บ่วงบาป ตอนที่ 7
ทันใดนั้นเสียงของหล่นแตกดังเพล้ง! ทุกคนตกใจหันไปมองเห็นชุ่มยืนตัวสั่น ทำข้าวของหล่นมือ
“ชุ่ม” ขุนพิทักษ์ตกใจจะลุกไปช่วย แต่รำพึงลุกขึ้นก่อน
“น้องเองดีกว่าค่ะคุณพี่”
รำพึงจ้องขุนพิทักษ์ตาวาว
“อย่า...”
คุณหญิงมณีเสียงแข็งปรามลูกชาย ก่อนหันไปพูดกับรำพึง
“ขุนพิทักษ์! ...ไม่ต้องลำบากหรอกจ้ะหนูรำพึง ปล่อยให้เด็กๆ มันจัดการ … แจ่ม”
“เจ้าค่ะ”
รำพึงรีบขัดบอก
“ขอรำพึงช่วยดีกว่าค่ะคุณหญิงป้า ไหนๆ อีกหน่อย รำพึงก็ต้องมาช่วยคุณหญิงป้าแบ่งเบาภาระในเรือนนี้อยู่แล้ว วันนี้ก็ขอให้รำพึงได้เริ่มจัดการซะเลยนะคะ”
คุณหญิงมณีจำใจพยักหน้า รำพึงยิ้มให้ขุนพิทักษ์ก่อนจะเดินไปหาชุ่ม
รำพึงตาวาว เสียงหวานแกล้งเอ็นดู
“โถ...นังชุ่ม อ่อนหัดจริงๆ นะเอ็ง”
ชุ่มรีบก้มลงเก็บเศษจานชาม รำพึงตามลงไปก้มเก็บ รำพึงเข้ากระซิบใกล้หู น้ำเสียงเยาะเย้ย
“แกกับข้าน่ะมันกระดูกคนละเบอร์ อย่าสะเออะมาเทียบชั้นกับคนอย่างข้า”
รำพึงเอาเศษจานทิ่มมือชุ่มหน้าตาเฉย
“โอะ”
“อย่าร้อง! หุบปากให้สนิท ตั้งแต่วันนี้และตลอดไป ไม่อย่างนั้น มันจะไม่แค่นี้แน่”
ชุ่มมองรำพึงอย่างไม่อยากเชื่อ แจ่มเข้ามา
“ให้แจ่มจัดการดีกว่าเจ้าค่ะ ว๊าย! นังชุ่มเลือดออก”
ขุนพิทักษ์รีบปรี่มาหา รำพึงรีบผละออก
“เกิดอะไรขึ้น”
“โถ...น่าสงสาร ชุ่มนี่ช่างซุ่มซ่ามจริงๆ”
“ชุ่ม...เกิดอะไรขึ้น” ขุนพิทักษ์ถาม
ชุ่มอ้ำอึ้ง
“เอ่อ...”
รำพึงจ้องไม่วางตา
“ชุ่มซุ่มซ่ามเองเจ้าค่ะ”
“แจ่ม...พาชุ่มไปใส่ยา เอายาฝรั่งบนเรือน”
รำพึงตาเขียว
แจ่มอ้ำอึ้ง
“เอ่อ...”
“ไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะ”
แจ่มรีบพาชุ่มออกไป
ขุนพิทักษ์มองตามก่อนจะหันมามองรำพึงที่รีบปรับอารมณ์ยิ้มแย้ม รำพึงส่ายหน้ายิ้มเอ็นดู
“ซุ่มซ่ามอย่างนี้ เห็นที...น้องจะต้องอบรมวิชานังชุ่มให้หนัก”
เสียงหวานๆของรำพึงเปลี่ยนเมื่อถามขุนพิทักษ์
“จริงมั้ยคะ..คุณพี่”
ขุนพิทักษ์จ้อง รำพึงจ้องตอบอย่างไม่กลัว
มุมหนึ่งในเรือน แจ่มจูงชุ่มจะไปใส่ยา ปากก็บ่น
“เฮ้อ! นังชุ่มนะนังชุ่ม ซุ่มซ่ามจริงๆนะเอ็ง”
ชุ่มเบรกไว้แล้วหยุดเดิน
“ป้าแจ่มจ๊ะ”
“อะไรอีกล่ะ จะพาไปใส่ยาฝรั่ง”
“แผลนิดเดียว”
“นิดเดียวที่ไหนวะ ก็ลึกอยู่นะนั่น”
“ชั้นกลับไปใส่ยาของแม่ดีกว่า ชั้นว่า ยาฝรั่งมันไม่เหมาะกับพวกเราหรอก”
แจ่มอึ้งแล้วพยักหน้า
“รู้ก็ดี รู้ว่าอะไรเหมาะ อะไรไม่เหมาะกับคนอย่างเราก็ดีแล้วนังชุ่ม ชีวิตเอ็งจะได้ไม่เดือดร้อน”
ชุ่มสีหน้าเศร้า เจียมตน เข้าใจที่แจ่มพูด
ภายในห้องนอน รำพึงทิ้งตัวลงนั่งแล้วหัวเราะเสียงลั่น
“สะใจ!สะใจข้าจริงๆ นังจวง”
“เจ้าค่ะ ทูนหัวของบ่าว บ่าวก็สะใจจริงๆ”
“สะใจอะไรของเอ็ง เอ็งรู้อะไรด้วยห๊านังจวง”
จวงได้ที
“ก็ไม่รู้น่ะสิเจ้าคะ เลยอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว คุณรำพึงกรุณาบอกจวงเถอะนะเจ้าคะ ถือว่าเอาบุญ เมตตาลูกนกลูกกาตัวดำๆ เอ๊ย! ตาดำๆ”
รำพึงเชิดหน้า
“ได้ ข้าจะบอกเจ้าเอาบุญก็ได้”
จวงรีบสาระแน
“หน้าตาอย่างนี้ น้ำเสียงอย่างนี้ ต้องเป็นข่าวดีแน่ๆ”
รำพึงมองค้อน แต่อมยิ้ม
“สาระแนจริงๆ แต่เจ้าก็ฉลาดใช้ได้ สมเป็นคนใกล้ชิดของข้า”
จวงก้มกราบบอก
“เป็นพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะ ว่าแต่ข่าวดีอะไรเจ้าคะ จวงจะอกแตกตายอยู่แล้ว”
รำพึงหัวเราะชอบใจ
“ข่าวดีก็คือ...คุณพี่พิทักษ์จะมาสู่ขอข้าโดยเร็วที่สุด”
จวงกระโดดตัวลอยร้อง
“ไชโย ๆ ในที่สุดทูนหัวของบ่าวก็เป็นผู้ชนะ ไชโยๆ”
รำพึงชอบใจ
“ใช่ ข้าเป็นผู้ชนะ และก็จะต้องชนะตลอดไป ไม่มีวันแพ้”
รำพึงหมายมั่น ท่ามกลางจวงที่ดีใจไม่เลิก
วันใหม่ … ขุนไวโมโหมากเมื่อลูกน้องเข้ามารายงาน
“เป็นไปไม่ได้ คนอย่างข้าไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อไอ้ขุนพิทักษ์”
ขุนไวหันมาต่อยลูกน้องจนล้มคว่ำแล้วบอก
“โกหก! เอ็งโกหก”
“ข้าไม่ได้โกหกนะขอรับ ผู้คนร่ำลือกันให้ทั่วว่าขุนพิทักษ์จะไปสู่ขอคุณรำพึง”
ขุนไวลั่น
“ไม่จริง ถึงไอ้ขุนพิทักษ์มันจะยกขันหมากไปสู่ขอจริงอย่างที่เอ็งว่า แต่มันก็คงจะต้องยกกลับ เพราะน้องรำพึงและท่านพระยาคงไม่มีวันยอมรับขันหมากของมัน”
“เอ่อ...ข่าวว่าท่านพระยาเป็นผู้พาคุณรำพึงไปเจรจากับขุนพิทักษ์ถึงเรือนคุณหญิงมณีเองเลยนะขอรับ”
ขุนไวชะงักกึก
“อะไรนะ เอ็งว่าไงนะ”
ลูกน้องหน้าแหย เห็นอาการขุนไวแล้วไม่กล้ารายงานต่อ ได้แต่ทำตัวลีบหงอ
“ท่านพระยา...น้องรำพึง”
ขุนไวโกรธจัด พรวดออกไป
ขุนไวจ้ำอ้าวๆ เข้ามาเรือนพระยาเทวราชอย่างเอาเรื่อง จวงโผล่มาเห็นก็ยิ้มแฉ่งแล้วนึกได้
“ขุนไวมา แหม...หัวกะไดไม่แห้งจริงๆ ทูนหัวของบ่าว เฮ่ย!ขุนไวมา แย่แล้ว”
จวงหันหลังจะวิ่งออก ขุนไวถึงตัวเรียกเสียงลั่น
“จวง!”
จวงหงายเงิบเบรกเอี๊ยด
“แย่แล้วๆ”
ขุนไวเข้ามาใกล้ถาม
“น้องรำพึงอยู่ไหน”
จวงค่อยๆ หันมา
“แฮ่...คุณรำพึงอยู่ … อยู่ไหนน้า”
ขุนไวไม่ขำ ถามย้ำเสียงเข้ม
“ข้าถามว่าน้องรำพึงอยู่ไหน”
“อูย...คุณรำพึงอยู่ อยู่...”
ขุนไวไม่ฟังเดินพรวดออกไป
“ว้าย! เดี๋ยวเจ้าค่ะ ท่านขุน ท่านขุน แย่แล้ว...ทูนหัวของบ่าว”
จวงรีบพรวดตามออกไปอย่างระทึกขวัญ
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
ขุนไวเปิดประตูห้องรำพึง ซึ่งรำพึงกำลังอารมณ์ดีๆ อยู่ หันมาสะดุ้งเฮือก
“คุณพี่!”
ขุนไวหน้าตาเอาเรื่อง
“ใช่ พี่เอง”
ขุนไวจะปรี่เข้ามาเอาเรื่อง แต่รำพึงถลาเข้าไปกอดขุนไวแน่น บีบน้ำตาปล่อยโฮ
“ช่วยน้องด้วย คุณพี่ต้องช่วยน้องนะคะ”
ขุนไวชะงักอึ้งไป รำพึงช้อนตาอ้อน
“รับปากน้องสิคะ คุณพี่เคยสัญญากับน้องว่าจะทำให้น้องทุกอย่างไม่ใช่เหรอคะ คุณพี่ต้องช่วยน้องนะคะ” รำพึงพูดปนเสียงสะอื้น
ขุนไวอ่อนยวบลงทันที
“ช่วยสิ พี่ต้องช่วยน้องรำพึงทุกอย่าง ว่าแต่... น้องรำพึงต้องเล่าให้พี่ฟังก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ขุนไวรอฟัง รำพึงใช้สมองอยู่ว่าจะกุเรื่องอย่างไรดี จวงโผล่พรวดเข้ามาเห็น 2 คนกอดกันอยู่ก็ตกใจ
“คุณพระช่วย!”
รำพึงทำตาวาวใส่ พูดไม่ออกเสียงไล่ให้จวง “ออกไป !”
