xs
xsm
sm
md
lg

แรงปรารถนา ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แรงปรารถนา ตอนที่ 7

วันถัดมา ภายในห้องรับแขก รวีพรรณเดินออกมาเห็นรมณีกับณรงค์กำลังดูหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยกัน
“คุณแม่คุณพ่อดูอะไรกันอยู่คะ”
รมณีกับณรงค์หันไป แล้วรมณีก็ยื่นหนังสือพิมพ์ให้รวีพรรณ
“ดูเอาเองสิ”
รวีพรรณแปลกใจ ในหนังสือพิมพ์ เธอเห็นภาพพิทยาหอมแก้มสุอาภา รวีพรรณอึ้งมาก ถึงแม้จะรู้แล้วแต่ก็อดที่จะโมโหไม่ได้ รวีพรรณรีบวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
“ในที่สุดมันกับนังสุอาภาก็แต่งงานกันจริงๆ”
รวีพรรณพยายามนิ่งไม่แสดงออก
“ผมว่าก็เหมาะสมกันแล้วนะคุณ คนหนึ่งชั่ว อีกคนก็มั่ว”
รมณีหัวเราะชอบใจ
“เข้าใจพูดนะคะ”
ณรงค์หัวเราะชอบใจตามไปด้วย รวีพรรณทำหน้าไม่ถูก รมณีหันมา
“หมดเวรหมดกรรมกันซักที ต่อไปนี้ลูกของแม่จะได้เจอแต่เรื่องดีดี คนดีดี เริ่มจากเรื่องดีเรื่องที่หนึ่ง” รวีพรรณนิ่วหน้าแปลกใจ รมณีพูดต่อ
“งานหมั้นของลูกกับพ่อดล”
รวีพรรณตกใจ รมณีชะงัก
“อย่าบอกนะว่าลูกลืมไปแล้ว”
“แม่คะ รวีไม่ได้รักคุณภูวดล” รวีพรรณบอก
“แต่พ่อดลเป็นคนดี แล้วแม่ก็รู้ว่าพ่อดลเค้ารักลูกของแม่มาก คิดให้ดีนะรวี การได้อยู่กับคนดีที่รักเรา ดีกว่าต้องอยู่กับคนที่เรารัก แต่ทรยศหักหลังเราตลอดเวลา”
รวีพรรณฟังที่รมณีพูดแล้วก็นิ่งคิดตาม

พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน พิทยากลับเข้ามาในบ้าน เห็นสุอาภากำลังโทรศัพท์ เธอไม่เห็นเขา
“ปาร์ตี้วันเกิดแก ฉันต้องไปอยู่แล้ว จะให้พลาดได้ไง... งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
สุอาภาวางสาย หันไปเห็นพิทยาพอดี
“จะไปไหน”
“งานวันเกิดพราว”
“ที่ไหน”
สุอาภาบอกชื่อผับแห่งหนึ่ง พิทยาถาม
“ที่นั่นมันเป็นผับไม่ใช่เหรอ”
“อือ”
“ไปที่แบบนั้นก็ต้องมีดื่มกันด้วยน่ะสิ”
“งานปาร์ตี้นะ ไม่ใช่งานบวช มันก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“แต่ถ้าคุณไป ผมว่าไม่ธรรมดาแน่”
“กลัวฉันเมาอาละวาดเหรอไง”
“ใช่...”
“ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ดื่ม”
“ผมไม่ไว้ใจ กลัวคุณจะไปก่อเรื่องอีก ผมจะไปกับคุณด้วย”
สุอาภาฉุนกึก
“นี่นายเห็นฉันเป็นคนที่แย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ”
พิทยารีบปฏิเสธ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
สุอาภาสวนกลับทันควัน
“ก็นายเพิ่งพูดไปหยกๆ ยังจะปฏิเสธอีก ยังไงฉันก็ไม่ให้นายไป”
สุอาภาพูดจบก็เดินขึ้นไปบนห้อง พิทยามองตามสุอาภาพลางถอนหายใจ...สีหน้าครุ่นคิดอย่างนึกอะไรออก

ตอนเย็น สุอาภาเดินออกมายืนตรงระเบียง มองลงไปเป็นโต๊ะกินข้าว..เธอชะโงกหน้ามองหาพิทยา แต่ไม่เห็น
สุอาภาแปลกใจ
“ไปไหนของเค้า หายไปก็ดี”
สุอาภาเดินลงมาด้วยความสบายใจ

สุอาภาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ หันไปก็ตกใจมากเพราะพิทยานั่งอยู่ข้างๆ
“นายเข้ามาได้ยังไง”
พิทยา ใส่เซฟตี้เบล
“ประตูรถคุณไม่ได้ล็อก ผมจะไปกับคุณด้วย ผมพร้อมแล้ว ไปได้เลย ออกรถสิ”
สุอาภาหน้าเหวอ หงุดหงิดมากที่ทำอะไรพิทยาไม่ได้ แล้วก็สตาร์ทรถขับออกไปด้วยความโมโห

ภายในผับ เสียงเพลงดังอึกทึกออกมาสนุกสนาน … สุอาภากับพิทยาเดินมาด้วยกัน พราวพิไลรีบโบกมือเรียก พอเห็นพิทยาก็แปลกใจ สองคนเดินมาที่โต๊ะ เห็นเพื่อนๆของสุอาภานั่งกันอยู่
“ทำไมแกไม่บอกว่าคุณพิทมาด้วย”
“ฉันไม่ได้ชวน เค้าตามมาเอง”
พราวพิไลยิ้มแซว
“ไม่ทันไรก็หวงกันขนาดนี้แล้วเหรอ”
สุอาภาถลึงตาใส่พราวพิไล พราวพิไลรีบเดินไปควงพิทยาพาเข้ามาในกลุ่มเพื่อน
“มายเฟรนจ๊ะ นี่คุณพิท..สามีของกระแต จำได้มั้ยเอ่ย”
“สวัสดีครับ”
“ทำไมจะจำไม่ได้ คุณพิทออกจะหล่อขนาดนี้” เพื่อนบอก
สุอาภาเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ที่ทุกคนต่างชื่นชมพิทยา ระหว่างนั้นจอห์นเดินมา
“แต...”
สุอาภาหันไปเห็นจอห์นก็ดีใจมาก
“จอห์น!”
สุอาภารีบเข้าไปกอดทักทายแบบฝรั่ง พิทยาหันมาเห็นก็ผงะ
“ฉันไม่รู้เลยว่าเธอมางานพราวด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีนะ”
“สบายมาก แล้วยูล่ะ...”
สุอาภายังไม่ทันตอบ พิทยาก็รีบเข้ามาแทรกกลางระหว่างสองคน จอห์นกับสุอาภาหันไปมอง
พิทยารีบแนะนำตัวพลางโอบไหล่สุอาภาจนเธอแปลกใจ
“สวัสดีครับ ผมพิทยา สามีคุณแตครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมจอห์นครับ”
ไม่นานภรรยาของจอห์นเดินมาควงแขนจอห์น พิทยาชะงัก รู้สึกแปลกๆ
“หวัดดีจ๊ะแต”
สุอาภายิ้มทักแล้วหันไปทางพิทยา
“นี่แคท...ภรรยาของจอห์น”
พิทยาผงะ หน้าแตกดังเพล้ง!! ปล่อยมือออกจากสุอาภา หันไปทางจอห์นกับแคททำหน้าไม่ถูก

จอห์นเทวอดก้าลงในแก้วหลายใบ
“มาดื่มให้กับพราวกัน”
สุอาภา พราวพิไล เพื่อนๆ ยกแก้ววอดก้าขึ้นมา แต่พิทยาดึงแก้วไปจากมือสุอาภา
“ผมขอดื่มแทนคุณแตก็แล้วกันนะครับ”
สุอาภาชะงัก เพื่อนๆมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มแซว
“ผัวหวงด้วยเว๊ย” เพื่อนอีกคนบอก
สุอาภาอายเพื่อนหันไปพูดกับพิทยาเสียงเบา
“ไม่ต้องยุ่ง ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว”
“คุณสัญญากับผมแล้วนะคุณแต ว่าคุณจะไม่ดื่ม”
สุอาภาพูดไม่ออก พิทยาหันไปทางพนักงาน
“น้อง ขอน้ำส้มให้คุณผู้หญิงคนนี้”
พนักงานเดินออกไป พิทยายกแก้ววอดก้าขึ้นมา
“ดื่มให้คุณพราวครับ”
พิทยาชนแก้วกับทุกคนแล้วก็ดื่ม
“แก้วเดียวไม่พอ จัดไปอีก” เพื่อนคนแรกบอก
เพื่อนเทวอดก้าแจก สุอาภามองพิทยาด้วยสายตาเป็นห่วง พิทยาจะยกดื่มแต่สุอาภาจับแขนห้ามแล้วหันไปทางเพื่อน
“พอได้แล้วพวกแก”
เพื่อนคนเดิมบอก
“ถึงตาเมียหวงผัวแล้วเว๊ยพวกเรา”
เพื่อนๆฮิ้ว....
สุอาภาทำหน้าไม่ถูก พลันเสียงดีเจดังขึ้น
“เพลงต่อไปเป็นเพลงที่มีคนขอเข้ามา เพื่อมอบให้กับคนพิเศษที่เกิดในวันนี้ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับคุณพราวพิไล..วู้!”
แล้วเสียงเพลงไทยสนุกสนานก็ดังขึ้น พราวพิไลกรี๊ด..
“อ๊าย พวกแกขอเพลงนี้ให้ฉันเหรอ”
สุอาภากับเพื่อนพยักหน้า พราวพิไลฉุดแขนสุอาภาให้ลุกขึ้นยืน
“แบบนี้มันต้องออกไปรื้อฟื้นความหลังกัน”
พราวพิไลลากสุอาภา แล้วเพื่อนคนอื่นๆก็ตามออกไป ทิ้งให้พิทยานั่งอยู่กับจอห์น จอห์นรินวอดก้าให้พิทยา..แล้วก็ยกแก้วตัวเองขึ้นมา พิทยายกแก้วขึ้นมาชนก่อนจะดื่ม จอห์นรินวอดก้าให้พิทยาอีก พิทยาหันไปมองสุอาภาที่กำลังเต้นกับเพื่อนอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ พิทยายกแก้วขึ้นมาดื่ม
สุอาภา พราวพิไล กับเพื่อนๆกลับมา เห็นพิทยาเมาหลับไปแล้วก็อึ้ง โดยมีจอห์นที่มึนไม่แพ้พิทยานั่งอยู่ข้างๆ
“คุณพิทของแก..ไปซะแล้วว่ะ”
สุอาภามองพิทยาแล้วก็ถอนหายใจออกมา

สุอาภาจอดรถหันไปทางพิทยาที่หลับอยู่
สุอาภาเขย่าแขน
“พิท พิท”
พิทยาค่อยๆลืมตาขึ้นมา แต่หน้าตายังมึน
“ถึงบ้านแล้ว”
พิทยาหันไปมองด้านนอก...สุอาภาลงจากรถ แล้วก็มาเปิดประตูให้พิทยาที่ยังนั่งนิ่ง
“ลงมาสิ!”
พิทยาค่อยๆประคองตัวเองให้ออกมาจากรถ...สุอาภาปิดประตู พิทยาก้าวขาเดิน แต่จะล้ม สุอาภารีบเข้าไปประคอง พิทยารีบทรงตัว
“ผมเดินไหว”
“ขนาดจะยืนยังยืนไม่ไหว แล้วจะเดินได้ยังไง”
สุอาภาเอาแขนพิทยาโอบรอบคอเธอ แล้วก็ประคองพาพิทยาเดินเข้าไปในบ้าน

สุอาภาพาเขามานั่งบนโซฟา แล้วตัวเองก็เสียหลักล้มลงไปนั่งข้างๆ ก่อนจะหันมาเหวี่ยงใส่พิทยา
“ทำไมนายถึงดื่มเยอะขนาดนี้ห๊ะ”
“เพราะคุณไง”
“ฉัน... ฉันไปบังคับนายตอนไหน”
“ก็ถ้าคุณไม่ดันทุรังจะไปงานนี้ ผมก็ไม่ต้องเมาแบบนี้หรอก”
“ฉันไม่ได้ขอให้นายไป แล้วฉันก็ไม่ได้ขอให้นายดื่ม นายทำเองทุกอย่าง”
“ผมจะปล่อยให้คุณไปคนเดียวได้ไง ! ผมเป็นห่วง”
สุอาภามองพิทยาอย่างอึ้งๆ
“....กลัวคุณจะสร้างปัญหาให้คุณอา แค่ผมต้องมาแต่งงานกับคุณ มันก็แย่พออยู่แล้ว กรุณาอย่าสร้างความเดือดร้อนอะไรอีก”
สุอาภาผงะ...รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมากับคำพูดของพิทยาแล้วพิทยาก็ไม่ไหว ล้มตัวลงนอนบนตักสุอาภา สุอาภานิ่งงัน น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความเสียใจมาก ก่อนจะก้มมองพิทยา
“เคยมีซักครั้งมั๊ย...ที่นายเป็นห่วงฉันจริงๆ”
น้ำตาสุอาภาหยดลงมาโดนหน้าพิทยาที่เมาหลับไม่รู้เรื่อง

เช้ารุ่งขึ้น ในห้องรับแขก พิทยาตื่นขึ้นมารู้สึกหนักหัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบบ้าน ไม่เห็นสุอาภา
เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน แล้วค่อยๆโผล่หน้าเข้ามา
“คุณแตครับ”
ไม่มีเสียงตอบ พิทยาเดินตรงมาที่ห้องน้ำเห็นประตูเปิด ไม่มีสุอาภาในห้องน้ำ หันไปมองที่ห้องแต่งตัว เห็นประตูเปิด เดินไปดู ไม่มีเธอในห้องแต่งตัว พิทยามีสีหน้าแปลกใจ
“หายไปไหนแต่เช้า”

มุมหนึ่งในบ้านพราวพิไล สุอาภานั่งซึมเพราะยังคิดถึงคำพูดของพิทยาเมื่อคืน
“ผมเป็นห่วง... กลัวคุณจะสร้างปัญหาให้คุณอา แค่ผมต้องมาแต่งงานกับคุณ มันก็แย่พออยู่แล้ว กรุณาอย่าสร้างความเดือดร้อนอะไรอีก”
ยิ่งคิดสุอาภาก็ยิ่งเจ็บปวด
ระหว่างนั้นพราวพิไลใส่เสื้อคลุมทับชุดนอนเดินออกมาหน้ายังไม่สร่างเมาซักเท่าไหร่
“มาซะเช้าเลยนะแก”
พราวพิไลผงะเพราะเห็นสุอาภาขอบตาแดงๆเหมือนคนจะร้องไห้ เธอตกใจ รีบนั่งลงข้างๆ
“แกร้องไห้เหรอ”
สุอาภาทำฝืนยิ้ม
“เปล่า”
“เปล่าไร..ขอบตาแดงเชียว”
“เมื่อคืนนอนไม่หลับ”
พราวพิไลยิ้มแซวบอก
“นอนไม่หลับเพราะดูแลคุณพิททั้งคืนล่ะสิ”
“เค้าไม่อยากให้ฉันดูแลนักหรอก เพราะสำหรับเค้า ฉันคือภาระ”
“ถ้าคุณพิทเห็นแกเป็นภาระ เมื่อคืนเค้าไม่ดื่มแทนแกจนเมาหรอก”
“มันก็แค่หน้าที่ เค้าไม่ได้เต็มใจทำด้วยซ้ำ เลิกพูดถึงเค้าซักที ออกไปเที่ยวกัน แกรีบไปแต่งตัวได้แล้ว รีบไปสิ!” พราวพิไลมองสุอาภาด้วยความสงสัย เธอดันพราวพิไลให้ลุกขึ้น
“เออเออ”
พราวพิไลลุกเดินออกไป สุอาภาหันมาทำหน้าเศร้าต่อ

