xs
xsm
sm
md
lg

ไฟมาร ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไฟมาร ตอนที่ 16

แสงสีทองเรื่อเรือง ส่องสว่างบนโค้งฟ้าไกลออกไปลิบตา บรรยากาศยามเช้าในรีสอร์ทแสนสดใส สุดา อารักษ์ และสุขหฤทัย เดินออกมาจากเรือนที่พักด้วยท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

“ได้นอนเต็มอิ่มทั้งคืน สดชื่นจังเลยนะคะคุณหญิงแม่”
สุดายิ้มแย้ม “ใช่จ้ะ...ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยได้นอนเต็มตาซ้ากกกคืน”
“ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ...ว่าแต่ฤทัยสงสัยจัง ทำไมเมื่อคืนเราหลับเร็ว” สาวแสบนึกขึ้นได้
อารักษ์เห็นด้วย “นั่นน่ะสิ... เสียดาย”
สุขหฤทัยไม่รู้เรื่อง “เสียดายอะไรคะ”
“ก็เสียดาย.....เออน่า...แล้วนี่หนูศุยังไม่ตื่นอีกเหรอ” เดินไปทางห้องพักกรรณนรี
“คุณจะไปไหน” สุดาสงสัย
“ไปปลุกหนูศุไง” อารักษ์เดินไปเลย
สุขหฤทัยตาโตเป็นไข่ห่าน “คุณหญิงแม่..อย่าบอกนะว่าคุณพ่อ..จะ...นังกรรณรีตอนเช้า”
“ก็คงประมาณนั้นล่ะ” สุดาเหยียดยิ้ม

กรรณนรีรู้สึกตัวจะลุกขึ้น แต่สรวงรวบร่างกอดเอาไว้
“คุณสรวง ออกไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ช่าง...”
“ไม่ได้นะคะคุณสรวง ลุกๆๆ” กรรณนรีฉุดสรวงลุก
“ไม่ลุก...”
สรวงฉุดกรรณนรีไว้ จนร่างกรรณนรีล้มลงบนตัวสรวงใหม่ สรวงกอดเอาไว้แน่นไม่ให้ไปไหน

ส่วนอารักษ์เดินดิ่งตรงเข้ามาใกล้เรือนพักกรรณนรีทุกทีๆ กาวินทร์ในคราบคนงานรีบมาขวาง
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร”
กรรณนรี กับสรวงได้ยินชัด สองคนสะดุ้ง และได้ยินกาวินทร์ถามต่อ
“ท่านเป็นเจ้าของรถ.....” กาวินทร์บอกเลขทะเบียนไป “หรือเปล่า”
“ใช่..มีอะไร”
“รถท่านยางแบนครับ”
อารักษ์ชะงัก “ยางแบน..แบนได้ยังไง?? โอ้ววว” ก่อนจะเดินหัวเสียออกไป
กาวินทร์มองตาม คิดในใจ “พี่ไม่ให้ไอ้แก่หัวงูเข้าใกล้แกเด็ดขาดกาว”

สองคนฟังเหตุการณ์อยู่ในห้อง พอทุกอย่างเงียบกรรณนรีรีบผลักสรวงออกบอกหน้าตาซีเรียส
“ออกไปได้แล้วค่ะ”
“ก็ได้” สรวงยื่นหน้ามาหอมแก้มกรรณนรีอย่างไว “ชื่นใจ”
สรวงเดินออกไปแล้ว กรรณนรีถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจะอมยิ้มนิดๆ อย่างสุขใจ

ด้านอารักษ์เดินกลับมาบ้านพักบ่นอุบ
“ก็ไม่เห็นรถจะยางแบบที่ไหน”
“คนงานเดินมาบอกว่าเปลี่ยนยางให้แล้วค่ะ แต่ไม่ทันได้บอกคุณ” สุดาบอก
“อ้าวเหรอ?” อารักษ์งงๆ “ก็ไม่เห็นว่ายางจะใหม่”
ระหว่างนั้นสรวงเดินกลับมาในชุดเดิมที่ใส่เมื่อคืน ทุกคนงง
สุขหฤทัยทักก่อนใคร “อ้าว!เมื่อคืนสรวงไม่ได้นอนที่ห้องเหรอคะ”
“สรวงนอนไหนลูก” สุดาเองก็แปลกใจ
“อย่าบอกนะว่า...”
อารักษ์พูดไม่ทันจบคำ ภาพิศก็เดินเข้ามา “เมื่อคืนหลับสบายมั้ยคะคุณสรวง? พี่ขอโทษที่รบกวน”
“อะไรของเธอภาพิศ” สุดางง แหวใส่
“เมื่อคืนภาไม่ค่อยสบาย คุณสรวงเลยอยู่เฝ้าทั้งคืนค่ะ”

ไม่นานนัก สรวงเดินคุยมากับภาพิศ
“ขอบคุณมากครับที่ช่วย”
“พี่เห็นว่าคุณนอนเฝ้าหนูก้างที่หน้าห้องน่ะค่ะ”
สรวงมองตกใจไม่คิดว่าภาพิศจะเห็น
“เชื่อพี่หรือยังคะ..ว่าหนูก้างรักคุณ....น้องเค้าทำทุกอย่างเพื่อคุณจริงๆ ค่ะ”
ภาพิศบอกสรวงหน้าเศร้า ยิ่งพูดยิ่งสะท้อนใจ สงสารกรรณนรีจับใจ

สุดาตั้งข้อสังเกต ขณะคุยอยู่กับสุขหฤทัย
“แม่ว่านังภาพิศมันแปลกๆ”
“ฤทัยก็ว่าอย่างนั้นล่ะคะ”
“หรือว่ามันจะเป็นนกสองหัว”
“มันจะเป็นนกสองหัว ไปเข้าข้างนังกรรณนรีน่ะเหรอคะ? ไม่มีทาง”
“แต่แม่สังหรณ์ใจแปลกๆ หรือว่ามันจะรู้ว่านังกรรณรีเป็นลูกมันจะรู้ไม่รู้....ยังไงแม่ต้องรีบจัดการแม่ลูกมันให้เร็วที่สุด”

สองนางมารไม่สำเหนียกแม้สักน้อยว่า แฉล้มแอบฟังอยู่

ภาพิศหน้าตาบึ้งตึง อารมณ์โกรธแค้นขึ้นมาเป็นริ้วๆ หลังได้ฟังที่แฉล้มเล่า

“นังสุดามันเลวจริงๆ คุณต้องช่วยฉันนะ”
“ช่วยอยู่แล้ว วันๆ ฉันถึงได้ทำตัวเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนไปมา แอบฟังคนนั้นทีคนนี้ทีมาบอกคุณไง” แฉล้มว่า
“ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครทำอะไรลูกฉันเด็ดขาด”
สีหน้าภาพิศแน่วนิ่ง

นิคกับมะยมเดินคุยกัน มะยมเปรยขึ้นว่า
“หรือว่าเราจะมากันเสียเที่ยว...ไม่เห็นจะต้องช่วยอะไรกาวมันเลย”
นิคได้โอกาสเหน็บ “เป็นเพราะแกไม่ได้สนใจกาวมันมากกว่ามั้ง”
มะยมมองนิคด้วยสีหน้าฉงน “อะไรของแก”
“ก็แกสนใจแต่คุณนพไง หรือว่าไม่จริง”
ขาดคำนพปร๋อเดินมา นิคเดินหนี ก่อนชะงักเสียงมือถือดังขึ้นก่อน นิคหยิบมือถือมา
“ครับพี่จ๋า...ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้...” นิคหันกลับมาบอกมะยม “พี่จ๋าบอกมีงานด่วน ฉันจะกลับ
กรุงเทพฯ แกจะอยู่ที่นี่ต่อกับคุณนพก็ตามใจ” นิคประชดนิดๆ ก่อนจะเดินไปอย่างมีอารมณ์
“นิค..พูดบ้าๆ ฉันก็กลับกับแกสิ คุณนพคะ..มะยมมีงานต้องกลับกรุงเทพฯ”
“เดี๋ยวผมไปส่ง” นพอาสา
นิคแขวะอีก “ไหนว่ามาตามคุณสรวง..ที่แท้คุณก็มาตามเพื่อนผม”
“ก็แล้วมันมีข้อห้ามข้อไหนล่ะครับ...ที่ห้ามผมตามคุณมะยม”
“ข้อห้ามของคนที่มีเมียแล้ว” นิคพูดตอกหน้าแล้วเดินหนีทันที
มะยมหันมาบอกนพ “มะยมกลับกับนิคดีกว่านะคะ...แล้วเจอกัน” แล้วตามนิคไป
นพมองตาละห้อย คิดอยู่ในใจ
“ผมจะไม่ยอมให้ใครว่ามะยมเด็ดขาด”

อารักษ์ฟิตจัด ว่ายน้ำในสระ ตีกรรเชียงอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อวอร์มร่างกาย ท่าทีของนายพลนักรักแลดูน่าขันมากกว่าจะเห็นความฟิต
สุดาตะโกนเรียก “นี่คุณ..ขึ้นมาเร็วๆ คุณ”
อารักษ์หยุด แหวใส่อย่างอารมณ์เสีย “ขึ้นไปทำไม”
“ก็ขึ้นมาจัดการเรื่องที่เราคุยกันไง”
อารักษ์งอนเป็นเด็กๆ “ไม่ไป...ฟิตมาทั้งคืนแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร”
“เถอะน่า.....ขึ้นมาได้แล้วอุจาดตา”
อารักษ์ฉุน “อุจาดตา”
สุดายิ้มย่อง ยืนยันหนักแน่น “ใช่! เดี๋ยวจัดการให้แน่ๆ”
อารักษ์ขยับมาใกล้มองซ้ายมองขวา กระมิดกระเมี้ยนพูดขึ้นมาอย่างอายๆ
“แน่นะ”
สุดากระซิบบอก
“คุณไปนอนรอในห้องแล้วกัน”

ภาพิศนั่งคุยกับกรรณนรีอยู่ที่โซฟารับแขก
ภาพิศเอ่ยขึ้น “เมื่อวานหนูทำดีมาก...วันนี้ทำตามที่ฉันบอกอีกนะ”
“ค่ะ”
มองจากระยะไกล สุดาเดินมากับสุขหฤทัย ภาพิศกับกรรณนรีหันไปเห็น ภาพิศรีบเอาแก้วเหล้าราดทางด้านหลังกาวต้นคอแล้วเอาผมปิดเอาไว้ บอกเบาๆ
“ทนเหม็นเหล้าหน่อยนะ”
“ค่ะ”

พูดจบกรรณนรีทำท่าเมามายนอนลงที่โซฟา ขณะที่ภาพิศแสร้งทำท่าวิงเวียนเหนื่อยล้าเหมือนจะเป็นลม

สองคนเดินมาถึงพอดี สุดาเห็นก็ร้องทัก ไม่ติดใจอะไร

“อ้าว! เป็นอะไรกัน”
“น้องไม่สบาย แต่ยัยเด็กนั่นน่ะสิคะ เป็นไรไม่รู้เมาแต่เช้า คอพับคออ่อนไม่รู้เรื่อง”
สุขหฤทัยเหยียดหยัน “สงสัยเมื่อคืนไม่มีใครเข้าหาเลยเครียด”
ภาพิศรีบบอก “สงเคราะห์มันหน่อยแล้วกันค่ะคุณหญิงพี่”
“ได้เลยค่ะ”
สุดายิ้มชอบใจ เข้ามาช่วยภาพิศประคองกรรณนรีที่คอพับคออ่อนขึ้นมา
“มันกินหรืออาบ กลิ่นหึ่งเลย” สุดาได้กลิ่นละมุดโชยหึ่ง ทำหน้าสะอิดสะเอียน
“ฤทัยช่วยค่ะ” สุขหฤทัยรีบเข้ามาช่วย

สุดา ภาพิศ และสุขหฤทัย ช่วยกันประคองกรรณนรีมาตามทาง ภาพิศเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวน้องจัดการส่งนังเด็กนี่เข้าห้องเชือดเอง คุณหญิงพี่ไปกันคุณสรวงเถอะค่ะ อย่าให้มายุ่ง”
“ได้ค่ะ....ฝากคุณน้องด้วยนะคะ”
“ฤทัยไปกับคุณหญิงแม่ค่ะ”
สองคนเดินออกไปแล้ว กรรณนรีลืมตาขึ้นมามอง ภาพิศพยักหน้าให้อย่างรู้กัน

