บ่วงบาป ตอนที่ 8
บริเวณหน้าเรือนทาส ขุนพิทักษ์นั่งกอดชุ่มอย่างแสนรัก
“ชุ่ม...ข้ามีความสุขที่สุดที่ข้าได้กอดเอ็งอยู่แบบนี้”
“แต่คุณรำพึงคงเป็นทุกข์ที่ท่านขุนทิ้งเธอมาแบบนี้ กลับขึ้นเรือนเถอะเจ้าค่ะ”
“คนอย่างรำพึงทุกข์กับใครเขาเป็นด้วยเหรอ มีแต่จะทำให้คนอื่นทุกข์น่ะสิไม่ว่า”
ชุ่มเอามือปิดปากขุนพิทักษ์
“พูดจาแบบนี้ไม่ดีนะเจ้าคะ ยังไงคุณรำพึงเธอก็เป็นเมีย และทุกอย่างที่เธอทำลงไปก็เพราะว่ารักท่านขุนนะเจ้าคะ”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์ตาแป๋ว ขุนพิทักษ์มองหน้าเมียรัก ด้วยแววตายิ้มขี้เล่น จับมือที่ปิดปากมาไว้ที่หน้า ขุนพิทักษ์ขำ
“ตกลงนี่เอ็งอยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย”
“ข้าก็แค่คิดถึงหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน ว่าเมื่อเรารักใครเราก็อยากให้เขาคนนั้นรักตอบ”
“เอ็งเห็นใจแต่คนอื่น ไม่เคยเห็นใจข้า นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเอ็งขอ ยังไงข้าก็ไม่มีวันแต่ง...”
“งั้นข้าจะขออีกครั้งนะเจ้าคะ กลับขึ้นเรือนเถอะเจ้าค่ะ อย่าให้ต้องมีเรื่องร้อนใจไปถึงหูคุณหญิงท่านอีกเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าไปก็ได้”
ชุ่มชะงัก ไม่นึกว่าจะง่ายขนาดนี้
“แต่เอ็งต้องบอกมาก่อนข้าว่า เอ็งไม่รักข้า แล้วข้าจะไป”
“ท่านขุน... ข้า”
ขุนพิทักษ์ย้ำ
“พูดสิว่า เอ็งไม่รักข้า”
ขุนพิทักษ์ทำหน้าตายียวนใส่
“ท่านขี้โกง...”
“คืนนี้ข้าจะนอนกอดเมียให้ชื่นใจ ไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
“ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์หลับตาปี๋ ไม่สนใจคำทัดทานของชุ่ม
เช้าวันใหม่ ที่จวงยื่นหน้าสาระแนเข้าใกล้ๆรำพึง
“ท่านขุนไม่กลับเรือนรึเจ้าคะ โถ โถ..ทูนหัวของบ่าว ยอมได้ยังไง แบบนี้นังชุ่มมันก็ยิ่งตีปีกสิเจ้าคะ ทำไมไม่ใช้ของดีของเราล่ะเจ้าค่ะ”
รำพึงปาของใส่จวง จวงตกใจ
“อย่ามาสาระแนสู่รู้แทนข้า นังจวง”
“แหมๆๆ ก็บ่าวไม่อยากให้มีมารหัวใจมาขัดขวางความสุขของคุณรำพึงนี่เจ้าคะ ไม่ยังงั้นป่านนี้ได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว”
รำพึงนึกถึงภาพขุนไวกอดและหอมรำพึง
“ลงนรกน่ะสิไม่ว่า!”
“ใช่เจ้าค่ะ นรกชัดๆ”
รำพึงมีพิรุธ คิดว่าจวงรู้เรื่องขุนไวบุกเข้ามาบนเรือนหอ
“นี่เอ็งรู้อะไร”
จวงทำหน้าตาอวดฉลาด เจ้าเล่ห์
“รู้เจ้าค่ะ”
รำพึงตกใจเล็กน้อยแล้วทำเนียน
“บ่าวรู้ว่านังชุ่มมันมาจากนรกไงเจ้าคะ มาคอยเป็นมารความสุขของทูนหัวของบ่าว เราน่าจะส่งมันกลับนรกไปนะเจ้าคะ”
รำพึงโล่งอก
“เอ็งไม่ต้องห่วงไปหรอก เมื่อคืนข้าก็แค่ให้ทานหมามันกิน แต่วันนี้มันต้องเจ็บจนแทบกระอักเลือด ข้าจะทำให้มันต้องเฉดหัวตัวมันเองออกไปจากที่นี่ คอยดู”
รำพึงมองไปที่ยา
บริเวณเรือนทาส ขุนพิแล้วทักษ์จูบลาชุ่ม
“วันนี้ข้าอยากกินแกงมะรุมฝีมือเอ็ง เสร็จงานราชการแล้วข้าจะรีบกลับมา”
“เจ้าค่ะ ข้าจะเตรียมสำรับไว้ให้ท่านที่บนเรือน”
“ข้าจะกินที่นี่เท่านั้น ถ้าข้าไม่เห็นสำรับของข้าที่นี่ ข้าจะไม่กินข้าว”
“ท่านขุนนี่ดื้อจริงๆ”
ขุนพิทักษ์หอมแก้ม
“รู้แบบนี้ก็อย่าขัดใจข้า”
ขุนพิทักษ์เดินลงจากเรือน ชุ่มมองตามแล้วยิ้ม … ขุนพิทักษ์ เดินผ่านมุมหนึ่งที่มีจวงแอบซุ่มอยู่
จวงได้ความ รีบแจ้นกลับไปทางเรือนใหญ่ทันที
รำพึงหันขวับมามองจวง
“นังชุ่มมันออดอ้อน ออเซาะ ด้วยแกงส้มมะรุมเจ้าค่ะ น่าตบจริงๆ”
รำพึงยิ้มเจ้าเล่ห์
“ออดอ้อนกันดีนัก ข้าจะให้คุณพี่ได้กินสมใจอยาก”
ในเรือนครัว หม้อแกงส้มเดือดปุดๆ ชุ่มเอามะรุมใส่ลงไป และค่อยๆคนอย่างตั้งใจ จวงหน้าตากวนเดินกร่างเข้ามา
“ไงยะ...หน้าตาดูแช่มชื่น ทำระรื่น รอผัวคนอื่นอยู่รึไง”
ชุ่มนิ่งไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย จวงหมั่นไส้เข้าไปกระชากแขน
“พูดด้วยแล้วไม่ตอบ หยิ่งนักเหรอ อีชุ่ม”
ชุ่มเซมาพร้อมตะบวยในมือที่มีน้ำแกง สาดไปเกือบโดนจวง ผ่องและบ่าวอีกสองคนพากันตกใจ
“นี่เอ็งคิดจะเอาน้ำแกงร้อนๆสาดข้าใช่มั้ย เอ็งจะฆ่าข้ารึไง นังชุ่ม”
“อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลยนังจวง เอ็งกระชากแขนนังชุ่มมัน น้ำแกงมันก็เลยกระฉอกไปโดน เอ็งทำมันก่อนชัดๆ จะโวยวายอะไร” ผ่องบอก
จวงชี้หน้าผ่อง
“อย่าสะเออะ ข้าไม่ได้พูดกับเอ็ง อีผ่อง เดี๋ยวได้หลังลายไม่รู้ตัวหรอก”
“หืม ปากแบบนี้ขอแม่ตบอีคางคกขึ้นวอให้เลือดกบปากสักทีเถอะวะ”
ผ่องจะเข้าไปลุยกับจวง แต่ชุ่มดึงไว้
“พี่ผ่อง เตรียมขึ้นไปจัดสำรับข้างบนเถอะจ๊ะ”
ผ่องกับทาสอีกสองคนพากันยกสำรับออกไป จวงหันมาค้อนชุ่ม
“ถุย...เป็นแค่ทาสออกคำสั่งยังกะเป็นนาย ไม่เจียมกะลาหัวซะเลย”
“เอ็งมีอะไรก็ว่ามา”
“คุณรำพึงอยากได้ของตามรายการนี้ เอ็งต้องเป็นคนไปซื้อ”
“แล้วทำไมเอ็งไม่ไป”
เสียงรำพึงสวนมา
“เพราะว่าข้าใช้เอ็ง”
ชุ่มหันมองไปตามเสียงเห็นรำพึงยืนมองอย่างมีอำนาจ
“หรือทาสบ้านนี้ใช้งานไม่ได้ จะต้องให้ข้าไปเรียนคุณแม่มั้ย นังทาสชั้นต่ำ”
จวงยื่นรายการของให้ ชุ่มจำต้องรับไป เพราะเกรงใจคุณหญิง
“รีบไปรีบมาด้วยล่ะ ข้าจะรอ”
ชุ่มเดินออกไป รำพึงสะใจ ก่อนจะที่จวงจะหยิบซองยาส่งให้ และเทลงไปในหม้อแกง จนหมด
ภายในห้องแจ่มนั่งพัดให้คุณหญิงมณีที่มีสีหน้ากลัดกลุ้ม
“นังแจ่ม ข้าจะทำยังไงดีกับเรื่องพ่อพิทักษ์กับนังชุ่ม เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปท่าทางจะอยู่กันไม่สงบ แม่รำพึงกับพระยาเทวราชไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ”
แจ่มอึ้งไปแต่จำใจ
“แจ่มจะจัดการส่งนังชุ่มให้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ของมันเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีถอนใจ
“ข้าไม่ได้ต้องการแบบนั้น นังชุ่มมันรักลูกข้าด้วยใจจริง แต่ทำไมกลับต้องมารับกรรมแบบนี้ด้วยนะ”
“เกิดเป็นทาสก็ต้องทนรับกรรมเจ้าค่ะ ไม่มีบุญ ไม่มีวาสนาไปแข่งกับใครได้หรอกเจ้าค่ะ”
คุณหญิงถอนใจอีกเฮือกใหญ่กับปัญหาอีกมากมายที่ยังแก้ไม่ตก
ในเวลาต่อมา บริเวณหน้าเรือนทาส ขุนพิทักษ์เดินขึ้นเรือนมา เปิดประตูเรือนชุ่ม เห็นสำรับตั้งอยู่ในเรือน ขุนพิทักษ์ยิ้ม
“นังชุ่ม.....เอ็งนี่มันน่ารักจริงๆ”
ขุนพิทักษ์มองหาชุ่ม แล้วเดินกลับออกไปที่หน้าเรือนอีกที แต่ไม่เห็นชุ่ม พอดีเห็นบ่าวเดินมาพอดี
“ชุ่มไปไหน เอ็งเห็นรึเปล่า”
“นังชุ่มไปตลาดเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์เดินกลับเข้าเรือน ตรงเข้าไปนั่งที่สำรับตั้งรอไว้ หยิบแกงมะรุมขึ้นมาดม
“กับข้าวฝีมือเมียนี่มันหอมแบบนี้”
ขุนพิทักษ์ลงมือกิน คำแล้วคำเล่า
เรือแล่นอยู่กลางน้ำ ชุ่มร้อนใจเป็นห่วงว่าจะกลับไปทำสำรับให้ขุนพิทักษ์ไม่ทัน
“ท่านขุนจะกลับมารึยังเนี่ย... ลุงจ๋า พายเร็วกว่านี้ได้มั้ยจ๊ะ”
“นี่ข้าก็จ้ำสุดพายแล้วนังชุ่ม ถ้าเอ็งจะให้เร็วกว่านี้ เห็นทีเอ็งต้องลอยคอกลับเรือนแล้วนังชุ่ม”
