ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 17
ลลิตาร้องห่มร้องไห้เกาะขาอสิตที่ยืนโดยใช้ไม้ค้ำยัน อสิตหน้าตาเย็นชา
“สิตขา ลิต้าขอโทษ ลิต้าผิดไปแล้ว ตอนนี้ลิต้าสำนึกผิดแล้ว คุณจะให้ลิต้ากราบขอโทษกี่ร้อยครั้งก็ได้”
ลลิตาทำท่าจะก้มกราบเท้าแต่อสิตชักเท้าหนีออย่างเย็นชา
“ไม่จำเป็น”
อสิตเดินหนี ลลิตาตามไปกอดอสิตจากด้านหลังอ้อนวอน
“ใจคอคุณจะใจดำกับลิต้าได้ลงคอเหรอคะ เราเป็นสามีภรรยากันนะคะ ยกโทษให้ลิต้าเถอะนะคะ
ลิต้ารู้ว่าคุณไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ”
อสิตผลักออก
“ที่ผ่านมาผมใจดีกับคุณมากเกินไป จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด สิ่งที่คุณทำกับผม กับน้องๆ ของผม มันไม่ใช่เรื่องที่จะยกโทษให้กันง่ายๆ”
ลลิตาตามเกาะแกะ อสิตผลักลลิตาล้มลง
“ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้ ไปให้พ้นหน้าผม ไม่งั้นอย่าหาว่าผมใจร้าย”
“สิต”
อสิตจะเดินหนี ไม่ไยดี ลลิตาตะโกนไล่หลัง
“ที่ลิต้าทำไปทั้งหมดเพราะโดนคุณกร้าวบังคับให้ทำลิต้าไม่มีทางเลือก สิตก็รู้ว่าคุณกร้าวเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน แม้แต่นุชที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา ยังทนอยู่ไม่ได้ ต้องฆ่าตัวตายเลย”
อสิตชะงัก ตกใจมาก หันมา
“ว่าอะไรนะ”
อสิตมาเขย่าตัวลลิตา
“นุชเป็นอะไร ไอ้กร้าวมันทำอะไรนุชอีก บอกมา ไอ้กร้าวมันทำอะไรนุช”
ลลิตางง
“นี่สิตไม่รู้เรื่องจริงๆ เหรอ”
อสิตหน้าเครียด ห่วงอนุช
อสิตรีบร้อนเข้ามาในโรงพยาบาล ลลิตาไม่กล้าเจออนุช
“สิตขา ลิต้าว่าลิต้ารออยู่ข้างนอกดีกว่า”
“ทำไมล่ะ”
“ลิต้าไม่รู้ว่ายายอรหายโกรธลิต้ารึยังสิคะ ลิต้าไม่อยากมีเรื่องกับยายอรตอนนี้”
“ตามใจ”
อสิตไม่สนใจใยดีลลิตามากนัก เดินออกไป ลลิตาแอบโล่งอก
อสิตเข้ามาในห้อง อรชาและปรารภเฝ้าอยู่ เห็นอสิตก็ต่างตกใจ
“พี่สิต มาได้ยังไงคะเนี่ย”
อสิตไม่ได้ตอบอรชา รีบเข้าไปหาอนุช ห่วงมากจับมือน้องสาว
“นุช เป็นไงบ้าง”
อสิตมองดูใบหน้าอนุชที่ยังซีดเซียว สภาพที่ยังอ่อนแรงแล้วยิ่งแค้นใจ
“ฝีมือไอ้กร้าวใช่มั้ย มันทำร้ายนุช พี่จะไปฆ่ามัน”
อสิตใจร้อน ออกจากห้องไป อนุชตกใจ ยกมือตามอสิตพูดเบา
“พี่สิต อย่าค่ะ”
อรชาและปรารภรีบตามอสิตออกจากห้องไป
“พี่สิตคะ”
อสิตรีบร้อนออกมาจากห้อง อรชาและปรารภตามมา ดึงไว้
“อย่าครับพี่สิต”
“ปล่อยพี่ พี่จะไปสั่งสอนไอ้กร้าว มันทำเกินไปแล้ว”
“อรขอร้อง อย่าไปยุ่งกับคนพรรค์นั้นเลยนะคะ ไม่คุ้มกันหรอก อย่าลืมว่าเราเป็นหนี้เขาอยู่ ถ้าเขาเรียกร้องจากเรา จะยิ่งไปกันใหญ่นะคะ ตอนนี้ก็มีเรื่องมากพออยู่แล้ว”
อสิตทำอะไรไม่ได้ ชกกำแพง เจ็บใจ
“พี่มันไม่เอาไหน ปกป้องน้องไม่ได้ ถ้าวันนั้นพี่ไม่ปล่อยให้นุชกลับไปกับไอ้กร้าว ก็คงไม่เกิดเรื่อง”
อรชาและปรารภต่างเสียใจ
“อรก็รู้สึกผิดไม่น้อยไปกว่าพี่สิตหรอกค่ะ แต่ยังไงตอนนี้นุชก็ปลอดภัยแล้ว”
“แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครช่วยบอกพี่ที”
“อรก็ไม่ทราบค่ะ นุชยังไม่แข็งแรงพอที่จะตอบอะไรมาก หมอให้พักผ่อน อีกอย่างอรกลัวสะเทือนใจเลยไม่กล้าถาม”
ปรารภออกความเห็น
“ผมก็ว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งคาดคั้นนุชมากนักเลยครับ รอให้หายดีก่อน ค่อยว่ากัน ถ้านุชอยากพูด ก็คงจะบอกเราเอง”
“แล้วพี่สิตรู้ได้ยังไงคะว่านุชเข้าโรงพยาบาล”
อสิตอึกอัก
“ลิต้าบอกพี่”
อรชาตกใจ
“พี่ลิต้า พี่สิตยังติดต่อผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอคะ”
“เขาไปที่บ้าน แต่ไม่ต้องห่วงนะอร พี่ไม่ใจอ่อนกับลิต้าอีกแล้ว สิ่งที่เขาทำกับพวกเรามันมากเกินกว่าจะให้อภัย”
อรชาโล่งอก
อสิต อรชาและปรารภกลับเข้ามาในห้อง อนุชยื่นมือไปหา อสิตจับมือน้องสาวไว้ ยิ้มให้ เขาลูบผมของน้อง
“พักผ่อนให้เต็มที่ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ เอาไว้หายดีแล้วพี่จะพานุชกลับไปอยู่บ้านเรา พี่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายนุชได้อีก พี่สัญญา”
อสิตกุมมือนุช สงสารน้อง อรชาก็มาจับมืออสิตและอนุชด้วย
“พี่ด้วย”
อรชานั่งลงข้างอสิต อสิตโอบอรชาไว้ ทั้งสามพี่น้องยิ้มให้กัน รักกัน ปรารภซาบซึ้งใจกับความรักความผูกพันของสามพี่น้อง
ลลิตาแอบแง้มประตูมองอยู่ ปิดประตูเบาๆ ยิ้มโล่งอกที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเป็นฝีมือเธอ
ค่ำคืนนั้น กร้าวอยู่ในชุดนอน ล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างเศร้าสร้อย เขาหันไปมองข้างกาย ตรงที่ที่ควรจะมีอนุชนอนอยู่ลูบเตียงที่ว่างเปล่าอย่างใจหาย คิดถึงอนุช
นึกถึงตอนที่เขาและเธอกอดจูบกันยิ่งเจ็บปวดใจ เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุข
อนุชนอนบนเตียง เหม่อมองออกไปนอกประตูกระจก นึกถึงกร้าวเช่นกัน แต่แล้วก็นึกถึงคำพูดของลลิตา
“เขาวางแผนให้แกรัก ให้แกยอมเป็นของเขา”
อนุชนอนน้ำตาไหล สะอื้นเบาๆ เจ็บปวดใจ
วันใหม่...ชายธงดีดกีตาร์ร้องเพลงกลายเป็นรักให้อนุชฟัง อนุชยิ้ม มีความสุข ชายธงร้องเพลงจบ
“นุชอยากฟังเพลงอะไรอีก”
ชายธงคิดๆ แล้วนึกออกดีดกีตาร์ร้องเพลงต่อ ธารินมองชายธงร้องเพลงให้อนุชฟังเพลินๆ
“พี่ชายธงคะ ริน...”
ชายธงมัวแต่ร้องเพลง มองแต่อนุช ไม่สนใจธาริน เสียงเพลงดังกลบเสียงธาริน จึงไม่ได้ยินที่เธอพูด ธารินเศร้า รู้สึกเป็นส่วนเกิน จึงออกจากห้องไปเงียบๆ ชายธงมัวแต่สนใจอนุช ไม่ทันสังเกตว่าธารินออกจากห้องไป
ธารินปิดประตูเบาๆ ยืนนิ่ง เศร้า น้ำตาคลอ แล้วจึงออกไป...ลลิตาแอบมองอยู่มุมหนึ่ง หงุดหงิดที่ไม่มีจังหวะเล่นงานอนุชเพราะมีคนเฝ้าอยู่ตลอด ลลิตาคิดแผน
ชายธงดีดกีตาร์จนจบเพลง อนุชหลับชายธงวางกีตาร์เบาๆ กลัวอนุชตื่น โทรศัพท์มือถือของชายธงดังขึ้น ชายธงมองอนุชที่หลับอยู่ แล้วไม่อยากรบกวน เลยรีบออกจากห้องไป
ชายธงออกมาจากห้อง รับโทรศัพท์
“ครับ”
ไม่มีเสียงตอบ ชายธงคิดว่าไม่มีสัญญาณเลยเดินไป
“ฮัลโหล ฮัลโหล”
ลลิตาใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาชายธงยกหูวางอยู่
ลลิตาเข้ามาในห้อง เห็นอนุชนอนหลับอยู่บนเตียง ไม่รู้ตัว เธอมองอนุชด้วยสายตาชิงชัง
“แกเป็นมารขัดขวางความสุขฉัน อย่าอยู่เลยนังนุช”
ลลิตาใส่ถุงมือยาง เดินเข้าไปใกล้ ทำท่าจะดึงสายออกซิเจนออก อนุชยังนอนหลับไม่รู้ตัว มือลลิตาจับสายออกซิเจน ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลิตาตกใจ พยาบาลเข้ามา
“เปลี่ยนน้ำเกลือค่ะ”
ลลิตาซ่อนมือที่มีถุงมือไว้ข้างหลัง พยาบาลยิ้มให้ ลลิตาก็ยิ้มตอบ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยาบาลเช็คโน่นนี่ไป ลลิตาจึงออกจากห้องไป
วันใหม่... กร้าวคิดถึงความทรงจำเกี่ยวกับอนุช ภาพในอดีตแว่บเข้ามาในห้วงคำนึง...กร้าวช่วยอนุชจากพวกนักเลงทวงหนี้ แล้ววิ่งหลบคนร้ายจนหน้าเกือบชนกัน...อนุชกับกร้าววิ่งไล่กันอย่างมีความสุขตอนไปเที่ยวน้ำตกท้ายไร่...กร้าวกับอนุชจูบกัน ก่อนที่จะมีอะไรกันในคืนนั้น...กร้าวมาพบอนุชหมดสติ ขวดยาตกลงมา...เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของเขากับเธอ กร้าวสะเทือนใจ น้ำตาไหล
อสิตนั่งข้างเตียง เฝ้าอาการอนุช ครู่หนึ่ง อนุชค่อยๆรู้สึกตัวตื่น ยังสะลึมสะลือ ไม่ค่อยมีแรง อสิตคว้ามือน้องสาวมาบีบเบาๆ
“นุช...เป็นยังไงบ้าง...”
อนุชหันมองอสิต พยามยามจะพูด แต่ไม่มีเสียงได้แต่ขยับปาก
“พี่สิต...”
“นุช ไม่ต้องกังวลอะไรนะ พักผ่อนให้มากๆ”
พยาบาลเข้ามาวัดความดัน
“ขอวัดความดันคนไข้หน่อยนะคะ”
อสิตขยับให้ พยาบาลเข้ามาใส่เครื่องวัดความดันที่แขน อนุชเหมือนมีอะไรจะบอกอสิต
“คุณพยาบาลครับ...ทำไมป่านนี้น้องสาวผมยังพูดไม่ได้”
“คิดว่าคอคนไข้คงบาดเจ็บจากการใส่ท่อล้างท้องนะคะ แล้วก็สายออกซิเจนทำให้พูดไม่สะดวกน่ะค่ะ”
พยาบาลจดบันทึกความดัน แล้วเก็บเครื่องมือออกจากห้องไป อสิตเข้ามาบีบมืออนุชอย่างสงสารเห็นใจ
“ทนหน่อยนะนุช”
อนุชยังอ่อนเพลีย หลับตาลงอีก
ลลิตาแอบมาชะเง้อมอง พอดีพยาบาลออกมาจากห้อง ลลิตาแกล้งยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไร แล้วเดินเลยห้องอนุชไป พอเดินมาพ้นหน้าห้อง ลลิตาก็หันกลับไปมองอย่างกังวลใจ
“ไม่มีโอกาสลงมือซะที ปล่อยไว้อย่างนี้นังนุชคงมีโอกาส ฟ้องใครต่อใครแน่...จะทำไงดี”
ลลิตาหันกลับมาแล้วต้องตกใจ เห็นกร้าวเดินเข้ามา กร้าวเห็นลลิตาก็แปลกใจ
“ลิต้า...”
ลลิตาแกล้งยิ้มให้
“คุณกร้าว มาเยี่ยมนุชเหรอคะ”
“แล้วคุณมาทำอะไร อย่าบอกว่ามาเยี่ยมนุชเหมือนกัน”
กร้าวมองไม่เชื่อ
“ลิต้ามากับสิตค่ะ ตอนนี้สิตทำใจได้แล้ว เราเลยกลับมาเป็นเพื่อนกัน”
กร้าวมองทางห้องอนุช
“นุชเป็นไงบ้าง”
ลลิตาคิดแผน
“คุณคงเป็นห่วงนุชมากเลยนะคะ ลิต้าก็อยากให้คุณเข้าไปเยี่ยมนุช แต่สิตต้องไม่ยอมแน่...เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ลิต้าจะลองไปคุยกับสิต ให้สิตยอมมาเจรจากับคุณ”
กร้าวไม่เชื่อใจ
“คุณช่วยผมทำไม”
“ลิต้าแค่อยากให้คุณให้โอกาสลิต้าอีกครั้ง... ลิต้าทำได้แค่ให้สิตยอมไปเจอคุณ ที่เหลือต้องแล้วแต่คุณน่ะค่ะ ว่าจะพูดให้สิตยอมให้คุณเยี่ยมนุชไหม”
กร้าวไม่รู้จุดประสงค์ของลลิตา แต่คิดว่าไม่เสียหายถ้าลลิตาสามารถให้เขาเจรจากับอสิตได้ กร้าวพยักหน้ารับ ลลิตาทำหน้าเห็นใจ แต่พอหันมาก็แอบยิ้มร้าย
ในห้อง อสิตนั่งกุมมืออนุชที่หลับไม่ได้สติ ครู่หนึ่งมือถือสั่น มีสายเข้า อสิตหยิบมาดูแปลกใจ
“ลิต้า...” เขาตัดสินใจรับสาย “มีอะไรลิต้า”
“สิตคะ ลิต้ามีเรื่องจะเตือน เกี่ยวกับคุณกร้าวน่ะค่ะ”
“ไอ้กร้าวมันทำไม”
“ลิต้าหลอกถามคุณกร้าวเรื่องนุช...เขาหลุดปากว่าจะหาทางไปหานุช จะไปทำร้ายจิตใจนุชอีก”
อสิตรำพึงแค้น
“ไอ้กร้าว”
“เขาจะไปดักอยู่ที่ลานจอดรถค่ะ ถ้าเห็นสิตกับอรกลับไปเมื่อไหร่เขาก็จะแอบเข้าไปหานุช จะทำไงดีคะสิต ให้ลิต้าโทรแจ้งที่โรงพยาบาลไหมคะ”
“ไม่ต้อง ผมจะจัดการเอง”
อสิตวางสาย มองอนุชที่ยังหลับอยู่ เจ็บใจที่กร้าวทำกับน้องตน ลุกออกไป
อสิตหุนหันออกมา ใช้ไม้เท้าเดินยังไม่คล่องแคล่วนัก มุมหนึ่งลลิตาแอบซุ่มดูอยู่ เห็นอสิตเดินออกมาจากห้อง แล้วเดินไปทางหนึ่งยิ้มสะใจ
“หน้าโง่”
ลลิตาหลบมุม สวมแว่นดำ หยิบผ้ามาคลุมผม แล้วหันมองทางห้องอนุช
กร้าวรออยู่ที่ลานจอดรถ คิดว่าจะได้เจรจากับอสิต...อสิตออกมาเห็นกร้าวก็เชื่อตามคำใส่ร้ายของลลิตา เดินปรี่เข้ามาหา ถึงแม้ขาจะไม่แข็งแรงนัก กร้าวหันมาเห็นอสิตก็จะเดินเข้าไปเจรจา
“คุณอสิต...”
