แสบสลับขั้ว ตอนที่ 16
กลุ่มครรชิตออกมาทางหลังบ้านแล้วเดินตรงมายังรถที่จอดอยู่ พอมอมเห็นรถถึงกับตาโต
“โห...รถใหม่เหรอคุณคัน ขนาดโดนโกงยังเหลือเงินเยอะแยะนะเนี่ย”
ใหญ่ซึ่งกำลังจอดรถรอเขียวโดยเอนหลังพิงพนักหลับถึงกับชะงัก เบิกตากว้าง
“เสียงคุ้นๆ แฮะ”
ใหญ่ลุกขึ้น ค่อยๆ แอบมองไปทางทิศที่มาของเสียงแล้วชะงักเบิกตากว้างเมื่อเห็นป๋อง มอมและลุงป่องกำลังลูบคลำรถ
“ขับดีๆ นะเว้ยไอ้มอม คันนี้เช่ามาแพง”
“พวกคุณอดิศักดิ์ศรีนี่หว่า”
ใหญ่รับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกลุ่มลุงป่องในอิริยาบถต่างๆ จนทั้งหมดขึ้นรถขับออกไป โดยครรชิตขึ้นรถอีกคันขับตามไป ใหญ่รีบกดโทรศัพท์หาปกรณ์ทันที
“ลูกพี่ ผมเจอพวกท่านอดิศักดิ์ศรี”
“ที่ไหน”
ใหญ่บอกสถานที่ที่เห็นกลุ่มลุงป่อง ปกรณ์จึงทำเสียงแปลกใจ
“เฮ้ย...อภิมหาเศรษฐีจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงวะ...จะผิดหรือเปล่า...เออ...เออ ส่งมาให้ดูเดี๋ยวนี้เลย”
“อะไรหรือพี่”
เบ๊ ลูกน้องอีกคนถามเมื่อปกรณ์วางสายจากใหญ่
“ไอ้ใหญ่มันไปเจอพวกท่านอดิศักดิ์ศรีแถวชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี”
“ฮ้า”
“รูปมาแล้ว”
ที่จอโทรศัพท์ปกรณ์ ปรากฏภาพกลุ่มลุงป่องในอิริยบถต่างๆ ซึ่งในภาพมีครรชิตรวมอยู่ด้วยปกรณ์เห็นภาพครรชิตถึงกับชะงัก
“เฮ้ย นี่มันไอ้ครรชิต”
ปกรณ์รีบโทร.บอกเรื่องนี้กับเกริกก้อง
“มิน่า...มันถึงดูพิลึกทุกคนเลย...เดี๋ยวจะจัดการต้อนรับให้เต็มที่”
“ผมจะรีบไปที่ออฟฟิศนะครับ”
“เออ...มาเดี๋ยวนี้เลย”
เกริกก้องวางสายตากปกรณ์แล้วกดหาจันทร์ทิพย์ทันที จันทร์ทิพย์รับโทรศัพท์เกริกก้องแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“จริงเหรอคะ...มันกล้ามาก...ค่ะ...ได้ค่ะ”
ที่บ้านลุงป่อง ขณะนั้นเซียนกับปลาใหญ่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมา
“รับประทานไม่ลงกันทั้งสองท่านเลยหรือคะ”สายพิณแขวะ
“อย่ามาแดกดันกันได้มั้ย”
ปลาใหญ่บอกอย่างหงุดหงิด
“คิดถึงนังคุณน้ำเน่าใช่มั้ยล่ะ”
“เขาเพิ่งบอกว่าอย่าแดกดัน”
“นายเกี่ยวอะไรด้วย” สายพิณหันมาต่อว่าเซียน
“ไม่ได้เกี่ยว แต่มันรำคาญ”
“รำคาญก็ลุกหนี หรือไม่ก็ไปที่อื่น” สายพิณพูดไม่ทันจบปลาใหญ่ลุกเดินเข้าห้องปิดประตูห้องใส่หน้า “พี่เซียน”
“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยน่า นายเซียนเขาหงุดหงิดเรื่องไม่ได้เจอน้ำเพชร”
“เลิกตอกย้ำเสียทีได้มั้ย...สมน้ำหน้าใคร”
“สมน้ำหน้าใคร” เซียนย้อนถาม
“สมน้ำหน้ามันทุกคนนั่นแหละ โดยเฉพาะพี่เซียน...จะได้รู้เสียทีว่ายัยเจ๊แม่น่ะรังเกียจตัวเองขนาดไหน ป่านนี้คงพยายามหาลูกเขยเศรษฐีให้แล้วมั้ง”
“ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้อยากรวยกันนัก ทั้งๆ ที่รวยแล้วใช่ว่าจะมีความสุข...ดูอย่างผมก็ได้”
สายพิณมองเซียนเต็มตา สีหน้าแววตาค่อยๆ อ่อนลง
ที่ร้านทองกิมฮวย ขณะนั้นน้ำเพชรแต่งตัวสวยเดินลงมาแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเติมศักดิ์กับกิมฮวยนั่งเฝ้าอยู่
“โห...นี่มานั่งเฝ้าตั้งแต่เช้าเลยหรือคะ ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
“อย่ามาทำพูดดี ขืนไม่เฝ้าลื้อได้แอบออกไปน่ะซิ”
“แล้วนี่จะไปไหน”
“ไปพบคุณปลาใหญ่ค่ะ”
“อั๊วไม่เชื่อ” กิมฮวยกับเติมศักดิ์บอกออกมาพร้อมกัน
“แหม...พูดทีละท่านก็ได้ค่ะ คืองี้...คุณปลาใหญ่ไม่ค่อยสบาย น้ำเลยจะไปช่วยเข่นฆ่าพยาบาท” เติมศักดิ์กับกิมฮวยสะดุ้ง “เอ๊ย...รักษาพยาบาลน่ะค่ะ”
“ค่อยยังชั่ว เมื่อกี้ใจหายหมดเลย”
“อั๊วยังไม่เชื่อ เพราะอั๊วเชื่อคนยาก โดยเฉพาะพวกเจ้าเล่ห์แบบอาน้ำ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ของดีจริงเขาสามารถพิสูจน์ได้”
น้ำเพชรล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ขณะนั้นปลาใหญ่กำลังนั่งเซ็ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลาใหญ่หยิบขึ้นมาดูอย่างเนือยๆ พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาท่าทางปลาใหญ่เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นดีใจทันที
“ฮัลโหล สวัสดีครับคุณน้ำเพชร”
“สวัสดีค่ะ ปลาใหญ่ big fish”
ปลาใหญ่งงเป็นไก่ตาแตก...
