มายาสีมุก ตอนที่ 1
ณ บริเวณกำแพงเมืองกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จินจู นักแสดงสาวชื่อดังพร้อมเพื่อนดารา กำลังร่ายรำกระบี่ในชุดเกาหลีโบราณอย่างสวยงาม
อีกฟากหนึ่งภายในห้องเช่าเล็กๆ ที่เมืองไทย ภาพจินจูในจอทีวีกำลังฟันดาบสู้กับคู่ต่อสู้ในหนังอย่างเก่งกาจคล่องแคล่ว ไข่มุกเด็กสาววัยราว 20 ปี นั่งดูอยู่หน้าจอทีวี ลุ้นอย่างสนุกสนาน ชอบใจ
“เอาเลย ฟันให้หมด ระวังหลังด้วย เดี๋ยวอีกคนมาแล้ว”
ภาพในจอเห็นผู้ร้ายมาทางด้านหลังจินจู ซึ่งเรื่องนี้ไข่มุกดูหลายรอบจนจำได้ทุกฉากทุกตอนแล้ว
เวลาผ่านไป ภาพในจอทีวีเป็นฉากจินจูร้องไห้ ที่ต้องพลัดพรากจากลูก
“ลูกแม่ ลูกหายไปไหน กลับมาหาแม่เถอะ แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน กีจัง กลับมาหาแม่เถอะลูก”
จินจูร้องไห้เหมือนคนที่หัวใจแตกสลาย ไข่มุกที่นั่งดูอยู่อินจัดยกหลังมือปาดเช็ดน้ำตาป้อยๆ แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ไข่มุกหยิบมาพูดทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น
“ฮาโหล” ไข่มุกชะงัก รีบเช็ดน้ำตา สีหน้าท่าทางกระตือรือร้นขึ้นทันที “มีละครให้หนูเล่นแล้วหรอคะ”
ไข่มุกย้อนถามอย่างดีใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม ลิงโลดอย่างมีความสุขทันที
ละครที่ไข่มุกเล่น ถ่ายทำกันในป่า ไข่มุกอยู่ในชุดนางเสือ กระโดดขึ้นต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว มีดาวร้ายตามไล่ล่า ไข่มุกต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว ไข่มุกในชุดนางเสือต่อสู้เอาชนะคนร้ายได้แต่พอถึงคิวสุดท้ายที่ต้องโดดลงมา กลับพลาดท่าตกลงมานั่งจุก ผู้กำกับสั่งเสียงดังอย่างไม่ค่อยพอใจ
“คัท” ไข่มุกค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างจุก “เอ้า นางเอกตัวจริงมาเข้าฉากได้แล้ว ยุ้ย มาเลยยุ้ย” ผู้กำกับเรียกนางเอกตัวจริงแล้วหันมาบอกไข่มุกที่ยังสวมหน้ากากนางเสือ “เราไปได้แล้ว คิวสุดท้ายยังอุตส่าห์พลาดอีก”
หน้ากากนางเสือถูกเปิดออก ไข่มุกยิ้มประจบผู้กำกับ
“ให้หนูถ่ายซ่อมมั้ยคะ”
“ไม่ต้องแล้ว ไปไหนก็ไปเถอะ”
ไข่มุกหน้าม่อย
“ค่ะ”
ธุรกิจทีมร้องเรียกไข่มุก
“อย่ายืนเฉย ไปเสิร์ฟน้ำต่อสิยะ รีบถอดชุดออกด้วย”
“ขอใส่อีกแป้บนะคะพี่ หนูยังอิน”
ธุรกิจมองหารอบตัว
“กีกี้หายไปไหนเนี่ย ไปตามน้องกีกี้ที บอกว่าถึงคิวแล้ว ให้รีบมาเข้าฉาก” ธุรกิจสั่งไข่มุก
“ได้ค่ะพี่ จัดให้”
ไข่มุกรีบเดินไปอย่างเต็มใจ
ไข่มุกในชุดนางเสือที่ยังมีหน้ากากเสือรั้งที่คอไว้ เดินคอตกเข้ามาในห้องแต่งตัวนักแสดงมือจับหลังและก้นที่
ยังไม่หายเจ็บ ปากก็บ่นพึมพำกับกระจก
“โอ๊ย เจ็บแทบตายชัก พลาดได้ไงหว่า เสียฟอร์มแท้ๆ กลายเป็นเสือดวงตกเลยเรา ว่าซ้อมมาดีแล้วนะ มันท่า
นี้นิน่า”
ไข่มุกใส่หน้ากาก ออกลายนางเสือร้าย ซ้อมอีกครั้งเรียกความมั่นใจ กระโดดขึ้นเก้าอี้ ยกมือแข้งขาท่าเสือ ทำท่าข่วนดุร้ายใส่กระจก กำลังจะคำรามก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายคำรามมาจากหลังราวแขวนเสื้อผ้า
“โฮ่ง โฮ่ง จะยอมหรือยังจ๊ะ เสือจะกินแล้วนะ มาให้ขย้ำสะดีๆ”
ไข่มุกชะงักทำท่าค้าง ดึงหน้ากากลง คิ้วขมวดทำหน้าเหย่เกหันไปทางต้นเสียง ค่อยๆ ย่องไปใกล้ แนบหูฟัง
ขณะนั้นคีรินทร์กำลังหยอกล้อนัวเนียอยู่กับกีกี้บนพื้นหลังราวแขวนเสื้อผ้า กีกี้หัวเราะคิกคัก
“อย่าเข้ามานะ นี่แหนะ” กีกี้หยิกแก้มคีรินทร์ “พ่อเสือตัวร้าย จะกินกันง่ายๆ เหรอ”
“จะกินตรงไหนก่อนดีน๊า” คีรินทร์จี้ที่เอวกีกี้ “ตรงนี้ดีไหม รู้แล้วตรงนี้ดีกว่า” คีรินทร์ปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกของกีกี้
“อย่านะ อย่า อย่าหยุด”
ไข่มุกใส่หน้ากากเสือ แหวกเสื้อที่แขวนอยู่บนราวสองสามรอบก็ไม่เห็น ชะเง้อดูบนราวแขวนเสื้อผ้า เขย่งตัวจนเซล้มใส่ราวแขวนเสื้อ เสียงดังโครม
“โอ๊ย”
“ว้าว” กีกี้รวบเสื้อที่โดนปลดกระดุมอย่างตกใจ
คีรินทร์ที่กำลังกอดรัดกีกี้ หันไปมองอย่างตกใจเห็นไข่มุกกลิ้งไม่เป็นท่าบนกองเสื้อผ้า ไข่มุกหันมาทั้งที่ยังใส่หน้ากาก คีรินทร์บอกเสียงดังด้วยความตกใจ
“เฮ้ย ไอ้เสือ มาจากไหนเนี่ย”
ไข่มุกตกใจ ชี้มือไปข้างนอก
“หลุด หลุดมาจากเขาดิน”
“แอบดูอยู่นานหรือยังก็ไม่รู้ ไอ้เสือบ้านี่”
ไข่มุกสั่นหน้ายิก
“ไม่นาน ไม่เห็นอะไรเลย รีบไปเข้าฉากด้วย เขาเรียกตัวแล้ว”
คีรินทร์ลุกขึ้น เข้าใกล้จะคว้าข้อมือไข่มุกแต่ไข่มุกหลบอย่างไว ลุกพรวด รีบวิ่งหนีออกไป คีรินทร์โผล่มาดูเห็นหลังแว่บๆ
“เด็กบ้าที่ไหนวะ มาขัดจังหวะได้ อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร”
คีรินทร์พากีกี้เดินกระหนุงกระหนิงไปเข้าฉาก ทั้งคู่เดินผ่านมิคแฟนเก่ากีกี้ที่มาตื้อขอคืนดี มิคเขม่นมองคีรินทร์อย่างหึง กีกี้ลากคีรินทร์เดินเลี่ยงไปอีกทาง มิคเดินตามมาขวางทางไว้จนกีกี้ต้องหยุด
“กีกี้ ให้โอกาสผมหน่อยสิ ต่อไปมิคสัญญาจะไม่ทำให้เสียใจอีกแล้ว กีกี้อย่าทำแบบนี้สิ”
“หลีกไป เรื่องระหว่างเรามันจบแล้ว ต่างคนก็ต่างไปสิมาตอแยอะไรกัน เดี๋ยวก็พาดหัวหน้าหนึ่งอีก ขี้เกียจตามแก้ข่าว”
กีกี้เซ็งเดินหนีไป มิคคว้าข้อมือไว้ กีกี้สะบัด มิคจับไว้แน่น
“ไม่เอา วันนี้ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”
“ปล่อยนะมิค ชั้นเจ็บ โอย จะไปไหนก็ไป ชั้นไม่อยากเจอเธอแล้ว”
มิคลากกีกี้ไปอีกทาง คีรินทร์ยื้อกลับ
“เฮ้ย พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ผู้หญิงเขาไล่แล้ว ยังตอแยอยู่ได้ ปล่อย”
“เอ็งเป็นใคร เรื่องผัวเมียเว้ย คนอื่นไม่เกี่ยว”
“พอดีชอบเกี่ยว ไม่ชอบเห็นผู้ชายรังแกผู้หญิงเว้ย”
“ได้ ยิ่งอยากระบายอารมณ์อยู่”
มิคชกคีรินทร์เต็มหมัด คีรินทร์หลบอย่างเร็วจนมิคเซ คีรินทร์ตรงเข้าไปอัดกลับ ทั้งคู่ต่อสู้กันชุลมุน คีรินทร์สั่งสอนอีกสองสามหมัดจนมิคล้มไปนอนกับพื้น เลือดกบปาก นักข่าววิ่งกรูกันมาแต่ไกล
“นักข่าวมาแล้ว”
“ไป”
คีรินทร์โอบเอวกีกี้รีบพาเดินหนีไปอีกทาง แต่พอผ่านมิคที่นอนสลบหมดแรง
คีรินทร์ก็เอาหนังสือพิมพ์ที่ตกอยู่แถวนั้นมาปิดหน้ามิค แล้วพากันเดินไป
ไข่มุกนั่งอยู่กับวันดีในบ้านอันทรุดโทรม แบงก์ร้อยเก่าๆ สองใบในมือไข่มุกยื่นให้วันดีผู้เป็นแม่อย่างเซ็งๆ
“สองร้อยอีกแล้ว มันจะหักยุบหักยิบอะไรนักหนาว่ะนังมุกหรือว่าเอ็งเม้มไว้ อย่าให้ข้ารู้นะโว้ย”
“จะมีเหลือให้เม้มเหรอจ๊ะแม่ ได้มาเท่าไรชั้นก็ให้แม่หมดทุกที แสดงแทนเขา เจ็บหลังแทบหักยังไม่เจ็บใจเท่าโดนหักสองเด้ง”
“มันจะมาหักอะไรจากนักแสดงต๊อกต๋อยอย่างเอ็งวะนังมุก”
“มันหักหมดละแม่ ก็คนที่เรียกชั้น หักค่านายหน้าไป 60 แถมมาไถค่ารถอีก 40 เลือดซิบเลย ไม่ให้ก็ไม่เรียกอีก ทำไงได้แม่”
“เอ็งมันโง่ คุ้มกันไหมวะนังมุก ทำทั้งวันได้น้อยกว่าข้าขายส้มตำอีก”
ไข่มุกฉวยเงินจากมือวันดี
“ก็ชั้นชอบของชั้นนิแม่ บ่นนัก งั้นไม่ต้องเอาแล้ว”
วันดีรีบคว้าเงินแทบไม่ทัน
“เฮ้ยเอาคืนมา เดี๋ยวเอ็งโดน หนอย บ่นนิดบ่นหน่อยทำออกอาการได้น้อยได้มากเอ็งก็ต้องเอามาให้ข้ารู้ไหม”
เม่นเข้ามาด้านหลังวันดีฉกเงินจากมือ
“รู้สิจ๊ะ แม่วันดี เอามานี่ นิสัยไม่ดีนิหว่า หากินกับลูก”
เม่นดมแบงก์หัวเราะชื่นใจ วันดีโกรธ ชี้นิ้วด่าลุกไล่ทันควัน
“ไอ้เม่น ไอ้เลว การงานไม่รู้จักทำ ดีแต่ไถข้า เอาคืนมา”
เม่นผลักซัดวันดีจนล้มเซไป
“ข้าจะเอาไปใช้ให้ สองร้อยมันขี้ปะติ๋วสำหรับเอ็งนี่หว่า”
วันดีผลุดเข้าไปแย่งคืน เม่นง้างมือจะตบไข่มุกห้าม
“พอได้แล้ว อย่าทำแม่นะ อยากได้ก็เอาไป แล้วไปให้ไกลๆ เลย” เม่นยิ้มหยัน
“ถ้าไม่อยากให้ข้าทำอะไรแม่เอ็งก็หาเงินมาให้ข้าเยอะๆ สิว่ะ ไม่งั้นไม่ใช่แค่นังวันดี แต่เอ็งก็จะโดนด้วย”
ไข่มุกกับวันดี มองเม่นที่ขู่ด้วยสายตาดุดันอย่างแค้นใจ
อีกด้านหนึ่ง คีรินทร์กระโดดลงสระว่ายน้ำในบ้านแล้วว่ายอย่างคล่องแคล่ว นุชนารถมายืนดูมองมัดกล้ามของคีรินทร์แล้วต้องเช็ดปาก รัตนาที่นั่งรถเข็น เข็นตัวเองมาใกล้ มองเขม่นนุชนารถ
“พี่นุชเห็นพี่รินทร์แล้วทำไมต้องเช็ดปากด้วย”
“ก็น้ำลายมันจะหก เอ๊ยไม่ใช่ ปากมันเปื้อนอยู่นะคะ แดดร้อนเข้าข้างในดีกว่าคะ เร็วๆ เดี๋ยวพี่นุชพาไป”
นุชนารถเฉไฉ เข็นรถรัตนาจะไปทางอื่น แต่ไม่วายมองไปทางคีรินทร์อย่างเสน่หา
คีรินทร์เดินเช็ดตัวเปิดประตูเข้าห้องนอน เห็นนุชนารถนอนรอบนเตียง นุชนารถงอนไม่พอใจที่คีรินทร์ไปกับกีกี้จึงโผ่เข้าหาคีรินทร์อย่างกระเง้ากระงอด
“รินทร์ใจร้าย มีนุชอยู่ทั้งคน ยังไปยุ่งกับนังอีขี้ เอ้ย กีกี้ นุชไม่ยอมนะ”
คีรินทร์ดึงมือออก จับไหล่นุชนารถ
“เราเคยตกลงกันแล้วไง เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่รู้ใจ แค่นั้น ต่างคนยังมีอิสระ อยากทำอะไรได้ทั้งนั้น ถ้าคุณยังอยากคบกับผมต่ออย่างอแงแบบนี้”
“อันนั้นนุชก็รู้ แต่มันทำใจยาก คุณเคยรักนุชบ้างไหม รินทร์ขา...สักนิดก็ได้นะรินทร์”
นุชนารถโอบกอด คีรินทร์กอดตอบ
“ไม่เอาน่า อย่าพูดเรื่องซีเรียสแบบนี้ คุยเรื่องสบายใจดีกว่าเพิ่งว่ายน้ำมาหมาดๆ ตัวเย้น เย็น ไม่เชื่อจับดูสิ”
