มายาสีมุก ตอนที่ 2
ชายสองคนอุ้มไข่มุกที่โดนถุงผ้าคลุมหัวออกมา ไข่มุกดิ้นพลิกข้อมือสะบัดสุดแรงจนหลุด แต่อีกคนยังจับไว้อยู่ ไข่มุกรีบดึงถุงที่คลุมหัวออก
“เฮ้ย...พวกแกมาจับชั้นทำไม ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย”
คนร้ายอีกคนรัดตัวไข่มุกแรงขึ้น
“ขึ้นรถ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่าฤทธิ์มาก”
คนร้ายช่วยกันรวบตัวไข่มุก อีกคนรวบมือไข่มุกไว้ด้านหลัง แล้วบิดข้อมือ ไข่มุกเจ็บจนร้อง
“โอ้ย เจ็บนะ จะทำอะไรกันนี่ ปล่อยชั้น”
คนร้ายอีกคนรีบเอามืออุดปาก เอาถุงคลุมหัวอย่างเร็ว
“แหกปากเสียงดังดีนัก ขึ้นรถ ไป”
ไข่มุกโดนมือปิดปากไว้ และถูกคนร้ายลากตัวจับยัดเข้าไปในรถตู้อย่างทุลักทุเล รถขับออกไป
คีรินทร์ขับรถกลับบ้านเหลือบมองเห็นถุงที่ไข่มุกลืมไว้ก็หยิบมาดูแล้วส่ายหน้า
“ขี้ลืมอีกต่างหาก ค่อยเอามาให้วันหลังดีกว่า”
คีรินทร์ที่ทำท่าเหมือนจะวกรถกลับ แต่เปลี่ยนใจขับรถกลับบ้าน
ไข่มุกที่โดนถุงคลุมหัว ร้องโวยวายอยู่ในรถ ชายอีกคนที่นั่งใกล้พยายามรวบมือมัดด้วยเชือก
“อย่าดิ้นสิวะ อยากโดนอัดหรือไง”
“ชั้นหายใจไม่ออก เอาถุงออกก่อน เดี๋ยวตายไป พวกแกทำไง”
“เอาไงดีลูกพี่”
“ลูกไม้ตื้นๆ อย่าไปสน”
ไข่มุกทำเป็นไอจะตาย พูดติดขัด
“ชั้นเป็น...โรคหืดหอบ...หาย...ใจ ไม่ออกแล้ว...จะตายแล้ว”
“ท่าอาการมันหนักนะ ทำไงดีถ้ามันตาย”
ชายคนขับชักอารมณ์เสีย
“ตายไม่ได้ ตายก็อดเงินสิวะ เอ็งรีบมัดเร็วเข้า เสร็จแล้วค่อยเอาถุงคลุมหัวมันออก”
คนร้ายรีบมัดไข่มุก ไข่มุกทำเสียงแห้ง ไอจะเป็นจะตายแล้วแกล้งนิ่งสลบ คนร้ายหน้าเสียเขย่าตัวไข่มุก
“เฮ้ย นิ่งไปแล้ว เอาไงดีพี่”
คนร้ายยังมัดมือไข่มุกไม่เสร็จ เอื้อมมือมาดึงถุงผ้าที่คลุมไข่มุกออก ไข่มุกฉวยจังหวะนั้นเบี่ยงตัวแล้วถีบคนร้ายจนกระเด็น หัวชนผนังรถจนมึน ชายคนขับหันมามอง รถเซไปเซมา สุดท้ายก็หยุดรถข้างทางจะลงมาช่วยจับไข่มุกเปิดประตูรถ พอดีจังหวะคนขับรถเปิดประตูรถ ทั้งคู่ประจันหน้ากัน ชายคนขับยิ้มเหี้ยม รวบสองมือ ไข่มุกหลบอย่างว่องไว
“จะหนีไปไหน พูดดีๆ ไม่เชื่อใช่มั๊ย” ชายคนขับเงื้อหมัดจะชกที่ท้อง ไข่มุกปัดมือแล้วถีบเต็มเท้าเข้าเต็มอก ล้มลงพื้นหงายหลัง “โอ้ย หลังข้า”
ไข่มุกหน้าเสีย
“เอ้ย ผิดคิว โทษทีไม่ได้ตั้งใจ...แต่ ไปก่อนนะ”
ไข่มุกวิ่งหนีไปทางบ้านชลลดา คนร้ายทั้งสองคนวิ่งตาม
ไข่มุกวิ่งกระหืดกระหอบหันไปดูเห็นคนร้ายสองคนวิ่งตามไม่ห่าง ไข่มุกจึงวิ่งไปบ่นไป
“โดนจับแต่งแล้วยังโดนจับตัวอีก ซวยชะมัด”
ไข่มุกวิ่งมาถึงหน้าบ้านชลลดา ไข่มุกหยุดกะทันหัน ยืนตัวโค้งหายใจเหนื่อยหอบ คนร้ายวิ่งตามมาทันยืนล้อมไข่มุก เห็นท่าจะเข้าใส่ ไข่มุกยกมือห้ามไว้
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ ก่อนคิวบู๊คุยกันนิด ถามจริงมาจับชั้นทำไม ไปทำอะไรให้ ชั้นไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”
“ไม่ต้องพูดมาก เขาให้มาจับก็ไปดีๆ ไม่งั้นเอ็งจะเจ็บตัว”
“แล้วใครที่สั่งมาให้จับ ผิดตัวป่าว ชั้นไม่เคยมีเรื่องกับใครนะ”
คนร้ายกระโดดตะครุบตัว ไข่มุกหลบอย่างไว คนร้ายอีกคนตามเข้ามาจะชกท้อง ไข่มุกปัดมือ แล้วกระโดดตีลังกากลับหลังหัน 2 รอบ ไปยืนอีกมุม
“เฮ้ย อย่างกะหนังจีน ทำได้ไง”
ไข่มุกมองเห็นต้นไม้ข้างรั้วบ้าน แต่ต้นสูงพอควร ทำหน้าไม่แน่ใจ
“สูงชะมัด” ไข่มุกมองสองคนร้ายที่เดินรุกเข้ามา “เอาไงดีเรา”
คนร้ายกระโจนเข้าหาตัว ไข่มุกใช้วิชาคิวบู๊ วิ่งขึ้นต้นไม้ไปตามกิ่งก้านต่างๆ อย่างว่องไว พอขึ้นไปสูงขึ้นมือกลับลื่น ก้าวพลาด หล่นจากกิ่งบนมากิ่งล่าง ก้นกระแทกกิ่งไม้แต่มือฉวยอีกกิ่งไว้ได้ทัน ตัวจึงห้อยต่องแต่ง มองสูงลงมาที่พื้นอย่างเสียว
“เฮ้ย เกือบเดี้ยงแล้วเรา”
คนร้ายมองตาม
“ปีนสิวะ เร็วเข้า ดึงมันลงมา”
“ปีนเร็วเป็นลิง จะทันได้ไงพี่”
ไข่มุกม้วนตัวกลับ จับกิ่งไม้ไว้แน่น โดดข้ามประตูรั้วเข้าไปในบริเวณบ้านได้ ร้องตะโกนให้คนช่วย
“ช่วยด้วย ขโมย ตำรวจมาแล้ว...ช่วยด้วย”
คนร้ายหันซ้ายขวาแล้วรีบหนี ไข่มุกมองตามแล้วถอนหายใจโล่งอก มองอย่างตกใจและตื่นกลัว
ทางด้านคีรินทร์เมื่อเข้ามาในห้องก็เจอนุชนารถนั่งหน้าเศร้า แต่แววตาเอาเรื่องในที คีรินทร์เห็นหน้าก็นึกรู้แต่ทำไม่สนใจ
“ต่อไป นุชคงไม่มีความหมาย ไม่สำคัญอะไรกับคุณอีกแล้ว ฮึบอกว่าแต่งเพราะคุณมณีกับคุณเขมทัตสั่ง แต่ที่เห็นวันนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ท่าทางคุณไม่เหมือนคนจำใจสักนิด มีแต่เอาใจผู้หญิงคนนั้นไม่ว่า”
“ผมก็ไม่ได้อะไรนักหนา แต่เขาเป็นลูกของเพื่อนรักพ่อ ถ้าไม่สนใจ เดี๋ยวพ่อก็จะว่าผมไม่ดูแลเขา นุชคิดมาก”
“นุชไม่ได้ตาบอดนะคะ เห็นตลอด เห็นหมดทุกอย่าง”
คีรินทร์พยายามตัดบท
“ไม่เอาน่า เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่”
“เห็นคุณไปอี๋อ๋อกับแม่นั้น ไม่รู้นุชจะทนได้นานแค่ไหน”
“คุณไม่เห็นต้องทน ก็อย่าไปรับรู้ อย่าไปเห็นซะ อย่าทำให้มีปัญหาไม่ใช่เรื่องใหญ่นะนุชจ๋า ดึกแล้วไปนอนเถอะ”
“ไม่ใหญ่สำหรับคุณ แต่มันใหญ่สำหรับนุช” นุชนารถสูดลมกลั้นใจพูด “แต่เพื่อคุณนุชจะพยายามไม่คิดมาก ตามที่คุณรินทร์บอก แต่...ขออะไรอย่างนึงได้ไหมคะ”
คีรินทร์มองหน้านุชนารถด้วยความสงสัย
วันต่อมาชลลดาสบตากับภัททิมาอย่างแปลกใจ ย้อนถามไข่มุกที่ยังมีสีหน้าไม่สบายใจ
“เกิดเรื่องหน้าบ้านชั้นเลยเนี่ยนะ”
“ค่ะ หนูตะโกนเรียกให้คนช่วยแทบตาย ไม่มีใครได้ยินสักคน”
“แกพกความซวยมาเยือนบ้านชั้นแล้วสิ เมื่อก่อนไม่เห็นเคยมี”
ภัททิมามองไข่มุกอย่างเหยียดๆ
“เจ้าหนี้แกหรือของแม่แกป่าว ยี้ อุ้มกันแบบนี้เลยหรอ”
ไข่มุกหน้าเสียปฏิเสธ
“ไม่ใช่แน่ หนูไม่มีศัตรูที่ไหน เจ้าหนี้แม่ก็ไม่โหดแบบนี้ มีโหดสุดก็...” ไข่มุกมองชลลดาแล้วหลบตา ชลลดาเขม่นตาปราม
“พูดให้ดีนะนังนี่ แต่ถ้าไม่ใช่พวกแก อืม หรืออาจเป็นสาวๆ ของนายคีรินทร์ เท่าที่รู้มา นายนั่นเพลย์บอยไม่ใช่เล่น มีสาวรอบตัวหรือจะคบพวกลูกสาวเจ้าพ่อ น่ากลัว ท่าจะหึงโหด”
ไข่มุกเหมือนจะเห็นคล้อยตาม
“ดีนะที่แม่ให้ไข่มุกปลอมเป็นลูกไก่ ไม่งั้นซวยตายชัก โดนอุ้มไป แล้วอาจโดน ปู้ยี่...”
ไข่มุกทำหน้าเหย่เก
“ปู้ยำ...โอยหนูว่าแล้วมันต้องจับผิดตัวแน่ ผัวหนูก็ยังไม่มีเหมือนคุณลูกไก่ จะมาโดนปู้ยำแทนคุณลูกไก่ได้ไง ไม่เอา หนูกลัว”
ภัททิมาหยิกไข่มุก
“ต๊าย นังบ้า แช่งกันหรอ แกจะแต่งแกก็ต้องโดน ไม่ใช่ชั้นยะแกโดนดีแล้วช่างหัวแก”
ไข่มุกแทบร้องไห้
“นี่ขนาดยังไม่แต่ง ยังมีอุ้มจะไปยำ ต่อไปไม่ปาดคอหนูเหรอ แล้วจะทำไงดีละคะคุณผู้หญิง”
ชลลดาที่เป็นกังวลแต่พูดปัดไป
“ต้องรีบแต่งให้เร็วสุดจะได้หมดปัญหา เข้าไปอยู่บ้านโน่นแล้วพวกนั้นเขาคงคุ้มหัวแกได้”
“ยิ่งเข้าก็ยิ่งโดนสิคะ คุณลูกไก่ไม่แต่ง คุณนายก็แต่งแทนแล้วกันบ้านเขารวยมาก หลังใหญ่กว่าบ้านนี้อีก จะได้โขกเขาถนัดๆ หนูลาคะ”
ไข่มุกไหว้ท่วมหัว คลานเข่าจะหนี แต่ก็ต้องหยุดด้วยเสียงชลลดาเข้ม
“แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น รับค่าสินสอดล่วงหน้ามาแล้ว หน้าตาก็เห็นกันไปแล้ว ห้ามเบี้ยว พวกนี้มันก็แค่ขู่ไม่ทำจริงหรอก”
ไข่มุกฟังอย่างยังไม่หายกลัว
“มันขู่แต่หนูเจ็บ ระบมยังไม่หายเลย”
“เอายาหม่องป้ายก็หาย ทำเรื่องมาก ไปทำงานบ้านได้แล้ว”
“แต่”
“อย่านะ อย่าให้ชั้นมีน้ำโห ขืนแกเบี้ยว นังวันดีได้ติดคุกแน่ เอามั้ย”
ชลลดาจ้องไข่มุกหน้าเหี้ยม ไข่มุกหน้ามุ่ย เดินออกจากห้อง แต่เดินมายังไม่ทันพ้นดีก็ได้ยินภัททิมาคุยกับชลลดา
“ให้มันแต่งไป แล้วจะหมดเรื่องจริงเหรอแม่ เรื่องนี้มันดูน่ากลัว”
ไข่มุกจากตาละห้อยกลายเป็นตาค้าง รีบแอบฟังต่อ ชลลดาดูวิตกแต่ไม่ถึงกังวล
“พวกนั้นมันอาจเอาจริงก็ได้ แต่ไม่เป็นไร อย่างมากนังไข่มุกมันก็ตายแทนไป พวกเราไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว”
ภัททิมาหัวเราะชอบใจที่มีคนรับเคราะห์แทน ไข่มุกฟังหน้าซีด บอกกับตัวเอง
“ตายแทน...ใครจะยอม อยู่ไม่ได้แล้วเรา”
คีรินทร์ขับรถเข้ามาในซอยบ้านชลลดาเจอไข่มุกหิ้วถุงใส่เสื้อผ้า เดินเร็วๆ จะสวนออกไปทางปากซอย คีรินทร์รีบจอดรถแล้วเปิดประตูขวางไว้ ไข่มุกหันไปเห็นเป็นคีรินทร์รีบคว้าถุงปิดหน้า ทั้งเบื่อและกลัวที่จะเจอ เร่งฝีเท้า บ่นกับตัวเอง
“โอ้ย ทำไมซวยตายชัก ชั้นไปทำเวรทำกรรมอะไรนักหนา ชาตินี้ถึงต้องมาเจอ”
คีรินทร์มองงงในท่าทีไข่มุก
“เห็นผมทำอย่างกะเห็นผี แล้วนี่จะไปไหน”
ไข่มุกส่ายหน้าแล้วเดินหนีต่อ ไข่มุกเดินเร็วจนก้นบิดไปบิดมา คีรินทร์หยุดมองอดขำไม่ได้จึงพูดแซว
“เอ้า ยักซ้าย ยักขวา ยักขวา ยักซ้าย เดินไปก็ยักคิ้วไป”
ไข่มุกหยุดกึก สีหน้าเจ็บใจแต่ไม่อยากตอแย รีบเอาถุงมาปิดก้นแทน เดินเร็วต่อ หน้ามุ่ยบ่นอุบ
“คนยิ่งไม่อยากงานเข้าอยู่ เจอหน้าทีไรซวยทุกที”
คีรินทร์เดินตาม
“คุณ ลูกไก่ เดี๋ยวสิ รีบไปไหน”
คีรินทร์คว้ามือไปจับต้นแขน ไข่มุกสะดุ้งยักไหล่หลบ
“เฮ้ย อย่า กลัวแล้วคะ”
คีรินทร์ยิ้มขำ
“กลัวอะไร ดูท่าเข้า เธอนี่แปลกๆ นะ เหมือนผีเข้าผีออก ฟังก่อนสิเดี๋ยว”
ไข่มุกสาวเท้าจะวิ่ง คีรินทร์เอื้อมจับไหล่ไว้ ไข่มุกสะดุ้งอีก ยักเท้าหนีเหมือนกระโดด ยกมือท่วมหัว ไข่มุกพูดปัดไป เบื่อโดนตอแย
“ปล่อยชั้นเถอะนะ ไข่...เฮ้ยไก่ เฮ้ยลูกไก่จะไปซื้อของใช้ ตรงนี้เองคุณมีธุระก็ไปที่ชอบที่ชอบ เฮ้ย ไปธุระของคุณเถอะ”
“วันนี้คุณเพี้ยนป่าว ผมจะพาคุณไปดูผ้า ผ้าปูเตียง เดี๋ยวซื้อผิดซื้อถูกไม่ตรงรสนิยมคุณจะว่าได้ เออ แล้วเราแยกห้องนอนกันดีมั๊ยต่างคนได้ส่วนตัว”
“ไม่ต้องแยกห้อง แยกกันไปเลยดีกว่า”
ไข่มุกไม่สน รีบเดินแกมวิ่งไป
“อ้าว วิ่งเลย ถามเรื่องแยกห้องแค่นี้ โกรธเลยหรอ ผู้หญิงเข้าใจยากจริงเว้ย”
ไข่มุกเดินมาเร็วๆ อย่างกลัวตาย และกลัวใครจะมาจับตัวไปอีก ไข่มุกหยุดนั่งที่ป้ายรถเมล์ด้วยอาการหอบเหนื่อย หันมองซ้ายขวาไม่เห็นคีรินทร์ก็ยิ้มดีใจ ถอนใจอย่างโล่งอก
“หายไปแล้ว ค่อยยังชั่ว อย่าได้ตามมาหลอกมาหลอนกันอีกเล้ย” ไข่มุกชะเง้อมองรถเมล์อีกทาง แต่มีคนสะกิด ไม่หันไปมองแต่ก็ปัดมือออก “อะไรเล่า รอรถเมล์อยู่เดี๋ยวขึ้นไม่ทัน”
ไข่มุกชะเง้อมองรถเมล์ คีรินทร์นั่งติดสะกิดไหล่
“ลูกไก่”
ไข่มุกตาตั้ง สะดุ้ง หันมองแล้วลุกหนี
“ตามมาทำไมอีก ชั้นไปทางนี้ คุณไปทางนั้น หรือทางนู๊น” ไข่มุกหลับตาชี้นิ้วสุดไกล “เลยก็ได้”
“วันก่อนยังยิ้มแย้มอยู่เลย วันนี้มาไล่เฉย เอาไงกันแน่”
ไข่มุกสุดจะทนตะโกนเสียงดัง
“อย่ามายุ่งกับชั้นได้ไหม”
คนรอรถเมล์หันมามองเป็นตาเดียวกัน คีรินทร์จะจับมือ ไข่มุกปัดมือ คีรินทร์ยื่นมืออีกข้างจะจับก็โดนไข่มุกเบี่ยงตัวหลบ ท่าทางเหมือนคิวบู๊หนังจีน คีรินทร์มองตาโต“เฮ้ย มีงี้ด้วยเหรอ”
“บอกแล้วไง อย่ายุ่งกับชั้น”
“เบาๆ ก็ได้ ไม่อายหรือไง คนเยอะแยะ”
ไข่มุกเริ่มฉุน
“ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่ง ชั้นจะร้องให้คนช่วย”
“กล้าร้องจริงอ่ะ”
“จริง”
คีรินทร์ทำหน้าหยามๆ
“แน่จริงก็เอาดิ เอาเลย”
ไข่มุกมองอย่างแค้นแล้วตะโกน
“ช่วยด้วยคะ ไอ้โรคจิต” ไข่มุกชี้ที่คีรินทร์ “จะจับชั้นขมขื่น เอ๊ย ข่มขืน ช่วยด้วยค๊า ใครก็ได้ช่วยที”
คนหันมามองคีรินทร์เป็นตาเดียว คีรินทร์หน้าเหวอนั่งไม่ติด
“เฮ้ย เอาจริงเหรอนี่”
ไข่มุกยักคิ้วอย่างสาแก่ใจ มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ผู้ชายร่างใหญ่ เริ่มเดินมาล้อมคีรินทร์ ไข่มุกรีบลุกไปหา
“พี่ๆ ช่วยหนูด้วย ให้เลิกตามหนูสักที”
คีรินทร์รี่เข้าไปใกล้ไข่มุก
“บอกเขาไปสิว่าเราเป็นแฟนกัน เดี๋ยวได้เกิดเรื่อง ไม่เล่นแล้วนะ” คีรินทร์รีบบอกพวกเตอร์มอไซค์ “เราเป็นแฟนกันครับ”
“ไม่จริง ไม่ได้เป็น”
“นี่คุณ หยุดเล่นสักที เราต้องร่วมทางกันแล้ว ทางชีวิตด้วย”
“ไม่เอา ชั้นไม่ร่วมกับคุณ ชั้นจะไปรถร่วมขสมก.”