“คุณ...คุณน้ำ”
“คืองี้ค่ะ...อาเตี่ยกับอาหม่าม้าท่านไม่เชื่อว่า น้ำจะไปแลดู ดูแลเยี่ยมเหยียน เอ๊ย...เยี่ยมเยียนคุณ...big fish ช่วยยืนยันกับท่านหน่อยได้มั้ยคะ ไม่งั้นท่านจะไม่ให้น้ำไป”
“จัดเต็มให้เลยครับ”
น้ำเพชรส่งโทรศัพท์ให้กิมฮวย
“อาโหล....อาโหล”
“กราบสวัสดีครับอาหม่าม้า...ฝากกราบสวัสดีอาเตี่ยด้วยครับ” ปลาใหญ่บอกแล้วไอ
“ลื้อเป็นอะไร อาท่านประธานปลาใหญ่”
“ผมเป็นไอครับ...2-3 วันมานี่ผมมีอาการปวดหัวตัวร้อนนอนไม่หลับกระสับกระส่าย ก็ได้คุณน้ำนี่แหละครับมาคอยดูแล”
กิมฮวยหันมามองเติมศักดิ์
“อีเป็นหลายอย่าง...ทั้งปวดหัวตัวร้อนนอนไม่หลับกระสับกระส่าย”
“นับว่าอาการหนักพอสมควร”
“อาท่านประธาน ถ้าอั๊วให้อาน้ำไปรักษาพยาบาท เอ๊ย...พยาบาล ลื้อต้องคอยจับตาดูให้ดี อย่าให้อีหลอกลื้อหนีไปหาอาเซียนได้นา อียิ่งเจ้าเล่ห์อยู่”
“แน่นอนครับ ผมจะคอยระวังตาไม่กระพริบเลยครับ อาหม่าม้าไม่ต้องกลัว”
“งั้นก็โอเค” กิมฮวยส่งโทรศัพท์คืนน้ำเพชร “เอ้า...อั๊วอนุญาต แต่ลื้อต้องทำตามสัญญา”
“แน่นอนค่ะ อาหม่าม้า น้ำไปนะคะ”
น้ำเพชรจุ๊บแก้มแม่แล้วเดินออกไป
“ในที่สุดอีก็เข้าใจกับอาท่านประธานปลาใหญ่เสี่ยที ลื้อโล่งใจจริงๆ”
กิมฮวยกับเติมศักดิ์ปลาบปลื้มกันไป
ขณะนั้นสายพิณนั่งอยู่กับเซียน สายพิณมองหน้าเซียนแล้วพูดขึ้นลอยๆ
“เมื่อคืนไม่มีใครเห็นผีไอ้เอ็กซ์แม้แต่หมอแม่น”
“คงได้เห็นอีกทีตอนที่นายเซียนจะตายนั่นแหละ”
“เอ๊ะ...พูดแบบนี้จะแช่งพี่เซียนของฉันใช่ไหม ไอ้เรารึอุตส่าห์สงสาร...”
