บ่วงรัก ตอนที่ 7
พรรณีเดินหนีเข้ามาในบ้าน ธานินทร์ตามง้อ และพยายามอธิบาย
“ทำไมล่ะพรรณี ทำไมต้องเป็นแบบนี้ คุณให้อภัยผมไม่ได้เหรอ เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้เหรอ”
พรรณีนิ่ง เมินหน้าหนีไปอีกทาง น้ำตาคลอ ธานินทร์ถอนหายใจ ล้วงกระเป๋าหยิบถุงนาฬิกาพกออกมายื่นส่งให้
พรรณีรับถุงนาฬิกาพกนั้น เปิดออกดู
“วันนั้นที่เรานัดกัน ผมไปช้า เพราะผมไปเอานาฬิกานี่ ผมตั้งใจจะเอามาให้คุณ เพื่อจะบอกว่าผมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดของผมกับคุณ” พรรณีสะเทือนใจ น้ำตาคลอเบ้า “แต่โชคร้าย พอผมไปถึงพ่อผมก็อยู่ที่นั่น พ่อทำร้ายคุณไปแล้ว คุณต้องเชื่อผมนะพรรณี วันนั้นผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ”
“ฉันเชื่อ” พรรณีบอกทันที ธานินทร์ชะงัก “ความจริง วันนั้นหลังจากเกิดเรื่อง ฉันแอบอยู่ในร้านแล้วก็เห็นทุกอย่าง”
ธานินทร์ตกใจ “แล้วทำไมคุณไม่ออกมา คุณหนีผมทำไม”
“เพราะเมื่อฉันได้พบคุณพ่อของคุณ ฉันรู้ว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ฉันเลือกที่จะจบมันแค่นั้น” พรรณีบอก
ธานินทร์อึ้งไป “ถ้าผมรู้ว่าคุณยังอยู่ ผมจะสู้ ผมจะไม่ยอมแต่งงาน พรรณี คุณน่าจะรอผม จนกว่าจะถึงเวลาของเรา”
พรรณีสวนออกมา “ฉันรอไม่ได้”
ธานินทร์สงสัย “ทำไมล่ะ ทำไมคุณถึงรอไม่ได้”
พรรณีส่งนาฬิกาพกคืนให้กับธานินทร์ บอกเสียงแปร่งปร่า
“เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นมันอีกเลย”
ธานินทร์เอะใจ “มันอะไรกันแน่ พรรณี คุณต้องบอกผม ยังมีอะไรที่ผมไม่รู้อีกใช่ไหม ใช่ไหม พรรณี”
พรรณีส่ายหน้า ไม่ยอมพูดใดๆ ธานินทร์มองคาดคั้นไม่เชื่อ
ครู่ต่อมาพรรณีเดินออกมาหน้าบ้านเช่า
“คุณกลับไปเถอะธานินทร์ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันแล้วไป อย่าได้รื้อฟื้นกันอีกเลย”
“บอกมาก่อนซีว่าเรื่องมันคืออะไร อะไรที่คุณปกปิดผมอยู่” ธานินทร์ค้างคาใจ เฝ้าถามคาดคั้น
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก
“ก็มันอะไรล่ะพรรณี”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้”
ธานินทร์มั่นใจว่าต้องมีบางอย่างแน่ “คุณก็บอกผมมาก่อนซี ว่ามันเรื่องอะไรที่ทำให้คุณหนีผมมาตลอด ขอร้องเถอะนะ พรรณี ชีวิตคนเรามันสั้นนัก สั้นเกินกว่าที่จะมานั่งเข้าใจอะไรกันผิดๆ ขอโอกาสให้ผมได้รู้ และได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องบ้าง” ธานินทร์จะร้องไห้ออกมา ขณะเดินเข้ามาหาพรรณี จับแขนทั้งสองข้าง “สักครั้งเดียวในชีวิตก็ยังดี นะพรรณี บอกผมเถอะ คุณหนีผมทำไม”
พรรณีใจอ่อน กำลังจะบอกอยู่แล้ว “เพราะว่าฉัน...ฉัน”
ทันใดนั้นเพชรแท้กลับมา เห็นธานินทร์กำลังจับตัวแม่อยู่ก็โมโห
“นั่นแกทำอะไร”
ทั้งธานินทร์ และพรรณี เหลียวขวับไปมอง สองคนนิ่งตะลึงงัน เพชรแท้ปรี่เข้ามา แล้วผลักธานินทร์ออกไปอย่างฉุนเฉียว
“แกทำอะไรแม่ฉัน”
ธานินทร์พูดอ่อนโยนพยายามอธิบาย “เธอเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดอะไร” เพชรแท้กระแทกเสียงถาม ขณะหันมาทางพรรณี “มันทำอะไรแม่หรือเปล่า”
พรรณีปลอบ “เพชร ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูก”
เพชรแท้จ้องหน้าธานินทร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทำไม...เมียแกทำร้ายแม่ฉันขนาดนี้ แกยังมีหน้ามาเหยียบบ้านฉันอีกเหรอ แกนึกว่าแกมีเงิน แล้วฉันไม่กล้าทำอะไรแกหรือไง”
ขาดคำเพชรแท้ถลันเข้าไปจะเล่นงานธานินทร์ พรรณีรีบมาดึงตัวเพชรแท้ไว้
“อย่าลูก อย่าทำอะไรเขา”
เพชรแท้ดึงดัน ขู่ฟ่อๆ “ปล่อยผมนะแม่ เพชรอยากจะรู้นักว่าเลือดเศรษฐีมันสีอะไร”
“ไม่นะเพชร แม่ไม่ให้เพชรทำอะไรเขา”
“ทำไมล่ะแม่ มันเป็นใครมาจากไหน แม่ยอมให้มันมารังแกแม่อยู่ข้างเดียวได้ยังไง”
พรรณีบอกเสียงจริงจัง “เขาไม่ได้รังแกแม่”
ธานินทร์พยายามอธิบาย “แม่เธอพูดถูกแล้ว ฉันจะมาช่วยพวกเธอต่างหาก”
เพชรแท้กระแทกน้ำเสียงใส่หน้า “โกหก แกน่ะเหรอจะมาช่วยฉัน แกกำลังจะให้ตำรวจมาลากคอฉันเข้าคุกต่างหาก”
พรรณีตกใจ “เพชร เพชรพูดเรื่องอะไร”
“เพชรเห็นมากับตาแม่ เมื่อเที่ยงเนี่ย...เพชรเห็นลูกชายมันคุยอยู่กับนายตำรวจใหญ่ในร้านอาหาร มันจะเอาตำรวจมาจับเพชร”
ทั้งพรรณี และธานินทร์ต่างก็ตกตะลึง
พรรณีหันมามองหน้าธานินทร์ “จริงเหรอ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง”
พรรณีบอกเสียงรัวเร็ว “คุณเอาเพชรเข้าคุกไม่ได้นะ คุณทำไม่ได้นะ”
“ผมไม่ทำอยู่แล้ว” ธานินทร์หันมาอธิบายกับเพชรแท้ “เธอเข้าใจผิด ที่เธอเห็นลูกฉันไปคุยกับตำรวจน่ะ เขาพยายามจะขอให้ตำรวจช่วยเธอต่างหาก เชื่อฉันซี เราสองคนพยายามจะช่วยเธอจริงๆ”
ระหว่างนั้นเองกำลังตำรวจที่เรืองโรจน์แจ้งไป วิ่งเข้ามาอย่างเงียบๆ แต่แล้วเพชรแท้หันไปเห็นเข้า ก็ยิ่งเชื่อว่าธานินทร์มาร้าย ทุกคนยิ่งตกใจ
“ตำรวจ”
เพชรแท้หันไปมองรอบๆ ตำรวจกระจายกำลังล้อมไว้ทุกด้าน
“นี่น่ะเหรอช่วยเรา” เพชรแท้บอกกับพรรณีอย่างโกรธแค้น “แม่เห็นหรือยัง เห็นมั้ยแม่...ตำรวจกำลังจะมาจับเพชร”
ธานินทร์ตกใจ “มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
พรรณีเสียใจยิ่งนัก “ไหนคุณว่าต้องการช่วยเราไง ทำไมคุณทำแบบนี้”
“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ตามตำรวจมา”
เพชรแท้บันดาลโทสะเข้าไปผลักธานินทร์จนล้มลง
“ยังมีหน้ามาโกหกอีก” พร้อมกับหันมาบอกลาพรรณี “เพชรไปนะแม่”
เพชรแท้วิ่งหนีตำรวจไป เสียงนายตำรวจหัวหน้าทีมดังเข้ามา
“หยุดนะ” รีบสั่งการลูกน้องเมื่อเห็นเพชรแท้ไม่หยุด “ตามไป”
เพชรแท้ตัดสินใจวิ่งหลบไปทางหลังบ้าน แล้วหนีออกไปอย่างว่องไว
เพชรแท้โผล่ออกมาทางหลังบ้านเช่า พยายามจะลัดเลาะหนีไปตามซอกซอย ตำรวจคนหนึ่งเห็นเข้า
“อยู่นั่น ตามไป”
ตำรวจอีกคนหนึ่งดักรออยู่ข้างหน้าเพชร
“หยุดนะ” พร้อมกับยกปืนขึ้นขู่
เพชรแท้ตกใจ หันตัวมาทางเดิม วิ่งกลับไป ถูกตำรวจอีกคนหนึ่งที่วิ่งตาม และยกปืนขึ้นขู่
เพชรแท้หยุดกึก ไม่มีทางหนีได้แล้ว และถูกจับกุมได้ในที่สุด ตำรวจจับแขนเพชรแท้ไพล่หลัง แล้วใส่กุญแจมือ
