แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 3
ฟากพิสุทธิ์บอกแสงสุดาเพื่อแก้ตัวแทน และหาทางรอดให้พิแสง
“เป็นเกย์!” พิสุทธิ์พูด
แสงสุดาตกใจ “อะไรนะ!”
“เออ ตาใหญ่เป็นเกย์ ลูกเพิ่งบอกผมเมื่อตะกี้ เพราะฉะนั้น เลิกคิดเรื่องหมั้นหมายกับหนูสาวิกาไปได้เลย สงสารเค้า ปล่อยตาใหญ่ไปเถอะนะ”
“คุณพิสุทธิ์!”
แสงสุดาจ้องหน้าพิสุทธิ์เพื่อเค้นความจริง พิสุทธิ์หลบตาวูบ
“คนพูดโกหก มักจะไม่สบตาเวลาพูด!”
พิสุทธิ์รีบจ้องตาแสงสุดาเขม็ง “ผมพูดจริง!”
“แต่คุณกำลังจะไม่มีแววตา”
“แปลว่าอะไร”
“แปลว่าคุณกำลังจะตาย! ที่กุเรื่องโกหกฉัน!”
“เอ๊า พอหลบตาก็หาว่าโกหก พอสบตาก็ไม่เชื่อกันอีก”
“คิดว่าฉันไม่รู้ทันคุณหรือไง...มุกตื้นๆ ฉันเลี้ยงลูกของฉันมา ทำไมจะไม่รู้ว่าตาใหญ่เป็นชายทั้งแท่ง แถมยังได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง”
“ลูกเพิ่งค้นพบตัวตนที่แท้จริง”
“ฉันไม่เชื่อ!”
“ใช่สิ ผมพูดอะไรคุณก็ไม่เคยเชื่อผมอยู่แล้ว คำพูดของผมมันไม่เคยมีค่า”
“ไม่ต้องดราม่า ฉันไม่อิน”
พิสุทธิ์ยอมแพ้ “โอเค...สุดท้าย...อันนี้พูดจริง ปล่อยลูกไปเถอะ ให้เขามีชีวิตของเค้าเอง เราให้ชีวิต แต่เราไม่ใช่เจ้าชีวิตที่จะไปกำหนดกะเกณฑ์เส้นทางเดินให้เค้า”
“นี่ก็สุดท้ายเหมือนกันว่า...ไม่! ตาใหญ่คือความหวังที่ยิ่งใหญ่ของฉัน ชีวิตของตาใหญ่ต้องสมบูรณ์เพอร์เฟ็กต์”
พิสุทธิ์พยักหน้ายอมแพ้แล้วเดินออกไป แสงสุดาทำหน้าหมายมั่นจริงจัง
“ใครมันจะไปรู้ดีกว่าแม่ ว่าสิ่งที่ดีที่สุดของลูกคืออะไรหึหึหึ”
เขมมิกกับเนตรนิภายืนอึ้งเพราะช็อก หมอพูดคุยกับทั้งสองอยู่
“หมอแสดงความเสียใจด้วย....”
“มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่4 เหรอคะ” เขมมิกทวน
หมอพยักหน้า
“รักษาให้หายได้มั้ยคะ” เนตรนิภาถาม
“ได้ครับ ถ้าปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาและดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างเคร่งครัด”
“เห็นมั้ยเขม...รักษาให้หายได้ มันยังมีความหวัง”
“หนูเขมดูแลค่ารักษาไหวมั้ย โรงพยาบาลเอกชนค่ารักษาค่อนข้างสูง ถ้าไม่อย่างนั้น หมอจะส่งตัว...”
“ไม่ค่ะ อาหมอดูแลพวกเรามาตั้งแต่” เขมมิกชะงักเล็กๆ “คุณพ่อยังอยู่...เขมไม่ไว้ใจใคร นอกจากอาหมอ เท่าไหร่เขมก็ดูแลไหว ขอเพียงรักษาแม่ของเขมให้หาย”
เขมมิกยืนยันหนักแน่น เนตรนิภาเป็นห่วงแทนเขมมิก
แสงสุดาเดินคุยมือถือ
“เป็นมะเร็งขั้นที่สี่เหรอ....หึๆ...ทั้งตกงาน หางานใหม่ก็ยังไม่ได้ ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าคนอย่างเขมมิกจะหาทางออกยังไง...คอยจับตาดูไว้ คุณธรรมศักดิ์แล้วรายงานความเคลื่อนไหวให้ฉันทราบเป็นระยะๆ”
แสงสุดาวางสายแล้วยิ้มกริ่ม
“เขมมิก เธอจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ”
เนตรนิภาประคองขนิษฐาที่เปลี่ยนชุดพร้อมกลับบ้านมานั่งรอเขมมิกที่โซฟา
“ป้ารอเขมก่อนนะ เขมไปเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายอยู่”
“มันจะแพงมากมั้ยก็ไม่รู้นะ”
“ก็คงเอาการอยู่ค่ะ”
“โชคดีนะ ที่หมออนุญาตให้ป้ากลับบ้านได้แล้ว”
“ป้าไม่อยากให้เขมเสียเงินไปมากกว่านี้ใช่มั้ย”
ขนิษฐากลบเกลื่อน “เพราะป้าจะได้กลับไปหาเปี่ยมพงษ์เร็วๆ ผู้ชายน่ะ ทิ้งให้อยู่คนเดียวนานๆไม่ได้หรอก...เดี๋ยวจะมีกิ๊ก”
เนตรนิภาอึ้ง ขนิษฐายิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไรอีก
“หนูไปดูเขมก่อนนะคะ หายไปนานแล้ว”
เนตรนิภารีบเดินออกไป ขนิษฐาหน้าหมองลงทันที
เขมมิกนั่งน้ำตาซึมอยู่ เนตรนิภาเดินตามหามาจนเห็นเขมมิกกำลังนั่งหลบมุมอยู่คนเดียว เนตรนิภาเดินเข้ามาหา
“เขม....กลับกันได้หรือยัง”
เขมมิกพยักหน้า
“เป็นไงบ้าง”
“หมดตัวแล้วอ่ะ ดีนะที่แกให้ยืม ไม่งั้น แม่ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลแน่”
“ไม่เป็นไร....แกเดือดร้อน ฉันช่วยได้”
“ยืมอีกห้าล้านได้ป่ะ รักษามะเร็งแม่”
“ห้าหมื่นได้มั้ย มีอยู่แค่เนี้ยะ”
“แล้วฉันจะหาเงินมาจากไหนอ่ะ เนตร”
“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ก็อย่าเพิ่งคิด เดี๋ยวค่อยคิด เชื่อฉัน เดี๋ยวเราก็จะเจอประตูทางออกที่สวยๆสำหรับเรื่องนี้”
“ใช่...ย่อมมีทางออกสวยๆให้กับคนสวยเก่งอย่างฉัน แม่ต้องหาย!”
“ยิ้ม ถ้าไม่อยากให้แม่แกเห็นว่าแกกำลังทุกข์”
เขมมิกยิ้มให้เนตรนิภาและนึกขอบใจเพื่อนอย่างซาบซึ้งก่อนจะลุกเดินออกไปกับเนตรนิภา ธรรมศักดิ์ที่ยืนอยู่ไกลๆ มองมาที่เขมมิก สักพักหมอก็เข้ามาหาธรรมศักดิ์
“น่าสงสาร...ตอนนี้ฐานะทางการเงินเค้าไม่ค่อยดี”
“ขอบใจนะไอ้หมอที่ให้ข้อมูล” ธรรมศักดิ์บอก
“ก็ถ้าแกไม่ใช่อดีตลูกน้องคนสนิทของคุณพ่อหนูเขม ฉันก็ไม่บอกข้อมูล”
“ฉันอยากตอบแทนพระคุณของท่านมกรา พ่อหนูเขม...ฉันจะหาทางช่วยเธอเอง ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อย่างเด็ดขาด!”
หมอพยักหน้ารับคำ ธรรมศักดิ์นึกเห็นใจเขมมิก
พิแสงว่ายน้ำในสระอย่างแข็งขันและเอาเป็นเอาตาย หลอดกับเสริมนั่งชิลอยู่ริมสระ ทั้งสองดื่มเครื่องดื่ม กนธีเข้ามาหาหลอดกับเสริมเพราะนึกแปลกใจพิแสง
“เฮ้ย นายหัวแกบ้าพลังมาจากไหนวะ”
“ไม่รู้ครับ...ชวนพวกผมมาแก้ผ้า พอมาถึง แกก็แก้ผ้าแล้วกระโดดลงไปจ้วงๆ เลยนิ” หลอดบอก
“แล้วทำไมพวกแกไม่แก้ผ้าลงไปกับมัน” กนธีถาม
“กลัวสาวๆแถวนี้ขึ้นจากสระกันหมด ถ้าเห็นซิกแซ็กพวกผม” เสริมบอก
“ซิกแพ็ดเว้ย! ไอ้หมอนี่ มั่ว!” หลอดขัด
“ซิกแพ็คว่ะ หลอด...มั่วทั้งสองคนนั่นแหละ” กนธีว่า
กนธีถอดเสื้อออกจนเหลือแต่กางเกงขาสั้นที่สวมอยู่ หลอดกับเสริมเห็นซิกแพ็คของกนธีแล้วกลือนน้ำลายเอื้อก
“นี่! ดูซะ ซิกแพ็ค....หญิงเห็น หญิงกรี๊ด”
กนธีกระโดดลงสระไปจ้วงน้ำคู่กับพิแสง สาวๆที่อยู่ริมสระพากันวี๊ดว้าย กนธีชูมือทักสาวๆ โดยไม่ดูทางทำให้ถูกเท้าพิแสงที่ตีน้ำผ่านมาฟาดเข้าหน้าเต็มๆ
“อ่อก!!”
“เฮ้ย โทษๆๆๆ ไอ้ธี ขอโทษ!!”
กนธีที่มีสำลีอุดจมูกเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ พิแสงมองกนธีแล้วยิ้มขำ
“รู้สึกดีเป็นบ้าเลย ที่ทำให้เพื่อนยิ้มได้” กนธีบอก
“เฮ้ย ขอโทษแล้วไง อย่างอนเลยว้า”
“ไม่ได้งอนเว้ย แค่...เสียหน้า อุตส่าห์กำลังเท่ห์ หมดกัน แห้ว แห้ว!
“แห้วที่ไหน เค้าก็ยังกรี๊ดแกอยู่ ดูสิ”
พิแสงชี้ไปที่กลุ่มสาวๆ สาวๆมองมาพร้อมทั้งยิ้มให้พิแสง กนธีหันไปส่งยิ้มทักทายบ้าง สาวๆเมิน
“แบบนี้เรียกเกลียด ไม่ได้เรียกกรี๊ด”
“แกรู้จักพวกเค้าป่ะ” พิแสงถาม
“ทำไมจะไม่รู้ ไฮโซกลุ่มนี้มาเที่ยวที่นี่ช่วงนี้ทุกปี เพราะอะไรรู้ป่ะ ติดใจความหล่อความเท่ห์เจ้าของรีสอร์ท...แต่ปีหน้าคงไม่มาแล้วล่ะ เพราะตีนแกเลย”
“แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ”
กนธีลุกพรวดทันที “เฮ้ย! ไอ้พิแสง หัวชนขอบสระมาหรือไง จู่ๆก็อยากรู้จักหญิง”
“อยากหาแฟน แม่จะได้ไม่ต้องจับฉันคลุมถุงชน”
“เลิกๆๆๆคิด...อยากหาแฟนไปหาที่อื่น ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายฉัน”
“ฉันพูดเล่น!” พิแสงลงนอนพัก “ได้พักซะบ้างก็ดีเหมือนกันนะ”
“โคตรดีเลยล่ะ ฉันถึงได้ขอรีสอร์ทพ่อมาทำต่อไง ไม่ขายให้ใคร เห็นป่ะ เจริญเอาๆ ทำงานก็ไม่รู้สึกว่าทำ เหมือนพักผ่อนอยู่ตลอดเวลา”
พิแสงลุกขึ้นทันที “พักพอแล้ว ไปทำงานต่อล่ะ”
“แค่เนี้ยะ”
“เออ งานฉันพักนานไม่ได้หรอก”
พิแสงเดินผ่านกลุ่มสาวๆ ที่พากันกรี๊ดกร๊าด แต่พิแสงไม่สนใจ กนธีลุกเดินไปผ่านสาวๆบ้าง แต่สาวๆหยุดกรี๊ดทันทีแล้วลุกหนี กนธีเจ็บปวด
เขมมิกยื่นยาและน้ำให้ขนิษฐา
“ยาหลังอาหารนะแม่”
ขนิษฐารับมา “ทำไมมันเยอะแยะขนาดนี้”
“แม่เป็นตับอักเสบนะ ไม่ได้เป็นแค่หวัด”
ขนิษฐากินยาเรียบร้อยก็ส่งแก้วคืนให้เขมมิก
“ไปอยู่กับเขมเถอะ” เขมมิกชวน
“เดี๋ยวเปี่ยมพงษ์กลับมาไม่เจอแม่”
“ทำยังกะเค้าจะคอยดูแลแม่”
“ทำไมจะไม่ล่ะ”
เปี่ยมพงษ์เดินเข้ามา
ขนิษฐาเอ่ยถาม “กลับมาแล้วเหรอ”
“อืม...เหนื่อยจัง”
เปี่ยมพงษ์ตอบโดยไม่สบตาเขมมิกที่จ้องมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“เป็นไงบ้างล่ะ” เปี่ยมพงษ์ถาม
“ยังไม่ตาย” เขมมิกตอบทันที
“หนูเขม ลุงพยายามจะสร้างบรรยากาศแห่งความสมานฉันท์อยู่นะ”
“งั้นก็สัญญามาก่อน ว่าจะช่วยดูแลแม่ระหว่างที่แม่ป่วย หาข้าว จัดยาให้ตรงตามเวลา”
“พอดีนึกขึ้นได้ ว่าลุงต้องไปต่างจังหวัด ลุงได้งานใหม่เป็นเซลส์ ต้องไปหาลูกค้า”
“หาทางเลี่ยงต่างหาก”
“อย่ามองลุงในแง่ร้ายสิ หนูเขม ลุงทำเพื่อครอบครัวอยู่นะ จะได้มีเงินมาดูแลแม่หนูไง ฉันไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะ ขนิษฐา”
เปี่ยมพงษ์ลุกเดินเข้าไปข้างใน เขมมิกเจ็บใจ เธอหันมามองหน้าขนิษฐาที่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“แม่เชื่อเค้าเหรอ”
“เชื่อ บางทีเขาอาจจะกลับตัวกลับใจแล้วก็ได้นะ เขม” ขนิษฐาตอบ
“โอย!” เขมนิกลุกหนีไปทันที
พิแสงเดินออกมารับอากาศยามดึก วาศิณีเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“น้ำหวาน...มาทำไม มืดๆ”
“น้ำหวานเอาจดหมายของบริษัทยูแคปมาให้นายหัวพิจารณาค่ะ”
“พรุ่งนี้ก็ได้”
“เขาต้องการนัดเจอนายหัวเร็วที่สุด กลัวนายหัวจะพิจารณาไม่ทันน่ะค่ะ”
“อืม...เอามาดูซิ”
วาศิณียื่นแฟ้มให้พิแสง พิแสงอ่านอย่างพิจารณา วาศิณีลอบมองพิแสงอย่างหลงไหล ชมพู่โผล่หน้าออกมาแอบดูโดยทำตัวเป็นสปาย ชมพู่ยกมือถือขึ้นคุยสาย
“น้องไบร์ทคะ...คุณน้ำหวานมาอ่อยนายหัวถึงบ้านยามวิกาลเลยค่ะ ด้วยชุดนอนผ่าคอเว้าลึก”
วาศิณีชี้ให้พิแสงดูเนื้อความในจดหมาย
ชมพู่รีบรายงาน “แน่ะๆๆๆ ก้มๆเงยๆ เผยให้เห็นนวลเนื้อหนั่นขาว ว้าว...ชวนใจสั่นเป็นอย่างมาก”
พิแสงปิดแฟ้มแล้วส่งคืนให้วาศิณี วาศิณีจงใจรับโดยเอามือไปจับมือพิแสง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ นายหัว น้ำหวานไม่ได้ตั้งใจ”
ชมพู่รายงานต่อ “ว้าวๆๆ ช่างกล้าค่ะ น้องไบร์ทขา...จับมือนายหัวเองด้วยอ่ะค่ะ นายหัวก็ไม่ยอมปล่อย ยื้อยุด ฉุดกระชากกันแล้วค่า!”