ลุงคนเรือหัวเราะแต่ชุ่มกลับร้อนใจ
บริเวณเรือนทาส ช้อนตกจากมือ ขุนพิทักษ์มีอาการมือสั่น
“เป็นอะไร”
ขุนพิทักษ์เหงื่อแตกพลั่ก ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา
“ทำไมมันร้อนอย่างนี้”
ขุนพิทักษ์ร้อนจนต้องถอดเสื้อออก พร้อมอาการกระสับกระส่ายทุรนทุรายลงไปนอนบนพื้น รำพึงค่อยๆเยื้องกรายเข้ามาในห้อง ยืนอยู่ที่ปลายเท้าขุนพิทักษ์
“ชุ่ม”
ขุนพิทักษ์พยายามผงกหัวขึ้นที่เห็นตรงหน้า
“น้องเองค่ะคุณพี่”
ขุนพิทักษ์พูดอย่างลมหายใจติดขัด
“รำพึง เจ้ามาทำไมที่นี่ จะมาหาเรื่องอะไรอีก”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ขุนพิทักษ์พยายามยันตัวขึ้น แต่รำพึงโถมเข้าไปหา ลูบไล้ไปที่ซอกคอและใบหน้าของขุนพิทักษ์
“อย่ามองเมียในแง่ร้ายแบบนี้สิเจ้าคะ น้องก็แค่เป็นห่วงอยากลงมาดูแลคุณพี่บ้าง”
รำพึงขยับตัวให้หน้าขุนพิทักษ์ที่ใกล้เนินอกของรำพึง ปรอทกำลังจะทะลุจุดแตก
“กลับไปซะ”
ขุนพิทักษ์ผลักรำพึงออก รำพึงเซไปก่อนจะลุกขึ้นยืน
“คุณพี่อยากให้น้องกลับจริงๆเหรอคะ”
รำพึงดึงผ้าสไบตกลงไปกองที่พื้น เผยเนินเนื้ออันเปลือยเปล่า ไฟราคะยิ่งโหมเข้าหาขุนพิทักษ์ที่อึ้งตะลึงอยู่
“รำพึง”
รำพึงก้มลงหน้าใกล้ขุนพิทักษ์ กระซิบข้างหู
“เถอะค่ะคุณพี่ ปลดปล่อยมันออกมา น้องจะดับร้อนให้คุณพี่เอง”
รำพึงจูบเข้าไปที่ใบหูขุนพิทักษ์ที่ความอดทนสุดท้ายของขุนพิทักษ์ขาดผึง...แรงราคะชนะสัมปชัญญะทั้งปวง
ขุนพิทักษ์กระชากรำพึงมาซุกไซร้อย่างหมดแรงต้านทาน เกมนี้รำพึงชนะอย่างขาดลอย
ชุ่มวิ่งตรงมาที่หน้าเตาเพื่อดูแกงส้มมะรุม แต่กลับเจอจวง
“ของอยู่บนเรือน ข้าจัดการงานที่คุณรำพึงสั่งเรียบร้อยแล้ว”
“เหรอ แล้วนี่รีบแจ้นกลับมาที่ครัวทำไมล่ะ”
“ข้าจะทำอะไร มันก็เรื่องของข้า”
“ปากดีให้ตลอดเถ๊อะนังชุ่ม เดี๋ยวน้ำตาจะตกในไม่รู้ตัว”
ชุ่มเอะใจ รีบไปดูแกงในหม้อ แต่แกงกลับหมดเกลี้ยง ชุ่มเปิดฝาหม้อโน่นหม้อนี่ดู จวงหัวเราะ
“แกงส้มมะรุมเหรอ ป่านนี้ท่านขุนคงอร่อยอยู่กับทูนหัวของข้า” จวงพูดพลางทำปากซี้ด
“เอ็งพูดอะไรของเอ็ง”
จวงเข้าจิกหัวชุ่ม
“อยากรู้มั้ยล่ะ เดี๋ยวข้าจะพาเอ็งไปดูให้เห็นกับตา มานี่”
“ปล่อยข้า”
“ข้าจะพาอีกาอย่างเอ็งไปดูของดีไง จะได้ไม่โง่ดักดานคิดว่าตัวเองเป็นหงส์อยู่แบบนี้”
จวงจิกหัวลากชุ่มออกไป
ประตูในเรือนทาสเปิดผลั๊วะ! จวงจิกหัวชุ่มลากเข้ามา
“ดูซะให้เต็มตา”
ภาพตรงหน้าคือร่างที่นอนเปลือยกอดกัน ขุนพิทักษ์นอนสลบไสล รำพึงหันมามองชุ่ม ก่อนลุกขึ้นหอมแก้มขุนพิทักษ์ ภาพที่เห็นราวกับจะเฉือนหัวใจชุ่ม ออกเป็นเสี่ยงๆ
“ขอบใจมากนะนังชุ่มที่เอ็งให้ข้าร่วมหลับนอนกับผัวของข้าในเรือนของเอ็ง”
ชุ่มน้ำตาตก
“ร้องไห้ ทนดูไม่ได้งั้นเหรอ ที่ผัวข้านอนกับข้า ไม่ใช่เอ็ง”
“ข้าไม่เคยคิดแบบนั้น”
รำพึงพูดเสียงกร้าว
“ไม่คิดแต่ทำ...สำออยจนผัวข้าหลงเอ็งจนโงหัวไม่ขึ้น”
ขุนพิทักษ์สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
“จำใส่กระโหลกโง่ๆของเอ็งไว้ด้วยว่า ถ้าข้าอยากได้อะไรข้าต้องได้ เพราะข้าเป็นเมียแต่ง ข้ากับผัวจะเล่นรักกันที่ไหนก็ได้ในเรือนนี้ แม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนของเอ็ง ถ้าข้าเป็นเอ็งข้าคงไสหัวตัวเองออกไปจากเรือนนี้แล้วล่ะนังชุ่ม ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ยังจะหน้าด้านอยู่อยู่ได้”
“นังหน้าด้าน!” จวงตอกย้ำ
ชุ่มร้องไห้หนัก ขุนพิทักษ์รวบรวมสติได้ยันตัวขึ้นมามองรอบกายเห็นรำพึงอยู่ข้างๆ ภาพตรงหน้าคือชุ่มที่กำลังมองเขา
“ชุ่ม”
“ทำไมท่านขุนทำแบบนี้”
ชุ่มผลักจากจวงแล้ววิ่งหนีออกไป
“ชุ่มฟังข้าก่อน”
ขุนพิทักษ์ตะโกนเรียกฃุ่มและลุกจะตาม แต่รำพึงดึงไว้
“จะไปไหนล่ะคะคุณพี่ เมื่อกี้ยังนอนกอดน้องแน่นจนแทบหายใจไม่ออกอยู่เลย”
“เจ้าทำอะไรกับข้า”
“แหม...เรื่องแบบนี้ คงไม่ต้องให้น้องบอกหรอกนะคะ”
“ยาชั้นต่ำนั่นอีกแล้วใช่มั้ย”
“คุณพี่จะมาโทษน้องได้ยังไง อาหารมื้อนี่ก็ฝีมือนังชุ่มมัน ถ้าจะโทษก็ต้องโทษมันสิคะ มันอาจจะใส่ยาหวังจะให้คุณพี่ติดใจในรสรักของมันก็ได้”
“ชุ่มไม่ทำแน่ ความเลวแบบนี้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่ทำได้”
ขุนพิทักษ์มองรำพึงอย่างรังเกียจ รำพึงแม้จะโกรธแต่ก็สะใจในชัยชนะครั้งนี้
ชุ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ริมน้ำ ขุนพิทักษ์เดิมตามมาเห็น
“ชุ่ม”
ชุ่มหันมาเห็นลุกขึ้นจะวิ่งหนี แต่ขุนพิทักษ์จับไว้
“ชุ่ม ฟังข้าก่อน”
“ข้าไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นไ
“ข้าปล่อยเอ็งไม่ได้ ถ้าเอ็งยังไม่ได้ฟังคำอธิบายของข้า”
“ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ ทาสอย่างข้าผิดเองที่อาจเอื้อมไปรักคนอย่างท่านขุน ทั้งๆที่ข้าควรจะอยู่ในที่ของข้า ข้าไม่น่ามาที่นี่เลย ข้าไม่ควรได้รู้จัก ไม่ควรได้พบเจอกับท่านเลย”
“เอ็งโกรธข้าใช่มั้ยที่ข้ากับรำพึง”
ชุ่มพรั่งพรู
“ใครจะทนได้ที่เห็นตำตาว่าชายที่รักนอนกับหญิงอื่นในเรือนของตน ใจมันเจ็บทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไร แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์จับชุ่มมากอด
ชุ่มตัดสินใจ
“ข้าขอไปจากที่นี่ ไปจากชีวิตของท่านขุน”
ขุนพิทักษ์ตกใจ ก่อนผละตัวชุ่มออกมาจากอ้อมกอด
“ปล่อยข้าไปเถอะเจ้าค่ะ แล้วทุกอย่างมันก็จะจบ ปล่อยให้ข้าไปตามทางของข้าเถอะเจ้าค่ะ”
“ข้าจะไม่ยอมให้เอ็งไปไหนเป็นอันขาด ข้าขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหัวใจเอ็ง รำพึงวางยาข้า ข้าขอร้องอย่าหนีข้าไปไหน อยู่กับข้านะ ข้ารักเจ้า รักเจ้าคนเดียว”
ขุนพิทักษ์กระชับกอดชุ่ม ทั้งสองกอดกันทั้งน้ำตา
รำพึงหัวเราะอย่างสะใจอยู่ในห้องหอ
“ดูสิว่านังชุ่มมันจะยังกล้าเสนอหน้าอยู่ในเรือนอีกมั้ย”
ประตูเปิดดังปัง! จวงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ทูนหัวของบ่าวเจ้าขา แย่แล้วเจ้าค่ะ”
“อะไรกันนังจวง..ทำอย่างกับว่ามีใครตาย”
“มีเจ้าค่ะ คุณรำพึงไปดูเองเถอะเจ้าค่ะ”
รำพึงสงสัยในกิริยาของจวง จึงออกจากห้องไป
“โอ้ย...ต้องมีใครตายแน่ๆ”
จวงรีบแจ้นตามออกไป
บนเรือนคุณหญิงมณี ขุนพิทักษ์ประคองชุ่มอยู่บนเรือน มีบ่าวไพร่ขนของ เก็บกวาดเป็นการใหญ่
“นี่มันอะไรกัน พ่อพิทักษ์”
“ต่อไปนี้ชุ่มจะขึ้นมานอนบนเรือนนี้กับลูกขอรับ”
แจ่มร้อง “หา”
“ทำแบบนี้ไม่สมควรนะพ่อพิทักษ์ ลูกควรจะเกรงใจหนูรำพึง..เมียของลูกบ้าง”
“แต่ชุ่มก็เป็นเมียของลูก”
“ท่านขุนเจ้าคะ อย่าทำแบบนี้เลยนะเจ้าคะ”
“ถ้าเจ้าไม่อยู่บนนี้ เจ้าก็ไปอยู่กับข้าข้างนอก ไม่กลับมาเรือนนี้อีก”
“พ่อพิทักษ์”
คุณหญิงมณีลมใส่ แจ่มและชุ่มเข้าประคอง พิทักษ์ทำใจแข็ง เสียงรำพึงกร้าวขึ้นมา
“ทำแบบนี้มันหยามกันเกินไปแล้วนะคะคุณพี่ เมียอยู่บนเรือนหัวโด่ แต่กลับเอาทาสขึ้นมากกบนนี้ น้องไม่ยอม”
“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องรอคำยินยอมของเจ้า”
“คุณพี่!”
