มายาสีมุก ตอนที่ 4
ไข่มุกเดินหนีคีรินทร์ คีรินทร์ตามมาดึงแขนไว้ ไข่มุกตกใจพูดอะไรไม่ออก คีรินทร์ยิ้มอย่างเป็นต่อ
“เธอจะหนีชั้นทำไมฮะ ไม่ต้องหนีเลย”
ไข่มุกสบตาคีรินทร์ กลืนน้ำลาย
“เปล่าค่ะ ชั้น...ชั้นมีธุระ”
“ธุระเธอเอาโยนไว้ก่อน มาเคลียร์กันซะดีๆ คิวบู๊ที่เธอเล่นชั้นซะเละเมื่อคืน ไปรู้มาได้ยังไง อย่าบอกนะว่าดูจากทีวี หนังเขายังไม่ฉาย” ไข่มุกมอง แอบเป่าปากโล่งอก คีรินทร์จับไหล่สองข้างไข่มุก จ้องตา ถามต่อ “รู้แล้ว เธอมีกิ๊กเป็นผู้ชายในกองใช่มั้ย ตามไปกกถึงที่ล่ะสิ”
ไข่มุกถอนหายใจ
“คิดได้ยังไงเนี่ยคุณ จินตนาการบรรเจิดสุดๆ”
“แล้วใช่ป่ะล่ะ บอกชื่อมาซะดีๆ”
“คิดได้นะคะ รู้ขนาดนี้แล้วก็หาข้อมูลต่อเองแล้วกัน” ไข่มุกพูดเอือมๆ คีรินทร์แค้นดึงเข้ามากอดซุกไซ้ สายตามองเห็นวัฒนาก็ดันไข่มุกออกแล้วยิ้มเย้ยใส่วัฒนา “ปล่อยนะ อุ๊บ”
คีรินทร์ก้มลงจูบอย่างดูดดื่ม ไข่มุกนิ่งแข็ง คีรินทร์ปล่อยออกแล้วยักคิ้วข่มวัฒนาก่อนจะเดินไป
ที่บ่อนชายแดน ชลลดากับภัททิมานั่งล้อมโต๊ะ Roulette คนคุมหมุนเครื่อง ลูกเหล็กวิ่งไปเรื่อยๆ ชลลดามองตาไม่กระพริบ
“แดง แดง แดงสิ แดง”
ลูกบอลกลิ้งเหมือนจะหยุดสีแดง ชลลดาตาโตทำท่าดีใจ ลูกบอลกลิ้งพลิกไปหยุดที่ดำ ชลลดาตาเหลือกค้างหันไปมองชิป ชิปตรงหน้าถูกกวาดไปหมด ชลลดาทำท่าจะเป็นลม เรอเอิ้ก
“คุณแม่ขา คุณแม่ขา ฮือๆ หมดกัน หมดตัวแล้ว”
ชลลดาหน้าซีด
“ไม่ใช่แค่หมดตัว แต่มีหนี้เพิ่มอีกห้าแสนด้วย”
เช้าวันรุ่งขึ้น ไข่มุกรำไทเก๊กออกกำลังกลางสนามหน้าบ้าน คีรินทร์เดินออกมาจากห้องมองผ่านหน้าต่างลงไปเห็นไข่มุกกำลังรำ คีรินทร์ยิ้มนิดๆ อย่างเจ้าเล่ห์
ไข่มุกกำลังออกกำลัง ร่ายรำท่าไทเก๊กอย่างสวยงาม คีรินทร์เดินเข้ามาหาไข่มุก
“ไทเก๊กเหรอลูกไก่ สอนชั้นมั่งสิ”
“ได้ค่ะ งั้นทำตามชั้นนะคะ ทำช้าๆ”
ไข่มุกรำนำ คีรินทร์รำตาม ไข่มุกบิดตัววาดแขน คีรินทร์วาดแขนตามแล้วแกล้งโอบเอวอีกข้าง ไข่มุกพลิกตัวหนี
คีรินทร์ทำปากอูด ไข่มุกหลุดหัวเราะ
“ คุณนี่น้า”
“อะไรคร้าบ มาๆ มาสอนต่อเร็ว”
ไข่มุกรำตวัดยกขาช้าๆ คีรินทร์รำตามแกล้งเซไปกอดไข่มุก
“คุณรินทร์ ทำเล่นอีกแล้ว”
“กล่าวหา ตั้งใจแล้วนะเนี่ย”
“ตั้งใจที่ว่าน่ะ ตั้งใจอะไรคะ”
“ก็ตั้งใจอย่างงี้ไง”
คีรินทร์กอดไข่มุกแล้วหอมแก้ม ยิ้มอารมณ์ดี ทำท่าจะหอมอีก ช้อยเดินเข้ามาหน้าตาร้อนรน ไข่มุกขืนตัวหนี คีรินทร์ทำหน้าเซ็ง
“คุณรินทร์คะ มียายแม่ค้าแก่ๆ ที่ไหนไม่รู้ มาถามหาลูกสาวที่ชื่อไข่มุกค่า”
ไข่มุกหน้าเสีย ตกใจ นึกรู้ว่าเป็นวันดีแน่
ขณะนั้นมณีกับวันดียืนเท้าเอวประจันหน้ากันกลางห้องโถงของบ้านด้วยหน้าตาเอาเรื่องทั้งคู่
“ชั้นบอกไม่มีก็ไม่มีไง บ้านนี้ไม่มีคนชื่อไข่มุกย่ะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
“มีสิยะ นังไข่มุกมันเพิ่งแต่งงานกับลูกชายบ้านนี้ไง เป็นแม่ครัวหรือคนใช้ยะเนี่ย ไม่ได้รู้เรื่องเจ้านายเลย”
มณีกรี๊ด ชี้หน้า วันดีลอยหน้าลอยตายิ้มใส่ มณีมองอย่างแค้นจัด
“ชั้นเป็นเจ้าของบ้านย่ะ แล้วลูกสะใภ้ชั้นก็ชื่อลูกไก่ ไม่ใช่ไข่มุกขี้มูกอะไรของหล่อน รู้แล้วก็ออกไปซะ”
คีรินทร์กับไข่มุกเดินเข้ามา วันดีมองเห็นไข่มุกก็ทำท่าร้องเรียก
“นัง...”
ไข่มุกปราดเข้าไปปิดปากแน่น วันดีดิ้นส่งเสียงอู้อี้ตาเหลือก
“เธอรู้จักยัยป้าตลาดแตกนี่ด้วยเหรอ แล้วรู้จักยัยไข่มุกอะไรลูกเขามั้ย”
“อ๋อ ไข่มุกหลานคุณชลไงครับแม่” คีรินทร์บอก ไข่มุกรีบตอบ
“ค่ะใช่ หลานคุณแม่”
วันดีดิ้นหลุด ไข่มุกปิดปากอีก
“อังอุ๊ก อ่อย อ่อยโอ้ย เอาออกไอ” วันดีบอกเสียงอู้อี้ แล้วจับมือไข่มุกดึงออกได้ ทำท่าหอบหายใจ สำลักน้ำลาย “เอ็งจะฆ่าข้าเหรอวะ ปิดมาได้ หายใจไม่ออกโว้ย”
มณีมองแหยงๆ
“อี๊ โลว์ ชั้นต่ำ ทำไมหลานคุณชลถึงมีแม่แบบนี้ อีกคนไฮโซ แม่นี่ยิ่งกว่าแม่ค้าตลาดสด”
วันดีทำท่าจะโวย ไข่มุกรีบเอามือปิดปาก ขยิบตาให้หยุดพูด วันดีตาเหลือกหน้าแดงก่ำ คีรินทร์มองทั้งสองคนอย่างแปลกใจ
ไข่มุกรีบพาวันดีออกมาคุยกันตามลำพังในมุมที่ลับตาคน วันดียืนเช็ดปากมองไข่มุกถมึงทึง ไข่มุกมองอ่อนใจ
“แม่มาทำไม เดี๋ยวก็ความแตกหรอก”
“ก็มาเอาเงินน่ะสิ ไหนล่ะ เงินแกน่ะเอามาสิ”
“จะเอาเงินทำไมไม่โทรบอก มุกไปหาก็ได้ มาบ้านนี้เดี๋ยวเขารู้หมดคุณชลลดาเอาตายแน่ แม่รอเงินเดือนมุกออกก่อนนะจ้ะ แล้วจะเอาไปให้ที่บ้าน”
“มัวรอก็อดตายสิวะ เอามาเลย ไม่ได้ไม่กลับ” คีรินทร์เดินมา วันดีเห็นก็ทำท่าประจ๋อประแจ๋เข้าไปหา “อุ๊ยพ่อคุณ ท่าทางผู้ดี๊ผู้ดี หน้าตาอย่างนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารวยจริง”
“พอเลย ไม่ต้องชม นี่ป้าจะมาขอเงินลูกไก่ล่ะสิ”
คีรินทร์ถามอย่างรู้ทัน วันดีหน้าม้าน แต่ไม่แคร์
“หล่อแล้วยังฉลาดอีก ใช่จ้ะ ป้าเดือดร้อน ช่วงนี้ของขายแทบไม่ได้ ไม่มีเงินทำทุน ไปกู้มาก็ดอกขึ้นเอาๆ จะขอยืมเงินไปต่อทุนสักนิด”
“นิดนึงนี่ เท่าไหร่”
“ห้าหมื่น แต่ให้เพิ่มก็ได้ ป้าไม่ถือ ไม่ขัดศรัทธาเรื่องเงินๆ ทองๆ”
“โหป้าครับ ขออะไรทีละห้าหมื่น ไม่เกินไปหน่อยเหรอ” คีรินทร์ควักกระเป๋า “เอ้า เอาไปห้าร้อย ค่ารถที่อุตส่าห์มาถึงนี่ ที่เหลือป้าไปเอากับลูกป้าอย่ามาวุ่นวายกับลูกไก่ให้มาก ไม่งั้นผมฟ้องคุณชลลดาแน่”
วันดีอึ้ง ทำท่าปรี๊ดแตก กำลังจะด่า ไข่มุกวิ่งจะเอามือปิดปาก วันดีปัดมือออก
“ไม่ต้องปิดแล้วโว้ย” คีรินทร์ส่ายหน้าแล้วเดินออกไป วันดีทำท่าขยำเงินแต่ก็เก็บลงยัดใส่ยกทรง ไดู๊ดูนังมุก ผัวแกมันดูถูกชั้น ไม่รู้ล่ะ ถ้าวันนี้ไม่ได้ห้าหมื่น นังวันดีจะแฉให้ความแตกไปเลย”
วันดีมองแค้นๆ ไข่มุกหน้าเครียด ไม่รู้จะทำยังไงดี
ไข่มุกกลับเข้ามาในห้อง กำลังเปิดกระเป๋าควานหาเงิน คีรินทร์ยืนมองทำหน้าสงสัย ไข่มุกเปิดค้น เททั้งแบงก์ทั้งเหรียญออกมากองบนเตียง
“เทหมดกระเป๋าแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ ท่าทางไม่เหมือนญาติสนิท ทำไมต้องให้ด้วย”
“คุณไม่เข้าใจหรอกค่ะ แม่วันดีมีบุญคุณกับชั้นมาก เขาช่วยเหลือมาหลายอย่าง ชั้นต้องตอบแทนบุญคุณ”
“เธอนี่นางเอกชะมัด ลูกแท้ๆ เขาจะดีเท่าหรือเปล่าไม่รู้”
ไข่มุกรวบเงินขึ้นใส่มือ ทำท่าจะลุก คีรินทร์จับมือไว้ ส่ายหน้าเป็นทำนองไม่ต้องแล้วเปิดกระเป๋าตัวเองหยิบเงินให้ปึกใหญ่
“ห้าหมื่นใช่มั้ย เอาไป”
คีรินทร์ส่งให้ ไข่มุกมองหน้าตกใจ
“คุณ”
คีรินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เธอเป็นเมียชั้น เอาไปสิ”
ไข่มุกรับแล้วไหว้อย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณมากคะ”
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
คีรินทร์บอกแล้วเดินหน้าเฉยออกไป ไข่มุกทำหน้างง ไม่รู้จะดีใจหรือโมโหดี
ไข่มุกยื่นเงินให้วันดี วันดีรับมาเอานิ้วแตะน้ำลายนับเงินตาโต แล้วยัดเงินใส่ยกทรงแต่ยัดไม่เข้าเลยถือไว้ก่อน
“แม่เอาไปใช้หนี้ให้หมดนะ แล้วอย่าไปกู้อีก คราวหน้ามุกไม่มีให้แล้วจริงๆ”
วันดีชักสีหน้า
“อาไร้ ผัวออกรวย แกอย่ามางกกับแม่หน่อยเลย อ้อนนิดอ่อยหน่อยเดี๋ยวมันก็ให้”
“เขาคงไม่ให้หลายรอบหรอก แม่เล่นมาขอทีตั้งเยอะ”
ไข่มุกบอกเสียงเรียบ มณีโผล่มาด้อมๆ มองๆ เห็นเงินเป็นปึกในมือวันดีก็ตาโต เดินปรี่เข้ามา
“เงินอะไรยะ เอามาจากไหนเป็นปึก”
มณีคว้าเงินคืน วันดีคว้ากลับ
“อยากรู้ก็ถามลูกสะใภ้หล่อนสินะ ไปละนะหลานรัก ดีใจ เอ๊ย ดีใจ มาไม่ทันไร ละได้ไปหลายตังค์ ดีใจ เอ๊ย ดีใจ มาไม่ทันไร มี เงินใส่เต็มกระเป๋าตังค์”
วันดีเดินร้องเพลงออกไปอย่างสบายใจ มณีหันขวับกลับมาเล่นงานไข่มุก
“นี่เธอรีดเงินลูกชายชั้นไปให้ยายแก่นี่เหรอ ยัยลูกไก่”
ไข่มุกนั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยมีคีรินทร์กับเขมทัตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ มณียืนเท้าเอวข่มไข่มุกเต็มที่
“นี่ เลิกอ่านหนังสือพิมพ์กันได้แล้ว” มณีดึงหนังสือพิมพ์ออก “เมียแกให้เงินยายป้าตลาดแตกนั่นไปเท่าไหร่แกรู้มั้ย”
“ห้าหมื่นไงแม่”
“ห้าหมื่น โอ๊ย ชั้นจะเป็นลม นี่เธอจะให้บ้านชั้นล่มจมเลยใช่มั้ยฮึ”
“น่าคุณ ลูกไก่มาเป็นสะใภ้เรา ก็มีสิทธิ์ใช้เงิน ไอ้ห้าหมื่นอะไรนั่นยังน้อยกว่าคอร์สลดความอ้วนที่คุณลงไป แล้วไม่ได้ทำอีก”
มณีหันไปค้อนเขมทัต ไข่มุกยิ่งเจื่อน
“แม่ครับ ที่ให้ไปน่ะเงินส่วนของผม ผมจะให้เมียบ้างก็ไม่เห็นแปลกอย่าซีเรียสนะแม่ เดี๋ยวลมจับ”
“เออ ผัวก็เข้าข้าง ลูกก็เอาใจ ที่จริงมาอยู่ด้วยกัน ต้องช่วยกันหาเงินไม่ใช่จะใช้ท่าเดียว เป็นสะใภ้บ้านนี้จะมานั่งงอมืองอเท้า ขอไปวันๆ ไม่ได้นะยะ”
คีรินทร์กับเขมทัตมองหน้ากัน ค่อยๆ ขยับตัวจะออกไป
“ผมออกไปทำงานดีกว่า ไปนะ” มณีขยับจะไปหาไข่มุก ทำท่าจะด่าคีรินทร์ฉุดมือไข่มุกให้ลุก
“คุณต้องไปทำคลาสมวยไม่ใช่เหรอ ป่ะ ไปกัน”
คีรินทร์ฉุดไข่มุกให้เดินออกไป
“เดี๋ยวสิรินทร์ แม่ยังพูดไม่จบเลย รินทร์ กลับมานะ”
คีรินทร์ที่พาไข่มุกเดินห่างไปไกล หันกลับมายกมือทำท่าว่าไม่ได้ยินที่เธอเรียก แล้วเดินไป มณีโมโหค้าง พูดไม่มีคนฟัง ทำท่าฮึดฮัดค้อนไปทั่ว
ชลลดากับภัททิมาเดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น พิพัฒน์เปิดทีวีเสียงดังกินพิซซ่า มีกล่องวางอยู่ มีขนมเกลื่อนกลาด ชลลดาเดินปรี่เข้ามาหาคว้าพิซซ่าที่กำลังจะเอาเข้าปากโยนลงพื้น
“โหย คุณแม่ เสียดายของ”
“แกเข้ามาทำไม บ้านชั้นไม่ใช่โรงแรมนะยะ มาทำเลอะเทอะไม่มีเกรงใจ น่าเกลียดที่สุด”
พิพัฒน์ชะโงกไปถามภัททิมา
“ปกติผมก็ทำ ลูกไก่ แม่เธอผีเข้าเหรอ” ชลลดากรี๊ดลั่น เอากระเป๋าไล่ตี พิพัฒน์ปัดร้องร้องโอดโอย “โอ๊ย ลูกไก่ ช่วยด้วย ผีแม่เธออาละวาดแล้ว”
“สมน้ำหน้า แล้วนี่เข้ามาทำไม ทำไมไม่อยู่บ้านตัวเอง”
ชลลดาหอบแฮ่ก
“พ่อแม่ไม่เลี้ยงแล้วมั้ง ดีแต่เกาะพวกชั้นกิน ไม่มีปัญญาทำงานเองไป ไปให้พ้นเลย”
“ไปได้ไงแม่ ผมจะอยู่กับเมีย”
“อยู่เป็นแมงสาบหรือไงยะ ออกไปเลยไอ้พัฒน์ ถ้าไม่มีแก ป่านนี้ลูกชั้นเป็นเมียเศรษฐี สบายไปทั้งชาติแล้ว ออกไปเลยนะ อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก ถ้าไม่อยากโดนเก็บ”
พิพัฒน์ชะงัก มองหน้าทำยิ้ม
“คุณแม่พูดเล่นใช่มั้ยครับ”
“ลองมั้ย”
ชลลดาบอกหน้าเหี้ยม
พิพัฒน์อึ้ง ลุกขึ้นเดินไปโอบภัททิมา ทำท่าแหยงชลลดา
“สงสัยผีมาทั้งหลุม ป่ะลูกไก่ ไปขึ้นห้องกันดีกว่า คิดทึ้งคิดถึง”
พิพัฒน์ทำท่าจะหอม ภัททิมาสะบัดออก สีหน้ารำคาญเต็มแก่
“ขึ้นไปเก็บของแล้วออกไปเลย”
“เฮ่ย เอาจริงเหรอ”
“ใช่ ถ้าไม่มีเงินมาก็ไปให้พ้น มีแต่ตัว เค้าไม่เอาแล้วโว้ย”
พิพัฒน์มองหน้าภัททิมา ช็อคไปเลย ชลลดาขบเขี้ยวอย่างเอาจริง
ไข่มุกเดินหน้านิ่งเข้ามาที่ล็อบบี้ของโรงแรม เจอพิพัฒน์เต๊ะท่าจิบกาแฟอยู่
“มาขอพบชั้น มีอะไรเหรอคะ”
“ชั้นอยากหางานทำ เธอฝากที่นี่ให้หน่อยสิ หรูดี เหมาะกับชั้น”
พิพัฒน์วางท่าเท่เต็มประดา
“ฝากไม่ได้หรอกค่ะ ชั้นก็เพิ่งมาทำ”
“เมียเจ้าของฝากไม่ได้ แล้วใครจะฝากได้ น่าไข่มุก เธอช่วยชั้นหน่อย ไม่งั้นชั้นอาจจะ เผลอพูดถึงเรื่องสาวใช้ที่ได้มาเป็นเมียเจ้าของโรงแรมก็ได้นะ” พิพัฒน์พูดอย่างเป็นต่อ เหลือบเห็นคีรินทร์ก็ร้องเรียกมาพอดี คุณคีรินทร์ครับ”
“ก็ได้ ชั้นฝากให้ก็ได้” ไข่มุกรีบบอก คีรินทร์เดินเข้ามา
“มีอะไรครับ”
“เอ่อ คุณพัฒน์เขามาเยี่ยมค่ะ เอ่อ..คุณรินทร์ ชั้นจะ” โทรศัพท์คีรินทร์ดังขึ้นพอดี คีรินทร์กดรับ
“ฮัลโหล กีกี้เหรอครับ ครับ ใช่ๆ อยู่ที่โรงแรม คิดถึงเหมือนกันอะไรนะ สัญญาณไม่ดี แป๊บนะครับ”
คีรินทร์เดินห่างออกไป ไข่มุกทำท่าจะเรียกแต่คีรินทร์ไปแล้ว ไข่มุกนั่งลง พิพัฒน์แกล้งยิ้มตบมือไข่มุกเบาๆ
“ฝากให้ได้ล่ะ เออ แล้วเรื่องชั้นจะมาทำงานที่นี่ อย่าไปบอกลูกไก่นะ เข้าใจป่ะ”
ไข่มุกมึนตึ้บ ทำท่าปวดหัว พิพัฒน์ยิ้มร่าผิวปากอย่างสบายใจ
ไข่มุกไม่มีทางเลือกจึงต้องฝากพิพัฒน์ทำงานที่โรงแรมกับวัฒนา ภายในห้องทำงานวัฒนา วัฒนาจ้องมองเอกสาร พิพัฒน์เอนหลังยิ้มท่าทางกร่างนิดๆ
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะส่งคุณพิพัฒน์ไปอยู่แผนกจัดเลี้ยงของโรงแรมน่าจะเหมาะ คุณนามสกุลดังด้วย แถมรู้จักคนในวงสังคมเยอะเครือข่ายดีแบบนี้เหมาะกับงานมาก”
“ใช่ครับ รับรองผมทำได้สบายมาก”
พิพัฒน์ทำท่าโอ่ ไข่มุกกับวัฒนามองหน้ากัน คีรินทร์เปิดประตูเข้ามาพร้อมเอกสาร
“เฮ้ย วัฒน์ โครงการอันนี้ชั้นว่า...มาได้ไงเนี่ยลูกไก่” คีรินทร์แปลกใจ
“ชั้นพาคุณพัฒน์มาสมัครงานค่ะ คุณวัฒน์เขารับเรื่องให้”
“ใช่ ชั้นให้คุณพิพัฒน์อยู่แผนกจัดเลี้ยง”
คีรินทร์งงเต็ก มองไข่มุกกับวัฒนาอย่างไม่พอใจ
คีรินทร์พาไข่คุยมาคุยในห้องทำงาน คีรินทร์หน้าบึ้งมองไข่มุกอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมต้องไปฝากคนอื่น ผมเป็นสามีคุณนะ”
“ก็ตอนแรกชั้นจะฝากกับคุณ แต่สาวๆ ของคุณโทรเข้ามาก่อน ก็เลยไปฝากคุณวัฒนาค่ะ”
“แก้ตัวตลอด แค่ฝากคนทำงาน รอก่อนไม่ได้หรือไง ชั้นไม่ได้คุยโทรศัพท์สามวันสักหน่อย อ๋อ รู้แล้ว”
“รู้อะไรคะ”
คีรินทร์เดินเข้าไปใกล้
“เธออยากไปเจอไอ้วัฒน์ล่ะสิ ติดอกติดใจตั้งแต่ไปกินข้าวด้วยกัน นี่รอไม่ไหวต้องหาเรื่องไปเจอ บอกมาตรงๆเหอะ แอ๊บหลุดแล้ว”
“คุณก็ว่าชั้นแอ๊บตลอด ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าชั้นบริสุทธิ์ใจ”
“ไม่อ่ะ”
“คุณนี่”
“ทำไม ทำไมครับ ชั้นโกรธจริงนะลูกไก่”
คีรินทร์ทำท่าหยอก ไข่มุกเดินหนี คีรินทร์คว้าตัวเข้ามาจูบ ไข่มุกผลักออกแล้วกระทืบเท้าเดินออกไปอย่างโมโห คีรินทร์ร้องโอดโอยกุมเท้า แต่ก็แอบหัวเราะชอบใจ
ไข่มุกขับรถมาจอดที่หน้าบ้านชลลดาแล้วกดกริ่งเรียก ขณะนั้นชลลดานั่งอ่านนิตยสารอยู่และภัททิมานั่งตะไบเล็บ เสียงกริ่งดัง ทั้งคู่โยนของในมือทิ้ง
“ว้าย คุณแม่ พวกที่บ่อนแน่เลย”
“ลูกไก่ ไปซ่อนเร็ว หลบมัน เร็ว”
ชลลดาวิ่งไปแอบหลังโซฟาหัวโผล่ ภัททิมาวิ่งไปที่แจกัน ชะโงกมองแล้วส่ายหัว ชลลดาหลบใต้โต๊ะแต่ภัททิมาเปิดเจอ วิ่งแยกไปคนละทาง ชลลดาวิ่งไปแอบหลังม่าน ภัททิมาแอบหลังตู้โชว์ ใบหน้าลุ้นปนกลัว
ไข่มุกไขกุญแจบ้านเข้ามา หันมองขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไมปิดไฟมืด ชลลดาหลบอยู่ในผ้าม่าน เหงื่อแตกเต็มตัว ชลลดากับภัททิมาชะโงกออกมอง เห็นแต่ขากางเกงก็ยิ่งกลัว ไข่มุกเดินเข้ามาเห็นร่างคนในม่านก็เดินเข้าไปใกล้ ไข่มุกเปิดออก ชลลดากรี๊ดลั่นไม่ลืมหูลืมตา
“ว้าย อย่านะ อย่าฆ่าชั้น อย่าทำชั้นนะ ชั้นยังไม่มีเงิน”
ภัททิมาถลาออกมาจากที่ซ่อน หิ้วไม้แขวนเสื้อมาเงื้อทำท่าจะตี
“คุณแม่ ลูกไก่มาช่วยแล้ว แกอย่าทำอะไรแม่ชั้นนะ ชั้นฆ่าแกแน่” ภัททิมามองไข่มุกตะลึง “นังมุก”
ชลลดาลืมตามอง อ้าปากค้าง
“ค่ะ มุกเอง แอบอะไรกันคะ”
ชลลดาถอนหายใจปาดเหงื่อ ภัททิมามองไม้แขวนในมือแล้วโยนทิ้ง ชลลดาหอบ ทำท่าโกรธมาก
“แอบนักเลงไงยะ นี่แกเกือบฆ่าชั้นแล้วนะ นังไข่มุก โอยหัวใจจะวาย”
ไข่มุกมองงงๆ ภัททิมากับชลลดายืนหอบมองเคืองๆ
ภัททิมา ชลลดา ไข่มุก นั่งอยู่ในห้องรับแขก ชลลดานั่งหน้าเชิ่ด รักษาฟอร์ม
“เป็นไง ไปอยู่บ้านเศรษฐีสบายไปเลยล่ะสิ แกต้องสำนึกไว้มากๆ นะยะ ว่าได้เข้าไปเพราะใคร
ไข่มุกไม่ตอบ ภัททิมาเสริม
“ดีทุกอย่างค่ะแม่ เสียอย่างเดียว ยัยคุณนายมณีขี้เหนียว”
“โอ๊ย คนนั้นข้อยกเว้น ทั้งร้ายทั้งเค็ม บาทเดียวไม่ให้กระเด็น ไม่รู้คุณเขมทัต ทนไปได้ยังไง แก่ก็แก่ แต่ที่ร้ายที่สุดคืออะไรรู้มั้ย”
“อะไรคะแม่”
“ก็ปากไง เห็นวางท่าผู้ดีอย่างนั้นนะ ตัวจริงยิ่งกว่าตำแยแช่น้ำเกลือ”
“แสดงว่าชีแร้งส์ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เออ ไข่มุก แกว่าห้องไหนในบ้านนั้นสวยสุดอ่ะ สำรวจมาหรือยัง เอาห้องใหญ่ๆ นะ ชั้นของเยอะ”
ไข่มุกมองอย่างสงสัย
“เออ คุณลูกไก่ถามทำไมคะ จะเข้าไปอยู่เหรอ แต่ว่าบ้านนั้นจะยอมเหรอคะ”
“ไม่ยอมก็ต้องยอม แกนั่นแหละ ไปออดอ้อนผัวแกให้พวกชั้นหน่อย หัดใช้ลูกไม้ซะมั่ง อย่ามัวแต่ทื่อเป็นท่อนไม้”
“ชั้นอ้อนไม่เป็น แล้วอ้อนไปก็คงไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไม แกคิดจะกันท่าชั้นไม่ให้สนิทสนมกับผัวแกเหรอ”
ไข่มุกส่ายหน้า
“ได้ดีแล้วอย่าคิดจะทิ้งกันเชียวนะยะ ความลับแกอยู่ในมือชั้น เจอชั้นแฉเข้าไป แกได้ถูกเฉดหัวออกจากบ้านนั้นแน่ แกจะไปทำยังไงก็ได้ ออดอ้อน ออเซาะ มารยามีเท่าไหร่ใส่ไปให้หมด เบิกทางให้พวกชั้น ไม่งั้นโดนดี”
ชลลดามองไข่มุกอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ไข่มุกมีสีหน้าหนักใจ
ค่ำวันเดียวกันนั้นที่บ้านคีรินทร์ ขณะกินอาหารค่ำช้อยตักข้าวให้ทุกคนแต่แอบกระแทกช้อนใส่จานไข่มุก
ไข่มุกมองหน้า ช้อยเชิ่ดนิดๆ
“ช่วงนี้เป็นโรงแรมเป็นไงบ้างตารินทร์ เห็นเลขาพ่อบอกว่าผลประกอบการตกลง”
“ก็นิดหน่อยครับ ค่าเงินยูโรตก ลูกค้าแถบยุโรปเลยไม่ค่อยมากัน แต่ยังดีได้ลูกค้าแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นกับ เกาหลีเพิ่มขึ้น ผลประกอบการตกลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้เสียหายอะไร”
“อุ๊ย แม่อยากไปเกาหลี จะไปช็อปเครื่องสำอางกับตามรอยซีรีย์”
“ซีรีย์ รักวุ่นวายแม่ยายพุงกางนะเหรอ”
เขมทัตกับคีรินทร์หัวเราะ มณีตวัดค้อน ช้อยหลุดหัวเราะ มณีค้อนอีก ช้อยหลบตาเอามือปิดปาก
“หัวเราะเข้าไป ชั้นสวยเมื่อไหร่อย่ามาเรียก คิม เม นี แล้วกัน”
เขมทัตยิ่งหัวเราะใหญ่ คีรินทร์หัวเราะค้างหันไปเห็นไข่มุกทำท่าอึกอัก
“เป็นอะไรลูกไก่ อยากเป็น ซอง ลู ไก เหรอ”
ไข่มุกค้อนให้ คีรินทร์ยิ่งยิ้มชอบใจ แววตาอ่อนโยน รักเธอมากขึ้นไม่รู้ตัว
“เออ แล้วแม่เราเป็นไงบ้าง ได้ไปเยี่ยมมั่งหรือเปล่า”
ไข่มุกยิ้มนิดๆ ดีใจที่เปิดช่อง
“ไปมาแล้วค่ะ แม่เพิ่งกลับมาบ้าน”
“ไปไหนมาน่ะ เที่ยวจริ๊ง”
“แถวๆ ชายแดนค่ะ” ไข่มุกหลุดปากบอก ทุกคนอึ้ง
“ไปบ่อนมาล่ะสิ ใช่มั้ย”
ไข่มุกหน้าเสีย เขมทัตเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้าแม่หนูสะดวก ก็ชวนเขามากินข้าวที่บ้านสิ อยากให้มาคุย มาเห็นว่าหนูอยู่ยังไง จะได้สบายใจ คนเป็นแม่ยังไงก็เป็นห่วงนะ ยิ่งลูกสาวคนเดียวด้วย” ไข่มุกยกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะ”
“อยากเห็นหน้ายัยชลลดาใจจะขาดหรือไงฮึ”
มณีค่อนขอด แต่ไข่มุกไม่สนใจ ใบหน้าดูโล่งขึ้นที่ได้พูดแล้ว
อ่านต่อเวลา 17.00น.