สรวงนั่งอยู่ สุขหฤทัยแกล้งทำหน้าเครียด เหมือนมีเรื่องกลุ้มใจเหลือแสน
“ดื่มเป็นเพื่อนฤทัยหน่อยนะคะสรวง”
“อะไรของคุณดื่มแต่เช้า” สรวงแปลกใจ
“เถอะน่า..นะคะ..ดื่มเป็นเพื่อนฤทัยหน่อย”
สุขหฤทัยทำท่าอยากดื่มจริงๆ แถมคะยั้นคะยอให้สรวงดื่มด้วย สรวงมองอย่างสงสัย ทำท่าจะดื่ม
“ก็ดี..ผมอยากเมา..เมาแต่เช้า”
“งั้นเดี๋ยวฤทัยไปหากับแกล้มให้นะคะ” สุขหฤทัยเดินออกไปเร็วรี่
สรวงแอบเทเหล้าทั้งขวดทิ้ง เหลือติดก้นขวดนิดเดียว

สุดากับสุขหฤทัยเดินมาเมาท์กันมา สุขหฤทัยนั้นมีกระเป๋าสะพายติดตัวตลอดเวลา สุดาย้อนถามงงๆ
“อะไรน่ะ ตาสรวงเมาพับหลับสนิท”
“ใช่ค่ะ...สรวงเป็นบ้าอะไรไม่รู้...แป๊บเดียวซัดเหล้าหมดขวด”
“นังภาพิศมันก็เป็นพวกเรา งานนี้ไม่มีใครช่วยนังกรรณรีได้แน่”
สองนางมารหัวเราะชอบใจ ก่อนสุดาจะนึกได้
“แต่เพื่อความชัวร์ หนูไปดูตาสรวงให้แน่ใจดีกว่าลูก เพราะตาสรวงนั่นแหละคืออุปสรรคอันดับหนึ่งของเรา”
“ค่ะคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยรับคำแล้วเดินออกไป

สรวงเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นเป็นสุจหฤทัยแอบย่องเข้ามา สรวงจึงทำทีเป็นเมา หลับ และละเมอ เสียงดัง
“อยากเตะคน”
สุขหฤทัยร้องลั่น “ว้าย...สรวงอยากเตะใครคะ”
สรวงแกล้งปัดป่ายมือไม้ออกไปจงใจให้ถูกสุขหฤทัย “ไป๊..อย่ามายุ่งคนจะนอน”
สุขฤทัยหน้าง้ำ “สรวงอ่ะ...ไม่เห็นเหมือนในละครเลย ที่เมาแล้วปล้ำอ่ะ อะไรนี่เมาแล้วอยาก
เตะคน ฤทัยไม่ยุ่งด้วยแล้ว ไปดีกว่า เดี๋ยวถูกเตะ”
พอสุขหฤทัยเดินออกไป สรวงลืมตาขึ้นอาการปกติ

ส่วนด้านนอกกาวินทร์ในคราบคนสวน เดินตามสุขหฤทัย

ขณะที่สุขหฤทัยเดินมาตามทาง กาวินทร์ในคราบคนสวน ตรงปรี่เข้ามาเอามืออุดปากฉุดลากสุขหฤทัยไป
สุขหฤทัยไม่ทันตั้งตัว จึงตื่นตระหนกตกใจกลัวมาก กอดกระชับสะพายกระเป๋าไว้กับตัวตลอดเวลาอย่างหวงแหน 

กาวินทร์ผลักสุขหฤทัยเข้าไปในห้องอย่างรุนแรง เหวี่ยงกระเป๋าสะพายทิ้ง สุขหฤทัยไม่รู้หน ตื่นตระหนกตกใจมาก
“อย่านะ ..อย่าทำฉัน..อย่าฉันกลัว”
“กลัวทำไม? ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำอะไรคุณ”
พูดจบกาวินทร์ก็กระชากหนวดเคราออก สุขหฤทัยตาโตด้วยความตื่นเต้น
“แก้ว...” สุขหฤทัยทั้งตกใจ ดีใจ ระคนตื่นเต้น “นี่ทำอะไรของนาย”
“ทำเพราะหึงไง...ผมหึงคุณกับคุณสรวงเลยตามมา” กาวินทร์หยอดหวานสาดใส่ทันที
สุขหฤทัยเป็นปลื้ม ยิ้มเขิน กาวินทร์เข้ามานั่งด้วยใกล้ๆ มองตาซึ้ง สาดหวานใส่อีกดอก
“ผมรักคุณนะฤทัย รักจนจะเป็นบ้า”
สุขหฤทัยยิ้มเยื้อน “ทำได้ขนาดนี้ก็บ้าแล้ว....” หัวเราะคิกคัก “จริงๆ เลยทำไปได้ยังไง ฉัน
ตกใจหมด”
“ก็บอกแล้วไงว่ารักคุณ...ถ้าไม่ทำอย่างนี้..ก็คงไม่ได้อยู่ใกล้คุณ คุณพอจะใจอ่อนให้ผมรึยังฤทัย”
“ไม่รู้” สุขหฤทัยอมยิ้มขวยเขิน
“ถ้าไม่ใจอ่อน ผมก็จะนั่งเฝ้าคุณอย่างนี้แหละ”
“ไม่ได้” สุขหฤทัยลุกพรวดขึ้น
กาวินทร์ขวาง “ไม่..ผมไม่ให้คุณไป”
“จะบ้ารึไง ฉันจะเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องเฝ้านะ ฉันอาย”
สุขหฤทัยเดินเขินเข้าห้องน้ำไป กาวินทร์จ้องมองกระเป๋าสุขหฤทัยเขม็ง

สุขหฤทัยอยู่ในห้องน้ำ ยืนมองกระจกยิ้มเขิน อาการคนอินเลิฟ ราวกับตัวเองเป็นเจ้าหญิงก็ไม่ปาน
ส่วนด้านนอก กาวินทร์รื้อกระเป๋า รีบหยิบมือถือของสุขหฤทัยออกมา ค้นหาไฟล์คลิปเริงรักของตัวเองแล้วกดลบทิ้ง ด้วยสีหน้าและแววตาสาแก่ใจมาก

กาวินทร์รีบวางกระเป๋าไว้ที่เดิม นั่งรอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไฟมาร ตอนที่ 16 (ต่อ)

ก่อนที่สุขหฤทัยจะเดินออกมาจากห้องน้ำ จู่ๆ กาวินทร์ลุกพรวดขึ้น สุขหฤทัยตกใจ

“นี่...อย่าทำอะไรฉันนะ”
“ถ้าผมจะทำ..ทำไปนานแล้ว รีบออกไปเถอะ..ก่อนที่ผมจะอดใจไม่อยู่”
สุขหฤทัยรีบเดินออกไป กาวินทร์เดินตาม

กาวินทร์เดินพาสุขหฤทัยออกมาก็หยอดหวานทิ้งท้าย
“นี่...ผมปล่อยคุณไปแล้ว...คุณอย่าทำให้ผมเสียใจนะ”
สุขหฤทัยงวยงง “เสียใจอะไร”
“ก็ไปกับคุณสรวงไง” กาวินทร์อ้อนด้วยสายตาจริงจัง
สุขหฤทัยยิ้มกว้าง พลางบอก “ฉันกับสรวงเป็นแค่เพื่อนกัน”
“งั้นผมก็มีสิทธิ์” กาวินทร์หยั่งเชิง
“อยู่ที่นาย จะเอาชนะใจฉันได้หรือเปล่า”
“ขอบคุณฤทัย...ขอบคุณที่ให้โอกาสผม”
กาวินทร์จับไม้จับมือสุขหฤทัยเหมือนซึ้งเต็มประดา

จังหวะนั้นมาลินีที่กำลังจะกลับกรุงเทพฯ เดินมากับนก ผู้จัดการรีสอร์ท เห็นสองคนก็ตกใจ
นกเห็นท่าทีก็แปลกใจ “มีอะไรเหรอมด”
มาลินียิ้มเจื่อนๆ “เจอคนรู้จักน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นวันหลัง มาเที่ยวที่นี่ใหม่นะ”
“ค่ะพี่นก
มาลินีมองไปอีกที ไม่เห็นกาวินทร์กับสุขหฤทัยแล้ว แต่สายตามั่นใจว่าตาไม่ฝาดแน่
มาลินีครุ่นคิดในใจ “เมื่อคืนเราไม่ได้ตาฝาด..พี่แก้วจริงๆ...พี่แก้วมากับคุณฤทัย”
มาลินีสุดแสนจะเสียใจ

อารักษ์ดื่มอยู่คนเดียวในห้อง ท่าทางเมาอ้อแอ้
“เมื่อไหร่ จะพาหนูศุมาเนี่ย? ดื่มจนเหล้าจะหมดห้องแล้ว ทำไมมันง่วงแบบนี้วะ”
อารักษ์ทั้งง่วงทั้งเมา แต่ถ่างตารอ ท่าทีน่าขัน

ภาพิศยืนรอแฉล้มอยู่กับกรรณนรีอย่างร้อนรน ชะเง้อคอมองทางเป็นระยะ
“เมื่อไหร่ คุณแฉล้มจะมาซักที นี่ฉันว่าหนูรีบหลบไปดีกว่า เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะยุ่ง”
“ระวังตัวนะคะ” กรรณนรีเตือน
ภาพิศรับคำ “ฮื่อ”
กรรณนรีหลบไป ในจังหวะที่แฉล้มพาหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกรรณนรีเข้ามาพอดี
“คุณ..มาแล้วค่ะ”
“เร็วเข้า...เดี๋ยวจะไม่ทันการ”
ภาพิศคว้ามือหญิงสาวคนนั้นไป

ภาพิศพากรรณนรีตัวปลอมมาส่งถึงห้องอารักษ์ กำชับหนักแน่น
“จำเอาไว้นะ เธอมีหน้าที่ตามใจท่าน แต่ห้ามพูดเด็ดขาด”
หญิงสาวนางนั้นพยักหน้ารับคำ ภาพิศเปิดประตูเข้าไป

สุดาตามมาเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี หน้าตาถมึงทึง โกรธแค้นภาพิศมาก

จากบ่ายคล้อยเป็นเย็นย่ำ สุดาหน้าตาบูดบึ้ง เดินมากับสุขหฤทัย
“เป็นอย่างที่แม่คิดไว้ไม่มีผิด มันหักหลังแม่”
“มันคงจะหึงคุณพ่อ” สุขหฤทัยว่า
“แต่แม่ว่าไม่ใช่ ท่าทางนังภาพิศมันหวงนังกรรณนรี” สุดาตั้งข้อสังเกต
“หรือว่า...”
“มันอาจจะรู้แล้วว่านังกรรณรีเป็นลูกมัน” สุดามั่นใจ
สุขหฤทัยตกใจ “ตาย...แล้วเราจะทำยังไงต่อคะคุณหญิงแม่”
“มันอยากทำอะไรก็ทำ แม่เตรียมซ้อนแผนไว้แล้ว ยังไงมันสองคนตายทั้งแม่ทั้งลูกแน่ๆ”
สุดาบอก ดวงตาวาววับ
จังหวะนั้นสรวงเดินมาพยายามตั้งใจฟัง แต่สองคนเงียบเสียงไปแล้วและเดินออกไป สรวงหงุดหงิด ไม่ได้ยินอะไรเลย
พระอาทิตย์ยามเย็นโรยแสงรอนๆ สาดส่องไปทั่วบริเวณ พร้อมๆ กับความมืดที่เข้ามาแทนที่

กรรณนรีตัวปลอมเดินเข้ามาในห้อง ท่ามกลางความมืดมิดเพราะทั้งห้องผ้าม่านปิดทึบหมด ราวกับเป็นเวลาตอนกลางคืน กรรณนรีตัวปลอมนั่งลง จับมืออารักษ์แผ่วเบา อารักษ์ที่เผลอหลับไป ตื่นมาเมาอ้อแอ้
“มาแล้วเหรอจ๊ะหนู”

กรรณนรีตัวปลอมไม่ตอบ ทรุดตัวนอนลงข้างๆ อารักษ์อย่างเงียบๆ

เวลาเดียวกัน ที่กรุงเทพฯ บุญยิ่งอยู่ในบ้านถามย้ำภรตด้วยน้ำเสียงตกใจ

“ว่าไงนะ? กาวไปพักผ่อนกับท่านอารักษ์”
“ครับพ่อ..มดเพิ่งโทร.มาบอกผมเดี๋ยวนี้เอง” มือภรตยังกำโทรศัพท์อยู่
“เอาวะ..ถึงคุณหญิงสุดาจะห้าม ยังไงพ่อก็ต้องโทร.บอกอารักษ์ให้ได้”
“ครับพ่อ...ช่วยคุณสรวงด้วย” ภรตอ้อนวอน
“ไม่ใช่แค่เพื่อสรวง...อารักษ์มันต้องรู้ว่ากาวน่ะลูกภาพิศ”
ท่าทางบุญยิ่งเครียดเอามากๆ