“อ๋อ...ไม่ต้องมาสงสารผมหรอก ตลอดชีวิตผมเคยมีแต่คนอิจฉาในคุณสมบัติที่เพียบพร้อมทุกอย่าง”
“เฮอะ งั้นลองให้พวกนั้นมาเห็นสภาพนายตอนนี้ซิ รับรองว่าจะมีแต่ความสมเพชและสะใจ”
เสียงกระแอมดังขึ้น เซียนกับสายพิณหันไปมองจึงเห็นปลาใหญ่แต่งตัวใหม่เอี่ยม ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ในมือถือขวดน้ำหอม หน้าตาแจ่มใส
“ใส่น้ำหอมทำไม มันกลบกลิ่นเน่าไม่ได้หรอก แถมยังเหม็นหนักขึ้นไปอีก” เซียนบอก
“อย่ามาอิจฉาเฮีย”
“พี่เซียนจะไปไหนน่ะ”
“ไม่ได้ไป แต่เดี๋ยวคุณน้ำจะมา” สายพิณตาลุก
“ไหนว่าอาแม่อาพ่อมันไม่ให้มาแล้วไง”
“สงสัยจะทนคิดถึงเฮียไม่ได้เลยต้องหาหนทางมา พิณ...ช่วยไปซื้อน้ำหอมดับกลิ่นอับมาให้พี่หน่อยได้ไหม”
“ไม่”
“สายพิณ”
“มีแต่น้ำกรดจะเอามั๊ย”
“นายใจร้ายมากนะ นายเซียน” เซียนต่อว่าปลาใหญ่ “ต่อให้นายตายแล้วไปเกิดใหม่อีกกี่สิบชาติ ก็ไม่มีวันได้เจอผู้หญิงที่รักนายขนาดนี้”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี” สายพิณหันมาตวาดเซียน
“อ้าว”
สายพิณหันขวับมาที่ปลาใหญ่
“พิณเกลียดพี่เซียนแล้ว...เกลียดที่สุดในโลก” สายพิณหันไปหาเซียน “เกลียดแกด้วย ไอ้ปลาใหญ่”
สายพิณสะบัดหน้าเดินออกไป เซียนรีบตาม
“พี่ก็สงสารพิณนะ แต่ทำไงได้ในเมื่อใจมันรักแต่คุณน้ำเพชร เฮ้อ”
ปลาใหญ่บอกตามหลัง
เซียนเดินไม่ค่อยตรงนักตามสายพิณออกมา
“สายพิณ...จะไปไหน”
“จะไปกระโดดน้ำตายให้รู้แล้วรู้รอด”
“เรื่องขี้ผงแค่เนี่ย”
สายพิณหันขวับมา
“อย่ามาดูถูกความรักของฉันว่าเป็นเรื่องขี้ผง...” น้ำตาสายพิณไหลพรากออกมา “ถึงจะยากจน แต่ความรักของฉันก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใคร...พี่เซียนชอบผู้หญิงเก่ง ฉันก็อุตส่าห์ไปลงเรียนต่อเพื่อจะได้ทำงานดีๆ...เป็นผู้หญิงเก่งกับเขาบ้าง แล้วทำไมพี่เซียนถึงไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว”
“ทำไมคุณไม่คิดว่าเรียนเพื่อตัวเอง...เพื่ออนาคตล่ะ...ทำไมต้องคิดว่าทำเพื่อคนอื่น”
“เพราะฉันรักเขาไง...บอกกี่ครั้งแล้วไม่รู้จักจำ คนโง่”
“คุณนั่นแหละโง่...โง่ที่เอาตัวเองไปผูกติดกับคนอื่น...คนที่เขาทำให้คุณเสียใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่คุณก็ไม่เข็ด ยังทะลุทะลวงรักเขาอยู่นั่นแหละ นี่ถ้าเขาตายคุณก็จะยอมตายด้วยงั้นซิ”
“เออ” สายพิณตอบรับอย่างประชด
“แล้วคนที่เขารักคุณล่ะ...โดยเฉพาะยายปิ่น แกรักคุณโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แต่คุณก็ยังจะใจร้ายทิ้งแกไปตายตามผู้ชายที่ไม่ได้รักคุณสักนิด” คำพูดของเซียนทำให้สายพิณยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น “ทุกวันนี้แทนที่คุณจะคอยช่วยแกขายของ...บีบนวดเวลาแกเมื่อย...หรือคอยดูแลเวลาแกเหนื่อย คุณกลับเอาเวลามาทุ่มให้นายเซียน แล้วผลที่ได้มันคุ้มกันมั๊ย” สายพิณสะอื้นฮักๆ “ผมเคยพูดเรื่องนี้กับคุณแล้ว แต่คุณก็ไม่เคยฟัง นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะพูดกับคุณ...ปกติผมไม่พูดให้ใครฟังหลายๆ ครั้งอย่างนี้หรอก โดยเฉพาะพวกที่พูดไม่รู้เรื่อง”
“บอกซิว่าจะให้ฉันทำยังไง”