พิแสงปล่อยมือจากวาศิณีแล้วเดินถอยห่างออกมา
“หายปวดท้องแล้วเหรอ” พิแสงถาม
“อ๋อ...หายแล้วค่ะ”
“พรุ่งนี้เช้า ผมค่อยให้คำตอบ”
“ค่ะ...”
วาศิณีเดินออกไป พิแสงหันกลับจะเข้าบ้านก็เห็นชมพู่กำลังคุยมือถืออย่างเมามันจึงนึกสงสัยเดินเข้าไปดู โดยที่ชมพู่ไม่เห็น
“ตอนนี้กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยง....แบบไม่มีใครยอมใคร ไม่อายฟ้าอายดิน โอ๊ย อย่าค่ะ..น่า ยอมฉันเถอะ..โอ๊ย ไม่ดีมั้งคะ..น่า นิดเดียวเอง ไม่เจ็บหรอก เหมือนมดกัด ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
พิแสงเรียก “ชมพู่!”
ชมพู่สะดุ้ง พอเห็นพิแสงชมพู่ก็จ๋อยรีบซ่อนมือถือ “นายหัวนี่เอง แหม ไม่ให้สุ้มให้เสียงกันเลยนะคะ”
“คุยกับใคร” พิแสงถาม
“อ๋อ...น้องไบร์ทนะค่ะ เพื่อนกัน...อยู่ที่หาดใหญ่”
พิแสงส่ายหัวกับชมพู่โดยไม่ติดใจอะไร ชมพู่โล่งอกก่อนจะยกมือถือขึ้นมาคุยต่อ
“น้องไบร์ท ยังอยู่มั้ยคะ”
แสงสุดากำมือถือแน่นด้วยความเดือดดาล เธอมองไปรอบๆ พอไม่เห็นใครก็กรี๊ดทันที
“กรี๊ดดดดด!!! อ๊ายยย!!”
แสงสุดายืนเต้นเร่าๆๆ และกระทืบเท้า พิสุทธิ์เดินเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“เป็นอะไรคุณ”
“ซ้อมกรี๊ด ซ้อมเต้น จะไปดูคอนเสิร์ต”
แสงสุดาเดินออกไปทันที พิสุทธิ์งง
พิศิณีและพิทยาเดินเข้ามาด้วยความตกใจ
“ศิณีได้ยินเสียงกรี๊ด...ใครเป็นอะไรคะ”
“แม่ของลูกน่ะ เค้าซ้อมก่อนไปดูคอนเสิร์ต”
พิศิณีกับพิทยามองหน้ากันอย่างงงๆ พิสุทธิ์จะเดินออกไป
“คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องงานเรียนปรึกษาครับ”
พิศิณีอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าพิทยาจะพูดเรื่องนี้กับพิสุทธิ์
“เอาสิ...ไปที่ห้องทำงานไป ยัยศิณีไปด้วยกัน”
พิทยาลอบไม่พอใจแต่ก็ยิ้มให้พิศิณี
พิศิณีรับคำ “ค่ะ คุณพ่อ”
พิสุทธิ์เดินนำพิทยาและพิศิณีไป
แสงสุดาเห็นว่าปลอดคนแล้วก็รีบกดเบอร์แล้วรอสาย
“ฮัลโหล...คุณธรรมศักดิ์ ฉันต้องให้คุณรีบจัดการ เดี๋ยวนี้!”
เขมมิกและขนิษฐานั่งอยู่หน้าบ้าน ทั้งสองมองเปี่ยมพงษ์หิ้วกระเป๋าออกจากบ้านไปโดยไม่เหลียวหลังมามอง
“เขาไม่บอกแม่เลย ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่” ขนิษฐาว่า
“ช่างเขาเถอะแม่”
“ตอนนี้ก็เหลือแกแม่กับเขม...เสียดายนะ ถ้าเขมไม่เลิกกับตาพีท ตอนนี้ตาพีทคงมาช่วยดูแลแม่”
“อย่าไปพูดถึงเขาเลยแม่...ไม่มีเขา หรือใคร เราก็ดูแลกันเองได้”
“บางทีเราก็ต้องพึ่งคนอื่นบ้าง” ขนิษฐาบอก
“คนอื่นของเขม ไม่ใช่ผู้ชายเลวๆแบบนั้น”
“ตาพีทก็แค่เจ้าชู้ แต่ไม่ใช่คนเลวนะลูก”
“นั่นแหละค่ะ เลว!”
ขนิษฐาอึ้ง เขมมิกนึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก
พิสุทธิ์นั่งเคาะนิ้วใช้ความคิด
“โครงการเปิดเส้นทางใหม่จากหาดใหญ่ไปบาหลีของผม คุณพ่อเห็นว่าไงครับ” พิทยาถาม
“ก็ดีนะ...แต่พ่อกลัวมันไม่คุ้มต้นทุน ซื้อตั๋วจากกรุงเทพไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ”
“แต่ก็มันักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่อาจจะไม่อยากย้อนมาขึ้นเครื่องที่กรุงเทพเพื่อไปบาหลี”
“ก็แค่อาจจะ....ยังไม่เห็นตัวเลข ศิณีรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
พิศิณีตอบ “ทราบค่ะ”
“พ่อจะไม่ลงทุน ถ้าไม่เห็นภาพที่ชัดเจน รู้ใช่มั้ย” พิสุทธิ์ถาม
“ค่ะ พอดี...พีทตื่นเต้นที่จะทำงานน่ะคะ เลยมาปรึกษาคุณพ่อก่อน”
“ทีหลังคุยกับศิณีก่อนนะ พีท ศิณีรู้ว่าพ่อทำงานยังไง” พิสุทธิ์บอก
“ครับคุณพ่อ”
พิสุทธิ์เดินออกไป พิศิณีจับมือของพิทยาไว้ พิทยาชักกลับ
“คุณพ่อไม่ไว้ใจผม” พิทยาไม่พอใจ
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจค่ะ แต่ท่านต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้”
“ผมคงทำงานไม่เป็น”
“คุณเพิ่งเริ่มมาทำงานบริหาร...ใจเย็นๆสิคะ คงต้องใช้เวลาจูนวิธีการทำงานกับคุณพ่อสักระยะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ศิณีจะช่วยคุณเอง อีกไม่นานคุณก็จะได้ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ”
“คุณเข้าใจใช่มั้ย ว่าทั้งหมดที่ผมทำก็เพื่อเราทุกคน”
“เข้าใจสิคะ สิณีเห็นความตั้งใจของคุณดี เพียงแต่ อดทนหน่อยนะคะ”
“ผมรักคุณจัง”
พิทยากอดพิศิณีเอาไว้ แต่แอบฉายแววตาแห่งความไม่พอใจอยู่
“ผมอดทนรอได้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ”
“ค่ะ”
พิศิณีกอดพิทยาเอาไว้โดยไม่ติดใจสงสัยอะไร
ด้านเขมมิกนั่งซึมอยู่
“ผู้ชาย...เลวเหมือนกันทั้งโลก”
“เขม...ผู้ชายดีๆก็มีนะลูก เพียงแต่เราอาจจะยังหาไม่เจอ” ขนิษฐาบอก
“ชาติหน้าก็ไม่รู้ว่าจะเจอหรือเปล่า”
ธรรมศักดิ์เดินเข้ามา เขมมิกตกใจ
“เฮ้ย!! ลุง!!”
“ครับผมเอง”
“ใครน่ะเขม แม่รู้สึกคุ้นจังเลย” ขนิษฐาถาม
ธรรมศักดิ์จะแนะนำตัว “ผมเป็น....”
เขมมิกรีบพูดแทรก “เป็นโมเดลลิ่งค่ะแม่ ลุงเค้าอยากให้เขมไปเป็นนางแบบในสังกัด”
ขนิษฐามองธรรมศักดิ์หัวจรดเท้า “โมเดลลิ่งเหรอ”
ธรรมศักดิ์รับลูก “ครับ โมเดลลิ่ง”
ธรรมศักดิ์ยิ้มขรึมแล้วรีบพ้อยท์เท้า เมื่อเห็นสายตาสำรวจของขนิษฐา
“อดีตเคยเป็นนายแบบครับ” ธรรมศักดิ์บอก
“ถ่ายอะไรบ้างล่ะ” ขนิษฐาถาม
“กางเกงในชายครับ”
“มิน่า เลยหน้าคุ้นๆ...ดีแล้วล่ะ หางานให้เขมหน่อยนะคุณ กำลังตกงานลำบากมาก”
“แม่ๆๆๆ ไปนอนไป...เดี๋ยวเขมคุยงานกับลุงก่อน ลุง อยู่นี่นะ เดี๋ยวหนูมา”
“ไปก่อนนะคะ เขม ขอลายเซ็นคุณเค้าให้แม่ด้วย จะเอาไปคุยกับเพื่อนบ้านค่ะ ว่ามีนายแบบมาหาถึงบ้าน”
“ไม่มีปัญหาครับ”
เขมมิกรีบพาขนิษฐาเดินเข้าบ้านไป ธรรมศักดิ์รีบเอาเท้าลงเพราะเมื่อยจนเหงื่อตก
เขมมิกประกาศลั่นแบบยังกลัวขนิษฐาจะได้ยิน
“ฉันไม่ทำ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ทำ!”
“คุณแม่คุณต้องการการรักษาที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอครับ” ธรรมศักดิ์ถาม
“รู้ดีอีกแระ”
“และรู้ด้วยว่า มันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก”
“ลุงกลับไปเลยไป ก่อนจะถูกหนูด่า หนูไม่อยากถอนหงอกคนแก่”
เขมมิกเดินกลับเข้าไปข้างในบ้าน
“ท่านรอคุณที่ออฟฟิศ พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า” ธรรมศักดิ์บอก
“ฉันไม่ว่าง ต้องดูแลแม่ แม่ไม่มีใคร”
ทันใดนั้นพยาบาลก็เดินเข้ามา
“ผมมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลคุณแม่คุณ คอยสับเปลี่ยนเวรเช้าและกลางคืน”
เขมมิกอึ้งแล้วจะปฏิเสธ “ฉันไม่...”
“ผมรู้ว่าคุณล้างมือจากวงการแล้ว...แต่ภารกิจครั้งนี้ คุณไปทำความดีนะครับ ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย คุณไปกู้โลกของผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของผู้หญิงตะกายดาว คุณช่วยทำให้ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งได้พบกับแสงสว่างหลังจากที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดี ได้สืบสานธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัว”
เขมมิกทรุดลงเพราะปวดหัวกับข้อมูลที่ทะลักจากปากของธรรมศักดิ์ยาวยืด เธอยกมือห้าม
“พอ! สรุป!”