มายาสีมุก ตอนที่ 4 (ต่อ)
วันต่อมาไข่มุกมาเดินเลือกซื้อของ ในมือมีถุงผลไม้กับขนมสองสามถุง ไข่มุกเดินผ่านหน้าเดชไป เดชเงยหน้ามองอย่างคุ้นตา เดชทำท่าจะก้มลงแต่สะกิดใจเงยขึ้นจึงเห็นคนร้ายเดินตามไข่มุก
ไข่มุกกำลังเปิดรถจะเข้าไปนั่ง คนร้ายโผล่มาจากด้านหลังรัดคอไข่มุก ไข่มุกศอกกลับแต่คนร้ายเอี้ยวตัวหลบได้ ไข่มุกจะกระทืบเท้าแต่คนร้ายรู้ทันเตะตัดขา ไข่มุกล้มลง คนร้ายต่อยท้องจนตัวงอแล้วลากขึ้นไปด้านข้างคนขับคนร้ายเปิดประตูยัดไข่มุกลงไป เดชมาจับประตูที่คนร้ายกำลังจะปิดแล้วชกเข้าไปเต็มหน้า
“ไอ้เวรเอ๊ย”
คนร้ายจะต่อยกลับ เดชจับไว้แล้วหักบิดแขน คนร้ายร้องลั่น/ไข่มุกลืมตามอง ไอเบาๆ
“นายเดช”
คนร้ายอาศัยเดชเผลอ บิดตัววิ่งหนีออกไปได้ เดชทำท่าจะวิ่งตาม แต่เป็นห่วงไข่มุก เดชก้มลงเก็บผลไม้กับขนม
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิง”
ไข่มุกประคองตัวลุก
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบใจนายเดชมากนะ”
เดชพยักหน้า ส่งถุงให้ แล้วเดินไป ไข่มุกมองถุงในมือแล้วร้องเรียก
“เดี๋ยวค่ะ นั่งรถกลับไปโรงแรมด้วยกันมั้ย”
เดชเลิกตามอง
“เอ่อ...”
ไข่มุกยิ้มให้นิดๆ อย่างขอบคุณ
“ทางเดียวกัน ถือว่าเป็นการขอบคุณนะคะ”
ไข่มุกแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของโรงแรม ขณะนั้นสามสาว กีกี้ น้องแพรว แองจี้กำลังจะเดินเข้าโรงแรมแต่กีกี้ทำเขม้นมองไข่มุก
“นั่นเมียคุณรินทร์นี่ ชั้นจำรถได้”
สองสาวชะโงกหน้ามอง
“ใช่จริงด้วย อุ๊บส์ มากับใครเนี่ย ผู้ชายซะด้วย”
กีกี้ควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายคลิป
“นี่แนะ ต้องถ่ายคลิป”
เดชลงจากรถ ไข่มุกยื่นขนมให้ เดชทำท่าปฏิเสธ ไข่มุกยื่นหน้าออกมายิ้ม ทำท่าคะยั้นคะยอ จนเดชยอมรับแล้วเดินออกมา ไข่มุกแล่นรถออกไป
“กิ๊กใหม่หน้าเถื่อนมาก กีกี้ ถ่ายไว้ได้เปล่า”
กีกี้กดหยุด ยิ้มสะใจ
“แน่นอน คราวนี้นังลูกไก่โดนเด้งแน่”
สามสาวประสานเสียงหัวเราะกัน สบตากับเดชที่มองมาเหี้ยมๆ สามสาวหยุดหัวเราะกึก ทำท่ากลัว
สามสาวมาหาคีรินทร์ที่ห้องทำงานแล้วเอารูปไข่มุกกับเดชที่ถ่ายไว้ให้คีรินทร์ดู สามสาวมองคีรินทร์ลุ้นๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำท่าสาแก่ใจ คีรินทร์ที่ดูมือถืออยู่ส่งคืน ใบหน้าเรียบตึง
“เดช เป็นรปภ.ที่นี่ ผมสั่งให้เขาไปทำธุระกับลูกไก่เอง”
สาวสาวทำหน้าผิดหวังเต็มที่ ไข่มุกเดินเข้ามาในห้อง มองสามสาวงงๆ สามสาวทำเชิดใส่
“ยูโซลัคกี้ แต่คราวหน้าไม่รอดแน่”
สามสาวสะบัดก้นเดินออกจากห้องไปหมด ไข่มุกเอาแฟ้มงานมาวางบนโต๊ะ คีรินทร์ปัดแฟ้มหล่น เอกสารกระจาย
“กี่คนแล้วฮะลูกไก่ วันก่อนไอ้วัฒน์ วันนี้ไอ้เดช เธอจะทำให้ชั้นขายหน้าไปถึงไหน ผู้หญิงแบบเธอไม่รู้จักพอหรือไง”
“อะไรกันคะ คุณเป็นอะไรของคุณ”
“เมี่อกี้เธอให้ไอ้เดชมันนั่งรถมาใช่มั้ย กีกี้เขาให้ชั้นดูคลิปหมดแล้ว ไอ้ยามนั่นมีอะไรดี ถึงได้ไปคบหาทำตัวติดกับมัน บอกหน่อยสิ”
ไข่มุกหน้าตึง โกรธมาก
“ชั้นมีสิทธิ์จะคบ จะคุยกับใครก็ได้ คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตชั้น คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามชั้น ชั้นเป็นคน ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณ”
คีรินทร์แค่นยิ้ม
“เหรอ เธอเข้าใจผิดแล้วลูกไก่ ชั้นจ่ายเงินซื้อเธอมา เธอต้องเป็นสิทธิ์ของชั้น เธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเองทั้งนั้น ชั้นคือสามีเธอ จะทำอะไรกับเธอ ก็ได้ จำเอาไว้ ชั้นจะไม่ลงทุนอะไรที่มันเสียเปล่า”
ไข่มุกอึ้ง น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ไข่มุกหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทำงาน คีรินทร์รู้ตัวว่าพูดแรงได้จึงร้องเรียกแต่ไม่ทัน
“ลูกไก่ ลูกไก่ โธ่เว้ย ไอ้บ้ารินทร์ ปากหมาทุกที
คีรินทร์ทุบหมัดลงบนโต๊ะ แววตารู้สึกผิดและเสียใจ
ไข่มุกวิ่งผ่านหน้าวัฒนาเข้ามาในห้องฟิตเนสที่ไม่มีคน ไข่มุกนั่งลงมุมห้องร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเข่าตัวเอง วัฒนาเดินมาพร้อมผ้าเช็ดหน้า ไข่มุกเห็นหน้าวัฒนาก็ยิ่งร้องไห้โฮ
“เป็นอะไรครับคุณลูกไก่ ใครทำอะไรคุณ”
ไข่มุกส่ายหน้าไม่ตอบ วัฒนายิ้มนิดๆ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าให้ ไข่มุกยังร้องไห้สะอื้นอยู่ วัฒนาเช็ดให้อย่างอ่อนโยนแล้วโอบไหล่ปลอบใจ คีรินทร์วิ่งตามมาเห็นภาพวัฒนากำลังโอบไข่มุก ฉุนขาด
“ไอ้วัฒน์” คีรินทร์ดึงวัฒนาออกแล้วต่อยเต็มแรง วัฒนาจับมุมปากรู้ว่าเลือดไหล คีรินทร์หันเข้าหาไข่มุกจับไหล่บีบแน่น “ร้องไห้ออดอ้อน เรียกร้องความสนใจ ชอบล่ะสิที่ผู้ชายต้องหัวปั่นเพราะเธอ เก่งนักนะลูกไก่”
“มันเรื่องอะไรกันวะรินทร์ พอได้แล้ว”
“อย่ามาสะเออะยุ่งกับของๆ คนอื่น นี่เมียชั้น แกไสหัวไปเลยไม่งั้นชั้นชน แกอีกแน่”
ไข่มุกปัดมือคีรินทร์ออก
“คุณนั่นแหละไป อย่ามายุ่งกับชั้น หยุดทำร้ายชั้น ทำร้ายคนอื่นเสียทีเถอะ”
“เธอเข้าข้างมันเหรอ ได้ อยากทำอะไรก็ทำ ตามสบาย ทำไปเลย”
กีกี้ แองจี้ น้องแพรวกำลังเดินเข้ามา เห็นคีรินทร์ทะเลาะกับไข่มุกก็ยืนแอบดูกันตาโต ไข่มุกมองคีรินทร์อย่างผิดหวัง น้ำตาไหลพราก คีรินทร์สบสายตาร้อนแรงด้วยความโกรธ
ไข่มุกเดินปาดน้ำตาออกมาหน้าโรงแรม กีกี้ แองจี้ น้องแพรวตามมาล้อมตัว ยิ้มเยาะเย้ย
“โถๆๆ น่าสงสารนะจ๊ะ เป็นเมียได้ไม่เท่าไหร่ โดนผัวเฉดหัวส่งแล้ว น่าสงส๊าร น่าสงสาร”
“โอ้ พัวร์เกิร์ล”
ไข่มุกจะเดินหนี กีกี้ดักไว้
“ทนฟังเรื่องจริงไม่ได้เหรอ ผู้หญิงของคุณรินทร์ไม่ได้มีแค่เธอหรอกนะ แต่งได้ก็เลิกได้ แต่ถ้าทำตัวอย่างนี้คงอีกไม่นานหรอก”
ไข่มุกเดินหนี สามสาวมองตามยิ้มเยาะอย่างคนชนะ ไข่มุดเดินปาดน้ำตา จมูกแดง ชลลดากับภัททิมาเดินสวนเข้ามาก็ร้องเรียก
“ไปไหนยะนังมุก ชั้นมีธุระกับแก”
“คุณผู้หญิงมีอะไรคะ”
ชลลดาชี้ไปที่กระเป๋า
“ชั้นกับลูกไก่จะมาพักผ่อนที่โรงแรมสักสองสามวัน แกไปบอกผัวแกให้ จัดการให้ด้วย อ่อ ขอแบบฟูลแพ็คเก็จนะยะ ห้องฟรี อาหารฟรี ทุกอย่างเริ่ด หรู แต่ฟรีหมด”
ไข่มุกมองกองกระเป๋ากับชลลดาและภัททิมา หน้าซีดเซียว
ไข่มุก คีรินทร์ ภัททิมาและชลลดานั่งอยู่ในห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรม ภัททิมานั่งข้างคีรินทร์ พยายามกระแซะ
“ขอบคุณคุณรินทร์มากนะคะ วันไหนว่างๆ ให้ชั้นพาไปเลี้ยงตอบแทนนะคะ เอาเป็นผับแถวสุขุมวิทดีมั้ยคะ”
“ไว้คราวหน้านะครับ ช่วงนี้ผมงานยุ่งๆ”
คีรินทร์มองไข่มุกที่นั่งซึม ขอบตายังแดง ไข่มุกนั่งกินเงียบๆ ไม่พูดอะไร ภัททิมาคว้าแขนคีรินทร์มากอด
“แหม รีแลกซ์บ้างสิคะ”
“ใช่ คนทำงานต้องพักผ่อนบ้าง ถ้าไม่ชอบผับก็ไปต่างจังหวัดค้างสักสองคืนก็ได้ น่าสนุกดีนะน้าว่า”
“ผมชอบพักผ่อนอยู่กับบ้านมากกว่า”
“งั้น ให้น้องไปทำอาหารให้ท่านที่บ้านมั้ยจ๊ะ น้ารับรองว่าจะติดใจ”
คีรินทร์ลอบถอนหายใจเบื่อๆ
“ให้เขากลับไปที่บ้านแม่เขาบ้างดีมั้ยครับ วันก่อนก็มาที่บ้านถามหาหนนึงแล้ว” ภัททิมางง
“แม่”
ชลลดากับภัททิมาอึ้ง
“แม่คุณไม่ได้บอกเหรอไข่มุก”
คีรินทร์ถามต่อ ภัททิมาทำท่าอึกอัก
“มันมาทำไมคะ มาขอเงินหรือเปล่า” ชลลดาถาม คีรินทร์ไม่ตอบมองเลยไปที่ไข่มุก ชลลดากับภัททิมามองไข่มุกอย่างจับผิด “ต่อไปถ้ามันมาอีกไม่ต้องให้มันเข้าบ้านนะคะ นังคนนี้เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ เอาลูกมาเป็นภาระคนอื่นยังไม่พอ ยังคอยมารีดมาไถไล่มันไปให้ พ้นๆ เลย”
“หน้าไม่อาย ชั้นต่ำจริงๆ”
ภัททิมาว่าวันดีอย่างเผลอตัว คีรินทร์มองหน้า ภัททิมาชะงัก ตีหน้าเจื่อน
“จะดีเลวยังไงก็เป็นแม่ คุณไม่ควรว่าแม่ตัวเอง”
“เป็นแม่ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่เลย อย่าว่าลูก...ว่าไข่มุกเลยค่ะ” ชลลดาแก้วตัวให้
“คุณรินทร์คะ มุกมีเรื่องจะรบกวนอีกอย่าง คือมุกอยากจะมาพักที่โรงแรมเปลี่ยนบรรยากาศสักสามวัน ห้องยังพอว่างมั้ยคะ”
ภัททิมาดึงมือคีรินทร์ไปจับ ลูบไล้
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะจัดการให้”
ภัททิมายิ้มหวานโปรยเสน่ห์ เอียงแก้มแนบไหล่คีรินทร์
“ขอบคุณค่ะ คุณรินทร์น่ารักที่สุดเลย”
คีรินทร์ปล่อยให้ซบ แต่ตามองไปที่ไข่มุก ไข่มุกยังคงนั่งนิ่ง ไม่แสดงท่าทางอะไร
ภายในห้องพักของโรงแรม ไข่มุกเปิดม่านให้ ชลลดานั่งบนเตียงมองรอบห้องอย่างชอบใจ
“แกออกไปได้แล้ว ชั้นจะพักผ่อน”
“สั่งรูมเซอร์วิสให้ด้วยนะยะ ชั้นเอาน้ำแครนเบอรี่นำเข้าจากอเมริกา แช่เย็นเจี๊ยบ ไม่เย็นไม่เอา” ภัททิมาบอก
“ค่ะ”
ไข่มุกพยักหน้า เปิดประตูออกไปเจอพิพัฒน์ พิพัฒน์ชะโงกหน้าเข้าไปเห็นก็สะดุ้งเฮือก รีบปิดประตู
“แม่ลูกตัวแสบมากันทำไมเนี่ย”
“เขาจะมาพักผ่อนที่นี่สองสามวันค่ะ”
พิพัฒน์ทำหน้าเหยเก
ภายในห้อง ชลลดานอนอยู่บนเตียง ท่าทางสบายสุดๆ มองไปรอบห้องอย่างสุขใจ
“นี่ถ้าลูกจับคุณรินทร์ได้ ทุกอย่างที่นี่ก็จะเป็นของเรา ฮู้ยย สบายไปทั้งชาติ”
“มือชั้นนี้แล้ว ไม่มีพลาดค่ะ ถึงคุณรินทร์จะเป็นเศรษฐีใหม่ นามสกุลไม่ดัง แต่แค่รวยก็กินขาด หนูไม่ให้หลุดมือแน่”
ชลลดาหัวเราะชอบใจ
“แหม ได้ดั่งใจแม่จริงจิ๊ง ชักฉลาดขึ้นมาแล้วสิ”
สองแม่ลูกลอยหน้าลอยตาอย่างมีความสุข วาดฝันถึงอนาคต
ที่เกาหลี แทยอนจับประคองจินจูแล้วค่อยๆ ปล่อย จินจูที่ถอดเผือกอ่อนแล้วค่อยๆ เดินบนสนาม เอนตัวเล็กน้อย แต่ก็เดินได้ดี จินจูยิ้มนิดๆ
“เก่งมาก จินจู” แทยอนเดินไปจับมือจินจู “เห็นเธอหายดีแล้ว ชั้นสบายใจที่สุด ไว้เดือนหน้าให้เท้าเข้าที่อีกสักนิด เราไปเที่ยวยุโรปกันดีมั้ย”
แทยอนมองจินจูด้วยสายตาซาบซึ้งและรักสุดหัวใจ จินจูสบตาแต่ก็เบือนออก
“แต่อีกสองเดือนชั้นอาจจะต้องไปเมืองไทยคะ”