ไข่มุกรีบเดินหนีออกไป กระโจนขึ้นรถเมล์ที่กำลังจะออกพอดี คีรินทร์จะตามแต่มีหนุ่มกล้ามใหญ่ขวางไว้ หลายคนเข้ามาล้อมคีรินทร์ คีรินทร์หน้าจ๋อย
“โรคจิตใช่ไหม ยิ่งคันไม้คันมืออยู่”
หนุ่มๆ ตะลุมบอนคีรินทร์
“อย่า ผมไม่ใช่โรคจิต โอ๊ย”
ทั้งมือทั้งเท้าเข้ามายำคีรินทร์ จนทุกอย่างดับมืดลง
คีรินทร์นั่งอยู่ในห้องรับแขกบ้านชลลดาเอาสำลีชุบยาแต้มตามปากที่บวมฉึ่ง ตาเขียว นั่งละห้อยเหนื่อยอ่อน ชลลดานั่งมองอย่างสยองแทน
“น้าว่าคงเข้าใจอะไรกันผิดสักอย่าง ผู้หญิงก็แบบนี้ คุณอย่าถือเลยนะ”
“เขาจะรีบไปไหนครับ ถึงทำกับผมขนาดนี้”
ชลลดาอึกอัก
“คือ โยคะคะ รีบไปเล่นโยคะ เขาวอร์มร่ายกายด้วยการเดินเร็ว วิ่งเร็ว ถึงที่จะได้ไม่เสียเวลาอุ่นร่างกาย”
“แต่เขาบอกผมจะไปซื้อของ”
“ของใช้สำหรับเล่นโยคะมั้ง เห็นบ่นว่าเบาะรองเล่นขาดหมดแล้วเขาคงรีบ กลัวไม่ทันครูสอน อย่าไปใส่ใจ
เดี๋ยวก็กลับมาเองคะ”
คีรินทร์งงยังไม่หายสงสัย
“แล้วทำไม ถึงทำท่าเหมือนกลัวๆ ผมยังไงไม่รู้”
ชลลดาส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกคะ อย่าคิดมากสิคะคุณคีรินทร์เดี๋ยวกลับมาน้าจะอบรมให้ และให้มาขอโทษคุณนะคะ”
“ผมขอเบอร์มือถือเขาหน่อย อยากคุยให้รู้เรื่อง”
ชลลดาสั่นหัว ยิ้มแห้งๆ
“ไม่มีคะ”
คีรินทร์เริ่มหัวเสีย เสียงแข็ง
“ไม่มีได้ไงครับ”
“คือ เขาลืมเอามือถือไป”
คีรินทร์นิ่งไปแล้วถามเสียงหนัก
“ผมรู้แล้ว เขาไปหาผู้ชายอีกคนใช่มั้ย ถึงได้ช่วยปิดกันนัก”
ชลลดาอึ้ง ตาค้าง
ที่บ้านวันดี วันดีนั่งแทะเม็ดแตงโมมองไข่มุกที่บ่นไปร้องไห้ไป
“ถึงแม่จะไล่ยังไง มุกก็จะไม่กลับไปบ้านโน่นเด็ดขาด แม่รู้มั้ย พวกนั้นจะให้มุกไปตายแทนเขา ไอ้สองคนนั่นน่ะ มันดักอุ้มเลยนะแม่ ดีว่าหนีมาได้”
วันดีถุยเม็ดแตงทิ้ง ปัดถุงอย่างไม่สบอารมณ์
“แกก็ไม่ระวังตัวเอง รู้อยู่แล้วว่ารอบตัวเรา มันก็อันตรายทั้งนั้น”
“เล่นเป็นสตั้นว่าเสี่ยงตายแล้วนะ แต่เล่นแต่งงานเนี่ย ก่อนตายยังจะโดนปู้ยำอีก มิน่าคุณลูกไก่ลูกเป็ดบ้านนั้น ถึงไม่กล้าแต่งงานกับนายคีรินทร์ เพราะรู้ว่าต้องโดนสั่งเก็บนี่เอง”
“บ่นอยู่นั่น รู้แบบนี้แกก็ระวังตัวสิ จะมีผัวรวยมันก็ต้องสู้ จะเอาผัวทั้งแก่ทั้งจนอย่างไอ้เม่นมั้ย เอามั้ย ง่ายดี”
ไข่มุกเหวอที่แม่ไม่เข้าข้าง ไม่ห่วงเธอเลย แทบหมดอาลัย
“ใจแม่จะส่งชั้นไปตายเหรอ มันมีเรื่องอื่นอยู่เบื้องหลังงานแต่งนะแม่”
“แกมันดูหนังมากไป เว่อร์ไม่เข้าเรื่อง นึกว่าเป็นฉากเด็ดสิวะ นางเอกมันต้องเสี่ยง ถึงได้รางวัลเป็นโล่เป็นถ้วย แต่นี่มันของจริงนะวุ้ย ได้รางวัลเป็นเงินเป็นทอง เป็นลูกสะใภ้บ้านเศรษฐี”
“ชั้นไม่อยากเป็นางเอก ชั้นอยากเป็นตัวประกอบ”
“นังโง่เอ้ย แกเห็นกองเงินกองทองอยู่ข้างหน้าแล้วจะหันหนีได้ไง ต้องลุยไปหยิบมันมาให้ได้ แกกลับไปเลยนะ รีบไปหานังคุณนาย”
“แม่”
“ถ้าไม่ไป ชั้นจะลากแกไปส่งบ้านนั้นเอง”
ไข่มุกน้ำตาร่วงพรู ทั้งเสียใจที่แม่ไม่ห่วง ทั้งกลัวตายที่ต้องกลับไปแต่งงาน
ไข่มุกกลับเข้าห้องนั่งดูหนังเกาหลีกำลังภายในที่จินจูแสดงอีก ขณะนั้นจินจูกำลังต่อสู้เพื่อช่วยลูก
“ลูกคือชีวิตของชั้น ไม่ว่าใคร ก็ทำร้ายเขาไม่ได้” จินจูในจอทีวีบอก
ไข่มุกดูหนังไป ปาดน้ำตาไป ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“จินจู ทำไมแม่หนูถึงไม่สู้เพื่อลูกอย่างคุณ”
อีกด้านหนึ่งที่เกาหลี จินจูกำลังเดินทางไปสนามบิน จินจูเดินลงมาที่ห้องโถงซึ่งแทยอนยืนอยู่ ยูรี แม่บ้านของจินจูยกกระเป๋าเดินทางตามหลังแล้วยกออกไปนอกบ้าน
“สุขภาพคุณยังไม่ดี ไม่ต้องมาส่งชั้นก็ได้คะ”
แทยอนสบตาจินจูหน้าเศร้า
“จะไปกี่วัน”
“งานมีกำหนดแค่สามวัน แต่อาจจะอยู่ต่อ”
แทยอนสบตาจินจูร้อนใจ
“จินจู ที่นั่น...”
“ทำไม คุณจะพูดอะไร” แทยอนอึ้ง จินจูบอกอย่างขมขื่น “คุณบอกชั้นตลอด ว่าทุกอย่างเป็นอดีต แล้วทำไมวันนี้ คุณถึงยังกลัวอดีต”
“ชั้น”
จินจูสบตาแทยอนแล้วยิ้ม
“อีกสามวัน เจอกันค่ะ”
จินจูเดินตัวตรงออกไป แทยอนมองตามแล้วตัดสินใจตามไปอย่างเป็นห่วง
“จินจู”
จินจูเปิดประตูจะก้าวลงบันได แทยอนตามมาเรียกไว้
“จินจู”
จินจูไม่ฟังเสียงจะก้าวลงบันได แทยอนรีบเดินมาแต่สุขภาพยังไม่ดีเลยเซจะล้ม
“โอ๊ย”
จินจูได้ยินเสียงร้องก็หันมามองอย่างตกใจ ขาเลยก้าวพลาด ล้มลงตกบันได ยูรีร้องกรี๊ดอย่างตกใจ ห่างไปเห็นปาปารัสซี่ที่แอบอยู่ รีบถ่ายรูปไว้
ส่วนที่เมืองไทยวันดีพาไข่มุกมาส่งที่บ้านชลลดา ไข่มุกนั่งหน้ามุ่ยที่โดนบังคับให้กลับบ้านชลลดา ชลลดาส่งสายตามองไข่มุกอย่างไม่พอใจ
“นี่ถ้าไม่พาตัวกลับมา ชั้นเอาเรื่องแน่ มีอย่างที่ไหน เอะอะก็หนีกลับ จะฉีกสัญญากันเหรอ แถมยังก่อเรื่องสารพัดจนคีรินทร์โดนรุมอัดซะหน้าปูด ดีนะที่เขาไม่เอาเรื่อง”
ไข่มุกหน้าจ๋อย วันดีจึงพูดย้อนให้
“นั้นแค่เดี้ยง ใส่ยาก็หาย นังมุกนี่สิคะของจริง อยู่ดีๆ โดนคนร้ายอุ้มเป็นตายเท่ากัน หัวอกแม่จะขาดใจตายซะให้ได้ ชั้นไม่เอาด้วยแล้วเลิกให้หมด ไหนบอกแค่แต่ง แต่เนี่ยจะตาย”
ไข่มุกยิ้มมองแม่ ไม่อยากจะเชื่อ
“เลิกได้ไง เงินแกก็รับไปหมดแล้ว ชั้นไม่ปรับพวกแกฐานก่อเรื่องก็บุญโข”
“งานสองเด้งแบบนี้ ทั้งแต่งทั้งตาย เงินที่ให้มันไม่คุ้มหรอกคะ ชั้นขอเพิ่มอีกสองหมื่น เผื่อค่าทำศพนังมุก”
วันดีบอกเสียงเข้ม ชลลดาแทบสะอึก ไข่มุกหุบยิ้มแทบไม่ทันมองวันดีตาค้าง
“งานศพที่ไหนแพงแบบนั้น อีกอย่างจะเจอศพหรือป่าวก็ไม่รู้ห้าพันก็ถมไปแล้ว”
วันดีเห็นมีแต้มต่อ ดึงแขนไข่มุก
“ห้าพัน! งั้นชั้นก็ขอลาละคะ ไปนังมุก กลับบ้าน”
วันดีทำท่าจะลุก ชลลดาอึกอัก
“แปดพันแล้วกัน สุดๆ”
“หมื่นห้า ขาดตัว ต่ำกว่านี้คุณนายก็ไปหาคนอื่นเถอะ”
ชลลดาเห็นวันดีเอาจริงก็กลัวจะเสียเรื่อง กลั้นใจรับ
“หมื่นห้าก็ได้ ชั้นให้แค่ห้าพันวันนี้ อีกหมื่นนึง หลังแต่งค่อยมารับ” ชลลดาเห็นวันดีจะโวยจึงรีบบอก “ไงต้องกันไว้ก่อน เดี๋ยวแกเบี้ยวอีก ถ้าไม่เอาก็กลับไปขายส้มตำทั้งแม่ทั้งลูก ชั้นหาคนใหม่ก็ได้ มีเยอะแยะ”
“ห้าพันก่อนก็ได้”
ไข่มุกมองวันดีที่ยิ้มดีใจขณะรับเงินอย่างเศร้ามาก ชลลดานับแบงก์พัน ส่งให้ทีละใบ นับไปก็ดีดไปเผื่อแบงก์ติดกัน
“สองพัน...สามพัน...สี่พัน” ไข่มุกหน้าเศร้ามาก มองอย่างทนไม่ไหว ลุกออกไปจากห้อง ชลลดาชักแบงก์พันสุดท้ายไว้ “อ้าว จะหนีอีกแล้ว”
วันดีรีบฉวยแบงก์พันจากมือชลลดา
“ไม่หนี ไม่ต้องห่วง ให้มันทำใจหน่อย นังมุกเป็นเด็กกตัญญูยังไงก็เชื่อที่ชั้นสั่ง”
ไข่มุกหลบมานั่งร้องไห้เพราะน้อยใจในสวน เสียใจที่แม่เห็นเงินสำคัญกว่า คีรินทร์ที่หน้ายังมีรอยโดนซ้อมอยู่ เดินเข้ามา ไข่มุกเห็นใบหน้าคีรินทร์ก็นึกเห็นใจแต่ก็ทำเฉยหันหน้าไปอีกทาง
“มามาดไหนอีกล่ะแม่คุณ วันก่อนพึ่งเล่นคิวบู๊ไปหยกๆ วันนี้เป็นดอกโศกเชียว ดราม่าไปรึเปล่า”
ไข่มุกส่ายหน้า
“วันนั้นถ้าคุณเชื่อชั้น ก็คงไม่เจ็บแบบนี้ ขอโทษแล้วกัน ไม่ได้ตั้งใจ”
คีรินทร์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ไข่มุกรับมาเช็ดแล้วสั่งน้ำมูกจะส่งคืน คีรินทร์มองอย่างทำหน้าไม่ถูก
“เก็บไปเถอะ เอาไปเลย ชั้นให้ แต่ที่เธอร้องไห้”
“บางเรื่องพูดไปก็เท่านั้น เดี๋ยวว่าน้อยใจอีก คือชั้นเสียใจที่...”
คีรินทร์ทำท่านึกออก
“ที่ชั้นบอกว่าเราจะแยกห้องนอนกันหรอ” คีรินทร์ยิ้มเอาใจ “ไม่เอาน่า งั้นจุ๊บขอโทษแล้วกัน”
คีรินทร์โอบไข่มุกที่ไม่ทันระวังตัว จุ๊บที่แก้มหนึ่งที ไข่มุกรีบรั้งตัวออกมองค้อน
“คุณนี่ คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่”
ภัททิมาเดินมาร้องเรียก
“นังไข่มุก”
คีรินทร์หันไปมอง หันถามไข่มุก
“เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ”
ไข่มุกหน้าเสีย คีรินทร์มองกลับไปก็สบตากับภัททิมาที่มองมาอย่างอึ้งๆ ทึ่งในความหล่อ เท่ ของเขา
มายาสีมุก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา ทุกคนนั่งอยู่ภายในห้องรับแขกบ้านชลลดา คีรินทร์นั่งข้างไข่มุกที่มีสีหน้าเซ็งชีวิต ภัททิมายิ้มมองคีรินทร์อย่างถูกใจ ชลลดาทำท่าอึกอักแก้เก้อแนะนำภัททิมา
“หลานสาวน้าเองค่ะ ชื่อไข่มุก พี่ชายเขาชื่อพิพัฒน์ แต่วันนี้ไม่อยู่ รู้จักกันไว้ ต่อไปก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ภัททิมายิ้มยั่วยวน ไหว้คีรินทร์อย่างนอบน้อม
“ได้ยินชื่อคุณรินทร์มานาน มาเจอตัวจริงก็วันนี้เอง ลูกไก่เอ๊ย ไข่มุก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
“ตื่นเต้น เลยพูดผิดพูดถูก”
“อ้อ ครับ ยินดีครับ” ไข่มุกมองภัททิมาอย่างงงๆ คีรินทร์ก็มองแปลกในท่าทีของภัททิมา “งั้นตกลงวันแต่ง ทานข้าวกันธรรมดาที่โรงแรมผมแล้วกันนะครับ ผมก็ไม่ได้เชิญใคร เอาตามที่คุณน้าว่า”
“ดีแล้วคะ สิ้นเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ เก็บเงินไว้ให้หนูลูกไก่ดูแลดีกว่า รับรองเก็บได้ทุกสตางค์ จริงไหมจ๊ะลูกไก่”
ไข่มุกหน้าแหย มองชลลดาที่ยิ้มหวานให้แต่สายตาดุ คีรินทร์ยิ้มบอกไข่มุก
“ที่จริงเปลี่ยนใจได้นะ ปิดโรงแรมเลี้ยง เชิญแขกสักพัน พวกเพื่อนๆ เธอ จะได้มางานด้วยไง นะ”
ไข่มุกดูเนือยๆ เศร้า ตาตก เสียงอ่อย
“ไม่ต้องหรอกคะ จะเล็กจะใหญ่ก็ค่าเท่ากัน ยังไงก็ไม่พ้น”
คีรินทร์เห็นไข่มุกสีหน้าเศร้าจนผิดสังเกตก็คิดเอาใจ
“โอเค ตามใจ” คีรินทร์จับมือไข่มุก “ขออนุญาตคุณน้านะครับ ผมจะพาลูกไก่ไปซื้อของเตรียมไว้วันงาน ไป...”