คีรินทร์กอดนุชนารถล้มลงบนเตียง จี้เอวหยอกล้อ นุชนารถหัวเราะชอบใจ ขณะนั้นเขมทัตเดินผ่านหน้าห้องได้ยินเสียงทั้งคู่ดังมาแว่วๆ ก็ขมวดคิ้ว ไม่พอใจ
ไข่มุกหยิบเครื่องส้มตำใส่ครกคล่องแคล่ว ลูกค้ายืนออหน้ารถเข็นส้มตำ
“ปูปลาร้าแซ่บๆ ได้หรือยังละจ๊ะแม่ค้าคนสวย”
ไข่มุกยิ้มแป้น
“ได้แล้วจร้า ของอร่อยก็ต้องรอนิดนึง”
ไข่มุกตำส้มตำปั่นครกหมุนติ้ว ลูกค้าตาค้าง เริ่มฮือฮา
“โอโฮ้ แม่เจ้าโว้ย”
ไข่มุกหยิบสาก หมุนติ้วบนฝ่ามือ
“สากพิฆาตจอมมารสะท้านฟ้า”
ไข่มุกโยนสากขึ้นบนฟ้าลูกค้ามองตาม ไข่มุกยกครกโยกซ้ายขาวรอรับสาก ลูกค้าโยกซ้ายขวาลุ้นตาม สากหล่นใส่ครกเป๊ะ ลูกค้าปรบมือเกรียว
“สุดยอด เอาอีก...เอาอีก”
ลูกค้าเชียร์ลั่น ไข่มุกยิ้มยักคิ้วแล้วหยิบตูดไก่หนึ่งกำมือแบให้ลูกค้าดู หน้าตาขึงขัง
“ตูดไก่ย่าง สะท้านโลกันต์”
ไข่มุกโยนตูดไก่ขึ้นฟ้า แล้วหยิบไม้เสียบ 3-4 อันพุ่งตามไปบนฟ้า หล่นลงมากลายเป็นตูดไก่เสียบไม้เรียงบนเตา ไข่มุกทำท่าปิ้งย่างตูดไก่อย่างคล่องแคล่ว ลูกค้าปรบมือกันเกรียว ไข่มุกหยิบเครื่องส้มตำตำในครกว่องไวจนลูกค้ามองตามไม่ทัน
“เร่เข้ามาจ้า ส้มตำกายกรรมเส้าหลินจ้า เร่เข้ามา”
เสียงนกหวีดเป่าปรี๊ด ไข่มุกหันควับ เทศกิจวิ่งมาแต่ไกล ไข่มุกรีบเข็นรถหนีลูกค้ามองตาค้าง
“อ้าว จะหนีไปไหน ส้มตำชั้นละ”
“โจทก์หนูมา ขอไปตั้งหลักก่อน ติดปูปลาร้าไว้ก่อนนะพี่”
ไข่มุกเข็นรถหนีอย่างเร็ว เทศกิจวิ่งตาม
ไข่มุกเข็นรถ หันรีหันขวางมองเทศกิจที่วิ่งมาติดๆ
“ทำไมดวงจู๋อย่างนี้วะไอ้มุก ขายยังไม่ได้สักกะบาท ต้องวิ่งขาขวิดอีกแล้ว”
“หยุดนะ จะหนีไปไหน บอกให้หยุด”
เทศกิจเป่านกหวีดปรี๊บๆ วิ่งตาม ไข่มุกเข็นรถขึ้นสะพานลอยเตี้ยๆ พอไปถึงกลางสะพาน มองทางลงเห็นรถติดยาว หันรถเข็นซ้ายขวาไม่มีทางไป มองเทศกิจ หน้าเสียเกาหัวยิก
“โอย มาติดอะไรกันตอนนี้”
ไข่มุกรีบเข็นรถเข็นขึ้นไหล่ทาง หันมองเทศกิจที่เฉียดจะถึงตัวหน้าตาขึงขัง เทศกิจกระโดดตัวลอยตระคลุบตัวไข่มุก
“เอ้ย เสร็จข้าแน่”
จังหวะเดียวกันไข่มุกกระโดดตัวลอยสวนทางขึ้นหลังรถคันหนึ่ง เทศกิจล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ไข่มุกวิ่งขึ้นหยุดยืนบนหลังคารถหันบอกเทศกิจ
“ไม่ได้ตั้งใจเลยพี่ ตัวมันลอยขึ้นมาเอง”
ไข่มุกวิ่งข้ามบนหลังคารถคันต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว ขณะนั้นรถเข็นก็ที่ไหลลงสะพานอย่างเร็ว คนในรถได้ยินเสียงคนวิ่งบนหลังคาจึงยื่นหัวดู
“มาถ่ายหนังอะไรบนรถข้าวะ ลงไป”
ไข่มุกกระโดดลงจากรถที่ตีนสะพาน แล้วคว้ารถเข็นไว้ทัน
จากนั้นก็เข็นหนีไปอย่างเร็ว เทศกิจวิ่งตามอย่างเหนื่อย
คีรินทร์เป็นลูกชายของเขมทัต ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาว ภายในห้องประชุมของบริษัทเขมทัตนั่งหัวโต๊ะ คีรินทร์นั่งถัดมาประจันหน้ากับวัฒนา ด้านข้างเป็นคณะกรรมการบริษัท
“ผมขอเสนอที่ประชุมบอร์ดนะครับ ว่าจะให้คีรินทร์ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการ ดูแลทุกอย่างแทนผม”
เขมทัตบอก ผู้ร่วมประชุมซุบซิบกัน
“ผมก็เห็นด้วยนะ ยังไงคุณคีรินทร์ต้องได้ตำแหน่งนี้อยู่แล้ว แต่ผมว่าคุณคีรินทร์ยังอายุน้อยไปมั้ย คุณวัฒนาน่าจะเหมาะสมกว่า”
“ผมกับวัฒนาก็อายุเท่ากัน เป็นเพื่อนกัน น้อยกว่าตรงไหนไม่ทราบ” คีรินทร์แย้ง
“แต่คุณวัฒนามีครอบครัวแล้ว ดูภูมิฐานกว่าหนุ่มสำอาง ตำแหน่งนี้ต้องเป็นคนมีความรับผิดชอบ ถ้ามีครอบครัวแล้ว จะมีวุฒิภาวะดีกว่า”
บอร์ดคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย ขณะที่วัฒนาดูสงบ ถ่อมตัว ไม่ทำท่าแข่งกับคีรินทร์
“โสดไม่โสดไม่เกี่ยวมั้งครับ คุณคีรินทร์ก็มีความรู้ความสามารถไม่น้อยไปกว่าผม”
“ถ้างั้นที่ประชุมก็ต้องโหวต แต่ดูเสียงส่วนมากจะไปทางคุณวัฒนานะ”
บอร์ดทุกคนยิ้มพยักหน้าเห็นด้วย คีรินทร์รู้สึกเสียหน้า
อีกด้านหนึ่งที่บ้านชลลดา ซึ่งเป็นบ้านที่ออกแนวผู้ดีเก่าแต่ไม่ใหญ่โตไม่หรูหราอะไรมาก ไข่มุกนั่งคอตกอยู่ในห้องรับแขก วันดีนั่งหน้าเศร้า ชลลดามองอย่างหยันๆ
“ดอกเก่าก็ยังส่งไม่ครบ ยังมีหน้ามาเอากู้ใหม่อีกเหรอยะ เห็นชั้นเป็นตู้เอทีเอ็มหรือไง”
ชลลดาต่อว่า วันดีทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
“คุณนายขา อิชั้นเดือนร้อนจริงๆ วันนี้ก็โดนเทศกิจจับ ทุนหายกำไรหด ตูดไก่ก็เสียหมด สงสารเถอะคะ ขอสักสองสามพันไปทำทุน”
เสียงเอะอะดังขึ้นมา สาวใช้พม่าถือกระเป๋าเสื้อผ้า วิ่งหนีรุดเข้ามาในห้องนั่งเล่น ภัททิมาตามมาจะตบ
“แกจะหนีไปไหน ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน หนอย จะหนีกลับบ้านขอสักฉาดให้ลืมทางกลับบ้านเลย”
สาวใช้พม่าวิ่งวนไปมารอบห้อง ภัททิมาตามตบ
“มะอยู่ละโว้ย บะนี้มีแตะนังยัก” สาวใช้พม่ามุ้ยหน้าไปทางชลลดา “นี่ตัวนึง” สาวใช้พม่าชี้ไปทางชลลดา “นั่งก้ออีกตัว หนูอยู่ต่อปะ มีหวางโดงจับกิงแน่ๆ”
“โอย อะไรกันนัก เวียนหัว จะไปไหนก็ไป ออกไปให้หมด” วันดี ไข่มุก มองอย่างอึ้ง สาวใช้วิ่งหนีออกไป ภัททิมาตามตบต่อ “ดูมันสิ ทำงานไม่ถึง 5 วันบอกจะกลับบ้าน น้ำอดน้ำทนหายไปไหนหมด” ชลลดามองไข่มุกอย่างสนใจ “ว่าแต่ลูกสาวเนี่ย ทำงานบ้านเป็นมั้ย ถ้าหล่อนจะยืมเงินต่อก็เอามันมาทำงานบ้านชั้นก่อนแล้วกัน”
ไข่มุกอึ้งส่ายหน้า
“หนูทำไม่เป็น หนูเป็นเด็กขี้เกียจ”
วันดีถลึงตาใส่ไข่มุก
“ถ้าไม่มา ชั้นก็ไม่ให้ยืมเงินต่อ แล้วทั้งต้นทั้งดอกคืนมาให้หมดวันนี้ ตอนนี้เลย แต่ถ้าให้อยู่...”
“คุณนายจะยกดอกเบี้ยให้หมดเลยใช่มั้ย” วันดีรีบถาม
“บ้าหรอ ดอกเบี้ยตั้งสี่แสนห้า ใครจะให้แก เอางี้ ชั้นลดดอกให้แสนนึง แต่ต้องทำสัญญาให้นังนี่ทำงานอยู่บ้านชั้นห้าปี แต่ถ้าเบี้ยวหนีไปก่อนแกต้องชดใช้คืนให้ชั้นเป็นสามเท่า”
“โอ้โห แบบนี้มันเค็มไปมั้ง”
“ฟังให้จบก่อนสิยะ ระหว่างทำงาน ไม่ได้ใช้ฟรีๆ นะ จะให้เงินเดือน เดือนละ สี่พันห้า”
“สี่พันห้าร้อย ถูกไป ตอนนี้ค่าแรงวันละสามร้อยแล้ว ก็ต้องเดือนละเก้าพันสิคุณนาย ผู้ดีทำไมตกเลขวะ”
“เก้าพันกะผีแกดิ เงินเกือบหมื่นใครจะมีให้ งั้นก็...เพิ่มให้เป็นเดือนละห้าพัน จ่ายล่วงหน้าให้เดือนนึงเลย” วันดีจะโวยแต่ชลลดาหยิบควักเงินมานับ “ตกลงมั้ย ถ้าตกลง เดี๋ยวเซ็นสัญญากัน แล้วหล่อนก็เอาเงินไปเลย”
วันดีมองเงินตาวาว ไข่มุกมองแม่แล้วอยากจะร้องไห้ นึกรู้ว่าวันดีตกลงแน่
ทางด้านคีรินทร์นั่งนิ่งในห้องทำงานพ่อ ยังเสียหน้าไม่หาย เขมทัตมองหน้าลูกอย่างครุ่นคิด
“จำอายงยุทธ เพื่อนพ่อที่ตายไปแล้วได้ไหม” เขมทัตถามขึ้นมา
“จำได้รางๆ ทำไมเหรอครับพ่อ”
“เราสองคนเคยคุยกันว่า ว่าจะให้แกแต่งงานกับลูกสาวเขา”
คีรินทร์มองหน้าพ่อ
“หา อะไรนะพ่อ ยุคนี้ยังจะคลุมถุงชนอะไรกันอีก ตอนนี้มันมีแต่ถุงยางนะครับ”
“พวกบอร์ดพูดถูก กรรมการผู้จัดการควรมีภาพลักษณ์ที่ดี ต้องมีวุฒิภาวะที่จะดูแลบริษัท และพนักงานเกือบพันคนได้ ไม่ใช่เพลย์บอยจีบคนโน้นยุ่งกับคนนี้ พ่อต้องการให้แกแต่งงานกับลูกสาวยงยุทธ”
คีรินทร์อึ้ง นึกไม่ถึงพ่อจะรวบรัดแบบนี้
ประตูบ้านชลลดาถูกเปิดออก ไข่มุกแต่งตัวเรียบร้อย ถักผมเปีย ผมหวีแสกกลางเรียบ หิ้วกระเป๋าซอมซ่อ ยืนแหงนหน้ามองบ้านอันโอ่อ่านัยน์ตาเศร้า พิพัฒน์เดินมาหยุดมองไข่มุก ตาเป็นประกายกรุ้มกริ่มใส่
“คนใช้ใหม่หรอ ชื่อน้องพจมานรึเปล่า เข้ามาสิ แต่งตัวใช้ได้มั้ยเนี่ย บ้านนี้ผู้ดีเก่านะ คุณแม่ยิ่งเจ้าระเบียบ มา ... ช่วย”
ไข่มุกก้าวเท้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ พิพัฒน์ได้ทีถึงเนื้อถึงตัว จับไหล่ ทำทีหมุนตัวไข่มุกไปมา
“ไม่ ไม่ต้องคะ หนูแต่งเองได้ ขอบคุณคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ชั้นจะดูเสื้อผ้าให้ ทำดิ้งไปได้”
ไข่มุกหลบ แต่ก็ไม่พ้น พิพัฒน์กะรวบตัวไปกอด ไข่มุกกระแทกกระเป๋าใส่เท้าอย่างจัง พิพัฒน์กระโดดโหย่ง ชี้หน้าไข่มุก จับเท้าเจ็บปวด
“โอ้ย แกแกล้งชั้นหรอ”
“เปล่าคะ หนูตกใจบ้านใหญ่จัด กระเป๋าเลยหลุดมือ”
ภัททิมาโผล่มา
“อะไรกัน เสียงดังเอะอะโวยวาย”
พิพัฒน์ออกห่างไข่มุก
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ เด็กมันซื่อ มาใหม่ไม่ค่อยรู้เรื่อง”
ภัททิมามองหน้าไข่มุกอย่างไม่ถูกชะตา
“ไม่ทันเข้าบ้านก็ออกลาย อย่าให้รู้เชียวนะ แม่ตบเหงือกฉีก”
ชลลาดาเดินเข้ามา ไข่มุกยกมือไหว้ชลลดา
“เถลไถลที่ไหนมายะ ชั้นรอหล่อนแต่เช้า นี่ลูกสาวชั้น ต่อไปให้ เรียกว่าคุณลูกไก่ แล้วนี่ก็คุณพัฒน์ แฟนเขา ส่วนชั้น แกต้องเรียกว่าคุณผู้หญิง พูดเป็นมั้ย”
“เป็นค่ะคุณนาย เอ๊ย คุณผู้หญิง”
“ก็ยังดีที่พูดได้ วันนี้ก็เช็ดถูบ้านให้สะอาด ให้หมดทุกซอกทุกมุม”
ไข่มุกอ้าปากค้าง
“ทั้งหลังนี่หรอคะ สามวันจะถูหมดไหมเนี่ย”
“เออสิ มีงานอีกเป็นสิบอย่างรอแกอยู่ ไม่หมดได้ไง ทำให้มันคุ้มห้าพันหน่อย ห้าพันนะยะไม่ใช่ห้าบาท”
ไข่มุกขาอ่อน ทรุดตัวลงทำท่าจะร้องไห้
