ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สัปดาห์ก่อนมีเรื่องการทุจริตโกงสอบ “บุคลากรทางการศึกษา” ขึ้นมาอีก เมื่อนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิชรมช.ศึกษาธิการ หอบเอกสารพร้อมข้อมูลปึกใหญ่ ไปให้ถึงมือนายธาริต เพ็งดิษฐ เลขาธิการคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตการสอบคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
ขณะที่นายธาริต ก็ส่งไม้ต่อให้นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษเร่งดำเนินการสืบสวนโดยเร็ว และจะรายงานผลให้นายเสริมศักดิ์ทราบภายใน 15 วัน คาดไว้ว่าจะเป็นวันที่ 18 มี.ค.
แถมนายเสริมศักดิ์ ยังประกาศกร้าวว่า “ผมจะทำให้แผ่นดินกระทรวงศึกษามันสูงขึ้น”
ประเด็นเรื่องนี้เกิดขึ้นจากกรณีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 จำนวน 2,000 อัตรา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับมีเหตุไม่ชอบมาพากล
โดยเฉพาะกรณีรายชื่อผู้สอบเดียวกันสอบติดสองแห่ง ซึ่งกรณีนี้ปรากฎอยู่ในหลายเขตพื้นที่การศึกษา ดังนั้นนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ จึงลงนามตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธานฯ ตรวจสอบ
ขณะที่ ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบความไม่ชอบมาพากลใน 3 เรื่อง ได้แก่
1.การนำข้อสอบและคำเฉลยออกมาจำหน่ายล่วงหน้า
2.การใช้เครื่องมือสื่อสารทุจริตในขณะสอบ
3.การให้บุคคลอื่นเข้ามาสอบแทนในสถานที่จัดสอบ 2-3 แห่ง
ยังพบว่า การทุจริตดังกล่าวมีลักษณะเป็นขบวนการ คล้ายการทุจริตสอบบรรจุข้าราชการตำรวจ ซึ่งเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่ข้าราชการ ศธ.จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการทุจริตครั้งนี้ด้วย
นายเสริมศักดิ์ ยังบอกว่า อาจจะพิจารณายกเลิกการจัดสอบที่ผ่านมา และให้จัดสอบใหม่ โดยจะเสนอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) จากวันที่ 13 มี.ค.นี้ออกไปก่อน
เป็นสิ้นเดือนมีนาคม เพราะต้องการรอรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วน
เขาย้ำว่า เบื้องต้นจะนำผลการสอบของดีเอสไอมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจอีกครั้ง เพราะข้อมูลที่ ตรวจสอบโดยกระทรวงและข้อมูลที่ได้รับจากการร้องเรียน พบว่ามีการเรียกเก็บเงินผู้เข้าสอบรวม 500,000 บาทต่อราย มีการติวเตอร์ด้วยการนำกระดาษคำตอบมาเฉลยให้ทราบล่วงหน้าก่อนสอบ 1 วัน มีการส่งสัญญาณมือถือระบบสั่น เช่น สั่น 1 ครั้งตอบข้อ ก. สั่น 2 ครั้งตอบข้อ 2 โดยทั้งหมดนี้เป็นขบวนการโกงสอบ
นายเสริมศักดิ์ ยอมรับว่า น่าจะมีการทุจริตมาจากส่วนกลางอย่างแน่นอน เพราะการสอบครั้งเดียวมีผู้ได้คะแนนเต็มเท่ากันถึง 486 คน ยังพบว่าในจำนวนนี้กระจายตัวอยู่ใน 60 จังหวัด และเชื่อว่าในจังหวัดทั้งหมดนี้ อาจจะมีการขายข้อสอบ หรือมีการรั่วไหลของข้อสอบไปถึงมือผู้สอบ
