xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 13

ส่วนกรรัมภากับกรรณา เมื่อกลับถึงบริษัทกรรัมภาร้องไห้กระซิกๆ โดยมีเนตรศิตางศุ์นั่งลูบบ่ากรรัมภา ปลอบใจเพื่อน

“ฮือๆ หมอรุทธ์ไม่น่าเลย”
สุคนธรสถืองานอินทีเรียเข้ามาได้ยินพอดี
“เฮ้ย หมอรุทธ์ตายแล้วเหรอ เป็นอะไรตาย”
“ตายได้ก็ดี ผู้ชายกลับกลอก หน้าซื่อใจคด หน้าเนื้อใจเสือ ปากหวานก้นเปรี้ยว หน้าฉันจะหาคำไหนมาด่าให้สาแก่ใจดี “เลว” สั้นๆ ง่ายๆ แต่ความหมายเหมาะกับผู้ชายทุกคนบนโลก และ “โง่” เหมาะกับผู้หญิงที่หลงเชื่อผู้ชายเลวๆ อย่างแก” กรรณาด่าออกมาเป็นชุด
“เออ ชั้นมันโง่ แกอยากทับถมชั้นก็เชิญเลย”
“ท้าชั้นใช่ไหม ได้ ยัยโง่ สมองน้อย เอาแต่ซื้อเครื่องสำอางมาทำสวย แต่ไม่ซื้อปลากิน ถึงได้โง่ โดนผู้ชายหลอก”
“พอเถอะกรรณ อย่าซ้ำเติมแก้มเลย แค่นี้แก้มก็เสียใจจะแย่อยู่แล้ว” เนตรศิตางศุ์ปาดน้ำตาป้อยๆ สงสารเพื่อน
“ไม่พอ เพราะชั้นกำลังสะใจมาก” กรรณาเลียนเสียงกรรัมภา “หมอรุทธ์เขาเป็นคนดี สวรรค์ต้องทำเขาตกลงมาจากสวรรค์แน่ๆ”
กรรัมภากับเนตรศิตางศ์กอดกันร้องไห้ ทนไม่ได้ต่อคำเสียดสีของกรรณา สุคนธรสทนไม่ไหวปาของลงบนโต๊ะ
“เฮ้ย หยุด” สามสาวเงียบกริบ
“ใครก็ได้ช่วยบอกชั้นสักทีได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก๊องรู้” ก๊องโผล่มาจากเสา แอบฟังอยู่นานแล้ว
“พี่แก้มเห็นผีใบหม่อนอยู่ที่บ้านหมอรุทธ์ ส่วนพี่กรรณได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ซึ่งก็คือเสียงใบหม่อน”
“ใบหม่อนไปทำอะไรที่บ้านหมอรุทธ์”
“ไม่แน่ใจ แต่จากที่เห็น เค้าสองคนเหมือนจะเป็น เป็นแฟนกัน ฮือๆ”
“แต่ใบหม่อนเป็นแฟนกับคุณปาณัทอยู่ ใบหม่อนจะเป็นแฟนกับหมอรุทธ์อีกได้ยังไง”
“ชอ อู ชู ไม้โท ชู้ไง หรือเรียกให้เก๋ๆ ก็กิ๊ก” ก๊องบอก
“ถูกต้องไอ้น้องรัก และจากเสียงร้องไห้ของใบหม่อนที่ฉันได้ยิน ชั้นว่าคนอย่างไอ้หมอรุทธ์มันทำได้ทุกอย่างยกเว้นความดี”
เนตรศิตางศุ์ใช้ความคิด

เนตรศิตางศุ์นั่งเขียนชื่อใบหม่อนคู่กับปาณัท แล้วคิดถึงตอนที่ใบหม่อนหึงหวงน้องออนซ์กับปาณัท เนตรศิตางศุ์เขียนชื่อหมอรุทธ์คั่นระหว่างปาณัทและใบหม่อน
“ไม่น่าเป็นไปได้” โทรศัพท์บริษัทดัง เนตรศิตางศุ์รับสาย “สวัสดีค่ะ บริษัทซิกส์เซ้นส์ค่ะ”
หมอวรวรรธคุยโทรศัพท์อยู่ในสวน
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ผมคิดว่าคุณจะเป็นอะไรไป ผมโทรเข้ามือถือคุณเป็นสิบครั้ง แต่คุณไม่รับเลย”
เนตรศิตางศุ์หน้านิ่ง งอนอยู่
“เนตรยุ่ง”
“ทำไมตอนนี้รับได้”
“ตอนนี้ไม่ยุ่ง”
“แล้วทำไมไม่โทรกลับหาผม”
“เนตรยุ่ง”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า”
“อย่าเพิ่งวางสายนะครับ มีคนอยากคุยด้วย”
“ใครคะ”
หมอวรวรรธดัดเสียง ยกข้อมือที่ห้อยสร้อยข้อมือหมีแพนด้า
“ซาหวัดดีก๊าบพี่เนตร ผมหลินปังน้องชายพี่หลินปิงก๊าบ พี่เนตรคิดถึงพี่หมอบ้างหรือเปล่า”
เนตรศิตางศุ์เขินหน้าแดง
“เอ่อ”
“คิดถึงไหมก๊าบ”
“ก็ คิดนิดหน่อย”
เสียงสุพิชชาดังขึ้น
“หมอตาหนูคะ ทานข้าวได้แล้วค่ะ”
เนตรศิตางศุ์ได้ยินเสียงสุพิชชา หุบยิ้ม งอนอีกวางสายปัง
“อ้าว”
สุพิชชาเข้ามาหาหมอวรวรวรรธ
“ทานข้าวค่ะ คุณพ่อรออยู่ คุณหมอวรวรรธทำอะไรอยู่คะ”
“โทรหาคุณเนตรครับ”
“แหม โทรรายงานกันตลอดเลยนะคะ น่าอิจฉาจัง” หมอวรวรรธยิ้ม ก้มหน้าเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง รอยยิ้มบนใบหน้าสุพิชชาหายไปทันที พอหมอวรวรรธเงยหน้า สุพิชชาก็ยิ้มหวานเหมือนเดิม
“หมอตาหนูคะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแลคุณพ่อ”
“ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณอาจารย์ครับ” สุพิชชายิ้ม น้ำตาไหลซึ้งใจ “ไม่เอา อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวอาจารย์ก็เข้าใจผิดคิดว่าผมแกล้งคุณหรอก”
หมอวรวรรธปาดน้ำตาให้สุพิชชา สุพิชชายิ้มใสๆ หวานซ่อนพิษ
ทางด้านเนตรศิตางศุ์ เธอร้องไห้ออกมา
“ที่แท้ ก็อยู่กะยัยสุพิชชา จำเอาไว้เลย ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย ฮือๆ”

ที่รีสอร์ทติณห์ คนงานกำลังเกาะกลุ่มมุงดูอะไรบางอย่างส่งเสียงหัวเราะคิกคัก บ้างก็ส่งเสียงหวีดวิ้ว เพราะสิ่งที่คนงานเห็นคือเพ็ญนภากับติณห์นั่งปิคนิกสวีทกันใต้ต้นไม้ เพ็ญนภาคาบเส้น ทาโร่ยาวๆ ให้ติณห์คาบปลายอีกด้าน แล้วค่อยๆ ขยับๆ เข้าใกล้กัน คนงานตาลุกวาวลุ้นว่าเพ็ญนภากับติณห์จะจูบกันไหม เพ็ญนภากับติณห์ปากเกือบจะชนกันแล้ว
“ทำอะไรหัดอายผีสางเทวดากันบ้าง”
หลวงพิชัยภักดีโผล่แว่บขึ้นมาแล้วใช้นิ้วทำเป็นกรรไกร แหย่ลงไประหว่างหน้าติณห์กับเพ็ญนภา เฉียดหน้าทั้งสอง แล้วตัดเส้นทาโร่ฉับ
“นี่แน่”

เส้นทาโร่ขาด หน้าเพ็ญนภากับติณห์หวืดไปกันละข้าง คนงานหวืดตามเสียดายอดดูช็อตเด็ด
ญาณินเข้ามาดูงานหันไปเห็นกลุ่มคนงานดูอะไรก็เข้าไปดู ถึงเห็นว่าคนงานดูติณห์กับเพ็ญนภาที่หัวเราะกันงอหาย เพ็ญนภาช่วยฉุดให้ติณห์ลุก ญาณินมองเพ็ญนภากับติณห์หยอกกันอย่างเจ็บแค้นแล้วเดินหนีไปอย่างพ่ายแพ้

 
เพ็ญนภาส่งโลชั่นกันแดดให้ติณห์
 

“ติณห์ทาให้เพนนีหน่อยสิคะ”
เพ็ญนภาเปิดไหล่ ทำหน้าเซ็กซี่อ่อยเต็มที่ หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกานั่งอยู่บนต้นไม้
“จำไว้นะเจ้าโกลเด้นเบบี้ เป็นหญิงไทยต้องรักนวลสงวนตัว อย่าตัวไร้ยางอายเยี่ยงนี้ เขาจะหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน”
“จ้ะคุณหลวง”
ติณห์ทาโลชั่นให้เพ็ญนภามือไม้สั่น หายใจฟืดฟาด
“ติณห์ขา ติณห์ว่าใครสวยที่สุดในปฐพี”
“สวยที่สุดในปัตตานี?”
“ปะ-ถะ-พี...อินเดอะเวิลด์ น่ะค่ะ”
“อ๋อ ไม่เห็นต้องถามเลย ก็ต้อง” ติณห์ชะงักเมื่อเห็นญาณินคุมคนงานขึงผ้า “คุณณิน”
“ติณห์”
“คุณณินทำอะไร”
ติณห์ลุกขึ้นไปหาญาณิน ญาณินคุมคนงานให้ผูกผ้าผืนใหญ่ระหว่างต้นไม้สองต้นกั้นบริเวณก่อสร้างกับจุดสวีทของติณห์และเพ็ญนภา
“ว้อทอาร์ยูดู้อิ่ง”
เพ็ญนภาตามเข้ามา
“สร้างความเป็นส่วนตัวให้คุณสองคนค่ะ และสร้างสมาธิให้คนงานของฉันด้วย”
เพ็ญนภาปล่อยโฮ
“ฮือ ฮือ ฮื้อ”
เพ็ญนภาจะวิ่งไป ติณห์คว้าแขนไว้
“คุณจะไปไหน”
“ไปตามทางของเพนนี คุณญาณินประจานเพนนี คุณญาณินทำราวกับเพนนีเป็นอะไรที่ น่ารังเกียจ น่าอับอาย ติณห์ปล่อยเพนนีเถอะค่ะ เพนนีจะกลับบ้าน”
“ไม่ ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
ติณห์ดึงเพ็ญนภามากอดแน่น เพ็ญนภาลอบยิ้มเยาะใส่ญาณิน
“ชั้นไม่เข้าใจว่าอะไรดลใจทำให้ไอ้ติณห์มันเปลี่ยนไปขนาดนี้ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว”
“หลานชายคุณหลวงกินหญ้าเป็นอาหารแน่ๆ”
“คุณไม่ต้องไปฟังคนอื่นนะเพนนี สำหรับผมคุณคือผู้หญิงที่เฟอร์เฟ็คที่สุดในปัตตานี”
“ปฐพีค่ะ”
“อ่อ..” ติณห์หันไปหาญาณิน “เอาผ้าลงเดี๋ยวนี้”
“ฉันเอาลงก็ได้ แต่คุณสองคนก็ต้องไปนั่งสวีทกันที่อื่น”
“นี่คุณกล้าสั่งนายจ้างของคุณเหรอ”
“ใช่ กล้าสั่งนายจ้างของคุณเหรอ” ติณห์ถามเสียงดัง ญาณินเสียงดังตอบ
“ค่ะ ฉันรับจ้างเป็นคนดูแลการก่อสร้างที่นี่ ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อให้งานของฉันเสร็จทันเวลาและอีกอย่างฉันก็เป็นห่วงอิมเมจของคุณสองคน ถ้าพวกคนงานเอาคุณสองคนไปพูดเสียๆ หายๆ ต่อไปคุณขึ้นเป็นผู้บริหาร ใครจะนับถือคุณ”
ขณะฟังญาณินพูด ติณห์ก็มองหน้าญาณิน ใบหน้าติณห์ที่โกรธก็ค่อยๆ คลายลง แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของญาณิน แล้วก็เห็นภาพญาณินกับเขาในช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมา ติณห์มองญาณินนิ่งทันใดควันดำค่อยๆ ไหลออกไปจากหัวของติณห์ แล้วแตก สลายไป ติณห์สะบัดหัวด้วยความงง
“หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ และให้ความร่วมมือกับฉัน เพื่อรีสอร์ทของคุณเอง”
ญาณินออกไป ติณห์มองตาม แล้วเซๆ มึนๆ ต้องยึดต้นไม้ไว้
“ติณห์ขา อย่าไปฟังเลยค่ะ ติณห์เป็นเจ้าของที่นี่ ติณห์จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเราไปดริ้งกันต่อเถอะค่ะ”
เพ็ญนภาดึงแขนติณห์ แต่ติณห์รั้งเอาไว้แล้วหันมาสีหน้าเปลี่ยนไป น้ำเสียงไตร่ตรอง
“คุณญาณินพูดถูก ผมเป็นเจ้าของ ผมควรจะวางตัวให้เหมาะสมกว่านี้ คุณกลับบ้านไปก่อนดีกว่าผมขอตัวไปทำงานก่อน”
เพ็ญนภาตะลึง
“ติณห์ ติณห์กลับมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเพนนีโกรธนะคะ ติณห์”
หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกาอยู่บนต้นไม้คนละต้น หลวงพิชัยภักดีทำมือเป็นรูปกรรไกรจ่อเชือกที่มัดผ้าเอาไว้
“พร้อมนะโกลเด้นฯ หนึ่ง สอง สาม”
หลวงพิชัยภักดีและกุมาริกาตัดเชือกพร้อมกัน ผ้าร่วงลงคลุมตัวเพ็ญนภา
“อ๊าย อะไรเนี่ย”
หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกา หัวเราะร่า

ทนายสมชาติหอบแฟ้มเอกสารเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ติณห์นั่งดูเอกสารอยู่ที่โต๊ะ ทนายสมชาติเห็นถึงกับสะดุ้ง
“เฮ้ย! โธ่ คุณติณห์ เกือบทำคนแก่หัวใจวายตายแล้วไหมล่ะ”
“ตกใจโอเว่อร์ไปหรือเปล่า”
“จะไม่ให้ตกใจได้ไงล่ะครับ หลายวันมานี้คุณไม่สนใจจะทำงานเลย แล้วนี่ โผล่มาได้ไง คืนนี้ไม่ไปไหนเหรอครับ”
“เห็นงานวางเต็มโต๊ะ ผมไม่มีฟีลอยากไปไหนหรอก”
“โอ้ คุณติณห์กลับมาแล้ว”
ติณห์ไม่ได้ยินที่ทนายสมชาติพูด มองแฟ้มในมือทนายสมชาติ
“นั่นเอกสารจะให้ผมเซ็นหรือเปล่า”
“ครับ คุณญาณินทำบิลเบิกเงินซื้อวัสดุก่อสร้างเพิ่ม เธอรอคุณติณห์เซ็นเช็คให้มาหลายวันแล้ว แต่คุณไม่ยอมเซ็นสักที เธอก็เลยทำอะไรไม่ได้”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกผม”
“พวกเราพยายามแล้วครับ แต่คุณไม่สนใจอะไรเลยนอกจากคุณเพนนี”
ติณห์อึ้ง

ติณห์ถือซองเช็คเข้ามา กำลังจะไปหาญาณิน ติณห์เห็นสวนกุหลาบก็หยุดมอง ขณะนั้นญาณินอยู่ที่บ้านพักกำลังนั่งให้ป้าอรวรรณหวีผมให้อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแต่ญาณินดูซึมๆ
“เป็นอย่างที่เขาว่านะคะ เหนื่อยกายยังไม่เท่าเหนื่อยใจ” ญาณินเฉย ไม่ได้ยินป้าอรวรรณพูด “คุณหนูคะ” ญาณินยังเฉย “คุณหนูคะ”
“คะ ป้าออว่าอะไรนะคะ”
“ถ้าเหนื่อยนักก็กลับบ้านเราดีไหมคะ เดี๋ยวให้เพื่อนคุณหนูคนอื่นๆ มาคุมงานแทน พวกเขายินดีช่วยคุณหนูอยู่แล้ว”
“ณินไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ป้าอออย่าคิดมากสิคะ”
“โอเค้ ป้าคิดมาก ป้าคิดไปเองว่าคุณหนูกำลังเฮิร์ตที่ต้องเห็นคุณติณห์กับยัยเพนนีสวีทหวานกันทุกวัน จิตใจถึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
“ป้าออน่ะ”
“คุณณินครับคุณณิน” เสียงติณห์ดังขึ้นที่หน้าบ้านพัก

“ตายยากเสียจริงเลยนะพ่อคู๊ณ”

