มารกามเทพ ตอนที่ 1
มองจากบ้านเชิงเขาหลังหนึ่งใต้ท้องฟ้ามืดสลัวยามค่ำคืน ซึ่งแลเห็นเพียงจันทร์เสี้ยวสาดส่องลงมา ท่ามกลางความเงียบสงัดที่แลดูวังเวงนั้น ยินเสียงสะอื้นไห้ของผู้หญิงคนหนึ่งดังแว่วมาตามสายลม
เสียงนั้นบ่งบอกถึงความเจ็บปวดชอกช้ำใจสุดขีด พร้อมๆ กับเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดๆ ของล้อรถเข็นที่บดลงกับพื้นดิน ในความมืดสลัว เสียงร่ำไห้ผสานกับเสียงล้อรถเข็น ฟังดูช่างน่ากลัวชวนขนลุกขนพองเกินจะบรรยาย
ที่แท้เป็นพลอย สาวสวยขาพิการซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น และกำลังร้องไห้ ดวงหน้างามงดนั้นดูเศร้าหมองระคนขมขื่น ไร้ชีวิตชีวา มีเพียงดวงตาคู่งามเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าของร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่ นัยน์ตาที่มีน้ำตาคลอเต็มนั้นก็เต้นระริกแฝงประกายแห่งความรัก ความโกรธ เกลียด เคียดแค้น และชิงชัง เมื่อหวนคิดถึงอดีต ที่แสนปวดร้าวขึ้นมา
ครั้งนั้น ช่วงเวลาตอนกลางวัน พลอยอยู่ในชุดสวย เก๋ และทันสมัยในรูปลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่ไม่เปรี้ยวเกินไป เดินเข้ามาในคฤหาสน์ของเกรียงศักดิ์ อย่างเร็วรี่
เกรียงศักดิ์เห็นพลอย ก็ตกใจมาก
“พลอย...มาที่นี่ทำไม”
“พลอยมาทวงสิทธิ์ของพลอย” หญิงสาวบอก
“เธอไม่มีสิทธิ์” เกรียงศักดิ์กวาดตามองแบบกลัวมาก จับพลอยดึงออกไป “กลับไป”
พลอยไม่ยอม “พลอยไม่กลับ...พลอยจะทวงสิทธิ์ของพลอย”
“ฉันบอกเธอแล้วไง...”
เกรียงศักดิ์พูดไม่ทันจบ คุณหญิงดาราณีเดินเข้ามาด้านหลัง เห็นหลังของเกรียงศักดิ์กำลังยื้อยุดกันอยู่
“มีอะไรคะคุณพี่”
เกรียงศักดิ์หันตัวมา ดาราณีเห็นพลอยยืนอยู่
ดาราณีแปลกใจ “อ้าว พลอย”
“คุณหญิง”
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ” คุณหญิงถาม
เกรียงศักดิ์ถลึงตาใส่พลอย “เสร็จธุระแล้ว กลับไปได้”
พลอยยืนนิ่ง มีน้ำตาคลอเบ้า เกรียงศักดิ์สำทับเสียงเข้ม
“กลับไป”
ดาราณีเห็นพิรุธจึงถาม “มีเรื่องอะไรเหรอพลอย”
พลอยร้องไห้ออกมา “พลอย..พลอย...”
ดาราณีเห็นพิรุธมากขึ้น ถามเสียงเข้ม
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะคุณพี่?”
“ไม่มีอะไร” เกรียงศักดิ์บอก
พลอยสวนออกมา “ทำไมท่านถึงบอกว่าไม่มีคะ ในเมื่อพลอยกับท่าน...”
เกรียงศักดิ์ถลึงตาใส่ สวนขึ้นทันที “หยุดเดี๋ยวนี้พลอย...”
ดาราณีถามเร็วปรื๋อ ท่าทีร้อนรนใจมาก “เธอพูดอย่างนี้หมายความว่า...เธอกับท่าน...”
แทนคำตอบพลอยร้องไห้โฮออกมา เกรียงศักดิ์หันไปมองหน้าดาราณี
“ไม่..ไม่ใช่อย่างที่คุณหญิงคิดนะ...ภรรยาผมมีคนเดียวคือคุณหญิง”
พลอยหน้าซีดเผือด
นึกถึงตรงนี้ มือของพลอยที่กำพนักรถเข็นสั่นระริกจนต้องจับพนักไว้แน่นเพื่อคุมตัวเอง แต่กระนั้นพลอยก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ปลายนิ้วของพลอยจิกเกร็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อดสู ขมขื่นใจ
ในดวงตาอันเจ็บปวดของพลอย เห็นเป็นภาพเกรียงศักดิ์ ออกงานกับดาราณีและลูกสาว เพชรน้ำบุศย์ เป็นภาพครอบครัวที่สุดแสนจะอบอุ่น
เหตุการณ์เดิมผุดขึ้นมาอีกครั้ง
เกรียงศักดิ์ร้องบอกดาราณี
“ไม่ใช่อย่างที่คุณหญิงคิดนะ...ภรรยาผมมีคนเดียวคือคุณหญิง” เสียงนั้นดังก้องซ้ำไปมา “ภรรยาผมมีคนเดียวคือคุณหญิง”
น้ำตาของพลอยไหลทะลักออกมา พลอยเอามือกุมหัวตัวเอง
“ไม่...ไม่....พลอยเป็นเมียท่าน...พลอยเป็นเมียท่าน” นัยน์ตาพลอยวาวโรจน์ ไม่ยอมรับความจริง “พลอยไม่ยอม!”
จู่ๆ เหมือนมีมือของคุณหญิงดาราณีผลักมาโดนรถเข็นของพลอยเต็มแรง รถเข็นลื่นไถลลงมาตามเนินเขา พลอยกรีดร้องสุดเสียง ขณะที่ร่างของพลอยหล่นลงจากรถเข็นกลิ้งลงมาตามทาง
ขณะเดียวกันบนถนนเส้นทางจากเชียงใหม่ เพชรขับรถกลับบ้านมาแทบจะเหาะ ท่าทางของเพชรเคร่งเครียดร้อนใจ เสียงของทับทิมผู้เป็นแม่ดังก้องในหู
“พลอยลื่นตกเขา...รีบกลับบ้านมาเดี๋ยวนี้เพชร”
เพชร เหยียบคันเร่งสุดแรง
รุ่งเช้าพระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นจากภูเขา แสงสีทองเพิ่งจับที่ขอบฟ้ารำไร เพชรมาถึงบ้านลงจากรถเดินแกมวิ่งเข้ามาในบ้านท่าทางร้อนรน เห็นทับทิมยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่
“พี่พลอยเป็นยังไงบ้างครับแม่”
“ดูเองแล้วกัน” บุ้ยใบ้ไปที่พลอย
เพชรหันไปมอง เห็นร่างของพลอยกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาในบ้าน ร่างทั้งร่างดูเหี่ยวแห้ง ทรุดโทรม ซีกหน้าข้างหนึ่งของพลอยมองเหม่อออกไปด้านนอก แต่อีกเสี้ยวหน้านั้นยังเห็นร่องรอย คราบน้ำตาชัดเจน
เพชรเดินเข้าไปหา “พี่พลอย”
“เพชร” พลอยผวาตัวกอดเพชรร้องไห้ “พี่อยากตายเพชร...พี่อยากตาย”
เพชรกอดตอบพลอยแน่น ปลอบ “อย่าพูดอย่างนี้ครับ พี่พลอยยังมีแม่ ยังมีผม”
“แต่พี่ไม่มีวันเอาหน้าไปสู้ใครได้อีก พี่อาย..พี่อายเหลือเกินเพชร พี่อาย” พลอยร้องไห้โฮๆ
“จะอายทำไมครับ...พี่พลอยไม่ได้เป็นคนผิด แต่พี่พลอยเป็นฝ่ายถูกกระทำ อย่าร้องไห้ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว...มันผ่านไปแล้วครับพี่พลอย”
เพชรกอดพลอยแน่น พลอยสะอื้นไห้ สีหน้าของเพชรเป็นห่วงพลอยจับใจ
ครู่ต่อมาเพชร ถามทับทิมด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่พลอยครับแม่? ทำไมพี่พลอยเป็นอย่างนี้อีกแล้ว”
ทับทิมบอกด้วยเสียงขมขื่น “จะมีอะไรก็...” พร้อมกับกระแทกเสียงออกมา “เรื่องนั้นแหละ เมื่อไหร่ไอ้เลวนั่นมันจะหมดอำนาจวาสนา ตายๆ ไปซะที”
“ในเมื่อพี่พลอยเลือกที่จะไม่เอาเรื่องในวันนั้น พี่พลอยก็ต้องทำใจลืมมันให้ได้” เพชรว่า
ทับทิมระเบิดอารมณ์ใส่เสียงสูง “จะให้ลืมได้ยังไง แกก็รู้นี่..ไอ้เลวนั่นมันทำร้ายพี่แกยังไง”
เหตุการณ์ในอดีตที่พลอยเคยเล่าให้ฟังผุดขึ้นในหัวทับทิมอีกครั้ง
วันนั้นเมื่อหลายปีก่อนพลอยซึ่งยังสาวและสวย แต่งตัวเรียบร้อย เดินมาเคาะประตูห้องของเกรียงศักดิ์ที่โรงแรม เกรียงศักดิ์ซึ่งอยู่ในห้องเดินมาที่ประตูเปิดออกมา ยืนอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว
พลอยเห็นถึงกับผงะ
“เอกสารด่วนที่ท่านต้องการค่ะ”
“เอาเข้าไปวางไว้บนโต๊ะ” เกรียงศักดิ์เดินเข้าไปข้างใน
พลอยลังเล ไม่กล้าเข้า เกรียงศักดิ์หันมาดุ
“ชักช้าอยู่ทำไม? รีบเข้าไปสิ”
พลอยหน้าซีด ท่าทีไร้เดียงสา “ค่ะๆ” แล้วเดินเข้ามา
เกรียงศักดิ์ปิดประตูทันที ยินเสียงประตูปิดล็อก พลอยหันมามองอย่างตกใจกลัว เห็นเกรียงศักดิ์ยืนมองจ้องอยู่ แววตาวาววับ และยิ้มมีเลศนัย ขณะเดินเข้ามา
พลอยถอยหลังกรูด เกรียงศักดิ์คว้าตัวพลอยมากอดเอาไว้ พลอยเนื้อตัวสั่น
“อย่า..อย่าค่ะท่าน อย่าทำอะไรพลอย”
เกรียงศักดิ์ไม่หยุด กลับเหวี่ยงร่างพลอยลงบนเตียง แล้วโถมตัวลงมาทาบทับ
พลอยตกใจกลัว ตัวสั่นร้องไห้ยกมือไหว้
“อย่าค่ะท่าน..อย่าทำพลอย พลอยไหว้ล่ะ อย่า...”
พลอยหวีดร้องสุดเสียง ร้องไห้โฮ หวาดกลัวมาก
เพชรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขาจำความเจ็บปวดขมขื่นของพลอยได้ดี
“มันทำให้พลอยพิกลพิการไม่พอ”
ทับทิมว่า พร้อมกับที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมา เป็นภาพที่เกรียงศักดิ์ขับรถไล่ล่าพลอยที่วิ่งหนี พลอยล้มลง ถูกเกรียงศักดิ์ขับรถชน เข้าช่วงล่าง พลอยร้องกรี๊ด สลบเหมือด
“ไอ้เกรียงศักดิ์ มันยังให้เมียมันมาทำร้ายพลอยอีก” ทับทิมบอก
“อะไรนะครับแม่”
พลอยเข็นรถเข็นเข้ามา บอกเพชรด้วยน้ำเสียงสั่น เจือเสียงสะอื้น น้ำตาคลอหน่วย ท่าทีหวาดผวา และน่าสงสาร
“เมื่อคืนคุณหญิงดาราณีบุกมาที่นี่!”