อสิตไม่พูดพร่ำทำเพลง เงื้อไม้เท้าในมือ หวดใส่กร้าวทันที กร้าวหลบทัน แต่เซไป
“คุณอสิต นี่มันอะไรกัน”
อสิตไม่ตอบ ได้แต่หวดไม้เท้าใส่กร้าว
อนุชหลับอยู่ ค่อยๆลืมตารู้สึกตัวเห็นภาพเบลอๆของใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง อนุชเขม้นมอง
ภาพชัดขึ้น เป็นผู้หญิงสวมแว่นดำ คลุมผ้าคลุมผม เดินมาใกล้ ยื่นหน้าเข้ามาที่เตียง ลลิตาดึงผ้าคลุมผมลง ถอดแว่นออก อนุชเห็นชัดว่าเป็นลลิตาก็ตกใจ ลลิตายิ้มแย้ม
“ว่าไงจ๊ะ...น้องนุช”
อนุชขยับปากแต่ไม่มีเสียง
“พี่ลิต้า...”
อรชา ปรารภ ชายธง ธาริน ทั้งหมดกำลังจะเดินไปเยี่ยมอนุช อยู่ๆรปภ.กับพยาบาลก็วิ่งหน้าตื่นสวนมา
“เร็วเข้า เดี๋ยวญาติคนไข้ตีกันตาย”
รปภ.วิ่งมา เกือบจะชนกลุ่มของอรชา
“ขอโทษครับ”
อรชาหันไปถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ญาติคนไข้ทะเลาะกันค่ะ ขนาดเดินไม่ไหวยังใช้ไม้เท้าไล่ตีคนขาดีๆ”
รปภ.กับพยาบาลวิ่งออกไป พวกอรชามองหน้ากันอย่างหวั่นใจ
อสิตไล่ตีกร้าวอย่างทุลักทุเล โดนบ้างไม่โดนบ้าง กร้าวไม่ต่อสู้ พยายามอธิบาย
“คุณอสิต ฟังผมก่อน”
“แกจะทำอะไรน้องฉันอีก ไอ้ชาติชั่ว”
“ผมขอแค่ได้เยี่ยมนุช...”
“ฝันไปเถอะ ไอ้สารเลว”
ลลิตาสวมถุงมือยางอย่างย่ามใจ อนุชกลัว ป่ายมือแปะปะ จะคว้าที่กดเรียกพยาบาล ลลิตายิ้มเย็นใจ หยิบที่กดเรียกพยาบาลออกก่อนที่อนุชจะหยิบได้
“จะเรียกพยาบาลเหรอ...เอาอะไรบอกพี่ได้นะ”
อนุชทั้งไม่มีแรง ไม่มีเสียง มองลลิตาอย่างหวาดหวั่น
อสิตไล่ตี กร้าวรับไม้เท้าไว้ได้
“คุณอสิต ฟังผมก่อน”
อสิตพยายามยื้อไม้เท้าคืน
“ไอ้กร้าว แกปล่อยมือเดี๋ยวนี้”
“คุณต้องฟังผมก่อน ผมแค่เป็นห่วง อยากเยี่ยมนุชเท่านั้น”
“ฉันไม่เชื่อแก”
อสิตดึงไม้เท้าคืน แต่หลุดมือและล้มลง
“คุณอสิต”
กลุ่มอรชาวิ่งตามพวกพยาบาลมาเห็นกร้าวถือไม้เท้าอยู่ในมือ และอสิตล้มอยู่ที่พื้น อรชาตกใจ
“พี่สิต”
ชายธงโกรธ
“ไอ้กร้าว”
กร้าวเห็นพวกอรชาก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ อรชารีบเข้ามาประคองอสิต พวกพยาบาลได้แต่ยืนดูสถานการณ์อยู่ข้างๆ อรชาต่อว่ากร้าว
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้”
“ผมไม่ได้ทำอะไร”
ปรารภไม่พอใจมาก
“รังแกแม้กระทั่งคนพิการ ยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่า”
ชายธงเข้าไปแย่งไม้เท้าของอสิตคืนจากกร้าว แล้วใช้ไม้เท้านั้นหวดใส่ กร้าวไม่ทันตั้งตัว โดนฟาดใส่หลายครั้งจนล้มลง ธารินเข้ามาห้ามชายธง
“พี่ชายธง อย่า พอแล้ว”
รปภ.เข้ามาห้ามชายธงด้วย
“อย่าคิดว่าแข็งแรงกว่าแล้วจะทำอะไรใครก็ได้”
“คุณอสิต ช่วยบอกน้องคุณด้วยว่าผมแค่ขอเยี่ยมนุช”
“แกอย่าฝันไปเลย แกจะไม่มีวันได้เห็นหน้านุชอีก”
ลลิตาลูบหน้าอนุช แล้วเลื่อนมาที่สายออกซิเจน อนุชได้แต่มองอย่างหวาดกลัว หนีไปไหนไม่ได้ ลลิตายิ้มเหี้ยม
“กลัวเหรอ...นี่แกกลัวตายเป็นด้วยเหรอ”
ลลิตากำสายออกซิเจน บิดให้สายหักงอจนอากาศไม่ไหลผ่าน อนุชขาดอากาศหายใจ จะผลักลลิตาออกก็ไม่มีแรง ลลิตาหัวเราะ ปล่อยมือจากสายออกซิเจน อนุชหายใจได้อีกครั้ง ขยับปาก แต่ไม่มีเสียง
“พี่ลิต้า...อย่าทำแบบนี้...”
“อะไรนะ...จะพูดอะไร...โถ หน้าซีดเชียว...ความจริงถ้าฉันทิ้งแกไว้แบบนี้ ให้คุณกร้าวมาเห็นสภาพแก เห็นหน้าเหมือนผีของแก คุณกร้าวเขาอาจจะตัดใจจากแกได้เอง...แต่ถ้าแกหายล่ะ ฉันคงปล่อยแกไม่ได้สินะ”
ลิตากำสายออกซิเจนแล้วบิดลงอีกครั้ง สายงอหักปิดทางเดินอากาศ อนุชหายใจไม่ออก แต่ไม่มีแรงสู้ทรมานจนน้ำตาไหลออกมา
ทั้งหมดเดินเข้ามา อรชาประคองอสิตเห็นว่ามีแผลที่ศอกจากการล้มเมื่อครู่
“พี่สิตได้แผลด้วย เดี๋ยวให้หมอล้างแผลหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่ทิ้งนุชออกมานานแล้ว รีบกลับไปดูนุชดีกว่า”
“พี่อรกับคุณรภพาพี่สิตไปทำแผลก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมกับรินไปเฝ้านุชเอง”
อรชาบอกอสิต
“นะคะพี่สิต ไปล้างแผลแป๊บนึง”
อสิตจำใจพยักหน้ารับ กร้าวตัดใจไม่ลง เดินตามมามองดูอยู่ห่างๆ ชายธงกับธารินเดินแยกไปทางหนึ่ง อรชา ปรารภพาอสิตแยกไปทางหนึ่ง กร้าวเดินไปทางชายธง
กรวิกเดินมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล
“ขอโทษนะคะ อยากถามอาการคนไข้หน่อย ชื่ออนุช วิช...เอ่อ...อนุช ศุภกาญจน์”
ทันใดนั้นเสียงชายธงดังขึ้น
“นก...”
กรวิกสะดุ้ง หันมอง เห็นชายธงมากับธาริน กรวิกอึกอัก
“ชายธง...”
ชายธงไม่ไว้ใจ
“มาทำอะไรนก”
“มาโรงพยาบาล ไม่ป่วยเองก็มาเยี่ยมคนป่วย เห็นนกป่วยรึเปล่าล่ะ”
“แล้วมาเยี่ยมใคร นุชเหรอ”
กรวิกไม่กล้าบอก
“จะเยี่ยมใครก็ช่างนกเถอะ”
“ถ้าเกี่ยวกับนุชเราช่างไม่ได้ นุชอ่อนแอมาก จิตใจก็บอบช้ำมาก เราให้นกเข้าไปทำร้ายจิตใจนุชอีกไม่ได้”
“แต่พาคู่หมั้นมาเย้ยนุชได้งั้นสิ”
ธารินไม่พอใจ
“เห็นอยู่ว่าฉันมากับพี่ชายธง ไม่ได้แอบมาทำร้ายใคร”
“หมายความว่าไง ฉันก็ไม่ได้แอบมาทำร้ายนุชนะ”
กร้าวที่แอบตามมาเห็นกรวิกกับพกชายธงทะเลาะกัน ฉวยโอกาสเดินไปทางห้องอนุช
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 17 (ต่อ)
ลลิตาปล่อยมือจากสายออกซิเจน อนุชหายใจได้อีกครั้ง
“แกรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างรึยัง ที่แกแย่งคุณกร้าวไปจากฉัน...ที่ผ่านมา...ฉันต้องการผู้ชายคนไหน คนนั้นต้องตกอยู่ในกำมือฉัน มีแต่คุณกร้าว ที่ฉันเอาชนะไม่ได้ มันเป็นเพราะแกนั่นแหละนังนุช”
ลลิตากำสายออกซิเจนแล้วบิดลงอีกครั้ง สายงอหักปิดทางเดินอากาศ อนุชหายใจไม่ออก แต่ไม่มีแรงสู้ทรมานพยายามตะกายขึ้นมา แต่ไม่มีแรง ทรุดลงอีก ลลิตาหน้าเหี้ยม อย่างไม่ปรารณี มือลลิตาที่กำสายออกซิเจน บีบแน่น อนุชหน้าคว่ำลง นิ่งไป ลลิตาผละออกมา รู้สึกตกใจอยู่บ้างเพราะฆ่าคนตายเป็นครั้งแรก ลลิตาจะออกไป แต่ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา กร้าวเปิดเข้ามามองเข้ามาในห้อง ลลิตาไม่อยู่แล้ว เห็นแต่อนุชนอนฟุบ กร้าวเห็นก็รีบเข้าไปช่วยอนุชพลางร้องตะโกน
“คุณหมอ ใครก็ได้...” กร้าวเห็นที่กดเรียกพยาบาลก็เข้าไปคว้ามากด “ใครก็ได้ มาช่วยที คนไข้หยุดหายใจ”
กร้าวพยายามช่วยอนุชด้วยการปั๊มหัวใจ ลลิตาแง้มประตูห้องน้ำ ออกมามอง สีหน้าแตกตื่น หวั่นใจ
พยาบาลสองคนวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์
“ไปเร็ว คนไข้หยุดหายใจ”
ชายธงกับกรวิก ธารินหันมองอย่างตกใจ รีบวิ่งตามไป กร้าวปั๊มหัวใจให้อนุช ลลิตาที่หลบอยู่ในห้องน้ำใจเสีย พวกพยาบาลและพวกชายธงเข้ามา ทุกคนตกใจ ชายธงเห็นกร้าวอยู่กับอนุช
“ไอ้กร้าว”
ชายธงไปกระชากกร้าวออกมา กรวิกรีบบอก
“ชายธง ให้พยาบาลช่วยนุชก่อน”
กร้าวมองร่างอนุชทีแน่นิ่งอย่างใจหาย
พยาบาลเข็นเตียงที่อนุชนอนแน่นิ่งออกมาจากห้อง อสิต อรชา ปรารภ เดินกลับมาพอดี ต่างตกใจว่าอนุชเป็นอะไร กร้าวออกมาจากห้อง ตามอนุชไปด้วยความเป็นห่วง ชายธงตามออกมากระชากกร้าว จนเสียหลักล้มไป
“แกจะตามไปฆ่านุชให้ตายคามือแกหรือไง”
กรวิกเข้ามาขวาง
“พูดกันดีๆก่อนชายธง”
“อย่ามาปกป้องมันนะนก เธอก็เห็นว่ามันเข้ามาฆ่านุช”
อสิตโมโหมาก เข้ามาฟาดไม้ใส่หน้ากร้าวจนหัวแตก
“แก ฉันจะฆ่าแก”
อสิตเข้าไปซ้ำ อรชา ปรารภรีบเข้าไปห้ามอสิต อรชาเข้าไปดึงอสิต
“พี่สิต อย่า”
กร้าวลุกขึ้นมา ไม่เห็นแก่ความเจ็บของตัวเอง พยายามอธิบาย
“คุณอร ผม...”
อรชาตบหน้ากร้าวทันที
“ไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
กร้าวอึ้ง
“แต่...”
ชายธงเข้ามาผลักกร้าว
“ถ้าฉันเห็นแกอีก ฉันเอาแกถึงตายแน่”
ปรารภรีบบอก
“รีบไปดูนุชเถอะครับ”
พวกอรชาตามพยาบาลไป กร้าวไม่ยอมแพ้ จะตามไปด้วย แต่กรวิกมาดึงไว้
“อากร้าว อย่าไปค่ะ เดี๋ยวมีเรื่องอีก”
“แต่นุช...”
“พวกนั้นไม่ยอมหรอกค่ะ แล้วอธิบายตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่ฟังอากร้าวหรอก นะคะอากร้าว กลับไปก่อน เดี๋ยวนกไปดูนุชแล้วจะส่งข่าวอากร้าวเอง”
กร้าวได้แต่ยืนมองตามไป ห่วงอนุชใจจะขาด
ลลิตาแง้มประตูออกมามอง เห็นว่าปลอดคนก็ดึงผ้าขึ้นมาคลุมผม สวมแว่น แล้วเดินออกไป พวกอสิต อรชารออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน กรวิกตามมาสมทบ
อรชาร้องไห้ ปรารภนั่งใกล้ๆ ชายธงบีบคั้นหัวใจ เดินหลบออกไป ธารินมองตาม เดินตามไป อสิตเห็นลลิตาไกลๆ เขม้นมอง
“ลิต้า...”