“เอ่อ...แฮ่! ท่านขุนไวหาคุณรำพึงเจอแล้ว จวงขอตัวนะเจ้าคะ”
จวงรีบออกไปอย่างเร็ว
ขุนไวเร่ง
“ว่ายังไง ตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไง ที่คนเค้าพูดว่าท่านพระยา พาน้องรำพึงไปหาไอ้ขุนพิทักษ์ที่เรือนคุณหญิงมณีจริงรึเปล่า”
รำพึงปล่อยโฮใหม่ทันที
“อย่านะคะ คุณพี่อย่าโกรธคุณพ่อนะคะที่ท่านบังคับจิตใจน้องขนาดนั้น”
“ว่าไงนะ ท่านพระยาบังคับจิตใจน้องรำพึง”
“ค่ะ...น้องเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณพ่อจะทำกับน้องกับคุณพี่ถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่น้องเองก็พยายามหว่านล้อมทุกวิถีทาง แต่คุณพ่อก็ยังไม่มีคุณพี่อยู่ในสายตาซักนิดเลยจริงๆ”
ขุนไวอึ้ง เสียใจ รำพึงได้ทีก็เสี้ยมใหญ่
“น้องไม่เข้าใจจริงๆว่าชาติตระกูลของคนเรามันสำคัญอะไรนักหนา”
“ชาติตระกูล”
รำพึงพยักหน้า
“ค่ะ คุณพ่อเอาแต่ย้ำว่าขุนพิทักษ์เกิดในตระกูลเจ้าพระยาไม่เหมือนกับคุณพี่...ที่...เอ่อ”
ขุนไวฉุนมากแต่เสียงเย็น
“พอ! ไม่ต้องพูดต่อ พี่พอจะเข้าใจ”
รำพึงหน้าเสีย
“คุณพี่ไม่โกรธคุณพ่อหรอกเหรอคะ”
ขุนไวนิ่งซะจนรำพึงเดาไม่ถูก รำพึงอยากให้ขุนไวโกรธพระยาเทวราช รำพึงตัดสินใจปล่อยโฮโผซบขุนไวทันที
“น้องยอมให้คุณพ่อฆ่าน้องให้ตายซะดีกว่า ดีกว่าที่จะให้น้องต้องไปแต่งงานกับคนที่น้องไม่ได้รัก”
ขุนไวใจอ่อนยวบ รำพึงซัดอีกดอก
“น้องยอมตาย ถ้าชาตินี้น้องไม่ได้แต่งงานกับคุณพี่”
ขุนไวฮึด
“ไม่ต้องห่วง พี่เองก็ขอแค่ตาย หากชาตินี้ไม่ได้น้องรำพึงมาครอบครอง”
“คุณพี่เข้าใจน้องแล้วใช่มั้ยคะว่า น้องรักคุณพี่แต่ที่ต้องไปหาคุณหญิงมณีก็เพราะถูกคุณพ่อบังคับ”
“พี่เข้าใจ ท่านพระยาอยู่ไหน” ขุนไวถามทันที
รำพึงตกใจ
“เอ่อ..คุณพ่อไปสะสางงานราชการน่ะค่ะ คุณพี่มีอะไรเหรอคะ”
“พี่จะคุยกับท่านพระยาให้รู้เรื่อง”
“อย่านะคะ...เอ่ออย่าเพิ่งเลยนะคะ”
“จะรออะไร รอให้ไอ้ขุนพิทักษ์มันยกขันหมากมาสู่ขอน้องรำพึงของพี่ซะก่อนอย่างนั้นเรอะ”
“คือ...น้องจะลองหว่านล้อมคุณพ่ออีกซักครั้ง ถ้าท่านอ่อนลง น้องจะรีบบอกให้คุณพี่มาเจรจาทันที เผื่อทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น ดีมั้ยคะ”
“ไม่ดีหรอก”
รำพึงสะดุ้ง
“พี่ไม่อยากช้า ปล่อยไว้จะไม่ได้การ”
รำพึงจนแต้ม เพราะไม่อยากให้ขุนไวจู่โจมพระยาเทวราช แต่อยากให้ขุนพิทักษ์มาสู่ขอให้เรียบร้อยก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที รำพึงตัดสินใจใช้มารยาหญิงยั่วใส่ เริ่มลูบไล้ใบหน้าขุนไว
“คุณพี่คะ...ถ้าความใจร้อนของคุณพี่จะทำให้น้องฝันสลาย ฝันที่จะได้อยู่กินกับคุณพี่...แล้วนี่น้องจะทำยังไงดี”
ขุนไวอ่อนลง มือไม้รำพึงยังลูบไล้ไปทั่ว
“มีทางไหนที่น้องจะทำให้ความร้อนของคุณพี่เบาลงได้บ้างมั้ยคะ”
รำพึงส่งสายตาเย้ายวน ขุนไวไฟลุกพรึ่บ ลืมเรื่องทุกอย่างหมด ก่อนถาโถมตัวใส่ รำพึงโล่งอกที่ดึงเวลาเกมนี้ออกไปได้อีกหน่อย
เย็นวันเดียวกัน ขุนพิทักษ์ทรุดลงข้างคุณหญิงมณี
“ลูกขอร้องนะขอรับคุณแม่ ขอให้คุณแม่เห็นใจลูกบ้าง ลูกรับปากว่าลูกจะตั้งใจรับราชการ สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลของเรา ขอพียงอย่างเดียว ขอให้ลูกได้อยู่กินกับคนที่ลูกรัก”
คุณหญิงมณีถอนใจ
“อย่างเดียวของเจ้านั่นแหละที่จะทำให้เจ้าต้องสูญเสียทุกๆอย่างที่เจ้าพูดมาทั้งหมด ไม่ว่าจะการรับราชการ หรือการสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล”
“คุณแม่...คุณแม่หมายความว่า”
“ใช่ ถึงยังไง ผู้หญิงที่เจ้าจะต้องแต่งงานด้วยก็คือหนูรำพึง”
“คุณแม่!”
“ผลแห่งการทำอะไรไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อนในที่สุดก็ต้องมาเดือดร้อนภายหลังอย่างนี้”
“แต่...ผม ผมไม่ได้...”
“ลูกผู้ชายนะขุนพิทักษ์ ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ในเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ารับ หากเราโยนความผิดให้ผู้หญิง แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ ผู้คนเขาจะก่นด่าเจ้าลับหลังว่าอย่างไรบ้าง หวังว่าเจ้าคงจะรู้ คาดเดาได้ไม่ยาก”
คุณหญิงพูดพลางถอนใจ เช่นเดียวกับขุนพิทักษ์ที่ถอนใจอย่างเคร่งเครียด
“พรุ่งนี้แม่จะไปขอฤกษ์จากพระ เจ้าควรจะไปกับ...”
ขุนพิทักษ์พูดทันที
“ไม่ขอรับ ลูกไม่ไป”
ขุนพิทักษ์ลุกพรวดออกไปทันที ปล่อยให้คุณหญิงมณีมองตามอย่างอ่อนใจ
“นังแจ่ม”
“เจ้าขา”
“เรื่องที่ข้าวานให้เจ้าไปคุยกับนังชุ่ม ว่าไง เรียบร้อยมั้ย”
“เจ้าค่ะ...เรียบร้อยเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีพยักหน้าหงึกๆบอก
“นังชุ่มเอ๋ย...น่าเวทนาจริงๆ”
ขุนพิทักษ์เดินดุ่มๆ มาอย่างหงุดหงิดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
“เห็นข้าเป็นอะไร ทำไมต้องมาบังคับจิตใจกันขนาดนี้ ... หึ้ย”
ขุนพิทักษ์ทุบมือเปรี้ยงลงกับพื้น ชุ่มเอื้อมมาจับมือขุนพิทักษ์
“เจ็บมั้ยเจ้าคะ”
“ชุ่ม”
ชุ่มกุมมือขุนพิทักษ์ไว้
“อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย ถ้าท่านเจ็บ ข้าก็เจ็บด้วย”
ขุนพิทักษ์อึ้ง
“และถ้าท่านมีความสุข ข้าก็มีความสุขด้วยเหมือนกัน”
“ชุ่ม...เจ้าพูดจาอะไรของเจ้า ที่เจ้าพูดหมายความว่ายังไง”
“แต่งงานกับคุณรำพึงเถอะ”
ขุนพิทักษ์ตกใจ
“ชุ่ม! เจ้าพูดอะไรออกมา นี่เจ้ายังสติดีอยู่รึเปล่า”
“ก็เพราะข้ามีสติน่ะสิ ข้าถึงอยากให้ท่านทำในสิ่งที่สมควร”
“ใคร ใครบังคับเจ้าให้มาพูดกับข้าแบบนี้ แม่ข้าใช่มั้ย”
ชุ่มหลบตาบอก
“ไม่ใช่...แต่ข้าอยากให้ท่านกตัญญูต่อคุณหญิง อย่าทำให้คุณหญิงต้องไม่สบายใจ ข้าเองก็เหมือนกัน ชีวิตนี้ถ้ามีอะไรที่จะแสดงความกตัญญูต่อคุณหญิงได้ ข้าก็ยินดี”
ขุนพิทักษ์อึ้งไป
“ชุ่ม...”
“ถึงท่านจะรักข้ามากแค่ไหน แต่ทาสอย่างข้าก็ไม่มีวาสนาจะคู่ควรกับท่าน ขอให้ข้าได้อยู่รับใช้ท่านอย่างเจียมตน เท่านี้..ข้าก็ยินดีแล้ว”
ขุนพิทักษ์อึ้งมองหน้าชุ่ม
“และข้าจะยิ่งดีใจ ถ้าได้เห็นท่านเจริญก้าวหน้าเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป ไม่ใช่ต้องมาตกต่ำ เพราะมีข้าเป็นตัวถ่วงความเจริญ”
“ชุ่ม”
ขุนพิทักษ์รวบตัวชุ่มมากอดแน่น ชุ่มพูดทั้งน้ำตาหยด โดยที่ขุนพิทักษ์มองไม่เห็นเพราะกอดอยู่
“แต่งงานกับคุณรำพึงเถอะนะ”
ขุนพิทักษ์เศร้าใจเหลือเกิน แต่ยังกอดชุ่มแน่น ชุ่มเศร้าใจยิ่งกว่า กลืนสะอื้นไว้แน่น มีแต่น้ำตาที่หยด
คืนนั้น ภายในห้องนอน รำพึงขัดถูผิวด้วยความรังเกียจขุนไวอย่างหงุดหงิด
“หึ้ยๆๆ”
“โชคดีนะเจ้าคะที่ขุนไวกลับไปก่อนท่านพระยาจะกลับมาพอดี๊ เฮ้อ! เส้นยาแดงผ่าแปด อกอีจวงจะระเบิด” รำพึงแว๊ดใส่
“อย่าเอ่ยชื่อไอ้ขุนไวให้ข้าได้ยินอีก..จะอ้วก!”
“เอ่อ...อ้าว...แต่ตะกี้คุณรำพึงเพิ่งจะ...”
“หุบปาก! หุบเองได้มั้ย หรือจะต้องให้ข้าช่วย”
จวงหุบปากแน่นทันที
บ่วงบาป ตอนที่ 7 (ต่อ)
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ หุบเองได้เจ้าค่ะ”
รำพึงเลิกขัดผิว จวงเข้าช่วยเช็ดถู ก่อนจะคันปากอีกจนได้
“คุณรำพึงเจ้าขา อย่าหาว่าจวงสาระแนเลยนะเจ้าคะ แต่จวงอยากรู้ตื้นลึกหนาบาง เพื่อจะคอยช่วยเหลือทูนหัวของบ่าว ตกลงคุณรำพึงจะแต่งงานกับใครแน่เจ้าคะ ระหว่าง ขุนพิทักษ์ กับขุนไว”
“เชอะ นี่น่ะเรอะยกข้าเป็นทูนหัว เรื่องแค่นี้เอ็งก็ยังเดาใจข้าไม่ออก มันน่าจับไปโบยให้หายโง่”
“ฮั่นแน่! หน้าอย่างนี้ เสียงอย่างนี้ มีรึจวงจะไม่รู้ใจ ร้อยเอาขี้หมากองเดียว..ขุนพิทักษ์ใช่มั้ยเจ้าคะ”
รำพึงยิ้ม แต่ไม่ตอบ จวงยิ้มหน้าบาน
“ใช่แน่ ต้องขุนพิทักษ์แน่ๆ ทูนหัวจะแต่งงานกับขุนพิทักษ์ แต่เมื่อตะกี้...ทำไม...”