“คุณหญิงดาราณีบุกมาที่นี่”
เพชรถามเสียงกร้าวท่าทางตกใจมาก
พลอยเล่าเรื่องให้สองคนฟังต่อ
หลังจากรถเข็นถูกผลักจนไถลลงมาตามทาง และในขณะที่พลอยซึ่งหน้าคว่ำอยู่ที่พื้น กำลังพยุงร่างกายขึ้น แต่แล้วพลอยต้องชะงัก เมื่อเห็นคุณหญิงดาราณีเดินเข้ามา พลอยเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ
“คุณหญิง”
ดาราณีดวงตาถมึงทึง ร้ายกาจ บอกเสียงเข้ม “ใช่! ฉันเอง”
พลอยกวาดตามอง เห็นว่าที่ด้านหลังของคุณหญิงเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ ร่างพิการของพลอยรีบถอยร่น ท่าทางน่าสงสาร เท้าของคุณหญิงเหยียบเข้าที่มือของพลอยสุดแรง
“โอ๊ย! ปล่อยค่ะคุณหญิง...อย่าทำพลอย พลอยกลัวแล้ว” พลอยพยายามดึงมือออก
“เฮอะ! ทีตอนนี้ทำเป็นกลัว...แล้วตอนที่ให้ท่าผัวฉันน่ะ ทำไมแกไม่กลัวฉันนังพลอย” คุณหญิงกดเท้าลงที่มือของพลอยแรงขึ้นอีก
พลอยเจ็บมาก ร้องไห้คร่ำครวญน่าสงสาร “พลอยไม่ได้ให้ท่า พลอยถูกท่านข่มเหง”
ดาราณีกัดฟันกรอด “หนอย! ถูกข่มเหง น้ำหน้าอย่างแกน่ะเหรอที่ผัวฉันจะมอง”
ดาราณีนั่งลงกระชากผมพลอยขึ้นมา ดวงหน้าของพลอยหวาดหวั่น กลัวจับใจ
“โถ! นังเป๋ นังง่อย ทำเป็นซื่อ ไร้เดียงสา แกคงคิดสินะ...ว่าทำหน้าตาโง่ๆ เซ่อๆ อย่างนี้ แล้วท่านจะสงสารเห็นใจ จนเลิกกับฉันไปหาแกน่ะ” ดาราณีกระชากผมดึงอีก
“อย่าค่ะคุณหญิง กรุณาเถอะ..พลอยเจ็บ”
ดาราณีหมั่นไส้มาก “แกนี่มันช่างดัดจริตจริงๆ หื้อ! ทำเสียง ทำหน้า วอนตบจริงๆ นังพลอย” ดาราณีตบผลัวะ
“โอ๊ย” พลอยร้องคร่ำครวญ “คุณหญิง...ขอร้องเถอะค่ะ พลอยเจ็บ พลอยกลัว”
“กลัว...นี่เหรอหน้าตาคนที่กลัว แกท้าทายฉันชัดๆ” ดาราณีตบอีกผลัวะ
พลอยร้องสุดเสียง “โอ๊ย”
ระหว่างนั้นทับทิมเดินมาอย่างร้อนรน เสียงทับทิมดังเข้ามา
“พลอย...พลอยอยู่ไหนลูก..พลอย”
ดาราณีกระชากผมพลอยขู่ “อย่ามายุ่งกับผัวฉันอีก ไม่งั้นแกตาย”
ดาราณีผลักหัวพลอยเต็มแรง จนหน้าพลอยกระแทกดิน แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้พลอยหน้าจมดินร้องไห้โฮ
พลอยร้องไห้โฮๆ เพชรกุมมือพลอยแน่น สายตามีแต่ความเจ็บปวด ความสงสาร พลอยร้องไห้ออกมาอย่างคนที่เจ็บปวดถึงที่สุด
“พี่ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจจริงๆ ในเมื่อพวกเค้าทำลายชีวิตพี่จนพังยับเยิน คุณหญิงยังจะตามมารังควานอะไรพี่อีก”
เพชรดึงพลอยมากอดเอาไว้ทั้งตัว ในขณะที่ทับทิมบอกเสียงเครือ น้ำตาไหล ขมขื่น
เจ็บปวดเหลือแสน
“แกรู้มั้ยเพชรว่าแม่เสียใจมากแค่ไหน ที่ไม่เคยปกป้องพลอยได้...พลอยต้องถูกคนพวกนั้นรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า...เพียงเพราะเรามันต่ำต้อย ไม่มีวันที่จะไปสู้รบปรบมือกับคนมีเงิน มีอำนาจวาสนาอย่างพวกมันได้”
เพชรพูดเสียงเข้ม มองพลอยอย่างสลดใจ “ก็ในเมื่อวันนั้นพี่พลอยไม่คิดจะเอาเรื่อง”
พลอยมองหน้าเพชร แววตาตัดพ้อ “เพราะพี่รู้ ต่อให้ขึ้นโรงขึ้นศาล ยังไงพี่ต้องแพ้”
“พี่พลอยกำลังดูถูกกระบวนการยุติธรรม” เพชรว่า
“เพชรกำลังปฏิเสธความจริงของโลกใบนี้ต่างหาก...ช่างเถอะค่ะแม่ ในเมื่อพลอย
ไม่มีทางเลือก ท่านจะให้พลอยเป็นเมียเก็บ เมียน้อย เป็นนางบำเรอ พลอยก็จะทน”
“โธ่เอ๊ย! พลอย”
ทับทิมเดินมากอดปลอบลูกสาว พลอยร้องไห้
“เวรกรรมอะไร...ลูกถึงต้องเจอเรื่องเลวทรามอย่างนี้ เวรกรรมอะไร” ทับทิมครวญคร่ำ
พลอยไม่ตอบ ได้แต่ซุกหน้าลงกับอกของทับทิมร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เวรกรรมแต่ชาติปางก่อนมังคะแม่..และในเมื่อ...พลอยทำอะไรพวกเค้าไม่ได้...พลอยก็จะปล่อยให้เค้ามาเหยียบมาย่ำ” เสียงของพลอยค่อยๆ แผ่วลง อย่างน่าสงสาร “ให้เค้าสุขสำราญ จนกว่าจะสาแก่ใจ...จะได้หมดเวรหมดกรรมกันซะที”
ดวงตาของเพชรมีแต่ความเจ็บปวด และแค้นใจ สงสารพลอยที่ถูกกระทำย่ำยีไม่จบไม่สิ้น
หลายวันผ่านไป ที่ห้างสรรพสินค้าหรู ด้านในบริเวณลานกิจกรรม มีการจัดงาน “ธรรมชาติล้ำค่าของไทย”
ภายในงานมี ผลไม้ เครื่องประดับ อัญมณี นานาชนิด บนเวทีเห็นท่านเกรียงศักดิ์ ตัดริบบิ้นเปิดงาน ข้างๆ คือคุณหญิงธิดา ยืนอยู่ ดวงหน้ายิ้มแย้ม เกรียงศักดิ์เองก็ดูสุขุมอบอุ่น
เพชรยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความขมขื่น คิดแค้นในใจ
“สร้างความทุกข์ไว้ให้พี่พลอย แล้วยังยิ้มกันหน้าระรื่นอีก เลว!”
เจ้าของสวนเดินถือกระเช้าชมพู่น้ำดอกไม้เพชรน้ำบุศย์มาให้
“นี่ครับท่าน ชมพู่น้ำดอกไม้ เพชรน้ำบุศย์ ที่ท่านเอาชื่อลูกมาตั้งเป็นชื่อชมพู่ให้ผมเมื่อ10 กว่าปีก่อน”
“โห! สวยจริง เก่งมากๆ เลย ที่ปลูกได้ขนาดนี้” เกรียงศักดิ์ชื่นชม
“ก็ท่านแหละครับให้คำแนะนำ แล้วไหนครับคุณหนูน้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุศย์”
เจ้าของสวนกวาดตามองหา พร้อมๆ กับเพชรที่กวาดตามองหาเหมือนกัน
เพชรพึมพำ “น้ำหนึ่ง...เพชรน้ำบุศย์”
ภายในห้างสรรพสินค้า เพชรน้ำบุศย์ในชุดนักศึกษาปีสี่ แต่งตัวเรียบร้อย เดินแกมวิ่งมาตามทาง มีนิ้งตามหลังมา หอบแฮกๆ
“โห! น้ำหนึ่ง นี่มันในห้างนะ จะรีบเดินไปไหน”
“ก็น้ำหนึ่งอยากเห็นชมพู่เพชรน้ำบุษย์ที่คุณพ่อเอาชื่อของน้ำหนึ่งไปตั้งนะสิ...อยากรู้จะสวยงามน่ากินขนาดไหน รีบไปกันเถอะนิ้ง”
เพชรน้ำบุศย์ลากนิ้งไป แต่แล้วร่างของเพชรน้ำบุศย์ก็ชนเข้ากับอลิสที่แต่งตัวเปรี้ยวเกินวัยจนเซผงะ
สองฝ่ายร้อง “ว้าย” ต่างฝ่ายต่างชนกัน
เพชรน้ำบุศย์กับนิ้งพูดพร้อมกัน “ขอโทษค่ะ”
อลิสมองน้ำหนึ่งกวนๆ “ขอโทษแล้วมันหายเจ็บมั้ย”
“ตรรกะของเธอนี่มันแปลกจริงๆ”
อลิสยียวน “ก็นี่แหละตรรกะของอลิส ขอโทษไม่หายเจ็บ”
“งั้น...พวกฉันก็ไม่ขอโทษ...เพราะพวกฉันก็เจ็บเหมือนกัน” นิ้งว่า
“แต่ฉันเจ็บกว่า” อลิสผลักนิ้งแบบหาเรื่อง จนนิ้งเซถลาไป
นิ้งเหลียวขวับ มองมาอย่างโกรธแค้น “ยัยอลิส”
“ทำไม? มีอะไร?” อลิสจะถลันเข้าหา
เพชรน้ำบุศย์เข้าไปขวางด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายมาก “ไม่มีเรื่องสักวันไม่ได้เหรออลิส”
“ไม่ได้! โดยเฉพาะกับ...เธอ”
“ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเอาชนะฉันได้ซักเรื่องน่ะเหรอ? โดยเฉพาะเอาชนะหัวใจพี่ภาคย์” เพชรน้ำบุศย์คว้ามือนิ้ง “ไปกันเถอะนิ้ง”
อลิสเต้นร่าวๆ “ยัยน้ำหนึ่ง นี่เธอเยาะเย้ยฉันนี่หว่า”
อลิสตามไปแบบโกรธมาก
เพชรจ้องมองเกรียงศักดิ์และคุณหญิงดาราณีเขม็ง
“น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุศย์...ฉันอยากจะเห็นหน้าเธอนัก...ลูกของคนเลวๆ หน้าตาจะเป็นยังไง”
มือของเพชรกำแน่น พยายามข่มอารมณ์ อีกมุมเพชรน้ำบุศย์กำลังเดินแกมวิ่งมาหา เสียงมือถือดัง เพชรรับ
เสียงปลายสายดังลอดออกมา “เพชร..เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ที่ไซต์งานมีปัญหา รีบมาดูเร็ว”
“ได้..เดี๋ยวรีบไป”
เพชรวางสาย มองไปที่เกรียงศักดิ์กับดาราณีด้วยความเสียดาย
เพชรเดินลิ่วไปตามทาง เพชรน้ำบุศย์กับนิ้งวิ่งตามมา เพชรน้ำบุศย์มองไปเห็นเพชรก็ดีใจตื่นเต้นมาก พูดออกมาเบาๆ
“พี่เพชร”
“อะไร? น้ำหนึ่งอะไร” นิ้งถาม
เพชรน้ำบุศย์ไม่ตอบ วิ่งตามเพชรไปทันที ภาคย์เดินมาจากอีกมุมพอดี นิ้งร้องเรียก
“พี่ภาคย์”
ภาคย์ถามนิ้งทันที “น้ำหนึ่งไปไหนนิ้ง”
“สงสัยไปเข้าห้องน้ำมังคะ”
“ห้องน้ำที่ไหน ก็เห็นอยู่...ว่าวิ่งตามผู้ชาย” อลิสพูดพร้อมกับเบ้ปาก
ภาคย์มองอลิสอย่างไม่พอใจ จะเดินตามเพชรน้ำบุศย์ ถูกอลิสคว้ามือเอาไว้
“จะไปไหนพี่ภาคย์ อลิสไม่ให้ไป”
“อลิสมีสิทธิ์อะไรมาห้ามพี่” ภาคย์ถาม
“ว่าที่คู่หมั้นไงล่ะ!”