ไข่มุกจะดึงมือกลับ แต่ชลลดามองมาอย่างปราม ภัททิมายิ้มดีใจ
“เย้ ดีเลยคะ งั้นไปด้วย ไปพารากอนแล้วต่อด้วยเซ็นทรัลเวิร์ล”
“ไว้วันหลังนะครับ วันนี้ผมอยากอยู่กับแฟนสองคน ขอตัวนะ”
ภัททิมาหน้าเจือน มองคีรินทร์ที่จูงไข่มุกออกไป ไข่มุกหันกลับมามองภัททิมาค้อนให้อย่างอิจฉา ได้แต่มองคีรินทร์อย่างติดใจ พอสองคนพ้นก็หันมาโวยใส่ชลลดา
“แม่นะแม่ ทำไมไม่บอกว่าคีรินทร์ทั้งหล่อทั้งเท่แบบนี้ ทีนี้หนูจะทำไง ไม่ยอมนะ จะเอา” ชลลดางง
“อ้าว”
พอออกจากบ้านชลลดา คีรินทร์ขับรถไปหันมองไข่มุกที่นั่งหน้าเศร้า
“อาการนี้เมื่อไรจะหาย ถึงเรายังไม่รักกัน แต่ต่อไปก็ต้องแต่ง ต้องอยู่ด้วยกันแล้ว มีเรื่องไร เธอบอกชั้นได้”
ไข่มุกมองคีรินทร์เหมือนคิดอะไรแต่ก็นิ่งไม่ตอบ คีรินทร์หันมาจะหอมแก้ม ไข่มุกเอียงตัวหลบ
“จะทำอะไร เดี๋ยวก็รถชนตายหรอก นี่เหรอคนที่จะอยู่ร่วมกัน ชั้นจะไว้ใจคุณได้ไง นี่ขนาดยังไม่แต่ง อยู่ใกล้ไม่ได้เลย เปลืองตัวชะมัด”
“เปลืองที่ไหน มีแต่ได้กับได้ ได้จุ๊บน่ะ ไม่ชอบหรอ” คีรินทร์ยิ้มอย่างหล่อหันมามอง “แต่ถ้าจูบไปขับไป มันไม่ปลอดภัย ห้ามจูบขณะขับ งั้นเดี๋ยวหาที่จอดแล้วจูบให้สุดๆ ไปเลย”
“คนอะไร หื่นได้ตลอดเวลา”
ไข่มุกทั้งเขินทั้งเอือม หันตัวหลบมองข้างทางแต่ตาเหลือบเห็นคีรินทร์สะท้อนในกระจกทำท่าจุ๊บแก้มอย่างน่ารัก ไข่มุกเอามือปิดตาตัวเองไม่อยากมอง คีรินทร์เอามือจิ้มเอว ไข่มุกสะดุ้งแล้วปัดออกรีบปิดตาต่อ คีรินทร์ได้แต่ยิ้มขำ ไม่รู้ตัวว่าเผลอใจไปแล้ว
คีรินทร์ยิ้มขับรถอย่างอารมณ์ดี โดยไม่รู้ว่าคนร้ายสองคนซ้อนกันขี่มอเตอร์ไซด์ตาม
ที่บ้านชลลดา ชลลดาต่อว่าภัททิมาอย่างเจ็บใจเหมือนกัน
“อย่ามาโทษแม่นะ เราเองแหละใจร้อน แทนจะเจอคีรินทร์แล้วค่อยตัดสินใจ ดันปฎิเสธไม่เอาท่าเดียว แล้วเป็นไงล่ะ นังไข่มุกเอาไปกินเลย มาโวยตอนนี้ สายไปแล้วย่ะ”
“ไม่เห็นสายเลย ก็โกหกไปว่าเราลองใจหรืออะไรก็ได้”
“พูดเป็นเด็กๆ ขืนทำจริง บ้านนั้นได้โกรธตาย คุณเขมทัตกับคีรินทร์ต้องรู้ว่าเราดูถูกเขา คราวนี้นอกจากจะไม่ได้สินสอดเกือบสิบล้านแล้ว ยังต้องใช้หนี้เก่าให้เขาด้วยแถมต้องโดนโขกหนี้กลับแน่ ทบดอกอีก”
ภัททิมาหน้างอ
“แหม แต่”
“แล้วพิพัฒน์ล่ะ จะเอาไว้ไหน”
“โอ๊ย นั่นน่ะลูกไก่ในกำมือ เฉดหัวไปเมื่อไหร่ก็ได้”
ชลลดามองค้อนภัททิมา
“เรานี่ทำแม่ปวดหัวจริงๆ” ชลลดานิ่งคิด “อยากแต่งก็ได้ แต่ต้องรอไปก่อน”
“ทำไมต้องรออ่ะ ไม่ชอบรอนี่”
“อยากตายหรือไง ตอนนี้มีคนจ้องเล่นเจ้าสาวของคีรินทร์อยู่ ต้องปล่อยให้นังไข่มุกเป็นตัวล่อไปก่อน”
“งั้น ถ้านังไข่มุกโดนฆ่าตายเมื่อไหร่ ลูกไก่ก็สวมรอยแต่งกับคุณคีรินทร์อีกที แผนการอะไรมันช่างวิเศษสุดขนาดนี้คะแม่”
ชลลดายิ้มในแผนของตน
“กินสองต่อ แม่ก็ได้เงิน หนูก็ได้ผัวอีกคน ว่าแต่เห็นหน้าเขาครั้งเดียว อาการหนักขนาดนี้เชียวหรอ”
ภัททิมาเขินบิดมือไปมา
“ทั้งหล่อ ทั้งเท่ระดับเทพซะขนาดน้าน” ภัททิมายกมือลูบปาก “เช็ดปากเกือบไม่ทัน น้ำลายแทบหยด อิอิ”
ภัททิมาหัวเราะชอบใจ ชลลดาก็หัวเราะไปด้วยแต่หน้าเหมือนจะร้องไห้ในความซ่า ก๋ากั่นของลูกสาว
อ่านต่อหน้า 2
คีรินทร์ขับรถมาจอดรถที่เปลี่ยว ไข่มุกมองอย่างตกใจ
“จอดรถทำไมคะ นี่คุณจะทำจริงหรอ จะหื่นข้างทางเนี่ยนะ”
“ไม่อดอยากปานนั้น ที่จอดเพราะอยากรู้ว่าเธอร้องไห้เพราะหึงหรือโกรธชั้นใช่มั้ย”
“ไม่ได้หึง ไม่ได้โกรธ แต่มันเครียด ชั้นเหนื่อย อึดอัดหลายเรื่อง โอย ไม่รู้จะบอกไงดี”
คีรินทร์ดึงไข่มุกเข้ามาใกล้ สองคนสบตากัน คีรินทร์ทำตาเซ็กซี่ น้ำเสียงนุ่มนวล
“ชั้นมีวิธีคลายเครียด รับรองผลโดยผู้เชี่ยวชาญแห่งปารีส หายเครียดกันมาเยอะแล้ว แบบนี้ไง”
คีรินทร์จูบที่ริมฝีปากไข่มุก ไข่มุกตาค้าง รั้งตัวออก
“เราไม่ได้รักกันแล้วจูบกันได้ไง”
“ได้สิ จูบกันไป เดี๋ยวก็รักกันเอง ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นอีกที”
คีรินทร์ดึงไข่มุกมาใกล้สบตาอย่างหวาน ไข่มุกดันคีรินทร์เบาๆ แต่ตาก็มองคีรินทร์เหมือนค้นหาอะไรบางสิ่ง
“คุณคงรักผู้หญิงหลายคน”
“กำลังเริ่มหึงชั้นเหมือนผู้หญิงคนอื่นแล้วสินะ”
ไข่มุกไม่กล้าบอกความจริง
“ไม่ใช่ ชั้นจะอกแตกตายอยู่แล้ว โอย จะบอกไงดีเนี่ย”
คีรินทร์มองไข่มุกงงๆ
ขณะนั้นคนร้ายที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามคีรินทร์มากำลังพูดโทรศัพท์มือถือ
“ได้ครับ สั่งสอนแต่ไม่ตาย”
คนร้ายวางสาย มองไปยังรถคีรินทร์ด้วยสีหน้าเหี้ยมๆ
ไข่มุกหันซ้ายขวาเห็นที่เปลี่ยวก็รู้สึกกลัว คีรินทร์คอยแต่จะโอบกอด
“ไปเถอะคุณ แถวนี้เปลี่ยวจะตาย”
“เปลี่ยวสิดี ได้จูบกันถนัด”
รถมอเตอร์ไซด์แล่นชนท้าย ไข่มุกสีหน้าตกใจ คีรินทร์ร้องสั่ง
“คุณอยู่บนรถนะ” คีรินทร์ลงจากรถมาดูท้ายรถที่โดนชน “ขับรถยังไง รถจอดอยู่มาชนได้”
เสียงคนร้ายอีกคนมาทางด้านหลัง
“ก็ชนแบบนี้ แล้วจะทำไม”
คีรินทร์หันไป คนร้ายพุ่งหมัดเต็มหน้าคีรินทร์เซไป คนร้ายจะเข้าซ้ำ คีรินทร์จับมือไว้ยื้อแย่งกันไปมา คนร้ายอีกคนเดินไปเปิดประตูรถด้านไข่มุกจะดึงตัวลงมา ไข่มุกดึงประตูกลับ รั้งเอาไว้ พอเห็นหน้าคนร้ายก็นึกได้
“พวกแกเอง ชั้นจำได้ โผล่มาอีกแล้ว”
“ไม่ต้องพูดมาก คราวนี้เธอตายแน่”
ไข่มุกงับประตูอย่างเร็วแล้วล็อคกลอน ปีนมาด้านคนขับ รีบลงมายืนหลังชนหลังคีรินทร์ คนร้ายสองคนประจันหน้ากันเข้ามา ไข่มุกหันบอกคีรินทร์
“สองต่อสองยังพอไหว ลองดูสักตั้งนะ”
คีรินทร์มองไข่มุกที่กำหมัดขึ้นมา ใจก็คิดสู้ตาม พยักหน้ารับ
“เอา เอาไงก็เอากัน ลงมาทำไมไม่รู้ คงสู้มันได้หรอก”
คนร้ายออกหมัดตรงเข้าหน้า คีรินทร์หลบแล้วเตะกลับคนร้ายล้ม คนร้ายอีกคนเข้ารวบตัวไข่มุก ไข่มุกพลิกตัวหลบมายืนหน้าคีรินทร์แล้วมือสองข้างจับไหล่คีรินทร์ให้หันกลับไปสู้ คีรินทร์สวนหมัดตรงเข้าหน้าคนร้ายหงายหลังไข่มุกยิ้มชม ตบไหล่คีรินทร์
“เจ๋งไปเลย หมัดตรงแบบนี้ ใช้ได้”
คนร้ายลุกขึ้น ตรงรี่เข้ามาด้านหลังไข่มุก คีรินทร์เห็นก่อน
“ระวัง ข้างหลัง”
ไข่มุกหันไปมอง คีรินทร์รีบกดหัวไข่มุกให้นั่งลง คนร้ายชก คีรินทร์หลบ คนร้ายเสียหลักจะนั่งคร่อมไข่มุกที่นั่งยองๆ อยู่ ไข่มุกหลับตาปี๋ออกหมัดสวนเข้าเต็มเป้า คนร้ายร้องเสียงหลง กุมที่เป้า ขาอ่อนล้มลงอย่างเจ็บปวด
“โอ๊ย จะเป็นหมันมั้ยเนี่ย”
ไข่มุกสะบัดมือ
“ใช้ได้ เดี้ยงไปเลย”
คีรินทร์บอก จังหวะนั้นตำรวจขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านมา ไข่มุกเห็น รีบร้องเสียงดัง
“ช่วยด้วยคุณตำรวจ ทางนี้คะ จับไปเลย โจรอยู่ทางนี้คะ”
คนร้ายรีบบึ้งมอเตอร์ไซด์หนีไปได้ ตำรวจสอบถามคีรินทร์
“เป็นไงบ้างครับ”
คีรินทร์หน้าเหย่
“ไม่เท่าไรครับ แต่...” คีรินทร์คลำดูกระเป๋ากางเกง “กระเป๋าตังค์ผม”
คีรินทร์พาไข่มุกมาที่บ้าน นุชนารถทำแผลที่คิ้วให้คีรินทร์อย่างทะนุทะนอม ไข่มุกมองด้วยสายตาเป็นห่วง เขมทัต มณีมองอย่างไม่น่าเกิดเรื่อง พอปิดพลาสเตอร์เสร็จก็ยิ้ม
“ไม่กี่วันก็หายคะ ยานี่ดี แผลจะหายสนิทเร็ว สำคัญอย่าให้โดนน้ำนะคะ” นุชนารถเห็นไข่มุกจับที่ข้อศอกที่ถลอก ก็ทำเป็นจะเข้าไปทำแผลให้ “ให้ดูหน่อยสิคะ เป็นมากไหม”
นุชนารถแกล้งจับข้อศอกไข่มุกอย่างแรงแล้วดึง
“โอ้ย”
นุชนารถทำหน้าตกใจ
“อุ้ยโทษทีคะ เจ็บเหรอ งั้นใส่ยาเองแล้วกัน เดี๋ยวจะเจ็บอีก”
นุชนารถยื่นยาใส่แผลให้ แสร้งทำหน้าเห็นใจ แต่สายตาไม่เป็นมิตรจนไข่มุกรู้สึก
“แค่ชิงทรัพย์ ทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้”
“คนเดี๋ยวนี้ แค่เงินไม่กี่ร้อยก็ฆ่ากันตายแล้ว ลูกต้องระวังมากกว่านี้นะรินทร์ แม่เห็นแล้วใจคอไม่ดีเล้ย”
คีรินทร์ลุกมากอดมณี
“ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับแม่ นิดหน่อยเอง พรุ่งนี้ก็หายแล้วแม่อย่ากังวลมาก เดี๋ยวไม่สบาย ถือว่าฟาดเคราะห์ ดวงไม่ดีก็ให้มันไป”
“คุณรินทร์ไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้ เพิ่งมีตอนจะแต่งงานนี่แหละ” นุชนารถมองไข่มุก “ดวงสองคนจะชงกันรึเปล่าคะ ยังไม่แต่งยังแรงขนาดนี้ นี่เขาเรียกดวงมารนางกาลี”
ไข่มุกหน้าจ๋อย รู้ว่านุชนารถหมายถึงใคร มณีฟังอย่างคล้อยตาม
“ที่นุชพูดก็มีส่วนถูก เอาอย่างนี้” มณีมองไข่มุก “เอาวันเดือนปีเกิดเธอมา ชั้นจะไปให้หมอเขาผูกดวงดูสิ”
ไข่มุกอึกอัก
“วันเดือนปีเกิดหรอคะ คือ...หนู...”
“หนูอะไร อย่าบอกนะว่าจำวันเกิดตัวเองไม่ได้ แบบนี้จะไปทำอะไรกิน มิน่า เรียนจบมาถึงต้องอยู่บ้านเฉยๆ”
“แม่ครับ วันเดือนปีเกิดไม่สำคัญอะไรหรอก ผูกดวงมา ถ้าไม่ตรงกัน พ่อจะยกเลิกงานแต่งเหรอ”
เขมทัตส่ายหน้า
“ยังไงก็เลิกไม่ได้ มาถึงขนาดนี้แล้ว ใจเย็นก่อน ผมรู้ว่าคุณกำลังเครียดที่ลูกโดนมาแบบนี้ แต่อย่าพึ่งมาซักไซ้อะไรตอนนี้เลย”
“ไม่รู้หละ เพื่อความสบายใจของชั้น ลูกทั้งคนจะปล่อยให้ใครมาฉุดดวงได้ไง” มณีมองไข่มุก “ไหนบอกมาสิเธอเกิดวันอะไร จำไม่ได้ก็เอาบัตรประชาชนมา ชั้นจดเองก็ได้”
ไข่มุกอึ้งหน้าเสีย คีรินมองอย่างเห็นใจ
“เออ...บัตรหนู...”