“หยุด ควบคุมตัวไว้ นำตัวไป”
พรรณีเห็น วิ่งตามมาตื่นตกใจ
“เพชร”
ตำรวจพาตัวเพชรแท้เดินมาทางหน้าบ้านเช่า
“เพชรๆ” พรรณีจะวิ่งเข้าไปหาลูก ถูกตำรวจกันไว้ “อย่าทำกับลูกฉันแบบนี้ ลูกฉันไม่ใช่โจรผู้ร้าย เขาเป็นคนดี” พรรณีเสียใจร้องไห้ออกมา “ปล่อยเขาเถอะ ขอร้องนะ ปล่อยเขา”
ตำรวจอีกคนเข้ามากันตัวพรรณีออก
“เราต้องนำตัวนายเพชรแท้ไปที่ สน. นะครับ ยังไงค่อยตามไปที่นั่นก็แล้วกัน”
พรรณีร้องไห้คร่ำครวญ พยายามจะตามเพชรแท้ไป
“อย่าเอาลูกฉันไป ปล่อยๆ”
ตำรวจพยายามกันตัวเพชรแท้ไว้ จนพรรณีล้มลง ธานินทร์เดินเข้าไปหาพรรณี อยากจะปลอบโยน
“พรรณี”
พรรณีหันขวับมาหาตบหน้าธานินทร์อย่างแรงทันที “คุณทำอย่างงี้กับลูกฉันได้ยังไง ฉันไม่น่าหลงเชื่อคุณเลย”
พรรณียันตัวลุกขึ้น จะตามเพชรไป พิณทองกับผึ้งเข้ามาพอดี
พิณทองตกใจ “แม่ เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ”
“ก็เขาไง” ชี้ไปที่ธานินทร์อย่างเกรี้ยวกราด “เขาพาตำรวจมาจับเพชร”
พรรณีใจจะขาดรอนๆ วิ่งตามตำรวจไป สวนทางกับศักดา
“เพชรๆ”
พิณทองกับผึ้งวิ่งตามติด
“แม่จ๋า”
ศักดาวิ่งเข้ามาหาธานินทร์ จังหวะนั้นธานินทร์เริ่มแน่นหน้าอกขึ้นมาอีก
ศักดาตกใจ “ท่าน ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับท่าน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วยพาไปโรงพยาบาลที”
จู่ๆ ธานินทร์ก็รู้สึกเวียนหัว หน้ามืดขึ้นมา ศักดาตกใจ พยายามตั้งสติรีบเข้าไปประคอง
“เอาอีกแล้วเหรอครับ ทำใจดี ๆ ไว้นะครับ ผมจะรีบพาท่านไปโรงพยาบาล”
ศักดาประคองธานินทร์กลับไปที่รถซึ่งจอดอยู่ในหน้าวัด
ตำรวจพาเพชรแท้มาขึ้นรถกระบะที่หน้าวัด
“ปล่อยซี ปล่อยผม ผมไม่ได้ทำผิด”
“ไปๆ ขึ้นไป” ตำรวจผลัก ดัน เพชรแท้ขึ้นรถไป
พรรณี พิณทอง และผึ้งวิ่งตามมา
“เพชร”
“พี่เพชร”
ทั้งสามคนวิ่งเข้าไปที่ท้ายรถกระบะคันนั้น
“คุณค่อยไปที่ สน. ทีหลังนะครับ”
ตำรวจบอก ก่อนที่จะออกรถไป ทั้งสามคนวิ่งตาม เพชรแท้ตะโกนก้อง
“ดูแลแม่ด้วยนะพิณ ดูแลแม่ด้วย
ตำรวจขับรถเร็วขึ้น จนสามคนวิ่งตามไม่ทัน รถตำรวจแล่นห่างออกไป ทั้งสามคนวิ่งตามไป ผ่านรถของเรืองโรจน์ ซึ่งมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในรถ หน้าตายิ้มร้ายอย่างสะใจ
ไม่นานต่อมาพรรณี พิณทอง และผึ้งพากันมานั่งอยู่ที่สถานีตำรวจ
“เขาหลอกแม่ ว่าจะมาช่วยแม่ ที่แท้ก็เอาตำรวจมาจับ” พรรณีแค้นใจธานินทร์ไม่หาย
“ท่านจะทำได้เหรอแม่ ท่านจะทำทำไม” พิณทองไม่อยากเชื่อ
“เพชรมันเห็นมากับตา มันเห็นนายชนะศึกลูกชายเขาคุยอยู่กับตำรวจเมื่อตอนกลางวัน”
“แต่...พิณเพิ่งขอให้เขาช่วยพี่เพชร” พิณทองหลุดปาก
พรรณีชะงัก หันมามองพิณทองเขม็ง ผึ้งไม่รู้จะพูดยังไง
“อะไรนะพิณ พิณไปหาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่”
พิณทองบอกเสียงอ่อย “เมื่อวานค่ะ พิณเห็นแม่กับพี่เพชรร้องไห้ แล้วพิณก็เลย...เลย”
พรรณีตำหนิเสียงเขียว “พิณเลยบอกเขาใช่ไหมว่าเราอยู่ที่นี่”
“พิณไม่ได้ตั้งใจ พิณคิดว่าพิณไว้ใจเขาได้”
พรรณีโกรธมาก “แล้วเป็นไง ดูที่มันทำซี มันเอาเพชรไปเข้าคุกแล้ว พอใจหรือยังล่ะ พอใจไหม” พรรณีลืมตัวเขย่าตัวพิณด้วยความโมโห
พิณทองร้องไห้ “พิณขอโทษค่ะ แม่ พิณมันโง่ พิณโง่จริง ๆ พิณไม่น่าเชื่อเขาเลย พิณขอโทษจริง ๆ แม่
พิณทองกราบพรรณีอย่างสำนึกผิด แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ผึ้งเข้ามากอดพิณทองกับพรรณีอีกคน ร้องไห้ไปด้วยกัน
คืนนั้น พอรู้เรื่องอังคณาหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
“ลูกมันเข้าตารางไปแล้วเหรอ...เก่งมากเรืองโรจน์ เธอทำได้สำเร็จจริงๆ” หัวเราะสะใจ “ไม่เสียแรงที่ฉันไว้ใจ”
“ผมยินดีรับใช้คุณอังคณาเต็มความสามารถอยู่แล้วครับ”
“ดี...ถ้าไอ้ลูกชายเข้าคุกไปได้ นังแม่มันคงหัวใจสลาย”
อังคณายิ้มร้ายสะใจอย่างที่สุด
เรืองโรจน์ทวง “คุณอังคณาครับ แล้วเรื่องของผมที่เราตกลงกันไว้ล่ะว่าไง”
“ใจเย็นสิเรืองโรจน์ ไว้ให้เรื่องไอ้เพชรแท้มันผ่านไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
“ก็ได้ครับ ผมจะรอ”
นกวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาอังคณา
“คุณแม่คะ...ศักดาโทรมาบอกว่าคุณพ่อเข้าโรงพยาบาล รีบไปดูคุณพ่อกันเถอะค่ะ”
อังคณาฟังแล้วหยุดนิ่งไปนิดหนึ่ง แต่แววตาดูสะใจอยู่ลึกๆ รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องของเพชรแท้ทำให้ธานินทร์ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล
เรืองโรจน์มองหน้าอังคณาแล้วยิ้มร้ายตามกัน
บ่วงรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ที่โรงพยาบาล ช่วงตอนกลางคืน ธานินทร์นอนอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นผู้ป่วย ข้างเตียงมีเครื่องตรวจวัดการเต้นของหัวใจ และสายน้ำเกลือระโยงระยางอยู่ ชนะศึกยืนมองออกไปนอกห้องนิ่งๆ กำลังครุ่นคิดหนักอยู่ในใจ ครู่หนึ่งยินเสียงธานินทร์ไอกระแอม ชนะศึกจึงหันมาดู แล้วรีบไปดูพ่อ
“คุณพ่อครับ เป็นไงบ้างครับ”
ธานินทร์ถามอย่างร้อนใจ “มันเกิดอะไรขึ้นลูก ลูกทำอะไรลงไป พ่อให้ลูกไปขอความช่วยเหลือเขาไม่ใช่เหรอ”
ชนะศึกงงอยู่ “ผมก็ทำอย่างนั้น”
“แล้วทำไมตำรวจถึงไปจับเพชร” ธานินทร์ถามอย่างร้อนใจ
ชนะศึกจับตัวธานินทร์ไว้ “พ่อสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะครับ ทำแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อตัวพ่อเองนะครับ”
ธานินทร์ไม่สนใจ “ตำรวจคงตามพ่อไป พ่อเป็นตัวการอีกแล้วหรือนี่” ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ “ชนะ เราต้องช่วยเขานะลูก ช่วยเพชรออกมา รีบขอประกันตัวเขา”
ชนะศึกอึดอัด ท่าทีลำบากใจ “ผมดูรูปคดีแล้วคงจะยากครับ”
ธานินทร์ตวาดเสียงสั่น “ยากก็ต้องทำ ชนะ ลูกต้องทำให้ได้ พ่อขอร้อง ได้ยินไหม”
ธานินทร์โถมใส่ชนะศึกทั้งตัว แทบจะตกเตียง
ชนะศึกตกใจ รีบปลอบ “พ่อครับ ใจเย็นๆ ครับ”
ชนกนันท์เปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี รีบเข้ามาหาถามอาการธานินทร์