พิทยาสีหน้าครุ่นคิดหิ้วกระเป๋าใส่แบบขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วหยิบมือถือออกมา กดชื่อ “สุอาภา” จะโทรออก แต่ลังเล แล้วก็ตัดสินใจไม่โทรออก...เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง หิ้วกระเป๋าเดินออกไป

ที่บ้านสวน ภูวดลที่นั่งบีบนวดขาให้จันทร์จำนงอยู่บนพื้น
“ย่าดีใจด้วยที่เราจะหมั้นกับหนูรวี”
“ครับ”
“เราจะมีครอบครัวแล้ว จะทำอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลัง คิดให้รอบคอบ ไอ้นิสัยใจร้อนวู่วามก็เลิกซะ”
ภูวดลทำหน้าออดอ้อนแล้วเอาหน้าซบเข้ากับขาของย่า
“คร๊าบ คุณย่า”
จันทร์จำนงลูบหัว
“แล้วไอ้นิสัยขี้อ้อนแบบนี้ก็ต้องเลิกด้วย”
ภูวดลเงยหน้า
“อันนี้เลิกไม่ได้ครับ ขอไว้สักอย่างก็แล้วกัน ถ้าผมม่าอ้อนคุณย่า ถ้าเกิดคุณย่าลืมผมขึ้นมา ผมก็แย่สิครับ”
จันทร์จำนงหัวเราะชอบใจ ภูวดลลุกขึ้นมานั่งข้างย่าแล้วโผกอดแน่น
“คุณย่าห้ามรักคนอื่นมากกว่าผมนะครับ ไม่งั้นผมไม่ยอมจริงๆด้วย”
จันทร์จำนงชะงักไปกับคำพูดของภูวดล แต่ก็รับปากและลูบหลังหลานชาย
“จ้า”
ภูวดลหน้าตาเจ้าเล่ห์

พิทยาหิ้วกระเป๋าใส่แบบเดินมาที่บ้านสวน แต่กลับเจอภูวดลที่เดินออกมาพอดี ทั้งสองฝ่ายต่างชะงักหยุดเดิน พิทยาทำไม่สนใจจะเดินเลี่ยงออกไป จังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่านภูวดล ภูวดลรีบพูดขึ้นมา
“ฉันมาหาคุณย่าเพราะมาบอกท่านว่า ฉันกับคุณรวีจะหมั้นกัน”
พิทยาหยุดกึก หันขวับไปมองภูวดลด้วยความอึ้ง ภูวดลหันมาทางพิทยาอย่างเต็มตัว ยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ไม่จริง แกโกหก”
“ฉันไม่ได้โกหก!”
ภูวดลจ้องหน้าพิทยาด้วยสีหน้าจริงจัง จนพิทยาเริ่มลังเล
“ในฐานะที่แกกับคุณรวีเคยคบกันมาก่อน แกน่าจะรู้ใจคุณรวีมากกว่าฉัน ฉันอยากปรึกษาซักหน่อย คุณรวีชอบแบบไหน นุ่มนวลหรือว่ารุนแรง แต่จากประสบการณ์ของฉัน...ผู้หญิงที่ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน มักจะชอบอะไรที่ตรงกันข้าม คุณรวีเป็นผู้หญิงประเภทนั้นรึเปล่า”
ภูวดลทำหน้ากวน พิทยาโมโหสุดๆ
“อย่าทำอะไรรวี!”
ภูวดลสวนกลับทันที
“ทำไมฉันจะทำอะไรไม่ได้! ในเมื่ออีกไม่นาน เค้าก็ต้องเป็นเมียฉัน เป็นของฉัน แก-ไม่-มี-สิทธิ์” ภูวดล เอานิ้วจิ้มหน้าอกพิทยา
พิทยาปัดแขนภูวดลอย่างแรงแต่พูดไม่ออก ภูวดลยิ้มร้าย ผละออกห่างจากพิทยาก่อนจะทำเป็นนึกอะไรขึ้นมาได้
“อ้อ..อีกเรื่องหนึ่งที่อยากถาม รู้สึกยังไงกับการใช้ของเหลือเดนต่อจากฉัน”
พิทยากำมือแน่นด้วยความโมโหมากที่ภูวดลพูดจาดูถูกสุอาภา..แต่จันทร์จำนงเดินออกมาซะก่อนที่จะมีเรื่องกัน
“พิท”
พิทยาชะงัก ค่อยๆคลายมือแล้วหันไปทางจันทร์จำนงกับภูวดล
ภูวดลหันมามองพิทยาอีกครั้ง แล้วก็ยิ้มมุมปากร้ายกาจก่อนจะเดินออกไป จันทร์จำนงมองพิทยาสีหน้าเห็นใจ

ภายในห้องรับแขก พิทยากำลังรายงานการก่อสร้างห้องสมุดให้จันทร์จำนงฟัง
“การก่อสร้างห้องสมุดคืบหน้าไปมาก ผมก็เลยจะมาคุยกับคุณนายเรื่องวัสดุที่จะใช้ตกแต่งภายในอาคารน่ะครับ”
“เธอเลือกให้ฉันได้เลย เอาให้ดูสะอาดตาก็พอ”
“ได้ครับ”
พิทยาเก็บเอกสารบนโต๊ะ แล้วก็ทนไม่ไหวเงยหน้าขึ้นมา
“คุณนายครับ คุณภูวดลจะหมั้นกับรวีจริงเหรอครับ”
“จริงจ๊ะ”
พิทยาหน้าเครียดเพราะเป็นห่วงรวีพรรณมาก

รวีพรรณกำลังทำงานอยู่ในห้อง พลันเสียงมือถือดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมาเห็นชื่อ “พิท” ก็ชะงัก มีความลังเลนิดนึง แล้วก็ตัดสินใจรับสาย
“โทรมาทำไม”
“ออกมาเจอกันหน่อยได้มั๊ย ผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับคุณ”
รวีพรรณนิ่งคิด

ในร้านอาหาร ภายในห้างสรรพสินค้า สุอาภามองมือถือ รอว่าเมื่อไหร่พิทยาจะโทรมาตาม พราวพิไลเงยหน้ามอง
“รอโทรศัพท์ใคร”
สุอาภาชะงักหันมาบอก
“เปล่า”
“เปล่าไร ฉันเห็นแกเอาแต่มองมือถือ ตั้งแต่ออกมากับฉันแล้ว รอสามีโทรมาตามเหรอจ๊ะ” สุอาภาเงียบ พราวพิไลยิ้มกริ่ม
“แกเลิกพูดว่าเค้าเป็นสามีฉันซักที”
“เอ้า..ก็คุณพิทเค้าเป็นสามีของแก ไม่ให้ใช้คำว่าสามีแล้วจะให้ใช้คำว่าอะไร”
“แกก็รู้ว่าฉันกับเค้าแต่งงานกันเพราะอะไร”
“แกจะตอกย้ำคำๆนี้เพื่อให้ตัวเองไม่มีความสุขทำไมห๊ะแต”
สุอาภารวบช้อนทันที แล้วก็หันไปเรียกพนักงาน
“น้องเช็คบิล”
“เฮ้ย ฉันยังไม่อิ่ม”
“แกก็ทานไปคนเดียวแล้วกัน”
สุอาภาลุกขึ้นเดินออกไป พราวพิไลเหวอ
“อ้าวเฮ้ย!ผีเข้าเหรอไงเนี่ย”
พราวพิไลถอนหายใจเฮือกใหญ่

รวีพรรณนั่งอยู่กับพิทยา
“พิทมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ รวีมีเวลาไม่นาน”
“คิดดีแล้วเหรอที่จะหมั้นกับภูวดล”
รวีพรรณชะงัก
“ค่ะ”
“คุณรักเค้าเหรอรวี”
“รวีไม่ได้รักเค้า แค่เค้าดีกับรวีเท่านี้ก็พอแล้ว”
“เค้าไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิด”
รวีพรรณสวนขึ้นมาทันที
“พิทจะมาห่วงอะไรรวีตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยเหรอ”
“ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะห้าม หรือ บอกให้รวีเปลี่ยนใจ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ผมยังเป็นห่วงรวีอยู่เสมอ และผมก็คงจะทนไม่ได้ที่ต้องเห็นรวีไปอยู่กับคนอย่างนายภูวดล”
รวีพรรณมองพิทยาแล้วนิ่งไป

สุอาภาเดินมาตามทางภายในห้าง ยังมองมือถือที่อยู่ในมือ พลางพูดกับตัวเอง
“ไม่คิดจะโทรมาถามซักหน่อยเหรอว่าเราไปไหน แต่เค้าจะโทรทำไม ในเมื่อเค้าไม่เคยห่วงเราเลย”
สุอาภาเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วก็เดินต่อไป ก่อนจะหยุดกึก เพราะเห็นพิทยากับรวีพรรณในร้านกาแฟ
สุอาภายืนอึ้งตะลึงงัน

ภายในร้านกาแฟ พิทยาเอื้อมมือมาแตะแขนรวีพรรณ
“ผมอยากให้รวีคิดดูอีกซักครั้ง เพราะมันคือความสุขทั้งชีวิตของคุณ”
สุอาภาเห็นแววตาห่วงใยของพิทยาที่มองรวีพรรณก็อดน้อยใจไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยได้รับความรู้สึกนี้เธอทนดูต่อไปอีกไม่ไหวหันหลังจะเดินออกไป แต่เจอพราวพิไลเดินมา
“ฉันตามหาแกตั้งนาน”
สุอาภาพูดไม่ออก พราวพิไลแปลกใจกับสีหน้าของเพื่อน แล้วก็เหลือบไปเห็นพิทยากับรวีพรรณ พราวพิไลยืนอึ้งเหมือนกัน
“นั่นคุณพิท ทำไมมากับแฟนเก่าอ่ะ”
“ไปกันเถอะพราว”
“ไปได้ไง แกอย่ายอมนะ เข้าไปหาคุณพิทกัน”
สุอาภาอึ้งบอก
“ฉันไม่ไป”
พราวพิไลไม่สนใจจับแขนสุอาภาดึงให้เดินไปที่ร้านกาแฟ
“พราว..ปล่อยฉัน ฉันไม่ไป”
“แกต้องไป! คนอย่างสุอาภา ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆไม่ใช่เหรอ”
พราวพิไลลากสุอาภาไปตามทาง

ภายในร้านกาแฟ พิทยากับรวีพรรณยังคุยกันอยู่
“ความสุขของรวีมันหมดไปนับตั้งแต่วันที่พิทแต่งงานแล้ว”
พิทยาถึงกับจุก...พูดไม่ออก รู้สึกผิดมาก รวีพรรณลุกขึ้นยืน
“รวีขอตัวกลับไปทำงานต่อนะคะ”
รวีพรรณหันหลังจะเดินออกไป แต่เจอพราวพิไลที่ลากสุอาภาเข้ามาพอดี รวีพรรณชะงัก พิทยาอึ้ง ลุกขึ้นยืน สุอาภาทำหน้าไม่ถูก พราวพิไลรีบฉีกยิ้มกว้าง
“อุ๊ยตาย แหม บังเอิญจังเลยนะคะ”
รวีพรรณไม่พูดอะไร รีบเดินออกไปเพราะไม่อยากเห็นหน้าสุอาภา ช่วงที่เดินผ่านสุอาภา เธอกลับสะดุดพื้นกำลังจะล้ม สุอาภาตกใจหันไปมอง แต่พิทยาพุ่งเข้ามาประคองเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นไงบ้างรวี”
สุอาภาเห็นพิทยาเป็นห่วงรวีพรรณมากก็ยิ่งเจ็บปวด เธอรีบผละออกจากพิทยา
“ไม่เป็นไร”
รวีพรรณรีบเดินออกไปทันที พิทยาหันไปมองสุอาภาด้วยสายตาตำหนิจนเธออึ้ง
“นายมองฉันแบบนี้ทำไม นายคิดว่าฉันแกล้งให้เค้าหกล้มเหรอ”
“มันเป็นนิสัยของคุณอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
สุอาภาทั้งโกรธทั้งน้อยใจ พราวพิไลอึ้ง ด้วยความโมโหสุอาภาเลยยอมรับซะเลย
“ใช่...ฉันแกล้งผู้หญิงของนายพอใจแล้วใช่มั๊ย”
พราวพิไลเหวอ สุอาภาหันหลังจ้ำเดินออกไป พิทยายืนนิ่ง พราวพิไลหันไปมองพิทยาอย่างไม่พอใจ
“ผู้หญิงคนนั้นสะดุดพื้นเอง พราวเป็นพยานได้ว่าแตไม่ได้ทำ”
น้ำเสียงที่หนักแน่นของพราวพิไลทำให้พิทยาเชื่อทันที พราวพิไลรีบตามสุอาภาออกไป พิทยารู้สึกผิด

แรงปรารถนา ตอนที่ 7 (ต่อ)

พิทยาเดินงุ่นง่านอยู่ตรงทางเดินจากประตูเล็กในบ้าน เวลากลางคืน เอาแต่มองไปที่โรงรถว่า สุอาภากลับมาเหรอยัง แต่ก็ยังไม่กลับมา เขาโทรหา แต่เธอไม่รับสาย พิทยาถอนหายใจเริ่มเป็นห่วงมากขึ้น

สุอาภานั่งอยู่ที่ห้องรับแขก บ้านพราวพิไลมองมือถือเห็นพิทยาโทรเข้ามา แต่เธอก็ปล่อยให้สายหลุดไป พราวพิไลเข้ามานั่งข้างสุอาภา
“คุณพิทโทรหาแกหลายครั้งแล้วนะ ป่านนี้คงเป็นห่วงแกแย่แล้ว”
“เค้าไม่ได้ห่วงฉันหรอกพราว เค้าแค่กลัวว่าฉันจะทำอะไรที่มันเสื่อมเสียชื่อเสียงของป๋า”
“แต่แกกับเค้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว มีอะไรหันหน้ามาพูดกันดีกว่า ทำแบบนี้มันจะยิ่งแย่”
“ตอนนี้มันก็แย่อยู่แล้ว ถ้ามันจะแย่ไปมากกว่านี้ ก็ไม่เห็นจะแปลก”
พราวพิไลถอนหายใจ พลันเสียงมือถือพราวพิไลดังขึ้น เธอเห็นชื่อ “พิทยา” ก็ชะงัก เหล่มองสุอาภา แล้วก็กดรับสาย แล้วแกล้งพูด
“ฮัลโหล...ไม่ค่อยได้ยินเลย ตรงนี้สัญญาณไม่ค่อยดี”
พราวพิไลเดินออกไปคุยตรงมุมหนึ่ง สุอาภาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เธอคุยเสียงเบาบอก
“แตอยู่บ้านพราวค่ะ”