อสิตลุกออกไป อรชาหันมาถาม
“พี่สิตจะไปไหนคะ”
“เดี๋ยวพี่มา อรรอนี่แหละ เผื่อหมอออกมา”
อสิตเดินออกไป อรชามองตาม แต่ก็ห่วงอนุช หันมองทางห้องฉุกเฉิน
ลลิตาเดินหนีออกมา รู้สึกตื่นเต้นหันมองด้านหลัง
“นังนุช หวังว่าคราวนี้แกคงไม่ดวงแข็งอีกนะ”
ลลิตาหันกลับมา คาดไม่ถึงว่าอสิตจะมาดักอยู่ข้างหน้า ลลิตาชะงักไป
“สิต”
“ลิต้า มาทำอะไร”
“ลิต้าจะมาเยี่ยมนุชค่ะ แต่ทำไมไม่เห็นนุชในห้องเลย นุชอยู่ไหนคะ”
“นุชหัวใจหยุดเต้น หมอย้ายไปห้องฉุกเฉิน”
ลลิตาแกล้งตกใจ
“ตายจริง แล้วนุชเป็นยังไงบ้างคะ หมอช่วยได้รึยัง”
“หมอยังไม่ออกมา”
ลลิตาบีบน้ำตา
“นุช... อย่าเป็นอะไรนะ...พี่ยังไม่ได้ขอบใจนุชเลยที่ยกโทษให้พี่ในสิ่งที่พี่ทำผิดกับนุช”
อสิตมองท่าทีของลลิตาอย่างชั่งใจ ลลิตาอึดอัดแกล้งนึกอะไรได้
“จริงด้วยสิต หน้าโรงพยาบาลมีศาล ลิต้าจะไปวิงวอนให้นุชหาย สิตจะไปกับลิต้าไหม”
อสิตส่ายหน้า
“เดี๋ยวผมจะกลับไปเฝ้าน้อง”
“งั้นลิต้าไปเอง สิตไม่ต้องห่วง พระต้องคุ้มครองนุช ลิต้าไปไหว้ศาลก่อนนะ”
ลลิตาหันกลับมา ถอนหายใจ กลัวอสิตจับได้ อสิตมองตามลลิตาไปอย่างไม่ไว้ใจ
ชายธงเดินมาหลบมุม หัวเสีย โทษตัวเอง เอามือทุบกำแพง ธารินตามเข้ามา
“พี่ชายธง...”
“พี่ไม่เป็นไร แค่อยากอยู่คนเดียว”
“แต่พี่ชายธงกำลังโทษตัวเอง”
“ใช่ ถ้าพี่มาเร็วกว่านี้ ไอ้กร้าวก็ไม่มีโอกาสทำอะไรนุช”
“แต่มันสุดวิสัย เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่ความผิดพี่ชายธง”
“ทำไมจะไม่ใช่ พี่ผิดที่ปกป้องนุชไม่ได้”
“แต่พี่ชายธง...”
“พอเถอะริน ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
ธารินอึ้งไป
“พี่ชายธง...”
“พี่บอกว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พี่อยากอยู่คนเดียว”
ชายธงหันกลับไป ไม่มองหน้าธารินอีกเลย ธารินเสียใจ วิ่งร้องไห้ออกไป
อสิตเดินกลับมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน ชายธงก็เดินกลับมาแล้วสมทบกับอรชา และปรารภรอหมออยู่
“หมอยังไม่ออกมาอีกเหรออร”
อรชาส่ายหน้า “ยังเลยค่ะพี่สิต ไม่รู้ว่านุชเป็นไงบ้าง”
หมอออกมา ทุกคนกรูกันเข้าไปหา
“หมอครับ น้องผมเป็นไงบ้าง”
“ปลอดภัยแล้วครับ”
ทุกคนต่างโล่งใจ กรวิกที่มองอยู่ห่างๆ พลอยถอนหายใจโล่งอกไปด้วย
ฝ่ายลลิตาหนีออกมาที่ลานจอดรถเจอกร้าวยืนอยู่ แต่กร้าวยังไม่เห็นลลิตา ลลิตาแอบหลบอยู่ตามมุมเสา กรวิกวิ่งเข้ามาอีกทาง
“อากร้าวคะ อากร้าว”
กร้าวหน้าตื่น “นก นุชเป็นไงบ้าง”
“ปลอดภัยแล้วค่ะ”
กร้าวถอนหายใจโล่งอก
ลลิตาหน้าตื่นคิดแค้นในใจ อีนี่ฆ่าไม่ตาย ทำไงดี
ตกตอนกลางคืน ธารินอยู่ที่บ้าน บอกแม่ว่าตนจะถอนหมั้นกับชายธง
“ว่ายังไงนะ จะขอถอนหมั้นกับชายธง” ผู้เป็นแม่ตกใจ
ธารินพยักหน้าเศร้า
“ทำไมล่ะลูก เกิดอะไรขึ้น”
ธารินไม่ตอบ หันหน้าไปมองทางอื่น
ทางด้านอรชา ปรารภ และอสิต ตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจ
“คุณตำรวจ น้องสาวผมโดนนายกร้าวทำร้ายแน่นอน ไม่มีทางที่จะเป็นอุบัติเหตุ”
“ถึงไงก็ต้องมีหลักฐานนะครับ เราคงปรักปรำเขาลอยๆไม่ได้”
สามคนคิดไปคิดมา
ไม่นานต่อมาตำรวจมาตรวจดูที่เกิดเหตุ อสิต และอรชามองอยู่ที่หน้าห้อง อสิตเอะใจอะไรบางอย่าง เดินเข้ามาดู
“คุณตำรวจครับ ที่สายออกซิเจนมีรอยพับ”
กร้าวกลับมาบ้าน นั่งเศร้าเปิดกระเป๋าตังค์ที่มีรูปแต่งงาน นึกถึงเหตุการณ์ตอนทะเลาะกับอนุช
“ไม่มีอะไรครับ เธอเป็นภรรยาผมเอง”
“เขาไม่ใช่สามีฉันค่ะ”
“ภรรยาผมไม่ค่อยสบายครับ ผมกำลังจะพาเธอไปแผนกจิตเวทย์”
“ฉันไม่ได้บ้านะคะ เขาไม่ใช่สามีฉัน...”
กร้าวจับอนุชด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างล้วงกระเป๋าเงินออกมาเปิดให้ดู ที่กระเป๋าเงิน เห็นรูปแต่งงานของสองคน อนุชอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
“แล้วคุณจะบ้าเหรอ พกรูปแต่งงานทำไม!”
“คนจะได้รู้ไง ว่าผมแต่งงานแล้ว...”
กร้าวดึงตัวเองกลับมา นึกสะท้อนใจ ว่าจะมีโอกาสได้เจออนุชอีกไหม
รุ่งเช้าพร้อมพาตำรวจมาหากร้าว และชาติ ที่อยู่ด้วยกันในห้องโถง
“คุณกร้าวคะ... มีตำรวจมาขอพบค่ะ”
กร้าวกับชาติประปลาดใจ
“หมายเรียกสำหรับคุณกร้าว ศุภกาญจน์ครับ” ตำรวจยื่นเอกสารให้
พร้อมหน้าตื่น รีบเข้าไปรับ แล้วนำเอกสารไปให้กร้าวดู
“มันเรื่องอะไรกันกร้าว” ชาติสงสัยหนัก
กร้าวอ่านเอกสาร “เชิญให้ผมไปสอบปากคำกรณีทำร้ายคุณอนุช ศุภกาญจน์ที่โรงพยาบาล”
“เราพบรอยพับที่สายออกซิเจน คาดว่าเป็นคนร้ายที่หักสายเพื่อให้คุณอนุชไม่มีอากาศหายใจ”
ชาติตะลึง “อะไรนะ”
ทุกคนต่างก็ตกใจ
กร้าวเดินมาหยุดยืนอยู่อีกมุมในบ้าน หน้าเครียดจัด ชาติเข็นรถเข้ามา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้เจ้ากร้าว”
“ลุงก็รู้ว่าผมไม่มีทางทำอย่างนั้น”
“แกไม่ได้ทำแล้วใครทำ” ชาติฉงน
“ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใคร” กร้าวเสียงเข้ม
ระหว่างนั้นขำเดินเข้ามาหา
“มีคนมาหาคุณกร้าวอีกคนแล้วค่ะ”
“ใคร”
ที่แท้เป็นลลิตา กร้าวเดินเข้าไปหา
“คุณมาที่นี่อีกทำไม”
ลลิตาอยากมาลองหยั่งกร้าวว่ารู้เรื่องอนุชมากน้อยแค่ไหน แต่แกล้งเล่นละคร
“คุณกร้าว...ลิต้าเป็นห่วงคุณน่ะค่ะ เห็นสิตบอกว่าจะไม่ยอมให้คุณเจอยัยนุชอีก”
“แค่นี้ใช่ไหม” กร้าวถามเย็นชา
“ไม่รู้ว่าทำไมยัยนุชถึงต้องฆ่าตัวตายด้วย ยัยนุชโกรธเกลียดคุณมากเหรอคะ”
กร้าวเจ็บถูกแทงใจดำ แต่กลบเกลื่อน
“ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องคุณ กลับไปได้แล้ว”
ลลิตาเข้ามากุมมือกร้าว “คุณยังไม่ยกโทษให้ลิต้าเหรอคะ ลิต้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ นะคะ... ลิต้าจะกลับไปคืนดีกับสิต”
กร้าวรู้ทันมารยาสาวแสบ “จะไปคืนดีกับอสิตก็ไม่เห็นต้องแคร์ว่าผมจะยกโทษให้คุณรึเปล่า ผมเองยังไม่แคร์คุณเลย”
ลลิตอึ้ง “คุณกร้าว”
“ผมไม่มีอะไรจะคุยแล้ว คุณต้องให้ผมไล่ซ้ำไหม”
ลลิตาขบกรามแน่นกัดฟันด้วยความโกรธ พูดไม่ออก กร้าวไม่แคร์ เดินกลับเข้าบ้านไป
ลลิตาจะไปได้ยินเสียงขำร้อง "ว้าย" จึงชะงักหันมองทางต้นเสียง
ขำเจอปืน ที่ลลิตาทำตกไว้วันก่อน
“ป้าพร้อม..!”
พร้อมวิ่งเข้ามาดู
“มีอะไร นังขำ”
ขำชี้ไป “น...นั่น..!”
ปืนตกอยู่ในพุ่มไม้ พร้อมเห็นก็ตกใจ
“ป .. ปืนใครน่ะ”
“จะรู้ไหมล่ะป้า...” ขำนึกหวั่นๆ “เอาไปให้คุณกร้าวดูดีไหมป้า”
พร้อมพยักหน้า ขำเอื้อมมือไปจะหยิบ พร้อมนึกได้ ดึงมือขำไว้
“เดี๋ยว นังขำ!”
“อะไรล่ะป้า ตกใจหมด”
“แกไปจับมือเปล่า เดี๋ยวก็มีรอยนิ้วแก มันเป็นการทำลายหลักฐาน เผื่อปืนนี่ติดคดีอะไรแกจะพลอยซวยไปด้วย รีบไปตามคุณกร้าวมาดูดีกว่า”
พร้อมกับขำชักชวนกันออกไป
ลลิตาแอบดูอยู่ ตกใจหน้าซีดเพราะรู้ว่าปืนนั้นเป็นของตน พร้อมกับขำเดินผ่านไป ลลิตาหลบอยู่ แล้วแอบย่องออกมา
ลลิตาตรงไปยังพุ่มไม้หยิบปืนขึ้นมา ลลิตามองซ้ายมองขวา รีบเอาปืนใส่กระเป๋า หลบออกไป
พร้อม ขำพากร้าวออกมา
“ขำเห็นแล้วขนลุกไปหมดเลยค่ะ”
“ทางนี้ค่ะคุณกร้าว”
ลลิตาที่กำลังจะหนีออกมา เจอกร้าวก็ตกใจ แกล้งมารยา เอาตัวรอด
“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ ทำไมหน้าเครียดๆ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“งั้นลิต้ากลับก่อนนะคะ”
ลลิตาตาเดินสวนออกไป กร้าวชะงัก เอะใจ
“เดี๋ยว”
ลลิตาชะงักหยุด หน้าซีด กร้าวเดินกลับมาหาลลิตา
“ปืนอยู่ไหน” กร้าวถาม
ลลิตาตกใจ “ป .. ปืนอะไรคะ”
“ปืนที่คุณหยิบไป”
“ค .. คุณกร้าวพูดเรื่องอะไรคะ ลิต้าไม่รู้เรื่อง”
พร้อมกัดลลิตา “มีโจรบางพวก ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ไม่ยอมรับนะคะคุณกร้าว”
กร้าวสั่งพร้อมกับขำเสียงเข้ม “ค้น”
พร้อมกับขำเข้าไปค้นตัวลลิตา แต่ลลิตารีบโวยวาย
“นี่ จะทำอะไร อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ”
พร้อมกระชากกระเป๋าลลิตามาได้ เปิดดู
“คุณกร้าวคะ!” พร้อมยื่นกระเป๋าให้กร้าวดู เห็นในกระเป๋ามีปืนอยู่
กร้าวเงยหน้ามองลลิตาเขม็ง ลลิตาหลบสายตา หน้าเครียด
ไม่นานต่อมากร้าวใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบปืนออกมาจากกระเป๋าลลิตา
“คุณกำลังจะทำอะไร”
“ลิต้า... ลิต้าแค่อยากจะเอาไปให้คุณด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
“แต่เท่าที่เห็นเมื่อครู่ คุณดูเหมือนจะเก็บไว้เองนะคะ” พร้อมเหน็บ
“เปล่านะคะคุณกร้าว ลิต้าอยากเก็บไปให้คุณจริงๆ ลิต้าอยากมอบให้คุณด้วยมือลิต้าเอง ลิต้าอยากให้คุณรู้สึกดีดีกับลิต้าบ้าง”
พร้อมแกล้งพูดลอยๆ “ยิ่งแก้ตัวยิ่งออกทะเลนะคะ”
ลลิตาดุพร้อม “นี่!” แต่พอเห็นหน้ากร้าวก็จ๋อยไป
“ผมก็เห็นเหมือนที่ป้าพร้อมเห็น...คุณจะเอาปืนนี่ไปทำอะไร”
ลลิตาแกล้งบีบน้ำตาสุดชีวิต “ลิต้าเปล่านะคะ”
“หรือว่าจะเอาไปทำร้ายใคร คุณจะทำอะไรอีก!?”
“คุณกร้าวไม่เชื่อลิต้า คุณตัดสินไปแล้วว่าลิต้าเลว...ลิต้าไม่ขอแก้ตัวอะไรอีกแล้ว” แล้วลลิตารีบวิ่งร้องไห้ออกไป
พร้อมมองตามอย่างงวยงง “อ้าว... ชิ่งไปซะอย่างนั้น”
กร้าวมองตามอย่างสงสัยท่าทีลลิตา แต่คิดไปไม่ถึงว่าปืนในมือเป็นปืนที่ลลิตาเอามาขู่อนุช
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 17 (ต่อ)
ลลิตาออกจากบ้านมา ท่าทางร้อนรน
“ซวยแล้ว ทำไงดี ความแตกแน่”
ลลิตาหันมองทางตัวบ้าน แล้วตัดสินใจออกไป
เช้านั้นหมอตรวจร่างกายอนุชที่ยังไม่ฟื้น เปิดตา ส่องไฟฉาย ตรวจหาอาการทั่วๆ ไป
“คุณหมอคะ...นุชยังไม่ฟื้นอีกคะ” อรชาถาม มีปรารภอยู่ข้างๆ
“ร่างกายคนไข้อ่อนแอมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว”
หมอยิ้มให้ อรชาไหว้ขอบคุณ หมอรับไหว้แล้วเดินออกไป
อรชามองอนุชที่หลับอยู่ “อรอยากรู้ว่าทำไมคุณกร้าวต้องทำร้ายนุชขนาดนี้ บีบจนนุชฆ่าตัวตายยังไม่พอ ยังมาทำร้ายกันเกือบตายแบบนี้อีก”
“ผมว่าถึงนุชฟื้นก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับแกเลยครับ เดี๋ยวจะสะเทือนใจอีก”
พอชาติที่รู้เรื่องปืนก็แปลกใจ ว่าปืนจะเป็นของใคร ระหว่างนั้นกรวิกมาบอกว่านุชย้ายจากห้องฉุกเฉินมาห้องพักแล้ว และเท่าที่ตนสอบถามมา อนุชพ้นขีดอันตรายแล้ว กร้าวโล่งใจมาก
ชาติพูดกับกร้าว “ถ้าไม่ใช่ปืนของแก แล้วจะเป็นปืนของใคร”
“คุณกร้าวเคยจ้างคนมาเฝ้าคุณนุชนี่คะ หรือว่าจะเป็นปืนของพวกนั้น” ขำออกความเห็น
“ไม่น่าจะใช่ ฉันไม่ได้ให้คนพวกนั้นพกปืนในบ้านนี้” กร้าวมั่นใจ
พร้อมอึกอัก ท่าทีเกรงใจ “อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะคุณกร้าว...สมมุตินะคะ เอ่อ... สมมุติว่า...”