“คุณพ่อเป็นยังไงมั่งคะ”
ธานินทร์อ่อนแรง กลั้นใจพูดกับชนะศึกเฮือกสุดท้ายน้ำเสียงเครียด
“ชนะ พ่อไม่เคยขออะไรลูก แต่คราวนี้พ่อขอ ทำทุกอย่างเท่าที่ลูกจะทำได้ ลูกไม่ต้องห่วงพ่อ ไปเดี๋ยวนี้เลย ไปช่วยเพชรออกมาให้ได้ ลูกต้องทำให้ได้ เข้าใจไหม ชนะศึก”
อังคณาที่ตามชนกนันท์เข้ามาได้ยินที่ธานินทร์พูดกับชนะศึกเมื่อครู่พอดี
ธานินทร์เครียดจนสลบไปอีก
ชนะศึกตกใจ “คุณพ่อครับ คุณพ่อ”
ชนกนันท์รีบเรียกหาพยาบาลให้มาช่วยเป็นการด่วน พยาบาลวิ่งกันวุ่น ชนะศึกกับชนกนันท์ช่วยกันดูแลธานินทร์
อังคณายืนนิ่งมองธานินทร์ที่เตียงแล้วเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
อังคณาเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย แล้วหยุดยืนกำมือแน่นด้วยความเจ็บช้ำใจ และกลายเป็นเคืองแค้น
“คุณธานินทร์...คุณเจ็บขนาดนี้ คุณยังคิดเป็นห่วงพวกมันอีกเหรอ”
รุ่งเช้า ภายในสถานีตำรวจแห่งนั้น พิณทอง พรรณี และผึ้ง นั่งระทดระทวยอยู่ที่เก้าอี้นั่งรอ เพราะรอมาตั้งแต่เมื่อคืน ระหว่างนี้เพชรแท้ถูกสอบเครียดอยู่ในห้องสอบสวน
“ทำไมนานจังเลย นี่มันเช้าแล้วนะ” พรรณีปรารภ
“เคยได้ยินว่าบางทีเขาสอบสวนกันเป็นวันก็มีนะน้า” ผึ้งว่า
“แล้วจะสอบไปถึงไหน ถ้ามันไม่ยอมรับว่าขายยา เขาจะซ้อมมันให้รับไหม” พรรณีใจหาย
“ผึ้งก็ไม่รู้เหมือนกัน”
พิณทองรู้สึกแย่ไปด้วย “เดี๋ยวพิณไปถามเขาดูนะแม่”
พิณทองลุกขึ้น จะเดินไปถามจ่าเวร
ตรงทางเดินในโรงพัก เพชรแท้ถูกคุมตัวออกมาจากห้องสอบสวน เพชรแท้ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่ ตำรวจจะพาไปเข้าห้องขัง
“แม่ พี่เพชรออกมาแล้ว” พิณทองบอก
พรรณีกับผึ้งรีบลุกมาหา ทุกคนเดินตามเพชรแท้ไป พรรณีพูดถามไปด้วยอย่างห่วงใย
“เพชรเป็นไงบ้างลูก”
พรรณีพยายามจะเข้ากอดเพชรแท้ แต่ถูกตำรวจกันไว้
“ไม่เป็นไรแม่ เขาอยากรู้ว่าเพชรส่งยาให้ใคร เพชรบอกเขาไปแล้ว เพชรไม่ได้ทำ”
“อดทนนะลูก พระต้องคุ้มครองคนบริสุทธิ์” พรรณีบอกกับตำรวจเสียงสั่นอย่างน่าเวทนา “อย่าทำอะไรลูกฉันนะคะ เมตตาด้วยเถอะ เขาเป็นคนดี เขาเป็นลูกฉัน ฉันเลี้ยงเขามา ฉันรู้”
พรรณีพูดไปร้องไห้ไป เพชรแท้สงสารแม่นัก น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
พิณทองมองภาพแม่กับพี่ชาย พูดอะไรไม่ออก ร้องไห้ไปด้วย
ตำรวจคุมตัวเพชรแท้ไปเข้าห้องขัง
พรรณีถามตำรวจที่อยู่หน้าห้องขัง “คุณคะ ฉันอยากจะประกันตัวลูกชาย ต้องทำยังไงคะ”
“ลองไปพูดกับข้างในโน่นดูแล้วกัน” ตำรวจบอก
เวลาต่อมาตำรวจร้อยเวร ตอบข้อข้องใจของพรรณี มีพิณทองนั่งฟังอยู่ด้วย
“คดียาเสพติดใหญ่อย่างนี้ คงไม่ได้ประกันตัวหรอกครับ ต้องกักตัวไว้จนกว่าศาลจะตัดสินโน่นแหละ”
พรรณีตะลึง ถามรัวเร็ว “แล้วยังไงคะ ลูกฉันต้องนอนอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”
“ไม่เกินสองวันครับ แล้วก็จะส่งตัวเข้าเรือนจำ” ร้อยเวร
“เรือนจำ...ลูกฉันกลายเป็นนักโทษไปแล้วเหรอคะ” พรรณีตื่นตะลึง
“ตอนนี้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ก็แค่ฝากขังไว้” ร้อยเวรบอก
“นานแค่ไหนคะ” พรรณีถาม
“ก็ถ้านายเพชรแท้ผิดจริง คดีมียาเสพติดในครอบครองเป็นร้อยๆ เม็ดแบบนี้ ถ้าไม่ตลอดชีวิตก็ประหารล่ะครับ”
พรรณีตะลึง แล้วโผเข้ากอดพิณทอง ร้องไห้สติแตก ใจจะขาดรอนๆ
“เพชร เพชรลูกแม่”
ขณะที่พรรณี พิณทอง และผึ้งเดินคอตกลงบันไดออกมาจากตึกสน.แห่งนั้น ชนะศึกเพิ่งมาถึงจึงเดินเข้ามาหา
“พิณทอง”
ทั้งสามคนหันหลังกลับไปดู
ชนะศึกไหว้พรรณี “คุณเพชรแท้เป็นไงบ้างครับ”
“แก”
พรรณีบันดาลโทสะ โถมเข้าทุบตีชนะศึกอย่างโกรธแค้น
“ฉันไปทำอะไรให้แกนักหนา ทำไม....ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้”
ชนะศึกงง “อะไรกันครับ คุณน้า”
“ไอ้คนใจร้าย แกมาดูลูกฉันทำไม โน่น!..มันโดนเขาจับเข้าคุกไปแล้ว เพราะฝีมือพวกแก
พรรณีด่าทอต่อว่าพร้อมกับเข้าทุบตีชนะศึกพัลวัน ชนะศึกพยายามกันไว้ พรรณีอ่อนแรง เพราะอดนอน และร้องไห้ ซวนเซจะล้มลง พิณทองรีบไปประคอง
“ปล่อยเขาไปเถอะแม่” พิณทองบอกพรรณีท่าทีเฉยชา
“คุณน้าครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ ผมกับคุณพ่อตั้งใจจะช่วยด้วยซ้ำ”
พรรณีพูดใส่หน้า ไม่เชื่อเลย “ช่วยเรอะ แกช่วยจนลูกฉันต้องกลายเป็นนักโทษ นอนรอวันตายอยู่ในคุก แกพอใจไหม แกสะใจไหม”
ชนะศึกอึ้งไป “ผมตั้งใจช่วยจริงๆ ครับน้า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี แกมันก็หน้าเนื้อใจเสือเหมือนแม่แก” พรรณีพาลด่าอย่างเหลืออด
“คุณน้าครับ” ชนะศึกพยายามจะอธิบาย
พรรณีไม่ฟัง ชี้หน้า มือไม้สั่น “บอกแม่แก ถ้าอยากจะทำอะไร มาทำฉันนี่ ฉันยอมทุกอย่าง อย่าทำลูกฉัน” พรรณีคับแค้นใจร้องกรี๊ดออกมา “อย่ามาทำลูกฉัน”
พรรณีทั้งโกรธ ทั้งเหนื่อย และเสียใจประดังประเด ถึงขั้นเป็นลมหมดสติไป
พิณทองกับผึ้งตกใจมาก ร้องออกมาพร้อมๆ กัน
“แม่!” / “น้าณี”
ชนะศึกจะเข้ามาช่วย พิณทองปัดมือชายหนุ่มออกไป มองด้วยสายตาเจ็บปวด และเกลียดชัง
“อย่ามายุ่ง”
ชนะศึกใจหายวาบ “พิณทอง ผม...”
“พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูด เพราะพิณหลงเชื่อคำพูดของคุณ ครอบครัวพิณถึงได้เป็นแบบนี้”
“คุณเข้าใจผิดนะพิณทอง”
“ใช่ค่ะ พิณเข้าใจผิด พิณผิดที่คิดว่าคุณจะทำสิ่งที่คุณสัญญาเอาไว้ พิณผิดเองที่นึกว่าจะมีใครเห็นแก่ความถูกต้องมากกว่าสายเลือดของตัวเอง ยังไงเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำค่ะคุณชนะศึก”
ชนะศึกพยายามอธิบาย “นี่ ฟังผมก่อน”
“ไม่! พิณไม่ฟัง พิณโง่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว พิณไม่อยากฟังคุณพูด พิณไม่อยากเห็นหน้าคุณ พิณเกลียดคุณ ได้ยินไหมคะ คุณชนะศึก พิณเกลียดคุณ”
พิณทองกระแทกเสียงใส่ แล้วประคองพรรณีเข้าบ้านไป ชนะศึกมองตามตาละห้อย รู้สึกเสียใจ ที่เรื่องลุกลามไปกันใหญ่
บ่วงรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
คืนนั้นชนะศึกเดินดิ่งเข้าประตูบ้านตรงมายังโถงใหญ่ ด้วยท่าทางโมโหจัด ที่โดนพิณทองด่าตอนไปหาที่สน.