รำพึงตวัดสายตาเฉียบพิฆาต
“หุบปากเจ้าค่ะ...หุบปาก ” จวงหุบปากแน่น
“ดีมาก ถ้ายังอยากมีเงาหัวก็จงหุบปากไว้ให้แน่น..นังจวง”
พูดจบ รำพึงก็เชิดหน้า นึกถึงขุนพิทักษ์ ตาวาวหวาน จวงอดสงสัยไม่ได้ รำพึงมองตัวเองในกระจก พูดลอยๆ กับตัวเอง
“สวยเลอเลิศขนาดนี้ ให้มันรู้ไปสิว่าข้าจะต้องพ่ายแพ้แก่นังชุ่ม นังทาสชั้นต่ำ”
เช้าวันใหม่ ที่กุฏิ หลวงตามั่นค่อยๆลืมตาขึ้น คุณหญิงมณีรีบถาม
“เห็นเป็นอย่างไรเจ้าคะ มีฤกษ์งามยามดีเมื่อไหร่บ้าง”
หลวงตามั่นยังนิ่ง
“หลวงพ่อเจ้าคะ”
หลวงตามั่นพูดอย่างมีมารยาท
“รออีกซักนิดไม่ได้เรอะ”
“อิฉันก็อยากจะให้เป็นอย่างนั้น แต่ดูเหมือนทุกอย่างมันเร่งรัดให้รอไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ”
หลวงตามั่นพยักหน้าน้อยๆบอก
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ทุกอย่างมันคงถูกกำหนดไว้แล้วจริงๆ”
“หลวงพ่อ” คุณหญิงมณีชักใจเสีย
“ฤกษ์ดีในที่นี้คงจะได้แก่ฤกษ์สะดวก หากโยมเห็นว่าสะดวกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ลำพังฤกษ์ผานาทีเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ ขอให้คิดดีปฏิบัติดีด้วย กิจนั้นจึงจะสำเร็จสมความปราถนา”
“เจ้าค่ะ อิฉันจะนำคติธรรมนี้ไปปฏิบัติให้เป็นผล”
คุณหญิงมณีก้มกราบ
“เจริญพร...โยม”
หลวงตามั่นมองอย่างเมตตา คุณหญิงมณีปลงและทำใจ
วันใหม่ จวงวิ่งเร็วจี๋มาเคาะประตูห้องรำพึงอย่างรัว
“คุณรำพึงเจ้าคะ เรื่องด่วนเจ้าค่ะ เปิดประตูเถอะเจ้าค่ะ ทูนหัวของบ่าว”
จวงจะเคาะประตูอีก รำพึงเปิดผลัวะ จวงชะงักกึก
“นังจวงใครตาย ญาติแกฝ่ายไหน”
จวงหอบแฮ่กๆ พลางยิ้มบอก
“ไม่เจ้าค่ะ ไม่เกี่ยวญาติจวง... แต่เกี่ยวกับทูนหัวของจวง”
“อย่ามายอกย้อน มีอะไรก็รีบว่ามา”
“คุณหญิงมณีเจ้าค่ะ คุณหญิงมณีมาขอพบท่านพระยา”
“เจ้าว่าไงนะ”
จวงยิ้มเผล่
“ที่สำคัญไม่ใช่คุณหญิงมณีคนเดียว...ท่านขุนพิทักษ์ก็มาด้วย”
รำพึงยิ้มแฉ่ง
“คุณพี่!”
รำพึงพรวดออกไป จวงหน้าเหวอ..
“อ้าว...บ่าวยังไม่ได้ชวนเลย ทูนหัวก็พุ่งไปซะแล้ว ฮิๆๆ เฮ่ย แล้วจะอยู่ทำไรละนังบ่าว”
จวงพุ่งออกไปตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
พระยาเทวราชนั่งอยู่กับคุณหญิงมณี ขุนพิทักษ์ มีแจ่มอยู่ใกล้ ๆ
“มาเร็วกว่าที่คิด นับว่าคุณหญิงมณียังเห็นข้าอยู่ในสายตา”
“พูดอะไรอย่างนั้นคะท่านพระยา ดิฉันเคราพในเกียรติของท่านเสมอ แล้วก็เห็นสมควรกับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“ได้ยินอย่างนี้ค่อยสบายใจ ว่าแต่ขุนพิทักษ์เถอะไหงทำหน้าตาแบกทุกข์ซะขนาดนั้น”
ขุนพิทักษ์ไม่รู้จะพูดอะไร รำพึงโผล่มากับจวงพอดี
“อ้าว..ลูกสาวข้ามานู่นแล้ว”
“กราบสวัสดีคุณหญิงป้า กราบสวัสดีคุณพี่ค่ะ”
“รำพึง...คุณหญิงมณีมาทาบทามสู่ขอเจ้าให้กับขุนพิทักษ์”
รำพึงหน้าบาน
“ป้าคิดว่าหนูรำพึงคงไม่มีอะไรขัดข้อง”
รำพึงไว้ตัวนิดนึงบอก
“สุดแล้วแต่คุณพ่อค่ะคุณหญิงป้า”
ขุนพิทักษ์แอบเซ็ง
“ในเมื่อทุกคนเห็นดีเห็นงาม ข้าก็เห็นดีด้วย ขุนพิทักษ์ ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียว ข้าหวังว่าเจ้าจะรักและดูแลลูกสาวข้าเป็นอย่างดี”
ขุนพิทักษ์นิ่ง รำพึงมอง
“ว่าไง”
คุณหญิงมณีมองขุนพิทักษ์
“ขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้จัดพิธีแต่งงานให้สมศักดิ์ศรีและรวดเร็วที่สุด”
ขุนพิทักษ์หน้าเศร้า รำพึงดีใจและสะใจที่สุด
ที่มุมหนึ่งในเรือนพระยาเทวราช รำพึงกราบเท้าพ่อ
“ลูกขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อที่รักและเมตตาลูกตลอดมา”
พระยาเทวราชหน้าเชิดบอก
“ข้าจำเป็นต้องรักษาเกียรติยศของข้าไว้ไม่ให้ป่นปี้เป็นครั้งที่ 2ต่างหาก”
รำพึงอึ้ง ก่อนจะสงบสติอารมณ์ แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“แต่...คุณพ่อคะ ถ้าขุนไวรู้เรื่องนี้เข้า”
จวงหูผึ่งทันที พระยาเทวราชคิดตาม รำพึงถอนใจแล้วพูดต่อ
“ถ้าขุนไวรู้ว่าลูกจะแต่งงานกับขุนพิทักษ์มีหวังขุนไวคงจะมาก่อเรื่องกลางงานให้ชาวบ้านได้ร่ำลือไปทั่วแน่ๆ”
พระยาเทวราชเห็นด้วย
“อืม...คนอย่างขุนไวก็เลือดร้อนไม่ใช่เล่น”
“โธ่! แล้วอย่างนี้เกียรติยศศักดิ์ศรีของคุณพ่อต้องมาป่นปี้เพราะขุนไวเหรอคะเนี่ย”
“ไม่ต้องมาทำเป็นห่วง ก็เพราะเจ้านั่นล่ะ ไม่คิดรักศักดิ์ศรี เรื่องราวมันถึงวุ่นวายแบบนี้ เลือดแม่มันแรงจริง ๆ”
รำพึงโกรธวาบ แต่ทนเก็บไว้
“คุณพ่อจะทำอย่างไรกับขุนไวคะ”
“ข้าคิดไว้แล้ว ถ้าข้าไม่เฉลียวฉลาด ข้าคงไม่ได้เป็นถึงพระยาเทวราชหรอก”
รำพึงเบื่อจะฟังแต่จำต้องยิ้มแย้มเยินยอ
“ค่ะ..คุณพ่อของลูกเก่งกาจเกินจะหาใครมาเทียบได้”
พระยาเทวราชเมินหน้าไปแล้วคิดถึงขุนไว รำพึงสีหน้าบอกว่า จะรอดู
รำพึงเปิดประตูห้องนอนพรวดเข้ามาแล้วปิดปัง! ด้วยความแค้น
“เก่งนักเหรอ กดขี่แม่ข้า แล้วยังลงมือฆ่าแม่ของข้าได้ลงคอ อย่างนี้เค้าเรียกว่าเก่งเหรอท่านพ่อ คนเก่งจริงน่ะเค้าไม่ต้องไปไล่ฆ่าใครให้เหนื่อยหรอกค่ะ เพียงแต่นั่งรอ นอนรอ รอดูไอ้พวกไม่เก่งจริงมันฆ่ากันเอง”
รำพึงค่อยๆ นั่งอย่างสบายใจบนเตียง รำพึงยิ้มสะใจ
ผ่านเวลามา หลายวัน ขุนไวอ่าน จ.ม. คำสั่งแล้วงง
“นี่มันอะไรกัน จู่ๆ ก็มีคำสั่งให้ข้าไปตรวจราชการที่นอกเมืองพรุ่งนี้โดยไม่มีกำหนดกลับ มีใครได้รับคำสั่งนี้อีกบ้างนอกจากข้า”
“ไม่มีขอรับ มีท่านขุนไวเพียงคนเดียว”
“ไม่น่าจะปกติ มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ”
ในเวลาต่อมา พระยาเทวราชเสียงเขียวใส่
“เจ้าพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ขุนไว”
ขุนไวอึ้งไปนิดก่อนจะลุย
“จู่ๆ ก็มีคำสั่งให้กระผมไปตรวจราชการที่นอกเมืองโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย กระผมก็เลย...”
พระยาเทวราชลั่น
“ไม่มีปี่มีขลุ่ย นี่เจ้ากำลังตำหนิคำสั่งของข้าว่าไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างนั้นเรอะขุนไว”
“กระผมมิบังอาจ”
“มิบังอาจ แค่เจ้าบุกมาโวยวายใส่ข้าแค่นี้ มันก็บังอาจมากแล้วขุนไว”
“กระผมเพียงแต่มีข้อข้องใจว่า ทำไมถึงต้องเป็นกระผม ทำไมถึงไม่ใช่ขุนพิทักษ์”
พระยาเทวราชสวน
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นขุนพิทักษ์ ทำไมถึงจะเป็นเจ้าไม่ได้ห๊า...ขุนไว”
ขุนไวอึ้ง
“รอให้ข้าตายก่อนนะขุนไว แล้วเจ้าค่อยเป็นผู้ออกคำสั่ง ถึงเวลานั้น ถ้าเจ้าอยากจะสั่งอะไร อยากจะให้ใครทำอะไรตามแต่ใจเจ้าก็เชิญตามสบาย แต่เวลานี้..มันไม่ใช่ เจ้าต้องเป็นฝ่ายฟังคำสั่งของข้าแต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น”
พระยาเทวราชโกรธ ลุกเดินพรวดออกไป ฝ่ายขุนไวทั้งอึ้ง ทั้งโกรธ มองตามพระยาเทวราชที่เดินออกไป รำพึงแอบมองอยู่มุมหนึ่งอย่างสมใจมาก
ในเวลาต่อมา ขุนไวฟันดาบระบายอารมณ์กับลูกน้องอย่างหนัก เหงื่อโทรมกาย ขุนไวซัดซะลูกน้องคนหนึ่งหมดสภาพ เงื้อมือจะฟันจริงๆ
ลูกน้องยกมือไหว้
“ท่านขุน ไว้ชีวิตข้าเถอะขอรับท่านขุน”
ขุนไวเงื้อดาบค้าง ได้สติ ก่อนจะโมโหลงดาบฟรึ่บ ขณะที่ลูกน้องแหกปากร้องลั่นด้วยความกลัว
“อย่า!”