“หนูรำพึง ใจเย็นๆค่อยๆพูดกันก่อนนะลูก”
“เย็นไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะคุณแม่ นี่คุณพี่เห็นรำพึงเป็นตัวอะไรถึงทำกันได้ถึงขนาดนี้”
“ข้าเห็นเจ้าเป็นตัวอันตรายไง ข้าถึงต้องเอาชุ่มมาไว้ใกล้ตัว ใกล้ตาข้า จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของใครง่ายๆ”
รำพึงอาละวาดจะพุ่งเข้าหาชุ่ม พิทักษ์ยื้อไว้
“ไม่ยอม ข้าไม่ยอม อีชุ่มจะอยู่บนเรือนไม่ได้ทำแบบนี้”
จวงจะช่วย แต่แจ่มชี้หน้าไว้ รำพึงลั่น
“ข้าจะฟ้องเจ้าคุณพ่อว่า อ้ายอีหน้าไหนมันกลั่นแกล้งข้าบ้าง!”
คุณหญิงมณีสุดทนบอกเสียงเข้ม
“พอได้แล้ว หนูรำพึง เป็นผู้ดีก็ต้องรู้จักสำรวมกิริยา”
“แต่คุณแม่ต้องเฉดหัวนังทาสนี่ไปอยู่ที่เรือนทาสเหมือนเดิมนะเจ้าคะ”
“บ่าวจะกลับไปอยู่ที่เรือนทาสเจ้าค่ะคุณหญิง” ชุ่มบอก
ขุนพิทักษ์สีหน้าอ้อนวอน
“คุณแม่ขอรับ”
คุณหญิงมณีนิ่งไปสักครู่ ก่อนตัดสินใจ
“แม่อนุญาตให้ชุ่มอยู่บนเรือนนี้ได้"
รำพึงและชุ่มร้อง “คุณแม่ / คุณหญิง” ขึ้นพร้อมกัน
บ่วงบาป ตอนที่ 8 (ต่อ)
“แต่พ่อพิทักษ์ต้องแบ่งวันให้เวลากับเมียทั้งสองคนให้ชัดเจน และเสมอภาคกัน”
“รำพึงไม่ยอม!”
“ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น แจ่มพาข้ากลับข้าห้อง”
“เจ้าค่ะคุณหญิง”
แจ่มประคองคุณหญิงเข้าห้องไป รำพึงมองทั้งชุ่มทั้งขุนพักษ์ด้วยความแค้นอย่างไม่วางตา แล้วรำพึงกรีดเสียงดัง
“ทูนหัวของบ่าวเจ้าขา ถอยก่อนเถอะเจ้าค่ะ เห็นทีศึกครั้งนี้จะเอาชนะได้ยาก”
รำพึงมองชุ่มและพิทักษ์แล้วบอก
“ข้าจะฟ้องเจ้าคุณพ่อ!”
รำพึงสะบัดตูดไป มีจวงตามติดๆ ชุ่มได้แต่ถอนใจ
“ท่านขุน ท่านจะเดือดร้อน แล้วอีกอย่างก็สงสารคุณหญิงท่าน”
“แต่คนอย่างรำพึงต้องโดนดัดหลังซะบ้างจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าชีวิตใคร”
ขุนพิทักษ์มองชุ่มด้วยแววตาสุดรัก แต่ชุ่มแววตาเป็นกังวล กับสงครามที่จะเจอข้างหน้า
ในเวลาต่อมา รำพึงเปิดประตูเข้ามาในห้องกอแล้วกรี๊ด
“แอร๊ยๆๆๆๆ อีชุ่ม ข้าอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ”
“ไหงมันออกมาเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเจ้าคะ ทูนหัวของบ่าว..ไหนคุณรำพึงบอกว่าจะใช้ผงม้าเสพนางเฉดหัวนังชุ่มออกจากเรือนไงเจ้าคะ ทำไมตอนนี้กลายเป็นเสร็จนังชุ่มมันซะแล้ว”
รำพึงตบจวงหน้าหัน
“หุบปากของเอ็งได้แล้วนังจวง คุณพี่ทำกับข้าแบบนี้ ข้าก็จะบี้ให้เละกันไปข้าง...คนอย่างข้า ถึงชั่วก็จะชั่วให้ถึงที่สุด คอยดู”
รำพึงโกรธจัดกำมือแน่น
วันใหม่ ณ ที่ว่าการ พระยาเทวราชเปิดซองจดหมายออกและตั้งใจอ่าน
“งานเนี้ยคงเหนื่อยหน่อยนะท่านเจ้าคุณ เดินทางไปตรวจการไกลถึงหัวเมืองด้านเหนือ คงใช้เวลานานกว่าจะได้กลับ” เพื่อนพระยาเทวราชบอก
“ท่านเจ้าคุณไม่ต้องห่วง กระผมชินซะแล้ว”
“จริงๆถ้าท่านขุนไวยังอยู่คงจะผ่อนแรงท่านเจ้าคุณไปได้เยอะ อยู่ๆก็ได้รับจดหมายย้ายตัวไปนอกเมือง มันน่าเสียดายจริง ๆ”
พระยาเทวราชสะดุดกึกกับชื่อขุนไว
“คนหนุ่มก็ต้องหาประสบการณ์ไปเรื่อย ต่อไปเขาจะได้แข็งแรงน่ะขอรับ เพื่อข้าราชการ ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะท่านเจ้าคุณ”
เพื่อนพระยาเดินไป พระยาเทวราชหันไปถามลูกน้อง
“เรื่องขุนไวจัดการเรียบร้อยใช่มั้ย”
“เอ่อ...ขอรับ ส่งตัวไปเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ดี แล้วทางลูกข้ามีข่าวอะไรบ้าง”
“ข่าวไม่ค่อยสู้ดีขอรับ”
“เรื่องอะไร”
“บ่าวไพร่มันลือกันหนาหูว่าท่านขุนพิทักษ์เอาเมียทาสขึ้นไปอยู่บนเรือน ดู จะทั้งรักทั้งหลงมากกว่าคุณรำพึงอีกขอรับ”
พระยาเทวราชร้อนใจหนักที่ลูกสาวไม่ได้ดั่งใจ
พระยาเทวราชตบโต๊ะใส่หน้ารำพึง
“อยู่ไกลข้ายังก่อเรื่องให้ข้าร้อนหู”
รำพึงน้ำตาตก
“ลูกเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าคุณพ่อ แต่ทำไมเจ้าคุณพ่อถึงต้องต่อว่าลูกให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกล่ะเจ้าคะ”
“ก็ต้นเหตุมันเกิดจากเจ้า เป็นเมียภาษาอะไร ให้ผัวยกหญิงอื่นขึ้นแซงหน้า”
“ลูกก็ทำดีที่สุดที่คนเป็นเมียพึงจะทำได้ ลูกคงต้องเรียนถามเจ้าคุณพ่อมากกว่าเจ้าค่ะ ว่าทำไมผู้ชายถึงไม่รู้จักพอ มีเมียหนึ่งแต่ก็ยังอยากจะมี สอง สาม สี่”
พระยาเทวราชโกรธ ตบหน้ารำพึง จวงรีบเข้ามาประคองรำพึง
“อย่ามาปากดีใส่ข้า ผัวคนเดียวยังเอาไม่อยู่ แล้วชาตินี้จะทำอะไรได้ ที่สำคัญถ้าชื่อเจ้าเสีย มันก็เน่ามาถึงข้าได้ อย่าให้ข้าอับอายเพราะความโง่เง่าของเจ้าหน่อยเลย”
“ชื่อเสียงของเจ้าคุณพ่อสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ลูกคงไม่อาจแตะต้องชื่อเสียงของเจ้าคุณพ่อได้”
“รู้ก็ดี เพราะถ้าไม่มีชื่อเสียงนี้ไว้อุ้มชูเจ้า เจ้ามันก็ไม่ต่างจากหมาข้างถนน กำพืดต่ำไม่ต่างจากแม่ของเจ้า”
พระยาเทวราชลุกออกไปเลย จวงลูบเนื้อตัวรำพึงด้วยความเป็นห่วง รำพึงเจ็บแค้น น้ำตาตกที่ไม่มีใครรักสักคน
บริเวณกระท่อมชายป่า ขุนไวกอดเข้าที่ด้านหลังของรำพึง
“พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
รำพึงแสร้งหันมาน้ำตาริน
“คุณพี่”
“ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรน้อง หรือว่าไอ้พิทักษ์”
รำพึงส่ายหน้า
“เจ้าคุณพ่อค่ะ เจ้าคุณพ่อบังคับจิตใจน้อง น้องขอตายดีกว่าถ้าจะต้องทำตามคำสั่งครั้งนี้ของเจ้าคุณพ่อ”
“ท่านเจ้าคุณสั่งให้น้องทำอะไร”
“เจ้าคุณพ่อ สั่งให้น้องมีลูกกับไอ้ขุนพิทักษ์ ที่สำคัญ น้องต้องตั้งท้องทันทีที่เจ้าคุณพ่อกลับจากการตรวจราชการที่หัวเมืองเหนือ”
ขุนไวโกรธจัดกำหมัดแน่น กัดกรามสั่น รำพึงจัดหนักเข้าไปอีก
“น้องจะทำได้ยังไง ในเมื่อผู้ชายเพียงคนเดียวที่น้องรักและอยากจะมีลูกด้วยคือคุณพี่คนเดียวเท่านั้น เจ้าคุณพ่อสั่งแบบนี้ เหมือนสั่งให้น้องไปตายชัดๆ”
“มันจะมากเกินไปแล้วพระยาเทวราช”
รำพึงเป่าหูต่อ
“เจ้าคุณพ่อทำเหมือนน้องไม่ใช่คน ทำเหมือนน้องเป็นเดรัจฉานที่อยากจะให้สมสู่กับใคร เมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่ใจของท่าน น้องมันน่ารังเกียจที่สุด”
ขุนไวกอดรำพึงไว้แน่น
“ไม่จริง น้องรำพึงเป็นที่รักของพี่ นับจากนี้พี่จะไม่ให้น้องต้องรู้สึกแบบนี้อีกต่อไป พี่จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาบังคับน้องได้อีก พี่สาบาน”
ขุนไวหมายมาดในชีวิตของพระยาเทวราช รำพึงน้ำตาเปื้อนแก้ม แต่หน้าเปื้อนยิ้มที่แผนการเป่าหูสำเร็จ
บริเวณชายป่าริมน้ำ เวลากลางคืน ลูกน้องขุนไวยื่นซองเงินให้โจรป่า
“นี่ค่าจ้างงวดแรก งานนี้ถ้าทำสำเร็จ รับรองพวกเอ็งรวยแน่ รับค่าจ้างงวดหน้าหลังจากงานเสร็จที่เดิม”
“อยู่กับท่านขุนไวนี่มันสบายจริงๆ รับรองว่าพวกข้าจะเกาะท่าน ไม่ไปไหนไปจนตาย” โจรป่าคนแรกบอก
โจรทั้งสามคนหัวเราะเยาะใส่หน้าขุนไว ก่อนจะเดินจากไป
“ท่านขุนยอมให้พวกมันสูบเลือดอยู่อย่างนี้หรือขอรับ” ลูกน้องขุนไวว่า
“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกมันจะได้สูบเลือดข้า เพราะครั้งหน้ามันคงต้องไปหาเอาในนรก”
ขุนไวแววตากร้าวแข็ง
วันใหม่ บนศาลาเรือนคุณหญิงมณี แจ่มเอาน้ำมาเสิร์ฟพระยาเทวราช
“ครั้งนี้ไปนานเหรอเจ้าคะท่านเจ้าคุณ”
พระยาเทวราชพยักหน้า
“เพราะว่าไปนาน ฉันเลยอยากจะมาฝากฝังรำพึงไว้กับคุณหญิง เพราะหมดจากฉัน รำพึงไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากคุณหญิงและพ่อพิทักษ์”
รำพึงมองหน้าพ่ออย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่พ่อพูดจาแบบนี้
“ฉันมีลูกสาวคนเดียว และเป็นความหวังที่ฉันจะฝากผีฝากไข้ ฉะนั้น อย่าให้รำพึงต้องเจ็บช้ำน้ำใจ หากตัวฉันไปไกลไม่ได้อยู่ปกป้องลูก”
รำพึงสะบัดหน้ามาน้ำตารื้น เริ่มสับสนในความดีความชั่ว
“ท่านเจ้าคุณไม่ต้องห่วงเจ้าคะ หนูรำพึงเป็นสะใภ้ ก็เหมือนลูกของอิฉัน ต้องดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
“ถ้าทำแบบนั้นได้จริง ฉันจะได้วางใจ”
“ถ้าอย่างนั้นอิฉันขอตัวให้ท่านเจ้าคุณได้คุยกับหนูรำพึงกันตามประสาพ่อลูกนะเจ้าคะ”
คุณหญิงมณีเดินออกไปกับแจ่ม รำพึงมองพ่ออย่างรู้สึกผิด
“รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี อย่าให้ป่วยให้ไข้ หยูกยา...”
