ส่อแท้ง! ล่าตัวทุจริตสอบครูผู้ช่วย ผอ.เขตฯ บ่นหลักฐานที่ได้จาก สพฐ.ไม่แน่นพอเอาผิดใครได้ ชี้ท้ายสุดอาจไม่มีใครถูกยกเลิกผลสอบเพราะ อ.ก.ค.ศ.กลัวถูกฟ้อง ด้าน “เสริมศักดิ์” เตรียมตั้งศูนย์สนับสนุนข้อมูลและช่วยเหลือด้านกฎหมายให้เขตพื้นที่
นายกิตติพศ พลนิลา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศึกษา (สพป.) ขอนแก่น เขต 4 เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วยใน 129 เขตพื้นที่การศึกษา ที่พบว่า มีผู้ได้คะแนนสูงผิดปกติ หากพบผู้ผ่านการคัดเลือกรายใดส่อทุจริตสอบ ให้ อ.ก.ค.ศ.ยกเลิกการบรรจุเป็นข้าราชการ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่งพยานหลักฐานที่มีอยู่พร้อมคะแนนสอบให้ 129 เขตพื้นที่การศึกษานั้น ขณะนี้ ทาง สพป.ขอนแก่นเขต 4 กำลังสอบทางลับ พร้อมตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนสรุปผลการสอบข้อเท็จจริงเสนอบอร์ด อ.ก.ค.ศ.ขอนแก่น เขต 4 ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 9 เม.ย.นี้ เพื่อให้บอร์ด อ.ก.ค.ศ.เป็นผู้ชี้ขาด
อย่างไรก็ตาม จากที่พูดคุยกับ อ.ก.ค.ศ.หลายคน มีความเห็นว่า หลักฐานที่ สพฐ.ส่งมาให้ซึ่งมีแค่คะแนนของผู้เข้าสอบนั้น ไม่เป็นหลักฐานที่แน่นพอจะตัดสินใครได้ แม้ความรู้สึกส่วนตัว จะเห็นว่า ผู้ผ่านการคัดเลือกของ สพป.ขอนแก่นเขต 4 ทั้ง 4 ราย ส่อผิดปกติจริง เพราะทุกรายได้คะแนนเต็มวิชาเดียวกัน ส่วนที่เหลืออีก 3 วิชา ก็มีคะแนนสูงทิ้งห่างผู้เข้าสอบคนอื่นๆ อย่างผิดปกติ แต่เมื่อปราศจากหลักฐานที่แน่นหนารองรับแล้ว คงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขตพื้นที่ฯ ต้องการมากที่สุด คือ ให้ สพฐ.ส่งหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ โดยเฉพาะกระดาษคำตอบของผู้เข้าสอบมาให้ซึ่งจะเป็นหลักฐานที่แน่นหนาสุด สามารถชี้ชัดได้ว่า มีการทุจริตหรือไม่ ถ้าดูจากกระดาษคำตอบแล้วพบว่า ผู้ที่ได้คะแนนผิดปกติทุกคน ทำข้อสอบผิดในข้อเดียวกัน หรือพบว่า คะแนนดิบที่นับได้จากกระดาษคำตอบไม่ตรงคะแนนรวมที่ สพฐ.ส่งมาให้นั้น ก็ชี้ชัดได้ทันที ว่า มีการทุจริตสอบ นอกจากนั้น อยากให้กระทรวงศึกษาธิการ ส่งผลการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาให้ด้วย
“ตามขั้นตอนแล้ว คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของเขตพื้นที่ จะต้องสรุปผลสอบข้อเท็จจริงส่งให้บอร์ด อ.ก.ค.ศ.หลังจากนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่การพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ.แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไรเพราะ อ.ก.ค.ศ.เป็นองค์คณะบุคคลที่มีจำนวนถึง 10 คน ความเห็นย่อมหลากหลาย และ อ.ก.ค.ศ.ก็ต้องพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ จะตามความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้ ถ้ามีพยานหลักฐานยืนยันการทุจริตแน่นหนา อ.ก.ค.ศ.ก็สามารถยกเลิกผลสอบของผู้เข้าสอบรายนั้นๆ ได้ แต่ถ้ามีข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ คงไม่พอฟันธงว่า ใครทุจริตสอบได้ ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของ อ.ก.ค.ศ.แน่นอน อ.ก.ค.ศ.จะไม่กล้าตัดสินใจยกเลิกผลสอบใครเพราะกลัวถูกฟ้อง สุดท้าย อาจไม่มีผู้เข้าสอบรายใดถูกยกเลิกซักคน” นายกิตติพศ กล่าว