“อลิสคิดไปคนเดียว” ภาคย์พูดจบก็เดินตามเพชรน้ำบุศย์ไป
นิ้งเบ้ปากใส่อลิส พร้อมกับหัวเราะเย้ยก่อนจะตามภาคย์ไป อลิสได้แต่กระทืบเท้าขัดใจมาก
เพชรเดินลิ่ว หางตาแลเห็นเพชรน้ำบุศย์วิ่งตามมา เพชรรีบหลบมุม เพชรน้ำบุศย์วิ่งตามมากวาดสายตามองหาเพชร พึมพำเบาๆ
“พี่เพชร หายไปไหนเร็วจัง”
เพชรน้ำบุศย์กวาดสายตามอง แต่ไม่เห็นเพชร ภาคย์ นิ้งตามมา
“มองหาใครน้ำหนึ่ง”
“เปล่าค่ะ” เพชรน้ำบุศย์ปฏิเสธ
“งั้นก็รีบไปเถอะ ป่านนี้คุณพ่อคุณแม่เธอ รอแย่แล้ว” นิ้งบอก
เพชรน้ำบุศย์ยังลังเล กวาดสายตามองหาเพชร จนภาคย์ต้องแตะข้อศอก เพชรน้ำบุศย์ถึงเดินคอตกกลับไป
เพชรออกจากที่ซ่อน
“ไม่เคยรู้จักกันซักหน่อย ตามเรามาทำไม” เสียงมือถือดังอีก เพชรรับแล้วบอกกับทางปลายสาย “กำลังไปเดี๋ยวนี้แล้ว”
เพชรเดินผละไปอย่างรวดเร็ว หมดความสนใจเรื่องของเพชรน้ำบุศย์แค่นั้น
มารกามเทพ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในงาน เกรียงศักดิ์ยืนอยู่เคียงข้างกับคุณหญิงดาราณี เพชรน้ำบุศย์ ภาคย์ และนิ้งเดินเข้ามาหา สามคนยกมือไหว้ ดาราณีถามทันที
“ไปสัมภาษณ์งานมาเป็นยังไงบ้างลูก”
“อาทิตย์หน้าเริ่มงานได้เลยค่ะคุณแม่” เพชรน้ำบุศย์ตอบ
“ต่อไป...จะได้โตเป็นผู้ใหญ่ซักที มะ..มาดูชมพู่เพชรน้ำบุศย์”
เกรียงศักดิ์จูงมือลูกสาวไปดูชมพู่ ภาคย์กับนิ้งตามไป แต่แล้วกลับมีเสียงเรียก
“ท่านครับ...ผมมี พลอย เป็นของที่ระลึกมาฝากท่านครับ”
คุณหญิงดาราณีชะงัก เกรียงศักดิ์เองก็หน้าเจื่อน
ตกตอนกลางคืน มือของเกรียงศักดิ์ยื่นพลอยให้กับนวลและตาหวาน
“ฉันให้”
สองคนทำท่าดีใจมาก รีบยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
“โอ้โห! สวยจังเลยค่ะ....ตาหวานจะเก็บเงินไปทำหัวแหวน เผื่อจะเป็นแก้วสารพัดนึก ขออะไรได้ดั่งใจทุกอย่าง”
“อยากได้อะไรจ้ะตาหวาน” เพชรน้ำบุศย์ถาม
“อันดับแรกเลย ถ้ามีแฟน ห้ามให้แฟนของตาหวาน เจ้าชู้หลายใจ ห้ามมีกิ๊ก ห้ามงุงิงิงุ ปุ๊ปิ๊ปุ๊ปิ๊เด็ดขาด”
เกรียงศักดิ์ กับดาราณีหน้าเจื่อนไป
นวลแตะมือเบาๆ เชิงตำหนิ “เป็นเด็กเป็นเล็ก พูดจาอะไร แก่แดด ขอโทษค่ะท่าน”
นวลรีบพาตาหวานออกไป เพชรน้ำบุศย์หันหน้าไปมอง เกรียงศักดิ์ และดาราณี เห็นพ่อแม่หน้าเจื่อนผิดปกติ จึงถามอย่างกังวล เป็นห่วงระคนสงสัย
“คุณพ่อ คุณแม่...มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
ดาราณีตอบเสียงอ่อนโยน “เปล่าจ้ะ...แม่คงเหนื่อยมากไปหน่อย”
ดาราณีเดินไป เกรียงศักดิ์มองตาม ด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกดาราณีมาก ก่อนบอกน้ำหนึ่ง
“ดึกแล้ว...ไปพักผ่อนเถอะลูก”
เกรียงศักดิ์เดินตามดาราณีไป เพชรน้ำบุศย์นึกสงสัย พ่อแม่เป็นอะไร
พอดาราณีเดินเข้ามาในห้องก็ทรุดตัวลงนั่ง ร้องไห้เงียบๆ น้ำตาไหลริน เกรียงศักดิ์เดินตามเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ จับมือของดาราณีเอาไว้ บอกด้วยเสียงอ่อนโยน เสียใจที่สุด
“คุณหญิง...ผมขอโทษ...เรื่องพลอย...ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ”คุณหญิงดาราณีไม่ตอบ มีเพียงน้ำตาที่บอกว่ายังเสียใจตลอดเวลา
เวลาเดียวกันพลอยเข็นรถเข็นออกมาท่ามกลางความมืด ดวงตามีหยาดน้ำตาคลอหน่วย
ตลอดเวลา แบบคนช้ำใจหนัก เสียงอ่อนโยน ปลอบประโลมของเกรียงศักดิ์ดังก้อง
“ฉันขอโทษนะพลอย...เรื่องของเรา...ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นมาจริงๆ
ดวงหน้าและดวงตาที่เสียใจของพลอยแข็งกร้าวขึ้นทันควัน โกรธมาก
“แต่พลอยตั้งใจ” พลอยเสียงเข้มขึ้น จะเอาให้ได้ “พลอยตั้งใจ”
มือพลอยจิกเกร็งที่พนักเก้าอี้ เห็นสีเล็บแดงฉาน ตัดกับภาพลักษณ์อ่อนแอของพลอยโดยสิ้นเชิง
วันต่อมาขณะที่เพชรน้ำบุศย์ขับรถมาจอดหน้าหงอยๆ ที่สี่แยกไฟแดง รอสัญญาณไฟเขียว
“วันนั้นไม่น่าคลาดกับพี่เพชรเล้ยย.....” สีหน้าหญิงสาวดูมุ่งมั่นมากขณะพูดออกมา “เจ้าประคู้ณ...ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง” แอบอมยิ้มหน้าเขินๆ “ขอให้น้ำหนึ่งได้เจอกับพี่เพชรอีก”
เพชรน้ำบุศย์อมยิ้มขำๆ นึกในใจ พูดไปงั้นแหละเจอก็ดี แต่โอกาสเจอแทบไม่มี ก่อนที่จะเบนสายตามองออกไปนอกรถ ฉับพลันต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นร่างเพชรยืนอยู่ที่ร้านวัสดุก่อสร้าง
เพชรน้ำบุศย์ตะลึงงัน
“พี่เพชร”
ด้านเพชรกำลังสั่งซื้อ และเลือกของที่ร้านวัสดุก่อสร้าง ไม่ได้มองออกมานอกถนนเลย สนใจแต่งานตรงหน้า เพชรน้ำบุศย์พะว้าพะวัง ตัดสินใจลดกระจกลงร้องเรียก
“พี่เพชร”
เพชรที่กำลังเลือกของอยู่ หันมาตามเสียง กวาดสายตามองไป แต่ยังไม่เห็นเพชรน้ำบุศย์
ระหว่างนั้นสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถด้านหลังบีบแตรดังสนั่น เพชรน้ำบุศย์สะดุ้งอีก รีบขับรถออกไป แต่จดสายตาสายตามองเพชรไม่วางตา ตื่นเต้นดีใจมาก
เพชรไม่เห็นใคร ทำท่าว่าคงหูแว่วไปเอง ก่อนเลือกของต่อไป
ส่วนเพชรน้ำบุศย์ขับรถผ่านไฟแดงมา ก่อนเบนรถเข้าจอดที่ข้างทางแบบไม่สนใจเลยว่าเป็นป้ายห้ามจอด ก่อนวิ่งลงมา ย้อนกลับไปทางเดิมรวดเร็ว
เพชรน้ำบุศย์วิ่งข้ามถนนมา แต่ยังข้ามมาไม่ได้ มีจังหวะลุ้นๆ เพชรน้ำบุศย์พะว้าพะวังสีหน้าร้อนใจ กลัวไม่เจอเพชร
ฟากเพชรซื้อของเสร็จ เดินออกมานอกร้าน คนขายตามมา
“เดี๋ยวผมให้คนเอาของไปส่งที่ไซต์งานนะครับนายช่าง”
“ขอบคุณครับ”
เพชรตรงไปที่รถ น้ำหนึ่งวิ่งย้อนกลับมาได้ เห็นเพชรขับรถออกไป เพชรน้ำบุศย์หน้าเสีย
“พี่เพชร”
เพชรไม่ได้ยิน เพราะขับรถออกไปแล้ว เพชรน้ำบุศย์หน้าสลดลง
ไม่นานนัก สองสาวอยู่ในร้านไอศกรีม เพชรน้ำบุศย์หน้าจ๋อย ขณะที่นิ้งอมยิ้ม มองเพื่อนสาวแบบระอานิดๆ
“โอ้โห! น้ำหนึ่ง ตัวนี่เป็นเอามาก วิ่งตามพี่เพชรถึงขนาดโดนล็อกล้อรถ ก็ยอม”
“เวอร์ไปใช่มะ” เพชรน้ำบุศย์หน้าจ๋อย “ยอมรับว่าเวอร์...แต่...แต่....ตัวก็รู้ว่า...” เขินๆ เหนียมๆ “ว่าเราแอบปลื้มพี่เพชรมานานแล้ว” ขณะพูดดวงตาเพชรน้ำบุศย์เป็นประกายเจิดจ้าท่าทางตื่นเต้น “และอีกอย่าง...”
“อะไร”
“พี่เพชรกับเราต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ เพราะทันทีที่เราอธิษฐานเสร็จ พี่เพชรก็มาปรากฏตัวตรงหน้าปั๊บเลย”
นิ้งหัวเราะ “เหมือนอย่างที่เค้าว่าเลย...ผู้หญิง ชอบคิดว่าความบังเอิญเป็นพรหมลิขิต”
“ก็แล้วจะให้คิดว่าอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่พรหมลิขิต...” ยิ้มฝันเพ้อ “พี่เพชร...ต้องเกิดมาเพื่อ
เราแน่ๆ เลยนิ้ง”
เพชรน้ำบุศย์หัวเราะคิก ดวงตาของสาวน้อยชวนฝัน
ส่วนที่ไซต์งานแห่งนั้น คนงานทำงานกันอย่างแข็งขัน แต่ละคนเหงื่อตก ท่าทางเหน็ดเหนื่อย เพชรในเครื่องแต่งกายวิศวกรคุมงาน โทรศัพท์อยู่
“ไซต์งานที่ผมรับผิดชอบมีปัญหานะครับแม่...อีกหลายวันกว่าจะได้กลับบ้าน...พี่พลอยเป็นยังไงบ้างครับ...แล้วผมจะรีบกลับ”
เพชรวางสาย สีหน้ามีแต่ความเป็นห่วง เครียดกังวลใจเรื่องพลอย
คืนนั้นที่คฤหาสน์เกรียงศักดิ์ เพชรน้ำบุศย์อยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังพับดาวใส่ขวดโหลอยู่ นวลกับตาหวานที่เดินมาตรวจดูความเรียบร้อยของบ้านเห็นเข้านวลจึงร้องทัก
“ดึกมากแล้ว...คุณน้ำหนึ่งยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
เพชรน้ำบุศย์ยิ้มหวาน “ยังไม่ง่วงค่ะ เลยมานั่งพับดาว”
“ให้ตาหวานช่วยพับดาวมั้ยคะ”
เพชรน้ำบุศย์มองดาวในมือยิ้มๆ “ขอบใจจ้ะ แต่ไม่ต้อง....” พลางหยิบขวดโหลขึ้นมา “เพราะพี่...จะนั่งพับเอง...พี่จะนั่งพับดาวจนกว่าจะเจอ...พี่คนนั้น”
ตาหวานงง “พี่คนไหนคะ”
เพชรน้ำบุศย์ยิ้มไม่ตอบ แต่ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า ภาพจำในอดีตผุดขึ้นมา
วันนั้นที่สนามบาสของโรงเรียน เพชรกำลังแข่งบาสอยู่ ท่วงท่าและลีลาของเพชรเท่มาก
สาวน้อยในโรงเรียนส่งเสียงกรี๊ดเพชร รวมทั้งเพชรน้ำบุศย์ที่เวลานั้นเรียนอยู่ชั้น ม.6 มองเพชรอย่างเอาใจช่วย เวลาเพชรโยนลูกเข้าห่วง สาวๆ ก็เฮ จังหวะหนึ่ง ระหว่างการแข่งขัน ลูกบาสลอยมาถูกหัวของเพชรน้ำบุศย์อย่างจัง น้ำหนึ่งร้องกรี๊ด เพชรกระโจนเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น เพชรที่เปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ที่คอมีเสื้อแข่งกีฬาพาดอยู่ เพชรเดินมายื่นแก้วน้ำให้เพชรน้ำบุศย์ที่นั่งหน้าซีดแต่ยิ้มพราย ตามองแต่เพชรไม่วางตา เพชรถามเอ็นดู
“ไง...เจ็บมากมั้ย”
“นิดหน่อยค่ะ...แล้วผลการแข่งการแข่งขันเป็นไงบ้างคะ”
“โรงเรียนเราต้องชนะสิ” เพชรว่า
“เพราะพี่เพชรกลับมาช่วย แล้วพี่เพชร...จะกลับมาเยี่ยมโรงเรียนอีกเมื่อไหร่คะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน...งานพี่ยุ่งมาก ตกลง เราไม่ได้เป็นไรนะ”
“ค่ะ”
“งั้น..ตั้งใจเรียน” เพชรเดินออกไป...แต่นึกอะไรขึ้นได้จึงหยุด เดินมาแล้วหยิบเสื้อกีฬายื่น
ให้ “เสื้อประจำตัวพี่...พี่ให้...เป็นการปลอบขวัญ มีโอกาสแล้วเจอกัน” จากนั้นก็เดินไป
“ค่ะ” เพชรน้ำบุศย์กอดเสื้อเพชรเอาไว้ ปลื้มมาก เห็นเบอร์ 13 เด่นหรา “พี่เพชร!”