ภายในห้องท่ามกลางความมืดมิด ขณะที่อารักษ์นอนกอดหญิงสาวที่คิดว่าเป็นกรรณนรี เสียงมือถือดังขึ้น
อารักษ์ฮึดฮัด “บ๊ะ! ใครวะโทร.มากวนใจตอนนี้”
และไม่สนใจที่จะรับ อีกอย่างมือถือก็วางอยู่ไกล แถมหญิงสาวคนนั้นยังดึงตัวไปกอดอีก

บุญยิ่งร้อนรนหัวใจจะวายที่อารักษ์ไม่ยอมรับสาย
“รับสิวะ..อารักษ์แกรับสิ” หันไปมองภรตที่ยืนเครียดอยู่ข้างๆ “อารักษ์ไม่รับ โทร.ไปบอกคุณ
สรวงเลยลูก”
“ผมไม่มีเบอร์คุณสรวง”
“แย่แน่ๆ” บุญยิ่งกดต่อ
เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด อารักษ์เริ่มหงุดหงิด
“โอ๊ย! จะโทร.มาอะไรนักหนา?” บอกด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้อ่อนโยน อาการเมานิดๆ “หนูจ๋า..เดี๋ยวฉันมานะจ๊ะ”
อารักษ์ลุก เดินโซเซไปหยิบมือถือ เห็นเป็นเบอร์บุญยิ่ง ก็โวยใส่
“บุญยิ่ง แกจะโทร.มาทำไมตอนนี้วะ”
“ก็โทร.มาก่อนที่แกจะทำอะไรที่มันอุบาทว์ๆ ไง”
“ฉันทำอะไรอุบาทว์?”
“รู้ไว้ด้วยหนูศุภาวีร์ที่แกอยากได้...ความจริงแล้วเค้าชื่อกรรณนรี..เป็นลูกของภาพิศ แล้วก็เป็นแฟนนายสรวง”
อารักษ์งงหนัก “แกพูดอะไรของแก”
“พูดอย่างที่แกได้ยินนั่นแหละ แกอย่าทำอะไรเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นอันขาด เค้าเป็นลูกภาพิศ...เค้าเป็นแฟนลูกชายแก”
อารักษ์แทบหายเมา เหลียวไปเพ่งมองหญิงสาวในความมืด สายตาเริ่มชินและสังเกตเห็นว่าหล่อนไม่ใช่กรรณนรี อารักษ์ฉงน ก่อนจะเดินไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงทันที แล้วก็ตะลึงกับความจริงที่เห็น
“เธอไม่ใช่หนูศุนี่..?!!”
สาวคนนั้นไม่ได้ตอบ อารักษ์ผลุนผลันออกไป

เวลาเดียวกัน กรรณนรีเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้อง สังหรณ์ใจประหลาด รู้สึกเป็นห่วงแม่มาก
“ป่านนี้เป็นยังไง ออกไปดูดีกว่า”
พอกรรณนรีก้าวพ้นห้องไป กาวินทร์ก็เดินมาที่หน้าห้อง เคาะประตูเรียก
“กาวๆ” เงียบกริบ กาวินทร์ทำเสียงขัดใจ “ไปไหน”
กาวินทร์ตามกรรณนรีไปอย่างร้อนใจ

กาวินทร์เดินเร็วๆ มาตามทาง สุขหฤทัยเห็นก็ตกใจ
“ไม่ได้...” ตัดสินใจร้องเสียงดังเหมือนเจ็บเจียนตาย “โอ๊ยยย..ช่วยด้วย”
“คุณฤทัย”
กาวินทร์ลังเล สุขหฤทัยดูออก แกล้งร้องดังขึ้น
“ฉันเดินไม่ไหว ช่วยฉันด้วย แก้ว ช่วยด้วย”
กาวินทร์จำต้องมาช่วย สุขหฤทัยได้ทีเอามือคล้องคอกาวินทร์แน่น ยั่วยวนเต็มที่...เสือผู้หญิงอย่างกาวินทร์มองดวงหน้ายั่วยวนนั้น ในอาการเผลอใจ

กรรณนรีเดินออกมาที่ที่ด้านนอก ท่าทีอยากรู้อยากเห็น สรวงตามมาฉุดกรรณนรีไว้
“คุณสรวง” กรรณนรีตกใจ
“บอกฉันมากรรณนรี...ฉันทนไม่ไหวแล้ว ความจริงมันคืออะไร”
“ฉันบอกไม่ได้ค่ะ...แต่อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้”
“แต่เธอรู้มั้ยว่าฉันกำลังจะคลั่ง”
อารักษ์เดินมาทางด้านหลังเห็นสรวงกอดกรรณนรีคาตา พลางบอก
“ฉันเป็นห่วงแม่..ฉันเป็นห่วงเธอ...ฉันไม่รู้ ฉันจะต้องทำตัวยังไง”
“เป็นคนดีอย่างที่คุณเป็น...เพราะที่ฉันรักคุณ ก็เพราะคุณเป็นคนดี”
สรวงกอดกรรณนรีเอาไว้ “ฉันก็รักเธอ ฉันกำลังจะบ้าแล้วกรรณรี ฉันกำลังจะบ้า ฉันไม่รู้ว่าเธอ คุณแม่..คุณพ่อ กำลังทำอะไรกันอยู่”
“ขอให้รู้...ฉันทำทุกอย่างเพราะฉันรักคุณ”
สองคนกอกันแนบแน่น เจ็บปวดหัวใจ อารักษ์ตกตะลึงกับภาพที่เห็น

อารักษ์วิ่งผลุนผลันมายังรถ
“นี่ฉันทำอะไรลงไป...ฉันทำร้ายลูก...ทำร้ายภาพิศ ทำร้ายสุดา ทำร้ายทุกคนที่อยู่ใกล้ฉัน แกเลวมากอารักษ์”

อารักษ์สติแตกขับรถทะยานออกไปเร็วและแรง

ทางด้านสุดาเดินตาวาวโรจน์ออกมาจากห้อง คำรามในใจ

“ถึงเวลาตายของแกสองคนแม่ลูกแล้ว นังภาพิศ นังกรรณรี”

กรรณนรีผลักสรวงออก
“ปล่อยฉันค่ะ”
“เธอจะไปไหน”
“ฉันมีธุระต้องไปทำ” กรรณนรีวิ่งหนีไปเลย
สรวงเรียกตาม “กรรณนรีๆ”
สรวงยืนลังเล หงุดหงิดใจ แต่ไม่ได้ตามไป

ขณะที่กรรณนรีวิ่งมาตามทาง หญิงสาวคิดกังวลในใจ
“แม่...ป่านนี้แม่จะเป็นยังไง”
จู่ๆ คนร้ายสองคนโผล่ออกมาจากที่ซ่อน กรรณนรีร้อง “ว้าย” ด้วยความตกใจ ได้แค่คำเดียว
สรวงได้ยินเสียงนั้น แต่เบามาก
ทางด้านกาวินทร์กับสุขหฤทัยกำลังพลอดรักกัน แก้วได้ยินเสียงน้องสาวแว่วๆ สุขหฤทัยจูบประทับ พูดเสียงหวาน
“สนใจคนอื่นมากกว่าฉันรึไง”
สุขหฤทัยล็อกคอกาวินทร์ พูดออดอ้อนรั้งใบหน้าลงมาสองคนจูบกันนัวเนีย

กรรณนรีหมดสติ เพราะถูกหนึ่งในนั้นก็โปะยาสลบแล้วกำลังลากกรรณนรีออกไป ภาพิศวิ่งมาเห็นแทบช็อก ร้องลั่น
“กาว”
ภาพิศไม่ทันระวัง สุดาเข้ามาทางด้านหลัง ยกท่อนไม้ในมือฟาดที่ด้านหลังภาพิศเต็มแรง ภาพิศร้องสุดเสียง “โอ๊ย” ด้วยความเจ็บปวด
สรวงได้ยินเสียงร้องนั้นวิ่งตามมา
ภาพิศสลบ หมดสติคาที่ คนของสุดาอีกสองคนเข้ามาลากร่างภาพิศออกไป
สรวงวิ่งเข้ามา แต่ไม่เห็นใครเลย สรวงแปลกใจระคนตกใจ

คนของสุดา แบกร่างภาพิศและกรรณนรีขึ้นรถตู้ตรงลานจอดรถ แฉล้มวิ่งตามมาเห็นรถแล่นไป
“แย่แล้ว”
แฉล้มนึกได้วิ่งกลับไปทันที

ตะโกนร้องมาตามทาง
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
สรวงได้ยิน กาวินทร์ก็ได้ยินผละออกจากสุขหฤทัย เสียงร้องของแฉล้มดังเข้ามาไม่หยุด
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
สุขหฤทัยรู้แกวฉุดกาวินทร์รั้งไว้ พูดออดอ้อนยวนยั่ว “อยู่กับฉันนะคะ”
กาวินทร์ปลดมือสุขหฤทัยออก แล้ววิ่งออกไป สาวแสบสุดแสนจะขัดใจ

แฉล้มยืนร้องตะโกน “ช่วยด้วยๆ” อยู่อย่างนั้น สรวงวิ่งมาหา ส่วนอีกมุมกาวินทร์ก็วิ่งมา ตามด้วยสุขหฤทัย
“เป็นอะไรคุณแฉล้ม”
แฉล้มบอกหน้าตาตื่น “คุณหญิงจับตัวคุณภาพิศ กับกาวไปค่ะ”
สรวงใจหล่นวูบ กาวินทร์ตกใจ หน้าซีดเผือด สุขหฤทัยหน้าเจื่อนจ๋อย กลัวความผิด จังหวะนั้นหญิงสาวหน้าตาเหมือนกรรณนรีวิ่งออกมา ทุกคนเห็นต่างชะงัก สรวงเหลียวขวับไปมองจ้องสุขหฤทัยอย่างเอาเรื่อง
“หนึ่งในแผนของพวกคุณใช่มั้ย”
สุขหฤทัยหน้าซีดเป็นกระดาษ ปฏิเสธลั่น
“เปล่านะฉันไม่รู้เรื่อง” พร้อมทำท่าจะหนี
กาวินทร์คว้าข้อมือสุขหฤทัยหมับ ไม่ให้ไป “คุณจะไปไหนไม่ได้....บอกว่าคุณหญิงสุดาพาแม่ผม น้องผมไปไหน”
สุขหฤทัยกลัวจนตัวสั่น สรวงนั้นทั้งตกใจ และใจเสียสุดพรรณนา ที่สุดแล้วสุดากลายเป็นคนร้าย
“บอกมาเดี๋ยวนี้ฤทัย” สรวงตะคอกคาดคั้น

สุขหฤทัยหน้าซีดเผือด ตื่นตระหนกและหวาดกลัว ขณะที่สรวงใจสั่น ความจริงที่ตามหาและหวาดหวั่นลึกๆ ในใจ ถึงวันนี้เขาได้รู้เสียที

ไฟมาร ตอนที่ 16 (ต่อ)

รถตู้คันนั้นเลี้ยวออกจากรีสอร์ท แล่นมาตามทางและมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ภายในรถคันดังกล่าว สุดานั่งหน้าเหี้ยมอยู่เบาะตอนหลัง ยิ้มอย่างสะใจ มองดูร่างของกรรณนรี กับภาพิศที่นั่งกึ่งนอนหมดสติอยู่ นัยน์ตาสุดาวาวโรจน์ ตะโกนก้องอยู่ในใจ

“ฉันจะไม่ให้ พวกผู้หญิงหน้าด้านที่มันชอบเป็นเมียน้อย อย่างแกสองคนแม่ลูกอยู่รกโลกอีกต่อไป”
ภาพิศ และกรรณนรี ยังคงหมดสติไม่รู้เรื่องใดๆ ขณะที่สุดาสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“พานังสองคนนี่ไปไร่ของฉัน...แล้วหุบปากทุกอย่าง เข้าใจมั้ย”
ลูกน้องทุกคนรับคำ “ครับ” พร้อมๆ กัน

ขณะเดียวกันสุขหฤทัยถูกผลักเข้ามาในห้อง ท่ามกลางสีหน้าอันเคร่งเครียด และเอาเรื่องของทุกคน
“บอกมาฤทัย แม่พาคุณภาพิศ กับกรรณรีไปไหน” สรวงถามคาดคั้นเสียงกร้าว
สุขหฤทัยหลบตา ส่อพิรุธเต็มที่ “ฤทัยไม่รู้..ไม่รู้จริงๆ ทำไมต้องมาคาดคั้นฤทัยด้วย”
“เพราะที่ผ่านมาคุณรู้ทุกอย่าง วางแผนกับคุณหญิงสุดาด้วย” กาวินทร์พูดเสียงดัง
สุขหฤทัยมองกาวินทร์ทั้งโกรธ และผิดหวังที่ถูกหลอก คิดว่าเขารักตัวเอง “ไม่จริง..อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ”
แฉล้มพยายามพูดดีๆ ด้วย “คุณฤทัยจนป่านนี้แล้ว พูดความจริงเถอะค่ะ ก่อนที่คุณหญิงจะทำเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้”
สุขหฤทัยแหวใส่ “ก็ฉันบอกว่าไม่รู้..ไม่รู้ อย่ากดดันฉันนักได้มั้ย? อุ๊ปส์”
พลางสุขหฤทัยทำเป็นปวดหัว เครียดจะโก่งคออาเจียนอยู่ตรงนั้น ทุกคนหลีก สรวงดุ
“ไปห้องน้ำเลยฤทัย”
สีหน้าสุขหฤทัยเหมือนมีแผนขณะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนกาวินทร์บอกอย่างกังวล
“ผมจะลองไปดูที่ห้อง แล้วโทร.ตามกาว”
สุขหฤทัยอยู่ในห้องน้ำ แววตาดูกังวลหนัก คิดหาทางออก