ชาติหงุดหงิด “สมมุติ สมมุติ อยู่นั่นแหละ มีอะไรก็พูดมาสิ แม่พร้อม”
“คือ... สมมุติคุณนุชพกไว้ป้องกันตัวล่ะคะ”
“ป้องกันตัวจากผมเนี่ยนะ!” พร้อมพยักหน้า “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้”
“งั้นก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะคะ นอกจากโจรขึ้นบ้านคุณกร้าว แต่เกิดเปลี่ยนใจ ไม่เอาอะไรไป”
กร้าวได้ยินที่พร้อมว่าโจรขึ้นบ้าน ก็นึกถึงเหตุการณ์วันที่อนุชกินยาพิษ
เมื่อกร้าวเข้ามาในบ้าน เห็นสภาพเหมือนมีการต่อสู้ก็นึกหวั่นใจ และพอกร้าวเข้ามา เห็นอนุชนั่งหันหลัง โล่งใจว่านุชไม่เป็นไร
“นุช... ทำไมไม่ขานรับ ผมตกใจหมด นึกว่าโจรเข้าบ้าน ทำไมข้างล่างมันเหมือนกับมีคนต่อสู้กันอย่างนั้นล่ะ”
กร้าวคิดแล้วหน้าเครียด นึกสงสัย
“หรือว่าปืนนี่จะเกี่ยวกับที่นุชกินยาฆ่าตัวตาย” กร้าวเอ่ยขึ้น
ชาติฉงน “มันจะเกี่ยวกันได้ยังไง”
“ผมก็ไม่รู้ แต่จะต้องสืบให้รู้ให้ได้” สีหน้าของกร้าวมุ่งมั่นมาดหมายสุดๆ
ขณะเดียวกันธาริน กับแม่มาขอถอนหมั้นชายธงกับเธียร พอได้ฟังเธียรตกใจมาก
“ถอนหมั้น!” เธียรเหลือบมองตำหนิชายธงที่นั่งนิ่งอยู่ แล้วหันมาทางแม่ธาริน “ผมว่าใจเย็นๆก่อนดีกว่านะครับ” พลางหันมาที่ธาริน “หนูริน ลุงว่าค่อยพูดคอยจากันก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ชายธงมันทำอะไรให้หนูรินไม่พอใจ”
“พี่ชายธงไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ” ธารินบอก
“ลุงรู้ว่าลูกชายลุงมันไม่เอาไหน แต่หนูน่าจะให้โอกาสมันอีกซักครั้ง” เธียรหันมาทางชายธง “ รับปากหนูรินสิ ว่าแกจะทำตัวให้ดีขึ้น”
ชายธงไม่ยอมพูด ทำหน้าขัดใจ
เธียรดุ “ชายธง”
“คุณลุงคะ...อย่าว่าพี่ชายธงเลยค่ะ”
แม่ธารินแทรกขึ้น “อันที่จริงมันเป็นเรื่องของเด็กๆ น่ะค่ะ ถ้าเขาไม่รักกัน เราก็อย่าไปบังคับดีกว่า”
เธียรมองชายธงอย่างไม่พอใจ
ครู่ต่อมาชายธงเดินหนีออกมา เธียรตามมาต่อว่า
“เห็นผลงานของแกรึยัง ผู้หญิงดีๆ เขาหนีหมด”
“พ่อจะเอาอะไรกับผม เรื่องหมั้นพ่อก็จัดการเองหมด ไม่เคยถามผมซักคำ”
“แล้วแกมีปัญญาหาผู้หญิงที่ดีเท่าหนูรินได้รึเปล่า”
“แต่ผมไม่ได้รักริน ผมเห็นรินเป็นแค่น้องสาว”
ธารินแอบตามมามอง ได้ยินก็สะเทือนใจ
แต่เธียรกับชายธงไม่เห็นธาริน ชายธงเดินฮึดฮัดจะไป
“แล้วนั่นแกจะไปไหน”
ชายธงกวนโมโหพ่อ “ผมจะไปหานุช” แล้วหุนหันออกไป
“เฮ้ย ไอ้ชายธง กลับมา ฉันไม่ให้แกไป กลับมานะ ไอ้ชายธง”
ชายธงไม่หันกลับมา เธียรรีบตามไป ธารินรีบหลบออกไปอีกทาง
ธารินมาถึงที่จอดรถในบ้านก่อน แอบหลบเข้ามาแล้วปล่อยลมล้อรถคันหนึ่ง
ชายธงเดินหนีออกมาอีกด้านหนึ่ง เธียรตามมาต่อว่าชายธงเสียงกร้าวโมโหเต็มที่
“ไอ้ชายธง ได้ยินไหม ฉันไม่ให้แกไป”
“พ่อห้ามผมไม่ได้หรอก”
ธารินรีบหลบ ไปยืนแอบอยู่ที่หนึ่ง ชายธงเดินมาที่รถ ขึ้นรถขับออกไปทันที
“ไอ้ชายธง แกกล้าหนีไปดื้อๆอย่างนี้เหรอ...ได้ วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยแกแล้ว”
เธียรมาขึ้นรถอีกคัน จะขับตามไป ปรากฏว่ารถยางแบน เธียรออกมาดูก็ตกใจ
“เฮ้ย ทำไมมันเป็นอย่างนี้วะ” เธียรตะโกนเรียก “ใครอยู่แถวนี้ มาดูซิทำไมปล่อยให้รถฉันยางแบนแบบนี้!”
ธารินแอบดูอยู่ ขอโทษเธียรเบาๆ
“ขอโทษนะคะคุณลุง”
อนุชค่อยๆ ลืมตา ฟื้นขึ้นมา อรชากับปรารภเห็นก็ดีใจ
“นุช... นุชฟื้นแล้ว... นุชเป็นไงบ้าง...” อรชากุมมืออนุชไว้ “นุชไม่ต้องกลัว ไม่ต้องคิดอะไรมาก พี่อยู่นี่ พี่จะไม่ให้ใครทำร้ายนุชอีก”
อนุชฝืนยิ้ม น้ำตาซึม แต่ยังใส่เครื่องช่วยหายใจ พูดอะไรไม่ได้
อรชากับปรารภออกมาจากห้องเจอชายธงที่เพิ่งมา อรชาห่วงอนุช สภาพจิตใจย่ำแย่ กลัวฆ่าตัวตายอีก
“อ้าว ชายธง”
“นุชเป็นไงบ้างครับ” ชายธงร้อนใจ
“นุชฟื้นแล้ว แต่ดูไม่สดชื่นเลย สภาพจิตใจคงยังแย่อยู่” อรชาบอก
“ของแบบนี้คงต้องใช้เวลาครับคุณอร”
“ความจริงใช้เวลาเท่าไหร่ อรก็รอได้ อยากให้น้องกลับมาเหมือนเดิมกลัวแต่นุชจะคิดสั้น ทำร้ายตัวเองอีก”
“พี่อรไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะช่วยดูนุชอีกแรง”
“ขอบใจมากนะชายธง”
ชายธงเดินเข้ามาข้างเตียง อนุชลืมตามอง เห็นเป็นชายธงก็พยายามยิ้มให้ ชายธงเดินมาปลอบอนุช อนุชจับมือชายธงเป็นเชิงขอบคุณ ชายธงให้ไอแพดอนุชไว้เล่นเวลาเบื่อหรือไว้ติดต่อกับเขาหรือพี่ๆ
“เป็นไงบ้างนุช... ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะ”
อนุชยังพูดไม่ได้ แต่พยักน้ารับ
“นุชต้องเข้มแข็งไว้ให้มากๆนะ แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไร” ชายธงจับมืออนุชกอบกุมไว้ “เราจะอยู่ข้างๆ นุช จะไม่ให้นุชต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ อีกแล้ว”
อนุชซึ้งน้ำใจชายธง ยกมืออีกข้างมากุมมือชายธงไว้ ธารินแอบดูอยู่หน้าช่องมองสีหน้าเศร้า
ธารินที่แอบดูอยู่ผละออกมา ยืนพิงกำแพง สะท้อนใจ
“พี่ชายธงเป็นเหมือนแสงสว่าง รินคงเป็นได้แค่เงา ไม่มีวันตามทันหัวใจพี่ชายธง...แต่รินก็ดีใจ ที่เห็นพี่ชายธงมีความสุข”
ธารินยิ้มทั้งน้ำตา
วันต่อมา ลลิตาเครียดจัด มานั่งคุยกับเชิดผ่านซี่ลูกกรงข้องขังแต่เช้า
“แกต้องช่วยฉันนะเชิด ถ้าตำรวจจับได้ ฉันตายแน่”
เชิดพูดกับลลิตาอย่างไม่พอใจ
“แล้วเรื่องประกันตัวล่ะ”
ลลิตาไม่พอใจ “ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอด แล้วจะมีปัญญาอะไรไปช่วยแก”
เชิดฉุน “นี่จะหักหลังฉันเหรอ”
ลลิตาไม่พอใจ “ก็ถ้าแกไม่ช่วย แล้วจะเอาเงินที่ไหนล่ะ”
เชิดไม่ฟัง เขย่าลูกกรง “ฉันบอกให้ประกันตัวฉันออกไปเดี๋ยวนี้”
ลลิตาโกรธจัด เสียงดังใส่ “ก็ฉันบอกแล้วไง ไม่มีไม่มี ถ้าแกไม่ช่วยฉัน แกก็หมดประโยชน์ เชิญเป็นหมาเห่าอยู่ในกรงเถอะ”
“นังสารเลว”
เชิดเอื้อมมือผ่านลูกกรง กระชากผมลลิตาอย่างแรง ลลิตาไม่ทันตั้งตัวตกใจร้องกรี๊ด
“ปล่อยฉันไอ้เชิด ฉันบอกให้ปล่อย”
อสิตแอบสะกดรอยตามลลิตามา และแอบดูอยู่ ตกใจจะเข้าไปช่วยลลิตา แต่ร้อยเวรผ่านมาเสียก่อน อสิตจึงชะงัก กลับไปแอบดู อย่างเดิม
เชิดบีบคอลลิตา พลางขู่ตะคอก ลลิตาหายใจไม่ออก
“แกก็รู้ ฉันไม่ชอบให้ใครมาล้อเล่น”
ลลิตาร้องไห้ด้วยความกลัวจริง ๆ “ฉันกลัวแล้ว ฉันหายใจไม่ออก ช...ช่วยด้วย”
ร้อยเวรเดินมาเอากระบองเคาะลูกกรงเสียงดัง ปรามเชิด
“เฮ้ย ๆ ทำอะไร ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้”
เชิดกลัวตำรวจรีบปล่อยมือ ลลิตาหันไปด่าเชิด
“ไอ้เชิด ไอ้ชาติชั่ว ฉันขอให้แกตายกลายเป็นผีอยู่ในนี้”
เชิดแค้นจัดขู่กลับ “นังสารเลว อย่าให้ฉันออกไปได้ แกตายแน่”
ลลิตารีบเดินร้องไห้ออกไปด้วยความกลัว
อสิตที่กำลังแอบถ่ายรูปเชิด เห็นลลิตาเดินมาทางตน รีบหลบเข้าที่กำบัง ลลิตาเดินมาหยุดตรงที่อสิตแอบอยู่ หยิบผ้ามาคลุมหัว ผืนเดียวกับตอนที่คลุมตอนลอบฆ่าอนุชที่โรงพยาบาล พร้อมกับสวมแว่นดำ เดินตัวสั่นออกไปด้วยความกลัว โดยไม่ทันสังเกตเห็นอสิตที่แอบอยู่ด้านหลัง
อสิตโล่งอก มองรูปในกล้องมือถือที่ตนถ่ายไว้
ไม่นานต่อมาสามคนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้านมโนรมย์ อสิตเปิดรูปถ่ายเชิดในมือถือที่ตนแอบถ่ายไว้ได้ ปรารภบอกอสิตด้วยความลำบากใจ
“มันชื่อเชิด เป็นสามีเก่าลิต้า”
อสิตแปลกใจ “ทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องนี้”
“เค้าไม่ได้จดทะเบียนกัน แล้วก็เลิกกันตั้งนานก่อนมาเจอคุณ” ปรารภแปลกใจ “ผมไม่คิดว่าลิต้าจะยังติดต่อมันอยู่”
อรชาพูดบอกเสียงเบาไม่อยากให้อสิตสงสัย “ใช่คนเดียวกับคนที่เราเจอที่ไร่หรือเปล่า”
“ใช่ครับ”
“อรเคยเจอมันด้วยเหรอ” อสิตแปลกใจ
อรชาอึกอักไม่กล้าตอบ กลัวอสิตเป็นห่วงอนุชและเกรงใจปรารภ ปรารภพยักหน้าให้อรชาบอกอสิต
อรชาบอกเสียงอ่อย กลัวความผิด “ค่ะพี่สิต นายคนนี้พยายามฆ่ายัยนุชตอนอยู่ที่ไร่ แต่โชคดียัยนุชไม่เป็นไร”
อสิตไม่พอใจ “เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมถึงไม่บอกพี่”
“ตอนนั้นอรกลัวพี่สิตเป็นห่วงนี่คะ”
อสิตเอามือกุมขมับ พูดไม่ออก ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น
อสิตรับสายคุยโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น
“ว่าไงนะครับ ได้เบาะแสคนร้ายที่ทำร้ายนุชแล้ว”
อรชา ปรารภที่ยืนฟังอยู่ด้วย ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
อสิตอสิตกดตัดสาย “คราวนี้แกดิ้นไม่หลุดแน่ไอ้กร้าว”
อสิตพูดด้วยความเคียดแค้น ชิงชังกร้าว
ทางด้านกร้าวกับกรวิกยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ในร้านขายปืน คนขายดูปืนที่กร้าวเจอที่บ้าน
“ปืนไทยประดิษฐ์ ไม่มีทะเบียน” แล้วส่งปืนคืนกร้าว “คงตามหาเจ้าของยาก”
“คุณพอจะรู้จักไหม ใครที่ทำปืนแบบนี้บ้าง”
สามคนเดินทางมาที่โรงพักในเวลาต่อมา กำลังดูภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องสอบสวน เป็น ช่วงเวลาที่อนุชถูกทำร้าย แต่เป็นภาพมุมสูงระยะไกล ทางเลี้ยวไปห้องอนุช (ไม่ได้เห็นคนเข้า และเห็นหน้าคนในวีดีโอไม่ค่อยชัด
ดูเสร็จตำรวจถามอสิต อรชา ปรารภ ที่นั่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นอยู่
“เป็นไงครับ เห็นใครผิดสังเกตหรือเปล่า”
อรชาและปรารภเห็นหมอพยาบาลเดินผ่านไปมา ก่อนจะเห็นอสิตเดินออกมา ทุกอย่างดูปกติ
“นั่นพี่สิตใช่มั้ยคะ”
อสิตเห็นภาพตอนตัวเองเดินออกมา ก็จำได้
“ใช่ ตอนนั้นลิต้าโทร.บอกพี่ว่ามันมา” อสิตหมายถึงกร้าว ก่อนจะบอกกับตำรวจ “ฟอร์เวิร์ดไปตอนที่มันเข้ามาเลยครับคุณตำรวจ”
ตำรวจกดฟอร์เวิร์ดไปตอนที่กร้าวเข้ามา
“นั่นไง หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ยังจะปากแข็งอีก”
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นพยาบาลพาตัวอนุชออกจากห้องมา กร้าว ชายธง กรวิกตามหลังมาด้วยความเป็นห่วง
ปรารภสงสัย “แล้วผู้หญิงคนนั้นใครครับ”
ทุกคนดูภาพในกล้อง เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนไม่รู้ว่าที่แท้เป็นลลิตา เดินออกมาจากห้องอนุช แต่เห็นหน้าไม่ชัด
“เข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
ตำรวจกดฟอร์เวิร์ดกลับไปหลังจากอสิตออกไปไม่นาน เห็นลลิตาเดินมาหยุดมองซ้ายมองขวา ก่อนจะหยิบผ้ามาคลุมผม เดินเลี้ยวไปทางห้องอนุช
อรชาตกใจ “ก่อนคุณกร้าวจะมา”
“ไม่มีภาพชัดกว่านี้เหรอครับคุณตำรวจ” ปรารภถามตำรวจ
“กล้องตัวนี้ใกล้ทางเดินที่สุดแล้วครับ”
อสิตสะดุดใจนึกสงสัย “ช่วยย้อนภาพกลับไปหน่อยได้มั้ยครับ”
ตำรวจกดย้อนภาพกลับไปที่ผู้หญิงคนนั้นหยุดมองซ้ายมองขวา ก่อนจะหยิบผ้ามาคุลมผม แล้วเดินเลี้ยวไป
ภาพลลิตาเดินมาหยุดตรงอสิตซ่อนตัวอยู่ เอาผ้ามาคุลมผม แล้วเดินออกไป ผุดขึ้นมาในหัว อสิตเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
“ผมรู้แล้วว่าใคร”
ฝ่ายกร้าวยังเดินเข้าออกร้านขายปืนเถื่อนกับกรวิก คนขายอีกร้านหนึ่งมองปืนที่กร้าวนำมา เงยหน้ามองกร้าวอย่างชั่งใจ กร้าวรู้ทันรีบพูดสำทับ
“ผมแค่อยากได้ข้อมูล ไม่คิดจะทำให้คุณเดือดร้อน”
คนขายตัดสินใจบอก “ครับ ปืนนี่ผมทำเอง”
“คุณขายให้ใคร” กร้าวตื่นเต้น
คนขายอึกอัก กร้าวหยิบเงินห้าพันออกมาถือไว้ คนขายเห็นเงินก็ตาโต
“เป็นผู้หญิง สวยๆ”
กรวิกบอกกับกร้าวทันที “นังหมาบ้าลิต้าแน่!