ตาหวาน นั่งฟังเรื่องเพชรที่เพชรน้ำบุศย์เล่าตาค้าง ราวกับฟังนิทาน เพชรน้ำบุศย์เดินมาพร้อมกับเสื้อกีฬาของเพชร
“นี่ไง..เสื้อของพี่คนนั้น น้ำหนึ่งเก็บรักษาไว้อย่างดี แล้วก็ถือว่าเลข 13 เป็นเลขนำโชคของน้ำหนึ่ง”
“โอ้โห! เหมือนในละครเลย ตาหวานอยากเจอคนอย่างพี่คนนั้นบ้างจัง...เออ..แล้วถ้าพี่คนนั้นเจอพี่น้ำหนึ่ง...เค้าจะจำพี่น้ำหนึ่งได้หรือคะ? ท่าทางพี่คนนั้นเค้าป๊อบจะตาย”
“คงจำไม่ได้มั้ง...วันนี้พี่วิ่งตามเค้า...เค้ายังไม่หยุดเลย”
“ว้าว....เจอกันแล้วเหรอคะ” ตาหวานตื่นเต้น
เพชรน้ำบุศย์หน้ามุ่ย “เจอข้างเดียวนะสิ...เฮ้อ! รอตั้งหลายปีบทจะได้เจอ...พี่เค้าจำไม่ได้ซะงั้น”
“พี่เค้าคงไม่เห็นมังคะ...เพราะเวลาผ่านไปแค่สามสี่ปี น่าจะจำได้” นวลหน้าเศร้า “แต่ถ้าต้องพลัดพราก จากกันตั้งแต่ยังเด็ก และผ่านมาเป็นหลายสิบปี ต่อให้มายืนอยู่ตรงหน้า ก็คงจะจำไม่ได้”
“ป้านวลพูดเหมือนเคยพลัดพรากจากใครมายังงั้นแหละค่ะ”
นวลน้ำตารื้น “ลูกชายของป้าเองค่ะ”
นวลนึกถึงเรื่องราวขมขื่นในอดีต ที่ต้องเอาลูกชายวัยไม่กี่เดือน ยื่นให้ทับทิม ท่าทางลุกลี้ลุกลน
“พี่ทับทิม...ฉันฝากไอ้น้อยหน่อยนะพี่”
“แกจะไปไหน”
“หนี! ฉัน...ฉันพลั้งมือฆ่าคน”
“หา” ทับทิมตกใจมาก “ใคร..แกฆ่าใคร”
“ลูกค้า...มันปล้ำฉัน....ฉันไปก่อนนะพี่..ฝากลูกด้วย”
นวลกระหืดกระหอบวิ่งหายไป ลับร่างของนวล ตำรวจวิ่งกรูกันเข้ามา พลอยที่ขณะนั้นอายุ
ไม่กี่ขวบเห็นตำรวจก็เนื้อตัวสั่นเทา
ภาพสุดท้ายที่นวลเห็นคือ ทับทิมโอบกอดน้อยและพลอยเอาไว้
นวลนั่งนึกถึงอดีตแล้วน้ำตาไหล ไม่ไหวติง เพชรน้ำบุศย์เรียกเบาๆ
“ป้านวลคะ..ป้านวล”
นวลรีบปาดน้ำตา “ป้าขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” นวลลุกหนีไปเลย
เพชรน้ำบุศย์มองตาม “พี่ไม่เคยรู้เลยว่าป้านวลมีลูก..นี่..ป้านวลเคยเล่าให้ตาหวานฟังบ้างมั้ย เรื่องมันเป็นยังไง”
ตาหวานพูดท่าทีโอเวอร์ “โห! เรื่องของป้านวลนี่ก็ยังกับละครเลยค่ะพี่น้ำหนึ่ง...เมื่อก่อนป้านวลแกเป็นหมอนวดแผนโบราณแล้วมีเหตุจำเป็นอะไรก็ไม่รู้ เลยฝากลูกไว้กับเพื่อน แต่พอกลับไปหาลูกอีกที บ้านเพื่อนก็ไฟไหม้ ย้ายไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตั้งแต่วันนั้นแกกับลูกชายก็พลัดพรากจากกัน จนถึงวันนี้เลยค่ะ”
“โถ! น่าสงสารป้านวลจัง”
“นั่นน่ะสิคะ..ป้านวลไม่ได้บอกด้วย ว่าลูกชายของแก มีไฝ มีฝ้า มีปาน มีแป้ว อยู่ตรงไหน? ไม่งั้น..ตาหวานช่วยป้านวลตามหาไปแล้ว”
“ตาหวานเนี่ยพูดเป็นเล่นไปได้...การพลัดพรากเป็นสิ่งที่ทรมาน ก็ขอให้ป้านวลได้เจอลูกเร็วๆ แล้วกัน”
“งั้นตาหวานก็ขอให้...พี่น้ำหนึ่ง ได้เจอกับพี่คนนั้นเร็วๆ อย่าพลัดพรากกันนานเลยนะคะ”
“แก่แดดจนไหม้จริงๆ เลยตาหวาน”
เพชรน้ำบุศย์แอบอมยิ้มเขินๆ
หลายวันผ่านไป เพชรขับรถโฟร์วีลคันเก่ามาตามทาง ดวงหน้าของเพชรยังคงเคร่งเครียดเป็นห่วงพลอย เสียงทับทิมดังก้องในหู
“วันๆ ข้าวปลาพลอยก็ไม่กิน เอาแต่นั่งร้องไห้ แม่...เครียด..จนแม่จะบ้าตามพลอยไปแล้วเพชร”
เพชรเหยียบคันเร่งเร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน ที่ห้องของพลอยภายในบ้านเชิงเขา ภาพในจอทีวีเห็นเป็นภาพเกรียงศักดิ์กับดาราณีออกงานด้วยกัน มือของเกรียงศักดิ์แตะที่เอวของดาราณีตลอดเวลา ท่าทางของเกรียงศักดิ์รักและห่วงใยภรรยามาก
พลอยนั่งอยู่บนรถเข็นดูทีวีอยู่ ดวงหน้าบูดบึ้ง ดวงตาฉายแววแห่งความโกรธเกลียด เคียดแค้น อาฆาต ชิงชัง แฝงความริษยาอย่างปิดเอาไว้ไม่มิด
“มีความสุขมากเลยใช่มั้ย?” พลอยเสียงดังขึ้น “มีความสุขมากเลยใช่มั้ย” เขวี้ยงรีโมทใส่
ทีวีแล้วเลื่อนรถเข็นพุ่งเข้าไปหาทีวี ราวกับจะทำร้ายคนในนั้นได้ กรีดร้องไปด้วย “แกสองคนจะสุขอีกไม่นานหรอก ว้าย”
รถเข็นของพลอยลื่นไถลกับพื้นเพราะเสียหลัก ร่างของพลอยล้มลงกระแทกพื้น พลอยกรีดร้องสุดเสียง
“โอ๊ย......”
เพชรก้าวลงจากรถพอดี ได้ยินเสียงของพลอยดังลั่น
“พี่พลอย”
ที่นอกตัวบ้าน ทับทิมกำลังเก็บผักอยู่ได้ยินเหมือนกัน
“พลอย”
สองคนรีบตรงไปที่ห้องพลอยรวดเร็ว
เพชรกับทับทิมวิ่งมาที่ห้องพลอย เพชรเปิดประตู เห็นพลอยนอนร้องไห้ล้มคว่ำอยู่ที่พื้น ข้างๆ คือรถเข็นที่ล้มเอียงอยู่ เพชรกับทับทิมรีบวิ่งไปช่วยพลอย
“พี่พลอย” เพชรพยุงร่างพลอยขึ้น
“เป็นยังไงบ้างลูก? เจ็บตรงไหนบ้างพลอย” ทับทิมถาม
“พลอยเจ็บที่ใจ..แม่จ๋า..พลอยเจ็บที่ใจ”
เพชรหันไปมองทีวี แม้ไม่เห็นภาพของเกรียงศักดิ์ และดาราณีแล้ว แต่ก็พอเดาออก ทับทิมเอ่ยขึ้น
“เห็นข่าวพวกมันอีกแล้วใช่มั้ย”
“เมื่อไหร่ คนชั่วที่ทำกับพลอย มันจะได้รับกรรมซักที” พลอยครวญ
สีหน้าของเพชรถมึงทึง ดวงตาวาวโรจน์ นับวันจะยิ่งเกลียดแค้นชิงชังคนพวกนั้น
มารกามเทพ ตอนที่ 1 (ต่อ)
เกรียงศักดิ์เดินเข้ามาที่ห้องทำงานในกระทรวง เจ้าหน้าที่ลูกน้องเดินมาหาท่าทีนอบน้อม
“ท่านครับ วรินดาหน้าห้องคนใหม่มาแล้วครับ”
หญิงสาวสวยนามว่าวรินดามองเกรียงศักดิ์อย่างชื่นชม
เกรียงศักดิ์เดินเข้ามาทรุดตัวลงที่เก้าอี้ในห้องทำงาน ภาพจำในอดีตผุดขึ้นมาอีก เห็นวรินดาเป็นพลอย ที่มาทำงาน และเอาเอกสารมาให้เซ็น เสิร์ฟกาแฟให้ โดยที่เกรียงศักดิ์นั่งทำงานแบบไม่ได้ใส่ใจพลอยนัก
ทุกครั้งที่เห็นพลอยเดินมา พลอยจะคอยส่งสายตาแห่งความรัก ความชื่นชมที่มีต่อเกรียงศักดิ์ อย่างชัดเจนตลอดเวลา
เกรียงศักดิ์ยังนึกไปถึงเหตุการณ์เดียวกันกับที่พลอยเล่าให้เพชรกับทับทิมฟัง ตอนไปทำงานที่ต่างจังหวัดกับเกรียวศักดิ์
ภายในห้อง เกรียงศักดิ์นั่งตรวจงานและดื่มไวน์ไปด้วย ท่าทางของเกรียงศักดิ์กึ่มๆ มึนๆ ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูห้อง
เกรียงศักดิ์ตะโกนถามออกไป “ใคร”
ด้านนอกห้องเวลานั้น พลอยสวมใส่ชุดรัดรึง เปิดเผย แลดูเซ็กซี่ ในมือหอบเอกสาร ยืนอยู่ พลางตอบ
“พลอยค่ะ”
เกรียงศักดิ์เดินไปเปิดประตูให้ “มีอะไร”
พลอยมองมาอย่างรักใคร่ลุ่มหลง “มีเอกสารด่วนที่ท่านจะต้องเซ็นค่ะ”
เกรียงศักดิ์เห็นสายตา ท่าทางพลอยก็อยากเลี่ยง “ฉันจะนอนแล้ว ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน”
“แต่มันด่วนจริงๆ ค่ะท่าน เป็นเอกสารที่พลอยทำตกหล่น พลอยขอโทษ...รบกวนท่านด้วยนะคะ”
“งั้นเอามาดู...”
พลอยยื่นเอกสารให้เกรียงศักดิ์
“ปากกาล่ะ”
“พลอย...พลอยรีบ เลยไม่ได้ติดมาค่ะ”
เกรียงศักดิ์ตำหนิ “เธอนี่จริงๆเลยพลอย ถ้าทำงานพลาดบ่อยๆ ฉันคงต้องเปลี่ยนหน้าห้อง”
เกรียงศักดิ์เดินเข้าไปในห้อง พลอยเดินตามเข้าไป พร้อมกับฉวยโอกาสนั้นปิดประตูเบาๆ เกรียงศักดิ์หันมา พลอยร้องขึ้น
“โอ๊ย” ทำท่าปวดหัวจะเป็นลม)
“เธอเป็นอะไรพลอย”
เกรียงศักดิ์ปราดเข้ามา ก่อนที่ร่างของพลอยจะร่วงลงกับพื้น เกรียงศักดิ์ก็ประคองพลอย
“เดี๋ยวฉันจะให้คนพาเธอไปหาหมอ”
เกรียงศักดิ์จะผละไป แต่แล้วพลอยกลับคว้ามือเอาไว้
เกรียงศักดิ์เซไป “อะไรพลอย”
พลอยโถมตัวเข้ากอดทันที “พลอยรักท่านค่ะ..รักมานานแล้ว”
เกรียงศักดิ์ตกใจ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ รีบแกะมือออก “รู้ตัวหรือเปล่า...ว่าพูดอะไรออกมา”
พลอยสบตาเว้าวอน “รู้ค่ะ แล้วก็ตั้งใจด้วย”
มือของเกรียงศักดิ์ที่แกะมือของพลอยชะงัก พลอยอ้อนวอนต่อ
“พลอยไม่ขออะไรมาก ขอแค่...ได้อยู่ใกล้ชิด ได้ปรนนิบัติ ได้เป็นคนคนหนึ่งของท่าน เพียงแค่นี้ก็ถือว่าเป็นวาสนาของพลอยแล้ว”
พลอยอ้อนคำหวานพลางดึงมือของเกรียงศักดิ์ขึ้นมากอด เอามือมาแนบหน้าอย่างรักใคร่ ชื่นชม
“ท่านอย่ารังเกียจเดียดฉันท์ อย่าผลักไสไล่ส่งพลอยเลยนะคะ พลอยสัญญา...พลอยจะไม่เรียกร้องอะไร พลอยจะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน...พลอยจะอยู่ในที่ของพลอย นะคะท่าน” พลอยระดมจูบมือของเกรียงศักดิ์ ก่อนโถมทั้งตัวเข้ามาจูบซุกไซร้ทั่วดวงหน้า
เกรียงศักดิ์ยืนแข็งทื่อ ผิดชอบชั่วดีต่อสู้กันอย่างแรง และในที่สุดมือของเกรียงศักดิ์ก็เผลอ
กอดรัดพลอย ก่อนที่ร่างทั้งสองคนจะล้มลงบนเตียง
เป็นเหตุการณ์เดียวกันแต่คนละเรื่องกับที่พลอยเล่าโดยสิ้นเชิง!
