ดีเอสไอ บุก สพฐ.ขอข้อมูลและสอบปากคำ เหตุทุจริตสอบครูผู้ช่วย อึ้ง! พบผู้สอบผ่านคัดเลือกกว่า 400 คน คะแนนเกินร้อยละ 90 เตรียมคัดกรองเลือกเรียกมาสอบปากคำเป็นรายบุคคล ก่อนสรุปข้อมูลให้ “เสริมศักดิ์” 18 มี.ค. ด้าน “พงศ์เทพ” ยันไม่มีมวยล้ม ระบุหลักฐานชัดเจนล้มไม่ได้
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนพิเศษ ประมาณ 10 คน เข้าขอข้อมูลและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ สพฐ.ซึ่งรับผิดชอบการจัดสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว 12 โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และเจ้าหน้าที่ สพฐ.ประมาณ 5 คนเข้าให้ปากคำและนำเอกสารต่างๆ มาชี้แจง ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 3 ชั่วโมง
โดย นายธานินทร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ว่า ดีเอสไอจะนำเอกสารต่างๆ ที่ได้กลับไปตรวจสอบว่า เอกสารเหล่านี้มีกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเอกสารที่ได้รับในวันนี้มีจำนวนมาก ทำให้พนักงานสอบสวนต้องขอกลับไปรวบรวมเอกสารก่อน อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ดีเอสไอจะต้องดำเนินการมี 2 ประเด็น คือ 1.ต้องชี้ได้ว่ากรณีดังกล่าวมีการทุจริตจริงหรือไม่เพื่อให้ ศธ.พิจารณาว่าควรยกเลิกผลสอบบางจุดหรือยกเลิกทั้งหมด โดยจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 18 มีนาคมนี้ เพื่อสรุปเบื้องต้นให้ ศธ.นำไปพิจารณาว่าจำเป็นต้องยกเลิกการสอบครูผู้ช่วยทั้งหมด หรือยกเลิกบางเขตพื้นที่ 2.ผู้กระทำผิดมีกระบวนการและใครบ้าง และเมื่อได้หลักฐานพอสมควรแล้วจะนำเสนอ คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษเพื่อบรรจุให้กรณีทุจริตนี้เป็นคดีพิเศษ จะทำให้มีอำนาจสอบสวนเต็มที่เพื่อจะได้หาผู้กระทำผิดมาลงโทษทางกฎหมายได้
ทั้งนี้ ข้อมูลการวิเคราะห์ผลคะแนนของ สพฐ.พบว่า คะแนนของผู้ผ่านการคัดเลือกสูงผิดปกติ โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกที่ทำคะแนนได้สูงถึงร้อยละ 90-100 ประมาณ 400 คน ขณะที่คะแนนเฉลี่ยของผู้เข้าสอบคราวนี้จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 80 โดยในกลุ่มนี้มีผู้ที่คะแนนสูงผิดปกติประมาณ 100 คน ดังนั้นพนักงานสอบสวนอาจจะต้องประเมินว่า คะแนนที่สูงผิดปกตินั้น ส่อพิรุธหรือไม่ และอาจคัดกรองพร้อมเชิญผู้เข้าสอบผู้ที่มีคะแนนสูงผิดปกติมาสอบปากคำเป็นรายคน อย่างไรก็ตามกลุ่มที่คะแนนสูงผิดปกติอาจมีส่วนในการทุจริตครั้งนี้แต่ก็ต้อง ตรวจสอบก่อนเพราะบางคนที่เก่งก็อาจจะสอบได้คะแนนสูงและทั้งหมดต้องขึ้นกับพยานหลักฐาน
“ตอนนี้พนักงานสอบสวนมีหลักฐานเบื้องต้นจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ แต่งตั้งมอบให้และยังมีพยานหลักฐาน เครื่องมือสื่อสาร โพยคำตอบต่างๆ ที่นำเข้าห้องสอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบว่ามีการใช้เครืองมือสื่อสารจริงหรือไม่ และโพยคำตอบที่มีอยู่ตรงตรงกับคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นการชี้ชัดว่า มีการทุจริตในการจัดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย ซึ่งข้อมูลที่ได้ในวันนี้ถือเป็นประโยชน์มากจะทำให้สามารถตี วงแคบมากขึ้นในการหาตัวผู้ทุจริต ซึ่งอาจจะไม่ได้ตีวงกว้างทั่วประเทศอาจจะมีเฉพาะจุด และจะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะตรวจสอบ ซึ่งในวันที่ 18 มีนาคม จะสามารถสรุปผลเบื้องต้นว่ากลุ่มที่กระทำความผิดมีใครบ้างและต้อง ดำเนินการอย่างไรต่อ” ผอ.ศูนย์ป้องกันฯ กล่าวและว่า ทั้งนี้ ดีเอสไอจะทำหนังสือถึง รมช.