“แค่ยอมรับมัน แล้วดำเนินชีวิตต่อไป อีกหน่อยคุณก็จะลืมเอง...ยิ่งมีสิ่งใหม่ๆ ผ่านเข้ามาให้คุณต้องคิด ต้องติดสินใจ ไม่ใช้คุณก็จะลืม ไม่มีใครอกหักรักสลายเศร้าไปตลอดชาติหรอก เชื่อผมเถอะ”
สายพิณมองหน้าเซียน แล้วซบอกเขาร้องไห้ราวกับจะยึดเป็นที่พึ่ง เซียนลูบหลังสายพิณอย่างอ่อนโยน
มอมทำหน้าที่ขับรถแล่นเข้ามาในบริษัทปลาใหญ่ โดยรปภ.โค้งแล้วโค้งอีก
“คุณคัน...ผมอยากกลับ”
ลุงป่องบอกกับครรชิต
“กลับไม่ได้ ไหนๆ ก็มาจนป่านนี้แล้ว นายต้องสู้...สู้...สู้...สู้เว้ย”
“สู้ไม่ไหวแล้วเว้ย”
รปภ.โบกรถ นำไปจอดในบริเวณผู้บริหาร
“ลุงป่อง...เงียบได้แล้ว”
“เอ็งเป็นท่านอดิศักดิ์ศรีแทนข้าหน่อยซิวะ”
ลุงป่องบอกกับมอม รปภ.เข้ามาเปิดประตูรถอย่างนอบน้อม
“เชิญครับ...คุณกรณ์กำลังรอท่านอยู่”
“ลุงป่องยิ้มแห้งๆ
“ขอบคุณครับ”
ป่องบอกแล้วดันหลังลุงป่องให้เดิน
“ออฟฟิศที่นี่เล็กกว่าเราสักเท่าตัวได้นะครับท่าน...เห็นแล้วอึดอัด ไม่สบายตัว”
มอมบอกขณะเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อกลุ่มลุงป่องเดินเข้ามาในบริษัทก็พบจันทร์ทิพย์กับรัญญาตั้งแถวรอต้อนรับอยู่ ทุกคนต่างไหว้ลุงป่องอย่างนอบน้อม
“พวกเราทุกคนยินดีต้อนรับท่านอดิศักดิ์ศรีค่ะ”
ลุงป่องพยักหน้า กวาดสายตาดูโดยรอบ
“ที่นี่เล็กกว่าออฟฟิศของเราเกือบเท่าตัว อย่างที่ลีโอและภูเป็ด” ทุกคนชะงัก ลุงป่องรู้สึกตัวจึงรีบแก้ตัว “เอ๊ย...รูเพิร์ทพูดจริงๆ”
จันทร์ทิพย์ รัญญาแอบทำหน้าสมเพช
“แค่ก็โอเคนะท่านรูเพิร์ท”
“ก็โอเคอยู่”
“เชิญที่ลิฟท์ค่ะ”
คณะลุงป่องเดินตามรัญญามาที่ลิฟท์
รัญญาพาทุกคนมาที่ห้องทำงานเกริกก้อง พอเข้ามาในห้องทำงานเกริกก้องกลุ่มลุงป่องถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นเกริกก้อง ปกรณ์ยืนยิ้มเยาะอยู่กับตำรวจ
ลุงป่องรีบหันหลังกลับจะเดินออกไปแต่ปกรณ์ขยับมาขวางประตูไว้
“จะไปไหนล่ะครับ ท่านอดิศักดิ์ศรี”
“กลับออฟฟิศครับ”
“ไอ้รูหนูในสลัม ชุมชนพัฒนาสู่สุขาส้วมของพวกแกน่ะเหรอ”
มอมนึกฉุนที่เกริกก้องเรียกชื่อชุมชนตัวเองแบบไม่ให้เกียจ
“สู่สุขาวดีเว้ย ไม่ใช่สุขาส้วม เดี๋ยวพ่อฟ้องหมิ่นประมาทซะเลย”
“คุณตำรวจจับไอ้พวก 18 มงกุฎนี้ไปเลย พวกมันสมคบกันหลอกลวงฉ้อโกงผม”
เกริกก้องบอกตำรวจ
“ฉ้อโกงตรงไหน คุณเป็นคนเชิญพวกผมเองนะครับ” ป๋องบอก
“แล้วพวกผมก็ไม่เอาเงินคุณมาซักแดง ตรงกันข้ามกับเป็นฝ่ายจ่ายเงินเลี้ยงอาหารด้วย”
“เสียไปตั้งเกือบแสน คุณยังชวนผมร่วมหุ้นด้วย นั่นแน่คิดจะโกงผมใช่มั๊ยล่ะ เห็นว่ารวยล่ะซิ”
กลุ่มลุงป่องใส่เป็นชุดเมื่อตั้งสติได้ ตำรวจหันมามองเกริกก้อง
“อ้าบ้า แกมันพวกไอ้เซียน”
เกริกก้องบอกอย่างฉุนจัด
“เป็นเพื่อนไอ้เซียนแล้วไง คนเราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ” ป๋องย้อนถาม
“คุณตำรวจจับมัน พวกมันบุกรุก” จันทร์ทิพย์บอก
“บุกรุกที่ไหน พวกคุณแทบจะปูพรหมกราบให้พวกเราเข้ามา บุกรุกยังไง” มอมบอก
“คุณโปลิศ พวกนี้หลอกพวกเรามาจะทำร้าย” ป๋องบอก รัญญาเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
“จับพวกมันครับ คุณตำรวจ”
“ต้องจับพวกมันถึงจะถูก”
“ตกลงจะให้ผมจับใครกันแน่...มึน”
ตำรวจย้อนถาม
เกริก้องเล่นงานกลุ่มป่องไม่ได้ ทั้งหมดจึงกลับมาที่รถ ลุงป่องโทรหาครรชิตทันที
“เป็นไงบ้าง”