“คุณแม่อยู่ไหน”
“อยู่ในห้องนั่งเล่นคะ” คนรับใช้บอก
ชนะศึกรีบเดินดิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่น
อังคณากับชนกนันท์นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น อังคณาเห็นชนะศึกเดินหน้าตาบูดบึ้งเข้ามา
ชนะศึกเสียงเข้ม “ทำไมคุณแม่ต้องโกหกผมด้วย”
อังคณาทำไก๋ “แกพูดเรื่องอะไรของแกตาชนะ ฉันโกหกอะไรแก”
“เมื่อกี๊ผมเพิ่งทะเลาะกับพิณทองมา เรื่องอะไรรู้ไหมครับ เพราะมีคนตามคุณพ่อไปที่บ้านเขา แล้วบอกให้ตำรวจไปจับพี่ชายเขาเข้าคุก ทั้งๆ ที่พี่ชายเขาไม่ได้ค้ายาเสพติด” ชนะศึกมองหน้าแม่ “แต่มีคนกลั่นแกล้งใส่ความเขา”
ชนกนันท์แหวใส่ “พี่ชนะก็เลยมากล่าวหาแม่เหรอคะ”
ชนะศึกหันมาทางชนกนันท์ “พี่ไม่ได้กล่าวหา” ก่อนจะหันมาถามอังคณา “คุณแม่ส่งคนไปรังควานเขา ลูกเขาต้องตกงาน ระหกระเหเร่ร่อนไม่มีบ้านอยู่ เท่านั้นยังไม่พอถึงขั้นจับเขาเข้าคุกเข้าตาราง แล้วยังโกหกผมกับยัยนกอีกว่าคุณแม่ไม่ได้ทำ แล้วต่อไปนี้ผมยังจะเชื่ออะไรคุณแม่ได้อีก”
อังคณาโกรธจนลืมตัว ยืนพรวดตบปากชนะศึกดังเพียะ
ชนะศึกชะงัก
อังคณาด่าไปร้องไห้ไป “หยุดก้าวร้าวแม่ซะที แกว่าแม่อย่างนั้นอย่างนี้ แต่แกเคยรู้บ้างไหมว่าแม่ต้องทำแบบนี้เพราะอะไร แม่ไม่อยากให้แกกับยัยนกเป็นลูกที่ไม่มีพ่อ แม่อยากรักษาครอบครัวของเราไว้ แม่ก็เป็นแค่ผู้หญิงคนนึงที่กลัวจะเสียสามีไป แม่ผิดเหรอชนะ”
อังคณาซบหน้ากับมือตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้น ชนกนันท์เข้าประคองแม่ มองชนะศึกอย่างโกรธๆ
ชนะศึกอึ้งไป ไม่รู้จะทำยังไง
เช้าวันต่อมาอังคณานั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่ในห้องนอน ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ชนะศึกต่อว่าเมื่อวานด้วยความเสียใจ ชนกนันท์เดินเข้ามาในห้องอดเป็นห่วงพ่อไม่ได้
“คุณแม่คะ เช้านี้เราไปเยี่ยมคุณพ่อกันเถอะค่ะ”
“ไปทำไม พ่อแกคร่ำครวญหาแต่อีบ้านนั้น ตัวเองไม่สบาย แล้วยังไปตามหาเมียเก่าจนล้มเจ็บ” บอกชนกนันท์ “ลูกอยากไปก็ไปเองเถอะ แม่ไม่ไปให้เจ็บใจหรอก”
ชนกนันท์อ่อนใจ “คุณแม่น่ะ อย่าพูดแบบนี้สิ ไปเยี่ยมคุณพ่อกันนะคะ”
อังคณาพูดเสียงเรียบๆ “คนเรา อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็เอาไปเผา”
“นกนึกว่าคุณแม่จะอยากทำดีกับคุณพ่อบ้าง เผื่อว่าอะไรๆ มันจะ...”
อังคณาตัดบท “ไม่มีอะไรจะดีขึ้นมาได้หรอก สิ่งที่พ่อแกทำเอาไว้ ต่อให้ตายไปแล้วเกิดใหม่ แม่ก็ยังไม่ให้อภัย”
อังคณาเมินหน้า ยังเสียใจ และโกรธชนะศึกไม่หายที่ต่อว่าตัวเองแบบนั้น
ชนกนันท์หนักใจ ไม่อยากเห็นพ่อแม่เลิกกัน
สายวันเดียวกันพิณทองกำลังตากผ้าอยู่ที่ราวข้างบ้าน พิณทองก้มลงไปหยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาจากตะกร้า แล้วหนีบที่ราวตากผ้า แต่พอพิณทองขยับตัวพ้นเสื้อ ก็เห็นชนะศึกยืนอยู่ตรงนั้น พิณทองชะงักไปชั่วขณะ
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“คุณกลับไปซะ พิณไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
พิณทองก้มลงไปยกตะกร้าผ้าขึ้น จะเดินหนีเข้าบ้าน ชนะศึกดึงตะกร้ารั้งไว้
“มีสิ ผมบอกแล้วไง คุณเข้าใจผิด ผมต้องการอธิบาย”
พิณทองบอกเสียงเรียบ ท่าทีหมางเมิน “ออกไป”
ชนะศึกชักหงุดหงิด เสียงเข้ม “นี่ พิณทอง คุณฟังผมก่อน”
“อย่ามาขึ้นเสียงนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งอะไรพิณ พิณไม่ใช่ลูกน้องของคุณอีกแล้ว ออกไป”
พิณทองกระชากตะกร้าผ้ากลับมา แล้วเดินเข้าบ้านทันที
ชนะศึกเดินตามพิณทองเข้ามาในบ้าน
“เดี๋ยว พิณทอง ฟังก่อน” พิณทองเดินหนี ชนะศึกเดินตามติด “ผมไม่ได้เอาตำรวจมาจับพี่ชายคุณนะ ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมพยายามจะช่วยคุณ” ชนะศึกโมโหที่พิณทองเดินหนีไปเรื่อยๆ “นี่ผมกำลังพูดอยู่นะ ฟังหน่อยได้ไหม”
พิณทองหันขวับมา พูดใส่หน้า “ไม่ เพราะพิณฟังคุณ ครอบครัวพิณถึงได้เดือดร้อนแบบนี้”
ชนะศึกชักโมโหเหมือนกัน
“แล้วครอบครัวผมไม่เดือดร้อนหรือไง คุณรู้ไหม ตอนนี้บ้านผมจะลุกเป็นไฟอยู่แล้วเพราะเรื่องนี้”
พิณทองสวนคำ อารมณ์แรง “เลยจะโทษพวกเราอีกใช่ไหม” ประชดประชัน “จะมาด่าว่าอะไรบ้านพิณอีกล่ะ เอาตำรวจมาจับแม่พิณไปขังคุกเลยไหม พิณไม่อยากฟังคุณพูดอะไรทั้งนั้น ออกไปนะ ออกไป”
พูดจบพิณทองผลักชนะศึกออกจากบ้าน ชนะศึกไม่ยอม จับมือพิณทองไว้ ยื้อยุดกันอยู่ในบ้าน
“บอกให้ออกไป”
“ไม่ไป จนกว่าคุณจะฟังผม”
“ไม่ฟัง พิณไม่ฟังอะไรทั้งนั้น พิณหลงเชื่อว่าคุณจะช่วยเราแต่สุดท้าย คุณก็เข้าข้างแม่ของคุณ คุณทำร้ายแม่ ทำร้ายพี่เพชร พวกคุณทำร้ายเราทั้ง ๆ ที่เราบริสุทธิ์ พวกคุณมันใจร้าย ใจดำ”
พิณทองด่าไม่ยั้ง ชนะศึกไม่รู้จะทำยังไง กอรปกับอารมณ์โกรธกรุ่นๆ ชายหนุ่มลืมตัวโน้มใบหน้าจูบพิณทองทันทีอย่างจู่โจม
พิณทองตกใจมาก ผลักชนะศึกออกอย่างแรง แล้วตบหน้าไป 1 ฉาด ชนะศึกได้สติ พิณทองร้องไห้โฮ
ระหว่างนั้นพรรณีกลับเข้ามาพอดี
“อะไรกันนี่” พรรณีแปลกใจที่เห็นพิณทองร้องไห้ “พิณเป็นอะไร” หันมาเอาเรื่องชนะศึก “คุณทำอะไรลูกฉัน”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่” พิณทองบอกทั้งน้ำตายังไหลริน “เขาก็แค่...มาหาความสะใจแถวนี้เท่านั้นเอง”
พรรณีมองชนะศึกอย่างโกรธแค้น
“คุณชนะศึก ชีวิตฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว ฉันไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีงานทำ ลูกชายของฉันถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุก คุณยังคิดจะมาย่ำยีลูกฉันอีกเหรอ คุณจะบีบคั้นกันไปถึงไหน”