 
ญาณินเปิดประตูออกมา
“ผมเอาเช็คค่าวัสดุก่อสร้างมาให้”
“ว่างเซ็นแล้วเหรอคะ” ญาณินถามอย่างประชด
“ก็คุณไม่บอกผมนี่ว่าคุณต้องรีบใช้ วันหลังถ้ามีเรื่องสำคัญอะไรรีบบอกผมเลยนะ งานจะได้ไม่สโลว์ดาวน์”
ติณห์ยื่นดอกกุหลาบให้ญาณิน ญาณินกระพริบตาถี่ๆ มองหน้าติณห์แบบไม่เชื่อสายตา
“ให้ทำไมคะ”
“ให้เพราะ”
จู่ๆ เกิดเสียงคำรามดังลั่น ร่างติณห์กระตุก ตาแข็ง แล้วเกิดกลุ่มหมอกควันสีดำลอยบางๆ มาวนรอบๆร่างของติณห์
หมอผีสมคิดท่องคาถาควันสีดำค่อยๆ ก่อตัวหนาขึ้น แล้วหายซึมเข้าไปในร่างของติณห์ หมอผีสมคิดราดน้ำสีดำในขวดโหล่ลงไปบนร่างตุ๊กตาหุ่นขี้ผึ้งตัวแทนของติณห์ หมอผีสมคิดหยิบตุ๊กตาอีกตัว เป็นตัวแทนเพ็ญนภา ปากแดงแจ๋ แล้วเอาตุ๊กตาทั้งสองตัวเข้ามาวนๆไปมา แล้วจับมา ประกบกัน
ดวงตาดำของติณห์ที่มีญาณินสะท้อนอยู่ก็กลายเป็นเพ็ญนภา สะบัดผมพลิ้วไสว เป่าปากส่งจูบให้ ติณห์ยิ้มตาลอย
“เพราะอะไรคะ” ญาณินถามย้ำ
“เพราะผมอยากรู้ว่าเพนนีจะชอบกุหลาบสีนี้หรือเปล่า”
ญาณินฉุน
“อยากรู้ก็ไปถามคุณเพนนีเอาเองสิคะ มาถามฉันทำไม”
“จริงด้วย เพนนี เพนนี แวร์อาร์ยู ไอมิสยูทูมัช โซมัสเวรี่มัสไรท์นาว”
ติณห์วิ่งร้องตะโกนออกไป ญาณินปิดประตู น้ำตาเอ่อท่วม ป้าอรวรรณเข้ามา ฟังทุกอย่างอยู่ จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับญาณิน ป้าอรวรรณอ้าแขนให้ญาณิน ญาณินโผกอดป้าอรวรรณแล้วร้องไห้โฮ

เพ็ญนภาอยู่ที่สำนักหมอผีสมคิด เธอวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ ติณห์โทรเข้ามา เพ็ญนภาซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุบอาบน้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง
“ฉันบอกแล้ว ถ้าไม่ได้ผลยินดีคืนเงิน” หมอผีสมคิดบอก
“แต่ฉันจะยินดีมากกว่านี้ ถ้ายาของอาจารย์จะไม่คลายฤทธิ์ ฉันจะได้ไม่ต้องมาเติมของอีก”
“คราวนี้ฉันทำให้แบบเหมาจ่าย ไม่ใช่แบบเติมเงิน รับประกันว่ากว่ามนต์จะเริ่มคลายคุณก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขาไปแล้ว” เพ็ญนภายิ้มพอใจ “ถึงวันนั้น อย่าลืมกันเสียล่ะ”
“แน่นอนค่ะ”
หมอผีสมคิดมองเพ็ญนภาอย่างมีแผน

ที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ ก๊องเอาผ้าเช็ดตัวฟาดไหล่ เดินผิวปาก กำลังจะไปอาบน้ำ ก๊องเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปเจอกรรัมภายืนเอาฝักบัวราดหัวตัวเองแล้วร้องเพลงเสียงดัง
“อยากให้เธอนั้นลืมทุกสิ่ง และทิ้งชั้นไว้ลำพัง...ชั้นต้องการทบทวนบางอย่าง อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว...”
ก๊องตกใจ
“เฮ้ย” ก๊องรีบปิดประตู ตั้งสติ แล้วแง้มประตูดูอีกที “เป็นเอามากโว้ย”

กรรณากับเนตรศิตางศุ์นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน เนตรศิตางศุ์กินแบบเขี่ยๆ ขณะที่กรรณากินแบบยัดเอาๆ
“พี่แก้มนี่เข้าขั้นโคม่าแล้วนะ โทรเรียกศรีธัญญาไหม” ก๊องบอกขณะเดินเข้ามา
“ปล่อยมัน ให้มันบ้าซะให้พอ ดูอย่างยัยเนตรสิ ไอ้หมอขี่ฮาเล่ไปหาชะนีอื่น เนตรยังไม่สนใจเลย”
“จริงอะ”
“เออ จริงสิ เนตรคิดถึงแต่เรื่องใบหม่อน ไม่มีเวลามาคิดถึงใครหรอก” เนตรศิตางศุ์บอก
“ผู้หญิงนี่ปากกับใจโคตรไม่ตรงกันเลย”
กรรณาปาของใกล้มือใส่ก๊อง
“เอาแตงกวายัดใส่ปากเลยไป จะได้ไม่ต้องพูดมาก”
ก๊องกระโดดหลบ ไปโดนกรรัมภาที่ยืนตัวเปียก
“อุ๊ย ผีแฉะ”
กรรัมภาไม่พูดอะไร คว้ากระเป๋าจะออกไป เนตรศิตางศุ์กับกรรณาตามไปขวาง
“แก้มจะไปไหน”
“พัทยา ฉันจะไปถามหมอรุทธ์ตรงๆ จะได้รู้กันไปเลยว่าหมอรุทธ์กับคุณใบหม่อนเป็นอะไรกันแน่”
“ไม่ได้นะโว้ย ผลีผลามไป เดี๋ยวไก่ก็ตื่นหรอก”
“แต่ฉันอึดอัดนี่”
“เออรู้ แต่แกต้องอดทนเอาไว้ก่อนรอปรึกษาเจ๊จีจ้ากะยัยรสก่อน แล้วเราค่อยคิดหาทางว่าจะทำยังไงต่อไป”
“ฮือ”
“เออ ไม่น่าเชื่อว่าห้าวๆ อย่างพี่รส จะสมหวังเรื่องความรักอยู่คนเดียว”
กรรัมภาปล่อยโฮวิ่งกลับไปเข้าห้องน้ำ
“ไอ้ก๊อง/ก๊อง”

วันต่อมา รถบ้านเสี่ยจำเริญเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน ซึ่งอาม่ายืนคอยอยู่ ไตรรัตน์ สุคนธรส เจ๊หญิงช่วยกันประคองเสี่ยจำเริญที่เหม่อลอยลงจากรถ เสาวภาแอบมองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อาม่ากอดเสี่ยจำเริญ
“ลื้อกลับมาแล้ว ไม่เสียแรงที่อั๊วกับอาอี๊สวดขอเทพเจ้าทุกวันว่าขอให้ลื้อปลอดภัย กลับบ้านได้ไวๆ”
เจ๊หญิงหน้าตึงขึ้นมาทันที
“เพราะหมอสมคิดค่ะ เสี่ยถึงปลอดภัย”
“เพราะแพทย์ในโรงพยาบาลครับ” ไตรรัตน์บอก
“หมอสมคิด” เจ๊หญิงบอก
“เทพเจ้า” อาม่าบอก
“แพทย์”
เจ๊หญิง อาม่า ไตรรัตน์เถียงกัน
“พอเถอะคะ” สุคนธรสขัด ทั้งสามหยุด
“ตอนนี้ใครทำให้เสี่ยปลอดภัยไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วค่ะ แต่รสว่าถ้าเสี่ยต้องยืนอยู่อย่างนี้ เสี่ยอาจจะกลับไปโคม่าอีกแน่นอน”
เสี่ยจำเริญมองฟ้า ตาลอย
“เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ชั้นเก็บเอาไว้ให้เธอ และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ฮื้อ...ฮือ...”
ทุกคนมองหน้ากัน อึ้งๆ แล้วไตรรัตน์รีบประคองเสี่ยจำเริญเข้าไปในบ้าน รถเคธี่ขับเข้ามาจอดอย่างเร็วเคธี่หิ้วกระเช้าผลไม้ใบเล็กมาก มีผลไม้อยู่ไม่กี่ลูกลงจากรถมาด้วย
“ไฮ everybody”
ไตรรัตน์เซ็ง หันมามองสุคนธรส เกรงๆ สุคนธรสเชิดเมินหน้าไป
“เคธี่ซอรี่ด้วยค่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปรับแด๊ดดี๊ที่ hostipal ด้วย แต่เคธี่มัวคอนเซนเทรดเลือกผลไม้มาฝากก็เลย come here late”
“อีพูดอะไรของอีวะ”

เจ๊หญิงไม่ตอบ แต่มองเคธี่อย่างไม่ชอบใจ

 
ไตรรัตน์ เจ๊หญิงช่วยกันประคองเสี่ยจำเริญกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง สุคนธรสตามมาห่างๆ เคธี่ห่มผ้าให้เสี่ยจำเริญ
“ไม่ต้องหรอก เคธี่”
“อย่าห้ามเคธี่เลยค่ะ เคธี่อยากทำให้แดดดี๊ของธไรย์ เคธี่ยังไม่เคยทำแบบนี้ให้กับแด๊ดดี๊ของตัวเองเลยนะคะเนี่ย”
สุคนธรสกลอกตา
“น่าภูมิใจเนอะ”
เสาวภาเปิดประตูถือถ้วยซุปเข้ามา
“ชั้นตุ๋นซุปไก่ดำมาให้เฮียค่ะ”
สุคนธรสช่วยรับเอาไปวางไว้บนโต๊ะ
“ไก่ๆ เลี้ยงลูกมาจนใหญ่ ไม่มีนมให้ลูกกิน ลูกร้องเจี๊ยบๆ แม่ก็เลียบ คุ้ยดิน ทำมาหากิน ตามประสาเอย...”
“เฮีย เดี๋ยวเฮียก็หายนะ หมอบอกว่า สมองมันกระทบกระเทือน ต้องให้เวลามันสักพัก แล้วจะค่อยๆ กลับมา แล้วเฮียก็จะเป็นปกติ” เสาวภาบอก
“ใช่ แล้วก็จะจำได้ ว่าอดีต เฮียเคยเป็นกิ๊กกะใคร”
“แม่ พ่อไม่สบายอยู่นะ”
“ชิ ออกไปข้างนอกดีกว่า อากาศแถวนี้มันสกปรก มีแต่ของเน่าเสีย ไปหาน้ำเก๊กฮวยกินแก้เก๊กซิมดีกว่า”
เจ๊หญิงสะบัดหน้าแล้วออกไป เสาวภาเศร้า
“เก๊กฮวยถ้วยใหญ่ๆ เก็บเอาไว้ ที่ในตู้เย็นๆ”
“อาการมาม้า เหมือนกำลังหึงนะคะ” เคธี่บอก
“ไม่ใช่หรอก แม่เขาเหนื่อยๆ เครียดๆ ไม่มีอะไรหรอก”
“อี๊ออกไปตักซุปให้อาม่าก่อนดีกว่า ถ้าไม่พอบอกอั๊วนะ อั๊วทำไว้เยอะเลย” เสาวภาบอกเสี่ยจำเริญแล้วเดินออกไป
“เอ๊ะ หรือว่ามาม้าหึงน้าของธไรย์”
“ไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครว่านะเคธี่”
เคธี่จ๋อย
“เสี่ยกินซุปของอาอี๊เลยดีกว่านะคะ จะได้กินยาแล้วนอน”
สุคนรธสหันไปจะหยิบชามซุป เคธี่ตัดหน้าเข้าไปหยิบก่อน
“เคธี่ป้อนแดดดี๊เองดีกว่าค่ะ วันนี้คุณรสเหนื่อยมามากแล้ว”
เคธี่นั่งลงข้างเสี่ยจำเริญ ตักซุปในถ้วยขึ้นเป่าทำปากจู๋น่ารักๆ แล้วเอาช้อนเข้าปากตัวเอง แตะๆ ชิมหน้าตาเฉย
“โอเค หายร้อนแล้ว แดดดี๊ทานได้เลยค่ะ” ไตรรัตน์ สุคนรส เสี่ยจำเริญเหวอ เสี่ยจำเริญละล้าละลัง ไม่อยากกิน “ทานสิคะ” เสี่ยจำเริญกลั้นใจกิน รสชาติที่อร่อยทำให้สีหน้าของเสี่ยจำเริญดีขึ้น “อร่อยไหมคะ” เสี่ยจำเริญพยักหน้า “เคธี่ก็ว่าอร่อย อีกคำนะคะ”
เคธี่ตักป้อนให้เสี่ยจำเริญ เสี่ยจำเริญกำลังกินแต่จู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอม จึงกัดช้อนคาไว้ เคธี่ดึงช้อนออกจากปากเสี่ยจำเริญ แต่เสี่ยจำเริญไม่ปล่อย ไตรรัตน์ สุคนธรสวิ่งเข้าไปดู
“พ่อเป็นอะไร”
เสี่ยจำเริญไม่ตอบ แต่โบกมือไล่ให้ไตรรัตน์ สุคนธรสออกไปห่างๆ ทั้งสองยอมถอย เคธี่ไปไม่ได้เพราะยังจับช้อนอยู่ เคธี่ออกแรงดึงช้อนจนหลุด พร้อมๆ กับที่เสี่ยจำเริญอ้วกพุ่งใส่ตัวเคธี่เต็มๆ
“พ่อ / เสี่ย”
เคธี่ตาเหลือกไปสักพัก แล้วกรี๊ดลั่น
“อี๋ๆvery stupidที่สุด” เคธี่เห็นสายตาของไตรรัตน์ถึงรู้ตัว จึงเก็บอารมณ์ คว้ากระเป๋า “ขอตัวก่อนนะคะ เคธี่เห็นอ้วกไม่ได้ เห็นแล้วจะอ้วกตาม”
เคธี่รีบออกไปเลย สุคนธรสสาวกระดาษทิชชู่เช็ดอ้วกที่ปากให้เสี่ยจำเริญอย่างไม่รังเกียจ ไตรรัตน์มองสุคนธรสอย่างรู้สึกดี

สุคนธรสล้างมือที่อ่าง ไตรรัตน์เข้ามาส่งผ้าเช็ดมือให้ สุคนธรสรับไป
“ยอมรับมาซะดีๆ คุณเคยเป็นพยาบาลมาก่อนใช่ไหม”
“ใช่ ฉันเป็นพยาบาลพิเศษดูแลหมาป่วย แมวป่วย ไก่ป่วย กบป่วยของพ่อเป็นประจำแหละ ตุ๊กแกป่วย ฉันก็ดูแลมาแล้วนะ”
“เอ่อ...”
เสาวภาเข้ามา ท่าทางร้อนใจ
“ไตร เฮียเป็นอะไร เฮียอาการหนักมากไหม เฮียจะต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกหรือเปล่า”
“ใจเย็นๆ ครับอาอี๊ ผมโทรไปถามหมอแล้ว หมอบอกว่าป๊าไม่ได้เป็นอะไรมาก อาจมีเวียนหัว อาเจียน เป็นอาการธรรมดา”
“ถ้าเฮียไม่เป็นอะไร อี๊ก็โล่งใจ อี๊แค่กลัวว่าซุปไก่จะทำให้อาการเฮียกำเริบ อี๊ขอตัวไปดูอาม่าต่อก่อนนะ”
เสาวภาออกไป ไตรรัตน์คำรามในลำคอ
“ฮึ่ยย อึดอัด เมื่อไหร่ม้ากับอาอี๊จะเลิกทำตัวแปลกๆ ใส่กันสักที ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว”
สุคนธรสคิดแผนออก
“ถ้าเขาไม่ดีกันเอง เราก็ทำให้เขาดีกันซะสิ”
ไตรรัตน์งง

เจ๊หญิงแต่งตัวใหม่ สะพายกระเป๋า ใส่ตุ้มหู เดินออกมาจากในบ้าน คนขับรถยืนอยู่ที่รถ
“ไปบ้านหมอสมคิด”
คนขับเปิดประตูขึ้นรถ เจ๊หญิงกำลังขึ้นรถ สุคนธรสวิ่งออกมาจากในบ้าน หน้าตาตื่น
“เจ๊หญิงคะ เสี่ยค่ะ”
เจ๊หญิงตกใจ
ขณะนั้นเสาวภากำลังป้อนข้าวอาม่าอยู่ จู่ๆ ไตรรัตน์ก็ตะโกนเสียงดัง
“ป๊า”
ช้อนในมือเสาวภาหล่นทันที

สุคนธรสกับเจ๊หญิงวิ่งขึ้นบันไดมา เสาวภาวิ่งมาจากทางห้องอาม่า
“เสี่ย...เสี่ยเป็นอะไรเสี่ย”
เจ๊หญิงกับเสาวภาพูดออกมาพร้อมกัน ทั้งสองต่างร้อนใจเลยไม่ทันได้สังเกตกัน ต่างวิ่งเข้าไปในห้องเสี่ยจำเริญ
“เสี่ย...”
เสาวภากับเจ๊หญิงวิ่งเข้ามาในห้อง แต่ไม่เห็นเสี่ยจำเริญอยู่บนเตียงทั้งคู่แปลกใจ
อาม่ามีท่าทางร้อนใจจะเดินไปห้องเสี่ยจำเริญ แต่เดินได้ช้าเลยไม่ถึงสักที
“อาเริญ อาเริญ ลื้อเป็นอะไร” อาม่าเจอเสี่ยจำเริญนั่งปิดปากตัวเองอยู่บนรถเข็น “อาเริญ ลื้อมานั่งทำอะไรตรงนี้”
เสี่ยจำเริญปิดปาก ส่ายหน้า ตาลอยไปมา แล้วในที่สุดก็หัวเราะคิกๆ
“คุณพ่อคุณแม่บอกให้แอบเงียบๆ อ่าจ้า”
อาม่างง