ในที่สุดสุขหฤทัย ควักมือถือออกมาจากกระเป๋า กดส่งข้อความบอกสุดาทันที

เวลาเดียวกันบนรถตู้ มือถือดัง สุดาหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ในรถขึ้นมา กดดู เห็นเป็นข้อความจากสุขหฤทัย "คุณหญิงแม่ขา...” สุดาอ่านข้อความในใจ “แย่แล้วค่ะ นังแฉล้มมันเห็นคุณหญิงแม่ลักพาตัวนังสองคนนั้นไป ตอนนี้สรวงกำลังซักฟอกฤทัยอยู่ คุณหญิงแม่รีบกลับมาเลยนะคะ”
สุดาหน้าเครียดขึ้นมาทันที

สรวง กับแฉล้มรออยู่ด้านนอก เห็นสุขหฤทัยไม่ออกมาซักที แฉล้มเริ่มบ่น เพราะร้อนใจ
“นานแล้ว ทำไมคุณฤทัยไม่ออกมาซักที”
“นั่นน่ะสิ หรือจะหนีไปแล้ว”
ขาดคำสรวงเดินพรวดไปห้องน้ำเคาะประตูเรียก
“ฤทัยๆ”
เงียบกริบไม่มีเสียงตอบ สรวงเปิดประตูผลัวะเข้าไป เห็นสุขหฤทัยนั่งหมดแรงอยู่ในห้อง สรวงตกใจ
“ฤทัย”
สรวงตรงเข้าไปช้อนร่างอุ้มสุขหฤทัยออกมา

สรวงวางสุขหฤทัยลงบนเตียง โดยไม่รู้ว่าสาวแสบแกล้งทำเป็นหมดสติ สักครู่หนึ่งกาวินทร์เดินเข้ามาพร้อมมือถือ 2 เครื่อง
“ผมไปดูที่ห้องคุณภาพิศ ห้องกาว ไม่มีคนอยู่ มีแต่มือถือทิ้งเอาไว้”
แฉล้มหน้านิ่ว เครียดจัด “โอ๊ย!แล้วจะติดต่อกันได้ยังไง” มองสุขหฤทัยไม่วางใจ “มาเป็นลมอะไรกันตอนนี้”
“ฤทัยคงเครียด” สรวงบอก
“เครียดหรือหาทางแก้ตัวไม่ได้คะ”
จังหวะนั้นสุดาเดินถือกระเป๋าเข้ามา ทางประตูห้อง ที่ไม่ได้ปิด ส่งเสียงทัก
“แก้ตัวเรื่องอะไรกันจ๊ะ”
สรวงตกใจ คาดไม่ถึง “คุณแม่”
แฉล้มก็เช่นกัน “คุณหญิง”
สุดากราดตามองด้วยท่าทีแปลกใจและงวยงง
“มีอะไรกัน แล้วนั่นฤทัยเป็นอะไร” ตรงเข้าไปหาสุขหฤทัยเขย่าตัวเรียก “ฤทัยๆๆ”
สุดาปลุกเรียก สุขหฤทัยที่ทำทีเป็นนอนคอพับคออ่อน เผยอเปลือกตาขึ้น
“คุณหญิงแม่...” สุขหฤทัยผวาตัวขึ้นมารีบโผเข้ากอดสุดา ร้องไห้สะอึกสะอื้น “คุณหญิง
แม่มาแล้ว ช่วยฤทัยด้วย...” มองหน้าสามคนเริ่มใส่ไฟ “สรวงพาคนมาข่มขู่ จะให้ฤทัยบอกให้ได้ ว่าคุณหญิงแม่...เป็นคนร้าย”
สุดาหันขวับมามอง “คนร้าย..คนร้ายอะไรกัน”
“ลักพาตัวคุณภาพิศกับกรรณนรี” แฉล้มบอกพร้อมกับจ้องหน้าสุดา
สุดามองสู้ แทบอยากจะฉีกเนื้อแฉล้ม แต่ทำเป็นนิ่ง “จะหาเรื่องอะไรฉันอีก หรือที่ผ่านมาเธอหาเรื่องฉันไม่พอ” สุดาหันมาทางสรวง “ดูหน้าไว้นะสรวง ผู้หญิงคนนี้คือคนที่พาภาพิศเข้าหาคุณพ่อ หล่อนเป็นคนทำลายครอบครัวของเรา”
สรวงมองสุดาอย่างจับสังเกต กาวินทร์ก็เช่นกัน แฉล้มโกรธสวนกลับสุดา
“อย่าเบี่ยงเบนประเด็น บอกมาคุณหญิงพาตัวคุณภาพิศไปไหน”
สุดาตาแข็งกร้าวมองมาอย่างเกลียดชัง “พูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“ทำไมจะไม่รู้เรื่อง ก็ฉันเห็นกับตา คุณพาคุณภาพิศไป” แฉล้มบันดาลโทสะ ถลาเข้ามาเขย่าตัว “บอกมาคุณพาเค้าไปไหน”
สุดาร้องลั่นเจ็บเว่อร์ “โอ๊ยย..สรวง..สรวงช่วยแม่ด้วย แม่เจ็บ”
กระเป๋าสุดาหล่น สรวง กับกาวินทร์รีบเข้ามาดึงตัวสองคนออก แฉล้มดิ้นรนขัดขืนอย่างแรง เท้า ถีบเท้าแทบจะถูกสุดา
“ปล่อยฉัน บอกมานะคุณหญิง...คุณพาพวกเค้าไปไหน”
“ก็บอกว่าฉันไม่รู้เรื่อง”
“ทำไมจะไม่รู้เรื่อง”
แฉล้มโกรธจัด ดิ้นสุดแรงเกิดจนหลุดจากมือกาวินทร์ พร้อมกับโผนทะยานเข้าหาสุดา กระชากตัวออกจากตัวสรวง ขย้ำ สุดาร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด สรวงห้ามเสียงหลง
“อย่าทำแม่ผม อย่า”
แฉล้มบ้าเลือด อาละวาดและไม่ยอมปล่อย “บอกมา แกบอกมา..แกพาเพื่อนฉันไปไหน”
สรวงกระชากร่างแฉล้มออก พูดเสียงดุดัน “อย่ามาหยาบคายกับแม่ผม”
แฉล้มเซลงไปกองที่พื้น “คุณสรวง แต่แม่คุณเป็นคนร้ายนะ”
กาวินทร์เสียงเข้ม เผชิญหน้าสรวง “คุณต้องแยกแยะให้ออกคุณสรวง”
สุดาแว๊ดใส่ “จะแยกแยะอะไร พวกแกมันบ้า สรวง...อย่าไปเชื่อมันนะลูก แม่ไม่รู้เรื่องๆ”
สรวงมองด้วยแววตาอ้อนวอน “คุณแม่...ผมขอร้อง...พูดความจริงเถอะนะครับ...ก่อนที่อะไรๆ มันจะแย่ไปกว่านี้”
สุดามองลูกชายด้วยสายตาผิดหวัง ตกใจ และคาดไม่ถึง บีบน้ำตา “ตาสรวง...ลูกเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่”
สุดาวิ่งร้องไห้ออกไป
สุขหฤทัยมองจ้องหน้าสรวง
“อกตัญญู”

ด่าเสร็จสุขหฤทัยก็ผลักกาวินทร์แล้ววิ่งตามสุดาไป สรวงสับสนว้าวุ่นใจ รีบตามไป

สุดาวิ่งร้องไห้มาตามทาง โดยมีสุขหฤทัยตามมากอดตัวไว้ สรวงตามมาสีหน้าเครียดจัดเต็มไปด้วยความสับสน พูดออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ

“คุณแม่...ผม”
“ไม่ต้องพูดอะไร ถ้าสรวงเชื่อว่าแม่เป็นคนร้ายอย่างที่เค้าว่า สรวงก็แจ้งตำรวจมาจับแม่สิ”
สุขหฤทัยทำเป็นท้า ผสมโรง “เอาเลยมั้ยคะ ฤทัยจะช่วยกดมือถือให้”
“เอาเลยสรวง เอาเลย” สุดา
สรวงอึดอัด ลำบากใจอย่างยิ่ง “คุณแม่...”
ระหว่างนั้นกาวินทร์ กับแฉล้มวิ่งตามออกมา สองคนมองสุดาอย่างเกลียดชัง และเห็นใจสรวง สุดาร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ที่ผ่านมา คนพวกนั้นมันทำลายแม่ ทุกวันนี้มันก็จ้องทำลายแม่ ใส่ร้ายแม่...สรวงยังจะเชื่อมันอีก”
กาวินทร์ กับแฉล้มพูดไม่ออก ขณะที่สรวงว้าวุ่นใจ
“เอาสิ..เอาเลยถ้าสรวงเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่...สรวงแจ้งตำรวจมาจับแม่เลย”
สรวงอึดอัดลำบากใจมาก หันไปมองแฉล้ม ถาม
“คุณแฉล้ม บอกรูปพรรณสัณฐานคนร้าย รถอะไร ทะเบียนอะไร ผมจะแจ้งตำรวจ”
แฉล้มอึกอัก “ฉันจำไม่ได้” ชี้ไปที่สุดา “คุณหญิงนั่นแหละรู้ดี”
สุดาแหวกลับ “ยังจะมาใส่ร้ายฉันอีก สรวงแจ้งตำรวจเลย แม่จะลากคอนังแฉล้มเข้าคุก มันหมิ่นประมาทแม่”
“ฉันพูดจริงๆ นะคุณสรวง”
สรวงอัดอั้นตันใจร้อง “โธ่เว้ย” แล้ววิ่งผละออกจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว
กาวินทร์ตะโกนเรียก “คุณสรวงๆ” แล้ววิ่งตามไป
“คุณทำร้ายคนอื่นไม่พอ คุณยังทำร้ายคุณสรวงอีก” แฉล้มด่าทันที
“ฉันไม่เคยทำร้ายลูก” สุดาตาขวาง อย่างน่ากลัว “มีแต่ทำร้ายคนที่มันทำฉันก่อน อย่างพวก
แก” ลุกพรวดกระชากผมแฉล้มทันที
“คิดว่าฉันจะยอมแกอย่าง คนอื่นเหรอ ไม่มีทาง”
แฉล้มกระโจนเข้ามากระชากผมสุดาตบอย่างแรง สุดาก็ไม่ยอม สองคนตบกันนัว สุขหฤทัยมองหน้าตาสยอง
“โอ๊ย จะหาใครมาช่วยเนี่ย”
สาวแสบนึกบางอย่างออก รีบวิ่งออกไป

สุขหฤทัยมาเคาะประตูห้องเรียกอารักษ์
“คุณลุงคะคุณลุง”
เงียบไม่มีเสียงตอบ สุขหฤทัยตัดสินใจเปิดประตู เห็นว่าอารักษ์ไม่อยู่
“คุณลุงไปไหน” สุขหฤทัยแปลกใจ

อารักษ์ขับรถเตลิดมาจนถึงเขาใหญ่ จอดรถที่หน้าผับละแวกนั้น นั่งดื่มเหล้าจนเมามาย เพ้อพร่ำ รำพันด่าทอตัวเอง
“ทำไม? ทำไมถึงเป็นแบบนี้...เลว แกเกือบทำร้ายลูกแกแล้ว”
อารักษ์จะคว้าแก้วเหล้ามาดื่ม หญิงบริการที่นั่งข้างๆ คว้าแก้วไว้
“เดี๋ยวหนูป้อนนะคะพี่...”
หญิงสาวออดอ้อน ป้อนเหล้าอารักษ์ อารักษ์ดื่มพรวด ก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมา
“กลุ้ม”
“มีหนูอยู่ทั้งคน พี่ไม่ต้องกลุ้มค่ะ” (มองสายตาออดอ้อน)
“สรวง...หนูศุ....ฉันขอโทษ..(อารักษ์ดื่มเหล้าคอพับคออ่อน)