ไข่มุกเริ่มงานด้วยการทำงานสารพัด ปัดกวาดเช็ดถู มือถือไม้ปัดฝุ่น นิ้วเท้าคีบผ้าขี้ริ้วถูบ้าน ล้างจานกองพะเนิน ชลลดายกแก้วเต็มถาดมาให้ล้าง ไข่มุกทรุดตัวแทบสลบคาอ่างล้างจาน
ชลลดานั่งสบายในห้องนั่งเล่น ไข่มุกเช็ดขี้ฝุ่นอย่างเหนื่อย แทบจะหลับ สัปหงก ภัททิมาเดินลงบันไดมา“แม่คะ โทรศัพท์”
“ใคร”
“ชื่อเขมทัต”
ชลลดาตกใจ
“คุณเขมทัตเหรอ เขาบอกรึเปล่า มีเรื่องอะไรนะ”
ภัททิมาสั่นหน้า
“ตกอกตกใจอะไรขนาดนั้น แฟนเก่าแม่หรอ”
“ใช่ที่ไหน เจ้าหนี้รายใหญ่ของเราต่างหาก”
เขมทัตนัดเจอกับชลลดาที่ร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง เขมทัตนั่งจิบกาแฟ สีหน้ายิ้มนิดๆ
“ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี นานมากนะ ป่านนี้ลูกสาวคงโตเป็นสาวแล้วเป็นไงบ้างครับ”
“ลูกไก่สบายดีค่ะ แต่ตัวดิฉันเองยุ่งเหลือเกินคะคุณเขมทัต นี่ก็พยายามรวบรวบเงินมาใช้หนี้บ้าง แต่มันก็ไม่ค่อยจะเหลือเลย ต้องส่งลูกไก่เรียนหนังสือ พึ่งจบเนี่ย แต่ก็ยังหางานทำไม่ได้”
“ผมไม่ได้มาทวงเงิน แต่มาพูดถึงสัญญาที่เคยตกลงกับยุทธไว้ที่จะให้ลูกสองบ้านแต่งงานกัน”
ชลลดาตกใจ นึกไม่ถึง
“คุณยังคิดจะให้เป็นแบบนั้นจริงหรอ ดิฉันนึกว่าคุยเล่นกับคุณยุทธซะอีก”
เขมทัตพยักหน้า
“คนอย่างผม พูดคำไหนคำนั้น”
ชลลดาฟังอย่างดีใจ
“แล้วลูกชายคุณเขมทัตเป็นไงบ้างคะ ธุรกิจโรงแรมคุณคงใหญ่โตขึ้นแล้วสิคะ”
“ก็อย่างนั้นแหละคุณ ไอ้เจ้าลูกชายก็ยังรักสนุกอยู่ ถึงอยากขอหนูลูกไก่ไปอบรมดูแลมันไง”
ชลลดาฟังอย่างผิดหวัง
“อ้าว งั้นหรอกหรอคะ...นึกว่าจะดี”
“แล้วหนูลูกไก่ มีแฟนรึยัง”
ชลลดารีบสั่นหน้า
“ไม่มี๊...ไม่มีคะ ใสซื่อบริสุทธิ์ มดไม่เคยไต่ ไรไม่เคยตอมเลยคะ”
เขมทัตยิ้มรับนิดๆ พอใจ ชลลดายิ้มตอบฝืดๆ ชักไม่นึกปลื้มคีรินทร์แล้ว
ภัททิมานั่งกอดจู๋จี๋กับพิพัฒน์ในห้องนอน ไข่มุกเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา พอเห็นก็ตกใจ
“ว้าย...ยัยบ้า เปิดประตูเข้ามาได้ ไร้มารยาท”
ภัททิมาต่อว่าไข่มุกอย่างโมโห
“ก็เคาะประตูแล้วนิคะ นึกว่าไม่มีใครอยู่ จะเข้ามาทำความสะอาด”
“ถ้าชั้นอยู่บ้าน ไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามา เข้าใจไหม”
“แล้วจะให้ทำตอนไหนละคะ คุณอยู่บ้านเกือบทั้งวัน กลางคืนถึงออก กลางคืนหนูก็ต้องนอน”
“แกก็อย่านอนสิยะ เอาเงินแม่ชั้นไปแล้ว หัดทำงานแบบเซเว่นอีเลฟเว่นบ้าง บริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะ ทำได้มั้ย”
“ลูกไก่ ลูกไก่...ไก่ มาหาแม่ด่วน ลูกไก่”
เสียงชลลดาตะโกนเรียกภัททิมาดังลั่น พิพัฒน์ดูเบื่อหน่าย ภัททิมาบ่นอุบ
“แม่มาแล้ว จะเรียกทำไมก็ไม่รู้”
ทั้งสองลงไปข้างล่าง
ไข่มุกทำความสะอาด เปิดตู้เสื้อผ้าดู เห็นเสื้อผ้าสวยๆ ก็อดหยิบมาดูมาเทียบกับตัวเองไม่ได้ แล้วก็ยิ้มมีความสุขกับเสื้อผ้าของใช้สวยๆ
มายาสีมุก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ฝ่ายภัททิมากับพิพัฒน์ลงมาหาชลลดาที่ห้องนั่งเล่น ชลลดารีบเล่าเรื่องวันนี้ให้ภัททิมาและพิพัฒน์ฟัง
“สนใจมั้ยลูกถ้าแต่งงานกับลูกชายบ้านโน้น เท่ากับเราได้ล้างหนี้เกลี้ยงหมดจด คุณลูกไก่ขา ตกลงโอเคมั้ย”
“ภัทมีผัว...เอ๊ยมีผมอยู่แล้วทั้งคน คุณแม่จะให้แต่งกับคนอื่นได้ไง” พิพัฒน์แย้ง ชลลดาร้องกรี๊ด“เป็นแค่แฟนกัน อย่ามาเรียกว่าผัวนะ แล้วเธอเลี้ยงลูกสาวชั้นได้หรอ มีแต่ขอเงินชั้นอีกต่างหาก”
“ตาเขมทัตที่ว่าเนี่ย รวยจริงหรอแม่”
“ก็ต้องรวยสิลูก ไม่งั้นจะมีเงินให้เรายืมเป็นสิบกว่าล้านหรอ”
“ไหนแม่เคยบอกว่า เขาทำโรงแรมจิ้งหรีด แล้วจะรวยแบบนั้นได้ไง”
“ก็ไม่ถึงกับจิ้งหรีดหรอก แม่ก็พูดเว่อร์ไปหน่อย ตอนนั้นโรงแรมเขาก็เล็กๆ นะ แต่ตอนนี้คงดีขึ้นแล้วมั้ง”
“วันนี้เขานัดแม่ที่ร้านกาแฟเล็กๆ ใช่เปล่า”
“อืม”
“ถ้าโรงแรมใหญ่จริง ทำไมเขาไม่นัดเจอแม่ที่นั่นล่ะ แถมยังบอกว่าลูกชายไม่เอาไหน จะให้หนูไปสอน โอ๊ย ไม่เอา หัวเด็ดตีนขาดหนูก็ไม่แต่ง พวกเศรษฐีใหม่ไร้สกุล ตอนนี้จะยังรวยมั้ยก็ไม่รู้ อย่างพัฒน์ เขาลูกผู้ดีมีเชื้อมีสาย ไปไหนก็ไม่อายใคร”
“หมดสมัยแล้วครับคุณแม่ ขายลูกใช้หนี้”
“ใช่คะ อีกอย่างหนังหน้านายคนนั้น หนูก็ไม่เคยเห็น จะอุบาทว์เหมือนปลาบู่ชนเขื่อนรึเปล่าก็ไม่รู้ มานอนทำปากทู่ๆ ทุกคืน บนเตียงเดียวกับหนู ยี้...แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”
“แต่งหลอกไปก็ได้ เขาจะยกหนี้ให้เป็นของขวัญวันแต่ง มันก็เยอะอยู่นะลูกขา”
“หนูไม่แต่ง อยากให้แต่ง แม่ก็แต่งเองสิ”
“ถ้าทางโน้นยอมก็ทำแล้วสิ ลูกไก่ แล้วจะให้แม่ทำไง”
“หนี้ของแม่ ก็หาทางเองสิคะ หนูไม่รู้ด้วย”
วันต่อมาที่บ้านคีรินทร์ เขมทัต มณี นั่งในห้องนั่งเล่น คีรินทร์เพิ่งกลับเข้ามา มณีหันไปมองลูกชาย คีรินทร์ทำท่าจะรีบหลบเพราะขี้เกียจโดนบ่น
“จะหลบไปไหน รู้ใช่มั้ยว่าจะบ่น เห็นพ่อแม่หนีตลอด เข้ามานี่สิ”
มณีเรียกอย่างรู้ทัน เขมทัตส่ายหน้าระอา มองคีรินทร์ที่เดินมาล้มตัวบนโซฟาข้างมณีอย่างง่วงและอ้อนมณี
“ว่าไงลูกบังเกิดเกล้า ไก่ไม่ขันเป็นไม่กลับ เมื่อไรจะเลิกเป็นเสือผู้หญิงสักที”
“ควงไม่ซ้ำหน้า เจ็ดวันเจ็ดคน แต่ละนางชั้นเห็นแล้วจะเป็นลม”
คีรินทร์ง่วงตาปรือ ยกนิ้วครบแปด
“แปดแม่ บางคืนควงสอง ก่อนเที่ยงคืนคน หลังเที่ยงคืนอีกคนกะเผื่อพ่อเขาด้วย”
คีรินทร์ยิ้มกวน เขมทัตระอา
“ไม่ต้องเลย อย่าหาเรื่องให้เว้ย พ่อคุยกับบ้านโน้นเขาแล้ว เดี๋ยวนัดเจอกันทำความรู้จัก เห็นหน้าตากันซะ”
“โอ๊ย ไม่ต้องไปก็รู้จักแล้ว ชื่อออกจะกระฉ่อนเมือง ใจแตกแต่เด็กสาวเซ็กซี่ ไฮโซ ทั้งเปรี้ยว ทั้งซ่าส์”
คีรินทร์ลุกนั่งอย่างสนใจ
“ขนาดนั้น...” คีรินทร์ตบเข่า “สเป็กเลย เรียบร้อยไปจืดตายชัก”
“จะหาลูกสะใภ้ทั้งที ชั้นขอเกรดเอเท่านั้นนะยะ บอกไว้ก่อน”
“ยุทธเขาไม่อยู่แล้ว ผมก็ควรดูแลครอบครัวเขาบ้าง”
“งั้นพ่อก็ควบสอง แต่งแทนผม ดีไหมครับแม่” มณีตีแขนคีรินทร์
“ข้ามศพชั้นไปก่อน”
“ตกลงแกจะแต่งมั้ย จะได้บอกเขา”
“แซ่บเว่อร์ขนาดนี้ แค่ได้ยินก็อยากชิมแล้ว” คีรินทร์ยิ้มกริ่มให้เขมทัต “ไม่มีปัญหาครับ ถ้าเขาจับผมได้นะ”
คีรินทร์ยิ้มอย่างหมายมาด อยากรู้จักภัททิมาขึ้นมาติดหมัด
ที่บ้านชลลดา ไข่มุกถูพื้นห้องโถง น้ำเจิ่งนอง ชลลดาเดินมาจะขึ้นรถไปกับภัททิมา เพื่อจะพาภัททิมาไปนวดหน้าหวังให้คีรินทร์มาเห็นแล้วปิ๊ง ชลลามองพื้นห้องอย่างไม่สบอารมณ์
“ตายแล้ว แกจะเปลี่ยนบ้านชั้นเป็นสระว่ายน้ำรึไง ทำไมไม่บิดผ้าให้หมาดกว่านี้ เดินไปมา ได้ลื่นหัวแตก”
ไข่มุกหยิบผ้ามาบิด
“ค่ะ คุณนาย”
“เดี๋ยวชั้นจะพาคุณลูกไก่ไปนวดหน้า ขัดผิว ถ้าใครมาห้ามพูดอะไรเด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็นคนของคนชื่อเขมทัต หรือคีรินทร์ล่ะก้อ ห้ามเอ่ยอะไรทั้งนั้น เขาทักอะไรมาก็อือๆ คะๆ ไปซะ”
“ห้ามพูด...ถ้าเขาถามหนูละคะ”
“ก็ไม่ต้องตอบไง ทำไมโง่จริง”
“อ้อ ได้ค่ะ”
ไข่มุกพยักหน้ารับ
“เขาจะส่งคนมาเร้อ” ภัททิมาถามชลลดา
“ไม่แน่ ต้องสั่งไว้ก่อน เดี๋ยวแม่นี่ปากสว่าง ไปเล่าเรื่องในบ้านให้เขาฟัง จบเห่กันหมด เฝ้าบ้านให้ดีล่ะ”
ชลลดากับภัททิมาเดินเกร็งๆ กลัวจะลื่น ภัททิมาจับชลลดาไว้
“ระวังคะคุณแม่ หนูลูกไก่ประคองนะคะ”
ไข่มุกฉุนจมูก จามเสียงดังลั่น
“ฮัดเช้ย”
ชลลดาตกใจ หงายหลังลื่นแทบล้มดีที่ภัททิมารั้งไว้ได้ทัน ไข่มุกยิ้มขำ รีบปิดปาก
“ว้าย...เห็นไหมนังตัวดี หัวชั้นฟาดพื้นตายไปทำไง”
“เช็ดให้แห้งก่อนชั้นกลับนะยะ ไม่งั้นแกโดนแน่”
ไข่มุกพยักหน้ารับ มองสองแม่ลูกขับรถออกไปอย่างโล่งใจและสบายใจ
ส่วนที่กองถ่าย คีรินทร์นั่งดูกีกี้ที่เข้าฉาก กีกี้คอยส่งสายตามาให้คีรินทร์จนโดนผู้กำกับว่า
“จะถึงร้อยเทคมั้ยเนี่ยน้องกีกี้ มีสมาธิหน่อยสิครับ”
ธุรกิจเดินมาหาผู้กำกับ
“ติดต่อไข่มุกไม่ได้เลยคะ ตอนนี้ไม่รับงานแล้ว”
“จบกัน แล้วจะหาสตั้นฝีมือขนาดไอ้มุกได้ที่ไหน เสียดายวะ”
กีกี้เดินมาหาคีรินทร์
“เขาบ่นเสียดายอะไรกัน” คีรินทร์ถามกีกี้
“พอดีตัวประกอบที่เล่นคิวบู๊ เขาไปได้งานประจำแล้ว”
คีรินทร์ผลุนผลัน
“ผมขอตัวก่อนนะ นึกได้มีธุระ”
“ไปกันดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอ เดี๋ยวสิคะ จะไปไหน”
คีรินทร์ไม่ตอบ รีบออกไป
หลังจากทำความสะอาดห้องโถงเสร็จ ไข่มุกขึ้นมาที่ห้องภัททิมา ไข่มุกเปิดตู้เสื้อผ้าของภัททิมา ติดใจชุดสวยที่เคยหยิบ นิ่งคิดชั่งใจว่าไม่มีใครอยู่บ้านจึงลองหยิบมาทาบกับตัว
ไข่มุกใส่ชุดสวยของภัททิมาแล้วเดินมาหยุดหน้ากระจก ยิ้มชอบใจที่ตัวเองดูสวยเหลือเกิน ไข่มุกแต่งหน้า ตาทา ปัดขนตา ดูสวยปิ๊งมาก ได้ยินเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ไข่มุกสะดุ้ง ตกใจ
คีรินทร์ยืนอยู่หน้าประตู ไข่มุกเดินออกมาในชุดสวยของภัททิมา คีรินทร์อึ้งมองอย่างถูกตาถูกใจ พอไข่มุกเห็นคีรินทร์ก็ชะงัก คลับคล้ายคลับคลา จำได้ว่าเคยเห็นคีรินทร์กับกีกี้ ไข่มุกตาโตอย่างนึกได้ คีรินทร์เข้าใจผิดคิดว่าไข่มุกเป็นภัททิมา
“สวยเว่อร์แบบนี้เอง ถึงควงผู้ชายไม่ซ้ำ รอกิ๊กเบอร์อะไรมารับละ” คีรินทร์เอ่ยขึ้นมา
“กิ๊กเกิ๊กอะไรกันไม่มี คือชั้น...”