กร้าวมองหน้ากับกรวิก แล้วหยิบเงินออกมาอีก
“ขายไปเมื่อไหร่” กร้าวถาม
คนขายมองเงิน “สองสามวันก่อน”
กร้าวส่งเงินให้แล้วรับปืนกลับคืนมา
“เป็นช่วงเดียวกับที่นุชกินยาฆ่าตัวตายพอดีนะคะอากร้าว”
“หรือนุชโดนบังคับให้กิน” กร้าวตั้งข้อสังเกต
เหตุการณ์ที่โรงพยาบาล หมอถอดเครื่องช่วยหายใจให้อนุช ชายธงดีใจมาก ถามหมอ
“นุชไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้วเหรอครับ”
“ร่างกายคนไข้ฟื้นตัวเร็ว ไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะครับ”
ชายธงไหว้ “ขอบคุณครับหมอ”
หมอรับไหว้แล้วเดินออกไปกับพยาบาล ชายธงตรงเข้ามาหาอนุช
“จะได้กลับบ้านแล้วนะนุช”
อนุชพยายามพูด “ขอบใจมากนะชายธง”
“นุชไม่ต้องกลัวว่าไอ้กร้าวมันจะมาทำร้ายนุชอีกแล้วนะตอนนี้พี่สิตกับพี่อรแจ้งจับไอ้กร้าว ข้อหาพยายามฆ่าแล้ว”
อนุชตกใจ “อะไรนะ!”
“ก็ไอ้กร้าวมันพยายามฆ่านุชครั้งแล้วครั้งเล่า” ชายธงพูดอย่างแค้นใจ
“คุณกร้าวอาจจะทำร้ายนุช แต่เขาไม่เคยคิดจะฆ่านุชคนที่จะฆ่านุชคือพี่ลิต้า” อนุชบอก
“สองคนนั้นคงร่วมมือกัน” ชายธงไม่วายคิดร้ายกับกร้าว
“ไม่จริงชายธง! คุณกร้าวไม่มีทางทำอย่างนั้น ชายธงช่วยโทร.บอกพี่สิตกับพี่อรหน่อย นุชกลัวว่าพี่ลิต้าจะย้อนมาทำร้ายทุกคน”
ชายธงพยักหน้ารับ “ได้...เดี๋ยวเรามานะ” ชายธงเดินออกไปเอาที่ชาร์จแบตในรถ
ตรงมุมหน้าห้องพักอนุชในโรงพยาบาล แหวนเปิดประตูห้องเดินออกไปอย่างรีบเร่ง ลลิตาที่ซุ่มแอบดูอยู่อย่างสิ้นหวังด้วยความกลัว พึมพำออกมาด้วยความเจ็บใจ
“คราวนี้แกไม่รอดแน่”
ลลิตาเดินตรงไปที่หน้าห้องอนุช
อนุชนึกขึ้นได้ว่าชายธงให้ไอแพดตนไว้ จึงพยายามเอื้อมมือหยิบไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน มาเปิดวิดีโอคอลหาอสิต อรชา
สามคนอยู่ในรถที่กำลังขับมาตามทาง สักครู่หนึ่งจึงเห็นวิดีโอคอลรูปหน้าอนุชในมือถืออรชา อรชาร้องบอกอสิต อย่างดีใจ ปรารภ ซึ่งขับรถอยู่ ดีใจด้วย
“ยัยนุชโทรมา...” อรชารีบพูดกับอนุช “หมออนุญาตให้ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วเหรอจ๊ะ”
อนุชยิ้มตอบ “ค่ะพี่อร...แต่นุชมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจะบอก”
อรชาแปลกใจ “เรื่องอะไรเหรอ”
“พี่ลิต้า” อนุชไอแค่กๆ
“พี่ลิต้าทำไมนุช”
อรชาถามด้วยความแปลกใจ
ขณะที่อนุชกำลังจะตอบอรชา แต่ได้ยินเสียงลลิตาดังมาเสียก่อน
“แหม หายใจได้แล้วเหรอจ๊ะนุช”
อนุชตกใจหันขวับไปเห็นลลิตายืนยิ้มอยู่หน้าประตูห้อง หน้าตาท่าทางไม่เป็นมิตร
“พี่ลิต้า”
อนุชค่อย ๆ วางไอแพดลงบนโต๊ะหัวเตียงโดยยังไม่ได้ปิดโปรแกรม
อรชาเห็นภาพลลิตาเดินเข้ามาข้างเตียง ก็ร้องบอกอสิตด้วยความตกใจ
พูดเสียงเบา กลัวเสียงเข้าเครื่อง “พี่ลิต้ามา”
อสิตตกใจรีบหันมาดูภาพในมือถืออรชา
ฝ่ายลลิตาเดินนวดนายเข้ามาหาอนุช
“ใช่ !!! พี่เอง คิดว่าสมองขาดออกซิเจนจนจำอะไรไม่ได้ซะอีก”
“ทำอย่างนี้ ต้องการอะไร”
ลลิตายิ้มร้ายหน้าตาน่ากลัว “ชีวิตแกไง”
อนุชถอยหนี กลัวจริงๆ “อย่าเข้ามานะคะ”
“แหม พี่ล้อเล่นนิดเดียวเอง”
ลลิตายิ้มหวาน ขณะเดินเข้าไปกระชากตัวอนุชกลับมาเต็มแรง
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 17 (ต่อ)
ค่ำนั้น อรชา กับปรารภยืนคุยกับตำรวจอยู่ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล ชายธงเดินเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“พี่อร คุณรภ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
อรชาบอกกับตำรวจ
“ขอบคุณนะคะคุณตำรวจ”
ตำรวจทำความเคารพแล้วเดินออกไป อรชาหันมาบอกชายธง
“นุชโดนลอบทำร้ายอีกแล้ว” อรชานึกแล้วหวั่นกลัวจนเกือบจะร้องไห้ “นุชเกือบจะโดนจับโยนลงมาจากตึกแล้ว ชายธง”
ปรารภเห็นอรชาท่าทางหวาดกลัวก็ปลอบ
“ตอนนี้นุชปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับคุณอร”
ชายธงแค้น
“ไอ้กร้าว”
“ไม่ใช่คุณกร้าวหรอก แต่เป็นพี่ลิต้า...แล้วโทษทัณฑ์ก็ตามเขาทันแล้วด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ปรารภหันมาบอก
“ลิต้าหนีตรวจออกไปแล้วโดนรถชน...ไม่ได้บาดเจ็บมากเท่าไหร่ แต่หน้าครูดกับถนนเป็นแผลเหวอะเลย...หน้าสวยๆ ที่เขาเคยใช้เพื่อหลอกล่อใครๆ ให้หลงเสน่ห์ ตอนนี้คงไม่เหลือแล้ว”
“แล้วตอนนี้นุชเป็นไงบ้าง”
“หมอตรวจอาการอยู่ในห้องฉุกเฉิน”
ในห้องฉุกเฉิน...อนุชค่อยๆ ลืมตาตื่น หมอดูอาการอยู่
“รู้สึกยังไงบ้างครับ”
“ยังมึนหัวนิดหน่อยค่ะ”
กร้าวผลักประตูเข้ามา
“คุณหมอ ภรรยาผมเป็นไงมั่ง”
พยาบาลเข้ามากันไว้
“ญาติคนไข้รอข้างนอกนะคะ”
หมอหันไปบอก
“ไม่เป็นไร...ภรรยาคุณปลอดภัยแล้วครับ”
อนุชเหลือบมองกร้าว แล้วเบือนหน้าหนี กร้าวเข้ามากุมมือไว้ หมอกับพยาบาลออกไปจากห้อง
“นุช ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”
อนุชน้อยใจ น้ำตารื้น
“คุณห่วงด้วยเหรอ”
“คุณไม่รู้หรอกว่าผมห่วงคุณมากแค่ไหน ตอนที่ผมเห็นคุณกับไอ้ขวดยานั่น ผมคิดว่าคุณโกรธเกลียดผมจนถึงกับฆ่าตัวตาย ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นฝีมือลิต้า...แต่ตอนนี้คุณไม่ต้องกลัวแล้วนะลิต้าโดนตำรวจจับไปแล้ว”
“พี่ลิต้าโดนตำรวจจับไป แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณยังมีใครอีกกี่คนที่อยากจะกำจัดฉัน...ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไป หรือการให้ผู้หญิงของคุณมาทำร้ายฉันก็อยู่ในแผนของคุณด้วย” อนุชตัดพ้อต่อว่า
“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ...ผมไม่ได้มีใคร...ผม...”
กร้าวอยากบอกว่ารัก แต่ก็ปากแข็งพูดไม่ออก อนุชดึงมือออกจากมือเขา
“คุณออกไปเถอะ ต่อไปนี้ คุณกับฉันอย่าเจอหน้ากันอีกเลย”
อนุชเบือนหน้าหนีอีกครั้ง กร้าวอึ้งไป
“นุช...”
ชายธง อรชา และปรารภเข้ามา เห็นกร้าวอยู่กับอนุชก็โมโห
“ไอ้กร้าว”
ชายธงกระชากกร้าวมาต่อยอย่างแรง กร้าวเซไปทุกคนตกใจ อนุชเป็นห่วงกร้าว
“คุณกร้าว”
ชายธงจะเข้าไปซ้ำ ปรารภดึงไว้
“อย่า ชายธง”
กร้าวหันมา เห็นเลือดซิบๆ ที่มุมปาก อนุชมองอย่างเป็นห่วง อรชาบอกกับกร้าว
“คุณไปซะเถอะค่ะ อย่าทำร้ายนุชไปมากกว่านี้อีกเลย ถือว่าฉันขอร้อง”
กร้าวมองอนุช เธอทำใจแข็ง เบือนหน้าหนี กร้าวสะท้อนใจ จำต้องออกจากห้องไป พวกอรชารุมเข้าหาอนุชอย่างเป็นห่วง ชายธงถามอย่างยังโกรธไม่หาย
“มันไม่ได้ทำอะไรนุชใช่ไหม”
อนุชส่ายหน้า อรชาถาม
“นุช...ไม่เป็นไรแล้วนะ”
อนุชฝืนยิ้มให้พี่สาว แต่ก็อดเหลือบมองทางกร้าวไม่ได้
กร้าวอยู่ในบ้าน กรวิกจะทายาใส่แผลให้ แต่เขาเบือนหน้าหนี
“ไม่เป็นไรนก อาไม่ได้เป็นอะไร”
กรวิกขัดใจ
“ทำไมอากร้าวต้องยอมให้ชายธงต่อยด้วย อากร้าวตัวใหญ่กว่า นกรู้ว่าเอาเข้าจริงชายธงก็สู้อากร้าวไม่ได้”
“นุชนอนป่วยอยู่ตรงนั้น จะให้อาไปมีเรื่องชกต่อยต่อหน้าเขาได้ยังไง”
“อ๋อ...ที่แท้ก็ห่วงนุช”
“อาเกือบเสียเขาไปตั้งหลายครั้ง มันทำให้อารู้ใจตัวเอง”
กรวิกตกใจ
“อากร้าวรักนุชเหรอคะ”
กร้าวรู้ตัวกลบเกลื่อน
“รู้ว่าอาไม่ได้แค้นพวกวิชเวทย์ขนาดจะให้ตาย แค่นั้น เข้าใจไหมนก”
กร้าวโมโหกลบเกลื่อน หน้าเครียดออกไป กรวิกมองตาม
กรวิกปรึกษาชาติที่มุมหนึ่งของบ้าน โดยมีพร้อมอยู่ด้วย
“จนถึงตอนนี้อากร้าวก็ยังโกหกตัวเองว่าไม่ได้รักนุช...นกอ่อนใจจริงๆค่ะ ไม่รู้จะช่วยอากร้าวยังไง คุณลุงช่วยพูดกับอากร้าวหน่อยสิคะ”
“ในเมื่อมันไม่ฟังเสียงหัวใจตัวเอง แล้วมันจะฟังลุงเหรอ”
พร้อมขัดขึ้น
“แต่จะปล่อยคุณกร้าวไว้อย่างนี้เหรอคะ”
ชาติถอนใจ
“ใครเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง เจ้ากร้าวเองก็ต้องได้รับบทเรียนบ้าง”
พร้อมกับกรวิกมองหน้ากันอย่างหนักใจ ไม่รู้จะช่วยกร้าวยังไง
เช้าวันใหม่...กรวิกกับคณิตเดินคุยกันมา
“ผมรู้มานานแล้วครับว่าไอ้กร้าวมันรักคุณนุช ถึงได้พยายามบอกให้คุณตัดใจ”
“ก็ฉันไม่รู้นี่ คิดว่าอากร้าวแค่หลงยัยนุช เพราะโดนยัยนุชปั่นหัว ไม่รู้ว่าอากร้าวจะรักนุชจริงๆ”
คณิตแซว
“แล้วตกลงจะยอมตัดใจ ลองมองคนอื่นบ้างได้รึยังครับ”
คณิตยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างล้อเล่น กรวิกตีแขนคณิต
“นี่คุณ ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ คนกำลังเครียดๆอยู่”
“จะเครียดทำไมละครับ เดี๋ยวหน้าแก่ไม่รู้ด้วย”
กรวิกค้อน
“คุณ”
“ล้อเล่น...เอ้า ไม่เล่นแล้วก็ได้ คุณอยากทำอะไร”
“ฉันอยากให้อากร้าวได้เจอนุช อยากให้กร้าวเปิดใจกับนุชซักที”
“ถ้าแค่นี้...ผมพอจะช่วยได้”
“จริงนะ”
คณิตพยักหน้ายิ้มๆ
กร้าวนั่งหน้าเครียด มีกองเอกสารวางตรงหน้า แต่เขาเหม่อมองออกไปที่อื่น คณิตเข้ามา เห็นท่าทางเพื่อนแล้วแกล้งแหย่
“หน้าตาเครียดๆ มีปัญหาอะไรรึเปล่า มีเพื่อนเป็นหมอ ปรึกษาได้นะ”
กร้าวแกล้งทำเป็นขึงขังกับงาน
“ไม่มี แล้วก็ไม่มีเวลาคุยกับแกด้วย งานยุ่ง”
คณิตไม่เชื่อ
“จริงอ่ะ”
กร้าวหันมองหน้า
“นี่ไง ไม่เห็นเหรอ”
คณิตกวน
“แต่เท่าที่รู้จากเลขาแก เขาว่าแกงดประชุม ไม่เข้าบริษัทหลายวัน เอาเอกสารมาให้ที่บ้านก็ดองไว้ ไม่ยอมเซ็น”
“แกจะหาเรื่องอะไรเนี่ย ถ้าไม่มีอะไรฉันไปล่ะ”
กร้าวลุกออกไป คณิตรีบพูดขึ้น
“ฉันมีวิธีให้แกเจอคุณนุช”
กร้าวชะงัก หันมอง คณิตยิ้มๆ แล้วอธิบาย
“ช่วงสายๆของทุกวัน หมอเจ้าของไข้จะเข้ามาตรวจคุณนุช ช่วงนั้นคุณอรกับคุณรภจะออกไปกินข้าว แกจะมีเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่คุณอรจะกลับมา ใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์ เคลียร์กับคุณนุชซะ”
ในห้องพักโรงพยาบาล...อนุชนอนเอนหลังอยู่ที่เตียง มองออกไปที่ระเบียง ได้ยินเสียงประตู เธอหันไปมอง
“ลืมอะไรเหรอคะคุณหมอ”
กร้าวเข้ามา อนุชเห็นกร้าวก็อึ้งไป ปั้นหน้าเย็นชา
“คุณมาที่นี่อีกทำไม”
“ผมเป็นห่วง อยากรู้ว่าคุณเป็นยังไงบ้าง”
“เห็นแล้วนี่ว่าฉันยังไม่ตาย กลับไปได้แล้ว”
กร้าวเข้ามาจับมืออนุช
“เราคุยกันดีๆไม่ได้เหรอนุช”
อนุชดึงมือออก
“ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ อยากคุยดีๆ ทำไมไม่ไปคุยกับพี่ลิต้าล่ะ”
“ทำไมต้องไปพูดถึงเขา...หรือว่า คุณหึงลิต้า”
“อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย”
“ผมไม่ได้หลงตัวเอง แต่คำพูดคุณมันฟ้อง ผมอยู่กับภรรยาคนสวยของผม ทำไมต้องไล่ผมไปคุยกับคนอื่น”
เขาจับมือเธอมากุมไว้อีก
“หึ ถ้าพี่ลิต้าเป็นคนอื่นสำหรับคุณ ฉันคงยิ่งห่างไกลคำว่าภรรยาของคุณ”
อนุชดึงมือออกสะบัดหน้าหนี กร้าวมองอย่างหนักใจ ไม่รู้จะง้อยังไง
คณิตกับกรวิกคอยดูต้นทางให้กร้าว กรวิกหันไปเห็นอรชากับปรารภเดินกลับมา
“ตายแล้วคุณ พี่อรกลับมาแล้ว อากร้าวยังไม่ออกมาเลย เอาไงดี”
คณิตคิดหนัก
“ไปถ่วงเวลาไว้ก่อน”
คณิตกับกรวิกรีบออกไปดักทางอรชากับปรารภ
“สวัสดีครับคุณอรชา คุณปรารภ...บังเอิญจังนะครับ”
กรวิกเสริม
“ค่ะ บังเอิ๊นบังเอิญ”
อรชากับปรารภแปลกใจท่าทางคณิตกับกรวิก
“มาเยี่ยมนุชเหรอคะ”
คณิตกับกรวิกมองหน้ากันอึกอัก ก่อนจะหันไปตอบพรอมกัน
“เปล่าค่ะ บังเอิญนก...”