อ่านต่อหน้า 2

The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 
ขณะนั้นเจ๊หญิงวิ่งหาเสี่ยจำเริญที่ระเบียง เสาวภาไปหาในห้องน้ำ
“เสี่ย เสี่ยอยู่ไหน”
ประตูปิด เจ๊หญิงกับเสาวภาหันขวับมองประตู
ที่หน้าห้อง ไตรรัตน์ใส่กุญแจล็อคประตู สุคนธรสยืนช่วยลุ้นอยู่ด้วย เสียงล็อคประตูดังมาจากหน้าห้อง เจ๊หญิงกับเสาวภาวิ่งไปที่ประตู เจ๊หญิงหมุนลูกบิดแต่ไม่ออกจึงเคาะประตู
“นั่นใคร เปิดประตูให้ชั้นเดี๋ยวนี้”
“ไม่เปิด แม่กับอาอี๊ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อน ไม่งั้นผมจะขังเอาไว้อย่างนี้ ไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย”
“ไม่มีวิธีไหนจะดีเท่ากับการหันหน้ามาคุยกันอีกแล้ว สู้ๆ นะคะ”
“ไตร หนูรสเปิดเดี๋ยวนี้ ชั้นไม่มีอะไรจะพูดกับเค้า”
“แต่ชั้นมี”
เจ๊หญิงหันขวับมองเสาวภา
“สาธุ พ่อแก้วแม่แก้ว ขอให้ได้ผลทีเถอะ”
ไตรรัตน์แนบหูฟังกับประตู
“เงียบไปแล้ว”
สุคนธรสแนบหูฟังที่ประตู ทั้งสองไม่ได้ยินเสียงอะไร ก็ขยับๆ จะฟัง ทำให้หน้าค่อยๆ เข้าใกล้กันโดยไม่รู้ตัว
พอสบตากันอีกที ถึงเห็นว่าอยู่ใกล้กันมากก็กระเด้งออกจากกัน
“ชะอุ๊ย”
สุคนธรสหลบตา มือไม้เกะกะ ทำอะไรไม่ถูก
“คุณว่าเขาทำอะไรกันอยู่”
“จะรู้ไหมล่ะ คุณเป็นเจ้าของแผน คุณสิที่ควรจะรู้”
“เอ้า กวนอีก ฉันว่าแม่กับน้าคุณอาจจะดีกันแล้วก็ได้นะ เสียงถึงได้เงียบขนาดนี้”
ทันใดนั้นเสียงเจ๊หญิงตะโกนมาจากในห้อง
“จำเอาไว้ คนอย่างชั้นฆ่าได้แต่แย่งผัวไม่ได้”
“แต่ชั้นมาก่อน ชั้นรักกะเฮียก่อน แต่เจ๊ใช้ความเป็นพี่มาบอกว่า ตามประเพณีห้ามน้องแต่งงานก่อนพี่ ทำให้เตี่ยกะม้าไปตกลงเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกับผู้ใหญ่ของเฮียเค้า”
เกิดเสียงดังโครมครามดังมาจากในห้อง สุคนธรสและไตรรัตน์อึ้งแล้วปราดเข้าไปที่ประตู สุคนธรสเคาะประตู
“ใจเย็นๆ กันก่อนนะคะ ฆ่ากันมันบาปนะคะ” สุคนธรสรีบหันมาบอกไตรรัตน์ “เปิดประตูเร็วๆ สิคุณ จะให้แม่กับน้าคุณฆ่ากันให้ตายก่อนหรือไง”
ไตรรัตน์ล้วงกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อ หากุญแจ
“กุญแจอยู่ไหนแล้วล่ะ”
“ตายแน่ๆ หาเร็ว”
สุคนธรส ไตรรัตน์วิ่งออกไปหากุญแจ เสียงดังมาจากในห้อง เจ๊หญิงกับเสาวภาปาใส่กันเสียงโครมคราม
“ลื้อแย่งผัวของอั๊ว”
“ใครกันแน่ที่แย่ง อั๊วมาก่อน ลื้อนั่นแหละมาทีหลัง มากินน้ำใต้ศอกอั๊ว”
“วันนี้อั๊วกับลื้อต้องตายไปข้าง”
ไตรรัตน์ล้วงเจอกุญแจแต่มือไม้สั่นจนทำกุญแจตก สุคนธรสก้มหยิบกุญแจ ไขห้องอย่างร้อนใจ ในห้องมีเสียงดังโครมครามตลอด
สุคนธรสเปิดประตูออก เจ๊หญิงกับเสาวภาหน้าตาปูดบวมเดินกันออกมาหน้าตาเฉย
“อั๊วสองคนเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว ขอบใจพวกลื้อมาก”
เจ๊หญิงกับเสาวภามองและสะบัดหน้าใส่กัน
“เชอะ”
ทั้งคู่เดินออกไปคนละทาง สุคนธรสกับไตรรัตน์เซ็งที่แผนไม่ได้ผล จึงหมดแรงทรุดลงนั่งพิงกัน ไตรรัตน์กอดคอสุคนธรส สุคนธรสอึ้ง
เพ็ญนภาแต่งตัวสวยเช้ง เดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากในบ้านกำลังจะขึ้นรถ
“ติณห์น่ะใจร้อน รถเพนนีไม่ใช่จรวดนะคะถึงจะให้ไปหาคุณได้ภายในสองวินาที” กำนันพงษ์กับสนเดินเข้ามาอีกทางเจอกันพอดี “แล้วเจอกันค่ะ”
เพ็ญนภาวางสาย
“สวัสดีครับคุณเพนนี”
“เตี่ยรอกำนันอยู่ข้างใน เชิญตามสบายนะคะ”
“ดูคุณกับคุณติณห์มีความสุขกันดีนะครับ”
“ไม่ใช่สุขเฉยๆ ค่ะ แต่สุขมากกำนันพงษ์ตัดชุดเตรียมใส่ไปงานแต่งของเพนนีกับติณห์ได้เลยนะคะ”
“แต่ผมคิดว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น”
“ทำไม”
“พูดก็พูดเถอะครับ ถึงคุณจะได้ครอบครองตัวคุณติณห์ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะได้หัวใจด้วยหรือเปล่า”
“แปลว่าอะไร”
“แปลว่าหัวใจของคุณติณห์อาจจะอยู่ที่คุณญาณิน”
“ไม่จริง”
“ผมไม่แน่ใจว่าหมอสมคิดบอกคุณหรือเปล่า ความรักมันมีพลังมหาศาลที่สามารถเอาชนะพลังจากทุกสิ่งทุกอย่างได้ รวมทั้งพลังของหมอสมคิด ผมว่าทางทีดีคุณอย่าประมาทรีบหาทางกำจัดเสี้ยนหัวใจออกไปเสียดีกว่าครับ คุณจะได้ครอบครองคุณติณห์ทั้งกายและใจ”
เพ็ญนภาคิด สีหน้าคล้อยตามที่กำนันพงษ์พูด กำนันพงษ์กระตุกยิ้มร้าย เป็นไปตามแผน

ภายในบ้านเปรมนั่งกินข้าวไปคุยโทรศัพท์ไป
“เมื่อคืนเข้าสองคู่เองว่ะ แมนยูดันเสมอซะไม่งั้น”
เพ็ญนภาโผล่พรวดพราดเข้ามา คว้าโทรศัพท์ออกจากหูเปรม
“ไอ้พี่เปรมหยุดกินหยุดโทรเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องจะให้ช่วย”

ขณะนั้นติณห์เดินงุ่นง่านไปมาและกดโทรศัพท์โทรออก
“ทำไมไม่มาสักที”
เปรมรับโทรศัพท์ของเพ็ญนภา
“ฮัลโหล”
ติณห์มองหน้าจอโทรศัพท์ แปลกใจทำไมผู้ชายรับ
“นั่นเบอร์เพนนีใช่ไหมครับ”
เปรมอ่านข้อความในกระดาษ
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่ง”
เพ็ญนภาตีเปรมแล้วกระซิบ
“ตอบคำถามเขาก่อนสิ”
เปรมพูดโทรศัพท์
“ตะกี้ถามว่าอะไรนะ” ติณห์ทำหน้างง
“นั่นเบอร์เพนนีใช่ไหม”

“ใช่ ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับน้องสาวของฉันอีก เสียแรงที่น้องสาวของฉันรักนายหมดหัวใจ” เปรมอ่านข้อความในกระดาษแบบท่อง “แต่นายกลับปล่อยให้คนของนายมารังแกน้องสาวฉันต่อไปนี้ฉันจะให้เพนนีอยู่แต่ในห้องนอนที่รีสอร์ทริเวอร์มูน ห้องอยู่ชั้นสองหน้าสุดแต่ฉันจะไม่ยอมให้นายได้พบเพนนีอีกต่อไป”

เปรมวางสายหลังจากพูดจบ
“ฮัลโหล ฮัลโหล เพนนี”
ติณห์ไม่สบายใจรีบวิ่งออกไป เพ็ญนภากอดคอเปรมอย่างพอใจ
“พี่เปรมเก่งที่สุดในโลกเลย”
“เพิ่งรู้หรือไง แล้วแกจะให้พี่ช่วยอะไรต่อว่ามาได้เลย ไอ้เปรมสุดยอดอยู่แล้ว”
เพ็ญนภาแอบแหวะเปรม แล้วเปลี่ยนสีหน้ายิ้มมีแผน

ติณห์ขับรถออกจากในรีสอร์ทเลี้ยวไปทางไปริเวอร์มูนอย่างเร็ว เกือบจะชนกับพวกญาณินที่กำลังเดินในรีสอร์ท ญาณิน ป้าอรวรรณกับทนายสมชาติกระโดดหลบกันกระเจิง หัวทิ่มหัวตำ
“จะรีบไปตามควายที่ไหนค้าคุ๊ณ”
ป้าอรวรรณตะโกนถาม ติณห์ยกมือขอโทษแล้วรีบขับออกไปทันที ทนายสมชาติถามป้าอรวรรณอย่างห่วงใย
“คุณออไม่เป็นไรนะครับ”
“ไม่เป็นค่ะ ออสบายดี”
ป้าอรวรรณบอกอย่างอ่อนหวาน ญาณินมองตามไปรถติณห์ไปอย่างสงสัย

ติณห์ขับรถเข้ามาจอดบ้านเพ็ญนภาอย่างแรง แล้ววิ่งลงรถตะโกนเรียกเพ็ญนภาอย่างร้อนใจ
“เพนนี เพนนี” ไม่มีใครอยู่ในบ้าน ติณห์นึกถึงคำพูดของเปรม
“ชั้นสองห้องหน้าสุด”
ติณห์วิ่งบันไดขึ้นไป เปรมยืนแอบดูอยู่ด้านหนึ่ง
“โง่ชะมัด เรียนเมืองนอกมาซะแทบตาย ดันมาตกม้าตาย ฉลาดสู้ไอ้เปรมมันก็ไม่ได้”

ติณห์วิ่งขึ้นบันไดมามองหาห้องที่เปรมบอก
“ห้องหน้าสุด” ติณห์มองหาห้องแล้วหยุดที่ห้องเพ็ญนภา “นั่น” ติณห์เปิดประตูเข้าไป เพ็ญนภานอนหันหลังร้องไห้กระซิกๆ อยู่บนเตียง
“เพนนี” ติณห์วิ่งเข้าไปหาเพ็ญนภา “คุณเป็นอะไร”
เพ็ญนภาหันหน้ามาเห็นตาเขียวไปข้างมุมปากมีรอยช้ำ
“โอ้วมายก๊อด”
เพ็ญนภาแสร้งทำตกใจ
“คุณมาได้ยังไงคะ”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญ คุณบอกผมมาเดี๋ยวนี้ ว้อทแฮพเพ่นใครทำอะไรคุณ ผมจะจัดการให้ถึงที่สุด ผมเจ็บคุณก็เจ็บ”
“ห๊า เพนนีเจ็บไม่ใช่คุณเจ็บ ช่างมันเถอะค่ะ เพนนีไม่อยากพูดถึง”
“ทำไม”
“เพนนีไม่อยากให้คุณเสียเวลาหาคนคุมงานรีสอร์ทใหม่นะคะ”
ติณห์ตะลึง

ที่ไซต์งานก่อสร้างรีสอร์ทของติณห์ ขณะนั้นญาณินยืนถือกระดาษแบบคุยกับวิศวกร ป้าอรวรรณและทนายสมชาติคุมคนงานขนวัสดุก่อสร้างลงจากรถกระบะ
“เอาไปวางกองรวมกันไว้ตรงโน้นเลยจ้ะ”
ติณห์ขับรถเข้ามาจอดอย่างแรง
“คุณติณห์มาพอดี เดี๋ยวให้คุณติณห์ตัดสินใจเลยแล้วกัน” ญาณินบอกกับวิศวกร ติณห์เดินฉับๆ เข้าไปหาญาณิน “คุณติณห์คะ แบบนี้คุณจะเอา” ติณห์กระชากกระดาษแบบมาฉีกทุกคนตกตะลึง
“คุณทำบ้าอะไรของคุณ”
“คุณล่ะ เป็นบ้าอะไรถึงมาทำร้ายแฟนของผม”
“ฉันไปทำอะไรคุณเพนนี”
“คุณไม่ยอมรับความจริงเหมือนที่เพนนีบอกไว้จริงๆ ด้วย คุณมันร้ายกาจมาก หรือคิดว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่น มีทั้งผีเด็กผีคนแก่คอยคุ้มครองแล้วจะเที่ยวทำร้ายใครก็ได้”
“มันจะมากไปแล้วนะคุณติณห์” ญาณินโกรธจัด
“ไม่มากไปหรอกสำหรับคนนิสัยห่วยๆ แบบคุณ”
“คุณติณห์พอเถอะ”
ทนายสมชาติดึงติณห์ ติณห์สะบัดออก
“ผมเตือนไว้เลยนะ อย่ามาอิจฉาหรือคิดเทียบตัวเองกับเพนนีอีก คุณมันก็แค่ยัยยิปซีปัญญาอ่อนเทียบไม่ได้กับเพนนีเลยสักนิด”
ญาณินผลักติณห์อย่างแรง
“คุณมัน...เลวที่สุด”
ญาณินวิ่งหนีไป
“คุณหนู” ป้าอรวรรณมองหน้าติณห์อย่างโมโห
“โอ๊ย อยากด่า แต่ไม่รู้จะด่าว่าอะไร”
ป้าอรวรรณวิ่งตามญาณินไป ติณห์สะใจ แต่ทนายสมชาติไม่สบายใจ

ญาณินวิ่งเข้ามาในห้องร้องไห้อย่างเสียใจ ป้าอรวรรณเคาะประตูเรียกญาณิน
“คุณหนูขา เปิดประตูให้ป้าเถอะค่ะ”
ญาณินไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้
ติณห์ขึ้นรถขับออกไปอย่างหงุดหงิด กุมารากับหลวงพิชัยภักดีโผล่มาจากในรถ กุมาริกาบิดหูติณห์สองข้าง หลวงพิชัยภักดีใช้มือตีๆ ติณห์
“นี่แน่ๆ ทำร้ายจิตใจเจ๊จีจ้าของหนูมากไปแล้วนะ นี่แน่ๆ”
“ไอ้หลานโง่ เสียชื่อที่เกิดเป็นหลานของฉัน”
ติณห์เจ็บๆ คันๆ
“โอ๊ยๆ อะไรวะเนี่ย โกลเด้นเบบี้กับแกรนด์ปาใช่ไหมสต๊อปเดี๋ยวนี้นะ ผมเจ็บ”
“ไม่หยุด”
ทั้งคู่ทำร้ายร่างกายติณห์ไม่หยุด ติณห์ขับเซๆ ออกพ้นจากเขตรีสอร์ท กลุ่มควันสีดำในร่างติณห์ลอยตัวขึ้นกุมาริกากับหลวงพิชัยภักดีไม่เห็น แต่ได้กลิ่น ทั้งสองย่นจมูกฟุดฟิดๆ
“กลิ่นอะไร เหม็นอย่างกับศพเน่าอยู่ในกองอึหมา คุณหลวงแปรงฟันเปล่าเนี่ย”
“ไม่ได้แปรงมาจะร้อยปีแหละ บ้าสิ ไม่เกี่ยวสักหน่อย”
หลวงพิชัยภักดีย่นจมูกใกล้ๆ ตัวติณห์ กุมาริกาทำตาม ทั้งสองหยุดที่ตัวติณห์หันมองหน้าแล้วพูดพร้อมกัน

“กลิ่นเน่ามาจากตัวไอ้ติณห์/คุณติณห์”

ส่วนที่สถาบันนิติเวช หมอวรวรรธในชุดปฏิบัติงานกำลังผ่าท้องศพอยู่ คีบหัวลูกปืนที่ฝังอยู่ในปอดออกมาแล้วหย่อนลงในที่เก็บหลักฐานสีหน้าเศร้าๆ เหม่อๆ ใจลอย แล้วในที่สุดวางเครื่องมือผ่าศพทิ้งไว้ก่อน หมอวรวรรธถอดถุงมือยางที่เปื้อนเลือด ถอดหน้ากาก เดินออกมามานอกห้องพลางกดโทรศัพท์

โทรศัพท์มือถือของเนตรศิตางศุ์ดัง เนตรศิตางศุ์กำลังนั่งเด็ดขั้วลูกสตรอเบอรี่แบบเศร้า ใจลอย แล้วสะดุ้ง หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วทำหน้าหงิกก่อนจะกดรับสาย
“จะโทรมาทำไมคะ คุณหมอ”
“ก็ใช่ แต่เดี๋ยว เลิกงานแล้ว ผมไปหาเนตรนะ”
“จะมาหาทำไม ไปที่ชอบๆ ของคุณดีกว่ามั้ย”
“เย้ย ผมยังไม่ตายนะ”
“ชั้นหมายถึงว่าคุณชอบไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามาที่นี่เลย ถ้าพี่ณัฐเจอคุณพี่ณัฐฆ่าคุณแน่”
“แต่ผมชอบไปเจอเนตรนี่ ผมจะไปขออนุญาตพี่ณัฐตรงๆ เราจะไม่ทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ อีกแล้ว เดี๋ยวผมไปรับเนตรกินข้าวด้วยกันนะครับ ไม่รู้ล่ะ ผมจองแล้ว ห้ามเนตรหนีไปไหนด้วย แค่นี้นะ” หมอวรวรรธกดวางแล้วทำหน้าดี๊ด๊าเนตรศิตางศ์ ค้อนใส่โทรศัพท์แต่ก็แอบยิ้มดี๊ด๊าออกมา
หมอวรวรรธยิ้มคนเดียว ทำหน้ามีความสุขรีบวิ่งกลับเข้าห้องทำงาน เมื่อเสร็จงานหมอวรวรรธก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดซิ่ง รีบเดินกระตือรือร้นมาที่รถมอเตอร์ไซค์ พลางใส่ถุงมือนักบิด ทันใดเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“คุณเนตรอย่าบอกนะ ว่าจะโทรมาเบี้ยวเนี่ย”
หมอวรวรรธล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มาดู แล้วชะงักหน้าเครียด สุพิชชาอยู่ที่หน้าบ้าน ร้องไห้โฮ
“ฮัลโหล ตาหนูค่ะ คุณพ่ออาการไม่ค่อยดีเลย พีชว่าคราวนี้คุณพ่อคง...คงจะไปจากพวกเราแน่ๆ แล้วล่ะคะ ตาหนูรีบมาได้ไหมคะ”
หมอวรวรรธอึ้ง
เนตรศิตางศุ์กำลังตีน้ำสลัดเสียงแมสเสจโทรศัพท์ดัง
“คุณหมอต้องแมสเสจมาว่า มาไม่ได้แล้วแหงๆ เลยเนี่ย”
เนตรศิตางศุ์หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วชะงักเมื่อเห็นข้อความแมสเสจ “ขอโทษนะ คุณเนตร ผมติดธุระด่วน ด่วนมากๆจริงๆครับ”
เนตรศิตางศุ์โมโหมากๆ

