หนึ่งเทิดศักดิ์มองไปเห็นสองสาวกำลังเดินมา ถึงกับขมวดคิ้ว เทิดศักดิ์เห็นทานตะวันแต่งตัวสวยแจ่มมาก มีเนื้อทองเดินตามหลัง ใส่เพียงกระโปรงนักเรียนตัวเดิมกับเสื้อแขนสั้นเรียบๆ กลางเก่ากลางใหม่
“อะไรกันนี่”
ทานตะวันกับเนื้อทองเดินมาถึงรถแล้ว
“หนูอี๊ดสวยไหมคะ พี่เทิดศักดิ์”
เทิดศักดิ์ตามองที่เนื้อทองเป็นคำถาม แต่ปากตอบทานตะวัน
“สวยสิ พี่หวังว่าน้องอี๊ดคงสวยทั้งเสื้อและสวยทั้งหัวใจนะจ๊ะ”
“พี่เทิดแขวะน้องอีกแล้ว ไปกันหรือยังคะ”
“ขึ้นรถสิจ๊ะสาวๆ”
“ฉันจะนั่งข้างหน้ากับพี่เทิดศักดิ์ ยัยติ๋วเธอไปนั่งข้างหลัง”
“ค่ะ”
“นั่งข้างหลังกับเพื่อนพี่เทิดศักดิ์ บางทีพี่คนนั้นเขาอาจจะเลิฟแอทเฟิร์สไซท์เธอขึ้นมาก็ได้” ทานตะวันแขวะ
“เอ้อ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ”
“ใช่ไม่ควรพูดอย่างนั้น สิน้องอี๊ด เป็นสาวเป็นนางเขาไม่พูดเรื่องชู้สาวกันโจ่งครึ่มแบบนี้หรอก” เทิดศักดิ์ตำหนิ
“แหมก็ไหนว่าเพื่อนคนนี่ของพี่เทิดศักดิ์ เป็นคนขายอาหาร ก็น่าจะคู่ควรกับยัยติ๋วแล้วแหละ”
“พี่ขอโทษด้วนนะ เนื้อทอง น้องอี๊ดชอบพูดจา ไม่เอาอ่าวเสมอ พูดจาแบบนี้สิมิน่า ถึงสอบเกือบตก ก็ยังดีระวังอย่าให้กลายเป็นสอบเกือบได้ คุณพ่อกับคุณนายแม่ จะน้ำตาตก คอยดูเถิดเจอเพื่อนพี่แล้วจะพูดไม่ออก”
พูดจบเทิดศักดิ์ก็กระชากรถออกไปโดยแรง จนทานตะวันหัวคะมำ

ฟากแดงน้อยใส่ชุดนักเรียนนายร้อยมาดโก้มากยืนตัวตรง สายตาไม่วอกแวกและดูหล่อมากๆ ผู้คนเดินผ่านแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวอย่างชื่นชม
รถของเทิดศักด์ ซึ่งเป็นรถเปิดประทุนขับมาช้าๆ เทิดศักดิ์สอดส่ายตาหาแดงน้อย ทานตะวันชักสีหน้า
“อะไรกันคะ มานัดกันตามข้างถนนรนแคม พี่เทิดศักดิ์มีเพื่อนจนๆ ด้วยหรือคะ”
“ไม่ต้องถามดอกนะ ถ้าน้องอี๊ดไม่พอใจ เดี๋ยวพี่พบเพื่อนแล้วจะพาน้องอี๊ดกลับไปส่งที่โรงเรียนคุณป้านฤมล”
เนื้อทองมองไปเห็นนักเรียนนายร้อยยืนโก้อยู่ ยิ้มน้อยๆ อย่างชื่นชม ส่วนทานตะวันก็เห็นเช่นกันตื่นเต้นในความโก้
“ตาย นักเรียนนายร้อย คนนั้นโก้จังแถมหล่อมากด้วย”
เทิดศักดิ์หัวเราะหึๆ เบนรถเข้าไปจอดเทียบที่แดงน้อยยืนตรงแหนวอยู่
“ขึ้นรถสิ แดงน้อย”
แดงน้อยหันมาเห็นเทิดศักดิ์จอดรถ ยิ้มพยักหน้าให้
แฝดทั้งสองสาวอึ้ง เห็นแดงน้อยเดินตัวตรงมาดเท่ห์มาที่รถ
“นักเรียนนายร้อยนี่หรือคือเพื่อนที่เทิดศักดิ์” ทานตะวันคาดไม่ถึง
แดงน้อยเดินมาถึงรถ เทิดศักดิ์แนะนำ
“หนูติ๋ว น้องอี๊ด นี่แดงน้อยเพื่อนรักที่สุดของพี่”
เนื้อทองยกมือไหว้ก่อน เนื้อทองรีบไหว้ตาม
แดงน้อยกับเนื้อทองประสานสายตาพอใจกัน ทางนตะวันเห็นสายตาทั้งคู่ไม่พอใจ
“สวัสดีครับ คุณอี๊ด คุณติ๋ว” แดงน้อยทักทาย
ทานตะวันเปิดประตูลงมาจากรถ “ยัยติ๋วลงมาสิเธอมานั่งข้างหน้ากับพี่เทิดศักดิ์ฉันจะนั่งข้างหลังกับพี่แดงน้อย”
เนื้อทองลงมาอย่างงงๆ
“เชิญค่ะ พี่แดงน้อย” ทานตะวันยิ้มหวาน
แดงน้อยก้มหัวให้
“เชิญคุณอี๊ดก่อนครับ”
แดงน้อยเปิดประตูให้ ทานตะวันเข้าไปนั่ง แล้วเปิดประตูให้เนื้อทองไปนั่งด้านหน้าคู่เทิดศักดิ์ จากนั้นแดงน้อยจึงเข้าไปนั่งข้างๆ ทานตะวัน

เทิดศักดิ์ส่ายหน้าเอือมระอาทานตะวันที่เรื่องเยอะ ก่อนจะขับรถแล่นไปตามถนน

ขณะเดียวกันที่บ้านภักดีภูบาล กบกับแมวกำลังวุ่นวายถือข้าวของเครื่องนอนหอบขึ้นหอบลง สองคนหัวเราะคิกคัก

“โชคดีของหนูติ๋วแท้ๆ คุณท่านก็โปรด คุณนายเรียมก็รัก”
“ห้องเก่าของคุณนายเรียมที่เรือนนี้ก็สวยหรูดูดีอยู่แล้ว ท่านยังสั่งจัดใหม่ให้หนูติ๋วอีก”
“บุญของเด็ก ที่แม่ทำไว้ให้ จึงได้กินบุญเก่าของแม่” กบยิ้มร่า
แมวหน้าสลด “แต่แม่น่ะสิกินกรรมเก่าที่คนใจร้ายบังคับให้กินจนสำลักแล้วยังไม่หมดสักที”
“พวกเอ็งสองคนซุบซิบนินทาอะไรพวกข้า” ทองจันทร์โผล่มาพร้อมเรียม
“เปล่านินทาเจ้าค่ะ แต่ชื่นชมโสมนัสปิติยินดีปรีดาปราโมทย์เจ้าค่ะ” กบบอก
“เอ็งชักจะเจ้าบทเจ้ากลอนมากไปแล้วจริงๆ นางกบ นางแมว เอ็งนินทาว่ากระไรบอกมานะ”
“บอกว่าคุณท่านกับคุณนายเรียม ช่างเมตตาปราณีมีน้ำใจต่อเนียนและหนูติ๋วมาก เจ้าค่ะ” แมวว่า
“ข้ากับคุณนายเรียมเห็นว่าเขาโตเป็นสาว จะมานอนกอดแม่เป็นเด็กอ่อนอยู่ได้ยังไง”
“ฉันให้รางวัลที่เขาเป็นเด็กดี รับใช้คุณแม่ รับใช้ฉัน แล้วยังเรียนเก่งเสมอต้นเสมอปลาย เนียนโชคดีที่ลูกสาวเอาถ่าน ผิดกับชั้น” เรียมถอนใจ “ที่หนูอี๊ดไม่ยอมเอาไหนสักอย่างเดียว”
“เอาอย่างคุณสนเจ้าค่ะ” กบเสนอหน้า
“นางกบ เอ็งอยากเอาไม้ตะพดท่านขุนเคาะกบาลไหม”
ทองจันทร์เอ็ดเอา สองคนแอบยิ้มแล้วเงียบไป
“เอ้อ เธอยังเด็กน่ะค่ะ อีกสักหน่อยเธอก็เข้าที่เข้าทางเองเจ้าค่ะ” เนียนบอก
“กลัวว่าจะไปเข้าที่เข้าทางของคนอื่นไม่ใช่ของแม่เรียมน่ะสิ” ทองจันทร์ก็ท้อใจไม่ต่างกัน
“เอ้อ เรื่องห้องของหนูติ๋ว เนียนขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ แต่ความจริงเราสองคนได้ขึ้นมานอนบนเรือนคุณท่าน ก็เมตตาเรามากโขแล้วเจ้าค่ะ” เนียนเกรงใจไม่เลิก
“สมัยนี้เขาไม่มีทาสกันแล้ว ใจคอเอ็งคิดว่าข้าจะใช้พวกเอ็งสองคนแม่ลูกทำงานแค่ให้แลกข้าวกินเท่านั้นรึ” ทองจันทร์ว่า
“หามิได้เจ้าค่ะ สำหรับเนียนกับลูกแค่แลกข้าวเพื่อทดแทนพระคุณก็เกินคุ้มเจ้าค่ะ แต่ท่านให้มากจนเนียนเกรงใจน่ะเจ้าค่ะ”
“เกรงใจและเกรงกลัวคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แล้วจะหาความสุขในชีวิตได้ตอนไหนรึ เนียน”
“หยุดโง่ไม่เข้าเรื่องสักที นางแมว นางกบ เอ็งสองคนรีบไปจัดห้องไวๆ เข้า”
สนเดินขึ้นเรือนมาเห็นข้าวของ
“นั่นคุณแม่จะเปลี่ยนเครื่องนอนใหม่หรือคะ”
“เปล่า ฉันต่างหาก”
เรียมตอบเสร็จดึงแขนเนียนเดินตามพวกกบแมวไปยังห้องเก่าตัวเอง
“เขาเปลี่ยนใหม่ให้ลูกสาวเนียนน่ะ”
“อะไรนะคุณแม่”
สนพรวดตามพวกเรียมไป ทองจันทร์ส่ายหน้า
“โรคริษยา นี่อาการหนักกว่าโรคริดสีดวงทวาร แท้ๆ”
ทองจันทร์เดินตามไปบ้างอย่างช้าๆ

ทุกคนเข้ามาในห้อง กบ แมว และเนียนกำลังจัดแจงโดยมีเรียมคอยสั่งการ เนียนนั้นมีท่าทีไม่ค่อยสบายใจ
สนตามมาถึงในห้อง
“คุณพี่ ทำอะไรมากเกินเหตุเลยเถิดไปหรือเปล่าคะ พี่ขุนรู้เข้าจะเคืองเอานะคะ”
“เขารู้แล้ว” เรียมบอกเสียงเรียบ
“เลี้ยงควายยังต้องมีใจให้เขา เลี้ยงคนก็ต้องไม่ใจเมตตาไม่ใช่กดขี่ชี้หน้าว่าอีขี้ข้าตลอดชาติแม่สนเอ๊ย” ทองจันทร์ว่า
“สนเพียงแต่ห่วงจิตใจหนูอี๊ด เอ็งมักบ่นกับสนเสมอว่าคุณแม่กับคุณย่ารักเด็กติ๋วมากกว่าเอ็ง ไม่ถามความเห็นแกก่อนหรือคะ”
“ฉันเป็นแม่ไม่ใช่ลูกหนูอี๊ดนะสน บางอย่างไม่ต้องถามความเห็นดอกสน อย่ากังวลแทนลูกฉันไปนักเลย ฉันสิควรกังวล ว่าหนูอี๊ดเชื่อฟังสนมากกว่าฉัน”
สนแอบหน้างอ พวกกบแมวแอบสบตาปิดปากหัวเราะ สนแอบจ้องหน้าเนียนที่รีบเมินไปทางอื่น
“นางกบนางแมว นางลูกขุนพลอยพยัก นางทนายหน้าหอ น่าหมั่นไส้นัก”
สนกระทืบเท้าออกไปจากห้อง