“ทำเพื่อเงินดีกว่าครับ กู้สถานการณ์ของตัวเอง โลกของใครจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะครับ แต่โลกของคุณซึ่งมีคุณกับคุณแม่...จะพังไม่ได้”
เขมมิกนิ่งอึ้งและใคร่ครวญครุ่นคิด
แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
เขมมิกลงนอนบนโซฟาแล้วก็คิดมากอีก เธอหันไปเห็นพยาบาลพิเศษกำลังประคองขนิษฐาเดินเข้าห้อง
“อย่าเดินเร็วนะคะคุณป้า เดินช้าๆ” พยาบาลบอก
“จ้า เดี๋ยวนะ ขอไปคุยกับลูกสาวก่อนนะ”
ขนิษฐาเดินมาถามเขมมิก ส่วนพยาบาลยืนรออยู่
“เขม...แกจ้างพยาบาลพิเศษมาทำไม” ขนิษฐาถาม
“ไว้ดูแลแม่ตอนที่หนูไม่อยู่” เขมมิกบอก
“แม่ดูแลตัวเองได้ เปลืองเงิน”
“โมเดลลิ่งหนูออกค่าใช้จ่ายให้ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ทำไมเค้าใจดีกับแกจัง”
“ก็เค้าอยากได้หนูเข้าสังกัด เลยเอาใจทุกอย่างเลยไง”
“แล้วแกจะเข้าสังกัดเค้ามั้ย อย่าหลอกเค้านะ บาปกรรมตาย”
“เค้าให้มาเอง เขมไม่ได้ขอ ...เอาน่ะ แม่อย่าคิดมากเลย พักให้สบายเถอะ พี่คะ พาแม่ไปนอนเถอะค่ะ”
ขนิษฐาพยักหน้าเพราะเชื่อเขมมิก พยาบาลพิเศษพาขนิษฐาเข้าห้องไป
เขมมิกนึกถึงคำพูดของธรรมศักดิ์
“ทำเพื่อเงินดีกว่าครับ กู้สถานการณ์ของตัวเอง โลกของใครจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะครับ แต่โลกของคุณซึ่งมีคุณกับคุณแม่...จะพังไม่ได้”
เขมมิกนอนก่ายหน้าผากแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด
“ไม่!!”
เขมมิกใช้ผ้าห่มคลุมหัวตัวเองเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก
แสงสุดายืนตระหง่านอยู่กลางห้อง ในขณะที่ธรรมศักดิ์ยืนมองนาฬิกาข้อมืออยู่
“เหลืออีกกี่นาที” แสงสุดาถาม
“อีกสิบวินาที เก้าโมงตรงครับ”
“คุณว่า เขมมิกจะมามั้ย” แสงสุดาถามต่อ
“ไม่ครับ เท่าที่ผมทราบ คุณเขมมิกเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก เมื่อประกาศออกมาแล้วว่าไม่ ก็คือไม่”
“ตอนนี้เหลืออีกกี่วินาที”
“ห้า สี่ สาม สอง ....”
“ฉันควรจะหาคนใหม่ได้แล้วใช่มั้ย”
เขมมิกเปิดประตูผลัวะเข้ามา แสงสุดากับธรรมศักดิ์อึ้ง เขมมิกยิ้มอย่างมั่นใจ
พิสุทธิ์ พิทยาและพิศิณีเดินเข้ามาในออฟฟิศ
“ให้ตาพีทนั่งทำงานในห้องเราไปก่อนนะศิณี” พิสุทธิ์บอก
พิศิณีรับคำ “ค่ะ”
พิสุทธิ์เหลือบไปเห็นพนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังซุบซิบเม้ามอยกันอยู่
“เม้าอะไรกัน ละครเมื่อคืนเหรอ ไงสนุกมั้ย ถึงตอนไหนแล้ว” พิสุทธิ์ถาม
“ละครยังไม่ดราม่าเท่าเรื่องจริงค่ะ ตอนนี้ยัยแอร์ที่ไปป่วนงานแต่งคุณพิศิณีกับคุณพีทกำลังอยู่ในห้องเย็นค่ะ” พนักงานบอก
พิทยากับพิศิณีอึ้ง
“คราวที่แล้วก็ถูกเรียกตัวมารับทราบค่ะว่านางถูกไล่ออก”
พิสุทธิ์สงสัย “อ้าว แล้วจะมาอีกทำไม”
“สงสัยมาขอความเห็นใจมั้งคะ เพราะไปสมัครงานที่ไหนไม่ได้เลย”
“เฮ้อ..กรรมใดใครก่อ พ่อไปทำงานก่อนนะ เรื่องนี้ ปล่อยให้แม่จัดการดีแล้ว พ่อใจอ่อนเกินไป แต่กฏก็ต้องเป็นกฏ” พิสุทธิ์บอก
พิสุทธิ์เดินฉีกออกไป พิทยารู้สึกเป็นห่วงเขมมิก พิศิณีจับมือของพิทยาเอาไว้
“เดี๋ยวสิณีจะคุยกับคุณแม่เองค่ะ พีท” พิสิณีบอก
“ช่างเถอะ อย่างที่คุณพ่อบอก กฏก็ต้องเป็นกฏ”
“แน่ใจเหรอคะ ว่าอยากให้เขมมิกถูกไล่ออกจริงๆ อย่างน้อยก็ให้คุณแม่เลิกแบล็คลิสต์ เค้าจะได้หางานใหม่ทำได้”
“เขมทำผิดมากนะครับที่รัก อย่าไปยุ่งกับเค้าอีกเลย ผมไม่อยากให้ใครไปพูดได้ว่าเราช่วยเหลือคนผิด เราไปทำงานกันเถอะครับ ที่รัก”
“ค่ะ ก็ได้ค่ะ”
พิทยาเดินตามพิศิณีไปทางหนึ่งแต่พิทยาแอบเป็นห่วงเขมมิกเพราะใจไม่ได้ตัดรอนอย่างที่ปากพูด
เขมมิกนั่งวางท่าอย่างนางพญาสุดฤทธิ์
“ฉันอยากรู้ว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง ก่อนตัดสินใจค่ะ”
แสงสุดาหมั่นไส้แต่ก็ร่ายยาว “เธอต้องทำให้ตาใหญ่เลิกกับนังน้ำหวานบานฉ่ำ และทำยังไงก็ได้ให้ตาใหญ่ทิ้งฟาร์มเพื่อนเกษตรแล้วกลับมาช่วยบริหารสายการบินของฉันเต็มตัว ข้อสำคัญ เธอห้ามหลงรักและหลงเสน่ห์ตาใหญ่เด็ดขาด!”
“โอ๊ยยยย ทำยังกะน่ารักเสียเต็มประดา” เขมมิกว่า
“อย่าประเมินเสน่ห์ของลูกชายฉันต่ำไปนะเขมมิก”
“ฉันไม่เคยหลงรักเป้าหมาย” เขมมิกบอก
“แสดงว่าเธอตอบตกลง”
“ห้าล้านบาท!”
“ไม่มีทาง!”
เขมมิกอึ้งเมื่อแสงสุดาไม่ยอมรับข้อเสนอ ธรรมศักดิ์ปาดเหงื่อ แต่แอบสบตาเขมมิกแล้วส่ายหน้าพร้อมส่งสายตาว่าอย่าไปยอม
เขมมิกครุ่นคิดเพื่อหาทางหนีทีไล่
พิแสงเดินมากับวาศิณี แล้วจู่ๆ ก็จามเสียงดัง
“ชิ้ว!!!”
“นายหัว! เป็นหวัดเหรอคะ” วาศิณีถาม
“รู้สึกคันจมูก”
“คงเริ่มเป็นหวัดแล้วล่ะค่ะ”
วาศิณีเอามือแตะหน้าผากพิแสง พิแสงผงะเล็กน้อยเพราะอึดอัด
เขมมิกต่อรองอีกครั้ง
“งานนี้ต้องใช้ต้นทุนที่สูงมากนะคะ”
“ต้นทุนอะไร แค่มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนที่เธอก็มีติดตัว ไม่ได้เอาจากที่ไหน” แสงสุดาบอก
เขมมิกพูดเสียงสูงมาก “แค่มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนติดตัวมาเหรอคะ อย่าใช้คำว่าแค่กับศาสตร์ชั้นสูงสิคะ!”
แสงสุดาทำเสียงสูงกว่า “สูงตรงไหน!!”
ธรรมศักดิ์ปวดหูและปวดหัว
“มันต้องใช้สมองคิดแผนการทำลายความรักให้ไปด้วยกันกับลีลาและมารยาจริต ไม่ใช่ใครๆก็ทำได้นะคะ ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ!”
แสงสุดาอึ้งแล้วเปลี่ยนลีลาใหม่ “ฉันจะให้สามแสนบาททันทีที่เธออยู่ที่นั่นได้เกินเดือนโดยไม่ถูกลูกชายฉันไล่ออกจากฟาร์ม และถ้าเขากับผู้หญิงคนนั้นเลิกกันเมื่อไหร่ เอาไปเลยอีกสามแสน จากนั้นถ้าเธอทำให้เขากลับมาอยู่ที่กรุงเทพอย่างถาวรได้วันไหน ก็มารับเงินที่เหลืออีกสี่แสนได้เลย”
เขมมิกเริ่มงงจึงหันไปถามธรรมศักดิ์ “รวมเป็นเท่าไหร่คะ”
“หนึ่งล้านบาทครับ”
“โน!!!” เขมมิกเสียงดัง
แสงสุดาและธรรมศักดิ์ผงะกับเสียงของเขมมิก
พิแสงอึ้งกับสัมผัสของวาศิณีจึงผงะถอยจนสะดุดก้อนหินลงไปทรุด
“โอ๊ะ!!”
“นายหัว!!! น้ำหวานขอโทษ น้ำหวานทำนายหัวเจ็บหรือเปล่าคะ!”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกน้ำหวาน..ทำไมวันนี้...รู้สึกแปลกๆก็ไม่รู้แฮะ ช่วยไปตามไอ้หลอดกับไอ้เสริมให้ผมที ผมจะออกไปข้างนอก”
“แต่เช้านี้ นายหัวมีนัดกับคุณต่อลาภ จากยูเอฟนะคะ”
“ผมไม่ลืม...ยังมีเวลา ผมไปไม่นาน จะรีบกลับมาให้ทันเวลานัด”
“นายหัวจะไปไหนคะ”
“ไปหาลุงแก้ว”
พิแสงรีบเดินออกไป วาศิณีมองตามด้วยความแปลกใจ
“ลุงแก้ว....ลุงแก้วไหน??”
วาศิณีไม่ติดใจอะไรจึงเดินไปอีกทาง
แสงสุดาต่อรอง
“สองล้าน”
เขมมิกเข้ามาเผชิญหน้ากับแสงสุดา “ไม่ค่ะ!”
“สามล้าน ขาดตัว เคาะ ครั้งสุดท้าย!” แสงสุดาบอก
เขมมิกยืนยัน “ห้าล้านค่ะ!”
“สองล้านห้าก็แล้วกัน”
เขมมิกยกมือไหว้ “ลาล่ะค่ะ สวัสดี!”
เขมมิกทำทีจะเดินกลับ
แสงสุดาเรียกไว้ “ก็ได้!!” แสงสุดาเจ็บใจ “ทำไมต้องคิดฉันแพงหูฉี่ขนาดนี้! ตั้งห้าล้าน!”
“สองล้านห้าสำหรับการให้ให้เขาเลิกกับแฟน เลิกทำไร่ทำฟาร์ม และกลับมาช่วยงานคุณที่กรุงเทพ ส่วนอีกสองล้านห้าสำหรับการันตีว่าฉันจะช่วยให้เขาเลิกรักเลิกหลงฉันโดยไม่ต้องบาดเจ็บจากการอกหัก”
“ห้ะ??? ไม่เข้าใจ”
“ลูกชายของคุณอาจจะต้องหัวใจสลายที่มาหลงรักฉัน คุณจึงควรให้ค่าจ้างเพิ่มในส่วนที่ฉันต้องทำงานหนักขึ้น คือให้เขารักชอบฉันก่อนในตอนแรก และทำให้เกลียดเข้าไส้ในตอนหลัง ถึงจะตัดใจจากฉันได้ชัวร์”
แสงสุดาย้อนเสียงสูง “เหร้อ??”
“ไม่ได้โม้นะคะ ผู้ชายทุกรายที่มาใกล้ชิดฉัน...ยากค่ะที่จะยอมตัดใจจากไป”
“ตกลงตามนี้ เริ่มงานได้เมื่อไหร่”
“จนกว่าจะแน่ใจว่า....ท่านจัดให้แม่ฉันเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งและมีคนดูแลตลอดยี่สิบชั่วโมงอย่างดีที่สุด”
“ข้อนี้ งอกมาได้ยังไง” แสงสุดาถาม
“แพ็คเก็จเสริมค่ะ ไม่งั้น...โน!!!”
แสงสุดาหันไปมองธรรมศักดิ์อย่างเดือดดาล
“คุณเขมมิกเป็นผู้เชี่ยวชาญครับ” ธรรมศักดิ์ย้ำ
“ก็ได้!” แสงสุดายอม
เขมมิกปิดประตูห้องทำงานของแสงสุดาปุ๊บ ก็ทำท่าดี๊ด๊าดีใจสุดๆ
“เยส!!!”
เขมมิกดีใจมากจนคล้ายโลกทั้งใบสดใสสว่าง
“ห้าล้าน ห้าหล่าน ห้าล๊านนนนน!!!!”