ขณะเดียวกัน กลุ่มคนร้ายนั่งอยู่บนรถตู้ คนขับพารถแล่นทะยานไป มุ่งหน้าสู่จุดหมาย หนึ่งในวายร้ายมองสองแม่ลูกด้วยสายตาหื่นกระหาย
“สองคนนี้มันน่า...”
“อย่านะเว้ย....เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ แกก็รู้คุณหญิงสุดาเป็นคนยังไง” อีกคนเตือน

ทางด้านแฉล้มกับสุดาตบกันยังไม่เลิก จังหวะนั้นแฉล้มตบสุดาลงไปนั่งกองกับพื้น แฉล้มตามกระชากผม
“อย่าคิดว่าคนอื่นสู้คุณไม่ได้ บอกมา...แกเอาคุณภาพิศไว้ไหน”
มือของสุดาควานไปเจอก้อนหินที่ด้านหลัง “ไว้ในนรกไง”
สุดาเอาก้อนหินเหวี่ยงเข้าที่ศีรษะแฉล้มอย่างแรง...แฉล้มร้อง “โอ๊ย” ออกมาคำเดียวก็หมดสติไป
“แกรนหาที่เอง นังแฉล้ม”
สุดาเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบกระเป๋าล้วงเอามือถือออกมา
“ส่งคนมาหาฉันด่วน”
สุขหฤทัยหลบมุมแอบมองด้วยความสยอง นับวันก็ยิ่งกลัวสุดา

สรวงขับรถตามหาภาพิศและกรรณนรี โดยมีแก้วตามมาด้วยกัน ก่อนเบนรถเข้าข้างทาง
“ผมมืดแปดด้านจริงๆ ไม่รู้จะไปตามกาวกับคุณภาพิศที่ไหน”
กาวินทร์มองสรวง ถามจริงจัง “คุณเชื่อใช่มั้ย..ว่าแม่คุณ”
สรวงไม่อยากคุยเรื่องแม่ จึงตัดบทน้ำเสียงกร้าว “ผมไม่รู้...รู้แต่ผมต้องตามคุณภาพิศกับกาวให้เจอ”
จากนั้นสรวงก็ขับรถไปต่อ

สรวงขับรถมาตามทาง กับกาวินทร์ สองหนุ่มพยายามตามหากรรณนรีกับภาพิศจนดึกดื่น แต่ไม่มีวี่แวว
สรวงเครียดจัด ครุ่นคิดอยู่ในใจ “พ่อจะรู้บ้างมั้ย พ่อเป็นคนเอาไฟเข้าบ้าน พ่อเป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง”
ทางด้านอารักษ์ในสภาพเมามาย กำลังเสพสุขเริงโลกีย์อยู่กับหญิงบริการนางนั้น

สรวงกลับมาถึงรีสอร์ทในตอนเข้า กำลังเดินเข้าไปที่บ้านพัก เจอพนักงานเดินมาบอกพอดี
“คุณสรวงคะ...คุณหญิงกลับไปแล้วนะคะ”
สรวงหน้าเครียด กลุ้มหนัก ไม่ต่างจากกาวินทร์นัก จังหวะนั้นอารักษ์เพิ่งมาถึง และเดินเข้ามาหาสองหนุ่ม
“มีอะไรกันสรวง”
“คุณแฉล้มบอก..แม่ลักพาตัวคุณภาพิศกับกรรณนรี”

อารักษ์ตกใจแทบช็อก หน้าซีดเผือด

เช้าวันต่อมา ที่ไร่ชลาลัย สถานที่ซึ่งสุดาสั่งให้นำสองแม่ลูกมาคุมขังไว้ แฉล้มซึ่งถูกตีหัวแตกและยังสลบอยู่ ถูกลูกน้องของสุดาช่วยกันแบกเข้ามาในกระท่อม ที่ภาพิศกับกรรณนรีนอนหมดสติกันอยู่คนละมุม ลูกน้องสุดานำร่างแฉล้มมาวางไว้อีกมุมหนึ่ง ก่อนร้องบอกกัน

“คุณหญิงบอกให้มัดพวกมันเอาไว้”

กลุ่มคนร้ายทยอยกันไปมัดมือมัดเท้าทั้งสามคน ก่อนจะเหวี่ยงร่างไปให้พิงฝากระท่อม

เวลาเดียวกันสุดากลับมาที่คฤหาสน์ ด้วยหน้าสาแก่ใจ ในขณะที่สุขหฤทัยซึ่งแวะมาหามีท่าทางกระสับกระส่าย ตื่นตระหนก หวาดหวั่นตลอดเวลา สุดาสังเกตเห็น พูดปรามเสียงดุ

“เลิกทำท่าแบบนี้ได้แล้วฤทัย น้าไม่ชอบ แล้วก็หุบปากให้สนิท ไม่ว่าจะรู้เห็นอะไร ไม่อย่างนั้น” ขณะพูดสุดายิ้มนิดๆ ดวงตาวาววับน่ากลัว ขู่อยู่ในที “น้าคงไม่ต้องบอกใช่มั้ย...ว่าฤทัยจะต้องเจออะไร”
“งั้นฤทัยกลับเลยนะคะ”
สุดาพยักหน้าให้ สุขหฤทัยสยองรีบเดินออกไปอย่างว่องไว
“ไม่มีใครช่วยพวกแกได้หรอก”
สุดายิ้มเยาะ พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจ

มะยมอยู่ที่ออฟฟิศสตาร์อินเทรนด์ พยายามโทร.ติดต่อกรรณนรี หน้านิ่วคิ้วขมวด
“ทำไมไม่รับสายซักทีวะ”
“กาว หรือไอ้คุณนพ” นิคเหน็บ
“ก็กาวน่ะสิ....ฉันจะโทร.หาคุณนพทำไม”
“ใช่...เพราะไอ้คุณนพมันโทร.หาแกตลอด” คราวนี้นิคเปลี่ยนเป็นแขวะ
มะยมมองนิคอย่างฉงน “จู่ๆ ก็มาเหน็บฉันตลอด เป็นบ้าอะไรวะนิค”
“บ้าตรงไหน? ฉันเตือนสติแก แกจะได้จำได้ขึ้นใจ ว่าคนที่แกกำลังคุยด้วย มันสามีคนอื่น”
นิคเดินหนีออกไปเลย มะยมอึ้ง หน้าเสีย

ส่วนที่คอนโดของนพ ซึ่งสภาพไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา เป็นคอนโดพักอาศัยธรรมดา นพกำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น นพขมวดคิ้วสงสัย ก่อนเดินมาเปิดประตูแล้วก็เห็นนายืนยิ้มเย้ยอยู่หน้าประตู
นพถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ขณะที่นาเดินช้าๆ เข้ามาในห้องกวาดสายตามองเหยียด พูดน้ำเสียงหยัน
“ฉันก็นึกว่าออกมาจากบ้านฉัน...แล้วจะอยู่ดีมีสุข ที่ไหนได้อยู่ห้องเท่ารูหนู”
นพถอนหายใจ ข่มอารมณ์พูดด้วยดีๆ เพราะไม่อยากทะเลาะ “งั้นคุณก็คิดถูกแล้วล่ะ เพราะผมอยู่ที่นี่ ผมมีความสุข”
นาแหวใส่ ตะคอกข่ม “แล้วตอนที่อยู่กับฉัน คุณไม่มีความสุขรึไง”
นพบอกด้วยท่าที่เหนื่อยใจ “ใช่”
นากรี๊ดอีกใส่ ตรงเข้ามาทุบตีนพ “คุณนพ ทำไมคุณกล้าพูดจากับฉันอย่างนี้ ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร”
นพจับเหวี่ยงออกให้หยุด “เลิกถามได้แล้วว่าคุณเป็นใคร คุณก็เป็นแค่คนๆ หนึ่ง เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ”
นาโมโห “คุณนพ”
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะตามมาด่าผมอีกทำไม ทั้งๆ ที่เราเลิกกันไปนานแล้ว” สุ้มเสียงนพเข้ม แต่ไม่ก้าวร้าว “พอได้แล้ว จบได้แล้ว หย่าให้ผมได้แล้ว”
นามองมาอย่างโกรธแค้น “อยากหย่าก็เอามาให้ฉันสิบล้าน”
“10 ล้าน” นพตกใจ
นาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ซึ่งน้ำหน้าอย่างคุณ ไม่มีวันหาได้หรอก”
“มันก็จริง เพราะถ้าผมมีเงิน10 ล้าน ผมก็ยินดีจะให้คุณ...เพื่อที่เราจะได้จบๆ กันไปซักที ถึงแม้ตอนนี้คุณจะไม่มีค่าเท่ากับเงินแม้แต่บาทเดียว”
นากรี๊ดลั่น “คุณนพ” ตรงเข้ามาทุบตีพัลวัน
นพผลักออก มองจ้องหน้า “พอได้แล้ว หย่าให้ผมได้แล้ว”
“ฉันไม่หย่า จะกอดทะเบียนไว้อย่างนี้แหละ คุณจะทำไม”
พูดจบนาเดินฉุนเฉียวออกไป นพมองตามอย่างเหนื่อยใจ

นาเดินออกมาตามทาง พร้อมโทรศัพท์
“แกรีบมาเฝ้าผัวฉัน” พูดจิกหัวสั่ง “มันไปไหน มาไหน กับใคร รายงานฉันตลอด”
นาวางสาย สีหน้าขัดอกขัดใจมาก

สองพ่อลูกคุยกันอยู่ ภรตถามบุญยิ่งด้วยความอยากรู้ ปนร้อนใจ
“เรื่องกาว ตกลง...คุณอารักษ์ ว่ายังไงครับพ่อ”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่วันนั้นยังไม่ได้คุยกันเลย”
ภรตกังวลไม่หาย “แล้วเรื่องมันจะจบยังไงครับเนี่ย”
“พ่อคงเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่หวัง ให้อารักษ์คิดได้...ว่าอะไรถูกอะไรผิด จะได้ไม่เกิดเรื่องยุ่งๆไปกว่านี้”
สองพ่อลูกได้แต่ทำหน้าหนักใจ

บนถนนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ อารักษ์อยู่บนรถกับสรวง และกาวินทร์ ต่างคนต่างเครียด อารักษ์สั่งคนขับรถเสียงเข้ม
“ขับให้เร็วกว่านี้อีก...เร็วกว่านี้ ฮึ้ย”
กาวินทร์ตัดสินเอ่ยขึ้น ท่าทีลำบากใจ “ผมขอแจ้งตำรวจ”
สรวงกับอารักษ์หันขวับมามอง สรวงขอร้อง
“ผมขอร้องล่ะนะครับ...”
“แต่น้องสาวผม แม่ผม”
“ฉันขอร้อง สรวงโทร.หาแม่อีก จนกว่าแม่จะรับ” อารักษ์ขอร้องอีกแรง
สรวงก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือระวิง จนอารักษ์ถาม
“แม่ไม่รับสายเลยเหรอ”
“ครับ”
อารักษ์กลุ้มปนกังวล “คุณหญิงอย่าทำอะไรที่มันเลวร้ายไปกว่านี้เลย”
ทุกคนเครียดจัด

จังหวะที่สุดาขับรถออกไปพ้นคฤหาสน์ รถกลุ่มอารักษ์แล่นเข้ามาหน้าบ้าน ทันทีที่รถจอดอารักษ์ สรวง และกาวินทร์ ต่างรีบลงรถ ท่าทีร้อนอกร้อนใจ อารักษ์กวาดสายตามองไปที่จอดรถ เห็นว่ารถสุดาไม่อยู่ อารักษ์มองสรวง
“แม่ไม่อยู่”
กาวินทร์ร้อนใจยิ่งขึ้น “ตามหาใครไม่ได้อย่างนี้ ผมคงต้องขอแจ้งความ”
อารักษ์กับสรวงท่าจะพูด กาวินทร์ร้องห้าม
“ผมเย็นไม่ไหวแล้วครับ ป่านนี้แม่ผม น้องผมจะเป็นยังไง ถึงตอนนี้แล้ว ผมจำเป็นต้องแจ้งความ”