ติณห์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเพ็ญนภาแล้วรีบลงจากรถ พุ่งจะเข้าไปหาเพ็ญนภา แต่เปรมพร้อมด้วยลูกน้อง3-4คนมาดักหน้าติณห์ไว้
“พี่เปรม! ผมเคลียร์กับคนที่ทำร้ายเพนนีแล้ว ผมด่าจนพวกมันเผ่นแทบไม่ทัน”
“แล้วไง”
“ผมจะไปหาเพนนี ผมเป็นห่วงเพนนี”
“ไม่”
“ผมขอเจอน้องสาวพี่เถอะ ผมอยากเจอเพนนี ผมสัญญาจะไม่เกิดอะไรกับเพนนีอีกแน่นอน”
“น้องสาวชั้นคบกะแกมีแต่ปัญหาไม่สิ้นสุด พอกันที ชั้นไม่ให้น้องสาวชั้นพบกะแกอีกแล้ว”
“เฮ้ย! ได้ยังไง ผมไม่ยอม”
ติณห์จะฝ่าพวกเปรมเข้าไปหาเพ็ญนภาให้ได้ เปรมชักปืนออกมา เล็งไปที่ติณห์ ติณห์ชะงัก
“ไง ยังจะเข้ามาอีกไหมวะ” ติณห์หน้ามืดขยับจะเข้าไปอีก เปรมยิงใส่พื้นเฉียดเท้าติณห์แค่คืบติณห์หยุดกึก
“พลาดว่ะ ฮ่าๆ นัดต่อไป คงไม่โดนพื้นแล้วมั้งวะฮ่าๆ”
“โว้ย”
ติณห์โมโหสุดขีดที่ไปหาเพ็ญนภาสุดที่รักไม่ได้ ระเบิดอารมณ์ออกมา
“ฮ่าๆ”

หมอวรวรรธรีบวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นบันไดมาเห็นหมอกับพยาบาลยืนคุยหน้าเครียดกันอยู่หน้าห้อง พอเห็นหน้าหมอ หมอวรวรรธก็รู้แล้วว่าหมดโอกาสรั้งไว้ได้อีกแล้ว
“คราวนี้ อาจจะไม่เป็นไร แบบครั้งก่อนก็ได้นะครับ”
หมอวรวรรธเดินเข้าห้องที่ประตูเปิดทิ้งไว้ไปช้าๆ ภายในห้องเห็นสุพิชชากำลังนั่งอยู่ข้างเตียงจับมือพ่อร้องไห้ ขณะที่พ่อนอนปากหว๋อๆ หายใจเหนื่อยหอบ ตาลอย
“คุณพ่อ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะคะ ขาดคุณพ่อซะคน พีชจะทำยังไง พีชไม่มีใครอีกแล้ว”
หมอวรวรรธยืนอึ้งข้างๆ สุพิชชาหันมาเห็น
“คุณพ่อ หมอตาหนูมาแล้วค่ะพ่อขา พ่อเห็นหมอตาหนูไหมคะ...ตาหนูคะ ถ้าตาหนูไม่อยากให้คุณพ่อท่านมีห่วงล่ะก็บอกกับคุณพ่อเองซีคะ”
สุพิชชาพูดพลางจับมือหมอวรวรรธมากุมมือพ่อเธอไว้แทน หมอวรวรรธอึ้งมอง
“เอ่อ พีช คุณให้ผมบอกอะไร”
“บอกกับคุณพ่อ ว่าตาหนูจะกลับมาอยู่เคียงข้างพีช กลับมาช่วยดูแลโรงพยาบาลแทนคุณพ่อด้วยกัน บอกท่านซีคะ บอกท่านซี...”
“พีช…”
หมอวรวรรธทำเสียงปรามสุพิชชาอีกครั้ง ประมาณอย่าทำอย่างนี้ สุพิชชาปล่อยโฮกอดซบไหล่หมอวรวรรธร้องไห้
“พีชไม่มีใครจริงๆ นอกจากคุณ พีชไม่เคยลืมว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหนตาหนูเคยดีกับพีชยังไงบ้าง พีชคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ตอนนี้คุณพ่อเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะ ท่านคงอยากจะเห็นเรากลับมารักกันเหมือนเดิม ไม่ได้เหรอคะตาหนู”
หมอวรวรรธสุดแสนจะลำบากใจ

หมอวรวรรธเดินถอนใจลงบันไดมาจากชั้นบน สุพิชชารีบตามลงมาพูดรั้งเขาไว้
“ตาหนูต้องการอะไร พีชจะให้ตาหนูทุกอย่าง” หมอวรวรรธชะงักหยุด สุพิชชาเดินลงมาใกล้มองหน้าเขา “ขอแค่ให้ตาหนูกลับมา บอกพีชมาแค่คำเดียว พีชจะทำเพื่อตาหนู”
“อย่าทำให้ผมลำบากใจน่าพีช เรื่องของเรามันจบไปแล้ว”
“คุณลืมง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ กี่ปีที่คบกัน เรารักกันมาก แต่แค่เพราะคุณพ่อบังคับให้คุณรับตำแหน่งบริหารในโรงพยาบาลของท่านแล้วคุณไม่อยากทำ คุณก็เลยไปจากพีช”
“ตอนนี้คุณก็กำลังจะทำอย่างพ่อคุณอยู่นะพีช คุณจะให้ผมกลับมาบริหารโรงพยาบาลอีก ผมชอบช่วยคน ผมชอบลงมือปฎิบัติเอง ผมไม่ชอบที่จะอยู่แต่ในห้องประชุม มีแต่ประชุม ประชุม ประชุม”
“งั้นพีชจะขายโรงพยาบาลซะ”
หมอวรวรรธตกใจอึ้งไปอึดใจ แทบไม่เชื่อหู
“คุณทำอย่างงั้นไม่ได้นะพีช”
“แต่พีชจะไม่ทำ ถ้าตาหนูกลับมาหาพีชอีกมาช่วยพีชดูแลสิ่งที่พ่อของพีชสร้างสรรค์มา...”

สุพิชชาพูดพลางโผกอดหมอวรวรรธไว้แน่น หมอวรวรรธสุดแสนอึดอัดใจพยายามดึงไหล่สุพิชชาผละออก

“คุยกันตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่อง คุณขึ้นไปดูแลคุณพ่อเถอะ ปล่อยผมพีช ผมมีธุระต้องรีบไป”
“ไม่ค่ะ คุณจะไปหาใคร พีชไม่ให้ไป”
“ปล่อยผมพีช ปล่อย! ผม ผมมีธุระ ผมต้องรีบไป”
หมอวรวรรธออกแรงดึงเต็มแรงจนสุพิชชาผงะออก สุพิชชาตะลึงมองหน้าหมอวรวรรธ
“ธุระอะไร ที่ไหนคะ”
หมอวรวรรธไม่ตอบ รีบเดินผละไปทันที สุพิชชาไม่ยอมแพ้เดินไปคว้ากุญแจรถตามไป

ญาณินฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะในห้องเรือนรับรอง ป้าอรวรรณเดินเข้ามาพร้อมน้ำเย็น
“คุณหนูคะ ป้าว่าเราไม่จำเป็นต้องทนทำงานนี้แล้วนะคะ”ญาณินเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ “คนที่ช้ำใจ ปวดใจ ไม่แพ้คุณหนูก็คือป้านะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณหนูเป็นแบบนี้เลย” ทุกอย่างเหมือนเดิม “คุณหนูเคยนิ่ง ใจเย็นควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ดี แล้วทำไมคราวนี้เป็นแบบนี้ล่ะคะ”
“ป้าออ ณินอยากอยู่คนเดียว”
“เออ ได้ค่ะ”
ป้าอรวรรณลุกเดินออกไปจากห้อง หลวงพิชัยภักดีและกุมาริกายืนอยู่ด้านหลังญาณิน ญาณินกรีดน้ำตาทิ้ง หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกาพยายามติดต่อกับญาณิน
“โถๆ เจ๊จีจ้า อย่าโกรธนายฝรั่งเลย หนูว่านายฝรั่งน่าสงสารออกที่ไปชอบยัยปีศาจปากคาบพริก”
“แต่ฉันสงสัยว่ะนังหนู ถ้าหลานฉันจะชอบแม่นั่นคงชอบมานานแล้ว อยู่ๆ มันจะคลั่งไคล้เอาตอนนี้ได้ยังไงกัน ฉันว่านะ ไอ้ติณห์ต้องถูกยัยปากแดงทำอะไรแน่ๆ”
“คุณหลวงหมายถึง..ไอ้กลิ่นเหม็นเน่าที่เราดมกันวันนี้น่ะเหรอคะ”
“ใช่ มันคือกลิ่นของ ของ อะไรที่ไม่ธรรมดา แต่ต่ำช้าเหมือนส้วมในนรก”
“ในนรก มีส้วมด้วย งั้นเจ๊จีจ้าต้องช่วยนายฝรั่งรูปหล่อแล้วล่ะ เจ๊จีจ้า ได้ยินหนูไหมเจ๊จีจ้า”
กุมาริกาตะโกนใส่สุดเสียงแต่ญาณินไร้สมาธิ ปัญญาไม่เกิด ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น จิตไม่ยอมสื่อกับวิญญาณอีกต่อไป ได้แต่ลุกเดินมองเศร้าแอบมองออกไปที่หน้าต่าง
หมอวรวรรธบึ่งมอเตอร์ไซด์ตรงมาหาเนตรศิตางศุ์ที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ด้วยความคิดถึงและไม่สบายใจ เพราะเรื่องสุพิชชาทำให้เนตรศิตางศุ์งอนเขาหมอวรวรรธจึงตั้งใจจะมาง้อ
เมื่อมาถึงหน้าบ้านหมอวรวรรธจอดมอเตอร์ไซด์ไว้ข้างๆ รั้ว อย่างระวังตัวกันไม่ให้ณัฐเดชเห็น โดยไม่รู้ว่าสุพิชชาแอบขับรถสะกดรอยตามมาแล้วจอดซุ่มดูอยู่
หมอวรวรรธลงจากรถเดินมองซ้ายมองขวาไปที่ประตูรั้ว เห็นประตูรั้วเปิดอยู่ ค่อยๆ โผล่หน้ามองไปเห็นเนตรศิตางศุ์ใส่แว่นดำกำลังเดินออกมาจากบริษัทซิกส์เซ้นส์ หมอวรวรรธยิ้ม...ดีใจมาก ก้าวเข้าไปจะเรียก
“เอ่อ...”
แต่แล้วหมอวรวรรรธต้องชะงักรีบถอยหลังกลับหลบวืด เมื่อเห็นณัฐเดชเดินตามออกมาจากตัวบ้าน สุพิชชาเห็นณัฐเดชก็ตะลึงงัน
“นั่น พี่ณัฐนี่”
“โห มีรถบริษัทขับใหม่แล้ว อู้ฟู่ขึ้นนะพวกเรา”
ณัฐเดชบอก กรรัมภาแอบกระซิบ
“แก้มแอบช่วยดาวน์น่ะค่ะ ยังไม่มีใครรู้นะคะ พี่ห้ามบอกด้วย”
“พี่รีบพาเนตรไปธุระเถอะ เดี๋ยวกรรณต้องพาเนตรไปซื้อของเข้ารีสอร์ทคุณติณห์อีก”
“เออ ใช่ๆ”
เนตรศิตางศุ์ขึ้นรถณัฐเดช ณัฐเดชรีบขึ้นประจำที่คนขับ ขับพาเนตรศิตางศุ์ผ่านประตูรั้วออกจากบ้านมา หมอวรวรรธแอบหลบอยู่ข้างประตูรั้ว ณัฐเดชขับรถผ่านรถของสุพิชชาโดยไม่สังเกตเห็นสุพิชชา สุพิชชามองตามณัฐเดชไปอย่างช็อคๆ ที่ได้เห็นณัฐเดชอีกครั้ง หลายปีมากแล้วที่เธอไม่ได้เจอเขา ที่สำคัญเขาอยู่กับเนตรศิตางศุ์ซึ่งสุพิชชายังไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน

สุพิชชาคิดถึงเหตุในอดีตเมื่อสี่ปีก่อน ณัฐเดชในชุดรักบี้เดินเปิดประตูห้องยิมเข้ามา แล้วผงะเมื่อเห็นสุพิชชากำลังเดินเลือกอุปกรณ์อย่างสบายใจ เมื่อเธอหันมาต่างคนต่างตะลึง
“พีช”
“พี่ณัฐ”
“ทำไม...พีชถึงมากับไอ้วรรธ”
“ไหนพี่ณัฐบอกว่า...พี่ณัฐไปสิงคโปร์...”
วรวรรธเปิดตามมา แล้วยืนซีด
“หมายความว่าไง”
“เอ่อ พี่ณัฐอย่าบอกใครนะครับ ว่าผมพาแฟนมา เช้าไก่โห่แบบนี้ปกติยังไม่มีใครมาหรอกครับ”
สุพิชชาพยายามบอกให้วรวรรหยุดพูด
“แฟนนายเหรอ พีชเป็นแฟนนายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
สุพิชชาทำหน้าแปลกใจสงสัยเมื่อเห็นณัฐเดชอยู่กับเนตรศิตางศุ์
“ทำไมแล้วพี่ณัฐถึงมาอยู่กับยัยเนตรคนนี้?”
สุพิชชาต้องหยุดคิดอยู่แค่นั้น แค้นใจเมื่อมองไปเห็นหมอวรวรรธเดินผิดหวังกลับไปขึ้นนั่งมอเตอร์ไซด์คอตกเมื่อไม่ได้พบกับเนตรศิตางศุ์อย่างที่หวัง สุพิชชากำพวงมาลัยแน่นกัดริมฝีปาก มองก็รู้ว่าหมอวรวรรธหลงรักเนตรศิตางศุ์มากแค่ไหน
ณัฐเดชพาเนตรศิตางศุ์เดินเข้าในตลาดหญิงจำเริญ
“พี่ณัฐพาเนตรมาตลาดหญิงจำเริญทำไมคะ”
“ถึงคราวเธอต้องช่วยพี่บ้างแล้ว”
เนตรศิตางศุ์ถอดแว่นดำออก
“ช่วยอะไรคะ”
“ก็เนตรสามารถเห็นอะไรที่คนอื่นมองไม่เห็นล่ะ?”
“ห๊ะ! อย่าบอกว่า...”
“นั่นแหละ! พี่ถึงพาเนตรมาด้วย ช่วยดูสิว่ามีวิญญาณร้ายอาฆาตตัวไหนในตลาดนี่บ้างไหม๊ที่พอจะปองร้ายเอาชีวิตเสี่ยจำเริญ”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เอาอ่ะ พี่ณัฐ”
“เนตร หน้าที่เราคือช่วยคนไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ แต่”

“ไม่แต่โดยเฉพาะเคสนี้ เป็นครอบครัวของเพื่อนสนิทพี่ ที่พี่คิดว่าไอ้หมอผีสมคิดต้องเป็นตัวบงการแน่”
 
อ่านต่อหน้า 3

The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 

เนตรศิตางศุ์จำใจพยักหน้า มองไปรอบๆ ในหมู่คนปกติเนตรศิตางศุ์เห็นวิญญาณเด็ก 2 คน วิ่งเล่นไปมา วิญญาณผู้หญิงใส่ชุดตางศ์ทำหน้าสยอง แอบหลังณัฐเดช

“ไงจ๊ะเนตร มีวิญญาณต้องสงสัยบ้างไหม”
เนตรศิตางศุ์รีบใส่แว่นไทย ลอยไหลเลื่อนไปอย่างสงบ วิญญาณชายหิวแอบเลียกินไอติมในมือเด็กคนนึง แล้วหันมายักคิ้วให้เนตรศิตางศุ์ วิญญาณชายอีกคนเลื้อยคลานไปมาบนพื้น โดนคนธรรมดาเดินข้ามไปโดยไม่เห็น...ทุกอย่างปกติ ปราศจากวิญญาณร้ายใดๆ เนตรศิ
“ไม่มีค่ะ มีแต่วิญญาณปกติทั่วไป เค้าอยู่กันอย่างสงบ ไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ทำไมพี่ณัฐถึงคิดว่าที่เสี่ยจำเริญถูกรถชนเป็นฝีมือของผีแทนที่จะเป็นคนล่ะคะ”