พระยาเทวราชพูดยังไม่ทันจบ รำพึงก็กลั้นสะอื้นตัดบทขึ้นมา
“เจ้าคุณพ่อเจ้าคะ ไม่ไปได้มั้ยเจ้าคะ”
“ได้ที่ไหนกัน นี่งานราชการ ไม่ได้เล่นขายของ เจ้ามีอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ...คือ ลูกแค่ใจหายที่เจ้าคุณพ่อจะต้องในที่ไกลๆ นานๆ”
“อยู่ทางนี้ก็ทำตัวให้ดีแล้วกัน อย่าให้เรื่องเน่าๆลอยไปเข้าหูข้าไกลถึงหัวเมืองเหนือโน่น”
รำพึงสะดุดกึก กัดกราม
“เจ้าคุณพ่อจะพูดกับลูกดีดีสักครั้งไม่ได้เลยเหรอเจ้าคะ”
“พูดดีแล้วได้ชั่วข้าไม่เอา เรื่องของต่ำ มนต์ดำ อย่าได้ไปข้องแวะ อย่าเอาเสนียดมาติดตัว ติดชื่อข้า เหมือนแม่ของเจ้า เพราะถ้าข้ารู้ว่าเจ้าทำเรื่องจัญไรแบบนั้น ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่”
พระยาเทวราชลุกลงจากศาลาไป รำพึงมองตาม
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท่านทำตัวท่านเองนะเจ้าคะ เจ้าคุณพ่อ”
รำพึงแววตาเหี้ยมกู่ไม่กลับแล้ว
รถม้าของพระยาเทวราชแล่นฝ่าความมืดของเวลากลางคืนเข้ามาตามทางในป่า
“เร็วกว่านี้! ยังต้องเดินทางกันอีกไกล”
ลูกน้องขุนไวที่มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้ามองด้วยสายตาคมกริบ
รำพึงกำลังหวีผมมองตัวเองในกระจกด้วยดวงตากร้าว เมื่อนึกถึงคำพูดของพระยาเทวราช
“สำส่อน! ใฝ่ต่ำเหมือนแม่ของแกไม่มีผิด / อย่าบังอาจสร้างความเสื่อมเสียอับอายให้ข้า เหมือนแม่เจ้าอีกคน”
รำพึงตาวาวบอกกับตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ เจ้าคุณพ่อจะไม่มีโอกาสได้เสื่อมเสียอับอายอีกต่อไป”
ที่กลางป่า ขุนไวยกคันธนูแหลมคม เล็งไปที่ขบวนรถม้าก่อนยิงออกไป ฟรึ่บ!! ลูกธนูปักอกทหารที่บังคับม้า ร่วงลงทันที
“อ๊าก!”
ขบวนรถม้าหยุดชะงัก ทหารคุ้มกันอีกสองนายพุ่งออกมาอย่างระวังภัยรอบตัว ภายในเก๋ง พระยาเทวราชถาม
“โจรป่ารึ”
พระยาเทวราชคว้าดาบขึ้นมากระชับมือ แต่ทันใดนั้น มีดาบคมทิ่มพรวดเข้ามาในเก๋ง!! เฉียดพระยาเทวราชไปนิดเดียว
“เฮ้ย!”
ทหารคนที่หนึ่งเข้ามาช่วยพระยาเทวราช ถีบลูกน้องของขุนไวคนแรกกระเด็นไป ทหารคนที่สองเข้ามาอารักขาพระยาเทวราชทันที
“กำแหงนัก...ไอ้พวกต่ำช้า ปั่นคอมันให้ได้!”
จังหวะนั้น ลูกน้องทั้งสองคนเข้ามาฟาดฟันร่วมวงกับทหารคนแรก ทหารคนที่สองจำต้องเข้าไปช่วยต่อสู้เป็นพัลวัน สุดท้ายทหารถูกลูกน้องขุนไวฆ่าจนตายหมด
พระยาเทวราชกระชับดาบ เข้าไปสู้ด้วยแต่ก็ต้องพ่ายแพ้บาดเจ็บ
“วันนี้ได้ตายเป็นผีเฝ้าป่าแน่ไอ้แก่!”
ลมพัดหน้าต่างปิดดัง ปัง!! รำพึงสะดุ้งเฮือก ใจหายวาบ
พระยาเทวราชฮึดสู้สุดชีวิต แต่สุดท้ายถูกลูกน้องฟันจนยับเยิน
รำพึงนึกถึงคำร่ำลาที่พ่อฝากตนไว้กับคุณหญิงมณี (ถ่ายแล้ว)
“ฉันมีลูกสาวคนเดียว และเป็นความหวังที่ฉันจะฝากผีฝากไข้ ฉะนั้น อย่าให้รำพึงต้องเจ็บช้ำน้ำใจ หากตัวฉันไปไกลไม่ได้อยู่ปกป้องลูก”
รำพึงสับสนน้ำตาไหล
พระยาเทวราชสะบักสะบอมปางตายพยายามคลานหนีแต่ก็โดนเตะเสย หงายกลับไป
“อย่าฆ่าข้าเลย อยากได้อะไรเอาไปให้หมด ขอชีวิตข้าไว้เถอะ”
พวกโจรป่าพากันหัวเราะอย่างสะใจด้วยความสมเพช ค่อยๆเดินตาเหี้ยมเข้าไปหา
“อย่า...อย่าฆ่าข้าเลย”
พระยาเทวราชพยายามคลานหนี จนไปเจอกับเท้าของขุนไวที่ยืนอยู่ตรงหน้า พระยาเทวราชยิ้มกอดขาขุนไวแน่น ปากพร่ำขอร้องดูน่าเวทนา
“ขุนไว...ขุนไว ช่วยข้าด้วย”
“พระยาเทวราชผู้เย่อหยิ่งคนเดิมหายไปไหนเสียล่ะขอรับ”
พระยาเทวราชชะงักกึก
“ข้าเห็นแต่ไอ้แก่ไร้ศักด์ศรีที่กอดขาขอร้องข้าอยู่!”
พระยาเทวราชถัดตัวถอยห่างจากขุนไว ขุนไวสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม
“จับมัน!”
ลูกน้องเข้ามารุมจับพระยาเทวราช
พระยาเทวราชช็อก
“ขุนไว...นี่เป็นฝีมือเจ้า”
ขุนไวยิ้ม พระยาเทวราชโกรธมาก
“ไอ้ไว ไอ้ชั่ว!”
ขุนไวกระแทกคันธนูจนพระยาเทวราชทรุดลง
“รู้รสชาติรึยังว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง รู้รึยังว่าการโดนหักหลังมันเป็นยังไง ท่านทำให้ชีวิตข้าย่อยยับ ทำลายหน้าที่การงานข้า ทำลายหัวใจของข้า จุดจบมันก็ต้องเป็นแบบนี้”
พระยาเทวราชกลัวตาย กอดขาขุนไวแน่น
“อย่านะขุนไว อย่าฆ่าข้านะ ข้ารับปากว่าจะแก้คำสั่งไม่ให้เจ้าต้องออกไปต่างเมือง ข้าจะให้เจ้าแต่งงานกับรำพึง ข้าจะทำทุกอย่าง แต่อย่าฆ่าข้า ข้าขอร้อง...”
“คนระดับพระยาอย่างท่านถึงกับลดตัวลงมาขอร้องหมาวัดอย่างข้าเหรอ”
ขุนไวสีหน้านิ่ง พระยาเทวราชยิ้มนึกว่าขุนไวใจอ่อน แต่... ขุนไวผลักหัวพระยาเทวราชออกไป
“มันสายเกินไปแล้ว!”
พระยาเทวราชตะโกนลั่น
“อกตัญญู! คนอย่างเอ็งไม่มีวันเจริญ ไม่มีวัน!”
ขุนไวสีหน้าโกรธ คว้าดาบจากลูกน้องแล้วเงื้อดาบขึ้นสุดแขน!
ภายในห้อง รำพึงกำหวีแน่น คำพูดของพระยาเทวราชดังก้องในโสตประสาท
“คนชั่วอย่างแม่เจ้า ข้าจะเก็บไว้ทำไม”
“เจ้าคุณพ่อ!”
“ข้าจบชีวิตมันด้วยมือของข้าเอง!”
ที่กลางป่า ขุนไวฟันฉับไปที่คอพระยาเทวราช
ภายในห้อง รำพึงปัดกระจกตกแตก ดวงตาแห่งความกลัวกลับมาเป็นแววตากร้าว
“เจ้าคุณพ่อฆ่าแม่ เจ้าคุณพ่อต้องชดใช้ด้วยชีวิต !”
ในเวลาเช้า แจ่มวิ่งกระหืดกระหอบ หน้าตาตื่นขึ้นมาที่โถงกลางเรือนบ้าน คุณหญิงมณีนั่งจิบน้ำชาอยู่
“เอ้า นังแจ่ม! ทำท่ายังกับมีใครตาย”
แจ่มท่าทางยังหอบอยู่บอก
“ก็มีน่ะสิเจ้าคะ คุณรำพึงอยู่ไหนเหรอเจ้าคะ”
คุณหญิงมณีเอะใจถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
แจ่ม ตะกุกตะกัก
“คือว่า...ท่าน”
“อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ได้ มีอะไรก็พูดมา”
“ท่านพระยาเทวราช...ตายแล้วเจ้าค่ะ”
“คุณพระช่วย !”