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ปัญการสอบครูผู้ช่วยที่ผ่านมาสรุปได้ว่ามีการทุจริตการสอบแน่นอน และกำลังดูว่าเป็นการทุจริตโดยเอาข้อสอบหรือเฉลยคำตอบออกมาคงต้องรอทางดีเอสไอตรวจสอบอยู่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเฉลยข้อสอบน่าจะรั่วมากกว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยการทำงานของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษานั้น ตนจะให้มีการตั้งศูนย์ สนับสนุนช่วยเหลือสนับสนุนข้อมูลและกฎหมายให้ นอกจากนี้จะเร่งให้ สพฐ.ส่งใบตรวจคะแนนหรือกระดาษคำตอบไปให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯด้วย รวมทั้งการส่งข้อมูลของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดที่นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการเป็นประธานให้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สุดท้ายถ้า อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯไม่ดำเนินการอะไรในแต่กฎกหมายก็ยังมีทางออก ที่จะมีอำนาจสั่งการให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯดำเนินการ ซึ่งกำลังดูข้อกฎหมายและอาจจะเกี่ยวกับการใช้อำนาจของ รมว.ศึกษาธิการ อย่างไรก็ตาม คงต้องดูให้ชัดเจนก่อน
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า หากมีกฎหมายที่ให้อำนาจตนในการสั่งการให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาที่พบการทุจริตสั่งยกเลิกผลสอบได้ ตนก็พร้อมและยินดีที่จะทำ แต่การที่จะใช้อำนาจในการตัดสินเรื่องใดนั้น จะต้องมีข้อมูลที่พร้อมและเพียงพอ แต่ที่ผ่านมาที่ต้องมอบให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ไปพิจารณาในเรื่องนี้นั้น เพราะตามกฎหมายระบุว่าเป็นอำนาจของเขตพื้นที่ฯ อีกทั้งในเรื่องนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ดังนั้นถ้ากระจายกันไปช่วยกันตรวจสอบก็จะได้ข้อมูล และชัดเจนเร็วขึ้น แต่ถ้ามากระจุกตรวจสอบอยู่ที่เดียวก็จะใช้เวลานาน
“หากมีกฎหมายที่ให้อำนาจในการสั่งการจริง ผมทำแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้มีข้อมูลที่พร้อม และมีกฎหมายที่ให้อำนาจจริง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรายังขาดอยู่ในเวลานี้คือ ข้อเท็จจริงต่างๆ เพราะขณะนี้ข้อมูลมีแต่คะแนนที่สูงผิดปกติ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนอะไรต่างๆ อีกมาก ดังนั้นผู้ที่ทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือทางเขตพื้นที่ฯ” นายพงศ์เทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในคดีทุจริตการสอบครูผู้ช่วย ระบุว่า นายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ให้ข้อมูลกับทางดีเอสไอ ว่า มีการใช้ชื่อนายอนันต์ไปขอเปิดตู้นิรภัยกับทางธนาคารทหารไทย เพื่อเก็บกุญแจ โดยที่ นายอนันต์ ไม่ทราบมาก่อน ดังนั้น ดีเอสไอจะต้องสอบสวนว่ามีการใช้อำนาจของบุคคลใดเข้าไปเปิดตู้นิรภัยเพื่อนำกุญแจออกมาหรือไม่นั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเมื่อดีเอสไอได้รับคดีทุจริตครูผู้ช่วยเป็นคดีพิเศษแล้ว คงจะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบเป็นระยะๆ ข้อมูลต่างๆ ก็จะเพิ่มขึ้น และความจริงก็จะปรากฏ อีกทั้งสังคมจะได้ทราบว่าช่วงที่ผ่านมามันเกิดปัญหาที่จุดใด และมีผู้ใดที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นหากมีข้อเท็จจริงว่ามีใครนำชื่อไปแอบอ้างและไปเปิดห้องนิรภัย แน่นอนว่าคนนั้นก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ขอให้มีความชัดเจนก่อน ถ้าชัดเจน ศธ.ก็จะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้