ไข่มุกชะงัก นึกถึงคำสั่งของชลลดา
“อย่าพูด อย่าตอบอะไรทั้งนั้น เออๆ คะๆ ไปอย่างเดียว”
“ภัททิมาใช่มั้ย”
คีรินทร์ถามต่อ ไข่มุกจะปฎิเสธแต่ก็ไม่กล้าพูด ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ
“ผม คีรินทร์นะ ลูกคุณเขมทัต แม่คุณคงบอกเรื่องเราแล้ว”
“เอ่อ”
“ก็แค่อยากมาเห็นหน้า ทำความรู้จัก ต่อไปเราอาจต้องเจอกันบ่อยๆ คุณละพอมีเวลาเจอไหม จัดคิวเพิ่มหน่อยแล้วกัน”
“คือ...ได้คะ”
“แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก คุณจะจริงจังกับมันหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ผมต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน เข้าใจมั้ย”
ไข่มุกงง แต่ก็รับส่งๆ ไป
“ละเอียดคะ...เข้าใจ”
“กำลังจะออกไปไหนรึเปล่า แต่งตัวสวยเชียว”
“เอ่อ ใช่ค่ะ จะออกไปซื้อของ”
ไข่มุกทำท่าจะเดินออกไปทางประตูรั้ว คีรินทร์จับแขนไว้ ไข่มุกรีบปัด หันมามองหน้า คีรินทร์ชำเลืองไปที่รองเท้าแตะคู่เก่า โทรม ที่เธอใส่อยู่
“จะไปทั้งแบบนี้ สวยไปมั้งคู่นี้”
ไข่มุกหัวเราะฝืดๆ นึกรู้ว่าเจอคนจับผิดเก่งเข้าแล้ว
ไข่มุกหยิบรองเท้าภัททิมามาใส่ ผิดๆ ถูกๆ แบบไม่คุ้นเคย ลุกยืนเดินไม่ถนัดเหมือนรองเท้าจะหลุด ไข่มุกเดินไปที่ประตูใหญ่หน้าบ้าน คีรินทร์มองขำแล้วเดินตาม
“หลวมไปมั้ง”
“ชอบใส่แบบนี้”
คีรินทร์มองหารถ
“จะไปยังไง ไม่มีรถสักคัน”
“ไปรถเมล์ เอ๊ย จะนั่ง...แท็กซี่”
“อ้อ”
คีรินทร์เห็นท่าเธอแล้วอดยิ้มอย่างนึกเอ็นดูไม่ได้
ระหว่างนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ไข่มุกมองมิเตอร์ที่ขึ้นจาก 35 ไข่มุกเปิดกระเป๋าของภัททิมาเห็นเงินแค่ 40 บาท ทำหน้าจะเป็นลม พอเห็นมิเตอร์ทำท่าจะเลื่อนขึ้นเป็น 39 ไข่มุกรีบสะกิดคนขับ
“ลุงจอดตรงนี้แหละ หนูจะลงแล้ว” ไข่มุกจ่ายไป 40 บาท แท็กซี่ไม่ทอน ไข่มุกสะกิดหลังแล้วแบมือ “ทอนๆบาทนึง”
คนขับแท็กซี่มองหน้า
“ห่วย เป็นจั๊งซี้วะซั้น งามแท้น่อ บาทนึงก็ยังเอา” คนขับทอนให้บาทนึง ไข่มุกลงจากรถ คนขับบ่นตามหลัง
คนขับ “คนรวยนี่ ขี้ตืดแท้”
ไข่มุกยืนถอนใจ เงินหมด บ่นอุบ
“รวยสะเปล่าในกระเป๋ามีสี่สิบ ถ้าไม่หนีออกมา ตาบ้านั้นปล้ำชั้นแน่”
คีรินทร์มาจอดรถเทียบข้าง บีบแตร กดกระจกลง ไข่มุกสะดุ้ง รีบเดินหนี คีรินทร์ขับตาม
“ขึ้นมา มีเรื่องคุยด้วย อย่าเรื่องมาก”
“ไม่ขึ้น ไม่คุย จะเรื่องมาก”
คีรินทร์บีบแตรไปตลอดทาง ไข่มุกเอามืออุดหู
“ถ้าไม่ขึ้น จะบีบแตรไปแบบนี้ ไม่อายชาวบ้านให้รู้ไป”
ไข่มุกไม่รู้จะทำยังไง ฉุนเตะล้อรถเข้าให้ จนตัวเองเจ็บ
“โอ้ย”
ไข่มุกหน้าหงิก มองคีรินทร์ที่ยักคิ้วทะเล้นให้ด้วยความหงุดหงิด
คีรินทร์พาไข่มุกมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ไข่มุกหยิบช้อนส้อมผิดๆ ถูกๆ ประหม่าเพราะไม่เคยกินแบบนี้ คีรินทร์นึกขำ
“ตื่นเต้นขนาดทำอะไรไม่ถูกเลยเหรอเนี่ย”
“คุณหิวก็กินไปเถอะ มีอะไรก็รีบพูดมา”
“ถามจริง คุณรู้ใช่ไหมว่าพ่อแม่อยากให้เราสองคนแต่งงานกัน” ไข่มุกตกใจ ทำช้อนตกใส่จานเสียงดัง “ไม่ต้องทำตกใจขนาดนั้นก็ได้ ทำเป็นไม่เคย”
“ไม่เคยอะไร”
“ไม่เคยมีกิ้กน่ะดิ สวยแบบนี้สงสัยแจกบัตรคิวไม่ทัน กะอีแค่เรื่องแต่ง ไม่สำคัญกับคนอย่างคุณอยู่แล้ว”
“คุณพูดเรื่องอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง”
คีรินทร์ทำท่าคิด
“ผมนึกออกแล้ว แม่คุณอาจปิดเรื่องนี้ เพราะกลัวจะไม่ยอมแต่ง โธ่ ก็เหมือนกันแหละ ยังอยากใช้ชีวิตอิสระไม่ผูกมัดใคร เข้าใจ หัวอกเดียวกัน”
“นี่คุณเมายาแก้ไอหรือเปล่า ถ้าแม่มีอะไรบอกชั้นอยู่แล้ว ขนาดไปขูดหวยมายังเอาเลขมาบอกเลย”
คีรินทร์ทำหน้างงๆ
“ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เราสองคนคงไม่รอด ต้องทำตามผู้ใหญ่แล้วละ เรามาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ดีกว่า ผมอยากรู้ว่าคุณชอบอะไร กินอะไร เที่ยวแบบไหน มีรสนิยมเซ็กส์มหัศจรรย์แค่ไหน ดีกว่าแต่งไปแล้วไม่ได้ศึกษากันก่อน”
“นี่ อย่ามา...เซ็กส์ขึ้นสมองนะ”
คีรินทร์บอกหัวเราะๆ
“เซ็กส์แล้วไม่ขึ้นสมอง เซ็กส์แล้วขึ้นเตียง”
ไข่มุกทำหน้ายี้ คีรินทร์เพลินกับไข่มุกอย่างไม่รู้ตัว
หลังกินข้าวเสร็จไข่มุกมาที่ร้านเช่าซีดี ไข่มุกเลือกแต่หนังเกาหลี ทั้งโบราณและสมัยใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่จินจูเล่นทั้งนั้น ไข่มุกบอกคีรินทร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างลืมตัว
“ชั้นชอบดูหนังคะ โดยเฉพาะหนังเกาหลี และนางเอกคนนี้ จินจู...นี่เป็นนางเอกในดวงใจชั้นเลยนะคะ”
คีรินทร์มองอย่างนึกไม่ถึง
“แล้วหนังฝรั่ง”
“เฉยๆ คะ ต้องจินจู เท่านั้น”
“ทำไมคุณถึงคลั่งไคล้ดาราคนนี้นัก เล่นมานานแล้วนี่ จะแก่คราวแม่ได้แล้วมั้ง”
ไข่มุกมองรูปจินจูอย่างชื่นชม
“ไม่รู้สิ แต่ได้ดูหนังที่เขาเล่นทีไร ชั้นมีความสุขมากที่สุดเลย มันบอกไม่ถูก รู้แต่ว่า อยากดูเขา”
ไข่มุกเงยหน้าสบตาอย่างซื่อ คีรินทร์มองเธออย่างเริ่มนึกเอ็นดูไม่รู้ตัว
เมื่อออกจากร้านเช่าซีดี ไข่มุกพาคีรินทร์มาที่ร้านส้มตำไก่ย่าง เด็กเสิร์ฟวางจานส้มตำไก่ย่างบนโต๊ะ ไข่มุกเห็นก็น้ำลายไหล คีรินทร์ได้กลิ่นก็ทำหน้าเหย่
“ลองชิมเถอะน่า ปูปลาร้าไม่เคยหรือไง ปลาร้าเป็นต่อนๆ เลยเห็นไหม เสียดายไม่มีหนอน”
คีรินทร์ส่ายหน้า ไข่มุกยิ้มขำ
“พูดซะ ใครจะกินลง คุณนี่ติดดินกว่าที่ผมคิด”
“ติดดินยังไง ชั้นก็เป็นของชั้นอย่างนี้มานานแล้ว ลองชิมสิ”
คีรินทร์ลองชิมส้มตำ
“ส้มตำอะไร รสชาติไม่ได้เรื่อง”
ไข่มุกลองชิมแล้วเห็นด้วย
“มันยังขาดอะไรอีกหลายอย่าง” ไข่มุกทำท่านึกได้ “เดี๋ยวมานะ”
ไข่มุกลุกไปคุยกับแม่ค้าขอตำเอง คีรินทร์มองอย่างแปลกใจ ไข่มุกจับโน่นใส่นี่ ตำอย่างคล่องแคล่ว ควงสากไปมาอย่างมันมือ ทุกคนในร้านมองเป็นตาเดียวกัน ไข่มุกรู้สึกตัว เลยลดลีลาให้น้อยหน่อย เทส้มตำจากครกใส่จานได้พอดีอย่างสวยงาม คีรินทร์ตักชิมยกนิ้วให้
“ไม่เคยกินส้มตำที่ไหนอร่อยแบบนี้เลย”
“ของมันแน่อยู่แล้ว ทำอยู่ทุกวัน” ไข่มุกบอกอย่างลืมตัว คีรินทร์งง
“ที่บ้านกินกันทุกวันเลยเหรอ ไม่อยากเชื่อว่าแม่คุณจะฝึกลูกสาวให้ตำส้มตำเก่งขนาดนี้”
ไข่มุกยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าบอกความจริง
คืนนั้นคีรินทร์ขับรถมาส่งไข่มุกที่บ้านชลลดา
“ขอบคุณนะคะ ที่พาไปเที่ยวหลายแห่ง”
“กองไว้ตรงนั้น” ไข่มุกทำหน้างง “ก็คำขอบคุณไง กองไว้ตรงนั้น”
ไข่มุกมองหน้า ค้อนให้โดยไม่รู้ตัว แล้วเปิดประตูจะลงจากรถ แต่คีรินทร์ดึงแขนเสื้อไว้ ไข่มุกหันมามอง
“อะไร”
“เปลี่ยนคำขอบคุณ เป็น...แบบที่คุณทำกับหนุ่มๆ ที่มาส่ง”
คีรินทร์หลับตายื่นปากจู๋เข้ามาใกล้ ไข่มุกเอากระเป๋าสะพายยันหน้าออกไป
“น่าเกลียด ไม่อยู่ด้วยแล้ว” ไข่มุกลงรถ พอดีสะดุดหกล้มลงไปนั่งกับพื้นข้างรถเพราะรองเท้าหลวม “โอ๊ยรองเท้าบ้านี่ เจ็บขา เส้นพลิกแน่เลย”
คีรินทร์ลงจากรถมาดู พยายามจับมือ ถือแขน ไข่มุกบ่ายเบี่ยงไปมา
“เดี้ยงขนาดนี้ ลุกจะไม่ไหวอยู่แล้ว ทำเป็นเก่งอีก”
“ไม่ต้องมายุ่ง คุณกลับไปได้แล้ว”
ไข่มุกลุกยืนแต่ข้อเท้าเคล็ด พอเริ่มก้าวเท้าขาก็อ่อนแรงจะล้มทั้งยืนแต่คีรินทร์เข้าไปรับตัวไว้ได้ทัน คีรินทร์โอบตัวไข่มุกแนบชิดตัวเอง ไข่มุกทั้งตกใจและตะลึงไม่ทันระวังตัว สองคนสบตากัน รู้สึกอะไรบางอย่างแล่นผ่านตาเข้ามาถึงใจแต่ก็ไม่เคลียร์ พอรู้สึกตัวไข่มุกก็ขยับหนี แต่คีรินทร์กอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยนะ นึกแล้วว่าคุณต้องเป็นพวกโรคจิต เอาเปรียบผู้หญิง”
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า ลีลาเยอะนักนะเรา รับรองผมจูบเก่งไม่แพ้ผู้ชายคนอื่นของคุณแน่ มาลองกันสักตั้ง”
ไข่มุกหลับตาด่าเป็นชุด
“คนบ้า ผีทะเล ซกมก วิตถาร ไอ้...คนพูดไม่รู้เรื่อง”
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปากเก่งกับชั้นขนาดเธอเลย รู้มั้ย” คีรินทร์ขึ้นเสียง
“ด่าแล้วยังไม่ปล่อย จะให้ชั้นทำไงเล่า”
“ปากเก่งนักใช่มั้ย”
ว่าแล้วคีรินทร์ก็ดึงไข่มุกมาจูบ ไข่มุกตาค้าง
พอคีรินทร์ถอนริมฝีปากออก เธอก็หงายหลังล้มลงอย่างเป็นลม ด้วยความตื่นเต้น ตกใจ ทุกอย่างดับวูบลง
สายตาไข่มุกจากมืดสนิทค่อยๆ หายเบลอ เริ่มกระจ่างเห็นหน้าคีรินทร์
“เธอ เป็นไงบ้าง รู้สึกตัวมั้ย นี่ ยังไม่ตายนะ”
คีรินทร์ถามอย่างเป็นห่วง ไข่มุกเห็นคีรินทร์มองอย่างห่วงแกมแปลกใจ มึนๆ งงๆ อยู่
“ชั้นเป็นไรไปเนี่ย”
คีรินทร์ยิ้มจะจับริมฝีปาก ไข่มุกสะบัด
“ดูสิ ปากเจ่อเลย สงสัยผมจูบแรงไปหน่อย หงายหลังสลบล้มตึงเลยหรอ”
ไข่มุกค้อน นึกเรื่องราว เม้นริมฝีปาก รีบเช็ดออก ชี้หน้าคีรินทร์
“คุณ...ชั้นไม่เคยเจอใครชั่วร้ายเท่าคุณเลย ออกไปเลยนะ”
“ยังไม่หยุดอีก เดี๋ยวมีจูบรอบสอง เมาจูบจนพูดคล่องเลย” คีรินทร์ทำหน้าทะเล้น “เป็นไง ผมจูบเก่งมั้ย ชอบหรอ หน้าแดงเชียว” ไข่มุกผลักคีรินทร์เต็มแรงจนเซถลาไป ทั้งเขินทั้งอายอยากจะร้องไห้ คีรินทร์ยิ้มหัวเราะในท่าทีที่ไข่มุกมีอย่างธรรมชาติที่เขาไม่เคยเจอกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน “ทำอย่างกับเป็นจูบแรกในชีวิต ตกลงเราจะแต่งงานกันรึยัง”
ไข่มุกอึ้งจะปฎิเสธก็ไม่กล้า นึกถึงที่ชลลดาสั่งห้ามพูดเอาไว้
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านคีรินทร์ ทั้งหมดนั่งทานอาหารเช้าพร้อมกัน คีรินทร์ดูสดชื่นแจ่มใสจนเขมทัตทัก
“วันนี้ดูแจ่มใสเป็นพิเศษ หรือว่าคิดได้แล้วเรื่องแต่งงาน”
“ถ้าพ่ออยากให้แต่งก็ไม่มีปัญหาครับ”
ทุกคนอึ้ง เขมทัตยิ้มพอใจ
“ไชโย พี่รินทร์จะมีแฟนแล้ว”
รัตนาบอกอย่างดีใจ นุชนารถมองหน้าคีรินทร์อย่างตกใจ
“คุณรินทร์ล้อพวกเราเล่นหรอกคะหนูนา”
“เล่นหรือไม่เล่น ก็ไม่ต้องดีใจ แม่พัทยานั่น มีผู้ชายมาเท่าไหร่ เขาใส่ตะกร้าล้างน้ำมาให้ แกยังจะรับเหรอ” มณีต่อว่ารัตนา
“เขาชื่อภัททิมาไม่ใช่พัทยา ผมว่าคราวนี้แหล่งข่าวของแม่ผิดหรือเปล่า ท่าทางเขาไม่เหมือนที่แม่พูดสักอย่าง”
“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ หลอกเก่งจะตาย มารยามีเป็นตู้คอนเทนเนอร์ไหนว่าเคยเป็นปู่ปลาไหล ไหงคราวนี้กลายเป็นลูกแมวเล็บขบละยะ”
“พ่อแม่อยากให้ผมแต่งผมก็แต่ง เป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ไงครับ”
“แต่คราวนี้แม่ไม่เห็นด้วย ลูกสาวชลลดาไม่คู่ควรเป็นสะใภ้บ้านเรา” มณีมองค้อนเขมทัต “รักเพื่อนไม่เข้าเรื่อง”
“แต่หนูนาอยากมีพี่สะใภ้”
นุชนารถถลึงตาใส่รัตนา รัตนาจ๋อย มณีก็หันมาว่า
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก เดี๋ยวเถอะ”
“อย่าพึ่งคิดมากไปครับแม่ เขาจะยอมแต่งกับผมรึเปล่า ก็ไม่รู้”
“ถ้าเป็นหนูมีแฟนอยู่แล้ว คงไม่แต่ง คุณรินทร์อย่าไปสนเลยคะ”
คีรินทร์ฟังอย่างครุ่นคิด รู้สึกค้านอยู่ในใจด้วยสิ่งที่เขาไปเจอมา
ที่บ้านชลลดา ทั้งหมดนั่งคุย ภัททิมาและชลลดาแปลกใจงงมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไข่มุกนั่งนวดขาให้ชลลดา
“นายคีรินทร์ไม่เมาก็ต้องเพี้ยนแน่ เคยเจอกับลูกไก่ที่ไหน เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว”
“แต่คุณเขมทัตโทรมาคุยกับแม่แบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะทำนองว่าคีรินทร์ถูกใจหนู ถึงกับไม่ปฎิเสธเรื่องแต่งงาน”
ไข่มุกชะงัก ตาโต มือที่นวดค่อยๆ ช้าลง
“เป็นไปได้ยังไง หนูงงไปหมดแล้ว นายคีรินทร์มาเจอใครกันแน่”
พิพัฒน์ครุ่นคิด
“เมื่อวาน พวกเราไม่อยู่กันทั้งบ้าน ยกเว้น...” พิพัฒน์หันไปมองไข่มุก ไข่มุกเริ่มรู้ว่าความซวยกำลังจะมาเยือน ทำตัวงอ คลานมุดหนีไปหลบหลังโซฟา “หรือว่าคนที่คีรินทร์เจอคือ...”