ต้นกล้วยใกล้ๆ นั้นขาด 2 ท่อน ลูกน้องค่อยๆ ลืมตา ชีวิตยังอยู่แต่ฉี่ราด
ขุนไวยืนหอบยืนคิดอยู่ด้วยความโกรธ ลูกน้องที่เหลือรีบเข้ามาหิ้วปีกลูกน้องคนที่หนึ่งออกไป
“รอให้ข้าตายก่อนนะขุนไว แล้วเจ้าค่อยเป็นผู้ออกคำสั่ง ถึงเวลานั้นถ้าเจ้าอยากจะสั่งอะไร อยากจะให้ใครทำอะไรตามแต่ใจเจ้าก็เชิญตามสบาย”
“ขอบคุณท่านพระยาที่ชี้แนะ!”
วันใหม่ เวลากลางวัน บริเวณมุมทำงานแถวเรือนทาส ชุ่มและทาสทุกคนนั่งทำงานกระจุกกระจิก บางกลุ่มก็มองๆ ชุ่มแล้วแอบเมาท์แล้วส่ายหน้า
“นังชุ่มนะนังชุ่ม ไม่เจียมกะลาหัวก็เงี้ย อยู่ก้นครัวดีๆ ไม่ชอบ สะเออะจะขึ้นวอ เฮ้อ สุดท้ายกลายเป็นคางคกตกวอซะยังงั้น”
สมเข้ามาได้ยินพอดี ทิ้งกระจาดข้าวของ โครม วงแตก
“เอ็งว่าใครนังผ่อง”
ทาสทำเนียน
“ปะ...ปะ...เปล่า ว่าใคร้ ว่าใคร ข้าเปล่าว่า”
“ตอแหล! ข้าได้ยินเต็ม 2 หู ต่อไปอย่านินทาว่าน้องสาวข้าอีก อีชุ่มมันไม่เคยอยากขึ้นวอ มีแต่คนอื่นที่อยากจะมาพามันขึ้นไป จำไว้!”
ชุ่มปรี่มาหาสม
“อะไรกันน่ะพี่สม”
สมหันมามองน้องสาวอย่างเวทนา ชุ่มมองหน้าพี่ชาย
ในเวลาต่อมา อีกมุมหนึ่ง ชุ่มกับสมยกข้าวของเดินคุยกันมา
“พี่สมนี่ก็ไม่น่าไปว่าพี่ผ่อง...สงสารเค้า”
“จะสงสารมันทำไม มันนินทาเอ็ง ข้าได้ยินเต็มหู ข้าทนไม่ได้หรอกนังชุ่ม เอ็งมันน้องสาวข้านะเว๊ย! น้องสาวข้า ข้ารักของข้า”
ชุ่มอึ้ง ชะงักกึก มองหน้าพี่ชายอย่างซึ้งใจ
“พี่สม...”
“อะไร เป็นพี่น้องกัน จะไม่ให้รักกันรึไงวะ”
ชุ่มยิ้มน้ำตาซึม
“รักสิ...ต้องรักสิ...ฉันก็รักพี่ชายของฉันมาก”
ชุ่มโผกอดสม สมอึ้ง
“ขอบใจนะพี่สม ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นน้องสาวพี่สม”
สมถอนใจ ค่อยๆ ลูบหัวน้อง
“แต่ข้าเสียใจว่ะ...เสียใจที่ข้าไม่ได้มีวาสนาเกิดมาเป็นขุนน้ำขุนนางกับเค้าบ้าง เอ็งจะได้มีศักดิ์มีศรีเป็นน้องสาวท่านขุนไม่ต้องโดนผู้คนมันย่ำยีอย่างนี้”
ชุ่มซึ้งแต่ก็อดยิ้มไม่ได้
“พี่สม คนเราไม่จำเป็นต้องเกิดมาเป็นขุนน้ำขุนนางหรอกถึงจะมีศักดิ์ศรี เกิดเป็นทาสอย่างเรามันก็มีศักดิ์ศรีได้เหมือนกัน หรือพี่ว่าไม่จริง”
“อืม ข้าก็ขอให้เอ็งรักศักดิ์ศรีของเอ็งไว้ อย่าปล่อยให้ใครมันย่ำยี”
ชุ่มหลบตา สมลูบผมน้อง
“ข้ารู้ว่าเอ็งเจ็บปวดเสียใจ แต่ก็อดทนไว้นะ เจ็บได้ก็หายได้”
ชุ่มสะอื้นโผกอดพี่ชาย สมสงสารน้อง ซักพักชุ่มชะงักมองเห็นขุนพิทักษ์เข้ามาก็สะดุ้ง สมแปลกใจหันมองเห็นขุนพิทักษ์ก็ไม่พอใจเท่าไหร่เลยรีบกันท่า
“ท่านขุนมีอะไรให้กระผมรับใช้”
“ข้ามีเรื่องจะคุยกับชุ่ม”
“เรื่องอะไรขอรับ”
“ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง”
“แต่...”
“พี่สม”
“งั้นก็คุยไป ข้าจะนั่งรอตรงนี้” สมทรุดนั่งยองๆ
“เออ..งั้นก็นั่งไป ข้าจะไปคุยตรงโน้น”
พูดจบขุนพิทักษ์ก็คว้าข้อมือชุ่มกระชากตัวปลิวไปอีกทาง
“ว๊าย!”
“เฮ้ย!” สมจะลุกขึ้นแต่ขุนพิทักษ์ชี้หน้าให้หยุด สมหงุดหงิด “โธ่เว๊ย”
สมเจ็บใจ
ขุนพิทักษ์จับมือชุ่มเดินต่อเนื่องมาแถวมุมสวยในบริเวณเรือน ชุ่มเบรกไว้
“ปล่อยข้าได้แล้ว”
ชุ่มกระชากมือหลุด หน้าตามึนตึง
“เอ็งโกรธอะไรข้าเหรอชุ่ม”
“เปล่า...ข้าจะไปบังอาจโกรธอะไรท่าน”
ขุนพิทักษ์รวบตัวชุ่มมากอดแล้วมองหน้า
“ข้ารักเอ็งจริงๆ นะชุ่ม ข้าควรจะเป็นฝ่ายโกรธเอ็งมากกว่าที่ผลักใสไล่ส่งข้าให้แต่งงานกับน้องรำพึง”
ชุ่มมองอึ้ง
“ข้าบอกอย่างไม่อาย ข้าแอบสงสัยว่า….หรือจริงๆ แล้ว เอ็งจะไม่รักข้า”
ชุ่มรีบบอกประสาซื่อ
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ยิ้มบอก
“เอ็งรักข้า!”
“ท่านขุน...ท่านเจ้าเล่ห์”
“ได้ยินแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว”
ขุนพิทักษฺดึงชุ่มมากอดแล้วพูดต่อ
“ชุ่ม เอ็งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ข้ารัก ต่อให้ข้าต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกเป็นร้อยเป็นพัน แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ข้ารักก็คือเอ็ง”
ชุ่มชื่นใจ สองคนกอดกัน
“เจ้าค่ะ...ข้าจะจำไว้”
บนเรือน คุณหญิงมณีนั่งให้แจ่มบีบนวด
“เฮ้อ! นึกแล้วก็เวทนานังชุ่มมันนะ ต้องฝืนใจบอกผู้ชายที่ตัวมันรักให้ไปแต่งงานกับหญิงอื่น”
แจ่มตกใจ ยกมือไหว้ปะหลกๆ
“คุณหญิงเจ้าขา อภัยนังชุ่มมันเถอะนะเจ้าคะ ที่มันไม่เจียมกะลาหัว บังอาจไปตีเสมอเจ้านาย”
“นังแจ่ม! หูตึงแล้วนะเอ็ง ข้าก็พูดออกจะชัดว่า ข้าเวทนามัน ข้านี่ก็ใจร้ายเหลือเกิน สั่งให้เอ็งไปพูดกับมัน ให้มันเกลี้ยกล่อมให้พ่อพิทักษ์แต่งงานกับแม่รำพึง”
“คุณหญิงเจ้าขา มันเป็นเรื่องสมควรแล้วล่ะเจ้าค่ะ เจ้านายก็ต้องคู่ควรกับเจ้านาย อีกอย่างไม่ว่าเจ้านายต้องการอะไร บ่าวทาสทั้งหลายก็ต้องสนองนาย”
“เอ็งนี่มันจงรักภักดีต่อข้าจริงๆ นังชุ่มหลานเอ็งมันก็คงได้เลือดเอ็งมาสินะ เลือดใคร..มันก็อย่างคนนั้นจริงๆ”
“คุณป้าเจ้าขา”
คุณหญิงมณีหันตามเสียง
“อ้าว...หนูรำพึง”
รำพึงเข้ามากับจวงและยกมือไหว้
“กราบคุณป้าเจ้าค่ะ”
“จ้ะ...คุณพระคุ้มครองเถอะจ้ะ”
รำพึงหยิบห่อของจากจวง
“เจ้าคุณพ่อฝากขนมฝรั่งมาให้คุณป้าเจ้าค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ ฝากขอบคุณท่านเจ้าคุณด้วยนะ”
รำพึงลอบมอง
“พ่อพิทักษ์ไม่ได้อยู่บนเรือน เห็นว่าจะออกไปเดินเล่นแถวๆ นี้”
รำพึงแอบอายที่โดนจับได้
“อ๋อ...เจ้าค่ะ”
จวงสาระแนแทนนาย
“ไปแวะหาก่อนจะกลับซักหน่อยดีมั้ยเจ้าคะคุณรำพึง”
รำพึงทำเป็นเอ็ดเบาๆ
“นังจวง...ไม่งาม”
คุณหญิงมณีจำใจบอกตามมารยาท
“มาทั้งทีแล้วก็แวะหาพ่อพิทักษ์เค้าซะหน่อยสิจ๊ะ”
รำพึงทำท่างดงาม ยิ้มหวาน จวงแอบยิ้ม
“เจ้าค่ะ...คุณป้า”
ขุนพิทักษ์เอาดอกไม้เล็กๆ แซมผมให้ชุ่มพลางมองๆ แล้วดึงออก
“อ้าว!ทำไมล่ะเจ้าคะ”
“เอาออกเถอะ ไม่สวย”
ชุ่มหน้างอ
“เจ้าค่ะ...ข้ารู้ตัวดี”
ขุนพิทักษ์ยิ้ม
“ดอกไม้มันก็สวยอยู่ แต่พอต้องมาเทียบกับเจ้า ดอกไม้ก็หมองไปเลย สวยสู้เจ้าไม่ได้”
“ท่านขุน...”
เสียงรำพึงเรียกดังเข้ามา
“คุณพี่!”
ขุนพิทักษ์กับชุ่ม ต่างชะงักหัน
รำพึงเดินตาวาวเข้ามาเลย
“น้องรำพึง!”
“ค่ะ น้องเอง คุณพี่มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ไม่ทราบคะ”
“คือ...”