นายกิตติพศ พลนิลา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศึกษา (สพป.) ขอนแก่น เขต 4 เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วยใน 129 เขตพื้นที่การศึกษา ที่พบว่า มีผู้ได้คะแนนสูงผิดปกติ หากพบผู้ผ่านการคัดเลือกรายใดส่อทุจริตสอบ ให้ อ.ก.ค.ศ.ยกเลิกการบรรจุเป็นข้าราชการ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่งพยานหลักฐานที่มีอยู่พร้อมคะแนนสอบให้ 129 เขตพื้นที่การศึกษานั้น ขณะนี้ ทาง สพป.ขอนแก่นเขต 4 กำลังสอบทางลับ พร้อมตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนสรุปผลการสอบข้อเท็จจริงเสนอบอร์ด อ.ก.ค.ศ.ขอนแก่น เขต 4 ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 9 เม.ย.นี้ เพื่อให้บอร์ด อ.ก.ค.ศ.เป็นผู้ชี้ขาด
อย่างไรก็ตาม จากที่พูดคุยกับ อ.ก.ค.ศ.หลายคน มีความเห็นว่า หลักฐานที่ สพฐ.ส่งมาให้ซึ่งมีแค่คะแนนของผู้เข้าสอบนั้น ไม่เป็นหลักฐานที่แน่นพอจะตัดสินใครได้ แม้ความรู้สึกส่วนตัว จะเห็นว่า ผู้ผ่านการคัดเลือกของ สพป.ขอนแก่นเขต 4 ทั้ง 4 ราย ส่อผิดปกติจริง เพราะทุกรายได้คะแนนเต็มวิชาเดียวกัน ส่วนที่เหลืออีก 3 วิชา ก็มีคะแนนสูงทิ้งห่างผู้เข้าสอบคนอื่นๆ อย่างผิดปกติ แต่เมื่อปราศจากหลักฐานที่แน่นหนารองรับแล้ว คงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขตพื้นที่ฯ ต้องการมากที่สุด คือ ให้ สพฐ.ส่งหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ โดยเฉพาะกระดาษคำตอบของผู้เข้าสอบมาให้ซึ่งจะเป็นหลักฐานที่แน่นหนาสุด สามารถชี้ชัดได้ว่า มีการทุจริตหรือไม่ ถ้าดูจากกระดาษคำตอบแล้วพบว่า ผู้ที่ได้คะแนนผิดปกติทุกคน ทำข้อสอบผิดในข้อเดียวกัน หรือพบว่า คะแนนดิบที่นับได้จากกระดาษคำตอบไม่ตรงคะแนนรวมที่ สพฐ.ส่งมาให้นั้น ก็ชี้ชัดได้ทันที ว่า มีการทุจริตสอบ นอกจากนั้น อยากให้กระทรวงศึกษาธิการ ส่งผลการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาให้ด้วย
“ตามขั้นตอนแล้ว คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของเขตพื้นที่ จะต้องสรุปผลสอบข้อเท็จจริงส่งให้บอร์ด อ.ก.ค.ศ.หลังจากนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่การพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ.แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไรเพราะ อ.ก.ค.ศ.เป็นองค์คณะบุคคลที่มีจำนวนถึง 10 คน ความเห็นย่อมหลากหลาย และ อ.ก.ค.ศ.ก็ต้องพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ จะตามความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้ ถ้ามีพยานหลักฐานยืนยันการทุจริตแน่นหนา อ.ก.ค.ศ.ก็สามารถยกเลิกผลสอบของผู้เข้าสอบรายนั้นๆ ได้ แต่ถ้ามีข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ คงไม่พอฟันธงว่า ใครทุจริตสอบได้ ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของ อ.ก.ค.ศ.แน่นอน อ.ก.ค.ศ.จะไม่กล้าตัดสินใจยกเลิกผลสอบใครเพราะกลัวถูกฟ้อง สุดท้าย อาจไม่มีผู้เข้าสอบรายใดถูกยกเลิกซักคน” นายกิตติพศ กล่าว