“ครับ มาเยี่ยม...”
ทั้งสองดันตอบไม่ตรงกัน หันมองตำหนิกันเอง คณิตรีบบอก
“บังเอิญคุณนกมาหาผม บังเอิญผมมาเยี่ยมคุณนุช ก็เลยบังเอิญมาเจอคุณอรกับคุณรภน่ะครับ”
กรวิกรีบเสริม
“เห็นไหมคะ บังเอิ้นบังเอิญ”
คณิตกับกรวิกแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน อรชากับปรารภมองหน้ากันงงๆ
กร้าวยังง้ออนุชอยู่ในห้อง
“ทำไมคุณพูดอย่างนั้นล่ะนุช คุณเป็นภรรยาผมนะ”
“ฉันต่างจากพี่ลิต้าตรงแค่มีทะเบียนเท่านั้น”
“หมายความว่าไง...คุณคิดว่าผมกับลิต้า...”
อนุชเบือนหน้าหนี
“ไม่จริงเลยนะนุช ผมกับลิต้าไม่เคยมีอะไรกัน”
อนุชแกล้งประชด
“ฉันไม่แคร์หรอกนะว่าคุณจะมีอไรกับเขารึเปล่า”
“คุณแคร์ ถ้าไม่แคร์คุณจะโกรธผมเหรอ...นุช ลิต้าหลอกคุณ เขาแค่ต้องการทำร้ายคุณ”
“แต่สิ่งที่เขาทำไม่เจ็บเท่าที่คุณทำกับฉัน คุณออกไปได้แล้ว”
“ไม่...ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ได้...คุณไม่ไป ฉันไปเอง”
อนุชลุกออกไป กร้าวเข้ามารวบตัวกอดไว้
“ผมไม่ให้คุณไป”
อนุชดิ้น
“ปล่อยฉันนะ”
กร้าวกลับยิ่งกอดแน่น
“นุช...เรากลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนก่อนได้ไหม...นะ”
อรชา ปรารภ คณิต กรวิก ทั้งสี่ยังคุยกันอยู่ ปรารภมองคณิตกับกรวิก
“ตกลงว่าคุณสองคนมาเยี่ยมนุชเหมือนกัน”
“ค่ะ...ใช่ค่ะ” กรวิกหันไปหาคณิต “ใช่ไหมคุณ”
“ครับๆ”
“งั้นจะเสียเวลายืนคุยกันทำไมล่ะครับ เข้าไปเยี่ยมนุชสิ ไปครับคุณอร”
อรชากับปรารภชักชวนกันไป กรวิกกับคณิตหน้าตื่น กรวิกรีบขวาง
“ไม่ได้นะคะ ยังไปไม่ได้”
อรชาแปลกใจ
“ทำไม”
กรวิกอึกอัก
“เอ่อ...คือว่านกอยากให้เราอยู่คุยกันก่อน”
อรชามองหน้า
“จะคุยอะไรงั้นก็คุยสิคะ”
“เอ่อคือว่า...”
ปรารภชักสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นท่าทางแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว”
คณิตอึกอัก
“ผม...เอ่อ...”
อรชาเอะใจ
“อย่าบอกนะคะ ว่ากำลังเล่นตลกอะไร” อรชาหันไปหาปรารภ “คุณรภ รีบกลับไปดูยัยนุชเถอะค่ะ”
อรชากับปรารภผละออกไป คณิตกับกรวิกหน้าเครียดกลัวแผนแตก
เวลานั้นกร้าวกอดอนุชแน่นไม่ยอมให้ไปไหน อนุชชะงักอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ครู่หนึ่งก็ดิ้นขึ้นมาอีก
“ไม่ ฉันจะไม่กลบไปอีกแล้ว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“ผมไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะกลับไปอยู่กับผม...นะครับ ผมขอร้อง ผมไม่อยากตื่นขึ้นขึ้นมาโดยไม่มีคุณ” กร้าวอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานกระซิบข้างหู “นะครับ นะ นะครับนุช นะ”
อนุชได้ยินน้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาของเขา อยู่ข้างหู หัวใจก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ แต่จะหันหน้าหนีก็เห็นสายตาวิงวอนร้องขอของเขา ไฟปรารถนาในตัวก็ลุกโชนขึ้นมา แขนขามือไม้อ่อน ยากจะปฏิเสธ ปล่อยให้เขากระซิบอยู่ข้างหูอย่างแผ่วเบา แต่พอนึกได้ว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้น น้ำตาแห่งความน้อยใจ เสียใจ ก็เอ่อท้นขึ้นมาเต็มสองตา เธอพยายามทำเสียงแข็ง
“คุณทำให้ฉันใจอ่อน คงเป็นการแก้แค้นอีกสินะ”
อนุชน้ำตาไหลออกมาด้วยความพ่ายแพ้ กร้าวเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา
“ถ้านี่เป็นการเอาคืน คุณก็ทำสำเร็จเหมือนกัน”
“คุณได้ทุกอย่างไปหมดแล้ว ต้องการอะไรอีก”
“ไม่มี...ขอแค่...อยู่กับผม”
อนุชส่ายหน้าปฏิเสธอย่างถือดี
“ฉันจะแก้แค้น”
“ผมจะยอม”
“ฉันจะขังคุณ”
“ด้วยอ้อมแขน”
“ฉันจะทรมานคุณ”
“ด้วยสายตา”
“ฉันจะย่ำยีคุณ”
“ด้วยริมฝีปากของผม”
กร้าวประทับรอยจูบบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา อนุชรู้สึกล่องลอยราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ อยากจะหยุดเวลานี้ให้ยาวนาน เพื่อลืมความโกรธแค้นที่ผ่านมา...แต่ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย รักนิรันดร์จึงเป็นได้แค่ตัวหนังสือ เมื่ออรชากับปรารภเข้ามาในห้อง และเห็นภาพนั้นโดยบังเอิญ
“นุช” อรชาเข้าไปผลักกร้าวออก แล้วตบเปรี้ยง “คนเลว”
กร้าวเสียหลักไป ปรารภเข้ามาผลักซ้ำ
“อย่าค่ะพี่อร พี่รภ”
ปรารภผลักกร้าวออกมาจากห้อง อรชาตามมาตบตีไม่ยั้ง กร้าวได้แต่ปัดป้องไม่สู้
“คุณทำแบบนี้ทำไมคุณกร้าว เห็นหัวใจคนอื่นเป็นของเล่นหรือไง”
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นคุณอร”
“แล้วทำแบบนี้กับนุชทำไม”
“ผม...ผม...”
กรวิกกับคณิตที่ยืนลุ้นอยู่ห่าง ๆ กรวิกพูดแบบไม่มีเสียง
“บอกไปสิว่ารัก”
อรชาระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
“คุณรู้มั้ย คุณทำให้นุชเสียใจแค่ไหน จะแก้แค้นพวกเราไปถึงไหน”
“ผมบอกแล้วไม่มีเจตนาอย่างนั้น”
“งั้นก็บอกมาสิ ทำทำไม”
กร้าวไม่กล้าเอ่ยคำว่ารักออกมา เพราะรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ ที่หลงรักลูกของศัตรู ทันใดนั้นอนุชก็ออกมา
“ไม่ต้องไปพูดกับเขาแล้วค่ะพี่อร”
ปรารภหันมาพูดกับกร้าวเสียงเข้ม
“คุณไปซะดีกกว่า อย่าให้เราเรียกตำรวจเลย”
กรวิกกับคณิตที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้าม
“ผมว่าใจเย็น ๆ ก่อนดีกว่าครับ”
อรชาจ้องหน้าคณิต
“คุณก็เหมือนกัน รู้เห็นกันใช่มั้ย เสียแรงที่ฉันไว้ใจ...พี่จะพานุชกลับไปพักฟื้นที่บ้าน จะได้ไม่ต้องทนอยู่ที่นี่ให้ใครมาย่ำยีอีก”
อรชาจูงมืออนุชกลับเข้าห้องไป กร้าวมองตามอย่างใจหาย
กร้าวเดินผิดหวังออกมา แล้วมาหยุดยืนถอนใจ คณิตกับกรวิตามเข้ามา
“อากร้าว...นกขอโทษนะคะ นกแค่อยากจะช่วย แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะไปกันใหญ่อย่างนี้”
กร้าวหันมาฝืนยิ้มให้คณิตกับกรวิก
“ไม่เป็นไร อารู้ว่านกหวังดี”
คณิตถอนใจเครียด
“ทำกับเขาไว้มาก คงต้องให้เวลาเขาทำใจบ้าง แกเองก็อย่าเพิ่งหมดหวังล่ะ”
กร้าวหนักใจ
“ฉันเข้าใจ ขอบใจ เพื่อน”
อรชากับปรารภช่วยกันประคองอนุชเข้ามาในบ้าน
“นั่งก่อนนุช...”
ปรารภปลอบ
“ได้กลับบ้านอีกครั้งนะ นุช”
อรชาหน้าตาจริงจัง
“คราวนี้เป็นตายร้ายดียังไง พี่ก็จะไม่ยอมให้นุชไปไหนอีกแล้ว”
อนุชพยักหน้ารับ
“ค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ นุชจะไปไหนอีกแล้ว”
อรชากอดปลอบน้อง ปรารภพลอยยิ้มไปด้วย
นายหน้าขายบ้านยืนรออยู่หน้ารั้ว อสิตเดินออกมาเจอ
“ว่าไงคุณ ผมมาทวงสัญญา”
อสิตเสียงแข็ง
“ผมไม่เคยสัญญาอะไรกับคุณ”
“แต่คุณสัญญากับเจ้าของใหม่บ้านนี้”
ผู้ชายคนหนึ่งก้าวออกมาจากรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เห็นว่าเป็นเสี่ยยศนั่นเอง อสิตอึ้ง
“เสี่ยยศ...เสี่ยเองเหรอ ที่ซื้อบ้านผม”
“ดูท่าเราสองคนนี่ คงไม่หมดเวรหมดกรรมกันง่ายๆนะ ตกลงยังไง จะย้ายออกเมื่อไหร่”
“ผมขอเวลาอีกหน่อยได้ไหม”
“เฮ้ย ขายทิ้งแล้วมาขออยู่ฟรี แบบนี้ไม่แฟร์นี่หว่า ไม่มีปัญญาอยู่คฤหาสน์ก็ตัดใจไปอยู่รังหนูสิวะ”
อสิตฉุน
“นี่บ้านพ่อแม่ผม ถึงอดตายผมก็ไม่คิดจะขาย แต่เป็นเพราะผมโดนคนโกงต่างหาก”
เสี่ยยศยกมือห้าม
“ไม่ต้องอธิบาย อั๊วะมันคนทำธุรกิจ ไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์”
“ได้ งั้นผมขอซื้อบ้านคืน”
เสี่ยยศยิ้มเหยียด
“ลื้อแน่ใจเหรอ ว่าจะมีปัญญาซื้อ”
อสิตกลับเข้ามาในบ้าน บอกอรชาว่าเสี่ยยศซื้อบ้านไปและจะขายคืนในราคาเพิ่มอีกเท่าตัว อรชาตกใจ
“อะไรนะคะ เสี่ยยศเพิ่มราคาอีกเท่าตัว”
“ไอ้นี่มันเขี้ยวลากดิน มันเห็นเราอยากได้บ้านคืน มันเลยขูดรีดกันขนาดนี้”
อรชาน้ำตาคลอ
“แล้วเราจะเอาเงินมาจากที่ไหน”
อสิตครุ่นคิดไป
“ถ้ามีงานก็มีเงิน...บางที พี่จะลองกอบกู้รัตนกิจขึ้นมาอีกครั้ง”
อนุชเดินออกมา เห็นอาการพวกพี่ๆก็แปลกใจ
“พี่สิต พี่อร มีอะไรกันเหรอคะ”
อสิตรีบส่งสายตาให้ อรชาก้มหน้าก้มตา แอบเช็ดน้ำตา อสิตฝืนยิ้ม
“ไม่มีอะไรจ้ะ”
อนุชมองอรชา
“แน่ใจเหรอคะ”
อรชาฝืนยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะนุช ฝุ่นเข้าตาพี่น่ะ พี่สิตเลยว่าพี่ไม่ระวัง”
อนุชยิ้ม
“ฝุ่นเข้าตา จะให้ระวังยังไงล่ะคะ มาค่ะ นุชดูให้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ออกแล้ว”
อนุชยังงงๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัย เดินเลยไป อสิตรีบกำชับอรชา
“จะให้นุชรู้ไม่ได้นะอร น้องร่างกายยังไม่แข็งแรง เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปอีก”
อรชาพยักหน้ารับเศร้าๆ
“ค่ะ พี่สิต”
วันใหม่...อรชากับปรารภเดินคุยกันเข้ามาในบ้าน
“ตอนนี้พี่สิตกำลังติดต่อพวกผู้ถือหุ้นเดิมของรัตนกิจให้ช่วยกันซื้อหุ้นกลับมาน่ะค่ะ...อย่างน้อย น่าจะมีใครเห็นแก่คุณพ่อบ้าง”
ปรารภอึกอักหนักใจ
“คงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“หมายความว่าไง”
“ผมได้ยินมาว่ารัตนกิจถูกขายทอดตลาดไปแล้ว ตัวอาคารก็กำลังโดนทุบทิ้งเพื่อสร้างเป็นคอนโด”
อรชาหน้าถอดสี หมดหวัง
ขณะเดียวกัน กรวิกรายงานกร้าวเรื่องการซื้อคืนอาคารรัตนกิจ ว่าโดนทุบสร้างคอนโดไปแล้ว ซื้อคืนไม่ทัน กร้าวเครียดขึ้นมา
“ตึกรัตนกิจโดนทุบสร้างคอนโดไปแล้ว!?” กร้าวย้อนถาม
“ค่ะอากร้าว เราซื้อคืนไม่ทัน”
กร้าวผละเดินออกมา หน้าตาเครียดเคร่ง กรวิกมองตามอย่างเป็นห่วง
กร้าวรำพึงกับตัวเอง “ถ้าผมไม่ทำอะไรซักอย่าง...คุณคงไม่ให้อภัยผมไปตลอดชีวิต”
ค่ำนั้น อรชารู้เรื่องจากอสิตก็น้ำตารื้น
“หมายความว่าเราหมดหวังแล้วใช่ไหมคะ”
“พี่บอกแล้วไงอร อย่าร้องไห้ เดี๋ยวน้องมาเห็นเข้า”
“อรไม่ได้อยากร้องค่ะ แต่อรบังคับมันไม่ได้”
อนุชเข้ามา อสิตเห็นก็รีบตำหนิอรชา
“ยัยอร”
อรชารีบเช็ดน้ำตา อนุชสงสัย
“พี่สิตกับพี่อรมีอะไรปิดบังนุชกันแน่คะ”
อรชาฝืนยิ้ม
“ม...ไม่มีอะไรจ้ะ...พี่...”