ณัฐเดช เนตรศิตางศุ์คุยกับไตรรัตน์ สุคนธรส เจ๊หญิง ณ สถานที่เกิดเหตุที่เสี่ยจำเริญถูกรถชนซึ่งยังมีร่องรอยเหตุการณ์ความเสียหายหลงเหลืออยู่บ้าง
“จากตรวจสภาพรถบรรทุก สมบูรณ์ทุกอย่าง ไม่มีอาการเบรกแตก ส่วนประวัติของนายแก๊ป โชเฟอร์คนนี้...ก็ไม่มีสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์อะไรเลยครับ เป็นคนดีจริงๆ ตั้งใจทำมาหากินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย”
“หรือว่ามีอะไรดลใจให้นายแก๊ปเกิดคลุ้มคลั่งขับรถไล่ชนเสี่ยขึ้นมา” สุคนธรสบอก
“เธอหมายถึงถูกผีเข้าสิงใช่ไหม”
“โอ๊ยเป็นกันใหญ่แล้ว ถึงชั้นจะเชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่ถ้าจะบอกว่าผีเข้าสิงคนขับรถไล่ชนสามีฉันเนี่ยะนะ ฉันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดคุณตำรวจ” เจ๊หญิงบอก
“ไม่ใช่ผีหรอก ฝีมือคนนี่แหละไอ้ณัฐ ป๊าฉันต้องถูกปองร้าย ไอ้คนขับอาจจะถูกใครจ้างวานมาฆ่าป๊าฉันก็ได้”
“แต่ป๊าไม่เคยมีศัตรูที่ไหนนา”
“ก็หมอสมคิดไงแม่”
ณัฐเดช มองสบตากับสุคนธรสและเนตรศิตางศุ์ทันทีที่ไตรรัตน์เอ่ยถึงหมอผีสมคิด เพราะทั้งสามก็สงสัยเหมือนกัน ขณะที่เจ๊หญิงสุดเซ็ง ใช้ร่มตีๆ ไตรรัตน์
“หมอสมคิดอีกแล้ว อะไรๆ ก็หมอสมคิด”
ไตรรัตน์สะดุ้งตามจังหวะตี
“โอ๊ยๆ เจ็บนะแม่ นี่แม่เห็นไอ้หมอผี ดีกว่าลูกชายของตัวเองเหรอห่ะ”
“เออ”
“แม่! พูดยังงี้ไม่เพราะเลยนะ”
“เออๆ ใครจะตายก็โทษหมอสมคิด อาจารย์เค้าเป็นคนดีมีวิชา มีลูกศิษย์ลูกหากราบไหว้เยอะแยะแล้วเด็กอมมืออย่างลูกเก่งมาจากไหนห่ะ เที่ยวลบหลู่อาจารย์แบบนี้ห่ะ ระวังเถอะ บาปกรรมจะตามลงโทษ”
กำลังด่าๆ เจ๊หญิงก็หยุดกึก วิงเวียนหัวอย่างกระทันหัน ยกมือจับหัว หน้ามืด
“เป็นอะไรแม่ ด่าผมแค่นี้ถึงกับหมดแรงเลยเหรอ ฮ่ะๆ”
“เฮ่อ”
แล้วเจ๊หญิงก็วูบเป็นลมล้มทั้งยืนดีที่สุคนธรสอยู่ใกล้เลยรับไว้ทัน
“โอ๊ะเจ๊หญิง”
ทุกคนตกใจ
“แม่ แม่ เป็นอะไรไป”
“ตัวเย็นไปหมดเลย รีบพาไปโรงพยาบาลเถอะ”
ไตรรัตน์รีบช้อนตัวเจ๊หญิงอุ้มขึ้นพาไป ทุกคนตามไป

ที่ห้องทำพิธี สำนักหมอผีสมคิด หุ่นขี้ผึ้งของเจ๊หญิงอยู่ในมือหมอผีสมคิด หมอผีสมคิดกำลังท่องคาถาทำพิธีฝังรูปฝังรอยเจ๊หญิงใช้นิ้วจิ้มลงไปในอ่างเลือดแล้วเขียนเป็นตัวอักขระประหลาดลงบนหุ่น ก่อนจะพันสายสิญจน์ไปรอบหุ่นจากขาขึ้นไปส่วนหัว เน้นพันแน่นรอบคอหุ่น
เมื่อหมอผีสมคิดทำพิธีเสร็จ หย่อนหุ่นขี้ผึ้งลงในกล่องโลหะแปะด้วยยันต์ที่ฝากล่องอีกชั้น แล้วหันไปยื่นให้หาญกับกล้า
“พวกเอ็งรีบเอาหุ่นนี่ไปฝังไว้ที่บริเวณบ้านเจ๊หญิง หาที่ที่ลับตาคนที่สุดจนใครก็หาไม่พบ”
หาญรับกล่องมา
“ไปกลางวันแสกๆ อย่างงี้เนี่ยะนะอาจารย์ คนนะไม่ใช่มด จะได้คลานเข้าบ้านได้ไม่มีคนเห็น”
ระหว่างหาญพูด หมอผีสมคิดคว้าท็อฟฟี่ 2 เม็ด มากำไว้ หลับตาท่องคาถา
“เกิดถูกจับได้ขึ้นมา ถูกกระทืบตายไม่ว่า ติดคุกนี่ดิ” กล้าบอก หมอผีสมคิดยื่นท็อฟฟี่ออกมา
“ฉันลงคาถาอำพรางตัวให้พวกแก ก่อนเข้าบ้าน เอาท็อฟฟี่ลงอาคมนี่มาอมไว้ทั้งสองคน แล้วแกจะสามารถเข้าไปที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่อมลูกอมไว้ จะไม่มีคนเห็นตัว”
“จริงอ้ะ”
หาญรีบรับมา แล้วตบหลังกล้า
“ไอ้กล้า เอ็งกล้าสงสัยในอิทธิ์ฤทธิ์อาจารย์สมคิดได้ไงวะ”
หมอผีสมคิดมองดุ ทั้งสองไหว้แต้ ยิ้มประจบ

เจ๊หญิงนอนอยู่บนเตียงมีสายน้ำเกลือ ไตรรัตน์และทุกคนอยู่เฝ้าดูอาการ หมอพยาบาลกำลังตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด
“ว่าไงครับหมอ ตรวจแล้วตรวจอีกอยู่ตั้งนาน รู้หรือยังครับว่าแม่ผมเป็นอะไร?”
“ชีพจรความดัน ออกซิเจนในเลือดก็ปกติ เอ็กซเรย์ก็แล้ว ทำเอ็มอาร์ไอก็แล้ว ก็ไม่พบอะไร สมองก็สมบูรณ์ทุกอย่าง”
“เฮ้ย หมอมั่วป่าวเนี่ยะ”
ณัฐเดชต้องรีบเตือน
“เฮ้ยไอ้ไตร ใจเย็นซีวะ”
“แกก็ดูซิ ถ้าไม่เป็นอะไร แล้วแม่ฉันจะอยู่ๆ เป็นลมล้มพับไปได้ยังไงกัน”

ที่บ้านเสี่ยจำเริญขณะนั้นเสาวภากำลังป้อนข้าวเสี่ยจำเริญ อาม่ายืนดูตบมือเชียร์ให้เสี่ยจำเริญอ้ำๆ เหมือนเชียร์เด็กสองขวบกินข้าว ที่หน้าบ้านกล้ากับหาญ เอาลูกอมใส่ปาก ฮึบ! แล้วเดินเข้ามาในบ้าน กล้ากับหาญหาที่ซ่อนของของหมอสมคิด พวกเสาวภา อาม่า มัวแต่ลุ้นเสี่ยจำเริญกินข้าวโดยไม่ไม่สนใจอะไร กล้ากับหาญรีบซ่อนของ

“เป็นไปได้ว่าแม่คุณคงจะพักผ่อนน้อยน่ะครับ ก็เลยเกิดอาการอ่อนเพลีย วูบไป”

หมอคุยกับไตรรัตน์
“ถ้าแค่อ่อนเพลียแล้ววูบจนป่านนี้ทำไมแม่ผมยังไม่รู้สึกตัวอีกล่ะครับ อย่างงี้มันไม่ปรกติแล้วหมอ”
“นายสงบสติก่อนได้ไหม๊ ตีโพยตีพายแล้วได้อะไร ให้หมอเค้าตรวจให้ละเอียดก่อนเถอะน่า”
ไตรรัตน์จำต้องหยุดเดินไปทิ้งตัวลงนั่งลงอย่างเครียด ระหว่างนั้นเนตรศิตางศุ์มองไปที่ร่างเจ๊หญิงที่นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง ทันใดนั้นก็เห็นภาพวิญญาณเจ๊หญิงเลือนรางซ้อนขึ้นบนตัวเจ๊หญิงกำลังดิ้นทุรนทุราย ร่างกายถูกมัดตราสังข์ โดยเฉพาะที่คอถูกพันเชือกไว้แน่น
“ห่ะ”
ภาพนั้นค่อยๆ ชัดขึ้นๆ เนตรศิตางศุ์ตกใจกลัวเดินถอยหลังไปหลังชนกับประตู แต่ไม่กล้าบอกใคร เนตรศิตางศุ์ตัดสินใจเปิดประตูผลุนผลันออกจากห้องไป
“อ้าว เนตรจะไปไหนน่ะ?”
ทุกคนแปลกใจหันมองตาม

ณัฐเดชเดินออกมาตามหาเนตรสิตางศุ์
“หายตัวไปไหนซะแล้วยัยน้องหนู” ณัฐเดชเดินมองหา พลางกดมือถือโทรหา แต่ไม่มีสัญญาณ “สัญญาณห่วยจริงๆ เลย”
สุพิชชาเดินคุยกับเหล่าผู้บริหารโรงพยาบาลมา เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลของพ่อสุพิชชา
“เป็นอันว่าการประชุมบอร์ดบริหารของโรงพยาบาลคราวหน้า เราจะต้องสรุปทุกอย่างให้จบให้ได้นะคะ”
“ยังไงๆ เราก็ต้องขอให้คุณสุพิชชามาทำหน้าที่แทนคุณหมอใหญ่ให้ได้”
“โธ่ พีชจะทำได้ยังไง พีชยังอาวุโสไม่พอ แล้วพีชก็ไม่ได้เป็นหมอด้วย”
“ตำแหน่งนี้ไม่ได้ต้องการคนที่เป็นแพทย์นะครับ”
“พีชไม่เถียงละ พีชขี้เกียจทะเลาะกับผู้ใหญ่ ขอโทษนะคะ พีชคงต้องขอตัว”
สุพิชชากล่าวล่ำลา แล้วเดินแยกตัวมาแต่ต้องตะลึงเมื่อมองมาเห็นณัฐเดชเข้าโดยไม่คาดฝันอีกครั้ง สุพิชชารีบหลบเข้ายืนแนบเสาข้างๆ
“พี่ณัฐอีกแล้ว อะไรกันเนี่ย อยู่ๆ วันนี้ดันบังเอิญเจอตั้งสองครั้งหรือว่า...”
สุพิชชายิ้มมีแผนร้ายเกิดขึ้นในหัวสมอง เธอจะช่วงชิงหมอวรวรรธกลับคืนมาให้ได้ด้วยการใช้ณัฐเดช สุพิชชาแอบมองไปเห็นณัฐเดชเดินเข้ามาใกล้ สุพิชชาเลยเดินออกจากที่ซ่อน ทำเป็นเดินผ่านหน้าณัฐเดชไปโดยไม่เห็นเขา
ณัฐเดชหยุดยืนตะลึงงันทันทีที่เห็นสุพิชชาเดินผ่านหน้าเขาไป หลายปีมาแล้วที่เขาไม่เจอหน้าเธอ แต่ไม่เคยลืมเธอเลย
“พีช”
ณัฐเดชรีบก้าวตามไป

ณัฐเดชเดินตามหาสุพิชชาไปทั่วราวกับตามหาหัวใจที่หายไป
“อุ้ย!”
เสียงข้าวของตกพร้อมเสียงร้องของสุพิชชาดังขึ้น ณัฐเดชรีบหันวิ่งไปทันที แล้วเขาก็เห็นสุพิชชาที่ทำเป็นเดินสะดุดบันไดล้มอยู่พร้อมกระเป๋าและแฟ้มเอกสาร ณัฐเดชรีบเข้าพยุง
“เป็นอะไรมากรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะ แย่จัง พีชซุ่มซ่ามจริงๆ” สุพิชชาทำเป็นเงยหน้าขึ้นมอง แล้วตกใจเมื่อเห็นเป็นณัฐเดช “พี่ณัฐ! พี่ณัฐจริงๆ เหรอคะเนี่ยะ”
“จริงสิ...หรือพีชนึกว่าพี่ตายไปแล้ว”
ณัฐเดชพูดประชดอย่างช้ำๆ พลางหยิบกระเป๋าแฟ้มเอกสารส่งให้
“ทำไมพี่ณัฐพูดอย่างงั้นล่ะค่ะ”
ณัฐเดชยิ้มขมขื่น
“หึ เราสองคน ก็เหมือนตายจากกันไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่เหรอ”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของพีช พีชไม่ดีเองที่ทำร้ายจิตใจพี่ พีชขอโทษค่ะพี่ณัฐ” สุพิชชากราบที่อก ณัฐเดชมองมือสุพิชชาที่แนบอกตน หัวใจหวั่นไหวอีกครั้ง
เนตรสิตางศุ์เดินกลับมาพร้อมน้ำดื่มในขวดหลังจากไปสงบสติอารมณ์ ชะงักแปลกใจเห็นณัฐเดชยืนอยู่กับสุพิชชาโดยสุพิชชาจับแขนณัฐเดชอยู่ ณัฐเดชจับไหล่สุพิชชาออกห่าง
“แล้วตอนนี้พีชกับไอ้หมอเอ่อ”
ณัฐเดชจะถาม แต่เนตรศิตางศุ์เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“เอ๊ะ พี่ณัฐ คุณ”
สุพิชชาหันมามอง ปล่อยมือจากณัฐเดช ทำเป็นพูดเหมือนไม่เคยรู้จักเนตรศิตางศุ์
“เอ๊ะ นี่คือ แฟนพี่ณัฐเหรอคะเนี่ยะ”
“แฟนอะไร นี่ยัยเนตร น้องหนู น้องสาวคนเดียวของพี่ น้องหนูจ๋า นี่สุพิชชา คนที่พี่เคย”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเนตร เรียกฉันสั้นๆ ว่าพีชก็ได้ค่ะ”
“สวัสดีคุณพีช...”
เนตรศิตางศุ์พูดไม่ทันจบ สุพิชชาก็แสดงอาการไม่ใส่ใจฟังด้วยการหันไปพูดกับณัฐเดช
“หมอตาหนูเค้าเคยสนิทกับพี่มาก ไม่เห็นเคยบอกพีชเลยว่าพี่มีน้องสาว”
ทำเอาณัฐเดชฉุน
“แล้วทำไมพี่ต้องให้แฟนพีชมารู้จักกับน้องสาวพี่ด้วย”
ณัฐเดชพูดพลางโอบไหล่เนตรศิตางศุ์แสดงอาการหวง เนตรศิตางศุ์มองหน้าสุพิชชา หน้าตื่น ตาโต
สุพิชชามองตอบ นิ่งคิดนึกย้อนไปตอนที่เห็นหมอวรวรรธลงจากรถ เดินมองซ้ายมองขวาไปที่ประตูรั้ว เห็นประตูรั้วเปิดอยู่ ค่อยๆโผล่หน้ามองไปเห็นเนตรศิตางศุ์กำลังเดินออกมาจากบ้านมาขึ้นรถ หมอวรวรรธยิ้มดีใจมาก ก้าวเข้าไปจะเรียกแต่แล้วหมอวรวรรรธต้องชะงักรีบถอยหลังกลับหลบวืด เมื่อเห็นณัฐเดชเดินตามออกมาจากบ้าน
สุพิชชายิ้มในหน้ารู้แล้วว่าหมอวรวรรธกับเนตรศิตางศุ์แอบคบกันโดยที่ณัฐเดชไม่เห็นด้วย
“พีชก็ถามไปอย่างงั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ท่าทางพี่ณัฐจะหวงน้องสาวมากเลยนะคะ เอาเป็นว่าหมอตาหนู ไม่รู้จักน้องหนูของพี่ณัฐ ก็แล้วกันนะคะ”
สุพิชชาพูดพลางแอบมองตาเนตรศิตางศุ์ที่ยืนหน้าซีดสนิท จ๋อยเจื่อนสุดๆ สุพิชชาเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรออกมายื่นให้ณัฐเดช
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของคุณพ่อพีชค่ะ ถ้าพี่ณัฐมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะคะพี่ณัฐ พีชมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ”

“ครับ”

ณัฐเดชตอบตาเป็นประกาย สุพิชชาเหลือบมองตาเนตรศิตางศุ์ก่อนหันเดินจากไป ณัฐเดชถือนามบัตรยืนมองสุพิชชาค้าง เนตรศิตางศุ์มองณัฐเดช แล้วยื่นมือไปโบกที่หน้า

“...พี่ณัฐ ผู้หญิงคนนี้...คือ...”
“สุพิชชา เธอเป็นคนที่พี่รัก แต่ถูกโจรมันปล้นไป”
“โจร”
“โจรปล้นใจไง ไอ้หมอตาหนู”
“อ๋อ ผู้หญิงคนนี้เองเหรอคะ ที่ทำให้พี่กับหมอวรวรรธต้องผิดใจกันมาจนถึงทุกวันนี้”
ณัฐเดชไม่ตอบเพราะกำลังก้มลงมองนามบัตรราวกับเป็นของมีค่ามากมาย