เกรียงศักดิ์ดึงตัวเองกลับมา นั่งเอามือกุมขมับ ได้แต่คิดในใจ
“ถ้าวันนั้นฉันมีสติ ไม่ดื่มเหล้า เหตุการณ์เลวร้ายทุกอย่าง จะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวของฉันอย่างเด็ดขาด...ฉันจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย”
เกรียงศักดิ์กดโทรศัพท์ติดต่อภายนอก
“สมชาย...ให้วรินดาสลับหน้าที่กับวุฒิ แล้วให้วุฒิมาเป็นหน้าห้องของฉันแทน”
เกรียงศักดิ์วางโทรศัพท์ลงด้วยท่าทางมั่นคง ใจคอหนักแน่น
คืนนั้นเพชรนั่งหน้าเครียดอยู่ด้านนอก มีทับทิมยืนอยู่ข้างๆ พูดเสียงเครือ
“ถ้าแม่ฆ่ามันสองคนนั่นได้..แม่ฆ่ามันไปแล้ว...พลอยจะได้ปลดปล่อยความทุกข์ในใจไปบ้าง” ทับทิมเริ่มร้องไห้ “แม่มีลูกสาวเพียงคนเดียว แทนที่จะมีอนาคตสดใส กลับต้องมาเป็นคนพิการ ถูกคนตราหน้าว่าเมียเก็บ เมียน้อย นางบำเรอ แม่อยากให้ลูกสาวของมัน ได้รับกรรมเหมือนกับที่มันทำกับพลอย มันจะได้รู้รสความเจ็บ ความปวด” ทับทิมกระแทกเสียงเมื่อพูดประโยคนี้ “เหมือนแม่ เหมือนพลอย”
เพชรยืนนิ่ง ดวงตาสับสน รู้ว่าพี่เจ็บ แม่เจ็บ “แล้วแม่จะให้ผมทำยังไง”
“ก็ทำให้ลูกสาวของมัน เจ็บปวด อับอาย ยิ่งกว่าพลอย”
เพชรนิ่ง อื้ออึง ทับทิมกรีดเสียงร้องขึ้น
“รับปากแม่สิเพชร”
“ผม...” เพชรอึกอัก
“จะผมอะไรอีก? พลอยทุกข์ขนาดนี้...แกไม่คิดจะเจ็บจะแค้นแทนพี่เลยเหรอ หรือ...แกคิดว่า..พลอยมันไม่ใช่พี่แก”
เพชรเสียงเครือ “ถึงแม่จะไม่ได้คลอดผมมา แต่แม่คือผู้ให้ชีวิต แม่เลี้ยงดูผม แม่กับพี่พลอยคือคนที่มีค่าที่สุด ต่อไป...คนที่เจ็บจะไม่ใช่พี่พลอย...แต่จะเป็นพวกมันทุกคน”
พลอยนั่งอยู่บนรถเข็นเข้ามาด้สนหลัง ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนเคลื่อนรถออกไป ดวงตาของพลอยวาวโรจน์อย่างน่ากลัว
วันต่อมา เพชรขับรถมาตามทางต่างจังหวัด กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยอุปกรณ์เสริมไปด้วย
“ช่วยฉันหน่อยเถอะเพื่อน...ฉันอยากรู้...ฉันจะเจอคุณน้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุศย์ ลูก
สาวรัฐมนตรีเกรียงศักดิ์กับคุณหญิงดาราณีได้ที่ไหน” เพชรนิ่งฟัง “ขอบใจมากเพื่อน”
เพชรวางสายดวงตาวาววับ
ขณะนั้น เพชรน้ำบุศย์กับอลิสกำลังถ่ายแบบปกนิตยสารแฟชั่นกันอยู่ในสตูดิโอ แต่เขม่นกันอยู่ในที โดยเฉพาะอลิสที่พยายามพรีเซ้นต์ตัวเองเด่นกว่าน้ำหนึ่งตลอด ทีมงานซุบซิบกัน
“ปกฉบับนี้ไม่ต้องขายหรอก..สองตระกูลแข่งกันซื้อ ก็หมดแท่นพิมพ์แล้ว”
“แต่เค้าก็สวยจริงสวยจังของเค้านะ” ทีมงานอีกคนหวานเจ๊าะแจ๊ะ “น้องน้ำหนึ่ง น้องอลิส เอียงหน้าเข้าใกล้กันหน่อยสิคะ...”
อลิสแกล้งเอามือมาดึงศีรษะน้ำหนึ่งแบบคว้าหมับมากอด แต่แอบจิกหัวทางด้านหลัง น้ำหนึ่งก็ไม่ยอม คว้าหมับที่เอวแต่แกล้งจิกเข้าที่เอว ดึงรั้งเสื้อลีลาสาวเซ็กซี่ แต่แอบจิก ทีมงานพอใจ
“น่านล่ะค่ะ รักกันรักกัน”
สองคนโพสท่าแบบแอบจิก แอบหยิกกัน ทีมงานเมาท์มอยกันสนุกปาก
“นางเกลียดกันตั้งแต่ชาติปางไหนเนี่ย”
“คงตั้งแต่ลืมตาเกิดนั่นแหละ ก็คงชิงดีชิงเด่นกันตามประสาไฮโซ!”
ขณะที่เพชรน้ำบุษย์เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวจะเปลี่ยนเสื้อ แต่อลิสเดินมาตามหลัง คว้าไหล่ไว้
“นี่มันจะกล้ามากเกินไปแล้วนะน้ำหนึ่ง ตะกี้เธอแกล้งฉันทำไม”
“ก็เธอแกล้งฉันก่อน”
“ยังไง..เธอก็ไม่มีสิทธิ์แกล้งฉัน”
“ตรรกะของเธอแปลกๆ อีกแล้ว แกล้งคนอื่นได้ แต่ห้ามคนอื่นเค้าแกล้งคืน”
เพชรน้ำบุษย์เดินเลี่ยงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบไม่สนใจ อลิสมองตามหมั่นไส้เต็มที่ พูดตามหาเรื่องกวนๆ
“ก็ตรรกะของอลิสไง...มีอะไรหรือเปล่า?” พลางเบ้ปากใส่ “โธ่”
อลิสกวาดสายตามอง พอเห็นเพชรน้ำบุษย์เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อก็แอบเปิดกระเป๋า เอากุญแจรถออกมา มองอย่างสาสมใจ
“แล้วเธอจะได้รู้จักตรรกะของอลิสยิ่งกว่านี้ ยัยน้ำหนึ่ง....” อลิสมองกุญแจที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้า “รักกัน...รักกัน...” ยิ้มหยัน...แล้วหย่อนลงถังขยะก่อนเดินออกไป
เพชรน้ำบุษย์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา พลางเอาทิชชู่ซับหน้าไปด้วย มาถึงก็คว้ากระเป๋า ควานหากุญแจด้วยความเคยชิน
“อ้าว!กุญแจหายไปไหน”
น้ำหนึ่งควานหากุญแจแบบงงมากๆ หน้านิ่ว กุญแจหายไปไหน น้ำหนึ่งกวาดสายตามอง
หาไปเรื่อย ก่อนทิ้งทิชชู่ลงถังขยะ แล้วเห็นกุญแจอยู่ในนั้น
“อ้าว! มาอยู่นี่ได้ยังไง?” ลำดับเรื่องราวแล้วนึกรู้ทันที “อลิส”
ด้านอลิสมองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใครก็บอกเพื่อน
“เจาะยางมันเลย”
เพื่อนของอลิสจัดการเจาะยางรถของเพชรน้ำบุษย์ ทีมงานเดินออกมาพอดี
“ยังไม่กลับเหรอน้องอลิส”
อลิสสะดุ้งโหยงรีบบอก “รอน้ำหนึ่งค่า...”
ทีมงานงง “อ้อ..เหรอ”
อลิสเลียนเสียง “ค่า..รักกัน..รักกันค่า”
“ค่า..รักกันรักกัน แล้วเจอกันนะคะ ซียูค่า” ทีมงานเดินไปที่รถตัวเอง
อลิสโบกมือบ๊ายบาย “ค่าซียูค่า...” แล้วหันมาทางเพื่อนหัวเราะชอบใจ “กว่ายัยน้ำหนึ่งมันจะหากุญแจเจอ รถมันก็ยางแบบหมดแล้วล่ะ มันจะได้รู้ ตรรกะของอลิสเป็นยังไง”
เพชรน้ำบุษย์เดินออกมาเห็นรถตัวเองจึงเอ่ยขึ้น “ตรรกะของอันธพาล”
อลิสหันขวับมามอง เดินมาหาอย่างไม่กลัว แถมยียวนใส่ “แล้วไง”
“ไม่แล้วไงหรอก..แค่รู้ว่า...คนดีๆ ไม่ควรเอาตัวไปยุ่งกับอันธพาล”
เพชรน้ำบุษย์จะเดินออกไป อลิสตาวาววับ โกรธจัด ตามมากระชากผมทันควัน
“ฉันอันธพาล แล้วยังไง”
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย...เธอจะได้รู้ซึ้งไปถึงตับไตไส้พุง ตรรกะของอลิส ไม่ว่าจะทำอะไรถูกทุก
อย่าง รวมทั้งตบเธอก็ไม่ผิดด้วย” ว่าแล้วก็ตบผลัวะ
“ว้าย!”
ร่างของเพชรน้ำบุษย์กำลังจะล้มลงกับพื้น รถของเพชรแล่นเข้ามาจอด เพชรเดินลงมาประคองไว้ทัน เพชรน้ำบุษย์มองตื่นตะลึง ขณะที่อลิสชี้หน้า
“รู้ซะมั่งว่าฉันเป็นใคร? เธอเป็นใคร?คราวหน้าอย่าได้เผยอมาเทียบรัศมีฉันอีก” อลิสมองเพชรอย่างเอาเรื่อง แว้ดใส่ “มองทำไมไอ้กร๊วก”
เพชรมองอย่างตำหนิ เพราะนึกว่าเป็นน้ำหนึ่ง “มองสก๊อย”
“แก” อลิสจะถลันเข้ามา
“เอาสิ...เธอตบ ฉันต่อย เพราะกร๊วก ก็ต้องคู่สก๊อย ถ่อย เถื่อน หยาบคาย สมกันดี”
“ไอ้” อลิสโกรธจนตัวสั่น “ฝากไว้ก่อนเถอะ...แล้วแกจะได้รู้จักตรรกะของฉัน ไป”
อลิสเดินที่รถกับเพื่อน ขับออกไปแทบจะชนสองคน
“ลูกคนรวยนี่นิสัยแย่จริงๆ..เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ....ขอบคุณพี่เพชรมากๆ ค่ะที่มาช่วย”
“รู้จักฉันด้วยเหรอ”
ไรู้สิคะ....ก็พี่เพชรเคยให้เสื้อบาส เบอร์ 13 ไง”
เพชรอึ้ง ตะลึงมองเพชรน้ำบุษย์ตาแป๋ว นึกถึงตอนให้เสื้อบาสน้ำหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมา
“เราจริงๆ เหรอ…”
“ค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์มองเพชรอย่างปลื้มปริ่มเอามากๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเพชรน้ำบุษย์นั่งรถมากับเพชรซึ่งแล่นมาตามทาง เพชรเอ่ยขึ้น
“เรื่องรถไม่ต้องห่วง เพื่อนพี่เป็นเจ้าของอู่ เดี๋ยวเค้าจัดการให้”
“ขอบคุณพี่เพชรจริงๆ ค่ะ...ถ้าคืนนี้ไม่ได้พี่เพชร คงแย่”
เพชรยิ้มละไม “ไม่เป็นไร....โทษที...พี่จำเราไม่ได้...โลกมันกลมจริงๆ”
เพชรน้ำบุษย์ตื่นเต้น “กลมจริงๆ ค่ะ....แล้ว..พี่เพชรมาทำอะไรที่สตูคะ”
“ได้ข่าวจากเพื่อนว่า...” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน “คุณน้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุษย์ลูกสาวรัฐมนตรีมาถ่ายแบบแถวนี้เลยแวะมาดู สก๊อยคนนั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ...” เพชรน้ำบุษย์ขำ
“ว้า...เสียดาย..พี่มาซะดึก....เลยไม่ได้เจอ”
“แล้วพี่อยากเจอ ...น้ำหนึ่ง...เพชรน้ำบุษย์ไปทำไมคะ”
“พี่อยากรู้จักเค้า...เราทำงานที่สตูหรือเปล่า..ขอเบอร์ให้พี่หน่อยสิ”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ” เพชรงวยงง
“ก็...เพราะน้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุศย์ นั่งอยู่ตรงนี้แล้วไงคะ”
“อะไรนะ?”