“ผมไม่ได้คิดทำร้ายครอบครัวของคุณ ผมยืนยัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไป แล้วอย่าให้ฉันเห็นคุณที่นี่อีก”
ชนะศึกมองพิณทองสายตาเว้าวอน แต่พิณทองเมินหน้าเช็ดน้ำตา ชนะศึกตัดใจเดินออกไป
พรรณีหันไปหาพิณ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก”
พิณทองส่ายหน้า ไม่พูดอะไร
“เขาทำร้ายพิณหรือเปล่า” พรรณีคาดคั้น
“เปล่าค่ะ พิณก็แค่เสียใจที่เขาทำกับเรา ทำกับพี่เพชรถึงขนาดนี้ แต่ก็ดีจะได้เห็นธาตุแท้กัน พิณจะได้ไม่หลงคิดว่าเขาเป็นคนดีอีกต่อไป”
พิณทองสะอื้นเบาๆ เสียใจ พรรณีกอดปลอบ
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป พิณก็จำเอาไว้เป็นบทเรียนแล้วกัน ส่วนเรื่องเพชรแม่จะหาทางช่วยพี่เขาเอง”
เช้าวันต่อมาพรรณีเดินตรงมาที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดหมายเลข
ที่บ้านธานินทร์ แจ๋วรับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านเลิศชัยวัฒน์ค่ะ”
“ขอพูดกับคุณธานินทร์ค่ะ”
“ท่านไม่อยู่ค่ะ ตอนนี้ยังพักอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยคะ”
“โรงพยาบาลไหนคะ”
“ที่โรงพยาบาล” แจ๋วบอกชื่อโรงพยาบาล
พรรณีทราบชื่อโรงพยาบาล พยักหน้า บอกขอบคุณแล้ววางหูโทรศัพท์
พรรณีรำพึงกับตัวเอง “ธานินทร์ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรู้ความจริงเสียที”
ระหว่างนั้นร่างของธานินทร์นอนอยู่บนเตียง และถูกส่งเข้าไปในเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อทำ CT Scan
เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องเอกซเรย์สั่งให้ธานินทร์หายใจเข้า หายใจออก และกลั้นหายใจ
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เห็นเป็นภาพลำไส้ของธานินทร์ที่ได้จากการเอกซเรย์ หมอยืนดูอยู่หน้าเครียด
ธานินทร์นอนอยู่ที่เตียงคนไข้ หมอเดินเข้ามาหา ในมือถือแฟ้มผลการตรวจร่างกาย ท่าทางหมอดูออกว่าหนักใจ
ธานินทร์มองหน้าหมอ เห็นหน้าหมอเครียดๆ “อาการผมเป็นยังไงมั่งหมอ”
ธานินทร์เตรียมฟังคำตอบ รอลุ้นไปด้วย
“ต่อไปคนไข้จะมีอาการปวดท้องรุนแรงขึ้น ถี่ขึ้น”
ธานินทร์ทำเฉยๆ ไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด “อีกหน่อยคงต้องมารบกวนหมอบ่อยๆ ซีนะ”
หมอถอนใจหนักๆ พูดจริงจัง
“ระยะสุดท้าย อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดจะรุนแรงมาก อาจจะต้องใช้มอร์ฟีนเข้าช่วยระงับความเจ็บปวด ผมว่า คุณธานินทร์น่าจะบอกให้คนในครอบครัวทราบได้แล้ว”
ธานินทร์ตัดบท “เอาเถอะหมอ ผมจะบอกพวกเขาเองเมื่อถึงเวลา เออ นี่ผมกลับบ้านได้หรือยัง เบื่อห้องนี้เต็มทน”
“ยังครับ เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลมาพาไปนั่งเล่นในสวนสักครู่ จะได้รู้สึกดีขึ้น”
“ก็ได้ ขอบใจนะ”
หมอตรวจดูตวามเรียบร้อย แล้วเดินออกไป
พยาบาลเข็นธานินทร์มาตามทางเดิน ก่อนจะเข็นเข้าไปในสวนหย่อม มาหยุดที่ใต้ร่มไม้ใหญ่
ธานินทร์บอกยิ้มๆ “เอาล่ะๆ คุณทิ้งผมไว้ตรงนี้ก็ได้”
“เดี๋ยวอีกสักครู่ ดิฉันจะมาพาท่านกลับห้องนะคะ”
ธานินทร์พยักหน้ารับทราบ พยาบาลเดินเข้าไปนอาคารผู้ป่วย
ธานินทร์อยู่คนเดียวลำพัง ครุ่นคิดถึงเรื่องที่หมอพูด สุดท้ายก็คิดเป็นห่วงพรรณี
ธานินทร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ถอนหายใจ เป็นนาฬิกาเรือนเดิมที่ติดมือมาตั้งแต่คืนที่ไปหาพรรณี ก่อนจะเข้าโรงพยาบาล
“เวลาเหลือน้อยทุกทีแล้ว ฉันจะทำยังไงดี”
ธานินทร์กลุ้มปิดฝานาฬิกา แต่พลาดทำนาฬิกาหลุดมือ นาฬิกากระเด็นลงไปที่พื้นหญ้า
จู่ๆ มีมือใครคนหนึ่งเก็บนาฬิกาขึ้นจากพื้น ยื่นส่งให้ ธานินทร์รับไว้ เงยหน้ามองเห็นคนที่ส่งให้ ยิ้มอย่างดีใจ
“พรรณี”
พรรณีนิ่ง บอกด้วยน้ำเสียงหมางเมิน “ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณ”
ธานินทร์เก้อๆ ไปนิดหน่อย “เรื่องอะไร”
“เรื่องของเพชรแท้” ประโยคต่อมาพรรณีเน้นคำ ท่าทีจริงจัง “คุณต้องช่วยเขา”
“ผมกำลังหาทางช่วยเขาอยู่”
“ตำรวจเขาเร่งคดีของเพชรขึ้นมาอีก เขาบอกว่าไม่เกินเดือนนี้ศาลจะตัดสิน แล้วอาจจะ...เขาอาจจะประหารชีวิตเพชร”
ธานินทร์ตกใจ “หา”
“คุณเท่านั้นที่ช่วยเพชรได้ คุณรู้จักคนใหญ่คนโตเยอะ คุณต้องขอให้เขาช่วยเพชร”
“ผมบอกแล้วไง ผมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ” ธานินทร์บอกย้ำ
พรรณีสวนคำ “ไม่ใช่เพื่อฉัน แต่เพื่อตัวคุณเอง ถ้าเขาต้องมีอันเป็นไปคุณเองนั่นแหละที่จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
บางอย่างในน้ำเสียง และท่าทางของพรรณีทำให้ธานินทร์ชะงัก
“คุณหมายความว่ายังไง พรรณี”
พรรณีหน้านิ่ง เตรียมพร้อมจะเปิดปากพูดความจริง
ธานินทร์นั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องพักฟื้นแล้ว ท่าทางอยู่ตกในภวังค์ ภายในใจรู้สึกเศร้า สีหน้าธานินทร์กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เหตุการณ์เมื่อครู่ผุดขึ้นมาในห้วงคิด
พรรณีนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนหย่อม ส่วนธานินทร์นั่งอยู่บนรถเข็น พรรณีมองหน้าธานินทร์แล้วเล่าด้วยเสียงจริงจัง
“เมื่อยี่สิบปีก่อน หลังจากวันที่พ่อคุณมาก่อเรื่องวันนั้น ฉันก็ย้ายกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ต่อมาไม่กี่เดือน ฉันก็คลอดเขา”
ธานินทร์คิดตาม เริ่มเอะใจ พรรณียังเล่าต่อไป
“ฉันรักเขามาก ฉันตั้งชื่อเขาว่าเพชรแท้ เพราะเขาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน” มองหน้าธานินทร์ขณะพูดประโยคต่อมา “เป็นของขวัญสิ่งเดียวที่ฉันได้จากผู้ชายคนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต”
ธานินทร์เริ่มจะเข้าใจ “พรรณี คุณจะบอกว่า...”