รถของเทิดศักดิ์มาจอดหน้าร้านกาแฟไทยเจริญ ทานตะวันและเนื้อทองมองไปที่หน้าร้าน เห็นสภาพร้านเปลี่ยนไป กลายเป็นร้านอาหารดูหรูหรากว่าสมัยก่อน มีป้ายชื่อป้ายใหม่ใหญ่ชัดเจนกว่าเก่า
“ร้านกาแฟไทยเจริญ” เด่นหรา
ทานตะวันแปลกใจมากที่เห็น ร้านกาแฟไทยเจริญ หรูหราดี แท้ๆ เทิดศักดิ์บอกสองสาว
“นี่แหละจ้ะร้านของพี่แดงน้อยจ้ะ สาวๆ”
“ไหนว่าเราจะมากินอาหารกันคะ พี่แดงน้อย”
“ครับ เราขายอาหารด้วย” แดงน้อยบอก
“อาหารฝรั่งหรือคะ น้องชอบกินอาหารฝรั่งมาก” ทานตะวันตื่นเต้น
“อาหารไทยครับ ลาบส้มตำ ข้าวเหนียวไก่ย่าง ชอบไหมครับ น้องๆ”
ทานตะวันนิ่ง เทิดศักดิ์ตอบแทน
“นี่แหละอาหารโปรดของน้องติ๋ว”
แดงน้อยมองหน้าเนื้อทองที่ยิ้มอายๆ แต่ทานตะวันหน้าคว่ำ
“แล้วใครว่าน้องรังเกียจ เพียงแต่เข้าใจผิดคิดว่าที่นี่มีแต่อาหารฝรั่ง”
“เดิมทีลุงโพล้งกับแม่แพร ขายกาแฟ กับขนมปังสังขยา ต่อมาเพิ่มอาหารไทยตามสั่ง มีคนมากินกันมากขึ้นก็เลยขยายใหญ่ขึ้นครับ” แดงน้อยอธิบาย
“แหม แสดงว่ากิจการดีมาก สมัยนี้เป้นพ่อค้านี่ร่ำรวยนะคะ...” ทานตะวันปะเหลาะเอาใจ
“อย่ามัวตื่นเต้น เราจะลงจากรถกันได้หรือยัง จ๊ะ สาวๆ”
เทิดศักดิ์พูดกับทานตะวันแต่ตามองเนื้อทองตลอดเวลา เนื้อทองยิ้มๆ ไม่พูดว่าอะไร แดงน้อยก็ลอบมองเนื้อทองเช่นกัน
ทานตะวันมองสองหนุ่มแล้วชักหงุดหงิด แดงน้อยรีบลงจากรถเปิดประตูให้ทานตะวันลง เช่นเดียวกันกับที่เทิดศักดิ์รีบลงมาเปิดประตูให้เนื้อทองลง
ทานตะวันกระซิบบอกแดงน้อยอย่างจงใจ “พี่เทิดศักดิ์เขาหลงเสน่ห์ร้อยเล่มเกวียนของเด็กติ๋ว”
แดงน้อยสะดุ้งกับคำเรียกขาน “เอ้อ อ้อ” เด็กหนุ่มพูดเบาๆ ได้ยินคนเดียว “เด็กติ๋ว”
“เชิญเข้าไปในร้านครับสาวๆ แดงน้อยกันขออนุญาตทำตัวเป็นเจ้าของร้านสักวันนะ รู้ไหมสาวๆ วันนี้วันเกิดพี่แดงน้อย”
ทานตะวันดี๊ด๊า “วันเกิดพี่แดงน้อย ตายจริง พี่เทิดไม่ยอมบอกน้องเลยเสียมารยาท ไม่มีของขวัญมาอวยพร สุขสันต์วันเกิดค่ะ พี่แดงน้อย”
“แค่คำอวยพรก็พอแล้ว ขอบคุณมากครับ”
ส่วนเนื้อทองได้แต่สบตาพร้อมกับยิ้มให้ แต่สายตาแสดงว่ายินดี แดงน้อยยิ้มตอบ
“น้องติ๋วอวยพรพี่แดงน้อยบ้างสิจ้ะ” เทิดศักดิ์บอก
“เอ้อ ขอให้พี่แดงน้อยสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาค่ะ”

แดงน้อยยิ้มปลื้ม

ทานตะวันเห็นเข้า ก็ชักสีหน้ากระซิบแดงน้อยอีก

“เด็กติ๋วชอบตีเสมอว่าเป็นคนในครอบครัวเรา ที่แท้ลูกคนเลี้ยงหมูที่บ้านน่ะค่ะ”
แดงน้อยอึ้งอีกรอบ
“อ้อ” แดงน้อยปรายตามองเนื้อทอง ทั้งเห็นใจสงสารยิ่งแอบชอบ
เทิดศักดิ์เห็นทานตะวันซุบซิบ รู้ทันว่าแอบนินทาเนื้อทอง จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง ถามย้ำเรื่องลุง
“น้องติ๋วน่ะ กันนับเป็นญาติสนิทที่สุด”
“ขอบคุณมากค่ะ” เนื้อทองยิ้มให้
“กันเคยพบลุงสินครั้งเดียวตอนอายุหกเจ็ดขวบ เลยจำหน้าไม่ได้ วันนี้ลุงสินจะมาวันเกิดแกไหม”
“ไม่รู้สิ แต่ลุงไม่เคยลืมวันเกิดของกัน เชิญครับ น้องอี๊ด น้องติ๋ว”
“ขอให้ลุงสินมาทีเถิด ไม่รู้ว่าเป็นยังไงทำไมกันถึงติดใจลุงสินของแกนัก”
แดงน้อย ผายมือเชิญทุกคนเข้าไปในร้าน

ระหว่างนั้นที่ถนนฝั่งเดียวกัน แต่ห่างออกไปจากรถเทิดศักดิ์ที่จอดอยู่ หนักสวมหมวกหลุบหน้า ใส่เสื้อผ้าดูดีมาก ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ กำลังจะเดินมาที่ร้าน ชะงักกึก
“นั่น นั่น แดงน้อย กับ กับ....”
หนักแอบดู แต่หลบซุ่มเหมือนกลัวใครเห็นเข้า
หนักเขม้นมองไปที่สี่คน จ้องเน้นที่คอเทิดศักดิ์ใส่สร้อยแขวนพระของหนักที่ฝากขุนภักดีไว้ให้
หนักตื้รตันจนน้ำตาซึม พึมพำ
“พระองค์นั้น เขาแขวนพระองค์นั้น เทิดศักดิ เทิดศักดิ์ ลูกรักของพ่อ”
หนักเพ่งมองไปที่เทิดศักดิ์แล้วรีบหยิบแว่นดำมาใส่ กลัวใครจำได้

หนักยืนมองทั้งสี่คนที่กำลังเดินเข้าร้าน จดสายตาจ้องสร้อยคอทองคำที่ห้อยพระองค์ที่หนักให้ไม่วางตา เทิดศักดิ์รู้สึกเหมือนมีคนมอง จึงหยุดเดินหันกลับไปมองทางหนัก แล้วเทิดศักดิ์มีสีหน้าแปลกใจ เพราะเห็นหนักจ้องมองมา

สามคนเดินต่อแต่เทิดศักดิ์หยุดกึก
“เอ๊ะ ผู้ชายคนนั้น แดงน้อยแกดูผู้ชายคนนั้นสิ”
เทิดศักดิ์หันไปกระตุกเขนแดงน้อย
“ผู้ชายคนไหนหรือ”
แดงน้อยหันกลับมามอง ทุกคนหันมองตามที่เทิดศักดิ์ชี้มือไป แต่ที่ตรงนั้นว่างเปล่าไปแล้ว

ทุกคนไม่เห็นใคร
สามคนบอกพร้อมเพรียง “ไม่เห็นมีใคร”
“เขาหายไปแล้ว” เทิดศักดิ์ว่า
ทานตะวันโวยวายตามประสา “โจรหรือเปล่า ตายแล้ว มันจะมาปล้นร้านพี่แดงน้อย”
“อย่าเดาสุ่มน้องอี๊ด เขามองมาที่พวกเรามองเอาแต่สายตาเขาเป็นมิตร หน้าตาเขาก็ดีมาก เหมือนพี่เคยเห็นที่ไหนแต่นึกไม่ออก” เทิดศักดิ์ดุไม่พอใจมาก
“ที่นี่ไม่มีโจรดอกครับ วางใจได้ เชิญครับ”

ทั้งหมดจึงพากันเข้าไปในร้าน

อาญารัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

ฝ่ายหนักแอบมองเทิดศักดิ์ต่อ ตื้นตันจนน้ำตาซึม พึมพำกับตัวเอง

“เขาแต่งชุดนิสิต เขาจะเรียนวิชาปกครอง ไปเป็นปลัดอำเภอ นายอำเภอ ปลัดจังหวัด ชะรอยเราคงโดนฆ่าตายก่อนเห็นเขา เป็นข้าหลวง เขากับแดงน้อยอยากจับโจร พวกเขารู้เมื่อไหร่ไม่ปล่อยเรารอดไปให้หนักแผ่นดินแน่”
หนักทอดถอนใจ เอน็จอนาถชะตาชีวิตของตน

เทิดศักดิ์ยกมือไหว้แพรกับโพล้ง ที่แม้จะฐานะดีขึ้นมากแต่งตัวดีขึ้นมานิดหนึ่ง ถึงยังไงก็ยังดูบ้านๆ ติดดิน
“สวัสดีครับ แม่แพร ลุงโพล้ง”
เนื้อทองรีบยกมือไหว้ตามทันที โดยไม่ต้องมีใครบอกกล่าว
“สวัสดีค่ะ แม่แพร ลุงโพล้ง”
แต่ทานตะวันกลับยืนเชิดเฉย เพราะดูสองคนไม่คู่ควรแก่การไหว้
“สวัสดีจ้ะ เทิดศักดิ์” แพรมองเนื้อทอง “นั่น ใครกันจ๊ะ มืออ่อนดีแท้ๆ” แพรมาจับมือถือแขนเนื้อทองอย่างชื่นชม