“คนอย่างคุณพี่ควรจะขึ้นไปอยู่ข้างบนเรือนกับน้อง กับคุณป้า ไม่ใช่ลงมาอยู่ข้างล่างกับนังทาสแบบนี้”
“พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับชุ่ม”
บ่วงบาป ตอนที่ 7 (ต่อ)
“เรื่องสำคัญ ว่าที่สามีของน้องมีเรื่องสำคัญจะคุยกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ยิ่งไปกว่านั้น..มันยังเป็นนังทาสชั้นต่ำอีกด้วย”
“แล้วยังไง นังชุ่มมันเป็นทาสชั้นต่ำแล้วยังไง”
“จะแล้วยังไง คุณพี่ก็ไม่ควรลดตัวลงมายุ่งกับมัน”
“น้องรำพึงเองก็ควรจะกลับขึ้นไปอยู่บนเรือนโน่นเหมือนกัน จะลงมาทำไมให้ต่ำ”
“คุณพี่!”
“พี่ไม่เคยคำนึงถึงเรื่องสูงหรือต่ำ เพราะฉนั้น พี่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ทำให้พี่มีความสุข ไม่ว่ามันจะสูงหรือต่ำ ที่สำคัญ...มันต้องเป็นที่ๆ พี่มีความสุข”
รำพึงหันขวับ
“คุณพี่! นังชุ่ม ข้าจะไปฟ้องคุณป้า”
“ฝากฟ้องคุณแม่ด้วยว่า ข้ารักชุ่ม”
รำพึงกรี๊ดลั่น
“คุณพี่!”
“ท่านขุน” ชุ่มปราม
รำพึงโกรธมาก
“ได้! คุณพี่จะรักใครก็เชิญรักไป แต่ถึงยังไง...ผู้หญิงที่คุณพี่จะต้องแต่งงานด้วยก็คือน้อง น้องเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ทั้ง 3 คนคนจ้องตาจ้องหน้ากันระทึก
“นังจวง!” รำพึงเรียก
“เจ้าขา”
“กลับ”
รำพึงสะบัดออก จวงรีบตามไป
“ทำไมท่านขุนถึงพูดกับคุณรำพึงอย่างนั้นเจ้าคะ คุณรำพึงจะต้องโกรธมาก” ชุ่มว่า
“โกรธก็ช่าง”
“ท่านขุน...เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ”
“ใหญ่ก็ช่าง!”
“ท่านขุน”
“ก็ข้าพูดเรื่องจริง ข้ารักเจ้าคนเดียว”
ชุ่มอ่อนใจ
“ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์รวบตัวชุ่มมากอดไว้ ขณะที่ชุ่มหนักใจ
รำพึงก้าวพรวดๆ ๆ เข้ามาในเรือน น้ำตานองหน้า
“คุณป้าเจ้าขา...คุณป้า”
รำพึงโผเกาะขาคุณหญิงมณี
คุณหญิงมณีตกใจถาม
“เกิดอะไรขึ้น หนูรำพึง เกิดอะไรขึ้น”
รำพึงสะอื้นไห้
“คุณพี่ค่ะ...คุณพี่พิทักษ์”
“พ่อพิทักษ์ ทำอะไรหนูรำพึง”
“คุณพี่พิทักษ์ไม่ให้เกียรติรำพึง คุณพี่แอบไปพลอดรักกับนังชุ่ม”
“ห๊า”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะเจ้าคะ ท่านขุนยังพูดใส่หน้าคุณรำพึงว่า ข้ารักชุ่ม อีกด้วยเจ้าค่ะ” จวงบอก
คุณหญิงมณีถอนใจแล้วอุทาน
“ห๊า พ่อพิทักษ์”
“คุณป้าต้องจัดการให้รำพึงนะคะ หากเรื่องนี้รู้ถึงหูเจ้าคุณพ่อล่ะก็...”
รำพึงแสร้งปล่อยโฮสะอื้นไห้ คุณหญิงเหมือนถูกขู่ แต่เก็บอาการ
“ป้ารักความยุติธรรม แล้วก็รู้ดีว่าอะไรควร ไม่ควร เพราะฉะนั้น ขอให้หนูรำพึงอย่ากังวลเรื่องนี้”
รำพึงแอบอึ้ง แต่ก็ก้มกราบ
“กราบขอบพระคุณคุณป้าที่กรุณาต่อรำพึงเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีถอนใจอย่างเซ็งๆ รำพึงรูสึกว่าเป็นผู้ชนะ
เรือนพระยาเทวราชยามค่ำ ภายในห้องนอน รำพึงตาวาว เพ่งมองใบหน้าสวยของตัวเองในกระจกอย่างพึงใจก่อนกัดฟันถาม
“ผู้หญิงที่งามไม่มีที่ติอย่างข้า มีอะไรที่ด้อยกว่านังทาสชั้นต่ำอย่างนังชุ่มบ้างห๊า...นังจวง”
“ตายจริง! ทูนหัวของบ่าว นึกยังไงถึงได้เอาตัวไปเปรียบเทียบกับสวะอย่างนังชุ่มเจ้าคะ”
“ก็สวะอย่างนังชุ่มนั่นน่ะที่คุณพี่พิทักษ์ถึงกับยอมลดตัวไปเกลือกกลั้ว ของสวยงาม หอมหวานอย่างข้ากลับไม่กิน ดันเลือกจะกินสวะ”
“นั่นสิเจ้าคะ! คนอะไร...ประหลาดจริงๆ”
“นังจวง!”
จวงสะดุ้งขาน
“เจ้าขา”
“ข้าถาม เอ็งยังไม่ได้ตอบ ตกลงข้ามีอะไรที่ด้อยกว่านังชุ่ม”
จวงตอบทันที
“ไม่มีเจ้าค่ะ! ทูนหัวของบ่าวงดงามหาที่ติมิได้ ทั้งสวยกว่า ขาวกว่า งามสง่า รูปร่างหน้าตากินขาด ที่สำคัญ เกิดมาในชาติตระกูลสูงส่ง สิริรวมแล้วเหนือกว่าทุกข้อเจ้าค่ะ”
รำพึงยิ้มพอใจก่อนจะปรี๊ด
“แต่ทำไมคุณพี่ถึงไม่รักข้า”
“โอย...ไม่จริงเจ้าค่ะ ใครๆ ก็รุมรักรุมแย่งทูนหัวของบ่าวกันทั้งนั้น ทั้งท่านขุนพิทักษ์ ทั้งท่านขุนไว”
“แต่วันนี้เอ็งก็เห็นอยู่ว่าคุณพี่พิทักษ์รักนังชุ่มมากกว่าข้า”
จวงอึ้งไป
“นั่นน่ะสิ เอ๊ย!...ไม่ใช่เจ้าค่ะ จวงหมายถึงว่า..มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล หรือว่า...นังชุ่มมันจะเล่นของ”
“เล่นของ”
“เจ้าค่ะ...น้ำหน้าอย่างมันถ้าไม่เล่นของ มีรึท่านขุนพิทักษ์จะรักมันลง...แหวะ”
รำพึงคิดแล้วบอก
“นังจวง!”
“เจ้าขา”
“เอ็งต้องจับตานังชุ่มไว้ให้ดี สืบด้วยว่ามันเล่นของจริงรึเปล่า ได้เรื่องยังไงต้องรีบมารายงานข้า”
“เจ้าค่ะ! จวงจะรีบเจ้าค่ะ”
รำพึงตาวาว
“นังชุ่ม!”
คืนนั้น ที่เรือนทาส ชุ่มก้มลงกระซิบขุนพิทักษ์ที่นอนหลับอยู่
“ท่านขุน ท่านขุน ตื่นเถอะเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์รู้สึกตัวตื่นก็รวบตัวกอดชุ่มแน่น
“อะไรกัน...เจ้านี่ กวนใจข้าซะจริง อย่างนี้ต้องลงโทษให้หนัก”
ขุนพิทักษ์จะจูบ ชุ่มเบี่ยงตัว
“พอเถอะเจ้าค่ะ ดึกแล้ว ท่านไม่ควรจะอยู่ที่นี่แล้วนะเจ้าคะ”
“ทำไม ข้าจะอยู่จนเช้าเลย ใครจะทำไม”
“พรุ่งนี้เช้า...เป็นพิธีแต่งงานของท่านขุนกับคุณรำพึงนะเจ้าคะ”
ต่างคนต่างอึ้งไป ซักพักขุนพิทักษ์รวบตัวชุ่มมากอดไว้
“ไม่ต้องห่วงนะชุ่ม ไม่ว่าตัวข้าจะอยู่กับใคร แต่หัวใจข้าจะอยู่กับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ชุ่มนิ่งอย่างเจียมตน ข่มความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ภายในอก
เวลาต่อเนื่องกัน ขุนพิทักษ์เดินขึ้นเรือนมา
“ไปไหนมา”
ขุนพิทักษ์ชะงักหันไปเห็นคุณหญิงมณียืนอยู่กับแจ่ม
“ดึกดื่นป่านนี้ยังมีแก่ใจจะไปไหนต่อไหน ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นพิธีแต่งงานของลูกแล้วงั้นเหรอพ่อพิทักษ์”
“ลูกยอมแต่งงานกับน้องรำพึง ยังไม่เพียงพออีกเหรอขอรับคุณแม่”
“พ่อพิทักษ์...จากนี้ไป หากจะพูดจะจาอะไรกับหนูรำพึงก็ขอให้คำนึงถึงจิตใจเขาบ้าง อย่างไรซะเขากำลังจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของเราแล้ว”
ขุนพิทักษ์นึกได้
“รำพึงมาฟ้องคุณแม่ แต่ลูกพูดเรื่องจริงว่าลูกรักชุ่ม คุณแม่อยากให้ลูกพูดโกหกเหรอขอรับ”
คุณหญิงมณีอึ้งและหนักใจ
“จริงอยู่ การพูดโกหกไม่ใช่สิ่งดี แต่บางครั้งถ้าความจริงที่เราพูดแล้วมันไปกระทบใจ ทำร้ายจิตใจคนฟังเขา เราก็น่าจะเก็บเอาไว้ในใจ ไม่ต้องพูดออกไปก็ได้”
“แต่ลูกอยากพูดให้น้องรำพึงรู้ จะได้เลิกวุ่นวายกับชุ่มซะที”
“ถ้ามันจะช่วยให้เลิกวุ่นวายได้จริงๆ แม่ก็จะไม่ขัดพ่อพิทักษ์เลยสักนิด”
ขุนพิทักษ์อึ้งไปก่อนจะโวย
“ลูกไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลยจริงๆ ทำไมชอบทำตัววุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น อยากแต่งก็ยอมแต่งให้แล้ว ยังจะมาเซ้าซี้ไม่เลิกรา”
คุณหญิงมณีปรามขุนพิทักษ์
“ลูกพูดอย่างนั้นมันก็ไม่ถูก ลูกเป็นผู้เริ่มผูกบ่วงนี้ ลูกก็ต้องเป็นผู้แก้ และถ้าแก้ไม่ได้มันก็จะผูกรัดลูกเรื่อยไป พระท่านถึงว่าใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น”
ขุนพิทักษ์เซ็ง
“คุณแม่...แค่นึกถึงวันพรุ่งนี้ที่ลูกจะต้องแต่งงานกับคนที่คุณแม่อยากให้แต่ง ลูกก็ทรมานจะแย่ อย่าให้ลูกต้องฟังเทศน์จากคุณแม่เป็นของแถมอีกเลยนะขอรับ”
พูดจบก็เดินออกไปเลย
คุณหญิงมณีถอนใจ
“เฮ้อ! ดูสิ...ลูกชายข้า! ดูท่าข้าจะได้เวียนหัวไม่รู้จบซะแล้วละมั๊ง...นังแจ่มเอ๋ย”
แจ่มทำหน้าแหย คุณหญิงมณีกลุ้ม
ชุ่มนั่งเศร้าอยู่ที่เรือนทาส คิดถึง... พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ขุนพิทักษ์จะแต่งงานกับรำพึง
บรรยากาศงานแต่งงานที่เรือนพระยาเทวราชในยามเช้า ขบวนขันหมากแห่มาสู่ขอเจ้าสาว ผู้คนแขกเหรื่อยิ้มแย้มยินดี แต่สีหน้าขุนพิทักษ์ไร้อารมณ์ บนเรือน พระยาเทวราชอยู่กับคุณหญิงมณี มีขุนพิทักษ์อยู่ใกล้ๆ
พระยาเทวราชบ่นๆ
“ป่านนี้ทำไมรำพึงยังไม่ออกมา”
“เจ้าสาวมาแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงแจ่มดังขึ้น ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว ‘รำพึง’ สวยราวกับนางฟ้าก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ โดยมีจวงเสนอหน้าภูมิใจอยู่ข้างๆ ขุนพิทักษ์มองจ้องเหมือนจะตะลึง รำพึงเชิดหน้าหมายจะสะกดขุนพิทักษ์อยู่หมัด แต่ว่าที่สามีกลับเฉยเมย เมินซะอย่างนั้น รำพึงอึ้ง เสียฟอร์มสุดๆ
“พ่อพิทักษ์...ไปรับน้องมาสิลูก”
ขุนพิทักษ์จำใจเดินไปหารำพึง รำพึงจ้องหน้าอย่างโกรธ&น้อยใจ ขุนพิทักษ์ยื่นมือให้ รำพึงกำลังจะยื่นมือให้ขุนพิทักษ์ เสียงขุนไวดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ทุกคนตกใจ หันไปมอง รำพึงตะลึงคิดไม่ถึง
“ขุนไว”
“ไอ้พิทักษ์ เอ็งไม่มีสิทธิ์แตะต้องน้องรำพึง”
ขุนไวปรี่จะเข้ามาหารำพึง พระยาเทวราชรีบออกคำสั่ง
“จับมัน! จับขุนไวไว้เดี๋ยวนี้”
ลูกน้องกรูเข้าล็อกขุนไว
“ปล่อย! ! พระยาเทวราช ปล่อยกระผม! ปล่อยข้า”
“บังอาจ! จ้าเป็นใครบังอาจมาออกคำสั่งกับข้า”
“ไอ้พิทักษ์จะแต่งงานกับน้องรำพึงไม่ได้เพราะน้องรำพึง...”