พิทยารีบขับรถออกมาจากบ้านทันที

พราวพิไลค่อยๆเปิดม่านออกไปมองนอกตัวบ้าน รอว่าเมื่อไหร่พิทยาจะมา สุอาภาหันไปเห็นก็ถาม
“แกเปิดม่านหลายรอบแล้ว ใครจะมา”
พราวพิไลสะดุ้งหันมาหน้าถอดสีบอก
“เปล๊า...ไม่มีใครมา”
สุอาภาลุกเดินมามองสงสัย
“แกบอกพิทเหรอว่าฉันอยู่นี่”
พราวพิไลส่ายหัวไม่หยุด ระหว่างนั้นเสียงรถดังขึ้น พราวพิไลรีบหันไปเปิดม่านเห็นพิทยามาก็ดีใจ
สุอาภาชะโงกหน้ามาดูเห็นพิทยาก็หัวเสีย
“ไอ้พราว..ไอ้เพื่อนทรยศ”
พราวพิไลหันมา
“ฉันไม่ได้ทรยศนะ แกกลับบ้านไปกับคุณพิทเหอะ มีอะไรก็คุยกันดีดี จะได้เคลียร์ๆกันไป..นะเพื่อนนะ”
สุอาภายังไม่ทันพูด พิทยาก็เปิดประตูเข้ามา สุอาภากับพราวพิไลหันไปมอง
“เชิญตามสบายนะคะ”
สุอาภาหันไปมองพราวพิไลอย่างไม่พอใจ
พราวพิไลทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วรีบเดินออกไป พิทยาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า สุอาภาเมินหน้าไปทางอื่น
“ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิด แล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณว่าผมไปหารวี”
“นายไม่ต้องบอกฉัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวของนาย”
“แต่คุณควรรู้ ...เพราะคุณเป็นภรรยาผม ที่ผมไปหารวีเพราะรวีกำลังจะหมั้นกับนายภูวดล”
สุอาภาตกใจเห็นความเจ็บปวดที่แสดงออกทางสีหน้าของพิทยา
“ผมพยายามจะบอกรวีว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไง แต่รวีไม่เชื่อ ผมกลายเป็นคนเลวในสายตาของรวีไปแล้ว”
สุอาภาพูดไม่ออก รู้สึกว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้พิทยากับรวีพรรณต้องเป็นแบบนี้ พิทยาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ในเวลาต่อมา พิทยากับสุอาภากลับเข้ามาในบ้านด้วยกัน
“ถ้าฉันใช้ห้องน้ำเสร็จ ฉันจะเรียกนาย”
พิทยาพยักหน้า
สุอาภาเดินขึ้นบันไดแล้วก็หยุดกลางทาง หันมามองพิทยาที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเศร้าสร้อย
สุอาภามองพิทยาอย่างเห็นใจ แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ตัวเองทำให้พิทยามีสภาพเช่นนี้ สุอาภาหันมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด


วันถัดมา เวลากลางวัน สุอาภาเดินเข้ามาในร้านอาหารของรวี สินีนาฎเห็นก็ตรงรี่เข้ามาหาสุอาภาทันที
“มาทำไม”
“ฉันมาหาคุณรวี”
สุอาภาหันไปเห็นรวีพรรณเดินออกมาพอดี เธอมองสุอาภาอย่างไม่พอใจ สุอาภารีบเดินเข้าไปหารวีพรรณทันที
“คุณรวี...ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกคุณ”
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ กลับไปซะ”
รวีพรรณจะเดินเข้าไป สุอาภารีบตาม สินีนาฎมายืนขวาง
“ไม่ได้ยินที่เพื่อนฉันพูดเหรอไง! กลับไปได้แล้ว”
สุอาภาไม่สนใจสินีนาฎรีบจ้ำตามรวีพรรณเข้าไปที่หลังร้าน
สินีนาฎหันไปมองตามด้วยความไม่พอใจ แล้วก็รีบตามสุอาภาไปอีกคน

สุอาภาเดินตามรวีพรรณเข้ามาในครัว สินีนาฎตามมาติดๆ กระชากไหล่สุอาภา
“พูดจาไม่รู้เรื่องเหรอ ฉันบอกให้ออกไป”
สุอาภาหันมาปัดมือสินีนาฎออกแล้วหันมารีบพูดกับรวีพรรณ
“นายภูวดลเคยพยายามจะข่มขืนฉัน”
รวีพรรณอึ้งหันขวับมามองสุอาภา สินีนาฎเองก็ช็อกไม่แพ้กัน สุอาภาขยับเข้ามาใกล้รวีพรรณ
“แต่โชคดีที่วันนั้นพิทช่วยฉันเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ฉันจะถูกผู้ชายคนนั้นย่ำยี”
รวีพรรณอึ้งมาก พลางคิดถึงคำพูดของพิทยา
“ผู้ชายในภาพคือคุณภูวดล”
“เลิกโยนความผิดให้คุณภูวดลซักที”

“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี เค้าหลอกคุณแตไปเพื่อทำมิดีมิร้าย ผมไปช่วยคุณแตออกมา พี่ใหญ่ก็ไปด้วย ถ้าคุณไม่เชื่อ ไปถามพี่ใหญ่ดูก็ได้ ผมกับคุณแตไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
รวีพรรณนิ่งอึ้ง
“นายภูวดลเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนว่าวิธีการจะเลวแค่ไหน คุณลองคิดให้ดีว่าที่ผ่านมา เค้าทำอะไรเอาไว้บ้าง”
รวีพรรณนิ่งไป แล้วก็นึกย้อนถึงคำพูดของภูวดลในอดีต
“คุณพิทยาทำแบบนี้ ไม่ให้เกียรติคุณซักนิด เค้าโกหกคุณตลอดเวลา ปากก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรกับคุณสุอาภา แต่พอลับหลังกลับทำตรงกันข้าม”
“นายพิทยาเข้าใจผมกับคุณสุอาภาผิด เค้ายังบอกผมด้วยนะครับว่าไม่ให้ผมเข้าใกล้คุณสุอาภาอีก เพราะว่า คุณสุอาภาเป็นผู้หญิงของเค้า”
รวีพรรณชักไม่แน่ใจว่า ตัวเองมองภูวดลผิดไปรึเปล่า แต่ยังทำเป็นไม่เชื่อที่สุอาภาพูดอยู่
“คุณมาบอกฉันทำไม”
“เพราะฉันรู้ว่าการที่ต้องอยู่กับคนที่เราไม่ได้รัก มันเจ็บปวด ฉันอยากให้คุณรู้ไว้...ว่าที่พิทต้องมาแต่งงานกับฉัน มันไม่ได้ทำให้ฉันกับพิทมีความสุข พิทยังรักคุณอยู่เสมอ คุณต้องเชื่อฉันนะคะคุณรวี..ฉันไม่อยากให้คุณฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้กับผู้ชายเลวๆคนนี้ ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ก่อนที่จะสายเกินไป”
สุอาภาสีหน้าจริงจังมาก จนรวีพรรณเริ่มเชื่อในสิ่งที่สุอาภาพูด

มุมหนึ่งในห้องอาหาร สินีนาฎเดินมายืนข้างรวีพรรณ
“เธอคิดว่าที่ยัยสุอาภาพูดเป็นความจริงรึเปล่า”
“ฉันจะไปถามคุณภูวดล”
รวีพรรณพูดจบก็เดินออกไป

ภายในคอนโดฯ ภูวดลเปิดประตูเห็นรวีพรรณยืนอยู่ก็ยิ้ม
“ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะครับว่าจะมา”
รวีพรรณสีหน้าเครียดไม่ตอบเดินเข้ามาในห้อง ทำเอาภูวดลแปลกใจ ปิดประตู แล้วก็หันไปมองรวีพรรณ
“ผู้ชายที่อยู่ในคลิปของสุอาภาคือคุณใช่มั๊ย”
ภูวดลหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ไอ้พิทยามันบอกคุณเหรอ”
“ฉันถามว่าใช่มั๊ย” รวีพรรณเสียงแข็ง
“ไหนๆเราก็ต้องแต่งงานกันแล้ว ผมไม่ควรจะมีความลับกับคุณ ใช่! ผมคือผู้ชายคนนั้น”
รวีพรรณอึ้ง ตะลึงงัน รู้สึกผิดที่หลงเชื่อภูวดลแทนพิทยา
“คุณโกหกฉันทำไม”
“เพราะผมต้องการเอาชนะไอ้พิทยา ผมต้องการเห็นมันเจ็บปวด อย่ามาโทษผม ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคุณที่ไม่มีความหนักแน่นมากพอ โดนเป่าหูเข้าหน่อย ก็คิดว่าไอ้พิทยามันชั่ว คุณน่าจะขอบคุณผมด้วยซ้ำที่ผมทำให้คุณไม่ต้องลงเอยกับผู้ชายโง่ๆอย่างมัน”
รวีพรรณกำมือแน่นแล้วตบหน้าภูวดลอย่างแรงเพี๊ยะ! ภูวดลหน้าหัน ก่อนจะหันมามองรวีพรรณแววตากร้าว
“พิทไม่ได้โง่ แต่พิทเป็นคนดี ดีกว่าคุณร้อยเท่าพันเท่า ฉันมันตาบอดที่เห็นกงจักรอย่างคุณเป็นดอกบัว ฉันจะไปบอกทุกคนว่าคุณเป็นคนยังไง”
รวีพรรณจะออกไป ภูวดลโมโหมาก หันไปกระชากแขนเธอแล้วดึงมาหาตัวเอง แล้วบีบแขนสองข้างแน่น
“คิดว่าตบผมแล้วจะเดินออกไปง่ายๆได้งั้นเหรอ”
“ปล่อยฉัน ปล่อย คุณจะทำอะไร”
รวีพรรรณพยายามขัดขืน ภูวดลไม่ปล่อยจ้องตาเขม็ง
“ถ้าไอ้พิทยามันรู้ว่าผู้หญิงที่มันรักตกเป็นของผู้ชายคนอื่น มันยังจะทนทำตัวเป็นคนดีได้ต่อไปอีกรึเปล่า”
รวีพรรณสีหน้าตื่นกลัวบอก
“อย่าทำอะไรฉันนะคุณภูวดล”
“คุณเพิ่งบอกว่าผมเลวไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นคนเลวอย่างผมก็จะทำในสิ่งที่เลว และผมว่ามันก็คงไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าเราจะมีสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน”
รวีพรรณอึ้งตะลึงงันสุดๆ พยายามดิ้นรน แต่เจอภูวดลรวบตัวเอาไว้แน่น
“ปล่อยฉันนะคุณภูวดล ปล่อย..ปล่อย”
ภูวดลไม่สนใจ ลากรวีพรรณเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูดังปัง!

ภายในห้องนอนในคอนโด รวีพรรณซึ่งแต่งตัวแล้ว สีหน้าทรุดมาก ยืนอยู่หน้ากระจก ภูวดลใส่เสื้อคลุมเข้ามากอดทางด้านหลัง รวีพรรณสะดุ้งสุดตัวด้วยความกลัว เขาจะหอมแก้ม แต่เธอเบือนหน้าหนี
“ฉันขอร้อง อย่าทำฉันอีกเลย”
ภูวดลมองรวีพรรณผ่านทางกระจก
“แล้วก็อย่าบอกเรื่องนี้ให้พิทรู้ ฉันอยากให้พิทจดจำฉันในภาพที่ดีดี”
ภูวดลหรี่ตามองรวีพรรณพลางครุ่นคิด
“ผมจะไม่บอกไอ้พิทยามันก็ได้ แต่คุณต้องเชื่อฟังผม อย่าดื้อกับผม ตกลงมั๊ย”
รวีพรรณรีบพยักหน้า ภูวดลยิ้มพอใจแล้วก็หอมแก้มรวีพรรณฟอดใหญ่ ก่อนจะเดินผิวปากอารมณ์ดีออกไป
รวีพรรณทรุดลงไปนั่งบนพื้นด้วยหัวใจที่แตกสลาย ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดที่สุดในชีวิต

ในเวลาเย็น พิทยากลับเข้ามาในบ้าน เจอสุอาภาแต่งตัวสวยเดินลงบันไดมา
“ป๋าบอกให้เราสองคนไปทานข้าวที่บ้าน”
“ขอผมเก็บของก่อนนะ”
“พิท... ฉันบอกคุณรวีเรื่องนายภูวดลแล้ว ฉันว่าคุณรวีคงไม่หมั้นกับคุณภูวดลแล้วล่ะ นายสบายใจได้”
พิทยาผงะ พิทยานิ่งไปอย่างนึกไม่ถึงว่าสุอาภาจะทำแบบนี้
“ฉันไปรอที่รถ”
สุอาภากำลังจะเดินออกไป พิทยารีบหันมาคว้ามือเธอเอาไว้
“คุณแต”
สุอาภาหันมา พิทยายิ้มออกมาด้วยดีใจ
“ขอบคุณมากนะครับ”
พิทยากระชับมือสุอาภาอย่างรู้สึกขอบคุณ ทำให้สุอาภาเจ็บจี๊ดขึ้นมา เธอได้แต่พยักหน้าแล้วก็ดึงมือออกจากพิทยา...รีบหันหลังเดินออกไปด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

ภายใน บ้านสุอาภา เวลากลางคืน ทุกคนนั่งทานข้าวด้วยกัน ณีเดินรินน้ำให้ทีละคน พิทยาตักอาหารให้
สุอาภา
“ขอบคุณ”
ทุกคนแอบลอบมองพิทยากับสุอาภาแล้วก็อมยิ้ม
“น้ำซุปมั๊ยครับ”
“ค่ะ”
พิทยาตักน้ำซุปใส่ชามให้สุอาภา บวรทนเงียบต่อไปอีกไม่ไหว
“ป้าณีครับ”
“ขาคุณใหญ่”
“วันนี้ป้าทำอาหารหว๊านหวานนะครับ”
ณีรับมุขแบบรู้กัน
“เหรอคะ เอ...แต่ป้าว่าป้าก็ทำรสชาติปกตินะคะ ไม่ได้ใส่น้ำตาลลงไปเพิ่มเลย” ณีพูดพลางเหล่มอง
พิทยากับสุอาภา
วรรณวดีกับนพอมยิ้ม
“จริงเหรอคะป้า แต่เอ..ทำไมมันถึงหวานก็ไม่รู้นะคะ ป๋าว่างั้นมั๊ย”
“นั่นสิ..มันหวานปะแล่มๆ พิทกับแตรู้สึกรึเปล่า”
พิทยากับสุอาภาไม่รู้เรื่อง
“ก็ไม่หวานนี่ครับ”
“นั่นสิคะ รสชาติก็เหมือนเดิม”
สามคนพ่อลูก หัวเราะที่พิทยากับสุอาภาไม่รู้ว่าโดนแซว ทำเอาสองคนงงมาก
“หัวเราะอะไรกันคะ”
“เราสองคนนี่ก็พาซื่อกันจริงๆ ไม่รู้เหรอไงว่าโดนแซว”
ทั้งคู่ก็ยังไม่เข้าใจ
“แกสองคนทำเหมือนโลกนี้มีแต่เราสอง คอยตักกับข้าวให้กัน นี่ครับ...น้ำซุปมั๊ยครับ” บวรพูดพลางแกล้งหันไปทำกับวรรณวดีที่รับมุข ทำกระพริบตาปริบๆ
“ขอบคุณค่ะ”
พิทยากับสุอาภาทำหน้าไม่ถูกที่โดนแซว
“คุณพิททำก็น่าเอ็นดูนะคะ แต่พอเป็นคุณใหญ่ทำแล้วมันน่าดูเอ็นมากกว่า” ณีบอก
“อ้าว เป็นงั้นไป”
นพกับวรรณวดีหัวเราะ พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากันต่างเขินกันสุดๆ
“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เดี๋ยวน้องมันจะไม่กล้ามาทานข้าวที่บ้านอีก”
นพว่า พลางหันไปทางพิทยากับสุอาภา
“พรุ่งนี้เย็นว่างกันรึเปล่า”
“แตไม่มีอะไรค่ะ “
“ผมก็ไม่มีงานอะไรครับ”
“ดี...ป๋าอยากให้เราสองคนไปออกงานแทนป๋า”
พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากัน

เย็นวันถัดมา พิทยาในชุดทักซิโด้..กำลังใส่หูกระต่าย แต่ยังไม่ได้ใส่สูท หันไปเห็นสุอาภาที่เกล้าผมในชุดราตรีสวยสง่ากำลังเดินลงบันไดมา พิทยาถึงกับผงะ อึ้งตะลึงงัน
สุอาภาเดินลงมา...เห็นพิทยามองตาค้างก็แปลกใจ
“มองฉันทำไม หรือว่า..ชุดนี้ทำให้ฉันดูไม่ดี”
พิทยารู้ตัวบอก
“ไม่ใช่..คุณสวยมาก”
สุอาภาหน้าแดงซ่านไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง แล้วพิทยาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เรารีบไปกันเถอะ”
พิทยาเอาสูทที่พาดบนโซฟาขึ้นมาจะใส่ แต่ไม่ถนัด
“ฉันช่วย”
พิทยาหันไป สุอาภาเอาสูทมาถือ พิทยาใส่สูท สุอาภาเดินมาตรงหน้าแล้วขยับสูทให้เรียบร้อย
“ขอบคุณครับ”
พิทยาเดินออกไปก่อน สุอาภาถอนหายใจแล้วก็ตามออกไป



ณ ห้องจัดงานกาล่าดินเนอร์ของโรงแรมแห่งหนึ่งในเวลากลางคืน บรรยากาศในงานเลี้ยงเป็นงานคอกเทล เรียบหรูดูดี พนักงานเอาไวน์มาเสิร์ฟให้ภูวดลกับรวีพรรณ รวีพรรณกำลังจะหยิบ
“ผมว่าคุณเอาน้ำผลไม้ดีกว่านะจ๊ะ ผมไม่อยากให้คุณดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ขอน้ำผลไม้แก้วนึง” ภูวดลบอกพลางหันไปสั่งพนักงาน
พนักงานรับคำแล้วเดินออกไป
ภูวดลกับรวีพรรณยืนอยู่กับแขกที่มาในงาน 2 คน
“คุณรวีพรรณนี่น่าอิจฉาจังเลยนะคะ มีคนดูแลดีขนาดนี้” แขกคนหนึ่งบอก
ภูวดลโอบเอวรวีพรรณบอก
“จะไม่ให้ผมดูแลดีได้ยังไงล่ะครับ ผู้หญิงคนนี้กำลังจะเป็นภรรยาของผม และในอนาคตก็จะเป็นแม่ของลูกผมด้วย”
รวีพรรณทำหน้าไม่ถูกรู้สึกขยะแขยง แขก2 คนหันมามองหน้ายิ้มให้กัน แขกอีกคนบอก
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ ไม่อยากอยู่เป็นกขค.”
ภูวดลยิ้มแล้วแขกสองคนก็เดินออกไป
ภูวดลปล่อยมือจากรวีพรรณแล้วหันไปทำหน้าเลวใส่ทันที
“ใครๆก็รู้ว่าเรากำลังจะหมั้นกัน กรุณาทำหน้าให้มันสดใสชื่นมื่นหน่อยได้มั๊ย ถึงแม้ว่าเราจะถูกบังคับให้มางานนี้ด้วยกันก็เถอะ”
“ฉันรู้สึกยังไงก็แสดงออกมาอย่างนั้น ฉันไม่ใช่พวกสร้างภาพเก่ง”
ภูวดลไม่พอใจที่โดนรวีพรรณว่า แล้วทั้งคู่ก็หันไปเห็นสุอาภากับพิทยาเดินควงกันเข้ามาในงาน
รวีพรรณชะงัก ภูวดลยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูรวีพรรณ
“แล้วคุณว่าแบบนั้นสร้างภาพ หรือว่าเรื่องจริง”
รวีพรรณหันไปมองเห็นพิทยากับสุอาภาที่ยืนยิ้มให้นักข่าวถ่ายรูป ก็รู้สึกอิจฉาเล็กๆ เพราะผู้หญิงที่ยืนข้างพิทยาน่าจะเป็นเธอมากกว่า
“ผมว่าเราเข้าไปทักพวกเค้ากันหน่อยดีกว่า”
รวีพรรณชะงัก ภูวดลจับแขนรวีพรรณ แต่เธอขืนตัวไม่ยอมไป
“ฉันไม่ไป”
“ลืมข้อตกลงของเราแล้วเหรอ!”
รวีพรรณไม่กล้า จำต้องตามภูวดลไป

หลังถ่ายรูป นักข่าว ช่างภาพเดินออกไป ภูวดลกับรวีพรรณเดินเข้ามา พิทยากับสุอาภาหันไปเห็นก็แปลกใจที่ยังเห็นรวีพรรณกับภูวดลออกงานด้วยกัน
ภูวดลพูดกับพิทยาและสุอาภา
“แสดงความยินดีตอนนี้ จะช้าไปมั๊ยครับ น่าเสียดายที่วันงานของพวกคุณ ผมติดธุระ ก็เลยไม่ได้ไป”
“ไม่มาน่ะดีแล้ว เพราะถ้าคุณมา..จากงานมงคล จะกลายเป็นงานอัปมงคล” สุอาภาบอก
ภูวดลอดกลั้นไม่ตอบโต้แล้วก็ยิ้มออกมา
“แต่สำหรับผม ถ้าพวกคุณมางานหมั้นของผมกับคุณรวี ผมจะถือเป็นเกียรติสูงสุด ยังไงเชิญพวกคุณด้วยนะครับ”
ภูวดลหันไปมองพิทยาแล้วยิ้ม พิทยาได้แต่อดกลั้น สุอาภาจ้องรวีพรรณอย่างไม่วางตาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย รวีพรรณไม่กล้าสบตาใครเพราะอึดอัดจนทนไม่ไหว
“รวีขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”
ภูวดลทำเป็นยิ้มแล้วก็โอบเอวรวีพรรณพาเดินออกไป พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากัน
“ทำไมคุณรวียังจะหมั้นกับนายภูวดลอยู่ มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
พิทยาชักใจคอไม่ดี

รวีพรรณเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ ไม่นานสุอาภาเดินเข้ามา รวีพรรณเห็นสุอาภาผ่านทางกระจกก็ตกใจ สุอาภาไม่เห็นใครในห้องน้ำ ก็เดินมายืนข้างรวีพรรณ
“ทำไมคุณยังหมั้นกับคุณภูวดลอยู่ คุณไม่เชื่อว่าที่ฉันพูดเป็นความจริงใช่มั๊ย”
รวีพรรณเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันมา
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
รวีพรรณพูดจบก็รีบเดินออกไป สุอาภาหันไปมองตามด้วยความไม่สบายใจ

สุอาภาเดินออกมาหาพิทยาที่สีหน้าร้อนใจในมุมหนึ่งของงาน
“รวีว่ายังไง”
“เค้าไม่ตอบ แล้วก็สั่งไม่ให้ฉันยุ่งกับเค้าอีก”
พิทยาสีหน้าเครียดสุดๆ
“ผมจะปล่อยให้รวีหมั้นกับนายภูวดลไม่ได้เด็ดขาด”
พิทยาเป็นห่วงมากจนสุอาภารู้สึกได้ แล้วก็อดน้อยใจไม่ได้แต่ต้องไม่แสดงออก
“ในเมื่อคุณรวีไม่เชื่อที่ฉันบอกเรื่องคลิป เราต้องทำให้คุณรวีได้ยินจากปากนายภูวดล ทำให้คุณรวีเห็นธาตุแท้ของนายภูวดลให้ได้”
“คุณจะทำยังไง”
สุอาภาสีหน้าจริงจังบอก
“ฉันมีวิธี”
พิทยาอึ้ง
“คุณแต คุณอย่าทำอะไรบ้าๆนะ คุณก็รู้ว่าหมอนั่นเป็นคนอันตรายมากขนาดไหน คุณห้ามเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเด็ดขาด”
“มันไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้นายภูวดลเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา”
สุอาภาสีหน้ามั่นใจก่อนจะเดินออกไป พิทยามองตามอย่างเป็นห่วงถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ภูวดลอยู่แถวนั้นได้ยินทุกอย่างก็คิดซ้อนแผน

สุอาภาเดินมาหาภูวดลที่กำลังดื่มไวน์ ภูวดลหันไป
“ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ได้สิ มีอะไรก็พูดมา”
“ไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากคุยเป็นการส่วนตัว ฉันจะไปรอที่หลังห้องจัดงาน อีกสิบนาทีคุณค่อยตามฉันออกไป จะได้ไม่มีคนสงสัย”
ภูวดลไม่ตอบ สุอาภาเดินออกไป ภูวดลสีหน้าร้ายกาจกระดกไวน์จนหมดแก้ว
“แล้วจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ”
ภูวดลยิ้มมุมปาก

เสียงเมสเสจดังขึ้น พิทยาหยิบขึ้นมากดอ่าน
“หลังห้องจัดเลี้ยง”
พิทยาเก็บมือถือ...เห็นรวีพรรณเดินอยู่ ก็รีบเข้าไปหา
“รวี”
รวีพรรณไม่กล้าสู้หน้าพิทยา รีบหันหลังเดินไปอีกทาง แต่พิทยาตามมาขวาง
“อย่าเพิ่งไปรวี ผมมีบางอย่างอยากให้คุณรู้”
“รวีไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น”
รวีพรรณเดินเลี่ยงออกไป พิทยากำลังจะตาม แต่เจอพนักงานเดินมาชน ทำให้น้ำในถาดหกใส่เสื้อพิทยาผงะ พนักงานหน้าเสีย
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร”
พิทยาขยับจะตามรวีพรรณ แต่เธอหายไปแล้ว พิทยามองหาไปรอบๆ ก็ไม่เห็น เลยเดินไปทางอื่น
มุมหนึ่งที่รวีพรรณแอบอยู่ มองตามพิทยาด้วยสีหน้าเศร้ามาก

หลังห้องจัดเลี้ยง สุอาภายืนดูเวลาขณะที่รอภูวดลอยู่ มีพนักงานห้องจัดเลี้ยงเดินไปเดินมาเป็นระยะ พลันเสียงมือถือดังขึ้น สุอาภากดรับสาย
“ฮัลโหล”
“ผมอยากเปลี่ยนสถานที่ แถวนี้มีคนเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา ถ้าคุณอยากคุยกับผมเป็นการส่วนตัว คงไม่สะดวกนัก”
สุอาภาชะงัก แล้วก็หันไปเห็นภูวดลยืนหลบตรงมุมหนึ่ง สองคนมองหน้ากัน
“แล้วคุณจะให้ฉันไปคุยที่ไหน”
“ผมเปิดห้องเอาไว้แล้ว ผมจะขึ้นไปรอคุณก่อน”
สุอาภาเงียบ อึ้ง มองภูวดลอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำอะไรคุณหรอกน่า ผมไม่ชอบของมีตำหนิ เจอกันที่ห้อง 1102”
ภูวดลวางสายแล้วก็เดินออกไป สุอาภากดวางสายเริ่มกังวล สีหน้าเครียด

แรงปรารถนา ตอนที่ 7 (ต่อ)

พิทยากำลังคุยโทรศัพท์กับสุอาภา ด้วยสีหน้าตกใจเพราะเป็นห่วงสุอาภามาก
“เค้าให้คุณเข้าไปคุยในห้องผมไม่ให้คุณไป ยกเลิกแผนทั้งหมด คุณไม่ต้องทำอะไรแล้ว”
สุอาภากำลังเดินไปที่หน้าลิฟท์
“ไม่ได้นะพิท นี่เป็นโอกาสเดียวที่เราจะทำให้คุณรวีได้รู้ถึงความชั่วของผู้ชายคนนี้ ฉันกำลังจะเข้าไปในลิฟต์แล้ว นายพาคุณรวีขึ้นมาได้เลย”
สุอาภากดวางสายเดินเข้าไปในลิฟท์ พิทยาชะงัก
“คุณแต”
สายหลุดไปแล้ว พิทยากดโทรออกอีกครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ พิทยาอยากจะบ้าตาย! พลันเสียงมือถือดังขึ้นอีกครั้ง พิทยากดรับสายโดยไม่ได้ดูที่หน้าจอ
“คุณแต...คุณอย่าไป”
แต่กลับเป็นเสียงภูวดลที่หัวเราะดังออกมา พิทยาผงะ..รู้ทันทีว่าใคร
“ภูวดล”

ภูวดลยืนเทวิสกี้ทิ้งลงในซิ้งค์ออกจนเหลือแค่ครึ่งขวด
“แกสองคนนี่มันโง่ซ้ำโง่ซากจริงๆ คิดจะเปิดโปงฉัน มันไม่ง่ายนักหรอก”
พิทยาโกรธมาก
“ถ้าแกทำอะไรคุณแต..ฉันรับรองได้เลยว่าฉันจะฆ่าแก”
ภูวดลยิ้ม พร้อมกับเดินออกมาวางขวดวิสกี้ลงบนโต๊ะ
“งั้นแกก็เตรียมตัวขึ้นมาฆ่าฉันได้เลย!”
ภูวดลวางสาย ก่อนจะหยิบแก้วสองใบมาวางข้างๆขวด...แสยะยิ้มชั่วออกมา พิทยาร้อนรนทนไม่ไหว รีบวิ่งออกไปทันที

พิทยากดลิฟท์และรีบเข้าไปทันที ลิฟต์อีกตัว..เปิดออก ภูวดลเดินออกมา เจอรวีพรรณเดินเข้ามาพอดี
“คุณมีอะไรจะให้ฉันดู”
“จำคำถามที่ผมถามคุณค้างไว้ได้มั๊ย... ระหว่างนายพิทยากับสุอาภาเป็นเรื่องจริง หรือว่าสร้างภาพ คำตอบรออยู่ข้างบนแล้ว”
รวีพรรณมองภูวดลด้วยความสงสัยมาก

