มายาสีมุก ตอนที่ 3
เช้าวันรุ่งขึ้น นุชนารถนั่งทำแผลปิดผ้าก็อตที่จมูกให้คีรินทร์ที่มีสีหน้าเจ็บปวด ทุกคนมองอย่างแปลกใจ คีรินทร์คอยจะเอามือห้ามนุชนารถ
“โอ๊ยๆๆ เบาๆ หน่อยสินุช มันเจ็บ”
คีรินทร์ซู๊ดปาก นุชนารถหมั่นไส้อยู่ในทีแล้วเลยหนักมือขึ้นอีก
“เจ่อขนาดนี้ เบายังไงก็ต้องมีเจ็บมั่งล่ะค่ะ นุชจะพยายามดูแลให้ดีที่สุดคะ ไม่ปล่อยให้บาดทะยักกินหรอก”
นุชนารถค้อนไข่มุก ไข่มุกกลั้นหัวเราะสะใจ
“หนูนาก็ช่วยด้วย หมดหล่อเลยพี่ชายเรา น่าสงสารจัง” รัตนาทำหน้าเศร้า
“พึ่งแต่งงานไม่ทันไร เจ็บไม่ได้หยุด เดี๋ยวเป็นโน่นเดี๋ยวโดนนี่ ชักลางไม่ดีแล้ว แม่ล่ะเป็นห่วงรินทร์จริงๆ เจ็บไหมลูก ดั้งหักละหมดกัน” มณีหันไปต่อว่าไข่มุก “เธอมัวทำไร ถึงปล่อยให้ผัวหัวฟาดเตียงแบบนี้ หรือเอาแต่หลับ”
ไข่มุกหน้าจ๋อย
“ไม่ได้หลับหรอกคะ คือว่า...คุณรินทร์เขาจะ...”
“หยุดเลยนะไม่ต้องเล่า”
คีรินทร์รีบยกมือห้าม แล้วคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
คีรินทร์พยายามจะปล้ำไข่มุกขณะที่ไข่มุกกึ่งนั่งนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“มาให้ปล้ำซะดีๆ”
คีรินทร์อ้าแขนกว้าง ทำท่าจะเอาจริงไข่มุกหน้าตื่นกลัว เอาหมอนโยนใส่ คีรินทร์ปัดออก ไข่มุกยกมือกันไว้
“อย่าเข้ามา ชั้นเตือนแล้วนะคุณ”
คีรินทร์ยิ้มกริ่ม มือสองข้างก็จับไข่มุก
“อืม แบบนี้ชอบ มีขัดขืนหน่อยๆ เร้าใจ”
คีรินทร์คลานเข่าบนเตียงเข้ามา ไข่มุกก็กลัวเบือนหน้าหนี สองคนยักแย่ยักยันหลบซ้ายขวากันไปมา
“ไม่เอา ไม่เล่นแล้วนะ”
“ก็ใครว่าเล่น เอาจริง” คีรินทร์โถมเข้าสุดตัวหมายจะเผด็จศึก ไข่มุกสอดขาที่หว่างขาคีรินทร์แล้วยกตัวคีรินทร์ลอยข้ามตัวเองไปข้างหน้า แล้วพลิกหลบไปยืนข้างเตียงอย่างไว “เฮ้ย”
จมูกและหน้าคีรินทร์ฟาดกับหัวเตียงเต็มแรง จนผงะ นอนเห็นดาว หมดอารมณ์ ไข่มุกตกใจ ยกมือไหว้ที่อก“อุ้ย...โทษคะ ไม่ได้ตั้งใจ”
ไข่มุกนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เอามือปิดปากหัวเราะ พอคีรินทร์มองมาก็ทำเฉย ลอยหน้าลอยตา คีรินทร์ถลึงตา หงุดหงิด อารมณ์เสียอย่างพาล คีรินทร์ลุกขึ้น มือก็จับจมูกที่เจ็บ
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับแม่ ไม่เป็นไรมากหรอก” คีรินทร์ดึงแขนไข่มุก “ไป...ไปกับชั้นซะดีๆ”
“ไปไหนคะ” ไข่มุกทำหน้างง
“ไป ธุระกันหน่อย”
“วันนี้นอนพักก่อนไม่ดีหรอคะ เดี๋ยวแผลระบม”
“ไปได้ ไม่ต้องห่วง”
ไข่มุกอึ้งในเหตุผลรินทร์
“ไปด้วย หนูนาอยากไปเที่ยว”
คีรินทร์อึกอักส่ายหน้าหยิก
“อย่าเลย พี่ต้องไปหลายแห่ง อาจจะแวะโรงพยาบาลด้วย ให้หมอเอ็กซ์เรย์ กระดูกหักป่าวไม่รู้”
คีรินทร์จูงไข่มุกออกจากห้อง นุชนารถมองอย่างหึง รัตนาทำหน้าเซ็ง มณีมองสองคนเดินออกไป
“ดู๊ ดู นายรินทร์เรา ทำตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ วันนี้ก็เกงานอีก ชั้นล่ะไม่อยากจะพูด สงสัยมีเมียแล้วจะเสียคน”
เขมทัตสำทับ
“อย่างกับเมื่อก่อนมันขยันนักนี่ อยู่กับสาวๆ มากกว่าอยู่กับงาน หวังว่ามันมีเมียแล้วจะรับผิดชอบขึ้นบ้าง แต่ท่าจะเหลว”
มณีทำหน้าเอื้อม เขมทัตก็ส่ายหน้าหน่ายกับคีรินทร์ นุชนารถก็แสนจะหมั่นไส้คีรินทร์เหมือนกัน
คีรินทร์นั่งมองไข่มุกที่นั่งคนขับ พอสตาร์ทรถ ไข่มุกก็คลำๆ ด้านซ้ายติดพวงมาลัย ก้มๆ เงยๆ คีรินทร์งง
“หาอะไร”
“หาเกียร์ อยู่ไหนหว่า”
คีรินทร์ชี้ที่เกียร์ข้างลำตัว
“นี่ไง ยังจะแกล้งทำลูกเล่นอีกหรอ”
ไข่มุกยิ้มแห้งๆ จับที่เกียร์ออโต้
“ออโต้ด้วย แบบนี้ง่ายเลย อยากขับมานานแระ”
ไข่มุกออกรถ ขับรถมองหลังซ้ายขวาอย่างคล่องแคล้ว เข้าเกียร์ เลี้ยวรถอย่างชำนาญ คีรินทร์มองอย่างพอใจ
“ขับรถเก่งใช้ได้ สมัยอยู่อเมริกาขับบ่อยสิ”
ไข่มุกอมยิ้ม
“แล้วแต่วินเขาจะเรียก”
“วิน วินไหน อ้อ วินนี่ เพื่อนฝรั่ง แฟนเก่าล่ะสิ”
ไข่มุกหันพยักหน้าน้อยๆ แล้วยิ้ม นึกถึงอดีต
ในอดีตที่วินรถสองแถว รถสองแถวในสภาพเยินมากจอดรอผู้โดยสาร ไข่มุกยืนเรียกผู้โดยสารอยู่ท้ายรถ
“ขึ้นเลยพี่ ขึ้นเลย ด้านในขยับนิด นั่งชิดกันอีกหน่อยนะจ๊ะน้ำมันแพงอัดๆ กันหน่อยนะจ๊ะ แถวโน่นด้วยจร้า”
หัวหน้าวินสองแถวเดินมาตะโกน
“ไอ้มุก วันนี้ลุงแหนมแก่ป่วย เอ็งขับแทนทั้งวันแล้วกันนะ เดี๋ยวข้าให้เพิ่ม ออกไปเลยแล้วกันเดี๋ยวไม่ทันคิว”
ไข่มุกยิ้มกริ่มอย่างดีใจ
“สบายอยู่แล้วลูกพี่ งั้นหนูไปนะคะ”
ไข่มุกขึ้นนั่งที่คนขับ พอสตาร์ทรถก็เข้าเกียร์มือด้านซ้ายข้างพวงมาลัยอย่างคล่องแคล้ว ผิวปาก ออกรถเอี๊ยด...ยกล้อ
คีรินทร์ให้ไข่มุกขับรถมาที่คอนโด คีรินทร์เปิดประตูเข้ามาในคอนโด ไข่มุกยืนลังเลหยุดหน้าประตูไม่ยอมเข้าจนคีรินทร์ต้องดึงมือเข้ามา
“เข้ามาเถอะ คอนโดชั้นเอง น่าอยู่มากนะ อยากให้ภรรยาเห็น”
คีรินทร์ยิ้มหล่อ ไข่มุกเดินเข้ามาอย่างระวังตัวหน่อยๆ คีรินทร์เดินไปเปิดเพลงแจ๊สเซ็กซี่ กดรีโมทเปิดแอร์ ทำท่าร้อน
“กว่าจะเย็นคงอีกสักพัก อืม...ร้อนเนอะ”
คีรินทร์ถอดเสื้อออกเห็นกล้ามเป็นมัดๆ มือก็พัดไปมาว่าร้อน ไข่มุกเห็นก็ตาค้าง กลืนน้ำลาย แล้วก็หันหลังขวับ ปิดตา
“เฮ้ย ถอดอะไรตรงนี้ ไปทำให้ห้องน้ำสิ ร้อนก็อาบน้ำซะ”
คีรินทร์ยิ้ม เดินเปลือยท่อนบนไปกอดด้านหลังไข่มุกอย่างนุ่มนวล ไข่มุกห่อไหล่ขนลุก กลัวๆ กล้าๆ แกะมือคีรินทร์แต่ก็ไม่ออก
“ไหนว่าอยากให้ชั้นเห็นคอนโด ก็เห็นแล้วไง กลับเถอะ”
“แถมให้ดูกล้ามด้วย” คีรินทร์พูดยั่วยวนชี้ให้ดู “ตรงนี้ ซิกแพ็กนะ จับสิ ชั้นไม่ว่าหรอก แข็งปั๋งเลย”
ไข่มุกที่หันหลัง ค่อยๆ เอามือปิดตาลง เหย่หน้ารี่ตาข้างเดียวมองมัดกล้ามคีรินทร์แว๊บหนึ่ง แล้วรีบหันกลับมาปิดตาต่อ
“ยื้ย...เห็นแล้ว ใส่เสื้อเถอะ ไหนว่าให้ชั้นพาเที่ยว”
“ก็เที่ยวสวรรค์ไง จะได้หายเครียด เพลินๆ กันนิดนึง” คีรินทร์กระซิบอย่างอ่อนหวาน ไข่มุกกระทุ้งข้อศอกให้ คีรินทร์จุก
“ไม่เอา ชั้น ชั้นมีประจำเดือนคะ”
คีรินทร์ทำท่ารู้ทัน
“แหม หามุขเนียนกว่านี้หน่อยสิ มุขนี้ผู้หญิงที่ไหนเขาก็ใช้กันถ้าเป็นเมนจริง” คีรินทร์ชี้ที่กางเกง “ถอดสิ ชั้นดูหน่อย”
ไข่มุกตาค้างชักโมโห
“บ้าแล้ว คุณนี่เสียมารยาทจริง ใครเขาจะถอดให้ดู”
คีรินทร์เจอแบบนี้ก็หงุดหงิด หมดอารมณ์
“นี่ชั้นอุตส่าห์เอาใจ พามาบรรยากาศดีๆ ก็ไม่ชอบ อะไรก็ไม่เอาคนแต่งงานกันแล้ว มีไรกันมันก็เรื่องธรรมดา ชั้นไม่เคยเจอใครเรื่องมากอย่างเธอ เล่นตัวมากไปแล้ว ชักเซ็ง เข้าใจมั้ย”
“ก็ชั้น...ยังไม่พร้อมนิ ปุ๊บปั๊บให้มีไรกันได้ไง ถึงแต่งงานแล้วก็เถอะ”
คีรินทร์ทำท่านึกรู้ พยักหน้า
“หาข้ออ้างสารพัด ชั้นว่าเธอมีคนอื่นมากกว่า”
ไขมุกอึ้ง ส่ายหน้า
“ชั้นจะไปมีใคร วันๆ ตำแต่ส้ม...เอ้ยทำแต่งาน เอาเวลาที่ไหนไปหาแฟน”
“เขาเป็นใคร บอกมาเถอะ เพื่อนสมัยเรียนหรือหนุ่มที่รู้จักกันตามผับคบกันมานานแล้วละสิ”
“ไปกันใหญ่แล้ว ชั้นว่าไม่มีก็ไม่มีจริงๆ”
คีรินทร์เซ็งปนสงสัย
“เห็นเธอติ๋มๆ แบบนี้ ร้ายไม่ใช่เล่น ยอมรับว่าดูเธอไม่ออกจริงๆ”
คีรินทร์ขับรถออกจากคอนโดด้วยสีหน้าหงุดหงิด มือก็คลำที่แผลจมูกเจ็บและคอยหันมองไข่มุกที่ค่อยใจชื้นขึ้น หลังออกจากคอนโดได้
“เดี๋ยวชั้นพาไปเที่ยว กินส้มตำไหมละ”
คีรินทร์ส่ายหน้าบึ้ง
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องลูกไก่ ผมคิดมานานแล้ว คุณดูมีพิรุธไงไม่รู้ ต้องมีใครสักคนแน่ เป็นเมียเขามานานยังละ คบกันตั้งแต่อยู่อเมริกาสิ” ไข่มุกขมวดคิ้ว กอดอก เริ่มโกรธนั่งเงียบ “นึกว่าจะแฟร์ๆ เล่าให้ฟัง แต่คุณก็มีความลับ แล้วต่อไปเราจะอยู่ด้วยกันได้ไง แค่เริ่มต้นก็ไม่เปิดใจกันแล้ว ว่ามาเถอะ”
“คุณจะคิดไปคนเดียวก็ตามใจ แต่ชั้นไม่มีใครแน่”
คีรินทร์จอดรถกระทันหัน จนไข่มุกแทบหัวคะมำ คีรินทร์เอื้อมมือไปเปิดประตูข้างไข่มุกอย่างโมโห แล้วผลักเธอให้ลงจากรถ
“ผมไม่ชอบคนมีความลับ ถ้าอยากโกหก ไปโกหกกับคนอื่น”
ไข่มุกเซลงจากรถหน้าเสีย คีรินทร์ขับรถออกไป ไข่มุกได้แต่มองตามอย่างอึ้ง
ไข่มุกเดินไปตามถนนน้ำตาคลอ เดินไปก็เอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตาไป
“ทำไมชั้นต้องมาเจอคนเฮงซวยแบบนี้ด้วย เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยเห็นใจ นึกสงสารเลย”
จิ๊กโก๋ซ้อนมอเตอร์ไซด์กันมาสองคน ทั้งคู่ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อกแต่ถือติดมือมาด้วย จิ๊กโก๋ยิ้มกวนแล้วหยุดรถขวางไข่มุก วางหมวกกันน็อกไว้บนรถ เดินยียวนมาหา
“ใครทำให้ร้องไห้จ๊ะน้องสาว ไปกับพี่ดีกว่า เดี๋ยวพี่ปลอบให้หายเศร้า”
“ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเลยวะ ถ้าร้องแบบอื่นจะขนาดไหน”
ไข่มุกหันไปเห็นก็รีบเดินหนีอย่างกลัว จิ๊กโก๋เดินดักหน้าดักหลัง ยิ้มอย่างยียวน
“งานเข้าอีกแล้วไอ้มุกเอ้ย ความซวยเมื่อไรจะไปเยือนคนอื่นบ้าง”
จิ๊กโก๋จับต้นแขนไข่มุก
“อุ้ย เนื้อนิ๊ม นิ่ม น่าเอาไปชุบแป้งทอด”
“ปล่อยชั้นนะ” ไข่มุกสะบัดแขน จิ๊กโก๋วิ่งจะเข้ามาลาก ไข่มุกวิ่งวนไปวนมาหลบหลังมอเตอร์ไซด์ จิ๊กโก๋ก็ตามประชิด “เฮ้ย...บอกให้ออกไป ไม่งั้นมอไซด์พังนะ”
จิ๊กโก๋หน้าตื่น
“อย่านะโว๊ย รถลูกพี่”
จิ๊กโก๋คว้ามือไปรวบตัว ไข่มุกนั่งหลบอย่างไว อีกคนจะดึงตัวขึ้น ไข่มุกกวาดเตาะขาจนล้ม ลุกยืนแล้วผลักมอเตอร์ไซด์ล้มลง จิ๊กโก๋สองคนรีบเข้าไปดูรถ จิ๊กโก๋ลูบคลำรอยถลอกแทบร้องไห้
“เฮ้ย ตายชัก โดนลูกพี่ตื้บแน่ตู”
ไข่มุกเห็นจิ๊กโก๋เผลอ ใช้ความคล่องตัวแบบวิชาตัวเบารีบฉวยหมวกกันน็อกที่หล่นพื้น เคาะโป๊กที่หัวคนละทีอย่างมึน แล้วสวมหมวกกันน็อกกลับด้านใส่หัวทั้งสองคน จิ๊กโก๋สองคนเซไปเซมา ไข่มุกได้จังหวะเอาเชือกรัดหมวกกันน็อกผูกติดกันไว้ทั้งสองใบ จิ๊กโก๋ยื้อกันไปยื้อกันมา ถอดไม่ออก ไข่มุกรีบถอยห่างอย่างตื่นกลัวไม่หาย