ชลลดา ภัททิมา พิพัฒน์ลุกยืนประสานเสียงพร้อมกันลั่น
“ไข่มุก”
ไข่มุกที่กำลังคลานอยู่หลังโซฟา สะดุ้งโหย่ง หลับตาปี๋
นุชนารถแอบเข้ามาหาคีรินทร์ในห้องนอน คีรินทร์นั่งอ่านหนังสือบนเตียง นุชนารถเป็นกังวลเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“คุณจะแต่งงานจริงๆ เหรอ นุชทนไม่ได้นะคะ คิดมากจน...”
“รู้ว่าคิดมาก แล้วยังคิดทำไม ผมก็แค่จะดูเขาไปก่อน”
“ปกติแค่ผู้หญิงจะล้ำเส้น คิดมาผูกพันด้วยคุณยังรีบชิ่งหนี นี่ขนาดแต่งงานยังไม่ปฎิเสธ เขามีดีตรงไหน อยากรู้มากเลย”
คีรินทร์กอดนุชนารถปลอบใจ
“อย่าไปสนใจเลยน่า ถึงแต่งก็แค่เป็นเมีย แล้วไง ผมก็ยังเหมือนเดิม...เราสองคนก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน”
นุชมองตาคีรินทร์เหมือนจะค้นความจริง แต่ก็ยิ้มรับเหมือนโล่งใจ กอดคีรินทร์ตอบ
แต่แววตานุชนารถเป็นกังวลไม่คลาย
มายาสีมุก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภัททิมางอนขึ้นมาบนห้อง ชลลดา พิพัฒน์ตามมาคุยให้รู้เรื่อง ไข่มุกนั่งพับเพียบห่างออกไป
“หนูลูกไก่จะเอาไงกันแน่ แม่งงไปหมดแล้ว ไหนว่าไม่อยากแต่ง พอแม่วางแผนให้ กลับไม่ยอมอีกแล้ว”
“หรือตัวเปลี่ยนใจจะทิ้งเขา ไม่ได้นะกุ๊กไก่” พิพัฒน์บอก
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่จะให้นังไข่มุกปลอมเป็นหนูตลอดไปได้ไง สักวันความจริงก็ต้องเปิดเผย แล้วหนูจะทำยังไง”
“มันไม่ตลอดไปหรอก แค่ช่วงสั้นๆ พอเราให้นังไข่มุกรีดเงินจากเจ้าคีรินทร์ได้มากพอ เราค่อยบอกความจริง ถึงตอนนั้น เราก็รวยแล้ว”
“แล้วถ้าคีรินทร์เอาเรื่อง ที่พวกเราโกหกล่ะแม่”
“ก็ให้นังไข่มุกรับไปสิ จะได้ไปสะตอต่อในคุก ติดไม่กี่ปีมันคงได้ออกมาหรอก”
ไข่มุกฟังตาค้าง หน้าเสีย ทุกคนหัวเราะพอใจ
ชลลดานั่งสบายใจ ไข่มุกนั่งมองชลลดาด้วยสายตาเรียกความสงสาร มือคอยเกาะที่ต้นขาชลลดา ชลลดาปัดออก
“แกไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ชั้นจะให้เงินแม่แกสองหมื่น เป็นค่าสินสอดหลังแต่งก็ทำตามที่ชั้นสั่ง เข้าใจมั้ย”
ไข่มุกรีบสั่นหน้า
“หนูไม่เอา หนูไม่เล่นด้วย หนูทำไม่เป็น หนูจะกลับบ้าน หนูคิดถึงแม่”
“หยุดโวยวายได้แล้ว แกเคยเป็นนักแสดงไม่ใช่เหรอ คราวนี้ไม่ใช่แค่ตัวประกอบ แต่ได้เป็นนางเอกเลย แกเล่นหนังมาเยอะแล้วแสดงแค่นี้ง่ายจะตาย”
“คุณผู้หญิงรู้ได้ไง เคยเป็นสตั้นกับเขาหรอคะ ถ้าเขาจับได้ในหนังหนูก็แค่ตายหลอก แต่คราวนี้ หนูจะตายจริง”
“ชั้นขี้เกียจจะพูดแล้ว แกมีสองทางเลือก แต่งงานกับคีรินทร์หรือไม่ก็...ไปตายซะ”
ไข่มุกยกมือเหมือนนักเรียน
“หนูยอมตาย”
ไข่มุกแทบร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไงดีกับความซวยที่ชลลดายัดเยียดให้
ไข่มุกกลับมาที่บ้านเช่า นั่งลงแล้วร้องไห้ หยิบผ้าขึ้นมาถือนิ่งคิดแล้วตัดสินใจ หันไปเห็นรูปจินจูที่ติดอยู่หลายภาพในห้องก็ยกมือขึ้นแตะรูป
“ลาก่อน จินจู”
ไข่มุกผูกผ้าเตรียมจะแขวนคอตาย
อีกด้านหนึ่งที่โรงแรมคีรินทร์ คีรินทร์เดินมาอย่างสบายใจ วัฒนาโผล่มาเดินข้างๆ ทำพูดอย่างเป็นห่วง
“พวกบอร์ดจะขอเปิดประชุม เรื่องแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ให้จบ ไม่ต้องห่วงนะเพื่อน ชั้นสนับสนุนนาย”
“ขอบใจ”
“แต่พวกบอร์ด”
“ไม่มีปัญหา เขาอยากให้ชั้นแต่ง ชั้นก็จะแต่ง”
วัฒนาหยุดชะงัก นึกไม่ถึง
“นายจะแต่งงาน” คีรินทร์ยิ้มรับ “กับใคร”
คีรินทร์อมยิ้มนิดๆ ไม่ตอบ ผิวปากหวือแล้วเดินไปอย่างสบายใจ วัฒนามองตามอย่างสงสัย แปลกใจ
ที่บ้านเช่า ไข่มุกร้องไห้ แล้วตัดสินใจจะแขวนคอตาย แต่วันดีวิ่งเข้ามาช่วยได้ทัน วันดีตบหน้าไข่มุกเพื่อเตือนสติ
“บ้าไปแล้วหรือไง ถึงจะฆ่าตัวตายแบบนี้”
ไข่มุกกอดวันดีร้องไห้
“แม่จ๋า”
วันดีผลักไข่มุกอย่างขัดใจ
“ไม่ต้องมาเรียก อุตส่าห์ทนลำบากเลี้ยงมาสารพัด ไม่ใช่จะให้แกมาตายแบบนี้ ทำไมถึงโง่ ปัญญาอ่อนนัก”
“หนูไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จริงๆ”
ไข่มุกร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร วันดีมองอย่างใช้ความคิด แววตาเจ้าเล่ห์ ว่าจะกล่อมไข่มุกยังไงดี
ไข่มุกนั่งร้องไห้อย่างทุกข์หนัก วันดีลอบถอนใจอย่างเบื่อหน่าย ขัดใจ แต่พยายามพูดดี ลำเลิกบุญคุณอย่างใช้ไม้นวม ไข่มุกพูดไปสะอึกสะอื้นไป
“หนูไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น เห็นหน้ากันหนเดียวจะให้แต่งงานได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ แทนที่จะมานั่งร้องไห้ คิดอยากตาย แกน่าจะตีปีก ดีใจอยู่ดีๆ มีไอ้เศรษฐีตาบอด อยากมาแต่งงานด้วย หัดใช้ความคิดมั่ง แต่งไปกับมัน แกจะสบายแค่ไหน พ่อกับแม่ก็จะพลอยหายลำบากไปด้วย อย่าเห็นแก่ตัวนักสิไข่มุก หัดคิดถึงชั้น คิดถึงพ่อแกมั่ง”
ไข่มุกหน้าเสีย
“หนูก็คิดถึงพ่อกับแม่มาตลอด จะให้ทำงานหนักแค่ไหน หนูไม่เคยบ่น แต่แม่จ๋า แต่...เรื่องแต่งงาน มันสำคัญที่สุดในชีวิตนะ”
วันดีแค่นยิ้มขมขื่น
“ใครว่า เรื่องไม่มีจะกินต่างหากที่สำคัญที่สุด ยังจำได้มั้ย ตอนแกเด็กๆ แม่ต้องพาไปขอทาน หน้าด้านหน้าดำหลอกล่อสารพัดวิธี ให้คนสงสารให้เงิน ชั้นไม่เคยลืมตอนนั้นเลย”
ภาพในอดีตย้อนกลับมา วันดีอุ้มไข่มุกซึ่งยังเด็กเดินขอทานตามตลาด คนไม่ค่อยอยากให้เงินวันดี แต่วันดีจะแอบหยิบ แอบตีให้ไข่มุกร้องไห้ คนเห็นก็สงสารไข่มุกเอาเงินใส่กระป๋องให้ สีหน้าท่าทางวันดีดูเจ้าเล่ห์ รู้มาก เอาไข่มุกมาหากินแท้ๆ
“อดมื้อกินมื้อ บางทีก็ไม่มีกินหลายมื้อ เพราะแกแท้ๆ ชั้นถึงต้องลำบากสารพัด”
ไข่มุกฟังหน้าเศร้า
วันดีชะงักนิดนึงอย่างอึ้งในความสะตอของตัวเหมือนกันแต่ก็ลำเลิกต่อ
“มาตอนนี้ เกิดโชคดีมีลาภ แกยังจะไม่เอาอีก อยากให้ชั้นลำบากจนตายรึไง”
“แต่ถึงไม่แต่งกับคุณคีรินทร์ ไข่มุกก็ทำงานเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ได้นะจ้ะ”
“เลี้ยงอดๆ อยากๆ แบบนั้น ไม่เอาแล้วเว้ย ได้ทีสองสามร้อยพอกินที่ไหน ชั้นอยากสบาย ได้ยินมั้ย นังวันดีมันอยากเป็นแม่ยายเศรษฐี เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง แกไม่ได้รัก ไม่ได้สงสารแม่เลย กรรมเวรของชั้นแท้ๆ คิดแล้วไม่อยากอยู่ต่อไปเลยคนที่จะผูกคอตายควรเป็นชั้น”
ไข่มุกกอดวันดีร้องไห้
“แม่อย่าพูดแบบนี้ แม่ก็รู้ว่าไข่มุกรักแม่แค่ไหน ทำงานหนักแค่ไหน หนูไม่เคยบ่น ได้เงินมา หนูก็ให้แม่หมด หนูรักแม่นะ แม่ก็รู้ว่าหนูรักแม่ที่สุด”
ไข่มุกร้องไห้ วันดีแอบยิ้มพอใจ สะใจ แล้วรีบตีหน้าเศร้าต่อ
“ถ้ารักแม่จริง แกต้องแต่งงานกับไอ้เศรษฐีนั่น ขอให้แม่ได้อยู่สบายสักทีเถอะ ไข่มุกเอ๊ย ทำเพื่อแม่สักครั้งนะลูก นะ แม่ขอร้อง”
ไข่มุกอึ้ง แล้วก็พยักหน้าอย่างจำใจ ร้องไห้อย่างขมขื่น
วันต่อมาชลลดากับภัททิมา ช่วยกันเลือกชุดของภัททิมาให้ไข่มุกที่ยังยืนงง
“เอาตัวไหนให้มันใส่ไปดี เลือกสวยๆ หน่อยนะลูก เดี๋ยวเจ้าคีรินทร์มันจะสงสัย ยายมณี แม่มัน ยิ่งจับผิดคนเก่งอยู่ด้วย ที่จริงแม่ไม่ได้ปลื้มไอ้บ้านนี้เล้ย นี่ถ้าไม่รวย จ้างก็ไม่คบ”
“ของหนูมีแต่สวยๆ ทั้งนั้นเลย จะให้มันไปก็เสียดาย”
“ที่จริงไข่มุกใส่ชุดนี้ของตัวเองก็ได้นะคะ”
“เก่าเป็นผ้าขี้ริ้วแบบนั้น ใครเห็นก็ต้องสงสัย ของใช้แกเอาทิ้งขยะไปหมดได้เลยนะ สภาพดูไม่ได้สักตัว ลูกไก่ เดี๋ยวให้มันไปหลายๆ ชุดนะลูก ตอนนี้มันเป็นหนูแล้วต้องแต่งตัวให้สมฐานะหน่อย”
“โห ตัวเดียวยังไม่อยากจะให้ นี่ต้องให้หลายๆ ตัวด้วยเหรอแม่ แบรนด์เนมทั้งนั้นเลยนะ”
เอาน่า อย่าพึ่งงก นังไข่มุกแต่งงานเข้าบ้านโน้นเมื่อไหร่ พวกเราค่อยถอนทุนคืน ให้นังนี่รีดไถไอ้คีรินทร์มาให้เราจนหมดตัวเลยถึงตอนนั้นจะซื้อใหม่สักกี่ร้อยชุดก็ได้”
“ดีค่ะ คุณแม่ขา มันได้แบบนี้ หนูชอบ”
สองคนแม่ลูกหัวเราะอย่างชั่วร้าย ไข่มุกฟังหน้าเสีย หมดแรง นึกสงสารตัวเองและคีรินทร์
ชลลดาพาไข่มุกมาพบกับครอบครัวคีรินทร์ที่ร้านอาหารหรูภายในโรงแรมของคีรินทร์ ไข่มุกนั่งติดกับคีรินทร์ ไข่มุกยกมือไหว้เขมทัตกับมณีอย่างอ่อนน้อม เขมทัตมองอย่างชื่นชม มณีมองหน้าเฉย แต่คีรินทร์ยิ้มเจ้าชู้ลอบมองไข่มุกเป็นระยะ
“เจอกันครั้งสุดท้ายหนูยังสิบกว่าขวบอยู่เลย โตเป็นสาวเปลี่ยนไปเยอะ ท่าทางเรียบร้อยน่ารักดี จำลุงได้มั้ยลูก ที่เคยไปเยี่ยมที่บ้านน่ะ”
ไข่มุกนิ่ง ส่ายหน้านิดๆ
“ตั้งสิบกว่าปีใครจะไปจำได้คะคุณ” มณีบอก เขมทัตหัวเราะ
“นั่นสิ คนแก่ก็อย่างนี้แหละ ชอบพูดเรื่องเก่าๆ เอ้า ตักของหวานให้น้องสิ รินทร์”
เขมทัตหมุนโต๊ะกลาง คีรินทร์มองไข่มุกอย่างเจ้าชู้แล้วตักของหวานให้ มณีมองไข่มุกที่ทำท่าเรียบร้อยรับของหวานไปแล้วเขม้นมองอย่างไม่ไว้ใจ
“แม่เอาด้วยมั้ยครับ เดี๋ยวผมตักให้”
“ไม่ต้อง ชั้นตักเองได้ ไม่ต้องรอใครมาบริการ” ไข่มุกทำหน้าเจื่อนๆ สบตาชลลดา “ได้ข่าวมาว่าหนูมีเพื่อนชายคนสนิทมาแล้วหลายคน อันที่จริงก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะเพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ลูกชายชั้นพาไปไหน แล้วเจอแต่อดีตคู่ควงของหนู บอกตรงๆ ว่าอายแทน”
“แหม คู่ควงอะไรกันคะคุณมณี ลูกไก่เขาเป็นคนคุยเก่งน่ะค่ะเลยสนิทกับคนง่าย จริงๆ แล้วไม่มี๊ไม่มีอะไรค่ะ เพื่อนกันทั้งนั้น”
“สนิทกันไปถึงไหนๆ ล่ะ”
ชลลดาหน้าตึงแต่ปั้นยิ้ม
“ไม่ถึงไหนหรอกค่ะ ลูกไก่แกเป็นเด็กเรียบร้อยเชื่อฟังพ่อแม่มาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เรื่องทำอาหารต้องยกนิ้วให้เลยนะคะ แต่บางคนเขาขี้อิจฉาเห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ ชอบใส่ความว่าร้าย อันที่จริงก็แค่ข่าวลือทั้งนั้นค่ะ ดิฉันคอนเฟิร์ม”