รำพึงแอบยืนอยู่ที่หน้าห้องหอ รำพึงเหยียดยิ้มสมใจ คุณหญิงมณีหันมามองด้วยความเห็นใจ
“หนูรำพึง”
รำพึงหันขวับมองแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจอย่างรวดเร็ว
“เจ้าคุณพ่อ”
รำพึงทิ้งตัวเป็นลม
“ว้าย ! ทูนหัวของบ่าว”
จวงรับร่างรำพึง คุณหญิงมณีกับแจ่มปราดเข้าไปดูรำพึง
ภายในโรงครัว ผาดนั่งโขลกน้ำพริกดัง โป๊ก โป๊กทางคนหนึ่งพูดขึ้น
“ท่านพระยาเทวราชตายไวเพราะท่านบุญเยอะ”
“ถูกโจรฆ่าตายกลางป่าเนี่ยเหรอวะบุญเยอะ” ผาดว่า
“เออสิวะ ท่านตาย ท่านก็ไม่ต้องอยู่รับเวรรับกรรมกับลูกอย่างคุณรำพึงอีกแล้วไง”
“เออจริง”
ทั้งคู่หัวเราะคิกคักใส่กัน
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย คุณรำพึงได้ยินจะยิ่งเสียใจ เวลานี้คุณรำพึงน่าสงสาร พ่อเธอตายทั้งคนนะจ๊ะ” ชุ่มพูดขัด
“จ้าแม่คนดี ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด ยังจะไปปกป้องเขาอีก” ทาสว่า
“ใช่ สิ้นพระยาเทวราชไปแล้ว อารมณ์คุณรำพึงจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ได้อาละวาดทุกวันแน่ๆ” ผาดบอก
“เอ็งนั่นแหละระวังตัวไว้ให้ดีเถอะนังชุ่ม ใช่ว่าได้ขึ้นมาอยู่บนเรือน แล้วจะรอดมือคุณรำพึงนะ ยิ่งใกล้ ยิ่งน่ากลัว” ทาสบอก
ชุ่มไม่สบายใจทั้งสงสารและกลัวรำพึง
งานศพในเรือนพระยาเทวราช เวลากลางคืน รำพึงยืนไหว้รับแขกอยู่หน้างาน สีหน้าเศร้าสร้อย น้ำตาไหลตลอด ท่านพระยาและคุณหญิงเพิ่งมาถึงงาน รำพึงยกมือไหว้
“เสียใจด้วยนะหนูรำพึง” ท่านพระยาบอก
“ค่ะท่านเจ้าคุณ” รำพึงบอก
“ไอ้โจรพวกนี้ใจทรามบาปหนานักเชียว ฆ่าได้แม้กระทั่งคนดีๆ อย่างท่านพระยาเทวราช คอยดูเถอะ เวรกรรมจะต้องตามสนองพวกมัน ตายไปต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิด” คุณหญิงว่า
รำพึงสะอึกแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“เชิญคุณป้าข้างในเถอะค่ะ”
แขกทั้งสองคนเข้าไปในงาน รำพึงสีหน้านิ่งเฉยไม่เกรงกลัวบาปมองไปที่โกศพระยาเทวราช
“ถ้าเจ้าคุณพ่อยังอยู่ ลูกก็ต้องตกนรกทั้งเป็นอยู่ดี”
ดูเหมือนพระยาเทวราชจะจ้องผ่านโกศมองมาทางรำพึง
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
บ่วงบาป ตอนที่ 8 (ต่อ)
เวลากลางคืน โจรป่า3คนยืนประจันหน้ากับขุนไวและลูกน้องอยู่ที่ชายป่าริมน้ำ โจรป่าคนหนึ่งถาม
“ไหนล่ะค่าจ้างที่เหลือตามสัญญา”
ขุนไวกับลูกน้องยิ้มเหี้ยม
โจรป่าพูดกับขุนไว
“อย่าคิดโกงพวกเข้าเชียวนะ เพราะถ้าพวกข้าแฉเรื่องพระยาเทวราช คนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็คือท่าน”
“ใจเย็นๆ ท่านขุนเตรียมเงินไว้ให้พวกเอ็งแล้ว แต่พวกเอ็งต้องไปเอาเอง” ลูกน้องขุนไวบอก
“ที่ไหน”
“ในนรก !”
ขุนไวพูดพลางชักดาบฟันลูกน้องโจรป่าตายคาที่ทันที โจรป่าที่เหลืออยู่ต่อสู้กับขุนไวและลูกน้อง แต่ขุนไวจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย หัวหน้าโจรโดนฟันทรุดตัวลงบนพื้น เลือดไหลออกปาก
“จำเอาไว้ คนอย่างข้าจะไม่ปล่อยให้ใครอยู่เป็นเสี้ยนหนามชีวิต ”
ขุนไวฟันหัวหน้าโจรเป็นครั้งสุดท้าย หัวหน้าโจรตาย ขุนไวยิ้มเหี้ยม
ภายในเรือนพระยาเทวราช แขกสองคนชะเง้อมองไปทางคุณหญิงมณีและแจ่มที่นั่งอยู่ในงาน
“ขุนพิทักษ์หายไปไหน งานศพพ่อตาตัวเองแท้ๆ ทำไมถึงไม่มาร่วมงาน” แขกคนที่หนึ่งบอก
รำพึงเดินมาข้างหลังได้ยินแขกคุยกันพอดี
“หรือว่าขุนพิทักษ์จะหลงเมียทาสอย่างที่คนเขาลือ” แขกอีกคนว่า
“อะไรกัน เพิ่งแต่งงานกันเองไม่ใช่หรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าหนูรำพึงแก่หัวหงอกอย่างเราๆ ก็ว่าไปอย่าง นี่ยังสาวยังแส้ หน้าตาผิวพรรณหรือก็สะสวยหาหญิงใดเทียบได้ เอ๊ะ..หรือว่านางทางคนนั้นแสนดี”
“อีกที...หนูรำพึงก็ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ล่ะคุณพี่”
รำพึงกำมือแน่นพยายามระงับสติ
“พวกผีเจาะปากมาพูด”
จังหวะนั้น ขุนพิทักษ์สีหน้าเซ็งเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเดินขึ้นเรือนมา รำพึงมองอย่างโกรธๆ แล้วกัดฟันถาม
“โผล่หัวมาได้สักทีนะคะคุณพี่”
รำพึงเดินเข้าไปหาขุนพิทักษ์
ขุนพิทักษ์เดินไปไหว้ศพท่านพระยาเทวราช รำพึงตามมาช่วยจุดธูปให้ด้วยท่าทางปกติ แต่ปากถาม
“น้องคิดว่านังชุ่มจะกักตัวคุณพี่ไว้ไม่ให้มาเสียแล้ว”
“พี่ก็อยากให้ชุ่มทำแบบนั้น”
“คุณพี่ ! ถ้าวิญญาณเจ้าคุณพ่อรับรู้ว่าคุณพี่ทำแบบนี้กับน้อง ท่านคงจะเสียใจมาก”
“ท่านคงจะเสียใจมากกว่า ถ้าวิญญาณของท่านเจ้าคุณรับรู้ว่าเจ้า...”
ขุนพิทักษ์มองด้วยสายตาเจ็บแค้นเรื่องผงม้าเสพนาง แต่รำพึงคิดไปว่าเป็นเรื่องที่ตนวางแผนฆ่าพ่อ รำพึงตกใจและเริ่มระแวง
“คุณพี่พูดถึงเรื่องอะไร”
“เจ้าลืมเรื่องไอ้ผงอัปยศที่เจ้าให้ข้ากินไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
รำพึงพ่นลมหายใจอย่างโล่งใจ รำพึงส่งธูปให้ขุนพิทักษ์แล้วกำลังจะลุกออกไป
ทันใดนั้นรำพึงหันไปเห็นผีท่านพระยาที่มีบาดแผลแหวะหวะเต็มตัวยืนชี้หน้ารำพึงอยู่ข้างโกศ
“นังลูกชั่ว !”
รำพึงปิดหน้าหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว ตกใจสุดขีด กรี๊ดลั่น ล้มลงกับพื้น
“เจ้าคุณพ่อลูกกลัวแล้ว ลูกกลัวแล้ว”
ทุกคนในงานตกใจ
คุณหญิงมณี แจ่มและจวงวิ่งเข้าไปดูรำพึง
“คุณรำพึง คุณรำพึงเป็นอะไรไปเจ้าคะ” จวงถาม
รำพึงชี้ไปที่ข้างโลงศพ
“เจ้าคุณพ่อ...เจ้าคุณพ่อ”
“ผีท่านพระยา !”
จวงโพล่งแล้วกระโดดไปหลบหลังรำพึงทันที ยกมือไหว้ปะหลกๆ ด้วยความหวาดกลัว ทั้งที่ไม่เห็นอะไร
“หนูรำพึง ใจเย็นๆ ก่อนนะ ดูให้ดีๆสิ ไม่มีอะไรสักหน่อย” คุณหญิงมณีบอก
รำพึงค่อยๆ เปิดหน้าดู ไม่เห็นผีท่านพระยาแล้ว รำพึงทำหน้าเหวอ
“รำพึงกราบขอโทษเจ้าค่ะที่ทำให้ตกใจ...โอ๊ย...รำพึงเวียนหัวเหลือเกินค่ะ”
รำพึงสบตากับจวง จวงเข้าใจรับลูกต่อทันที
“โถๆๆ ทูนหัวของบ่าวเตรียมงานอยู่ทั้งวัน ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน จะไม่ให้เหน็ดเหนื่อยจนตาฟ่าฟางได้ยังไงล่ะเจ้าคะ”
“หนูรำพึงไปพักผ่อนเถอะ งานทางนี้เดี๋ยวแม่ดูแลเอง”
“แต่รำพึงอยากตอบแทนบุญคุณเจ้าคุณพ่อ”
“ดูแลรักษาตัวเองก่อนเถอะ ถ้าขืนหนูรำพึงเป็นอะไรไปอีกคน วิญญาณท่านพระยาจะนอนตายตาไม่หลับ พ่อพิทักษ์พาน้องไปพักก่อนเถอะ แล้วอยู่ดูแลน้องด้วยนะ “
ขุนพิทักษ์ไม่อยากทำ คุณหญิงมณีเสียงเข้ม
“พ่อพิทักษ์”
ขุนพิทักษ์จำใจประคองรำพึง
รำพึงเหลียวกลับมามองโกศพระยาเทวราชอย่างหวาดกลัวแล้วถึงเดินออกไปกับขุนพิทักษ์ จวงจะตามไปด้วย แต่รำพึงมองจวงตาเขียว จวงรู้ตัว
“บ่าวอยู่ช่วยงานคุณหญิงกับน้าแจ่มดีกว่า”
“ผีเข้าเหรอ ถึงขยันขึ้นมาซะอย่างงั้น” แจ่มถาม
จวงลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ
หลวงตามั่นและคณะพระสงฆ์สวดจบ คุณหญิงและแขกผู้ใหญ่ประเคนของถวาย
“โยมรำพึงไปไหนเสียล่ะ”
“ไม่สบายเจ้าค่ะก็เลยให้เข้าไปพักผ่อน น่าสงสารนะเจ้าคะ เพิ่งจะออกเรือนแท้ๆ แต่ต้องมาเสียพ่อ”
“มันเป็นวิบากกรรมที่เขาต้องได้รับ”
หลวงตามั่นมองไปทางโกศของท่านพระยาเหมือนจะรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
ภายในครัว จวงเทผงม้าเสพนางใส่ลงในขันน้ำ
“เป็นบุญของคุณรำพึงที่มีบ่าวฉลาดอย่างนังจวง อุตส่าห์เตรียมผงม้าเสพนางเผื่อไว้ให้”
จวงคนผงเสพนางในขันน้ำแล้วหัวเราะคิกคัก
ภายในห้องนอน เรือนพระยาเทวราช รำพึงนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง ขุนพิทักษ์ป้อนน้ำรำพึงยิ้มมีความสุข แต่ปั้นหน้าเศร้า
“คืนนี้คุณพี่นอนกับน้องที่นี่นะคะ น้องไม่มีแรงกลับเรือน”
“ไม่ได้ พี่มีงานต้องทำ”
“มีงาน หรืออยากกลับไปนอนกกนังชุ่มกันแน่”
“ทั้งสองอย่าง”
“แต่คุณแม่สั่งให้คุณพี่อยู่ดูแลน้อง คุณพี่กล้าขัดคำสั่งคุณแม่หรือคะ”
“พี่อยู่ดูแลเจ้าตั้งแต่พระเริ่มสวด จนตอนนี้แขกกลับหมด พี่ถือว่าพี่ทำตามคำสั่งคุณแม่แล้ว”
ขุนพิทักษ์จะออกไปจากห้อง รำพึงลุกตามไปขวางประตู
“น้องไม่ให้คุณพี่ไป ! คุณพี่ต้องอยู่กับน้องที่นี่”
ขุนพิทักษ์มองแล้วบอก
“พี่ว่าเจ้าน่าจะมีแรงกลับเรือนได้แล้วล่ะมั้ง”
รำพึงอึ้ง เสียรู้ ทำอะไรไม่ถูกเลยบีบน้ำตาซะเลย
“น้องอยากให้คุณพี่อยู่กับน้อง เจ้าคุณพ่อตายไป น้องก็ไม่เหลือใครแล้ว ชีวิตน้องมีแต่คุณพี่เท่านั้น แต่คุณพี่กลับไม่สนใจไยดีน้องเลย ตอนนี้ใครต่อใครพากันพูดเรื่องคุณพี่หลงเมียทาส น้องอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คุณพี่ไม่สงสารน้องบ้างหรือคะ”
ขุนพิทักษ์นิ่งคิด
“นั่นสิ”
รำพึงยิ้มดีใจ
“พี่ควรจะยกชุ่มให้เป็นเมียพี่อย่างสมเกียรติ เมื่อชุ่มไม่เป็นทาสแล้ว ใครต่อใครจะได้เลิกพูดว่าพี่หลงเมียทาส”
รำพึงปรี๊ดบอก
“ไม่ได้ ! น้องไม่ยอมให้คุณพี่ยกย่องเชิดชูมันเสมอน้อง”
“แล้วเจ้าจะทำอะไรพี่ จะฟ้องท่านพระยารึ”
รำพึงพูดไม่ออก ขุนพิทักษ์กระตุกยิ้มยียวนแล้วเดินออกไปจากห้อง ชนกับจวงที่ถือขันน้ำมาพอดี ขันน้ำตกพื้น
“ว้าย ! ตก หมดกัน”
ขุนพิทักษ์เดินออกไป รำพึงร้องกรี๊ดด้วยความโมโหแล้วปาข้าวของกระจาย
“คุณรำพึง เป็นอะไรไปเจ้าคะทูนหัวของบ่าว”
“คุณพี่จะยกนังชุ่มขึ้นเสมอข้า ข้าเกลียดมัน เกลียดๆๆ”
รำพึงปาข้าวของระบายอารมณ์ จวงหลบเป็นพัลวัน
“นังชุ่มมันร้ายนัก ที่ท่านขุนหลงมันถึงเพียงนี้ เพราะมันต้องทำของใส่ท่านขุนแน่ๆเจ้าค่ะ”
รำพึงชะงัก
“ทำของเหรอ!”