“คราวหน้าขี่มอไซด์ใส่หมวกกันน็อกด้วย”
ไข่มุกรีบวิ่งหนี จิ๊กโก๋ถอดหมวกได้ แต่ก็มึนหัวตาลาย วิ่งตามไม่ไหว
ที่บ้านชลลดา พิพัฒน์เดินย่องกลับเข้ามาในบ้าน ภัททิมาออกมาจากมุม แว้ดใส่
“หายไปไหนมา ทำเป็นย่อง นึกว่าจะพ้นชั้นเหรอ”
พิพัฒน์สะดุ้งตกใจ
“ไปนอนบ้านเพื่อน ทำไมต้องทำหน้าเหี้ยมด้วย จะฆ่าเขารึไง” ภัททิมาชะงัก “ไม่ต้องมาสะดุ้ง พูดจี้ใจดำดิ”
“จี้อะไร ไม่รู้เรื่อง”
พิพัฒน์นิ่งไป พูดอย่างกลัว
“ลูกไก่ เขาได้ยินนะที่แม่พูดกับตัว คิดจะฆ่าเขาจริงๆ เหรอ” ภัททิมายิ้มขำ
“บ้าน่า แม่เขาคงอารมณ์ค้างอยู่ เลยพูดเอามันส์ คนทั้งคนจะฆ่าได้ไงยะ”
พิพัฒน์มองหน้าภัททิมาแล้วทำอ้อนกอด
“เขารักตัวเองนะ ตัวยังรักเขาป่าว”
ภัททิมาอึ้ง เพราะหมดรักพิพัฒน์แล้ว
ชลลดาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเล็กไปปากก็ว่าภัททิมาไปอย่างขัดใจ
“ใจอ่อนแบบนี้ มันถึงเกาะได้เกาะดี”
“แม่เก็บของจะไปไหน”
“ไปชายแดนสักสองวัน”
“ไปบ่อน”
ชลลดาเก็บเสื้อผ้าต่อไม่ปฎิเสธ
“มีเงินแล้วก็ต้องหาวิธีให้มันงอกเงย” ภัททิมาแบมือ
“วันก่อนไปเห็นกระเป๋ามาใหม่ ส๊วย สวย ค่าส่วนแบ่งที่ยอมให้นังไข่มุกเอาชื่อลูกไก่ไปหากิน”
ชลลดามองอย่างเสียไม่ได้
“กับแม่ทำรู้มาก ไว้จะโอนให้สักห้าหมื่นละกัน นี่ถ้าเป็นเมียนายคีรินทร์ คงไม่ต้องมาขอแม่แบบนี้ มีหวังผัว
ให้ใช้เดือนละสามสี่แสน เมื่อไหร่จะคิดได้สักทีฮึ”
ภัททิมานิ่งคิดอย่างงกและอยากได้
ที่คลาสเต้นรำ ทุกคนกำลังหัดท่าตามครูสอน มณีทำเป็นเต้นคล่องแต่ผิดจังหวะ ไข่มุกก็ยังเต้นผิดๆ ถูกๆ มณีหันมองแล้วพูดทับถม
“มาตั้งสองสามหนแล้ว เต้นให้คล่องอย่างชั้นสิยะยัยลูกไก่ เสียดายเงินแย่”
“ได้คะ หนูจะพยายาม”
ไข่มุกทำหน้าเซ็งๆ บิดก้น กางมือออกตามท่าเต้นมณี แต่ไม่ค่อยได้เรื่อง คนร้ายที่เต้นอยู่ด้วยมองมาทางไข่มุกอย่างหมายมาด
“เอาละวันนี้ เราจะหัดเต้นคู่นะใครอยู่ใกล้ใครลองจับคู่กันเองครับ”
มณีมองซ้ายมองขวาหาคู่เต้น
“ใครดีน๊า” ชายแก่สะกิดที่ไหล่มณี ยิ้มเห็นฟันหลอ มณีหันไปเจอแทบสลบ ตั้งท่าใส่ เดินหนี “อ๊าย แก่จะตาย ไม่เต้นด้วยหรอก เต้นไปหัวใจวายขึ้นมา ชั้นได้ซวยสิ” มณีมองไปมองมาเห็นคนร้ายก็ว่าท่าจะเต้นเก่ง คนร้ายจะเดินไปทางไข่มุก มณีเอาตัวเข้าขวางไว้ยิ้มอย่างหวาน “เดี๋ยวสิคุณ นั่นน่ะเด็กเพิ่งหัด เต้นด้วยเบื่อแย่ เต้นกับชั้นดีกว่า คล่องกว่ากันเยอะ”
คนร้ายจะหันกลับก็ไม่ทัน ถูกมณีลากละล้าละลัง เพลงขึ้น ห่างออกไปชายแก่เดินสวนมองมณีค้อนๆ ไปเต้นกับไข่มุก
คนร้ายและมณียืนคู่กัน พอคนร้ายยกแขนขึ้น มณีชะงักเพราะเหม็นเต่าคนร้ายอย่างแรง มณีหลับตาจะเป็นลม
“สนุกมั้ยป้า”
มณีอ้าปากค้าง บ่นแทบไม่ออก
“สนุกบ้าอะไร นายเต่าเน่า แถมปากเหม็นอีก ตายแน่ชั้น” มณีเดินไปแย่งคนแก่ที่เต้นคู่ไข่มุก “เธอไปเต้นกับคนโน่นไป ชั้นจะหัดให้ปู่เอง”
ไข่มุกงง เกาหัวยิก คนร้ายจ้องมองไข่มุกอย่างหมายมาดแล้วเดินตรงเข้ามา แต่เพลงจบพอดี คนร้ายเลยต้องเดินเลี่ยงไป
ครูกำลังสอนเต้น เห็นไข่มุกจับคู่กับคนร้าย มณีจับคู่กับคนแก่ นักเรียนอื่นก็ยืนคู่กัน ครูเต้นให้ดูกับคู่เต้น
“เปลี่ยนเป็นจังหวะ ชะ ชะ ช่านะครับ หมุนตัวด้วย”
คนร้ายมองไข่มุก ก้าวเท้าตามจังหวะ ไข่มุกเต้นตามอย่างผิดสังเกต ไข่มุกหมุนตัว คนร้ายได้จังหวะก็จับล็อกคอ ไข่มุกตาเหลือก
“โอ๊ย อย่าล๊อก คอ หายใจไม่ออก ปล่อย”
คนร้ายกระซิบข้างหู
“เสร็จชั้นแน่ รอจังหวะนี้มานานแล้ว”
“โอ๊ย ปล่อย จะฆ่ากันหรอ”
ไข่มุกกระทุ้งศอกเข้าชายโครงจนคนร้ายจุกถอยออกไป ไข่มุกวิ่งหนี คนร้ายพุ่งตัวจับแขนไว้ ไข่มุกก็รั้งแล้ววิ่งเป็นวงกลมเหมือนเต้นรอบตัว ยื้อแขนกันไปมาดูเหมือนท่าเต้นยักย้ายส่ายเอว ไข่มุกสะบัดมือแล้วเหยียบขาคนร้ายจนกระโดดเหย็ง ไข่มุกรีบวิ่งหลบหลังมณี มณีก็มองอย่างงงๆ คนร้ายวิ่งเข้ามาหา มณีตั้งท่าสู้ ร้องเสียงดัง
“หยุดนะ ไอ้เต่าเน่า” คนหันมามองเป็นตาเดียว คนร้ายเห็นท่าไม่ดี รีบออกไป ไข่มุกถอนใจโล่งอก มณีปัดมือ ทำท่าเก่ง “รู้จักชั้นน้อยไปแล้ว จนหนีแล้วยังตามมาอีก คราวหน้าอย่าลืมแปรงฟันมาก่อนด้วย”
มณีกับไข่มุกเดินเข้ามาในร้านก๋วยเตี๋ยว
“เดี๋ยวกลับบ้านแล้วต้องรีบสระผม อาบน้ำ วันนี้ฝันร้ายจริงๆ บะหมี่แห้ง” มณีสั่งเด็กเสิร์ฟ
“บะหมี่แห้งเหมือนกัน”
เด็กเสิร์ฟจะจด แต่หันมองไข่มุก
“น้ำอะไรครับ”
“น้ำเปล่า ขวดเดียว” มณีบอกเน้นเสียงแล้วนิ่งไปนิดนึง “แถมน้ำแข็งมาแก้วนึงด้วยนะ”
“แถมไม่ได้ครับ แข็งแก้วละบาท” มณีมองหน้าเด็กเสิร์ฟ
“อะไร สั่งตั้งแยะ น้ำแข็งแก้วเดี๋ยวให้ฟรีไม่ได้”
เด็กเสิร์ฟส่ายหน้า
“เฮียสั่งไว้ เดี๋ยวโดนด่า”
“งั้นก็ใส่มาให้พูนๆ แก้วนะยะ คิดตั้งบาท ก็ให้คุ้มเงินหน่อย”
เด็กเสิร์ฟทำหน้าเซ็งแล้วเดินไป สักพักเอาน้ำมาขวด น้ำแข็งพูนแก้ว วางบนโต๊ะ มณีรินน้ำในขวดใส่แก้วให้นิดเดียว ไข่มุกก็มองลุ้น เห็นมณีเทนิดเดียวแล้วหยุดก็มองหน้า มณีลอยหน้าลอยตา
“กินบะหมี่ให้หมดก่อน ให้น้ำแข็งมันละลาย น้ำจะได้มีเยอะพอให้กินได้พอดี”
แล้วมณีก็กินน้ำในขวดที่เหลือเกือบเต็มขวดอย่างสบายใจ
ไข่มุกได้แต่แอบเบ้หน้าในความเค็มของเธอ
มณีและไข่มุกเดินจากโรงรถจะเข้าตัวบ้าน มณีหน้าตายิ้มแย้มเพราะอิ่มก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว ไข่มุกเดินตามหลังคอยช่วยถือของ มีขวดน้ำเปล่าที่มณีกินไว้จากร้านก๋วยเตี๋ยว
“ดูเอาของไปเก็บให้ดี ขวดน้ำที่เหลือ อย่าทิ้งนะ เก็บรวมๆ ไว้พอเยอะจะเอาไปขายร้านขายของเก่า เดี๋ยวชั้นรีบไปสระผมแล้ว เหมือนกลิ่นขี้เต่าไอ้นั่นยังติดหัว”
ไข่มุกทำหน้าเซ็งแต่มณีไม่เห็น นุชนารถขับรถสวนจะออกไป มณีมองโบกให้จอด
“จะเอารถไปไหนนุช”
“คุณรินสั่งไว้ให้เอาไปล้างคะ”
“ไม่ต้อง ล้างทีตั้งหลายร้อย ลูกไก่อยู่บ้านเปล่าๆ ล้างได้”
ไข่มุกอ้าปากค้าง
“ได้เลยคะ” นุชนารถยิ้มเยาะไข่มุก “เอาให้เอี่ยมเลยนะคะ ระวังรถเป็นรอยด้วย”
มณีมองไข่มุกสั่งสีหน้าเรียบ
“ยุคนี้ต้องประหยัด ไปจัดการเลย กินก๋วยเตี๋ยวพุงกางแล้ว ย่อยอาหารซะบ้าง”
สั่งเสร็จมณีก็เดินเข้าบ้าน ไข่มุกพยักหน้ารับ มองตาปริบๆ ไม่กล้าเถียง
ละลองน้ำโปรยฉีดใส่รถ ไข่มุกในชุดกางเกงขาสั้นเผยเห็นต้นขาขาวเซ็กซี่ เสื้อยืดสีอ่อนสดใส รัดผมน่ารัก
ฉีดน้ำไปทั่วรถ คีรินทร์กลับมาเห็นก็แอบมอง รู้สึกเธอแสนจะเซ็กซี่ ไข่มุกหยิบฟองน้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่จากถังล้างรถมาบิด น้ำกระเด็นเปื้อนเสื้อที่หน้าอกบ้างก็ปัดออก คีรินทร์เห็นก็กลืนน้ำลาย ไข่มุกถูฟองน้ำบนหน้ารถ จนแขนเสื้อหลุดจากไหล่เผยเห็นผิวขาวสดใส คีรินทร์อ้าปากค้าง ไข่มุกก็รีบดึงแขนเสื้อขึ้น ไข่มุกเอื้อมไม่ถึงก็ยกขาข้างซ้ายงอขึ้นจากพื้น คีรินทร์ก็โยกหัวซ้ายก้มตามดู แล้วมองเธอนิ่งอย่างอยากได้
คีรินทร์เดินออกมาอย่างหล่อ ถอดเสื้อออกอย่างเท่ห์โยนเสื้อปลิวลอยในอากาศ โชว์มัดกล้ามเหลือแต่กางเกงยีนส์ เดินเข้าไปยิ้มกับไข่มุก
“ล้างคนเดียวเหนื่อยแย่ ช่วยกันจะได้เสร็จเร็วนะจ๊ะลูกไก่”
“จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย ไม่เป็นไร ขอบคุณคะ ชั้นล้างเองได้ คุณเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ พักเถอะ”
“ผัวเมียช่วยกันล้างรถ ผลัดกันทำโน่นนี่ สนุกจะตาย” คีรินทร์จับมือไข่มุก ถูฟองน้ำไปทั่วรถ มือลื่นๆ ก็คอยลูบไล้แขน ไข่มุกก็ปัดป้องตาเขียวใส่ คีรินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “เสื้อคุณเปื้อนหมดแล้ว เดี๋ยวผมช่วย”
คีรินทร์บีบฟองจากฟองน้ำใส่ตัวไข่มุก ไข่มุกจับมือปัดป้อง
“โอ๊ย เล่นอะไรก็ไม่รู้ เปื้อนหมดแล้ว อยากเล่นใช่ไหม”
ไข่มุกฉีดน้ำใส่ คีรินทร์หลบ
“จ้างก็ฉีดไม่โดน ทางนี้”
คีรินทร์เข้าไปแย่งสายยางฉีดกลับ
“เปียกไปหมดแล้ว คุณเล่นอะไรไม่รู้”
สองคนยิ้มหัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนาน คีรินทร์สบตาซึ้ง
“สนุกตรงนี้ไม่พอเดี๋ยวไปสนุกต่อในห้อง”
ไข่มุกตาดุพูดแบบทีเล่นทีจริง
“ไม่เอา เล่นแค่นี้ก็พอแล้วคะ” คีรินทร์ปล่อยมือ หน้าบึ้งเดินไปทันที ไข่มุกมองอย่างงง “คนอะไร ทำไมถึงเอาแต่ใจตัวแบบนี้ เกิดมาก็เพิ่งเจอ”
คีรินทร์หันหลับมาพูดเสียงเข้ม
“ชั้นก็เป็นของชั้นแบบนี้”
ไข่มุกขมวดคิ้วส่ายหน้า คีรินทร์เดินเข้าบ้านอย่างหมดสนุก
คีรินเดินมาเปิดประตูจะเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ นุชนารถที่เดินตามหลังมามองซ้ายขาว เห็นไม่มีคน
ก็รีบตามคีรินทร์เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูมองคีรินทร์ส่งสายตาต่อว่าอย่างหึง คีรินทร์หันมายิ้มให้
“สนุกจังคะ เปียกกันหมดทั้งสองคน นุชนึกแล้วว่าต้องมีวันนี้ นอนกันทุกคืน อยู่กันทั้งวัน จนขนาดนี้จะบอกว่าไม่ชอบอีกหรอไงนุชไม่เชื่อแล้ว”
“ลูกไก่ไม่ได้สำคัญอะไรกับผมหรอก ก็แค่ผู้หญิงคนนึง”
“แน่ใจเหรอคะ เห็นเกรงใจ เอาใจกันจะแย่”
“กับคนนี้ เอาใจยิ่งกว่า”
คีรินทร์ดึงนุชนารถมากอดจูบแก้ม นุชนารถก็รีบจูบตอบ
“รินทร์ขา ต้องไปห้องอื่นไหม เดี๋ยวเมียคุณคงมา”
“ผมไม่ใช่คนกลัวเมีย ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
คีรินทร์จูบนุชนารถต่อ ซึ่งนุชนารถก็ให้ท่าเต็มที่
ที่โรงรถ ไข่มุกเช็ดรถเสร็จก็ยิ้มชื่นชมผลงานตัวเอง
“ใช้ได้เลย ฝีมือเรา นี่ถ้าไม่มีคนมาแกล้ง เสร็จไปนานแล้ว”
ไข่มุกเก็บของ ลูบเนื้อตัว เสื้อผ้า ผมเปียกไปหมด ไข่มุกห่อไหล่รู้สึกหนาวและตัวเองโป๊ เอามือปิดรีบวิ่งเข้าบ้าน
