“พงศ์เทพ” ไม่ฟันธงล้มสอบครูผู้ช่วย ชี้รอสรุปดีเอสไอว่าข้อสอบรั่ว-ทุจริตจริงหรือไม่ เป็นข้อมูลประกอบการทบทวนร่วมกับ “เสริมศักดิ์” ก่อนตัดสินใจ แจงการยกเลิกต้องรอบคอบเพราะกระทบวงกว้างและอาจส่งผลให้คนที่ทำถูกต้องแต่เสียประโยชน์ ฟ้องศาลปกครองได้
วันนี้ (28 ก.พ.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ได้นำข้อมูลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปตรวจสอบเพื่อขยายผล วานนี้ (27 ก.พ.) เนื่องจากพบว่า มีความไม่ชอบมาพากลอยู่ 2 เรื่องใหญ่ คือ 1. มีกระบวนการจัดติว โดยนำเฉลยข้อสอบมาจัดติวก่อนสอบจริง 1 วัน และ2. มีการทุจริตในวันสอบโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ส่งสัญลักษณ์ เช่น สั่น 1 ครั้ง หมายถึงคำตอบข้อ ก. สองครั้งหมายถึง ข. เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เกิดเหตุพบว่ามีผู้เข้าสอบมีชื่อสอบขึ้นบัญชีซ้ำกันใน 2 สำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ถึง 2 ราย ซึ่งการสันนิษฐานเบื้องต้นก็ต้องคิดว่าผู้เข้าสอบมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น ได้มอบ รมช.ศึกษาธิการ ดำเนินการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลเพื่อให้การสอบครั้งนี้เกิดความโปร่งใส เพราะการจัดสอบครูหากพบว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ต้องดำเนินการ
ส่วนกรณีที่ รมช.ศึกษาธิการ ระบุหากผลสอบดีเอสไอ ชี้ชัดว่าการจัดสอบมีปัญหาอาจจะต้องยกเลิกการจัดสอบครูผู้ช่วยที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตรงนี้ดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอะไรเกิดขึ้น หากสมมติมีการสอบแทนกัน บุคคลนั้นไม่มีสิทธิ์ได้รับการบรรจุ แต่ถามคนที่ไม่ได้มีการสอบแทนและชัดเจนว่าสอบได้ตรงนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นต้องดูกระบวนการว่าหากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องคำถามคือ เกิดอะไรขึ้น หรือกรณีที่ทำข้อสอบแล้วมีคนเอาข้อสอบออกไปก่อนเผยแพร่ แสดงว่ากระบวนการสอบทั้งหมดในพื้นที่นั้นเกิดปัญหา แต่หากเขตพื้นที่ฯ ที่ไม่ได้มีปัญหาการจัดสอบและทำอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่ควรได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ต้องให้ดีเอสไอสอบก่อนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เพราะสมมุติว่าการไปยกเลิกอะไรก็แล้วแต่ หากมีเหตุผลก็สามารถยกเลิกได้แต่ถ้าเราไม่มีเหตุผลคนที่เขาสอบได้ก็จะโต้แย้งคำสั่งทางปกครองของ ศธ.กลายเป็นข้อพิพาทฟ้องร้องที่ศาลปกครอง
“จะต้องคิดว่าเราจะดำเนินการอะไรได้ต้องมีข้อเท็จจริงที่สามารถบอกได้ เช่น ข้อสอบรั่ว คนรู้วงกว้างแบบนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่มาดูว่าจะมีคำสั่งอย่างไร ซึ่งต้องรอดีเอสไอตรวจสอบ กรณีที่มีการสอบชื่อซ้ำ 2 ที่ผมยอมรับตรง ๆ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดเขาตัดสินใจเช่นนั้น เพราะเมื่อคนรู้ไม่มีทางที่เขาได้ประโยชน์จากการกระทำนั้น ไม่เข้าใจจริงเพราะการกระทำแบบนี้ยังไงก็ต้องมีคนรู้ ยิ่งทำลักษณะนี้โอกาสที่คนจะรู้มีมาก แต่กรณีที่ระบุว่าการนำเฉลยคำตอบออกไปติวก่อนวันสอบนั้นผมถามว่าถ้ารู้คำตอบก่อนแล้วจำเป็นจะต้องเอาคนอีกคนไปสอบแทนทำไม แต่หากเฉลยคำตอบนั้นถูกต้องและตรงกับข้อสอบแสดงว่าข้อสอบรั่ว ดังนั้นประเด็นอยู่ที่ว่าหากข้อสอบรั่ว ๆ วงกว้างแค่ไหนเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องมาประกอบการตัดสินใจ”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)จะขอเปลี่ยนแปลงระบบการจัดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยทั่วไป ประจำปี 2556 ที่จะสอบเดือนเมษายนนี้นั้น ตนจะหารือกับ สพฐ.อีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่ากระบวนการดังกล่าวที่เกิดขึ้นน่าจะมีคนใน สพฐ.เข้ามาเกี่ยวข้อง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ต้องดูว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอะไรที่ไม่ถูกต้อง เกิดจากอะไร และเราก็จะมองเห็นสาเหตุได้ว่าเกิดจากจุดไหนของกระบวนการซึ่งต้องให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อมูลและส่งมาก่อน อย่างไรก็ตาม หากมีดีเอสไอชี้มูลว่ามีข้อสอบรั่วจริงและทุจริตวงกว้างนั้น ในประเด็นดังกล่าวขอให้ได้ข้อมูลยืนยันจากดีเอสไอ จากนั้นจะทบทวนและหารือกับ นายเสริมศักดิ์ เพื่อทบทวนดูว่ากระทบแค่ไหนค่อยตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปฏิบัติราชการที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะรอข้อสรุปที่ชัดเจนจากดีเอสไอจึงจะรายงาน