แทยอนชะงัก
“เธอจะไปอีกเหรอ ชั้นนึกว่าเขาหาคนอื่นแทนแล้วเสียอีก”
“ก็เพราะว่าเขายังรอน่ะสิ ถึงต้องไป”
แทยอนอึ้ง จับมือจินจูแน่นไม่อยากให้ไป จินจูเงยหน้ามองท้องฟ้าแววตาโศก
คืนนั้น คีรินทร์เดินเข้ามาในห้องนอน บนเตียงมีไข่มุกนอนชิดริมหันหลังให้ คีรินทร์มองทอดสายตาทำท่าจะขยับไปจับแต่ชะงักมือ ค่อยๆ ขึ้นนอนหันหลังให้เหมือนกัน ไข่มุกลืมตาขึ้น
ทั้งสองคนนอนกระสับกระส่ายพยายามจะนอน คีรินทร์กับไข่มุกค่อยๆ หันหน้าเข้ามากับ พอสบตาเห็นอีกฝ่ายก็หันหลังให้กันอีก คีรินทร์และไข่มุกพยายามจะนอน แต่ก็ไม่หลับเสียที
เช้าวันรุ่งขึ้น มณีทำท่ายืนรออยู่ในห้องรับแขก เดินไปเดินมามองไปทางประตู เขมทัตอ่านนิตยสาร สลับกับมองมณี แล้วส่ายหัวเบาๆ ไข่มุกในชุดทำงานเดินผ่านห้องรับแขก
“ลูกไก่ มาคุยกันก่อน” ไข่มุกทำหน้างงแต่ก็เข้ามาหา “ทำไมแม่เธอมาพักที่โรงแรม บ้านก็มีไม่ใช่เหรอ”
“หนูไม่ทราบค่ะ แม่คงอยากมาพักผ่อน”
“แหม มาพักผ่อน ทำอย่างกับเศรษฐีเมืองนอก แล้วที่มาพักนี่จ่ายเงินมั้ยยะ หรือว่ากินฟรีอยู่ฟรี ไม่เสียสักบาท”
เขมทัตปิดหนังสือ
“อย่าทำงกมากน่า ห้องเราก็ว่างอยู่เฉยๆ”
“เราทำธุรกิจนะยะ ไม่ใช่โรงทาน ให้ใครต่อใครมานอนฟรีๆ ความเกรงใจมีกันบ้างมั้ย ไปถามแม่เธอสิ”
ไข่มุกมองมณี มณีสบตาตีสีหน้าเชิ่ดใส่
ชลลดากับภัททิมานั่งอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรม พนักงานเดินถือบิลค่าอาหารมาที่โต๊ะ
“รบกวนเซ็นบิลค่าอาหารด้วยครับ”
ชลลดากระชากมาดูแล้ววางลง
“ทำไมชั้นต้องเซ็นยะ รู้มั้ยว่าชั้นเป็นใคร ชั้นเป็นแม่ยายเจ้าของโรงแรมนะ ไหน ไปเรียกผู้จัดการมาเคลียร์สิ”
พนักงานเดินออกไป วิสรรค์ ซึ่งเป็นผู้จัดการตบไหล่พนักงานเบาๆ แล้วเดินเข้ามาหาชลลดาอย่างนอบน้อม
“มีปัญหาอะไรให้ผมรับใช้ครับ คุณชลลดา”
ชลลดาจับบิลสะบัดทำท่าแขยง
“ก็ลูกน้องคุณน่ะสิ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ชั้นเป็นแม่ลูกไก่ ทำไมต้องจ่าย เอาบิลกลับไป”
“ต้องขอโทษในความไม่สะดวกครับ แต่คุณลูกไก่ไม่ได้เปิดบัญชีกับทางโรงแรม เราเลยไม่สามารถลงไว้ได้”
“งั้นก็ลงของคุณรินทร์สิ อย่าบอกนะว่าไม่มี”
มณีก้าวฉับๆ มาคว้าบิล
“ไม่ได้ ใครกินใครก็จ่าย จะมาลงบัญชีลูกชายชั้นหมดก็ตายสิยะ นี่โรงแรมไม่ใช่สถานสงเคราะห์นะ”
เขมทัตเดินตามมา
“แต่ชั้นก็เป็นแม่ยาย แค่มากินอยู่ไม่กี่วันยังจะคิดเงินอีกเหรอ เค็มไปหรือเปล่าคะ”
“คุณมณี เงินไม่เท่าไหร่เอง อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย” เขมทัตบอก
“ไม่ได้ เดี๋ยวได้ใจกันไปใหญ่ ต้องให้สอนมารยาทเบื้องต้นมั้ยยะ ว่าความเกรงใจมันเป็นสมบัติของผู้ดี”
ชลลดาทำเมิน หันไปหาเขมทัต
“อันที่จริงเรื่องมันนิดเดียวเองนะคะ ชลไม่อยากให้เป็นเรื่องเลย จะให้ชลจ่ายก็ได้ แต่ถ้าจ่าย คนอื่นจะว่าเอาได้นะคะ ว่าเจ้าของโรงแรมเค็มกระทั่งญาติ”
“เอาล่ะๆ วิสรรค์ เอาเป็นว่าเข้าบัญชีผมแล้วกัน”
เขมทัตตัดบท มณีตกใจอ้าปากค้าง ชลลดายิ้มหวานให้เขมทัตแต่แอบทำสีหน้าสะใจใส่มณี มณีมองหน้าแบบฝากไว้ก่อน
ที่ห้องฟิตเนส ไข่มุกเดินรอบๆ คลาส มณีอยู่กลางห้องเต้นอย่างเมามัน ออกหมัดระบายแค้น
“ย่าห์ อ้อนนักนะ เฮี้ยย่ะ เดี๋ยวเจอเตะสั่งสอน ฮึ้บ หมัดทะลวงเซี่ยงจี๊ ย่า”
มณีเต้นอย่างออกรส ทั้งเตะทั้งต่อยจนคนข้างๆ ผวา ชลลดากับภัททิมาเดินเข้ามา พอเห็นมณีก็แกล้งเข้าไปใกล้
“สนุกมั้ยคะ ขอเรียนด้วยคนนะ”
มณีหยุดเต้น มองหัวจรดเท้า
“กระแดะ เชอะ”
มณีเดินไปเต้นห่างออกไป ชลลดากับภัททิมามองมณีแล้วหัวเราะคิกคักเพราะมณีใส่เสื้อรัดรูปสีส้มสะท้อนแสงกับกางเกงฟิตเปรี๊ยะสีเขียวสด
“ดูสิ ข้างหน้ายิ้มเชียว น้องหนูเขียวเอ๊ย”
มณีแอบเหล่ แต่เต้นต่อ
“อุ๊ยๆ เตะใหญ่เลย เขียวส้มอมยิ้ม”
มณีได้ยินแว่วๆ ก็ก้มลงมองตัวเองที่ใส่กางเกงเขียว แล้วมองตาเขียวอย่างนึกรู้ ไข่มุกจับเฮดโฟนไมค์
“เราจะมาเร่งจังหวะกันนะคะ เสต็ปเดิม เอาเลยค่ะ”
มณีได้ยินก็อมยิ้ม แกล้งออกลวดลายเข้าไปใกล้สองแม่ลูกที่เต้นเก้กัง มณีตวัดขาถีบเข้าที่ก้นชลลดา
“ว้าย”
มณีเก๊กท่ามวย ออกหมัดรัวยิบใส่ภัททิมา ภัททิมาหลบไปวี้ดว้ายไป ชลลดาทำท่าลุกขึ้นมาแต่ภัททิมาสะดุดล้มไปทับกัน
มณียืนหอบมองอย่างสะใจ สองสาวมองแค้นหนัก ลุกขึ้นยืนประจันหน้า
“นี่มันอะไรกันคุณมณี ทำร้ายร่างกายกันชัดๆ”
“ก็ช่วยไม่ได้ เรียนหมัดมวยก็มีผิดคิวบ้าง เรื่องธรรมดา”
มณีลอยหน้าพูดอย่างสะใจ ชลลดามองกลับอย่างเจ็บใจ
ที่ห้องเขมทัต เขมทัตยืนหันหลังอยู่หันหน้ากลับมา ถอนใจหนัก ชลลดากับภัททิมาหน้าเขียวช้ำ
“คุณทัตต้องให้ความยุติธรรมนะคะ ดูสิ ชลกับลูก เอ้อ หลาน หน้าเขียวหมดแล้ว”
“คุณลุงขา มุกเจ็บ โอ๊ย พรุ่งนี้บวมแน่ๆ”
“สำออยทั้งคู่ โดนซะบ้างจะได้หายซ่า ชอบนินทาดีนัก” ชลลดาแกล้งร้องไห้โผเข้าหาเขมทัต แต่โผวืดเพราะมณีดึงเอาไว้ทัน “นี่ๆๆๆ จะร้องก็ร้องไป อย่าเข้าใกล้ผัวชั้น”
“คุณมณีคิดมากแล้วค่ะ คุณเขมทัตเป็นคนดี มีเมตตา แถมยังอบอุ่นใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ ยิ่งคนขาดความอบอุ่นอย่างชั้น อดไม่ได้หรอกค่ะ”
มณีมองอย่างหมั่นไส้
“ออเซาะเข้าไป คุณก็ยืนให้เกาะอยู่ได้ ถอยไปสิ”
เขมทัตถอยออก
“ดูสิคะ หวังหนีร้อนมาพึ่งเย็น กลับมาเจอเขียวส้มอมยิ้มอาละวาดโดนรังแก ทั้งเจ็บทั้งอาย”
เขมทัตแอบมองชุดมณีแล้วหลุดขำ มณีค้อนขวับตาเขม็ง เขมทัตกระแอมแก้เก้อ
“แล้วที่บ้านมีอะไรครับ ถึงไม่อยากอยู่”
“ตอนนี้ขโมยชุมค่ะ ข้างบ้านเพิ่งเข้าไป ชลกลัว ไม่รู้จะไปอยู่ไหนอีกอย่าง” ชลลดาผละไปหาไข่มุก ดึงมากอดแน่นจนไข่มุกหน้าเบี้ยว “ชลคิดถึงลูก อยากเห็นหน้าลูก คิดถึงเหลือเกิ๊น คิดถึงมากๆๆ”
“งั้นว่างๆ ไปเยี่ยมที่บ้านสิครับ ดีมั้ยลูกไก่”
ไข่มุกยิ้มค้างไม่รู้ว่าจะดีมั้ย มณีอึ้ง พูดอะไรไม่ถูก ชลลดายิ้ม เหลือบมองมณีแวบหนึ่งอย่างสะใจแล้วผละไปกราบที่อกเขมทัต เงยขึ้นช้อนตาหวานใส่
“ขอบคุณมากนะคะ คุณทัตใจดีจริงๆ”
“โอ๊ย อ้อล้อ อยากดีดให้กระเด็นจริงๆ”
มณีพูดประชด ชลลดายิ้มเยาะ มณีควันออกหูหน้าแดงก่ำ
ชลลดาเดินแอ็คท่าเป็นคุณนายแถวฟร้อนท์ล็อบบี้ พนักงาน ก้มหัวให้เกียรติ ชลลดาพยักหน้าพอใจแล้วเดินเชิ่ด อีกดมุมหนึ่งเขมทัตเดินอยู่ ยกมือทักทายลูกน้อง ชลลดาเห็นรีบเดินเข้าไปชิด ยิ้มหวานประจบแล้วสะบัดเชิ่ดคอตั้งใส่พวกพนักงาน
คีรินทร์เดินผ่านสระน้ำ ภัททิมาอยู่ในชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ทำท่าวี้ดว้าย โบกมือให้คีรินทร์ คีรินทร์โบกตอบแกนๆภัททิมาโพสท์ท่าเซ็กซี่ส่งจูบให้ เป่าลอยตามลม คีรินทร์ยิ้มแหย ภัททิมาหน้านิ่วนิดๆ แต่ก็ยิ้มแทน วักน้ำใส่คีรินทร์ คีรินทร์กระโดดหลบไม่พ้น เปียกนิดๆ ภัททิมาหัวเราะชอบใจ
ที่ห้องอาหารโรงแรม ชลลดาทำท่าจิ้มเมนูยาวเหยียด บริกรพยักหน้ารับ ชลลดากับภัททิมากินอาหารกันอย่างอร่อยมาก ของวางเต็มโต๊ะ บริกรเดินเอาบิลมาให้เซ็น ชลลดารับมาดูเห็นบิลเขียนเป็นชื่อเขมทัต ก็ยิ้ม จรดปากกาเซ็นท่าคุณนาย กรีดกราย
“ฮ้า สุขใดที่ไหนเกิน”
ชลลดากับภัททิมาหัวเราะชอบใจ
ที่ห้องทำงานเขมทัต ฝ่ามือมณีตบโต๊ะดังปัง เขมทัตกับคีรินทร์สะดุ้ง
“ชั้น ทน ไม่ ไหว แล้ว นังป้าหลานกาฝากนั่น กระแดะเกินไปแล้ว โอ๊ย หมั่นไส้”
มณีพูดเน้นเสียงทีละคำ
“อย่าพูดดังสิ เดี๋ยวลูกไก่เดินผ่านมาได้ยิน”
“ก็จะให้ได้ยินนี่แหละ จะได้เอาไปสอนแม่เอาแต่ได้ของเขา ฮึ คุณนะคุณเอาผู้หญิงอะไรไม่รู้มาเป็นสะใภ้ โคตรเหง้าจอมล้างผลาญแถมหน้าด้านหน้าทน”
“คิดมากน่ะแม่ แค่กินจะสักเท่าไหร่กันเชียว”
“อย่ามาเข้าข้างนะรินทร์ เดี๋ยวตีตายเลย”
มณียกมือจะตี
“เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ แม่ลูกคู่นี้ แต่เธอก็เค็มไปนะ แค่เงินนิดเดียวเอง”
“นี่ก็อีกคน เข้าข้างกันเข้าไป อีกหน่อยเดี๋ยวได้นังชลลดาเป็นเมียอีกคนหรอก”
“อืม ไอเดียดี แบบนี้รับได้”
มณีแยกเขี้ยวจะกรี๊ด ซัดไหล่เขมทัตอย่างเจ็บใจ
เสียงเพลงดังขึ้นจากห้องโถงของโรงแรม ไข่มุกได้ยินทำหน้าชอบใจเดินเข้ามาในโถงเห็นคธากำลังเล่นเพลง “น้ำตาไข่มุก” คธาหยุดมือ เงยหน้ามอง สองคนสบตากัน แววตาจำได้
“คุณอา”
“สาวน้อยนักบู๊นี่เอง”
ไข่มุกยกมือไหว้คธา
“คุณอามาเล่นดนตรีที่นี่หรอคะ”
“ครับ พึ่งมาทำได้ไม่เท่าไหร่”
ไข่มุกเดินเข้ามาที่เปียโน
“เพลงเพราะจังค่ะ” คธายิ้มเศร้า
“นี่เป็นเพลงที่ผมแต่งให้ภรรยาน่ะ”
“ชื่ออะไรเหรอคะ”
“น้ำตาไข่มุก... ชื่อภรรยาผม ...แปลว่าไข่มุก”
ไข่มุกทำหน้าแปลกใจแกมซาบซึ้ง คธาหน้าเศร้า มองเหม่อไปไกล
มายาสีมุก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ที่เกาหลี จินจูสวมแว่นดำพลางตัว เดินเล่นช้าๆ ในสวนสาธารณะ มองเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน จินจูหยุดยืนมองนิ่ง สีหน้าเศร้าสลดลง นึกถึงความหลัง
ในอดีตที่ห้องคนไข้ในโรงพยาบาลไทย พยาบาลยิ้มอุ้มทารกในมือยืนข้างเตียง จินจูที่นอนบนเตียง พึ่งคลอดเสร็จเสียเลือดไปมาก เหนื่อยอ่อนแทบหมดแรงก็ผงกหัวดู
“ลูกสาวคะ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นมาก”
จินจูจ้องมองทารกอย่างอาทร ยิ้มทั้งที่เหนื่อยเพลียด้วยความรักใคร่ เอื้อมมือไปแตะเด็ก
“ยองแอ ลูกน่ารักเหลือเกิน” จินจูแตะสร้อยคอซึ่งเป็นทองคำขาวเส้นเล็ก มีจี้เป็นไข่มุกเม็ดงาม “เอาสร้อยนี้ให้เขาด้วยนะคะ”
พยาบาลยิ้มรับ พยาบาลเอาสร้อยมาวางบนเบาะข้างตัวทารก จินจูมองหน้าลูก ยิ้มมีความสุขเหมือนจะเก็บความทรงจำเกี่ยวกับลูกไว้กับเธอตลอดกาล
แทยอนหน้าขรึมดูเครียด อุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขน เดินมาหาจินจูที่นอนบนเตียง จินจูเห็นท่าแทยอนก็เฉลียวใจ ถามอย่างใจคอไม่ดี
“มีอะไร”
“จินจู เด็ก...”