ครรชิตรีบถาม
“ราบรื่นแทบตาย”
“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้าน”
“คุณคันอยู่ที่ไหนล่ะ”
“อยู่ในรถ...กำลังเดินทางกลับ”
“เอาตัวรอดนี่หว่า”
ลุงป่องต่อว่าแล้วปิดโทรศัพท์
“คุณคันว่าไง” มอมถาม
“กำลังกลับบ้าน”
“หน็อย...ไม่ได้คิดจะเข้าไปช่วยเล้ย”
“ดีกว่าป๋องหัวไวไอเดียกระฉูด”
“ไอเดียข้าโว้ย ไอ้ป๋อง”
ลุงป่องเอนตัวลงนอนก่ายหน้าผากกับเบาะขณะที่มอมกับป๋องเถียงกัน
ลุงป่องกลับมาบ้านแล้วปรึกษากับครรชิต เซียน ปลาใหญ่ น้ำเพชร สายพิณว่าจะทำยังไงต่อไป
“ตกลงจะเอายังไงกันต่อไป”
ลุงป่องถามขึ้นมา
“เฮ้อ...” ครรชิตถอนหายใจ
“ไม่ต้องเอายังไงแล้วละ...อีกไม่เท่าไหร่ก็ตายแล้ว อย่าไปหวงสมบัติให้มันเดือดร้อนเล้ย ปลาใหญ่” ปลาใหญ่บอกเซียน
“ไม่ใช่สมบัติของนายก็พูดได้น่ะซิ” น้ำเพชรบอก
“ฉันไม่ได้หวงไว้ใช้เอง แต่จะมอบให้องค์กรการกุศล”
“ผมเกือบลืมไปเลยคุณปลาใหญ่ คุณพ่อคุณทำซีดีไว้แผ่นหนึ่ง”
ครรชิตบอกอย่างตื่นเต้น
“โอย...ทำไมไม่ไปนึกได้ตอนปลาใหญ่ตายซะก่อนล่ะ คุณคัน”
“แกนึกได้ก็ประเสริฐแล้ว แกชราป่านนี้”
“อ่ว...นายป๋อง แล้วแกหนุ่มนักเรอะ” ครรชิตย้อนถาม
“เอาล่ะ พอแล้ว...ซีดีอะไรคุณครรชิต” เซียนถามครรชิต
“เป็นซีดีเกี่ยวกับคำสั่งสุดท้ายของท่าน ซึ่งน่าจะเป็นการป้องกันและแก้ไขในกรณีที่คุณก้องจะยึดบริษัทมหาทรัพย์”
“โห...คนอะไรจะมองการณ์ไกลได้ขนาดนั้น”
“แล้วซีดีนั่นอยู่ที่ไหนคะ”
“อยู่ในโคมไฟกลางห้องทำงานของท่าน ซึ่งก็คือห้องประธานกรรมการบริษัทนั่นเอง”
“สงสัยพ่อนายจะดูหนังมากไปหน่อย แล้วละปลาใหญ่”
“แต่ก็ต้องนับว่าท่านฉลาดและรอบคอบมาก”
“แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนไปเอา”
“ผมเอง” เซียนบอก
“ไม่ได้เด็ดขาด”
ครรชิตกับน้ำเพชรบอกพร้อมกัน
“อย่าห้าม”
“ผมถอนตัว...ขออนุญาตไม่ไปช่วย” ลุงป่องบอก
“ฉันจะไปกับนาย ปลาใหญ่” ปลาใหญ่บอก ทุกคนหันขวับมามองปลาใหญ่อย่างพิศวง “นี่ ไม่ได้คิดจะให้ใครมาชื่นชมหรอก แต่อย่างน้อยหากตายไปจะได้มีความดีความชอบไปรายงานยมบาลบ้าง”
“ขอบใจ”
“อย่า...อย่ามาทำหน้าซึ้งใจกับฉัน งานนี้ฉันทำเพื่อตัวเอง”
น้ำเพชรมองหน้าปลาใหญ่ด้วยสีหน้าแววตาพิศวง
อีกด้านหนึ่งหมอแม่นถูกจับตัวมาขังไว้ที่เซฟเฮ้าส์ เบ๊ยกชามเกี๊ยวกับน้ำมาวางให้หมอแม่น
“เอ้า...กินซะป้า”
“ไม่กิน จนกว่าเอ็งจะบอกว่าลักพาตัวข้ามาทำไม”
“งั้นก็อย่ากินเลย”
เบ๊ยกชามเกี๊ยวกลับ หมอแม่นรีบบอก
“กิน...หิวจะตายอยู่แล้ว”
จังหวะนั้นมีเสียงบีบแตรดังอยู่ข้างนอก
“ไอ้เขียว...ไปเปิดประตู”
“ไอ้เขียวทั้งปี” เขียวบ่นก่อนจะเดินออกไป
“ใครมาเหรอ” หมอแม่นถามอย่างสงสัย
“ไม่บอก...ให้รู้เอง”
“เรื่องมาก”
หมอแม่นนั่งกินเกี๊ยวด้วยความหิว ขณะนั้นเกริกก้องกับปกรณ์เดินเข้ามา ใหญ่กับเบ๊รีบลุกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“เป็นไง...เกี๊ยวอร่อยมั๊ย”
เกริกก้องถาม
“เป็นหัวหน้าไอ้พวกนี้ละซิ ไหนบอกมาซิว่าจับข้ามาทำไม”
“ฉันอยากรู้ทุกเรื่องในชุมชนของยาย”
“มันเยอะ ขี้เกียจเล่า”
“ยังพูดไม่จบ ทุกเรื่องเกี่ยวกับไอ้เซียน...ปลาใหญ่...ไอ้ครรชิต ตลอดจนพลพรรคของมัน”
“เรื่องผีไอ้เอ็กซ์ด้วยครับเจ้านาย” เขียวบอก