ขณะเดียวกันในห้องพักฟื้นเจ๊หญิง เจ๊หญิงกำลังอาละวาดหลังจากลืมตารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ไตรรัตน์ สุคนธรสและพยาบาลช่วยกันจับตัวไว้
“มาจับฉันไว้ทำไม ปล่อยฉันจะไป”
“จะไปไหนครับแม่ แม่ยังไม่หายดี นอนพักก่อน”
“ฉันไม่นอน นอนไม่ได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ปล่อย”
ณัฐเดชกับเนตรสิตางศุ์ได้ยินเสียงเอะอะรีบเปิดประตูเข้ามาดูกล้วตกใจ ณัฐเดชรีบเข้ามาช่วยจับ
“คุณแม่ๆ ใจเย็นๆ สิครับ”
“ปล่อยแม่เถอะตาไตร ให้แม่ไป แม่ขอร้องนะลูกนะ ให้แม่ไป”
เนตรสิตางศุ์รีบดึงสุคนธรสผละออกมาคุยกันอย่างสยอง
“ฉันมองเห็นวิญญานเจ๊หญิงถูกมัดตราสังข์ ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง ที่คอถูกมัดด้วยเชือกไว้แน่น น่ากลัวมาก”
“เฮ้ย แกจะเห็นวิญญาณเจ๊หญิงได้ไง ก็เจ๊แกยังไม่ตาย”
“นั่นน่ะซี ฉันถึงตกใจแทบช็อค ต้องออกไปสงบสติอารมณ์ แต่ฉันเห็นจริงๆ นะแกไม่ได้ตาฝาด”
ทำเอาสุคนธรสถึงกับเครียด ขณะที่เจ๊หญิงแผลงฤทธิ์มากขึ้น มีแรงผลักมาจากไหนไม่รู้
“ฉันบอกให้ปล่อย ไอ้เด็กบ้า”
ทั้งไตรรัตน์และณัฐเดชกระเด็นผงะออกล้มระเนระนาดอยู่ข้างเตียง สองสาวตกใจอ้าปากค้าง
“เหว๋อ”
เจ๊หญิงจัดการดึงสายน้ำเกลือออกลงจากเตียง สองหนุ่มรีบถลาลุกมาคว้าตัวไว้อีก
“มะๆ แม่ ใจเย็นๆ ก่อนจะไปไหน”
“ฉันจะไปหาหมอสมคิด ไปให้อาจารย์ช่วย เตี่ยแกมีอันเป็นไปคนนึงแล้ว ต่อไปก็ถึงทีพวกเรา พวกเราต้องตายกันหมดแน่ๆ ฮือๆฉันจะไปให้อาจารย์ช่วย ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาอาจารย์ อาจารย์ช่วยฉันด้วย อาจารย์ขา อาจารย์ผู้เลิศเลอสูงส่งเทพสุดๆ ของพวกเรา”
เจ๊หญิง ร้องไห้ฟูมฟาย
“เฮ้ย แม่ฉันฟุ้งซ่านไปกันใหญ่แล้ว หมออยู่ไหนวะเนี่ย หมอๆๆ ทำอะไรกันอยู่”
หมอกับพยาบาลรีบวิ่งกันเข้ามาพร้อมยาฉีด
“ช่วยกันจับหน่อยนะครับ ผมจะฉีดแวเลี่ยมให้”
ทุกคนช่วยกันจับ เจ๊หญิงดิ้นแรงเยอะมาก แทบเอาไม่อยู่
“ปล่อยฉัน ไอ้พวกบ้า ปล่อย”
“เหวอ ทำไมแรงเยอะอย่างนี้”
หมอฉีดเสร็จ เจ๊หญิงค่อยๆ สงบลงอ่อนแรงไป ทุกคนนั่งเหนื่อยหอบ ไตรรัตน์เข้าไปกอดเจ๊หญิงไว้
“แม่ แม่ครับ”
เจ๊หญิงค่อยๆ หลับลง
“พาขึ้นนอนบนเตียงเถอะค่ะ” สุคนธรสบอก
ไตรรัตน์อุ้มเจ๊หญิงพากลับขึ้นมานอนบนเตียงอย่างเดิม หมอพยาบาลจัดการเสียบน้ำเกลือให้อย่างเดิม ไตรรัตน์ยืนมองแม่อย่างเป็นห่วง สุคนธรสยื่นมือไปจับไหล่เขาให้กำลังใจ

หาญกับกล้ากลับเข้าห้องประกอบพิธี
“เป็นไง?”
หมอผีสมคิดถาม
“เชื่อมือพวกเราเถอะอาจารย์”
“อย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้หมาจมูกดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันขุดหาพบว่ามันฝังอยู่ที่ไหน”
หมอผีสมคิดถูกใจหยิบขนอีกาขึ้นมาไล้ผ่านจมูก ซืดสูดกลิ่น
“หึๆ ไม่พ้นวัน 2 วันนี้แหละ ถ้าเจ๊หญิงไม่มาเห็นหน้าฉัน มันจะต้องลงแดงกระอักเลือดตาย ฮึ่ม”
“ใช่ มีคนกำลังจะกระอักเลือดตาย ฮ่ะๆ”
หมอผีสมคิด หาญ กล้าหันไปมองที่ประตู เห็นประตูเปิดออกเองเหมือนผีผลัก กำนันพงษ์ก้าวเข้ามาพร้อมกับสน

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านพักติณห์ ติณห์ปัดข้าวของบนโต๊ะกระจาย
“เพนนี เพนนี...”
ติณห์ซูบหมองคล้ำมีอาการคล้ายคนลงแดง ยิ่งคิดถึงเพ็ญนภามากขึ้นทุกวันจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ติณห์ยันตัวลุกขึ้นเดินจะไปที่ประตู แต่มีอาการแน่นหน้าอก หายใจอึดอัด จนอยากจะอาเจียน ล้มฟุบลงมือจับหน้าอกอยู่ตรงนั้น
“โอ๊ะ! เพนนี...”
ขณะนั้นญาณินยืนถือแฟ้มเอกสารอยู่ สีหน้ายังโกรธเรื่องที่ติณห์มาต่อว่าเธอทำร้ายเพ็ญนภา ญาณินสูดหายใจเข้าแล้วบอกกับตัวเองว่า...
“ไม่เป็นไร...เราทำเพื่องาน” ญาณินเคาะประตู เรียกเสียงแข็งออกไป “คุณติณห์ค่ะ ฉันมาเบิกค่าวัสดุค่ะจะได้สั่งของให้ครบๆ ซะที” ไม่มีเสียงตอบ ญาณินเคาะอีก “คุณติณห์ค่ะ ฉันไม่มีเวลามากนักนะ คุณเล่นเก็บตัวอยู่แต่ในห้องแบบนี้ คนอื่นจะทำงานได้ยังไงกัน คุณติณห์คะ”
เงียบ! ญาณินชักเอะใจ เลยตัดสินใจบิดลูกบิด...เปิดประตูเข้าไปช้าๆ เห็นติณห์นั่งฟุบอยู่ที่พื้นกลางห้อง
“คุณติณห์! เป็นอะไรไปคะ?”
ญาณินตกใจ รีบถลาเข้าไปจับไหล่ติณห์ด้วยความเป็นห่วง ติณห์ดีใจนึกว่าเป็นเพ็ญนภาโผกอดญาณินแน่นทันทีโดยไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น
“เพนนี! ทำไมคุณเพิ่งมา ผมคิดถึงคุณมากรู้ไหม๊ ผมไม่ยอมให้คุณอยู่ห่างผมอีกแล้ว คุณต้องอยู่กับผมตลอดไป”
สีหน้าญาณินช้ำใจสุดๆ
“เสียใจ! ฉันคงอยู่กับคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่คุณเพนนี”
“ฮะ” ติณห์ดึงไหล่ญาณินออก ดูหน้า “เธอ!” ติณห์ผละถอยห่างจากญาณิน “เข้ามาหาผมทำไม ออกไป”
“ไม่ต้องมาไล่หรอก ที่ฉันยังอยู่ที่นี่ก็เพราะเรื่องงาน เสร็จงานเมื่อไหร่ คุณไม่มีวันได้เจอหน้าฉันสมใจแน่” ญาณินหยิบแฟ้มเอกสารส่งให้ “อ่ะนี่! ช่วยดูแล้วก็จ่ายเช็คมาซะ”

ติณห์ปัดเอกสารร่วง ลุกหนี

“ผมไม่ดู ไม่มีอารมณ์”

“ฉันรู้ ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอารมณ์รัก แต่ช่วยรับผิดชอบเรื่องงานหน่อยได้ไหม๊ค่ะ ทั้งไซต์งานกำลังรอเงินคุณอยู่นะ”
“เงินๆ คุณทำดีกะผม ก็เพื่อสิ่งเดียวนี่แหละ เงินๆ ผมบอกแล้วว่าผมไม่ดู”
“เอะอะโวยวายอะไรกันค๊าติณห์ขา เดี๋ยวเพนนีดูให้ก็ได้ค่ะ”
ติณห์ดีใจหันไปมอง เห็นเพ็ญนภาเดินถอดแว่นกันแดดเข้ามาในห้อง ติณห์ลุกถลาเข้าไปกอดเพ็ญนภา
“เพนนี! นี่คุณจริงๆ ใช่มั้ย มายสวีตฮาร์ท ผมคิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว”
“โอ๊ะ! กอดเบาๆ ซีคะดาร์ลิ่งค์ เพนนีจะเละคาอกอุ่นๆ ของคุณอยู่แล้วนะ ฮิๆ”
เพ็ญนภาพูดพลางมองเยาะเย้ยไปที่ญาณิน ญาณินเฮิร์ทมากกลั้นน้ำตาก้มลงเก็บแฟ้มเอกสาร

สำนักหมอผีสมคิด กำนันพงษ์กำลังบอกกับหมอผีสมคิด
“เสน่ห์ที่หมอทำให้แม่เพนนีได้ผลดีเกิดคาด ตอนนี้นายติณห์หลงแม่นั่นจนโงหัวไม่ขึ้น วันๆ เรียกหาแต่แม่นั้นจนไม่เป็นอันทำอะไร หึๆ มนุษย์กับราคะ รู้ยังงี้น่าจะใช้แผนนี้มาตั้งนานแล้วไม่ต้องส่งผีไปก่อกวนให้ยุ่งยาก”
“แค่เรื่องนี้คงไม่ทำให้กำนันพงษ์มาหาฉันถึงที่สำนักได้ล่ะมั๊ง ต้องมีอะไรที่มันสำคัญกว่านี้แน่ๆ ฉันเดาถูกไหม๊”
กำนันพงษ์หันมายิ้มร้าย
“ก็ยิ่งนายติณห์คลั่งไคล้แม่เพนนีแบบนี้ ไม่ช้านี่แหละต้องถูกแม่นั่นเป่าหูให้ขายที่ดินให้เสี่ยปิงแน่ๆ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ฉันต้องรีบหาของสำคัญในที่ดินของนายติณห์ให้พบเสียก่อน”
หมอผีสมคิดเลิกคิ้ว ใจอยากรู้
“กำนันจะให้ฉันช่วยหาของให้เหรอ ของสำคัญอะไรล่ะ กำนันถึงร้อนใจนัก?”
กำนันพงษ์ไม่อยากให้หมอผีสมคิดรู้เรื่องทอง
“ไม่ต้อง! แค่คืนของขลังที่หมอเคยยืมฉันไปมาก็พอ”
“ฉันยืมไป อ๋อ...”
หมอผีสมคิดเดินไปเปิดตู้เหล็ก หาญกับกล้ามองตามอย่างแปลกใจ กระซิบคุยกัน
“ระดับอาจารย์เรามียืมของขลังจากกำนันคนนี้ด้วยเหรอวะ”
“ก็นั่นน่ะดิ ไอ้กำนันคนนี้ ดูๆ มันก็แค่ไอ้บ้านนอกธรรมดาๆ แต่ว่ ทำไม”
หมอผีสมคิดหยิบกล่องโบราณใบหนึ่งออกมา เดินมายื่นให้กำนันพงษ์
“ของชิ้นนี้ ใครๆ ก็มีได้ แต่ของกำนันนี่ ปลุกเสกมีฤทธิ์มากเหลือเกิน”
“หึๆ ก็แน่ล่ะ มันเป็นของตกทอดมาจากอาจารย์ฉัน ในโลกนี้ มีไม่กี่ตัวเท่านั้น”
กำนันพงษ์พูดพลางเปิดกล่องออกดู ภายในกล่องเป็นหุ่นฟางตัวเล็กๆ มัดเป็นรูปคน หัวเป็นดินปั้นกลมๆ กางแขน กางขา นุ่งผ้าแดง ไม่ใส่เสื้อ หาญกับกล้าชะเง้อมอง
“นี่มัน หุ่นไล่กา หรือว่าอะไรวะ”

เพ็ญนภานั่งเปิดแฟ้มดูเอกสารแทนติณห์ ขณะที่ติณห์นั่งโอบไหล่ตัวติดเพ็ญนภาไม่ห่าง ญาณินอดทนนั่งทำใจเย็นรอ ทั้งๆ ที่แทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว
“อย่าหาว่าฉันเสียมารยาทเลยนะคะ คุณติณห์เป็นผู้ว่าจ้างฉัน ฉันให้คุณติณห์ดูนะคะไม่ใช่คุณ”
“แต่ติณห์ให้ฉันเป็นคนตัดสิน ใช่ไหม๊ค่ะดาร์ลิ่งค์ขา?”
หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกายืนกอดอกปรากฏขึ้นเคียงขนาบข้างญาณิน มองติณห์อย่างหัวเสีย
“ชัวร์ Up to you…เพนนีว่ายังไง ผมก็เห็นด้วยทุกอย่างเลยจ้ะ”
“ไง? ได้ยินชัดไหม๊ย่ะหล่อน”
“คุณติณห์คะ ช่วยแบ่งแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวหน่อย”
เพ็ญนภาโยนแฟ้มลงบนโต๊ะทันที
“ไม่ผ่าน! ค่าวัสดุที่เสนอราคามา แพงเว่อร์ไป บวกกำไรไปกี่เท่าตัวล่ะ”
“คุณว่าฉันโกงเหรอ”
“ต๊ายตาย ดูสิคะติณห์ ร้อนตัวแบบนี้ ไม่โกงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วอ่ะ”
“เธอ...”
ญาณินลุกขึ้นยืน หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริการีบปรี่เข้ามายืนขวางหน้ายกมือห้ามญาณิน
“อภิโธ่...อภิธัง ข่มใจไว้แม่หนูญาณิน ใช้สติเข้าสู้นะหนู อย่าใช้อารมณ์”
“ยัยปากแดงกำลังยั่วให้เจ๊จีจ้าโกรธนะคะ อย่าหลงกล”
แต่ญาณินไม่รับรู้สิ่งที่วิญญาณพยายามสื่อสาร เพ็ญนภาลุกขึ้นยืนยั่ว
“ทำไมยะ”
“พวกคุณนั่นแหละขี้โกง ต่อหน้าทำเป็นตีหน้าซื่อปากหวานพูดดี แต่เป้าหมายก็คือทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้รีสอร์ทนี้สร้างได้สำเร็จใช่ไหม คุณติณห์จะได้ขายที่ตรงนี้ทิ้ง แล้วพวกคุณจะได้ซื้อไปเป็นของตัวเอง โจรมันยังทำตัวให้เห็นว่าเป็นโจร แต่พวกคุณมันตีสองหน้าชั่วร้ายยิ่งกว่าโจรซะอีก”
“อ๊าย! ฟังซีคะติณห์ ลูกจ้างของคุณกำลังใส่ร้ายเพนนี ต่ำ เถื่อนที่สุด ฮือๆ”
เพ็ญนภาทำเป็นแพ้ เถียงสู้ไม่ได้ คว้ากระเป๋าวิ่งร้องไห้ออกไป
“เพนนี” ติณห์หันมาโวยญาณิน “เธอทำบ้าอะไรของเธอห่ะ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ไปว่าเพนนีสุดที่รักของชั้นแบบนั้น ยัยแม่มดเอ้ย” แล้วติณห์เดินกระแทกไหล่ญาณินตามเพ็ญนภาออกไป “เพนนี…ฮันนี้... Hold on”
ญาณินยืนช้ำใจ
“หึ ยัยแม่มดเหรอ” หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกายืนเซ็ง
“โธ่ถัง จนได้เห็นไหม ทำไมหนูไม่ฟังที่ฉันเตือนห่ะหนูญาณิน หนูญาณิน เฮ้ย”
หลวงพิชัยภักดีพยายามโบกไม้โบกมือเรียกแต่ญาณินเฉย
“เจ๊จีจ้าของหนูเป็นไรไปแล้วคุณตา สื่อสารอะไรไม่ได้ยินเลยอ่ะ”

เพ็ญนภาทำเป็นเดินร้องห่มร้องไห้จะมาขึ้นรถ ติณห์วิ่งไล่ตามออกมาท่ามกลางสายตาป้าอรวรรณ ทนายสมชาติ พวกคนงาน ที่อยู่กันข้างนอก
“เพนนี อย่าไปนะ พลีสคัมแบ็คทูมี”
“ไม่ต้องมาห้าม เพนนีจะไป เพนนีจะไป...”
“อะไรกันอีกน่ะ อุ้ยตาเถร ไล่จับกันยังกะหนังอินเดีย”
ติณห์เข้ามาคว้าแขนเพ็ญนภาไว้
“noเพนนี คุณไปไหนไม่ได้นะ ผมไม่ให้คุณไป no…no…”
ติณห์กอดเพ็ญนภาไว้อย่างหลงใหลแทบขาดใจ เพ็ญนภายิ่งทำเยอะ
“Let’s me go! จะให้เพนนีอยู่ได้ยังไงคะ แม่ลูกจ้างของคุณจิกหัวด่าเพนนีฉอดๆๆ แต่คุณก็นิ่งดูดายอยู่ได้ ไม่ทำอะไรเลย”
“I’m sorry so sorryยูอย่าไปนะดาร์ลิงค์ stay with me”
ญาณินเดินตามออกมา ป้าอรวรรณกับทนายสมชาติรีบเข้ามาถาม
“มีเรื่องกันอีกแล้วครับคุณญาณิน”
ติณห์หันขวับมาเล่นงานญาณินทันที
“เฮ้ยู มาขอโทษเพนนีเดี๋ยวนี้”
“ว่าไงนะ”
“ยังจะทำไม่รู้เรื่องอีก คุณล่วงเกินแฟนผม คุณต้องมาขอโทษเพนนีเดี๋ยวนี้ now”
“ฝันไปเถอะ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไร ฉันพูดเรื่องจริง ถ้าแฟนจอมสตรอเบอรี่ของคุณรับฟังไม่ได้ ทีหลังก็อย่าเสนอตัวมายุ่งเรื่องงานฉันอีก”
“ว้าย ฟังซีคะติณห์ มันด่าเพนนีอีกแล้ว เพนนีไม่ยอมๆ”
“ยูมีปัญหามากนักใช่ไหม มาเซซอรี่ทูมายดาร์ลิ่งเพนนีนาว ไม่งั้นไอจะเปลี่ยนตัวผู้รับเหมาซะ”
ญาณินตะลึงมองติณห์ค้างอย่างเสียใจ เพ็ญนภาเกาะแขนติณห์มองอย่างเยาะเย้ย
“คุณไม่ต้องมาขู่ฉัน ยังไงฉันก็ไม่มีวันจะขอโทษแฟนคุณ ถ้าคุณจะทำอะไรก็ทำเลย”
“อ๋อ คุณท้าผมเหรอ ท้าผมเหรอ โอเค งั้นผมจะ”