ชลลดายิ้มประจบมณี มณีมองไปทางไข่มุก ไข่มุกสบตาแล้วยิ้มเขินๆ ให้ มณีเลยมีท่าทางอ่อนลงแต่ยังเชิดอยู่ เขมทัตตักของหวานให้มณี
“จะอดีต จะข่าวลือก็ให้มันแล้วไปแล้วเถอะ ตอนนี้เด็กสองคนเขาอยากจะคบกันก็ปล่อยให้ศึกษาดูใจไป”
คีรินทร์มองตาเขมทัตแล้วเบนสายตามองที่ประตู เขมทัตยิ้มมุมปาก พ่อลูกสบตากันอย่างรู้ทัน
“เจ้ารินทร์ พาน้องไปเดินเล่นดูโรงแรมเราหน่อยสิ โชว์สวนที่จัดใหม่”
คีรินทร์ลุกขึ้นแล้วจับมือไข่มุกให้ลุกตาม ไข่มุกทำท่าจะสะบัดแต่ชลลดามองเขม็งเลยยอมให้คีรินทร์จับมือเดินออกไป
คีรินทร์ยังจูงมือไข่มุกเดินดูสวนในโรงแรม ไข่มุกกระอักกระอ่วนทำท่าจะดึงมือออกแต่คีรินทร์หันหน้ามาหาก่อน
“เธอจะเอายังไงยัยลูกไก่กุ๊กๆ วันนี้แม่ไก่ของเธอกางปีกปกป้องเต็มที่เชียว สงสัยกลัวแม่มณีแมวเหมียวจับเธอกิน”
คีรินทร์แหย่อย่างอารมณ์ดี
“ไม่ไก่ไม่แมวอะไรทั้งนั้นค่ะ ชั้นคิดว่าถ้าคุณไม่ได้อยากแต่งจริงๆ ก็ไม่ต้องทำตามผู้ใหญ่ว่าก็ได้ ถ้าคุณพูด พวกเขาคงเข้าใจมากกว่าชั้นพูดเอง”
คีรินทร์หัวเราะนิดๆ แล้วลูบมือที่จับ
“แอ๊บนะเธอเนี่ย ทำซื่อใสไร้เดียงสาได้เนียนชะมัด นี่เธอไม่อยากแต่งกับชั้นจริงๆ หรือว่ากิ๊กเก่ายังเร้าใจ”
ไข่มุกดึงมือออกคีรินทร์หัวเราะ
“คุณ หยาบคายที่สุดเลย”
คีรินทร์ยักไหล่
“หยาบคายที่สุด” คีรินทร์ทำเสียงล้อเลียน “เอ้า แอ๊บไม่เลิกอีก จะเล่นบทสาวน้อยถูกรังแกไปถึงไหน ชั้นแค่พูดตรงๆ สรุปว่ามีหรือไม่มี”
ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์แล้วสะบัดเดินหนีไปทันที คีรินทร์ยิ้มมุมปากแล้วเดินตามไป
คีรินทร์เดินตามไข่มุกมาที่สระน้ำ ในสระมีสาวๆ ใส่ชุดว่ายน้ำว่ายไปมา คีรินทร์ผิวปากหวือ ผู้หญิงที่ว่ายในน้ำมองสบตายิ้มยั่ว คีรินทร์ยิ้มหวานกลับ ไข่มุกมองไปที่ขอบสระเห็นคนกำลังนั่งจู๋จี๋กัน ก็ทำท่านึกออกหันมาหาคีรินทร์
“แล้วถ้าชั้นบอกว่ามีกิ๊กอยู่ คุณจะยกเลิกเรื่องแต่งงานใช่มั้ย”
คีรินทร์ละสายตาจากสาวในสระ
“เปล่าเลย มีสิดีจะได้รู้ไปว่ากิ๊กเก่าของเธอกับชั้นใครจะเก่งกว่ากัน แต่บอกไว้ก่อนว่าจากประสบการณ์ของชั้น” คีรินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบข้างหู “รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
ไข่มุกผลักคีรินทร์ออก
“ลามก คนบ้า เสือผู้หญิง”
คีรินทร์หัวเราะชอบใจ
“โห บอกสรรพคุณมาซะเพียบ แต่ขอโทษทีที่ยังไม่หมดนะครับ นี่ยังแค่น้ำจิ้มจิ๊บๆ ไอ้ที่เลวๆ แซ่บๆ ของชั้นยังมากกว่านี้ อีกเยอะ”
คีรินทร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ ไข่มุกหน้าซีดมองอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะนั้นมีผู้หญิงชุดเซ็กซี่ใส่แว่นกันแดดเดินมา หยุดยืนห่างๆ แล้วถอดแว่นกันแดดออกเขม้นมองคีรินทร์
“นั่นมันคุณรินทร์นี่”
คีรินทร์จับมือยิ้มให้ไข่มุกหวานเชื่อม แฟนเก่าที่เห็นมองแล้วกระทืบเท้าอย่างขัดใจ
ชลลดา เขมทัต มณี ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“เรื่องสินสอดก็คงต้องมีบ้างตามประเพณีแล้วแต่พวกคุณเห็นสมควร ดิฉันไม่ได้คิดขายลูกสาวกินนะคะ แต่คนระดับเราๆ จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องสมฐานะหน่อย”
ชลลดาบอก มณีจึงพูดสวนเรียบๆ
“ใช่ สินสอดสมฐานะ ก็หนี้สิบกว่าล้านของบ้านคุณไง ชั้นยกให้”
ชลลดาอึ้งแต่ปรับสีหน้าประจบ
“ขอบคุณคุณมณีมากนะคะ แต่แหม ระดับเจ้าของโรงแรมชื่อดัง ถ้าไม่มีสินสอดทองหมั้นมาวางโชว์วันแต่ง คนจะว่าเอาได้ กลัวคุณมณีกับคุณเขมทัตเสียหน้านะคะถึงได้พูดแบบนี้”
ชลลดาแอบยิ้มร้ายพอมณีหันมาเห็นก็เก็บอาการไว้ เขมทัตทำท่าครุ่นคิด
ที่สระน้ำของโรงแรม แฟนเก่าคีรินทร์ทำท่ากระสับกระส่ายแอบมองคีรินทร์ที่พาไข่มุกเดินชมสถานที่ ผู้หญิงเซ็กซี่อีกคนซึ่งเป็นแฟนเก่าของคีรินทร์เหมือนกันเดินเข้ามาตบไหล่แฟนเก่าคนแรก แฟนเก่าสะดุ้งวูบหันมาหา พอเห็นว่าเป็นใครก็วางท่าเชิดใส่
แฟนเก่าคนที่สองชะเง้อมองเห็นคีรินทร์ยืนอยู่กับไข่มุก จึงยิ้มร้ายทำท่าบุ้ยใบ้
“อุ๊ย พามาเปิดตัวเร้วเร็ว วงในเขาลือกันให้แซ่ดว่า ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ถูกใจคุณพ่อคุณรินทร์ม้ากมาก”
“เธอว่ายังไงนะ”
“ไม่รู้เหรอจ๊ะ ก็คนนี้ไงว่าที่เจ้าสาวคุณรินทร์”
แฟนเก่าเขม้นมองไข่มุกแววตาโกรธเคือง โดยมีแฟนเก่าอีกคนมองอยู่อย่างสะใจ
คีรินทร์กับไข่มุกเดินมาแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นแฟนเก่าคีรินทร์ยืนจังก้าขวางอยู่ แฟนเก่ามองไข่มุกหัวจรดเท้า แล้วเชิดใส่
“เนี่ยเหรอว่าที่เจ้าสาว เชอะ สวยได้แค่นี้เอง เช้ยเชย หน้าตาก็งั้นๆ”
คีรินทร์บ่นกับตัวเอง
“มาได้ไงเนี่ย”
“ยืนบื้ออยู่ได้ บอกมานะว่าเธอเป็นใคร”
ไข่มุกงงๆ แต่ก็เถียงกลับ
“แล้วคุณเป็นใครคะ ถึงเสียมารยาทมาวิจารณ์ฉัน”
“นี่เธอว่าชั้น”
แฟนเก่าปราดเข้าไปหาจะตบ ไข่มุกเอียงซ้ายหนี/แฟนเก่าตบขวา ไข่มุกเอียงหลบแล้วเอามือดันไหล่จนแฟนเก่าเซ คีรินทร์มองอึ้งๆ ทำท่าจะเข้าไปห้ามแต่ก็ยืนดูเฉย มองไข่มุกอย่างทึ่งจัด
“เก่งนักใช่มั้ย”
แฟนเก่าถอดรองเท้าขว้าง ไข่มุกกระโดดตัวลอยเตะกลับคืนอย่างคล่องแคล่ว แฟนเก่าเอี้ยวตัวหลบแล้วพุ่งตัวเข้าหาไข่มุกที่ยืนอยู่ริมบ่อน้ำ แฟนเก่าโถมมือทั้งตัวจะผลักให้ตกน้ำ ไข่มุกจับราวขอบบ่อแล้วยกตัวตีลังกากลับหลังขึ้นหลบ แฟนเก่าพลาดตกลงไปในน้ำเอง ไข่มุกลงพื้นอย่างสวยงามแล้วยืดตัวขึ้นสบตาคีรินทร์ คีรินทร์มองอึ้งๆ “แก...นังบ้า” แฟนเก่าตะพุ่มตีน้ำเปียกไปทั้งตัว “รินทร์ ช่วยหน่อยสิคะ”
คีรินทร์ฉวยมือไข่มุกวิ่งหนีทิ้งให้แฟนเก่าโมโหตีน้ำถูกคนมองอยู่คนเดียว
คีรินทร์พาไข่มุกมาหลบนั่งในมุมส่วนตัว แล้วมองไข่มุกอย่างยังคงทึ่งไม่หาย ไข่มุกหน้าเจื่อนกลัวถูกว่าว่าทำเกินไป
“ไปหัดมาจากไหนเนี่ย ยังกับสตั้นเลย” คีรินทร์จ้องแล้วยิ้มให้ ไข่มุกนั่งกระสับกระส่ายไม่ยอมเอนหลังบนตั่ง “อ้าว หมดท่าคนเก่งเลย ทำท่าเหมือนลูกไก่หาหนอนกิน นั่งดีๆ สิ” คีรินทร์ดึงให้ไข่มุกเอนตัวนอนบนตั่ง “พูดถึงเรื่องแต่งงาน เธอรู้ใช่มั้ยว่าแม่เธอเป็นหนี้บ้านชั้นอยู่” ไข่มุกพยักหน้า “ก็ดี จะได้พูดกันง่ายๆ แล้วถ้าเธอไม่แต่งกับชั้น แม่เธอก็จะต้องใช้หนี้ แล้วแม่เธอมีเงินใช้ให้หรือเปล่า”
ไข่มุกขืนตัวหนีจากมือที่จับไหล่
“ไม่ทราบค่ะ เป็นเรื่องของคุณแม่ ท่านคงพอมี”
“ดูไม่เดือดร้อนเลย ถ้าคุณชลลดาไม่มีเงิน จะทำยังไง เธอไม่รักแม่เลยเหรอไง”
ไข่มุกอึ้ง นึกไปถึงวันดี
“บางเรื่องก็เป็นเรื่องในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้คนนอกรับรู้”
ไข่มุกมองสื่อว่าคนนอกคือใคร คีรินทร์ยิ้มมุมปากสีหน้าเป็นต่อ
“ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ ที่เธอเรียกคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยว่าเป็นคนนอก”
“คุณ”
ไข่มุกมองอย่างตกใจ คีรินทร์ผงกหัว
“ใช่ เธอทำให้ชั้นอึ้งมากที่จัดการกับแฟนเก่าได้ เพราะงั้นไม่มีอะไรต้องห่วง ชั้นตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งกับเธอ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยล่ะ”
คีรินทร์มองยิ้มๆ แล้วผิวปากสบายใจ แต่ไข่มุกมองอึ้งๆ คิดไม่ตก
ภายในห้องอาหาร มณีจ้องหน้าชลลดาเขม็ง ชลดาถึงจะยิ้มแต่แววตาบอกว่าไม่ยอมอ่อนให้ เขมทัตมองซ้ายทีขวาทีแล้วถอนใจ
“เอาเป็นว่าเอาตามที่คุณชลลดาว่าแล้วกัน เรื่องหนี้ถือว่าหมดกันไป ส่วนสินสอดก็เป็นเงินสดเก้าล้านเก้าแสน แหวนเพชรหนึ่งวง พร้อมทองคำอีกร้อยบาท ส่วนที่เหลือค่อยว่ากันอีกที”
ชลลดาก้มไหว้ยิ้มหวาน
“ขอบคุณคุณเขมทัตมากค่ะ ดีใจนะคะที่เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ดิฉันก็มีลูกสาวอยู่คนเดียว อยากทำอะไรให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ให้สมกับคุณค่าตัวเขา”
มณีแค่นหัวเราะ
“เรียกว่าค่าตัวก็ว่ามาเถอะ จับใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ดีๆ แล้วกัน ให้คุ้มกับค่าสินสอดด้วย”
คีรินทร์กับไข่มุกเดินเข้ามาได้ยินพอดี คีรินทร์ก้มหน้าลงกระซิบ
“แม่เธอนี่เจ๋งชะมัด ฮาร์ดเซลล์ซะพ่อชั้นใจอ่อนให้ทั้งหนี้ทั้งสินสอด”
ไข่มุกหน้าตึงกวาดตามองทุกคน
“หนูไม่ต้องการทั้งสินสอดและทองหมั้นอะไรทั้งนั้น หนูขอแต่งเฉยๆ ค่ะ”
ไข่มุกประกาศก้อง ชลลดาได้ฟังก็ตาเหลือกหงายลงพิงเก้าอี้หน้าซีดเซียว
คืนนั้นเมื่อกลับถึงบ้านชลลดาดึงลากไข่มุกเข้ามาในบ้าน ภัททิมาที่นั่งอยู่พอเห็นก็ทำหน้าบึ้ง ลุกขึ้นมาหา
ชลลดาผลักไข่มุกเซถลาลงที่พื้นใกล้เท้าภัททิมา ภัททิมายืนกางขาเท้าเอว ไข่มุกเงยหน้ามอง
“ยังจะมามองหน้าอีก พัง พังหมด” ภัททิมาเงื้อเท้าเตะแต่ไข่มุกกลิ้งตัวหลบ ภัททิมาเตะวืดเสียหลักล้มลงกองที่พื้นร้องโอดโอยชี้หน้าไข่มุก “นังไข่มุก แกกล้าหลบชั้นเหรอ โอ๊ย แกนะแก อย่าหนีนะ”
ภัททิมาคลานจะเข้าไปทำร้ายแต่พิพัฒน์มาดึงตัวไปกอดไว้ให้ยืนขึ้น ภัททิมากระฟัดกระเฟียดอยู่ในอ้อมกอดพิพัฒน์ ชลลดาเข้ามายืนตรงหน้าไข่มุก
“จะบ้าหรือไง ไม่เอาทั้งเงินทั้งทอง แล้วชั้นจะให้แกแต่งไปทำไมโง่ สู่รู้ ใครบอกให้พูด ฮึ รู้ดี หยิ่งในศักดิ์ศรี เชอะ คนอย่างแกมันมีที่ไหน มีแต่นังแม่ขอทานหน้าเงิน อยากให้ชั้นเล่นงานนังวันดีใช่มั้ย”
ชลลดาเฉดหัว ไข่มุกยกมือไหว้บอกเสียงเครือ
“หนูขอโทษค่ะ แต่หนูเป็นคน ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่คุณผู้หญิงจะเอาไปขายให้ใครต่อใคร ถึงจะจนแต่หนูก็มีศักดิ์ศรี”
ชลลดาแค่นหัวเราะเสียงเหี้ยม