เพชรเบรกรถทันที หน้าผากของเพชรน้ำบุศย์แทบชนคอนโซลรถ
“เราคือ...น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุศย์”
“ค่ะ...”
เพชรมองอย่าตกตะลึง คาดไม่ถึง ในแววตามีความตกใจ เสียดาย เคียดแค้น ชิงชัง ปนเปกันอยู่ในนั้น
ค่ำคืนนั้น พลอยนั่งนิ่งอยู่บนรถเข็น ที่จอดอยู่บริเวณด้านนอกของบ้านเชิงเขา หญิงพิการทอดสายตามองออกไปในความมืด เห็นเงาของทิวเขาแลดูทะมึนน่ากลัวอยู่เบื้องหน้า ทับทิมเดินออกมาหา
“ไม่ต้องห่วงนะพลอย ว่าแกจะจมอยู่ในกองทุกข์คนเดียว” ในความสลัวของแววตาของทับทิมเข้ม เสียงกร้าว “เพชรมันไปเอาคืนให้แกแล้ว”
พลอยแสร้งทำเป็นแววตาหมองหม่น บอกเสียงอ่อนระโหย รู้สึกไม่ดี
“จริงๆ พลอยไม่อยากให้เพชรมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้...เพชรจะทำได้ยังไง? เพชรเป็นคนดี แล้วเพชร...ก็เป็นคนใจอ่อน...” แล้วแววตาคู่นั้นก็เปล่งประกายวาววับร้ายกาจ กลัวว่าเพชรจะทำไม่ได้ “พลอยกลัวว่าน้องจะทำไม่ได้”
“แกลืมไปแล้วเหรอว่า ตอนนี้เพชรมันเป็นเพชร ไม่ใช่ไอ้น้อย...เด็กขี้โรคใกล้ตาย
เหมือนตอนนั้น”
เสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้นมาในหัวของทับทิม ขณะนึกถึงเรื่องราวในอดีต 20 ปีก่อน
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่บ้านเชิงเขาของทับทิมตอนกลางวัน เด็กชายน้อย หรือเพชรตอนเด็กร้องไห้กระจองอแง ทับทิมเลี้ยงดูด้วยความหงุดหงิด ไม่ใช่ไม่รัก แต่เพราะเด็กชายป่วยบ่อยมากตามประสาเด็กขี้โรค จนทับทิมหงุดหงิดฉุนเฉียวเอา พลอยในวัยเด็กก็นั่งป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น
“โอ๊ย...ไอ้น้อยเอ๊ย..เมื่อไหร่จะหายซักที สามวันดีสี่วันไข้แบบนี้ ฉันจะเลี้ยงแกโตมั้ยเนี่ย”
หญิงคนข้างบ้านเดินเข้ามาแนะวิธีแกล้เคล็ด “ไม่เปลี่ยนชื่อให้มันล่ะ ชื่อ”น้อย” ..ความหมายไม่ค่อยดี ไอ้น้อยมันก็เลยผอมแห้งแรงน้อย ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่เรื่อย”
ทับทิมบอกเสียงเศร้า “ก็แม่มันตั้งให้ ฉันเลยไม่อยากเปลี่ยน”
“แล้วตอนนี้แม่มันหายหัวไปไหนล่ะ” เพื่อนบ้านถาม
เห็นทับทิมอึ้ง เพื่อนบ้านบอกอีก
“ถึงแกจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่แกป้อนข้าวป้อนน้ำ เลี้ยงดูยิ่งกว่าแม่มันซะอีก ขืนไม่เปลี่ยนชื่อ...ไอ้น้อยมันได้ตายก่อนโตแน่ทับทิม”
พูดจบเพื่อนบ้านก็เดินจากไป ทับทิมกอดเพชร มองนิ่ง แววตาครุ่นคิด
“นวลเอ๊ย...ตั้งแต่นาทีนี้ ฉันจะถือว่าไอ้น้อยมันเป็นลูกฉันแล้วนะ” ทับทิมกอดเด็กชายน้อยมองหน้านิ่ง “แม่ชื่อทับทิม แล้วนั่นก็พี่พลอย ลูกชื่อว่า “เพชร” แล้วกัน....โตขึ้นมาลูกจะได้แข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งให้แม่ ให้พี่ได้” ว่าพลางทับทิมอุ้มเพชรขึ้นมาหยอกเอินยิ้มแย้ม “นะเพชรนะ หายวันหายคืน โตขึ้นมาแข็งแกร่งประดุจเพชรนะลูกแม่”
ทับทิมกอดเด็กชายเพชร หยอกล้อเล่นหัว เด็กหญิงพลอยเข้ามากอดเล่นด้วย
เวลาเดียวกัน เพชรซึ่งมีสีหน้าขรึมเครียดขับรถมาส่ง เพชรน้ำบุษย์ที่หน้าคฤหาสน์เกรียงศักดิ์ อีกฝ่ายนั้นลอบมองเพชรตลอดเวลา สองคนเดินลงมาจากรถ เพชรน้ำบุษย์ยกมือไหว้ขอบคุณเพชร
“ขอบคุณพี่เพชรมากค่ะที่มาส่งน้ำหนึ่ง”
แววตาเครียดเคร่งของเพชรเปลี่ยนมาเป็นกรุ้มกริ่มทันที “พี่เต็มใจ...อย่างที่พี่บอก...พี่อยากรู้จักน้ำหนึ่งอยู่แล้ว”
เพชรน้ำบุศย์สะเทิ้นเขินอาย “ทำไมคะ”
เพชรไปไม่เป็นเพราะไม่ใช่ตัวจริง รีบกลบเกลื่อน มองมาตาหวานซึ้ง
“ถ้าพี่บอก...น้ำหนึ่งอย่าขำพี่นะ…”
เพชรน้ำบุษย์อมยิ้มอยากรู้ “ก็อะไรล่ะคะ”
เพชรอ้ำๆ อึ้งๆ ทำทีเป็นเขินอาย “หมอดูบอกพี่...ปีนี้พี่จะเจอเนื้อคู่...เค้าชื่อเล่น...น. หนู ชื่อจริง พ.พาน”
เพชรน้ำบุษย์ จ้องตาเพชร ใจเต้นระรัว เพชรจ้องตาตอบก่อนจะบอกย้ำ
“น. หนู...พ.พาน พี่...เลย คิดว่า...เป็นน้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุษย์”
น้ำหนึ่งเขิน อายมาก ระหว่างนั้นนวลเดินออกมาเห็นเข้า
“คุณน้ำหนึ่ง”
เพชรน้ำบุษย์ตกใจนิดๆ “ป้านวล”
นวลเขม้นมองเพชรด้วยท่าทีระแวง ไม่ชอบใจนัก เพชรเองก็มองนวลตอบ แต่น่าแปลกที่เพชรไม่ได้รู้สึกไม่ชอบสายตาคู่นั้น เพชรยิ้มให้ นวลไม่ได้ยิ้มตอบบอกเพชรน้ำบุษย์เสียงอ่อนโยน
“ดึกมากแล้ว คุณน้ำหนึ่งรีบเข้าบ้านเถอะค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์ ยิ้มให้เพชร “ขอบคุณมากค่ะ แล้วเจอกันนะคะพี่เพชร”
เพชรยิ้มหวาน แววตาเจ้าชู้เปิดเผย “ครับ”
นวลมองเพชรทั้งไม่พอใจและนึกระแวง ก่อนพาเพชรน้ำบุษย์ เข้าบ้านไป เพชรมองตาม ก่อนที่ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจะเปลี่ยนเป็นดุดัน แววตาแข็งกระด้าง มองไปที่คฤหาสน์ด้วยความเกลียดชัง สายตาเบนมองไปที่ป้ายชื่อหน้าบ้าน รมต.เกรียงศักดิ์ อัจฉริยะไพลิน
ด้านนวลพาเพชรน้ำบุษย์เข้ามานั่งในห้องโถง ตาหวานเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ นวลต่อว่าอย่างเป็นห่วง
“ดีนะคะที่ท่านกับคุณหญิงยังไม่กลับมา ไม่งั้นมีผู้ชายมาส่งอย่างนี้ คุณน้ำหนึ่งถูกดุแน่”
ตาหวานตาโต “ว้าว...พี่น้ำหนึ่งมีผู้ชายมาส่ง”
นวลมองตาหวานแบบปรามๆ ก่อนถามเพชรน้ำบุษย์ด้วยความเป็นห่วง
“เค้าเป็นใครที่ไหนคะ ไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมคุณน้ำหนึ่งถึงไว้ใจ ยอมให้เค้ามาส่งถึงบ้านได้”
ตาหวานหัวเราะคิก “ป้านวล ซักพี่น้ำหนึ่งยังกับผู้ต้องหา ยิ่งกว่าท่านกับคุณหญิงอีกนะเนี่ย”
“ก็ป้ารักป้าห่วงของป้านี่” นวลว่า
เพชรน้ำบุษย์กอดนวลประจบ ใบหน้าสวยระบายยิ้ม “น้ำหนึ่งรู้ค่ะว่า ป้านวลเลี้ยงน้ำหนึ่งมาตั้งแต่เล็ก แต่น้อยก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา”
“ไม่ต้องมาเฉไฉค่ะ...บอกป้ามาดีกว่า...คนที่ชื่อเพชรเค้าเป็นใคร”
เพชรน้ำบุษย์บอกอย่างอายๆ “พี่เพชร...ก็คือ “พี่คนนั้น” ไงคะป้านวล”
ตาหวานกรี๊ดกร๊าด “แอร๊ยย... “พี่คนนั้น” ได้เจอกับ “น้องคนนี้” แล้วเหรอคะ? ตาหวานดีใจจังเลยค่ะพี่น้ำหนึ่ง” เด็กสาวคว้าหมอนที่โซฟามากอดทำท่าไปด้วย “จิ้นจิกหมอนเลยนะคะเนี่ย”
นวลไม่อยากเชื่อ “จริงเหรอคะ คุณน้ำหนึ่ง คุณเพชรคือพี่คนนั้น แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มาเจอกันคะ”
เพชรน้ำบุษย์บอก ทั้งอายทั้งเขิน “พี่เค้ามาตามหาน้ำหนึ่งค่ะ”
“แอร๊ย” ตาหวานเป็นเอามากกลิ้งลงกับพื้น เขินแทน
นวลมองดุ “ตาหวาน! แกเป็นอะไร”
“จิ้นไงคะป้า ตาหวานกำลังจิ้นอยู่ แล้วไงต่อคะพี่น้ำหนึ่ง”
“เค้าบอกว่า น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุษย์เป็นเนื้อคู่ของเค้าค่ะ”
พูดจบเพชรน้ำบุษย์ก็วิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ตาหวานตาโตอ้าปากค้าง
“แอร๊ย” ตาหวานร้องกรี๊ดขึ้นมาอีก แล้วทำท่าชักตายไปเลย “ตายๆ โอ๊ย...เจออย่างนี้ ตาหวานตายไปเลย แอร๊ย...”