“หุบปาก!ถ้าเจ้ายังบังอาจพูดจาพล่อยๆ ข้าจะสั่งกุดหัวเจ้าเดี๋ยวนี้”
ขุนไวอึ้ง
“นี่ยังไม่รวมความผิดที่เจ้าขัดคำสั่งข้า เวลานี้เจ้าควรจะต้องไปประจำราชการที่ต่างเมืองตามที่ข้าสั่ง แต่เจ้าบังอาจขัดขืนแถมยังบุกมาอาละวาดในงานมงคลถึงบนเรือนของข้า”
“เพราะเหตุนี้ใช่มั้ย เพราะงานมงคลนี้ใช่มั้ย ท่านถึงได้มีคำสั่งย้ายข้าไปต่างเมือง ท่านมัน...”
พระยาเทวราชแทรกลั่นขึ้นมาทันที
“จับมันไปโบยแล้วคุมตัวไปส่งให้ถึงต่างเมือง อย่าให้กลับมาจนกว่าจะมีคำสั่งข้า!”
ลูกน้องลากตัวขุนไวออกไปทันที
“ไม่! ปล่อยข้า น้องรำพึง..พี่จะต้องมาช่วยน้องรำพึง! ปล่อยข้า! พระยาเทวราช ปล่อยข้า”
รำพึงเก็กหน้าตกใจสุดฤทธิ์ทั้งที่หวั่นใจกลัววิวาห์จะล่ม ขณะที่ขุนพิทักษ์ยิ่งรู้สึกไม่พอใจในตัวรำพึง และไม่อยากแต่งงานอย่างแรง คุณหญิงมณีก็รู้สึกแปลกๆ แขกเหรื่อวิจารณ์กันอื้ออึง พระยาเทวราชประกาศ
“ทุกอย่างเรียบร้อย ขอให้เริ่มพิธีได้ ณ บัดนี้”
รำพึงยิ้มพอใจ ขุนพิทักษ์มองรำพึงแล้วเมิน รำพึงหน้ามึน
งานแต่งงานระหว่างรำพึง และขุนพิทักษ์เป็นไปตามขั้นตอน
ชุ่มนั่งเศร้าเหงาอยู่ที่เรือนทาส สมลอบมองน้องสาว
ขุนไวถูกจับโบยหลังอย่างน่าสงสารจนสลบไป
สุดท้ายสมเดินเข้ามาปลอบน้อง
“ชุ่มเอ๋ย..เกิดเป็นกา อย่าริจะไปอยู่ในฝูงหงส์ เกิดเป็นอีกาก็จงอยู่อย่างอีกาเถอะนะ..น้องพี่!”
ชุ่มสะอื้นโฮๆ ในอ้อมกอดของพี่ชาย
ที่เรือนหอ ขุนพิทักษ์ รำพึงก้มลงกราบเท้าพระยาเทวราช
“ข้ายกลูกสาวข้าให้เจ้าแล้ว เจ้าต้องรักและดูแลรำพึงลูกสาวข้า อย่าให้มีสิ่งใดกระทบใจให้ขุ่นมัว มิฉะนั้น ผลมันจะเป็นอย่างไร เจ้าคงรู้ดีนะขุนพิทักษ์”
รำพึงยิ้มมุมปาก ขุนพิทักษ์ไม่พอใจคำขู่จึงไม่รับปากใดๆ
“รำพึง! เจ้าเองก็เช่นกัน เกิดเป็นหญิงพึงรักศักดิ์ศรี จงอย่าทำสิ่งใดให้ตระกูลของเราต้องเสื่อมเสียเหมือนที่...”
พระยาเทวราชชะงักไม่พูดต่อว่าเหมือนแม่รำพึงเคยทำไว้ รำพึงอึ้ง ไม่พอใจอย่างแรง
“ลูกขอขอบพระคุณเจ้าคุณพ่อเจ้าค่ะ”
“แม่ก็ขอให้ลูกทั้งสองรักและครองเรือนกันอย่างมีความสุขนะลูกนะ”
ทั้งสองคนกราบเท้าคุณหญิงมณี ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจะออกจากห้อง คุณหญิงมณีนึกได้
“จริงสิ...แม่เกือบลืมเรื่องสำคัญ คืนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องอยู่ด้วยกันในห้องหอ ห้ามใครออกจากห้องเด็ดขาดจนกว่าจะรุ่งเช้า!”
รำพึงชอบใจแต่หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อหันไปเจอขุนพิทักษ์วางสีหน้านิ่ง
“เอาล่ะ...ข้าจะไปพักแล้ว”
“แม่ไปก่อนนะ”
ขุนพิทักษ์และรำพึงต่างยกมือไหว้
“ขอรับ / ค่ะ”
ผู้ใหญ่ออกจากห้องไป เหลือรำพึงกับขุนพิทักษ์ รำพึงทำเป็นน้อยใจ!
“น่าน้อยใจเหลือเกิน วันแต่งงานของเราแท้ๆ แต่คุณพี่กลับมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อย ทั้งที่ควรจะมีความสุข”
“พี่ดีใจที่น้องรำพึงรู้ว่าพี่ไม่มีความสุข”
“คุณพี่!”
ขุนพิทักษ์จ้องตารำพึง
“ไหนยังจะเรื่องไอ้ไวที่จู่ๆ มันก็โผล่มา”
รำพึงอึ้งไปทันที เปลี่ยนอาการจะวีนกลายเป็นหวานฉ่ำเดินเข้าหา
“โธ่...ที่แท้ก็เรื่องนั้น คุณพี่น่าจะทราบดีอยู่นี่คะว่าขุนไวแอบหลงรักน้องอยู่ข้างเดียว และก็รักมากขนาดไหน เมื่อรู้ว่าคุณพี่เป็นผู้ชนะ ได้แต่งงานกับน้อง มีรึที่คนขี้อิจฉาอย่างขุนไวจะไม่โผล่มาอาละวาดในงานของเรา”
ขุนพิทักษ์จ้องรำพึงที่รีบรวบรัด พุ่งเข้ามาลูบไล้
“ถ้าคุณพี่จะโทษว่าเป็นความผิดของน้องด้วย น้องก็ยินดีรับโทษ”
รำพึงค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าตัวเองแล้วบอก
“ขอให้คุณพี่ลงโทษน้องซะให้สาสมแก่ใจของคุณพี่เถอะค่ะ”
รำพึงยั่วยวนชวนขึ้นเตียงสุดฤทธิ์ ขุนพิทักษ์เหมือนจะเคลิ้ม แต่ที่ไหนได้...ซักพักก็ผลักรำพึงกระเด็นไป
“คุณพี่! นี่มันอะไรกันคะ”
ขุนพิทักษ์ไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นเดินพรวดจะออกจากห้อง รำพึงรีบขัดขวาง ทั้งกอดทั้งดึงไว้
“คุณพี่! จะไปไหน ไปไม่ได้ น้องไม่ให้ไป”
ขุนพิทักษ์จ้องหน้าบอก
“รำพึง! อยากแต่งก็แต่งให้แล้ว แต่ถึงจะแต่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่ด้วย”
“คุณพี่!”
ขุนพิทักษ์พูดดังฟังชัด
“ข้ารักชุ่ม! ข้าจะไปอยู่กับชุ่ม”
ขุนพิทักษ์พรวดออกไปทันที
“คุณพี่! กลับมา ข้าบอกให้กลับมา”
บรรยากาศเงียบกริบ รำพึงสุดทน
“นังชุ่ม! ห็นทีชาตินี้เอ็งกับข้าจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว”
ภายในเรือนทาส ชุ่มไหว้พระกราบหมอน อธิษฐาน น้ำตาคลอ
“เกิดมาชาติหน้าฉันใด ขออย่าให้ข้าต้องเกิดมาต้อยต่ำไร้วาสนา อาภัพทั้งกายอาภัพทั้งใจเหมือนอย่างชาตินี้เลย”
ชุ่มกราบหมอนเสร็จก็ตกใจที่ถูกรวบกอดทางด้านหลัง เมื่อหันมองยิ่งตกใจ
“ว๊าย! ท่านขุน!”
ขุนพิทักษ์ยิ้มเผล่
“ใครบอกว่าเจ้าอาภัพทั้งกายอาภัพทั้งใจ”
ชุ่มอายที่ถูกแอบฟัง
“ท่าน!”