รำพึงฉุกคิดถึงคำพูดของพระยาเทวราช
“แม่ของเจ้าเป็นแค่ทาสคนนึง แต่มักใหญ่ใฝ่สูงไม่เจียมตัว บังอาจใช้เล่ห์เพทุบาย ใช้คุณไสยทำเสน่ห์ใส่ข้าจนข้าลุ่มหลงมันจนหน้ามืดตามัว”
รำพึงอึ้ง พูดเบาๆ
“คุณไสย”
รำพึงปาดน้ำตา แววตาร้าย
“ข้าไม่มีวันแพ้นังชุ่ม คุณพี่ต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น”
“คุณรำพึงคิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ”
“ในเมื่อนังชุ่มมันทำของใส่คุณพี่ได้ แล้วทำไมข้าจะทำบ้างไม่ได้ นังจวง...เอ็งต้องช่วยข้า !”
บริเวณทางเดินแถวหน้าเรือนหมอไสย์ เวลากลางคืนวันเดียวกัน ก้อนเมฆลอยบดบังพระจันทร์ รำพึงกับจวงมีผ้าคลุมหัวเดินมาด้วยกัน จวงมองซ้ายมองขวากลัวผี แต่รำพึงไม่กลัว
“ทูนหัวของบ่าว...ทำไม๊ทำไมจะต้องใจร้อนมาตอนนี้ด้วย น่าจะรอให้ฟ้าสว่างก่อนนะเจ้าคะ คือว่า..จวงกลัวผีน่ะเจ้าค่ะ”
“หุบปากได้แล้วนังจวง ถ้าไอ้หมอผีคนนี้ไม่เก่งอย่างที่เอ็งคุย เอ็งได้กลายเป็นผีแน่”
“เก่งสิเจ้าคะ...บ่าวเอาหัวเป็นประกัน เพราะพี่สาวของบ่าวทำมากับมือ อู้ย ทั้งๆที่ความสวยของมันสู้บ่าวไม่ได้สักนิด อ้วนก็อ้วน ดำก็ดำ โอ่ย...หัวกะไดไม่แห้ง ผู้ชายรุมตอมกันหึ่งเลยเจ้าค่ะ”
“ดี ขอให้คุณพี่เป็นของข้าคนเดียว จะต้องแลกด้วยอะไร ข้ายอมทั้งนั้น”
จวงกับรำพึงเดินมาถึงหน้าเรือนหมอไสย์ ซึ่งเป็นลักษณะเรือนไม้ชั้นเดียวหลังเล็ก ตั้งอยู่กลางป่า
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ” จวงบอกพลางตะโกนเรียก
“พ่อหมอ พ่อหมอจ๊ะ”
ประตูเปิดออกเอง...เอี๊ยด!
จวงกับรำพึงสะดุ้ง เสียงหมอไสย์ดังบอก
“เข้ามา”
รำพึงกับจวงมองหน้ากันอย่างกลัวๆ แต่ก็เดินเข้าไป
หมอไสย์นั่งอยู่หน้าหิ้งตั้งเครื่องรางของขลัง ก้มหน้าตำหมากในครกไม่สนใจรำพึงกับจวง รำพึงกับจวงมองหน้ากัน รำพึงพยักพเยิดให้จวงเรียกหมอไสย์
จวงเรียกเสียงหวาน
“พ่อหมอ พ่อหมอ”
หมอไสย์หลับตาทำปากขมุบขมิบท่องคาถายังไม่สนใจ แล้วเป่าเบาๆ ไปที่กระด้งที่วางอยู่ข้างตัว จู่ๆ หนอนจำนวนมากก็ปรากฏอยู่บนกระด้ง รำพึงกับจวงตาโตตกใจ
หมอไสย์หยิบหนอนใส่ครก ตำสองสามครั้ง แล้วควักของในครกเข้าปากเคี้ยวแทนหมาก รำพึงกับจวงผงะ
รำพึงร้อง “อี๋!”
หมอไสย์เงยหน้าหัวเราะหึๆ
“อาคมของข้าแกร่งกล้าเพราะพวกมัน เมื่อข้าทำให้ผัวของเจ้ากลับมารักมาหลงเจ้าได้สำเร็จ เจ้าจะเป็นหนี้บุญคุณพวกมัน”
จวงตื่นเต้น
“พ่อหมอรู้ได้อย่างไรจ๊ะ ว่าคุณรำพึงจะมาทำเสน่ห์”
“ผู้หญิงที่ดั้นด้นมาหาข้าถึงที่นี่ ในเวลานี้มีเรื่องทุกข์ใจอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น”
“แล้วพ่อหมอช่วยข้าได้หรือเปล่า”
“ขึ้นอยู่กับเจ้าไม่ใช่ข้า…”
หมอไสย์มองรำพึงอย่างท้าทาย รำพึงจ้องหมอไสย์กลับอย่างไม่หวั่นเกรงเลยสักนิด
รำพึงดันจวงออกมาจากห้องแล้วสั่ง
“จวง เอ็งออกรอข้างนอกนี่”
“จะดีหรือเจ้าคะ ทูนหัวของบ่าวต้องทำพิธีกับพ่อหมอตามลำพัง มันไม่งามนะเจ้าคะ”
“ข้าบอกแล้วไง ขอแค่ทำให้คุณพี่กลับมาเป็นของข้า ให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม รออยู่นี่”
“เจ้าค่ะ”
รำพึงเดินกลับเข้าเรือนไป จวงมองไปรอบๆ หวาดกลัว
“เอาวะ อยู่ใกล้หมอผี ผีจะกล้าโผล่มาหลอกก็ให้มันรู้ไป”
ทันใดนั้นเสียงหมาหอนดังขึ้น จวงกรีดเสียงลั่นด้วยความตกใจ หลับตาพนมมือไหว้ปะหลกๆ
“แอร๊ย ! คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย ลูกช้างยังไม่อยากหัวโกร๋น ลูกช้างยังหาผัวไม่ได้”
ภายในเรือนหมอไสยศาสตร์ หมอยกโถกระเบื้องที่ตั้งอยู่บนหิ้งมาวางตรงหน้าคู่กับพานวางซึ่งวางใบกาหลง หมอไสย์เปิดฝาโถออก รำพึงผงะเพราะกลิ่นหอมแปลกๆ
“อะไร”
“น้ำมันจันทน์มหาเสน่ห์ ข้าจะใช้ใบกาหลงชุบน้ำมันชโลมทั่วตัวเจ้า”
รำพึงตกใจ
“ทั่วตัว หมายความว่าข้า...”
“น้ำมันจันทน์จะทำให้เรือนร่างเจ้าหอมหวน ผัวเจ้าจะเกิดความรักใคร่ใหลหลงเจ้าอย่างโงหัวไม่ขึ้น เขาจะลืมผู้หญิงทุกคน ชีวิตของเขาจะมีแต่เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
รำพึงคิดตาม แล้วตัดสินใจ
“ถ้าไม่ได้ผล ข้าจะกลับมาเอาคืนท่านให้สาสม”
รำพึงหันหลังให้หมอไสย์แล้วปลดผ้านุ่งออก ผ้านุ่งของรำพึงหล่นกองแทบเท้า หมอไสย์มองเรือนร่างเปลือยเปล่าของรำพึงอย่างพึงพอใจ แล้วหลับตาทำปากขมุบขมิบ บริกรรมคาถาน้ำมันจันทน์ในโถเดือดปุดๆ
หมอไสย์นำใบกาหลงชุบลงไปในน้ำมันจันทน์
“นึกถึงผัวเจ้าไว้ นึกถึงความสุขที่เจ้าจะได้รับจากเขา”
หมอไสย์ทาน้ำมันบนใบกาหลงลงไปบนแผ่นหลังของรำพึง ลูบไล้ไปมาบนเรือนร่าง พร้อมกับบริกรรมคาถา
รำพึงหลับตานึกถึงขุนพิทักษ์
รำพึงเคลิบเคลิ้มจากสัมผัสของหมอไสย์ที่ลูบไล้ใบกาหลงไปทั่วหลัง
ระหว่างที่นึกถึงช่วงที่ขุนพิทักษ์มีอะไรกับรำพึง จู่ๆ ก็มีภาพระหว่างรำพึงกับขุนไวเข้ามา รำพึงนิ่วหน้าทั้งที่ยังหลับตา พูดเตือนตัวเอง
“ผัวข้าคือคุณพี่พิทักษ์ผู้เดียวเท่านั้น”
หมอไสย์ได้ยินก็กระตุกยิ้ม แล้วบริกรรมคาถาต่อ รำพึงหลับตาพริ้ม ขยับร่างไปมาเล็กน้อย เคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่จินตนาการอยู่ ท่ามกลางเรือนหมอไสย์ที่มีทั้งโถน้ำมันจันทน์ หัวกะโหลก กุมารทอง เทียนดำบนหิ้งดูน่ากลัว
คืนเดียวกัน ภายในห้องนอน ชุ่มสะดุ้งตื่น
“ท่านขุน !”