ไข่มุกมาถึงหน้าห้องได้ยินเสียงนุชนารถหัวเราะอยู่ข้างในก็สงสัย เปิดประตูเข้าไปภาพที่เห็นนุชนารถกอดจูบกับคีรินทร์บนเตียง ไข่มุกอึ้ง นุชนารถทำหน้าเฉย ไม่สะทกสะท้าน
“เมียคุณมา”
“คุณก็บอกเขาไปสิ ว่าเรายังไม่ว่าง”
ไข่มุกมีสีหน้าเรียบเฉย
“ขอโทษคะ ที่มาขัดจังหวะ”
ไข่มุกออกจากห้องไปอย่างรู้สึกโดนหยามมาก นุชนารถยิ้มอย่างสะใจ คีรินทร์มองตาม ลุกขึ้นอย่างหมดอารมณ์และรู้สึกผิด นุชนารถพยายามจะเข้ามากอดจูบคีรินทร์
“รินทร์ขา เป็นอะไรไป คุณนี่เก่งจริงๆ นุชเชื่อแล้วคะที่รัก มาสนุกกันต่อเถอะ”
คีรินทร์ปลดมือนุชนารถออก
“ผมเหนื่อย อยากอาบน้ำ ขอโทษนะนุช คุณออกไปก่อนเถอะ”
นุชนารถก็ปล่อยมือ สบตาอย่างรู้ความหมาย
“ไหนว่าไม่กลัวเมีย”
คีรินทร์นิ่ง คิดอย่างรู้สึกผิด นุชนารถสะบัดหน้าเดินไปอย่างโกรธและขัดใจมาก
มายาสีมุก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ไข่มุกนั่งซุกตัวหนาวสั่นอยู่ในสวน รู้สึกขมขื่น คับแค้นใจในโชคชะตาตัวเอง สักครู่นุชนารถเดินผ่านมา หัวเราะเยาะอย่างสมเพช
“คราวหลังหัดมีมารยาท เคาะประตูบ้าง”
“เธอเองก็หัดมีบ้าง” นุชนารถชะงัก
“ชั้นต้องมีอะไร”
ไข่มุกลุกขึ้นสบตา บอกเสียงเรียบ
“ยางอายไง ต่อไป หัดมียางอายบ้าง”
นุชนารถอึ้ง ไข่มุกเดินกลับไป นุชนารถทั้งโกรธทั้งอาย
ไข่มุกกลับเข้ามาในห้อง สีหน้าเรียบ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหาชุดใส่ คีรินทร์เห็นเธอเงียบขรึมก็ออกตัว
“เธอเองไม่ยอมทำหน้าที่เมีย ชั้นก็ต้องหาคนอื่น ไม่ใช่ความผิดของชั้น” ไข่มุกหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนคีรินทร์ไม่มีตัวตน คีรินทร์ชักโมโห “พูดอะไรมั่งดิ อยากด่าก็ได้ ไม่ต้องทำเงียบให้ชั้นรู้สึกผิดแบบนี้” ไข่มุกยังเฉย เข้าห้องน้ำปิดประตูไป คีรินขว้างตะกร้าผ้าใส่ประตูห้องน้ำดังปัง ขัดใจที่เธอไม่โต้ตอบ “โธ่เอ้ย”
ไข่มุกที่อยู่ในห้องน้ำ สะดุ้งตกใจ แล้วก็น้ำตาไหล ไข่มุกพยายามเข้มแข็ง เช็ดน้ำตา อย่างรู้ว่าตัวเองจะอ่อนแอไม่ได้
เขมทัตนั่งรถออกจากบ้าน เห็นไข่มุกเดินที่ฟุตบาทก็นึกแปลกใจ
“ชะลอรถสิ” เขมทัตบอกคนขับ
“จะจอดรับไหมครับท่าน”
เขมทัตนิ่งคิด
“อย่าเพิ่ง ตามไปห่างๆ”
รถเขมทัตเคลื่อนมาเรื่อยจนเห็นไข่มุกขึ้นรถเมล์ไป เขมทัตนิ่งคิดอย่างแปลกใจ นึกไม่ถึง
ไข่มุกลงจากรถเมล์เดินเข้าซอยมา เห็นรถเข็นส้มตำของเธอกำลังถูกนักเลงจะเข็นไปก็ตกใจ
“เดี๋ยวพี่ จะทำไรกัน เข็นผิดคันหรือเปล่า นี่ของแม่วันดี”
“ก็เพราะของยัยวันดีน่ะสิ ถึงจะเอาไป” นักเลงพูดเสียงเข้ม
“มันเรื่องไรกัน จะมาเอาของแม่ชั้นไปได้ไง”
“อยากรู้ไปถามแม่แก จะเอารถคืนก็เอาเงินมาใช้หนี้ให้หมด ไม่งั้นก็ไปเช่าหาบขาย เฮ้ย หม้อไห ครก เอาไปให้หมด”
ไข่มุกเข้าไปยื้อครกไว้
“เอาแต่รถเข็นไปสิ ขนหมดแบบนี้แล้วจะหากินยังไง”
นักเลงยึดครกคืน
“เรื่องของพวกแก ข้าไม่เกี่ยว หม้อไห ครกพวกนี้ ดอกเบี้ยโว้ย”
ไข่มุกถอนใจ สีหน้าเป็นกังวลอย่างหนักใจ
ที่บ้านวันดี วันดีนั่งฉีกล็อตเตอรี่สามสี่ใบกระจุยหมดอย่างโมโห ไข่มุกนั่งมองอย่างหนักใจ
“ไอ้เลขเฮงซวย บอกว่าเด็ด มีอย่างที่ไหนวะถูกเหมือนกันแต่ถูกกินหมด”
“รถเข็นก็ไม่มี ครกก็ไม่มี แล้วจะทำไงต่อละแม่”
เม่นเมาเดินเป๋เข้ามานั่งข้างวันดี ยิ้มตาเชื่อม วันดีขยับตัวหนี
“เขาลือกันให้แซ่ดว่าเอ็งได้เลขเด็ดมา” เม่นแบมือ “ทุ่มไม่อั้นเลยสิ ไม่คิดจะแบ่งผัวสุดที่รักบ้างเหรอจ๊ะแม่วันดี”
วันดียกขาจะถีบ
“แบ่งไอ้นี่ไปก่อนไหม คนยิ่งกลุ้มอยู่ จะไปไหนก็ไปเลยไป”
เม่นลุกยืนอย่างโมโห
“ไล่เหรอ เดี๋ยวนี้มีไล่ นี่ขอดีๆ แล้วนะโว้ย”
“ไม่มี โดนหวยกินไปหมดแล้ว”
“นังโกหก แบบนี้ต้องจัดให้สักดอก”
เม่นเตะผางเข้าที่ลำตัววันดีเซไป
“โอ๊ย ไอ้เม่น ไอ้เลวไอ้ชั่ว”
“พ่อ อย่าทำแม่นะ”
ไข่มุกรุดเข้าไปช่วยวันดี ผลักเม่นจนล้มหกคะเมน เม่นเมาแอ๋ชี้หน้ามือสั่น
“กล้าทำข้าหรอ นังเนรคุณ เลี้ยงมาแต่ตีนเท่าฝาหอย ไม่งั้นป่านนี้เอ็งตาย ไปนานแล้ว อีลูกโดนแม่ทิ้ง ไม่มีใครเขาเอา”
วันดีหยิบจานสังกะสีเควี้ยงใส่ทีละใบสองใบ ดังลั่นไปหมด
“ปากเสียอีกแล้ว เอ็งไปไหนก็ไปเลยไป ก่อนข้าจะทนไม่ไหว ไอ้เม่นสารเลว”
เม่นทนไม่ไหว ลุกเดินเป๋หนีไป ไข่มุกนิ่งคิดแล้วถาม
“เมื่อกี้พ่อเขาพูดไรแม่ มุกเป็นลูกแม่จะโดนทิ้งยังไง แม่เคยทิ้งมุกด้วยเหรอ”
วันดีสีหน้าเปลี่ยนแล้วอ้อมแอ้ม
“เปล่า ไปฟังอะไรกับคนอย่างมัน มันเมาแอ๋ขนาดนั้น พูดจารู้เรื่องที่ไหน”
ไข่มุกมองวันดีที่หลบสายตา ทำเก็บข้าวของที่หล่นกระจาย
“แล้วนี่ แม่เป็นหนี้เท่าไร”
“ก็กู้มาห้าพัน แต่ตอนนี้กลายเป็นสามหมื่น ไอ้มุก แม่จนตรอกแล้วนะ รถเข็นมันก็ยึดไป อะไรก็ไม่เหลือ เอ็งพอมีก็เอามาให้แม่บ้างเหอะ” วันดีบอกเสียงอ่อย
“จะมีได้ไงแม่ งานก็ยังไม่มีทำ”
“โง่อีกแล้ว มีผัวเศรษฐีทั้งคน ก็อ้อนขอมันสิวะ”
ไข่มุกมองวันดีอย่างน้อยใจที่คิดแต่จะขอเงินจากตัวเอง
ไข่มุกไม่มีเงินให้วันดีจึงตัดสินใจโทรไปของานทำกับธุรกิจกองถ่าย
“จ๊ะพี่ มุกเอง ขอโทษทีนะพี่ ที่หยุดรับงานไปพักนึง เพราะทางบ้านมีเรื่องยุ่งๆ แต่ตอนนี้รับแล้ว พอมีงานให้มุกทำมั้ย บู๊แค่ไหนได้ทั้งนั้น”
ขณะนั้นทางกองถ่ายหนังต้องการสตั้นพอดี ไข่มุกจึงรีบมาที่สตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำซึ่งคณะเชิดสิงโตกำลังซ้อมเพื่อเข้าฉากในหนัง รัวกอง อึกทึก สิงโตเต้นตื่นตาตื่นใจ กัสจัง ธุรกิจกองถ่ายหยิบหัวแป๊ะยิ้มส่งให้ไข่มุก
“มีก็แต่เรื่องนี้แหละยะ เอ้าใส่หัว”
“แป๊ะยิ้ม”
“แทนนางเอกในคิวบู๊ หาสตั้นย๊าก ยาก มันบอกว่ากลัวตายกัน ทั้งปีนป่าย ทั้งสลิง คิวบู๊โหดสุดๆ เห็นผู้กำกับว่าจะใช้กระสุนจริงระเบิดจริงด้วยนะ ให้ได้ภาพเสียงเด็ดๆ”
ไข่มุกหน้าแหยง คิดหนัก
“ตอนโทรคุยกันเห็นบอกคิวหมูๆ ได้ยิ้มแน่”
“แล้วไอ้หัวนั้นมันไม่ยิ้มหรือไง” ไข่มุกชั่งใจ
“คิวโหดแบบนี้ ได้ค่าตัวเพิ่มไหมพี่”
“ก็ได้เท่าที่หล่อนเคยได้ จะเอาไรกันอีกละยะ แต่ถ้าเป็นศพตายในหัวแป๊ะยิ้มเห็นว่ามีประกันให้ หมื่นห้ามั๊ง”
ไข่มุกยื่นหัวแป๊ะยิ้มคืน
“ได้เท่าเก่าแต่เสี่ยงตายกว่าเดิม กลับบ้านนอนดีกว่า”
ไข่มุกจะออกไป กัสจังเรียกไว้
“อ้าวสิหล่อน ชั้นจะไปหาใครทันตอนนี้ งั้นเอาไปสองเด้งแล้วกัน”
ไข่มุกหยุดกึกหันไปหา
“บวกค่ารถให้ด้วยนะพี่ประกอบ เอ๊ย พี่กัสจัง”
กัสจังทำหน้าเจ็บใจ ค้อนให้ แต่ก็ต้องยอมเพราะหาคนไม่ทัน
ที่สตูดิโอเดียวกัน คีรินทร์มาส่งกีกี้ที่กองถ่ายทั้งคู่เดินกระหนุงกระหนิงกันมา ไข่มุกที่แต่งชุดกี่เพ้าใส่หัวแป๊ะยิ้ม จะเข้าฉากมาเห็นพอดี
“เชอะ ควงไปทั่ว”
ไข่มุกนึกหมั่นไส้ ใส่หัวแป๊ะยิ้มโบกพัด ทำเดินแป๊ะยิ้มเฉียดเข้าไป เอาหัวแป๊ะยิ้มชนคีรินทร์จนเซ
“เฮ้ย เดินระวังหน่อยสิ”
คีรินทร์มองอย่างไม่ชอบใจ ไข่มุกโยกหัวไปมาล้อเลียน ทำโค้งขอโทษ กีกี้เดินมาคล้องแขน ยิ้มร่า
“รินทร์ขาทางนี้เร็วเข้า กีกี้จะเข้าฉากแล้ว เรื่องนี้คิวบู๊มันส์มากเลยคะ”
“กีกี้ของผมเก่งอยู่แล้ว โชว์ลีลาให้เต็มทีเลยนะ”
คีรินทร์เดินตื่นเต้นไปกับกีกี้ ไข่มุกโยกหัวแป๊ะยิ้มไปมา แล้วหันยื่นก้นงอนทำเปิดชายเสื้อจีน ส่ายก้นยึกยักให้
ไข่มุกในชุดกี่เพ้าหัวแป๊ะยิ้มออกลวดลายท่ามวยจีน ต่อสู้กับคนร้ายอย่างคล่องแคล้ว ชกต่อยรับหมัดกันนัวเนีย ไข่มุกลอยตัวขึ้นเตะในอากาศเข้าหน้าคนร้ายหงายดิ้นลงไปนอนกับพื้นทั้งหมด
“คัท ดีมากครับ คิวต่อไปน้องกีกี้นะ”
ไข่มุกในชุดแป๊ะยิ้มยืนประจันหน้ากับกีกี้ที่ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ปะทะฝ่ามือกันไปมาสองสามที กีกี้กระโดดตัวลอยแต่พลาดคิว เลยโดนไข่มุกเตะให้อย่างไม่ตั้งใจ ไข่มุกเองก็เซถลาจนขาเป็นแผล กีกี้รู้ว่าตัวผิดเลยแกล้งโกรธ“โอ๊ย อุตส่าห์ให้คิว ดันเตะมาก่อนได้ ขาจะหักไหมเนี่ย” ทีมงานก็กรูเข้ามาช่วยกีกี้ แต่ไม่มีใครสนใจไข่มุก ไข่มุกยิ้ม ไหว้ขอโทษใหญ่แต่ตัวเองก็นั่งเจ็บแผลที่ขา “ไหว้แค่นี้มันพอที่ไหน ต้องกราบชั้นที่เท้า กราบเดี๋ยวนี้”
คีรินทร์เข้ามาหากีกี้
“แต่เมื่อกี้ที่เห็น พี่ว่ากีกี้พลาดเองหรือป่าว น้องเขาไม่ได้ตั้งใจน่า” ผู้กำกับบอก
“นั่นสิ คุณทำให้เขาเจ็บด้วย แทนจะให้กราบ ควรให้เงินช่วยเหลือค่าทำแผลด้วยซ้ำ” คีรินทร์บอก
“กีกี้เจ็บ รินทร์ไม่เห็นเหรอคะ ไอ้ตัวประกอบกระจอกแบบเนี่ย คุณไปเข้าข้างมันทำไม ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่กราบ กีกี้จะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ให้คิวมันล้มไปเลย”
พวกทีมงานมองไข่มุกเหมือนกดดันในที ไข่มุกก็อึกอัก กัสจังพยักพเยิดเป็นทำนองกราบๆ มันไปเหอะ ไข่มุก
ภายใต้หน้ากากแป๊ะยิ้ม ถอนใจแรงๆ อย่างเครียดหนัก ไม่รู้จะทำไงดี กีกี้จ้องไข่มุกอย่างเอาเรื่อง
“หูแตกหรอไง ชั้นบอกให้กราบ กราบเดี๋ยวนี้เลย”
ไข่มุกอึ้งอย่างคับแค้นใจ แล้วค่อยๆ เดินกระเผลกเข้าไปกราบเท้ากีกี้อย่างคับแค้นใจ กีกี้สะใจมองเหยียดมาก ผู้กำกับ ทีมงาน เมินอย่างไม่อยากเห็น นึกสงสารไข่มุก กัสจังก็มองกีกี้อย่างแสนจะเกลียด คีรินทร์อึ้ง
“พอใจแล้วนะกีกี้ คราวนี้ถ่ายต่อได้แล้วนะคะ” กัสจังช่วยจับไข่มุกให้ยืน “ไป ไป จบเรื่องแล้ว”
กีกี้ยิ้มสบายอารมณ์ คีรินทร์มองตามไข่มุกในหน้ากากแป๊ะยิ้มที่เดินไป อย่างนึกเห็นใจ
ภัททิมากลับเข้าบ้านเห็นชลลดานั่งจิบไวน์ยิ้มสบายอารมณ์ รอบตัวมีถุงช้อปปิ้งเต็มไปหมด
“กลับมาแล้วหรอคะแม่ ไหนบอกว่าไปสองวัน หายไปเกือบสองอาทิตย์แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะคะนี่”
“ก็เห็นสวยดี หยิบติดมือมาสามสี่ใบ ดูสิชอบมั้ย”
ภัททิมาหยิบจับกระเป๋าดูตาลุก
“โอโห้ แพงๆ ทั้งนั้นเลย หมดนี่หลายแสน แม่เอาทองสินสอดนังไข่มุกไปขายเหรอ”