เสียงพิทยาดังขึ้น “เขม!”
เขมมิกสะดุ้งแล้วหันไปก็เห็นพิทยามองอยู่ด้วยความประหลาดใจ
“ดีใจอะไร...คุณถูกไล่ออกไม่ใช่เหรอ”
เขมมิกทำท่าห่อเหี่ยวทันที “ฉันเสียใจจนบ้าไปแล้วต่างหาก....”
เขมมิกเหลือบตามองพิทยาเพราะกลัวมีพิรุธ เธอคิดถึงข้อตกลงในห้องก่อนหน้านี้
ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา แสงสุดาเดินเข้ามาบอกเขมมิก
“ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้กับคนอื่น บอกคนที่เกี่ยวข้องว่าเธอไปทำงานต่างจังหวัด จะมีธรรมศักดิ์คนเดียวที่คอยประสานทุกอย่างและเตรียมของที่จำเป็นทุกอย่างให้”
“ค่ะ”
“แต่ถ้าเธอทำไม่สำเร็จ ถูกไล่หรือหนีกลับมาก่อน ไม่ว่าเธอจะได้ไปเท่าไหร่เธอก็ต้องคืนเงินให้ฉันทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยสิบเปอร์เซ็นต์ คำนวณตามจำนวนวัน..ห้ามขาดแม้แต่วันเดียว”
“เคี่ยวที่สุด”
“ไม่เคี่ยว ฉันจะอยู่ได้มาจนทุกวันนี้เรอะ เตรียมตัวให้พร้อม อาทิตย์หน้าเธอจะต้องเดินทางไปพัทลุง” “พัทลุงเชียวเหรอคะ!!”
“เออสิยะ คิดว่าจะมีฟาร์มหมูอยู่ที่พระรามเก้านี่หรือไง”
เขมมิกลืมตัวจึงพูดออกมา
“ไปซะไกล มันน่าจะเรียกราคาเพิ่ม!”
พิทยางง “อะไรนะเขม”
“เปล่าค่ะ...ขอตัวนะคะ กำลังตกงาน ไม่มีอารมณ์คุยกับใคร!”
เขมมิกเดินหนีแล้วก็โล่งใจที่ไม่พลาด พิทยาจะเดินตามเขมมิกแต่พิศิณีเข้ามาเรียกไว้ซะก่อน
“พีทคะ ต้องเข้าประชุมแล้วค่ะ”
“จ๊ะ”
พิทยาเดินตามพิศิณีไปแต่ใจยังอาลัยและอยากคุยกับเขมมิกอยู่
เดียร์ หลานสาววัย 9 ขวบของแก้วนั่งมองหน้าหลอดกับเสริม หลอดแยกเขี้ยวหลอกเดียร์เพื่อจะแหย่ให้ขำ แต่เดียร์ยังตีหน้านิ่ง
“ไอ้เสริม แกว่า...หลานตาแก้วเป็นอัมพาตที่หน้าหรือเปล่าวะ หน้านิ่งอย่างแรง ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย”
“อย่าแกล้งเด็กน่าพี่ ร้องไห้ขึ้นมา เดี๋ยวซวย” เสริมเบรก
“ไม่ร้องหรอก” หลอดว่า
เดียร์ร้องไห้ทันที “แฮ!!!! แฮ!!”
หลอดและเสริมลนลาน
พิแสงเดินคุยมากับลุงแก้วและป้าสาว ทั้งหมดเห็นเดียร์ร้องไห้ป้าสาวรีบวิ่งไปดูแล
“เฮ้ย!! ใครแกล้งเด็ก!!” พิแสงว่า
หลอดชี้เสริม ส่วนเสริมชี้หลอด
พิแสงพูดกับเดียร์ “บอกพี่ ใครแกล้ง”
หลอดจ้องเดียร์เขม็งเพื่อขู่ เดียร์ชี้ไปที่หลอด
พิแสงฉุน “ไอ้หลอด!”
“ล้อเล่นขำๆ” หลอดบอก
“แต่เด็กไม่ขำ ไอ้นี่! ไป ไปรอที่รถ!” พิแสงสั่ง
หลอดและเสริมรีบวิ่งออกไป พิแสงหันไปคุยกับลุงแก้ว
“ขอบคุณมากครับลุง สำหรับข้อมูลโรงเลี้ยงหมูอีแวป”
“ไอ้โรงเลี้ยงแบบปิดแบบนี้มันดี ปลอดเชื้อ หมูแข็งแรง นี่อีกไม่นานก็ขายได้แล้ว โอ๊ย..สมบูรณ์ทุกตัว”
“ครับ ผมไปก่อนนะ ว่างๆจะมาเยี่ยม ไปนะ น้องเดียร์”
เดียร์ยกมือไหว้พิแสง
พิแสงเดินออกไป ลุงแก้วและป้าสาวมองตามพิแสงอย่างชื่นชม
“เหมือนปู่ไม่มีผิด...จะทำอะไรต้องมีข้อมูลรอบด้าน...ทั้งเก่ง ฉลาด นิสัยดีใครมาเป็นเมีย โชคดีเป็นบ้า”
“อย่างฉันพอทันมั้ย”
ป้าสาวหันมาถาม
ต่อลาภยกมือไหว้พิแสงอย่างนอบน้อมมากจนรู้สึกได้ พิแสงรับไหว้แล้วยิ้มให้ตามมารยาท
“คุณต่อลาภเป็นผู้จัดการฝ่ายขายประจำภาคพื้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกของยูเอฟค่ะ” วาศิณีแนะนำ
ต่อลาภทั้งนอบน้อมและพูดเหมือนลิเกมาก “ขอบคุณมากนะครับที่เสียสละเวลาอันมีค่าของท่าน
ให้กระผมได้เข้าพบ กระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอของกระผมจะต้อง...”
พิแสงไม่อยากคุยด้วยจึงตัดบท “ไม่เป็นไรครับ...ยินดีที่ได้พบ ขอบคุณ สวัสดี น้ำหวาน...ไว้นัดมาใหม่นะ”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ปวดหัว รู้สึกว่าอากาศเป็นพิษ”
พูดจบพิแสงก็เดินออกไปโดยไม่สนใจต่อลาภอีก ต่อลาภหน้าเจื่อนและอึ้ง ส่วนวาศิณีหน้าเสีย
พิแสงเดินลิ่วมาที่เล้าหมู เขามองเล้าหมูแบบเปิดของตัวเองแล้วคิดถึงอดีต
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา พิแสงในวัยประมาณ 15-16 ยืนมองเล้าหมูเคียงข้างปู่
“ชอบที่นี่มั้ย ตาใหญ่” ปู่ถาม
“ชอบครับ” พิแสงตอบ
“ชอบเพราะได้มาเที่ยวช่วงปิดเทอมหรือเปล่า”
“ผมชอบมาดูปู่กับคนงานเลี้ยงหมู ปลูกสมุนไพรพื้นบ้านครับ...สนุกดี”
“เห็นทั้งหมดนี่มั้ย”
“ครับ”
“พอปู่ตาย คงต้องขายให้คนอื่น”
“คุณพ่อดูแลที่นี่แทนปู่ได้”
“เค้าไม่ได้ชอบทางนี้...เค้าชอบบินสูง แต่ปู่ชอบบินต่ำๆ...ไปเรื่อยๆ สร้างพ่อพันธุ์แม่พันธุ์หมูให้คนเอาไปสร้างลูกสร้างหลาน มีงานให้คนพื้นที่ได้ทำสร้างรายได้ ไม่ต้องไปต่างถิ่น”
“ผมทำแทนคุณพ่อก็ได้ครับ”
“แน่ใจเหรอ ว่าอยากเลี้ยงหมู” ปู่ถาม
“ไม่แน่ใจ” พิแสงตอบ
“อ้าว...”
“แต่ผมไม่อยากให้ปู่ขายที่นี่ให้คนอื่น ผมจะดูแลมันเอง ผมรู้ว่าปู่เหนื่อยกับมันมามาก คุณพ่อไม่ทำ ผมทำเอง”
“ขอบใจนะตาใหญ่ ปู่จะถือว่ามันเป็นคำสัญญาลูกผู้ชายได้มั้ย”
“ได้เลยครับ”
พิแสงยื่นมือให้ปู่ ปู่จับมือพิแสงแล้วทั้งสองก็เช็กแฮนด์กัน
ที่เหตุการณ์ปัจจุบัน พิแสงยืนมองเล้าหมูยิ้มๆ
“ผมจะดูแลที่นี่ให้ดีที่สุดครับปู่”
หลอดและเสริมเดินเข้าถามพิแสงอย่างสงสัย
“นายหัวเป็นอะไร นัดเค้ามา อยู่ๆก็ไล่เค้าไป”
“ฉันได้กลิ่นตุๆจากนายคนนั้น” พิแสงบอก
“ไม่อาบน้ำ” เสริมพูด
“หรือไม่ก็ขี้ไม่ล้าง” หลอดต่อ
“ท่าทางจะขี้หกมากกว่า พูดมาก เยิ่นเย้อ เกินเหตุ ไม่น่าไว้ใจ” พิแสงบอก
“เค้าอาจจะจริงใจ แต่แสดงออกไม่เป็น”
“ก็ต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นให้ได้ว่าจริงใจ ถึงจะยอมเจรจาธุรกิจด้วย”
เสริมขัดขึ้น “แต่ผมว่า....”
“จบ! พรั่นพรือหลาว คุยอยู่ได้ น่ารำคาญ ทำงาน! ไปปลุกอารมณ์ไอ้ทีเด็ดได้แล้ว หมอปิ๊นมายัง!!”
ปริญญ์กำลังเดินมา เขาเห็นวาศิณีเดินมากับต่อลาภก็ชะงักจึงรีบแฝงตัวแอบดู วาศิณีแสดงความเป็นมิตรกับต่อลาภมาก
“นายหัวคงกังวลเรื่องผสมพันธุ์หมูอยู่นะค่ะ เลย...เครียด เปลี่ยนใจกระทันหัน”
“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ” ต่อลาภบอก
“แล้วค่อยนัดกันใหม่นะคะ”
“รบกวนคุณน้ำหวานด้วยนะครับ แต่คุณน้ำหวานรู้ใช่มั้ยครับว่าผมมาดี”
“ทราบดีค่ะ น้ำหวานจะช่วยคุยกับนายหัวให้นะคะ เอ๊ะ ขอโทษนะคะ”
วาศิณีหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดที่ข้างแก้มของต่อลาภ ปริญญ์อึ้งและหน้าเสียที่เห็นวาศิณีปฏิบัติต่อต่อลาภเหมือนกับที่ทำกับตัวเองเป๊ะ
“ออกหมดแล้วค่ะ พอดี มีรอยเปื้อนที่แก้มน่ะค่ะ” วาศิณีบอก
ต่อลาภยิ้มกริ่มอย่างรู้ทัน “แต่ผมแน่ใจนะ ว่าหน้าผม...ไม่ได้เปื้อนอะไร”
วาศิณีเอียงอาย “แหม คุณมองไม่เห็นต่างหาก”
“แต่ก็ขอบคุณนะครับ”
ปริญญ์เดินออกไปอย่างผิดหวัง
อนงค์เดินเข้ามาขัดจังหวะอย่างไม่พอใจ
“น้ำหวาน!”
วาศิณีตกใจ
อนงค์ตีแขนวาศิณีด้วยความไม่พอใจ
“นี่ๆๆๆๆ สอนไม่จำ”
“โอ๊ย แม่ หนูเจ็บนะ”
“อย่าเจ็บเฉยๆ เจ็บแล้วต้องจำใส่สมองไว้ซี่ ฉันเลี้ยงแกมาเพื่อจะเป็นนายแม่เมียนายหัว ไปให้ท่าไอ้เซลส์กระจอกๆนั่นทำไม!”
“หนูไม่ได้ให้ท่า เขาจีบหนูเอง” วาศิณีแก้ตัว
“จริงเหรอ แต่แกยอมให้มันจับมือถือแขน”
“โอย แม่ก็ แก่แล้วตาฝาด ไม่คุยด้วยแล้ว”
วาศิณีหาเรื่องเดินเลี่ยงไป อนงค์ตะโกนสำทับ
“ไม่มีอะไรให้มันจริงเถอะ อย่าใฝ่ต่ำก็แล้วกัน เพราะฉันไม่ยอมแน่!”
ชมพู่ถือถุงใส่ของชำโผล่เข้ามา “ไม่ยอมแล้วคุณอนงค์จะทำอะไรค้า”
“ว้าย! มาแบบปกติไม่เป็นหรือไง”
“ไม่เป็นค่ะ เพราะชมพู่เป็นสายลับ” ชมพู่บอก
“เพ้อเจ้อ! ไหนล่ะของที่ให้ไปซื้อเข้าครัว!” อนงค์ถาม
“นี่ค่ะ หนั้กหนัก”
ชมพู่จงใจทุ่มถุงใส่ของชำทั้งขวดซีอิ๊ว น้ำปลา และของหนักอื่นๆ ใส่เท้าอนงค์
“อ๊าย! นังชมพู่! ปล่อยลงเท้าฉันทำไม” อนงค์โวย
“เอ๊า...นี่ชมพู่ทำอะไรลงไป...สงสัยมือไม้อ่อนแรง ขอโทษค่า”
ชมพู่รีบเก็บถุงขึ้นมา อนงค์มองอย่างเจ็บใจ ชมพู่เดินเลี่ยงไปทันที
อนงค์แค้นจัด
“ฉันเป็นแม่ยายนายหัวเมื่อไหร่ ฉันจะไล่แกออกเป็นคนแรก นังชมพู่!”
แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ทางด้านพิแสงที่อยู่หน้าคอกทีเด็ดฉุนเต็มที่
“ไอ้ทีเด็ดหายไปอีกแล้ว!”
พิแสงหันไปจ้องหน้าหลอดกับเสริมตาเขียว หลอดกับเสริมก้มหน้างุด ในขณะที่ปริญญ์นิ่งเงียบ เพราะเครียดกับเรื่องความรักอยู่
“ไหนบอกว่าเปลี่ยนล็อกแน่นหนาแล้วไง!” พิแสงโมโห
“เปลี่ยนแล้วจริงๆครับ” หลอดบอก
“แน่นหนาจริงๆนะครับ”
“แล้วมันหนีไปได้ยังไง ดำดินไปหรือไง !”
“ถ้าไม่มีใจ ขังยังไงก็ขังไม่อยู่” ปริญญ์เปรยออกมา
พิแสง หลอด และเสริมอึ้งพร้อมกับหันมองปริญญ์อย่างงงๆ
“ไอ้ทีเด็ดมันไม่มีใจให้ผมงั้นเหรอ” พิแสงถาม
“รู้หน้าไม่รู้ใจหรอกครับ” ปริญญ์บอก
พิแสง หลอด และเสริมอึ้งอีก
“ก็ใช่น่ะสิ มันเป็นหมู ผมเป็นคน และไม่ได้เป็นหมอหมูเหมือนหมอ ผมจะไปรู้ใจมันได้ไง”
“อยู่กันมาตั้งนาน บางทีคิดว่ารู้ ก็อาจจะไม่รู้” ปริญญ์พูด
พิแสงเรียกเสียงดัง “ไอ้หมอ!”
ปริญญ์ตกใจจนสติกลับมา “ครับ คุณพิแสง!”
“เป็นอะไร!”
“เป็นหมอหมู....ที่ไม่มีใครรักครับ”
พิแสง หลอด และเสริมอึ้ง พิแสงปวดหัว
“ไปช่วยกันตามหา ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ไอ้ทีเด็ดมันจะได้สูดกลิ่นคำว่าอิสรภาพ เพราะต่อจากนี้...ขังลืม!!! ฐานทำฉันเสียเวลาผสมพันธุ์!”
หลอดบ่น “โหดจังฮู้!!”
“ที่ถูกขังลืมน่ะ พวกแก!!! ไป!!”
หลอดกับเสริมจ๋อยแต่ก็รีบวิ่งออกไป พิแสงหันไปเห็นปริญญ์ยังซึมอยู่ก็ถอนใจ
“หมอ...หาหมูให้เจอก่อน โอเคมั้ย แล้วค่อยมาซึม ขอร้อง ผมเป็นห่วงหมูผม”
“ไม่เป็นห่วงผมบ้างเหรอ”
พิแสงถอนหายใจ “เฮ้อ....”
พิแสงเดินหนีไป ปริญญ์ตัดใจออกเดินไปหาทีเด็ดกับพิแสง
เขมมิกกำลังจัดเสื้อผ้า เนตรนิภาเดินโวยวายเข้ามาหา
“ไหนแกบอกว่าแกล้างมือจากวงการแล้วไง แล้วทำไมกลืนน้ำลายตัวเอง สาบานต่อหน้าพระแล้วด้วย”
“เพราะฉันไปทำกรรมทำให้คนอื่นเลิกกัน....อาจมีส่วนทำให้แม่ป่วย แต่...พอแม่ป่วย ฉันก็ไม่มีปัญญาหาเงินมารักษา นอกจากทำอาชีพเวรกรรมนี้”
“มันเกี่ยวกันตรงไหน...ไม่เข้าใจ”
เนตรนิภาเดินหงุดหงิดออกไป
เนตรนิภาเดินมาเปิดตู้เย็นหาของกินแก้หงุดหงิด เขมมิกเดินเข้ามาคุยด้วย
“เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
“นั่นสิ...ถ้าแกยังอ้วนเป็นยัยปุ๊กลุ๊ก...แกก็คงไม่ต้องมารับจ็อบแบบนี้ ฉันอยากให้โลกหมุนกลับไปที่เดิม....ไม่อยากให้แกบาปหนา” เนตรนิภาบอก
“ใช่ ตอนฉันยังเรียนที่ออสเตรีย...ฉันคือยัยปุ๊กลุ๊กของทุกคนที่นั่น และเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น เพราะ...”
พูดถึงตอนนี้เขมมิกก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
หลายปีก่อนที่ออสเตรเลีย เขมมิกยังอ้วนและแสนเฉิ่มกำลังนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง
“ฉันเสียความบริสุทธิ์!!!”
เนตรนิภาเข้ามาปลอบ “ใจเย็นๆนะ เขม ใจเย็นๆ”
“ทำไมเค้าต้องใจร้ายกับฉัน...พูดออกมาได้ยังไงว่า...JUST FOR FUN!!!”
“ก็แก..คุยกับเค้าทั้งคืนในงานปาร์ตี้ ระริกระรี้งี้ เขาอาจจะคิดว่า...”
“แกคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะมีใครมาคุยกับฉัน!ดูสภาพสิ มีแต่เค้าคนเดียวที่เหลียวมองฉัน ฉันก็คิดสิว่าเค้ามีใจ ที่ไหนได้....หลอกเจาะไข่แดงฉัน!!! แฮ!! มันเก็บแต้มเอาไปเม้ากับเพื่อนแน่ๆ เนตร ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันอยากกลับบ้าน!!”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เขมมิกก็น้ำตาซึม
“ฉันถูกรังแก เพราะฉันไม่สวย และแก..เป็นคนทำให้ฉันลุกขึ้นมาสวยเพื่อหักอกผู้ชายห่วยๆ”
“ฉันให้แกลุกขึ้นมาสวยเพื่อให้รู้สึกมั่นใจและเดินหน้าต่อไป..ไม่ใช่ให้เอามาหากินแบบนี้” เนตรนิภาบอก
“เดินหน้าต่อไปแล้วไง ไม่ว่าสวยหรือไม่สวย ถ้าผู้ชายมันจะเลว เราก็ถูกทิ้งอยู่ดี...แกช่วยฉันตั้งแต่ต้น แกก็ต้องช่วยฉันต่อไป ถอนตัวไม่ได้!”
“เวร!”
“แต่ฉันเป็นคนดีนะเนตร” เขมมิกส่งสายตาอ้อนวอนเนตรนิภา “ที่ฉันต้องไปเป็นนังมารร้ายผู้ช่วยแม่พระเอก เพราะมันทำให้ฉันมีเงินรักษาแม่”
เนตรนิภาเริ่มลังเล
“ฉันไปกราบขอขมาพระท่านแล้วที่ผิดสัญญา แต่งานนี้ งานสุดท้ายจริงๆ ไม่โกหก”
เนตรนิภาพยักหน้ายอมรับ
“ขอบใจนะเนตร ฉันรักแกว่ะ”
“ทุกที...แกไปเถอะ ฉันจะช่วยดูแลแม่แกให้เอง ทีนี้จะให้บอกแม่แกว่าแกไปไหน”
ฟากเขมมิกเข้ามาพูดจาสตรอเบอรี่ใส่แม่
“พอดีคุณธรรมศักดิ์เขารับจ็อบเป็นเอเจนซี่หางานด้วย เขมเลยได้งาน แต่ต้องทดลองงานก่อนสามเดือน ผ่านแล้วค่อยจ้างประจำ”
“งานอะไร....อย่าโกหก แม่ไม่ชอบ” ขนิษฐาบอก
“ไม่เคยโกหก...เขมไปเป็นฝ่ายวางแผนกลยุทธทางการตลาดที่ฟาร์มเลี้ยงหมู”
“แกจะทำได้เหรอ ตั้งแต่จบมาก็เป็นแอร์ งานอื่นไม่เคยทำ”
“แม่ไม่รู้อะไร งานประเภทวางแผน วางกลยุทธอะไรเงี้ย เขมถนัดจะตาย”
“ถ้าเขมไม่มีแวว เจ้านายไม่รับไปทำหรอกค่ะ” เนตรนิภาเสริม
เขมมิกรีบรับคำ “ใช่!!”
“ไม่ยักรู้มาก่อน ว่าแกวางแผนเก่ง...แล้วไปจังหวัดไหน” ขนิษฐาถาม
“พัทลุงค่ะ”
“พัทลุงเลยเหรอ!!!! ไปวันไหนล่ะ”
“วันที่เขมจัดการบางอย่างเรียบร้อยแล้วไงแม่”
ขนิษฐาและเนตรนิภาสบตากัน
“งานอะไรของแกอีกล่ะ ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วนี่ ทั้งคนดูแลแม่ที่บ้านและพาไปหาหมอ”
เขมมิกยิ้มเจ้าเล่ห์
เขมมิกถือปืนยิงขึ้นฟ้าดังเปรี้ยง เนตรนิภา ขนิษฐา และพยาบาลอุดหูและตัวสั่นอยู่ข้างหลัง เปี่ยมพงษ์ยืนกลืนน้ำลายเอื๊อกอยู่ที่หน้าบ้าน ขาสั่นพั่บๆด้วยความกลัว ชาวบ้านเริ่มเดินมามุงดู
“ไอ้เขม เอาปืนผาหน้าไม้มาจากไหน ทำแบบนี้ทำไม” ขนิษฐาถาม
“ของพ่อไงแม่ เขมซ่อนไว้ในห้องเขมนานแระ เขมเอามาซ้อมมือ” เขมมิกบอก
“ไอ้เขม! เดี๋ยวตำรวจก็แห่มาหรอก” เนตรนิภาว่า
“แห่มาสิดี...จะได้เป็นพยาน!”
เปี่ยมพงษ์ค่อยๆก้าวถอยหลังจะหนีออกไปจากบ้าน
เขมมิกเสียงดัง “ไปไหน ลุงเปี่ยม!”
“หนีจ้ะ เอ๊ย!!! ไม่ใช่จ้ะ ถอยเพื่อตั้งหลักจ้ะ”
“ตั้งหลักฟังให้ดีๆนะ....กลัวมั้ย!”
“ที่สุดเลย...ลูกทหาร น่ากลัว!” เปี่ยมพงษ์บอก
“หมายถึงปืน!”
“มากที่สุดในสามโลกจ้ะ”
“มันจะถูกหยิบขึ้นมาใช้อีก ถ้าฉันรู้ว่าระหว่างที่ฉันไม่อยู่ แกทำร้ายแม่ฉันแม้แต่ปลายเล็บ และเงินที่ฉันให้แม่ไว้ หายไปแม้แต่บาทเดียวเพราะถูกแกไถไปเลี้ยงเด็ก!”
เปี่ยมพงษ์อึ้ง ขนิษฐาเศร้าใจ
“เขม...เบาๆลูก...แม่อายเค้า อย่าประจานแม่เลย” ขนิษฐาปราม
“เขมประจานมัน! ทุกคนช่วยเป็นพยานด้วย วันไหนมันแอบออกไปข้างนอกไปหาเด็ก หรือได้ยินเสียงแม่ฉันร้องเพราะความเจ็บปวด ให้ติดต่อหาฉันทันที งานนี้มีค่าหัว!”
เปี่ยมพงษ์กลืนน้ำลายเอื๊อก
“แต่ถ้าทนไม่ไหว ก็ไปซะ อยู่ที่แกเลือก ไม่ได้ห้าม!”
ขนิษฐาสะกิดพยาบาลให้พาเข้าข้างใน เนตรนิภาตามไปดูแลขนิษฐาทันที เขมมิกยืนประจันหน้าท้าทายกับเปี่ยมพงษ์ที่มีท่าทางหงอลงอย่างเห็นได้ชัด
พิแสงและกนธียืนมองปริญญ์ หลอด เสริม และชมพู่ช่วยกันไล่ต้อนทีเด็ดให้เข้าเล้า พิแสงกุมขมับ ด้วยความเครียด
“จับมันให้ได้ วันนี้เป็นไงเป็นกัน ไอ้ทีเด็ด แกไม่รอดแน่ แกต้องเสียน้ำ!” พิแสงว่า
“เฮ้ย อย่าเครียดมาก ถ้าแกเครียด ไอ้ทีเด็ดมันก็เครียด มันเลยไม่ยอมให้แกจับรีดน้ำเชื้อสักทีไง” กนธีบอก
“ยอมรับว่ะ...ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง เหมือนถูกราหูอมไงไม่รู้ ทุกวันจะต้องมีเรื่องมาป่วนชีวิตให้ตื่นเต้น”
“ชีวิตแกเรียบง่ายมานานแล้ว ถึงเวลาตื่นเต้นบ้างก็ดีนะ เลือดลมจะได้สูบฉีด อายุยืนนะเว้ย”
“ไม่ชอบ! ชอบอยู่เงียบๆ สงบๆ คนเดียว” พิแสงตะโกนลั่นแล้ววิ่งออกไปช่วยไล่จับทีเด็ด “ไอ้ทีเด็ด หยุด! ไม่หยุด...ลงหม้อ!”