สุอาภาเข้ามาในห้อง..เอาที่กั้นไม่ให้ประตูปิดมาคั่นไว้ แล้วเดินเข้ามาห้องรับแขกแต่ไม่มีใคร นอกจากแก้ววิสกี้ 2 ใบที่ว่างเปล่าวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับขวดวิสกี้ครึ่งขวด
สุอาภาแปลกใจมาก ค่อยๆเดินเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง
“คุณภูวดล”
เงียบไม่มีเสียงตอบ สุอาภาค่อยๆผลักประตูห้องนอนเข้าไป...ไม่พบใคร
สุอาภาชักรู้สึกไม่ดีแล้วก็ได้ยินเสียงประตูเปิด สุอาภาหันขวับไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว พิทยาเข้ามาในห้อง มองไปที่แก้ววิสกี้สองใบ นึกว่าภูวดลมอมเหล้าสุอาภา พิทยาโมโหสุดๆ จะเดินเข้าไปในห้องนอน
สุอาภาเดินออกมาเห็นพิทยาก็ชะงัก
“พิท”
พิทยาหันมาเห็นสุอาภาก็ดีใจและโล่งใจสุดๆที่สุอาภาไม่เป็นอะไร สุอาภามองพิทยาสีหน้างงมาก แล้วพิทยาก็เข้ามากอดสุอาภาแน่นยิ่งทำให้สุอาภางงหนักมากขึ้น
ภูวดลกับรวีพรรณที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องเห็นพิทยากอดสุอาภาอยู่ตรงประตูห้องนอน รวีพรรณอึ้งตะลึงงัน ภูวดลยื่นหน้าไปพูดข้างหูรวีพรรณ
“ผมว่านี่เป็นเรื่องจริง คุณว่าอย่างนั้นมั๊ย”
รวีพรรณเสียใจพูดอะไรไม่ออกหันหลังจ้ำเดินออกไปทันที ภูวดลมองพิทยาที่ยังคงกอดสุอาภาด้วยสีหน้าสะใจที่สุดก่อนจะตามรวีพรรณออกไป
พิทยายังคงกอดสุอาภาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย และไม่นานพิทยาก็นึกขึ้นได้ว่ากอดสุอาภานานไปแล้ว
พิทยารีบผละออกมา
“ภูวดลไม่ได้ทำอะไรคุณใช่มั๊ย”
สุอาภานิ่วหน้า
“ภูวดล”
“หลังจากผมวางสายคุณ เค้าโทรหาผม เค้าพูดเหมือนรู้ว่าเรากำลังทำอะไร แล้วเค้าก็บอกว่าเค้าจะ...จะทำอะไรบางอย่างกับคุณ”
สุอาภาหน้าเหวอไปทันที
“ตั้งแต่ฉันเข้ามาในห้อง ฉันยังไม่เจอเค้าเลย”
พิทยาแปลกใจ แล้วทั้งคู่ก็นึกออกได้ทันที
“แสดงว่าภูวดลต้องได้ยินที่เราคุยกันก็เลยวางแผนหลอกให้คุณมาหาฉันแทน ฉันว่าตอนนี้เค้าคงพาคุณรวีออกจากงานไปแล้ว”
พิทยาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดตัวเองที่เสียรู้ภูวดล

ภูวดลขับรถอยู่ รวีพรรณนั่งเงียบอยู่ข้างๆยังเสียใจกับภาพที่เห็น เขาหันไปมองแล้วก็ยิ้มสะใจพร้อมกับเริ่มแผนต่อไป
“ถึงกับไม่พูดไม่จา อึ้งงั้นสิ หัวใจมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆเลยใช่มั๊ย นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เกี่ยวกับสองคนนั่นที่คุณไม่รู้ อยากฟังรึเปล่า”
“ฉันไม่อยากฟัง!” รวีพรรณบอก
ภูวดลยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ผมอยากบอก เผื่อมันจะช่วยให้คุณตาสว่างขึ้นมาได้บ้าง สุอาภาเป็นคนวางแผนให้ผมได้ตัวคุณ! เค้าทำให้คุณโกรธเพื่อที่คุณจะได้มาหาผม แล้วก็บอกให้ผมจัดการคุณซะ! เพราะความจริง..ผู้ชายในคลิปคือนายพิทยา แต่จะว่าไป..เค้าสองคนก็เคยมีอะไรกันมาก่อนหน้านั้น..ตั้งแต่สมัยที่พิทยายังคบอยู่กับคุณ”
รวีพรรณทนฟังไม่ไหว
“หยุดได้แล้ว”
ภูวดลพูดกวน
“ผมยังเล่าไม่ถึงครึ่งของเรื่องทั้งหมดเลยนะ”
“ฉันไม่อยากรู้”
ภูวดลสวนกลับทันที
“แต่มีอีกเรื่องที่คุณน่าจะรู้เอาไว้ สุอาภาเที่ยวบอกใครต่อใครว่า พิทยาเคยเป็นของเค้ามาก่อน คุณต่างหากที่เป็นคนแย่งพิทยาไปจากเค้า”
รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้นอย่างสุดจะทนได้อีกต่อไป
“จอดรถ”
ภูวดลแปลกใจหันมามองรวีพรรณ
“คุณให้ผมจอดรถทำไม อ้อ หรือว่าอยากตั้งใจฟังต่อจนจบ”
รวีพรรณหันขวับพูดเสียงดัง
“ฉันบอกให้จอด จอดสิ”
ภูวดลตกใจเลยเอารถจอดเข้าข้างทาง รวีพรรณเปิดประตูลงจากรถไปทันที ภูวดลผงะ รีบเปิดประตูตามลงไป

ภูวดลหันไปมองรวีพรรณที่กำลังเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง
“จะไปไหน”
รวีพรรณไม่ตอบ โกรธจนน้ำตาไหล ไม่สนใจรถที่แล่นมา รถบีบแตรใส่ รวีพรรณไม่หยุด...ยังคงเดินต่อไป ภูวดลตกใจ
“คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอไง นี่!”
รวีพรรณไม่สนใจ ข้ามถนนไปจนถึงอีกฝั่งแล้วก็เดินต่อไปไม่หยุด ภูวดลมองตามรวีพรรณ
“คงเสียใจมากล่ะสิ ฮึ!”
ภูวดลไม่สนใจ ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

รวีพรรณยังคงเดินมาเรื่อยๆ เดินจนขาหมดแรง เดินต่อไปอีกไม่ไหว รวีพรรณหยุดนั่งลงที่ม้านั่งริมแม่น้ำ...คิดทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา..
ในร้านอาหารที่สุอาภาหอมแก้มพิทยา , ในงานเปิดโรงแรม สุอาภาควงมากับพิทยา ,รวีพรรณเห็นพิทยากับสุอาภาที่ออฟฟิศ, พิทยามาบอกว่าต้องแต่งงานกับสุอาภา , ภาพแต่งงานของพิทยากับสุอาภา
สุอาภาเคยบอกว่า
“นายภูวดลเคยพยายามจะข่มขืนฉัน”
รวีพรรณอึ้ง หันขวับมามองสุอาภา สินีนาฎเองก็ช็อกไม่แพ้กัน สุอาภาขยับเข้ามาใกล้รวีพรรณ
“แต่โชคดีที่วันนั้นพิทช่วยฉันเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ฉันจะถูกผู้ชายคนนั้นย่ำยี”
…..........................
เธอคิดถึงคำพูดของภูวดลก่อนหน้านี้ที่พูดกับเธอในรถ
“สุอาภาเป็นคนวางแผนให้ผมได้ตัวคุณ!”
“เค้าสองคนก็เคยมีอะไรกันมาก่อนหน้านั้น ตั้งแต่สมัยที่พิทยายังคบอยู่กับคุณ สุอาภาเที่ยวบอกใครต่อใครว่า พิทยาเคยเป็นของเค้ามาก่อน คุณต่างหากที่เป็นคนแย่งพิทยาไปจากเค้า”
รวีพรรณกำมือ กัดกรามแน่น โมโห โกรธตัวสั่นจนน้ำตาไหลออกมา
“นังสุอาภา เพราะแกคนเดียว แกทำลายชีวิตฉัน!”
แววตารวีพรรณเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นอย่างที่สุด

สุอาภากับพิทยากลับเข้ามาในบ้าน สุอาภามองพิทยาด้วยสีหน้าลังเลแล้วก็ตัดสินใจ
“พิท...ฉันอยากรู้”
“คุณแตอยากรู้อะไรครับ”
“ตอนที่นายรู้ว่าภูวดลจะทำอะไรฉัน นายเป็นห่วงฉันจริงๆใช่มั๊ย”
พิทยามองสุอาภา แต่ยังไม่ทันตอบ เสียงมือถือพิทยาดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมาเห็นชื่อก็ชะงัก เงยหน้ามองสุอาภา
“รวีโทรมา”
พิทยารีบกดรับสาย
“รวี..คุณร้องไห้ทำไม ใจเย็นก่อน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
พิทยาหันไปทางสุอาภา แต่ยังไม่ทันพูดอะไร
“นายรีบไปเถอะ”
พิทยารีบออกไป สุอาภาได้แต่ถอนหายใจออกมา

ในเวลาต่อมา พิทยาเดินเข้ามาเห็นรวีพรรณที่นั่งอยู่ เขาเดินมานั่งข้างรวีพรรณ
“รวี”
รวีพรรณน้ำตานองหน้าหันไปทางพิทยา
“ไอ้ภูวดลมันทำอะไรรวี”
“เค้าไม่ได้ทำอะไรรวี รวีแค่อึดอัดที่ต้องหมั้นกับเค้า เพราะรวีถูกบังคับ รวีปฏิเสธไม่ได้”
พิทยาก็เลยเข้าใจและสงสารรวีพรรณมากยิ่งขึ้น
“รวีขอโทษนะที่ก่อนหน้านี้ รวีพูดไม่ดีกับพิท”
“ผมไม่เคยโกรธรวีเลย”
“แล้วรวีก็ต้องขอโทษที่รวีโทรเรียกพิทออกมา ทั้งๆที่... รวีไม่มีสิทธิ์ในตัวพิทอีกแล้ว แต่รวีนึกถึงใครไม่ออก มันทำให้รวีรู้ว่าพอรวีไม่มีพิท รวีก็ไม่เหลือใครอีกแล้วจริงๆ”
รวีพรรณทำเป็นเศร้า พิทยาจับมือรวีพรรณให้กำลังใจ
“รวีอย่าพูดแบบนี้สิครับ ถึงเราจะลงเอยกันไม่ได้ แต่ถ้าวันไหนที่รวีมีปัญหา ขอแค่รวีหันมา รวีก็จะเจอผมอยู่ข้างๆ ผมจะไม่มีวันทิ้งรวีไปไหน”
“สัญญานะคะ...ว่าพิทจะไม่ทิ้งรวี”
“ผมสัญญา”
รวีพรรณมองพิทยาที่ยิ้มให้เธออย่างจริงใจ ก็รู้สึกพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

สุอาภาดูเวลาใกล้เที่ยงคืน แต่พิทยายังไม่กลับ สุอาภาสีหน้าเป็นห่วงผุดลุกผุดนั่งมองไปที่ประตูตลอดเวลา
“ทำไมยังไม่กลับมาอีก”
สุอาภาถอนหายใจแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลง

พิทยาจอดรถ หันไปทางรวีพรรณ
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง พิทคะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั๊ย”
“แน่นอน”
พิทยาทั้งดีใจทั้งโล่งใจ รวีพรรณแสร้งยิ้มจริงใจ...แล้วก็ลงจากรถ เขาหันไปมองเธอด้วยความรู้สึกดีมากๆ แล้วก็ขับรถออกไป
ทันทีที่พิทยาขับรถออกไป รวีพรรณก็หันมามองตามรถ สีหน้ารวีพรรณเปลี่ยนเป็นร้ายทันที
“แค่ฉันบีบน้ำตานิดหน่อย พิทก็มาหาฉันแล้ว อีกไม่นานหรอกสุอาภา...พิทต้องกลับมาเป็นของฉัน!”

พิทยากลับเข้ามาในบ้านเห็นสุอาภาหลับอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ก็ผงะ รู้ว่าสุอาภารอเค้ากลับมา
เขาเดินมาย่อตัวลงข้างโซฟา มองหน้าสุอาภา
“ที่คุณถามว่าผมเป็นห่วงคุณรึเปล่า ผมเป็นห่วงคุณนะครับ”
พิทยาค่อยๆอุ้มสุอาภาขึ้นมาและเดินขึ้นบันได เธอนอนหลับไม่รู้เรื่อง

เช้าวันถัดมา รวีพรรณเดินออกมาเห็นภูวดล ศรีพิไล ณรงค์ รมณีนั่งด้วยกัน เขาหันไปมองรวีพรรณ รวีพรรณยกมือไหว้ศรีพิไลที่รับไหว้ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เรากำลังคุยเรื่องงานหมั้นของลูกกันอยู่”
รวีพรรณเดินมานั่งข้างรมณี
“งั้นก็ดีเลยค่ะ รวีอยากจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี รวีอยากขอเลื่อนงานหมั้นออกไปก่อน”
ทุกคนชะงัก ตกใจ และ แปลกใจ
“ทำไม”
“ช่วงนี้รวีต้องเร่งปิดงบกลางปี ทำให้ไม่มีเวลาว่าง ถ้าทุกคนไม่เชื่อ รวีจะขึ้นไปเอาตารางงานมาให้ดูก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะหนูรวี”
“รวีอยากทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้ดีที่สุด ไม่อยากทำสองอย่างไปพร้อมกัน มันจะเสียด้วยกันทั้งคู่ เพราะสำหรับรวี งานหมั้นเป็นงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต”
ทุกคนมองรวีพรรณอย่างเข้าใจ มีแต่ภูวดลที่มองรวีพรรณด้วยความสงสัย

ภูวดลเดินตามรวีพรรณออกมายังมุมหนึ่ง
“คุณคิดจะเลื่อนงานหมั้น เพื่อถ่วงเวลาไม่แต่งงานกับผมรึเปล่า”
“เปล่าเลยนะคะ ฉันต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่คุณทำให้ฉันคิดได้ หลังจากที่ฉันทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อคืนนี้แล้ว ฉันคิดไม่ผิดที่เลือกคุณ แล้วอีกอย่างตอนนี้ ฉันก็เป็น...ภรรยาของคุณแล้ว คนเดียวที่ฉันจะแต่งงานด้วยก็คือคุณค่ะ”
รวีพรรณเข้ามากอดภูวดลเพื่อให้ภูวดลตายใจ เขาสีหน้าพอใจ กอดรวีพรรณพลางลูบหัวเหมือนรวีพรรณเป็นลูกแมวเชื่องๆ

ภายในห้องรับแขก รมณี ศรีพิไล ณรงค์ยังคงนั่งคุยกัน
“เลื่อนงานหมั้นออกไป งานแต่งก็ต้องเลื่อน ฉันว่าหมั้นเช้าแต่งเย็นไปเลยดีกว่า” รมณีว่า
“ก็ดีเหมือนกันนะคุณ” ณรงค์ว่า
“เธอว่าไงศรีพิไล” รมณีถาม
“ฉันเห็นด้วย”
ทั้งสามคนต่างยิ้มให้กัน