“นั่นไม่สำคัญเพราะมันตายไปแล้ว เร็ว...เล่ามา”
“คุณเป็นเจ้านายของเจ้าเอ็กซ์ใช่ไหม” หมอแม่นย้อนถาม
“ถามทำไม”
“เปล่า”
“งั้นก็เล่ามา”
หมอแม่นมองหน้าแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนมองหมอแม่นอย่างโหดเหี้ยมจนหมอแม่นนึกกลัว
ค่ำวันเดียวกันนั้นเมื่อสายพิณกลับมาบ้านยายปิ่นถามถึงเซียนทันที
“ไอ้เซียนมันเป็นยังไงบ้างล่ะ”
สายพิณนั่งลงแล้วถอนหายใจ
“ก็แย่ลงทุกวันน่ะจ้ะ...แย่ลงทั้งสองคนเลย”
“เอ็งก็ควรจะทำใจซะ”
“มันทำลำบากเหมือนกันน่ะยาย” สายพิณบอกพร้อมกับน้ำตาที่คลอออกมา
“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ถึงความผันแปรไม่แน่นอนของชีวิต แบบที่เราๆ พูดกันว่าอนิจจังไม่เที่ยง เกิด...แก่...เจ็บ...ตาย เป็นของธรรมดา”
“แต่พี่เซียนกับปลาใหญ่ยังไม่ทันแก่เลย”
ยายปิ่นชะงัก
“แล้วคุณปลาใหญ่มาเกี่ยวอะไรด้วย ทุกทีเอ็งไม่เคยกล่าวถึงเขาเลยนี่”
สายพิณชะงัก แตะปากตัวเองแบบรู้สึกแปลกใจ
“พิณไปอาบน้ำก่อนนะยาย”
สายพิณลุกเดินเข้าห้อง ยายปิ่นมองตามอย่างแปลกใจ
“วันนี้ไอ้พิณมันทำท่าแปลกๆ”
เมื่อเข้ามาในห้องสายพิณทรุดตัวลงนั่งกอดเข่านึกถึงสิ่งที่คุยกับยายปิ่น
“แต่พี่เซียนกับปลาใหญ่ยังไม่ทันแก่เลย”
“แล้วคุณปลาใหญ่มาเกี่ยวอะไรด้วย ทุกทีเอ็งไม่เคยกล่าวถึงเขาเลยนี่”
สายพิณตบปากตัวเองเบาๆ
“พูดถึงเขาทำไม”
อีกด้านหนึ่งที่ร้านทองกิมฮวย เมื่อน้ำเพชรเดินเข้ามาก็เจอกิมฮวยกับเติมศักดิ์นั่งจิบน้ำชามองอยู่
“อ้าว...หม่าม้ากับเตี่ยยังไม่ขึ้นนอนอีกหรือคะ”
“เราสองคนรอลื้อ...ทำไมกลับค่ำ”
“อ๋อ...นี่ค่ะ”
น้ำเพชรส่งถึงเกาลัดให้
“เกาลัด”
“ค่ะ”
“คุณปลาใหญ่นี่ดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็คิดถึงอั๊วกับอาเติม” กิมฮวยพูดถึงปลาใหญ่อย่างชื่นชม
“น้ำขึ้นไปอาบน้ำนะคะ...เหนียวตัวจัง”
“ไปเลย...อั๊วจะกินเกาลัด”
น้ำเพชรลอบถอนหายใจแล้วรีบขึ้นห้อง
เมื่อเข้ามาในห้อง น้ำเพชรทรุดตัวลงนั่งถอนหายใจแล้วคิดถึงคำพูดของปลาใหญ่ที่บ้านลุงป่อง
“ฉันจะไปกับนาย...ปลาใหญ่”
“ขอบใจ”
“ก็ไม่ได้คิดจะให้ใครมาชื่นชมหรอก แต่อย่างน้อย...หากตายไปจะได้มีความดีความชอบไปรายงานยมบาลบ้าง”
ภาพปลาใหญ่เลือนหาย
“คนบ้า...จะตายอยู่แล้วยังทำตลก”
น้ำเพชรเอนหลังพิงพนัก สีหน้าแววตาครุ่นคิด
ที่บ้านลุงป่อง ครรชิต ลุงป่อง เดินตามปลาใหญ่กับเซียนออกมา
“ผมโทรไปบอกวิโรจน์แล้ว...พอคุณปลาใหญ่ไปถึงก็โทรเข้าหามันเลยนะครับ วิโรจน์จะออกมารับคุณปลาใหญ่กับเจ้าเซียนเข้าไป”
“ไว้ใจได้แน่นะ...วิร่งวิโรจน์อะไรเนี่ย”
“อ๋อ...ได้แน่ เขาเป็นลูกน้องเก่าผม เป็นคนดีมาก”
“งั้นผมไปล่ะ”
“ผมไปด้วยมั้ยครับ” ครรชิตถาม
“อย่าเลย...คุณควรอยู่นี่แหละ ไปล่ะลุงป่อง”
“โชคดีนะครับ”
ปลาใหญ่หันมาโบกมือให้
“อยู่กันดีๆ นะทั้งสองคน เซียนไปแล้ว อาจจะไปลับ”
“ไอ้บ้า...ไอ้ปากอัปมงคล” ลุงป่องต่อว่า
เซียนกับปลาใหญ่เดินออกไป ครรชิตกับลุงป่องมองตามด้วยความเป็นห่วง
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 16 (ต่อ)
ในขณะเดินทางไปบ้านปลาใหญ่เซียนนั่งอยู่ในรถด้วยสีน้าเคร่งขรึม และคอยดูนาฬิกาเป็นระยะๆ
“โอ้ย...จะรีบไปไหน”
“ใครรีบ” เซียนย้อนถาม
“ก็นายน่ะซิ...เห็นดูนาฬิกาอยู่นั้นแล้ว...ว...”