ทีเด็ดไม่ยอมหยุด ทุกคนถอนใจแล้ววิ่งตามไล่จับกันต่อ
กนธีมองฟ้าและมองไปรอบๆ “อืม...ลมสงบ ใบไม้ไม่กระดิกสักนิด มันสงบเงียบเกินไปหรือเปล่าวะ หรือว่า...พายุจะมา”
กนธีวิ่งไปแจมกับพิแสงและคนอื่นๆ
“ช่วยๆๆๆ”
คนเป็นกลุ่มวิ่งตามหมูไป หมูวิ่งหนีกลุ่มคนผ่านมาทางเดิมอีกที
เขมมิกเดินเข้ามาในบ้าน เธอเช็ดปืนแล้วเอาเก็บใส่กล่องเหมือนเดิม เนตรนิภา ขนิษฐามองเขมมิกอึ้งๆ
“เรียบร้อย ที่เหลือก็...วัดใจกัน” เขมมิกบอก
“หัวใจจะวาย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” ขนิษฐาเตือน
“ก็ถ้าไม่สุดๆ คงไม่หยิบมันมาใช้งานหรอกแม่ อ่ะ เนตร ฝากด้วย”
เขมมิกยื่นกล่องใส่ปืนให้เนตรนิภา
“เฮ้ย !!! ไปฝากคนอื่นได้มั้ย ฉันกลัว” เนตรนิภาบอก
“งั้น ฉันจะเอาไปพัทลุงด้วย”
“เอาไปทำไมลูก เก็บไว้กับแม่ก็ได้”
“ไม่ได้ เดี๋ยวถึงมือไอ้เปี่ยมพงษ์”
ขนิษฐาถอนใจ
“ที่พัทลุงอาจจำเป็นต้องใช้มัน เพราะท่าทางคนที่นั่นไม่ใช่ธรรมดา”
เขมมิกบอก พลางยิ้มย่องเตรียมรับมือกับงานชิ้นสำคัญ
เสียงหมูร้องโหยหวน พิแสงในสภาพหน้าและหัวยับเยิน กำลังสวมถุงมือถือหลอดน้ำเชื้อของทีเด็ดขึ้นมา
“ในที่สุดแกก็เสียน้ำ ไอ้ทีเด็ด!!”
พิแสงหันไปดูพรรคพวกก็เห็นหลอด เสริม และกนธีนอนตายอยู่ข้างๆ ปริญญ์กำลังเก็บเครื่องมือในท่าทางซึมๆ ส่วนทีเด็ดอยู่ในเล้าเรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจทุกคนนะ สำหรับความร่วมมือร่วมใจ” พิแสงหัวเราะ สะใจ “ฮ่ะๆๆ ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต แกไม่มีวันชนะฉันหรอกเว้ย ไอ้หมูตัวแสบ!!”
พิแสงเดินออกไปอย่างมีความสุขเหมือนโลกทั้งใบเป็นของพิแสงคนเดียว
เขมมิกอยู่ในชุดนอนสุดเซ็กซี่ทำเป็นปลดไหล่เสื้ออยู่หน้ากระจก
“คุณพิแสงคะ....เตรียมตัวไว้ดีๆนะคะ ต่อไปนี้ชีวิตของคุณจะไม่เหมือนเดิม” เขมมิกส่งจูบอย่างยั่วยวนที่สุด “เพราะแผนการแรกที่คุณจะได้เจอคือ...แผนการร้าย ยัยเซ็กซี่!!”
เขมมิกโพสท์ท่าเซ็กซี่หน้ากระจกอย่างมั่นใจ
วันต่อมา เขมมิกในชุดกระโปรงแดงสั้นจุ๊ดจู๋เห็นขาเรียวงาม เสื้อเน้นรูปทรง รองเท้าที่สีเข้ากัน ลากกระเป๋าเดินทางใบโตเดินเฉิดฉายมาตามทางเดินผู้โดยสารขาออก คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเหลียวหลัง เพราะตะลึงค้าง เขมมิกยิ้มมั่นใจ เธอหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมเพื่อเพิ่มความเฉี่ยวขึ้นไปอีก
ภาพในอดีตตอนที่ธรรมศักดิ์นั่งอธิบายให้เขมมิกที่นั่งฟังอย่างใช้สมาธิอยู่ที่ร้านอาหารฟัง
“ผมแจ้งคุณพิแสงไปแล้วว่าคุณเป็นหลานสาวของผมที่เพิ่งตามหากัน จนเจอ”
“คิดว่าเขาจะเชื่อเหรอคะ” เขมมิกถาม
“ตอนแรกก็ไม่เชื่อ และทำท่าจะไม่รับ...แต่แอ๊กติ้งระดับผม ไม่มีอะไรเกินความสามารถ”
“ค่ะ แม่ฉันยังเชื่อได้ว่าลุงเป็นอดีตนายแบบ”
“ขอบคุณครับ คุณไปฝึกงานที่ฟาร์มเพื่อนเกษตรเพื่อ....”
“เพราะถูกไล่ออกจากการเป็นนางฟ้า อยากเอาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเป็นเกษตรกร เอาความรู้ที่ได้ไปช่วยคู่หมั้นทำฟาร์มหมูที่เดนมาร์ก”
“คิดว่าคุณพิแสงจะเชื่อมั้ย”
“แอ็กติ้งระดับฉันนะคะ อย่าลืม” เขมมิกย้อน
“คุณพิแสงจะส่งคนมารับคุณที่สนามบิน...ตามวันเวลาที่ผมแจ้งไป”
“ฉันจะยังไม่ไป ถ้า....”
“ผมโอนเงินงวดแรกเข้าบัญชีคุณแล้ว ห้าแสนบาท ครบเดือนจะโอนอีกสองล้าน งานสำเร็จโอนอีกครั้งทั้งหมดทันที”
เขมมิกเดินฉับๆอย่างมั่นใจมาตามทางเดินผู้โดยสารขาออกของสนามบิน
หลอดกับเสริมยืนอยู่ถือป้ายรอรับที่เขียนว่า “เวลกัม คุณเข้ม” อยู่ เขมมิกเดินเลยไป หลอดกับเสริมยังชะเง้อมองหา
“ไหนวะ คุณเข้ม” หลอดมองหา
“รออีกสักหน่อยน่าพี่ เดี๋ยวก็ออกมา” เสริมบอก
หลอดกับเสริมยังคงรอต่อไป
เขมมิกเดินออกมาจากสนามบินด้วยความหงุดหงิด
“ไหนบอกว่าส่งคนมารับแล้วไง อยู่ไหนล่ะเนี่ย รอมาจะชั่วโมงแล้วนะ ฮื่ย!!”
เขมมิกยืนรอต่อไปอย่างหงุดหงิด เธอหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาธรรมศักดิ์แล้วรอสาย หลอดกับเสริมเดินคุยกันผ่านไป
“สงสัยคุณเข้มไม่ได้มาเครื่องเที่ยวนี้ว่ะ รอจนรากงอกแล้ว” หลอดว่า
หลอดกับเสริมเดินผ่านไป ธรรมศักดิ์รับสาย เขมมิกจึงใส่ทันที
“ลุง!!!! ยังไงเนี่ย!!”
ธรรมศักดิ์เดินคุยมือถือ
“หลานเขมมิกรออยู่ที่สนามบินเป็นชั่วโมงแล้วนะครับ คุณพิแสง ยังไม่เห็นคนของคุณที่ส่งไปรับ”
พิแสงคุยมือถือกับธรรมศักดิ์
“ผมส่งคนไปรับตามเวลาที่เครื่องลง....หลานของคุณธรรมศักดิ์เป๋อ เอ๋อ หลงไปไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีทางครับ”
“คนของผมเขียนชื่อยืนรอรับอยู่ ถ้าหลานเขมของคุณไม่เอ๋อ เป๋อ ก็ตาบอด” พิแสงบอก
“ไม่มีทางครับ คุณพิแสงครับ นึกว่าเห็นแก่ลูกนกที่เพิ่งตกงาน ไม่มีที่ไปด้วยเถอะครับ ช่วยตามหาหลานเขมของผมที ป่านนี้คงยืนน้ำตาแตกอยู่ที่สนามบินแล้ว”
“ก็ได้ๆ...”
พิแสงวางสายแล้วถอนใจก่อนจะเดินออกไป
ธรรมศักดิ์ยิ้มพอใจแล้ววางสาย
“เก่งจริงๆเรา”
เขมมืกยืนหงุดหงิดและโมโหอยู่
“แค่แมทแรก ก็เล่นกันซะแล้วนะ อีตาพิแสง...คิดเหรอว่าฉันจะยอมแพ้กลับบ้าน พัทลุงใกล้ๆหาดใหญ่แค่นี้ จีพีเอสฉันมี ไปเองก็ได้!”
เขมมิกเหลือบไปเห็นป้ายรถเช่าก็ตัดสินใจ ลากกระเป๋าเดินไปหาทันที
เขมมิกเดินเข้ามาบริเวณรถเช่า
“ฉันต้องการเช่ารถค่ะ...คิดยังไง!”
เจ้าหน้าที่รีบหยิบเอกสารขึ้นมาทันที ส่วนเขมมิกหงุดหงิดยังไม่หาย
เขมมิกปิดประตูรถแล้วเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนพิแสงเอาเรื่องกับหลอดและเสริม ซึ่งในมือยังถือป้ายที่เขียนว่า “เวลกัม คุณเข้ม” เอาไว้
“เขาชื่อ คุณเขมมิก ไม่ใช่เข้ม!” พิแสงว่า
“เห็นมั้ย ผมว่าแล้วว่าชื่อเขม ชื่อเขม ไอ้เสริมมันไม่เชื่อผม มันบอกว่านายหัวพูดว่าคุณเข้ม” หลอดอ้าง
เสริมรีบบอก “เฮ้ย ผมไม่ได้พูด”
“เอ็งนั่นแหละ!” หลอดว่า
พิแสงรีบเบรก “พอๆๆๆ”
“ให้กลับไปรับอีกทีมั้ยครับ นายหัว” เสริมถาม
“เออ!” พิแสงเปลี่ยนใจ “แต่...อย่าเลย!”
“ไซหลาวนิ (ทำไมอีกนิ) อัยย่ะ!!! อารมณ์แปรปรวนจริงๆ” หลอดว่า
พิแสงเคือง “ไอ้หลอด!”
หลอดจ๋อย
“ไม่ต้องไปรับ...อยากมา ก็ให้มาเอง มาไม่ถูกก็กลับบ้านไป! ฮ่ะๆๆ”
แล้วพิแสงก็หัวเราะด้วยความสะใจพร้อมกับเดินออกไป หลอดกับเสริมมองหน้ากันงงๆ
เนตรนิภากดเบอร์มือถือในขณะที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเองที่อยู่ด้านหลังมีร่องรอยการรื้อเสื้อผ้ากระจัดกระจาย
“ไอ้เขม! แกอยู่ที่ไหน”
เขมมิกขับรถไปคุยมือถือไป
“ก็อยู่พัทลุงไง”
“แกใส่ชุดอะไรไป” เนตรนิภาถาม
“ก็....” เขมมิกมองกระโปรงตัวเองที่สวมอยู่ “ชุดที่เซ็กซี่ที่สุด”
“กระโปรงสีแดงของฉันใช่มั้ย”
“ก็แหม...โอ๊ยๆๆ สัญญาณไม่ดีเลย ครืด คราด” เขมมิกแกล้งทำเสียงรบกวนเอง “แค่นี้นะเนตร ไว้คุยกันใหม่”
เขมมิกรีบกดวางสาย
“ไอ้เพื่อนงก กระโปรงตัวเดียวทำเป็นหวง”
รถที่เขมมิกขับเคลื่อนตัวผ่านป้ายที่บอกว่ามุ่งหน้าสู่พัทลุง
เนตรนิภายืนโกรธอยู่
“มันเป็นกระโปรงตัวที่ฉันรักที่สุดในชีวิต! ฉันจะไปเอาคืน!!”
เนตรนิภาคว้ากระเป๋าเดินทางมาเก็บเสื้อผ้าแล้วยัดลงไป
พิแสงยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าฟาร์ม เขามองไปเบื้องหน้าด้วยความเครียด หลอด เสริม และชมพู่ยืนอยู่ข้างหลัง
“นายหัวรอใครนิ ดูตั้งใจรอมากเลยนะ” ชมพู่ถาม
“สงสัยรอคุณเข้ม” หลอดบอก
เสริมรีบพูด “คุณเขม”
“เออ!”
“สักวัน ผมจะหนีพี่ไป ถ้าพี่ไม่เลิกใส่ร้ายป้ายสีผม”
“กูไม่ตาม”
“งั้นไม่หนี”
ชมพู่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง “คุณเขมที่เป็นหลานสาวคุณทนายความธรรมศักดิ์ที่จะให้มาฝึกงานที่นี่เหรอ”
“เออ! จะเสียงดังไปทำไม” หลอดว่า
อนงค์และวาศิณีเดินเข้ามาด้วยสีหน้าสงสัย
“เขมอะไร เขมเฉยๆเหรอ” อนงค์ถาม
“เข้ม เอ้ย เขมมิกครับ ไม่ใช่เขมเฉยๆ” หลอดบอก
อนงค์และวาศิรีมีสีหน้าตกใจ
“คนชื่อเขมมิกมีไม่เยอะนะแม่ อย่าบอกนะว่าโลกกลม เป็นผู้หญิงคนนั้น” วาศิณีกังวล
“เดี๋ยวก็รู้...แล้วทำไมนายหัวต้องตั้งหน้าตั้งตารอมันขนาดนี้” อนงค์ว่า
“ให้ไปถามนายหัวให้มั้ย ว่าป้าอยากรู้” ชมพู่ถาม
อนงค์รีบบอก “ไม่ต้อง!”
ทุกคนมองไปที่พิแสงที่ยังรอคอยการมาของเขมมิก
“เก่งจริงก็มาให้ถูกนะเขมมิก ฉันรออยู่!” พิแสงพูดกับตัวเอง
พิแสงยิ้มเหี้ยม
รถของเขมมิกเลี้ยวมาจอดในลานจอดรถของซุปเปอร์สโตร์ เขมมิกลงจากรถพร้อมกับคุยมือถือ
“ลุง!!! หนูหลง!!”