“อ้ำอึ้งอยู่นั่น มีความลับอะไร หรือแอบไปจดทะเบียนกับใครก่อนแล้ว”
“เปล่าค่ะ ไม่เคยมี ไม่เคยจด” ไข่มุกรีบบอก
“กระเป๋าสะพายเขาโดนพวกนั้นเอาไปด้วยครับแม่ พวกบัตรอะไรคงอยู่ในนั้นหมด ไม่เป็นไรครับแม่ ผมไม่ถือเรื่องดวง”
ไข่มุกอึ้งมองคีรินทร์ที่ช่วยพูด
“ผมเห็นด้วยกับลูก ดวงไม่สำคัญเท่าการกระทำ รินทร์ พ่อว่าเราไปส่งหนูลูกไก่กลับบ้านก่อนดีกว่า เดี๋ยวคุณชลลดาจะเป็นห่วง เหนื่อยมาทั้งวันแล้วด้วย จะได้พักกัน”
“ครับ”
มณีมองไข่มุกที่หน้าจ๋องหลบสายตาอย่างขัดใจ แต่ไม่กล้าโวยเพราะเกรงเขมทัต
นุชนารถยิ้มเยาะไข่มุกเป็นเชิงบอกฝากไว้ก่อน
ขณะเดียวกัน ที่ประเทศเกาหลีใต้ จินจูซึ่งใช้ไม้พยุงช่วยเดิน กำลังเดินกระเผลกเข้ามา เพราะข้อเท้าใส่เฝือกอ่อนไว้โดยมีแทยอนช่วยประคอง
“ดีกว่าแค่เดาะ ไม่ถึงหัก ชั้นทำให้เธอต้องเจ็บหลายครั้งจริงๆ”
“อุบัติเหตุ ช่างเถอะคะ”
“แจ้งทางเมืองไทยไปรึยัง”
“ค่ะ ขอเลื่อนไปไม่มีกำหนด”
แทยอนยิ้มนิดๆ อย่างดีใจ จินจูมอง
“ไม่ปฎิเสธว่าชั้นแอบดีใจที่เธอไปไม่ได้ ยอมรับว่ากลัว” แทยอนบอก
“เจ้าพ่อวงการภาพยนตร์ของเกาหลีอย่างแทยอน เคยกลัวอะไรที่ไหน”
“กลัวคนที่อยู่ตรงหน้านี่ไง ชั้นกลัวใจเธอ”
“งั้นก็คงสมใจคุณ เพราะชั้นไปไหนไม่ได้อีกนาน ไม่ว่าเมืองไทยหรือที่ไหน”
จินจูดูเศร้าเมื่อพูดถึงและคิดถึงเมืองไทย แทยอนมาจับมือเธอ
“เราจะเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย”
จินจูยิ้มทั้งน้ำตา
“แผลบางอย่าง ก็ลึกเกินกว่าจะลบให้หายได้คะ”
จินจูสบตาอย่างขมขื่น เย็นชา แทยอนอึ้ง หน้าเสีย
ส่วนที่เมืองไทย ไข่มุกยืนมองตัวเองที่อยู่ในชุดแต่งงานขาว สั้น สวยน่ารัก จนตัวเองก็แอบเผลอยิ้มกับความน่ารักในกระจก ภัททิมาเดินเข้ามองอย่างอิจฉา ไข่มุกมองไปเห็นก็หุบยิ้ม
“ปลื้มจนหน้าจะล้นออกมาแล้วสิยะ พอแต่งออกมาก็พอดูได้ ถึงว่าคีรินทร์มาหาบ่อย เสร็จกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วสิ”
ไข่มุกสั่นหัวยิก
“ยังไม่เสร็จ หนูไม่เอาผัวก่อนแต่งหรอกคะ”
ภัททิมาแทบกรี๊ด
“นี่แกว่าชั้นหรอนังมุก ไม่ต้องโกหก ถ้าไม่เอาตัวจับ อย่างคีรินทร์เหรอจะยอมแต่งกับเธอ อ้อไม่ใช่สิ เขาแต่งกับเธอเพราะคิดว่าเธอเป็นชั้น พ่อชั้นกับพ่อเขาเป็นเพื่อนรักกันมาก ถ้าลองรู้ว่าเธอไม่ใช่ชั้น เขาไม่มีวันแลผู้หญิงกระจอกอย่างเธอหรอกจำใส่กะลาหัวไว้”
“หนูไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นใคร ต้องฝืนทำทั้งที่ไม่ได้อยากก็เพื่อแม่ แต่งไปไม่รู้จะเจออะไรบ้าง จะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้” ภัททิมายิ้มหยัน
“ไม่ต้องมาสะตอ อย่างแกอยากแต่งจนเนื้อเต้น แต่ชั้นบอกไว้เลยนะ อย่าคิดว่าจะได้เป็นเมียเศรษฐีไปตลอด อีกไม่นานแกก็ต้องกลับไปอยู่ดงน้ำเน่าอย่างเดิม”
พิพัฒน์เดินเข้ามา เห็นไข่มุกก็อดตะลึงตาค้างในความสวยไม่ได้จนภัททิมาต้องเข้าไปหยิกให้
“ถึงกับตาค้างเลยหรอ เดี๋ยวได้ตาเขียว ผู้ชายเหมือนกันหมด”
พิพัฒน์ถูกภัททิมาหยิกจึงรู้ตัว
“โอ้ย เจ็บนะ แค่จะเข้ามาบอกว่าแม่ไข่มุกมา แหม ของสวยของงามแค่มองไม่ได้กินสะหน่อย ทำหึงไปได้ที่รักจ๋า”
ภัททิมาค้อนให้ ไข่มุกดีใจที่แม่จะมาอวยพรในงานแต่งของเธอ
ไข่มุกเดินยิ้มออกมาอย่างสวยในชุดแต่งงาน คิดว่าวันดีจะมาอวยพรในวันแต่ง แม้จะหลอกๆ ก็เถอะ วันดีเห็นไข่มุกอย่างสวย ก็อดปลื้มไม่ได้
“แม่เจ้าโว้ย แต่งตัวแบบนี้ สวยกว่าลูกยายคุณนายนี่เป็นไหนๆ โอยราศีจับเป็นผู้ดีเชียว แบบนี้ผัวหลงโงหัวไม่ขึ้นแน่” สีหน้าวันดีเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ “ว่าแต่คงได้มาหลายสินะ เขาให้เงินมาเตรียมงานแต่งใช่มั้ย แบ่งแม่มั่งสิ”
ไข่มุกหน้าเจือนอย่างเซ็ง
“นึกว่าแม่จะมาอวยพรหนู ที่แท้ไถเงินอีกแล้ว”
“เรื่องเงินมันใหญ่สุดเว้ย แม่จะมาเตือน นังคุณนายคิดวางแผนให้เอ็งเป็นตัวสูบเงินจากบ้านนั้น ได้มาแล้วก็อย่าลืมจิ๊กไว้ให้แม่ อย่าไปให้นังคุณนายมันหมดล่ะ เข้าใจมั้ย” ไข่มุกเศร้าใจที่แม่คิดแต่เรื่องเงิน แต่ไม่คิดถึงเธอเลย วันดีเห็นก็ปลอบใจ “เป็นหนูตกถังข้าวสาร แล้วทำเศร้าทำไม เดี๋ยวโดน”
ไข่มุกมองแม่หน้าเศร้าอย่างน้อยใจ
ชลลดาพาไข่มุก ภัททิมาและพิพัฒน์ เดินเข้ามาในโรงแรมคีรินทร์ ภัททิมาเห็นความใหญ่โตของโรงแรมก็กระซิบกับแม่
“นี่ไม่ใช่โรงแรมจิ้งหรีดแล้วแม่ ท่าจะหลายร้อยล้าน ทำไมไม่บอกว่าคีรินทร์รวยขนาดนี้ ทั้งหล่อทั้งรวยหาง่ายที่ไหนเสียดายเป็นบ้า”
ชลลดากระซิบตอบอย่างรำคาญ
“เอาน่า ส่งนังไข่มุกไปเป็นกองหน้าก่อน เปลี่ยนใจตอนนี้ช้าไปแล้ว”
พิพัฒน์เอียงหูฟังแล้วถามขึ้นมา
“จะเปลี่ยนอะไรกันครับสองแม่ลูก”
“ป่าวไม่มีอะไร รองเท้าลูกไก่มันคับ เขาอยากเปลี่ยน แต่ไม่ทันแล้วทนใส่ไปก่อน”
คีรินทร์เดินมารับ เห็นไข่มุกก็พอใจในความสวยของเธอ คีรินทร์มองจนไข่มุกเขินต้องหลบสายตา ทำอะไรไม่ถูก ชลลดาแสร้งยิ้มหนุนส่งให้
“เป็นไงคะ หนูลูกไก่งามกลายเป็นหนูลูกหงษ์เลยวันนี้ อย่าๆ เพิ่งคะยังมีเวลาให้หลงอีกเยอะ”
ชลลดายิ้มเจ้าเล่ห์ คีรินทร์มองไข่มุก แต่ก็ตอบชลลดา
“เจ้าสาวของผมสวยมาก สวยที่สุดแล้วในบรรดาผู้หญิงที่ผมคบมา”
ภัททิมามองอย่างอิจฉา ไข่มุกเขินก้มหน้าก็สบตากับคีรินทร์แล้วยิ้มให้แบบแก้เกี้ยว
พนักงานเปิดประตูห้องจัดงานแต่งงานเล็กๆ ที่จัดอย่างสวยงาม คีรินทร์เดินคล้องแขนไข่มุก ชลลดา ภัททิมา พิพัฒน์เดินตามมา วัฒนายืนรออยู่กับเขมทัต มณี นุชนารถยืนคอยเข็นรถให้รัตนาที่ยืนเว้นระยะออกมาจากกลุ่มผู้ใหญ่ รัตนาเห็นไข่มุกก็ดีใจ
“โอโห้ ยุน อึน เฮ ชิดซ้ายเลย ดูสิพี่นุช พาหนูนาเข้าไปหาพี่ลูกไก่ที เร็วสิคะ เข็นรถหน่อย”
นุชนารถเห็นไข่มุกก็หมั้นไส้มาก
“โบ๊ะหน้าอย่างกับโบกปูน ไม่สวยก็แย่แล้ว อย่าเข้าไปคะเดี๋ยวเมคอัพร่วงใส่หนูนาเปล่าๆ สู้พี่ไม่ได้หรอก สวยเด้งด้วยธรรมชาติล้วนๆ”
“เร็วสิพี่นุช เดี๋ยวแขกมากันเยอะ อดคุยกับพี่สะใภ้คนสวยของหนูพอดี ไม่ยอมเข็น หนูไปเองก็ได้”
รัตนาพยายามเอามือเข็นรถแต่เข็นไม่ไปเพราะนุชนารถเอาขายันล้อไว้ไม่ให้หมุนแถมรั้งรถเข็นไว้
“อุ้ย ล้อเป็นไรไม่รู้คะคุณหนูนา เข็นไม่ไปสะงั้น” นุชนารถทำหน้าสะใจ
รัตนาหันรีหันขวางหงุดหงิด วัฒนามองไข่มุกอย่างอึ้งไม่นึกว่าเจ้าสาวคีรินทร์จะสวยและดูนิสัยดีแบบนี้ วัฒนาเข้าไปจับมือกับคีรินทร์ที่ยิ้มแย้ม
“ตาถึงมากรินทร์ มีของดีแบบนี้ปิดเงียบเลยเพื่อน อุ๊บไว้คนเดียว เก็บความลับเก่งนี่หว่า วันหลังหาให้คนสิ ขอสวยแค่ครึ่งคุณลูกไก่ก็พอ”
ไข่มุกยิ้มเขิน คีรินทร์ได้ทีโอบ
“ของแบบนี้ต้องหาเอง หาให้กันไม่ได้หรอกเพื่อน”
เขมทัตรับไหว้อย่างดีใจ ปลื้มสุดๆ หันไปยิ้มกับชลลดา
“สวยและน่ารักเป็นที่สุด เลือกไม่ผิดจริงๆ ถ้ายงยุทธยังอยู่คงปลื้มใจมาก ขอบใจมากคุณชลลดาที่ยกลูกสาวให้”
“คู่กันแล้ว เขาไม่แคล้วกันคะคุณเขมทัต พูดแล้วมันตื้นตัน อยากร้องไห้ ดีใจเป็นที่สุด หนูลูกไก่ของแม่”
ชลลดาโอบไหล่ไข่มุกเข้ามากอด จะซบร้องไห้ ไข่มุกมองอย่างทึ่ง พอได้จังหวะจึงกระซิบข้างหูชลลดา
“บทแตกกระจุยเลยคะคุณผู้หญิง วันหลังผู้กำกับโทรมาหนูจะบอกให้”
ชลลดาลอบตาเขียวใส่ แอบหยิก แล้วกระซิบตอบ
“แกก็ต้องตีให้แตก ไม่งั้นแกตาย”
ไข่มุกยิ้มจ๋อย ชลลดาแกล้งตื้นตันเช็ดน้ำตา ยิ้มปลื้มไข่มุกหันไปไหว้มณีที่รับไหว้อย่างเสียไม่ได้ แล้วแสร้งพูดเหน็บ
“ชั้นก็ดีใจ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้คนนี้มาเป็นเป็นสะใภ้ ดีใจจนนอนไม่หลับ ต้องกินยานอนหลับคืนละหลายเม็ด”
เขมทัตยิ้มแก้เก้อ มณีค้อนให้แบบไม่พอใจ
“งั้นให้น้องไข่มุกไปช่วยดูแลมั้ยคะ คนนี้เขาเอาใจผู้ใหญ่เก่งนะคะ”
“อย่าเลย เดี๋ยวได้กินยาทีละกำมือ”
มณีพูดหน้าเฉย ภัททิมาแอบเบ้หน้าใส่มณี แล้วพยายามสบตาทำปิ๊งใส่คีรินทร์แต่คีรินทร์มองผ่านไปสนใจแต่ไข่มุก ภัททิมาเลยเก้อหน้างอ พิพัฒน์มองอย่างไม่สบอารมณ์
ภัททิมาถูกพิพัฒน์ลากมือมาในสวนของโรงแรม ภัททิมาสะบัดมือ หน้าบึ้ง
“ดึงมาทำไม”
“เห็นนะว่าลูกไก่มองคีรินทร์ตาเป็นมัน อยากกินมันเต็มทีใช่มั้ย เขายังอยู่ทั้งคน ตัวอย่าลืมดิ ไม่ชอบนะ ขอบอก”
“พูดจบแล้วใช่มั้ย น่าเบื่อ”
ภัททิมาพูดใส่หน้าแล้วเดินไปอย่างไม่แคร์ พิพัฒน์มองตาม ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ห่างออกไปวัฒนาที่ผ่านมาเห็นเข้าก็หยุดมองอย่างแปลกใจในท่าทางทั้งคู่
ในห้องจัดเลี้ยง บนโต๊ะรับรองของรับไหว้ผู้ใหญ่จำพวก กล่องเครื่องเพชร สายสร้อยคอเพชร และแหวน วางเต็มโต๊ะ ชลลดา ภัททิมาเห็นก็ตาโตน้ำลายแทบไหล
“วันนี้เป็นวันมงคล ที่ลูกชายผมจะได้มีภรรยาเคียงคู่กันไปตลอดชีวิต เป็นวันที่ผมดีใจที่สุด เพราะได้ลูกสาวคนใหม่ ที่ทั้งสวยทั้งน่ารัก”
รัตนาปรบมือยิ้มดีใจ
“ไชโย หนูดีใจสุดๆ เลยคะ ได้พี่สาวแสนสวย หนูรอวันนี้มานาน”
นุชนุนารถมองมาหน้าเฉย สบตาคีรินทร์อย่างตัดพ้อ คีรินทร์อึ้งไป เขมทัตพยักเพยิดให้มณีให้ของรับไหว้เป็นกล่องเครื่องเพชร มีสายสร้อยคอเพชรและแหวน มณีสีหน้าไม่เต็มใจแต่ก็ยื่นให้ไข่มุกแบบเสียดายๆ ไข่มุกลังเลใจไม่อยากรับของ ชลลดาและภัททิมา ที่นั่งข้างก็ลุ้น มองของแล้วมองตาไข่มุก ชลลดากระซิบข้างหูไข่มุก
“เหน็บกินมือรึไง ยื่นออกไปรับสิ”
“คือหนู...”