ภายในบ้านพิทยาตอนเช้า สุอาภาดึงกระดาษโน๊ตที่ติดหน้าตู้เย็นออกมาอ่าน
“ผมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณ วางอยู่บนโต๊ะ”
สุอาภาแปะกระดาษโน๊ตไว้ที่เดิม หันไปเปิดฝาชี เห็นหม้อข้าวต้มวางอยู่ พลันเสียงออดดังขึ้น สุอาภาหันไปมอง
สุอาภาเปิดประตูก็ตกใจมาก ที่เห็นรวีพรรณยืนอยู่
“คุณรวี..เออ..พิทออกไปทำงานแล้วค่ะ”
“ฉันไม่ได้มาหาพิท ฉันมาหาคุณ ขอฉันเข้าไปในบ้านได้มั๊ยคะ”

สุอาภาเดินนำรวีพรรณเข้ามา
“ที่ฉันมาหาคุณ เพราะอยากขอโทษที่ฉันทำตัวไม่ดีกับคุณเอาไว้”
“คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ”
“เอาเป็นว่า ฉันไม่โกรธคุณ และคุณก็ไม่โกรธฉัน ถ้างั้นเราก็เข้าใจกันแล้ว”
สุอาภาสบายใจ
“ค่ะ”
“เมื่อคืนฉันกับพิทตกลงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ฉันเองก็อยากเป็นเพื่อนกับคุณเหมือนกัน”
รวียื่นมือออกไป สุอาภานึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ ก็เลยดีใจมาก ยื่นมือออกไปจับมือรวี สองคนยิ้มให้กัน แต่ยิ้มของรวีพรรณเป็นยิ้มที่เสเสร้ง ไม่นานทั้งคู่ก็ปล่อยมือออกจากกัน แล้วรวีพรรณก็เหลือบไปเห็นหม้อข้าวต้มวางอยู่บนโต๊ะ
“นั่นข้าวต้มฝีมือพิทรึเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ คุณรวีทานด้วยกันมั๊ยคะ”

บนโต๊ะอาหาร สุอาภากับรวีพรรณกำลังทานข้าวต้ม แต่สุอาภากำลังใส่แมคกี้ลงไป รวีพรรณเงยหน้ามอง
“คุณแตคงไม่ชอบทานรสหวาน”
“ใช่ค่ะ พิททำหวานไปหน่อยนึง”
“นี่เป็นรสชาติของฉันค่ะ พิทคงเคยชิน เพราะเค้าทำให้ฉันทานบ่อยๆ”
สุอาภาทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา
สุอาภานึกได้
“ลืมเอาน้ำให้คุณเลย”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันจัดการเอง ฉันรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน”
สุอาภาจุกไปอีก รวีพรรณลุกเดินไปเปิดตู้ หยิบแก้วออกมา
“ดูสิคะ พิทยังเก็บแก้วที่ฉันใช้ประจำเอาไว้อยู่อีก”
รวีพรรณทำเป็นยิ้ม สุอาภาหน้าเจื่อนลงไปอีก รวีพรรณทำเป็นนึกได้
“ขอโทษนะคะที่ฉันพูดมากเกินไป พิทคงไม่ได้คิดอะไรกับฉันแล้วล่ะค่ะ เค้าคงยังไม่มีเวลาเก็บ”
“ฉันเข้าใจค่ะ”
สุอาภาก้มหน้ากินข้าว รวีพรรณมองสุอาภาด้วยแววตาสะใจ

สุอาภาออกมาส่งรวีพรรณ
“ฉันดีใจนะคะที่เราเป็นเพื่อนกันได้” รวีพรรณบอก
“ค่ะ”
“ฉันไปก่อนนะคะ”
สุอาภายิ้มแล้วก็ปิดประตู รวีพรรณสีหน้าเปลี่ยนเป็นเหี้ยมทันที
“ถึงเวลาที่ชีวิตของแกจะถูกทำลายบ้างแล้วสุอาภา”
รวีพรรณเอาแว่นดำจากกระเป๋าออกมาใส่แล้วยิ้มร้ายที่มุมปาก

ภายในออฟฟิศ นพ พิทยา บวรนั่งอยู่กับ ทาคาโน่
“คุณทาคาโน่เห็นผลงานของพิทที่ผ่านมาก็เลยสนใจอยากให้พิทร่วมงานด้วย” นพว่า
“ถ้าผมตกลงกับหุ้นส่วนเรียบร้อย ก็เริ่มงานได้ทันที คุณโอเครึเปล่า” ทาคาโน่บอก
“โอเคครับ ขอบคุณคุณทาคาโน่มากนะครับที่ไว้ใจในฝีมือผม” พิทยาว่า
ทาคาโน่พยักหน้า
“ผมเองก็ดีใจที่จะได้ร่วมงานกับคนเก่งอย่างคุณ ผมกลับก่อน”
ทุกคนลุกขึ้นยืน ทาคาโน่โค้ง ทุกคนโค้งตอบ แล้วทาคาโน่ก็เดินออกไป
บวรหันมาทางพิทยากับนพ
“ถ้าได้งานนี้จริงๆ รับรองจะเป็นงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นของบริษัทเลยนะป๋า”
นพพยักหน้า พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ปวีณาเปิดประตูเข้ามา บวรหันไปมองแบบไม่ชอบหน้า
“เข้ามาทำไม”
“ป๋าเรียกมาเองป๋าจะให้แป๋วช่วยแกกับพิททำโปรเจคนี้
บวรนิ่วหน้า เขากับแป๋วมองหน้ากันด้วยความอึ้ง

พิทยา บวร ปวีณาเดินออกมาด้วยกัน บริเวณหน้าห้องประชุม ปวีณาหันไปทางพิทยา
“แป๋วสัญญาว่า แป๋วจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้คุณพิทผิดหวัง”
พิทยายิ้ม บวรเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้
“อย่าเพิ่งสัญญาเลย เกิดทำไม่ได้ขึ้นมาจะหน้าแตก!”
พิทยาหันไปมองบวรแปลกใจ
“เดี๋ยวก็รู้ค่ะว่าใครกันแน่ที่ทำไม่ได้”
บวรไม่พอใจจ้องหน้าปวีณา
“แล้วฉันจะจับตาดูเธออย่างใกล้ชิด”
ปวีณาเชิดใส่บวรแล้วหันไปยิ้มหวานกับพิทยา
“แป๋วไปทำงานก่อนนะคะ อยู่แถวนี้นานๆแล้วอารมณ์ไม่ดี”
ปวีณาจ้ำเดินออกไป บวรไม่พอใจรู้ว่าโดนแขวะ บวรฮึดฮัด
“จะเดินหนีไปไหนห๊ะ แน่จริงก็พูดมาตรงๆดิ..นี่”
พิทยามองบวรอย่างแปลกใจ
“คุณใหญ่กับแป๋วไม่ถูกกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”
“สงสัยจะตั้งแต่ชาติปางก่อน อารมณ์เสียแต่เช้าเพราะยัยนี่”
บวรเดินหัวเสียออกไป พิทยามองตามบวรอย่างงงๆ

เวลาเย็น ที่บ้านพิทยา สุอาภาหยิบน้ำออกมาจากตู้เย็น แล้วหันไปทางพิทยาที่ยืนอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“นายจะกลับไปช่วยงานป๋า ฉันจะได้หายรู้สึกผิดไปอีกเรื่อง”
พิทยาพยักหน้า ยิ้ม สุอาภาเทน้ำใส่แก้วที่วางบนโต๊ะ
“วันนี้มีแต่เรื่องดีดีทั้งวัน เมื่อเช้าคุณรวีมาหาฉัน เราเคลียร์กันทุกเรื่อง และตกลงที่จะเป็นเพื่อนกัน”
“ดีแล้วครับ ผมดีใจจริงๆที่คุณกับรวีเข้าใจกันได้ รวีก็เป็นคนดีแบบนี้แหละครับ”
น้ำเสียงและแววตาพิทยาเต็มไปด้วยความชื่นชมจนสุอาภารู้สึกได้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เสียงมือถือพิทยาดังขึ้น พิทยาหยิบมือถือขึ้นมาดู
“อายุยืนจริงๆ ...ครับรวี ว่างครับ”
สุอาภาทำเป็นเดินไปนั่งที่โซฟา แล้วก็ลอบมอง อยากรู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน
“ได้สิ...พรุ่งนี้เจอกันครับ”
พิทยาวางสาย สุอาภารีบหันไปทางอื่น พิทยาเดินมาหาสุอาภา
“รวีชวนผมไปทำบุญวันพรุ่งนี้ คุณแตไปด้วยกันมั๊ย”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ค่อยถูกกับวัด เข้าทีไรร้อนทุกทีนายไปกับคุณรวีเถอะ”
พิทยาอมยิ้มและพูดถามอย่างเกรงใจ
“คุณแตโอเคที่ผมไปกับรวีใช่มั๊ย”
“ทำไมฉันจะไม่โอเค ก็อย่างที่ฉันเคยบอกว่าเราแต่งงานกันแต่ในนาม ฉันไม่มีสิทธิ์จะบอกให้นายไปไหน หรือไม่ไปไหน คราวหลัง..ไม่ต้องบอกฉันก็ได้”
“ไม่ได้ครับ ถึงแม้ความจริงมันเป็นอย่างที่คุณพูด แต่ผมต้องให้เกียรติคุณในฐานะภรรยา และผมก็ต้องทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุด ขอบคุณนะครับคุณแต”
พิทยายิ้มแล้วหันหลังเดินออกไป สุอาภาหันไปมองตามพิทยาอย่างรู้สึกดี

ภายในบ้าน รวีพรรณหันไปมองตัวเองในกระจกด้วยสีหน้าพอใจ เธอยิ้มร้ายกาจ
“ยังไงฉันก็ต้องได้ของที่คู่ควรกับฉันกลับคืนมา”

เช้าวันถัดมา ภายในอุโบสถ พิทยากับรวีพรรณกำลังกราบไหว้พระประทาน สองคนหันมายิ้มให้กัน
พิทยากับรวีพรรณเดินมาตามทางด้วยกัน
“ได้มาทำบุญแล้วรู้สึกสบายใจจังเลยนะคะ”
“ครับ”
“พิทจำได้มั๊ย สมัยที่เราเรียนมหาลัย เราต้องมาใส่บาตรด้วยกันทุกวันพระ”
“จำได้”
“ชีวิตในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่รวีมีความสุขมากที่สุด เพราะรวีได้อยู่กับพิทเกือบทุกวัน ถ้ารวีรู้ว่าเราต้องเลิกกัน ที่ผ่านมารวีจะไม่ทะเลาะกับพิท จะรักพิทให้มากๆ เพื่อที่จะมีความทรงจำดีดีเก็บไว้ให้คิดถึง”
พิทยามองรวีพรรณด้วยสีหน้าเห็นใจมาก
“พิทอย่าเก็บคำพูดของรวีมาใส่ใจเลยนะคะ รวีก็พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย”
รวีพรรณทำเป็นยิ้มเศร้าแล้วก็หันหลังเดินออกไป ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นร้ายกาจ พิทยามองตามรวีพรรณอย่างรู้สึกผิดและเดินตามเธอออกไป

ภายในฟิตเนส เวลาเช้า พราวพิไลกับสุอาภากำลังเดินเครื่องข้างๆกัน พราวพิไลหันมาทางสุอาภาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“แกปล่อยให้คุณพิทไปกับคุณรวีสองต่อสองได้ยังไง”
“แล้วทำไมพิทถึงไปกับคุณรวีไม่ได้”
พราวพิไลปิดเครื่องแล้วหันมาคุยจริงจัง
“เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเก่า แกไม่กลัวถ่านไฟเก่ามันจะคุเหรอ”
“คุณรวีเค้าไม่ได้คิดอะไรกับพิทแล้ว เค้าเข้าใจทุกอย่าง เค้ายังมาขอเป็นเพื่อนฉันด้วย”
พราวพิไลอึ้ง
“มาขอเป็นเพื่อนแก ทั้งๆที่แกทำกับเค้าไว้สารพัดเนี่ยนะ สตอแล้ว”
สุอาภาหยุดเดินหันไปถามเพื่อน
“ด่าเค้าทำไม”
“ฉันไม่ได้ด่า ฉันพูดความจริง แกนี่มันอ่อนต่อโลกมากนะแต ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมาขอเป็นเพื่อนกับคนที่แย่งแฟนตัวเองไปหรอก แกห้ามไว้ใจผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด”
“คิดมาก”
“คิดมากก็ยังดีกว่าคิดน้อยแบบแก แล้ววันนึงถูกแย่งสามีไปก็แล้วกัน”
สุอาภาผงะ พราวพิไลนึกอะไรออก
“โทรบอกคุณพิทว่าแกจะตามไป”
“ไม่”
สุอาภาหันมาเดินเครื่องต่อ
“ถ้าแกไม่โทร ฉันโทรเอง”
พราวพิไลหยิบมือถือมากดโทรออกเดินลงจากเครื่อง สุอาภาตกใจรีบตามพราวลงมาแต่ไม่ทัน พิทยารับสายแล้ว
“พราวนะคะคุณพิท แตเปลี่ยนใจอยากตามไปแจม ตอนนี้คุณพิทอยู่ไหนคะ”
สุอาภามองพราวพิไลอึ้งไม่นึกว่าพราวพิไลจะทำจริงๆ