ธรรมศักดิ์กินข้าวกล่องพลางคุยมือถือไปด้วย
“ไหนว่าไปเองถูก มีจีพีเอส”
“ก็...มันไม่ค่อยมีสัญญาณอ่ะ มาๆหายๆ แบตใกล้หมดแล้วด้วยอ่ะ เปลี่ยวก็เปลี่ยว หนูกลัวนะลุง”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่ซุปเปอร์สโตร์ที่พัทลุงเนี่ย” แบตเตอรี่โทรศัพท์เขมมิกหมดพอดี “ลุง เฮ้ย ลุง ฮัลโหล!!”
เขมมิกกดเปิดอีกรอบ แต่แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง
“โอ๊ย!!! ทำไมต้องมาแบตหมดตอนนี้ แล้วจะสื่อสารกับใครได้ยังไง”
เขมมิกมองเข้าไปในซุปเปอร์สโตร์ก่อนจะเดินเข้าไป
แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
พิแสงยืนอยู่ที่หน้าบ้าน
“คงหนีกลับไปแล้ว ดี! ชมพู่!”
ชมพู่วิ่งออกมา
“ค่ะนายหัว...”
“ปิดบ้าน ฉันจะเข้านอนแล้ว”
“นายหัวไม่รอคุณเขมก่อนเหรอคะ”
พิแสงมองชมพู่ตาเขียว “เป็นใคร ทำไมฉันต้องรอ”
“เป็นหลานคุณธรรมศักดิ์ค่ะ”
“คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอว่ายัยนั่นเป็นหลานคุณธรรมศักดิ์”
ชมพู่ตกใจจนเสียงดัง “นายหัวไม่เชื่อ ทำไมคะ!!”
“เรื่องของฉัน ปิดบ้าน!”
เสียงมือถือของพิแสงดังขึ้น พิแสงรีบรับ
“ว่าไงครับ คุณธรรมศักดิ์”
ธรรมศักดิ์นั่งกินขนมหวานหลังอาหาร ชิลๆ ตรงกันข้ามกับการพูด
“คุณพิแสงครับแย่แล้วครับ คุณเขม เอ๊ย หลานเขมหลงทางตอนนี้อยู่ที่ซุปเปอร์สโตร์ ใกล้ฟาร์มเพื่อนเกษตร คุณช่วยส่งคนไปรับหน่อยนะครับ หลานผมกำลังตื่นตกใจ ไม่รู้จะไปทางไหนดี ไม่มีใครชี้ทาง เหมือนนกน้อยปีกหักหลงทางกลางป่าใหญ่...”
พิแสงทนไม่ไหวเริ่มใจอ่อน “โอเค เดี๋ยวผมจะไปรับเอง เบอร์มือถือเค้าเบอร์อะไร”
“โทรศัพท์เค้าแบตหมดครับ”
“ถ้าเค้าติดต่อคุณมา ให้เค้ารออยู่ที่นั่น อย่าไปไหน!” พิแสงบอก
“ขอบคุณครับ” ธรรมศักดิ์วางสายแล้วกินขนมต่อ “วันนี้ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีจริงๆเรา”
ชมพู่แอบยิ้มดีใจ พิแสงหันมา ชมพู่รีบตีหน้าเศร้าทำเป็นเห็นใจชะตากรรมของเขมมิกทันที
“โถๆๆ มีแต่คนใจยักษ์ใจมารเท่านั้นล่ะค่ะ ที่จะไม่ไปรับคุณเขม อย่าบอกนะคะว่านายหัวของชมพู่เป็นเช่นนั้น มันผิดหวังมากๆ”
“เอากุญแจรถมา!” พิแสงสั่ง
“คุณได้รับสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้!”
ชมพู่รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน พิแสงกุมขมับ
เขมมิกวิ่งมาที่ตู่โทรศัพท์สาธารณะที่วางอยู่ เธอยกหู หยอดเหรียญจะกดเบอร์ แล้วก็นึกขึ้นได้
“คุณธรรมศักดิ์เบอร์อะไรอ่ะ จำไม่ได้อ่ะ เปิดเครื่องก็ไม่ได้ โอ๊ย!!! ทีหน้าทีหลังหัดจำเบอร์โทรศัพท์ในหัวไว้บ้างก็ดีนะ เขมมิก”
เขมมิกกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม เจ้าหน้าที่ห้างเดินมาติง
“ของสาธารณะ ใช้ถนอมๆหน่อยสิคะคุณ”
เขมมิกจ๋อย “ขอโทษค่ะ”
เจ้าหน้าที่มองเขมมิกในชุดกระโปรงแดงสั้นจู๋หัวจรดเท้าแล้วรู้สึกว่าช่างไม่เข้ากับสถานที่เสียเลย เขมมิกเห็นร้านกาแฟอยู่ใกล้ๆ จึงรีบเดินไปทันทีเพื่อหนีสายตาประนามของเจ้าหน้าที่ห้าง
เขมมิกถือถ้วยกาแฟมาขึ้นรถแล้วปิดประตู ไฟลานจอดรถเริ่มปิด เขมมิกมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าไม่เหลือรถรอบๆคันแม้แต่คันเดียว
“มีใครฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรส่งคนมารับฉันที่นี่มั้ยเนี่ย”
เขมมิกจิบกาแฟพลางมองไปรอบๆ อย่างไม่ค่อยไว้ใจ เธอรีบล็อกประตู แต่ล็อคกลับเสีย
“ล็อกเสีย ปั๊ดโธ่!!!”
พิแสงขับรถเข้ามามองหารถของเขมมิก พิแสงเห็นรถคันหนึ่งจอดอย่างโดดเดี่ยว เขาจึงรีบเร่งความเร็วตรงเข้าไปหา
พิแสงจอดรถเทียบ พอลงมาปุ๊บเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากข้างในรถของเขมมิก
พิแสงตกใจ “ยัยตัวแสบ!!! เป็นอะไร!!”
เขมมิกกำลังกรี๊ดเพราะทำกาแฟหกใส่กระโปรงของเนตรนิภา
“ตายแน่ฉัน!! อ๊าย!!!”
พิแสงพุ่งมาที่ฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูออก แสงจากด้านนอกทำให้เขมมิกมองหน้าพิแสงไม่ถนัด เธอเข้าใจผิดคิดว่าจะโดนโจรปล้นสวาท
“กรี๊ด!!! แกจะทำอะไรฉัน กรี๊ด!!”
พิแสงรีบบอก “ใจเย็น!!”
“สั่งให้ฉันใจเย็น เพื่อ!!”
เขมมิกสาดกาแฟใส่หน้าพิแสงทันที
“โอ๊ย!!”
“เสียดายไม่ค่อยร้อน ถอยไป! ไอ้โจรปล้นสวาท!”
เขมมิกเหวี่ยงขาออกมาถีบพิแสง พร้อมๆกับได้ยินเสียงแควกของตะเข็บกระโปรงที่สวมอยู่
พิแสงจุก “โอย!!”
เขมมิกเห็นตะเข็บกระโปรงขาด “กรี๊ดด!!! ตายๆๆ”
“ผมต่างหากกำลังจะตาย!”
“แกได้ตายสมใจแน่ ไอ้หื่นกาม!”
เขมมิกพุ่งเข้ามาขึ้นคร่อมแล้วทั้งจิก ตี และข่วนพิแสง
“นี่!!!! นี่!!!”
“โอ๊ย!”
พิแสงปัดป้องจนจับมือของเขมมิกได้ เขาตะคอกเสียงดังพร้อมกับดึงตัวเขมมิกเข้ามา
“ผมบอกให้หยุด!”
เขมมิกถลาเข้ามาใกล้ชิดกับพิแสงชนิดแทบจะหน้าแนบหน้า ทำให้เห็นหน้าพิแสงจังๆ เขมมิกอึ้ง พิแสงก็อึ้ง
พิแสงและเขมมิกกำลังอึ้งตะลึงงันกันอยู่ เขมมิกจ้องหน้าพิแสงที่ยามนี้โทรมสุดๆ เพราะกรำงานที่ฟาร์ม ซึ่งเธอเพิ่งเห็นชัดๆ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นพิแสง เขมมิกยังได้กลิ่นเหม็นสาบจากตัวพิแสง
“กลิ่นไร” เขมมิกถาม
“ขี้หมู” พิแสงตอบ
“อ้วก!!”
เขมมิกลุกหนีพิแสงแล้วเดินออกไปวิงเวียน พิแสงรีบลุกตามไปจะลูบหลังให้เขมมิก แต่ดันไปวางมือแหมะที่กลางหลังในตำแหน่งของตะขอยกทรง เขมมิกสะดุ้งเฮือกจนหลังแอ่น เธอตกใจรีบหันไปว่า
“จะปลดตะขอยกทรงฉัน!!! ทั้งๆที่ฉันกำลังอ้วกแตก เพราะกลิ่นขี้หมูบนตัวแก แกมันซกมก โสโครก”
“เดี๋ยวก่อน ฟังก่อน!”
“ให้ฟังอะไร ไม่ฟัง!!”
เขมมิกยกขาอีกข้างที่ตะเข็บปกติขึ้นเตะพิแสงแต่ก็ทำให้ตะเข็บขาดดังแควก
“ขาดอีกแล้ว!! อ๊าย!!! แก!! ต้องชดใช้ อ๊าย!!”
เขมมิกจะเข้าไปทำร้ายพิแสง
พิแสงรำคาญจนทนไม่ไหวจึงตะคอกใส่หน้าเขมมิก “เฮ้ย!!! พรั่นพรือหลาว ไม่ฟังพึด!!”
เขมมิกเบรกเอี๊ยดเพราะฟังไม่รู้เรื่อง “อะไรนะ”
“มีสติก่อนได้มั้ย ผมไม่ใช่โจรปล้นสวาท แต่ผมคือ....”
เขมมิกจินตนาการล่วงหน้า “คือโจรปล้นฆ่าชิงทรัพย์หั่นศพอำพรางคดีด้วยงั้นเหรอ!!! อ๊าย!!! ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วย!!”
เขมมิกออกตัววิ่งหนี พิแสงปวดหัวตึบกับความตื่นตระหนกของเขมมิกแต่ก็วิ่งตาม
“มานี่ก่อน!! จะไปไหน!!”
เขมมิกวิ่งหนีมาพร้อมกับพยายามโบกมือร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ฉันกำลังจะถูกฆ่า!”
พิแสงกระโจนเข้ารวบตัวเขมมิกจากข้างหลัง “จับตัวได้แล้ว!”
เขมมิกร้องลั่น “กรี๊ด!!”
พิแสงเอามืออุดปากเขมมิกแน่นแล้วลากไปที่รถของตัวเอง “มานี่เลย ตื่นตูมเข้าไป ไร้สติ ฉันจะฆ่าเธอ”
เขมมิกตาเหลือก เธอถูกพิแสงลากไปไปตามถนน เขมมิกพยายามดิ้นรนจนหลุดออกมาได้อีก เธอวิ่งหนีหายไปในป่าข้างทาง
“อย่าเข้าไป!! โธ่เว้ย!”
พิแสงรีบตามเขมมิกเข้าไปในป่าข้างทาง
เขมมิกวิ่งหนีพิแสงมาอย่างไม่คิดชีวิตจนมาหยุดหอบ เธอมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นพิแสงแล้ว เขมมิกหยุดวิ่งแล้วเหนื่อยหอบแทบขาดใจ เธอมองหาทางออกแต่ก็เห็นว่ามีแต่ความมืดและป่ารก
“มืดตื๋อเลย....แล้วฉันจะไปทางไหนดี...”
พิแสงโผล่พรวดขึ้นมาทางด้านหลังเขมมิก
“ทางนี้ไง”
เขมมิกหันไปเห็นก็ตกใจ “กรี๊ด!!”
“จะร้องทำไม!!”
“กรี๊ดด!”
“เงียบสักที!” พิแสงสั่ง
“กะ....”
พิแสงตะปบปากเขมมิกทันที “บอกให้เงียบ!”
เขมมิกเสียหลักล้ม พิแสงล้มตามไป
พิแสงล้มทับเขมมิกจนปากจุมพิตปาก เขมมิกอึ้งแล้วผลักพิแสงออกไป
“กรี๊ดด!!! ฉันถูกจูบ!!”
พิแสงปวดหูมาก “โอย...”
พิแสงเหลือบไปเห็นกิ่งไม้แห้งแต่คิดว่างู
“เฮ้ย!!! งู!!”
เขมมิกตาโตและสะดุ้ง เธอกระโดดไปนั่งทับพิแสง พร้อมทั้งกอดคอ หลับหูหลับตาร้อง “กรี๊ด!!! ฉันกลัวงู!”
“อ้าว..ไม่ใช่ กิ่งไม้!” พิแสงบอก
“กิ่งไม้!!” เขมมิกกัดหูพิแสง
พิแสงทนไม่ไหวถึงขั้นโยนเขมมิกออกไปจากตักตัวเอง
“โอ๊ย!!”
เขมมิกตะกุยใบไม้กิ่งไม้ที่อยู่ใกล้มือปาใส่พิแสงแล้วรีบวิ่งหนีไป พิแสงอ่อนแรงเต็มทน
“หมดฤทธิ์ได้หรือยัง โอ๊ย!”