“น้องสาวผมเองครับแม่แพร” เทิดศักดิ์บอก
“ไม่ยักรู้ว่าเทิดศักดิ์มีน้องสาวฝาแฝด” โพล้งว่ายิ้มๆ
ทานตะวันรีบออกตัว “ฉันไม่ใช่ฝาแฝดกับเด็กติ๋ว เด็กติ๋วเป็น…”
เทิดศักดิ์รีบบอก “ลูกสาวน้าเนียน”
โพล้งแพรกะแพรตกตะลึง “น้าเนียน”
“ครับ น้าเนียนที่ผมเคารพรักเหมือนน้าของผมแท้ๆ ครับ เราอยู่บ้านเดียวกันที่สุพรรณครับ น้องอี๊ดสวัสดีลุงโพล้งกับแม่แพรของพี่แดงน้อยสิ”
โพล้งผวาไปอีกคน แพรขยับไปโอบกอดติ๋วโดยอัตโนมัติ ทำให้เทิดศักดิ์ แดงน้อย และทานตะวันต่างแปลกใจมาก เนื้อทองเองก็ตกใจ ไม่คิดว่าแพรจะมากอด ส่วนทานตะวันจำใจยกมือไหว้สองคนแกนๆ
“สวัสดีค่ะ”
“อุ๊ย...เอ้อ” เนื้อทองตกใจที่ 2 คน มะรุมมะตุ้ม
“ช่างน่ารักน่าเอ็นดูอ่อนหวานเหมือน.. น..” แพรจะหลุดปากว่า...เนียน
“ฮะแอ้ม ก้างปลาหมอติดคอ แค๊กๆๆ” โพล้งรีบแก้
นั่นทำให้แพรนึกได้ ไม่พูดต่อ
“เหมือนใครรึ” เนื้อทองฉงน
โพล้งช่วยอีก “อ๋อ เหมือนแม่ของแม่ของแม่ของแม่แพรน่ะจ้ะ”
แพรปรายตามาค้อนขวับ
แดงน้อยเอ่ยขึ้น “รู้จักกันหมดแล้ว วันนี้แม่แพรกับลุงโพล้ง ทำอะไรให้พวกเรากินฉลองวันเกิดผมครับ”
“ทุกอย่างที่แดงน้อยชอบ ลาบ ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก” แพรบอก
โพล้งรีบบอก “แต่ที่ขาดไม่ได้ มีคนส่งของขวัญมาให้แดงน้อยเหมือนเดิม”
โพล้งส่งกล่องนาฬิกาผูกโบว์มาให้แดงน้อยรับพร้อมกับเอ่ยชื่อ
“ลุงสิน” แดงน้อยดีใจมากๆ
“ดีใจจริงๆ ผมอยากเจอลุงสินมาก ลุงสินรักแดงน้อยมากเลยพาลมารักผมมากตามไปด้วยทั้งที่พบกันครั้งเดียว”
“แต่คงรักแกน้อยกว่ารักกันดอกน่า อย่ามาโม้โมเม” แดงน้อยว่า
ทุกคนหัวเราะเฮฮากันสนุก ยกเว้นทานตะวัน

หนักแอบมองทั้งหมดอยู่ที่หลืบหลังร้าน น้ำตาซึม พึมพำ
“ใครว่าพ่อรักเทิดศักดิ์น้อยกว่าแดงน้อย ทูนหัวของพ่อ พ่อก่อกรรมทำเข็ญมากมาย มีลูกก็แสดงตนไม่ได้ ได้แต่แอบมองแอบรักแม้ตายจาก ไปแล้วก็ต้องปิดความลับเพราะหาไม่จะกลายเป็นทำร้ายทำลายลูกให้ย่อยยับเพราะมีพ่อแสนเลวทรามต่ำช้า”
หนักน้ำตาไหลหยดย้อยลงสองแก้มและนองหน้าไปหมดแล้ว หนักกลั้นสะอื้นยื่นมือออกไปเหมือนอยากจับต้องลูกชายที่นั่งหันหลังกินอาหารอยู่แค่เอื้อม

ขณะที่พวกแดงน้อยซึ่งเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว กำลังเดินมานั่งกินอาหาร่วมกับสามคน ทานตะวันมองกล่องนาฬิกาอยากรู้ว่านาฬิกายี่ห้อดีไหม
“น้องอยากเห็นนาฬิกาของลุงสินจังเลยค่ะ พี่แดงน้อย”
“ไม่เอาน่าน้องอี๊ด เสียมารยาท” เทิดศักดิ์ปราม
“ไม่เสียมารยาทดอก น้องอี๊ดเป็นน้องสาวแกก็เหมือนเป็นน้องสาวกัน”
“เป็นแค่น้องสาวเท่านั้นหรือคะ” ทานตะวันกระเง้ากระงอด
แดงน้อยทำเป็นไขสือส่งให้ “แกะดูสิครับ น้องอี๊ด”
แดงน้อยยื่นให้ ทานตะวันแกะออกมา แล้วตื่นเต้น
“ยี่ห้อ ราโด้ โอโห น้องอยากได้ แต่คุณแม่เรียมยังไม่ยอมซื้อให้”
พอดีกับที่แดงน้อยผายมือให้เนื้อทองนั่งข้างๆ
“นั่งสิครับ น้องติ๋ว”
ทานตะวันเห็นรีบมาแทรกตัวนั่งเอง แล้วออกคำสั่งแขวะ
“ยัยติ๋ว เธอมานั่งข้างชั้นกับพี่เทิดศักดิ์ จะได้สมใจอยากของเธอไงล่ะ”
“เอ้อ.. ค่ะ”
เทิดศักดิ์โมโห “น้องติ๋วเขานั่งตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น น้องอี๊ดไม่ต้องไปกะเกณฑ์เขาดอก”
ทุกคนลงนั่ง

หนักเอาแต่มองลูกชายอย่างชื่นชม มีแต่ความสุขใจ ยิ้มทั้งน้ำตา
“แค่ได้เห็นแค่ได้มองแม้สองมือไม่อาจแตะต้องสัมผัส พ่อเลวๆ คนนี้ก็มีสุขจนมิอาจเอ่ยเอื้อนออกมาเป็นคำพูดได้ ลูกเทิดงดงามทั้งกายวาจาใจเหลือเกิน”

หนักยิ้มปลื้ม

เวลาผ่านไปอีกสักระยะ หนุ่มสาวทั้งสี่ทานอาหารพร่องไปมากแล้ว

“อาหารอร่อยไหมครับ น้องติ๋ว” แดงน้อยเผลอไปถามเนื้อทองก่อนถามทานตะวัน
“เอ้อ อร่อยมากค่ะ”
ทานตะวันสอดขึ้นทันที “ยัยติ๋ว เขาลิ้นจระเข้ กินอะไรก็อร่อยทั้งนั้น อยู่ที่บ้านของเหลือๆ อะไรจากบนตึกส่งไปพวกคนใช้มันบอกว่า สองคนแม่ลูกนี่กินหมดเรียบวุธ”
แดงน้อยอึ้งไป
“น้องอี๊ดพูดเกินไป” เทิดศักดิ์ส่งสายตาปราม “ขอบคุณมากครับ ลุงโพล้ง แม่แพร อาหารนี่รสมือเดียวกับน้าเนียนเปี๊ยบเลยครับ”
โพล้งกับแพรเดินมาดูพอดี สองคนมองหน้ากันอีกรอบ
“ถ้าอย่างนั้น วันหลังถ้ากันมีโอกาส ไปบ้านแกขอไปพิสูจน์ฝีมือน้าเนียนของแกบ้างสิ ได้ไหมครับ น้องติ๋ว”
“เอ้อ ค่ะ”
ทานตะวันสอดอีก “ยัยติ๋ว เสียมารยาท ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ได้รึ เชิญค่ะไปอาทิตย์นี้เลยก็ได้ค่ะ จะได้ใช้ยัยติ๋วกับแม่เขาทำอาหารให้มือหักทีเดียว”
เทิดศักดิ์ที่นั่งใกล้กับที่หนักแอบมอง รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จึงหันไปมอง ซึ่งเวลานั้นหนักสะอื้นเบาๆ จริงๆ ด้วย
“เอ๊ะ” เทิดศักดิ์หันไปมองเห็นเพียงหลืบกั้นอยู่
“มีอะไรรึ เทิดศักดิ์” แดงน้องแปลกใจ
“กันคงหูเฝื่อนไปเองน่ะ” เทิดศักดิ์ว่า
“แกเป็นอะไร เดี๋ยวตาฝาดเดี๋ยวหูเฝื่อน”
“นั่นสิ อาจเพราะกันหมายหมั้นปั้นมือว่าจะได้เจอลุงสินของแกกระมัง กันอยากกราบท่านจริงๆ นะ”
เทิดศักดิ์ทำหน้าผิดหวังจริงๆ

หนักรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตากลั้นสะอื้น
“พ่อรับกราบของลูกแล้ว พ่อจะฝังกราบนี้ไว้ในหัวใจ ในจิตวิญญาณของพ่อไปทุกชาติภพ นับแต่ต่อไปนี้พ่อจะขอหยุดก่อกรรมทำเข็ญ ขอบำเพ็ญแต่สิ่งดีงามเพื่อลูก หากชาติหน้าหรือชาติไหนหมดเวรกรรม ขอให้พ่อได้แสดงตัวกับลูกว่าเราคือพ่อลูกกันด้วยเถิด”
หนักยกมือพนมตั้งปณิธาน แล้วหันอย่างตัดใจ แต่มือดันไปกระแทกเอาของแก้วน้ำหล่นเพล้ง
ทุกคนที่หน้าร้าน ได้ยินเสียงของหล่นแตกเพล้ง
“มีคนอยู่หลังร้าน” เทิดศักดิ์ว่า
“ลุงสิน” แดงน้อยลุกพรวด
เทิดพลอยลุกพรวดไปด้วย แต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะมันคือส่วนที่เป็นส่วนตัว
“ทำไมลุงสินคนนี้ช่างดูแปลกๆ ลับๆ ล่อๆ จัง” ทานตะวันปากเปราะเช่นเคย
โพล้งกับแพรมองหน้ากันอีก เนื้อทองรีบลุกหยิบจานชามที่กินไว้จะเอาไปล้าง
“หนูเก็บจานไปล้างนะคะ แม่แพร ลุงโพล้ง”
“ไม่ต้องไม่ต้องแม่แพรให้เด็กในร้านล้างได้จ้ะ” แพรรีบบอก
“ยิ่งกว่าล้างจาน ยัยติ๋วก็ทำมาแล้วค่ะ ยัยติ๋วมันล้างเล้าหมูมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยง” ทานตะวันถากถากเนื้อทองทุกท่า
โพล้งกับแพรชักไม่ชอบหน้าทานตะวัน
“น้องอี๊ดชอบพูดล้อเล่นกับน้องติ๋วน่ะครับ เขาหยอกกันแรงไปนิดเสมอ อย่าถือสานะครับ น้องติ๋วพี่จะไปช่วยล้างจานครับ” เทิดศักดิ์บอก
เทิดศักดิ์รีบตามเนื้อทองไปทันที โพล้งกับแพรมองหน้ากัน
“ขอตัวไปดูหลังร้านก่อนนะหนู” โพล้งบอก
“ฉันก็ขอไปอีกคน จ้ะ” แพรว่า
สองคนออกไปบ้าง ทิ้งให้ทานตะวันนั่งอยู่คนเดียว เด็กสาวหยิบนาฬิกาของแดงน้อยมามอง
“ลุงสินของพี่แดงน้อยคงรวยมาก แต่พวกนี้สงสัยจะเป็นเศรษฐีบ้านนอกพูดจาเปิ่นๆ เชยๆ ช่างปะไร เราชอบพี่แดงน้อยไม่ได้ชอบพวกนั้น”
ทานตะวันที่ถูกสนเสี้ยมจะเสียคน นึกหัวเราะเยาะพวกญาติแดงน้อย โดยไม่รู้ว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของตน

ส่วนแดงน้อยพอมาถึงก็พบเพียงแก้วตกแตกไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น
“เอ๊ะ ยังไงกัน”
แดงน้อยมองกวาดตามองไป จึงเห็นหนักด้านหลังกำลังลัดเลาะออกไปทางหลังร้าน
“ลุงสิน”
แดงน้อยวิ่งไปทันที
“ลุงสินจริงๆ ด้วย”
แดงน้อยวิ่งตามมาจนทันฉุดมือหนักหรือสินไว้ หนักหันมาหาแดงน้อย
“ลุงมาอวยพรวันเกิดหลาน สุขสันต์วันเกิด ลุงรักหลานที่สุด”
“ขอบคุณมากครับ ผมดีใจที่ลุงมา และผมก็รู้ว่าลุงต้องบอกว่ารักผมที่สุด จริงดังที่เทิดศักดิ์เขาเย้าผม ว่าลุงรักเขาเหมือนกันแต่ผมแย้งว่าน่าจะน้อยกว่าผมนิดหนึ่งหมอนี่มันถือสาจะเหมาว่าลุงรักมัน พูดเองเออเองแท้ๆ”
“ลุงรักเด็กดีๆ ที่จะไปเป็นอนาคตของชาติทุกคน ฝากบอกเขาด้วยว่า ลุงรักเขามากแม้จะได้พบปะพูดจากับเขาเพียงครั้งเดียวเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว”
“ผมจะไปบอกเขา เอ้อ ลุงออกไปกินอาหารกับพวกเรานะครับ”
“เอ้อ ลุง มีเรื่องจำเป็นที่ต้องรีบไป”
“เทิดศักดิ์คงเสียใจแย่ เขาพาน้องสาวมาด้วย คนหนึ่ง เป็นน้องคนละแม่ ชื่อทานตะวัน อีกคนหนึ่งชื่อเนื้อทอง เป็นลูกสาวของคนที่เขาเคารพนับถือชื่อว่าน้าเนียน
หนักยืนอึ้งใจเต้นตูมตาม หนักโอบกอดแดงน้อยไว้ เพื่อซ่อนน้ำตาไม่ให้แดงน้อยเห็น

“เนื้อทองลูกของน้าเนียน เนื้อทองคนไหนรึ แดงน้อย”

แดงน้อยเล่าและอธิบายถึงลักษณะของเนื้อทองให้หนักฟัง

“คนเรียบร้อยมากๆ ที่นั่งข้างเทิดศักดิ์ครับ ๆๆๆๆ” เสียงพูดนั้นของแดงน้อยดังซ้ำไปซ้ำมา
หนักยังโอบกอดแดงไว้พึมพำ
“ลูกของเนียน กิริยาท่าที่น่ารักไม่มีผิดเนียน ช่างน่ารักแท้ๆ”
หนักน้ำตาซึมอีก
“เนื้อทองดูแต่งตัวปอนมาก เขาได้เรียนหนังสือหรือเปล่า”
“เรียนสิครับ เรียนเก่งมากเรียนที่เดียวกับทานตะวัน เนื้อทองสอบได้ที่หนึ่งทุกครั้ง เธอกำลังจะจบมอแปดแล้วไปต่อวิชาครูที่จุฬาครับ”
หนักพึมพำ “ชื่นใจ พี่ดีใจกับแม่เนียนของเขาด้วย”
แดงน้อยแปลกใจมาก ผละออกมามองหน้าลุงสินของตนอย่างแปลกใจ
“ลุงสินสนใจเนื้อทองมากนะครับ”
“ลุงสนใจเด็กดีๆ ลุงปลื้มใจแทนพ่อแม่ลุงป้าน้าอาของเขาน่ะ”
“ลุงน่าจะเข้าไปพบพวกเขา พวกเขาคงปลื้มใจที่ได้พบและรู้จักลุง”
แดงน้อยคะยั้นคะยอ หนักยืนนิ่งเหมือนคิดหนัก
ครู่ต่อมาทานตะวันเห็นแดงน้อยเดินกลับมาหน้าตาผิดหวัง
“โจรที่น้องเห็น มาแอบดูลาดเลาหลังร้านพี่แดงน้อยหรือเปล่าคะ”
“เปล่าดอก เอ้อ เทิดศักดิ์กับ น้องติ๋วไปไหนหรือครับ”
“ไปจู๋จี๋กันค่ะ”
“อะไรนะครับ”
ทานตะวันใส่ไฟใหญ่ “ยัยติ๋วมันอยากอยู่ตามลำพังกับพี่เทิดศักดิ์ มันก็เลยชวนเขาไปล้างจานบังหน้าค่ะ มันหาโอกาสจะตายไป น้องเห็นใจมันมาก แต่ แม่สนแม่พี่เทิดศักดิ์รังเกียจสองแม่ลูกนี่มาก แม่สนบอกว่าสองคนเป็นตัวเสนียดของบ้าน”
แดงน้อยไม่อยากฟังต่อแล้ว
“พี่จะไปตามสองคนนั่น”
แดงน้อยรีบเดินห่างออกมา ทานตะวันรีบตาม
“น้องไปด้วยค่ะ”

เนื้อทองกับเทิดศักดิ์ช่วยกันเช็ดจานที่ล้างเสร็จแล้ว
“คุณเทิดศักดิ์ไม่น่ามาช่วยหนูติ๋วเลยค่ะ หนูติ๋วทำคนเดียวได้ ค่ะ”
“พี่อยากช่วยหนูติ๋วนี่นา กินด้วยกันก็ต้องช่วยกันเก็บกันล้างอีกอย่าง พี่มีความสุขมากที่ได้ล้างจานกับหนูติ๋ว”
เทิดศักดิ์พูดตาหวานซึ้งจนเนื้อทองไปไม่เป็น เขินอายมาก จนหน้าแดง

โพล้งกับแพรทำอาหารไปมองสองคนไป แอบซุบซิบนินทาไป
“โลกมันกลมจริงๆ ด้วย กลมจน เราได้เจอหนูเนื้อทอง ลูกของเนียน”
“แต่ถ้าหนูเนื้อทองคือลูกของเนียนหนูทานตะวันก็ต้องเป็นลูกของเนียนด้วย แกจำที่ยายอ่อนมาเล่าได้ไหม”
“จำใส่ในกะโหลกไว้แน่นเปรี๊ยะ ว่าเนียนจำใจบริจาคลูกแฝดคนพี่ให้คุณนายเรียม”
“ถ้าอย่างนั้น เทิดศักดิ์ กับเนื้อทอง ทานตะวัน และแดงน้อย มิดองกันจนนับญาติไม่ถูกสิ”
“หนูเนื้อทองเหมือนเนียนไปซะทุกอย่าง รูปร่างหน้าตากิริยาท่าทางแต่แหม แม่หนูทานตะวันนั่น เห็นแล้วดูแล้ว เข็ดเขี้ยวจริงๆ เหลือรับประทานแท้ๆ พูดจาไม่น่ารักเอาซะเลย” โพล้งอารมณ์ขุ่น
“ก็แหม เธอเป็นลูกท่านขุนภักดีภูบาลนี่น่า ไม่ว่าจะทำอะไรน่าตบมันก็ต้องน่ารักเพราะมีบารมีพ่อคุ้มหัว เด็กอะไร้พูดจาดูแคลนกดขี่คนอื่นตลอดเวลา”
“จุ๊ๆ มาโน่นแล้ว หุบปากให้เหมือนหอยเข้าไว้ นางแพร เด็กเขาได้ยินจะมาถอนหงอกแกหมดหัว ไม่รู้ด้วย” โพล้งบอก
“หงอกแกด้วยนั่นแหละ เชอะ พวกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินข้าไม่กลัวดอก”
แพรทำหน้าสู้ไม่กลัวเกรง

ทานตะวันมองมาที่สองคนที่ช่วยกันล้างจาน ได้โอกาสเล่นงานเนื้อทองต่อ
“ดูสิคะ ยัยติ๋วหน้าระรื่นชื่นบานเป็นจานใส่ข้าวหมู คงฝันหวานจะได้เป็นคู่รักของ พี่เทิดศักดิ์”
“พี่ว่าน้องติ๋วยังเด็กมาก คงไม่คิดเรื่องคู่รักดอกครับ”
“แหม พี่แดงน้อยไม่รู้อะไร ที่แม่สนบอกว่าสองแม่ลูกนี่เสนียดประจำบ้าน ก็เพราะว่า...”
แดงน้อยตัดบทกลัวทานตะวันจะพูดน่าเกลียดมากขึ้น
“เทิดศักดิ์ น้องติ๋ว มาแอบล้างจานทำไมกัน เขามีพนักงานล้างอยู่แล้ว”
เทิดศักดิ์ถามทันที “คุณลุงสินเล่า แดงน้อย”
แดงน้อยวางหน้าไม่ถูก คิดถึงเรื่องที่คุยกับหนักเมื่อครู่นี้ โดยหนักส่ายหน้าบอกแดงน้อย
“ลุงขอโทษ อยากให้เข้าใจลุงด้วย ลุงมีเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ต้องทำ”
“ทำอะไรหรือครับ ลุงสิน”
“ลุงจะบวช”
“บวช”
“บวชให้เร็วที่สุด แม้ไม่อาจล้างกรรมที่ทำไว้แต่ก็ยังดีกว่าที่ลุงไม่คิดทำอะไรเลย”
“ลุงสินมีแต่ทำกรรมดีกับผม ลุงโพล้ง แม่แพร ตลอดเวลา ถ้าไม่มีลุงชีวิตผมจะไม่เป็นเช่นดังวันนี้ แม่แพรกับลุงโพล้งย้ำผมเสมอ”
หนักพร่ำสอน “คนเรามีทั้งด้านมืดด้านสว่าง มีทั้งด้านดีและด้านร้าย หลานยังอ่อนเยาว์ไม่รู้ดอกว่า ชีวิตคนบางคนบางเหล่ามันลำเข็ญมันจำใจต้องทำสิ่งเลวร้าย แม้ว่าหัวใจจะรันทดในสิ่งที่ทำก็ต้องทำเพื่อให้คนที่เรารักอยู่รอดอย่าถามนะว่าลุงทำสิ่งเลวร้ายอะไรบ้าง สักวันหลานคงได้รู้”
“ครับ”
“อโหสิกรรมให้ลุงด้วย”
“ลุงมีพระคุณล้นฟ้ากว่าใครในโลกนี้ ลุงมาขออโหสิกรรมผมทำไมครับ”
“ลุง เอ้อ...หมายความว่าช่วยอโหสิกรรมให้ลุงแทนพ่อแม่ของหลาน เพราะลุงไม่มีโอกาสบอกพวกเขา อโหสิให้ลุงสิแดงน้อย”
“ครับลุง ผมอโหสิกรรมให้ลุงแทนพ่อแม่ของผม”
“ขอบใจมาก ลุงจะอุทิศผลบุญครั้งนี้ส่วนหนึ่งให้กับเทิดศักดิ์ด้วย”
“ครับ” แดงน้อยฟังแล้วแปลกใจไม่น้อย
“ลาก่อน หลานรัก”
หนักกอดแดงน้อยอีกครั้งแล้วจากไป

แดงน้อยคิดแล้วจึงบอกเทิดศักดิ์ออกไป
“ลุงสินไม่ได้มาดอก”
เนื้อทองสอดขึ้น “แล้วใครทำอะไรแตกคะ”
“แมวน่ะครับ เราไปดูหนังกันเถิดครับ”
“กันขอเลี้ยงฉลองวันเกิดให้แกเอง”
ทานตะวันรีบมากระซิบสั่งเนื้อทอง
“ยัยติ๋ว อย่าสะเออะมานั่งติดพี่แดงน้อยทีเดียวนะ ฉันเอาเรื่องเธอแน่”
“ค่ะ”

ทั้งหมดพากันล่ำลาแพรและโพล้ง แล้วพากันไปดูหนัง

ไม่นานต่อมา สี่หนุ่มสาวอยู่ในโรงหนังแล้ว หนังกำลังฉาย สี่คนนั่งดูหนัง ทานตะวันพยายามสบตาแดงน้อยตลอดเวลา แต่ต้องหงุดหงิด เมื่อเห็นแดงน้อยมักแอบชำเลืองมองเนื้อทองที่นั่งข้างเทิดศักดิ์

แดงน้อยมองเนื้อทอง ขณะที่เนื้อทองนั่งจ้องภาพบนจอเงียบๆ ไม่วอกแวก ยิ้มน้อยๆ ท่าทางชอบหนังที่ดู
เทิดศักดิ์ก็แอบชำเลืองมองหน้าเนื้อทองเช่นกัน
สรุปมีคนดูหนังรู้เรื่องคนเดียวคือเนื้อทอง!