แรงปรารถนา ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในวัด พิทยาวางสายหันมาทางรวีพรรณ
“เดี๋ยวคุณแตกับคุณพราวเพื่อนคุณแตจะตามมานะครับ”
รวีพรรณอึ้งมากแต่ต้องทำเป็นยิ้ม ก่อนจะทำเป็นไม่สบายใจ
“ดีเลยค่ะ แต่พิทคะ ไม่ใช่ว่าที่คุณแตตามมา เป็นเพราะไม่พอใจรวีที่ชวนพิทออกมาหรอกนะคะ”
“ไม่หรอกครับ คุณแตเธอเข้าใจทุกอย่าง ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปมาก น่ารักขึ้นกว่าเดิมเยอะ”
พิทยาพูดถึงสุอาภาแล้วก็ยิ้มชื่นชมออกมา ทำให้รวีพรรณอึ้งแล้วก็คิดบางอย่าง
“เออพิทคะ รวีว่าให้คุณแตกับเพื่อนตามไปเจอเราที่ร้านอาหารเลยดีกว่า”
พิทยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ร้านอาหารริมแม่น้ำ พิทยานั่งข้างรวีพรรณ สุอาภากับพราวพิไลนั่งข้างกันฝั่งตรงข้าม พนักงานเอาเมนูให้ ทุกคนอ่านเมนู รวีพรรณสั่งกับพนักงาน
“ทอดมันปลากราย กุ้งทอดกระเทียม แกงส้มไข่ปลาริวกิว ...ตายจริง ขอโทษนะคะคุณแต ฉันถือวิสาสะสั่งของชอบของพิทหมดเลย”
พราวพิไลชะงักมองรวีพรรณอย่างรู้ทันความคิดแล้วก็แบะปากอย่างหมั่นไส้
“ไม่เป็นไรค่ะ แตไม่รู้หรอกว่าพิทชอบอะไร ไม่ชอบอะไร คุณรวีคงรู้ใจพิทมากกว่าแต”
พราวพิไลมองสุอาภาอย่างเซ็ง รวีพรรณยิ้ม พิทยาหันไปมองสุอาภาก็อดน้อยใจไม่ได้ที่สุอาภาพูดออกมาแบบนั้น
“คุณแตสั่งบ้างเถอะค่ะ รวีพอแล้ว เพราะปกติเวลาไปทานกับพิทก็จะสั่งแค่นี้”
พราวพิไลสุดทน ทำเป็นอ่านเมนูแล้วก็หันไปทางพนักงาน
“ฉันสั่งเอง...น้องค่ะ พี่ขอข้าวตังหน้าด้าน
พราวพิไลมองเหล่ รวีพรรณสะดุ้ง...
“เอ๊ย ข้าวตังหน้าตั้ง”
รวีพรรณมองพราวพิไลแปลกๆ สุอาภากับพิทยายังไม่รู้สึกอะไร
“ยำสารพัด”พิษ” ...อุ๊ยไม่ใช่..ยำสารพัดเห็ด แล้วก็...ปลาตีสองหน้า เอ๊ย อ่านผิดอีกแล้ว ปลาสองรส ไม่รู้เป็นอะไรพูดผิดอยู่ได้ เฮอะๆๆ”
พราวพิไลหันไปทางรวีพรรณกับพิทยา สุอาภามองเพื่อน พนักงานเอาเมนูคืนแล้วเดินออกไป
รวีพรรณมองพราวพิไลอย่างไม่พอใจที่โดนแขวะ

อาหารวางเต็มโต๊ะ รวีพรรณตักแกงส้มให้พิทยา พราวพิไลหงุดหงิดกระซิบสุอาภา
“ทำตัวอย่างกับเป็นเมียคุณพิท ทั้งๆที่แกก็นั่งอยู่”
“ช่างเหอะพราว”
พราวพิไลฮึดฮัด โกรธแทนเพื่อน
“ขอบใจมากรวี”
พิทยากลับเอาชามแกงส้มส่งให้สุอาภา
“คุณแตทานก่อนนะครับ”
รวีพรรณหน้าแตกเพล้ง!! พราวพิไลสะใจมากแทบจะขำออกมา
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ตักให้คุณแต เพราะคิดแต่ว่าพิทชอบแกงส้มก็เลยตักให้พิทก่อน”
“จริงๆผมก็ไม่ได้ชอบมากขนาดนั้นหรอกนะ”
รวีพรรณหน้าแตกเพล้ง!!อีกหน พราวพิไลแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหวเลยต้องพูดออกมา
“เวลาเปลี่ยน คนเราก็เปลี่ยนค่ะคุณรวี เมื่อก่อนอาจจะชอบของอย่างหนึ่งมาก แต่พอมาเจอของใหม่ที่ดีกว่าของเก่าก็เลยเปลี่ยนใจ ที่พูดเนี่ยหมายถึงแกงส้มนะคะ ...แหม..น่าทาน”
พราวพิไลรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วตักแกงส้มกิน สุอาภาหันไปมองเพื่อนอย่างแปลกใจ แล้วพิทยาก็ตักอาหารให้สุอาภา เธอยิ้มขอบคุณ รวีพรรณมองอย่างไม่พอใจ
“คุณพิทนี่เอาใจภรรยาเก่งจริงๆ”
สุอาภาหันขวับ
“พราว”
“ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ คุณพิทคะ พราวพูดผิดตรงไหนที่บอกว่าแตเป็นภรรยาคุณ”
“พูดไม่ผิดหรอกครับ”
พราวพิไลหันไปทางสุอาภา
“เห็นมะ...ต้องพูดคำนี้บ่อยๆซะแล้ว แกจะได้ชิน ...จริงมั๊ยคะคุณรวี”
พราวพิไลจงใจพูดให้รวีพรรณรู้สึก
รวีพรรณพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา
สุอาภากระซิบถามเพื่อน
“วันนี้ผีเจาะปากแกให้มาพูดเหรอไง!”
พราวพิไลยักไหล่ไม่สนใจ รวีพรรณกำช้อนในมือแน่นด้วยความโมโหมากจนทนไม่ไหว
“รวีขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ฉันไปด้วยค่ะ” สุอาภาบอก
สุอาภากับรวีพรรณลุกเดินออกไปด้วยกัน

สุอาภากับรวีพรรณเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกัน
“ต้องขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะคะที่พูดมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็ต้องขอโทษเหมือนกัน มันเคยชินน่ะค่ะ...ปกติเวลาไปไหน พิทจะให้ฉันเป็นคนสั่งอาหารให้ทุกครั้ง เพราะฉันรู้ว่าเค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร อย่างกาแฟก็ต้องกาแฟสองช้อน น้ำตาลหนึ่ง ครีมไม่ต้อง หรืออย่างเวลาที่พิททำงาน เค้ามักจะทานแค่แซนวิชตอนเที่ยง ต้องเป็นแซนวิททูน่าด้วยนะคะ นั้นหล่ะของโปรดเค้าเลย”
สุอาภานิ่งไปที่รวีพรรณรู้ทุกอย่าง แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพิทยาเลยซักอย่าง
“คุณรวีรู้จักพิทดีจริงๆนะคะ”
“เราเป็นแฟนกันมา 7 ปี คิดฝันที่จะมีอนาคตร่วมกันนี่คะ”
สุอาภาหน้าเจื่อน รวีพรรณทำเป็นตกใจ
“ฉันไม่ควรพูดออกไป คุณไม่พอใจฉันรึเปล่าคะ”
“ไม่ค่ะ ฉันเข้าใจ”
“คุณนี่ใจกว้างจัง ถ้าเป็นฉัน...แล้วมีคนมาทำแบบนี้ ฉันเล่นงานตาย ฉันพูดเล่นน่ะค่ะ คนอย่างฉันจะทำร้ายใครเป็น” รวีพรรณแอบเสียงโหดทำเอาสุอาภาอึ้ง
สุอาภายิ้มๆ แล้วรวีพรรณก็เดินหน้าเหี้ยมออกไป

ภายในห้องนอน เวลากลางคืน สุอาภานิ่งคิดแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกไม่ดี
“เราไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพิทจริงๆ ทั้งๆที่พิทรู้เรื่องเราดีทุกอย่าง”
สุอาภากลุ้มแล้วรู้สึกผิด ก่อนจะคิดว่าคงจะต้องทำอะไรซักอย่าง

เวลาเช้า สุอาภาบีบยาสีฟันวางไว้ให้พิทยาแล้วยิ้มพอใจ สุอาภาเอาผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ในห้องน้ำให้ ภายในห้องแต่งตัว สุอาภาเตรียมชุดทำงานให้ หาเนกไทด์ที่เข้ากับเสื้อ เธอหาอยู่สองสามครั้งจนเจอเส้นที่พอใจแล้วก็เอามาคล้องคอตัวเองผูกไทด์ให้พิทยา

เสียงเคาะประตูดังขึ้น สุอาภาเดินมาเปิดประตู เจอพิทยายืนอยู่ เธอดูเก้อๆเขินๆ สองคนไม่พูดอะไร
พิทยาจะเข้ามา สุอาภาจะออกไป เป็นเช่นนี้อยู่ประมาณสองสามครั้ง จนกระทั่ง...พิทยาหลบ
“คุณแตออกมาก่อนครับ”
สุอาภาพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป พิทยาเดินเข้ามาในห้อง เธอตื่นเต้นไม่รู้ว่าพิทยาจะพอใจในสิ่งที่เธอทำหรือไม่

ภายในห้องน้ำ พิทยาเข้ามาก็ผงะเพราะเห็นยาสีฟันบีบไว้ให้แล้ว พิทยาอึ้ง เห็นผ้าเช็ดตัวถูกเตรียมไว้ให้แล้ว พิทยาก็อึ้งไปอีกหน... หันไปเห็นชุดที่เธอแขวนไว้ให้ ก็รู้สึกแปลกใจมากที่เธอทำให้เค้าทุกอย่าง

พิทยาเดินลงมาในชุดที่สุอาภาจัดเตรียมไว้ให้ สุอาภาเห็นก็ดีใจจนเผลอยิ้มออกมา พิทยาหันมา สุอาภารีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่อง หยิบแก้วกาแฟขึ้นมา
“ฉันชงกาแฟให้นาย”
พิทยาแปลกใจ
“คุณเนี่ยนะชงกาแฟให้ผม”
สุอาภาพยักหน้า พิทยารับแก้วกาแฟมองอย่างลังเลนิดนึงเพราะไม่แน่ใจในฝีมือสุอาภา แต่ก็ตัดสินใจดื่ม สุอาภามองลุ้น พิทยาชะงักบอก
“อร่อยมาก รสชาติที่ผมชอบเลย”
สุอาภาทั้งโล่งใจทั้งดีใจ พิทยาดื่มเข้าไปอีก
“ชงให้ผมดื่มทุกวันนะครับ”
พิทยายิ้มให้ สุอาภาพยักหน้าอย่างมีความสุข สองคนยิ้มอย่างรู้สึกดีต่อกัน

เวลาเช้า ภายในออฟฟิศ นพอาร์คิเทค ปวีณากับกรองทิพย์ถือป้าย “WELCOME”
“ยินดีต้อนรับคุณพิทค่ะ”
พิทยายิ้ม
“ขอบคุณนะครับ”
“กลับมาคราวนี้อย่าทิ้งพี่ไปอีกนะคะ พี่คิดถึง” กรองทิพย์บอก
พิทยารับคำอย่างขำๆ
“ครับ”
“แป๋วดีใจนะคะที่จะได้ช่วยงานคุณพิทอีกครั้ง”
พิทยาพยักหน้า แล้วบวรก็เดินเข้ามา
“ไม่มีการมีงานทำกันเหรอไงครับ”
ปวีณาหันไปมองบวรอย่างไม่พอใจ ทั้งสองคนมองเขม่นกันนิดๆ กรองทิพย์รีบจับแขนปวีณา
“มีสิคะคุณใหญ่ ไปทำงานก่อนนะคะ” กรองทิพย์ว่าพลางหันไปบอกพิทยา
กรองทิพย์รีบลากปวีณาออกไป บวรเบ้หน้าแล้วก็หันมาทางพิทยาก่อนจะยิ้มให้ เขาตบบ่าพิทยา
“ฉันแวะมาให้กำลังใจสำหรับการเริ่มงานวันแรกของแกไง มีอะไรโทรหาฉันได้ตลอดน้องเขย”
“ขอบคุณครับคุณใหญ่”
บวรเดินออกไป พิทยาหันมองรอบๆห้อง สีหน้ามีความสุขที่ได้กลับมายืนที่เดิม

บนโต๊ะอาหาร สุอาภานั่งทำแซนวิชทูน่า...เอาผักมาตกแต่งในกล่อง...เอาซอสมาบีบบนหน้าขนมปังเป็นรูปหน้ายิ้ม สุอาภาทำไปก็เลอะเทอะไป แต่ก็ภูมิใจเมื่อทำออกมาเสร็จ

บริเวณทางเดินภายในออฟฟิศ ปวีณาเดินอยู่กับกรองทิพย์
“เที่ยงแล้ว...ไปทานข้าวกันเถอะพี่ทิพย์ เดี๋ยวแป๋วจะชวนคุณพิทไปด้วย”
กรองทิพย์พยักหน้า แล้วทั้งคู่ก็หันไปเห็นรวีพรรณเดินเข้ามาพร้อมถือถุงกระดาษ สองคนอ้าปากค้าง
“นั่นมันแฟนเก่าคุณพิทนี่”
“มาทำไม”
สองคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย

ภายในห้องทำงานของพิทยา รวีพรรณเปิดฝากล่องอาหาร ภายในเต็มไปด้วยปลาดิบ ซูชิ ดูดีและหรูมาก พิทยายืนมอง
“รวีรู้ว่าพิทมาทำงานวันแรก ต้องไม่ยอมไปทานข้าวเที่ยงแน่ๆ รวีก็เลยเอาอาหารมาส่ง แล้วก็จะนั่งทานเป็นเพื่อนพิทด้วยค่ะ”
“น่าทานมากเลยครับ”
รวีพรรณยิ้มพอใจ

สุอาภาเดินหิ้วถุงมาตามทาง แล้วก็เจอกับบวรที่เห็นถุงกล่องแซนวิสเข้าพอดี สุอาภาชะงัก
“อ้าวแต อะไรอ่ะ ของกินเหรอ”
“ใช่”
“กำลังหิวพอดีเลย” บวรจะคว้าถุง
สุอาภารีบดึงหลบ
“ไม่ใช่ของพี่”
บวรอมยิ้ม
“อ๋อ...ของผัวว่างั้นเหอะ”
สุอาภาอายบอก
“พี่ใหญ่..แตไม่คุยด้วยแล้ว”
สุอาภารีบจ้ำเดินออกไปด้วยความอาย บวรขำๆ แล้วก็เดินออกไปอีกทาง

สุอาภาหยุดเดินเพราะเห็นปวีณากับกรองทิพย์ด้อมๆมองๆอยู่ตรงหน้าห้องทำงานพิทยา เธอนึกแปลกใจ
“ทำอะไรกัน”
ปวีณากับกรองทิพย์สะดุ้งตกใจมากเมื่อหันไปเห็นสุอาภายืนอยู่
“มีอะไรข้างใน”
ปวีณากับกรองทิพย์มองหน้ากัน
“คุณแตเข้าไปดูเองดีกว่าค่ะ” ปวีณาบอก
สุอาภานิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ

สุอาภาเปิดประตูเข้ามาก็ชะงักที่เห็นรวีพรรณอยู่กับพิทยา สองคนหันไปมอง รวีพรรณหน้าเจื่อนไปทันที ไม่คิดว่า จะพบสุอาภามาที่นี่
สุอาภามองไปที่อาหารญี่ปุ่น ปลาดิบ ซูชิ บนโต๊ะ แล้วก็รีบเอาถุงแซนวิชที่ตัวเองถือมาซ่อนไว้ด้านหลัง
“ฉันไม่รู้ว่าคุณรวีอยู่กับนาย ขอโทษที่กวน”
“ไม่ได้กวนอะไรเลย เข้ามาก่อนสิ”
สุอาภาเดินเข้ามา พิทยาเห็นถุงที่สุอาภาซ่อนไว้ข้างหลัง
“นั่นคุณแตเอาอะไรมาด้วย”
สุอาภาผงะ ตัดสินใจเอาถุงออกมา พิทยาเห็น รวีพรรณไม่พอใจ
“ฉันทำแซนวิชมาให้นาย”
รวีพรรณนิ่งไป รู้ทันทีว่า สุอาภาทำอย่างที่เธอพูดเมื่อวาน พิทยาเดินมาหา เอาถุงไปจากมือสุอาภา หยิบกล่องมาเปิด เห็นรูปการ์ตูนยิ้มบนแซนวิชก็ยิ้มออกมา
“ คุณทำเองหรอ”
สุอาภาพยักหน้า
“น่าทานมาก ผมทานเลยนะ”
พิทยาหยิบขึ้นมากินทันที สุอาภายิ้ม
“นอกจากหน้าตาดีแล้วยังอร่อยอีกด้วย”
สุอาภาดีใจ
“จริงเหรอ”
“ไม่เชื่อทานดูสิ”
พิทยายื่นแซนวิชไปตรงหน้าสุอาภา เธอจะหยิบขึ้นมากินเอง แต่ไส้ทูน่ากำลังจะหยด
“ทานเข้าไปเลยคุณแต มันจะหยดแล้ว”
สุอาภารีบกินแซนวิชจากมือพิทยา ทำเอารวีพรรณโกรธแค้นมากเหมือนเธอไร้ตัวตน สุอาภากินแล้วก็ยิ้มออกมา
“อร่อยจริงด้วย ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะทำได้”
พิทยามองสุอาภาแล้วก็ยิ้มมีความสุขให้กัน ยิ่งทำให้รวีพรรณโมโหสุดๆ