“มันติดน่ะ...สมัยยังมีชีวิตอยู่”
“เฮ้ย...เฮ้ย...นี่แกตายแล้วเหรอ อย่าพูดบ้าๆ น่า”
“เมื่อวิญญาณออกจากร่าง ฉันก็ถือว่าตายแล้ว...ถึงจะได้ร่างใหม่มันก็เป็นร่างที่ไม่พึงประสงค์”
“ไม่เหมือนฉันที่พึงประสงค์ร่างแก”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เซียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ครับ...คุณครรชิต อ๋อ...ใกล้แล้วครับ...คงไม่เกิน 10 นาที...โอเค”
เซียนปิดโทรศัพท์
“อีตาคุณคันนี่ก็โทรมาทุก 5 นาที ไม่รู้จะห่วงอะไรกันนักหนา”
เซียนเบือนหน้าออกไปมองข้างทาง
ทางด้านครรชิตหลังจากวางหูจากเซียน ก็โทรศัพท์หาวิโรจน์ต่อทันที
“วิโรจน์...นี่ป๋านะ เออ...คุณปลาใหญ่กำลังจะไปถึงภายใน 10 นาที แกคอยอำนวยความสะดวกให้ด้วย เออ...เออ...ขอบใจ”
วิโรจน์วางหูจากครรชิตแล้วหันกลับมาจึงเห็นปกรณ์ยืนอยู่ด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“บทจะง่ายมันก็ง่าย”
ปกรณ์หันมาทางใหญ่ เขียว เบ๊แล้วพยักหน้าให้ทั้งสามคน ทั้งสามคนรับคำแล้วเดินแกมวิ่งเข้าไปในบริษัท
“มันจะง่ายเกินไปมั้ย” ลุงป่องถามครรชิต
“มันยากมานานแล้ว ต่อไปนี้ก็ควรจะง่ายเสียบ้าง”
ส่วนที่บริษัทหลังจากลูกน้องปกรณ์ไปแล้ว ปกรณ์จึงหันมาสั่งวิโรจน์
“แกไปรอรับพวกมันข้างหน้า...วันนี้จัดเต็ม...จัดหนัก...จัดเว่อร์”
วิโรจน์รับคำสั่งเดินออกไป
ส่วนที่บ้านลุงป่อง ครรชิตกับลุงป่องยังคุยกันเรื่องนี้
“คุณเกรียงไกรควรจะนอนตายตาหลับเสียที” ครรชิตยกมือท่วมหัว “ท่านครับ ผมได้ทำหน้าที่ของผมสำเร็จแล้วนะครับ”
จังหวะนั้นมีก้อนหินก้อนใหญ่ถูกปาเข้ามาทางหน้าต่างเฉียดหัวครรชิตไปนิดเดียว ครรชิตกับลุงป่องถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“ใครปา”
“วิญญาณคุณเกรียงไกรคงมาขอบใจฉัน...”
“ขอบใจด้วยก้อนหินน่ะนะ”
“คุณเกรียงไกรท่านไม่เหมือนใคร”
ครรชิตพูดไม่ทันขาดคำก็มีเสียงหมาหอนดังเข้ามาพร้อมก้อนหินปาเข้ามาอีกก้อน...ครรชิตปลาบปลื้มผิดกับลุงป่องที่หน้าตาเลิ่กลั่กด้วยความกลัว
“ไม่เป็นไรครับท่าน...เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
คราวนี้จานเหมือนถูกเขวี้ยงลงบนพื้นแตกกระจาย ครรชิตและลุงป่องหันมามองหน้ากัน
ปลาใหญ่ขับรถเข้ามาจอดหน้าบริษัทวิโรจน์รีบกุลีกุจอมารับ
“เชิญครับ”
“ขอบใจ”
เซียนกับปลาใหญ่มองหน้ากัน ปลาใหญ่ขับรถเข้าไปจอดแต่พอเปิดประตูลงมาปลาใหญ่สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเอ็กซ์ยืนอยู่
“เอ็งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ อย่ามาหลอกเสียให้ยากข้าไม่กลัวเว้ย”
ปลาใหญ่บอกร่างเอ็กซ์ค่อยๆ เลือนหายไป วิโรจน์วิ่งตามเข้ามา
“จะเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยมั้ยครับ” วิโรจน์ถามเซียนพยักหน้า
“เปิดประตู”
จังหวะนั้นมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ปลาใหญ่กับเซียนหันไปมองแล้วสะดุ้งเฮือก
“ไอ้กรณ์”
ปกรณ์เดินออกมาจากเงามืดตามด้วยใหญ่ เขียว เบ๊ เซียนหันขวับมามองวิโรจน์
“วิโรจน์”
“ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับ”
“จัดการมัน”
ปกรณ์สั่งลูกน้อง ใหญ่ เขียว เบ๊ วิโรจน์เข้ารุมทำร้ายปลาใหญ่กับเซียน เซียนกับปลาใหญ่พยายามสู้แต่สู้ไม่ได้ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอจึงถูกเล่นงานจนทรุด ปกรณ์มองอย่างพอใจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเกริกก้อง
“ว่าไง เรียบร้อยมั๊ย”
“ผมกำลังยืนดูพวกไอ้ใหญ่มันช่วยกันรุมยำอยู่ครับ แหม...เหม็นกระจายเลยครับ...ยังไม่ทนตายเลยครับเหม็นยังกับตายมาแล้วสามวันเจ็ดวัน”
“อย่าลืม...อย่าให้มันตาย”
เกริกก้องกำชับ
“ผมจำได้ครับ...ปางตาย”
ปกรณ์วางสายจากเกริกก้อง เกริกก้องยิ้มอย่างพอใจจังหวะนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
“ว่าไง...จันทร์”
“เรียบร้อยมั๊ยคะ”
“พี่ชายเธอทำงานได้ดีมาก พรุ่งนี้อย่าลืมบอกน้องรันว่าฉันต้องรีบเข้าไปวางแผนประมูลงานแต่เช้า...อย่าแกสงสัยได้ล่ะ”
“ค่ะ”
เกริกก้องสูดลมหายใจอย่างสบายอกสบายใจ
ปลาใหญ่กับเซียนโดนรุมจนน้ำเลือดน้ำหนองกระจัดกระจาย ขณะเดียวกันปกรณ์กับลูกน้องอ้วกแกอ้วกแตนกับกลิ่นเหม็นเน่าของปลาใหญ่กับเซียน
“ลูกพี่...ทำไมมันเหม็นสาปเหม็นสางขนาดนี้ แล้วอีตอนเข้ามาใกล้ก็เหม็นแล้ว ตอนนี้ยิ่งเหม็นหนักเข้าไปอีก”
เขียวกับใหญ่ต่อยแล้ววิ่งไปอ้วกแล้วเข้ามาต่อยใหม่ ปกรณ์มองสภาพปลาใหญ่กับเซียนอย่างพอใจ เอ็กซ์ปรากฏร่างขึ้นรางๆ มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างพอใจ
ขณะนั้นครรชิตพยายามโทรหาปลาใหญ่กับเซียนแต่ติดต่อไม่ได้
“เป็นไง” ลุงป่องถาม
“แปลก...ไม่รับทั้งสองคนเลย”
“ผมลองโทรมั่ง เผื่อว่าเขาจะเบื่อสียงคุณคัน โทรอยู่นั่นแล้ว...ว...ว...”