“ยัง นี่แค่เศษๆ ของที่หมุนได้มาต่างหาก รู้มั้ย แม่ไปเล่นแค่สองอาทิตย์ได้มาเกือบสามล้าน ไม่มีอะไรจะได้เงินเร็ว และง่ายเท่านี้อีกแล้ว ลูกไก่จ๋า” ขลลดาหัวเราะสะใจ รินไวน์ให้ภัททิมา “เอ้า ต้องฉลอง”
ภัททิมาบีบนวดอ้อนขลลดาอย่างเอาใจ
“เรากำลังจะรวยกันใหญ่แล้วสิคะแม่ไก่ แบ่งลูกไก่บ้างนะคะ”
“แม่มีดวงด้านเล่นแค่ไหนห็นมั้ย แต่พ่อเราไม่รู้เรื่อง เล่นเสียนิดหน่อยก็โวย ก็ห้าม ตายไปไม่อยู่ขัดคอก็ดีแล้ว แม่เลยจัดหนัก แล้วเป็นไง”
“มันได้เยอะได้เร็วขนาดนี้ ลูกไก่หนับหนุนเต็มที่เลยคะ คราวหน้าให้ไปด้วยนะคุณแม่ไก่”
ภัททิมายกแก้วชนไวน์กับชลลดาหัวเราะร่วน
“ได้ สิ้นเดือนนี้ เราแม่ลูก ไปเล่นให้บ่อนมันเจ๊งเลย”
ชลลดาหัวเราะยกไวน์ดื่มหมดแก้วอย่างหึกเหิมในใจ ภัททิมาก็หัวเราะชอบใจ
ที่กองถ่าย กัสจังยื่นซองค่าตัวให้ไข่มุกแล้วมองหน้าอย่างเห็นใจ ไข่มุกไหว้รับไว้
“หล่อนเลยทั้งเจ็บตัวเจ็บใจ ชั้นก็ไม่รู้จะช่วยไง เห็นใจแล้วกันปล่อยชีไปเถอะ ดาราดังนิสัยเฮงซวยแบบนี้ ดังไม่ได้นานหรอก”
ไข่มุกหน้าเศร้า
“ค่ะพี่ งั้นหนูกลับนะ”
ไข่มุกจะเดินออกไป หันไปเห็นคีรินทร์เดินมากับกีกี้ก็หลบอย่างฉิวเฉียด ได้ยินสองคนคุยกันเข้าหู
“คุณก็ไปแคร์อะไรกับอีแค่ตัวประกอบ มันกับกีกี้เทียบกันได้ที่ไหนจะเอาเงินไปให้ทำไมอีก ไม่เข้าใจคุณจริงๆ”
“ผมแค่เห็นใจเขา เขาก็เจ็บนะ”
กีกี้กอดแขนรั้งไว้ไม่ให้คีรินทร์ไป
“รินอย่าทำแบบนี้ เหมือนกีกี้เป็นคนผิดเลยคะ”
คีรินทร์นิ่งฟังแล้วเฉย ไข่มุกแอบมองทั้งคู่อย่างเศร้าใจโดยไม่รู้ตัว แล้วเดินกลับออกไปอย่างรู้สึกเดียวดาย
ไข่มุกมาหาวันดีที่บ้านส่งเงินที่ได้วันนี้ให้วันดี วันดีนับเงินไปบ่นไปสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“ตัวประกอบต๊อกต๋อยเงินน้อยจริงโว้ย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ แทนที่จะนั่งแบมือขอผัวเอามาให้ข้า ดันโง่ไปทำงานแบบเดิมแถมเดี้ยงกลับมาอีก”
ไข่มุกหน้าเศร้า บอกวันดีลอยๆ
“แม่ก็บ่นแบบนี้ทุกที หนูขอเถอะเรื่องแสดงเนี่ย หนูอยากกลับมาอยู่บ้านเต็มทนแล้ว ขายส้มตำ เป็นตัวประกอบอย่างเดิม สบายใจกว่าเยอะ”
“ดับเบิ้ลโง่อย่างนี้ แล้วจะไม่ให้ข้าบ่นได้ไง ทำกันมาตั้งกี่ปี เคยพอกินที่ไหน”
“ถ้าพ่อเม่นไม่ไถเงินไปกินเหล้า แม่ไม่เล่นหวย มันก็มีเหลือ คนอื่นเขายังมีเงินเก็บเลย”
วันดีเกาหัวหงุดหงิด
“วุ้ยนังนี่ อย่าเอาคนอื่นมาเทียบโว้ย ฟังแล้วหงุดหงิด แล้วไม่ต้องมาด่าข้ากับไอ้เม่น จำใส่กะลาหัวเลย ถ้าไม่มีพวกข้าสองคน ป่านนี้เอ็งตายไปนานแล้ว หนอย ไปอยู่บ้านเศรษฐีไม่เท่าไรทำอวดดี มาสั่งสอนนังวันดี”
ไข่มุกนิ่งแล้วนึกคิดคำพูดวันดี
“แม่พูดไรแปลกๆ เหมือนมุกไม่ใช่ลูกแท้ๆ”
วันดีนึกรู้ว่าตัวเองพลาด พูดมากไปแล้ว
ไข่มุกเข้ามาในห้องนอน มองรูปจินจูที่ตัดแปะไว้ข้างฝาเต็มไปหมดแล้วจะร้องไห้ วันดีเดินตามเข้ามาเห็นไข่มุกร้องไห้ก็เข้ามาปลอบ นั่งข้างๆ พูดดีๆ ด้วย
“แม่กลุ้มใจเลยพูดบ้าบอไป เอ็งอย่าถือสาแม่ ถ้าไม่ใช่ลูก จะเลี้ยงมาเรอะ อดมื้อกินมื้อมาด้วยกันตลอด จำได้มั้ย”
ไข่มุกกอดวันดีก็ยิ่งร้องไห้
“อดบ้างอิ่มบ้างมันก็บ้านเรานะแม่ คนบ้านนั้น เขาใจร้าย นิสัยไม่ดี ไม่อยากอยู่เลย มุกไปอยู่โน่น เหมือนตัวคนเดียวในโลก จะไม่ไหวแล้ว”
วันดีลูบหัวปลอบ
“โลกมันก็แบบนี้แหละ ถ้าไปหง๋อ มันก็ยิ่งเล่นเอ็ง ยิ่งรู้แบบนี้ เรายิ่งต้องหาทางกอบโกยเงินมาเยอะๆ รวยเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องไปของ้อพวกมัน ต้องเอามันกลับสิวะเข้าใจมั้ย หัดฉลาดมั่งเหอะไอ้มุกเอ๊ย”
ไข่มุกปาดน้ำตาตัวเอง คิดหนักตามที่วันดีพูด
วัฒนาขับรถเข้ามาในซอยบ้านคีรินทร์เห็นไข่มุกเดินอยู่ริมถนนจะกลับบ้านคีรินทร์ก็ลดกระจกลง หยุดทัก
“คุณลูกไก่ใช่ไหม ผมวัฒนาเพื่อนคีรินทร์ไงครับ จำได้ไหม”
ไข่มุกมองทำท่านึก แล้วยิ้มให้
“อ๋อ คุณวัฒนาจำได้คะที่ทำงานกับคุณคีรินทร์”
“จะไปไหนครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรคะ แค่นี้เอง เดินอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว”
“ผมต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว เชิญเถอะ ไม่ต้องเกรงใจครับ”
วัฒนายิ้มให้อย่างต้อนรับ ไข่มุกเห็นก็ขัดไม่ได้
วัฒนาจอดรถหน้าบ้านคีรินทร์ วัฒนาลงมาเปิดประตูด้านไข่มุกนั่ง คีรินทร์มองออกไปเห็นวัฒนาเทคแคร์ไข่มุกก็หน้าบึ้งไม่พอใจ นุชนารถที่อยู่ข้างหลังชะเง้อหน้ามอง
“ไม่ทันไร คุณวัฒนาก็ติดเบ็ดอีกคนแล้วเหรอเนี่ย เก่งจังผู้หญิงคนนี้”
คีรินทร์นิ่งคิดตาม มองไปเห็นไข่มุกลงจากรถแล้วจะหกล้มเพราะขาเจ็บ
“โอ๊ย”
วัฒนาเข้าประคอง
“ไหวมั๊ยครับคุณลูกไก่ อ้าว คุณเป็นแผลที่ขานิ งั้นผมช่วย”
“ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณมาก ไม่เป็นไรมากหรอกคะ”
ไข่มุกพยายามจะเดินแต่ก็ไม่ค่อยไหว
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คุณไม่ไหวแน่ เดี๋ยวผมพาเข้าบ้านค่อยๆ เดินนะ”
วัฒนาประคอง คีรินทร์เห็นก็ยิ่งหึง
“แหม เทคนิคแพรวพราวนะ เมียคุณเนี่ย”
วัฒนาประคองไข่มุกมานั่งห้องรับแขก
“ไม่เป็นไรแล้วคะ ขอบคุณมาก เลยลำบากคุณวัฒนา”
“ลำบากอะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง ผมเต็มใจอยู่แล้วครับ คนอื่นไปไหนกันหมด เดี๋ยวผมทำแผลให้ครับ”
ไข่มุกส่ายหน้าบอกปัดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวทำเองได้”
คีรินทร์ นุชนารถเดินเข้ามา
“เมียคนเก่งของชั้นทำอะไรเองได้หมด ไม่ว่าจะทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง ลูกล่อลูกชนไม่ใช่เล่นนะเธอ ไอ้พวกหนุ่มๆ ที่เคยคบ หายไปไหนหมด ถึงต้องมาเกี่ยวไอ้วัฒน์”
ไข่มุกจ้องมองคีรินทร์
“เฮ้ย รินทร์บ้าไปแล้ว อย่าเข้าใจผิดสิเพื่อน ลับหลังอะไร ผมเจอคุณลูกไก่เดินอยู่กลางซอยก็แวะรับมา แค่นั้นเอง ขาเจ็บซะขนาดนี้ จะให้เดินกลับมาเองได้ไง”
คีรินทร์เห็นแผล อึ้งไปนิด
“นิดหน่อย จัดการเองได้ นายไม่ต้องยุ่ง ที่นี่มีพยาบาลอยู่ทั้งคนเว้ย”
นุชนารถทำเข้าไปดูแผลให้
“ไหนดูสิคะ คุณลูกไก่นี่ไปแสดงหนังได้เลยนะคะ แผลเล็กนิดเดียว ทำท่าเหมือนต้องผ่าตัด”
คีรินทร์มองวัฒนา
“เห็นยังว่าเมียชั้นเก่งขนาดไหน รถในบ้านมีหลายคันไม่ขับ ต้องไปเดินเร่หาคนจอดรับ จงใจไปรึเปล่า” ไข่มุกจ้องหน้าคีรินทร์ นิ่งไม่พูดจา แล้วเดินออกห้องไปอย่างโมโห คีรินทร์เดินตามออกมา “ไม่ต้องทำเป็นโกรธ ชั้นรู้ทันเธอ ทำไม ไม่มีใครแล้วหรอ ถึงต้องหันมาหาไอ้วัฒน์”
“คุณไม่ให้เกียรติชั้น ไม่เป็นไร แต่ควรให้เกียรติเพื่อนคุณบ้าง”
“เพื่อนก็ส่วนเพื่อน แล้วมันก็แค่ลูกจ้าง จะไล่ออกเมื่อไรก็ได้” วัฒนาที่เดินตามมาได้ยินก็หยุดยืนอึ้ง อย่างไม่ชอบใจมากที่โดนเพื่อนดูถูก ไข่มุกเดินขึ้นบันไดอย่างไม่อยากตอแยด้วย
“เดี๋ยวสิจะรีบไปไหน พูดแทงใจดำหน่อย ทนฟังไม่ได้เลยรึไง”
ไข่มุกเดินมาในห้อง ยืนพิงข้างฝา สีหน้าเจ็บปวดแผลที่ขา คีรินทร์ยังตามมาติดๆ ยืนมองอย่างพาลๆ
“อย่าให้รู้นะว่าเธอคิดคบชู้ตอนเป็นเมียชั้น ไม่งั้นโดนแน่ ยังไม่ทันไรลายออกแล้ว”
“แล้วคุณล่ะ เอาผู้หญิงมานอนถึงในห้องนี้ เคยว่าตัวเองบ้างมั้ย”
“อย่านะ อย่ามาว่าชั้น ขนาดแม่ยังไม่เคยพูดเลย”
“เพราะถูกเลี้ยงตามใจแบบนี้ไง คุณถึงไม่เคยนึกถึงคนอื่น”
“แล้วทำไมต้องนึก มีเงินน่ะ อยากจะทำอะไรก็ได้ เงินมันเสกได้ทุกอย่าง”
“เงินของพ่อแม่คุณต่างหาก คุณคือลูกเศรษฐีที่นิสัยเสียมาก”
“ใช่ แล้วทำไม ไม่ใช่แค่นิสัยเสีย แต่ชั่วเลย แต่ถึงชั่วแล้วไง เธอก็ยังมาแต่งงานกับชั้น เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเงินของชั้นเหรอ โธ่เอ๊ย พูดหยั่งกับตัวเองดีนักหนา ที่แท้ก็แค่ผู้หญิงเห็นแก่เงิน”
ไข่มุกรับคำอย่างเศร้าๆ
“ใช่ ชั้นเห็นแก่เงิน แต่ชั้นไม่เคยทำร้ายจิตใจใคร”
“ช่วยไม่ได้ ก็เป็นแบบนี้ อยากทำร้ายใคร ชั้นก็จะทำ” คีรินทร์บอกแล้วยิ้มยียวน
“นิสัยเสียที่สุด โตป่านนี้ไม่รู้ดัดนิสัยได้รึเปล่า”
คีรินทร์มองหน้าไข่มุกอย่างโมโห เดินเข้าไปใกล้ พูดตรงหน้า
“ก็มันเสียไปแล้ว เสียเวลาดัดป่าว” คีรินทร์ใช้นิ้วจิ้มไหล่ไข่มุก “ถ้าเป็นผู้ชาย กวนขนาดเธอ โดนอัดเละไปแล้ว”
ไข่มุกจับไหล่ที่โดนจิ้ม
“อย่าทำร้ายชั้นนะ ถ้าทำเมื่อไหร่ ชั้นสู้แน่ ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมให้ผู้ชายมาซ้อมได้ง่ายๆ”
“จะสู้ได้เหรอ เก่งจริ๊ง แม่คุณ ตัวแค่นี้”
“คนอย่างคุณ ต้องได้รับบทเรียน”
คีรินทร์ยิ้มสีหน้ายียวน
“อ๋อ เหรอ ใครจะให้ล่ะ เธอรึไง”
“ใช่ ชั้นจะให้บทเรียนคุณเอง”
ไข่มุกตาดุทำเสียงแข็งใส่ คีรินทร์ก็ยิ้มเยาะอย่างไม่มีวันที่จะเชื่อ
วันต่อมา ไข่มุกสะพายกระเป๋าทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก พอกำลังจะก้าวพ้นห้องนั่งเล่นเขมทัตก็ทัก
“จะไปไหน หนูลูกไก่”
ไข่มุกสะดุ้งเฮือก หันมาพูดตะกุกตะกัก
“เอ่อ หนู หนูจะไปบ้านแม่น่ะค่ะ วันนี้อยู่ว่างๆ”
“นั่นสินะ อยู่บ้านทุกวันคงเหงาแย่ แล้วก่อนหน้านี้ หนูเคยทำงานอะไรมาบ้างล่ะ”
“ก็ เคยขายของนิดหน่อยค่ะ”
“ขายอะไร”
ไข่มุกมองไปไกล นึกถึงอดีตของตน ไข่มุกตำส้มตำอย่างเมามันประกอบเพลงอีสาน โชว์ลีลาการตำ ควงสากสารพัด คนดูชอบใจกันใหญ่
ไข่มุกเห็นเขมทัตมองมาก็พูดอ้อมแอ้ม
“ก็ ขายนิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้ ไม่ได้ทำแล้ว”
เขมทัตนิ่ง ไม่ซักต่อ
“งั้นสนใจไปช่วยงานที่โรงแรมมั้ย”
ไข่มุกมีท่าทางตื่นเต้น
“ได้เหรอคะ”
เขมทัตพยักหน้ายิ้มๆ ไข่มุกยิ้มตอบอย่างมีความหวัง