ศึกษาธิการ เพื่อขอนำกระดาษคำตอบที่มีการอายัดไว้มาเปรียบเทียบกับโพยเฉลยข้อสอบ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่ได้มา เพื่อดูว่ากระดาษคำตอบตรงกับโพยเฉลยคำตอบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถสรุปได้เลยหรือไม่ในเวลานี้ว่าข้อสอบครูผู้ช่วยรั่วในขั้นตอนใด นายธานินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงจะตอบยาก เพราะทุกๆ จุดมีช่องโหว่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบริษัทที่ทำข้อสอบ หน่วยงานที่ส่งข้อสอบ คณะกรรมการรับข้อสอบ รวมถึงคณะกรรมการเปิดข้อสอบ ฉะนั้นพนักงานสอบสวนต้องแยกเป็นประเด็นและต้องดูว่าตรงไหนมีจุดโหว่มากที่สุด
ด้าน นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบขณะนี้ พบผู้สอบกลุ่มที่มีคะแนนสูงผิดปกติ จำนวน 486 คน กระจายตัวใน 60 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ก่อนเลยว่า ผู้สอบกลุ่มนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทุจริตการสอบ โดยเฉพาะกรณีข้อสอบรั่วที่ทำให้ผู้สอบบางคนมีคะแนนสูงจนผิดปกติ อย่างไรก็ตาม กรณีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศธ.จะนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) นัดพิเศษ วันที่ 13 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาว่าจะยกเลิก หรือไม่ยกเลิกผลการสอบสอบคัดเลือกฯนั้น เรื่องนี้ตนจะคุยกับ รมว.ศธ.ขอให้เลื่อนการประชุม ก.ค.ศ.ไปเป็นช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ เพื่อรอผลการตรวจสอบจากฝ่ายต่างๆ ได้สรุปก่อน
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า การสอบสวนกรณีทุจริตจัดสอบครูผู้ช่วยนั้น ไม่มีมวยล้มอย่างเด็ดขาด เพราะหลักฐานค่อนข้างชัดเจน อย่างข้อมูลวิเคราะห์ผลคะแนนของผู้เข้าสอบเห็นได้ชัดว่าผิดปกติ โดยปกติผู้ที่ได้คะแนนต่ำและสูงมากจะมีจำนวนน้อย แต่จะไปโป่งในช่วงคะแนนกลางๆ แต่กราฟคะแนนผู้เข้าสอบครูผู้ช่วยกลับไปโป่งตรงคะแนนสูงๆ อีกช่วง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ทีมงานของดีเอสไอเข้ามา ขอสอบปากคำจากเจ้าหน้าที่ของ สพฐ.ซึ่งตนได้ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนให้ความร่วมมือกับทางดีเอสไออย่างเต็มที่ รวมถึงเตรียมเอกสารข้อมูล 4 ส่วน ไว้ให้ตามที่ทางดีเอสไอ ได้ขอมา คือ 1.หลักเกณฑ์และวิธีการ ในการสอบคัดเลือก 2.จำนวนเขตพื้นที่และรายชื่อเขตพื้นที่ 3 จำนวนผู้เข้าสอบ ผลการสอบ รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก และ 4 วิธีการจัดส่ง การเก็บข้อสอบ และการประกาศผลสอบ อย่างไรก็ตามที่ นายเสริมศักดิ์ จะขอให้มีการเลื่อนการประชุม ก.ค.ศ.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 มีนาคมนี้ออกไป เพื่อรอผลการสอบสวนจากดีเอสไอก่อนนั้น ต้องแล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนตนเองนั้นขณะนี้ทางดีเอสไอยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาสอบปากคำ แต่ถ้าติดต่อเข้ามาก็พร้อมให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ หากมีการเลื่อนสอบครูผู้ช่วยออกไปจะมีผลกระทบอะไรในภาพรวมหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นประเด็นเชิงนโยบาย ซึ่งทาง ศธ.คงจะพิจารณาทางออกที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงความสุจริต ถูกต้องโปร่งในเป็นประการสำคัญ ดังนั้นทาง ศธ.จึงจำเป็นต้องวางมาตรการป้องกันการทุจริตไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต ส่วนข้อสงสัยที่ว่ามีคนใน สพฐ.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ตนคิดว่าเอาหลักพยานมาพูดกันดีกว่า เพราะการตั้งข้อสงสัยและไปวิจารณ์เกินเลยไป ก็ไม่ส่งผลดี ควรจะทำให้ทุกอย่างมีความกระจ่างชัด ด้วยพยานหลักฐานจะดีที่สุด