ขุนพิทักษ์นอนอยู่ข้างชุ่มตื่นขึ้นมาเห็นชุ่มน้ำตานองหน้า
“ชุ่ม เจ้าเป็นอะไร”
“ข้าฝันร้าย ข้าฝันเห็นท่านตกลงไปในแม่น้ำสีเลือด แล้วท่านก็ถูกน้ำพลัดหายไปจากข้า”
ชุ่มกอดขุนพิทักษ์แน่นและพูดอย่างเอ็นดู
“เจ้าทำตัวเหมือนเด็กเสียจริง เก็บเอาความฝันมาคิดเป็นตุเป็นตะ”
ขุนพิทักษ์ประคองหน้าชุ่ม
“เอ้า...ร้องไห้เข้าไป หรืออยากจะอ้อนให้ข้าโอ๋”
“ยังจะพูดเล่นอีก ข้าใจไม่ดีจริงๆ นะเจ้าคะ ข้าสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับท่านขุน”
ชุ่มนึกถึงช่วงที่หลวงตามั่นให้แหวนพิรอดแก่ชุ่มจึงถามขุนพิทักษ์
“แหวนพิรอดที่ข้าเคยให้ท่านขุนอยู่ไหนเจ้าคะ”
“ข้าเก็บไว้ที่ห้องหอ”
ชุ่มรีบบอกขุนพิทักษ์
“ท่านขุนกลับไปห้องนะเจ้าคะ ไปใส่แหวน ข้าขอร้อง”
“ชุ่ม ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”
“ถ้าเป็นล่ะเจ้าคะ ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
ขุนพิทักษ์มองรำพึงด้วยความรัก แล้วจูบหน้าผากชุ่ม
“ถ้าข้ากลับไปห้องหอ รำพึงต้องดึงตัวข้าไว้ แล้วถ้าข้าไม่ได้กลับมาล่ะเอ็งจะอยู่ยังไง”
“ข้าจะอยู่อย่างคนที่รักท่าน ไม่ว่าท่านจะอยู่กับใครก็ตาม ไปนะเจ้าคะ ไปใส่แหวน”
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าไปเอาแหวนเพื่อให้เจ้าสบายใจก็ได้ แต่ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะไม่กลับมา เพราะไม่มีใครรั้งตัวข้าไว้ได้นอกจากเอ็งคนเดียว”
ขุนพิทักษ์ออกไปจากห้อง ชุ่มมีสีหน้าไม่สบายใจ
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
บ่วงบาป ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขุนพิทักษ์เดินมาจากทางห้องตัวเองเดินผ่านห้องโถงกลางเห็นรำพึงนอนสลบอยู่บนพื้นใกล้ประตู
“รำพึง”
ขุนพิทักษ์มองร่างรำพึงอย่างตัดสินใจ แล้วย่อตัวช้อนร่างรำพึงขึ้น ใบหน้าขุนพิทักษ์เข้าใกล้หน้า รำพึงลืมตา ยิ้มร้ายนึกถึงที่หมอไสย์บอก
บริเวณเรือนหมอไสย์ ร่างอันเปลือยเปล่าของรำพึง บริเวณไหล่เปื้อนน้ำมันจันทน์มหาเสน่ห์ หมอไสย์ใช้ใบกาหลงแตะค้างบนหน้าผากรำพึง บริกรรมคาถาแล้วเป่ามนต์เบาๆ เป็นอันเสร็จพิธี
“เจ้าจงกลับไปนำเลือดของเดรัจฉานให้ผัวเจ้าได้ลิ้มรส...ได้สัมผัสกลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นกายของเจ้า เพียงเท่านี้...เขาก็จะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
รำพึงหันขวับมามองหน้าขุนพิทักษ์ ในมือรำพึงมีมีดสั้นที่เลือดไหลโชกอยู่แล้ว ขุนพิทักษ์ก้มลงไปเห็นก็ตกใจ
“เลือด”
ยังไม่ทันจะสิ้นคำ รำพึงก็จับหน้าขุนพิทักษ์ด้วยสองมือ เอาเลือดที่นิ้วโป้งแตะปากขุนพิทักษ์พร้อมบริกรรมคาถา “มนต์คาถารักแท้” ในทันที
“ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู!”
“เจ้าจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้ !”
ขุนพิทักษ์จะปัดมือรำพึงออกแต่รำพึงจับหน้าขุนพิทักษ์แน่น ใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มีเอาชนะขุนพิทักษ์ให้ได้
“ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู !”
“หยุดเดี๋ยวนี้ !”
ขุนพิทักษ์ผลักรำพึงกระเด็นล้มไปบนพื้น
“ว้าย !”
เลือดในบริเวณริมฝีปากขุนพิทักษ์ซึมหายเข้าไปในปาก ร่างขุนพิทักษ์กระตุก รำพึงมองขุนพิทักษ์อย่างไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่
ขุนพิทักษ์ค่อยๆ ก้มลงมองรำพึง ดวงตาแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนแล้ว ปราดลงไปประคองรำพึง
“น้องรำพึงเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรน้อง”
รำพึงยิ้มดีใจที่พิธีกรรมสำเร็จ
“คุณพี่บอกน้องมาก่อนสิคะ ว่าคุณพี่รักใคร”
ขุนพิทักษ์มองรำพึงตาเป็นประกายพลางจับมือรำพึงมาจูบ
“น้องรำพึงคือยอดดวงใจของพี่”
รำพึงยิ้มสมใจ กอดขุนพิทักษ์ จวงที่แอบดูอยู่เฮลั่นอย่างดีใจ
“เย้ ! สำเร็จแล้วโว้ย”
จวงรู้ตัวว่าเสียงดัง ปิดปากหมับทันที
ในเวลาต่อมา ชุ่มเดินงุ่นง่านไปมา
“ทำไมท่านขุนถึงยังไม่กลับมาอีก”
ชุ่มตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้อง
ชุ่มวิ่งออกมาจากทางห้องนอน เห็นขุนพิทักษ์อุ้มรำพึงเข้าไปในห้อง รำพึงหันมายิ้มเย้ยใส่ชุ่ม ชุ่มอึ้ง
“ท่านขุน...”
ประตูห้องรำพึงปิด ชุ่มน้ำตารื้น ทั้งงงทั้งเสียใจ
ภายในห้อง รำพึงกับขุนพิทักษ์นอนเปลือยกายคู่กัน ขุนพิทักษ์หลับสนิท รำพึงยังไม่หลับลุกขึ้นมามองหน้าขุนพิทักษ์ ก่อนหลับตาพึมพำบริกรรมคาถา
“จิตตังสะมา กามากายะ สัพพะราคะ ชัยยะกาลี - ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู !”
รำพึงจูบลงบนหน้าผากขุนพิทักษ์
“คุณพี่จะต้องเป็นของน้องคนเดียวเท่านั้น”
ขุนพิทักษ์หลับไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ภายในห้อง ชุ่มน้ำตาหยดติ๋ง
เช้าวันใหม่ ขุนพิทักษ์ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นก่ายมือไปข้างตัวหมายจะกอดรำพึง แต่ไม่พบใครอยู่บนเตียง
“น้องรำพึง”
ขุนพิทักษ์ลุกมองหาไปรอบห้อง แต่ไม่พบรำพึงก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
“น้องรำพึงอยู่ไหน”
รำพึงเปิดประตูเข้ามา
“น้องอยู่นี่ค่ะคุณพี่ น้องออกไปตักบาตรกับคุณแม่มาค่ะ”
ขุนพิทักษ์ปราดเข้าไปสวมกอดรำพึง
“คราวหลังอย่าหายไปอย่างนี้อีกนะ พี่ใจไม่ดี พี่กลัวน้องจะทิ้งพี่ไป”
“น้องทิ้งผัวตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ จะมีก็แต่คุณพี่จะทิ้งน้อง”
“ต่อให้พี่ตาย พี่ก็จะไม่มีวันทิ้งน้อง”
“หรือคะ”
รำพึงทำงอนเดินไปยืนเศร้าริมหน้าต่าง
“น้องไม่เชื่อพี่”
“จะให้น้องเชื่อได้อย่างไร ในเมื่อที่ผ่านมาคุณพี่เห็นคนอื่นดีกว่าน้อง”
“ใคร”
รำพึงแสร้งบีบน้ำตา
“ก็ใครเล่าคะที่คุณพี่บอกว่ารักมัน คุณพี่ยกย่องเชิดชูมันให้ขึ้นมาเสมอน้องทั้งที่มันเป็นแค่ทาส”
ขุนพิทักษ์ทำท่าคิดๆ
“ชุ่ม”
รำพึงบีบน้ำตาบอก
“คุณพี่กลับไปหามันเถอะค่ะ น้องจะกลับไปที่เรือนคุณพ่อ”
รำพึงจะเดินไปที่ประตู แต่ขุนพิทักษ์ตามไปสวมกอดด้านหลัง
“ไม่ พี่จะไม่ให้น้องไปไหนทั้งนั้น น้องต้องอยู่กับพี่”
รำพึงดิ้นๆ ร้องไห้
“อยู่ให้นังเมียทาสของคุณพี่มาย่ำยีหัวใจน่ะหรือคะ”
รำพึงยกมือไหว้
“น้องไหว้ละคะ ถ้าคุณพี่ทำเพื่อน้องไม่ได้ก็ปล่อยน้องไปเถอะ”
ขุนพิทักษ์กอดรำพึงแน่น
“น้องอยากได้สิ่งใดบอกพี่ พี่ทำเพื่อน้องได้ทุกอย่าง”
“ทุกอย่างเลยหรือคะ”
รำพึงยิ้มร้าย
บริเวณหน้าบันได เรือนคุณหญิงมณี ชุ่มถูกผลักกระเด็นลงพื้น
“โอ๊ย !”
จวงยืนคร่อมร่างชุ่ม จวงปาเสื้อผ้าของชุ่มใส่
“ท่านขุนสั่งให้เอ็งไสหัวออกไป เอ็งไม่มีสิทธิ์อยู่ในเรือนนี้”
“ท่านขุนเหรอ? ไม่จริง”
รำพึงหมั่นไส้สุดขีด จิกผมชุ่ม
“เอ็งคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน คุณพี่ถึงจะหลงจะรักเอ็ง ข้าจะบอกให้เอาบุญ คุณพี่เห็นเอ็งเป็นแค่นางบำเรอ พออิ่มรสสวาทจากเอ็งคุณพี่ก็เขี่ยทิ้ง คุณพี่ไม่มีวันรักทาสชั้นต่ำอย่างเอ็ง หัดสำเหนียกตัวไว้เสียด้วย! อีจวง ลากมันกลับไปที่เรือนทาสของมัน แล้วเอาน้ำมาล้างเสนียดตรงนี้ด้วย”
จวงจับดึงแขนชุ่ม
“เจ้าค่ะทูนหัวของบ่าว ไป !”
ชุ่มดิ้นสู้
“ปล่อยข้า !”
ชุ่มสะบัดมือจวงอย่างแรง จวงกระเด็นล้มกลิ้งไปบนพื้น
“ว้าย ! ตาเถร”
“ปล่อยข้า”
ทันใดเสียงขุนพิทักษ์ดังขึ้น
“นังชุ่ม! เอ็งออกไปจากเรือนข้าเดี๋ยวนี้”
ขุนพิทักษ์ยืนอยู่ที่หัวบันไดสีหน้าโกรธเกรี้ยว ชุ่มอึ้ง รำพึงกับจวงลอบยิ้มสะใจ
“ท่านขุน...”
“เอ็งใช้มารยาสาไถหลอกให้ข้าพาขึ้นมาอยู่บนเรือน ทำให้น้องรำพึงของข้าเสียใจ ตอนนี้ข้าตาสว่างแล้ว เอ็งไสหัวกลับไปอยู่เรือนทาสของเอ็งเดี๋ยวนี้”
“ท่านขุน ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ ทำไมถึง...”