ชลลดาเอามือทำเป็นดันๆ ที่ข้อศอกไข่มุกให้ยื่นออกไปรับเครื่องเพชร คนทั้งโต๊ะก็มองเป็นตาเดียว
“โถ ลูกไก่ ตื่นเต้นจนมือแข็งไปหมด เอาเดี๋ยวแม่ช่วย”
มณีเห็นมือไข่มุกยื่นมาจะรับของก็อดเสียดายไม่ได้ ดึงของกลับ ชลลดาเลยเก้อ เขมทัตก็พยักพเยิดให้ยื่นให้ พอยื่นไปไข่มุกก็หดมืออีก ชลลดาก็กระแทกที่ข้อศอกไข่มุกอีก ยื่นๆ หดๆ อยู่สักระยะ ชลลดาทนไม่ไหวจึงเอื้อมไปคว้าเครื่องเพชรแบบฉวยเอา
“มานี่ แม่เก็บให้ จะได้ไม่หาย”
มณีค้อนให้อย่างเสียดายของ จากนั้นคีรินทร์ก็สวมแหวนเพชรเม็ดงามที่นิ้วไข่มุก ทุกคนมองอย่างอิจฉา
ไข่มุกไหว้คีรินทร์ ภัททิมาแทบร้องไห้
“ที่จริงควรจัดงานใหญ่ เป็นเรื่องราวมากกว่านี้ จะได้สมเกียรติหนูลูกไก่”
“แค่นี้ก็ดีเกินพอสำหรับ” ชลลดาปรายตามองไข่มุก “เจ้าสาวแล้วคะคุณพี่”
ไข่มุกยิ้มแห้งๆ มองไปรอบๆ ยังพออุ่นใจในสายตาเขมทัตและรัตนาที่ส่งมาให้อย่างอาทร
ขณะนั้นแองจี้ในชุดราตรีเดินเข้าประตูมา เจอกับน้องแพรวที่เข้ามาอีกประตู
“เธอด้วย”
“ใช่”
“ด้วยอีกคน”
กีกี้บอกเสียงเข้มอย่างเอาเรื่อง แล้วสามสาวก็เดินเรียงหน้ากระดานไปพร้อมๆ กัน
ภายในห้องจัดเลี้ยง คีรินทร์กำลังเต้นรำกับไข่มุก ซึ่งเต้นผิดๆ ถูก คีรินทร์สอนอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ต้องตื่น เต้นตามผม เดี๋ยวครูสอนเอง ครูคนนี้สอนเก่งนะ”
ไข่มุกค้อนให้ พิพัฒน์ก็เต้นกับภัททิมาที่เต้นหน้างอ คอยมองแต่คีรินทร์ วัฒนาเต้นกับนุชนารถ ซึ่งเต้นด้วยอย่างไม่เต็มใจ คอยชำเลืองไปทางคีรินทร์เหมือนกัน รัตนามองอย่างสนุกสนาน
“พี่ลูกไก่สวยเหมือนนางฟ้าเลย”
“นางมารมากกว่า” มณีบอกอย่างหมั่นไส้
“คุณน่า ลูกแต่งงานทั้งที อารมณ์ดีหน่อยสิ”
“คงได้หรอกค่ะ”
คีรินทร์จับไข่มุกหมุนตัว แล้วหันกลับมายืนหน้าแทบจะชนกับเขา คีรินทร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ประตูห้องจัดเลี้ยงถูกเปิดเข้ามาอย่างแรง
“คุณแต่งงานกับใครไม่ได้นะคีรินทร์ ห้ามแต่ง แองจี้ไม่ยอม”
“น้องแพรวก็ไม่ยอม”
“ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาด”
กี้กี้คว้าไม้ตีกลองปาใส่ไปที่คีรินทร์กับไข่มุก แยกทั้งคู่ออกจากกัน คีรินทร์มองไม้ที่พุ่งไปปักที่ช่อดอกไม้ ตาเหลือก ตกใจ
ทุกคนตกตะลึง อึ้งกันไปหมด จากนั้นสามสาวก็เข้ารุมทึ้งคีรินทร์อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
อ่านต่อหน้า 3
มายาสีมุก ตอนที่ 2 (ต่อ)
คีรินทร์นั่งอยู่สภาพทรุดโทรมเสื้อผ้าหลุดลุ่ย กระดุมเสื้อขาด ถอดเน็คไทอย่างอารมณ์เสีย แองจี้ น้องแพรว กีกี้ จัดผมที่ยุ่งฟูเต็มหัว เสื้อผ้ากระเจิง เช็ดลิปสติกเปื้อนหน้า คีรินทร์ส่ายหน้าหน่ายๆ
“กระเจิง ดูได้ที่ไหนแต่ละคน นึกไม่ถึงพวกคุณจะกล้าขนาดนี้”
“มากกว่านี้ก็จะทำ ขอได้รินทร์กลับมา ให้คนอื่นชุบมือเปิบได้ไง” กีกี้ลอยหน้าพูด
“ดีนะพวกเรามีกันสาม ไม่งั้นเจอพวกนั้นเล่นแน่”
“รินทร์นะรินทร์ ทำกันได้ลงคอ ดีที่รู้ข่าวก่อนมาเกือบไม่ทัน”
“ใครบอกพวกคุณเรื่องงานวันนี้”
“ใครบอกก็ช่างเถอะ มันขึ้นในมือถือชั้นก็พอ แม่สองคนนี้คงได้เหมือนกัน แต่ชั้นมาก่อนนะรินทร์”
คีรินทร์งงว่าใครส่ง
“มาก่อนมาหลัง มันก็พังหมดแล้ว”
สามสาวมองหน้ากัน แองจี้เข้าไปดึงแขนซ้ายคีรินทร์ น้องแพรวดึงแขนขวา กีกี้เข้าโอบตัวคีรินทร์
“ไม่รู้ละ วันนี้จะเอารินทร์ไปให้ได้”
“ของชั้นนะ อย่าแย่งสิ”
กีกี้ปัดมือแองจี้และน้องแพรว
“พวกเธอปล่อย ชั้นมาก่อน ไหนรินทร์ว่ารักกี้คนเดียว”
คีรินทร์บ่นอย่างรำคาญ แกะมือกีกี้
“โอย จะบ้า อยากอยู่ก็อยู่กันไป บ้านักจับขังในนี้ให้หมด”
คีรินทร์เดินหนีไปทางประตู สามสาวรีบตาม
ขณะนั้นมณียังคุยอยู่กับนุชนารถในห้องจัดเลี้ยง
“ดีนะไม่จัดงานใหญ่ ได้ลงหน้าหนึ่งกันแน่ แม่พวกนี้รู้ได้ยังไง เราไม่ได้ บอกใครสักหน่อย มีแค่ครอบครัวสองฝ่าย”
นุชนารถทำเฉไฉ
“เรื่องคงหลุดไปหนะคะ ยุ่งตั้งแต่เริ่ม อยากมีกิ๊กไว้ทั่วเมืองก็เป็นแบบนี้ น่าปวดหัวแทนคุณรินทร์”
มณียิ้มดีใจในหน้าแอบกระซิบกับนุชนารถ
“ลงแบบนี้ดีเหมือนกัน อาละวาดให้หนัก ได้ไม่ต้องแต่ง”
นุชนารถแอบยิ้มอย่างสะใจ แววตายิ้มเยาะเพราะเธอเองเป็นคนแอบส่งข้อความบอกสามสาวเรื่องที่คีรินทร์แต่งงาน
นุชนารถยิ้มอย่างสะใจ รัตนาที่นั่งรถเข็นอยู่ข้างก็สะกิด
“พี่นุชยิ้มอะไร เห็นยืนยิ้มอยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว”
นุชนารถรู้สึกตัวทำเสไป
“ก็ยิ้มให้หนูนาไงคะ ปลื้มใจแทนจะมีพี่สาวอีกคน”
คีรินทร์เดินมาในห้องจัดเลี้ยงโดยมีสามสามเดินเกาะตามเป็นพรวน คีรินทร์คอยจะหนีห่าง สะบัดคนนี้ คนนั้นก็เกาะ
“คนเดียวที่ไหนคะพี่นุช โน่น เป็นโขยง” รัตนาบอก
คีรินทร์หยุดเดินชักเริ่มโมโห
“ถ้ายังไม่หยุดก่อเรื่อง ผมจะเรียก รปภ. นี่ยังให้เกียรติพวกคุณ เลิกจุ้นจ้าน พวกคุณจะยอมหรือไม่ยอม ผมก็แต่งไปแล้วสวมแหวนแต่งงานไปแล้วด้วย”
สามสาวกรี๊ดสนั่น
“เราไม่ยอม”
“แหวนอยู่ไหน จี้ไปถอดให้ ไหนแม่นั้นอยู่ไหน”
ไข่มุกที่ยืนอยู่อีกมุมก็สะดุ้งตกใจ รีบหันหลังให้ มือกุมแหวนที่นิ้ว
“วันนี้เป็นวันแต่งงานผม อาละวาดแค่นี้มากพอแล้ว ถ้าใครยังไม่หยุด อย่าหาว่าผมใจร้าย”
คีรินทร์บอกด้วยสีหน้าจริงจัง สามสาวชะงักกึกทันที รู้ว่าเขาเอาจริง คีรินทร์ลอบถอนใจโล่งอกที่แกล้งโหดแล้วได้ผล
ห้องนอนของคีรินทร์ถูกใช้เป็นห้องหอ เขมทัตกับมณีลุกจากเตียงแล้วคีรินทร์นั่งลงแทน ไข่มุกอิดออด ชลลดาเลยผลักแล้วให้นั่งลงไปแบบกระแทกนิดๆ ชลลดายิ้มหวานแต่ทำตาดุขู่ไข่มุกในที
“เป็นสามีภรรยากันแล้วหนักนิดเบาหน่อยต้องอภัยให้กัน รินทร์เองก็ต้องทำตัวเป็นสามีที่ดี มีภรรยาที่ทั้งดีและน่ารักอย่างนี้ ต้องคอยดูแลกัน อยู่ด้วยกันมีลูกมีหลานไวๆ พ่อกับแม่จะได้หมดห่วง”
“หวังว่าภรรยาที่ดี จะดีจริงอย่างที่พ่อเขาว่า” มณีพูดเน้นคำว่าดี ไข่มุกเงยหน้ามอง มณียิ้มให้แบบยิ้มเยาะให้แล้วพูดต่อ “มาเป็นคนบ้านนี้แล้วก็ทำตัวให้เหมาะให้ควร ไอ้วีรกรรมเก่าๆ ก็อย่าเอามาใช้ที่นี่ จะทำอะไรก็อย่าให้ทุกคนต้องอับอายขายขี้หน้าล่ะ แม่หนูลูกไก่”
ชลลดาทำเป็นจับมือไข่มุก จ้องตาพูดแต่มือบีบแน่น
“ลูกไก่เอง แต่งงานแล้วก็ต้องกตัญญูเหมือนเดิมนะคะ อย่าลืมแม่ลืมพี่ซะล่ะ แม่จะคอยดูหนูอยู่นะลูก”
ชลลดาบีบมือแน่นแล้วค่อยๆ ปล่อย
“เอาล่ะ ได้ฤกษ์แล้ว ให้เขาอยู่กันสองคนดีกว่า”
เขมทัต มณี ชลลดาเดินออกมาจากห้อง ไข่มุกนั่งนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก คีรินทร์ยิ้มพราวกอดกระแซะไข่มุก หอมซ้ายไข่มุกหลบ หอมขวาไข่มุกก็หลบ คีรินทร์นิ่งมองสักพักแล้วจู่โจมจูบตรงๆ
“ได้อยู่กันสองคนเสียที วันนี้เจ้าสาวผมสวยจนเกือบห้ามใจไม่อยู่ขอหอมอีกสักทีนะ”
“อย่า เอ่ย อย่าเพิ่งเลยค่ะ เดินมาทั้งงาน เหนียวตัวไปหมด”
“เธอนี่ไม่รู้จักความโรแมนติกของลูกผู้ชายเลย มีเจ้าสาวในชุดขาวอยู่บนเตียง จะให้นอนเฉยๆ ได้ไง มานี่มา”
คีรินทร์กอดไข่มุกล้มไปบนเตียง
“ชั้นตัวเหม็นจะแย่ อาบน้ำก่อนนะ”
“หอมจะตาย ไหน ตรงไหนเหม็นไม่มี ห้อมหอม”
คีรินทร์ทำท่าหอมบนตัวไข่มุก ไข่มุกหลับตาปี๋ดันออก
“อย่านะคะ วันนี้ชั้นเหนื่อยมาก ชั้นว่าเรารีบอาบน้ำแล้วต่างคนต่างนอนดีกว่านะคะ”
“แต่ชั้นอยากทำอะไรที่ดีกว่าการนอน” คีรินทร์ทำมือลูบไล้ไข่มุก “มาสนุกกันยันเช้าเป็นไง”
“คุณ อย่านะคะ”
“นู่นก็อย่า นี่ก็ไม่ แต่งงานกันแล้วจะให้นอนคลำเตียงกันหรือไงคนสวย น่า เรื่องมันก็คุ้นเคยทั้งสองคน เอาเทคนิคมาแลกกันดีกว่า”
“คนบ้า พูดอะไรทะลึ่งตลอด”
“แอคติ้งขั้นเทพนะเธอเนี่ย ทำยังกับไม่เคยจริงๆ ไหนมาหอมทีเร็ว” ไข่มุกปัดป้อง คีรินทร์จับมือ “ไม่ให้ชั้นหอม เธอก็หอมแทนแล้วกัน ไม่งั้นชั้นไม่ให้ไปอาบน้ำแน่”
“คุณรินทร์”
“เอาน่า นิดเดียวเอง เร็วๆ สิ ไม่อยากอาบเหรอ” ไข่มุกหน้าแหย คีรินทร์แกล้งหลับตาพริ้ม ไข่มุกค่อยๆ ยื่นจมูกไปใกล้ แต่คีรินทร์ลืมตาแล้วชิงหอมก่อน “มัดจำก่อน อาบน้ำเสร็จค่อยมาต่อ”
ไข่มุกได้ยินทำท่าเหมือนจะเป็นลม คีรินทร์ยิ้มเจ้าชู้ นอนหงายบนเตียง กระดิกเท้ารอสบายใจเฉิบ
ไม่นานต่อมา ไข่มุกใส่ชุดเสื้อคลุมอยู่ในห้องน้ำกำลังส่องกระจก ทำสีหน้าลำบากใจสลับกับหันไปมองประตู ได้ยินเสียงคีรินทร์ร้องถามมา
“เสร็จยังที่รัก ออกมาให้กินซะดีๆ”
ไข่มุกสะดุ้งหันไปทางประตู สีหน้าครุ่นคิด เสียงเคาะประตูเร่ง ไข่มุกหันไปมองชั้นวางเสื้อ มีเสื้อผ้าพับวางกองสูง
ไข่มุกในชุดนอนตัวสั้นแสนจะเซ็กซี่ ออกจากห้องน้ำมา คีรินทร์มองอย่างชอบใจ ไข่มุกส่งจูบแล้วยิ้มยั่วยวน คีรินทร์ทนไม่ไหวลุกถลันจะเข้าหา...คีรินทร์ที่นอนดูฟุตบอลในทีวีสะดุ้งจากที่เคลิ้มผลอยหลับไปนิดนึง คีรินทร์มองไปรอบตัวไม่เห็นไข่มุก
“หลับไปเหรอเนี่ย” คีรินทร์มองไปทางห้องน้ำเห็นปิดเงียบก็ร้องตะโกนเรียก “ยัยลูกไก่กุ๊กๆ จะลีลาก็มาลีลาที่เตียงนี่ ออกมาได้แล้ว” ประตูยังปิดเงียบ คีรินทร์เลยเร่งอีกที “ ถ้าไม่ออก จะเข้าไปในห้องน้ำนะ ออกมาให้กอดเร็วๆ หนึ่ง สอง...” ประตูห้องน้ำเปิดออก ไข่มุกใส่เสื้อกางเกงหนาทับกันจนอ้วนตุ๊ต๊ะค่อยๆ เดินเอียงๆ ออกมายิ้มแหยๆ “เฮ้ย ใส่ชุดอะไรของเธอเนี่ย”
ไข่มุกก้มลงมอง
“ชั้นหนาวๆ เหมือนจะป่วยค่ะ เลยใส่เสื้อให้มันอุ่น”
“หนาวอะไร กำลังเย็นสบายไม่ว่า” คีรินทร์ทำหน้านึกได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ “อยากให้ชั้นกอดให้อุ่นสินะ แหม ไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้ ลูกเล่นเยอะ”
“หนาวจริงๆ คะ”
คีรินทร์กดปิดแอร์ เอามือตบเตียง
“เอ้า ปิดให้แล้ว ถอดออกเหอะ เห็นเธอแล้วเหมือนเห็นหมียังไงยังงั้น มาให้กอดหมีหน่อย”
ไข่มุกส่ายหน้า
“มะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง ชั้นชอบใส่แบบนี้”
คีรินทร์ยิ้มขำนึกเอ็นดูกับไข่มุกที่ค่อยเดินตุ้ยๆ มานอนลงข้างๆ พอขึ้นเตียงไข่มุกก็หมุนตัวหันหลังให้ดึงผ้าห่มปิดถึงคอ คีรินทร์แกล้งพลิกตัวมากอดซุกจมูกข้างแก้ม
“ที่ว่าชอบ หมายถึงชอบให้ชั้นถอดให้ใช่มั้ย ร้ายนักนะเรา”
ไข่มุกทำตาหยี หลับหูหลับตากลิ้งข้ามตัวคีรินทร์ไปนอนอีกฝั่ง คีรินทร์พลิกตัวตาม ไปทั้งกอดทั้งก่ายไว้
“แน่ะ เล่นตัวซะด้วย ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก”
ไข่มุกขืนตัวออกหันมาสบตา ปลายจมูกเฉี่ยวกัน มองสบตานิ่งไปสักพัก พอรู้ตัวไข่มุกก็ขยับออก
“คุณรินทร์ ฉันอึดอัด ปล่อยก่อนค่ะ”
“คนรักกันก็ต้องนอนกอดกันสิ ไม่งั้นชั้นจะแต่งเมียมาทำไม”
ไข่มุกดิ้นขลุกขลัก คีรินทร์ยิ่งกอดแน่น คีรินทร์ทำท่าจะโน้มเข้ามาจูบแต่ไข่มุกเบี่ยงหน้าหลบทัน คีรินทร์จูบหมอนไปเต็มๆ
“งั้นแค่กอดนะคะ ห้ามทำอย่างอื่น ไม่งั้น...”
“ไม่งั้นอะไร”
“ไม่งั้นชั้นไม่ให้กอดน่ะสิ”
คีรินทร์ขำท่าทางไข่มุก
“เยอะนะเธอเนี่ย ทำยังกับไม่เคยไปได้”
คีรินทร์ทำท่าจะจูบแต่ไข่มุกแข็งตัวนิ่งหลับตาปี๋ คีรินทร์มองอย่างสงสัยแต่ก็ยอมถอยตัวออกมา ไข่มุกลืมตามอง นิ่งคิด หาเรื่องชวนคุย
“แล้วสาวๆ ของคุณ ที่มาโวยในงาน ทำไมถึงยอมกลับไปง่ายจัง นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ซะอีก”
คีรินทร์นอนทำหน้าคิด นึกย้อนไปถึงตอนนั้น
คีรินทร์นั่งตรงกลาง มีสามสาว แองจี้ น้องแพรว กีกี้ยืนล้อมวง คีรินทร์พยายามรวบรัด ทำหน้าเข้ม
“โอเค ตกลงตามนี้ ถึงผมจะแต่งงานแล้ว แต่กับทุกคน เหมือนเดิมเคลียร์นะ”
“คุณรินทร์ต้องตามไปรับส่งกีกี้ที่กองถ่ายเหมือนเดิมนะคะ ห้ามเบี้ยว ไม่งั้นกีกี้ไม่ยอม”
“โอเคครับ”
แองจี้เบียดกีกี้ออก
“ถ้าแองจี้อยากไปชอปปิ้ง คุณรินทร์ต้องพาไป แล้วก็ช่วยถือของอย่างทุกครั้งนะคะ ห้ามอ้างว่าเมียไม่ให้ไป”
“ไม่เป็นปัญหา”
น้องแพรวปราดเข้ามากอดแขนคีรินทร์
“ของน้องแพรวไม่เรื่องมากค่ะ ขอแค่คุณรินทร์มาดินเนอร์กับน้องแพรว มารับไปทานข้าวกันสองต่อสองใต้แสงเทียนบ่อยๆ น้องแพรวก็โอเค”
“รับทราบ พร้อมปฏิบัติตามครับผม”
กีกี้ดึงน้องแพรวออก
“โอเคค่ะ ยอมรับข้อเสนอก็ได้ แต่ผิดสัญญาเมื่อไหร่...”
กีกี้ น้องแพรว แองจี้พูดพร้อมกัน
“เชือด... แล้วโยนให้เป็ด”
คีรินทร์ทำท่าสะดุ้ง ก้มลงมองตักตัวเอง แล้วยิ้มแห้งๆ โอบสาวๆ สามคน สาวๆ กระแทกกันไปศอกกันมาแต่ก็ยอมให้กอด
ไข่มุกถอนใจ คีรินทร์ที่ยักคิ้วให้
“เคลียร์เก่งจริงๆ คุณเนี่ย เจ้าแผนการที่สุด”
“ระดับนี้แล้ว เอาอยู่ทุกคนครับ ชิลล์ ชิลล์”
“คนประชดยังจะรับอีก เชื่อเลย”
คีรินทร์พลิกเข้าหา
“ประชดเก่งแบบนี้ต้องโดน ไหน ลงโทษตรงไหนก่อนดี”
คีรินทร์หอมแก้ม ซ้าย ขวา แล้วจูบเบาๆ
“ไม่เอาแล้วค่ะ ง่วงแล้ว ชั้นนอนก่อนนะ”
ไข่มุกหลับตาปี๋เม้มปากแน่นแกล้งทำหลับ คีรินทร์มองแล้วขำ กดหอมเบาๆ
“โห โดนจูบจนหลับก็มีด้วย เสียเชิงชายหมด”
ไข่มุกนอนนิ่งไม่ขยับตัว คีรินทร์ยิ้มเอ็นดูแล้วปล่อยให้นอน ไข่มุกลืมตาขึ้นมายิ้มแอบขำปนเขิน คีรินทร์ยกขากอดก่ายนอนกอดไข่มุกจนหลับไป ไข่มุกที่หลับตาอยู่ลืมตาโพลงขึ้นมาแล้วจับมือกับขาคีรินทร์ออกให้นอนหงาย
ไข่มุกถอนหายใจโล่ง คีรินทร์พลิกมากอดไว้เหมือนเดิม
“จะรอดมั้ยเนี่ยเรา”
ไข่มุกถอนหายใจนิ่วหน้า พึมพำออกมาเบาๆ
ฟากนุชนารถถือถาดนมอุ่นเข้ามาให้รัตนา รัตนานอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง นุชนารถกระแทกถาดวางบนโต๊ะ ดึงหนังสือในมือรัตนาออกมา
“หยุดอ่านการ์ตูนได้แล้ว ลุกขึ้นมาทานนมเร็วๆ เดี๋ยวจะได้นอน”
รัตนาลุกขึ้นกระถดตัว
“หนูนาไม่ได้อ่านการ์ตูน อ่านหนังสือเรียนต่างหาก จะได้เรียนเก่งๆ”
นุชนารถมองหนังสือในมือแล้วโยนโครมกระแทกลงกับโต๊ะ หยิบแก้วนมขึ้นมาจ่อปากรัตนา
“เรื่องมากนักนะเดี๋ยวนี้ รีบๆ กินนมได้แล้ว ไม่ได้ว่างทั้งคืนนะ” รัตนาอ้าปากกินแล้วสำลัก นมหกเปื้อนไปหมด นุชนารถทำหน้าแบบเหลือทนเต็มทีแล้ว “โอ๊ย กินดีๆ ไม่ได้เหรอ หกเลอะเทอหมดแล้ว ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ”
“ก็พี่นุช...”