จินจูตกใจฝืนลุกนั่งอย่างอ่อนเพลีย
“ลูกชั้น ทำไม ยองแอเป็นอะไรพี่แทยอน”
“ยองแอ ตายแล้ว”
แทยอนยื่นทารกมาตรงหน้า จินจูเห็นเด็กนอนนิ่งตัวซีดขาว กรีดร้องสุดเสียง
“ไม่”
จินจูสะดุ้ง เพราะมีลูกบอลกลิ้งมาโดน เด็กวิ่งมาหยุดตรงหน้ามองจินจู จินจูถอดแว่นดำออก มองเด็กแล้วยิ้มให้อ่อนโยน หยิบลูกบอลส่งให้ เด็กรับไป จินจูเอื้อมมือไปจับมือเด็ก เด็กมองแล้ววิ่งกลับไป จินจูมองตามแล้วต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างทนไม่ไหว ห่างออกไปหลังต้นไม้ปาปารัสซี่แอบถ่ายรูปเธอไว้
ไข่มุกนอนคว่ำที่โซฟาอ่านแมกกาซีนเกาหลีที่ลงรูปจินจูร้องไห้ ไข่มุกหน้าเศร้าจะร้องไห้ จิ้มนิ้วไล่อ่านเนื้อข่าว
คีรินทร์นั่งที่โซฟาอีกตัวกอดอก ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัยว่าอ่านไรนักหนาจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“อ่านอะไร เรื่องย่อละครทีวีเรื่องไหนล่ะ แหม มีซึ้ง”
ไข่มุกค้อนหน่อยๆ เห็นคีรินทร์ที่ส่งสายตาอยากรู้มาก เลยจิ้มที่เนื้อข่าว
“ก็นี่ไง จินจู ดาราคนโปรดของชั้น มีข่าวว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าจนนักข่าวแอบถ่ายภาพได้ตอนร้องไห้ในสวนสาธารณะ สื่อบอกว่า เขาดังมาก แฟนๆ เรียกร้องให้เล่นหนัง แต่สิบกว่าปีมานี้ จินจูไม่รับเล่นเรื่องไหนเลย โธ่ จินจูเป็นอะไรกันแน่”
ไข่มุกสูดหายใจสะอื้นนิดๆ คีรินทร์หรี่ตามองข้างเดียว
“อะไรจะเว่อร์ปานนั้น อินจัดไปรึเปล่า หรือไง ไหนเอามาดูสิ”
ไข่มุกเลื่อนแมกกาซีนหลบ
“เฮ้ย อย่าเพิ่งมาขัดจังหวะสิคะ ยังอ่านไม่จบข่าวเลย คนยิ่งเป็นห่วงจินจู” ไข่มุกอ่านต่อ น้ำตาคลอ คีรินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เห็นน้ำตาก็จะเช็ดให้ ไข่มุกปัดมือ“คุณนี่ เผลอไม่ได้เลยนะ...ตลอด”
“ก็จะเช็ดให้ เราอุตส่าห์เป็นห่วง ยังมาว่าอีก ดูซิ ทำดีไม่มีใครเห็น”
ไข่มุกบุ้ยปากใส่ เสียงประชดนิดๆ
“ดีตายละ ไม่ต้องห่วงคะ สัตว์เลี้ยงคุณไม่ตายง่ายๆ หรอก อึด
คีรินทร์มองไข่มุกที่พลิกนิตยสารอ่านต่อ กรอกตาไปมานิ่งคิดสักครู่แล้วตัดสินใจพูด
“คือที่เกิดเรื่องกับไอ้วัฒวันนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นกับคุณ”
ไข่มุกทำเชอะ ทำพลิกหนังสือต่อ
“แต่ก็พูดมาแล้ว”
คีรินทร์ฟุบหัวลงกับหมอน เสียงอู้อี้
“ผม...โทษ”
ไข่มุกหันมอง ทำหน้าสงสัย
“ฮะ...อะไรโท ... โทอะไร”
คีรินทร์ยังฟุบหัวอยู่กับหมอน
“ผม...ขอโทษ”
ไข่มุกเอียงหัวเข้าไปใกล้
“อะไรนะ ชั้นไม่ได้ยิน คุณพูดให้หมอนฟังเหรอ”
คีรินทร์ยกหัวขึ้นแต่พูดเสียงเบาลากยาว
“ผมขอโทษ ได้ยินยัง” ไข่มุกหลับตาส่ายหน้ายิ้มกวนๆ เอามือป้องหูเข้าใกล้ คีรินทร์ได้จังหวะเลยรวบตัวกอดไว้แล้วตะโกนใส่หูไข่มุก “ผมขอโทษคร๊าบ...ยัยลูกไก่ตัวแสบ”
ไข่มุกรีบเอามือปิดหู
“โอ๊ย คนบ้า หูหนวกแล้ว” ไข่มุกมองแขนคีรินทร์ที่กอดไม่ยอมปล่อย “นี่ถือโอกาสเลยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้”
คีรินทร์ทำหน้าโดนจับได้รู้ทัน ทำปล่อยมือยืดเส้นยืดสาย
“จับนิดจับหน่อยก็ไม่ได้...” คีรินทร์ชะเง้อมองคอเสื้อไข่มุก ไข่มุกรีบรวบคอเสื้อไว้ แล้วยกนิ้วจะจิ้มตาคีรินทร์ ที่รีบหลบ “มองนิดมองหน่อยก็ไม่ได้ ขอโทษแล้ว เธอก็หายโกรธแล้วใช่มะ...หอมแก้มที”
“ขอกันง่ายๆ แบบเนี่ยนะ ยัง...อย่างคุณ ต้องได้บทเรียนก่อน”
คีรินทร์มองหน้าขมวดคิ้วอย่างสงสัย ไข่มุกอมยิ้มแกมดีใจที่คีรินทร์ขอโทษ แกล้งไม่สนใจอ่านหนังสือต่อ
ไข่มุกนำบอร์ดขึ้นแขวนข้างฝาห้องมีคำว่า “กระดานสะสมแต้มคนปากดี” พอติดเสร็จก็หันมากอดอก ยิ้มให้คีรินทร์ที่นั่งท้าวแขนมองบนเตียง ไข่มุกยื่นดาวกระดาษสีสดใสให้คีรินทร์ที่ทำหน้างงๆ
“เอาไปหนึ่งดวง ที่เมื่อวานคุณขอโทษชั้น ถือว่าได้หนึ่งแต้ม” ไข่มุกชี้ที่บอร์ด “เชิญเอาไปติดได้เลยคะคุณคีรินทร์”
คีรินทร์รับดาวมามอง
“เนี่ยเหรอที่จะให้บทเรียนชั้น ไม่เอา ไม่เล่น”
“ไม่เล่นก็ได้ งั้นต่อไปนี้ เรานอนแยกห้องกัน แล้วชั้นจะไม่ให้อภัยคุณอีกเลย”
ไข่มุกเดินไปหยิบดาวจากมือคีรินทร์คืนอย่างงอนๆ แล้วหยิบหมอนติดมือมาด้วย เดินไปที่ประตู คีรินทร์หน้าเสียรุดจากเตียงตาม
“เอ้ย เดี๋ยวสิจะไปไหน”
“ก็ไปนอนห้องอื่น”
คีรินทร์เก้อ ทำไรไม่ถูก
“อะๆ เล่นก็ได้ แต่ว่าสะสมดาวครบสิบดวงได้ไร”
ไข่มุกนิ่งคิด พูดเขินๆ
“ก็...อืม...หอมแก้มทีหนึ่งแล้วกัน”
คีรินทร์ตาเป็นประกาย ยิ้มอย่างมีความหวัง
“ได้เลยน้องลูกไก่ แบบนี้ค่อยมีแรงจูงใจหน่อย แล้วครบกี่แต้มถึงได้...” คีรินทร์ทำยิ้มทะเล้น “จู๋จี๋กันล่ะ”
“ยังไม่ได้คิด เอาให้ครบสิบแต้มก่อนเถอะน่า แค่นี้ก็ไม่รู้จะทำได้มั้ย”
คีรินทร์ถูมือยิ้มมั่นใจ
“ชิวๆ เรื่องหมูๆ ถึงแต้มสิบเมื่อไหร่ จะจูบให้ลมจับเลย”
คีรินทร์หยิบดาวในมือไข่มุก รีบเอาไปติดที่บอร์ด หันมายิ้มเหมือนเด็กได้ดาวจากครู ไข่มุกเดินเข้าไปใกล้ ยกนิ้วขู่
“แต่ถ้าคุณปากเสียเมื่อไร” ไข่มุกดึงดาวคืน “ยึดดาวคืน ติดลบ เข้าใจนะคะ”
“มีงี้ด้วยเหรอ ก็ได้...ต่อไปไม่มีหลุดแน่”
ไข่มุกติดดาวคืนให้ที่บอร์ด คีรินทร์มองอย่างถูกท้าทาย
พนักงานของโรงแรมมีอาการหอบเหนื่อยขณะเข็นรถเข็นกระเป๋าเป็นสิบใบ โดยมีชลลดากับภัททิมาเดินนวยนาดตามมา ภัททิมามีสีหน้าหงุดหงิด
“ทำไมเราต้องย้ายห้องด้วยละคะคุณแม่ขา ขนทีย้ายทีลำบากลำบน”
ชลลดสยิ้มกริ่มหันมอง
“เอาน่า แม่รู้ดี เรื่องนี้มีเบื้องหลังจุ๊งจิ๋งอยู่ คุณเขมต้องซัมติงกับแม่แน่ ถึงได้ย้ายเราไปอยู่ห้องสวีท”
ภัททิมาตาโตระริกระรี้
“ว๊าว...สวีท...อลังการสิคะงานนี้ อยากนอนแช่จากุซซี่น้ำอุ่นๆ จังรีบไปกันเถอะ แหม คุณแม่ปูนนี้แล้วเสน่ห์แรงไม่ตกเลยนะคะ”
ชลลดาลอยหน้ากระหยิ่ม
“แน่น๊อน”
พนักงานเปิดประตูห้องแล้วโค้งให้ ชลลดา ภัททิมาเห็นสภาพห้อง อ้าปากค้าง เดินเข้าไปดู สภาพห้องเล็กกว่าเดิม วิวก็แย่
“ถึงแล้วครับ เชิญตามสบาย ขอตัวนะครับ”
ภัททิมาแทบร้องไห้มองชลลดา
“ไหนว่าสวีท กลายเป็นจิ้งหรีดไปแล้ว”
พนักงานจะเดินจากไป
“เดี๋ยว พาชั้นมาผิดห้องแน่เลย เน่าแบบนี้ จะอยู่ได้ไง ใครสั่งให้มานี่”
มณีโผล่เข้ามาทางประตู
“อยู่ไม่ได้ก็กลับไปซะ ชั้นเป็นคนสั่งเอง ได้ห้องแค่นี้ก็นับว่าบุญแล้ว”
ชลลดามองมณีอย่างแค้นพูดกับภัททิมา
“นึกแล้วว่าต้องเป็นฤทธิ์คุณนายส้ม บรมงก คนนี้แน่ เดี๋ยวแม่รับศึกเอง ถอยลูก” ภัททิมารีบหลบหลังชลลดา
มณีเดินผยองเข้ามา หยิบส้อมที่วางเคาน์เตอร์ สะบัดพุ่งออกไปสไตล์มวยบู๊ตึ๊ง มีดเฉียดหน้าชลลดาที่ยืนอึ้ง ตกใจ ไปนิดเดียว ส้อมพุ่งไปปักที่แอปเปิ้ลในถาดผลไม้ต้อนรับ
“ไม่น่าพลาด พวกเธอมาขออาศัยอยู่ฟรีกินฟรี ก็หัดเจียมตัว เกรงใจเจ้าของสถานที่เขาบ้าง น้ำอย่าอาบเยอะ ทีวีก็อย่าเปิดมาก” มณีเดินไปหยิบถาดผลไม้ “แล้วก็...” มณียื่นถาดผลไม้ใส่หน้า “ผลไม้นี่ สำหรับลูกค้าเสียเงินเท่านั้น”
ภัททิมาคว้าถาดไว้แต่ไม่ทัน ชลลดาก้าวมายืนประจันหน้ากับมณี ยิ้มเยือกเย็น แต่แววตาเอาเรื่อง
“คนอย่างชั้น ไม่ลำบากนานหรอกคะ หมอดูยังทักว่าต่อไปจะได้ครองบ้านใหญ่”
มณียิ้มเยาะ หยิบแอปเปิ้ลมากัดหนึ่งที
“เชิญตามสบาย แต่ตอนนี้ครองห้องจิ้งหรีดไปก่อนแล้วกัน”
ชลลดาโกรธจนตัวสั่นชี้นิ้วตาม
“ฝากไว้ก่อน ยายส้มขี้งก ชั้นเอาคืนแน่”
มณีหัวเราะสะใจเดินถือถาดผลไม้ออกไป ชลลดา ภัททิมามองตามทั้งแค้นทั้งหมั้นไส้
บ้านจินจูที่เกาหลี จินจูนั่งเศร้าเหม่อซึมมองนอกหน้าต่าง แทยอนเดินมาเห็นก็มองหน้ายูรีที่ยืนห่างออกมา“ไม่ค่อยทานอะไรมาสองสามวันแล้วคะ ตื่นมาก็นั่งแบบนี้เกือบทั้งวัน”
แทยอนเดินเข้าไปหา สีหน้าเรียบ
“เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้ว ยิ่งคิดถึงก็เหมือนยิ่งทำร้ายตัวเอง” จินจูน้ำตาหยด
“นี่พึ่งผ่านวันเกิดเขามา ถ้ายังอยู่ อายุคงจะครบยี่สิบเอ็ด”
แทยอนฟังแล้วนิ่งขรึม สูดลมหายใจ
“จินจู เธอจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ นึกถึงตัวเองบ้างเถอะ” จินจูยิ่งร้องไห้
“ทำไมคืนนั้นชั้นไม่ตายไปด้วย ทำไม ชั้นควรตายไปพร้อมลูก จะได้ไม่ต้องมาทรมานแบบนี้”
แทยอนจับมือจินจู พยายามจะปลอบ แต่จินจูดึงมือหนี ร้องไห้ขมขื่นคนเดียว
ไข่มุกนั่งอ่านแมกกาซีนเกาหลี คธาเดินมาเห็นแล้วยิ้ม
“ยอมรับเลยคุณลูกไก่ชอบหนังเกาหลีจริงๆ นอกจากชอบดูหนังแล้วยังติดตามข่าวอีก”
ไข่มุกเงยหน้าก็ยิ้มให้แล้วอ่านต่อ
“ต้องตามสิคะ ตอนนี้มีข่าวใหญ่ของปาร์คจินจู ลือกันว่าเขาเจ็บหนัก จนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบไม่มีกำหนดออก”
คธาหน้าเสีย รีบถามอย่างลืมตัว
“เขาไม่สบาย เป็นอะไรครับ”
“ในนี้ไม่มีรายละเอียดคะ ไว้จะลองหาในเน็ตเพิ่มเติมอีก เป็นห่วงเขามากเลยคะ ว่าแต่...คุณอา...เป็นอะไรหรือเปล่าคะหน้าซีดๆ”
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรครับ”
คีรินทร์เดินมา คธาก้มหัวทักทาย
“ฝีมือคุณคธาสุดยอดมาก แขกชอบเพลงที่คุณเล่น แต่หลายคนถามว่าทำไมถึงชอบเล่นแต่เพลงเศร้าๆ” คธายิ้มเศร้าๆ
“เพราะชีวิตจริงมักเศร้ามั้งครับ ผมขอตัวก่อนครับ เดี๋ยวต้องไปต่อเพลง”
คธาเดินจากไป คีรินทร์มองไข่มุก
“ชั้นสังเกตหลายครั้งแล้ว ทำไมเธอชอบคุยกับผู้ชาย จะหว่านเสน่ห์ตั้งแต่ผู้จัดการยันนักดนตรีเลยหรือไง”