ชุ่มน้ำตาไหลอาบแก้ม ส่ายหน้าอยากจะบอกขุนพิทักษ์ว่าตัวเองไม่ได้ทำอย่างที่ขุนพิทักษ์กล่าวหา
รำพึงแกล้งทำเป็นดี
“ไปเสียทีสิชุ่ม อย่าให้คุณพี่ต้องโมโห”
ขุนพิทักษ์คว้าเสื้อผ้าบนพื้นปาใส่ชุ่ม
“ดื้อนักใช่ไหม ออกไป”
ขุนพิทักษ์จะเข้าไปตีชุ่มด้วย รำพึงทำเป็นห้ามขุนพิทักษ์ เสียงคุณหญิงมณีดังขัดขึ้น คุณหญิงมณีกลับเรือนมากับแจ่มที่ถือของกลับมาจากวัด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันอะไรกัน”
แจ่มเข้าไปประคองชุ่มที่กองอยู่กับพื้น
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะคุณแม่ คุณพี่ก็เพียงได้สติ รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว แล้วก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าลูกไม่เอานังชุ่มอีกต่อไปแล้วไงขอรับคุณแม่ ลูกรู้แล้วว่าคนที่ลูกรักที่สุดคือน้องรำพึง ไม่ใช่นังทาสชั่วคนนี้”
ขุนพิทักษ์มองไปที่ชุ่มอย่างเหยียดหยาม
“นังชุ่มมันทำอะไรผิด ก็ลูกเองที่เป็นคนให้นังชุ่มขึ้นมาอยู่บนเรือน”
“ผิดที่มันมักใหญ่ใฝ่สูง อยากได้ลูกเป็นผัวไงขอรับคุณแม่ นังแจ่ม พามันออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้เสนียดของมันมาแปดเปื้อนเรือนข้า ไป”
ชุ่มร้องไห้ไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าผู้ชายที่ตนรัก จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แจ่มมองหน้าคุณหญิงมณี
“พาชุ่มมันไปก่อน”
แจ่มประคองชุ่มไป ชุ่มมองขุนพิทักษ์ที่มีรำพึงโอบแสดงความเป็นเจ้าของอย่างหัวใจแตกเป็นเสี่ยง ขุนพิทักษ์เมินไม่มองชุ่ม
รำพึงโอบพาขุนพิทักษ์ ยิ้มเย้ยใส่ชุ่ม
“พ่อพิทักษ์ ไปคุยกับแม่ที่ห้องก่อน”
“คุณแม่เจ้าขา คุณพี่ตื่นมายังไม่ได้ล้างเนื้อล้างตัวเลย ยังไงรำพึงขอพาคุณพี่เข้าห้องก่อนนะเจ้าค่ะ เดี๋ยวรำพึงขอเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ก่อนจะได้อารมณ์เย็นๆ นะเจ้าคะ จวงเตรียมน้ำให้ข้า”
“เจ้าค่ะ”
รำพึงไม่ทันให้คุณหญิงอนุญาต ก็ประคองขุนพิทักษ์ไปเลย คุณหญิงมณีมีสีหน้าแปลกใจ
ที่หน้าเรือนทาส แจ่มประคองชุ่มมา เจอกับสมพอดี
“นังชุ่ม ทำไมเป็นแบบนี้”
“พี่สม”
“เอ็งไปทำอะไรห๊ะนังชุ่ม ท่านขุนถึงได้ลุกมาอาละวาดเอ็งแบบนี้” แจ่มถาม
“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ...ไม่รู้จริงๆว่าข้าทำอะไรผิด”
“ท่านขุนทำอะไรเอ็ง” สมถาม
“อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาไล่ตะเพิดนังชุ่มลงจากเรือน ท่าทางท่านขุนเหมือนเกลียดมันมาเป็นสิบชาติ เฮ้อไม่รู้ผีอะไรเข้า...เฮ้ยหรือจะเป็นผีท่านพระยาเทวราช”
เสียงคุณหญิงปราม
“เพ้อเจ้อน่ะนังแจ่ม”
“อุ่ย...”
“นังชุ่ม...ยังไงตอนนี้เอ็งอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าขอพูดกับลูกข้าให้รู้ความก่อนแล้วจะจัดการให้”
“อย่าต้องลำบากเพราะบ่าวเลยเจ้าคะคุณหญิง ถ้าท่านขุนเลือกแบบนี้ บ่าวก็ขออยู่ในแบบที่ท่านขุนเลือก”
“แต่มันแปลกนะเจ้าคะคุณหญิง ทำไมอยู่ๆท่านขุนถึงเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้”
แจ่มมองซ้ายมองขวาดูว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น แล้วป้องปากกระซิบคุณหญิง
“หรือว่าคุณรำพึงจะทำเสน่ห์ท่านขุนเจ้าคะ”
คุณหญิงตกใจ
“นังแจ่ม ! ปากพล่อยจริงนะเอ็ง ใครได้ยินเข้า มันไม่งาม”
แจ่มยิ้มแหย
“หนูรำพึงเป็นถึงลูกสาวท่านพระยา ไม่ลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับของต่ำช้าเช่นนั้นหรอก พ่อพิทักษ์คงจะสงสารหนูรำพึงที่พ่อต้องมาตายไร้ญาติขาดมิตร ยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นผัวเป็นเมียกัน ก็ต้องเห็นใจกันเป็นธรรมดาไม่น่าจะใช้เรื่องชั่วอย่างที่เอ็งว่า”
แจ่มยังสงสัยหนัก..บ่นเบาๆ
“แต่มันหน้ามือเป็นหลังตีนแบบนี้”
ชุ่มร้องไห้ สมกอดน้อง
“คุณหญิงขอรับ ถ้าน้องกระผมทำให้เรือนคุณหญิงไม่เป็นสุข ให้มันกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ก็ได้นะขอรับ”
“ไม่ได้นะไอ้สม ข้าเป็นผู้ปกครอง ข้าต้องดูแลคนในปกครองให้อยู่เย็น ยังไงนังชุ่มมันก็ยังมีข้า เอ็งไม่ต้องห่วง”
ชุ่มกับสมมองคุณหญิงอย่างซึ้งในน้ำใจ ทั้งที่ในตอนนี้ชุ่มเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
งานสวดศพคืนที่สอง ขุนพิทักษ์นั่งฟังพระสวดอยู่ข้างรำพึง ขุนพิทักษ์หันไปเห็นรำพึงนั่งก้มหน้าน้ำตาไหลก็ปาดน้ำตาให้รำพึงอย่างอ่อนโยน รำพึงยิ้มละมุนแทนคำขอบคุณ แขกสองคนนั่งอยู่แถวหลังกำลังมองขุนพิทักษ์กับรำพึง
“ท่าทางขุนพิทักษ์ก็รักหนูรำพึงดีนี่หนา ข่าวลือเรื่องขุนพิทักษ์หลงเมียทาสคงจะไม่เป็นจริงกระมัง”
แขกคนที่สองพยักหน้าเห็นด้วย
ในเวลาเดียวกัน ชุ่มนั่งมองพระจันทร์ที่หน้าเรือนทาส
“ชาติที่แล้วลูกทำบาปทำกรรมอะไรมาเจ้าคะ ชาตินี้ลูกถึงต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้”
ชุ่มนึกถึงความฝัน
“ข้าฝันร้าย ข้าฝันเห็นท่านตกลงไปในแม่น้ำสีเลือด แล้วท่านก็ถูกน้ำพลัดหายไปจากข้า”
ชุ่มเห็นขุนพิทักษ์อุ้มรำพึงเข้าไปในห้อง รำพึงหันมายิ้มเย้ยใส่ชุ่ม
ชุ่มคิด
“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่าน”
แขกในงานกลับหมดแล้ว ขุนพิทักษ์กับรำพึงเดินมาส่งคุณหญิงมณีกับแจ่มที่หน้าเรือน คุณหญิงมณีนึกแคลงใจ
“นึกยังไงถึงจะนอนค้างที่นี่ เมื่อคืนแม่ให้นอนค้างเป็นเพื่อนแม่รำพึง ลูกทำท่าอยากจะตายเสียให้ได้”
ขุนพิทักษ์ตาหวานใส่รำพึง
“เมื่อคืนกับคืนนี้มันไม่เหมือนกันขอรับคุณแม่”
“ทำไมไม่เหมือน”
“เพราะคืนนี้รำพึงปวดหัวหนักเหลือเกินค่ะ สงสัยจะเป็นไข้ รำพึงก็เลยไม่อยากไปๆ มาๆ นอนค้างที่นี่ไปเลยดีกว่า”
“งั้นก็ตามใจเถอะ แม่กลับล่ะ”
ขุนพิทักษ์กับรำพึงไหว้ คุณหญิงมณีรับไหว้แล้วเดินออกไป แจ่มมองขุนพิทักษ์กับรำพึงที่ยิ้มหวานให้กันอย่างสงสัย แล้วตามคุณหญิงมณีไป
ขุนพิทักษ์กอดหอมรำพึงทันที
“ว้าย ! คุณพี่ น้องอายพวกบ่าวนะคะ”
“แต่พี่ไม่อาย พี่จะหอมเมียพี่ให้ชื่นใจ”
ขุนพิทักษ์หอมรำพึงชุดใหญ่ รำพึงหัวเราะคิกคักมีความสุข
ชุ่มเดินมาที่ท่าน้ำ เพื่อแอบดูเพราะอยากเจอขุนพิทักษ์ แต่เมื่อเรือแล่นเข้าท่า ไม่มีขุนพิทักษ์ มีเพียงคุณหญิงมณีกับแจ่มที่ขึ้นมาจากเรือ สมมัดเชือกกับเสา
“นังแจ่ม เอ็งเอายาฝรั่งให้ไอ้สมเอาไปให้ที่เรือนท่านพระยาเทวราชด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ”
คุณหญิงเดินขึ้นเรือนไป ชุ่มเข้าไปหาสม
“พี่สม ใครเป็นอะไรหรือจ๊ะ ทำไมถึงต้องกินยาฝรั่ง”
“คุณรำพึงไม่สบาย”
“เป็นอะไรจ๊ะ”
“น่าจะเป็นโรคอ้อนผัว กินยาฝรั่งของคุณหญิงไม่หายหรอก ต้องให้ท่านขุนรักษาให้เท่านั้น” แจ่มบอก
แจ่มเดินออกไป ชุ่มสีหน้าเศร้า
“ตัดใจเสียเถอะชุ่มเอ้ย”
“ท่านขุนจะไม่กลับมาหาข้า ข้าไม่ว่า ข้าแค่อยากแน่ใจว่าท่านขุนจะปลอดภัย”
“เอ็งพูดเหมือนท่านขุนจะเป็นอะไร”
“จ้ะ ฉันสังหรณ์ว่ากำลังเกิดเรื่องไม่ดีกับท่านขุน”
สมแปลกใจ
ในเวลากลางคืน จวงยื่นถุงเงินให้หมอไสย์
“คุณรำพึงให้เอาเงินมาให้พ่อหมอเพิ่ม”
“เสน่ห์ของข้าได้ผลมากสินะ”
“อูย...อย่าให้พูด รู้ไว้แค่ว่าคุณรำพึงพอใจมากก็แล้วกัน”
“ฝากบอกนายของเอ็งด้วยว่าอย่าบริกรรมคาถาเติมเสน่ห์ใส่ผัวให้มากเกินไปนัก”
“ทำไมล่ะพ่อหมอ”
“เพราะเดี๋ยวเสน่ห์มันจะกระเด็นไปถึงผัวคนอื่นน่ะสิวะ”
จวงนึกได้
“อ๋อ... ว้าย ! พ่อหมอพูดแบบนี้ระวังหัวจะหลุดออกจากบ่า คุณรำพึงเธอเป็นลูกสาวท่านพระยาเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เธอมีผัวคนเดียวรู้ไว้เสียด้วย”
จวงเดินออกไป หมอไสย์หยิบหนอนลงครก ตำ แล้วควักมาเคี้ยว หัวเราะหึๆ
“ฮึ...ผู้หญิงกากีแบบนั้นน่ะเหรอ...จะมีผัวเดียว”
ภายในห้องนอน รำพึงเปลือยกายคู่ขุนพิทักษ์ รำพึงนั่งพนมมือหลับตาท่องคาถาปากรัว ซ้ำไปซ้ำมา
“จิตตังสะมา กามากายะ สัพพะราคะ ชัยยะกาลี”
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.