ขุนพิทักษ์รีบพูดต่อ แต่ยังกอดแน่น
“เอ็งสวยกว่าใครในสายตาข้า แถมข้ายังรักเอ็งสุดหัวใจ อย่างนี้...ใครที่ไหนยังจะโง่ กล้าพูดว่าเอ็งอาภัพ”
“ก็ข้านี่แหละที่โง่! ส่วนท่านก็บ้า! บ้ามากที่ทำแบบนี้ ท่านมาที่นี่ทำไม ท่านต้องอยู่กับคุณรำพึงเจ้าสาวของท่านต่างหาก”
“ใครจะอยู่ก็อยู่ไปสิ ข้าจะอยู่กับเอ็ง”
ขุนพิทักษ์พุ่งเข้าหอมแก้มชุ่มฟ่อดใหญ่ ชุ่มผลัก
“ท่านขุน! กลับไปเดี๋ยวนี้ ขืนท่านยังดื้อ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ”
“ใหญ่ก็ใหญ่ไปสิ คืนนี้ข้าจะนอนที่นี่”
ชุ่มอ้าปากจะไล่
“แต่ถ้าเอ็งใจดำ ไล่ข้า ไม่ให้ข้านอนที่นี่กับเอ็ง ข้าก็จะลงไปนอนที่ใต้ถุนเรือนเอ็ง”
ชุ่มอ่อนใจ
“ท่านขุน...”
ขุนพิทักษ์ยักคิ้ว
“จริง! ข้าจะนอนที่นี่ ข้าไม่มีวันกลับไปนอนที่เรือนใหญ่นั่นเด็ดขาด”
“แต่คุณพี่ต้องกลับ”
บ่วงบาป ตอนที่ 7 (ต่อ)
ขุนพิทักษ์กับชุ่มหันขวับไปยังต้นเสียง
“คุณรำพึง”
รำพึงยืนหน้ายักษ์ โดยมีจวงขนาบข้าง รำพึงกัดฟันพูด
“จะกลับไปดีๆ หรือจะให้เรื่องนี้ถึงหูเจ้าคุณพ่อของน้อง”
“เลิกข่มขู่พี่ซะที เป็นเมียอย่าริข่มขู่ผัว มันไม่งาม”
“อ๋อ...รู้ด้วยเหรอคะว่าน้องเป็นเมีย แต่ดูเหมือนคุณพี่จะลืมไปว่าเป็นผัวของน้อง”
จวงกระซิบถาม
“หรือนังชุ่มมันจะเล่นของจนท่านขุนหลงลืมไปจริงๆ เจ้าค่ะ..คุณรำพึง”
รำพึงตาโต
“ค้นเรือนมันเลยนังจวง! หาให้เจอว่ามันเล่นของอะไรใส่คุณพี่”
“เจ้าค่ะ”
จวงปรี่เข้ารื้อห้องชุ่มจนกระจุยกระจาย ชุ่มปราดเข้าขวาง จวงเหวี่ยงชุ่ม
“หยุด! ข้าสั่งให้หยุดเดี๋ยวนี้” ขุนพิทักษ์สั่ง
จวงชะงัก
“ค้น! ข้าสั่งให้ค้น นังจวง”
“เจ้าค่ะ”
จวงตั้งท่าจะค้นต่อ ขุนพิทักษ์ตวาด
“ข้าสั่งให้หยุด!”
จวงชะงักร้อง “อ้า...”
“กล้าขัดคำสั่งข้าเรอะนังจวง”
“เอ้อ...” จวงอึกอักแล้วจะค้นอีก
“หยุด!”
“หยุดทั้งหมดนั่นแหละ!”
เสียงคุณหญิงมณีดังขึ้น ทุกคนหันไป...อึ้ง!ไปตามๆกัน
“คุณแม่!”
คุณหญิงมณียืนจ้องตาวาวอยู่ แจ่มยืนข้างๆ ขุนพิทักษ์ถอนใจ ชุ่มแย่แล้ว จวงจ๋อย รำพึงยิ้มมุมปาก รู้ว่าตัวเองเป็นต่อ
บนเรือน คุณหญิงมณีหน้าเข้ม ลงนั่ง
“เจริญจริงๆ...เข้าหอคืนแรกก็ก่อเรื่องซะแล้ว ว่าไงพ่อพิทักษ์ มีอะไรจะแก้ตัว”
ขุนพิทักษ์นิ่งบอก
“ไม่มีขอรับ”
รำพึงลอบยิ้ม
“ลูกตั้งใจจะไปนอนกับชุ่มจริงๆ อย่างที่ทุกคนเห็น”
รำพึงหุบยิ้มแทบไม่ทัน แล้วแสร้งปล่อยโฮ
“พ่อพิทักษ์!”
“คุณพี่! ได้โปรดนึกถึงใจของน้องบ้างเถอะค่ะ”
ขุนพิทักษ์เมิน คุณหญิงมณียังแอบเห็นใจรำพึง
“นั่นสิ...จะทำอะไรก็เห็นใจเมีย เห็นแก่หน้าแม่บ้างเถอะพ่อพิทักษ์”
“ลูกก็ทำเพื่อทุกคนแล้ว เมื่อเช้านี้ลูกเข้าพิธีแต่งงานตามใจทุกคนแล้ว ถึงตอนนี้ก็ขอลูกทำตามใจตัวเองบ้าง”
รำพึงปล่อยโฮเสียงดัง
“ไม่ได้! ไม่ควร ถึงยังไงคืนนี้ คืนส่งตัว ลูกจะต้องอยู่ร่วมหอกับหนูรำพึงจนเช้า ห้ามออกจากห้องหอเด็ดขาด นี่เป็นคำสั่งของแม่”
“คุณแม่”
รำพึงลอบยิ้มทั้งน้ำตา ขุนพิทักษ์เซ็ง
ในเวลาต่อเนื่องมา รำพึงเปิดประตูเข้ามาในห้อง หน้าตาบ่งบอกถึงชัยชนะ เมื่อเธอหันไปมอง ขุนพิทักษ์ยังไม่ยอมก้าวเข้ามาในห้อง ตาจ้องตากันซักครู่ ขุนพิทักษ์ก็จำใจก้าวเข้าประตูมา ก่อนจะหันไปจ้องตารำพึงอีกที
“ก็แค่คืนนี้...คืนเดียว”
รำพึงอึ้ง ขุนพิทักษ์จ้ำพรวดๆ ขึ้นนอนบนเตียง รำพึงยิ้มเยาะ แล้วเดินนวยนาดขึ้นเตียงลูบไล้
“คุณพี่คะ”
ขุนพิทักษ์จ้องตา
“อยากให้พี่มานอนด้วย พี่ก็ทำแล้ว นอนซะ...อย่ากวนใจ”
“คุณพี่!”
ขุนพิทักษ์นอนตะแคง หันหลังให้
รำพึงโกรธจนน้ำตาคลอ
“คุณพี่!...ทำไมถึงทำกับน้องอย่างนี้”
ขุนพิทักษ์ไม่ตอบ นอนลืมตาอยู่
รำพึงจ้องขุนพิทักษ์ซักครู่ แล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอนหันหลังให้
“นังชุ่ม!! แค้นนี้..ข้าต้องชำระกับเอ็งแน่”
น้ำตาแห่งความแค้นของรำพึงหยดตึ๋ง! คืนนั้นคู่บ่าว-สาวนอนหันหลังให้กัน
เช้าวันใหม่ที่เรือนทาส ทาสสองคนวิ่งหน้าตาตื่นมาแต่ไกล
“นังชุ่ม!นังชุ่มอยู่ไหน” ทาสหอบแฮ่กๆ
ชุ่มนั่งทำงานอยู่หันมา
“ฉันอยู่นี่! มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“อีชุ่ม!หลบไปก่อนเร็ว”
“ทำไมล่ะจ๊ะ หลบใคร ทำไมต้องหลบ”
“เออน่า! อย่าถาม! หลบไปก่อนเร้ว”
เสียงจวงดังเรียก
“นังชุ่ม!”
ทาสสะดุ้ง
“ไม่ทันแล้ว”
จวงยืนท้าวเอวจังก้า พร้อมสมุนอีกสองคน
“นังชุ่ม! อยู่ไหน ไปมุดหัวอยู่ไหน”
“ฉันอยู่นี่! มีอะไร”
รำพึงก้าวเข้ามา
“มีสิ! นังชุ่ม มีแน่!”
ชุ่มถึงกับอึ้ง
“คุณรำพึง”
รำพึงสั่ง
“จวง”
“เจ้าค่ะ!”
จวงประกาศชี้นิ้วกราดทันที
“ใครไม่เกี่ยว อย่าสอด อย่าสะเออะเรื่องของเจ้านาย! ใครไม่ได้ชื่ออีชุ่มก็ถอยไป! ถอย”
เหล่าทาสสะดุ้ง ถอยออกกันหมด ยกเว้นชุ่มยืนอยู่เดี่ยวๆ จวงพยักหน้ากับสมุนอีกสองคน
“จัดการ!”
สมุนปรี่เข้าไปล็อกซ้าย-ขวา ชุ่มพยายามสู้แต่สู้ไม่ได้ ทาสบางคนทำขยับตัว จวงขู่
“ใครอยากหลังลายก็เข้ามา!”
เหล่าทาสเงียบกริบ
“ข้าเป็นเมียคุณพี่พิทักษ์ก็เท่ากับเป็นเจ้านายของพวกเอ็งทั้งหมด หากใครไม่เคารพต่อข้า ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ดีมีสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มันบังอาจคิดจะแย่งผัวข้า”
รำพึงเดินเข้ามาจิกหัวชุ่มแล้วลั่นวาจา
“อย่าหวัง!” รำพึงพูดพร้อมชูกรรไกรขึ้นมาประกาศ “อย่าหวัง” อีกครั้ง
ชุ่มตกใจร้อง
“คุณรำพึง! อย่านะคะ อย่า!”
“ข้าอยากจะรู้นักว่าถ้าเอ็งหัวโกร๋นเพราะโดนกล้อนผมจนหมดหัว คุณพี่ของข้ายังจะรักจะหลงเจ้าอยู่อีกมั้ย”
“อย่านะ! ปล่อยข้า อย่า”
รำพึงตาวาว ทุกคนสยองขวัญ
จวงปรี่เข้ามาช่วยจิกหัวสุดฤทธิ์ รำพึงจิกผมชุ่มเตรียมจะกล้อน ทันใดนั้น มือของขุนพิทักษ์ก็มาคว้ามือรำพึงไว้แน่น รำพึงหันมองจะด่าแล้วชะงัก
“คุณพี่!”
ขุนพิทักษ์เหวี่ยงรำพึงกระเด็นไปอีกทางแล้วปรี่เข้ากอดชุ่ม
“ไม่เป็นไรนะ”
รำพึงปรี๊ด
“คุณพี่!ทำไมคุณพี่ทำกับน้องอย่างนี้”
“เจ้าต่างหาก ทำกับชุ่มอย่างนี้ทำไม”
“ก็เพราะมันบังอาจแย่งคุณพี่ นังชุ่มมันแย่งผัวน้อง”
“ชุ่มไม่ได้แย่ง! พี่เต็มใจมาอยู่กับชุ่มเองต่างหาก”
ชุ่มอึ้ง
“คุณพี่!”