“ศักดิ์ศรีของแกมันใช้หนี้ที่แม่แกค้างชั้นได้มั้ยยะ ใช่ แกน่ะมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่แกเป็นยิ่งกว่านั้น ฉันเป็นเจ้าหนี้ ชีวิตลูกหนี้อย่างแกก็เป็นของชั้น เฮอะ อย่าว่าแต่เอาไปขายให้เศรษฐีเลย ถ้าชั้นอยากขายแกให้แม่เล้าแมงดาเอาแกไปรับแขกในซ่อง ชั้นก็ยังทำได้ จะลองดีดูมั้ยล่ะ” ชลลดาจิกหัวไข่มุกให้แหงนหน้า “จำใส่กะโหลกหนาๆ ของแกไว้ให้ดี ทีหลังอย่าแส่ทำซ่าสาระแนอย่างนี้อีก ไม่งั้นไม่ใช่แกคนเดียวที่จะเดือดร้อน พ่อแม่แกก็ไม่เว้น”
ชลลดาปล่อยมือออก ไข่มุกนิ่งอึ้งนึกเป็นห่วงพ่อแม่ ภัททิมาเห็นที่แม่ทำก็พอใจหายฮึดฮัด
“แล้วทีนี้จะทำยังไงคะแม่ เงินตั้งเกือบสิบล้าน ทองอีกตั้งร้อยบาทอดหมดเลย นี่กระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ของแอร์เมสก็จะออกแล้วใครไม่มีนี่เอ้าท์สุดๆ ลูกไก่ไม่ยอมนะคะ”
“ไม่เป็นไรลูกไก่ แม่มีแผนสอง เตรียมไว้แล้ว”
ชลลดายิ้มร้ายปลื้มในความฉลาดของตัวเอง ภัททิมาทำท่าดีใจวาดฝันถึงกระเป๋า ไข่มุกมองชลลดาอึ้งๆ
วันต่อมาชลลดามาที่บ้านเขมทัต ชลลดานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้ววางลง มณี เขมทัต คีรินทร์นั่งอยู่ด้วย
“อย่างที่บอกไปน่ะค่ะ ลูกไก่เขาเครียดไปหน่อย กลัวใครจะหาว่าแต่งเพราะสมบัติ เลยเสียมารยาทแบบนั้นออกมา แกเป็นเด็กอ่อนไหว ไหนจะข่าวลือที่โดนใส่ความอีก แต่ดิชั้นก็สอนลูกไปแล้ว ว่าเราเป็นคนไทย งานแต่งถ้าขาดสินสอดทองหมั้น น่าเกลียดตาย ใครๆ เขาจะนินทาเอา”
คีรินทร์มองชลลดาอย่างรู้ทัน มณีหันหน้าหนีไม่อยากพูด
“ไม่เป็นไรครับ เราคนกันเอง เรื่องสินสอด ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วง” เขมทัตบอก ชลลดายกมือไหว้ดีใจ
“ขอบคุณมากค่ะ ยังมีข้อแม้อีกสองข้อ”
“อะไรอีกล่ะ บ้านคุณนี่เยอะจริงๆ”
“ข้อแรก ขอให้จัดเป็นภายใน มีแค่คนกันเอง แบบว่าแขกยิ่งน้อยยิ่งดี”
เขมทัต มณี คีรินทร์มองอึ้งอย่างคาดไม่ถึง ชลลดามองอาการแล้วยิ้มกระหยิ่มนึกถึงสิ่งที่พูดกับไข่มุก ภัททิมาพิพัฒน์ เมื่อคืน
“งานแต่งต้องเงียบที่สุด อย่าให้ใครรู้เลยยิ่งดี ขืนคนรู้จักมากเข้า แผนเราแตกแน่ แล้วพอให้นังไข่มุกรีดไถเงินจากคีรินทร์มา แล้วก็ค่อยหาเรื่องหย่า ชื่อเสียงของลูกไก่จะได้ไม่เสียหายไม่มีใครเคยรู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อภัททิมาเคยแต่งงานแล้ว ถึงจะเป็นแค่ตัวปลอมก็เถอะต้องอย่าให้เสียชื่อเราได้”
“เดี๋ยวนะครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจัดงานภายในเล็กๆ สินสอดทองหมั้นก็ตั้งเยอะคุณน้าน่าจะอยากให้แขกมางานให้สมฐานะ ไม่ใช่แค่งานเล็กๆ เงียบๆ ไม่ใช่หรือครับ”
คีรินทร์ถามอย่างสงสัย ชลลดาทำท่าอ่อนใจ ทำท่าน่าสงสาร
“บอกตรงๆ ว่าน้ากลัวลูกไก่เขาไม่สบายใจน่ะจ้ะ คุณเองก็มีผู้หญิงเยอะแยะ ขืนจัดงานใหญ่ เดี๋ยวสาวๆ ของคุณจะมาวุ่นวาย อีกอย่างอย่าหาว่าน้าว่านะคะ คุณไม่ธรรมดา เกิดลูกไก่อยู่กับคุณได้ไม่นานแล้วต้องเลิกกัน ลูกสาวน้าจะได้เสียชื่อน้อยหน่อย น้าไม่อยากเป็นเหมือนบางคน จัดงานใหญ่ๆ อยู่กันแป๊บเดียวก็เลิก เป็นขี้ปากชาวบ้าน”
มณีมองชลลดาแล้วส่ายหน้า
“กลัวสาวๆ ของตารินทร์หรือกลัวหนุ่มๆ ของลูกสาวคุณกันแน่”
ชลลดาตวัดตามองมณีแต่ก็เปลี่ยนเป็นปั้นยิ้มกล้ำกลืนแค้น
“ได้ครับ เล็กๆ ก็เล็กๆ ไม่มีปัญหา แล้วอีกข้อล่ะครับ” คีรินทร์สรุป
“จะไม่มีการจดทะเบียนสมรส”
คราวนี้คีรินทร์ เขมทัต มณีอึ้งไปยิ่งกว่าเดิม
มายาสีมุก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ชลลดาบอกแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“อ้าว ไม่จดอย่างงี้เราก็เสียเปรียบสิคะแม่” ภัททิมาบอก ชลลดาทำหน้าเซ็ง
“จะจดได้ไงล่ะลูกไก่ ต้องใช้ทั้งบัตรประชาชนหลักฐานอะไรอีกวุ่นวาย แม่ไม่กล้าทำบัตรปลอมหรอกกลัวตำรวจจับ แต่งกันเฉยๆ อย่างงี้นี่แหละจะได้ไม่มีหลักฐาน หย่าปุ๊บก็ออกจากบ้านมาเลยไม่ต้องยื่นเรื่องวุ่นวาย”
ชลลดามองไปยังไข่มุกที่นิ่งเงียบอยู่ที่พื้น มีพิพัฒน์กับภัททิมายืนคล้องแขนกันมองอย่างเห็นด้วย
เหตุการณ์กลับสู่ปัจจุบัน ชลลดานั่งทำสงบเสงี่ยมแสร้งทำเจี๋ยมเจี้ยม คีรินทร์ทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ
“ถ้าไม่จดคุณน้าไม่กลัวลูกสาวเสียเปรียบเหรอครับ”
ชลลดาส่ายหน้าทำเสียงเศร้า
“น้าอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าน้องเขาไม่ได้แต่งเพราะอยากได้สมบัติจริงๆ อีกอย่าง ถ้าคุณรินทร์กับน้องไปกันไม่รอด เอ่อ น้าหมายถึงอยู่กันได้ไม่นาน ก็จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องกฎหมายวุ่นวายด้วย”
คีรินทร์กับมณีมองชลลดาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ คีรินทร์พยายามจะมองค้นหาแต่ชลลดาตีหน้าน่าสงสารหลอกให้ตายใจ
“ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอกครับ แต่เพื่อความสบายใจเอาอย่างที่คุณว่าก็ได้” เขมทัตบอก
รถของชลลดาเลี้ยวออกจากบ้านเขมทัต เขมทัตเดินนำกลับห้องนั่งเล่นแต่มณีกับคีรินทร์แกล้งเดินช้าๆ ถ่วงเวลาไว้
“มีอย่างที่ไหนลูกสาวคนเดียวแต่งงานทั้งที แต่ดันอยากจัดเงียบๆ เหมือนงุบงิบๆ ไม่อยากให้คนรู้ แล้วนี่ยังขอไม่จดทะเบียนอีก แต่อันนี้ดีหน่อยเวลาเลิกกันจะได้ง่ายๆ ไม่ต้องหย่าให้วุ่นวาย ยายแม่ก็ดูเค็มน้อยเสียเมื่อไหร่ ขืนฟ้องได้เรียกเงินเป็นร้อยล้าน”
เขมทัตหันกลับมาพูด
“หนูลูกไก่เขาเปลี่ยนไปมากนะ เจอกันครั้งสุดท้าย ดูเป็นเด็กร้ายมาก พอโตขึ้นกลับเรียบร้อยน่ารัก ผมคิดไม่ผิดเลยที่เลือกมาให้เจ้ารินทร์”
คีรินทร์ได้ฟังก็หัวเราะ
“พ่อเลือกไม่ผิดหรอกครับ แต่ผมว่าเขาต่างหากที่คิดผิด ที่จะมาแต่งงานกับคนอย่างผม”
คีรินทร์บอกยิ้มๆ เขมทัต มณีเดินลับเข้าบ้านไป นุชนารถเดินออกมาจากด้านหลังมุมเสามองตามคีรินทร์หน้าเครียด
“คุณรินทร์ ไม่จริง”
ที่บ้านเช่าวันดี วันดีหยิบถุงกระดาษออกมาวางดึงเสื้อผ้าสีสดๆ มาจับหมุนดูไปมา ไข่มุกนั่งกอดเข่าหน้าเศร้า วันดีหยิบถุงเปล่าตี
“เป็นอะไร ไม่พูดไม่จาเอาแต่นั่งซึม เอ้านี่ แม่ซื้อเสื้อมาให้แกสองตัว ตัวละร้อยเลยนะ ไหนๆ ก็กลายเป็นลูกผู้ดีแล้ว ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อย”
ไข่มุกรับเสื้อมาถือไว้ มองสบตาแม่
“หนูต้องแต่งงานกับเขาจริงๆ เหรอแม่ ขอกลับมาอยู่บ้านได้มั้ย หนูจะทำงานใช้หนี้ให้แม่เอง ขออยู่อย่างเมื่อก่อนที่เราเคยอยู่กันนะแม่นะ หนูไม่อยากแต่ง”
วันดีปัดมือไข่มุกที่เกาะแขน
“ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ตกลงกันแล้ว ห้ามโยกโย้ น่ารำคาญ”
ไข่มุกเอื้อมมือไปจับแขนวันดีอีกรอบ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา วันดีมองสบตาแล้วเบือนหน้าหนี ไข่มุกน้ำตาไหลพรู
“แม่จ๋า แม่รักหนูมั้ย รักหนูบ้างมั้ย”
วันดีอึ้งไป แต่ก็ทำแข็งกร้าว
“ชั้นเลี้ยงแกมาตั้งยี่สิบกว่าปี หมดเงินไปตั้งเท่าไหร่ ตอนนี้แกโตแล้วก็ต้องชดใช้ให้ชั้น หัดกตัญญูมั่ง”
วันดีสะบัดแขนลุกขึ้นเดินไป ไข่มุกร้องไห้โฮนั่งกอดเสื้อ
“แม่ รักหนูบ้างไหม รักหนูบ้างหรือเปล่า แม่ แม่จ๋า”
ไข่มุกสะอึกสะอื้นเอนตัวซุกมุมตู้ บนกำแพงข้างๆ ตู้มีรูปจินจูเก่านิดๆ ติดอยู่
ที่เมืองโซล ประเทศเกาหลี รถลีมูซีนเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตึกหรู คนนั่งข้างคนขับวิ่งลงมาเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม จินจูก้าวลงมาอย่างสง่างาม แต่สีหน้าแววตาดูเย็นชาอมทุกข์ คนรถปิดประตู จินจูเดินเข้าตึกไป นักข่าวโผล่จากพุ่มไม้มีใบไม้ติดเต็มหัว ยิ้มร้ายมองกดชัตเตอร์กล้องในมือถ่ายรูปจินจูไม่หยุด
แทยอนนอนไออยู่บนเตียงพยาบาลในห้องส่วนตัว สายตามองไปนอกหน้าต่างอย่างคนมีอะไรในใจ ประตูเปิดออกเป็นจินจูเดินเข้ามา แทยอนเห็นในกระจกก็ปรับสีหน้าแล้วหันมายิ้มให้
“คุณเป็นยังไงบ้างแทยอน”
แทยอนยิ้มอ่อน ส่ายหน้าให้
“ก็ไม่มีอะไร คนแก่ก็นอนรอวันตายเท่านั้น เธอล่ะจินจู ฉันได้ข่าวว่าเขากำลังจะสร้างหนังเชื่อมสัมพันธไมตรีไทยเกาหลีได้ข่าวมั้ย”
แทยอนลอบมองหน้าจินจู
“ก็มีคนติดต่อมาเหมือนกัน ฉันยังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี”
แทยอนไอ จินจูลูบหลังให้
“แล้วจะเล่นมั้ย” จินจูหน้าเศร้า
“ก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับไปเมืองไทยได้อีกมั้ย ที่นั่นมีแต่ความทรงจำของเขา ฉันบอกตรงๆ ว่ากลัว”
แทยอนถอนใจ
“เธอยังไม่ลืมเขาอีกหรือ เรื่องมันนานมาแล้ว”
จินจูส่ายหน้า บอกเสียงเศร้า
“ฉันไม่เคยลืมและจะไม่มีวันลืม เขาอยู่ในใจฉันทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที ต่อให้ตายก็ไม่มีวันลืมเขาได้”
จินจูน้ำตาหยดแต่เช็ดออกโดยเร็ว จินจูมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นภาพวิวเมืองโซลยามค่ำคืน แทยอนมองจินจูด้วยแววตาเศร้าไม่แพ้กัน
“ทำยังไงเธอถึงจะลืมเขาได้”
จินจูส่ายหน้าเม้มปากแน่น
“ไม่มีวันหรอกแทยอน ไม่มีวัน”
วันต่อมา คีรินทร์นั่งอยู่ในบ้านชลลดา ชลลดานั่งยิ้มเจื่อนๆ อยู่ด้วย ด้านข้างเป็นไข่มุกที่ทำท่านิ่งเฉย
“ผมจะมารับน้องลูกไก่ไปดูชุดแต่งงานครับ”
ชลลดายิ้มดีใจ
“เร็วดีจัง คุณมณีหาฤกษ์ได้แล้วเหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมถือคติ เอาฤกษ์สะดวก”
คีรินทร์พูดหน้าตาเฉยชลลดาเลยอึ้งไป ไข่มุกหน้าตึง
“งั้นไม่ต้องไปเลือกก็ได้ค่ะ ชั้นยังไงก็ได้” ไข่มุกบอกเสียงเบากับคีรินทร์
“ไม่เลือกแล้วจะแก้ผ้าแต่งงานเหรอ” คีรินทร์สวนกลับเสียงเบา แล้วบอกชลลดาเสียงดัง “ขออนุญาตนะครับคุณน้า”
คีรินทร์ยิ้มแล้วมองไปทั่วตัวไข่มุก ไข่มุกค้อนให้แล้วหันหนี คีรินทร์หัวเราะเบาๆ ยิ้มเจ้าชู้