พิแสงรีบวิ่งตามเขมมิกไป
เขมมิกวิ่งมาจากป่าข้างทางอย่างอ่อนแรงจนแทบคลานอยู่ริมถนน พิแสงย่างสามขุมเข้าหาเขมมิก โดยที่ตัวเองก็เหนื่อยหอบเหมือนกัน เขมมิกตัดสินใจคุกเข่าอ้อนวอนทันที
“นาย...ฉันขอร้องล่ะนะ อยากจะทำอะไรฉันก็ได้ ฉันไม่ว่า แต่ฉันขออย่างนึง”
“ขออะไร!”
“ขอฉันเปลี่ยนกระโปรงก่อนได้มั้ย ก่อนที่มันจะขาดรุ่งริ่งมากไปกว่านี้”
“หือ?”
“คือฉันยืมกระโปรงตัวนี้มาจากเพื่อน ดูสิ..เยินหมดแล้ว เดี๋ยวเพื่อนฉันด่า”
พิแสงมองกระโปรงแดงของเขมมิกที่ตะเข็บขาดทั้งสองข้าง ส่วนเสื้อก็หลุดลุ่ย
“ฉันเปลี่ยนไม่นานหรอก ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที กระโปรงอยู่ในรถ จะให้ฉันเปลี่ยนไปนุ่งอะไรดี กางเกงเอวสูงมะ แต่...ไม่ดีอ่ะ ลำบาก งั้นกระโปรงเหอะ ใส่ง่ายถอดง่าย”
พิแสงทนไม่ไหวจึงตัดบท “พอแล้ว! ไม่ต้องเปลี่ยน!”
เขมมิกร้องไห้บีบน้ำตา “นี่นายไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังจะถูกตัดเพื่อนเลยใช่มั้ย เพื่อนฉันหวงกระโปรงตัวนี้มาก อย่าให้มันเยินมากไปกว่านี้เลย ขอร้อง”
เขมมิกก้มหน้าแล้วน้ำตาตก พิแสงถอนใจก่อนจะเดินเข้าไปจับหน้าเขมมิกเงยขึ้นมา
เขมมิกยิ่งตกใจกลัว “อย่า อย่าทำฉันเลย ถึงฉันจะสวย แต่ฉันไม่อร่อย!”
พิแสงเอือม เขายื่นหน้าตัวเองให้โดนไฟถนนส่อง
“มองหน้าฉันชัดๆ!”
เขมมิกไม่กล้ามองจึงเบือนหน้าหนี “ไม่มอง! อี๋!”
“บอกให้มอง!”
“มองก็ได้!!”
เขมมิกหันมามองหน้าพิแสงแล้วก็อึ้งที่เห็นหน้าพิแสงซึ่งถูกไฟส่องหน้าจนเห็นได้ชัด
“ฉันคือพิแสง ไม่ใช่โจรอย่างที่เธอคิด ยัยผีกระเป๋าลาก”
เขมมิกอึ้ง “ผีกระเป๋าลาก...” เขมมิกจ้องจริงจังแล้วก็จำได้ “คนที่เรียกฉันอย่างนี้มีอยู่คนเดียว...นายพิแสง!”
“เออ!”
ชมพู่ยืนอึ้งเมื่อเห็นพิแสงมากับเขมมิกในสภาพแบบนั้นก็จินตนาการไปไกล เขมมิกเสื้อผ้ายับเยิน ฉีกขาดยืนคู่กับพิแสงที่เสื้อผ้าและสภาพร่างกายเหมือนผ่านสมรภูมิรบ
“นายหัวไปรับคุณเขมมิก หรือไปทำอะไรคุณเขมมิกคะ” ชมพู่ถาม
“ไม่ได้ทำ” พิแสงบอก
“ไม่ได้ทำ แต่คิด...ฉันรู้นะ” เขมมิกว่า
พิแสงหันไปมองเขมมิก เขมมิกหลิ่วตาเซ็กซี่ให้พิแสง พิแสงเซ็ง เขมมิกอึ้งแล้วแอบไม่พอใจ
“ชมพู่! พาไปที่ห้อง พรุ่งนี้เช้าค่อยคุย” พิแสงสั่ง
พิแสงเดินไป เขมมิกเดินตามพิแสง พิแสงชะงักแล้วหันมา
“ตามมาทำไม”
“ก็ตามไปที่ห้องไง” เขมมิกตอบ
“ห้องเธออยู่ทางโน้น!”
“แล้วทางนั้นห้องใคร” เขมมิกถาม
“ห้องฉัน” พิแสงตอบ
“ก็ใช่ไง ไปห้องคุณ” เขมมิกบอก
“เฮ้ย!!! จะบ้าเรอะ!”
“ล้อเล่น!!! แต่...บ้าได้อีกนะ เตรียมตัวให้ดีล่ะ”
“ฉันเตรียมตัวดีแน่ๆ เธอนั่นแหละที่เตรียมตัวถูกฉันสัมภาษณ์ให้ดี เตือนไว้ก่อนนะ ฉันได้กลิ่นตุๆจากเธอเมื่อไหร่...มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย ยัยผีกระเป๋าลาก !!”
“กะกลัวที่ไหน”
พิแสงส่ายหัวแล้วเดินไป เขมมิกมองตามยิ้มๆ พอหันมาก็เห็นชมพู่ยืนเชิดใส่อยู่อย่างวางท่า เพราะถือว่าตัวเองคือรุ่นพี่
“เชิญค่ะ คุณเขมมิก”
ชมพู่ลากกระเป๋าเขมมิกไปอีกทาง เขมมิกเดินตามชมพู่อย่างรู้สึกผิดสังเกตกับชมพู่
เขมมิกเดินเข้าห้องมา ชมพู่รอปิดประตูให้ พอเขมมิกเข้ามาพ้นประตูปุ๊บ ชมพู่ก็ปิดประตูห้องปั๊ปแล้วล็อก
“ล็อกทำไม” เขมมิกถาม
“เพื่อความปลอดภัย”
“ฉันว่าเปิดไว้ ปลอดภัยกว่านะ...เพราะตอนนี้ เธอน่ากลัวมาก”
“งั้นรึคะ??” ชมพู่รีบคลายฟอร์มแล้วไปปลดล็อกประตู “คงตื่นเต้นน่ะค่ะ ที่ได้ต้อนรับคุณเขมมิก เพราะปกติในบ้านหลังนี้ นายหัวไม่เคยให้ใครมานอน นอกจากคนในครอบครัว หรือแขกพิเศษของคุณแม่นายหัว ซึ่งก็...ไม่เคยมี”
“เหรอ” เขมมิกหาว
“พักผ่อนให้สบายนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“ขอบใจมากนะ”
ชมพู่เดินออกไป ปิดประตู เขมมิกพุ่งไปล็อกประตูทันทีแล้วค้นกระเป๋า เธฮหยิบปืนมากอดไว้แนบอก แล้วเอาไปซ่อนใต้หมอน
“นายพิแสง...เถื่อนกว่าที่ฉันคิดไว้มาก...เซ็กซี่ขนาดนี้ ยังทำอะไรไม่ได้! แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้!”
เขมมิกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วนอนลงบนที่นอน สักครู่เธอก็กรนออกมา
ฝ่ายพิแสงที่เอาหูแนบประตูอยู่ถึงกับผงะเพราะเสียงกรนของเขมมิก
“ผู้หญิงอะไรวะ สวยซะเปล่า แต่กรนดังชิบเป๋ง....”
พิแสงหลุดขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปเห็นปุ๊กลุ๊กวิ่งมา
“ตามมาทำไม ไปนอนได้แล้ว ปุ๊กลุ๊ก”
ปุ๊กลุ๊กวิ่งหนี พิแสงวิ่งตามพลางเรียกชื่อ
“ปุ๊กลุ๊ก มานี่ ปุ๊กลุ๊ก!!”
พิแสงวิ่งตามไป
เขมมิกยังนอนกรนอยู่
เสียงพิแสงดังเข้ามา “ปุ๊กลุ๊ก!!! ปุ๊กลุ๊ก”
เขมมิกละเมอออกมา “เรียกปุ๊กลุ๊กทำไมคะ.....ฮิฮิฮิ....”
แล้วเขมมิกก็ลืมตาเบิกโพลงพร้อมกับลุกพรวด
“ใครเรียกชื่อเรา”
เขมมิกวิ่งไปเปิดประตูห้องแล้วชะโงกหน้ามองออกไปเพื่อหาต้นตอของเสียงแต่ก็ไม่เห็นใคร
“ไม่มี!...ฝันเหรอ...แต่.... เสียงเหมือนตาพิแสง...โอย...หลอน!!”
เขมมิกปิดประตูห้องดังโครม
วันต่อมา พิแสงอยู่ในชุดจะออกไปทำงานในฟาร์ม เขาเดินเข้ามาแล้วก็ชะงักที่เห็นอนงค์กับวาศิณียืนยิ้มหวานรอให้บริการอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารเช้า ส่วนชมพู่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดของเช้าบนโต๊ะ
“มีอะไรกันหรือเปล่า มาหาผมแต่เช้า” พิแสงถาม
“ไม่มี....” วาศิณีตอบ
อนงค์ตัดบท “มีสิคะ นายหัว ไม่มีไม่มากวนแต่เช้าหรอกค่ะ ต่อไปนี้ อนงค์จะขอขึ้นมาดูแลเรื่องการรับประทานอาหารของนายหัวทุกมื้อ ทุกวันนะคะ”
“อ๋อ ป้าแกอยากมาสอดแนมในบ้านนายหัวน่ะค่ะ” ชมพู่บอก
“ใช่ค่ะ เพราะมี...เอ้ย..นังชมพู่ ผู้ใหญ่คุยกันอย่าขัดได้มั้ย! เป็นขี้ข้าหรือเป็นฝอยเหล็กขัดหม้อ ขัดทุกอย่าง!”
ชมพู่ทำเป็นรับคำ “ค่ะ”
ชมพู่เดินเลี่ยงออกไปดูกาแฟและอาหารให้พิแสงซึ่งกำลังคุยไปพลางกินไปพลาง
“ทำไมล่ะคุณอนงค์ งานดูแลคนงานกับงานในครัวก็เยอะอยู่แล้ว มีชมพู่คนเดียวก็พอแล้วมั้ง”
“จะพอได้ยังไงคะ..ในเมื่อตอนนี้ มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ได้ข่าวว่า...หลานคุณธรรมศักดิ์คนนี้สวยซะด้วย” อนงค์บอก
“แหม...ถึงจะส้วยสวยแต่ตื่นส้ายสายนะคะ” วาศิณีว่า
พิแสงตัดบท “ผมอิ่มแล้ว....ตามใจคุณอนงค์แล้วกันนะ....ชมพู่ช่วยไปดูผู้หญิงคนนั้นหน่อย ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ตื่น! น่าเกลียด! ตื่นแล้วให้ไปพบฉันด่วน!”
พิแสงลุกเดินออกไป อนงค์ดันตัววาศิณีให้เดินตามพิแสงไป วาศิณีจึงรีบออกไป ชมพู่เดินไปเพื่อจะไปปลุกเขมมิก อนงค์จึงรีบเดินตาม
ชมพู่เดินมาเคาะประตูห้อง
“คุณเขมขา!!!! คุณเขม!!!”
อนงค์เดินมายืนรอข้างหลังชมพู่ ชมพู่หันมาเห็น
“นายหัวใช้ชมพู่ให้มาปลุกคุณเขมค่ะ ไม่ได้ใช้ป้า”
“แกก็ปลุกไปสิ ฉันมายืนของฉันเฉยๆ” อนงค์บอก
“อู๊ย...เฉยๆเป็นด้วยเหรอคะป้า....อาการนี้ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ”
“สาระแน ปลุกสิ เร็วๆ นายหัวรออยู่!”
ชมพู่เคาะประตูต่อ “คุณเขมขา !!!!! ตื่นได้แล้วค่ะ!!!”
อนงค์ยืนรอเพราะอยากเห็นหน้าเขมมิกเต็มที
พิแสงเดินลิ่วมา วาศิณีเดินตามมาชวนคุย
“เป็นผู้หญิงแต่ตื่นสายเนี่ย แม่บอกว่า...คงหาสามียาก” วาศิณีพูด
“ยัยนั่น...ต่อให้ตื่นเช้า ก็คงหาสามีไม่ได้” พิแสงบอก
“ทำไมล่ะคะ”
พิแสงไม่ตอบ
“ดูท่าทางนายหัวไม่ชอบหลานคุณธรรมศักดิ์คนนี้เลยนะคะ”
“ไม่ชอบมาก!”
พูดจบพิแสงก็ชะงักแล้วตะลึงค้าง วาศิณีสงสัยว่าพิแสงเป็นอะไรจึงมองตามสายตาพิแสงไปจนเห็นเขมมิกในชุดสุดเซ็กซี่ หน้าผมเป๊ะราวกับหลุดมาจากแคทวอล์ค เยื้องย่างอย่างมีจริตเข้ามาหา วาศิณีเพ่งมอง แล้วก็จำได้
“ผู้หญิงคนนั้น...ที่งานแต่งงาน”
พิแสงเพ้อ “เขมมิก....”
“เขมมิกเหรอ....”
เขมมิกเดินเข้ามาหาพิแสงที่ยังอึ้งค้าง วาศิณีเห็นอาการของพิแสงแล้วก็ไม่พอใจ พิแสงยังคงตะลึงในความสวยของเขมมิก
เขมมิกยิ้มย่องเพื่อเพิ่มจริตในการเดินมากขึ้น เธอส่งสายตาหวานฉ่ำมาที่พิแสงเต็มพิกัด
ติดตาม "แผนร้ายพ่ายรัก" ตอนที่ 4