ภายในร้านอาหารของรพีพรรณ เวลาเย็น เธอนั่งลงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรง สินีนาฎนั่งลงตรงข้าม
“เท่าที่ฟังเธอเล่า ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอทำ จะทำให้พิทกับยัยสุอาภาดีต่อกันมากกว่าเดิม ท่าทางแผนชิงตัวพิทคืนจะคว้าน้ำเหลวซะล่ะมั้ง”
“ไม่มีทาง นังนั่นมันเฟคทำดีมากกว่า อยากรู้นะว่าจะแอ๊บไปได้นานแค่ไหน คอยดูแล้วกัน...ฉันจะทำให้ยัยสุอาภาคุณหนูขี้วีนคนเดิมกลับมาให้ได้”
รวีพรรณหรี่ตาอย่างร้ายกาจ

วันถัดมาเวลากลางวัน ที่บ้านสวนจันทร์จำนง ภาสันต์ ศรีพิไล และจันทร์จำนงนั่งทานข้าวด้วยกัน
“หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าค่าตาพ่อดลเลยนะ”
ภาสันต์กับศรีพิไลชะงัก แล้วศรีพิไลก็รีบแก้ตัวแทน
“ช่วงนี้ตาดลทำงานเยอะน่ะค่ะคุณแม่”
“ใช่ครับ หลานชายคุณแม่เปลี่ยนไปแล้ว ขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงาน แต่บางครั้งก็จริงจังมากเกินไปจนแทบจะไม่ได้พักผ่อน”
“ใช่ค่ะใช่ กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ศรีต้องเตือนให้ทำงานน้อยลง ไม่ใช่ให้เที่ยวน้อยลงนะคะ”
จันทร์จำนงยิ้มบอก
“ดีแล้วที่พ่อดลรู้จักโตเป็นผู้ใหญ่”
ศรีพิไลมองหน้าภาสันต์ก็พยักเพยิดให้เขาพูด
“คุณแม่ครับ ที่ดินของคุณแม่แถวทางด่วนตัดใหม่ คุณแม่มีโครงการจะทำอะไรรึยังครับ”
“ถามทำไม”
“ผมสนใจอยากสร้างห้างสรรพสินค้า เพราะแถวนั้นยังไม่มีห้างฯใหญ่ รับรองถ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ได้กำไรเน้นๆเต็มๆเลยนะครับ”
“แม่ไม่สนใจ เพราะแม่จะเก็บที่ดินตรงนี้ให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของพ่อดลกับหนูรวี”
ภาสันต์กับศรีพิไลมองหน้ากัน

ศรีพิไลเดินออกมากับภาสันต์ที่สีหน้ากลัดกลุ้ม
“ผมดันไปคุยกับคุณทาคาโน่เอาไว้แล้วเรื่องการก่อสร้างห้างสรรพสินค้า เค้าอยากให้เริ่มสร้างภายในสองเดือน”
“มันจะทันที่ไหนกัน”
“ถ้าเราทำไม่ได้ เค้าจะเอาโปรเจกต์นี้ไปคุยกับที่อื่น ซึ่งผมไม่ยอมแน่ เราต้องเร่งงานแต่งงานของเจ้าดลขึ้นมาให้เร็วที่สุด”
ภาสันต์สีหน้าจริงจัง

ภูวดลมองภาสันต์กับศรีพิไลด้วยสีหน้าตกใจ
“ไม่นะครับพ่อ!! ผมยังไม่แต่ง ไหนพ่อบอกจะให้ผมหมั้นกับคุณรวีก่อนไง”
“เพราะคุณย่าจะยกที่ดินแปลงที่ฉันอยากได้ให้แกเป็นของขวัญแต่งงาน แต่ธุรกิจของฉัน ต้องเดินหน้า ขืนรอนานกว่านี้แกรู้มั๊ยว่าฉันจะขาดทุนกี่ร้อยล้าน แกจะมีปัญญาชดใช้ให้ฉันได้มั๊ยห๊ะ!”
ภูวดลอึ้งแอบน้อยใจ
“นี่พ่อเห็นธุรกิจสำคัญกว่าชีวิตของผมงั้นเหรอครับ”
“เพราะธุรกิจมันทำกำไรให้ฉัน แล้วแก...เคยทำอะไรให้ฉันบ้าง ดีแต่สร้างเรื่อง สร้างปัญหาให้ฉันคอยตามเช็ดตามล้าง”
ภูวดลกำมือแน่นด้วยความโมโห ศรีพิไลมองลูกชายด้วยความเห็นใจแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“มันถึงเวลาที่แกจะต้องทดแทนบุญคุณฉันบ้างแล้ว”
ภาสันต์บีบไหล่ลูกชายแน่น หน้าตาเอาจริง แล้วก็หันหลังเดินออกไป
ภูวดลมองตามพ่อต์ด้วยความเสียใจและโมโห ศรีพิไลเดินมาใกล้
“ทำตามที่พ่อเค้าบอกเถอะนะลูก”
ภูวดลหันไปมองแม่ตาแข็งกร้าว
“แม่ก็ดีแต่พูดคำนี้ แม่ไม่เคยช่วยผมเลยซักครั้ง นี่ไม่มีใครรักผม แคร์ความรู้สึกผมเลยใช่มั๊ย!”
ภูวดลน้ำตาคลอเดินออกไป ศรีพิไลพูดไม่ออกมองตามลูกอย่างรู้สึกผิด

เช้าวันถัดมา .... สุอาภาเดินลงมาได้ยินเสียงเครื่องดูดฝุ่นดังกระหึ่ม พอลงมาถึงก็เห็นพิทยาใส่เสื้อกล้ามมีผ้าโพกหัวกำลังดูดฝุ่นก็แปลกใจ พิทยาหันไปเห็นสุอาภาก็ปิดเครื่อง
“ผมทำเสียงดังรบกวนคุณรึเปล่า”
“ไม่ นายทำความสะอาดบ้านเองเลยเหรอ”
“นานๆทำทีน่ะครับ”
“ฉันช่วย”
“ไม่เป็นไร...”
พิทยายังพูดไม่ทันจบ
“ให้ฉันช่วยนายบ้างเถอะ เพราะยังไงฉันต้องอยู่บ้านนายไปอีกนาน ฉันไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้นาย จะให้ฉันทำอะไร บอกมาเลย”
พิทยามองเธออย่างครุ่นคิด

สุอาภามีผ้าโพกหัวทะมัดทะแมงแบบพิทยา ฉีดน้ำยาเช็ดกระจก พิทยาคอยเช็ด สองคนหันมายิ้มให้กัน
เธอเอาไม้ขนไก่ปัดฝุ่น...ฝุ่นเข้าหน้า สุอาภาหันไปจามใส่หน้าพิทยาที่ยืนข้างๆพอดี
พิทยาทำหน้าดุใส่ สุอาภาทำหน้าแหย เธอกับเขาถูพื้นวิ่งสลับกันไปสลับกันมา แล้วก็ชนกันเองจนล้มก้นเบ้าทั้งคู่ ทั้งคู่หันมาหัวเราะให้กัน

รวีพรรณมองรมณีกับณรงค์ที่นั่งอยู่สีหน้าประหลาดใจ
“อีกไม่เกินสองเดือน รวีต้องแต่งงานกับคุณภูวดล”
“ใช่...แม่ว่าก็ดีนะ รวมงานหมั้นกับงานแต่งไว้ในวันเดียวกัน จะได้ไม่เสียเวลา” รมณีบอก
“มันไม่เร็วไปเหรอคะแม่ จะเตรียมอะไรทันที่ไหน”
“ทำไมจะเตรียมไม่ทัน...จ้างออร์กาไนซ์เซอร์ก็จบแล้ว ช่วงนี้ลูกกับคุณภูวดลก็เตรียมงานกันไปก่อน ถ้ายังไงรอพ่อกับแม่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรม แล้วเราค่อยเริ่มอย่างจริงจัง” ณรงค์ว่า
รมณีกับณรงค์หันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข แต่รวีพรรณหน้าเสีย พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

ในเวลาต่อมา สินีนาฎนั่งลงตรงข้ามรวีพรรณ
“ถ้าเธอแต่งงานกับคุณภูวดล งั้นแผนที่จะแย่งพิทมาจากยัยสุอาภาก็ต้องล้มเลิก!”
“ไม่...ฉันไม่มีวันหยุดแค่นี้ ฉันต้องแย่งพิทกลับคืนมาให้ได้ก่อนจะถึงวันแต่งงานของฉัน!และเมื่อนั้นฉันอาจจะไม่ต้องแต่งงานกับนายภูวดล”
รวีพรรณสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง

สุอาภาทิ้งไม้กวาดทางมะพร้าวลงบนพื้นอย่างหมดแรง พิทยาหันไปมอง
“ฉันเหนื่อยแล้ว”
พิทยาหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวขึ้นมายื่นให้
“แต่คุณยังทำไม่เสร็จ”
“แต่ฉันเหนื่อย ทำไม่ไหว”
พิทยาไม่พอใจ
“ไหนบอกไม่อยากเป็นภาระให้ผมไง คุณมันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน นิดหน่อยก็บ่นว่าเหนื่อย ไม่ไหว กวาดใบไม้แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วอีกหน่อยจะทำอะไรเป็น”
สุอาภาฉุนชี้หน้า
“นายก็ไม่เปลี่ยนเหมือนกันแหละ ขี้บ่นตั้งแต่เด็ก รู้ตัวรึเปล่าว่ารอยตีนกาเต็มหน้าหมดแล้ว บ่นเป็นคนแก่อยู่ได้”
สุอาภาย่นจมูกใส่พิทยาแล้วก็ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าโดยไม่รู้ว่าที่หลังมือมีใบไม้ติดอยู่และใบไม้ก็ติดเหนือปากสุอาภา พิทยาหัวเราะ
“คุณต่างหากที่เป็นคนแก่ มีหนวดด้วย”
สุอาภาเอะใจ จับๆที่หน้าตัวเองก็เจอใบไม้แปะอยู่เหนือปาก สุอาภาดึงออกมา พิทยาหัวเราะไม่หยุด
“ขำมากนักเหรอ”
สุอาภาโมโหเห็นสายยางบนพื้นเข้าพอดี ก็หยิบสายยางขึ้นมาแล้วเปิดน้ำฉีดใส่หน้าพิทยา เขาสะดุ้งโหยงแทบสำลัก
“เฮ้ยหยุดนะ”
“ไม่หยุด...”
พิทยาเข้ามาแย่งสายยางจากมือ สุอาภาโวยวายลั่น
“ปล่อย!”
พิทยาไม่ปล่อย สองคนแย่งสายยางกันเหมือนเด็กๆ น้ำฉีดใส่โดนคนทั้งคู่ แต่โดนสุอาภามากกว่า สุอาภาทนไม่ไหว
“ฉันแสบตาไปหมดแล้ว โอ๊ย!”
พิทยาเลยปล่อยสายยางลงพื้นแล้วเข้ามาดูสุอาภาที่เอามือขยี้ตา
“ขอผมดูหน่อย”
สุอาภาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยิ้มหน้าเป็น
“นายโดนหลอกอีกแล้ว”
“คุณแต..!”
สุอาภาหัวเราะสะใจเลยเจอพิทยาจี้เอว สุอาภาพยายามจะหนี ก็หนีไม่ได้ เพราะพิทยารวบตัวเอาไว้
“อย่านะพิท..อย่า...ฮ่าๆๆ”
พิทยากับสุอาภาหัวเราะกันสนุกสนาน รวีพรรณยืนอยู่มุมหนึ่ง...มองภาพตรงหน้าด้วยความโกรธแค้นมาก แล้วพิทยากับสุอาภาก็หันไปเห็นเข้าพอดี รวีพรรณฝืนยิ้มหน้าซื่อออกมา
“รวีมารบกวนรึเปล่าคะ”
ทั้งคู่รีบผละออกจากกันทำหน้าไม่ถูก...เก้อๆเขินๆ

ภายในห้องรับแขก สุอาภา พิทยานั่งฝั่งเดียวกัน มีรวีพรรณนั่งเก้าอี้อีกตัว
“รวีมีเรื่องอยากคุยกับพิทค่ะ”
รวีพรรณเหลือบมอง สุอาภารู้ตัว
“นายคุยกับคุณรวีเถอะ ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ”
พิทยาพยักหน้า สุอาภาเดินขึ้นบันได รวีพรรณมองอย่างพอใจ แล้วก็หันมาทำหน้าเศร้ามองพิทยา ก่อนจะลุกมานั่งข้างๆ ทำหน้าจะร้องไห้
“คุณแม่เร่งให้รวีแต่งงานกับคุณภูวดล รวีขอโทษนะคะที่ต้องเอาปัญหามาให้พิทรับรู้ แต่รวีไม่รู้จะระบายให้ใครฟัง นอกจากพิทคนเดียว”
“ไม่เป็นไรเลยรวี คุณพูดกับผมได้ทุกเรื่อง ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ..ที่ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้”
รวีพรรณเหลือบเห็นสุอาภาแอบยืนฟังด้านหลังกำแพงตรงบันได ก็นึกอะไรออก ยื่นมือมาจับแขนพิทยา
“แค่พิทรับฟังรวีก็ช่วยรวีมากแล้วล่ะค่ะ สิ่งเดียวที่ทำให้รวีอยากมีชีวิตอยู่ก็คือการได้รู้ว่ารวียังมีพิทอยู่ข้างๆ”
รวีพรรณแสร้งร้องไห้น้ำตาไหลทำตัวอ่อนแอ พิทยายกมือเช็ดน้ำตาให้รวีพรรณสีหน้าเห็นใจ รวีพรรณได้ทีเอนซบไหล่พิทยาแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก พิทยาโอบรวีพรรณปลอบใจ
สุอาภายื่นหน้ามาตรงระเบียงที่อยู่เหนือโต๊ะอาหาร...มองภาพคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกที่ว่าทั้งคู่ยังรักกันอยู่มาก สุอาภาเข้ามายืนหลบกำแพงด้วยสีหน้าเศร้าใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น