นวลมองตามเพชรน้ำบุษย์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่แววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลและห่วงใยอย่างประหลาด
มารกามเทพ ตอนที่ 1 (ต่อ)
พอเพชรน้ำบุษย์เข้ามาในห้อง ก็เดินตรงไปเปิดตู้หยิบเสื้อเล่นบาสเบอร์ 13 ของเพชร ที่ให้ไว้มากอดอย่างดีอกดีใจมาก
“เราไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยน้ำหนึ่ง? เราได้เจอพี่เพชรแล้ว”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มทิ้งตัวลงนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ยิ้มกว้าง ก่อนลุกขึ้นเดินมาคว้าขวดโหลดาวขึ้นมามองสลับกับเสื้อของเพชรเบอร์ 13 เหลือบมองไปที่ปฏิทินเห็นชัดวันที่ 13
“13 มีนาคม เลขนำโชคของน้ำหนึ่ง...น้ำหนึ่งจะจำเลขนี้ไปจนตายค่ะพี่เพชร”
เพชรน้ำบุษย์กลิ้งกอดเสื้อ กอดขวดดาวมีความสุขเอามากๆ
เพชรมาพักที่คอนโดเล็กๆ ของเขาที่ซื้อไว้ในกทม. และกำลังโทรศัพท์คุยกับทับทิมที่อยู่บ้านเชิงเขา
“ผมเจอเค้าแล้วครับแม่”
“ดี...รีบทำตามแผนให้เร็วที่สุด จำเอาไว้! ยัยน้ำหนึ่งมันต้องเจ็บ ยิ่งกว่าที่พ่อมันทำกับพลอย”
ทับทิมวางสาย พลอยนั่งบนรถเข็นรอฟังอยู่ด้านหลัง ดวงตาวาวโรจน์สาสมใจ
ท่ามกลางความมืดของหุบเขา พลอยเข็นรถออกมาที่หน้าบ้าน
“เวลาที่พวกแกจะต้องเจ็บปวดและอับอายมาถึงแล้ว...เพชรน้องพี่” พลอยตาแข็งกร้าว “พี่เชื่อว่าน้องทำได้”
พลอยยิ้มออกมา ทว่าวงหน้าของพลอยแสยะแลดูน่ากลัว ขณะเงยหน้ามองจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า
ด้านเพชรเปลี่ยนชุดใหม่ทรุดตัวลงนั่ง นึกถึงตอนที่ตนให้เสื้อเพชรน้ำบุษย์ ซึ่งเด็กสาวรุ่นน้องปลื้มมาก เสียงของเพชรน้ำบุษย์ตอนยิ้มแย้มแนะนำตัวดังก้องในหู
“น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุษย์นั่งอยู่ตรงนี้ไงคะ”
เพชรมีสีหน้าสลดลง เต็มไปด้วยความสับสน สงสารและเห็นใจน้ำหนึ่งอยู่ในนั้น แต่แล้ว
ภาพความเจ็บปวดที่พลอยเล่าว่าเกรียงศักดิ์ขืนใจ รวมทั้งดาราณีมาทำร้ายพลอย รวมทั้งภาพที่เกรียงศักดิ์ขับรถชนพลอย ผุดขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงของทับทิม
“แม่มีลูกสาวเพียงคนเดียว แทนที่จะมีอนาคตสดใส กลับต้องมาเป็นคนพิการ ถูกคนตราหน้าว่าเมียเก็บ เมียน้อย นางบำเรอ แม่อยากให้ลูกสาวของมัน ได้รับกรรมเหมือนกับที่มันทำกับพลอย”
คิดแล้วเพชรบอกตัวเอง “ฉันจะสงสารเธอไม่ได้ น้ำหนึ่ง!”
ดวงตาของเพชรกร้าวขึ้นมาทันที
รุ่งเช้าที่คฤหาสน์เกรียงศักดิ์ ระหว่างรับประทานอาหาร เพชรน้ำบุษย์มีสีหน้าสดใส นวลแอบมองด้วยความเป็นห่วง จังหวะหนึ่งตาหวานกระมิดกระเมี้ยนเดินเข้ามามองเพชรน้ำบุษย์เหมือนมีเลศนัย
“พี่น้ำหนึ่งคะ...มีคนมาหาค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์แอบตื่นเต้น “ใครเหรอ”
ตาหวานบอกเบาๆ แทบไม่มีเสียงทำแค่ปาก “พี่คนนั้นค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์อมยิ้ม “น้ำหนึ่งไปหาเพื่อนก่อนนะคะ” แล้วลุกเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม
เกรียงศักดิ์และดาราณีมองตาหวานเขม็ง ตาหวานหลบหน้าจะรีบออกไป แต่ดาราณีเรียกไว้
“เดี๋ยวตาหวาน”
ตาหวานสะดุ้งโหยง “คะ”
“ใครมาหาพี่น้ำหนึ่ง” ดาราณีถาม
ตาหวานกลัว อึกอักๆ “เอ่อ…”
เกรียงศักดิ์ถาม “ใคร”
“พี่คนนั้น” ตาหวาน
เกรียงศักดิ์ฉงน “พี่คนไหน”
ตาหวานทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม มองไปทางนวลแบบขอความช่วยเหลือ
“รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยค่ะ” นวลบอก
ดาราณีกับเกรียงศักดิ์เหลียวมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
เพชรน้ำบุษย์วิ่งออกไปที่หน้าคฤหาสน์ เห็นเพชรยืนหันหลังอยู่ ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุด
เสื้อผ้าที่ค่อนข้างยับเหมือนทำงานมาทั้งคืน เป็นชุดเดียวกับที่ใส่เมื่อคืนตอนมาส่งเพชรน้ำบุษย์ เพชรเริ่มแผนการแล้ว
“พี่เพชร”
ขณะเดียวกันที่ห้องโถงด้านใน เกรียงศักดิ์ และดาราณีมองภาพจากกล้องวงจนปิด เห็นเพชรหันมาพร้อมรอยยิ้มหวานสดใส ในมือชูถุงน้ำเต้าหู ปาท่องโก๋ และโจ๊กหนึ่งถุงมาด้วย
“น้ำหนึ่งทานข้าวเช้ายัง”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มหวาน ดวงตายังตื่นเต้นดีใจไม่หาย และยังไม่ทันตอบ เพชรก็พูดต่อ
“พี่เพิ่งเสร็จจากไซต์งาน เลยแวะซื้ออาหารเช้ามาฝาก น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋เจ้านี้
อร่อย อ้อ!มีโจ๊กอีกถุงด้วย” เพชรยื่นให้
เพชรน้ำบุษย์รับมา “ขอบคุณค่ะ...แล้วนี่เมื่อคืนพี่เพชรไม่ได้นอนเลยเหรอคะ”
“จ้ะ...มาส่งน้ำหนึ่งเสร็จ พี่ก็กลับไปทำงานต่อเลย ทานให้อร่อยนะ”
“ค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มเขินด้วยความอาย เพชรมองอย่างพึงพอใจ ดวงตาแสดงออกชัดเจนว่าชอบเพชรน้ำบุษย์
“พี่กลับก่อนนะ...” เพชรเอามือทำท่าโทร. บอก “แล้วคุยกัน”
เพชรขึ้นรถคันเก่าขับออกไป ทำท่ามองตาม หัวใจเต้นระรัว
เพชรน้ำบุษย์เดินเข้ามาในบ้านพร้อมถุงอาหารเช้า ดวงหน้ามีแต่รอยยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับเจื่อนลงสนิทเมื่อเห็นเกรียงศักดิ์และดาราณียืนหน้าขรึมมองมาอยู่ เพชรน้ำบุษย์ถามเสียงอ่อยๆ
“คุณพ่อ คุณแม่มีอะไรคะ”
“พ่อต้องถามเรามากกว่า คิดยังไง ถึงให้คนแบบนั้นมาถึงบ้าน” เกรียงศักดิ์เสียงขุ่น
“แบบไหนคะ? พี่เพชรเค้าเป็นวิศวกร เป็นนักกีฬาของโรงเรียน”
“อาชีพไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเค้าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี ดูท่าทางเค้าแล้วแม่ไม่สบายใจ”
เกรียงศักดิ์ต่อความ “แล้วไอ้มุขที่บอกว่าเป็นเนื้อคู่ ดูก็รู้ มันเป็นคนกะล่อน”
เพชรน้ำบุษย์มองหน้านวล หญิงสูงวัยหลบตาวูบ
“ทางที่ดีแม่ว่าอยู่ห่างๆ เค้าดีกว่า แล้วอาหารพวกนี้ ก็ไม่ต้องกิน ใส่อะไรมาหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ดาราณีหันหน้าไปทางนวลเป็นเชิงบอก นวลค่อยๆ เดินมา
“คุณน้ำหนึ่งคะ..นวลขอค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์ไม่ยอมปล่อย เกรียงศักดิ์ต้องเดินมาหา และเป็นฝ่ายดึงถุงอาหารจากมือ
ลูกสาวส่งให้นวล พูดเรียบๆ แต่ดุ
“แล้วอย่าให้พ่อเห็นว่าน้ำหนึ่งติดต่อกับเค้าอีก”
เกรียงศักดิ์เดินออกไปทำงานพร้อมกับดาราณี เพชรน้ำบุษย์หน้างอ
ขณะที่นวลกำลังจะเอาถุงอาหารเช้าของฝากจากเพชร ทิ้งลงใส่ถังขยะ มือของน้ำหนึ่งยื่นมาคว้าไป
“คุณน้ำหนึ่ง”
เพชรน้ำบุษย์ยังเอาถุงอาหารแกะใส่ชาม นวลบอก
“อย่าทานเลยนะคะ”
“พี่เพชรอุตส่าห์มีน้ำใจซื้อมาฝาก น้ำหนึ่งจะทาน”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะ...นี่น้ำหนึ่งยังไม่ได้โกรธเลยนะคะที่ป้านวลเอาเรื่องพี่เพชรไปเล่าให้คุณ
พ่อฟังน่ะ”
“ก็คุณท่านถาม”
ตาหวานสอดขึ้นมา “ถามก็ไม่เห็นต้องบอก”
นวลเอ็ดเอา “ก็เมื่อกี้แกนั่นแหละเป็นคนเล่าฉอดๆ”
ตาหวานร้อง “อุ๊ปส์” เพชรน้ำบุษย์มองตาหวานที่แก้ตัวพัลวัน “ก็ตาหวานนึกว่า คุณท่านจะจิ้นเหมือนตาหวานน่ะสิคะ ที่ไหนได้ ถูกท่านดุเลย”
เพชรน้ำบุษย์นั่งทานอย่างอร่อย “ถ้าไม่อยากถูกดุ ต่อไปมีอะไรก็ไม่ต้องบอก” หญิงสาวหันมาทางนวล “นะคะป้านวล มีอะไรอย่าบอกคุณพ่อคุณแม่นะคะ”
นวลออกอาการไม่สบาย “จิ้งจกทักเค้ายังฟัง นี่คุณพ่อคุณแม่ท่านทักนะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้ำหนึ่งรู้จักพี่เพชรมาตั้งนาน พี่เพชรเป็นคนดี” เพชรน้ำบุษย์ย้ำคำ “เป็นคนดีจริงๆ ค่ะ”
“จริงด้วยป้านวล หล่อด้วย ไม่อย่างนั้นพี่น้ำหนึ่งไม่รอ “พี่คนนั้น” มาตั้งหลายปีหรอกเนอะ..พี่น้ำหนึ่งเนอะ”
เพชรน้ำบุษย์พยักหน้า ทานอาหารเช้าอย่างอร่อย ทั้งที่เป็นอาหารธรรมดาแท้ๆ
ฟากเพชรเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว เดินมาทำงานที่ไซต์งาน
“ไปกินข้าวกันเพชร” เพื่อนชวน
“เอาเลย ตามสบาย”
เพชรเดินเลี่ยงมานั่งที่ไซต์งานอีกมุม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ด้านเพชรน้ำบุษย์กำลังแต่งตัว
จะออกไปข้างนอก เสียงมือถือดังจึงหยิบมากดดู เห็นเป็นเพชรส่งไลน์มาเป็นรูปน่ารักๆ เพชรน้ำบุษย์ยิ้ม ส่งไลน์ตอบกลับไป
เพชรนั่งมองจอมือถือแสยะยิ้ม กดไลน์ส่งไปอีก สองคนส่งกันไปมา จากภาพน่ารักๆทักทายธรรมดา เริ่มมีรูปหัวใจ และเพชรน้ำบุษย์ก็เป็นฝ่ายยิ้มปลื้มอยู่คนเดียว
ไม่นานต่อมา สองสาวเดินซื้อของอยู่ในห้างหรู พลางพูดคุยกัน จู่ๆ นิ้งกรี๊ด
“จริงเหรอที่ตัวเจอพี่เพชรแล้ว”
เพชรน้ำบุษย์บอกอย่างจริงจังแต่นัยน์ตามีแต่แววหวานชื่น ตื่นเต้น
“ฮื่อ! ยังคิดว่าอยู่ในความฝันรึเปล่าเนี่ย”
นิ้งตีแขนดังเผียะ น้ำหนึ่งร้อง
“เรื่องอะไรมาตีเค้า”
“ตัวจะได้รู้ไงว่าไมได้ฝัน...นี่ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เลยน้ำหนึ่ง” นิ้งทำตาเคลิ้มฝันขณะพูด “สาวน้อยแอบหลงรักรุ่นพี่ แล้ววันหนึ่งเค้าก็ได้เข้ามาในชีวิตของเธอจริงๆ น้ำหนึ่ง โรแมนติกมากเลยตัว”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มหวานอย่างมีหวัง แววตาเคลิ้ม “เราก็คิดอย่างนั้นแหละนิ้ง มันต้องเป็นพรหมลิขิต พี่เพชรคงเป็นเนื้อคู่ของเรา”
“นี่! พอซื้อของเข้าออฟฟิศใหม่แล้ว ตัวพาเค้าไปทำผมหน่อยนะ เค้าอยากเปลี่ยนสีผม” นิ้งบอก
“วันหลังได้มั้ย?” เพชรน้ำบุษย์เสียงอ่อยๆ “วันนี้เค้าอยากซื้อเสื้อให้พี่เพชร...พี่เพชรทำงาน
หนัก คงไม่มีเวลามาซื้อเอง”
“โห! ยังไม่ทันเป็นแฟนกันเลย ลืมเพื่อนซะแล้ว”
เพชรน้ำบุษย์เขินมาก “ไม่ได้ลืม...เพียงแต่ตอนนี้...คิดถึงพี่เพชรอยู่คนเดียว” คว้าแขนนิ้ง “ไป..ไปซื้อเสื้อให้พี่เพชรกัน” สองสาวเดินไป ได้ยินเสียงนิ้งแซว ดังแว่วๆ มา
“อ้าว!แล้วไม่ซื้อของเข้าออฟฟิศแล้วเหรอน้ำหนึ่ง” เสียงนิ้งหัวเราะคิกคัก
สองสาวไม่รู้ว่าอลิสเดินออกมาจากมุมใกล้ๆ กันเลือกซื้อของอยู่ก่อน และได้ยินสองคนคุยกัน
“พี่เพชร...ใครอ่ะ”
สีหน้าและท่าทาง ตลอดจนน้ำเสียงอลิสอยากรู้อยากเห็นมาก
ส่วนที่ไซต์งาน ขณะที่เพชรคุมงานอยู่อย่างคล่องแคล่ว และสมบุกสมบันกับงาน มาดอย่างเท่ เสียงมือถือของเพชรดัง เพชรหยิบมารับ
“ครับพี่พลอย”
พลอยโทร.มาจากบ้านเชิงเขา ถามอย่างเป็นห่วง
“ทำงานอยู่เหรอเพชร? เหนื่อยมั้ย?”