ส่วนกระแสการยกเลิกการสอบนั้น ก่อนหน้านี้นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เกรงว่าหากมีการยกเลิกการสอบไป อาจจะถูกฟ้องร้องได้
ล่าสุดมีข่าวแว่วว่า เรื่องนี้ไปถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเชื่อว่าการสอบครั้งนี้ต้องยกเลิกแน่นอน เหมือนกับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศยกเลิกการสอบนายสิบตำรวจ 1 หมื่นอัตราไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
วันนี้นายเสริมศักดิ์ จึงประกาศชัดเจนว่า จะประกาศยกเลิกการสอบบรรจุ แม้ว่าจะมีการประกาศผลและเรียกบรรจุไปแล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ที่เข้าสอบทุกคน
โดยเห็นว่าจะต้องยกเลิกการสอบทั้งประเทศ
“ผมยอมที่จะถูกฟ้องเพราะถือว่าเป็นการสอบที่มีการทุจริต หากปล่อยให้มีการบรรจุก็จะเกิดการโกงทั้งแผ่นดิน”อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยและปลัดมหาดไทยย้ำถึงเรื่องนี้
ดังนั้น เรื่องนี้จึงลามไปถึงการสอบบรรจุครูผู้ช่วยทั่วไป ประจำปีการศึกษา 2556 ในเดือนเมษายนนี้ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ใหม่ ที่เขาคาดว่า หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งก็อาจจะให้เป็นผู้จัดสอบเอง
ส่วนการสอบสอบบรรจุครูผู้ช่วย สอบใหญ่ประจำปี 2556 อาจจะต้องเลื่อนสอบไปก่อน โดยรอผลสอบทั้งหมดจาดดีเอสไอ แถมด้วยหาร อาจจะต้องเลื่อนการสอบบรรจุข้าราชการครูทั่วไป “ครูผู้ช่วย ครู สพฐ ครูกทม.” ในเดือน เม.ย.นี้ไปด้วย
ที่สำคัญเขาย้ำว่า “ไม่ควรจะให้ สพฐ.เป็นผู้ออกข้อสอบและดำเนินการส่งมอบข้อสอบ เพราะจะทำให้ข้อสอบเกิดการรั่วไหล โดยเห็นด้วยที่จะให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบ”
หวยก็เลยไปตกที่ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ที่จะต้องเดินทางไปชี้แจกเรื่องนี้กลับดีเอสไอด้วยเช่นกัน
ขณะที่ ดีเอสไอ พร้อมชุดสอบสวน กำลังลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.นครปฐม และจังหวัดต่างๆ ที่มีการเปิดสอบครูผู้ช่วย เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานให้ชัดเจนทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น
โดยล่าสุดมีการกำหนดแนวทางในการสืบสวนไว้2 ประเด็น คือ 1.การสอบเมื่อวันที่ 13ม.ค.2556 มีการทุจริตจริงหรือไม่ 2.การทุจริต มีใครเป็นผู้กระทำความผิด และการกระทำความผิดดังกล่าวอาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ดีเอสไอ ยังฟันธงไปว่า มีการดำเนินการทุจริตเป็นขบวนการ อย่างน้อย 3 รูปแบบ คือ 1.ให้บุคคลอื่นเข้าสอบแทน 2.นำข้อสอบออกมาและเฉลยข้อสอบ และให้นำไปท่องจำเข้าไปสอบ และ3.การนำเครื่องมือสื่อสารเข้าไปในห้องสอบ
เพราะได้พบพยานหลักฐานสำคัญ ได้แก่ เครื่องโทรศัพท์ที่ใช้ในการสอบ กระดาษคำตอบที่นำเข้าไปลอกในห้องสอบ และได้สอบปากคำพยานบุคคลอีกหลายปาก ทำให้อาจจะต้องเสนอให้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากความผิดดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ
ย้อนไปไปดูว่า ครูผู้ช่วยมีความสำคัญเยี่ยงใด! หากคนคงไม่รู้ว่า ครูผู้ช่วย มีความเป็นมายังไง ทำไมถึงจะต้องโกงกันมโหฬาร เริ่มจากข้อสอบของครูผู้ช่วย จะประกอบไปด้วย
ภาค ก ความรอบรู้และความสามารถทั่วไป ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฏิบัติของวิชาชีพครู และความถนัดและเจตคติต่อวิชาชีพครู
ภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง
สพฐ.จะกำหนดระยะเวลาทุกปีช่วงเดือนเมษายน เริ่มมาได้หลายปีแล้ว หลังจากยกเลิกระบบเดิม
ขณะที่รายได้ของครูผู้ช่วย ตามพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉ.2)2545
โดยครูปัจจุบันมีครูผู้ช่วย กับ ครูวิทยฐานะที่แบ่งเป็น ครูชำนาญการ ครูชำนาญการพิเศษ ครูเชี่ยวชาญ ครูเชี่ยวชาญพิเศษ
ครูที่ได้รับการบรรจุใหม่ จะมีชื่อเรียกว่า ครูผู้ช่วย ที่จะต้องผ่านการประเมินอย่างเข้ม 8 ครั้งคือระยะเวลาที่ทดลองงานจำนวน 2 ปี ประเมินทุกๆ3เดือนทั้งด้านการเรียนการสอน คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ มาตรฐานวิชาชีพครู
พอผ่านการทดลองงานก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นครู ค.ศ. 1
เงินเดือนที่ได้ บรรจุ ปริญญาตรี 7,940 บาท ค่าครองชีพ 1,500 บาท โดยรวมไม่เกิน 11,700 บาท แถมยังมีความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ตามระบบใหม่ที่ผ่านการทดลองงาน
หากครูขยันเรียนต่อ ที่ภาษาราชการเขาเรียกกันว่า ทำวุฒิๆตาม รามคำแหง ราชภัฎหรือจากต่างประเทศ ก็จะมีอัตราที่ก้าวหน้าเพิ่มขึ้น ตรงนี้คงไม่พูดถึงเพราะคำนวณยาก
แถมถ้าคุณมีวุฒิ ปริญญาเอก ก็สามารถทำผลงาน เพื่อเข้าวิทยฐานะ ครูชำนาญการได้เลย
ตรงนี้ มาดูอัตราเงินเดือนของครู แบบใหม่ เช่นครูชำนาญการ(ค.ศ.2) จะมีเงินวิทยฐานะ คูณให้เพิ่มจากเงินเดือน 3,500 บาท ครูชำนาญการพิเศษ(ค.ศ.3) 5,600 บาท ครูเชี่ยวชาญ (ค.ศ.4) 9,900 บาท ได้เครื่องราช ชั้น สายสะพาย เทียบเท่า ซี 9 ของข้าราชการอื่น
ครูเชี่ยวชาญพิเศษ (ค.ศ.5) จะมีอัตราเงินเดือนเริ่มที่ 13,000 บาท ตั้งแต่วิทยะฐานะชำนาญการพิเศษหรือค.ศ.3 ถึง ค.ศ.5 เงินวิทยะฐานะจะคูณ 2 เช่น ค.ศ.3 เงินวิทยฐานะ5600 บาท คูณ 2 จะได้เงินเดือนเท่ากับ 11,200 บาท ค.ศ.4 เงินวิทยฐานะ9,900 บาท คูณ 2 = 19,800 บาท ค.ศ.5 เงินวิทยฐานะ13,000 คูณ 2 = 26,000 บาท
แถมสิทธิรักษาพยาบาลฟรี รวมถึงพ่อแม่ ลูกที่ใช้สิทธิ ได้ 3 คน เบิกค่าเทอมได้จนจบปริญญาตรี รวมแล้วเป็น 7 คน
สมัยนี้เป็นครูสบาย! ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ถ้ามีหนี้สินล้นพ้นตัวก็อีกอย่างหนึ่ง แถมรัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ ยังเสนอยังมีการลดเวลาเรียน ลดการบ้าน ให้กับเด็กอีก
ต้องดูว่า ที่นายเสริมศักดิ์ ประกาศกร้าวว่า “ผมจะทำให้แผ่นดินกระทรวงศึกษามันสูงขึ้น” จะมีรูปแบบอออกมาอย่างไร!