“พี่ทำไมฮึ น่ารำคาญจริง”
“พี่นุชเป็นอะไรคะ หงุดหงิดเรื่องพี่ลูกไก่ใช่มั้ย หนูนารู้นะ”
“เปล่า พี่จะไปหงุดหงิดอะไรกับคนอาศัย แป๊บๆ เดี๋ยวก็ไป คนแบบนี้อยู่ได้ไม่นานหรอก คอยดูแล้วกัน”
นุชนารถทำสีหน้าเรียบแต่แววตาแค้นนิดๆ รัตนามองแววตาสงสัยอย่างรู้ทัน
ไข่มุกในชุดนอนเกือบยี่สิบชั้นนอนหงายกระสับกระส่ายเหงื่อท่วมตัว คีรินทร์ลืมตาตื่นมองส่ายหัวยิ้มขำ
“ยัยลูกไก่อ้วนเอ๊ย”
“คุณ ช่วยด้วย ช่วยชั้นด้วย หายใจไม่ออก”
ไข่มุกลืมตาหมดแรงขยับไม่ได้
“นั่นไง ยัดไปขนาดนี้ ลมไม่จับก็บ้าแล้ว”
ไข่มุกนอนเหงื่อแตก หน้าซีดเซียว ทำท่าเหมือนลมจะจับ คีรินทร์ถอดเสื้อผ้าให้ทีละชั้นอย่างรวดเร็ว จนถึงชั้นสุดท้าย คีรินทร์ปาดเหงื่อ
“กลางคืนรอดตัวไป แต่เช้านี้ไม่รอดแน่ ให้ชั้นเหนื่อยแต่เช้า มาให้ลงโทษซะดีๆ”
คีรินทร์เอื้อมมือจะไปปลดกระดุม ไข่มุกสะดุ้งเฮือกกลิ้งตัวหนีคีรินทร์ คีรินทร์ทำท่าจะคว้าตัวมากอด ไข่มุกลุกหนี
“สายมากแล้ว ชั้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ไข่มุกวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป ปิดประตูลงก้มลงมองเสื้อชั้นสุดท้าย รวบเสื้อปิดอย่างเขินปนโมโห “เกือบไปแล้ว ไข่มุกเอ๊ยไข่มุก”
คีรินทร์นั่งอยู่บนเตียงหัวเราะกับท่าทางตื่นๆ ของไข่มุก แววตาเจ้าชู้จ้องไปที่ห้องน้ำ
“หนีได้หนีไป อย่ามาบ่นเสียดายที่หลังละกัน”
เขมทัต มณี รัตนานั่งกินข้าวต้มอยู่บนโต๊ะ นุชนารถนั่งอีกฝั่งกำลังกินอาหารเช้าแบบฝรั่ง คีรินทร์นั่งลงข้างมณีตรงข้ามกับไข่มุกที่นั่งติดนุชนารถและรัตนา
“อื้อหือ จัดหนักแต่เช้าเลยนะครับแม่”
ช้อยเดินเอาน้ำมาริน
“ก็จัดหนักต้อนรับสมาชิกใหม่ไงคะ”
คีรินทร์มองไปที่จานอาหารเช้าแบบฝรั่ง มีทั้งขนมปัง ซุป ไข่ดาว แฮมไส้กรอก ไข่มุกเองก็มองอย่างไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหน
“เป็นยังไงบ้างลูกไก่ นอนหลับสบายมั้ย”
“ค่ะ”
ไข่มุกยิ้มจะตอบแต่คีรินทร์พูดแทน
“สบายดีครับพ่อ เรียกเหงื่อกันตอนเช้านิดหน่อย สนุกดี”
มณีเอื้อมมือมาตีเพี้ยะ
“พูดอะไร น่าเกลียด เออนี่ แม่ว่าจะไปเรียนเต้นรำ เอาสักคอร์สก็คงเก่งแล้วน่า”
“ไปเรียนทำไม ปูนนี้แล้ว เดี๋ยวก็แข้งขาขวิด ได้เจ็บให้หรอก”
มณีมองค้อน เขมทัตกับคีรินทร์มองส่ายหัวยิ้มๆ มณีมองพ่อลูก
“หยุด” คีรินทร์ที่ยกกาแฟทำท่าสำลัก เขมทัตยกช้อนค้าง นุชนารถยกมีดนิ่ง ไข่มุกที่กำลังจะจับแก้วหดมือ “ที่ชั้นเรียนก็เพราะไม่อยากให้ใครหน้าไหน ฉกผัวตัวเองไปเต้นต่อหน้าต่อตาไง ไอ้ผัวก็ตัวดี ตีหน้าระรื่นเต้นฉับๆ มันน่านัก”
“ฟังแล้วคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าใคร”
“ค่าเรียนหลายตังค์นะครับแม่ แถมต้องซ้อมบ่อยๆ ไม่งั้นก็ลืม”
“ชั้นโทรไปถามมาแล้วย่ะ ตอนนี้มีโปรไปสองจ่ายแค่หนึ่ง คุ้มจะตาย เรียนเสร็จก็มาซ้อมกับพ่อแก คราวหน้าชั้นจะพาไปเปิดฟลอร์เลย คอยดู”
“แล้วใครจะไปเรียนด้วย พ่อไม่ไปนะ เต้นเป็นแล้ว”
มณีหันไปมองคีรินทร์
“ผมขอบายครับ มือชั้นนี้ไม่ต้องเรียน”
มณีหันไปมองนุชนารถ
“นุช นุชไปไม่ได้นะคะ ไม่มีใครดูแลน้องหนูนา”
“โอ๊ย คนนั้นก็ไม่ได้ คนนี้ก็ไม่ได้ แล้วใครจะไปกับชั้น”
ทุกสายตาจ้องไปที่ไข่มุก ไข่มุกทำหน้างงๆ มณีถอนหายใจเฮือก หน้าตาไม่ค่อยพอใจ
“ตัวเลือกสุดท้าย ลูกไก่ เธอนั่นแหละ”
คีรินทร์หัวเราะแล้วยกมีดส้อมมากินต่อย่างคล่องแคล่ว ไข่มุกกลืนน้ำลายพยักหน้าเสียไม่ได้
“คือ หนู”
“ไปเหอะ ไปเป็นเพื่อนแม่เขาหน่อย สนุกออกคุณ”
ไข่มุกมองอาหารตรงหน้าแล้วหยิบช้อนกับส้อมทำท่าจะตัดไส้กรอก
“อาหารฝรั่งเขาใช้มีดกับส้อมค่ะคุณลูกไก่ ซอสกับพริกไทยอยู่ในตะกร้า ลองเติมเอาเผื่อจะถูกปาก”
ไข่มุกวางช้อนลงในจาน มณีเขม้นมอง ไข่มุกเลยหยิบออก หันไปอีกทางก็สบตากับช้อยที่มองมาดุๆ
“ช้อนเอาไว้ตักซุป นี่เบลอหรือเอ๋อกันแน่เนี่ย กินผิดๆ ถูกๆ เหมือนไม่เคย”
คีรินทร์มองออกเลยทำท่าหยิบช้อนซุปช้าๆ แล้วมองไข่มุก ไข่มุกหยิบตาม ค่อยๆ ช้อนซุปปาดขอบถ้วยกินเข้าไปอย่างเรียบร้อย คีรินทร์หยิบส้อมมีดมาหั่นไส้กรอกเป็นชิ้นๆ ไข่มุกทำตามเรียบร้อย นุชนารถเห็นแล้วยิ่งเคือง เลยหยิบขวดพริกไทยแกล้งมาเติมใส่ของตัวเองแล้วบิดฝาปิดไว้หลวมๆ
“เติมพริกไทยหน่อยมั้ยคะ”
ไข่มุกรับมา ขวดพริกไทยเป็นแบบหมุนบดเอง ไข่มุกมองเขย่าก็ไม่ออก ยกเทก็ไม่ออก มณีมองจ้องจับผิด
ไข่มุกมองสบตาคีรินทร์ คีรินทร์ทำท่าบิด ไข่มุกบิดตามแต่ผิดที่ ขวดพริกไทยหลุดออกกระเด็นเม็ดพริกไทยหล่นกระจายเต็มโต๊ะ
“นี่แม่เธอไม่เคยสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารเลยหรือไง แค่อาหารเช้าธรรมดายังขนาดนี้ ขืนไปเจอฟูลคอร์สแบบฝรั่งเศสไม่ขายหน้าแย่เหรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนุชเก็บกวาดเอง สงสัยคุณลูกไก่คงไม่ชิน”
ช้อยปราดเข้ามาเช็ดแล้วแกล้งปัดหล่นใส่ไข่มุก ไข่มุกถอยหนีลุกขึ้นกระแทกโต๊ะ น้ำในแก้วหกไหลนอง
“โอ๊ยแม่คุณ ยังจะซุ่มซ่ามอีก กรรมจริงๆ”
“เอาน่าคุณ เช้าๆ อย่าเพิ่งหงุดหงิด กินข้าวกันดีกว่า”
มณีฟึดฟัดแต่ก็ยอมกินต่อ ไข่มุกหน้าเสีย นุชนารถมองแอบยิ้มเยาะ คีรินทร์ลอบมองให้กำลังใจไข่มุก
เขมทัต มณี คีรินทร์ ไข่มุกอยู่ในห้องนั่งเล่น ไข่มุกนั่งเจี๋ยมเจี้ยมเรียบร้อย คีรินทร์นั่งเอนหลังโอบไข่มุกเบาๆ ไข่มุกทำท่าอึดอัดแต่ก็ขัดไม่ได้
“แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะไปฮันนีมูนกันที่ไหน”
“ยังไม่ได้แพลนเลยพ่อ อาจจะไปใกล้ๆ มั้งครับ”
“เอ๊ะ จะมงจะมูนอะไรกันคุณ แค่ยกหนี้ให้ก็ดีถมแล้ว”
เขมทัตมองปรามมณีแล้วหยิบซอง
“ถ้ายังไม่ได้คิดก็เอานี่ไปแล้วกัน” เขมทัตยื่นซองให้ “ถือว่าเป็นของขวัญจากพ่อกับแม่”
“แอบมีเซอร์ไพร้ส์ก็ไม่บอก” คีรินทร์เปิดดู “โห ไปโซลเลยเหรอครับ นี่วางแผนอย่างอื่นอีกแน่เลย”
เขมทัตยิ้มอมภูมิ
“โรงแรมที่นั่นเขาชวนเราไปร่วมหุ้นด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ ไปดูสักหน่อย ได้ทั้งฮันนีมูนทั้งทำงานด้วย สองต่ออย่างนี้ จะได้ไม่มีใครว่าว่าหนีไปเที่ยว”
“ว่าแล้วเชียวพ่อเรา โอเคครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องอื่นเอง” คีรินทร์หันไปหาไข่มุก “ได้เอาพาสปอร์ตมาจากบ้านหรือเปล่าลูกไก่”
“อะ...อะไรปอดๆ นะคะ”
คีรินทร์ขำ
“พาสปอร์ตก็หนังสือเดินทางไง อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยไปเมืองนอกน่ะ”
ไข่มุกยิ้มแหย มณีทำท่าสงสัยแต่ไม่พูดอะไร
ไข่มุกเดินกระวนกระวายอยู่ในห้อง กำลังคุยโทรศัพท์กับชลลดา
“จะโง่ไปไหนยะ แกก็โกหกอะไรไปก็ได้ ขืนเห็นพาสปอร์ตก็พังหมดน่ะสิ”
“แต่ แต่หนูไม่มีไอ้ปอดๆ อะไรนั่นนะคะ ไม่รู้จักด้วย”
“ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้ แกหาทางออกเองแล้วกัน แต่อย่าให้ความแตกเชียว”
“แต่หนูไม่รู้จะโกหกยังไงนะคะคุณผู้หญิง คุณเขมทัตก็ให้ตั๋วมาแล้ว คุณรินทร์ก็เร่งจะเอาพาสปอร์ต”
“โอ๊ย วุ่นวายจริงนังไข่มุก หาเรื่องสะตอไปเหอะ เดี๋ยวก็เอาตัวรอด ง่ายๆ แค่นี้ยังต้องให้สอน แค่นี้นะ เสียเวลาจริงๆ”
ชลลดาตัดสาย ไข่มุกยืนถือโทรศัพท์สีหน้ากลุ้มใจ
คีรินทร์ รัตนา ไข่มุกนั่งกินของว่างอยู่ที่โต๊ะนอกบ้าน
“คุณแม่ท่านว่ายังหาพาสปอร์ตไม่เจอ ไม่รู้หายไปไหน”
“ไม่เจอก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นพาไปแจ้งความแล้วไปทำอันใหม่กัน”
“ตะ...แต่ว่า ชั้น...คือชั้น ชั้นว่าคุณไปคนเดียวก็ได้นะคะ เดี๋ยวมันจะนาน งานคุณเสียหมด”
“เดี๋ยวนี้ทำอาทิตย์เดียวก็ได้แล้ว ไปทำวันนี้เลยก็ได้”
“ให้ชั้นกลับไปหาที่บ้านอีกรอบนะคะ เผื่อเจอ”
คีรินทร์วางช้อนลง
“อะไรของเธอ เดี๋ยวหายเดี๋ยวไม่หาย ตกลงว่ายังไง”
“ก็มันหาย เอ๊ย หาไม่เจอ ไม่ต้องลำบากคุณหรอกค่ะ ชั้น คือ ชั้นไม่ชอบไปต่างประเทศ ชั้นกลัวเครื่องบิน”
“เครื่องบินไม่น่ากลัวหรอกค่ะพี่ลูกไก่ หนูนายังอยากขึ้นเลย”
คีรินทร์ดันจานออก
“ไม่อยากไปก็บอกมาตรงๆ อย่ามาอ้างเลย ฮันนีมูนไปคนเดียวใครเขาเรียกฮันนีมูนกัน”
คีรินทร์ลุกไปอย่างชักจะขัดใจ หงุดหงิดหน่อยๆ ช้อยเดินเอาขนมมาวางตรงหน้าไข่มุก มีทั้งเค้กกล้วยหอม ขนมแห้งๆ หลายชนิด ไข่มุกมองอย่างสนใจ ไข่มุกหยิบมาชิมก็ยิ้มในความอร่อย หยิบขนมขึ้นมามองแล้วนึกเหตุการณ์ตอนที่ขายส้มตำ
ไข่มุกยืนควงสากตามจังหวะเพลง โยกซ้ายขวาดีดครกเหมือนตีโปงลาง ไข่มุกควงสากแล้วโยนขึ้นฟ้า สากหมุนติ้วตกลงมาใส่มือไข่มุก ไข่มุกหมุนตัวรอบนึงแล้วตำต่อ ตำเสร็จทำท่าจะโยนครก มีลูกค้านั่งมองอย่างทึ่ง
ไข่มุกยิ้มหวานใช้ช้อนดีดใส่ถุงมัดปากแล้วโยนกลับหลังลงถุงหูหิ้วเรียบร้อย
“ได้แล้วจ้า ปูปลาร้าลำซิ่ง ซื้อสองถุงแถมผักฟรีจ้ะ”
ลูกค้าจ่ายเงิน วันดีรับมาแล้วคลี่เงินในกระเป๋าออกมานับ ข้างๆ เป็นร้านเบเกอรี่ วันดีมองทำท่าน้ำลายจะไหล
“แหม่ หน้าตามันยั่วน้ำลายเหลือเกิน เค้กอะไรแพงชะมัด ถุงละตั้งร้อยกว่า ขายส้มตำกี่ครกวะถึงจะได้กิน”
ไข่มุกมองตาม “ให้รวยก่อนเหอะ แม่จะกินให้แหลกเลย”
ไข่มุกมองขนมอย่างครุ่นคิด อยากให้วันดีได้กิน ช้อยเดินเข้าไปในครัว ไข่มุกหันซ้ายขวาเห็นกล่องพลาสติกเลยแอบหยิบมาใส่ขนมจนเกลี้ยง ช้อยเดินกลับมาเห็นก็โวยวาย
“อุ๊ยตาย หายไปไหนเกลี้ยงเลยเนี่ย ใครกินหมดกันฮึ ของตั้งเยอะแยะ” ช้อยปรายตามองไข่มุก ไข่มุกสะดุ้งเฮือกพยายามจะเอาเสื้อปิดกล่องขนม ช้อยเห็นก็เดินเข้าไปใกล้ “นั่นซ่อนอะไรอยู่คะคุณลูกไก่”
ช้อยเดินเข้ามา แต่รัตนาเอื้อมมือไปคว้ามาวางไว้ที่ตัวเองแล้วยิ้มหวานใส่
“หนูนาเองค่ะ กะว่าจะแอบพี่นุชไปกินบนห้องซะหน่อย ป้าช้อยอย่าบอกพี่นุชนะคะ”
ช้อยทำหน้าไม่เชื่อเขม้นมอง รัตนาตีหน้าใสซื่อยิ้มหวานอ้อน ช้อยไม่พอใจแต่พูดอะไรไม่ได้
“เอาเถอะค่ะ ไม่บอกก็ได้ แต่ทีหลังอย่าแอบเอาไปซ่อนแบบนี้นะคะ มันน่าเกลียด ทำเหมือนคนไม่เคยพบเคยเห็นกิน”
“ค่ะ ไม่ทำแล้ว”
ช้อยเดินจากไป ไข่มุกมองรัตนา
“ขอบคุณที่ช่วยพี่นะคะน้องหนูนา ไม่งั้นโดนดุแย่เลย”
รัตนายิ้มหวานทำท่าตะเบ๊ะแล้วยกไหล่หัวเราะคิกคัก รัตนาลดมือลงแล้วหยิบกล่องขนมให้
“พี่ลูกไก่ชอบขนมนี้ใช่มั้ยคะ จะแอบเอาไปกินบนห้องล่ะสิ ไว้คราวหลังหนูนาจะบอกให้ป้าช้อยซื้อมาบ่อยๆ นะคะ”
ไข่มุกยิ้มเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะ”
ไข่มุกมองกล่องใส่ขนมอย่างดีใจ จะเอาไปให้แม่กิน
มายาสีมุก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ที่บ้านวันดี ขณะนั้น นักเลงหอบของวันดี คนหนึ่งยกหม้อหุงข้าว อีกคนจะยกทีวี วันดีกอดทีวีไว้ไม่ยอมปล่อย ยื้อกันไปมา วันดีแย่งได้ นักเลงแย่งกลับ วันดีตามไปเกาะไว้
“เฮ้ย ปล่อยสิวะนังนี่ เกาะยังกับปลิง”
“ไม่ปล่อยโว้ย เอาทีวีไปแล้วข้าจะเอาที่ไหนดูละคร เอาคืนมา”
นักเลงอีกคนถือสมุดเข้ามาหา