รถคีรินทร์จอดหน้าเวดดิ้งสตูดิโอ ไข่มุกมองชุดแต่งงานหน้าร้านแล้วนึกเศร้า คีรินทร์เดินเข้ามาใกล้แล้วจับมือไข่มุกให้ควงแขน
“เออ ชั้นลืมถามเธอไปเลยว่าเท่าไหร่”
“อะไรเท่าไหร่คะ”
คีรินทร์เปลี่ยนแขนมาสอดรั้งเอวไข่มุก
“ก็สัดส่วนเธอไง กะด้วยสายตาคร่าวๆ ก็ 33-23-34 แต่ก็ไม่แน่ สาวไข่ดาวสมัยนี้ยัดฟองน้ำกันทั้งนั้น” คีรินทร์โน้มตัวเข้าใกล้ “เธอล่ะไข่ดาวหรือของจริง”
คีรินทร์ดึงทำท่าจะจูบ ไข่มุกผลักออกแล้วเดินห่างออกมามองด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ไอ้...ไอ้หื่นบ้ากาม”
คีรินทร์ไม่โกรธแต่หัวเราะร่วนอย่างถูกใจ ไข่มุกยิ่งโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้
ไข่มุกเดินไล่มือตามราวชุดแต่งงานด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยไม่มีอารมณ์จะดู คีรินทร์เปิดหนังสือแบบชุดเจ้าสาวอยู่เงยหน้าขึ้นมามองก็ทักไป
“นี่ ชั้นพาเธอมาดูแบบชุดเจ้าสาวนะ ไม่ได้พามาโรงเชือด ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย ทำเหมือนไม่อยากแต่งจริงๆ งั้นแหละ”
ไข่มุกละมือมองตอบ
“ถ้าไม่อยาก คุณจะยกเลิกงานแต่งมั้ยละคะ”
“แน่ใจ”
ไข่มุกฟังด้วยสีหน้าสดชื่นขึ้น ชักมีหวัง เดินมาใกล้ สบตาคีรินทร์อย่างวิงวอน ขอร้อง ทำตีหน้าเศร้า
“ชั้นยังไม่พร้อม มันเร็วเกินไป เราพึ่งรู้จักกัน ยังไม่ได้รัก ไม่ได้อะไรสักอย่าง”
“อาจจะรักแรกพบก็ได้”
“ไม่มีทางสำหรับคนอย่างคุณ ชั้นเองก็เหมือนกัน”
“อาฮะ แล้วไงอีกครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”
ไข่มุกยิ้มอย่างมีความหวัง
“คุณเองก็มีสาวๆ อีกตั้งเยอะ คงไม่อยากให้ชีวิตโสดหายไปใช่มั้ยคะ ถ้าไม่แต่งกัน คุณก็ไม่ต้องมีภาระ จะทำอะไรก็ไม่ต้องกังวลด้วย”
“พูดอีกก็ถูกอีก สาวๆ ในสต็อกเยอะซะด้วย แค่นี้ก็สับรางไม่ทันแล้ว”
“นั่นสิคะ ในเมื่อฉันก็ไม่อยากแต่ง คุณก็ไม่อยากมีภาระงั้นสรุปว่าเรายกเลิกเรื่องแต่งงานกันนะคะ”
คีรินทร์ยิ้มหวานให้
“ไม่”
ไข่มุกอึ้งอ้าปากค้างตาโตพูดไม่ถูก
“คุณ...คุณ...ทำไม”
“ชอบแกล้งเธอ สนุกดี”
คีรินทร์ลุกผิวปากเดินออกไปจากห้องเก็บชุด ไข่มุกขยำชุดในราวใกล้ๆ อย่างเจ็บใจ
“โธ่เอ๊ย หลอกให้พูดจนเหนื่อย อุตส่าห์ตีบทแตกแล้วนะเนี่ย”
พอออกจากร้านเวดดิ้งสตูดิโอ คีรินทร์ก็พาไข่มุกมาที่ห้างสรรพสินค้าหรู คีรินทร์พาไข่มุกเดินดูร้านเสื้อบูติกหรู หยิบเสื้อให้ ไข่มุกส่ายหน้า
ขณะนั้นมีนักสืบแอบถ่ายรูปอยู่นอกร้าน คีรินทร์พาเข้าร้านกระเป๋าแบรนด์เนม ชี้ให้ดูกระเป๋า ไข่มุกส่ายหน้า นักสืบชะโงกหน้ามาแอบมอง คีรินทร์จูงไข่มุกเข้าร้านรองเท้าหยิบมายัดใส่มือ ไข่มุกวางลงแล้วส่ายหน้า
“นู่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอาเดี๋ยวก็พาไปดูชุดชั้นในซะ เอามั้ย แบบ...อะไรน้า ที่คล้ายๆ ผ้าเตี่ยวน่ะ”
ไข่มุกส่ายหน้า
“ซื้อให้สาวๆ ของคุณเถอะ”
คีรินทร์มองอย่างอ่อนใจในความดื้อแพ่ง ไข่มุกเดินนำออกมานอกร้าย นักสืบที่อยู่ตรงประตูหลบวูบอย่างเฉียดฉิว
ที่ร้านเพชร คีรินทร์มองดูแหวนในกล่องเครื่องประดับ ไข่มุกยืนอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่ได้สนใจเลย คนขายยิ้มหวานให้คีรินทร์
“นี่ค่ะสองกะรัต เพชรสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีตำหนิน้ำงามอย่างนี้หายากนะคะ”
คีรินทร์รับมายื่นให้ไข่มุกดู
“ใหญ่ไปค่ะ ไม่ชอบ”
คนขายรีบเสนอใหม่
“งั้นวงนี้มั้ยคะหนึ่งจุดแปดกะรัตเล็กลงมาหน่อย น้ำงามไม่แพ้กัน ลองสวมดูมั้ยคะ”
ไข่มุกรับมาดูแล้ววางลง
“ยังใหญ่อยู่ดีค่ะ”
คีรินทร์หยิบมาดู
“ใหญ่ที่ไหน ก็สวยพอดีนิ้วเธอออก ผมซื้อให้ได้น่าของแค่นี้ ไม่ได้เสียเงินเองซะหน่อยจะงกไปถึงไหน ลองสวมดูสิ” ไข่มุกไม่เอา ส่ายหน้า “งั้นคุณก็เลือกเองแล้วกันว่าจะเอาวงไหน อย่าบอกนะว่าไม่เอาอีก ผมไม่ให้ออกจากร้านแน่”
ไข่มุกถอนหายใจไล่นิ้วตามแหวนส่งๆ มือไปสะดุดกับวงที่เม็ดเล็กที่สุดที่อยู่มุมล่าง คนขายทำหน้าเสียดายแต่ก็ยิ้มรับ ไข่มุกหยิบมาลองสวม มองแหวนในมืออย่างพอใจ หันมาพยักหน้ากับคีรินทร์ว่าจะเอาวงนี้ คีรินทร์มองหน้าไข่มุกสลับกับแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ในมือเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมลง เริ่มไม่แน่ใจว่าไข่มุกตั้งใจจริงหรือเสแสร้ง แกล้งทำเป็นคนดี คนขายเอาแหวนไปล้างให้อีกที คีรินทร์หันมาพูดกับไข่มุก
“เธอนี่เก่งนะ”
ไข่มุกทำหน้างง
“อะไรคะ”
“ทำใสซื่อ เหมือนเป็นคนดีได้เก่งจริงๆ นี่ เรามันก็พวกผีโลงผุเหมือนกัน ไม่ต้องมาเสแสร้งหรอก เหนื่อยเปล่าๆ”
ไข่มุกนิ่งอึ้ง ใช้ความอดทน ต้องปล่อยให้คีรินทร์เข้าใจเธอผิดต่อไป
รถคีรินทร์แล่นมาจอดหน้าบ้าน ไข่มุกมองบ้านที่ใหญ่โตหรูหราของเขาอย่างนึกกลัว คีรินทร์เห็นไข่มุกนั่งเฉยก็ร้องเรียก
“ลงมาสิ”
ไข่มุกค่อยๆ ก้าวลง
“นี่บ้านคุณหรอคะ”
“ใช่สิแม่คุณ นึกว่าศาลาวัดหรือไง”
“ใหญ่จัง”
คีรินทร์จะพาไข่มุกเข้าตัวบ้าน แต่นุชนารถเข็นรถพารัตนาออกมา รัตนายิ้มกว้าง
“พี่รินทร์”
“หนูนา น้องสาวผม ชื่อเต็มเขาว่ารัตนา หนูนา ไหว้พี่กุ๊กไก่สิคะ” คีรินทร์แนะนำ รัตนารีบไหว้ ยิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ พี่กุ๊กไก่สวยจัง”
นุชนารถฟังอย่างหมั่นไส้
“ขอบคุณค่ะ คุณหนูนาก็น่ารัก”
ไข่มุกยิ้มเลยมาให้นุชนารถ แต่ต้องเจื่อน เพราะนุชนารถสบตาตอบอย่างเย็นชาไม่เป็นมิตรเอาเลย คีรินทร์นิ่งไปนิดแล้วทำไม่รู้ทัน
“นุชนารถเป็นพยาบาล คอยดูแลหนูนา”
“คุณรินทร์น่าจะบอกล่วงหน้าว่าจะพาแขกมา”
“นี่แขกที่ไหน คนไทย มาคุณ...เข้าบ้าน”
คีรินทร์พาไข่มุกเข้าบ้าน นุชนารถมองตามหน้าเครียด หึงจัด
“พี่นุช เข็นรถดิ หนูนาอยากไปหาพี่กุ๊กไก่”
รัตนาบอก นุชนารถเข็นรถอย่างแรงจนรัตนาแทบตก ต้องร้องโอย แล้วนุชนารถก็เข็นรถไปอย่างกระแทกกระทั้น อารมณ์เสีย
ไข่มุกยืนกลางบ้าน มองไปรอบๆ ตัวอย่างไม่ค่อยสบายใจที่เห็นบ้านหรูหราใหญ่โตเหลือเกิน
“เป็นไง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้”
“บ้านคุณ”
“เล็กไปเหรอ”
“ถ้าขนาดนี้บอกเล็ก ก็ต้องไปอยู่สนามหลวงแล้ว”
“ชอบมั้ย”
“ชอบสนามหลวงเหรอคะ”
คีรินทร์หัวเราะขำ นุชนารถพารัตนาเข้ามา
“ชอบบ้านนี้”
ไข่มุกนิ่ง คีรินทร์ดึงเธอจะเข้ามาจูบ นุชนารถพูดเสียงหนัก
“ขอโทษค่ะ ที่ขัดจังหวะ”
คีรินทร์ผละออกห่างจากไข่มุก นุชนารถจ้องคีรินทร์หน้าบึ้ง เอาเรื่อง ไข่มุกมองทั้งคู่อย่างสงสัย
“พี่กุ๊กไก่จะมาอยู่บ้านเราเมื่อไหร่ค่ะ” รัตนาถามขึ้นมา ไข่มุกอึกอัก
“วันนี้เลยดีมั้ย” คีรินทร์บอก
“ไชโย ดีที่สุดเลย”
“ง่ายดีจัง”
ไข่มุกชะงักมองหน้านุชนารถ นุชนารถสบตาตอบอย่างเกลียดชัง เป็นศัตรู คีรินทร์เห็นท่าไม่ดี รีบชิ่ง
“ไปคุณ ไปดูห้องนอนกัน”
คีรินทร์จับมือไข่มุกให้เดินขึ้นชั้นบนไป นุชนารถมองตามอย่างอยากจะกรี๊ดด้วยความแค้น
“พี่นุชเป็นไร หน้าตาน่ากลัวอ่ะ”
นุชนารถแค่นยิ้มหน้าเหี้ยม
“ยังหรอกหนูนา ต่อไปจะน่ากลัวกว่านี้”
รัตนามองนุชนารถอย่างนึกกลัว ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไรไป
คีรินทร์เปิดประตูห้องนอนพาไข่มุกเข้ามา ในห้องตกแต่งอย่างโก้ ของใช้มีราคา
“ คุณอยากเปลี่ยน หรือแต่งอะไรใหม่ บอกได้เลยนะ ไม่มีปัญหา”
“ชั้นนอนห้องเล็กๆ ก็ได้ค่ะ”
“นี่ จะเอามาเป็นเมียนะ ไม่ใช่แม่บ้าน จะได้ให้ไปนอนห้องเล็ก เตียงผมนอนสบายนะ ลองสิ”
คีรินทร์จะดึงให้ไข่มุกล้มลงนอนบนเตียง แต่เธอระวังตัว เลยหลบได้หวุดหวิด คีรินทร์ไม่ยอมแพ้จะเอาให้เธอลงนอนให้ได้ แต่ไข่มุกเบี่ยงตัว หลบอย่างคล่องแคล่ว ลุกหนีจากเตียงได้ คีรินทร์ตามมา ยื่นมือมาจะจับแขนเธอ ไข่มุกปัดมือเขาออกเหมือนเล่นคิวบู๊ คีรินทร์ยังตามมาไม่ยอมเลิก ทั้งสองเหมือนต่อสู้กันในที สุดท้ายคีรินทร์แพ้ ยอมยกมือให้
“ยอมแพ้ ไปฝึกแบบนี้มาจากไหนเนี่ย ไปเล่นกายกรรมหรือเล่นหนังต่อสู้ได้เลยนะเนี่ย”
“ไม่บอก” ไข่มุกเผลอตัว ยิ้มกระหยิ่มเลยโดนคีรินทร์รวบตัวให้ล้มลงนอนกับเตียงได้ “คุณขี้โกง”
“พึ่งรู้หรอ” คีรินทร์ก้มจูบเธอ แล้วบอกอย่างอ่อนหวาน “คืนนี้ค้างนี่นะ”
ไข่มุกได้สติ รีบลุกขึ้น
“ไม่ได้ค่ะ ไหนว่าเราต้องไปซื้อของอะไรอีกหลายอย่างไงคะ”
“จูบอีกทีน่า”
คีรินทร์จะจูบ แต่ไข่มุกเบี่ยงตัวหลบ รีบลุกจากเตียง
“ห้ามขี้โกงอีก กลับบ้านโน้นค่ะ”
“ใจแข็งจริง ได้ ฝากไว้ก่อน”
คีรินทร์ลุกเดิน แล้วทำเซจะกอดเธอ แต่ไข่มุกระวังตัวอย่างรู้ทัน เลยหลบ คีรินทร์เซ แทบหกล้ม ไข่มุกหัวเราะชอบใจ คีรินทร์มองอย่างนึกชอบเธอมากขึ้นไม่รู้ตัว
ที่เกาหลี จินจูมาไหว้พระที่วัดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ขมขื่น เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จินจูกดรับ ฟังทางโน้นพูด สายตามองพระแล้วบอกอย่างตัดสินใจ
“ได้...ชั้นจะไปเมืองไทย”
คีรินทร์ขับรถมาส่งไข่มุกที่บ้านชลลดา ไข่มุกลงจากรถ คีรินทร์ขยับจะเปิดประตู เธอเลยรีบบอก
“ไม่ต้องลงหรอกคะ กลับไปเถอะ”
“มีไล่นะ”
“ไม่ใช่ เห็นมันดึกแล้ว คุณคงเหนื่อยจะได้กลับไปพัก”
“ได้จูบนิดเดียว เหนื่อยได้ไง แน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่งถึงห้องนอน”
“ไม่ เชิญ”
ไข่มุกเปิดประตูรั้ว แล้วยืนค้างอยู่ คีรินทร์ร้องบอก
“เข้าบ้านไปก่อนสิ”
“คุณไปก่อนสิ”
“เป็นห่วง”
ไข่มุกอดยิ้มไม่ได้
“หน้าบ้าน ไม่มีไรหรอกคะ กลับไปเหอะ”
“อย่าลืมฝันถึงจูบชั้นนะ”
ไข่มุกชูมะเหงกให้ คีรินทร์หัวเราะชอบใจแล้วขับรถออกไป
ไข่มุกหันหลังจะเข้าประตูรั้วแต่มีชายสองคนมาจับล็อคเธอไว้ เอาถุงคลุมหัวอย่างรวดเร็ว
โปรดติดตาม "มายาสีมุก" ตอนที่ 2 เวลา 9.30 น.