อนุชถอนใจ
“พี่อรผงเข้าตาอีกแล้วเหรอคะ”
อรชาเหลือบมองหน้าอสิต รู้สึกผิด
“พี่สิตกับพี่อรมีอะไรปิดบังนุชกันแน่คะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เหลือกันแค่สามคน พี่สิตกับพี่อรจะแบกทุกอย่างไว้ตามลำพังไม่ได้นะคะ นุชก็วิชเวทย์คนนึงเหมือนกัน”
อสิตมองหน้ากับอรชา อรชาพยักหน้าว่าให้บอกอนุช อสิตตัดสินใจบอก
“เราต้องย้ายออกจากบ้านนี้แล้วนุช เราไม่เหลืออะไรแล้ว”
อนุชตกใจ
“อ...อะไรนะคะ”
อรชาน้ำตาไหล
“เสี่ยยศที่เคยเป็นเจ้าหนี้พี่สิตซื้อบ้านหลังนี้ไว้ เขาโก่งราคาเป็นอีกเท่าตัว...เราไม่มีทางจะซื้อบ้านคืนได้เลยนุช”
อนุชอึ้ง เศร้าใจ ผิดหวัง...แต่แล้วก็มีแรงฮึดขึ้นมา
“มันต้องมีทางที่เราจะทำอะไรได้บ้าง นุชจะไม่ยอมแพ้แค่นี้”
เช้าวันใหม่...อนุชเตรียมจะออกจากบ้าน อสิตกับอรชาตามออกมา
“นุช...นุชจะไปไหน”
“นุชจะไปเจรจากับเสี่ยยศ”
อสิตตกใจ
“ไม่ได้นะนุช นุชลืมแล้วเหรอ ครั้งก่อนที่นุชไปต่อรองกับมัน เกิดอะไรขึ้น”
อนุชนิ่งอึ้งไป นึกถึงภาพในอดีต...เสี่ยยศยิ้มร้าย ลูบแก้มอนุช
“คุณหนูวิชเวทย์ ทั้งสาว ทั้งสวย คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม”
อนุชยกมือไหว้ ร้องไห้ ร้องขอชีวิต”
อนุชหวาดกลัว
“อย่าทำอะไรฉันเลย”
เสี่ยยศซุกไซ้ อนุชกรี๊ดลั่น...กร้าวเข้ามาในห้อง อนุชดีใจ
“คุณกร้าว”
อนุชนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสีหน้าหนักใจ อรชาสะท้อนใจ
“ตอนนั้นถ้าไม่ได้คุณกร้าว...”
อสิตตวาด
“อย่าพูดถึงมัน”
อนุชพูดขึ้น
“ตอนนั้นเขาช่วยเราเพราะต้องการให้เราตายคามือเขา แต่ตอนนี้เราต้องสู้เพื่อตัวเราเอง...พี่สิต พี่อรไม่ต้องห่วง เราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ยังไงนุชก็ต้องไปต่อรองกับเสี่ยยศ”
อนุชจะไป อสิตกับอรชารีบตาม อรชาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนนุช”
อสิตตัดสินใจ
“ถ้าจะไป เราก็ไปด้วยกันทั้งหมดเนี่ย”
อนุชยิ้มกับพี่ๆ ฮึดสู้กันขึ้นมา แหวนเข้ามา
“คุณอสิตคะ มีคนมาหาค่ะ”
สามพี่น้องหันมอง เห็นเสี่ยยศเดินเข้ามา
เสี่ยยศยื่นโฉนดบ้านคืนให้
“นี่โฉนดของพวกลื้อ”
อสิตงงๆ
“นี่หมายความว่าไง เสี่ยจะเล่นลูกไม้อะไรอีก”
“อั๊วมันแค่คนค้าขายตรงไปตรงมา ไม่คิดจะลูกไม้ลูกแมวลูกหมาอะไร แต่ไอ้การซื้อขายน่ะ ศาลสั่งให้เป็นโมฆะไปแล้ว เพราะไอ้ลายเซ็นเจ้าของบ้านมันเป็นลายเซ็นปลอม”
อนุชกับอรชาดีใจ อรชาตาลุกวาว
“หมายความว่า...”
อนุชดีใจสุดๆ
“บ้านยังเป็นของพวกเรา”
อรชาพยักหน้ารับ สองพี่น้องยิ้มยินดี เสี่ยยศมองอนุชอย่างกรุ้มกริ่ม
“คิดถูกที่มาส่งข่าวด้วยตัวเอง ได้เห็นรอยยิ้มคุณอนุชแบบนี้ นับว่ามาแล้วคุ้มจริงๆ”
อสิตไม่พอใจ
“หมดธุระแล้ว เสี่ยกลับไปเถอะ” อสิตตะโกนเรียกแหวน “แหวน มาพาเสี่ยออกไป เดี๋ยวแกจะหาทางกลับไม่ถูก”
แหวนมาเชิญเสี่ยยศออกไป เสี่ยยศทำหน้ากวนๆ ลุกออกไป อสิตยังหน้านิ่ว นึกคิดอะไรอยู่ อนุชตัดบท
“พี่สิตคะ...ช่างเขาเถอะ ยังไงตอนนี้บ้านก็กลับมาเป็นของพวกเราแล้ว”
อสิตสงสัย
“อยู่ๆศาลก็สั่งให้การซื้อขายเป็นโมฆะ...พี่กำลังคิดว่ามันง่ายไปรึเปล่า”
อนุชกับอรชามองหน้ากัน พลันรู้สึกแปลกๆไปด้วย
เวลาผ่านไปอีก เสี่ยยศพาตัวเองมาอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านของกร้าว มีลูกน้องเสี่ย 2-3 คนยืนคุมเชิงอยู่ด้วยห่างออกไปหน่อย
“ผมยังแปลกใจไม่หาย คุณซื้อบ้านกลับคืนให้พวกวิชเวทย์ในราคาสูงกว่าเดิมตั้งเท่าตัว แต่กลับไม่ให้บอกพวกนั้น จะปิดทองหลังพระไปทำไม”
“ผมซื้อเป็นของขวัญคืนให้อนุช แต่กลัวว่าเขาจะไม่รับ”
“ชักอยากรู้ว่านอกจากยิ้มสวยๆ น้องสาวคนเล็กของวิชเวทย์มีอะไรดี นักธุรกิจอย่างคุณถึงยอมทุ่มเงินขนาดนี้...ใช้เสร็จส่งต่อบ้างนะ” เสี่ยยศปากเปราะ
กร้าวโมโหลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อเสี่ยยศ ลูกน้องเสี่ยดาหน้าเข้ามาทันที
กร้าวระงับอารมณ์
“ที่พูดถึงนั่นเมียผม ให้เกียรติกันบ้าง” กร้าวสะบัดเสี่ยยศออกหยิบเช็คปาให้ “เอาไป แล้วอย่ามายุ่งกับครอบครัวนั้นอีก”
เสี่ยยศยิ้มอย่างไม่แคร์ จัดคอเสื้อตัวเองแล้วหยิบเช็คเดินกร่างออกไป ลูกน้องตามติด กร้าวมองตาม หัวเสียสุดๆ ที่เสี่ยปากเปราะพูดไม่ให้เกียรติอนุช
ปรารภรู้เรื่องจากอรชาก็แปลกใจ
“เสี่ยยศบอกว่าการซื้อขายเป็นโมฆะไปแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ...ทำไมเหรอคะคุณรภ”
“ทนายผมเพิ่งโทร.มาบอกว่าเอกสารมีปัญหา เลยยังไม่ส่งฟ้อง...แล้วทำไมเสี่ยยศบอกว่าศาลตัดสินเป็นโมฆะไปแล้ว”
อนุชแปลกใจ
“คดียังไม่ส่งฟ้อง”
ปรารภพยักหน้ารับ อรชาครุ่นคิด
“หรือว่าจะมีใครเล่นตลกอะไรอีก”
อนุชคิดไปถึงกร้าวรำพึงกับตัวเอง
“คุณกร้าวงั้นเหรอ...”
ขณะเดียวกัน 2 พ่อลูก อยู่ที่คฤหาสน์ เธียรวางแฟ้มงานกองใหญ่ตรงหน้าชายธงโครมใหญ่ พูดสำทับ
“อ่านซะ พรุ่งนี้แกต้องเข้าประชุมที่บริษัท”
ชายธงหน้าตื่น “อ่านทั้งหมดเนี่ยนะครับ”
“ก็ใช่น่ะสิวะ ไม่งั้นแกจะรู้รายละเอียดโครงการได้ยังไง หรือจะนั่งทางใน”
“ให้ผมเตรียมตัวก่อนไม่ได้เหรอ ผมเลื่อนไปเข้าประชุมคราวหน้าได้ไหม” ชายธงต่อรอง
เธียรเสียงแข็ง “ไม่ได้! อย่างแกให้เวลาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เอาเวลาไปหาแม่อนุชนั่นหมด”
ชายธงส่งเสียงระอาผู้เป็นพ่อสุดๆ “พ่อ...”
“อ่านไป! แล้วเข้าประชุมพรุ่งนี้ด้วย”
เธียรออกไป ชายธงส่ายหน้า หงุดหงิดมาก แต่ก็จำต้องเปิดแฟ้มเอกสารอ่าน โดยไม่รู้ว่าธารินแวะมาหา และมาแอบดูอยู่อย่างเป็นห่วง
ตกตอนกลางคืน ชายธงยังนั่งอ่านเอกสารมาทั้งวัน ท่าทางอ่อนล้าและง่วงนอน
ชายธงดูกองเอกสารแล้วทอดถอนใจ “ยังเหลืออีกตั้งเยอะ”
ระหว่างนั้นสาวใช้นำกาแฟและขนมมาเสิร์ฟให้
“คุณชายธงคะ กาแฟค่ะ”
“รู้ใจมากเลย กำลังอยากได้กาแฟ”
ชายธงดื่มกาแฟ ขณะที่สาวใช้วางจานขนมบนโต๊ะ ธารินแอบมองเข้ามา ยิ้มชื่นใจ
“หือ อร่อยด้วยนะเนี่ย ไปหัดชงได้อย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
สาวใช้อึกอัก “ซื้อ ซื้อมาค่ะ”
“ไปซื้อร้านไหนมา”
“เอ่อ... ร้านเดียวกับขนมเนี่ยค่ะ”
“ก็ร้านไหนล่ะ” ชายธงคาดคั้น
“ไม่ทราบค่ะ มีคนให้มา” สาวใช้บอก
ธารินหน้าตื่นกลัวความแตก
“ใครให้มา”
สาวใช้อึกอัก เหลือบไปมองทางที่ธารินแอบอยู่ ธารินรีบส่ายหน้า โบกไม้โบกมือ
“คุณเธียรซื้อมาค่ะ ให้หนูเอามาให้คุณชายธง”
ชายธงอึ้งๆ “พ่อมีแอบใจดีเหมือนกันเหรอเนี่ย”
ชายธงไม่ติดใจสงสัย ดื่มกาแฟกินขนมไป ธารินที่แอบอยู่ถอนหายใจโล่งอก
ไม่นานต่อมาชายธงเดินมาเจอเธียร
“ชายธง อ่านรายละเอียดโครงการหมดรึยัง”
“เกือบแล้วครับ...” ชายธงนึกถึงกาแฟกับขนม “เออ พ่อ... ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณอะไรของแก” ผู้เป็นพ่องวยงง
“ก็...”
ชายธงไม่ทันได้บอก เธียรขัดขึ้นก่อน “เออ แกเจอหนูรินไหม เขาเข้าไปทักแกมั่งรึเปล่า”
“รินมาเหรอครับ ผมไม่เจอเลย” ชายธงแปลกใจ
“นั่นไง เขายังโกรธแกอยู่...ไอ้ชายธงเอ๊ย ผู้หญิงดีๆ ปล่อยให้หลุดมือแต่กลับไปหลงผู้หญิงที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอย่างอนุช”
ชายธงฉุนกึก “พ่อจะใส่ร้ายอะไรนุชอีก”
“ฉันใส่ร้ายที่ไหน เขาพูดกันในแวดวงนักธุรกิจว่านายกร้าว ศุภกาญจน์ถูกพวกวิชเวทย์จับจนอยู่หมัด ถึงกับขายบ้านแล้วให้นายกร้าวซื้อคืนให้แล้วอัพราคาเป็นสองเท่าของที่ขายไปเลยนะ แกคิดดู”
ชายธงฟังแล้วครุ่นคิดหน้าเครียดไป
อนุชรู้เรื่องจากชายธงที่แวะมาหาที่บ้านมโนรมย์แต่เช้า
“แน่ใจนะชายธง ว่าเป็นคุณกร้าว”
ชายธงพยักหน้ารับ “มันไม่ได้เอาเรื่องนี้มาต่อรองกับนุชเหรอ”
อนุชส่ายหน้า “เขาให้คนที่ซื้อบ้านโกหกพวกเราด้วยซ้ำว่าการซื้อขายเป็นโมฆะตั้งแต่แรก” อนุชคาใจนัก คิดไปมา “คุณกร้าวกำลังจะทำอะไร”
“ไม่ว่ามันจะทำอะไร เจตนามันไม่บริสุทธิ์แน่ นุชระวังตัวไว้ด้วย”
อนุชพยักหน้ารับ แล้วครุ่นคิดต่อไป
ตอนสาย กรวิกยกแก้วน้ำมาให้ เห็นกร้าวใจลอย
“อากร้าวยังไม่ได้ดูเอกสารเสนอโปรเจ็คท์ใหม่เลยเหรอคะ”
กร้าวรู้สึกตัว
“กำลังจะดู... มีอะไรด่วนรึเปล่า”
“ตอนนี้ไม่ด่วนหรอกค่ะ แต่ถ้าทิ้งไว้นานเป็นดินพอกหางหมูเดี๋ยวจะทำอะไรไม่ทัน... เหมือนคนเรา เวลามีอะไรในใจไม่ยอมบอกออกมา ปล่อยให้พอกไว้ก็หนักใจเปล่าๆ”
กร้าวฉงน “นกจะพูดอะไร”
กรวิกยังไม่ทันตอบ จู่ๆ อนุชก้าวพรวดเข้ามา พูดเสียงแข็ง
“คุณกร้าว ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
กร้าวดีใจ แต่เห็นกรวิกอยู่เลยเก็บอาการ “นก ออกไปก่อน”
“ค่ะ อากร้าว... มีอะไรก็พูดกันดีๆ นะคะ”
กรวิกออกไป อนุชมองหน้ากร้าวอย่างเย็นชา
ครั้นพอกร้าวเห็นกรวิกออกไปแล้วก็เข้ามาจับแขนอนุชอย่างเป็นห่วง อนุชเฉยชา คุยได้ไม่กี่คำก็ทะเลาะกัน จนได้
“นุช คุณหายดีแล้วใช่ไหม ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”
อนุชสะบัดออก “คุณทำแบบนี้ทำไม... คุณซื้อบ้านคืนให้พวกเราทำไม”
“มันเป็นของคุณ คุณควรได้รับกลับคืน”
“ใช่ แต่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ของของพวกฉัน ฉันหาวิธีอาคืนมาเองได้”
“คุณจะเอาคืนมาได้ยังไง เงินก็ไม่มี ไอ้เสี่ยยศก็โก่งราคาเป็นสองเท่าหรือจะเอาตัวเข้าแลก”
อนุชตบกร้าว “คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว!”