ติณห์ชี้ ทนายสมชาติรีบเข้าขวางจับนิ้วที่ชี้ของติณห์หุบไว้

อ่านต่อหน้า 4

The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 

“อย่าครับคุณติณห์ เก็บนิ้วไว้จิ้มอย่างอื่นดีกว่า วู่วามไปมันจะพังกันหมดนะครับ”

“ปล่อย! คู้ณสมชาติมากุดนิ้วไอทำมาย พังก็พังเซ่ ไอไม่แคร์อะไรทั้งนั้นนอกจากเพนนี ไอบอกให้ปล่อยนิ้วไอ”
“ไม่ปล่อย ในฐานะทนาย ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณตัดสินใจพลาดเด็ดขาด”
“ไอ้ทนายบ้า ปล่อยมือติณห์ซียะ ปล่อย”
“อะไรกัน อะไรกั๊น เอะอะโวยวายดังไปถึงรีสอร์ทโน่น” เปรมเดินยียวนเข้ามา
“ค่อยๆ พูดค่อยๆ จาซีครับคุณน้องเขย ยังไงๆ คุณญาณินก็เป็นผู้หญิง ถึงจะทำอะไรผิดพลาดไป ก็อย่ารุนแรงไป เอางี้เดี๋ยวไอ้เปรมมันจะช่วยพูดทำความเข้าใจกับคุณญาณินให้เองนะ คุณญาณินจะได้เลิกมีอคติกับเพนนีน้องสาวที่แสนดีของไอ้เปรมมันเสียที” เปรมเดินเข้ามาจับแขนญาณิน
“ไปเถอะครับ เราไปหาที่เงียบๆ คุยปรับความเข้าใจกันดีกว่า”
“เอามือสกปรกๆ ของนายออกจากมือฉันเดี๋ยวนี้นะ ออกไป” ญาณินสะบัดมือออกแต่เปรมกระชากกลับ
“อี๋ อย่าเล่นตัวนักเลยน่า ไม่น่ารักเลย”
ป้าอรวรรณถลาเข้ามา
“ปล่อยคุณหนูฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้กักขฬะ”
“ถอยไปอีแก่”
“ว้าย”
เปรมผลักป้าอรวรรณเซไป ทนายสมชาติรับตัวไว้ได้
“ทำยังงี้ มันมากไปแล้วนะคุณเปรม”
“แล้วจะทำไม ใครจะขวางไอ้เปรมมันวะ ฮ่ะๆ ไปกันเถอะจ้ะคนสวยของไอ้เปรมมัน”
“ฉันไม่ไปกับนาย ปล่อยฉันนะ”
ติณห์ไม่ทำอะไรเพราะเพ็ญนภาห้ามไว้ พวกคนงานเห็นอย่างนั้นเลยเข้ามาขวาง
“ปล่อยคุณญาณินเถอะครับ”
“แส่นักมึง”
เปรมเงื้อหมัดต่อยคนงานคนหนึ่งหน้าหัน เงื้อจะถีบอีกดอก คนงานีอกคนเข้ามาเตะปัดขาขวาง เปรมเลยเสยหลังมือตบเข้าให้ คนงานเลยเข้ามาช่วยเพื่อน ตุ้ยท้องเปรม เปรมปล่อยมือญาณิน ต่อยสวน เจอถีบกลับเซหงายหลัง คนงานีอกคนอยู่ด้านหลังเลยล็อค
“ว้าย พวกมันรุมพี่เปรม ไอ้พวกหมาหมู่ ช่วยด้วยค่ะติณห์ ช่วยพี่เปรมด้วย” เพ็ญนภาร้องโวยวาย
“เฮ้ย นายสองคนหยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุด Stop” คนงานทั้งสองหยุด มองมาที่ติณห์ ติณห์เดินเข้ามาผลักอกคนงานทั้งสองคนถอยห่างจากเปรม แล้วชี้หน้าทีละคน “ยู ยู ไอไล่พวกยูออก” ญาณิน ป้าอรวรรณ ทนายสมชาติอ้าปากค้าง
“ยืนอยู่ทำไม ไอบอกให้ออกไป Get out”
คนงานทั้งสองคนไม่ตอบโต้ หันเดินหัวเสียผละไป ญาณินเดินเข้าไปหาติณห์
“คุณติณห์คะ คุณก็เห็นว่าสองคนนั่นไม่ผิด คุณไปไล่เค้าออกทำไมคะ”
ทนายสมชาติกลัวญาณินจะถูกไล่ออกอีกคน เลยรีบดึงญาณินกับป้าอีวรรณหลบไปเสียก่อน
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยครับคุณญาณิน ผมขอเถอะครับกลับไปที่พักของคุณก่อน คุณป้าออด้วยครับ wปซีครับ เชื่อผมซี ไปเถอะครับ”
ทนายสมชาติดึงญาณินกับป้าอรวรรณหลบไป
“โถๆ เจ็บมากไหมคะพี่เปรม หึ ไอ้พวกอันธพาล เห็นไหมติณห์ว่าคุณจ้างคนผิดมาทำงาน”
เพ็ญนภายิ้มสะใจแอบขยิบตากับเปรม

ที่ในเรือนรับรอง ทนายสมชาติกำลังยื้อยุดกระเป๋าเสื้อผ้ากับป้าอรวรรณที่เก็บข้าวของจะพาญาณินกลับกรุงเทพให้ได้ โดยมีหลวงพิชัยภักดีคอยเอาใจช่วยทนายสมชาติอีกที กุมาริกายืนเชียร์สนุกเหมือนดูคนแข่งชักคะเย่อกัน
“อย่ากลับเลยครับคุณออ”
“ฉันจะกลับ”
“แต่ผมไม่ให้กลับ”
ญาณินนั่งกุมขมับเซ็ง
“ฉันจะกลับๆ”
“ผมไม่ให้กลับๆ”
“ว้าย!”
มือป้าอรวรรณหลุดจากกระเป๋าหงายผึ่ง ทนายสมชาติรีบเข้ามาดู
“ฮะ ป้าออ ผมขอโทษ เจ็บตรงไหนบ้างครับ?”
“อี๋ ตัวน่ะไม่เจ็บหรอก แต่มันเจ็บใจเข้าใจไหมคะ เจ้านายคุณทำกับคุณหนูของฉันยังงี้ได้ไง คุณญาณินทุ่มเททั้งตัวทำงาน ทุ่มเททั้งใจช่วยเหลือคุณติณห์ทุกอย่าง แล้วดูเค้าทำกับคุณหนูสิ ไม่เห็นค่ากันเลย อารมณ์จะหลงผู้หญิงขึ้นมาก็ทำตัวเป็นลิงปิดหูปิดตา เชื่อเค้าทุกอย่างเสียอย่างงั้น เสียแรงที่เกิดในตระกูลผู้ดีเป็นถึงหลานคุณหลวง เชอะ”
ป้าอรวรรณตวัดเสียงเข้าหน้าหลวงพิชัยภักดีพอดี
“เย้ย หลานมันไม่ดี เกี่ยวไรกับฉันวะเนี่ยะ”
“ยังงี้ เค้าเรียกว่าด่าถึงบรรพบุรุษนะคุณตา ฮิๆ”
“กลับค่ะคุณหนู กลับกรุงเทพ อย่าอยู่ให้เค้าดูถูกดูแคลนรังแกกันอีกเลย”
“ใช่ กลับดีกว่า”
“ผมขอร้องล่ะครับคุณออ อดทนอีกนิ๊ดดดอย่าไปเลยตอนนี้รีสอร์ทสร้างคืบหน้าไปมากแล้ว อีกไม่นานก็เสร็จ ถ้าคุณญาณินทิ้งไปแบบนี้ คุณติณห์ต้องแย่แน่ๆ”
“ถูกต้องคุณทนาย”
“อย่ามาขอร้องเสียให้ยากเลย ฉันไม่”
“ผมเตรียมเช็คค่าแรงคุณญาณินงวดที่ 3 แล้วเรียบร้อยแล้ว นี่ไงครับ 5 แสน” ทนายสมชาติชิงพูดขึ้นมา
“เออ! นั่นแหละ ถูกใจจริง” หลวงพิชัยภักดีบอก
ทนายสมชาติรีบควักเช็คออกมาจากแฟ้มเอกสารที่ถืออยู่ ป้าอรวรรณหยุดชะงักทันที
“5แสน!” ป้าอรวรรณคว้าเช็คมาดู
“ 5แสนจริงๆ ด้วยคุณหนู เงินก้อนนี้แหละที่จะทำให้หนี้สินทุกอย่างในบริษัทซิกส์เซ็นส์ของเราหมดไปในชั่วพริบตา ฮี่ๆดีใจจริงๆ”
“แปลว่าคุณออจะไม่พาคุณญาณินกลับกรุงเทพแล้วใช่ไหมครับ ฮี่ๆ ดีใจจริงๆ”
“เอ่อ ไม่ได้! เงินไม่สำคัญกว่าคุณหนูของฉันหรอก คุณหนูคะ เราเอ่อ จะอยู่เพื่อ 5 แสนนี่ หรือว่าจะไปเอ่อ หางานใหม่เอาดาบหน้า”
“กลับกรุงเทพฯ สิเจ๊จีจ้า”

“ฉันจะอยู่เพื่องานค่ะป้า ถ้าเรื่องขี้หมูขี้หมาแค่นี้ทำให้ฉันทิ้งงานล่ะก็บริษัทของเราก็ไม่มีทางจะอยู่รอดได้หรอก”

หลวงพิชัยภักดีกระโดดตัวลอย กุมาริกายืนเซ็ง

“เยสๆ” ทนายสมชาติควงหมัดเต้นอย่างดีใจ “แม่หนูญาณินนี่ยอดหญิงจริงๆ เธอต้องอยู่ช่วยไอ้ติณห์มัน”
“เซ็งต่อมเลยเรา...”
“ฉันเหนื่อย ขออยู่คนเดียวสักพักได้ไหม๊คะ”
ทุกคนเงียบไป
“อึ๋ย! งั้นคุณออช่วยไปเซ็นรับเช็คกับผมข้างนอกนะครับ” ทนายสมชาติบอก
“เอ่อ ค่ะ”
ป้าอรวรรณมองญาณินอย่างเห็นใจ ญาณินฝืนยิ้มพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าไปเถอะ เธอไม่เป็นไร
พอป้าอรวรรณกับทนายสมชาติออกไป น้ำตาญาณินก็เอ่ออย่างอัดอั้นที่อดกลั้นมานาน
“คนทุเรศ...เดี๋ยวก็ดีกับฉัน เดี๋ยวก็ร้ายใส่ฉัน นายเห็นฉันเป็นที่รองรับอารมณ์ของนายหรือยังไง”
“ตอนนี้ที่ชั้นเป็นห่วงแม่หนูญาณินมากเพราะว่าเขาจิตใจอ่อนแอไม่อยู่ในสมาธิจนไม่ยอมสื่อกับวิญญาณได้อีกแล้ว เราจะช่วยหรือแนะนำอะไรไม่ได้เลย” หลวงพิชัยภักดีบ่นกับกุมาริกา
“แล้วยังงี้จะช่วยคุณติณห์ได้ยังไงกันล่ะ โธ่ อย่างนี้ที่เขาเรียกว่า รักทำให้ตาบอดใช่ไหมคุณหลวง”

วันต่อมาขณะที่ณัฐเดชกำลังนั่งทำงานอยู่นั้น ณัฐเดชก็นึกถึงนามบัตรของสุพิชชาที่ให้ไว้ขึ้นมาได้ ณัฐเดชจึงลุกขึ้นหยิบนามบัตรของสุพิชชาขึ้นมาดูแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
“ทั้งหมดเป็นความผิดของพีช พีชไม่ดีเองที่ทำร้ายจิตใจพี่ พีขอโทษค่ะพี่ณัฐ” สุพิชชากราบที่อก ณัฐเดชมองมือสุพิชชาที่แนบอกตน หัวใจหวั่นไหวอีกครั้ง
ณัฐเดชผ่อนลมหายใจเพื่อยับยั้งห้ามใจที่อยากจะโทรไปหาเธอเหลือเกิน ณัฐเดชหยิบมือถือขึ้นมาใจหนึ่งก็อยากกดโทรไป อีกใจก็พยายามห้ามใจตัวเองไว้ ตีกันวุ่นอยู่ภายใน จนเขาต้องโขกหัวตัวเองเบาๆ กับโต๊ะทำงาน แต่ในที่สุดความคิดถึงก็เป็นฝ่ายชนะ
“เอาวะ”
ณัฐเดชกดเบอร์โทรตามนามบัตร กดเบอร์เสร็จกำลังจะโทรออก โทรศัพท์ดังขึ้นก่อน ณัฐเดชสะดุ้งดูหน้าจอ แล้วรีบรับ
“ป้าออ ที่เมืองกาญจน์มีเรื่องอะไรรึปล่าว?”
“เอ่อ มีข่าวร้ายค่ะ”
“มีใครปองร้ายไอ้ติณห์ หรือญาณินอีกแล้วเหรอ?”
“ปองร้ายเหรอ หึ ป้าว่าตอนนี้เพื่อนของผู้กองคงไม่สนเรื่องนี้หรอกค่ะ เพราะกำลังมีความสุขสุดๆ กับคุณเพนนีอยู่”
“งั้นข่าวร้ายที่ว่า”
“อีกไม่นาน ป้าว่าคุณญาณินคงโดนไล่ออก แล้วบริษัทของเราก็คงตกงานเหมือนเดิมน่ะสิคะ”
“เฮ้ย! ไอ้ติณห์มันทำยังงี้ได้ไงครับป้า งานของบริษัทเราก็ดีออกไม่ใช่เหรอครับ”
“ผู้กองลองคุยกะเพื่อนผู้กองดูหน่อยไหมล่ะคะ เผื่อยังไงเขาจะเกรงใจผู้กองบ้าง แค่นี้นะคะ ป้ากลุ้มจริงๆ ไม่อยากบอกพวกสาวๆ ให้รู้ เดี๋ยวจะใจเสียกันไปหมด บายค่ะ”
“มันเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาวะ ยังงี้ต้องคุยกันหน่อย”
ณัฐเดชยกมือถือขึ้นมากด ลืมไปว่ากดเบอร์มือถือของสุพิชชาค้างไว้พอกดแล้ว เห็นสายกำลังหมุนไปเพิ่งนึกขึ้นได้
“เฮ้ยๆ”
จะกดทิ้งแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อมีเสียงหวานๆ พูดมา
“ฮัลโหล”
ณัฐเดชยืนทำอะไรไม่ถูก เกาหัว เดินไปเดินมา จะรับก็ไม่รับ
“ฮัลโหล ใครโทรมาคะ”
ณัฐเดชเลยจำต้องพูดด้วยอาการเขินๆ
“เอ่อ ฮัล ฮัลโหล โทษทีจ้ะ พี่กดเบอร์ผิดน่ะ”
สุพิชชากำลังเตรียมยาบนโต๊ะให้พ่อ ยิ้มพอใจจำได้เมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่าย
“พี่ณัฐรึเปล่าคะนั่น”
ณัฐเดชพยายามคุยเสียงเป็นการงาน
“พี่เองจ้ะ เอ่อ เสียงโทรศัพท์ของพี่ไปรบกวนเวลาทำงานของพีชรึปล่าว”
“ตกลงว่าพี่โทรผิด ไม่ได้ตั้งใจจะโทรหาพีชใช่ไหม๊คะ”
“เอ่อ พี่”
“งั้นแค่นี้นะคะ”
“เอ่อ ฮัลโหลๆ พีช...เดี๋ยว”
สุพิชชายิ้ม ทำน้ำเสียงใสซื่อ
“มีอะไรเหรอคะพี่ณัฐ?”
“เอ่อ คือพี่จะบอกว่านี่เบอร์มือถือพี่ เผื่อพีชต้องการความช่วยเหลืออะไร”
“ค่ะ คุณตำรวจ พีชจะเม็มเบอร์ไว้ แต่คงไม่ใช้ตอนฉุกเฉินอะไรหรอกนะคะ ไว้จะโทรไปขอเลี้ยงข้าวพี่สักมื้อน่ะค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ แล้วเจอกัน”
“จ้ะ แล้วเจอกัน”
สุพิชชากดวางสาย ใบหน้ากลับมาเฉยผิดกับน้ำเสียงที่พูดกับณัฐเดชไปเมื่อกี้ แววตามีแผนในใจ เธอจะใช้ณัฐเดชนี่แหละขัดขวางความรักระหว่างหมอวรวรรธกับเนตรศิตางศุ์
ผิดกับณัฐเดชที่ยังคงยืนมองมือถือด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจไม่หายราวหนุ่มน้อยที่พบรักอีกครั้ง ณัฐเดชพยายามตั้งสติ รวบรวมสมาธิไม่ให้เตลิด
“เอ๊ะ เรากำลังจะทำอะไรนะ เรากำลังจะๆ อ้อ ใช่ๆโทหาไอติณห์หน่อยดีกว่า” ณัฐเดชรีบกดโทรไปหาติณห์ “เฮ้ย! ไอ้ฝรั่งดอง จะใครซะอีก ก็ฉันนี่ไง ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก แกอยู่ไหน อ๋อ มาดินเนอร์ที่กรุงเทพเหรอ ดี เจอกันหน่อย”