ไข่มุกทำหน้าเซ็ง
“อีกแล้วนะ เริ่มปากร้ายอีกแล้ว คุณเพิ่งได้ดาวไปแค่ดวงเดียวนะคะ อย่าลืมสิ เดี๋ยวโดนตัดแต้ม” คีรินทร์นึก
ได้
“อุ้ย...งั้นเอาใหม่” คีรินทร์ทำเสียงประชด แล้วทำมือนอบน้อม “คุณลูกไก่อัธยาศัยดีนะครับ พูดคุยกับคนไปทั่ว พนักงานต่างก็รักใคร่เอ็นดู ผมเห็นแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้...เป็นไง ดีพอได้แต้มเพิ่มไหมครับ”
“ไม่ได้คะ ประชดแบบนี้ถือว่าไม่จริงใจ”
คืนนั้นเมื่อกลับถึงห้อง ไข่มุกยื่นมือปลดดาวบนบอร์ดลง คีรินทร์เห็นก็โวยวายจะแย่งเอาดาวคืน ไข่มุกเก็บดาวไว้ข้างหลัง
“เอาคืนได้ไง ผมปากเสียที่ไหน แล้วเมื่อไรจะครบสิบดวงได้หอมแก้ม”
“ก็วันนี้ คุณพูดไม่ดีใส่ชั้นตอนอยู่กับคุณคธา ก็บอกไว้แล้วว่าตัดแต้มได้ ถ้าคุณยังไม่เลิกปากร้าย ต้องรักษากติกาสิคะ”
“แหม พูดนิดพูดหน่อยไม่ได้เลยนะ เธอทำให้ชั้นเสียกำลังใจ งั้นต้องให้หอมแก้มหนึ่งที”
“มีแบบงี้ได้ไง”
คีรินทร์เดินเข้ามา ไข่มุกหนีขึ้นยืนบนเตียง
“อย่าหนี หรืออยากโดนมากกว่าหอมแก้ม”
คีรินทร์เดินซ้ายทีขวาทีรอบเตียง ทำจะจี้เอว ไข่มุกก็หลบไปมา
“คนขี้โกง จะมาหอมกันง่ายๆ ได้ไง โอ๊ย อย่า ไม่เล่นนะ”
ไข่มุกหยิบหมอนไว้ในมือคอยปัดๆ เล่นกันเพลินยิ้มขำกันทั้งสองคน นุชนารถเปิดประตูก็มองอย่างหึง นุชนารถหันมองทางอื่น พูดน้ำเสียงกระแทก
“คุณเขมทัตให้นุชขึ้นมาตาม ทุกคนรอทานข้าวกันอยู่คะ”
ไข่มุก คีรินทร์ก็หยุดเล่นมองนุชนารถ
“ขอบคุณคะเดี๋ยวจะลงไป แต่คราวหลังมีมารยาท เคาะประตูก่อนก็ดีนะคะ”
นุชนารถค้อนอย่างแค้น
“คราวที่แล้วเธอ เอ้ยคุณลูกไก่ก็ไม่เคาะ เปิดพรวดเข้ามาเฉย”
“ก็เพราะนี่คือห้องนอนชั้น ไม่ใช่ห้องนอนเธอ เพราะงั้นเธอจะเข้ามาก็ต้องเคาะ ที่ถูกควรเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ”
นุชนารถเจ็บใจมองคีรินทร์จะให้ช่วยแค่คีรินทร์เสทำมองโน่นนี่ นุชนารถได้แต่แค้น ฝากไว้ก่อน
คีรินทร์เอาบอร์ดขึ้นแขวนที่ข้างฝาคู่กับบอร์ดของไข่มุก มีคำว่า “คะแนนสะสมจูบ” ติดบอร์ดเสร็จเรียบร้อยก็หันมายิ้มกับไข่มุกที่ยืนมองงงๆ
“บอร์ดอะไรของคุณ คะแนนสะสมจูบ”
คีรินทร์ชูกระดาษที่ทำเป็นรูปรอยจูบ ทำหน้าเป็น
“ชั้นก็จะให้คะแนนเธอบ้างไง วันนี้ทำให้ชั้นหึงหนึ่งครั้ง” คีรินทร์ติดรอยจูบบนบอร์ด “เอาไปหนึ่งแต้ม”
“หึง...ตอนไหน”
“ก็คุยกับคุณคธา”
“โอ๊ย คุณนี่ ไม่ได้รักกันมาหึงมาหวงอะไรกันได้”
คีรินทร์เดินเข้าไปใกล้แทบชนหน้าไข่มุก
“ไม่รู้หละ เธอเป็นเมียชั้น ชั้นก็หึงไว้ก่อน หรือถ้าทำให้ชั้นไม่พอใจอีก ชั้นจะให้แต้มเธอไปเรื่อยๆ หนึ่งแต้มได้หอมแก้มหนึ่งครั้ง”
คีรินทร์อาศัยมุกฟังอย่างเผลอ จูบแก้มไข่มุกอย่างเร็ว ไข่มุกไม่ทันตั้งใจ
“เอ้ย คุณนี่”
คีรินทร์สบตาตรง
“เป็นไงละ ชั้นน่ะไม่งกเหมือนบางคน ต้องให้ได้ตั้งสิบแต้มกว่าจะได้หอมกัน ใจร้ายซะไม่มี”
ไข่มุกมองค้อนแล้วเขิน รีบเอามือปัดแก้ม ถอยห่างออกไป คีรินทร์หัวเราะชอบใจ
วันต่อมาพนักงานของโรงแรมพาชลลดาและภัททิมาที่แต่งตัวเริดทำจัดหน้าจัดผมให้สวยงาม จะเดินไปทานอาหาร ภัททิมากระดี้กระด้าคุยกับชลลดา
“หนูเห็นป้ายติดโฆษณาว่าตอนนี้มีเทศกาลล็อบสเตอร์ของทางโรงแรม เห็นคุณแม่ชอบทานกุ้งเลยรีบชวน”
ชลลดายิ้มระรื่น
“ขอบใจมากลูกรัก แม่ชอบกินของแพงอยู่แล้ว กุ้งใหญ่หนะได้ กุ้งเล็กไม่ไหว กินแล้วมันคัน”
สองแม่ลูกถูกพามาห้องอาหารพนักงาน พนักงานเปิดประตูค้างไว้แล้วยิ้มให้
“เชิญคะ ตามสบายเลย”
ภัททิมากับชลลดาเห็นป้ายก็อึ้งๆ หยุดเดิน ยั้งเท้าไว้หน้าประตู
“นี่พาชั้นสองคนมาที่ไหนเนี่ย”
“ห้องอาหารพนักงานคะ”
“แล้วพามาทำไม”
“ถ้าจะไปทานล๊อบสเตอร์ต้องจ่ายเงิน เซ็นเข้าบัญชีไม่ได้แล้ว คุณมณีท่านสั่งห้ามไว้คะ” ชลลดากับภัททิมาแทบจะกรี๊ด มองหน้ากันเลิกลัก ชลลดาขบกรามอย่างแค้นแต่ก็เก็บอารมณ์ไว้ “ตกลงจะทานที่ไหนดีคะ”
“ก็... กินที่นี่แหละ ชั้นไม่อยากเดินไปแล้ว”
ภัททิมาเขย่าแขนชลลดาอ้อน
“แต่หนูอยากกินกุ้งใหญ่นิคะแม่”
ชลลดาติดรำคาญมองภัททิมาที่ทู้ซี้
“เอาหน่า ช่วงนี้กุ้งเล็กลงมาหน่อยก็ได้”
สองแม่ลูกถือถาดอาหาร ไปให้แม่ครัวตักอาหารใส่ให้ อย่างแสนจะคับแค้นใจ
“กุ้งเล็กก็ยังไม่มี มีแต่กุ้งฝอยทอด”
ชลลดากำถาดอาหารแน่น แค้นจัด
“ถึงทีเราเมื่อไหร่ แม่จะเล่นกลับให้เป็นชุดเลย”
คีรินทร์ยื่นชุดสอนมวยบู้ตึ๊งที่พับไว้ให้ไข่มุกเพื่อสอนเต้น
“ต่อไปเวลาเธอสอนเต้น ให้ใส่ชุดนี้นะ”
ไข่มุกคลี่พลิกไปพลิกมา เห็นเป็นกางเกงขายาว เสื้อแขนยาว คอปิดมิดชิด ทำหน้าแปลกใจ
“โอ๊ย ใส่แบบนี้ไม่ได้หรอกคะ ร้อนตาย”
“นี่ผ้าอย่างดีนะ ระบายเหงื่อ รับรองใส่สบาย”
“ขอบคุณนะคะ แต่ใส่แบบเก่าก็ดีแล้ว เต้นสะดวกกว่า”
คีรินทร์มองแกมหึง
“อ่อยผู้ชายได้ด้วยใช่มั้ยล่ะ เธอนี่ลูกเล่นแพรวพราว หาข้ออ้างเก่งด้วยนะ”
“อีกแล้วนะ เดี๋ยวก็โดนตัดแต้ม ดาวไม่เหลือแล้วนะคุณ”
คีรินทร์นึกได้ เสียงอ่อนลง
“พูดเล่นหรอก ล้อเล่นไม่ได้หรือไง นิดหน่อยก็ตัดแต้มตลอด”
มีเสียงเคาะประตู วัฒนาเดินเข้ามา
“ทางเกาหลีตอบรับมาแล้ว”
วัฒนาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คีรินทร์ยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ
เขมทัตนั่งหัวโต๊ะประชุมเรื่องร่วมลงทุนกับซีอาน
“ทางฝ่ายวิจัยให้ข้อมูลตัวเลขการเติบโตของประเทศเกาหลีมาแล้ว นับว่าโตเร็วในแทบทุกด้าน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว การจะไปร่วมทุนกับโรงแรมทางนั้น นับว่ามีอนาคตมาก”
“เรื่องนักท่องเที่ยวไม่ต้องห่วงเลย ยิ่งคนไทยไปเที่ยวเกาหลีกันเยอะ ไหนจะนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอีก”
“จำนวนนักท่องเที่ยวที่คุณวัฒนาสรุปมา รวบรวมได้ละเอียดดี จะได้ประโยชน์กับการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้มาก”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นเตรียมเอกสารเซ็นสัญญาไปเลยมั้ย เห็นว่ามีโรงแรมอื่นจ้องจะลงทุนร่วมกับเขาอีกหลายรายเหมือนกัน”
“เรื่องคู่แข่งที่จะชิงตัดหน้าเรา ก็น่าคิด แต่ผมว่าดูรายละเอียดให้รอบคอบก่อนดีกว่าไหม เพราะเงินไม่ใช่น้อย ผิดพลาดจะแย่”
เขมทัตพยักหน้าฟัง
“เห็นด้วย ว่าอย่าเพิ่งใจร้อนเรื่องเซ็นสัญญา เราต้องไปดูการทำงานที่โน่นอีกครั้ง ตรวจเอกสารการเงินให้ละเอียด ลงทุนคราวนี้หลายร้อยล้าน เป็นโปรเจ็คใหญ่ของโรงแรมเรา อย่าประมาท”
คีรินทร์ทำหน้าเซ็งๆ วัฒนายิ้มนิดๆ ในสีหน้า ท่าทางสุภาพ
เลิกประชุม คีรินทร์เดินออกไปกับเขมทัต พวกบอร์ดเดินตามมา พูดให้ทันได้ยิน
“งานนี้ต้องให้คุณวัฒนาดูแลแล้ว คุณคีรินทร์ไม่มีเวลาหรอก แค่ดูแลสาวๆ ก็หมดวันแล้ว”
พวกบอร์ดหัวเราะชอบใจนินทาคีรินทร์ได้ คีรินทร์เดินไปอย่างครุ่นคิด วัฒนายิ้มนิดๆ หมายมาด
ไข่มุกเดินเอาน้ำปั่นสีสวยมาให้ชลลดา
“แกต้องช่วยชั้นกับลูกให้กลับไปอยู่ห้องดีๆ เหมือนเดิม ไม่เอาแล้วห้องเท่ารูหนู กินแต่ถั่วแต่ผัก”
ไข่มุกอึดอัดทำหน้าไม่ถูก
“นี่ไม่มีในสัญญานะคะ อยากกินนอนดีๆ คุณผู้หญิงก็พูดเองสิคะ”
ชลลดาหยิกต้นแขน ตีไหล่อย่างหมั่นไส้
“นี่แกย้อนชั้นหรอ ได้ดีแล้วลืมพวกชั้นใช่ไหม หนอย คิดจะเอาตัวรอดคนเดียวงั้นสิ”
ชลลดาเอานิ้วจิ้มหัวไข่มุกอย่างแรง คีรินทร์ผ่านมาเห็นจึงเข้ามาถามหน้าเฉยอย่างไม่พอใจ
“ทำไมต้องลงไม้ลงมือขนาดนี้ครับ พูดกันดีๆ ก็ได้”
ชลลดาอึ้งรีบเปลี่ยนสีหน้าทำเสไป
“แหม แม่ลูกเขาหยอกกันเล่น ไม่มีไรหรอกคะคุณคีรินทร์ เรารักกันจะแย่ จริงไหมจ๊ะหนูลูกไก่ของคุณแม่ขา”
ชลลดาหยิกสองมือที่แก้มไข่มุก สั่นไปสั่นมา จนไข่มุกหน้าเหย่ คีรินทร์มองอย่างสงสัยแกมไม่พอใจ
คีรินทร์พาไข่มุกเดินมา ไข่มุกยกมือกุมหน้าอย่างยังไม่หายเจ็บ คีรินทร์หันมามอง นึกโกรธแทน
“ชักแน่ใจแล้วว่าเธอเป็นลูกที่เขาเก็บมาเลี้ยงจริงๆ คราวนี้ไปทำไรให้เขาขัดใจอีกล่ะ หรือเขาจะเรียกร้องอภิสิทธิ์อะไรอีก”
ไข่มุกรีบส่ายหน้าปฎิเสธ
“ไม่ ไม่มีคะ”
“ปากแข็ง คืนนี้กลับไปผมจะให้แต้มคุณ”
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย คุณเล่นเป็นเด็กไปได้”
“ว่าสามีเป็นเด็กหรอ แบบนี้ต้องโดน”
พอพูดจบคีรินทร์ก็หอมแก้มไข่มุก ไข่มุกรีบผลัก มองไปรอบตัวอย่างกลัวใครเห็น คีรินทร์หัวเราะชอบใจ
มายาสีมุก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ชลลดากับภัททิมามีสีหน้าเหนื่อยล้า ขณะเดินถือกระเป๋าเข้ามาในบ้าน สองแม่ลูกเดินไปคุยกันไป
“บ้านเราสบายกว่าห้องรูหนูนั่นเยอะเลย”
“ไอ้พวกนักเลงน่าคงไม่มาอีกนาน เรานอนบ้านสักคืนสองคืนดีกว่าเนอะ แต่ถ้ากลับมาอยู่เลย ค่ากินจะเอาที่ไหน อยู่โน่นยังกินฟรีอยู่ฟรี”
สองคนเดินมาถึงโซฟาในห้อง ถึงกับอึ้ง เห็นจานชามเศษอาหารเละเทอะเต็มโต๊ะ ชลลดาโมโหแผดเสียง
“นี่มันอะไรกัน ใครมากินเละเทอะ”
ภัททิมาใช้นิ้วคีบขวดกระทิงแดง ลิโพ
“เราไม่เคยซื้อไอ้นี่มากินเลย”
“แล้วของใคร”
นักเลงสวมกางเกงแพร เสื้อกล้าม เดินดื่มกระทิงแดง ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ เดินเข้ามาเกือบจะชนกัน ตกใจกันทั้งสองฝ่าย ถอยกันคนละก้าว
“อ๊าย นี่แกเองหรอ”
นักเลงยิ้มหยันแล้วดื่มกระทิงแดง เรอใส่หน้า สองแม่ลูกรีบกรูกันไปหลบที่มุมห้องอย่างกลัว
“ยอมกลับมาแล้วหรอคุณนาย คิดถึงจะแย่”