เกริกฟังลูกชายเล่าเรื่องจบก็ตกใจหน้าซีดเผือด อาการโรคหัวใจกำเริบ ยกมือกุมหน้าอก กิริยาเจ็บปวด
“แจ้งความ? แก้วต้องแจ้งความให้เร็วที่สุด ไปเลยไปเดี๋ยวนี้”
กาวินทร์ตกใจเข้ามาประคอง “แต่พ่อ”
เกริกกัดฟัน พูดอย่างยากเย็น “พ่อไม่เป็นไร...แต่ที่พ่อไม่เข้าใจ เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ทำไมแก้วกับกาว ถึงไม่บอกพ่อ แต่ปล่อยเอาไว้ จนเรื่องมันบานปลายขนาดนี้....รีบไปแจ้งความเลย ไป” เกริกทำท่าจะเดินไป แต่ไม่มีแรงล้มทรุดลงไปกับพื้น
“พ่อ...” กาวินทร์ตกใจหนัก
เกริกกัดฟัน รู้สึกเจ็บมากกว่าเดิม “พ่อไม่เป็นไร...” คอแห้งผากแทบไม่มีเสียง “ไป”
เกริกพูดได้แค่นั้นก็เดินต่อไม่ไหว แก้วร้องออกมาด้วยเป็นห่วง
“พ่อ”
สองป้าเดินถือถ้วยแกงเข้ามาในบ้านพอดี
“ว้าย!พ่อเกริก เป็นอะไร” สองป้าเงอะงะตกใจ ทำตัวไม่ถูกจนขวางทางไว้
“ป้า..ขอทางหน่อย ผมจะพาพ่อไปโรงพยาบาล”
แก้วประคองเกริกเดินออกไป สองป้าหลีกทางอย่างรวดเร็ว แต่มองตามสีหน้าตื่นตกใจ
“มันมีอะไร พ่อเกริกถึงได้หัวใจกำเริบ” ตั๊กแตนปรารภ
จักจั่นออกความเห็น “ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ เลย”
สองป้าตื่นตระหนกตกใจไม่ต่างกัน

ไม่นานนัก เกริกนอนอยู่บนรถเข็น ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน มีกาวินทร์คอยจับมือให้กำลังใจ
“อย่าเป็นไรนะพ่อ พ่อต้องไม่เป็นอะไร”
“ญาติรออยู่ข้างนอกก่อนครับ” บุรุษพยาบาลบอก
เกริกถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน กาวินทร์มองตาม เป็นห่วงพ่อมาก ได้แต่สบถออกมาอย่างหงุดหงิด
“ปั๊ดโธ่เว้ย”

กาวินทร์เดินออกมาหน้าโรงพยาบาล กดโทร.หาสุขหฤทัย ยามนั้นสุขหฤทัยอยู่บ้าน มองมือถือท่าทีลังเลหน้าเจื่อนจ๋อยเมื่อเห็นเบอร์กาวินทร์
“แก้ว...”
กาวินทร์บ่นออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน
“ทำไมไม่รับสายซักที” ก่อนจะกดโทร.ซ้ำ
เสียงมือถือดังอีก สุขหฤทัยมองด้วยสีหน้าหวาดหวั่น จำต้องรับสาย
“จะโทร.มาบีบคั้นอะไรฉันอีก ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้เรื่อง”
กาวินทร์ออดอ้อนแต่ดุอยู่ในที “คุณรู้”
“ไม่รู้”
“ผมขอร้องล่ะฤทัย...บอกมาเถอะ...คุณหญิงสุดาเอาแม่ผม น้องผมไปไว้ที่ไหน ก่อนที่เรื่องมันจะเลวร้ายมากไปกว่านี้”
สุขหฤทัยสับสน ลังเล ในใจเริ่มหวาดหวั่นแต่ยังทำเป็นปากแข็ง “ฉันไม่รู้”
“งั้นผมคงต้องแจ้งตำรวจ”
สุขหฤทัยอึ้ง
จังหวะนั้นสมหญิง แม่ของสุขหฤทัยเดินเข้ามามองลูกสาวอย่างแปลกใจ
กาวินทร์พูดต่อ เสียงเข้ม
“ฟังนะ..ผมพยายามที่จะไม่ให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะผมเห็นแก่ทุกคน แต่ตอนนี้..น้องผม แม่ผมกำลังตกอยู่ในอันตราย และมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้...บอกมาฤทัย”
สุขหฤทัยเริ่มกลัว “ก็บอกแล้วไง ฉันไม่รู้” กดวางสายไปทันที
กาวินทร์โมโหหนัก “ปั๊ดโธ่เว้ย”

พอวางสายสุขหฤทัยหน้าซีดว้าวุ่น กังวลใจ สมหญิงถามขึ้น
“มีอะไรฤทัย”
สุขหฤทัยสะดุ้งโหยง “คุณแม่”
สมหญิงจ้องเขม็งจับอาการ “แม่ถามว่ามีอะไร”
สุขหฤทัยหน้าเจื่อน

สองแม่ลูกเดินมาคุยกันอยู่ที่อีกมุมในบ้าน สมหญิงตกใจ พูดแทบเป็นตวาด
“ไม่ได้นะฤทัย คุณหญิงสุดาทำผิดขนาดนี้ ลูกต้องบอกทุกคน”
“ลูกกลัว” สุขหฤทัยทำท่าจะร้องไห้
สมหญิงร้อนรน “แต่ถ้าลูกไม่บอก เดือดร้อนกันหมดทุกคนแน่ รวมทั้งลูกด้วย”
สุขหฤทัยหน้าซีดเป็นกระดาษ ผู้เป็นแม่สำทับอีก เสียงเข้ม
“ตัดสินใจเองแล้วกัน งานนี้ยังไงแม่ก็ไม่เข้าข้างคนผิด”

กาวินทร์ออกอาการหงุดหงิด โมโหเป็นอย่างมาก กดมือถือออกบอกกับตัวเองน้ำเสียงกร้าว
“ไม่สนใจใครแล้วโว้ย...ฉันจะแจ้งตำรวจ”
เสียงมือถือดังขึ้น กาวินทร์กดรับทันที
“ว่าไง”

“ฉันบอกก็ได้...แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันคือที่ไหน รู้แค่คุณหญิงแม่บอกว่ามันเป็นไร่คุณตาของสรวง”

ไฟมาร ตอนที่ 16 (ต่อ)

ตกกลางคืน บรรยากาศทั่วทั้งไร่ชลาลัย มืดมิด วังเวงและน่ากลัว สุดาเดินเข้าไปในกระท่อม ดวงตาแข็งกร้าว กราดตามองสามคนด้วยความเกลียดชังและแค้นใจ เห็นทั้งสามถูกมัดมือเท้านอนพิงฝากระท่อมอยู่

“พวกมันยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเหรอ”
“ครับ ให้ผมจัดการมั้ยครับคุณหญิง” ลูกน้องคนหนึ่งถาม
“ไม่ต้อง...ฉันจะทำให้พวกมันฟื้นเอง....พวกแกออกไป”
กลุ่มคนร้ายรับคำ “ครับ” แล้วเดินออกไป
สุดามองสามคนด้วยความเกลียดชัง “ฉันควรจะทำให้พวกแกฟื้นขึ้นมาทีละคนหรือพร้อมกันทั้งสามคนดี จะได้ไปลงนรกพร้อมๆ กัน...” น้ำเสียงเครือสั่น ทั้งเกลียดทั้งโกรธ “พวกคนเลว พวกหน้าด้าน” เดินมาตบหน้าทีละคน สุดาสะเทือนใจจนร้องไห้ออกมา
“ถ้าไม่มีพวกแก ชีวิตฉันก็ไม่ตกต่ำอย่างนี้”
แฉล้มค่อยๆ รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาก่อนคนอื่น แฉล้มค่อยๆปรือตาขึ้นมามอง สะลึมสะลือด้วยความเจ็บปวด พอเห็นคุณหญิงก็ร้องด้วยความเจ็บปวดตกใจ
“คุณหญิง” แฉล้มกวาดตามองรอบๆ เห็นภาพิศ กรรณนรียิ่งตกใจ
“ฟื้นแล้วเร๊อะนังแฉล้ม...” สุดาหัวเราะร่าท่าทีน่ากลัว “งั้นถือซะว่าเป็นคราวซวยของแก
แล้วกัน” ตบผลัวะๆ ติดกันหลายทีจนหน้าหัน
แฉล้มเจ็บแต่ไม่โกรธ สุดาจับคางแฉล้ม บีบอย่างแรง สุดาน้ำตาคลอเสียใจแค้น
“เพราะแก..แกคนเดียว แกพานังภาพิศเข้ามาหาท่าน ทั้งๆที่แกก็รู้อยู่แล้วว่า
ท่านมีฉันอยู่แล้ว แกทำอย่างนี้ได้ยังไง? ได้ยังไง” ขยุ้มผมตบอีกฉาด
“ฉันขอโทษคุณหญิง ขอโทษจริงๆที่เห็นแก่ความสบายของตัวเอง จนลืมนึกถึงความเดือดร้อนของคนอื่น”
“ขอโทษตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อชีวิตฉันมันพังไปแล้ว ครอบครัวฉันมันพังไปแล้ว” สุดาขย้ำผมแฉล้มกระชากอย่างแรง “คนอย่างแกมันสมควรตาย สมควรตาย”
สุดาขย้ำผมตบแฉล้มแบบไม่นับ
แฉล้มได้แต่ร้องครวญคร่ำ ด้วยความเจ็บปวด “ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ”
“โทษของแกคือความตาย” สุดาคำราม

อารักษ์เดินกดโทรศัพท์เดินวนไปเวียนมาอยู่ในบ้าน ท่าทางเครียดจัด
“ติดต่อใครไม่ได้เลย แม้แต่แฉล้ม”
“ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ว่าคุณแม่เป็นคนร้ายจริงหรือเปล่า? ก็ฟังจากที่คุณแฉล้มเล่า...”
อารักษ์ซึ่งยังกดมือถืออยู่ พูดสวนออกมา “แต่จากรูปการ พ่อว่า...ยังไงแม่ก็ต้องเกี่ยว...ลูกก็รู้...ที่ผ่านมาแม่ทำอะไรไปบ้าง แต่แม่ไม่ผิดหรอก...คนที่ผิดคือพ่อเอง แม่เค้าถึงต้องเป็นแบบนี้ พ่อผิดเอง”
สรวงเห็นน้ำเสียง และสีหน้าของผู้เป็นบิดารู้สึกผิดจริงๆ จึงปลอบโยน
“อย่าโทษตัวเองเลยครับคุณพ่อ ยังไงเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เรามาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าจะทำยังไง” สรวงเสียงหม่นเศร้าขณะพูดประโยคหลัง “และถ้าถึงที่สุดจริงๆ ยังไงเราคงต้องแจ้งตำรวจ”
อารักษ์ฟังแล้วยิ่งหนักใจ เสียงมือถือดังขัดขึ้น สรวงรับ
“ว่าไงคุณแก้ว”
“ผมคุยกับคุณฤทัยแล้ว เค้าบอก...คุณหญิงพาแม่กับกาวไปที่ไร่คุณตาของคุณ มันอยู่ที่ไหนครับ”
สรวงตื่นเต้นตกใจ “ไร่ชลาลัย....มันอยู่ที่...”

กาวินทร์นิ่งฟังอย่างตื่นเต้น หัวใจเต้นระรัว

ขณะเดียวกันสุดาขย้ำผมแฉล้มอย่างขาดสติและบ้าคลั่ง
“ได้ยินมั้ย คนอย่างแกสมควรตาย”
แฉล้มกรีดเสียงร้องดังโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จังหวะนั้นภาพิศค่อยๆ ฟื้นตื่นขึ้นมาในอาการสะลึมสะลือ ยังมีอาการเจ็บที่ด้านหลังซึ่งถูกตีจนสลบ พอเห็นแฉล้ม กำลังถูกสุดาจิกทึ้งผมอยู่ก็ตกใจ ร้องเสียงหลง
“คุณแฉล้ม” พร้อมกับสังหรณ์ใจหันขวับไปที่กรรณนรี ร้องเสียงดัง “กาว”
สุดาหันมามองหัวเราะเยาะ “อ้อ! ฟื้นขึ้นมาอีกคนแล้ว งั้นก็นับว่าเป็นโชคดีของแกนังแฉล้ม”
สุดาผลักหัวแฉล้มออก ก่อนจะเดินมาหาภาพิศ จ้องหน้าหัวเราะอย่างสะใจ
“คราวนี้ถึงทีคุณน้องแล้วนะคะ” ขาดคำสุดาตบผลัวะๆๆๆ อย่างแรง ติดกันหลายที
“โอ๊ย” ภาพิศร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แฉล้มร้องห้าม
“พอได้แล้วคุณหญิงพอได้แล้ว อย่าทำเวรทำกรรมอีกเลย”
สุดาเหลียวขวับมาหา “แกว่าฉันทำเวรทำกรรม แล้วสิ่งที่พวกแกทำกับฉันล่ะ นังผู้หญิงหน้าด้าน คนหนึ่งก็เป็นแม่เล้า อีกคนก็เมียน้อย คนอย่างพวกแกมันสมควรตายจริงๆ”
สุดาจับหัวภาพิศกับแฉล้ม โขกกันอย่างแรง ภาพิศเหลียวมามองนัยน์ตาแข็งกร้าว
“อยากทำอะไรก็ทำกับฉัน อย่าทำกับคนอื่น ปล่อยลูกฉัน เพื่อนฉันเดี๋ยวนี้”
สุดาหัวเราะเยาะ “ยังกล้าต่อรองกับคุณพี่อีกหรือคะคุณน้อง” โผนเข้ามากระชากผมจนภาพิศหน้าแหงนหงาย “ได้..ฉันจะปล่อยเพื่อนแก...ปล่อยให้มันหนีตาย....ถ้ามันหนีได้ มันก็รอด แต่ถ้ามันหนีไม่ได้..มันก็ตาย”
สุดามองปราดไปยังแฉล้ม ดวงตาวาววาม พลางควักมีดพกออกจากกระเป๋า
แฉล้มมองสุดาที่ มองมีดทีอย่างหวาดกลัว บอกเสียงสั่น “จะทำอะไรฉัน”
แววตาสุดาวาวโรจน์ดูน่ากลัว พูดน้ำเสียงหยัน “ก็ให้แกหนีตายไงล่ะ”
สุดาตรงเข้ามาตัดเชือกที่มือและเท้าให้แฉล้มอย่างหวาดเสียว ท่ามกลางความตกใจของภาพิศ ทันทีที่เป็นอิสระ แฉล้มก็ทำท่าจะผลัก และสู้สุดา แต่สุดารู้ทันชูมีดขึ้น
“อย่ารนหาที่นังงูพิษ” พร้อมกันนั้นสุดาหยิบปืนในกระเป๋าขึ้นมา “ฉันให้โอกาสแก...ไป...ถ้าแก
หนีทันแกรอด ถ้าหนีไม่ทัน แกก็เป็นผีเฝ้าไร่อยู่นี่แหละ”
ขาดคำสุดายิงปืนเปรี้ยง แฉล้มวิ่งหนีออกไปทันที ถึงแม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ
สุดาถลึงตาใส่ภาพิศ “ถึงทีคุณน้องแล้วนะคะ” ตัดเชือกที่ขาให้ “ไปค่ะ..ไปเล่นเกมกับพี่ด้วยกัน
สุดาเอาปืนขู่ อีกมือหนึ่งเก็บมีด ใส่กระเป๋า ภาพิศจำต้องเดินออกไป”