เขมทัตให้ไข่มุกมาทำงานที่โรงแรม วัฒนาพาไข่มุกเดินดูบริเวณโรงแรม
“ท่านประธานสั่งให้คุณเลือกส่วนงานที่อยากทำเอง เดี๋ยวผมพาดูรอบๆ ก่อนนะครับ แล้วค่อยตัดสินใจ”
“ขอบคุณคะ” ไข่มุกมองไปหน้าประตูเห็นdoorman เปิดประตูให้แขก bellboy กำลังจัดกระเป๋าขึ้นรถเข็น “ทำแบบนั้นก็ได้ค่ะ อย่างนี้ทำได้” ไข่มุกเดินไปช่วย doorman เปิดประตู วัฒนาดึงแขนเอาไว้ “คะ”
ไข่มุกมองมือที่จับแขน วัฒนารู้สึกตัวรีบปล่อยมือ ยิ้มเหมือนอ่อนใจ
“ล้อผมเล่นอีกแล้ว ใครจะยอมให้สะใภ้วุฒินันท์ มาเป็นคนเปิดประตูล่ะครับ ท่านประธาน คุณอาคุณเขมทัตน่ะครับ ได้ด่าผมตาย เอางี้ เดี๋ยวพาไปดูงานที่เหมาะกับคุณดีกว่า”
วัฒนายิ้มให้ ไข่มุกหันหลังมองอย่างเสียดาย เพราะพอนึกรู้ว่านี่เป็นงานเดียวของที่นี่ที่ตัวพอทำได้
วัฒนาพาไข่มุกไปห้องประชุมฝ่ายการตลาดมีชาวต่างชาติและเจ้าหน้าที่ไทยนั่งอยู่หลายคน ทั้งหมดประชุมกันเป็นภาษาอังกฤษ จอสไลด์เป็นภาษาอังกฤษล้วน ฝรั่งที่นั่งอยู่ใกล้หันมายื่นมือจะเชคแฮนด์แต่ไข่มุกไม่กล้ายื่น ยกมือเกาหัวไม่เชคแฮนด์ด้วย ฝรั่งงง ทำท่าพูดด้วย ไข่มุกยิ้มเจื่อนหันไปมองวัฒนา ไข่มุกส่ายหน้ายิ้มแหย วัฒนาแปลกใจที่ไข่มุกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ที่แผนกประชาสัมพันธ์ ในแผนกมีเอกสารวางเรียงเต็มโต๊ะ เจ้าหน้าที่ทำงานยุ่งไปหมด บางคนก็พิมพ์คอมอย่างคล่องแคล่ว ไข่มุกชะโงกดูจอคอมทำหน้าอึ้ง วัฒนามองหน้าเชิงถามว่าไหวมั้ย ไข่มุกรีบสั่นหน้าปฏิเสธ
ที่ห้องพักแขก แม่บ้านกำลังปูเตียงในห้อง มีรถเข็นของใช้อยู่ข้างๆ แม่บ้านปูอย่างมืออาชีพตึงเปรี๊ยะ
แม่บ้านฉวยไม้ปัดไปปัดฝุ่น ไข่มุกหยิบตามปัดอย่างนึกสนุก วัฒนายิ้มพอใจว่าท่าจะไปได้สวยแต่ไข่มุกปัดพลาดทำโคมไฟล้มหลับตาปี วัฒนาเอื้อมไปรับทำตาเหลือกอย่างใจแป้ว เงยหน้ามองไข่มุก ไข่มุกยิ้มสำนึกผิดก้มหัวขอโทษ
วัฒนาพาไข่มุกมาที่ห้องครัว ซึ่งเป็นห้องครัวแบบฝรั่ง มีอาหารฝรั่งเศสวางเรียง เชฟกับคนครัวยืนล้อมไข่มุก
ไข่มุกโชว์ลีลาตำส้มตำ ลีลาโยนมะนาว มะเขือเทศกลางอากาศใช้มีดตวัดแบบหนังจีน มะนาว มะเขือเทศหั่นตกลงครกอย่างสวยงาม เชฟตบมือกันเกรียว ไข่มุกควงสากโชว์หมุนติ้วบนฝ่ามือ เชฟมองค้างอย่างอึ้ง ไข่มุกได้ใจโยนสากในมือขึ้นฟ้า ยิ้มอย่างมั่นใจ สากลอยขึ้นไป เชฟมองตามสาก สากขึ้นไปโดนราวหม้อกับกระทะที่แขวนไว้ หม้อทั้งราวตกลงพื้นเสียงดังเคร้ง เชฟที่ล้อมอยู่วิ่งเก็บของกันวุ่นวาย ไข่มุกมองไปทางวัฒนา
“ขอ ขอโทษค่ะ สงสัยแผนกนี้ก็ไม่เหมาะ”
วัฒนาฝืนยิ้มค้างสีหน้าหนักใจ
มายาสีมุก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฝ่ายเขมทัตเดินมาหาไข่มุก ที่เดินมากับวัฒนา ไข่มุกยิ้มเศร้า
“ว่าไงหนูลูกไก่ ถูกใจงานไหนหรือยัง”
“หนู คงทำไม่ได้หรอกค่ะ ความสามารถไม่ถึงสักอย่าง”
“เอาน่า มันต้องมีสักงานที่เหมาะกับหนาสิ ไป เดี๋ยวลุงเดินดูเป็นเพื่อน อย่าพึ่งใจเสีย โรงแรมทั้งโรงแรม จะไม่มีสักอย่างได้ไง”
เขมทัตพาเดินผ่านฟิตเนสใกล้ล้อบบี้ของโรงแรมซึ่งมีคนเล่นน้อยมาก วัฒนาทำท่าจะเดินผ่าน แต่เขมทัตหยุดดู ไข่มุกมองอย่างสนใจ
“ปกติคนน้อยอย่างนี้เหรอ”
“ครับ แถวนี้มีฟิตเนสดังๆ เยอะ ของเรามีแต่เครื่องออกกำลังกาย”
“แต่เรามีคลาสสอนเรียนเต้นด้วยไม่ใช่เหรอ เห็นเมื่อก่อนคนเยอะ”
“มีครับ แต่มันเก่าเกินคนไม่สนแล้ว ครูก็เป็นครูสอนแอโรบิคทั่วไป อันที่จริงผมก็อยากหาคลาสแปลกๆ ใหม่ๆเข้ามานะครับแต่ยังหาที่น่าสนใจไม่ได้”
ไข่มุกฟังแล้วยิ้มมั่นใจ
“แบบแปลกใหม่ใช่มั้ยคะ อยากได้ จัดให้”
เขมทัตมองไข่มุก ไข่มุกสบตามองตอบอย่างสนใจ
ไข่มุกในชุดเสื้อยืดมัดชาย กางเกงกีฬาขายาวกำลังรำไท้เก๊กอยู่ในสตูดิโอฟิตเนสของโรงแรม ไข่มุกวาดลวดลายแบบสวยงาม เชื่องช้า วัฒนามองอย่างชื่นชมแต่เขมทัตมองนิ่งๆ
“อืม พอใช้ได้ แต่มันน่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่านี้นิดนะ”
เขมทัตบอก ผู้จัดการฟิตเนสพยักหน้าเห็นด้วย วัฒนาพยักตาม ไข่มุกยิ้มสวย
“นี่แค่วอร์มร่างกายค่ะ”
ไข่มุกเหลือบเห็นไม้กวาดที่แม่บ้านวางพิงผนังอยู่ก็ใช้เท้าเตะลอยมาใส่มือ ตั้งท่ารำดาบ นึกถึงหนังของจินจู ที่ดูจนจำได้ขึ้นได้ ภาพในหนังจินจูรำดาบตามจังหวะรวดเร็วและแข็งแรงไข่มุกรำในท่าเดียวกัน
“กระบี่หงส์เหินอัคคี” ภาพในหนังจินจูโยนดาบไปอีกมือแล้วทำท่าแทง ไข่มุกโยนไม้กวาดแทงตาม “เพลงดาบวารีโลหิต”
ภาพในหนังคนร้ายปัดดาบจินจูทิ้งลงพื้น จินจูไม่สะทกสะท้านตั้งท่ากังฟู ไข่มุกตั้งสมาธิค้างในท่าแทงดาบนิ่งจนคนดูลุ้นตาม คีรินทร์เดินเข้ามาในฟิตเนส
“พ่อเรียกผมเหรอ มีอะไรครับ” เขมทัตพยักหน้าให้ดู คีรินทร์มองแล้วพูดเบาๆ อย่างตกใจ “ยัยลูกไก่ โชว์ละครลิงอีกแล้ว”
ไข่มุกโยนไม้กวาดขึ้นฟ้า ผู้จัดการฟิตเนสรีบถอยหนี ไม้กวาดหล่นลงที่เดิมพอดี ไข่มุกตั้งท่ากังฟู ลืมตาขึ้นอย่างมั่นใจ
“ต่อไป ฤทธิ์หมัดปราบมาร”
ภาพจินจูในหนังต่อสู้กับคนร้าย จินจูออกหมัดแล้วพลิกหลบก้มตัวหลบหมัดอย่างคล่องแคล่ว ไข่มุกทำท่าเดียวกันอย่างคล่องแคล่วเหมือนเป๊ะ คนดูมองตาค้าง เขมทัตยิ้มพอใจ
ภาพจินจูกระโดดตัวลอยแยกขากว้างหลบตัวร้ายที่พุ่งตัดขาแล้วลงมายืนตั้งท่ามวย ยิ้มเยือกเย็น ไข่มุกทำตาม ยิ้มแบบเดียวกัน วัฒนากับผู้จัดการพยักหน้าอย่างชื่นชม
ภาพจินจูตวัดขารัวใส่แล้วเหยียบเข่าเตะปลายคางคนร้ายลอยขึ้นร่วงลงกองบนพื้น จินจูตั้งท่าจบสวยงามไข่มุกตวัดขารัว ไข่มุมมองหาที่แล้ววิ่งใส่กำแพง คนดูแตกฮือ ไข่มุกใช้กำแพงตีลังกาม้วนตัวกลับหลังลอยลงมา ไข่มุกมองเห็นคีรินทร์ก็ตกใจลงพื้นเสียหลัก คีรินทร์รับไข่มุกไว้ในอ้อมแขน ทั้งคู่สบตากัน คีรินทร์ก้มตัวลงหาอย่างอดใจไม่อยู่ เสียงปรบมือดังขึ้น ไข่มุกกับคีรินทร์รู้ตัวผละออกจากกัน คีรินทร์กระแอมปรับสีหน้าดุแล้วต่อว่าเสียงดุ
“เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่ฮึ”
ไข่มุก เขมทัต คีรินทร์อยู่ในห้องทำงานของเขมทัต คีรินทร์หน้าบึ้งมองไข่มุกอย่างโมโห
“ผมไม่เห็นด้วย อยู่บ้านเฉยๆ ดีอยู่แล้ว ผมไม่ให้ทำ”
“แกนี่แปลกเว้ย ไม่ให้เขาทำงานแล้วเดือนๆ นึง แกให้เงินเมียเท่าไหร่กันเชียว”
คีรินทร์ทำท่านึกได้
“เออ ลืมเลย เอางี้ ชั้นจ้างเธอเดือนละสามหมื่นอยู่บ้านเฉยๆ พอมั้ย”
“ไม่เอาค่ะ ชั้นอยากทำงานหาเงินเอง ไม่อยากรบกวนคุณ”
เขมทัตทำท่าพอใจ
“เออ ดีๆ มันต้องให้ได้อย่างนี้ถึงสมกับเป็นลูกสะใภ้ลุง งั้นหนูลูกไก่มาทำงานที่ฟิตเนสได้เลย ลุงให้ห้าหมื่น แถมรถอีกคัน”
“ได้ไงอ่ะพ่อ นี่พ่อสนับสนุนให้เมียผมมาเต้นล่อผู้ชายเลยนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก”
“มวยบู๊เนี่ยนะคะล่อผู้ชาย ตรงไหน”
“นั่นสิ หนูลูกไก่ไม่ใช่แกนะที่ล่อกับใครต่อใครไปเรื่อย ดีเท่าไหร่ แล้วที่เขาไม่ว่าแกสักคำ แล้วนี่เขามาทำงานแท้ๆ ยังจะห้ามอีก พ่อสั่งไว้ตรงนี้เลยว่าให้เขาทำ มีปัญหาอะไรมั้ย”
คีรินทร์มองเขมทัตที่พูดเอาจริงอย่างอึ้งๆ ไข่มุกแอบยิ้มดีใจ
ไข่มุกเดินนำออกจากห้องทำงานเขมทัต คีรินทร์เดินตามมากระชากแขนไข่มุกให้หันมา
“เอ๊ะ คุณรินทร์ มีอะไรคะ”
“มีแน่ เธออย่าคิดว่าจะมาโปรยเสน่ห์ที่นี่ได้นะลูกไก่ ถึงพ่อจะให้ท้ายเธอแต่ชั้นไม่ยอมอยู่เฉยแน่” ไข่มุกมองเอือมๆ ปลดแขนคีรินทร์ออก แล้วเดินไป คีรินทร์เดินไปดักข้างหน้า “อ๋อ ชั้นรู้แล้ว นี่เธอแก้แค้นชั้นเรื่องนุชนารถ กีกี้ แองจี้ น้องแพรวใช่มั้ย คิดจะแก้เผ็ดแบบนี้ไม่ง่ายไปหน่อยรึไง”
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ คุณไม่ได้สำคัญสำหรับชั้น มากพอที่จะทำเรื่องอย่างที่คุณคิดได้ ชั้นแค่อยากทำงาน หาเงิน แล้วก็สนุกกับงานที่ชั้นทำได้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย”
ไข่มุกยิ้มเย็นแล้วเดินเลี่ยงไป คีรินทร์อึ้งปนงง ทำตัวไม่ถูกไปแวบนึง พอหายงงก็ตะโกนตามหลัง
“ชั้นไม่มีความสำคัญกับเธอเลยหรือไง ตอบมาสิ”
ไข่มุกเดินต่อไปไม่หันมามอง คีรินทร์หงุดหงิดหัวเสียแต่ทำอะไรไม่ได้
ไข่มุกขับรถอีโคคาร์ป้ายแดงเข้ามาเทียบบันไดหน้าบ้านคีรินทร์ แล้วเดินลงมา รัตนานั่งอยู่บนรถเข็น เข็นรถด้วยตัวเองเข้ามาหาไข่มุก โดยมีมณี นุชนารถ ช้อย เขมทัต ยืนอยู่ไม่ไกล
“รถใหม่พี่ลูกไก่สวยจังค่ะ เล็กๆ น่ารักดี พี่ลูกไก่พาหนูนาไปเที่ยว มั่งได้มั้ยคะ หนูนาอยากลองนั่ง”
ไข่มุกย่อตัวลูบหัวรัตนาเบาๆ
“ได้สิคะ เดี๋ยวพี่พาไปวันนี้เลย”
ไข่มุกเปิดประตูให้รัตนา รัตนาค่อยๆ ยกตัวขึ้นนั่งเบาะหน้า มณีมองทั้งสองคนแล้วเบะปากหันหน้าหนี
“เฮอะ ได้สินสอดไปตั้งสิบกว่าล้าน ยังไม่มีปัญญาซื้อรถให้ลูกสาวเอง ต้องลำบากคนอื่นจัดการ ไม่รู้จะเค็มไปไหน”
นุชนารถมองมณีเอือม
“ใช่ค่ะ คนอะไรไม่รู้ เค้มเค็ม”
ช้อยบอก มณีสะดุ้งนิดๆ มองช้อย
“น่าคุณ นี่เขาก็ซื้อแบบถูกๆ ไม่กี่แสนเอง อย่าบ่นไปเลย เดี๋ยวแก่เร็วนะ”
“คุณแม่ลองนั่งดูมั้ยคะ ขับรถเล่นกัน” ไข่มุกเอ่ยชวน มณีเชิดใส่
“ไม่เอาหรอกย่ะ ชั้นกลัวเธอพาไปประสานงาใคร”
ไข่มุกขับรถออกไปกับรัตนา สวนกับคีรินทร์ที่เลี้ยวเข้ามาจอด หน้าบ้านเหลือแต่นุชนารถ
“นี่ลูกไก่เขาพาหนูนาไปไหนเนี่ย” คีรินทร์ถามนุชนารถ
“ไม่รู้สิคะ ท่าจะเห่อรถใหม่น่าดู” นุชนารถบอกแล้วคล้องแขนคีรินทร์ “พอคุณลูกไก่มาอยู่ที่นี่ หนูนาทำฤทธิ์ใหญ่เลยค่ะ ดื้อสารพัด นุชเตือนอะไรก็ไม่ฟังเพราะมีคนให้ท้าย นี่นุชบอกจะไปด้วยก็ไม่ยอมให้ไป ภรรยาคุณนี่เก่งนะคะ เข้ามาไม่เท่าไหร่ปั่นให้ทุกคนป่วนไปหมด วันนี้ยังขนาดนี้ ไม่รู้ว่าวันหน้าจะขนาดไหน” นุชนารถทำเสียงอ่อนใจ คีรินทร์ฟังหน้าเครียด แล้วผลุนผลันทำท่าจะไปขึ้นรถ นุชนารถรีบไปดึงแขนไว้ “จะตามมันไปเหรอ”