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนพิเศษ ประมาณ 10 คน เข้าขอข้อมูลและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ สพฐ.ซึ่งรับผิดชอบการจัดสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว 12 โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และเจ้าหน้าที่ สพฐ.ประมาณ 5 คนเข้าให้ปากคำและนำเอกสารต่างๆ มาชี้แจง ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 3 ชั่วโมง
โดย นายธานินทร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ว่า ดีเอสไอจะนำเอกสารต่างๆ ที่ได้กลับไปตรวจสอบว่า เอกสารเหล่านี้มีกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเอกสารที่ได้รับในวันนี้มีจำนวนมาก ทำให้พนักงานสอบสวนต้องขอกลับไปรวบรวมเอกสารก่อน อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ดีเอสไอจะต้องดำเนินการมี 2 ประเด็น คือ 1.ต้องชี้ได้ว่ากรณีดังกล่าวมีการทุจริตจริงหรือไม่เพื่อให้ ศธ.พิจารณาว่าควรยกเลิกผลสอบบางจุดหรือยกเลิกทั้งหมด โดยจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 18 มีนาคมนี้ เพื่อสรุปเบื้องต้นให้ ศธ.นำไปพิจารณาว่าจำเป็นต้องยกเลิกการสอบครูผู้ช่วยทั้งหมด หรือยกเลิกบางเขตพื้นที่ 2.ผู้กระทำผิดมีกระบวนการและใครบ้าง และเมื่อได้หลักฐานพอสมควรแล้วจะนำเสนอ คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษเพื่อบรรจุให้กรณีทุจริตนี้เป็นคดีพิเศษ จะทำให้มีอำนาจสอบสวนเต็มที่เพื่อจะได้หาผู้กระทำผิดมาลงโทษทางกฎหมายได้
ทั้งนี้ ข้อมูลการวิเคราะห์ผลคะแนนของ สพฐ.พบว่า คะแนนของผู้ผ่านการคัดเลือกสูงผิดปกติ โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกที่ทำคะแนนได้สูงถึงร้อยละ 90-100 ประมาณ 400 คน ขณะที่คะแนนเฉลี่ยของผู้เข้าสอบคราวนี้จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 80 โดยในกลุ่มนี้มีผู้ที่คะแนนสูงผิดปกติประมาณ 100 คน ดังนั้นพนักงานสอบสวนอาจจะต้องประเมินว่า คะแนนที่สูงผิดปกตินั้น ส่อพิรุธหรือไม่ และอาจคัดกรองพร้อมเชิญผู้เข้าสอบผู้ที่มีคะแนนสูงผิดปกติมาสอบปากคำเป็นรายคน อย่างไรก็ตามกลุ่มที่คะแนนสูงผิดปกติอาจมีส่วนในการทุจริตครั้งนี้แต่ก็ต้อง ตรวจสอบก่อนเพราะบางคนที่เก่งก็อาจจะสอบได้คะแนนสูงและทั้งหมดต้องขึ้นกับพยานหลักฐาน
“ตอนนี้พนักงานสอบสวนมีหลักฐานเบื้องต้นจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ แต่งตั้งมอบให้และยังมีพยานหลักฐาน เครื่องมือสื่อสาร โพยคำตอบต่างๆ ที่นำเข้าห้องสอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบว่ามีการใช้เครืองมือสื่อสารจริงหรือไม่ และโพยคำตอบที่มีอยู่ตรงตรงกับคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นการชี้ชัดว่า มีการทุจริตในการจัดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย ซึ่งข้อมูลที่ได้ในวันนี้ถือเป็นประโยชน์มากจะทำให้สามารถตี วงแคบมากขึ้นในการหาตัวผู้ทุจริต ซึ่งอาจจะไม่ได้ตีวงกว้างทั่วประเทศอาจจะมีเฉพาะจุด และจะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะตรวจสอบ ซึ่งในวันที่ 18 มีนาคม จะสามารถสรุปผลเบื้องต้นว่ากลุ่มที่กระทำความผิดมีใครบ้างและต้อง ดำเนินการอย่างไรต่อ” ผอ.ศูนย์ป้องกันฯ กล่าวและว่า ทั้งนี้ ดีเอสไอจะทำหนังสือถึง รมช.ศึกษาธิการ เพื่อขอนำกระดาษคำตอบที่มีการอายัดไว้มาเปรียบเทียบกับโพยเฉลยข้อสอบ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่ได้มา เพื่อดูว่ากระดาษคำตอบตรงกับโพยเฉลยคำตอบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถสรุปได้เลยหรือไม่ในเวลานี้ว่าข้อสอบครูผู้ช่วยรั่วในขั้นตอนใด นายธานินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงจะตอบยาก เพราะทุกๆ จุดมีช่องโหว่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบริษัทที่ทำข้อสอบ หน่วยงานที่ส่งข้อสอบ คณะกรรมการรับข้อสอบ รวมถึงคณะกรรมการเปิดข้อสอบ ฉะนั้นพนักงานสอบสวนต้องแยกเป็นประเด็นและต้องดูว่าตรงไหนมีจุดโหว่มากที่สุด