“นิดหน่อยครับ...แล้วพี่พลอยกับแม่ล่ะครับ เป็นไงบ้าง”
พลอยแกล้งบีบเสียงร้องไห้ “พี่คิดถึงเพชร แม่ก็คิดถึง พี่เองก็ฝันไม่ค่อยดี...พี่ฝัน” พลอย สะอื้นไห้ฮักๆ “ฝันว่าเพชรถูกคนทำร้าย”
เพชรหัวเราะเบาๆ “แค่ฝันเท่านั้นครับพี่พลอย”
“พี่กลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่ฝัน เพชรก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเค้าร้ายขนาดไหน? แล้วถ้าเค้ารู้ว่าเพชรเป็นน้องพี่ พี่กลัวว่าเพชรจะมีอันตราย”
เพชรเสียงเข้ม “ผมไม่กลัว ลูกผู้ชายเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว และผมก็พร้อมจะตาย ถ้า
แก้แค้นให้พี่พลอยได้สำเร็จ”
“ไม่เอา พี่ไม่เอา พี่ไม่ยอมให้เพชรเป็นอะไร”
“อย่าร้องไห้สิครับพี่พลอย ผมดูแลตัวเองได้ ที่สำคัญ ผมไม่ให้พวกมันรู้เด็ดขาด ว่าผมเป็นน้องชายพี่พลอย”
“หมายความว่า...”
“ผมจะทำ จนกว่าแผนของเราจะสำเร็จครับพี่พลอย”
เพชรพูดจริงจัง ดวงหน้าเข้ม แววตามาดหมาย ไม่มีความหวั่นกลัวเจือแม้แต่นิดเดียว
ส่วนพลอยเข็นรถออกมาด้านนอก ดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุขออกมา ก่อนที่จะ
ตะเบ็งเสียงหัวเราะออกมาดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
“อย่างน้อยความพิการ ความน่าสังเวชของฉัน มันก็ทำให้ฉันได้แก้แค้น โดยที่ฉัน
ไม่ต้องลงแรงเอง ดีแล้วพลอยที่วันนั้นเธอไม่ตาย...” น้ำเสียงของพลอยฟังดูหลอนๆ “ดีใจ...ที่วันนั้น
...เธอไม่ตาย”
ดวงตาของพลอยยามนี้ เหลือกลานเจ็บปวด เมื่อคิดถึงความหลัง
คืนนั้นพลอยวิ่งมาตามทาง เสียงของเกรียงศักดิ์ดังก้อง
“ฉันบอกเธอแล้ว อย่าให้คุณหญิงรู้เรื่องของเราเป็นอันขาด”
“แต่พลอยทนอยู่ในสภาพเมียเก็บ นางบำเรอ ไม่ไหวแล้ว”
เกรียงศักดิ์เสียงเข้ม “แต่เธอเป็นคนเสนอให้ฉันเองนะพลอย ได้ยินมั้ยเธอเป็นคนเสนอให้ฉันเอง เธอจะมาเรียกร้องสิทธิ์ไม่ได้”
น้ำตาของพลอยไหลกบนัยน์ตาแล้ว ทั้งเจ็บทั้งอาย ความเจ็บปวดทำให้พลอยบอกตัวเองเสียงกร้าว
“ทำไมจะไม่ได้ พลอยจะเรียกร้องสิทธิ์ของพลอย ท่านจะต้องถูกตราหน้าที่ทำให้คนฆ่าตัวตาย”
พลอยมองที่ด้านหลัง เห็นรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง พลอยตัดสินใจ ณ เดี๋ยวนั้นกระโจนเข้าหารถทันควัน คนขับเบรกตัวโก่ง
“เฮ้ย”
คนขับรีบเบี่ยงรถหลบ แต่กระนั้นพลอยก็ยังถูกชนเข้าอย่างจัง ร่างของพลอยลอยละลิ่วกลิ้งอยู่บนท้องถนน ขณะที่คนขับอาศัยความมืดขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้พลอยชักกระตุก
เลือดท่วมตัว น่าสังเวชใจ อยู่ตรงนั้น
อีกวันต่อมา พลอยฟื้นขึ้นมา ในภาวะนั้นยังงุนงงสับสนอยู่ เห็นทับทิมจับมือพลอยร้องไห้ ส่วน ข้างๆ มีเพชรยืนหน้าเครียดอยู่ ทับทิมร้องออกมาอย่างดีใจ
“พลอย! พลอยฟื้นแล้ว” ทัยทิมผวาตัวกอดพลอยร้องไห้โฮ “แม่ดีใจที่สุดเลยลูก ดีใจที่สุดเลย”
พลอยเริ่มนึกได้ ร้องฟูมฟายออกมา “นี่พลอยยังไม่ตายอีกเหรอ? ทำไมไม่ปล่อยให้พลอย
ตายๆๆๆ ไปเลย” พลอยกรี๊ด อาละวาด อย่างคุ้มคลั่ง คุมตัวเองไม่อยู่
เพชรตรงเข้ามากอด คว้าตัวพี่สาวเอาไว้ ท่าทีงุนงง “ทำไมพี่พลอยถึงพูดอย่างนี้..โชคดีแค่ไหนแล้วที่คุณหมอณัฐ เค้าผ่านไปเห็น ไม่อย่างนั้น ป่านนี้ไม่รู้พี่พลอยจะเป็นยังไง”
“ก็ตายไปเลยสิ ปล่อยให้พี่ตายๆๆๆ ไปเลย”
พลอยสติแตกกรีดร้องโวยวาย อาละวาด อยากตายจริงๆ เพชรกับทับทิมเข้ามาช่วยกันจับร่างของพลอยเอาไว้
สองคนพูดทำนองเดียวกัน “หยุดพลอย” / “หยุดพี่พลอย”
“ปล่อย..พลอยอยากตาย ปล่อย”
พลอยดิ้นสุดแรงเกิด จนร่างหล่นจากเตียง สองคนตกใจ
“พลอย” / “พี่พลอย”
พลอยจะลุกขึ้นมา แต่ต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติที่ขาของตัวเอง
“ขาพลอย...ขาพลอยเป็นไร” พลอยเบิกตากว้าง ขณะพยายามจะลุก แต่ลุกไม่ได้ พลอยหน้าซีดเป็นกระดาษ ตกใจสุดขีด ร้องสุดเสียง “ขาพลอย”
ทับทิมกับเพชรตรงเข้ามาประคอง ทับทิมกอดพลอยไว้ ร้องไห้ตามกัน
“ทำใจดีๆ ไว้ลูก ยังมีทางรักษา พลอยต้องหาย พลอยต้องกลับมาเดินได้เหมือนเดิม”
พลอยแทบลืมหายใจ “แปลว่า...พลอยเดินไม่ได้ พลอยพิการ” พลอยกรีดร้องขึ้นอีก “ไม่...”
พลอยดิ้นพร่าดๆ อาละวาดหนัก แบบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เพชรคว้าตัวพลอยมากอดไว้แน่น
“อย่าร้องไห้พี่พลอย อย่าร้อง ยังไงผมก็ไม่ทิ้งพี่พลอย” เพชรปลอบ
“แม่ก็ไม่ทิ้งแกไปไหน แกอย่าทำอย่างนี้พลอย”
สามคนกอดกันร้องไห้ พลอยร้องไห้โฮๆ รู้สึกเสียใจมาก ก่อนที่ดวงตาจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เหมือนคิดอะไรได้ แล้วพลอยก็พูดออกมาทันที
“ท่านเป็นคนทำพลอย ท่านเป็นคนทำพลอย”
เพชรตกใจ “อะไรพี่พลอย”
“ท่านขับรถชนพี่ ได้ยินมั้ยเพชร ท่านขับรถชนพี่”
“ไอ้เกรียงศักดิ์” ทับทิมแค้นสุดแค้น
ครั้งนั้น พลอยมองแม่และน้องอย่างสาสมใจ
ขณะที่เกรียงศักดิ์นั่งทำงานอยู่ มีเสียงเคาะประตู
“เข้ามา”
ลูกน้องของเกรียงศักดิ์เดินเข้ามา เกรียงศักดิ์ถามด้วยเสียงทรงอำนาจ
“ว่าไง? น้ำหนึ่งไปไหน กับใคร”
“ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้ากับคุณนิ้ง แล้วก็ตรงกลับบ้านเลยครับ”
เกรียงศักดิ์พยักหน้า “ถ้าน้ำหนึ่งอยู่กับผู้ชายคนไหน รีบรายงานฉันให้เร็วที่สุด”
“ครับท่าน” ลูกน้องเดินออกไป
เกรียงศักดิ์นั่งทำงานต่อ สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้น เสียงมือถือดัง เกรียงศักดิ์คว้ามาดู ก่อน
ทำหน้าแปลกใจ เมื่อเห็นสายที่โทร.เข้ามาเป็น เบอร์ส่วนตัว
เกรียงศักดิ์นิ่วหน้า “ใคร” ก่อนจะกดรับสาย “สวัสดีครับ”
พลอยพูดเสียงหวาน แต่ฟังดูหลอน “สวัสดีค่ะท่าน”
เกรียงศักดิ์ตกใจ จำได้ “พลอย”
พลอยโทร.มาจากบ้านเชิงเขา มือกำโทรศัพท์แน่น สายสัมพันธ์เก่าๆ ไม่เคยจางหาย สี
หน้าพลอยเจ็บปวด ขณะบอกออกมา
“ค่ะ...พลอยเอง...ท่านสบายดีนะคะ”
เกรียงศักดิ์ยังงงไม่รู้พลอยจะมาไม้ไหน “สบายดี แล้วพลอยล่ะ”
“พลอยคิดถึงท่านทุกวัน”
เกรียงศักดิ์อึ้ง ขณะที่พลอยพูดต่อ
“แล้วก็เห็นข่าวท่านอยู่บ่อยๆ น้องน้ำหนึ่ง...โตเป็นสาวเร็วจังนะคะ”
“พลอยมีอะไรหรือเปล่า”
“น้องน้ำหนึ่งสวยน่ารักมากค่ะ...พลอยฝากบอกน้องน้ำหนึ่งด้วยนะคะ...ซักวันเราคงได้เจอกัน” พูดเท่านั้นพลอยก็วางสายไป
เกรียงศักดิ์วางโทรศัพท์ด้วยท่าทางไม่สบายใจ
ส่วนพลอยกำโทรศัพท์แน่น ก่อนที่จะเอามือทุบที่ขาตัวเอง ดวงตาเปล่งประกายวาววับ เพลิงแค้นฉายโชนในดวงตาคู่นั้น
โปรดติดตาม "มารกามเทพ" ตอนที่ 2