“ใช่ เพชรแท้เป็นลูกของคุณ” พรรณีบอกเสียงและท่าทีจริงจัง
ธานินทร์นิ่งตะลึง
“นี่หมายความว่าคุณตั้งท้องตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้วใช่ไหม” พรรณีพยักหน้า ธานินทร์โวย “แล้วทำไมคุณไม่บอกผม”
“ฉันบอกไปแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร มันจะเปลี่ยนอะไรได้หรือ”
“ได้ซี ถ้าผมรู้ว่าเรามีลูกด้วยกัน ผมจะไม่ยอมแต่งงาน ผมจะพาคุณหนีไป ผมจะทำทุกอย่างไม่ให้มันเป็นแบบนี้ ทำไมล่ะพรรณี ทำไมคุณไม่เชื่อผม ทำไมไม่ให้โอกาสผม ทำไม”
ธานินทร์ทั้งเสียใจ และน้อยใจ พรรณีน้ำตาไหล เสียใจเหมือนกัน
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว ฉันไม่อยากรื้อฟื้น ทุกวันนี้แม้แต่เพชรเองก็ไม่รู้ เขาคิดว่าพ่อของพิณทองคือพ่อของเขา และฉันก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”
ธานินทร์ครวญ “คุณไม่ยุติธรรมกับผมเลย”
พรรณีบอกอย่างปล่อยวาง “มันดีที่สุดแล้ว สำหรับทุกคน ที่ฉันต้องบอกคุณวันนี้ ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ฉันแค่ไม่อยากให้คุณทำร้ายลูกในไส้ของตัวเอง ฉันต้องการให้คุณช่วยเพชร ฉันต้องการแค่นั้นจริงๆ”
พรรณีมองหน้าธานินทร์แล้วหันหลังเดินจากไป ปล่อยธานินทร์ก็อึ้งกับความจริงที่เพิ่งรู้
ธานินทร์ดึงตัวเองกลับมา คิดตกแล้ว ใบหน้าเครียดเคร่งนั้นจึงค่อยๆ ระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แล้วรำพึงออกมา
“เรามีลูกด้วยกันหรือนี่ ผมมีลูกกับคุณพรรณี”
ธานินทร์รู้สึกมีความสุขเหลือเกินแล้ว ที่มีพยานรักกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในชีวิต
เช้าวันนี้ พิณทองเอาขันตักน้ำฝนในโอ่งเดินมาส่งให้พรรณีที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่หน้าบ้าน
“แม่จ๋า กินข้าวเสร็จแล้วดื่มน้ำเย็น ๆ นี่นะจ๊ะ จะได้ชื่นใจ”
มือพิณทองยื่นขันน้ำส่งให้แม่แล้ว พรรณียิ้มกำลังจะยื่นมือออกไปรับ แต่แล้วก็มีมือใครคนหนึ่งเข้ามาปัดขันน้ำจนตกพื้น น้ำหกกระจายไปทั่ว
พิณทองกับพรรณีหันไปมองคนที่ปัดขันน้ำเห็นเป็นชนกนันท์ก็ตกใจ ชนกนันท์มองจ้องทั้งสองสลับกันแล้วยิ้มอย่างสะใจ
พิณทองตกตะลึงอยู่ สักครู่อังคณาก็มาปรากฏตัว “พวกคุณ...”
พรรณีลุกขึ้นยืนพรวด “พวกแกมาที่นี่ได้ยังไงน่ะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ชนกนันท์ไม่โต้ตอบ แต่ใช้สายตามองดูสภาพบ้านอย่างดูถูก “บ้านโทรม ๆ หลังนี้ดูเหมาะกับพวกแกดีนะ” สาวแสบเน้นเสียงทุกคำ “ทั้งจนทั้งต่ำ เหมาะกับพวกชอบแย่งสามีชาวบ้าน”
พรรณีเริ่มโกรธ “ฉันบอกว่าให้ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ไง ไม่ได้ยินเหรอ”
“ทำไม ถ้าฉันไม่ไปซะอย่าง แกจะทำอะไรฉันได้” ยิ้มเยาะ “ฉันก็แค่อยากมาเห็นสีหน้าพวกแกตอนนี้ ไอ้เพชรแท้มันจะโดนประหารอยู่แล้วนี่ จะบอกอะไรให้นะ...ฉันนี่แหละที่เป็นคนจัดการวิ่งเต้นให้คดีมันเร็วขึ้น มันถึงได้จะตายเร็วแบบนี้ไง”
พิณทองตกใจ “พวกคุณเป็นคนทำจริงๆ ด้วย”
พรรณีโกรธจัด “พวกแกต้องการอะไร...ทำกับพวกเราแบบนี้ทำไม ทำกับลูกชายฉันแบบนี้ทำไม”
อังคณาเดินเข้าไปหาพรรณีท่าทางน่ากลัว “ก็เพราะแกมายุ่งกับผัวฉันยังไงล่ะ ฉันถึงได้ตามจองล้างจองผลาญพวกแก จำไว้นะอีพรรณีตราบใดที่แกยังไม่เลิกยุ่งกับผัวฉันล่ะก็” แล้วผลักพรรณีอย่างแรง พรรณีไม่ทันตั้งตัวล้มลงไปนั่งกับพื้น “ฉันจะทำให้แกกับลูกเจ็บปวดยิ่งกว่านี้อีก”
พูดจบอังคณากับชนกนันท์ก็ยิ้มเยาะแล้วเดินเชิดจากไป
พรรณีร้องไห้ด้วยความแค้นใจและเจ็บใจ พิณทองกอดแม่สงสารชีวิตครอบครัวตัวเอง
รถธานินทร์แล่นมาจอดที่หน้าสถานีตำรวจ ครู่หนึ่งธานินทร์ลงมาจากรถ โดยมีศักดาเป็นคนเปิดประตูให้ ธานินทร์รีบเดินขึ้นไปบนสถานีตำรวจ
ธานินทร์เดินขึ้นไป หันซ้ายหันขวาเพราะไม่ค่อยคุ้นที่ทาง พยายามถามจ่าเวร
“เอ่อ โทษทีเถอะครับ ผมมาเยี่ยมคน”
“เยี่ยมใครล่ะ” จ่าเวรถาม
“เพชรแท้ครับ ชื่อเพชรแท้ มงคลกุล”
“เพชรแท้ อ๋อ ไม่ทันแล้ว” ธานินทร์งง จ่าเวรบอกต่อ “เขาเอาตัวไปนู่นแล้วล่ะ”
ธานินทร์อึ้ง “พาไปไหนครับ”
“พาไปฝากขังที่เรือนจำ”
ธานินทร์มองตามมือ เห็นด้านนอก ตำรวจกำลังต้อนผู้ต้องหาขึ้นรถคุมตัวนักโทษที่มีลูกกรงเหล็กแน่นหนากันหลบหนี ธานินทร์รีบวิ่งออกไปที่รถคันนั้น ตำรวจกำลังผลักเพชรแท้ให้ขึ้นรถ ธานินทร์วิ่งไปที่รถ เพชรแท้เข้าไปในรถ ตำรวจปิดประตูลูกกรง
ธานินทร์เดินมาถึงรถคุมนักโทษ เกาะลูกกรงเรียก
“เพชร เพชรแท้”
เพชรแท้หันขวับ พอเห็นว่าเป็นธานินทร์ก็ไม่พอใจทันที “แกมาทำไม”
“ฉัน...ฉัน” ธานนิทร์อยากบอกว่ามาเยี่ยม แต่พูดไม่ออก
เพชรแท้เยาะหยัน “ฉันเข้าคุกสมใจแกแล้วนี่ สะใจไหม”
“ไม่นะ เพชรแท้ ฉันจะมาช่วยเธอ”
“ฉันไม่เชื่อ ไปให้พ้น ไป ไม่งั้นฉันลงไปเหยียบแกเดี๋ยวนี้”
ตำรวจเข้ามากันธานินทร์ออกไป ตำรวจพลขับขึ้นประจำที่
“ถอยไปก่อนคุณ มีอะไรกันหรือครับ” ตำรวจบอกดีๆ
ธานินทร์บอก “ผมมาหาเขา”
“ไม่ได้ครับ อยากเยี่ยมไปเยี่ยมที่เรือนจำโน่น”
จังหวะนั้นเพชรแท้ตะโกนออกมา “ไม่ต้องมาเยี่ยมฉัน ไอ้ธานินทร์ แกใส่ร้ายฉัน แกเอาฉันเข้าคุกทั้งที่ฉันไม่ผิด” ยิ่งคิดยิ่งแค้น “ถ้าฟ้ามีตา ถ้าฉันรอดออกไปได้วันไหน แกได้เห็นหน้าฉันแน่ ฉันไม่ปล่อยแกหรอก ฉันจะออกไปฆ่าแก”
เพชรแท้แค้นจัดทุบลูกกรงโวยวาย ระหว่างนั้นรถลูกกรงเคลื่อนออกไป
ธานินทร์เดินตาม รถนักโทษเคลื่อนห่างออกไป ธานินทร์วิ่งตามไปอีกนิดหน่อย เอื้อมมือไปเหมือนจะจับรถ รถแล่นออกไปลับตา ธานินทร์หยุดหายใจเหนื่อยหอบบอกกับตัวเอง
“พ่อมาช่วยลูกนะ เพชรแท้ พ่อมาช่วยลูก”
คืนนั้นตำรวจควบคุมตัวคนร้าย เป็นผู้ชายท่าทางนักเลงคนหนึ่งเข้ามา คนที่ยัดยาให้เพชรแท้ พามาดูตัว
“พาตัวเข้ามา”
ผู้การสวัสดิ์นั่งอยู่ในห้อง
“ขออนุญาตครับท่าน คนนี้ละครับ ท่าน”
ผู้การสวัสดิ์พยักหน้า ตำรวจพาคนร้ายมานั่งตรงหน้าผู้การสวัสดิ์ ผู้การสวัสดิ์เอารูปเพชรแท้ให้ดู แล้วถาม
“รู้จักคนนี้ไหม”