ครูนฤมลอยู่ที่บ้านพัก ถือชุดขาดวิ่นของเนื้อทองเพราะโดนทานตะวันตัดตัดไว้ในมือ สองสาวกลับจากดูหนัง เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทานตะวันยังไม่วายวางอำนาจกับเนื้อทองต่อ
“จำไว้นะยัยติ๋ว ห้ามไปชายหูชายตาให้พี่แดงน้อย ถ้าเธอทำฉันจะบอกให้คุณพ่อโบยเธอเหมือนโบยแม่เธอตอนคบชู้”
“โธ่ คุณหนูอี๊ดขา ทำไมชอบว่าแม่เนียนเสมอๆ คะ”
“ก็มันจริงนี่นา หรือว่าเธอจะมีหน้ามาเถียง ว่าแม่เธอไม่ใช่นางแพศยา แม่เธอแอบทำเสน่ห์ให้คุณพ่อหลง พอท้องเธอก็จะมายัดเยียดเธอให้เป็นลูกคุณพ่อ ดีนะที่คุณพ่อจับได้
“พอทีค่ะ อย่าพูดถึงแม่ฉันอย่างนี้อีก”
“ฉันจะพูด ถ้าเธอไม่เชื่อฟังฉัน รู้นะว่าเธอแอบชอบพี่แดงน้อยไม่มีวันยอมเธอดอกจะบอกให้”
“ฉัน ไม่กล้าคิดเรื่องนี้ดอกค่ะ เพราะยังเด็ก ต้องเรียนอีกนานค่ะ”
“เชอะ แม่สนบอกย่ะ ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ แม่แกมันแย่”
เนื้อทองสุดจะทนฟัง เอามือปิดหู

นฤมลถือชุดที่ขาดวิ่นของเนื้อทองอยู่ในมือทั้งสามชุด ยืนฟังอยู่หน้าห้อง
“ดัดอะไรก็ดัดง่าย แต่ดัดสันดานช่างยากเย็นเหลือเกินทำไมหนอลูกของเรียมจึงเป็นเช่นนี้ได้ น่าสงสารเรียมแท้ๆ”

ส่วนในห้องทานตะวันกำลังคุกคามเนื้อทองต่อ พยายามดึงมือออกมาจากหู
“แกอย่าปิดหู แกต้องยอมรับความจริงที่แม่ของแกทำชั่วกับแม่สนและคุณพ่อของฉัน ฟังนะว่าแม่แกมันแย่ๆๆๆ”
นฤมลก้าวเข้ามาในห้อง
“คนที่แย่มากกว่าคือคนที่ว่าคนอื่นว่าแย่ตลอดเวลา โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองแย่ที่สุดกว่าใครๆ”
สองคนตกใจ “คุณป้านฤมล”
ทานตะวันรีบปล่อยมือออกมาจากมือเนื้อทอง
“หนูพูดเรื่องจริงนะคะ คุณป้า หนูไม่ได้โกหก” ทานตะวันเถียง
“เรื่องจริง ที่เห็นบางทีอาจไม่ได้เป็นเช่นที่เห็น คนเราอย่าเอาแต่พูดถึงคนอื่นว่าไม่ดีงาม แม้ในศึกสงคราม เขายังต้องเมตตาต่อศัตรูผู้บอบช้ำ เขาเรียกว่าจริยธรรมที่มนุษย์พึงมีต่อกันจ้ะ”
ทานตะวันแก้ตัว “หนูไม่ได้เห็นเด็กเอ๊ยเนื้อทองเป็นศัตรูสักหน่อย”
“ดีแล้วจ้ะ ถ้าอย่างนั้นทั้งสองคนช่วยดูในมือของป้านี้สิ”
นฤมลชูชุดสามชุดของเนื้อทองคลี่ให้สองคนดู สองสาวหน้าเสีย
“ป้าจำได้ว่านี่คือชุดของเนื้อทอง ที่คุณแม่ของทานตะวัน พาเนื้อทองกับทานตะวันไปซื้อ ตอนมาเยี่ยมพวกหนูครั้งก่อน ถูกต้องไหม”
สองคนรับ “ค่ะ” พร้อมกัน
“ป้าไม่คิดว่า เนื้อทองจะตัดกระโปรงสวยนี่จนขาด แล้วเอากระโปรงนักเรียนกับเสื้อที่ใส่อยู่กับบ้านนั่นนั่งรถสปอร์ตไปดูหนังกับเทิดศักดิ์จริงไหม เนื้อทอง”
เนื้อทองก้มหน้า ไม่กล้าสบตาทั้งนฤมลและทานตะวัน
“เอ้อ...”
“หนูไม่รู้เรื่องนะคะ คุณป้า หรือว่า หนูมันจะมากัดคะ” ทานตะวันแก้ตัวทันที
“หนูที่ไหนมันมาจะเลือกปฎิบัติ ว่าจะกัดชุดของเนื้อทอง ไม่กัดชุดของทานตะวัน และรอยขาดนี่ไม่ใช่รอยหนูกัด แต่เป็นรอยกรรไกร ป้าจะไม่สอบสวนว่าใครตัดดอกนะ ใครทำอะไรย่อมละอายใจตัวเอง”
“หนูไม่ได้ทำ ไม่ละอายดอกค่ะ” ทานตะวันหน้าตึง
“ป้าอยากจะฝากการบ้านให้เอาไปนอนคิด คนกับหนูหรือว่าคนกับสัตว์ วัดกันที่ความยับยั้งชั่งใจไม่ไร้สติ ปิดเทอมครั้งนี้ ทั้งสองคนก็จะจบมอแปด ก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ควรรู้ผิดชอบชั่วดี เพื่อ ที่จะอยู่ร่วมกับคนในโลกนี้ได้อย่างสงบสุขทุกฝ่าย”
นฤมลเดินออกไปจากตรงนั้น

ครู่ต่อมา แม่บ้านชื่อแจ่มรับชุดจากมือนฤมล
“ดิฉันละสงสารหนูติ๋วเหลือเกินค่ะ สิบสองปีที่อยู่ด้วยกัน แกตกเป็นเบี้ยล่างคุณหนูอี๊ด แกก็ช่างอดทนเหลือเกิน ตอนที่แกตัดเสื้อหนูติ๋วดิฉันก็เห็นกับสองตาแล้วนะคะ”
“พอได้แล้ว แม่แจ่ม พรุ่งนี้ช่วยพาหนูติ๋วไปซื้อเสื้อผ้าสักสามชุดเลือกเอาที่เหมาะสมกับตัวแกด้วย”
“ค่ะ”
แม่บ้านแจ่มรับเสื้อขาดมาไว้ที่ตัวเอง

พอสองคนก้าวมาถึงห้องนอน ทานตะวันก็หันมาจิ้มหน้าเนื้อทอง ด่าฉอดๆๆ
“แกทำให้ฉันโดนคุณป้านฤมล ประณามทางอ้อม แกจงใจเอาชุดมาวางล่อตาให้คุณป้าเห็นใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะ เอ้อ...ความจริง คุณป้าท่านไม่ได้ว่าคุณหนูอี๊ดสักหน่อยนี่คะ”
ทานตะวันขัดใจ กระชากตัวเนื้อทองมาเขย่าๆๆ แล้วกรี๊ดใส่
“อ๊าย...แกอย่ามาแกล้งทำหน้าเซ่อ แกอย่ามาแกล้งทำตัวเป็นควาย แกมันใจแตกเหมือนแม่แก มีผัวทีเดียวตั้งหลายคน”
เท่านั้นเอง เนื้อทองก็หมดความอดทน สลัดทานตะวันที่เขย่าตัวออกโดยแรง
“แม่ใครใครก็รัก พอที อย่ามาว่าแม่ฉันนะ”
ทานตะวันปรี๊ดแตก เพราะเนื้อทองไม่เคยกล้าต่อล้อต่อเถียง
“แกกล้าขึ้นเสียงกับชั้น แกมันลูกนางคนคบชู้ แม่แกคบชู้ๆๆๆ”
เนื้อทองเอามือปิดหู ทานตะวันมากระชากมือออกจากหู แล้วตะโกนกรอกไปข้างหูซ้ำๆ
“แม่แกมันเป็นนางแพศยาๆๆๆ”
เนื้อทองหมดความอดทน ผลักทานตะวันโดยแรงจนเซหงาย
“อยากด่าฉันก็ด่าไป ฉันยอมให้ แต่แม่ฉันแตะต้องไม่ได้ หาไม่ฉันจะกลายเป็นคนอกตัญญู ฟังผู้อื่นประณามแม่โดยไม่สะดุ้งสะเทือน”
“แอร๊ยยย ช่วยด้วย อีเด็กติ๋ว รังแกหนู”
ทานตะวันพยายามตะกายมาทุบตี เนื้อทองปัดป้องไม่ทำตอบแต่ผลักๆ แต่อีกฝ่าย ไม่ลดละ ปากก็ตะโกน
“ช่วยด้วยอีติ๋วลูกไพร่รังแกหนู”
เห็นแจ่มวิ่งมาตามหลังด้วยนฤมล
“ต๊าย ลูกผู้ดีอะไรโกหกเป็นไฟ” แจ่มว่า
“หยุดนะทานตะวัน”

สองแฝดหยุดทันที เนื้อทองร้องไห้โฮๆ อย่างน่าสงสาร

อาญารัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

ทางด้านหนักเดินมาหยุดมองวัดแห่งหนึ่ง เป็นวัดเก่าๆ โทรมๆ โดยมีหมอเสน่ห์ซึ่งบัดนี้หน้าตามีแผลเป็นจากไฟไหม้เมื่อหลายปีก่อนตามมาด้วย

“วัดนี้รึ ทิดเสน่ห์”
“วัดนี้แหละพ่อหนัก บวชแล้วก็ถือศีลธุดงค์ไปเรื่อยๆ”
“ขอบใจมาก ที่แนะนำวัดนี้ให้ฉัน”
“ฉันเป็นหนี้ชีวิตพ่อหนัก ทดแทนไม่หมดทั้งชาติ อะไรที่ทำให้ได้ฉันทำทั้งหมด ฉันขอเป็นลูกศิษย์พ่อหนัก ติดตามไปรับใช้ ตลอดเวลาที่พ่อหนักออกธุดงค์”
หนักหันไปมองหน้าเสน่ห์ ท่าทีซาบซึ้งมาก
“ขอบใจมาก”
ครู่ต่อมาเห็นหลวงพ่อชราเดินออกมามองสองคน
“จะมาปล้นวัดรึ ที่นี่ไม่มีอะไรให้ปล้นดอก”
หนักทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับเสน่ห์ ก้มลงกราบหลวงพ่อ
“กระผมมาขอบวชขอรับ หลวงพ่อ”
หลวงพ่อพยักหน้ารับรู้