“ที่เอาไปยังใช้หนี้ไม่หมดนะโว้ย จะเอาทีวีไว้ก็หาอย่างอื่นมาแลก”
นักเลงสะบัดวันดีล้มลง วันดีลุกขึ้นวิ่งไปหยิบกระป๋องนมผงเก่าสนิมเขรอะเทออกมา ล็อตเตอรี่เก่า ใบหวย โพยหวยปลิวว่อน วันดีควานหาเจอไข่มุกกับสร้อยเส้นเล็ก วันดียัดลงมือนักเลง
“เอ้า เอาไป” วันดีวิ่งไปเกาะทีวี “เอาทีวีข้าคืนมา”
“ถุย สร้อยสังกะสีที่ไหนวะ ไม่ใช่ทองข้าไม่เอาโว้ย ไข่มุกนี่ก็ของเก๊แน่ หน้าอย่างเอ็งจะมีปัญญาซื้อของจริงเหรอนังวันดี”
นักเลงปาสร้อยไข่มุกใส่หน้าวันดีแล้วหัวเราะลั่น วันดีมองด้วยความเจ็บใจ นักเลงขนของออกสวนกับไข่มุกที่เดินเข้ามา วันดีตะโกนลั่น
“เอาไปให้หมด ขนมันให้เกลี้ยงไปเลยเว้ย เดี๋ยวข้าให้นังมุกมันซื้อให้ใหม่ก็ได้ ฮี่โธ่ ข้าไม่ง้อหรอกโว้ย ลูกข้ามันเป็นเมียเศรษฐีแล้ว ของเก่าๆ พรรค์นั้น ข้าทำทานให้หมาก็ได้”
ไข่มุกเข้ามาประคองวันดี
“นี่แม่เล่นหวยจนหมดตัวอีกแล้วเหรอ หนูบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิก”
“พูดมาก ยิ่งอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวโดน”
วันดีทำเชิด ปัดมือไข่มุกที่ประคองออกแล้ว ไข่มุกหยิบขนมออกมาให้
“นี่จ้ะแม่ หนูเอามาฝาก”
วันดีเปิดดู ชอบใจ
“เออเว้ย ไปเป็นเมียเศรษฐีไม่กี่วัน มีเงินซื้อขนมแพงๆ ให้แม่แล้ว ขอบใจนะนังมุก อร่อยเว้ย อร่อยจัง แม่ชอบ”
วันดีรับมากินอย่างรีบร้อน กินได้สักพักก็สำลักไอตบเองตัวเอง ไข่มุกลูบหลังหยิบน้ำใกล้ๆ มาให้
“ช้าๆ ก็ได้แม่ เอ้า น้ำ”
วันดีรับน้ำมาดื่มอั่กๆ หอบหายใจเหนื่อย เรอเอ้ก
“เอิ้ก ค่อยโล่งหน่อย”
ไข่มุกเหลือบไปเห็นสร้อยไข่มุกที่หล่นอยู่บนพื้น
“นี่สร้อยอะไรน่ะแม่ เอามาจากไหน”
วันดีมองสร้อยนาน แล้วนิ่งคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต วันดีอุ้มไข่มุกตอนแบเบาะ ไข่มุกร้องอ้อแอ้ที่ข้างตัวมีสร้อยมุกกับจี้ส่องประกายอยู่...วันดีมองสร้อยในมือไข่มุก แล้วโกหกหน้าตาเฉย
“ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว”
ไข่มุกยกขึ้นส่องกับไฟแล้วยิ้ม
“สวยดีนะแม่ ถ้าเป็นของจริงคงแพงน่าดู นี่ขนาดของเก๊ยังสวยเลย”
“ชอบก็เอาไปสิ”
“จริงเหรอจ๊ะแม่ สวยจัง แม่รู้เปล่าว่านี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่แม่ให้มุกเลยนะ” ไข่มุกเอาสร้อยทาบส่องกับกระจก
“เออ ของขวัญจากแม่แกไง” วันดีมีสีหน้าแปลกๆ แต่ไข่มุกมัวแต่ดีใจรีบสวมเข้าบนคอ ส่องกระจกไปมาอย่างดีใจ วันดียิ้มเจ้าเล่ห์ถูมือเบาๆ “ได้สร้อยแล้ว ก็ต้องขอเงินไอ้ผัวเศรษฐีมาให้ชั้นด้วย เอาทีวีใหม่แบบจอแบนๆ อันโตๆเลยนะ อีคนแถวนี้จะได้รู้ว่านังวันดีเป็นแม่ยายมหาเศรษฐีแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ไข่มุกถอนใจ หนักใจเพราะใครก็สั่งแต่ให้เธอรีดเงินจากคีรินทร์
นุชนารถนั่งพับเพียบยกปลายเท้าของคีรินทร์ขึ้นมาวางบนตักตัดเล็บให้ คีรินทร์ดูอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยแต่ยังขมวดคิ้ว นุชนารถมองสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“เมื่อคืนเข้าหอวันแรก คงมีความสุขมากสินะคะ ตื่นซะสายเชียว”
คีรินทร์ดึงเท้ากลับ ถอนหายใจ
“ก็งั้นๆ หลับซะเหนื่อย เซ็งชะมัด”
“อะไรกันคะ โกหกนุชหรือเปล่าเนี่ย คุณน่ะเสือผู้หญิงจะตาย อย่างคุณเหรอจะปล่อยให้หลับเฉยๆ ไม่มีทาง”
นุชนารถยืดตัวขึ้นไปลูบไล้ใบหน้าคีรินทร์ยั่วยวน คีรินทร์ยิ้มนิดๆ อย่างรู้ทัน “ถ้าเมียคุณไม่เอาไหน ให้นุชช่วยมั้ยคะ รับรองว่าจะปรนนิบัติอย่างดี”
คีรินทร์ยิ้มเจ้าชู้
“ไม่บอกก็รู้ ว่าดีอยู่แล้ว”
ไข่มุกกลับเข้ามา เห็นนุชนารถใกล้ชิดคีรินทร์ก็มองสงสัย นุชนารถเห็นแต่ยังทำเฉย อ้อยอิ่งค่อยๆ ละมือจากคางคีรินทร์ไล่มือมาแผ่นอกแล้วลุกขึ้นยืน แล้วหันมามองไข่มุก ยิ้มเยาะนิดๆ คีรินทร์ขยับตัวนั่งดีๆ
“คุณชลลดาเป็นยังไงบ้าง ไปแป๊บเดียวรีบกลับจัง”
นุชนารถแกล้งทำเป็นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ไข่มุกมองนุชนารถสลับคีรินทร์แล้วเม้มปากแน่น มณีเดินเข้ามา
“แม่จะไปเรียนเต้นรำ แล้วไปซื้อของต่อ รินทร์ไม่ไปกับแม่แน่หรอ”
“ผมต้องอยู่เคลียร์งานน่ะครับ ลูกไก่แน่ะ ไปเป็นเพื่อนแม่เค้าหน่อยสิ” ไข่มุกอึกอัก “ไปเถอะ”
คีรินทร์ดันไข่มุกไปทางมณี นุชนารถมองยิ้มเยาะอย่างพอใจ
“เอ้า ไปก็ไป ตามมาสิยะ อย่าชักช้า”
มณีมองไข่มุกแล้วเชิดหน้าเดินนำออกไป ไข่มุกมองคีรินทร์
คีรินทร์พยักให้ตามไป นุชนารถมองอย่างสมใจ หันไปยิ้มยั่วยวนคีรินทร์
ส่วนที่ห้องเรียนเต้นรำ มณีอยู่ในคลาส กำลังเต้นจังหวะวอลซ์ผิดๆ ถูกๆ เหยียบเท้าครูสอน ไข่มุกมองแล้วทำหน้าเซ็งๆ มณีทำท่าเหมือนเต้นเก่งแต่ผิดจังหวะจนครูฝึกพาออกมานอกวง
“อ้าว จบแล้วเหรอคะ ยังสนุกอยู่เลย” ครูฝึกทำหน้าแหย เพลงขึ้นเปลี่ยนเป็นจังหวะแทงโก้ มณีตาลุกลากครูฝึกไปอีก “อุ๊ย ชั้นชอบจังหวะนี้ค่ะ สอนหน่อยนะคะ เอาแบบหันซ้ายขวา ฉึบฉับแบบในทีวีเลย”
มณีออกไปเต้น ไข่มุกฟังเพลงแล้วนึกสนุกขยับตัว เพลงจังหวะเร็วขึ้นไข่มุกออกไปกลางวงทำท่ากังฟู เพลงจังหวะเร็วขึ้นไข่มุกวาดลวดลาย เพลงจังหวะแทงโก้ ไข่มุกเต้นคนเดียวพอจังหวะที่เป็นหันหน้าก็กระโดดเตะขา เพลงดังขึ้นเรื่อยๆ ไข่มุกทำท่าเลียนแบบบรู๊ซ ลี คนเริ่มถอยห่าง มณีมองแล้วก้มหลบไข่มุกที่ออกลายเตะต่อยอากาศ เพลงใกล้จบไข่มุกทำท่าควงกระบองอากาศ ส่งเสียงลั่น
“ไอ๊ หย่ะ”
เพลงจบลงพอดี ไข่มุกหยุดค้าง นึกขึ้นได้ ยิ้มอายๆ เป็นเป้าสายตาทุกคน มณีที่หลบอยู่หลังครูฝึกทำฮึดฮัด
“ไม่ขายหน้าตอนนี้จะไปขายตอนไหน โอย ชั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย”
มณีมาเดินซื้อของที่ตลาดสด มณีเหลียวหลังไปมองไข่มุกที่เดินตามมา
“อย่ามาทำขายหน้าแบบในคลาสเต้นอีกนะยะ ไม่ได้มีสมบัติผู้ดีเลย”
ไข่มุกยิ้มเจี๋ยมเจี้ยม
“ขอโทษค่ะ เผลอไปหน่อย”
มณีเดินอยู่ในตลาดสดตัวปลิวปล่อยให้ไข่มุกถืออยู่คนเดียว มณีเดินไปหยุดหน้าร้านผักแล้วเลือกของ หยิบหัวไชเท้าหักสีเขียวออก
“คุณน้ายยย เอามาชั่งก่อนสิ”
“ทำไมยะ ก็ชั้นไม่ได้จะเอาไอ้เขียวๆ นี่ เอ้า เอาไปชั่ง แล้วก็เอาพริกห้าบาท กะเพราห้าบาทด้วย”
“ห้าบาทเดี๋ยวนี้ใครเขาซื้อกัน”
“ชั้นนี่แหละ เอาเร็วๆ ชั่งแล้วลดราคาให้ด้วย ดูสิ ผักก็เหี่ยว ชั้นไม่ซื้อก็ขายไม่ออกหรอก”
แม่ค้าเอาไปชั่งแบบกระแทกๆ
“สามสิบห้า รวมพริกกับกะเพราเป็นสี่สิบห้า”
“หัวแค่นี้ตั้งสามสิบห้า เอาไปสี่สิบแล้วกัน ลดให้หน่อย ลูกไก่เอาไปถือ”
มณีส่งให้ไข่มุก แล้วจ่ายเงินให้แม่ค้า
“คนอะไรวะ เค็มชิบ”
มณีเดินไปแผงผลไม้แต่หันมาก่อน ไข่มุกทำท่าจะวางของบนพื้น
“หยุด อย่าวางบนพื้นนะ ของแตกเสียหมด ถือไว้อย่างนั้นแหละ อะไรกัน ของนิดเดียวถือไม่ได้ รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวชั้นมา”
มณีเดินเข้าไปเลือกของ ไข่มุกชะเง้อมองแล้วเหลือบเห็นกระดาษลังของแม่ค้า ไข่มุกแอบวางบนกระดาษยกมือขึ้นกอดอก ยิ้มเจ้าเล่ห์
“วางกับกระดาษ ไม่ได้วางบนพื้น ว่ากันไม่ได้นะคะ”
ไข่มุกกับมณีนั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยว เด็กเสิร์ฟเอาก๋วยเตี๋ยวมาวาง ของไข่มุกเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำ มณีสะกิดเด็กเสิร์ฟ
“น้องๆ เอาน้ำแข็งเปล่าแก้วนึง”
“มาสองคน แต่เอาแก้วเดียวหรอป้า”
“เออ คนนี้เขากินก๋วยเตี๋ยวน้ำแล้ว มีน้ำเต็มชาม ไม่ต้องกินน้ำดื่มอีกหรอก ขวดละตั้ง 7 บาท” เด็กเสิร์ฟมองหน้า บ่นพึมพำในความเค็ม มณีหันมาบอกไข่มุก “กินน้ำซุปหมดชาม ก็เหมือนกินน้ำเปล่าเกือบขวด ถึงบ้านเราจะมี
เงิน อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด ชั้นไม่ชอบคนฟุ่มเฟือยเข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
ไข่มุกมองมณีอย่างอึ้งๆ กินก๋วยเตี๋ยวอย่างไม่ค่อยจะลงคอเลย
ภาพเก่าในอดีต จินจูรับเด็กทารกมาจากพยาบาลก้มลงหอมผ่านผ้า จินจูเปิดผ้าดูเด็ก เด็กกลายเป็นตุ๊กตาหน้าผี จินจูตัวสั่นตกใจ
“ลูกคุณตายแล้วค่ะ”
เสียงพยาบาลดังก้อง สะท้อนหลายๆ รอบ จินจูกรี๊ดลั่น ตุ๊กตาผีในอ้อมกอดหล่นลงบนเตียง
จินจูสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย หายใจหอบ มองไปรอบห้อง มือกำที่นอนแน่น
“ลูก ลูกแม่”
จินจูน้ำตาไหลช้าๆ สะอึกสะอื้นกอดผ้าห่มแน่น อย่างเสียใจสุดซึ้ง
จินจูนอนใส่เฝือกอยู่ แทยอนประคองถ้วยข้าวต้มมาวางใกล้ๆ จินจูมองแทยอนด้วยสีหน้าเฉยชา
“คุณเองก็ไม่สบาย จะมาพยาบาลชั้นทำไม ดูแลตัวเองบ้างสิ”
แทยอนยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก แปลกดีนะจินจูพอชั้นได้มาดูแลเธอ เหมือนโรคของชั้นมันหายไปเอง ร่างกายก็ดีขึ้นอย่างกับปาฏิหาริย์สงสัยเป็นเพราะว่าชั้นดีใจที่ได้อยู่กับเธอ”
แทยอนกุมมือจินจู สบสายตากันอย่างซาบซึ้ง จินจูยิ้มบางๆ แววตาเศร้า
“เมื่อคืน ชั้นฝันร้ายอีกแล้ว”
แทยอนอึ้ง สีหน้าสลดลง
“เมื่อไหร่ เธอจะลืมเรื่องนี้สักที”
จินจูน้ำตาหยด
“ชั้นก็อยากรู้เหมือนกัน”
จินจูร้องไห้สะอึกสะอื้น แทยอนมากอดปลอบ ทั้งที่อยู่ใกล้กัน แต่จินจูกลับรู้สึกเหมือนอยู่ห่างจากเขาเหลือเกิน
ที่ห้องนอนนุชนารถ นุชนารถนอนซบอกคีรินทร์อยู่บนเตียงคลอเคลียกัน นุชนารถซบอกทำกระเง้ากระงอด
“ถ้าคุณกลัวใครรู้เรื่องของเรา ให้นุชไปอยู่คอนโดคุณมั้ยคะ นุชรับรองว่าจะไม่ให้คุณเดือนร้อน ขอแค่คุณมาหานุชบ่อยๆ นะคะ นะๆ”
“อยู่ที่นี่ดีกว่านุช ถ้าคุณไปแล้วใครจะดูแลหนูนาล่ะ คุณพยาบาลคนสวย”
คีรินทร์พลิกตัวคร่อมหอมไซ้ นุชนารถหัวเราะคิกคักยั่วยวนลูบแผ่นหลังคีรินทร์ คีรินทร์ทำท่าจะก้มลงจูบแต่เสียงหนูนาจาก baby monitor ดังขึ้นก่อน
“พี่นุช พี่นุชอยู่ไหนคะ”
นุชนารถทำหน้าขัดใจมาก คีรินทร์ผละตัวออกบุ้ยไปทางตัวเครื่อง
“นั่นไง ไม่ทันขาดคำ”
“อย่าไล่กันสิคะ นุชยังบริการคุณไม่เต็มที่เลย อีกสักแป๊บก็ได้ นุชยังอยากกอดคุณต่อนี่นา”
คีรินทร์ทำท่าลังเล นุชนารถเลยดึงเข้ามาหอมซ้ายขวา เสียงรถวิ่งเข้ามาในบ้าน คีรินทร์ผละออกจากนุชนารถแล้วหยิบเสื้อมาสวม
“สงสัยแม่กับลูกไก่กลับกันแล้ว แยกย้ายนะครับ”
คีรินทร์ก้มลงหอมเร็วๆ แล้วเดินออกนอกห้องไป นุชนารถทุบเตียงอย่างโกรธเคือง ทั้งขัดใจ ทั้งผิดหวัง
“คนอย่างนุชนารถไม่โง่ให้เก็บไว้ใช้ได้ตลอดหรอกนะ อย่าให้ถึงที่สุดแล้วกัน”
“พี่นุช มาหาหนูนาหน่อยนะคะ หนูนาอยู่ที่ห้องนะ”
นุชนารถหันไปมองเครื่องแล้วทุบหมอนอย่างยิ่งโมโห สีหน้าอยากทำร้ายใครสักคนเต็มแก่
นุชนารถมาหารัตนาที่ห้อง รัตนาทำท่าเหมือนจะพยุงตัวลงจากเตียง นุชนารถขึ้นเสียงใส่เต็มที่
“จะทำอะไรน่ะหนูนา ลุกขึ้นมาทำไม เรียกกันทั้งวี่ทั้งวัน น่ารำคาญ”
“หนูนาหิวข้าว ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย พี่นุชก็ยังไม่มา”
“เดี๋ยวนี้เถียงเหรอ ช้านิดช้าหน่อยไม่หิวตายหรอก คนเขามีธุระส่วนตัว แค่นี้รอไม่ได้หรือไง”