วันนี้ (28 ก.พ.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ได้นำข้อมูลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปตรวจสอบเพื่อขยายผล วานนี้ (27 ก.พ.) เนื่องจากพบว่า มีความไม่ชอบมาพากลอยู่ 2 เรื่องใหญ่ คือ 1. มีกระบวนการจัดติว โดยนำเฉลยข้อสอบมาจัดติวก่อนสอบจริง 1 วัน และ2. มีการทุจริตในวันสอบโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ส่งสัญลักษณ์ เช่น สั่น 1 ครั้ง หมายถึงคำตอบข้อ ก. สองครั้งหมายถึง ข. เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เกิดเหตุพบว่ามีผู้เข้าสอบมีชื่อสอบขึ้นบัญชีซ้ำกันใน 2 สำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ถึง 2 ราย ซึ่งการสันนิษฐานเบื้องต้นก็ต้องคิดว่าผู้เข้าสอบมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น ได้มอบ รมช.ศึกษาธิการ ดำเนินการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลเพื่อให้การสอบครั้งนี้เกิดความโปร่งใส เพราะการจัดสอบครูหากพบว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ต้องดำเนินการ
ส่วนกรณีที่ รมช.ศึกษาธิการ ระบุหากผลสอบดีเอสไอ ชี้ชัดว่าการจัดสอบมีปัญหาอาจจะต้องยกเลิกการจัดสอบครูผู้ช่วยที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตรงนี้ดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอะไรเกิดขึ้น หากสมมติมีการสอบแทนกัน บุคคลนั้นไม่มีสิทธิ์ได้รับการบรรจุ แต่ถามคนที่ไม่ได้มีการสอบแทนและชัดเจนว่าสอบได้ตรงนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นต้องดูกระบวนการว่าหากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องคำถามคือ เกิดอะไรขึ้น หรือกรณีที่ทำข้อสอบแล้วมีคนเอาข้อสอบออกไปก่อนเผยแพร่ แสดงว่ากระบวนการสอบทั้งหมดในพื้นที่นั้นเกิดปัญหา แต่หากเขตพื้นที่ฯ ที่ไม่ได้มีปัญหาการจัดสอบและทำอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่ควรได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ต้องให้ดีเอสไอสอบก่อนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เพราะสมมุติว่าการไปยกเลิกอะไรก็แล้วแต่ หากมีเหตุผลก็สามารถยกเลิกได้แต่ถ้าเราไม่มีเหตุผลคนที่เขาสอบได้ก็จะโต้แย้งคำสั่งทางปกครองของ ศธ.กลายเป็นข้อพิพาทฟ้องร้องที่ศาลปกครอง
“จะต้องคิดว่าเราจะดำเนินการอะไรได้ต้องมีข้อเท็จจริงที่สามารถบอกได้ เช่น ข้อสอบรั่ว คนรู้วงกว้างแบบนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่มาดูว่าจะมีคำสั่งอย่างไร ซึ่งต้องรอดีเอสไอตรวจสอบ กรณีที่มีการสอบชื่อซ้ำ 2 ที่ผมยอมรับตรง ๆ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดเขาตัดสินใจเช่นนั้น เพราะเมื่อคนรู้ไม่มีทางที่เขาได้ประโยชน์จากการกระทำนั้น ไม่เข้าใจจริงเพราะการกระทำแบบนี้ยังไงก็ต้องมีคนรู้ ยิ่งทำลักษณะนี้โอกาสที่คนจะรู้มีมาก แต่กรณีที่ระบุว่าการนำเฉลยคำตอบออกไปติวก่อนวันสอบนั้นผมถามว่าถ้ารู้คำตอบก่อนแล้วจำเป็นจะต้องเอาคนอีกคนไปสอบแทนทำไม แต่หากเฉลยคำตอบนั้นถูกต้องและตรงกับข้อสอบแสดงว่าข้อสอบรั่ว ดังนั้นประเด็นอยู่ที่ว่าหากข้อสอบรั่ว ๆ วงกว้างแค่ไหนเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องมาประกอบการตัดสินใจ”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)จะขอเปลี่ยนแปลงระบบการจัดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยทั่วไป ประจำปี 2556 ที่จะสอบเดือนเมษายนนี้นั้น ตนจะหารือกับ สพฐ.อีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่ากระบวนการดังกล่าวที่เกิดขึ้นน่าจะมีคนใน สพฐ.เข้ามาเกี่ยวข้อง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ต้องดูว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอะไรที่ไม่ถูกต้อง เกิดจากอะไร และเราก็จะมองเห็นสาเหตุได้ว่าเกิดจากจุดไหนของกระบวนการซึ่งต้องให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อมูลและส่งมาก่อน อย่างไรก็ตาม หากมีดีเอสไอชี้มูลว่ามีข้อสอบรั่วจริงและทุจริตวงกว้างนั้น ในประเด็นดังกล่าวขอให้ได้ข้อมูลยืนยันจากดีเอสไอ จากนั้นจะทบทวนและหารือกับ นายเสริมศักดิ์ เพื่อทบทวนดูว่ากระทบแค่ไหนค่อยตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปฏิบัติราชการที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะรอข้อสรุปที่ชัดเจนจากดีเอสไอจึงจะรายงาน