ด้าน นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบขณะนี้ พบผู้สอบกลุ่มที่มีคะแนนสูงผิดปกติ จำนวน 486 คน กระจายตัวใน 60 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ก่อนเลยว่า ผู้สอบกลุ่มนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทุจริตการสอบ โดยเฉพาะกรณีข้อสอบรั่วที่ทำให้ผู้สอบบางคนมีคะแนนสูงจนผิดปกติ อย่างไรก็ตาม กรณีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศธ.จะนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) นัดพิเศษ วันที่ 13 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาว่าจะยกเลิก หรือไม่ยกเลิกผลการสอบสอบคัดเลือกฯนั้น เรื่องนี้ตนจะคุยกับ รมว.ศธ.ขอให้เลื่อนการประชุม ก.ค.ศ.ไปเป็นช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ เพื่อรอผลการตรวจสอบจากฝ่ายต่างๆ ได้สรุปก่อน
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า การสอบสวนกรณีทุจริตจัดสอบครูผู้ช่วยนั้น ไม่มีมวยล้มอย่างเด็ดขาด เพราะหลักฐานค่อนข้างชัดเจน อย่างข้อมูลวิเคราะห์ผลคะแนนของผู้เข้าสอบเห็นได้ชัดว่าผิดปกติ โดยปกติผู้ที่ได้คะแนนต่ำและสูงมากจะมีจำนวนน้อย แต่จะไปโป่งในช่วงคะแนนกลางๆ แต่กราฟคะแนนผู้เข้าสอบครูผู้ช่วยกลับไปโป่งตรงคะแนนสูงๆ อีกช่วง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ทีมงานของดีเอสไอเข้ามา ขอสอบปากคำจากเจ้าหน้าที่ของ สพฐ.ซึ่งตนได้ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนให้ความร่วมมือกับทางดีเอสไออย่างเต็มที่ รวมถึงเตรียมเอกสารข้อมูล 4 ส่วน ไว้ให้ตามที่ทางดีเอสไอ ได้ขอมา คือ 1.หลักเกณฑ์และวิธีการ ในการสอบคัดเลือก 2.จำนวนเขตพื้นที่และรายชื่อเขตพื้นที่ 3 จำนวนผู้เข้าสอบ ผลการสอบ รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก และ 4 วิธีการจัดส่ง การเก็บข้อสอบ และการประกาศผลสอบ อย่างไรก็ตามที่ นายเสริมศักดิ์ จะขอให้มีการเลื่อนการประชุม ก.ค.ศ.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 มีนาคมนี้ออกไป เพื่อรอผลการสอบสวนจากดีเอสไอก่อนนั้น ต้องแล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนตนเองนั้นขณะนี้ทางดีเอสไอยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาสอบปากคำ แต่ถ้าติดต่อเข้ามาก็พร้อมให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ หากมีการเลื่อนสอบครูผู้ช่วยออกไปจะมีผลกระทบอะไรในภาพรวมหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นประเด็นเชิงนโยบาย ซึ่งทาง ศธ.คงจะพิจารณาทางออกที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงความสุจริต ถูกต้องโปร่งในเป็นประการสำคัญ ดังนั้นทาง ศธ.จึงจำเป็นต้องวางมาตรการป้องกันการทุจริตไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต ส่วนข้อสงสัยที่ว่ามีคนใน สพฐ.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ตนคิดว่าเอาหลักพยานมาพูดกันดีกว่า เพราะการตั้งข้อสงสัยและไปวิจารณ์เกินเลยไป ก็ไม่ส่งผลดี ควรจะทำให้ทุกอย่างมีความกระจ่างชัด ด้วยพยานหลักฐานจะดีที่สุด