วันต่อมาภายในห้องรอรับนักเรียน นฤมลบอกกับเรียมอย่างอดหนาระอาใจ เรียมฟังจบแล้วหนักใจมาก
“ทานตะวัน นิสัยเหมือนใครหนอ เธอไม่ใช่คนอย่างนั้นนะเรียม”
“ฉันเสียใจ ที่ลูกสาวเป็นอย่างนี้ ทั้งที่พยายามขัดเกลาแล้ว”
ขุนภักดีตามเข้ามาพร้อมด้วย ทานตะวันที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยมีท่านขุนโอบกอดไว้
“คุณพ่อจะให้นางลูกคนเลี้ยงหมูมาดูถูกเหยียดหยามลูกสาวคุณพ่อถึงเพียงนี้ได้ลงคอหรือคะ”
“ถ้ามันทำจริง พ่อจะจัดการมันทันทีที่กลับถึงบ้านเราที่สุพรรณ”
“ถ้าเขาไม่ได้ทำจริง หนูอี๊ดจะให้คุณพ่อทำอย่างไรกับลูกเล่า” เรียมแทรกขึ้น
“คุณแม่เข้าข้างมัน มันตบมันตีมันทุบมันเหวี่ยงหนูอี๊ดจนหงายท้อง” ทานตะวันฟ้องต่อ
“ตอนนี้มันไปหลบอยู่ที่ไหน” ขุนภักดีโกรธจัด
นฤมลสบตาเรียมแบบนี้ไงที่ทำให้ทานตะวันเสียนิสัย
“ไม่ได้ไปหลบที่ไหนดอกค่ะ” นฤมลหยิบเสื้อผ้าที่โดนตัดของเนื้อทองมาวางบนโต๊ะ
“เสื้อผ้านี่ ฉันพาหนูติ๋วไปซื้อเมื่อครั้งก่อนที่มาเยี่ยมเด็กๆนี่นา ทำไมกลายเป็นเสื้อขาดรุ่งริ่งไปได้” เรียมถาม
“นี่แหละค่ะ คือสาเหตุที่หนูติ๋วไม่อยู่ ฉันให้แม่บ้านพาแกไปซื้อเสื้อผ้ามาใส่ กลับบ้าน ไม่เช่นนั้นแกคงต้องใส่กระโปรงนักเรียนกลับบ้านจะขายหน้าไปถึงท่านขุน กับเรียม ว่าใจจืดใจดำกับเด็กกับเล็ก”
“ผมเพียงแค่อยากจะสอบสวนเด็กว่าทำไมต้องมาตบมาตีกัน” ขุนภักดีหน้าตึง
“รอเด็กกลับมาก่อนเถิดค่ะ ฉันกับแม่แจ่มในฐานะคนกลางที่เห็นเหตุการณ์ จะบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงต่อหน้าทุกคน เว้นแต่ท่านขุนจะคิดว่า ฉันอายุปูนนี้ยังโป้ปดมดเท็จ” นฤมลพูดจาแดกดันขุนภักดีอยู่ในที
ทานตะวันหน้าซีดเผือด เรียมมองดูอยู่ก็รู้ว่าตกใจ ทานตะวันผวากอดพ่อแน่น
“หนูไม่ผิด หนูๆ ไม่เคยตัดเสื้อผ้าใครขาด หนูไม่เคยทำร้ายใครจริงๆ นะคะคุณพ่อ”
พอดีเนื้อทองกับแม่แจ่มพากันกลับมา เนื้อทองรีบไหว้ท่านขุนกับเรียม สีหน้าหม่นหมอง
“แม่แจ่มกับหนูติ๋วมาพอดี พี่เทพคะ นฤมล สอบถามกันสิคะ” เรียมเอ่ยขึ้น
“เอาละ ไม่ต้องดอกครับ ครูนฤมล นี่เป็นเรื่องในครอบครัวผมขอกลับไปจัดการเองที่บ้าน” ขุนภักดีว่า
ทานตะวันรีบสอดขึ้น “หนูก็ไม่ถือสายัยติ๋วที่มาล่วงเกินจิกตีดึงผมทำร้ายหนู ยัยติ๋ว ฉันอภัยให้เธอ เราเลิกแล้วต่อกัน”
เนื้อทองถึงกับงงอึ้งไป ในความช่างพูดเอาดีเข้าตัวของทานตะวัน

เรือแล่นมาตามคุ้งน้ำมุ่งหน้ากลับสุพรรณบุรี ภายในเรือขุนภักดีนั่งหน้าตึง มีเรียมนั่งข้างๆ
“เรื่องที่เกิดขึ้น พี่ขอกล่าวโทษเธอด้วยนะเรียม”
“การที่หนูอี๊ดเหลวไหลถึงเพียงนี้ เรียมผิดมากหรือคะ”
“ไม่ผิดก็เหมือนผิด เธอทำให้ลูกอี๊ดมีปมด้อย”
“พี่เทพพูดผิด ลูกอี๊ดไม่มีปมด้อยแต่ มีปมเด่นต่างหากกระมังคะ”
“ลูกอี๊ดแกบอกพี่ว่าแกรู้สึกตลอดเวลา ว่าเรียมยกย่องเด็กติ๋วเสมอแก”
“ลูกเราขี้อิจฉา”
“เด็กที่ไหนไม่อิจฉา ถ้าเห็นแม่ตัวเองไปรักเด็กอื่นมากกว่าแก” ขุนภักดีออกอาการฉุนเฉียว
“พี่เทพพูดเกินไปค่ะ เรียมจะไปรักหนูติ๋วมากกว่าลูกอี๊ดได้อย่างไร”
“ได้หรือไม่อยู่ที่ใจเรียมรู้คนเดียว แต่การแสดงออกของเรียมมันแจ่มชัดว่า เรียมทำให้เด็กสองคนเท่าเทียมกันตลอดมา ตั้งแต่เขาเกิด ทำไม เพราะอะไรเรียมบอกพี่ได้ไหม”
“เพราะเรียมมั่นใจว่า หนูติ๋วไม่ใช่ลูกชู้แต่เป็นลูกพี่เทพเหมือนกับลูกอี๊ดค่ะ”
เรียมมองหน้าสามี เชื่อมั่นในสิ่งที่พูดแต่ขุนภักดีถึงปรี๊ดแตก
“เฮ้ย” เสียงท่านขุนดังมาก “กล้าดีอย่างไรกันหา”
ทุกคนในเรือสะดุ้งตกใจไปทั้งแถบ
ไม่เฮ้ยเปล่าร่างขุนภักดีสั่นเทิ้มไปหมดทั้งตัว ฉวยตะพดที่วางอยู่ ขว้างลงไปในน้ำเต็มแรง
ทุกคน เห็นไม้ตะพดท่านขุนปลิวลงไปกลางแม่น้ำ

ฝ่ายแพรกับโพล้ง ตื่นเต้นนักกับคำบอกกล่าวของแดงน้อย
“อาทิตย์หน้า ผมจะไปกินอาหารฝีมือน้าเนียนของเทิดศักดิ์ครับ”
แพรกะโพล้งตาเหลือก “หา”
“ครับ น้าเนียนคุณแม่ของน้องติ๋วน่ะครับ” แดงน้อยพูดด้วยดวงตาสดใส
แพรโพล้งสบตากันพยักหน้ากันน้อยๆ แบบรู้ว่าจะพูดอะไรกับแดงน้อย
“ในฐานะที่แม่แพรดูแลแดงน้อยมาตั้งแต่แบเบาะ มองดวงตาก็ทะลุไปถึงดวงใจของแดงน้อยแม่มองออกว่า แดงน้อยพึงใจหนูติ๋ว” แพรบอก
แดงน้อยหน้าแดงเขินอาย
“เอ้อ ผมไม่ทำอะไรนอกรีตนอกรอยดอกครับ แม่แพร ผมรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาสำหรับเรื่องแบบนี้”
“ดีแล้วหลานเอ๋ย ยับยั้งชั่งใจไว้ก่อน หนูติ๋วก็ยังเด็ก” โพล้งสำทับ
“ผมรู้ว่าผมต้องรอเวลา ให้เราเป็นผู้ใหญ่ก่อนครับ ผมจะรอจนถึงวันนั้น”
โพล้งกะแพร มองหน้ากันพูดไม่ออกแพรกระซิบโพล้ง
“เอาละสิ”

สองคนปวดหัวน้ำท่วมปาก พูดไม่ออก

เรือแล่นต่อมาตามลำน้ำ ส่วนในเรือท่านขุนนั่งหน้าตึงต่อไปกลายเป็นนั่งคนเดียว ส่วนเรียมถอยมานั่งตามลำพังเรียมหน้าตึงพอกัน

ทานตะวันนั่งอยู่คนเดียวกำลังร้องไห้กระซิกๆ ส่วนเนื้อทองนั่งอยู่กับเอกเงียบๆ เอกกระซิบถาม
“มีเรื่องอะไรกันอีกรึ หนูติ๋ว”
“หนู พูดไม่ได้ค่ะลุงเอก”
“ไม่พูดก็ไม่พูด แต่ไม่พูดมากๆ บางทีไอ้ที่เขาใส่ร้ายเราเอาไว้ มันจะกลายเป็นความเชื่อของคนที่ฟังความข้างเดียวว่าจริง ทั้งที่มันเท็จ”
“หนูยอมให้เขาเข้าใจเช่นนั้นค่ะ” เนื้อทองบอก
“ผลร้ายมันอาจจะเกิดกับหนู ดังเช่นตัวอย่างมีมาแล้วคือแม่ของหนู”
“แต่หนูเชื่อว่าสักวันความจริง จะปรากฏค่ะ แม้ว่ามันอาจจะนาน สักหน่อยก็ตาม ยังไงหนูก็ไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้น”
เอกถอนใจ “ลุงยอมแพ้ หนูช่างเหมือนแม่ของหนูที่สุด”
ทานตะวันหันมามองหน้าเนื้อทองทำตาเขียวปั้ดใส่ เนื้อทองเมินหน้าไปทางอื่น ส่วนเอกยิ้มให้ไม่กลัวทานตะวัน
จังหวะหนึ่งทานตะวันลุกผ่านเรียมไปนั่งกับขุนภักดี
“คุณพ่อขา หนูอี๊ดเสียใจที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจ”
ทานตะวันซบบ่าพ่อ ขุนภักดีโอบกอดไว้อย่างสุดรัก
“ไม่ต้องร้องให้ ไม่ต้องเสียใจพ่อไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหนูอี๊ดของพ่อทั้งร่ายกายและจิตใจดอกลูกรัก”
ทานตะวันหันมามองหน้าเรียม ยิ้มให้ เป็นเชิงบอกว่าเห็นไหม มองไปทางเนื้อทองเย้ยๆ
เรียมได้แต่ถอนใจ อ่อนอกอ่อนใจ

ฟากเทิดศักดิ์ กับแดงน้อยนัดเจอกันที่ลานพระรูป เทิดศักดิ์จอดรถตรงหน้าลานกว้าง ทั้งสองเดินลงไปกราบพระรูปแล้วเดินคุยกันตรงลานนั้นเอง
“แปลกใจไหมที่กันมาขอนัดพบแกก่อนที่จะพาแกไปกินอาหารฝีมือน้าเนียนกับน้องติ๋ว”
“กันไม่แปลกใจแกดอก เพราะแกมันแปลกมานานแล้ว เช่นจู่ๆ แกก็ชื่นชมลุงสินของกัน ทั้งที่แกพบลุงครั้งเดียวตอนอายุเจ็ดขวบ”
“ตอนนี้แกก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง ที่กันมีเรื่องขอความช่วยเหลือจากแก” เทิดศักดิ์พูดเป็นนัย
“อะไรกันนี่ ลูกผู้ดีมีเงินสูงส่งกว่ากันทั้งฐานะและชาติกำเนิดมาขอความช่วยเหลือจาก ลูกคนขายอาหาร”
“ขืนพูดแบบนี้อีกกันกับแกเลิกคบกัน กันไม่มีวันวัดคนที่ชาติกำเนิด เราคบกันมาสิบสองปี เราวัดกันที่หัวใจ”
พูดจบเทิดศักดิ์ทำท่าขึงขังใส่ แดงน้อยตกใจตบบ่าเทิดศักดิ์
“กันขอโทษ กันไม่ได้หมายความอย่างนั้น กันรู้ว่าแกเป็นอย่างไร กันแค่กระเซ้าแกเล่น อย่าโกรธเลยนะ” แดงน้อยแหย่ต่อ “คุณผู้ชายจะให้บ่าวรับใช้อะไรเชิญสั่งขอรับ”
เทิดศักดิ์หัวเราะ แล้วทำทีไล่ชกแดงน้อยแสร้งทำหน้าดุ แต่หายงอนไปแล้ว
“กันชอบน้องติ๋ว”
แดงน้อยตะลึง