คีรินทร์ชะงัก หันมามองนุชนารถหน้าเฉย
“ถ้ามันที่คุณพูด หมายถึงลูกไก่ คราวหน้าใช้คำให้ดีกว่านี้ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นเมียผม”
นุชนารถสบตาคีรินทร์อย่างโกรธจัด
“ไม่ต้องย้ำหรอกคะ นุชรู้ว่ามัน...เป็นเมียคุณ”
คีรินสบตานุชนารถอย่างไม่พอใจ ถอนใจแล้วขึ้นรถขับออกไป นุชนารถมองตามอย่างแทบจะร้องกรี๊ด
นุชนารถกลับเข้าห้องและยืนพูดโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“จัดการนังผู้หญิง เอาให้มันเสียโฉมยับเยิน หมอไม่รับทำศัลยกรรม ส่วนผู้ชายอย่าให้ถึงตาย เอาแค่พิการก็พอ”
นุชนารถกดตัดสาย ยิ้มเหี้ยมเกรียมอย่างสะใจ
ไข่มุกพารัตนามาเที่ยวที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ไข่มุกเข็นรถให้รัตนา รัตนามองอย่างตื่นเต้น
“อู้หู ที่นี่สวยเหมือนในหนังเลย หนูนาช้อบชอบ”
“ไม่เคยมาเหรอคะ”
รัตนาส่ายหน้า หน้าเศร้านิดๆ
“ไม่เคยหรอกค่ะ คุณแม่บอกหนูนาเดินไม่ได้ เลยไม่ค่อยได้พาไปไหน ตอนวันเกิดปีที่แล้ว คุณพ่อกับพี่รินทร์เคยพาไปกินข้าวกับเป่าเทียนวันเกิด แล้วก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย”
“แล้วคุณนุชไม่ได้พาเที่ยวเหรอคะ”
รัตนาหน้ามุ่ย
“พี่นุชไม่พาไปหรอกค่ะ บอกว่าหนูนาไปก็เกะกะน่ารำคาญ พี่นุชเขาชอบออกไปตอนกลางวันคนเดียว บางครั้งก็ไปกับพี่รินทร์”
ไข่มุกมองอย่างเห็นใจแล้วเข็นไปเรื่อยๆ รัตนามองรอบด้านสีหน้าสดชื่นขึ้น ไข่มุกเข็นรถไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นมีนักเลงแอบดูอยู่ไม่ไกล
“หิวยังคะ” ไข่มุกพูดจบ นักเลงก็วิ่งออกมากระชากกระเป๋า ไข่มุกกระชากกลับ “เฮ้ย อะไรเนี่ย”
“เหนียวนักนะเอ็ง เอามานี่”
ไข่มุกยื้อไม่ให้ ตั้งท่าจะเตะแต่นักเลงหลบได้ นักเลงหัวเราะเยาะ รัตนาเข็นรถเข้ามาชนนักเลงหงายหลัง นักเลงลงไปนอนวัดพื้น ไข่มุกรีบเตะไปอีกสองสามที รัตนาเอาล้อรถเข็นชนเข้าๆ ออกๆ ช่วยไข่มุก นักเลงผลักมุกออกแล้ววิ่งหนีไป ไข่มุกก้มลงเก็บกระเป๋า คีรินทร์โผล่มาจากด้านหลัง
“ยังไม่เข็ดใช่มั้ย”
ไข่มุกเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจึงทำท่าศอกใส่
“เฮ้ย ชั้นเอง”
คีรินรับศอกไว้ได้ ถอนหายใจโล่ง แต่ถูกไข่มุกเตะตวัดขาเข้าที่เอว คีรินทร์หน้ายู่อย่างเจ็บมาก ไข่มุกรีบหันมาประคอง
“ขอโทษค่ะ มองไม่เห็น เบรกไม่ทัน นึกว่าโจร”
“นี่ถ้าเห็นชั้นไม่เดี้ยงเลยเหรอ คนอะไร เท้าหนักชะมัด”
ไข่มุกยิ้มแหย คีรินทร์เสียฟอร์มนิดๆ เดินไปหารัตนา
“ชั้นไม่รู้ว่าคุณจะตามมา นึกว่าจะไปไหนต่อ”
“ก็ชั้นตามมาดูเธอน่ะสิ กลัวพายัยหนูนาไปทิ้ง แล้วแอบนัดหนุ่มๆ ในสต็อก”
“ชั้นไม่ใช่คุณ ไม่มีใครเขาทำเหมือนคุณหรอก” ไข่มุกกระซิบตอบ คีรินทร์อึ้งไปต่อไม่ถูก
“คุยอะไรกันอยู่คะ หนูนาหิวแล้วนะ”
คีรินทร์แกล้งทำเป็นเข็นรัตนาไปรักษาฟอร์ม ไข่มุกเดินตามมองตามหลัง นึกแปลกใจ
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่น รัตนากินอย่างเอร็ดอร่อย คีรินทร์มองหน้าไข่มุก แล้วถาม
“โจรนั่นก็แปลก คิดไงมากระชากกระเป๋าเธอ”
“ไม่ได้ใส่ของมีค่า เครื่องประดับหรือทองก็ไม่มี เงินยิ่งไม่ต้องพูด”
“สงสัยเห็นเธอสวย” คีรินทร์พูดยิ้มๆ ไข่มุกแอบค้อน
“พี่ลูกไก่ทั้งเก่งทั้งสวย เมื่อกี้บู๊ซะกระเจิงเลย”
“หนูนาก็เก่ง ขอบคุณนะคะที่ช่วยพี่”
“ชมกันเข้าไป เราก็ด้วย” คีรินทร์หันไปหารัตนา “ ทีหลังอย่าทำอีก ไม่ต้องซ่าตามแบบพี่เขา มันอันตราย เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจค่า”
คีรินทร์มองที่โต๊ะ
“เอาอะไรอีกมั้ยลูกไก่ สั่งมากินอย่างกับแมวดม”
“พอแล้วค่ะ ชั้นจะอิ่มแล้ว”
“ไม่เอาแน่นะ” ไข่มุกพยักหน้า “เธอนี่แปลก ได้กินฟรียังจะทำท่าเกรงใจ ไม่เหมือนแม่เธอเลย นี่ถ้าเป็นคุณชลลดานะ มีหวังสั่งแล้วสั่งอีก กะให้ชั้นล่มจมแน่”
“ไม่ขนาดนั้นมั้งคะ”
“น้อยไปสิ แต่เธอกับแม่เธอนี่คนละขั้วจริงๆ คุณชลลดาเป็นประเภท ช่างเรียกร้อง จะเอา เอาเยอะที่สุด มากที่สุด แต่เธอกลับทำตัวเหมือนเป็นลูกคนใช้ ใครให้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ไม่ให้ก็ไม่ขอ นี่ ชั้นถามจริงๆ เหอะ เธอเป็นลูกแท้ๆ หรือเขาเก็บมาเลี้ยงกันแน่”
ไข่มุกนิ่งอึ้งไม่ตอบ ก้มหน้ามองจานเงียบๆ ไม่ยอมพูดความจริง
เมื่อทานอาหารเสร็จทั้งหมดก็ออกมาที่รถ คีรินทร์อุ้มรัตนาขึ้นรถแล้วชะโงกหน้าถาม โดยมีไข่มุกยืนอยู่ใกล้ๆ
“ไม่กลับกับพี่เหรอ ยัยตัวเล็ก”
“หนูนาอยากกลับกับพี่ลูกไก่มากกว่าค่ะ”
คีรินทร์แกล้งทำเสียงอ่อย
“ตกกระป๋องเลยเรา เห็นพี่ใหม่ดีกว่าพี่เก่า”
“ก็แน่สิคะ ผู้หญิงกับผู้หญิงนี่นา ผู้ชายตกกระป๋องไปแหละดีแล้ว”
คีรินทร์หันมาหา มองกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ไข่มุกยิ้มรับตาใส คีรินทร์ทำท่าฝากไว้ก่อน ขณะนั้นคนร้ายมองจากมุมลานจอดรถ นั่งบนมอเตอร์ไซค์มองไข่มุกกับคีรินทร์ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ไข่มุกขับรถออกไป คีรินทร์เดินมาขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไป คนร้ายหยิบหมวกกันน็อคมาสวมแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ตาม
คีรินทร์ขับรถมาถึงซอยเปลี่ยว รถดูส่ายผิดปกติเลยจอดลงข้างทาง
“เป็นอะไร” คีรินทร์เดินลงมา เห็นยางแบบ “เฮ้ย โดนอะไรมาเนี่ย แบนแต๊ดแต๋เลย” มอเตอร์ไซค์คนร้ายแล่นมาจอดใกล้ๆ คีรินทร์เห็นก็ยิ้มโบกมือ “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมเปลี่ยนเอง สบายมาก”
คีรินทร์เดินไปเปิดด้านหลังเอายางอะไหล่ คนร้ายขยับมีดเดินรี่เข้ามาหา คีรินทร์เอะใจหันกลับมามอง คนร้ายพุ่งมีดเข้าหา คีรินทร์กลิ้งหลบ คนร้ายทุ่มตัวจะจ้วงแทง คีรินทร์จับข้อมือเตะหว่างขา คนร้ายลงไปนอนกองกุมเป้า คีรินทร์เข้าไปเตะซ้ำ คนร้ายจับขาคีรินทร์พลิกจนล้ม แล้วคนร้ายก็รีบวิ่งไปขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป คีรินทร์มองตามหน้าเครียด
วันต่อมา คีรินทร์นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะทำงาน ขณะที่วัฒนายืนอยู่ริมกำแพง
“หมู่นี้นายเกิดเรื่องบ่อยนะรินทร์ เดี๋ยวก็โดนลอบทำร้าย คราวนี้โดนปล่อยยาง ไม่รู้เจอโจรมืออาชีพ หรือใครสั่งมันให้มาเก็บ”
“เกินไปเพื่อน ชั้นไม่ได้มีศัตรูขนาดจะเอาชีวิตหรอก แม่เขาว่าดวงชั้นกะยัยลูกไก่ไม่สมพงศ์กันอย่างแรง ตั้งแต่แต่งงานมาถึงมีแต่เรื่อง”
“นายเชื่อมั้ย”
คีรินทร์นิ่งคิด สั่นหน้า
“ไม่ สมัยนี้คนตกงานเยอะ ยังจะพวกติดยา ติดพนันอีก โจรผู้ร้ายก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา เรื่องคราวนี้ อย่าเอาไปบอกที่บ้านชั้นล่ะเดี๋ยวจะห่วงกันไปใหญ่”
“แต่มันบังเอิญเกินไป อย่างกับมีใครจงใจส่งมาเล่นงานนาย”
“คิดงั้น”
วัฒนาพยักหน้า คีรินทร์ชักนิ่งคิด
“แต่ชั้นไม่มีศัตรูที่ไหนนี่หว่า ธุรกิจก็แฟร์ โปร่งใสทุกอย่าง”
“อาจจะมีแต่นายไม่รู้ ศัตรูที่มองไม่เห็นยิ่งน่ากลัว นายจะไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้า กำลังคิดร้ายกับนายหรือเปล่า”
คีรินทร์พยักหน้านิ่ง วัฒนามองคีรินทร์แล้วเบือนหน้ากลับมาดวงตาวัฒนาฉายแววแข็งกระด้างปนอิจฉา แค้นที่โดนข่มมาตลอด
คืนนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน คีรินทร์นอนก่ายหัวคิดหนักทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน ไข่มุกเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ มองสงสัย
คีรินทร์ครุ่นคิดสลับถอนใจ ไข่มุกมองนิ่ง สักพักย่องเข้าไปดูใกล้ๆ คีรินทร์หันมาพอดี ต่างคนต่างผงะอย่างตกใจ
“มีอะไรหรอคุณ”
คีรินทร์พลิกตัวกระเถิบนอนตักไข่มุก ไข่มุกตกใจ แต่เห็นคีรินทร์ไม่ได้ยุ่มย่ามเลยยอมให้
“กำลังคิดอยู่ ว่ามีใครมั้ยที่อยากทำร้ายชั้น ถึงขนาดส่งคนมาดัก”
ไข่มุกชะงัก ถอนใจ
“มีสิคะ มีแน่นอน”
“รู้ได้ยังไง ญาณทิพย์หรือจิตสัมผัสเนี่ย”
ไข่มุกนิ่งไปนิด ไม่อยากบอก
“ดูจากของจริงค่ะ คุณน่ะมีสาวๆ เยอะจะตาย พอแต่งงานก็อาจจะมีคนไม่พอใจ หรือไม่ก็แค้นมานาน ที่คุณเจ้าชู้”
“อย่างนั้นก็คงมีบ้าง แต่ไม่น่าถึงขนาดนี้นะ”
“ไม่แน่หรอกค่ะ ทำอะไรไว้เยอะนี่”
คีรินทร์มองไข่มุกด้วยสายตาเจ้าชู้
“โห พูดเข้า ผมเสน่ห์แรงขนาดนั้นเชียว”
ไข่มุกค้อนขวับ
“แรงตายล่ะ”
คีรินทร์ยิ้มหวาน
“ทำอีกทีสิ”
“ทำอะไรคะ”
“ก็ค้อนแบบเมื่อกี้ไง ผมชอบ น่ารักเป็นบ้า”
ไข่มุกตวัดค้อนแบบไม้ตั้งใจ
คีรินทร์หัวเราะชอบใจ มองไข่มุกอย่างอ่อนโยน ยิ้มจางๆ อย่างคนที่เริ่มรักโดยไม่รู้ตัว
อีกด้านหนึ่งมณีกับเขมทัตกำลังเต้นรำจังหวะวอลซ์อยู่ในห้องโถง เขมทัตยกแขนให้มณีหมุน มณีหมุนแล้วทำเก๊กสวยแต่ขาไปโดนมุมตู้
“โอ๊ย ไอ้ตู้บ้า มาอยู่ตรงนี้ได้ไง”
เขมทัตหัวเราะ
“มันก็อยู่อย่างงั้นมาตั้งนาน คุณแหละไปเตะเอง พอๆ ก่อน นี่ขนาดไปเรียนเต้นมาตั้งหลายหน ยังหมุนผิดหมุนถูก เตะนั่นเตะนี่ ผมว่าคุณลองไปฝึกมวยบู๊กับลูกไก่ดีกว่า ท่าจะเวิร์ค”
“อี๊ ไม่เอาหรอก ฉีกแข้งฉีกขา เหาะเหินเดินอากาศอย่างนั้น น่าเกลียดจะตาย ไม่ไฮโซ เซเลบอย่างชั้นไม่สน”
“แต่มันทำให้หุ่นเฟิร์มนะคร้าบ”
มณีหันหน้าไปอีกทางเป็นตู้โชว์ มณีเขม้นมองพุงตัวเองในกระจก ทำท่าจับๆ ดึงๆ หน้าเสีย
“อุ้ยตาย”
เขมทัตเดินใกล้โอบเบาๆ
“นี่คุณตั้งฟาร์มแล้วเหรอ”
“ฟาร์ม ฟาร์มอะไร”
เขมทัตเอามือที่โอบดึงพุง
“ก็ฟาร์มหมูไง อุ๊ดๆ ไขมันเซเลบห้อยเชียว”
มณีทำหน้าโกรธใส่ เขมทัตหัวเราะ มณีมองเข้าไปในกระจก สีหน้าร้อนใจ
ไข่มุกเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ คีรินทร์โผเข้าหากอดรัดจะจูบ
“อย่าค่ะคุณรินทร์”