ติณห์กำลังขับรถพลางพูดโทรศัพท์ด้วยบลูธูท
“มายสวีทฮาร์ท ผมจะไปรับคุณ ภายใน 5 นาทีนี้ล่ะจ้ะ”
เพ็ญนภาในชุดสวยพริ้ง ที่มีสมุนลากกระเป๋าใบเล็กตามออกมา
“โอเค ไอรออยู่ที่หน้าบ้านเลยนะ จะได้กระโดดขึ้นรถไปได้ทันที”
“โอเค ดาร์ลิง ดีมาก อย่าให้พี่ชายหรือเตี่ยยูมาลากไอไปคุยอีกนะ เสียเวลา ไออยากจะอยู่ตามลำพังกะยูสองคน ขี้เกียจพูดกะคนอื่น”
“ว้าว ใจร้อนจังเลย”
“ร้อนยังกะไฟร์เอ้อเลยล่ะจ้ะ อยากจะไปให้พ้นๆ จากที่นี่เต็มที ไอเป็นอะไรไม่รู้อยากจะหนีไปให้สุดขอบฟ้ากับยู มีเพียงกันและกัน...สองคนตลอดไป”
“ยูโซสวีท เร็วๆ เข้าสิจ๊ะ อย่ามัวแต่พูด”

“ได้เลย”

ติณห์กดปิดการติดต่อ ภายในรถนอกจากติณห์แล้วยังมีหลวงพิชัยภักดักับกุมาริกาที่นั่งในรถข้างหลัง

“ไหนๆ ติดต่อกะแม่หนูญาณินไม่ได้ เรามาทำอะไรซักอย่างตอนนี้เถอะ จังหวะเหมาะแล้ว”
“ได้เลย พี่ชาย” กุมาริกาทำมือโบกสะบัด “เดอะคาร์จงสต็อป เดอะคาร์จงสต็อป”
รถหยุดทันที
“เอ๊ะ ว้อทสอัพ? เฮ้ย” ติณห์พยายามสตาร์ทๆๆ แต่ไม่ติด จึงเปิดรถลงไปเปิดกระโปรงดู “หรือจะเป็นแบตเตอรี่...”
กุมาริกากับหลวงพิชัยภักดีแปะมือกัน

ญาณินกำลังขับรถจะออกจากรีสอร์ท ติณห์เดินมาเหงื่อตกมองหาตัวช่วย พอดีรถญาณินแล่นออกมาจากหน้าบ้านรีบวิ่งมาโบกมือดัก เรียกให้จอด ญาณินงงค่อยๆ เบรก จอดรถกดหน้าต่างเปิด ยื่นหน้าออกไป
“นี่ๆจะไปไหนน่ะ”
“ชั้นมีชื่อ อย่ามาเรียกว่า นี่ๆ”
“นั่นแหละ ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ เรียกคนมาช่วยหน่อย รถชั้นตาย”
“ชั้นไม่ว่าง จะรีบไปธุระ”
“ธุระอะไร จะมาสำคัญกว่าธุระของผม”
ญาณินเปิดรถลงมา
“จะไปธนาคาร เอาเช็ค 5 แสนไปเข้าให้บริษัทของชั้น ไง สำคัญพอมะ?”
“ฮะๆ นี่หรือเรื่องสำคัญของคุณ ผมจะไปดินเน่อร์กะคนที่ผมรัก รักมากๆ อะไรมันสำคัญยิ่งกว่า เข้าใจหรือเปล่า”
“เข้าใจค่ะ ไม่ต้องตอกย้ำ คนอย่างชั้น เข้าใจอะไรง่ายเสมอ”
“งั้นไปตามคนงานมา ใครซ่อมรถเป็นบ้าง เรียกมาด่วนเลย เร็วๆ เข้า”
“ไม่เรียก สมน้ำหน้าวะฮ่ะๆ” ญาณินหัวเราะแบบแกล้งๆ แล้วสะบัดหน้า เดินจะขึ้นรถ
“ไม่ให้ไป” ติณห์ฉุดไว้ไม่ยอมให้ญาณินไป
“อะไรเนี่ย ปล่อย”
“ไม่ งั้นคุณต้องไปส่งผม”
“ไปส่งคุณ ที่ริเวอร์มูนเนี่ยนะ เอามีดมาแทงกันดีกว่า”
“ทำไม คุณเจ็บปวดมากเหรอไงที่เห็นคนอื่นเขารักกัน ทำไมถึงเป็นคนนิสัยไม่ดี ขี้อิจฉาแบบนี้ หรือคิดจะเข้ามาเป็นมือที่ 3 แทรกกลางระหว่างความรักของผมกับเพนนี ขอบอกไว้เลยนะว่าผมรักเพนนีมาก ผมไม่มีวันมีกิ๊กหรอก ผู้ชายดีๆ ยังมีอีกถมไป คุณไปหาเอาข้างหน้าเถอะ หัวใจผม ไม่มีที่ว่างสำหรับคุณจริงๆ”
ญาณินหมดความอดทน กำหมัด แล้วชกโครม เข้าที่ปลายคางติณห์ ติณห์หงายหลังล้มไป กุมาริกาและหลวงพิชัยภักดีตกใจ
ทางด้านเพ็ญนภา เธอดูนาฬิกา ชะเง้อ ชะแง้รอติณห์ที่ยังไม่ยอมมาสักที

ติณห์นอนมึน ญาณินยืนก้มมามองรอดูอาการ
“ห้า- หก- เจ็ด- แปด- เก้า...”
กุมาริกานับแบบกรรมการมวย
“หลานตา ตัวใหญ่ ล้มดัง มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
ติณห์สะบัดหัว ตาลอยเคว้งคว้าง
“เป็นไง พ่อฝรั่งรูปหล่อ รู้จักมวยไทยดีขึ้นไหมล่ะ”
“หนูญาณิน สงสารหลานตาหน่อยเถอะ”
กุมาริกายื่นมือไปหน้าติณห์ชู 2 นิ้ว
“คุณติณห์ นี่กี่นิ้ว...”
ติณห์กระพริบตาถี่ๆ
“เพนนี จริงสิ ป่านนี้เพนนีคงรอผมแย่แล้ว”
“อ้อ เป็นอันว่าไม่เป็นไรมากใช่ไหม ดีแล้ว งั้นขอให้โชคดีสำลีแปะหัว แล้วอย่าคิดว่าจะมาดูถูกคนอย่างชั้นได้ง่ายๆ ไม่งั้น คราวหน้าจะเล่นให้ฟันหักเลย” ญาณินจะเดินหนีไป
ทันใดติณห์ยื่นขาไปขัดขา ญาณินเสียหลักล้มลงตะครุบกบป๊าบ ติณห์หัวเราะเหมือนคนเสียสติแล้วพลิกตัวมา คร่อมร่างญาณินไว้
“ไงล่า จะเล่นผมให้ฟันหักเหรอ ยัยผู้หญิงใจร้าย”
“คุณติณห์ คุณจะทำอะไร”
“อย่าดูถูกผมจนเกินไป อย่านึกว่าผมจะยอมให้ผู้หญิงรังแกเล่นง่ายๆ”
“ใครรังแกใครกันแน่”
“คุณมันแพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ ไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬาซะบ้าง พอผู้ชายเค้าไม่รัก ก็โกรธ ถึงกับลงมือทำร้ายร่างกาย แบบนี้ ถ้าผมแต่งงานกับเพนนี คุณคงบุกมาทำลายงานแต่งงานสินะ”
“อะไรนะ”
“คุณคงอยากแต่งงานกับผมจนตัวสั่นล่ะสิ เห็นคนรวย หน้าตาดีหน่อยเป็นไม่ได้ มีแฟนแล้วก็ไม่แคร์ คิดจะเลื่อนฐานะ ด้วยการแย่งแฟนชาวบ้าน แม่ผมเคยเตือนแล้ว ว่าให้ระวังผู้หญิงจนๆ เอาไว้ให้ดี”
“เฮ้ย อะไรของมันเนี่ย” หลวงพิชัยภักดีตกใจกับคำพูดของติณห์
“คุณติณห์ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ถอน เพราะมันเป็นความจริง รักผมมากเหรอ ญาณินอยากได้ผมมากเหรอ ยอมเป็นเมียน้อยผมมั้ยล่ะ ถ้ายอม ผมก็จะช่วยๆ สงเคราะห์ให้”
“หยาบคายที่สุด” กุมาริกาโมโหแทนญาณิน
“แต่ผมจะไม่รับผิดชอบอะไรนะ คุณคงจะให้ผมซื้อบ้านซื้อรถให้หรือส่งเสียเลี้ยงดูคุณในฐานะเด็กเลี้ยงของเสี่ย ผมคงทำไม่ได้ ผมเกรงใจเพนนี เค้าดีเกินไป...แต่เวลาจะมีอะไรกัน ผมคงต้องปิดไฟให้มืดๆ หน่อย เพราะจริงๆ แล้วไม่ถูกชะตากับคุณเลย ไม่ถูกสเปกด้วย เห็นหน้าคุณแล้วปวดหัว บอกไม่ถูก”
“ยิ่งพูดยิ่งแปลก ผิดธรรมชาติ มีผู้ชายที่ไหน พูดกับผู้หญิงน่ารักๆ แบบนี้”
“นั่นสิคะ”
ญาณินได้โอกาส เหวี่ยงติณห์กระเด็นไป รีบลุกยืน ถอยไปไกลๆ
“คุณติณห์ ชั้นเสียใจที่สุด ที่เคยปล่อยให้ตัวเองไปใกล้ชิดกับคุณ ชั้นจะรีบทำงานให้จบ ปิดจ๊อบให้เร็วที่สุด ชั้นจะเอาทีมงานมาประสานกับคุณแทน ส่วนชั้นถ้าไม่จำเป็น จะไม่ขอเจอหน้าคุณอีกเลย อีตาห่วย รสนิยมแย่มาก ชริ”
ญาณินรีบจำไปขึ้นรถ ขับปื้ดออกไปอย่างไม่ใยดี
“ล้มเหลวๆ จริงๆ”

กุมารริกาเท้าสะเอวหน้าติณห์

“โห เสียเวลาจริงๆ เลย งั้นอยากจะไปไหนก็ไปเลย ชิ้วๆ รถจงติดๆ”
 
รถติณห์ติดขึ้นเฉยๆ ติณห์สะดุ้งหันไปรถบีบแตรตัวเอง
“เย้ย ไรเนี่ย” ทันใดโทรศัพท์ติณห์ดัง ติณห์รีบกดรับ “เพนนี”
“ติณห์คะ นี่มันจะครึ่งชัวโมงแล้วนะ ไหนว่าให้รอ 5 นาทีไง มัวทำอะไรอยู่คะ”
“อ้า ดาร์ลิง จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้จ้า”
ติณห์รีบวิ่งกลับไปขึ้นรถ ขับออกไป หลวงพิชัยภักดี กุมาริกา เซ็ง เศร้า ท้อใจ นั่งลงแปะ

เนตรศิตางศ์หนีณัฐเดชมาพัทยากับกรรณา สองสาวเดินเข้ามาในโรงละคร เนตรสิตางศุ์ถอดแว่นกวาดตามองหาใบหม่อนพลางคุย
“เนตรต้องมาคุยกับใบหม่อนให้รู้เรื่อง ว่าใบหม่อนกับหมอรุทธ์มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ ยัยแก้มถึงได้ไปเห็นใบหม่อนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหมอรุทธ์ก่อนตาย”
“เออ ก็รีบๆ คุยเข้าเถอะ พี่ณัฐคงไม่เปิดโอกาสให้แกได้คุยกับผีทั้งวัน ถ้ารู้ว่าแกแอบมาที่โรงละครอีก คราวนี้ต้องจับแกขังคุกไว้แน่”
แล้วกรรณาก็ต้องหยุดยืนตัวแข็ง เมื่อได้ยินเสียงใบหม่อนกระซิบอยู่ข้างหู
“ฉันอยู่นี่...”
“...นะ...เนตร”
เนตรศิตางศุ์ที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า ได้ยินกรรณาเรียกก็หันกลับมา
“ฮื้อ ว่าไง?”
“เขาอยู่ข้างๆ ฉันนี่”
เนตรศิตางศุ์เห็นใบหม่อนยืนอยู่ข้างกรรณา
“คุณใบหม่อน”
“ไหนล่ะ คนที่ฆ่าฉัน เมื่อไหร่จะหาตัวมันพบเสียที”
“เขาว่าไหนล่ะฆาตกร” กรรณาบอก
“เนตรมั่นใจว่าตอนนี้เราเข้าใกล้ฆาตกรมากแล้ว ใจเย็นๆ อีกนิดนะใบหม่อน วันนี้ที่เนตรมาเพื่อจะถามใบหม่อนเรื่องนึง”
กรรณาหลบมาอยู่หลังเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์ยังคงมองทางเดิมที่ใบหม่อนยืนอยู่
“เรื่องอะไร?”
“ไหนใบหม่อนบอกว่าไม่เคยมีเรื่องชู้สาวกับหมอรุทธ์แล้วทำไมถึงไปอยู่กินกับหมอรุทธ์ที่บ้านเค้าล่ะ?”
“อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ” ใบหม่อนโกรธ
“เขาโกรธเธอน่ะ เนตร” กรรณาฐอก
“แต่ยัยแก้มเพื่อนเนตรเค้ามองเห็นภาพในอดีต ใบหม่อนอยู่กับหมอรุทธ์ที่บ้าน”
“ไม่มีทาง! ผู้หญิงที่เห็นอยู่ในบ้านหมอรุทร์นั้นไม่ใช่ฉันแน่นอน”
“ไม่ใช่เหรอ” เนตรศิตางศุ์แปลกใจ

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นกรรัมภากำลังแอบเดินหลบวื๊ดเข้ามาด้านในคลีนิคหมอรุทธ์อย่างรวดเร็ว กรรัมภาแอบมองที่มุมตึกไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกล เห็นก๊องกำลังชวนลาภคุยเรื่องทำหล่อเพื่อให้กรรัมภาหลุดสายตาลาภเข้ามาได้
“คือรูปร่างผมเพอรเฟ็กต์อยู่แล้ว ตาคิ้วก็ใช้ได้ จะติดก็ตรงคางนี่แหละครับ”
“นั่นสิครับ น่าจะเสริมคางอีกนิด”
“เสริมทำไมฮะ สิวเสี้ยนมันแค่เยอะไปหน่อย ผมก็เลยจะมาให้หมอดูดสิวออก”
กรรัมภารีบหันเดินไปยังห้องทำงานของหมอรุทธ์พลางบ่น
“ยัยเนตรตัวดี บอกว่าหมอรุทธ์ไม่ใช่ฆาตกรก็ยังดื้อบังคับให้มาหาหลักฐานอยู่นั่นแหละ คนไม่ได้ทำ มันจะมีหลักฐานอะไร”
กรรัมภาบ่นพลางถอดถุงมือออก แต่พอมือแตะผนังก็เห็นภาพวาโยโผล่ขึ้นมาเดินอยู่ที่ทางเดินข้างหน้า กรรัมภาตกใจอุทาน
“ยัยใบหม่อนอีกแล้ว! โผล่ได้ทุกที่ที่หมอรุทธ์อยู่เลยนะ แบบนี้มันจะไม่มีอะไรกันได้ยังไง หึ” กรรัมภาทำสีหน้าขัดใจ แล้วเห็นวาโยเดินเข้าห้องทำงานหมอรุทธ์ไป “อุ๊ย เข้าไปในห้องหมอรุทธ์แล้ว ไปทำอะไรกันรึป่าวเนี่ยะ ไม่ได้ ต้องตามไปดู”
กรรัมภารีบตามไป พอถึงห้องก็ผลักประตูเข้าไป ต้องผงะ เมื่อเห็นภาพในอดีตวาโยกำลังถือมีดผ่าตัดของหมอรุทธ์ร้องไห้ โดยมีหมอรุทธ์กับลาภยืนตกอกตกใจอยู่ในห้องด้วย
“ไหนหมอบอกว่าฉันสวยมากไง ไหนหมอบอกว่าคลั่งไคล้ฉันจะเป็นจะตายแล้วทำไมหมอไม่รักฉัน ทำไม ฮือๆ แบบนี้ความสวยของฉันจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะทำลายมันซะ”
“อย่าที่รัก”
ไม่ทันเสียแล้ว วาโยยกมือขึ้นจะกรีดหน้าตัวเอง กรรัมปิดปากตกใจ
“ว้าย!”
จังหวะนั้น ลาภเข้ามาแย่งมีดจากมือวาโย วาโยกรีดร้องลั่น
“ปล่อยฉันนะไอ้ลาภ ฉันจะกรีดมันให้ยับเลยให้สาสมกับที่หมอทรยศฉัน”
“ไม่นะครับ อย่าทำอย่างนั้น ผมขอร้อง”
“แกมาแส่อะไรด้วยไอ้ลาภ ไอ้ขี้ข้าไม่เจียมตัว ฉันบอกให้ปล่อย” ฉึก!วาโยสะบัดมือที่ถิอมีด ทำให้มีดแทงปักลงไปที่แขนของลาภ ลาภตะลึงมองหน้าวาโย “ฮะ”
วาโยตกใจปล่อยมีด ส่ายหน้าตกใจ ก้าวถอยหนี หมอรุทธ์เข้ากอดวาโยไว้
“คุณต้องเชื่อใจผมซี ผมรักคุณคนเดียวนะ ต่อไปอย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ”
“จริงๆ นะหมอ หมอรักฉันคนเดียวจริงๆ นะ”
หมอรุทธ์พยักหน้าวาโยโผกอดหมอรุทธ์แน่น ไม่มีใครสนใจลาภ ลาภมองอย่างช้ำใจ ก่อนหันเดินประคองแขนที่โชกเลือดเดินผ่านกรรัมภาออกจากประตูหายไป
กรรัมภาหันกลับไปมองหมอรุทธ์ เห็นหมอรุทธ์ประคองหน้าวาโยด้วย 2 มือ เช็ดน้ำตาให้ แล้วยื่นหน้าจูบ กรรัมภาตะลึงค้าง

“เนี่ยนะที่บอกว่าไม่มีอะไรกัน ฮึ่ม ยัยผีสตรอเบอรี่”
 
จบตอนที่ 13
 
อ่านต่อตอนที่ 14 เวลา 12.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น