ส่วนที่ด้านนอก แฉล้มวิ่งหนีมาตามทางสุดกำลัง แต่ด้วยความมืดและ ไม่คุ้นทาง กอรปกับอาการบาดเจ็บ ในที่สุดแฉล้มก็ล้มลง
สุดาซึ่งใช้ปืนขู่กระชากแขนภาพิศที่ยังคงถูกมัดให้เดินมา หัวเราะลั่น
“อะไร? ยังไม่ทันไร เกมจะโอเวอร์ซะแล้ว...แต่คุณหญิงสุดาไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก เรามาเริ่มเล่นเกมกันใหม่ดีกว่า”
สุดายิงปืนอีกเปรี้ยงเข้าที่ข้างๆ แฉล้ม ดินกระจุย แฉล้มร้องอย่างขวัญเสีย รีบวิ่งหนีไปอย่างทุลักทุเล
ภาพิศร้อง ทั้งกลัวแฉล้มจะโดนยิง ทั้งตกใจ “อย่าคุณหญิงอย่า!
“หุบปาก ตามฉันมา”
สุดาตวาดแว้ด กระชากแขนภาพิศที่ถูกมัดอยู่ให้เดินตามแฉล้มไป สุดาเดินไล่ยิงอย่างใจเย็น
แฉล้มวิ่งหนีเตลิดมาด้วยความกลัว ก่อนที่จะเสียหลักหกล้ม ร่างของแฉล้มกลิ้งลงเนินเขาอย่างรวดเร็ว และกระแทกเข้ากับตอไม้เบื้องล่างอย่างแรง เป็นตายยังไม่รู้
แฉล้มกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด ภาพิศสงสาร ตะโกนร้องระงมเหมือนคนบ้า
“คุณแฉล้มๆๆ”
สุดาหัวเราะลั่นอย่างสะใจ “ต่อไปถึงทีแกกับลูกแล้ว นังภาพิศ”
สุดากระชากร่างภาพิศให้เดินกลับไป ภาพิศกลัวจนร้องไห้ออกมา
“อย่า...อย่า..คุณแฉล้ม....” เหลียวไปมองดูแฉล้มอย่างเป็นห่วง “คุณแฉล้ม”
“ไป๊” สุดาผลักภาพิศอย่างแรงให้เดินกลับ

เวลาเดียวกัน สรวงขับรถมาตามทางราวกับจะบิน ด้วยความเร็วและแรง ก่อนที่จะมีเสียงดังก้อง
อารักษ์ร้องบอกสุ้มเสียงตื่นตระหนก “ยางแตก”
สรวงพยายามตั้งสติ ปล่อยรถไหลไปตามทาง ก่อนจะค่อยๆ แตะเบรกเบาๆ คุมรถไม่ให้เสียหลัก
จังหวะนั้นกาวินทร์ ขับรถทะยานออกมาจากบ้านแล้ว และขับรถแล่นมาตามทาง ในนาทีที่สรวง ควบคุมรถ จอดที่ข้างทางได้สำเร็จพอดี
อารักษ์สบถอย่างหัวเสีย “ปั๊ทโธ่เว้ย!จะมายางแตกอะไรตอนนี้วะ”
สองพ่อลูกหน้าเครียด กลุ้มใจหนัก

สุดาผลักภาพิศเข้าไปในกระท่อม เหวี่ยงร่างภาพิศล้มลงกับพื้น สุดาหัวเราะ
“ฉันจะทรมานแกสองคนแม่ลูกจนกว่าจะตาย”
ภาพิศกระเถิบเอาตัวบังกาว “จะฆ่าฉันก็ฆ่าไปเลย แต่อย่าทำอะไรลูกฉัน”
“มันง่ายไปมั้ง กับการที่แกทำให้ฉันทรมานมาค่อนชีวิต...และที่สำคัญ แกไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
สุดากระชากร่างกรรณนรีขึ้นมา “แกสองคนก็เหมือนลูกไก่ในกำมือฉัน จะบีบก็ตาย จะคายก็รอด”
ภาพิศมองกรรณนรีห่วงจนแทบจะขาดใจ “อย่า..อย่าทำอะไรลูกฉัน”
“ฉันจะทำ” สุดากระชากผมกรรณนรีอย่างแรงพร้อมกับใช้ด้ามปืนตบที่ใบหน้าหลายที กรรณนรีค่อยๆ รู้สึกตัว
ภาพิศกรี๊ดลุกมาห้าม “อย่าทำลูกฉัน”
“หยุด” สุดาขู่ ยกปืนเล็งใส่ “ไม่งั้น...ขาแกเละ”
ภาพิศร้องไห้โฮ “กาว..กาวของแม่” ภาพิศกรีดร้องเสียงดังก้อง “กาว”
กรรณนรีฟื้น สติค่อยๆ มา มองภาพิศกับสุดาอย่างตื่นตะลึง ในขณะที่สุดาหัวเราะ หันมาถามภาพิศ
“จะขาดใจใช่มั้ย” สุดาคำรามพลางใช้ด้ามปืนตบหน้ากรรณนรีอีกหลายๆ ที
ภาพิศฮึดสู้ใช้เท้าถีบเข้าที่ร่างสุดาเต็มแรง สุดาเสียหลักล้มลงไป มีดพกหล่นออกจากระเป๋า ภาพิศตามไปซ้ำ หมายจะเอาร่างกระแทก สุดาตั้งหลังทันผลักภาพิศออกโมโห
“แกอยากให้ฉันทรมานลูกแกมากกว่าเดิมใช่มั้ย ได้”
สุดากระชากผมกรรณนรีเต็มมือ จิตบแบบไม่นับ กรรณนรีร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อย่า..อย่าทำฉัน อย่า
ภาพิศน้ำหูน้ำตาไหลร้องครวญคร่ำแทบขาดใจ “กาว...กาว”

ด้านอารักษ์กับสรวงช่วยกันเปลี่ยนยางอย่างทุลักทุเล จังหวะนั้นเองกาวินทร์ก็ขับรถมาทัน ถึงจุดนั้นพอดี
“คุณสรวง”
กาวินทร์รีบจอดรถทันที ร้องเรียก
“คุณสรวง...รีบขึ้นมาเร็ว”

อารักษ์กับสรวงรีบขึ้นรถ กาวินทร์ออกรถไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนภายในกระท่อมที่ไร่ชลาลัย สุดากำลังสนุกกับเกมการแก้แค้นที่ตนเป็นออกแบบ และกำลังจับหน้ากรรณนรีให้แหงนขึ้น พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จ้องหน้าภาพิศเขม็ง

“สนุกจริงเว้ย..สนุกจริงๆ...ต่อไป...ฉันจะทรมานอะไรลูกแกดีภาพิศ...ส่งมันไปให้คนงานข้างนอกดีมั้ย”
กรรณนรีร้องลั่น “อย่า”
ภาพิศไม่พูดตอบโต้แต่จ้องหน้าสุดากลับ ขณะเดียวกันก็พยายามถูเชือกมัดมือไพล่หลังนั้นกับเสาให้ขาดออกจากกัน
สุดาบีบคางกรรณนรีอย่างแรง “ทีอย่างนี้ร้องอย่า...” กัดฟันกรอด “ทีตอนให้ผัวฉัน มาหย่าฉัน
แกไม่เคยจะเห็นใจ แกก็เหมือนกับแม่แก...ชอบทำร้ายคนอื่น” ผลักหัวออก “ฉันล่ะเกลียดแกนัก”
กรรณนรีจ้องหน้าสุดาเขม็ง เช่นเดียวกับภาพิศจ้องสุดาอย่างอาฆาตแค้นไม่วางตา เร่งถูเชือกสุดาหันมาเห็นสายตากรรณนรีที่มองตนก็โกรธอีก
“ยังจะมองหน้าฉันอีก นังหน้าจืด” จิกผมกรรณนรี ด่า “สมกับฤทัยด่าแกจริงๆ นังหน้าจืด นังซิ้มลืมแต่งหน้า ฤทธิ์เยอะนัก...งั้น..แกกับฉันมาเล่นสนุกกัน ฉันจะทรมานแกให้ตายต่อหน้าแม่แก”
สุดาจิกลากผมกรรณนรี พาออกด้านนอกกระท่อม กรรณนรีร้องครางด้วยความเจ็บปวด ภาพิศร้องลั่น
“อย่า! อย่าทำลูกฉัน อย่า”
สุดาเหลียวขวับมามองภาพิศ “เก่งจริง...ก็ตามมา”
ภาพิศแทบจะขาดใจ เร่งถูเชือกแรงขึ้น ขณะที่ปากก็ร้องไม่หยุด
“อย่าทำลูกฉัน อย่า”

กาวินทร์ขับรถมาถึงบริเวณด้านหน้าไร่ชลาลัย ทันทีที่รถจอด สามคนกระโจนลงจากรถทันที โดยมี อารักษ์นำหน้า เพราะรู้ที่ทางดีที่สุด

ส่วนในกระท่อม เชือกที่มัดมือภาพิศก็ขาดออกจากกันพอดี ภาพิศเป็นอิสระ คว้ามีดที่สุดาทำหล่นไว้ที่พื้นกระโจนออกไปทันที
เหตุการณ์ด้านนอก สุดาขึ้นคร่อมบีบคอกรรณนรีเต็มแรง
“ฉันเกลียดแก รู้ไว้ ฉันเกลียดแก”
กรรณนรีสู้ไม่ได้ ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน ภาพิศกรี๊ดกระโจนหาสุดาทันที
“นังสุดา” ดึงร่างสุดาออก
สุดาไม่ทันระวัง หงายเงิบก่อนจะล้มลง ภาพิศขึ้นคร่อม เงื้อมีดจะแทง
“แกตาย”
“อย่า”
สุดาจับมือภาพิศบิด สองคนสู้กัน จนมีดภาพิศหล่นจากมือ แต่ตัวภาพิศยังคร่อมสุดาอยู่ ภาพิศแค้นตบไม่ยั้ง
“แกตาย! แกตาย”
กรรณนรีร้องไห้ หวาดกลัว ตะโกนห้ามแม่ “อย่า! คุณภาพิศ อย่า”
ภาพิศบีนดาลโทสะ หน้ามือตามัวไม่ได้ฟังอะไรเลย บีบคอสุดาแน่นแล้วกดสุดแรงเกิด
“แกตาย!แกตาย”
สุดาดิ้นพล่าน ตาเหลือกลาน พยายามเอามือดันมือภาพิศออก
“ยะ..อย่า..อย่า”
เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น อารักษ์ สรวง และกาวินทร์ วิ่งเข้ามาในไร่