“ขอผมชื่นใจเมียมั่งสิ หอมอีกทีนะ”
“ไม่เอา ไม่เล่นนะคะ”
“ใครเล่น วันนี้ผมเอาจริง” ไข่มุกขัดขืนดิ้นจนหลุด คีรินทร์ยืนมองชักหงุดหงิด “เมื่อไหร่คุณจะเลิกบ่ายเบี่ยงซะที แต่งงานก็แล้ว ขืนใครรู้ว่ายังไม่ได้แอ้มเจ้าสาว มีหวังอายเขาตาย”
“ชั้นยังไม่พร้อม เราไม่ได้รักกัน จะมีอะไรกันได้ไง”
“โห โบมากๆ นี่ชั้นจะบอกให้ สมัยเนี้ยบางทีลูกสอง ยังไม่รักกันเลย ไหนข่าวว่ากิตติศัพท์เธอนี่ว่าจัดเต็มใส่ไม่ยั้ง ของจริงดันทำเหงียมหงิมกับสามีซะงั้น ไม่รู้ล่ะ ยังไงคืนนี้ไม่รอดแน่”
“คุณคงได้ข่าวมาผิด ชั้นไม่ใช่คนแบบนั้น”
“แน่ะ โก่งค่าตัวด้วย ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องแอ๊บ ระดับนี้ต้องมันให้ถึงพริกถึงขิง เอาแบบแซ่บเว่อร์ ซี้ดซ้าดต้มยำเรียกพี่”
คีรินทร์โผเข้าไปกอด ไข่มุกหลบ
“จะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณเถอะค่ะ แต่ระดับคุณคงไม่อดอยากถึงขั้นบังคับผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ ใช่มั้ยคะ”
คีรินทร์ยักไหล่
“อย่างผมน่ะมีแต่ผู้หญิงมาเสนอ รู้ได้ด้วย ระดับนี้ไม่ต้องง้อใคร”
“ดีค่ะ งั้นภรรยาที่ไม่เต็มใจอย่างชั้น ขอไปนอนก่อนนะคะ”
คีรินทร์อ้าปากค้าง ไข่มุกเดินผ่านหน้าไป คีรินทร์เดินตามไปวางท่าใส่
“ได้ ชั้นจะไม่ทำ จนกว่าเธอจะเป็นฝ่ายร้องขอเอง”
“คำไหนคำนั้นนะคะ ห้ามกลับคำ”
“แน่นอน แต่เธอเองนั่นแหละ อย่ามาสะกิดแล้วกัน”
กลางดึกคืนนั้น คีรินทร์นอนตาค้างไม่ยอมหลับ ชำเลืองมองไข่มุกที่หลับปุ๋ย คีรินทร์ชะโงกตัวทำท่าจะหอมแก้มแต่ชะงัก ทำท่านึกขึ้นได้ คีรินทร์ถอยออกมาทิ้งตัวนอนถอนหายใจเฮือก
“ไอ้รินทร์หนอไอ้รินทร์ สัญญาไปได้ไงวะ เวรแท้ๆ”
คีรินทร์เหลือบมองไข่มุกแล้วถอนใจ เอามือก่ายหน้าผาก
วันต่อมาคีรินทร์เดินเข้ามาในล็อบบี้โรงแรม เห็นโปสเตอร์โฆษณาแผ่นใหญ่ของฟิตเนส มีรูปไข่มุกทำท่ามวยจีน ใส่ฮันบกประยุกต์สั้นๆ เซ็กซี่ คีรินทร์ทำหน้าไม่พอใจ หันซ้ายขวาไม่มีใครก็ดึงออกอย่างหงุดหงิดเพราะหึง
“ใครออกแบบชุดวะ เดี๋ยวเจอสั่งปลดแน่”
ที่สตูดิโอสอนเต้น ไข่มุกยืนอยู่อยู่หน้าคลาส เอนตัวทำท่าวอร์ม สมาชิกทำตาม
“มวยบู๊สำคัญที่ความยืดหยุ่นของร่างกายนะคะ แต่ก็อย่าลืมความแข็งแรง ก่อนเต้นเราต้องยืดตัวเยอะๆ จะได้ไม่บาดเจ็บ” ไข่มุกนั่งลงกับพื้นอ้าขากว้างเอื้อมมือแตะปลายเท้า พอหันมาอีกด้านก็เห็นเขมทัตทำท่ากวักมือเรียก “วอร์มร่างกายก่อนนะคะ เดี๋ยวครูมา”
ไข่มุกเดินมาหาเขมทัต ยกมือไหว้
“วันนี้ลุงพานักเรียนใหม่มาอีกคน”
มณีเดินออกมาจากด้านหลังเขมทัต ทำหน้าตาบูดบึ้งเหมือนไม่เต็มใจมาเรียน
“ยินดีเลยค่ะคุณแม่ กำลังเริ่มคลาสพอดีเลย”
“นี่เป็นเพราะคุณทัตคะยั้นคะยอหรอกนะ ไม่งั้นชั้นไม่มาหรอกย่ะ ไม่รู้จะได้เรื่องหรือเปล่า ขอบอกว่าเต้นไก่กาชั้นไม่เรียนนะ”
“ไก่กาหรือเปล่าก็ลองดู จะได้ไล่ฟาร์มหมูซะที”
มณีทำเชิด แต่ไข่มุกยิ้มให้
มายาสีมุก ตอนที่ 3 (ต่อ)
มณีนั่งบนพื้น ทิ้งตัวพิงกำแพง หอบหายใจ คนอื่นๆ ยังเต้นอยู่ ไข่มุกเดินมาย่อเข่าคุยด้วย
“ไม่ไหวแล้ว ชั้นจะตาย เต้นอะไรไม่รู้ เหนื่อยจะตายแล้ว”
“ทำได้สิคะคุณแม่ ลุกนะคะ นิดเดียว เดี๋ยวหนูช่วย”
ไข่มุกจับแขนให้ลุก มณีส่ายหน้า ไข่มุกพยักหน้า มณีมองแล้วฮึด จับไข่มุกแล้วลุกยืน มองพุงตัวเอง
“เอาก็เอา สู้ตาย”
ไข่มุกยิ้มให้ แล้วช่วยจัดท่าทาง มณีดูเหนื่อยแต่สนุก ออกหมัดอย่างเมามัน
กีกี้ แองจี้ น้องแพรว นั่งเรียงไขว่หน้าเซ็กซี่อยู่ที่โซฟารับแขกในห้องคีรินทร์ คีรินทร์ยืนหันหลังให้แล้วหันมา
“พวกคุณโกรธที่ผมแต่งงานใช่มั้ย”
สามคนตอบพร้อมกัน
“ใช่”
“แล้ว คิดจะเล่นงานผมด้วยหรือเปล่า”
“แน่นอนค่ะ” กีกี้ขยับไปใช้นิ้วเขี่ยอก “จะเล่นให้หมดแรง สลบไปเดือนนึงเลย ว่างเมื่อไหร่นัดมานะคะ กีกี้จัดให้”
แองจี้ น้องแพรวหมั่นไส้ ดึงกีกี้กลับ
“แองจี้ก็จะเล่นงานคุณเหมือนกัน ให้คุณซื้อหลุยส์ กุชชี่ ปราด้า ดิออร์ให้หมดตัวเลย”
กีกี้กับน้องแพรวพูดพร้อมกัน
“ยัยงก”
น้องแพรวยิ้มหวาน แอ๊บน่ารัก
“ของน้องแพรวจะขอให้คุณรินทร์พาเที่ยวรอบโลก ไม่ให้เจอสาวอื่นเลย จะให้คุณรินทร์อยู่กับน้องแพรวคนเดียว ใต้แสงเทียน แสงจันทร์ โรแมนติกสุดๆ”
“เพ้อนะยะ”
น้องแพรว แองจี้ กีกี้ตั้งท่าฮึ่มแฮ่ใส่กัน คีรินทร์ถอนหายใจเฮือก รู้ว่าไม่ใช่สามคนนี้แน่ คีรินทร์พึมพำกับตัวเอง
“ไม่ใช่สามคนนี้ แล้วใคร”
ขณะนั้นนุชนารถอยู่ที่ชุมชนแออัด นุชนารถยืนอยู่กับนักเลง นักเลงยิ้มกริ่ม นุชนารถชักสีหน้าควักเงินจากกระเป๋าส่งให้
“เอาไป ยังมีหน้ามาขอเงินอีก ทำงานก็พลาดตลอด ยังจัดการไม่ได้สักคน ห่วยแตก”
นักเลงรับเงินมากรีดนับ
“ก็นังผู้หญิงมันเก่งนี่คุณ สู้จนลูกน้องผมหนีหมด เจ็บกันระนาว”
“ก็แล้วไง ชั้นจ้างแกก็ต้องจัดการให้ได้ ไม่งั้นก็คืนเงินมา”
นักเลงรีบยัดเงินใส่กระเป๋า
“ไอ้คนผู้ชายน่ะ เอาถึงพิการเลยเหรอ โหดไปเปล่า”
นุชนารถเค้นเสียง พูดแค้นจัด
“โหดสิ ไม่งั้นชั้นไม่จ้างแกหรอก ส่วนนังผู้หญิงเล่นให้ตายได้ยิ่งดี นังตัวมาร”
เม่นเดินผ่านมาเห็นเงินที่แลบจากกระเป๋านักเลง มองนุชนารถแต่งตัวดีก็ปรี่เข้ามา
“คุณคนสวย รวยๆ อย่างนี้ขอข้ามั่งสิวะ สักพันสองพันก็ได้”
เม่นยิ้มเจ้าเล่ห์ แบมือขอ
“อะไร ยุ่งอะไรยะ ไปไกลๆเลย มีมือมีเท้ายังมาขอทาน ไปไป๊”
“คุณเขาไล่ก็ไปสิวะ ไอ้นี่ เดี๋ยวโดนต่อยนะเอ็ง”
เม่นถอยออกมาอย่างกลัวๆ นุชนารถถลึงตาใส่อย่างโหด เม่นยิ่งถอยกรูด แต่มองนุชนารถไม่วางตา
นุชนารถเดินมาหน้าปากซอยโบกเรียกแท็กซี่ เม่นแอบอยู่ข้างหลังมองซ้ายขวาไม่มีใคร เม่นวิ่งโฉบไปหา ดึงกระเป๋านุชนารถแล้ววิ่ง นุชนารถตะโกนไล่
“ช่วยด้วย มันกระชากกระเป๋าชั้น ใครก็ได้ช่วยที”
ชาวบ้านมองกันเลิ่กลั่ก นุชนารถวิ่งตามเม่น พอห่างไม่มากก็ก้มลงถอดรองเท้าปาใส่หลังเม่น รองเท้าโดนอย่างแรง เม่นถลาหกล้มนอนโอดโอย นุชนารถวิ่งไปดึงกระเป๋าคืน เม่นดึงไว้
“ไม่ให้โว้ย เอามานี่”
เม่นดึงไว้ ทำท่ากระชาก นุชนารถเปิดกระเป๋าคว้ามีดขึ้นมาชูขู่
“เอาซี้ ไม่กลัวตายก็เอาไปเลย”
เม่นปล่อยมือสองข้างยกขึ้น ท่าทางกลัวอย่างหนัก นุชนารถทำท่าจะทิ่ม เม่นถอยหลังหนี
“จะเอาอีกมั้ย”
เม่นชี้หน้านุชนารถ
“ฝะ ฝากไว้ก่อนนะเอ็ง”
เม่นวิ่งหนี ล้มลุกคลุกคลาน นุชนารถดึงกระเป๋าขึ้นมาปัดฝุ่น เก็บมีดใส่กระเป๋า
“ฮึ รู้จักคนอย่างชั้นน้อยไป”
ที่สตูดิโอฟิตเนส ไข่มุกเต้นนำ ออกหมัดทะมัดทะแมง สมาชิกพากันเต้นตามอย่างสนุก คีรินทร์ วัฒนา เขมทัต ยืนอยู่นอกสตูดิโอกำลังมองเข้าไป
“ตั้งแต่คุณลูกไก่ทำคลาสนี้ สมาชิกใหม่เยอะขึ้นเท่าตัวเลยนะครับ”
เขมทัตมองอย่างพอใจ คีรินทร์มองเข้าไปเห็นมณีกำลังออกหมัดอย่างเมามัน
“นั่นแม่นี่ครับ”
“ใช่ มันหยดติ๋งเลย ดูหน้าเข้าสิ”
“ออกเสียงด้วยค่ะ” ไข่มุกบอกสมาชิกแล้วออกหมัดตรง “ย่า เสียงดังอีก ย่า”
มณีทำตามอย่ามันในอารมณ์ ออกเสียงดังแต่เลทกว่าชาวบ้านนิดหน่อย
“ย่ะ ฮึ้ย ย่า วู้ว”
เขมทัตมองเข้าไปแล้วกุมขมับ คีรินทร์มองแม่แล้วขำนิดๆ
ไข่มุกเดินซับเหงื่อออกมาจากห้องสตูดิโอจะเข้าห้องสตาฟท์ คีรินทร์เดินตาม
“ชุดเซ็กซี่ไปหน่อยเปล่า โชว์เนื้อโชว์หนังล่อตะเข้ ไหนก้มดูซิว่าเห็นหน้าอกมั้ย”
ไข่มุกปิดหน้าอก
“ก็ไม่นี่คะ ปกติเค้าใส่กันเซ็กซี่กว่านี้อีก”
“ยอกย้อนลวดลายได้อีก ทีหลังใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มนะ อ้อ แล้วถ้าใครมาจีบ ก็บอกไปเลยว่ามีผัวแล้ว ผัวหวง”
ไข่มุกส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วเดินไป
“คุณลูกไก่ครับ มีสมาชิกบางคน อยากให้เราจัดเป็นคลาสพิเศษเฉพาะพวกเขา ว่าไงครับ” วัฒนาเข้ามาถาม
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
ไข่มุกยิ้มให้วัฒนาอย่างดีใจ คีรินทร์ที่อยู่ห่างออกไป มองมาตาขวาง นึกหึงหวงแบบไม่รู้ตัว
คีรินทร์ วัฒนา อยู่ในห้องประชุม เขมทัตเป็นประธาน มีบอร์ดคนอื่นๆ อยู่ด้วย
“ผมขอยื่นงบเปิดโครงการสร้างห้องสตรีมกับซาวน่าครับ ตอนนี้สมาชิกของฟิตเนสมีมากขึ้น ผมว่าเราควรมีอะไรใหม่ๆ เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า โดยที่เราจะสร้างเป็นโดมแบบครบวงจร”
ทุกคนพยักหน้า คีรินทร์ยกมือ
“ผมไม่เห็นด้วย สมาชิกเพิ่มก็จริง แต่ถ้าทำตอนนี้ยังไม่คุ้ม สู้เอางบประมาณไปลงส่วนงานอื่นดีกว่า ผมไม่อนุมัติ”
“แต่...” วัฒนาจะแย้ง คีรินทร์พูดแทรก
“ไม่มีแต่ ผมตัดสินใจแล้ว ไหน เรื่องต่อไปเรื่องอะไรครับ”
วัฒนายืนค้างอย่างเสียหน้า คีรินทร์ลอบยิ้มมุมปากสะใจ เขมทัตมองคีรินทร์แล้วส่ายหัว รู้ว่างี่เง่าแน่ๆ
มณีนั่งเหนื่อยอยู่ที่ที่นั่งพักของฟิตเนส ไข่มุกเดินมาส่งน้ำให้
“ทานน้ำก่อนค่ะคุณแม่ สนุกมั้ยคะ”
มณีเงยหน้ามอง รับน้ำมาแล้วพูดแบบจำใจ
“ขอบใจย่ะ ก็ดี สนุกมากๆ แล้วก็เหนื่อยมากด้วย”
ไข่มุกยิ้มดีใจ
“แรกๆ ก็เหนื่อยค่ะ แต่พอเล่นไปสักพัก พอชินแล้วจะหายเอง”
พวกกีกี้เดินเข้ามา
“อุ๊ย คุณแม่ขานี่”
สามสาวปราดเข้าไปหา ยกมือไว้เกือบจะกราบแนบอก มณีขยับตัวอึดอัด
“คุณแม่ขามาเล่นฟิตเนสเหรอคะ ดูสิ เหงื่อโทรมเชียว มีผ้ามั้ยคะ แองจี้เช็ดให้”
มณีมองแล้วยกผ้าที่พาดคอเช็ดเอง ไข่มุกแอบขำ กีกี้กับน้องแพรวก็แอบขำด้วย แต่ไข่มุกพอเห็นกีกี้ชัดๆ
แล้วก็ทำหน้าซีด ก้มหลบหน้าหลบตา
“แล้วนี่พากันมาทั้งเซ็ต มาเล่นด้วยกันเหรอ”
“น้องแพรวมาเดินดูน่ะค่ะ เรื่องออกกำลังกายน้องแพรวไม่ถนัด ถนัดใช้สมองมากกว่า”
มณียิ้มจืด สองสาวทำท่าแหวะ
“แล้วคุณแม่ขาเข้าคลาสอะไรมาคะ แนะนำกีกี้บ้างนะคะ จะได้มาใช้บริการบ่อยๆ”
มณีมองไข่มุกแล้วเห็นทางออก