“นี่แกเข้ามาในบ้านชั้นได้ไง”
นักเลงเดินอาจมานั่งบนโซฟาเหมือนบ้านตัวเอง นั่งสบายไขว้ห่างกระดิกขา ยกกระทิงแดงซด
“งัดเข้ามาสิ” นักเลงแบมือ “ให้รอหลายวันเลยนะ เอ้า เอาเงินมา”
ชลลดาทำพูดเสียงแข็งสู้
“ยังไม่มี แค่ล้านเดียว ทวงอยู่ได้”
นักเลงบีบกระป๋องกระทิงแดงแล้วขว้างทิ้งอย่างเหี้ยม สองแม่ลูกสะดุ้ง นักเลงเดินเข้าไปใกล้สองแม่ลูก
“ล้านเดียวที่ไหน ตอนเอาชิปในบ่อนน่ะล้านนึง แต่นี่มันจะเดือนแล้ว ทั้งค่าดอก ค่าทวง ตอนนี้รวมเป็นสองล้านแปดแล้ว”
“สองล้านแปด”
“สองล้านแปดร้อยเหรอ”
“สองล้านแปดแสนบาท แล้วถ้ายังเบี้ยว ดอกจะบานเป็นสามล้านเร็วๆ นี้ ได้ยินชัดไหม”
นักเลงยักคิ้วให้อย่างกวน สองแม่ลูกฟังตกใจ ตาเหลือกจะเป็นลม
ที่เกาหลี จินจูใส่แว่นดำหน้าตาซีดเสียว เดินมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก จินจูเดินมาหยุดที่หน้าวัดโบราณ ยกมือไหว้องค์พระ
“ขอให้ดิชั้น ได้เจอกับลูก ได้ไปอยู่กับลูกบนสวรรค์ด้วยเถอะ”
จินจูน้ำตาหยด แล้วก็ล้มลงอย่างหมดแรง
หมอตรวจจินจูที่นอนหลับตาให้น้ำเกลืออย่างคนหมดอาลัยตายอยาก แทยอนยืนห่างออกมาเงียบขรึมครุ่นคิด
หมอตรวจเสร็จก็เดินมาหาแทยอน
“ร่างกายเธออ่อนแอมาก จิตใจก็แย่ ขอให้ช่วยกันดูแลให้ดี”
แทยอนพยักหน้ารับ หมอเดินออกไป แทยอนเดินเข้าไปกุมมือจินจู สบตานิ่ง จินจูก็มองมาด้วยสายตาอ่อนล้า
“อย่าทำแบบนี้เลยจินจู เข้มแข็งสิ อย่าอ่อนแอ”
“ชั้นไม่รู้จะอยู่เพื่อใครอีกแล้ว”
จินจูเบือนหน้าหนีไปอีกทาง นอนหลับตา แต่น้ำตาไหลเป็นทาง
วันต่อมาคีรินทร์มาออกกำลังกายในฟิตเนส ยกเวทโชว์กล้าม ตาก็คอยเหลือบมองส่วนสัดสาวๆ ที่เซ็กซี่ คีรินทร์แอบมองสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดออกกำลังกายรัดรูปวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง พอหันมากลายเป็นภัททิมา คีรินทร์ยิ้มให้อย่างเจ้าชู้ ภัททิมาหยุดเครื่องวิ่ง เดินซับเหงื่อตามลำคอหน้าอกเข้ามาหาคีรินทร์ที่มองแล้วกลืนน้ำลาย
“ได้เหงื่อจริงๆ นะคะ คุณรินมานานแล้วหรอ โทษทีไข่มุกไม่เห็น”
คีรินทร์พูดลากเสียง ตาก็มองสัดส่วนภัททิมา
“นาน พอ ดู ครับ”
ภัททิมาทำยิ้มขำน่ารัก เอาผ้าปิดหน้าอก
“ดูอะไรคะ”
คีรินทร์ยิ้มแก้เกี้ยว
“เออ ไม่มีอะไรครับ คุณไข่มุกล่ะมาเล่นนานยัง”
“ก็ นาน พอ ดู” ภัททิมาทำเสียงล้อคีรินทร์ “เหมือนกันคะ แหมต้องเรียกคุณด้วย ฟังแล้วห่างเหินไงไม่รู้ เรียกไข่มุกเฉยๆ นะคะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหุ่นคุณรินถึงดี๊ดี ออกกำลังกายบ่อยนี่เอง ไว้ช่วยแนะนำไข่มุกบ้างนะคะ”
ภัททิมาทำยิ้มหวาน ให้ท่าในที
“ได้ครับไข่มุก”
ภัททิมายิ้มดีใจ ทำเข้าคลอเคลียคีรินทร์
“ดีใจจังเลย ที่คุณไม่รังเกียจไข่มุก เราจะได้รู้จักกันมากกว่านี้”
ไข่มุกเดินมา ขมวดคิ้วมองสงสัยว่าสองคนทำอะไรกัน คีรินทร์เหลือบไปเห็นนึกได้ก็รีบถอยห่างจากภัททิมา ภัททิมาไม่เห็นไข่มุกเดินเข้ามาหา
“โทษทีนะ ผมมีธุระต้องรีบไป ไว้คุยกันนะครับ”
คีรินทร์หันมองไข่มุกที่เดินเข้ามาใกล้
“อ้าว เดี๋ยวก่อนสิคะคุณริน”
คีรินทร์ไม่ฟังเสียงเปิดแน่บ ภัททิมาได้แต่เก้อ ถอนใจแรงๆ อย่างผิดหวัง หันมาเห็นไข่มุกมองมาหน้าเฉย ภัททิมาทำเชิดใส่ ไม่แยแส ไข่มุกมองภัททิมาอย่างนึกรู้ทัน
คืนนั้นเมื่อกลับถึงห้องไข่มุกเอาดาวบนบอร์ดออกหนึ่งดวง แล้วทำสีหน้าเรียบกวนนิดๆ มองคีรินทร์ คีรินทร์เห็นก็โวยวาย
“ก็ยัยไข่มุกนั่นมาคุยด้วยแล้วจะไม่ให้พูดตอบหรอ เสียมารยาทแย่ เขาก็เป็นญาติคุณแท้ๆ”
“ถึงตอบแต่ก็ไม่จำเป็นต้องกรุ้มกริ่มแบบนั้น ความประพฤติไม่ดี โดนตัดแต้มแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“ผมรู้นะ หึงละสิ”
“ชั้นแค่อยากปรับพฤติกรรมคุณ ก็บอกแล้วไงคุณต้องได้บทเรียนบ้างนะคะ เห็นไหม พอชั้นตัดแต้มคุณก็รู้สึก”
“แล้วแบบนี้ เมื่อไรจะได้สะบึมล่ะฮึ่มกันสะที”
“ไม่มีกำหนด มันก็ขึ้นอยู่กับนิสัยคุณจะเปลี่ยนเมื่อไร”
คีรินทร์คว้าตัวไข่มุกมาทำท่าจะจูบแก้ม
“อะก็ได้ งั้นจูบแก้มขอโทษ”
ไข่มุกรีบถอยห่าง ค้อนนิดๆ
“คุณนี่นะ เดี๋ยวเถอะ”
คีรินทร์โอบเอวทำท่าจะจูบต่อ ไข่มุกเอามือบังไว้
“ไม่กลัว น่ารักแบบนี้ เล่นสะสมคะแนนของผมดีกว่า คุณตัดแต้มผม แต่ผมเพิ่มแต้มให้คุณ ได้จูบให้แก้มช้ำเลย” ไข่มุกเบี่ยงตัวหลบ
“พอได้แล้ว ชั้นง่วง นอนเถอะ”
คีรินทร์อ้อนต่อ
“งั้นขอนอนกอดนะ”
ไข่มุกดึงมือออกงอนๆ
“อย่ามายุ่งนะ ต่างคนต่างนอนสิคะ”
คีรินทร์ทำท่าขึงขัง
“อย่านะ อย่าทำให้ผมมีน้ำโห เลือกเอาจะให้กอดหรือทำอย่างอื่น”
ไข่มุกนิ่งคิด พูดปลายเสียงตวัด
“กอดก็ได้”
คืนนั้นคีรินทร์นอนหลับกอดมุกอย่างมีความสุข ไข่มุกรอจนได้ยินคีรินทร์กรนก็ค่อยๆ จับมือเขาจะให้ออกไป แต่คีรินทร์ยิ่งกอดแน่น หลับตาพูด
“อะๆ อย่าคิดหนี เดี๋ยวโดนจัดหนักหรอก”
ไข่มุกถอนใจ เลยต้องยอมนอนให้กอดอย่างเก่า
วันต่อมาวัฒนาเอาเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนร่วมกับทางโรงแรมเกาหลีมาให้เขมทัตดูในห้องประชุม เขมทัตอ่านอย่างพอใจ
“เธอเตรียมเอกสารเกี่ยวกับทางเกาหลีได้ดีมาก”
วัฒนายิ้มอย่างสมหวัง
“ให้จองเที่ยวบินเลยมั้ยครับ”
“ถ้าพร้อมแล้วก็จองได้เลย จะได้ไปคุยกับทางนั้นให้รู้เรื่อง”
วัฒนาดีใจพูดต่อ
“ผมจะทำให้ดี...”
พอดีคีรินทร์เดินผิวปากเข้าห้องประชุมมาอย่างอารมณ์ดี
“พ่อเรียกผมเหรอครับ” วัฒนายิ้มให้คีรินทร์
“ใช่ จะบอกเรื่องให้เตรียมตัวไปเกาหลีได้แล้ว พาลูกไก่ไปเที่ยวด้วยก็ได้นะ ถือว่าได้ทั้งงานได้ทั้งฮันนีมูน แกว่าไงละรินทร์”
วัฒนาผิดหวัง แต่พยายามไม่แสดงออก ฝืนยิ้มต่อ
“โอเคครับ ไม่มีปัญหา ชอบ”
“เรื่องเอกสาร มีอะไรสงสัย ถามวัฒนา เขารับผิดชอบเรื่องนี้อยู่”
“ครับ”
คีรินทร์ยักคิ้วให้วัฒนาซึ่งเก็บแฟ้มเอกสารฝืนยิ้มมองคีรินทร์ที่ดูเอาแต่เรื่องสนุกสนานอย่างแค้นและอิจฉาในใจ
ขณะนั้นมณีกำลังทาแป้งเติมลิปสติกในห้องน้ำที่อยู่ในห้องทำงานเขมทัต มณีเปิดประตูออกไปพอดีชลลดาในชุดเซ็กซี่ก็เข้ามา เขมทัตยืนจะถอดเสื้อนอกแขวนที่แขวน หันไปมองชลลดายิ้มให้อย่างกันเอง มณีเห็นก็เขม้นมอง รีบแง้มประตูเหลือไว้นิด ซุ่มดูไม่ยอมออกมา ชลลดาก็อ้อนเขมทัตเต็มที่
“คุณพี่ขา มีเรื่องมาเรียนคะ”
“ว่าไงครับ”
“เราไม่ค่อยได้มีโอกาสอยู่กันสองคนเลย ชลซาบซึ้งในบุญคุณของคุณพี่มาก ที่ให้ความเมตตาต่อชลกับลูกไก่ อยากมากราบขอบคุณแบบนี้มานานแล้ว”
ขลลดากราบหน้าอกเขมทัตแทบซบ เขมทัตอึกอัก อดมองร่องอกชลลดาไม่ได้ แต่ทำเมินๆ มองไปทางห้องน้ำมณีรีบแง้มปิดให้มิดชิด มณีเม้มปากแน่นตาลุกอย่างหึง เขมทัตกึ่งโอบกึ่งดันตัวชลลดาออก
“ไม่ ไม่เป็นไรหรอกครับ บุญคุณอะไรกัน เราไม่ใช่คนอื่น”
เขมทัตจะถอดเสื้อนอกอีกครั้ง
“ให้ชลช่วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมถอดเองได้”
“ให้ชลทำอะไรให้คุณพี่บ้างเถอะค่ะ เล็กน้อยก็ยังดี”
มณีแง้มประตูแอบมองแสนจะหึง มือกำลูกบิดประตูแน่น เขมทัตก็คอยเหลือบมองที่ประตูห้องน้ำ ชลลดาเอาเสื้อนอกเขมทัตแขวนให้ หันมองหน้าเขมทัตแล้วโถมเข้าไปจับมือ แล้วบีบน้ำตา
“อ้าวเป็นอะไรไป อยู่ดีๆ ก็ร้องไห้”
เขมทัตถามอย่างแปลกใจ
“คุณพี่ขา ถ้าคุณพี่ไม่ช่วยคราวนี้ ชลแย่แน่ เหลือแต่คุณพี่คนเดียว ชลไม่มีใครที่ไหนอีกแล้ว”
ชลลดาปล่อยโฮอย่างน่าสงสาร เอามือเขมทัตมาแนบที่หน้า เขมทัตก็ยักๆ ยันๆ ไว้ ชลลดาจะพูดต่อ
เขมทัตก็คอยขยิบตาให้หยุดพูด ชลลดาก็งง
“เป็นอะไรคะ ตาเจ็บเหรอ ทำไมทำขยิกๆ แบบนั้น”
“ไม่มีไรครับ ว่าแต่ จะให้ช่วยเรื่องอะไร บอกมาเลย”
“ชลเกรงใจจัง คืออยากรบกวน คุณพี่ซัก...สามล้าน”
มณีเปิดประตูผางออกมาเสียงลั่น
“ไม่ให้” มณีจ้องชลลดาอย่างแสนจะหึง สองคนก็สะดุ้ง ชลลดารีบปล่อยมือเขมทัตที่หน้าตื่น “คิดจะปอกลอกผัวชั้นหรอยะ มาทางไหน ไปทางนั้นเลย”
ไข่มุกตกใจ เดินคุยกันมากับคีรินทร์
“เกาหลี...คุณจะไปเรื่องงานไม่ใช่เหรอ แล้วจะพาชั้นไปทำไม”
“งานมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ตั้งแต่แต่งงาน เรายังไม่ได้ไปฮันนีมูนดูดน้ำผึ้งพระจันทร์กันเลยนะ แล้วที่สำคัญช่วงฮันนี่มูนเขาก็จะต้อง” คีรินทร์ทำท่าเอานิ้วชนกัน “จุ๊บจุ๊บ ฉลองกัน”
ไข่มุกนิ่งคิด
“คุณไปทำงานเถอะ ชั้นไม่ชอบนั่งเครื่องบินหรอกคะ”
“แหมกรุงโซลแค่นี้เอง บินไม่กี่ชั่วโมง”
ไข่มุกทำท่านึกแล้วก็ยิ้มอย่างนึกได้
“กรุงโซล เมืองเดียวกับที่จินจูอยู่นี่”
“เหรอ”
“ค่ะ เมื่อก่อนอยู่ที่อื่น แต่ตอนหลัง ย้ายไปอยู่กรุงโซลแล้ว”
“เหมาะมาก ถ้าเธอไปกับชั้นคราวนี้ อาจได้เจอจินจูก็ได้นะ โอกาสดีๆ แบบนี้ พลาดได้ไง เสียดายแย่”
ไข่มุกคิดหนัก ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง คีรินทร์ยิ้มอย่างดีใจ
ห้องรับแขกบ้านคีรินทร์ วัฒนายื่นเอกสารให้นุชนารถ
“ถ้างั้นผมฝากคุณนุชด้วยนะครับให้เขาเซ็นชื่อในเอกสารนี้ แล้วรบกวนช่วยเตือนคีรินทร์ อย่าลืมเอาพาสปอร์ตของเขากับคุณลูกไก่ไปให้ผมที่โรงแรมด้วย ได้รีบจัดการเรื่องวีซ่าให้”
นุชนารถแปลกใจ
“ลูกไก่ เธอจะไปด้วยเหรอคะ คุณรินไปเรื่องงานไม่ใช่เหรอ”
วัฒนายิ้มแบบปลอบใจตัวเอง