ส่วนบนเรือนใหญ่ยามนั้น ขุนภักดียังเอาเรื่องเรียมต่อ
“เรียม พี่ยังไม่หายข้องใจ”
“คะ”
“ลูกเราเป็นนาย ส่วนมันเป็นคนรับใช้ มันได้อานิสสงค์ลูกเราไปเล่าเรียน จนได้ดิบได้ดีถึงเพียงนี้ ทำไมไม่ระลึกพระคุณลูกเรา อย่านึกนะว่าพี่โง่จนเชื่อว่านฤมลออกค่าใช้จ่ายให้เด็กนั่นเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันมาถึงมอแปด แถมจะต่อที่มหาวิทยาลัยอีก เพียงแต่พี่ไม่อยากจะทะเลาะกับเรียม ก็เท่านั้น อย่าย่ามใจเห็นขี้ดีกว่าไส้ไปนักเลย เรียม”
“พี่เทพ จะให้เรียมทำอย่างไรหรือคะ”
“ไม่ต้องทำดอก มันเงินส่วนตัวของเรียมนี่ แต่พี่ไม่ชอบให้เรียมมาตบตาพี่ พี่ยอมรับว่าลำเอียงเพราะรักลูกของเรา แต่พี่ก็ไม่ได้ใจจืดใจดำที่เห็นเรียม ส่งเสริมเด็กที่มีอนาคตดีๆอย่าง เด็กติ๋ว พี่ยอมรับว่ามันเป็นเด็กดีจริงๆ”
เรียมตกตะลึง “พี่เทพ เรียม ขอโทษอีกครั้งเรียมมองพี่ผิดไป”
“พี่ก็ขอโทษ ที่วู่วามไปตอนที่เราอยู่ในเรือ”
ขุนภักดีโอบกอดเรียม สองคนหายโกรธคลายข้อข้องใจที่มีต่อกัน

ทองจันทร์ยิ้มย่องมองเนื้อทอง ที่กำลังก้มลงกราบแทบเท้าตน อย่างเอื้อเอ็นดู โดยไม่รู้ว่าเป็นหลานในไส้
“ต่อไปนี้ฉันจะออกค่าเรียนครูให้แกเอง ยัยติ๋ว”
“คุณท่านเจ้าคะ”
“แกไม่ต้องมาตื่นเต้น แกรู้ไหมว่าสิบสองปีที่ผ่านมานั่น ลูกชายชั้นกับแม่เรียม แทบจะไม่มองหน้ากัน เพราะแม่เรียมดันมาออกค่าเรียนให้ลูกแก”
กบกับแมวแอบยิ้ม
“หนูกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“ฉันเป็นคนจ่าย ผัวเมียจะได้ไม่ผิดใจกัน โน่นรางวัลที่แกรับใช้ฉันและเรียนเก่ง”
เนื้อทองมองไปท่าทีงงๆ
กบแมวบอกพร้อมเพรียง “ห้องใหม่ของหนูติ๋วจ้ะ”
“นั่น นั่นห้องของคุณนายแม่เรียมนะคะ” เนื้อทองท้วง
“ย่ะ แกกับแม่ของแกมันต่างกัน ตรงที่แกมันบุญหล่นทับ แต่แม่แกมันบาปหล่นใส่”
เนียนสบตาลูกพยักหน้าให้ เนื้อทองก้มลงกราบหญิงชราอีกครั้ง น้ำตาซึม
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ แต่หนูอยู่ห้องเดียวกับแม่เนียนได้เจ้าค่ะ”
“แกกับแม่ของแกพูดจาเหมือนนัดกันมาพูด ฉันสั่งให้แกอยู่ห้องนั้นแกจะกล้าขัดน้ำใจฉันรึ”
เนื้อทองมองตาแม่ เนียนพยักหน้าให้รับ
“หนูไม่กล้าขัดเจ้าค่ะ”
“ดี” คุณนายทองจันทร์นึกบางอย่างได้ “เอ๊ะ ทำไมหลานเทิดศักดิ์ไม่กลับมาพร้อมกับแก” ทองจันทร์แปลกใจ
“เอ้อ...คุณเทิดศักดิ์จะมาพร้อมเพื่อนสนิทเจ้าค่ะ”
“เพื่อนสนิท ลูกเต้าเหล่าใคร” ทองจันทร์ซักตามประสา
“ลูกใครหนูไม่ทราบดอกเจ้าค่ะ”
“ชื่ออะไร”
“แดงน้อย เจ้าค่ะ” เนื้อทองบอก
เนียนกำลังถืออะไรในมือทำตกทันที ทุกคนหันมามอง

ฟากทานตะวันฟ้องสนไปจนหมดสิ้นแล้ว สนได้ทีรีบยุส่ง
“ต๊าย ตาย ๆ ๆ หลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น แม่มันเคยทำแบบนี้กับแม่สน คุณแม่เรียม นี่ลูกมันก็มาทำกับหนูอี๊ด จนได้ จะอยู่ร่วมโลกกับมันไม่ได้แล้ว โอ๊ยแม่สน ของขึ้นองค์ลงสั่นไปหมดแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แม่สน หนูควรจะทำยังไงดีคะ เพื่อเรียกศักดิ์ศรีที่เด็กติ๋วมันทำลายลงไปแล้วกลับคืนมา”
“แม่สนกำลังคิดหาทาง ต้องหาคนมาช่วย หนูอี๊ดจ๊ะ”
“ใครหรือคะ” ทานตะวันฉงน
“นางช้อย มันเป็นคนใช้เก่าของแม่สน หนูอี๊ดอาจจำมันไม่ได้หรือ”
“หนูจำได้ลางๆ ค่ะ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่นานแล้วนี่คะ เขาไปไหนคะ”
“ไปบวชชี”
“ที่ไหนคะ”

สนยิ้มร้ายออกมา ไม่ยอมตอบ

เวลานั้น ที่วัดแห่งชนบทห่างไกล ซึ่งช้อยไปอาศัยอยู่แล้วอ้างว่าไปบวชชี แม่ของช้อยบวชเป็นชีอยู่ที่วัดแห่งนี้

ช้อยกำลังกวาดลานวัดอยู่ แม่ชี ที่เป็นแม่ของช้อยนั่งมองอยู่ แม่ของช้อยแก่มากแล้ว
“โฮ้ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เบื่อก็เบื่อ วัดอะไรก็ไม่รู้อยู่ห่างไกลผู้คนจะกินจะอยู่ก็ลำเข็ญ เป็นที่สุด รู้งี้ไม่ลาออกมาอยู่กับแม่ชีดอก”
แม่ชีปราม “นางช้อย ไหนทีแรกเอ็งบอกว่าเบื่อหน้านายเก่าใจร้ายใจดำใจจืด เอ็งขอหลบหน้ามาบวชชีอยู่กับแม่ นี่นานเป็นสิบปี เอ็งยังท่องศีลห้าไม่ได้ แล้วจะบวชชีได้ยังไง”
“แม่ ไอ้เรื่องบวชชีนั่นมันก็แค่ข้ออ้าง ที่จะลาออกจากอีนายใจร้ายนั่นแต่มันจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะไปปักหลักอยู่ที่ไหนดี”
“ปักหลักอยู่ในป่าหรือว่าในวัง ถ้าใจเอ็งยังมืดมนโอนเอน เอ็งอยู่ที่ไหนก็คงไม่หายเบื่อสักแห่ง แม่ว่า เอ็งตัดสินใจใหม่ดีกว่า..ว่าจะไปทางไหน”
ช้อยโยนไม้กวาดออกไปโดยแรง ไม้กวาดไปตกเอาที่เท้าเปล่าคู่หนึ่ง เห็นชายผ้าเหลืองไวๆ มีเท้าเปล่าอีกคู่อยู่ด้านหลัง
เสียงคุ้นหูของพระหนักดังขั้น “มีปัญหาอะไรรึโยม”
แม่ชีตกใจ แต่ช้อยที่ยืนอยู่มองไปกลับตกใจมากกว่า
ช้อยถึงกับตาค้าง “พระ” แต่ไม่กล้าพูดต่อ จำหนักได้แม่น
“ก็พระน่ะสิ ยังไม่ก้มลงกราบขอโทษท่านอีกนางช้อย”
ช้อยยืนตัวสั่นก้าวขาไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ช้อยเห็นหนักกลายเป็นพระ นอกจากนี้ยังมีหมอเสน่ห์ยืนเป็นลูกศิษย์อยู่เบื้องหลัง ช้อยตกใจแทบช็อก!
“หมอเสน่ห์ ยังไม่ตาย”
หมอเสน่ห์เอ่ยขึ้น “หรือแกคิดว่าข้าเป็นผี” และจำนางช้อยใจชั่วได้ดี
“นางช้อยแกรู้จักลูกศิษย์พระนั่นรึ” แม่ของช้อยถาม
ช้อยส่ายหัวดิก
“ไม่ ไม่ ไม่อยู่แล้ว”
ช้อยหันกลับวิ่งเตลิดหนีออกไปอย่างว่องไว ปากร้องลั่น
“อีช้อย อยู่ไม่ไหวแล้ว”
แม่ชีแปลกใจ ก้มลงไหว้พระหนัก
“ฉันต้องขอโทษแทน ลูกสาวของฉันที่มันป้ำๆ เป๋อๆ มาสิบปีแล้วเจ้าค่ะ”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมน่ะโยม ปลงเสียเถิด อาตมากับลูกศิษย์ ไม่ใช่พระที่นี่ แต่ธุดงค์ผ่านมาพักแรม สักคืนสองคืน แล้วจะธุดงค์ต่อไป”
พูดจบพระหนักก็เดินไปจากที่นั่น มีหมอเสน่ห์ที่หน้าตาเสียโฉม เดินถือกลดตามหลัง
ช้อยแอบมองใจเต้นระรัวตัวสั่นเทา
“ไอ้หมอเสน่ห์มันไม่ตาย มันก็ต้องเอาเราตายแน่ แย่แล้ว จะหนีไปไหนดี พระรูปนั้น ใครกันนะ ดูคุ้นๆ แต่นึกไม่ออก”
ช้อยแอบมองอยู่อย่างนั้นไม่กล้าออกมา

พระหนักกับหมอเสน่ห์เดินพ้นวัดออกมาแล้ว สองคนเดินมาด้วยกัน
“นางช้อยมันมาทำอะไรที่นี่ นะ” หมอเสน่ห์สงสัย
“มาตามเวรตามกรรมของเขา ช่างเขาเถิด อาตมาปลงแล้วโยมเสน่ห์ก็ปลงเสียเถิด”
“หลวงพี่ปลง ผมปลง แต่นางนั่นมันจะปลงรึ มันมิแล่นไปฟ้องนายมันให้มาเล่นงานหลวงพี่กับผมรึ”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่าไปกังวลเลยนะโยม ไปธุดงค์กันต่อเถิด”
พระหนักเดินลิ่วไป หมอเสน่ห์ยังไม่วายมองไปรอบๆ ดูช้อย อย่างเป็นกังวล