“แต่ผมก็ดูไม่ผิดไม่ใช่เหรอ พวกคุณไม่มีปัญญาจะซื้อบ้านคืน ทำไมต้องทำเป็นหยิ่งด้วย”
“เพราะฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนอย่างคุณ คุณต้องการอะไรคุณกร้าว สร้างบุญคุณความแค้นไม่รู้จักจบจักสิ้น หรือจะเหยียบกันให้จมดินถึงจะสาแก่ใจคุณ”
กรวิกแอบมามองอยู่มุมหนึ่ง ลุ้นให้กร้าวบอกรักอนุช
“พูดสิคะอากร้าว...บอกนุชไปสิคะ”
อนุชผลักอกกร้าวทุบกร้าวพัลวัน “คุณบอกมาสิว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ จะเอายังไงกับพวกฉันอีก พูดมาสิ”
กร้าวไม่พูด ไม่ตอบโต้ กรวิกทนไม่ไหว เข้ามาขวาง
“พอแล้วนุช!” กรวิกบอกกับกร้าว “อากร้าวบอกนุชไปสิคะ ว่าอากร้าวรู้สึกยังไง”
ต่อหน้าอนุชแค่สองคนกร้าวยังพูดไม่ออก ยิ่งกรวิกเข้ามา กร้าวยิ่งไม่พูดใหญ่
อนุชหันมาจ้องหน้ากร้าวตาแข็งกร้าว
“ฉันไม่ได้อยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง ฉันอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากพวกฉันอีก เมื่อไหร่เรื่องนี้มันจะจบ
กรวิกบอกอนุช “มันจะไม่จบหรอกนุช เพราะอากร้าว ร...” กรวิกจะบอกเองว่ากร้าวรักอนุช
แต่กร้าวสวนขึ้นก่อนเสียงเข้ม “เกลียดพวกวิชเวทย์...ถ้าผมญาติดีกับพวกคุณ พ่อกับแม่ผมคงไม่ให้อภัย”
อนุชเข้าใจผิดไปใหญ่ และรู้สึกผิดหวัง “ฉันว่าไม่แน่หรอก บางทีพ่อกับแม่คุณอาจจะให้อภัยคนอื่นได้ดีกว่าคนอย่างคุณ!"
อนุชเดินออกไป กร้าวเป็นห่วงจิตใจอนุช อยากจะตามไป แต่สุดท้ายก็ชะงักไว้ กรวิกขัดใจนัก
โปรดติดตาม "ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง" ตอนที่ 18 (อวสาน)
อสิตอยู่ในรถเห็นภาพเหตุการณ์ในมือถืออรชา ลลิตากำลังจับตัวอนุชให้นอนลง
“อย่าทำอะไรนุชนะพี่ลิต้า”
ทันใดนั้นภาพหน้าจออรชาก็ค้าง สัญญาณไม่ดี
อรชาใจเสียเอามือถือเคาะกับสันมือ “พี่ลิต้า พี่ลิต้า”
อสิตใจเสียร้องบอกปรารภ
“ขับเร็ว ๆ สิรภ”
รถที่ปรารภขับเลี้ยวขึ้นลานจอดรถของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายอนุชพยายามแข็งขืน แต่สู้แรงลลิตาไม่ได้เพราะร่างกายยังอ่อนเพลียอยู่
“ปล่อยนุช”
“จะดิ้นทำไม เดี๋ยวไม่มีแรงหายใจหรอก”
อนุชหยุดดิ้น กลัวจนร้องไห้ออกมา “พี่ต้องการอะไร จากนุชกันแน่”
ลลิตาประคองอนุชนอนลงบนเตียง แล้วค่อย ๆบรรจงห่มผ้าให้ หน้าตาท่าทางเหมือนพวกโรคจิต
“ต้องการอะไรเหรอ พี่แค่สำนึกผิดที่ทำไม่ดีกับนุช อยากกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี กลับมาอยู่กับพี่ชายของเธอ”
“แล้วคุณกร้าวล่ะ”
“พี่มันก็แค่เครื่องมืออำนวยความสะดวก ไม่ต่างอะไรกับหม้อหุงข้าว หรือว่าเครื่องดูดฝุ่นของเค้า ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะจ๊ะ”
อนุชใจดีสู้เสือ “นุชไม่เชื่อ พี่มันงูพิษ ไม่รู้จะแว้งกัดอีกเมื่อไหร่”
ลลิตาหันขวับมาหน้าตาดุดัน อนุชตกใจ ลลิตายิ้มหวาน
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ หรือว่าไม่อยากหายใจแล้ว งั้นพี่สงเคราะห์ให้”
อย่างไม่ทันตั้งตัว ลลิตากระชากหมอน กดหน้าอนุชตั้งใจให้ขาดอากาศหายใจ อนุชพยายามดิ้นสู้ แต่สู้แรงลลิตาไม่ได้
สามคนลงจากรถ จู่ๆ ภาพที่วีดิโอคอลในมืออรชาที่ค้างอยู่ติดขึ้นมาอีก เห็นลลิตาเอาหมอนกดหน้าอนุช อรชาร้องด้วยความตกใจ
“อย่าค่ะพี่ลิต้า อย่าทำนุช”
ทันใดนั้น ภาพหน้าจอมือถืออรชาก็ค้างอีก สัญญาณไม่ดี อรชาเอามือถือเคาะกับสันมือ
อสิตทนดูไม่ได้ร้องบอกปรารภ
“โทรเรียกรปภ. รภ โทรเรียกรปภ.”
ปรารภรีบกดมือถือเรียกรปภ. ก่อนทั้งสามจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งที่ห้องอนุช
ลลิตาตะคอกอนุช ที่ถูกหมอนกดหน้าอยู่
“ฉันมาขอโอกาสแกดี ๆ แต่แกกลับผลักไสฉัน อยากให้ฉันถูกจับมากใช่มั้ย ได้ ! ฉันอยากจะรู้นัก ถ้าแกเหลือแต่ร่างไม่มีลมหายใจ ใครหน้าไหนจะสนใจแก”
ลลิตากดหมอนกับหน้าอนุชแรงขึ้นอีก อนุชพยายามดิ้นสู้ แต่สู้แรงลลิตาไม่ได้ ก่อนที่มือไม้จะค่อยๆ อ่อนลง แล้วแน่นิ่งไป
อสิต อรชา และปรารภ เดินกึ่งวิ่งมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
ปรารภที่โทร.มือถืออยู่ หันมาบอกอสิต
“สายไม่ว่างเลยครับ”
อสิตเจ็บใจ รีบวิ่งไปช่วยน้องไม่คิดชีวิต
ลลิตาเห็นอนุชแน่นิ่งไป รีบเปิดหมอนออก เอามืออังดูลมหายใจ
“ยังไม่ตาย” ลลิตาเริ่มลนลาน หวาดกลัว “ทำยังไงดี”
ลลิตาวิ่งไปที่หน้าต่าง เห็นว่าเปิดออกไปข้างนอกได้ เมื่อได้ความคิดจึงรีบกลับมาที่ร่างอนุชที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
“ถ้าฉันจับแกโยนไป ก็ไม่มีใครรู้ว่าฝีมือฉัน เค้าคงคิดว่าแกฆ่าตัวตายแน่ๆ”
บนหน้าจอมือถืออรชาที่ค้างอยู่ เกิดติดขึ้นมาอีก อรชาเห็นลลิตากำลังจะลากตัวอนุชโยนหน้าต่าง
อรชาที่วิ่งตามหลังอสิตปรารภมากรีดเสียงดัง
“อย่าทำอะไรนุช พี่ลิต้า”
อรชาเข่าอ่อนทรุดลง อสิตชะงักหันไปมอง ปรารภตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู
“คุณอร”
แหวนพยายามโทร.หาอสิต แต่โทร.ไม่ติด เดินเข้ามาพอดี แหวนดีใจ
“แหวนกำลงจะโทรหาคุณพอดี” พอเห็นอรชาร้องไห้ก็งง “มีอะไรกันเหรอค่ะ”
อสิตไม่สนใจรีบวิ่งไปดูอนุช แหวนมองตามงง ๆ
ขณะที่ลลิตาที่กำลังจะลากอนุชไปโยนหน้าต่าง ได้ยินเสียงอรชากรีดร้องหันขวับมาตามเสียง หันมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเห็นไอแพดวางอยู่ จึงวางตัวอนุชลง หยิบไอแพดขึ้นมาดู
อรชาร้องบอกลลิตา
“อย่าทำอะไรนุชนะคะพี่ลิต้า อยากได้อะไรอรให้ทุกอย่าง”
ลลิตาเห็นภาพอรชาในไอแพดก็รู้ว่าทุกคนเห็นภาพทั้งหมดแล้วก็รับไม่ได้
“ไม่จริง”
และเห็นภาพอสิตบนหน้าจอไอแพด
“ปล่อยตัวนุช เดี๋ยวนี้ลลิต้าไม่อย่างนั้น เจอดีแน่”
อสิตรีบวิ่งไปที่ห้องอนุช
“เป็นไปไม่ได้”
ลลิตาร้องลั่น ตกใจรีบทิ้งไอแพดลง ลลิตาหันรีหันขวางจะหนีไปทางไหน แต่ไม่มีทาง ตัดสินใจวิ่งออกไปที่ประตู แต่พอเปิดประตูเป็นจังหวะเดียวกับที่อสิตพุ่งเข้ามาพอดี ลลิตากรีดร้องเสียงดัง ด้วยความรู้สึกตกใจกลัวสุดขีด
“อย่าทำอะไรลิต้า ลิต้ากลัวแล้ว ลิต้ากลัวแล้ว”
ปรารภ อรชาเห็นอนุชที่นอนแน่นิ่งอยู่ก็ตกใจ รีบเข้าไปช่วย
“นุช!!”
ปรารภ อรชา รีบวิ่งเข้าไปดูอนุชที่นอนไม่ได้สติอยู่
อสิตลากตัวลลิตาออกมา ลลิตาร้องไห้ด้วยความกลัว
“คุณกร้าวเป็นคนใช้ลิต้ามา หลอกให้ลิต้าแก้แค้นแทน ปั่นหัวเราสองคนให้ทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ลิต้าสำนึกผิดแล้ว ให้โอกาสลิต้าอีกครั้งนะคะสิต”
“พูดแต่เรื่องเดิมๆ จะโกหกผมไปถึงไหน”
“ลิต้าไม่ได้โกหก แต่เราสองคนกำลังจะตกเป็นเหยื่อนะคะ”
เสียงกร้าวดังแทรกเข้ามา “เหยื่ออะไร”
ลลิตาหันไปเห็นกร้าวเดินเข้ามาก็ตกใจ
“คุณกร้าว”
“ผมถามว่าเหยื่ออะไร”
ลลิตาแกล้งทำเป็นสำนึก “ก็เรื่องที่คุณปั่นหัวลิต้าให้เกลียดสิต ทำร้ายนุชนี่ไงคะ”
“คุณพูดอะไรออกมาลิต้า” กร้าวเดือดดาล
“ความจริงยังไงคะคุณต้องการให้สิตเกลียดลิต้า ทำร้ายลิต้า เพราะอยากให้สิตตรอมใจตายเหมือนพ่อคุณ”
“ถ้าผมจะทำผมทำเอง ไม่จำเป็นต้องใช้นกสองหัวอย่างคุณ” กร้าวพูดใส่หน้า
ลลิตาเยาะ “พอหมดประโยชน์ก็เฉดหัวทิ้ง”
กร้าวรู้ทันกวนกลับ “ช่วยไม่ได้โง่เอง”
ลลิตากรี๊ดแตก “เห็นมั้ยค่ะสิต มันยุพวกเราให้แตกกัน” ลลิตาหันมาฉอเลาะกับอสิต “อย่าหลงกลมันนะคะ ลิต้ารักสิตค่ะ ลิต้ารักสิต”
ลลิตาเข้าไปกอดจูบอสิต อสิตปัดป้องด้วยความรำคาญ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะลิต้า”
“ทำไมล่ะคะ ลิต้ารักสิตคนเดียว”
อสิตพยายามแก้ออกอย่ารำคาญ “ผมบอกให้หยุด”
ลลิตาพูดรัวเร็ว เริ่มสติแตก “เราจะมีลูก สร้างครอบครัวเล็ก ๆ ด้วยกันฟื้นฟูวิชเวทย์ให้กลับมายิ่งใหญ่”
อสิตหมดความอดทน ตะคอกเสียงดัง “พอได้แล้ว”
ลลิตาหยุดกึก ทันใดนั้นก็เห็นตำรวจสองนายเดินเข้ามา
“เชิญไปโรงพักครับ”
ลลิตากรี๊ดสติแตก “แอร๊ย... ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป”
ลลิตาพยายามดิ้นสู้ แต่สู้แรงตำรวจไม่ได้
ครู่ต่อมาตำรวจหิ้วปีกลลิตาที่ร้องไห้สติแตกด้วยความกลัว
“ฉันก็วิชเวทย์คนนึงเหมือนกัน สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียริติ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้ปล่อย ปล่อย”
ลลิตาใช้แรงเฮือกสุดท้ายสะบัดตำรวจออก ก่อนจะวิ่งออกไปกลางถนน ทันใดนั้นก็ถูกรถคันหนึ่งที่แล่นมาเฉี่ยวชนอย่างรุนแรง ร่างลลิตากระเด็นไป
อรชา ปรารภที่ตามมาออกมาเห็นอย่างนั้นก็ตกใจรีบเข้าไปดู
“ลิต้า”
ลลิตาที่นอนฟุบหน้าอยู่ริมถนน ค่อยๆ ขยับตัว ลุกขึ้นมา พอเห็นว่าเลือดเต็มตัวก็เอามือจับหน้า และเห็นว่าใบหน้าข้างหนึ่งเป็นแผลเหวอะหวะดูน่ากลัว ลลิตากรีดร้องราวกับคนเสียสติ
อรชา ปรารภมองจุดจบของลลิตาด้วยความสังเวชใจ