ทาสทั้งหลายมองลุ้นกันแทบจะหยุดหายใจ รำพึงเสียหน้าอย่างแรง
“ไม่จริง พวกเอ็งอย่าฟัง อย่าเชื่อ”
รำพึงเสียหน้าจนพูดไม่ออก มองจวงอย่างขอความช่วยเหลือ
“เอ่อ...ใช่! อย่าเชื่อ นังชุ่มมัน...มันต้องเล่นของแน่ๆ มันทำของใส่ท่านขุนพิทักษ์ให้รักให้หลงจนหน้ามืดตามัว”
เสียงทาสฮือฮา
“นังจวง! หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ถ้าขืนเจ้ายังพูดจาเพ้อเจ้อใส่ร้ายชุ่มแล้วยังดูหมิ่นข้าอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะสั่งโบยหลังเจ้าแล้วเอาเกลือทาซะให้เข็ด”
จวงสะดุ้ง
“ก็ลองดูสิ! ลองมารังแกคนของน้อง น้องจะฟ้องเจ้าคุณพ่อ”
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาขู่กันแบบนี้ ถ้าขืนยังไม่เชื่อ ก็อย่าหวังว่าพี่จะกลับไปเหยียบห้องหอของเจ้าอีกเลย”
รำพึงโกรธจนตัวสั่น
“คุณพี่”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
“กลับไปอยู่บนเรือนหอของเจ้าซะ อย่าลงมาวุ่นวายในที่ที่ไม่ใช่ของเจ้า”
รำพึงเสียหน้าสุดๆ
“จำไว้! นังชุ่ม อย่าคิดว่าข้าจะแพ้เอ็ง แต่วันนี้..ข้ายอมเห็นแก่คุณพี่ ผัวข้า!...นังจวง!”
“เจ้าขา”
“กลับ!”
“เจ้าค่ะ”
รำพึง และจวงพร้อมเหล่าสมุน เดินออกกันมาเป็นพรวน ท่ามกลางเสียงทาสที่ซุบซิบกัน จวงกวาดนิ้วชี้ข่มขู่กราดไปทั่ว
ขุนพิทักษ์สั่ง
“ใครมีงานอะไรก็รีบไปทำ อย่าให้ข้าต้องสั่งโบยหลัง!”
ทาสแตกฮือ
“ชุ่ม! เอ็งไม่ต้องกลัวนะ ข้าไม่มีวันปล่อยให้ใครมารังแกเอ็งเป็นอันขาด”
“ท่านขุน...อย่าให้ข้าเป็นต้นเหตุให้ท่านต้องเดือดร้อนอีกเลย ถึงอย่างไร เราก็คงไม่มีทางอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขได้หรอกเจ้าค่ะ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ มีข้าอยู่ทั้งคน เราต้องมีความสุขด้วยกันสิชุ่ม”
ชุ่มทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ภายในห้องหอ เวลาต่อมา จวงโดนรำพึงทุบตี และผลักกระเด็น
“ไม่มีวัน! นังชุ่มกับคุณพี่ไม่มีวันจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข ไม่มีวัน!”
รำพึงฟาดผลัวะเข้าที่จวง
“โอ๊ย! เจ้าค่า ไม่มีวันเจ้าค่า! อูย...”
รำพึงทั้งโกรธทั้งเหนื่อย
“นังจวง! จะทำยังไงให้คุณพี่กลับมาคุกเข่าตรงหน้าข้า ห๊า!”
จวงสะดุ้ง
“อูย...เจ้าค่ะ ขอเวลาคิดแป๊บนึงเจ้าค่ะ”
รำพึงผลักหัว
“นังโง่! คิดเร็วๆ สิ”
จวงนึกได้
“นึกออกแล้วเจ้าค่ะ!”
“ว่ามาสิ! เร้ว”
จวงยิ้มบอก
“ของดีที่เราเคยใช้ไงเจ้าคะ”
“ของดี”
“เจ้าค่ะ! อะไรเอ่ย...อึกเดียว...ได้เรื่อง”
จวงทำท่าม้าดีดกระโหลกประกอบด้วย รำพึงคิดตาม ก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงภาพที่ขุนพิทักษ์กินน้ำใส่ผงม้าเสพนางแล้วเริงรักกับรำพึง
“ผงม้าเสพนาง...”
“ฮี้!” จวงส่งเสียงม้าพร้อมทำท่าด้วย
“จริงสินะ...ข้าลืมไปซะสนิทเลย แหม มีของดีอยู่แท้ๆ แต่กลับลืมเอามาใช้ นังจวง...รีบไปจัดมาอย่าชักช้า ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะใช้ของดีที่เจ้าว่า”
“เจ้าค่ะ! จวงจะรีบไปจัดมาให้ไวเลยเจ้าค่ะ”
จวงรีบออกไปทันที
“มาวัดกันซักตั้งนังชุ่ม! ว่าระหว่างเอ็งกับข้าใครมันจะแน่กว่าใคร”
รำพึงหัวเราะเยาะอย่างสะใจและสบายใจ
ในเวลากลางคืน จวงยื่นซองผงม้าเสพนางให้ รำพึงกระชากมา
“หายหัวไปตั้งครึ่งค่อนวัน ชักช้าไม่ทันใจข้าเลยนังจวง!”
“โธ่...ทูนหัวของบ่าว ของดีอย่างนี้มันไม่ได้หากันง่ายๆ นะเจ้าคะ หนำซ้ำ...ราคาก็แพ๊งแพง”
รำพึงมองค้อนแล้วควักเงินให้
“ขี้บ่นจริง! อ่ะ! ต่อไปจะได้ไวขึ้นบ้าง”
จวงยิ้มแฉ่ง
“ต่อไปจะไวเลยเจ้าค่ะ แต่เอ๊ะ! อีกนานมั๊งเจ้าคะ กว่าจะต้องใช้ให้จวงไปหาซื้อมาใหม่ ซองซะขนาดนี้ เห็นทีม้าจะคึกอีกนานเชียว”
“ทะลึ่ง! หมดธุระแล้ว จะไปไหนก็ไปเลย”
“เจ้าค่า...ไปแล้วเจ้าค่า”
จวงทำท่าม้าย่องออกไป
“ทะลึ่งจริงเชียวนังจวง!”
รำพึงพูดพลางชูผงม้าเสพนางขึ้นดู
“ดูซิ! คราวนี้ นังชุ่มมันจะสู้ข้าได้มั้ย”
ทันใดนั้น รำพึงได้ยินเสียง ก๊อกแก๊กที่หน้าต่างก็สงสัยจึงชะโงกออกไปดู ขุนไวโผล่พรวดขึ้นมา รำพึงผงะหงาย
“ขุนไว”
รำพึงรีบถลาไปที่ประตูแล้วรีบลงกลอน
“ไอ้พิทักษ์อยู่ไหน พี่จะฆ่ามัน”
รำพึงรีบปรี่เข้าไปปิดปากขุนไว
“ใจเย็นๆก่อนสิคะคุณพี่”
“จะให้พี่ใจเย็นได้ยังไง ไอ้พิทักษ์มันขโมยหัวใจพี่มา”
รำพึงมึน ก่อนจะตั้งสติได้
“น้องก็อยู่ตรงหน้าคุณพี่นี่แล้วไงคะ”
ขุนไวรวบตัวรำพึงไว้ทันทีด้วยความหวงแหน
“พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
รำพึงทำเสียงสะอื้น
“น้องทรมานเหลือเกิน ดูสิคะ...เจ้าคุณพ่อบังคับให้น้องแต่งงานกับขุนพิทักษ์ แล้วตอนนี้ขุนพิทักษ์ก็ไปนอนกับนังทาสชุ่ม ปล่อยให้น้องต้องทรมานเพราะเฝ้าคิดถึงคุณพี่อยู่อย่างนี้”
“ไม่ต้องห่วงนะ...น้องรำพึง! พี่จะจัดการทุกคนที่ขัดขวางความรักของเรา”
รำพึงยังสงสัยคำว่าทุกคนจะหมายถึงพระยาเทวราชด้วยหรือไม่
“จริงสิ! คุณพี่ถูกเจ้าคุณพ่อสั่งโบย เจ็บมากมั้ยคะ”
“เจ็บกายยังพอทนได้ แต่เจ็บใจ พี่ไม่ยอม”
รำพึงนึกอยากรู้แผนขุนไว
“คุณพี่...คิดจะทำยังไงต่อไปหรือคะ”
“พี่จะทำทุกอย่าง เพื่อให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน”
รำพึงอึ้ง... “เอ่อ...”
ขุนไวนึกว่า รำพึงเคลิ้มเลยพุ่งเข้าประชิด รำพึงจะผลักออก
“อย่าค่ะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ดึกป่านนี้ใครจะมา ยิ่งไอ้พิทักษ์...น้องก็บอกเองว่า ป่านนี้มันคงมีความสุขอยู่กับเมียทาสของมันเพลินไปแล้ว”
รำพึงหน้าตึง
“แต่ที่นี่เรือนของขุนพิทักษ์ ถ้าใครรู้เข้าจะเป็นเรื่องใหญ่”
ขุนไวซุกไซร้
“ต่อให้ต้องตาย ขุนไวคนนี้ก็จะยอมตายถวายชีวิตให้น้องรำพึง”
“คุณพี่พูดจริงเหรอคะ”
“ จริงสิ เพื่อน้องรำพึง...พี่ยอมทุกอย่าง”
รำพึงยิ้มพลางครุ่นคิดแผนไปด้วย
“ดีค่ะ...ดี”
“พี่รักน้องสุดหัวใจ”
“น้องก็รักคุณพี่ค่ะ”
เวลาต่อเนื่องมา ขุนไวกำลังสวมเสื้อ
“คุณพี่บอกน้องได้มั้ยคะว่าคุณพี่จะทำอะไรเพื่อน้องบ้าง”
“ก็บอกแล้วไงว่า พี่จะทำทุกอย่าง อย่างแรกคือฆ่าไอ้พิทักษ์”
“ตอนนี้ไม่ได้นะคะ เพราะถ้าขุนพิทักษ์ตาย น้องจะได้ชื่อว่าเป็นหญิงกินผัว แต่งงานไม่กี่วันผัวก็ต้องมาตาย น้องไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน”
“แล้วน้องจะให้พี่ทนเห็นน้องอยู่กับศัตรูหัวใจของพี่ได้ยังไง”
“ต้องทนได้สิคะ ในเมื่อคุณพี่ก็รู้ว่าหัวใจของน้องอยู่กับคุณพี่เพียงคนเดียวเท่านี้ไม่พอเหรอคะ”
“ยอดดวงใจของพี่...”
รำพึงแอบขัดใจ ก่อนจะแกล้งหวาน
“แต่...เจ้าคุณพ่อจะส่งคุณพี่ไปอยู่ต่างเมือง น้องคงคิดถึงคุณพี่แทบขาดใจ”
“พี่ก็คงไม่ต่างกันกับน้องรำพึง เพราะฉะนั้น..ฝันไปเถอะว่า พี่จะยอมไป”
รำพึงอึ้ง
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ขอให้น้องรอดูต่อไป อะไรที่ทำให้น้องสบายใจ อะไรที่ทำให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ขุนไวคนนี้ยินดีทำ ทุกอย่าง”
ขุนไวยิ้มให้ รำพึงฝืนๆ ยิ้มให้ขุนไว
“คุณพี่กลับได้แล้วค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า น้องไม่อยากให้คุณพี่จะถูกเจ้าคุณพ่อจับตัวไปอีก”
“แล้วพี่จะมาหาน้องใหม่”
“ไม่ต้องค่ะ เพราะว่าน้องจะไปหาคุณพี่เอง คุณพี่พักอยู่ที่ไหนคะ”
“พี่ซ่อนตัวอยู่ที่ชายป่าริมน้ำด้านโรงตีดาบ อย่าให้พี่ต้องรอน้องเก้อก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่จะบุกมาชิงตัวน้องถึงเรือนหอ”
ขุนไวกอด และหอมรำพึงก่อนรีบออกจากห้องไป
รำพึงขยะแขยงขึ้นมาทันที
“เชิญแกหวังลมๆ แล้งๆ ของแกไปคนเดียวเถอะ! ตอนนี้ฉันจะเลี้ยงแกไว้ใช้งานก่อน หมดประโยชน์เมื่อไหร่ ฉันก็ไม่เอาแกไว้หรอก ไอ้ไว!”
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.