คนร้ายมองรูปเพชรแท้นิ่งไม่ตอบ อาการไม่แน่ชัดว่ารู้จักหรือไม่รู้จัก
พนักงานสอบสวน คาดคั้น “บอกมาดีกว่า มันชื่ออะไร อยู่ที่ไหน” คนร้ายส่ายหน้าอีก “เป็นพวกส่งยาด้วยกันไม่ใช่เรอะ”
คนร้ายนิ่งไป ท่าทางลังเลใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดี
กลางดึกคืนนั้น ชนะศึกกำลังรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน ท่าทางกระวนกระวาย จนโทรศัพท์ดังขึ้น ชนะศึกผวารับสาย
“ฮัลโหล...ได้ความว่าไงมั่งครับลุงสวัสดิ์” ชนะศึกฟังท่าทีตื่นเต้น “อะไรนะ”
ตรงโต๊ะธุรการในเรือนจำคลองเปรมตอนสายวันต่อมา มีคนมาแสดงความจำนงขอเยี่ยมนักโทษอยู่ เจ้าหน้าที่จดไว้ รายนั้นออกไปนั่งรอ พรรณีกับพิณทองเป็นคิวต่อไป
“มาขอเยี่ยมนายเพชรแท้ค่ะ เพชรแท้ มงคลกุล ฝากขังค่ะ”
เจ้าหน้าที่ทวนชื่อ มองหา “เพชรแท้ มงคลกุล เหรอครับ” ก้มดูในรายชื่อครู่หนึ่ง “ผมตรวจดูรายชื่อแล้ว ไม่มีครับ”
พรรณีนึกห่วงขึ้นมา “ไม่มีได้ยังไงคะ เพิ่งมาเมื่อวานนี้ คุณดูอีกทีได้ไหม”
เจ้าหน้าที่ย้ำ “ไม่มีจริง ๆ ครับ”
พิณทองตกใจ “ไม่มี ถ้าไม่อยู่ที่นี่แล้วไปอยู่ไหนละคะ”
พรรณีตกใจกว่า โวยวายลั่น “พวกคุณเอาลูกฉันไปไหน เอาไปศาลเหรอหรือเอาไปไหน บอกมานะ เอาลูกฉันไปไว้ที่ไหน”
เจ้าหน้าที่เตือน “นี่เบา ๆ หน่อยได้ไหม สถานที่ราชการนะคุณ”
“เพชร เพชรยังอยู่ในนี้หรือเปล่าลูก” หันมาเอาเรื่องเจ้าหน้าที่ “พวกคุณทำอะไรลูกฉัน”
พรรณีไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น วิ่งวุ่นวาย พยายามจะเข้าไป ชะเง้อชะแง้ดูไปทั่ว
“เข้าไม่ได้นะครับ” เจ้าหน้าที่ห้าม
“พวกคุณเอาลูกฉันไปฆ่าไปแกงไม่ได้นะ ลูกฉันไม่ผิด คุณทำเขาไม่ได้ เพชร” พรรณีร้องตะโกนดังขึ้น “เพชรลูกแม่เพชร เพชรอยู่ไหนลูก”
“แม่ เพชรอยู่นี่”
พรรณีหันไปตามเสียง เพชรแท้ยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง
“เพชร
พรรณีเรียกแล้ววิ่งเข้าไปหาเพชรแท้ สองแม่ลูกกอดกัน พิณทองเข้าไป เพชรแท้ดึงพน้องสาวเข้ามากอดด้วย ร้องไห้กันยกใหญ่
“เพชรเป็นอิสระแล้วแม่ เขาปล่อยเพชรแล้ว”
ทั้งสามคนกอดกันกลมอยู่อย่างนั้น
ธานินทร์ยังอยู่ที่ลานจอดรถ มองพรรณีกับเพชร และพิณทองเดินออกมาด้วยกัน ท่าทางมีความสุขเหลือเกิน ธานินทร์ที่แอบอยู่ในรถ มองภาพนั้นอย่างแสนสุขใจ
“ท่านครับ ขอประทานโทษนะครับ ท่านจะหลบทำไมครับ ทำไมไม่บอกให้เขารู้ไปเลยว่าท่านเป็นคนช่วย” ศักดาขัดใจ
“ฉันจะบอก ศักดา แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้” มองเพชรแท้ ขณะคิดตริตรอง “ให้เวลาเขาอีกซักหน่อย แล้วฉันจะไปหาเขา ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเขาเยอะแยะเลย”
ธานินทร์คิดแผนการบางอย่างด้วยสีหน้าสุขใจ
อังคณากับเรืองโรจน์นั่งอยู่ที่ชุดรับแขกในคอนโดเรืองโรจน์ตอนกลางคืน เวลานั้นสีหน้าเรืองโรจน์แปลกใจมาก
“คุณอังคณาบอกว่าไอ้เพชรแท้มันหลุดออกมาได้แล้วเหรอครับ ไม่น่าเป็นไปได้”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้” ลดเสียงลง แต่ยังไม่พอใจอยู่ “ก็ไอ้เศษสวะที่เธอจ้างมาน่ะมันดันพลาดทำให้ตำรวจเขาจับได้ สอบไปสอบมา มันก็หลุดน่ะซี ทำงานชุ่ยแบบนี้ ยังจะมีหน้ามาทวงรางวัลอีกหรือ”
“ผมเอาตัวมันเข้าคุกได้ แต่ที่มันหลุดมาได้ คงเป็นเพราะคุณธานินทร์วิ่งเต้นช่วยมัน คุณอังคณาจะโทษว่าผมผิดหรือครับ” เรืองโรจน์อ้าง
“ไม่รู้ล่ะ มันไม่ตาย ฉันไม่พอใจ ถ้าฉันไม่พอใจ แกก็ยังจะไม่ได้อะไรจากที่ฉันสัญญาไว้” ส่งเช็คให้ “เอาแค่นี้ไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
เรืองโรจน์หือขึ้นเสียง “แต่ผมทำงานให้คุณอังคณามาตั้งเยอะแล้ว ผมควรจะได้อะไรตามที่เราตกลงกันมาก่อนบ้างสิ”
อังคณาโกรธที่เรืองโรจน์กล้าหือใส่ตน ตบหน้าเรืองโรจน์เต็มแรง
“แกอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ” พยายามคุมอารมณ์จนเย็นลง “อะไรที่แกอยากได้แกได้แน่...แต่ว่าแกต้องทำงานให้ฉันเรียบร้อยทุกอย่างเสียก่อน”
อังคณาเดินออกไปจากห้องเรืองโรจน์
เรืองโรจน์มองตามอังคณาออกไปอย่างไม่ค่อยเชื่อใจ
เช้าวันใหม่ ศักดาเอารถออกมาจอดรออยู่หน้าบ้าน ธานินทร์แต่งตัวเตรียมออกจากบ้านในชุดลำลอง ชนะศึกดักรออยู่
“จะไปเหรอครับพ่อ”
“ไปธุระหน่อย” ธานินทร์เดินหลีกไป
ชนะศึกเดินตาม อยากรู้นัก “ไปไหนครับ”
“พ่อไปธุระส่วนตัวน่ะลูก”
ธานินทร์เดินออกมาหน้าบ้าน ศักดาเอารถมารออยู่ ชนะศึกขวางไว้
“เดี๋ยวนี้ดูพ่อจะมีเรื่องส่วนตัวเยอะจริงนะครับ” มองแล้วถามคาดคั้น “มีเรื่องอะไรที่ลูกชายของพ่อควรจะรู้หรือเปล่าครับ เช่น พ่อออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานแล้วหายไปไหนมาทั้งวัน ไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร”
ธานินทร์ยิ้มๆ ไม่ถือสา ชี้หน้าอกตัวเอง “พ่อเป็นพ่อ” แล้วชี้ที่ชนะศึก “ส่วนลูกเป็นลูก เข้าใจซะให้ถูก แล้วอย่ามาทำเหมือนพ่อเป็นเด็ก ๆ แบบนี้อีก” ก่อนจะหันไปบอกศักดา “ไปศักดา”
ธานินทร์ขึ้นรถ ศักดาขับรถออกไปแล้ว ชนะศึกมองด้วยแววตาสงสัย
ธานินทร์นั่งอยู่ในรถ คุยกับศักดา
“ไปไหนครับท่าน”
“ไปบ้านพรรณี ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะขอร้องเขา”
“เรื่องสำคัญ” ศักดาสงสัย
“ฮื่อ ฉันรู้ว่าเขาไม่เต็มใจ แต่ฉันจะไปขอให้เขาเห็นใจฉัน ฉันอยากเจอลูก อยากพูดกับลูก อยากได้ยินลูกเรียกฉันว่าพ่อสักคำ”
ใบหน้ายิ้มแย้มของธานินทร์เต็มไปด้วยความหวัง
ภายในร้านหมูกระทะ สำอางค์ พาพรรณี เพชรแท้ พิณทอง และผึ้งมาเลี้ยง ทุกคนดูมีความสุขกันมาก
“เอาเลยกินกันให้เต็มที่ วันนี้ป้าเลี้ยงเอง แสดงความยินดีให้ไอ้เพชรมัน”
“ขอบคุณครับ ป้า” เพชรแท้ยิ้ม
“เนี่ย เป็นเพราะพิณไปขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยพี่เพชรหรอกนะ ถึงรอดมาได้”
“เป็นเพราะพี่ไม่ได้ทำผิดต่างหาก ความยุติธรรมยังมีในโลก” เพชรแท้โอ่
“โฮ้ย ถึงคราวซวยคนดี ๆ ก็ตายฟรีกันไปซะตั้งเยอะ ว่าก็ว่าเอ็งน่าโชคดีจริง ๆ” สำอางค์บอก