สุดาแทบหายใจไม่ออกแล้ว เจ็บปวดและทรมาน ภาพิศหัวเราะมองมือตัวเองที่บีบคอสุดา
“ทรมานใช่มั้ย? แกทรมานใช่มั้ย”
สุดากำลังจะหมดลม ภาพิศจ้องสุดา พูดเย้ย
“ยัง...ฉันไม่ให้แกตายตอนนี้หรอก มันง่ายไป” ภาพิศกลอกตาไปมา “ฉันจะให้แก..ตายอย่างช้า..ช้า..นังสุดา”
ภาพิศหันไปหยิบมีดที่ตกพื้นขึ้นมากระชับมั่นในมือ กรรณนรีเห็นร้องลั่น
“อย่า...”
มีดในมือภาพิศ สะท้อนกับความมืดเป็นประกายวาววับ
“ฉันจะเฉือนแกทีละชิ้น...ทีละชิ้น” ยกมีดขึ้นอีก
สุดากลัวจนตัวสั่นน้ำหูน้ำตาไหล ร้องอ้อนวอน “อย่า”
ภาพิศกระชากผมสุดาแล้วตัดฉับ สุดากลัวตัวสั่นสะท้าน ขณะที่ภาพิศหัวเราะร่าอย่างสะใจ
“กลัว...แกกลัวเหรอ...” ลดเสียงพูดสำเนียงหลอน “ไม่ต้องกลัว...” กระแทกเสียงใส่ “ กว่าแกจะตาย แกต้องทรมานอีกนาน”
ภาพิศเงื้อมีดขึ้น จังหวะนั้นอารักษ์ สรวง และกาวินทร์ก็วิ่งเข้ามา
ทุกคนร้อง “อย่า”
ภาพิศหันมามอง สุดาฉวยโอกาสนั้นผลักร่างของภาพิศออกอย่างแรง จนมีดภาพิศหล่นจากมือ ส่วนสุดากระโจนเข้าหาสรวง กอดลูกชายแน่น ท่าทีตื่นตระหนกสุดขีด
“สรวง....ภาพิศเค้าเป็นบ้า เค้าจะฆ่าแม่”
กาวินทร์กระโจนไปหากรรณนรี แก้เชือกให้น้องอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาพิศมาขวางปกป้องลูกตัวเอง
ภาพิศจ้องหน้าด่าสุดา “แกนั่นแหละจะฆ่าฉัน ฆ่าลูกฉัน คนสารเลว”
ภาพิศหลุดโกรธจัด วิ่งไปกระชากร่างของสุดาออกจากสรวง ตบไม่ยั้ง สุดาสะบัดหลุด กระโจนเข้าหาภาพิศ
“ก็แกทำลายครอบครัวฉันก่อน นังเมียน้อย นังสารเลว”
ทั้งภาพิศและสุดา กระโจนเข้ากันอย่างบ้าคลั่ง สรวงกับอารักษ์เข้าไปห้าม
“อย่าๆ”
แต่ไม่ว่าจะดึงออกแค่ไหน ทั้งภาพิศและสุดาก็กระโจนเข้าหากันอยู่ดี โดยมีแรงแค้นเป็นพาหะ
อารักษ์สุดจะทนไหว ตะโกนก้อง
“ถ้าผมตาย ทุกอย่างจะจบใช่มั้ย”
ทุกคนหันขวับ เห็นอารักษ์ล้วงปืนออกมาจ่อหัวตัวเอง ทุกคนร้องลั่น
“อย่า”
สรวงร้องห้าม “อย่า! คุณพ่ออย่า”
สุดาตะโกน “อย่าค่ะคุณ..อย่า” ชี้มือไปทางภาพิศ “คนที่สมควรตายคือมันไม่ใช่คุณ”
ภาพิศรีบเอาตัวขวางกาวินทร์ กับกรรณนรีป้องไว้ ขณะที่อารักษ์ตะโกน
“ผมนี่แหละที่สมควรตาย เพราะผมเป็นต้นเหตุเรื่องทุกอย่าง อโหสิกรรมให้ผมด้วย” อารักษ์ว่าพลางจะเอาปืนจ่อ เตรียมเหนี่ยวไก
“คุณพ่ออย่า”
สรวงกระโจนเข้าหาอารักษ์ สองพ่อลูกแย่งปืนกัน ท่ามกลางเสียงกรี๊ดดังสนั่น
“พ่อเป็นต้นเหตุของเรื่อง อย่าห้ามพ่อสรวง อย่า”
เสียงปืนดังลั่น ทุกคนตะลึง ขณะที่ร่างของสรวงค่อยๆ ร่วงลง นอนกองกับพื้น เลือดเต็มช่องท้อง ทุกคนร้องลั่น
“สรวง” / “คุณสรวง”
สุดา อารักษ์ และกรรณนรี กรีดร้องเหมือนคนจะขาดใจตาย ขณะที่กาวินทร์ กับภาพิศ ร้องอย่างตะลึงและตกใจ

สรวงปรือตากระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตา หลับลง เลือดนองไปทั้งพื้นทั่วบริเวณ

ไม่นานต่อมา ร่างของสรวงอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เจ้าหน้าที่กำลังปั๊มหัวใจ ช่วยชีวิต สุดากรีดร้องเหมือนคนบ้า กาวินทร์กอดกรรณนรีที่ยืนร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทากิริยาหวาดหวั่น ภาพิศมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง คาดไม่ถึง อารักษ์หน้าสลด เครียดจัด
 
“สรวง..สรวงต้องไม่เป็นอะไรนะลูก สรวง” สุดาจะเข้าไปหาสรวง
เจ้าหน้าที่ กันไว้ “อย่าครับคุณ..อย่า...” มองมาที่อารักษ์ “ญาติออกไปข้างนอกก่อนครับ”
“ไปคุณหญิง”
อารักษ์ประคองสุดาออกมานอกห้อง กรรณนรีร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณสรวง คุณอย่าเป็นอะไร”
สุดาหันขวับมามองเกลียดมาก “เพราะแกๆ” พร้อมกับโผนเข้าหากรรณนรี ตบหน้าฉาดใหญ่ และอาละวาดอีกรอบ
ภาพิศเข้ามาขวาง บอกเสียงแข็ง “อย่าทำอะไรลูกฉัน”
“ยังจะมาปากดี ลูกฉันต้องเป็นอย่างนี้เพราะพวกแก”
สุดาหันมาจิกตบภาพิศแทน กาวินทร์กับอารักษ์เข้ามาห้าม ทุกอย่างโกลาหล อารักษ์ลาก
สุดาออกมาสุดากรี๊ด ชี้หน้าภาพิศ และกกรรณนรี
“ถ้าลูกฉันเป็นอะไรพวกแก ตายๆๆ”
“ออกไปดีกว่ากาว”
กาวินทร์ว่าพร้อมกับพากรรณนรีออกไป โดยไม่ได้หันไปมองภาพิศสักนิด ภาพิศมองเห็นอารักษ์กอดสุดา ก็สะท้อนใจ รีบตามลูกๆ ออกไป ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีอาการบาดเจ็บ ต้องเอามือกุมท้องไว้ตลอดเวลา

กาวินทร์กอดประคองกรรณนรีเดินออกไป ภาพิศเดินแกมวิ่งตามมาเรียก
“แก้ว...กาว...”
สองคนหยุด แต่ไม่ได้หันมามอง ภาพิศน้ำตาไหลพราก
“จะไม่หันมามองหน้าแม่เลยเหรอลูก”
สองคนไม่ยอมหัน กรรณนรีบอก
“ขอบคุณค่ะที่ช่วย”
“จะขอบคุณทำไม? เค้าต้องขอโทษเราถึงจะถูก มันเป็นเพราะเค้า พวกเราถึงต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้” กาวินทร์บอกสุ้มเสียงยังโกรธอยู่มาก
ภาพิศร้องไห้โฮ จับมือลูกสองคน “แม่ขอโทษ...”
กาวินทร์สะบัดมือออก กรรณนรีลังเล ก่อนจะดึงมือออก ภาพิศร้องไห้ใจจะขาดรอนๆ
ภาพิศครวญคร่ำ “แม่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น...ใช่...เป็นเพราะแม่..แม่ผิดเอง แม่เองที่เป็นคนไม่ดี”
“ถ้ารู้ตัวก็แก้ไขสิครับ...อย่าทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก ถ้าคุณสรวงตายคุณจะชดใช้ยังไง”

กรรณนรีสะเทือนใจขึ้นมาอีก ร้องไห้โฮ ภาพิศร้องบอก
“แก้วก็เห็นแม่ไม่ได้ทำ...ท่านอารักษ์ต่างหาก”
“เลิกโทษคนอื่นซะที รู้ไว้ด้วย คุณคือต้นเหตุของความเลวร้ายทุกอย่าง อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก” กาวินทร์พูดโดยไม่ยอมมองหน้าแม่ และจะพาน้องสาวเดินหนี
ภาพิศกรีดร้อง ปฏิเสธลั่น เข้ามาขวาง “ไม่นะแก้ว ไม่” พยายามจะจับ รั้งลูกๆ “อย่าทำอย่างนี้กับแม่ แม่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจ..แม่รู้สึกผิด..ผิดตลอดเวลาที่ทิ้งลูกมา แม่รักแก้ว แม่รักกาว”
กรรณนรีร้องไห้
กาวินทร์พูดออกมาอย่างเจ็บปวด “ผมไม่ได้ต้องการคำว่ารักจากคุณ” เน้นทุกคำในประโยคต่อมาช้าชัด “เพราะผมไม่ได้รักคุณ”
ภาพิศเจ็บปวดแทบจะขาดใจ ตะลึง ช็อก เสียงครือสั่น “แก้ว...”
“ไปหาคนที่เค้ารักคุณเถอะ....หรือ...ว่า มันไม่มี”
ท้ายประโยคกาวินทร์จงใจแดกดัน แล้วพากรรณนรีเดินไป โดยไม่หันมามองภาพิศแม้แต่หางตา ภาพิศร้องไห้โฮ ใจจะขาดรอนๆ

กรรณนรีร้องไห้ฟูมฟาย
“พี่แก้ว ทำไมพูดกับแม่อย่างนั้น กาว..สงสารแม่”
“พี่ก็เจ็บเหมือนกันกาว....แต่พี่อยากให้แม่ได้คิดซะบ้าง เพราะคนเราไม่เจ็บถึงที่สุด ไม่สำนึก เหมือนที่เค้าว่า คางคกถ้ายางหัวไม่ตก ไม่สำนึก”
กาวินทร์พากรรณนรีเดินออกไป

ภาพิศ เดินร้องไห้ แทบหมดแรง หัวใจแทบแตกสลาย เสียงแก้วก้องอยู่ในหัว
“ไปหาคนที่เค้ารักคุณเถอะ....หรือ...ว่า มันไม่มี”
ภาพิศเบิกตาโพลง เพิ่งนึกได้ “คุณแฉล้ม”
ใบหน้าภาพิศซีดเผือด

ภาพิศมาถึงไร่ชลาลัยตอนรุ่งเช้า วิ่งไวๆ มาตามทาง อย่างระแวดระวัง ตะโกนร้องเรียก
“คุณแฉล้ม..คุณแฉล้ม”
แฉล้มนอนหมดสติ เห็นชัดว่าร่างกระแทกต้นไม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภาพิศแผดเสียงร้องกรี๊ด ดังกึกก้อง ทั้งเป็นห่วง และเสียใจมาก
“คุณแฉล้มม...”

ร่างแฉล้มถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา ภาพิศร้องไห้เนื้อตัวสั่นสะท้าน
“นี่ฉันทำแต่ความเดือดร้อนให้ทุกคนจริงๆ เหรอ”
ภาพิศได้แต่ถามตัวเองในใจ

ท่ามกลางความมืดภายในห้องที่คฤหาสน์ ภาพิศเดินโผเผเข้ามา ก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอน ร้องไห้คร่ำครวญ ภาพความหลังต่างๆ ที่ล้วนเป็นความผิดของตัวเองประเดประดังกันเข้ามาราวสายน้ำไหล ไม่หยุดหย่อน
ตอนที่ทิ้งลูกไปอยู่กับอารักษ์ ทำร้ายหมายเอาชีวิตกรรณนรีโดยเอาสบู่ราดพื้นในสปา ภาพิศตบสุดา และภาพสุดท้ายเป็นตอนกาวินทร์บอกช้าชัดว่าไม่เคยรัก
ภาพิศเจ็บปวดรวดร้าว ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ

ขณะเดียวกันสรวงยังคงนอนแน่นิ่ง พยาบาลเวรเดินมาดูอาการ เห็นกราฟที่จอมอนิเตอร์การเต้นของหัวใจ ไม่ปกติ
“ปั๊มหัวใจด่วน”

เจ้าหน้าที่เข้ามาปั๊มหัวใจให้ทันที ร่างสรวงกระตุกตามแรงชาร์จ ก่อนจะนอนนิ่งหน้าซีดราวกระดาษอย่างเดิม

โปรดทำใจร่มๆ กัดหมอน ฉีกทึ้งผ้านวมรอ ติดตาม "ไฟมาร" ตอนที่ 17 ต่อ พรุ่งนี้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น