“อยากได้คำแนะนำก็นู่น เมียตารินทร์เค้าเป็นคนสอนคลาสนี้ เอ่อ ชั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
มณีรีบลุกชิ่งหนีออกไป กีกี้หันมามองกะจะว้ากไข่มุกเต็มที่ แต่พอเห็นหน้าก็ชะงัก ไข่มุกก้มหน้าจะเดินหนี
กีกี้เขม้นมอง เดินวนรอบตัว
“ชั้นว่าหน้าเธอคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“ก็ที่งานแต่งไงยะ อย่าโง่”
“อย่าไม่ทันละ โง่ไปแล้ว”
กีกี้หันขวับ ทำท่าอยากตบเต็มแก่ ไข่มุกได้ทีรีบพูด
“เออ ชั้นขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เรื่องคลาสถามได้ที่ประชาสัมพันธ์ฟิตเนสค่ะ”
ไข่มุกเดินออกไป แองจี้ห้ามทัพ
“ยู้ด หยุดย่ะ นังนั่นเดินไปแล้ว ทะเลาะกันอยู่ได้”
กีกี้ตวัดตามอง
“นังลูกไก่นี้ร้ายสุดยอด จับคุณรินทร์ได้ไม่พอ ยังจะทำคะแนนกับคุณแม่ขาอีก แผนสูงนะยะ”
“ชั้นล่ะเกลียดมาก แอ๊บน่ารักเอาใจ เชอะ อยากได้สมบัติล่ะ ไม่ว่า”
น้องแพรวพูดไปแอ๊บไป กระพือขนตา กีกี้กับแองจี้มองหน้ากันอย่างแล้วกลอกตา
“แบบนี้ต้องสั่งสอน ใครจะเอากับชั้นมั่ง”
แองจี้ยื่นมือไปกลางวง กีกี้กับน้องแพรวมองหน้ากัน น้องแพรวยื่นมือเข้าไปวาง
“ชั้นเอาด้วย”
สองสาวมองหน้ากีกี้ กีกี้วางแปะ
“ชั้นอีกคน”
สามสาวมองหน้ากันและกัน ประสานมือยกขึ้นสูงแบบนักกีฬา
“สู้เว้ย”
ไข่มุกที่เดินห่างออกไปสะดุ้งเพราะได้ยินเสียง หันกลับมาดูอย่างงงๆ ว่าทำอะไรกัน
คีรินทร์เดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วนั่งลง วัฒนาตามมาติดๆ คีรินทร์หันไปเลิกคิ้วมอง วัฒนาระงับอาการถามเสียงเรียบ
“ทำไมนายไม่อนุมัติโครงการของชั้น เห็นๆ อยู่ว่ามันได้เวลา ได้โอกาสพอดี แล้วนายจะพักไว้ก่อนทำไม ชั้นไม่เข้าใจฎ
“ก็แล้วไง ชั้นว่าไม่เหมาะก็ไม่เหมาะสิ ไม่รู้คนจะเห่อคลาสมวยบ้าบอนั่นนานหรือเปล่า ลงทุนเพิ่มก็เท่านั้น”
“แต่ห้องสตรีมกับซาวน่าก็ยังอยู่ คนจะมาใช้บริการเมื่อไหร่ก็ได้ เผลอๆ ดึงคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายมาได้ด้วย”
“ยังไงก็ไม่คุ้ม ชั้นไม่เอาด้วย”
“นี่นายเป็นอะไร นายจงใจหักหน้าชั้นทำไม”
“นี่ ชั้นเป็นเจ้าของที่นี่ จะทำอะไร อนุมัติอะไรก็อยู่ที่ชั้น ไม่จำเป็นต้องให้ลูกจ้างอย่างนายมาคอยเป็นห่วง ออกไปได้แล้ว ชั้นจะทำงาน”
คีรินทร์ไล่แล้วเดินไปที่โต๊ะ วัฒนาเดินออกมาจากห้อง พอปิดประตูได้ก็ยืนนิ่ง หน้าตาดูแค้นเคืองขมขื่น โกรธมากที่โดนดูถูก
ผู้จัดการฟิตเนสเดินคุยมากับไข่มุกถึงหน้าห้อง ไข่มุกพยักหน้า
“สรุปว่าลูกค้าสามคนขอเปิดคลาสใหม่ เป็นคลาสส่วนตัวนะคะ”
“ใช่ครับ รออยู่ในห้องแล้ว”
ไข่มุกเดินเข้ามาเห็นสามสาวใส่ชุดกีฬาเซ็กซี่ แต่งหน้าแต่งตาสุดๆ แองจี้เดินเข้ามาหา
“มาแล้วเหรอ มาสอนเร็วๆ สิ ชั้นอยากเรียนเต็มแก่แล้ว”
แองจี้หันไปสบตากับอีกสองสาว สองสาวยิ้มร้าย
“ใช่ๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่า ชั้นอดใจรอไม่ไหวแล้ว” ไข่มุกเดินมาอยู่กลางวง ตั้งท่ามวยจีน “วันนี้ชั้นจะสอนพื้นฐานการออกหมัด กับท่าเตะก่อนนะคะ ทุกคนตั้งท่าพร้อมนะคะ” สามสาวตั้งท่า“ท่าแรกเป็นหมัดขวาตรงสองทีแล้วยกขากระโดดเตะ”
ไข่มุกทำให้ดู กีกี้ออกหมัดแล้วแกล้งเตะไปโดนสะโพกไข่มุก ไข่มุกหันไปมอง
“อุ๊ย ขอโทษนะ ชั้นเตะไม่ค่อยเป็น”
ไข่มุกพยักหน้า
“ค่ะ ท่าต่อไปตั้งการ์ดแล้วตวัดขาเตะไปข้างหน้า ฟุตเวิร์ค ถอยหลังแล้วเดินหน้าเตะอีกที”
แองจี้แกล้งเตะแล้วฟุตเวิร์คเอียงๆ ไปชนไข่มุกจนเซ
“อุ๊บส์ ซอรี่จ้ะ เซไปนี้สสสนึง”
ไข่มุกไม่ตอบโต้
“ไม่เป็นไรค่ะ ท่าต่อไป ตั้งมือแล้ววาดช้าๆ งอเข่าข้างนึง อีกข้างยืดตรง มือนึงยืดเหนือหัว อีกมือวาดไปข้างหน้า”
ทั้งสามคนทำตาม แกล้งผิดวาดมือโดนไข่มุกคนละทีเน้นๆ ไข่มุกทำหน้ายุ่ง
“ช้าๆ สินะ ช้าๆ เร็วไปนิด เอาใหม่ก็ได้นะ มา อีกรอบ”
ไข่มุกมองอย่างรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจแกล้ง สามสาวมองหน้ากันเองแล้วยิ้มสะใจ
“ค่ะ อีกรอบ ทวนเหมือนเดิมนะคะ”
ไข่มุกทำท่านำ กีกี้ถลาเข้ามาเตะ ไข่มุกพลิกตัวหลบ เท้ากีกี้ไปโดนน้องแพรว น้องแพรวกรี๊ดลั่น แองจี้ตั้งท่าแย๊บหมัดตรงรัวใส่ ไข่มุกเหลียวมาเห็นก้มตัวหลบวิ่งเข้าหากำแพง ไต่ขึ้นตีลังกา แองจี้ชกพลาดโดนเข้าหน้ากีกี้ ก่อนจะหน้าทิ่มลงไปกองที่พื้นทั้งสามคน ไข่มุกตีลังกากลับหลังลงมาตั้งท่าจบสวยงาม
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ จะได้มีเวลากลับไปเอายาใส่แผล”
ไข่มุกเดินออกไป สามสาวกองอยู่บนพื้นมองตามแค้นๆ
“นังลูกไก่ ฝากไว้ก่อนเหอะ หลบไปยัยน้องแพรว”
กีกี้ผลักน้องแพรวไปโดนแองจี้
“โอ๊ย กีกี้ เจ็บนะยะ”
น้องแพรวจะกำหัวแต่ศอกไปโดนกีกี้
“เจ็บไปทั้งตัวเลย คอยดูนะ น้องแพรวจะฟ้องคุณรินทร์”
“เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ เจ็บใจนี่สิ งานนี้ ต้องเอาคืน”
กีกี้ปัดศอกออก น้องแพรวทำท่าฮึดฮัด แองจี้ผลักสองคนที่ทับอยู่ออก ทั้งสามคนทำหน้าเจ็บใจ แค้นไข่มุกมาก
ไข่มุกกำลังเดินออกมาหน้าโรงแรม คีรินทร์ขับรถปาดหน้าจนไข่มุกสะดุ้ง คีรินทร์กดกระจกลง ในรถมีสามสาวนั่งมาด้วย คีรินทร์ยิ้มให้ไข่มุกอย่างกวนๆ
“ไปกินข้าวด้วยกันมั้ยคุณภรรยา ที่นั่งยังมี เบียดๆ กันไปได้”
“ไม่ล่ะค่ะ เชิญคุณไปกับเพื่อนๆ เถอะ”
“เขาไม่อยากไปก็ไม่ต้องชวนค่ะ ตัวแสบ เนี่ยดูสิ ทำกี้กี้เจ็บหมดเลย”
น้องแพรวกับแองจี้พูดพร้อมกัน
“แองจี้/แพรว ก็ด้วย”
คีรินทร์ไม่สน หยอกไข่มุกต่อ
“กินคนเดียวเหงานะคร้าบ มาเร็ว”
วัฒนาเดินออกมาพอดี ไข่มุกเดินเข้าไปหา วัฒนามองงงๆ
“เพื่อนกินข้าวชั้นมาพอดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
คีรินทร์กำพวงมาลัยแน่นไม่พอใจ วัฒนามองหน้าไข่มุก ไข่มุกพยักหน้าให้ช่วยรับลูก วัฒนายิ้มหวานจงใจแกล้งคีรินทร์
“ไปกันเลยนะครับ”
“ค่ะ หิวแล้วเหมือนกัน ไปก่อนนะคะ กินข้าวให้สนุกนะ”
วัฒนามองหน้าคีรินทร์แล้วยิ้มเยาะนิดๆ แล้วเดินไปกับไข่มุก
คีรินทร์มองตามอย่างเจ็บใจ ออกรถอย่างแรงจนสามสาวหงายหลัง ร้องกันกรี๊ดกร๊าด
ที่ร้านอาหารเล็กๆ ไข่มุกกับวัฒนานั่งอยู่โต๊ะมีกับข้าววางอยู่ตรงหน้า
“ร้านแบบนี้พอกินได้มั้ยครับ ถึงจะเล็กแต่รับรองว่าอร่อยนะ”
ไข่มุกตักอาหารเข้าปาก
“ร้านนี้ดีกว่า...ร้านที่ชั้นเคยกินเยอะคะ”
วัฒนายิ้ม ทำหน้าไม่เชื่อ
“ตอนที่ผมรู้ว่ารินทร์จะแต่งงานกับคุณ รู้มั้ยครับว่าผมงงมาก ก็คุณลูกไก่ไม่เคยมาที่โรงแรมเลย ทีแรกยังนึกว่า...”
“นึกว่าจะเป็นพวกคุณกีกี้ใช่มั้ยคะ จะคิดอย่างนั้นก็ไม่แปลกหรอกนะคะ ก็เค้าสนิทกันมานานแล้ว”
“ครับ แล้วคุณกับรินทร์รู้จักกันนานมั้ย ก่อนจะแต่งงานกัน เพราะเท่าที่ผมนึกได้ ผมไม่เคยเห็นคุณเลยจริงๆ นะ”
ไข่มุกยิ้มนิดๆ
“ไม่นานหรอกค่ะ อาจจะเร็วกว่าที่ทุกคนคิดด้วยซ้ำ”
วัฒนามองอย่างสนใจ
“แล้วเจอกันได้ยังไงครับ ผมหมายถึง ไปเจอกันที่ต่างประเทศหรือเปล่า ผมเป็นเพื่อนมหาลัยกับรินทร์ พอจบเขาก็ไปต่อโทที่เมกา ผมเรียนโทที่เมืองไทยนี่ ที่บ้านไม่รวย ส่งไปเมืองนอกไม่ไหว แต่คุณน่ะรู้จักกับรินทร์ หลังจากที่เขาจบโทแล้วนะ เพราะเพื่อนเมืองนอกเขา ผมก็รู้จักเกือบทุกคน”
ไข่มุกเลื่อนจานอาหารให้
“ยำผักหวานนี่อร่อยดีนะคะ วันหลังต้องมาทานอีก”
ไข่มุกนั่งกินข้าว วัฒนาตักแล้วลอบมองยิ้มนิดๆ รู้เท่าทันว่าไข่มุกฉลาดหาเรื่องเลี่ยงตอบ
คืนนั้นเมื่อคีรินทร์เดินเข้ามาในห้องก็เห็นไข่มุกนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง คีรินทร์ทุ่มตัวเข้าหากอดเอาไว้ ไข่มุกดันออก
“อย่าค่ะ ชั้นจะนอนแล้ว”
“อะไร กับผัว มีปัญหาตลอด ทีไอ้วัฒน์ชวนไปกินข้าวก็ไปหน้าตาเฉย อ๋อ หรือว่าจะหากิ๊กในที่ทำงาน เกรงใจชั้นบ้างสิ ไปหาไกลๆ หน่อย หรือชอบให้ชาวบ้านนินทา”
ไข่มุกดิ้นหลุด ลุกไปยืนห่าง
“คุณเมาแล้ว ถ้าพูดแบบนี้ อย่าคุยกันดีกว่า”
คีรินทร์ลุกตาม เข้าไปกอด
“กับผัวไม่คุย จะคุยกับไอ้วัฒน์ใช่มั้ย กินไปคุยไป ทีหลังคงนอนไปคุยไปล่ะสิ ไม่รู้ล่ะ ยังไงคืนนี้ชั้นจะนอนกับเธอให้ได้”
“อย่านะคะ ไหนว่าสัญญากันแล้ว”
คีรินทร์กอดแน่น ไม่ฟัง
“ยกเลิก เรื่องอะไรจะยอมให้เธอนอนกับคนอื่นฟรีๆ ผัวอยู่นี่ทั้งคน” ไข่มุกศอกเข้าที่ท้อง คีรินทร์จุกปล่อยมือ ไข่มุกปล่อยหมัดขวาตรงเข้าแก้มคีรินทร์เต็มๆ คีรินทร์โมโหจัด “เฮ้ย นี่เธอเอาจริงเหรอ ได้ งั้นชั้นเอาจริงมั่ง”
คีรินทร์เข้าไปพุ่งกอดจะเหวี่ยงไข่มุกลงบนเตียง ไข่มุกหลบแล้วใช้คิวบู๊ที่เล่นกับกีกี้ที่กองถ่ายมาจัดการคีรินทร์ จนคีรินทร์ลงไปนอนแผ่กับเตียงเห็นดาว ไข่มุกก้มลงมอง
“ชั้นเตือนคุณแล้วนะ คุณคีรินทร์”
นุชนารถกำลังซับมุมปากทำแผลให้คีรินทร์ คีรินทร์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด
“นี่คุณกลัวเมียจนยอมให้ซ้อมเลยเหรอคะ อย่างคุณเนี่ยนะ”
นุชหมั่นไส้แกล้งกดแผลแรงๆ คีรินทร์สูดปาก เจ็บแผล
“เบาๆ สินุช แค่ยัยลูกไก่กะต๊ากนั่นผมก็เจ็บจะแย่แล้ว คนอะไร เตะต่อยยังกับพวกสตั้นหนังบู๊ มือหนักจริงๆ”
คีรินทร์ชะงัก ทำหน้านึกไปถึงวันที่กีกี้ไปดูถ่ายหนัง วันนั้นกีกี้เล่นคิวบู๊กับไข่มุกในชุดแป๊ะยิ้ม คิวบู๊ของแป๊ะยิ้มเหมือนกับคิวบู๊ที่ไข่มุกเล่นงานเขา
คีรินทร์เงยหน้าขึ้น นึกได้
“ว่าแล้วเชียว ยัยตัวแสบ”
“ว่าใครคะคุณรินทร์ อยู่กับนุชอย่าคิดถึงคนอื่นสิ”
นุชนารถเข้าไปกอด คีรินทร์กอดตอบแกนๆ สีหน้าครุ่นคิด นึกสงสัยว่าทำไมไข่มุกถึงรู้คิวบู๊นี้ได้
วันต่อมาไข่มุกเดินซับเหงื่อออกมาจากที่สอนเต้น คีรินทร์ยืนกอดอกดักหน้าทำหน้าเฉยติดจะเอาเรื่อง
“โกหกได้เก่งมาก แต่เสียใจด้วยที่ชั้นรู้ความจริง เกี่ยวกับตัวเธอแล้ว”
ไข่มุกหน้าเสีย ใจหายวาบ ยืนอึ้งพูดไม่ถูก
ติดตาม "มายาสีมุก" ตอนที่ 4 เวลา 09.30 น.