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ปัญการสอบครูผู้ช่วยที่ผ่านมาสรุปได้ว่ามีการทุจริตการสอบแน่นอน และกำลังดูว่าเป็นการทุจริตโดยเอาข้อสอบหรือเฉลยคำตอบออกมาคงต้องรอทางดีเอสไอตรวจสอบอยู่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเฉลยข้อสอบน่าจะรั่วมากกว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยการทำงานของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษานั้น ตนจะให้มีการตั้งศูนย์ สนับสนุนช่วยเหลือสนับสนุนข้อมูลและกฎหมายให้ นอกจากนี้จะเร่งให้ สพฐ.ส่งใบตรวจคะแนนหรือกระดาษคำตอบไปให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯด้วย รวมทั้งการส่งข้อมูลของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดที่นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการเป็นประธานให้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สุดท้ายถ้า อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯไม่ดำเนินการอะไรในแต่กฎกหมายก็ยังมีทางออก ที่จะมีอำนาจสั่งการให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯดำเนินการ ซึ่งกำลังดูข้อกฎหมายและอาจจะเกี่ยวกับการใช้อำนาจของ รมว.ศึกษาธิการ อย่างไรก็ตาม คงต้องดูให้ชัดเจนก่อน
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า หากมีกฎหมายที่ให้อำนาจตนในการสั่งการให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาที่พบการทุจริตสั่งยกเลิกผลสอบได้ ตนก็พร้อมและยินดีที่จะทำ แต่การที่จะใช้อำนาจในการตัดสินเรื่องใดนั้น จะต้องมีข้อมูลที่พร้อมและเพียงพอ แต่ที่ผ่านมาที่ต้องมอบให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ไปพิจารณาในเรื่องนี้นั้น เพราะตามกฎหมายระบุว่าเป็นอำนาจของเขตพื้นที่ฯ อีกทั้งในเรื่องนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ดังนั้นถ้ากระจายกันไปช่วยกันตรวจสอบก็จะได้ข้อมูล และชัดเจนเร็วขึ้น แต่ถ้ามากระจุกตรวจสอบอยู่ที่เดียวก็จะใช้เวลานาน
“หากมีกฎหมายที่ให้อำนาจในการสั่งการจริง ผมทำแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้มีข้อมูลที่พร้อม และมีกฎหมายที่ให้อำนาจจริง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรายังขาดอยู่ในเวลานี้คือ ข้อเท็จจริงต่างๆ เพราะขณะนี้ข้อมูลมีแต่คะแนนที่สูงผิดปกติ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนอะไรต่างๆ อีกมาก ดังนั้นผู้ที่ทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือทางเขตพื้นที่ฯ” นายพงศ์เทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในคดีทุจริตการสอบครูผู้ช่วย ระบุว่า นายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ให้ข้อมูลกับทางดีเอสไอ ว่า มีการใช้ชื่อนายอนันต์ไปขอเปิดตู้นิรภัยกับทางธนาคารทหารไทย เพื่อเก็บกุญแจ โดยที่ นายอนันต์ ไม่ทราบมาก่อน ดังนั้น ดีเอสไอจะต้องสอบสวนว่ามีการใช้อำนาจของบุคคลใดเข้าไปเปิดตู้นิรภัยเพื่อนำกุญแจออกมาหรือไม่นั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเมื่อดีเอสไอได้รับคดีทุจริตครูผู้ช่วยเป็นคดีพิเศษแล้ว คงจะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบเป็นระยะๆ ข้อมูลต่างๆ ก็จะเพิ่มขึ้น และความจริงก็จะปรากฏ อีกทั้งสังคมจะได้ทราบว่าช่วงที่ผ่านมามันเกิดปัญหาที่จุดใด และมีผู้ใดที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นหากมีข้อเท็จจริงว่ามีใครนำชื่อไปแอบอ้างและไปเปิดห้องนิรภัย แน่นอนว่าคนนั้นก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ขอให้มีความชัดเจนก่อน ถ้าชัดเจน ศธ.ก็จะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้