นุชนารถผลักรัตนา รัตนาล้มลงกับพื้น ไข่มุกที่ถือขนมมาเห็นเข้าพอดีปราดเข้าไปประคองรัตนา ไข่มุกเงยหน้ามองนุชนารถอย่างตำหนิ
“หนูนาเจ็บ พี่ลูกไก่” รัตนากอดไข่มุกแน่น
“คุณนุชผลักหนูนาทำไมคะ เป็นแค่พยาบาล ทำไมทำกับลูกเจ้าของบ้านแบบนี้ พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือไง”
“เป็นแค่พยาบาล โถ...แม่คนฉลาด ฉลาดตายแหละ รู้ได้ไงว่าชั้นเป็นแค่นั้น”
นุชนารถเชิดหน้ามองยิ้มเยาะ ไข่มุกหน้าตึงประคองรัตนาลุกแล้วว่าท่าพูดตอบกลับ
“กรุณาแสดงกิริยาให้เหมาะสมด้วยนะคะ ชั้นเป็นภรรยาคุณรินทร์ หนูนาก็เป็นน้อง คุณทำแบบนี้ไม่สมควร”
“เฮอะ คิดว่าเป็นเมียคุณรินทร์คนเดียวหรือไง”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”
“ถ้าโง่จนแปลไม่ออกก็อย่ามาอวดเก่งที่นี่ มาทีหลังอย่าให้มันมากนัก เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
นุชนารถมองท้าสายตาอย่างเป็นต่อ ไข่มุกยืนงงปนตกใจ
ไข่มุกเข็นรถพารัตนาเข้ามาในสวน รัตนาพูดหน้าเศร้า
“ไม่มีใครรักหนูนาเลย หนูนาเหงา คุณแม่ก็ไม่รักเพราะหนูนาเกิดมาเดินไม่ได้ ทำให้แม่อาย ชอบดุอยู่เรื่อย”
“ไม่จริงหรอกค่ะ”
“จริง คุณพ่อก็ทำแต่งาน ไม่เคยสนใจ”
“โถ่หนูนา อย่าพูดอย่างนี้สิคะ”
“ก็จริงนี่คะ พี่รินทร์ก็อยู่แต่กับสาวๆ พี่นุชก็ชอบดุตลอด ไม่มีใครให้กำลังใจเลย หนูนาไม่มีใครเลย”
ไข่มุกโอบกอดรัตนาเบาๆ
“มีพี่มุก เอ๊ย พี่ลูกไก่ไงคะ พี่จะอยู่กับหนูนา คอยเป็นกำลังใจให้เอง”
รัตนาเงยหน้ายิ้มร่า ชูนิ้วก้อย
“สัญญานะคะพี่ลูกไก่”
ไข่มุกยิ้มไม่พูด แต่เกี่ยวก้อยสัญญาไว้ ทั้งสองคนยิ้มให้กัน
“ยิ่งกว่าสัญญาอีกนะ”
คีรินทร์ยื่นไอโฟนให้ไข่มุก
“อ่ะ ของรับขวัญภรรยาสุดที่รัก ชาร์ตแบตเต็มพร้อม ซิมใหม่ ลงทั้งเกมทั้งแอพเพียบ เอาไปใช้แทนไอ้มือถือเก่าที่เธอแอบเก็บไว้เงียบไม่ให้ชั้นเห็น”
“อะไรของคุณ ชั้นไม่ได้แอบนะ”
“ไม่แอบแต่ไม่ให้เห็น สงสัยมีเบอร์กิ๊กเก่าอยู่เพียบล่ะสิ ทิ้งไปเลยนะ แล้วเอาอันนี้ไปใช้แทนอันเดียว บอกไว้ก่อน ถ้าเจอเครื่องเก่าเธอมีเรื่องแน่”
ไข่มุกรับมารูดดู ใช้ไม่ค่อยเป็น
“ที่จริงเอาแบบธรรมดาใช้ง่ายๆ ดีกว่านะคะ แบบนี้แพงเกิน”
“โห ทีจองกระเป๋าเกือบแสนไม่แพงเนอะ ไม่ต้องทำเป็นคนดีน่า อยู่กันแค่เรา ไม่ต้องเฟ้กหรอก คนกันเอง เห็นไส้เห็นพุงหมดแล้ว แต่ถ้าอยากตอบแทน เปลี่ยนเป็นจูบสองทีแล้วกัน”
คีรินทร์ดึงไข่มุกเข้ามาจูบ
“อย่าค่ะ คุณรินทร์”
คีรินทร์จูบแล้วจูบอีก ประตูเปิดเข้ามา นุชนารถทำหน้าตึงตาเขียวใส่คีรินทร์ คีรินทร์ยิ้มแบบไม่รู้สึกอะไรปล่อยไข่มุกออกหน้าตาเฉย ไข่มุกตกใจเม้มปากแน่น
“คุณท่านให้มาตามค่ะ คุณรินทร์”
คีรินทร์ผิวปากหวือ
“ผมไปทำงานต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านประธานลดเงินเดือน บ๊ายบายสาวๆ”
“ไปทำงานหรือไปรับคุณกีกี้ที่กองถ่ายคะ นุชรู้ทันนะ” คีรินทร์หัวเราะชอบใจแล้วเดินออกไป นุชนารถแค่นหัวเราะเยาะใส่ไข่มุก มองแววตาสะใจ “เมียอยู่นี่แท้ๆ แต่เจ้าตัวไปรับสาวอื่น อย่างว่า เมียไม่มีทะเบียน ก็ไม่มีความหมาย น่าสงสารจริงๆ”
นุชนารถทำมองไข่มุกอย่างสมเพช แล้วเดินหัวเราะเยาะเย้ยออกไป
ไข่มุกมองตามหลัง เป็นเชิงบอกฝากไว้ก่อน
ด้านคีรินทร์ยืนอยู่ข้างๆ รถ มีไข่มุกยืนอยู่ด้วยทำหน้าตึงๆ คีรินทร์ใช้มือบีบแก้มไข่มุกจนปากจู๋เบาๆ
“ฮั่นแน่ ทำหน้าอย่างงี้หึงล่ะสิ”
ไข่มุกหันหน้าหนี
“เปล่าค่ะ แค่ไม่ชอบที่คุณไม่ให้เกียรติชั้นในฐานะภรรยา เดี๋ยวก็กอดคนโน้น เดี๋ยวก็ไปรับไปส่งคนนี้ ทั้งที่ชั้นยืนอยู่ทนโท่”
“ทำงอน ชั้นก็เป็นคนแบบนี้แหละ จะเป็นเมียผู้ชายอย่างชั้นก็ต้องทำใจหน่อย”
“ค่ะ พ่อคนเสน่ห์แรง”
“พูดอย่างงี้เรียกว่าหึงแล้วนะ น่า เป็นเมียผมต้องอดทน สู้ๆ นะครับ”
คีรินทร์แกล้งจับหน้าไข่มุกส่ายไปมา ไข่มุกตวัดค้อนโดยไม่รู้ตัว
วันต่อมาไข่มุกมาดูหนังที่จินจูนำแสดง ระหว่างอยู่ในโรงหนังไข่มุกมองจอหนังอย่างรอคอยโดยไม่สนใจว่ามีคนเดินมานั่งข้างๆ ไข่มุกมองจอลุ้น สีหน้ามีความสุข
“จะออกมาแล้ว จินจู”
เมื่อหนังเริ่มฉาย ภาพบนจอมีนางรำออกมารำ จินจูมีพัดปิดหน้าออกมาร่ายรำด้วย
“สุดยอด สวยจริงๆ เลย”
ไข่มุกพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ คธาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ มองอย่างนึกขำ
ภาพบนจอเปลี่ยนเป็นจินจูที่เลื่อนพัดลง คธาหันไปมองจอนัยน์ตาเศร้าและขมขื่น ไข่มุกนั่งยิ้มกริ่มมองดาราในดวงใจ
หนังดำเนินเรื่องมาถึงฉากร้องไห้ของจินจู จินจูกอดเด็กผู้หญิงตัวเล็กมีคราบเลือดเต็มอก ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ดาจองอย่าเป็นอะไรนะ ดาจองลูกแม่”
ไข่มุกน้ำตาไหลนั่งปาดน้ำตา ทำท่ากลั้นสะอื้น คธามองในจอแล้วถอนหายใจหนักแววตาเศร้า ไข่มุกหยุดสะอื้น ยื่นหน้ามอง คธาหันมาสบตากันพอดี
เมื่อหนังจบผู้ชมก็ทยอยออกจากโรงหนัง คธากับไข่มุกเดินคู่กันมาในทางเดินมืดๆ
“ฉากร้องไห้ซึ้งมากเลยนะคะ ชั้นร้องไห้ตามเลยตอนที่ดาจองตาย จินจูเก่งมากๆ เลยนะคะ เห็นว่าตอนถ่ายทำฉากนี้เทคเดียวผ่านด้วย” คธายิ้มเอ็นดู ไม่พูดอะไร “ชั้นชอบจินจูมากๆ เลยนะคะ เป็นดาราในดวงใจ ตอนเด็กๆ ยังเอาผ้าคลุม ทำรำเลียนแบบจินจูจนแม่บ่นเลย” คธากับไข่มุกเดินออกมาที่สว่าง คธามองหน้าไข่มุกอย่างตกใจปนตะลึง ชะงักตัว “มีอะไรเหรอคะ”
“เปล่าครับ แต่เหมือนผมคุ้นหน้าคุณมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
ไข่มุกทำท่าคิด
“ไม่มั้งคะ นานๆ ถึงจะมีหนังเก่าของจินจูมาฉายสักที ชั้นไม่ค่อยได้มาโรงหนังหรอกคะ นี่ก็รอลุ้นว่าว่าเมื่อไหร่จินจูจะยอมเล่นหนังอีก จะได้มีเรื่องใหม่ๆ ดูมั่ง เออ คุณรู้ยัง จินจูมีอุบัติเหตุ ข้อเท้าเดาะเลยนะ” คธาอึ้งไปด้วยความตกใจ ไข่มุกยิ้มให้อย่างปลอบใจ “คุณนี่ท่าจะเป็นแฟนตัวจริงเหมือนกันนะคะ ตอนชั้นอ่านข่าวก็ตกใจ แต่ตอนหลังมีข่าวออกว่าไม่เป็นไรแล้ว ค่อยยังชั่ว อ๊ะ ชั้นต้องไปแล้วค่ะ”
ไข่มุกยิ้มแล้วเดินแยกออกไป คธายิ้มแล้วใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าลง สายตามองไปยังโปสเตอร์จินจู คธาเม้มปากแน่นมองรูปสายตาเศร้าหมอง
ที่เกาหลี จินจูนั่งอยู่หน้าเปียโนวางมือบนคีย์ น้ำตาหยดลงบนคีย์เปียโน จินจูมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพระจันทร์ไร้ดาว จินจูเม้มปากแน่นมองรอบห้องด้วยน้ำตาเต็มดวงตา มือจินจูกดคีย์เปียโนเล่นเพลงรักหวานเศร้า
อีกด้านหนึงคธาก็กำลังเล่นเปียโน เพลงรักหวานเศร้าเพลงเดียวกับจินจู คีรินทร์เดินเข้ามาในโรงแรมได้เสียงเปียโนเพราะและเศร้ามา คีรินทร์ชะงักฟังเดินตามเสียงเปียโนไปที่โถงจึงเห็นคธาเล่นเปียโนอยู่ที่โถง วัฒนายืนมองอยู่ข้างๆ อย่างชื่นชม คีรินทร์เดินเข้าไปใกล้มองคธา คธาเล่นจนจบเพลงแล้วละมือออก คีรินทร์กับวัฒนาปรบมือให้
“เพราะมากครับ ทั้งหวานทั้งเศร้า นี่เพลงของใครครับ”
คธายิ้มเศร้าๆ
“ผมแต่งเองครับ”
คธายิ้มเศร้ามองเปียโน คีรินทร์มองอย่างชื่นชอบ
คีรินทร์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน วัฒนาอยู่ข้างๆ คธานั่งอยู่ตรงข้าม ตรงหน้ามีกองเอกสารเต็มโต๊ะ
“คุณคธาเป็นนักดนตรีที่เก่งมากเลยนะครับ เล่นรับจ็อบตามโรงแรมดังๆ ตั้งหลายแห่ง แถมยังเล่นมานานด้วย นี่ถ้ามาเล่นที่โรงแรมเราแขกคงชอบ”
“แค่ฟังก็รู้แล้วครับ มืออาชีพตัวจริง โอเค อนุมัติเซ็นสัญญาจ้างได้เลย”
คีรินทร์กับคธาจับมือกัน
“ขอบคุณครับที่ไว้ใจผม ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณนะครับ”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ดีใจจริงๆ ที่คุณมาที่นี่”
คธายิ้มรับ แต่แววตาเศร้า
อีกด้านหนึ่งที่บ้านชลลดา พิพัฒน์นั่งเต๊ะอยู่กับภัททิมา ภัททิมายืนทำท่าโมโห
“อะไร ขอเงินอีกแล้ว มาที่ไรมีแต่ขอๆๆๆ ไม่เคยเอามาให้สักบาท”
“จะโวยทำไม ก็ให้มาตั้งเป็นปี ชิลๆ สิชิลๆ เอามาสองหมื่น”
พิพัฒน์กระดิกนิ้ว ภัททิมาปัด
“ไม่ให้ ลูกไก่ไม่ให้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้อีกชั้นไม่ทนแล้วนะ เลิกกันไปเลย สวยๆ อย่างชั้นหาใหม่ได้ย่ะ”
พิพัฒน์โมโหลุกยืน
“อ๋อ นี่หาเรื่องจะไปคบกับไอ้ลูกเศรษฐีใช่มั้ย อย่าหวังเลยลูกไก่ ชั้นไม่โง่ปล่อยเธอไปหรอก ผีเน่าอย่างเธอต้องคู่กับโลงผุอย่างชั้น ไม่ก็รอให้ชั้นตายก่อน ค่อยไปเป็นเมียมัน”
ภัททิมากรี๊ดลั่น
“แก ไอ้พิพัฒน์ แกว่าชั้นเป็นผีเหรอ ไป๊ ไปไหนก็ไปเลย”
พิพัฒน์เดินออกมาอย่างโมโหสวนกับชลลดา ชลลดาเบะปาก
“อีตานี่มาขอเงินแกอีกแล้วล่ะสิลูกไก่ แม่บอกแล้วไงว่าไอ้พวกนี้มันเกาะหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแก สูบเลือดสูบเนื้อยิ่งกว่าปลิง”
“หนูก็เบื่อมันจะแย่อยู่แล้วค่ะ อะไรก็ไม่รู้ อยากจะเลิกเต็มแก่ แต่มันบอกว่าไม่ปล่อยหนูไปค่ะแม่ หนูจะทำยังไงดี”
“ไม่มีดีสักอย่าง เทียบกับคุณรินทร์ก็ไม่ได้ ทั้งหล่อทั้งรวย แต่ไม่เป็นไรหรอกลูกไก่ แม่มีวิธี”
พิพัฒน์เดินออกมาล้วงกระเป๋า ทำท่าลืมของ เดินย้อนกลับมา ทันเห็นชลลดาหน้าเหี้ยม
“ยังไงคะคุณแม่”
“ถ้ามันไม่ไปเองก็ต้องกำจัดมันให้พ้นทางไปซะ”
“กำจัด กำจัดแบบไหนคะแม่”
“ก็ฆ่ามันทิ้งไง”
ชลลดายิ้มสีหน้าเหี้ยมเกรียม พิพัฒน์แอบพิงกำแพงหน้าซีด หวาดกลัว
ไข่มุกนอนคว่ำดูละครทีวีอยู่ในห้องด้วยสีหน้าเบื่อๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงรถ ไข่มุกชะเง้อมองทำท่าสะดุ้งรีบปิดทีวีปิดไฟ ห่มผ้าห่มนอน คีรินทร์เปิดประตูเข้ามา ไข่มุกนอนแกล้งหลับ คีรินทร์เดินเข้ามาใกล้
“เพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง หลับซะแล้ว” ไข่มุกนอนเฉย แต่คีรินทร์รู้“ว้า เราอุตส่าห์ซื้อดีวีดีเซทหนังของจินจูมาฝาก อดให้เลย” ไข่มุกลุกจากที่นอนผึง คีรินทร์ชูกล่องมองอย่างรู้ทัน ไข่มุกยิ้มแหยเอื้อมมือจะไปหยิบ คีรินทร์ยกหนี “หลอกกันได้นะลูกไก่ แต่ไม่เนียนเลย คนอะไรนอนขนตาขยับกะพริบไหวเชียว”
“รู้ก็เอามาสิคะ ชั้นอยากได้มาตั้งนานแล้ว”
“ได้อยู่แล้ว แต่ขอของตอบแทนก่อนนะ” คีรินทร์โน้มลงไปจูบ ไข่มุกทำท่าหนี คีรินทร์ยกกล่องดีวีดีทำท่าไม่อยากได้เหรอ ไข่มุกลังเลแล้วนิ่งให้หอม คีรินทร์วางกล่อง กอดไข่มุก “แค่หอมให้แผ่นเดียว ถ้าจูบให้สอง แต่ถ้าทั้งหมด....เลิฟๆ กัน แล้วตอนเช้าเอาไปเลยยกเซท”
“คนบ้า ไหนว่าจะให้ไง”
“นักธุรกิจนะครับ ขาดทุนได้ไง น่า มาเร็ว มาให้กอดเลย” ไข่มุกเบี่ยงหลบ คีรินทร์ทำท่าจะโถมเข้าใส่ ไข่มุกเอาหมอนกั้นจนคีรินทร์จูบหมอน ไข่มุกหัวเราะชอบใจ “หนอย จะเกินไปแล้ว คืนนี้เป็นไงเป็นกัน ชั้นต้องเผด็จศึกเธอให้ได้”
ไข่มุกชะงัก ฟังอย่างชักนึกกลัว คีรินทร์โดดเข้าใส่เต็มแรง ไข่มุกร้องกรี๊ด
โปรดติดตาม "มายาสีมุก" ตอนที่ 3