“ไม่ใช่โชคหรอกป้า ตำรวจเขาว่ามีผู้ใหญ่สั่งให้ถอนฟ้องน่ะ ตำรวจเขาล่าตัวเจ้าของยามาได้ มันสารภาพว่ามันไม่เคยรู้จักเพชรมาก่อน มีคนจ้างให้มันทำ”
“มันบอกหรือเปล่าพี่ว่าใคร” ผึ้งซัก
เพชรแท้ส่ายหน้า “เสียดาย ...แต่จะเป็นใครไปได้ นอกจากพวกบ้านนั้น”
เวลานั้นที่นอกร้าน ธานินทร์ยืนแอบดูทุกคนอยู่ จดสายตามองไปที่เพชรแท้ เห็นทุกคนกำลังมีความสุขกันอยู่
พรรณีเอ่ยขึ้น
“ไม่เอา ๆ วันนี้ต้องพูดแต่เรื่องดี ๆ เรื่องไม่ดีไม่ต้องพูด”
เพชรแท้เงียบไป
สำอางบอกข่าวดี “เออ ใช่ พูดถึงเรื่องดีๆ พรรณี ฉันหางานให้เธอได้แล้วนะ”
“งานอะไรจ้ะ”
“เป็นช่างตัดเสื้อ ร้านตัดชุดเจ้าสาวน่ะ ร้านใหญ่เลยล่ะ พอดีญาติฉันที่ทำงานกับเขามันจะลาออก ฉันเลยแนะนำให้เอาเธอไปแทน เงินเดือนดีด้วยนะ หมื่นกว่าบาทแน่ะ”
พรรณียิ้มปลื้ม “โอ้ย ดีจริง ๆ ขอบคุณมากเลยพี่” ไหว้สำอาง “แค่มีงานทำ งานอะไรก็ได้ฉันก็ดีใจแล้ว”
ผึ้งขำชวนกินกัน “เอ้า มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ กินๆๆ”
ทุกคนกินอาหารไปอย่างมีความสุข
ธานินทร์เห็นเพชรแท้ ถูกผึ้ง และพิณทองช่วยกันเอาใจ คีบโน่นคีบนี่ให้กิน ขณะที่เพชรแท้หันมาเอาใจพรรณีบ้าง สองแม่ลูกหัวเราะอย่างมีความสุข และดูรักกันมาก
ธานินทร์ยิ้มตาเป็นประกายเจิดจ้าขณะมองเพชรแท้ พลอยมีความสุขไปด้วย
ที่บริเวณหน้าห้องน้ำร้านหมูกระทะ พรรณีเดินออกมาเข้าห้องน้ำ ล้างมือ เสร็จแล้วเดินออกมา ธานินทร์ดักรอด้านหน้า พรรณีตกใจ
“พรรณี” ธานินทร์ทักทาย
“คุณธานินทร์ คุณมาได้ยังไง”
“ผมไปหาคุณที่บ้าน สวนทางกันพอดี เลยขับรถตามมา มาฉลองกันล่ะซี” ธานินทร์ยิ้มแย้ม
พรรณีพยักหน้า “ขอบคุณ ที่ช่วยเพชรให้เป็นอิสระ”
“ผมต้องช่วยอยู่แล้ว ในฐานะของพ่อ”
พรรณีชักสีหน้า “เพชรมีพ่อคนเดียวคือคนที่แต่งงานกับฉัน และฉันก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นตลอดไป”
“แต่ความจริงก็คือความจริง ผมเป็นพ่อของเขา คุณจะไม่ให้เขารู้ความจริงได้ยังไง”
“จะมีประโยชน์อะไร คุณก็รู้ว่าเพชรรู้สึกยังไงกับคุณ ถ้าเขารู้ว่าคุณคือพ่อ พ่อที่ไม่เคยรักหรือเลี้ยงดูเขามาเลย เขาจะดีใจไหม”
สีหน้าธานินทร์สลดลง “ก็จริง ผมไม่เคยดีกับเขา แต่มันยังไม่สายไปนะพรรณี คุณให้โอกาสผมซักครั้งไม่ได้เหรอ”
“ไม่ ฉันอยากให้มันจบแค่นี้”
พรรณีเดินไป ธานินทร์คว้ามือเอาไว้
“เห็นใจผมเถอะ พรรณี ขอให้ผมได้พบเขาสักครั้งเดียวก็ได้ ให้ผมได้พูดกับเขา ได้กอดเขาสักครั้ง ได้บอกกับเขาว่าพ่อ”
ระหว่างนั้นเพชรแท้เดินเข้ามาตามพอดี เรียกพรรณีเสียงดัง
“แม่”
ทั้งสองสะดุ้ง พรรณีผละออกมาหาเพชรแท้
ธานินทร์ยิ้ม สีหน้าแววตาดีใจนัก ทักทายเสียงอ่อนโยน “เพชรแท้”
“แกมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉัน...ฉัน” ธานินทร์อึกอัก แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ดีใจด้วยนะ ที่เขาปล่อยตัวเธอออกมา”
เพชรแท้เดินเข้าหา ท่าทางเอาเรื่อง
“เออ ฉันออกมาได้แล้ว เป็นไงล่ะ ผิดหวังมากไหม”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้...” ธานนินทร์อ้ำอึ้ง
เพชรแท้ผลักอกธานินทร์ “แล้วแกตามมาดูฉันทำไม คิดจะทำอะไรบ้านฉันอีกเหรอ ไอ้แก่”
“เพชร อย่านะ” พรรณีเสียงดัง
เพชรแท้ไม่ฟัง “แม่อย่ายุ่ง” หนุ่มเลือดร้อนหันไปผลักธานินทร์จนร่างเซไปกระแทกผนัง “ยังไม่เลิกใช่ไหม อยากมีเรื่องใช่ไหม เอาซี จะเอาแบบไหนดี อยากจะให้ฉันต่อยแกให้ตายตรงนี้ใช่ไหม”
เพชรแท้ผลักธานินทร์เซไปอีก พรรณีทนไม่ไหว เข้าห้ามเสียงดัง
“เพชรหยุดนะ”
“แม่ถอยไป ผมกับมันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
พรรณีขึ้นเสียง “แม่บอกว่าไม่ให้ยุ่งกับเขา กลับไป”
“แม่” พรรณีมองเขม็ง เพชรแท้ต้องยอม “โอเค ก็ได้” แต่แล้วเปลี่ยนใจ หันกลับมา “แต่ก่อนไป ขอต่อยมันให้หายแค้นสักทีเถอะ”
พลางเพชรแท้โถมเข้าใส่ธานินทร์ พรรณีร้องกรี๊ด ขวางเพชรแท้เต็มแรง กอดรั้งไว้แน่น
“อย่านะ เพชร อย่า แม่บอกให้หยุดไง กลับบ้านไป กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ไป”
พรรณีลากเพชรแท้ออกไปจนได้ ธานินทร์มองตามแววตาเสียใจ
วันต่อมาจรัลทนายประจำตระกูลเลิศชัยวัฒน์เดินถือกระเป๋าเอกสารเข้ามาที่หน้าประตูบ้าน
ไม่นานนัก ธานินทร์กำลังนั่งคุยอยู่กับจรัลในห้องทำงานที่บ้านเลิศชัยวัฒน์
“ผมอยากจะทำพินัยกรรม”
ธานินทร์เล่าให้จรัลฟังแล้ว จรัลรู้สึกแปลกใจ
“ท่านจะทำพินัยกรรม ทำไมล่ะครับ ทำไมอยู่ดีๆ ท่านถึงอยากจะทำพินัยกรรม” จรัลถามประสาทนายที่คุ้นเคยกัน
“ถามแปลก ผมอยากยกทรัพย์สินของผมให้ใครซักคน ผมก็ต้องทำพินัยกรรมไม่ใช่เหรอ”
“ความจริงถึงท่านจะหย่าขาดจากคุณอังคณาก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ สินทรัพย์ที่แบ่งกันคนละครึ่ง ก็ยังจะเป็นของคุณชนะศึกกับคุณชนกนันท์ตามเดิม”
“ก็ใช่ แต่ผมต้องการจะแบ่งสมบัติให้กับอีกคนเพิ่มด้วย” ธานินทร์ว่า
จรัลยังงงอยู่ “อะไรนะครับ”
“คุณได้ยินชัดแล้วนี่ ผมต้องการแบ่งทรัพย์สินของผมให้กับอีกคน นอกเหนือจากชนะศึกกับชนกนันท์” ธานินทร์บอกย้ำ
“แต่ท่านยังไม่ได้หย่าขาดกับคุณอังคณา เพราะฉะนั้นการทำเอกสารคุณอังคณาก็จำเป็นจะต้องรับรู้ด้วย”
“เรื่องนั้นเอาไว้ฉันจัดการเอง...ยังไงผมกับอังคณาก็ต้องหย่าขาดกันแน่ ๆ”
จรัลจึงถามต่ออย่างคาใจ “งั้น...ท่านจะยกให้ใครครับ”
ไม่นานนักจรัลเดินรีบร้อนออกมาตรงหน้าห้องทำงานธานินทร์ พลางกดโทรศัพท์มือถือหาผู้ช่วย
“ฮัลโหล มานิตเหรอ ผมมีเรื่องด่วนให้คุณช่วยจัดการหน่อย ผมอยากให้คุณช่วยดูข้อมูลกฎหมายเกี่ยวกับพินัยกรรมให้ผมด้วย ใช่ คุณธานินทร์ต้องการจะทำพินัยกรรม เดี๋ยวผมจะเข้าไปเล่ารายละเอียดให้ฟังที่ออฟฟิศ”
ตรงหัวบันไดเฉลียงด้านบน อังคณาได้ยินทั้งหมด เธอถึงกับนิ่งอึ้ง ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พึมพำกับตัวเองตาเป็นประกายวาววาม
“พินัยกรรมเรอะ”
โปรดติดตาม "บ่วงรัก" ตอนที่ 7 nbsp;