วันต่อมา สองหนุ่มอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แดงน้อยหน้าเสียไป แต่ก็พยักหน้ารับที่เทิดศักดิ์บอก
“ตกลงกันจะช่วยสนับสนุนแกเรื่องน้องติ๋ว”
“ขอบใจมากเพื่อนรัก”
“แต่มีข้อแม้ว่า แกไม่ควรทำอะไรเกินเลยเพราะทั้งแกและน้องติ๋วยังเรียนไม่จบ”
“ตกลง กันเข้าใจ เอ้อ กันไม่ได้ให้แกช่วยฟรีๆ ดอกนะ กันยินดีตอบแทนแก ถ้าแกพึงพอใจใคร”
แดงน้อยเมินหน้าไปไม่ให้เทิดศักดิ์เห็นสีหน้า
“ขอบใจ แต่กันคงพึงใจใครยาก วันนี้เราพูดเรื่องของแกคนเดียวเถิดนะเรื่องของกันก็คืออยากกินอาหารฝีมือน้าเนียนของแกเต็มแก่แล้วเพื่อน”

สองหนุ่มน้อยหัวเราะให้กัน หยอกล้อเล่นไล่ชกกัน เทิดศักดิ์มีความสุข แต่แดงน้อยกล้ำกลืน

สองแม่ลูกอยู่ด้วยกันตรงมุมหนึ่งบนเรือนคุณนายทองจันทร์ เนื้อทองกำลังช่วยเนียนจัดดอกไม้ เนียนเลียบเคียงถามเรื่องเพื่อนของเทิดศักดิ์

“หนูติ๋ว เมื่อไหร่คุณเทิดศักดิ์จะพาเพื่อนมากินข้าวที่นี่สักที”
“แม่เนียนสนใจเพื่อนคนนี้ของคุณเทิดศักดิ์จริงๆ นะจ้ะ”
“คุณเทิดศักดิ์เธอเป็นคนดีมีน้ำใจกับแม่และหนูติ๋ว แม่ต้องตอบแทนน้ำใจของเธอ เอ้อ... เพื่อนของคุณเทิดศักดิ์คนนี้ เขาเขา ชอบกินอะไรจ๊ะ...”
“แม่เนียนจ๋า นี่แม่เนียนอยากเจอเขาจริงๆ ด้วย” เนื้อทองตื่นเต้น
“แม่อยากตอบแทนคุณเทิดศักดิ์ ต่างหาก”
“แม่เนียน ว่าเขาชื่อแปลกไหมจ๊ะ คนอะไรชื่อจริงว่าแดงน้อย ใครน้อช่างตั้งชื่อให้เขา แม่เขาหรือเปล่านะ”
ขณะพูดถึงแดงน้อย ดวงตาของเนื้อทองแจ่มใสแวววาว ทำเอาเนียนใจหล่นวูบ
“หนูติ๋ว นี่นี่ หนู หนูสนใจเขาใช่ไหมจ๊ะ”
เนื้อทองเขินอาย ก้มหน้าไม่กล้าสบตาตอบหลบตาแม่ เนียนใจหายวับ เพราะถ้าใช่แดงน้อยลูกของเนียน ก็แปลว่าเด็กสองคนเป็นลูกตนทั้งคู่ และเป็นพี่น้องกันจะมาชอบพอกันไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่นะ หนูติ๋ว ไม่ได้นะ แม่ห้ามเด็ดขาด” เนียนเผลอดุแรงๆ เสียงเข้ม
เนื้อทองตกใจเสียงแม่
“หนูทำอะไรผิดหรือ ทำไมแม่เนียนโกรธหนู แม่เนียนไม่เคยดุหนูแรงอย่างนี้มาก่อน”
เนียนรู้สึกตัว
“แม่กลัวว่าลูกจะทำอะไรไม่เหมาะสมในวัยเรียนจ้ะ แม่ไม่ได้ตั้งใจดุหนู”
“แม่เนียนจ๋า ว่าหนูรู้ว่าหนูต้องเรียนหนังสือ หนูไม่ทำเสียหายดอกจ้ะ อย่าโกรธหนูเลยจ้ะ หนูขอโทษที่ชื่นชมพี่แดงน้อยมากเกินไป”
เนื้อทองทำท่าจะร้องไห้เนียนเสียใจที่เผลอไปดุลูก จึงดึงลูกมากอด
“แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษหนู แม่เสียใจแม่เจ็บที่หัวใจที่เผลอไปดุลูก สาเหตุเพราะแม่ห่วงลูกมากเกินไป ยกโทษให้แม่นะลูก”
“แม่อย่าพูดให้หนูบาปสิจ้ะ แม่ไม่เคยผิด แม่รักหนู แม่ทำทุกอย่างเพื่อหนู หนูสัญญาจ้ะว่าหนูจะไม่คิดอะไรกับใครทั้งนั้น”
เทิดศักดิ์เดินเข้ามาหาสองคน ส่งสายตาออดอ้อนลึกซึ้งมายังเนื้อทอง เนียนมองแล้วให้หวั่นไหวอ่อนอกอ่อนใจ
“น้าเนียนครับ น้องติ๋วจ้ะ”

วันต่อมาทานตะวันกับสนคุยกันอยู่บนเรือนของสน ทานตะวันใส่ร้ายป้ายสีเนื้อทองกับเนียนเต็มที่
“แม่สนกำลังจะได้ลูกสะใภ้เป็นบ่าวรับใช้ในบ้านแล้วนะคะ”
“ไฮ้ หนูอี๊ดอย่ามาล้อแม่สนเล่นสิคะ สะภ้งสะไภ้บ่าวอะไรกันหรือ”
“ก็อีติ๋วไงคะ มันเจริญรอยตามแม่มัน มัน มันหว่านเสน่ห์ใส่พี่เทิดศักดิ์จนหลงรักหัวปักหัวปำค่ะ”
สนปรี๊ดแตกทันที
“ว้าย ไม่ได้ แม่สนไม่ยอม แม่สนไม่ยอมให้มีเรื่องชั่วๆ นี่เกิดขึ้นเด็ดขาดแม่สนจะไปจัดการอีเด็กนั่นกับแม่มัน”
เทิดศักดิ์กลับมาพอดี
“คุณแม่สนกับน้องอี๊ด กำลังซ้อมออกงิ้วจะไปแสดงที่ไหนหรือครับ” เทิดศักดิ์เหน็บแนม
“เทิดศักดิ์อย่ามาล้อแม่เล่นนะ เราทำอะไรแย่ๆ ลงไปรู้ตัวบ้างหรือไม่”
เทิดศักดิ์งวยงง
“ผมเรียนวิชาปกครองได้คะแนนเป็นที่สองนี่ผมทำอะไรแย่ๆ หรือครับ”
ทานตะวันกระซิบ เพราะรู้ว่าเทิดศักดิ์เอาตา เพราะรู้ทันตนแน่
“แม่สนขา” ทานตะวันกระซิบ “ใจเย็นๆ ค่ะ อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า พี่เทิดศักดิ์เขาไม่รู้ตัวดอกค่ะว่าโดนเสน่ห์ยาแฝด”
สนชะงักไป
“ผมกลับบ้านมาทั้งที่ แทนทีคุณแม่สนจะดีใจ ทำไมตีหน้ายักษ์ใส่ผม หรือว่ามีใครมาใส่ใคล้ใส่ความผมไว้” เทิดศักดิ์รู้ทันทานตะวัน
“อย่ามาว่าหนูอี๊ดนะ เทิดศักดิ์ ตัวเป็นลูกแท้ๆ ยังไม่รักแม่เท่าหนูอี๊ด”
“คุณแม่”
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ ช้อยก็ผวามากราบแทบเท้าสน
“คุณสนเจ้าขา ช้อยกลับมาตายรังแล้วเจ้าค่ะ”
“ช้อย” สนดีใจ
ทานตะวันแปลกใจ “ช้อย รึ”
เทิดศักดิ์ด่าออกมา “ยัยช้อยปากปลาหมอ”
ช้อยสะดุ้งโหยง สนมองหน้าทานตะวัน เด็กสาวมองหน้าเป็นเชิงถาม สนพยักหน้าให้
“ชั้นดีใจที่แกกลับมา ทุกอย่างสำหรับแก ยังคงเป็นเช่นเดิม”
“ยังคงก่อให้เกิดเหตุร้ายเป็นระยะน่ะไม่ว่า อย่าทีเดียวนะยัยช้อย ตอนนี้ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนในบ้านนี้อีกเด็ดขาด”
เทิดศักดิ์ประกาศกร้าว แล้วเดินหนีไปทันที ไม่พอใจที่ช้อยกลับมา
ขณะที่เนื้อทองกำลังตัดดอกไม้อยู่ในสวนหลังบ้าน จะเอาไปปักแจกัน แต่ถูกหนามกุหลาบตำมือเอา
“อุ๊ย”
เนื้อทองเอามือมาดู เห็นเลือดไหลออกมาซิบๆ แต่กลับมีมือใครคนหนึ่งมาจับมือเนื้อทองไว้ พร้อมด้วยผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือด ที่ไหลซิบๆ
“ไม่เป็นไรนะครับ น้องติ๋ว” ที่แท้เป็นเทิดศักดิ์
เนื้อทองตกใจมาก ไม่เคยโดนผู้ชายจับมือ
“คุณเทิดศักดิ์”
เนื้อทองทำอะไรไม่ถูก พยายามชักมือหนี แต่เทิดศักดิ์ฝืนไว้ ซับเลือดให้ต่อ
“พี่จะซับเลือดให้นะจ๊ะ”
แต่เทิดศักดิ์กลับกุมมือเนื้อทองเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย
เนียนเดินเข้าสวนมาชะงักใจหายวับ
“คุณเทิดศักดิ์ หนูติ๋ว โธ่ อะไรกันอีกเล่า ไม่นะ ไม่ได้นะ”
สนเดินเข้ามากระชากบ่าเนียน
“ดีใจสมใจละสิ ที่ลูกของแกจะไต่เต้ามาเป็นลูกสะไภ้ฉัน”
เนียนตกใจ “คุณสน”
“ฉันกลับมายืนข้างคุณสนแล้ว อะไรๆ ที่แกคิดทำอยู่มันคงไม่ง่ายดอกนะ เนียน” นางช้อยคนชั่วเยาะ
พูดจบสนเดินตรงไปที่เนื้อทองกับเทิดศักดิ์ มีช้อยตามไปติดๆ เนียนรีบตามไป

เนื้อทองพยายามดึงมือออกจากการจับกุมของเทิดศักดิ์ สนปราดเข้ามากระชากแขนเนื้อทองเหวี่ยงลงไปที่พื้นสุดแรง
“แกจงใจยั่วยวนลูกฉัน แกกับแม่แกก็แพศยาเหมือนกัน”
“คุณแม่” เทิดศักดิ์ผวาไปกางแขนกั้นเนื้อทองไว้ “คุณแม่ทำเกินไป คุณแม่ดูถูกน้ำใจของทั้งผมและน้องติ๋ว”
“แกหลงเสน่ห์มัน ผู้หญิงสองคนแม่ลูกนี่ไร้ยางอาย” สนด่ากราด
เนียนรีบประคองเนื้อทองที่ตื่นตกใจจนร้องไห้ ให้ลุกขึ้น
เทิดศักดิ์ดึงแขนสนออกไป พลางกล่าวขอโทษเนียนกับเนื้อทอง
“น้าเนียน น้องติ๋ว ผมขอโทษ คุณแม่สน กลับบ้านไปกับผม ถ้าไม่ฟังกันผมจะไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้อีก ยัยช้อย แกเหยียบบ้านฉันไม่ทันถึงชั่วโมงก็เกิดเหตุร้าย แกมันตัวเสนียดตัวจริง”
“ว้าย” ช้อยตกใจ
“ไปนะไปให้พ้น อย่ามาให้เห็นหน้าอีก”
ช้อยวิ่งเตลิดหนีไป สนสะบัดมือเทิดศักดิ์แล้วเดินหนีไป

เนียนประคองลูกสาวเดินออกไป สองแม่ลูกน้ำตาไหลพราก

โปรดติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น