“เห็นว่าจะไปฮันนีมูนกัน อีกหน่อยคงมีตัวเล็กให้คุณได้เลี้ยง” นุชนารถชะงักหน้าเสีย “ขอโทษนะครับ ผมลืมไป คุณนี่เก่งนะมาก่อนตั้งนาน แต่ต้องมาทนเห็นตำตาอยู่ทุกวัน ผมเห็นใจคุณจริงๆ”
นุชนารถแค่นยิ้มรับ แววตาแสนจะผิดหวังและโกรธ
ไข่มุกมาหาชลลดาแล้วบอกอย่างกลุ้มใจ
“ถ้าหนูไปทำพาสปอร์ต คุณคีรินทร์ก็ต้องรู้ว่าหนูชื่อไข่มุกไม่ใช่ภัททิมา”
“แล้วแกอจะไปทำไมเล่า อยู่ดีๆ จะหาเรื่องให้เขาจับได้”
“ที่อื่นหนูไม่ไปแน่ แต่ที่เกาหลี มีดาราคนโปรดหนูอยู่หนูอยากเจอเขา”
ชลลดาหงุดหงิด
“โอ๊ย ยัยบ้าดารา อย่างกับแกจะได้เจอ เขาคงมาเดินตามถนนให้ถ่ายรูปคู่ด้วยหรอก ไร้สาระ”
“ก็ไม่แน่นะคะ ของแบบนี้ คุณผู้หญิงช่วยคิดหน่อยสิคะ ไว้หนูจะซื้อของฝากมาให้เยอะๆ เอาที่แพงที่สุดเลย”
ชลลดายิ้มอย่างงกอยากกิน
“ก็สมควรต้องซื้อมาฝากชั้นอยู่แล้ว ถ้าอยากไปจริงๆ ก็ต้องอย่าให้คีรินทร์เห็นพาสปอร์เด็ดขาด”
ไข่มุกคิดตามแผนชลลดา ยิ้มอย่างเห็นทางออก
คีรินทร์ขับรถไป หันมาถามไข่มุกอย่างแปลกใจ
“ทำไมแม่คุณต้องไปทำพาสปอร์ตให้คุณเอง ทั้งที่ลูกน้องผมก็จัดการให้อยู่แล้ว”
ไข่มุกยิ้มกลบเกลื่อน
“คุณแม่จะไปทางนั้นอยู่แล้วคะ ไม่อยากรบกวนลูกน้องคุณ”
“อย่าบอกนะว่าแม่คุณจะตามไปด้วย ไม่เอานะ งานนี้ฮันนีมูน ไม่ใช่สามัคคีชุมนุม” คีรินทร์ดักคอ ไข่มุกยิ้มแห้งๆ
“ไม่หรอกคะ คุณแม่ไม่ไปแน่ ว่าแต่ชุดสวยๆ ชั้นก็มีเยอะแล้วนะ ไม่เห็นต้องพาซื้อใหม่ หรือว่าที่นั้นหนาว เมืองเขาสวยไหมคะ แล้วมี หิมะไหม เห็นในหนังหิมะตกซ้วย...สวย”
คีรินทร์หันมองแล้วยิ้มขำ
“ถามทีละอย่างสิ ดูทำท่าเข้า อเมริกาที่คุณเรียนไม่มีหิมะเหรอ ทำท่าอย่างกับไม่เคยไปเมืองนอก”
ไข่มุกรู้สึกตัวก็ยิ้มเจือนแก้เกี้ยว
“เกาหลี ยังไม่เคยไป”
ไข่มุกทำเช็ดกระจกแก้เขิน เหลือบไปเห็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ใส่แว่นดำตามมาก็หันไปมองอย่างสงสัย
คีรินทร์กับไข่มุกเดินในห้างหรู ถือถุงเต็มสองมือ คนร้ายโผล่ออกมาที่เสา พอไข่มุกมองไปก็รีบหลบ ไข่มุกหน้าเสียรีบจูงมือคีรินทร์ให้เดินไวๆ คีรินทร์เดินตามอย่างงงๆ
ในร้านเสื้อผ้าผู้ชาย คีรินทร์ถือชุดจะไปลองในห้องลองชุด ไข่มุกเดินเลือกเสื้อไม่ห่างออกไปเท่าไร พอหันมามองทางคีรินทร์เห็นคนร้ายจะเข้าไปในห้องลองเสื้อตาม ไข่มุกหันซ้ายหันขวา รีบเข็นที่แขวนเสื้อที่มีลูกล้อพุ่งใส่จนคนร้ายล้มไป แล้วพรวดเข้าไปในห้องลองเสื้อจึงเห็นคีรินทร์โป๊ท่อนบนหันหลังให้ ไข่มุกรีบเอามือปิดตาแบบนิ้วห่างๆพอเห็น ควานหามือไปถูกมัดกล้ามคีรินทร์ก็ชักมือกลับ แจ่คีรินทร์จับมือไว้ ทำยิ้มยั่ว ไข่มุกจับมือคีรินทร์แล้วลากให้ออกไปอย่างกลัว คีรินทร์ถลาตามอย่างไม่ทันตั้งตัว
คีรินทร์นั่งโซ้ยบะหมี่แห้งอย่างเอร็ดอร่อย ไข่มุกซดน้ำก๋วยเตี๋ยวไปตาก็คอยมองรอบร้านระวังโต๊ะข้างๆ ไปทั่ว
คีรินทร์เห็นก็ทำสีหน้างง
“คุณเป็นอะไรลูกไก่ เห็นลับๆล่อๆมาตั้งแต่ในรถแล้ว อยู่ที่ห้างก็ทำจะเข้าไปลวนลามผม แหม บอกกันดีๆ ก็ได้ หรือว่า คุณชอบโชว์ตามที่สาธารณะ เร้าใจดีว่างั้น”
ไข่มุกค้อนให้
“บ้าสิคุณน่ะ รีบทานเถอะ ชั้นอยากกลับบ้านแล้ว”
“แหมกำลังอร่อย จะรีบกลับไปไหน”
คีรินทร์หยิบบะหมี่อีกชามมานั่งก้มหน้าก้มตาโซ้ยต่อ คนร้ายที่ยืนหลบมุมนอกร้านโผล่ออกมา คนร้ายถือมีดไว้ในมือจะขว้างใส่คีรินทร์ ไข่มุกเหลือบไปเห็น รวบตะเกียบไว้ในมือ พุ่งเข้าใส่คนร้าย ตะเกียบปะทะมีดหล่นจากมือคนร้าย คีรินทร์คีบบะหมี่เต็มปากเงยหน้ามอง ไข่มุกก็ยิ้มหวานให้
“อ้าว ตะเกียบหายไปไหน”
“คือมัน สกปรกหนะคะ ขว้างทิ้งไปแล้ว”
คีรินทร์มองงงๆ แล้วก้มหน้ากินบะหมี่ต่อ คนร้ายเดินตรงมาที่โต๊ะกะเข้ามาซัดเต็มที่ ไข่มุกเห็นก็ตาตื่น ไข่มุกทุบโต๊ะผ่าง ชามก๋วยเตี๋ยวลอยขึ้นบนฟ้า ไข่มุกใช้ฝ่ามือปัดไปทางคนร้าย ชามก๋วยเตี๋ยวลอยหมุนไปในอากาศ ลงหน้าคนร้ายพอดี น้ำก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ รดหน้าจนคนร้ายดิ้นพล่านออกไปจากร้าน คีรินทร์เงยหน้าเคี้ยวบะหมี่แก้มตุ่ย
“อ้าว...ชามก๋วยเตี๋ยวหายไปไหนอีก”
ไข่มุกยิ้มหวานให้อีกครั้ง
“มันร้าวหนะ โยนให้เด็กเปลี่ยนไปแล้ว”
คีรินทร์งง แล้วก้มหน้าพุ้ยบะหมี่ต่อ ไข่มุกเหลือบมองคนร้ายที่หลบไป ถอนหายใจรอดไปอีกที
ไข่มุกเร่งคีรินทร์ที่เดินช้าเพราะอิ่ม ตาคอยมองว่าคนร้ายตามมาหรือไม่
“เร็วสิคุณ เดินช้าจัง”
ไข่มุกเข็นคีรินทร์จากด้านหลัง
“จะรีบไปไหนของคุณ รถจอดอยู่แค่นี้เอง คนยิ่งอิ่มจะตาย เดินเร็วไม่ไหว หนักพุง”
ไข่มุกเหลือบไปเห็นคนร้ายที่เดินตามมาก็หน้าตื่น รีบดึงคีรินทร์ไปหลบหลังรถคันหนึ่ง หายใจรัวทั้งกลัวทั้งเหนื่อย
“ขอพักแป๊บ โอย จะตามอะไรกันนักหนา”
คีรินทร์มีสีหน้าหงุดหงิด
“คุณเป็นอะไรของคุณ หลบกิ๊กคนไหนอีกละ ไหนมันอยู่ไหน ถ้าคุณไม่กล้าเดี๋ยวผมบอกเองว่าคุณมีสามีแล้ว”
คีรินทร์ลุกจากที่หลบ จังหวะเดียวกับคนร้ายทุ่มแผ่นไม้แผ่นใหญ่ใส่ตัวคีรินทร์
“ไม่เดี้ยงก็ให้มันรู้ไป”
“โอ๊ย”
คีรินทร์เอามือป้องกันไว้ แต่ไม้กระดานล้มทับตัว ลงไปนอนนิ่งกับพื้น ไข่มุกตะโกนสุดเสียง
“คุณคีรินทร์”
คนร้ายปรี่เข้ามาจะกระทืบไม้กระดานซ้ำบนร่างคีรินทร์ ไข่มุกรีบออกมา ถีบตัวคนร้ายจากด้านหลังจนเซไป
“จะเล่นกันถึงตายหรือไง”
คนร้ายชักมีดออกมา ไข่มุกตาลุกกลัว ถอยออกห่าง
“ทำเจ็บหลายครั้งแล้ว ขอเอาคืนบ้างเถอะวะ”
ไข่มุกตกใจถอยหลังแล้ววิ่งหนีไปอย่างกลัว คนร้ายวิ่งตาม
ไข่มุกวิ่งหนีลงบันไดอย่างตื่นกลัว คนร้ายก็วิ่งตาม
“โอ๊ย...จะตามมาทำไม อยากได้อะไรบอกมาสิ”
“อยากสั่งสอนเอ็งไง ซ่าส์นัก ทำจะสู้กะข้า”
“ไม่ต้องสอน ชั้นเลิกเรียนนานแล้ว ปล่อยชั้นไปเถอะ” พอลงมาอีกชั้น ไข่มุกเห็น รปภ.เดินมา รีบวิ่งเข้าไปหา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยคะ มีคนร้าย”
รปภ.รีบเป่านกหวีดเสียงดัง คนร้ายชะงัก รีบหลบที่มุมตึกแล้ววิ่งหนีไป ไข่มุกมองด้วยความกลัว หอบหายใจถี่อย่างเหนื่อย
ภัททิมาช็อปปิ้งเอารถขึ้นมาจอด พอขับรถผ่านเห็นไม้กระดานทับคนก็ตกใจหยุดรถมองจึงเห็นเป็นคีรินทร์
“เอ้ย นั้นคุณคีรินทร์นิ ไปนอนอะไรตรงนั้น”
ภัททิมารีบหยุดรถลงมาช่วยขยับไม้กระดานออก คีรินทร์มึนสะลึมสะลือ มีเลือดไหลที่ขมับ คีรินทร์กุมที่แผล พอจะลุกก็ล้มลงไป จนภัททิมารีบเข้าประคอง
“คุณคีรินทร์ไหวไหมคะ เดี๋ยวลูกไก่ช่วย ขึ้นรถก่อน ลุกเร็วสิ หนัก ยกไม่ไหว ลุกเร็ว โดนใครมันตีเอาเนี่ย น่ากลัวเห็นแล้วลมจะจับ”
ภัททิมาประคองคีรินทร์จนขึ้นรถได้ ภัททิมารีบขับรถออกไป จังหวะนั้นไข่มุกกับ รปภ.รีบวิ่งมาหาคีรินทร์ หอบอย่างเหนื่อย พบแต่ไม้กระดาน
“ไหนละครับคนร้าย คนเจ็บ ไม่เห็นมีใครสักคน”
ไข่มุกหันรีหันขวางหาคีรินทร์ไปทั่ว
“เมื่อกี๊ยังอยู่ตรงนี้เลย หายไปไหนแล้ว”
ไข่มุกมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นอะไร
คีรินทร์นอนหลับตายกมือกุมหัวซึ่งมีผ้าพันแผลรอบหัว ภัททิมารีบพูดเอาความดีความชอบกับเขมทัตและมณี
“ถ้าลูก เอ๊ย ไข่มุกไม่ไปเจอ มีหวังนอนหัวแตก จนเลือดหมดหัวแน่นอน”
“ลุงขอบใจหนูไข่มุกมาก ยังโชคดีที่เอ๊กซเรย์แล้ว ไม่เป็นไร จำหน้าคนทำได้มั้ย”
คีรินทร์ส่ายหัวช้าๆ
“โธ่ลูกแม่ ทำไมเคราะห์ร้ายอย่างนี้ เดี๋ยวโดนนั้นโดนนี่ ท่าจะจริงแล้วนะคุณ ดวงลูกเราชงกันกับยัยลูกไก่แน่เลย ดวงเป็นกาลกิณีกัน ถึงมีเรื่องไม่ได้หยุด”
เขมทัตนิ่งคิดไม่พูดอะไร ไข่มุกรุดเข้ามาในห้อง ท่าทางร้อนใจพอเห็นคีรินทร์ก็ถอนใจ ค่อยหายห่วง
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ แล้วกลับมาบ้านยังไง ตอนชั้นกลับไปอีกทีก็ไม่เจอคุณแล้ว”
คีรินทร์มองไข่มุกอย่างยังซึมๆ มณีเข้าไปแทรกเบียดไข่มุกให้ออกห่าง จนไข่มุกแทบเซไป
“อยู่ห่างๆ ลูกชั้นดีกว่านะ รู้ไหมตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เกิดเรื่องกับคีรินทร์กี่ครั้งแล้ว พาตัวซวยเข้าบ้านจริงๆ”
คีรินทร์เริ่มขยับ รู้สึกตัว มือยังกุมที่แผล
“ลูกไก่ คุณเป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนเปล่า”
ไข่มุกสั่นหน้า น้ำตาคลอเพราะโดนมณีว่า
“ไหนค่อยๆ เล่าสิเกิดไรขึ้น”
“เราไปซื้อของกันค่ะ พอจะกลับมาขึ้นรถ ก็มีคนเข้ามาทำร้ายคุณรินทร์”
คีรินทร์นึกย้อนไป
“ใช่ มันเอาไม้มาฟาดหัวผมอย่างแรงเลย”
มณีมองไข่มุกอย่างสงสัย
“แล้วเธอหายไปไหน ทำไมทิ้งให้ผัวนอนเจ็บอยู่กับพื้นคนเดียว”
ไข่มุกอึกอัก ทุกคนมองไข่มุกเป็นตาเดียว
“คือ หนูวิ่งไปตาม รปภ. ให้มาช่วยคะ”
ภัททิมาได้โอกาสเลยสวมรอย
“ก็วิ่งหนีนั้นแหละ จริงๆ น่าจะช่วยคุณคีรินทร์ก่อน ไข่มุกเห็นเหตุการณ์ตลอด ขอบอกว่าทนไม่ได้จริงๆ คะ เลยต้องรีบเข้าไปช่วยคุณคีรินทร์ เอา กระเป๋าฟาดๆๆคนร้าย ด่ามันซะกระเจิง จนมันต้องวิ่งหนีไปเลยคะ” ไข่มุกเอ๋อ มองหน้าภัททิมา พูดต่อไม่ออก ภัททิมาก็ทำทีเข้าไปดูแลทำเป็นห่วงคีรินทร์ “ตอนนั้นนึกอย่างเดียว ต้องช่วยคุณคีรินทร์ให้ได้ จนลืมห่วงชีวิตตัวเองเลย”
“คนอื่นแท้ๆ ยังคิดแบบนี้ แต่นี่เธอเป็นเมีย กลับหนีเอาตัวรอดทิ้งผัวไว้แบบนั้น กรรมเวรของลูกชายชั้นจริงๆ ที่มีเมียอย่างเธอ”
เขมทัตมองไข่มุกอย่างเสียความรู้สึก ไข่มุกหน้าเสีย ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เหลือบมองภัททิมาที่ส่งสายตามาเย้ยอย่างสะใจ
จบตอนที่ 4
อ่านต่อตอนที่ 5 เวลา 17.00น.