ลุงป่องจัดการโทรศัพท์แต่ก็ไม่มีคนรับเช่นเคย
“ไงล่ะ...รีบแย่งกันรับไม่ทันล่ะซิ”
“ไม่รู้...รู้แต่ว่าไม่มีใครรับ...หรือว่าจะแวะไปฉลอง...”
“ฉลองบ้าฉลองบออะไรล่ะ ร่างกายอ่อนแอปวกเปียกป้อแป้ทั้งสองคน...เออ...ลืมไป โทรถามวิโรจน์ก็ได้”
ครรชิตกดโทรศัพท์หาวิโรจน์
“สวัสดีครับ คุณครรชิต”
“คุณปลาใหญ่เป็นยังไงบ้างวิโรจน์”
วิโรจน์คุยโทรศัพท์กับครรชิตโดยด้านหลังปกรณ์กำลังบงการให้ลูกน้องช่วยกันยกร่างปลาใหญ่กับเซียนห่อด้วยผ้าดำเอาขึ้นกระบะหลังรถ
“อ๋อ...ออกไปได้ซัก 10 นาทีแล้วครับ...ไม่เป็นไรครับผมยินดีรับใช้เจ้านายเสมอ” วิโรจน์ปิดโทรศัพท์หันมาทางปกรณ์ “คุณครรชิตโทรมาครับ”
“เดี๋ยวเอาน้ำยาทำความสะอาดล้างให้หมด แล้วซ้ำด้วยน้ำยาดับกลิ่นด้วย”
“ไม่ต้องห่วงครับ”
ปกรณ์ล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาส่งให้วิโรจน์ 1 หมื่น
“เอ้า...ขอบใจที่ให้ความร่วมมือ”
“ผมต้องรับใช้เจ้านายอยู่แล้วครับ”
ปกรณ์เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป วิโรจน์จึงรีบจัดการบริเวณนั้นเรียบร้อย
คืนเดียวกันนั้นขณะที่น้ำเพชรกำลังหลับสนิท ภายในห้องเหมือนมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ แล้วมาหยุดที่เตียงจังหวะนั้นน้ำเพชรพลิกตัวกลับมา เธอค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาแล้วสะดุ้งเมื่อเห็นใบหน้าเซียนเต็มไปด้วยเลือดน้ำเพชรกรี๊ดร้องด้วยความตกใจ
น้ำเพชรตกใจผุดลุกขึ้นมาแล้วเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง...ทุกอย่างเป็นปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำเพชรถอนใจยาวอย่างโล่งอก
อีกด้านหนึ่งที่ห้องสายพิณ ท่ามกลางความฝันสายพิณเหมือนเดินหลงทาง เหลียวซ้ายแลขวาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเท้าเธอเดินไปเตะอะไรบางอย่างสายพิณก้มลงมองเห็นห่อผ้าสีดำใหญ่ สายพิณค่อยๆ ทรุดตัวลงแล้วค่อยๆ ดึงผ้าออก พอเห็นสิ่งที่อยู่ในผ้าสายพิณถึงกับผวาร้องลั่นเมื่อเห็นร่างปลาใหญ่อยู่ในนั้น หน้าตาถูกอัดเละ
สายพิณสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ปลาใหญ่...ทำไมถึงต้องฝันถึงไอ้ปลาใหญ่...แปลกจัง”
สายพิณนั่งอยู่ครู่นึงก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ครรชิตกับลุงป่องรอการกลับมาของปลาใหญ่กับเซียนอย่างกระวนกระวายใจจนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“โทร.มาแล้ว” ครรชิตรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแล้วหน้าเสีย “ไม่ใช่ว่ะ วิโรจน์โทรมา...ว่าไงวิโรจน์”
“คุณปลาใหญ่กลับถึงบ้านหรือยังครับ”
“ยังเลย”
“อ้าว”
“เฮ้ย...ตอนจะออกมาคุณปลาใหญ่พูดอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เห็นพูดอะไรนี่ครับ นอกจากขอบใจ...เอ ผมชักเป็นห่วงแล้ว ป่านนี้น่าจะไปถึงแล้วนะครับ รถก็ไม่ติด”
“เท่านี้ก่อนนะ...ขอบใจมาก”
ครรชิตปิดโทรศัพท์ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ผมว่ามันแปลกๆ นะ” ลุงป่องบอก
“ฉันจะโทรเช็คตามโรงพยาบาลดูก่อน”
“ผมช่วยโทร”
ครรชิตกับลุงป่องช่วยกันโทรศัพท์
ขณะนั้นใหญ่ เขียว เบ๊ ขับรถเอาปลาใหญ่กับเซียนมาทิ้งแถวชานเมืองซึ่งเป็นสถานที่รกร้าง
“เฮ้ย...ข้างหน้าโน่น”
เขียวบอกเมื่อเห็นสถานที่เหมาะ ใหญ่พยักหน้าแล้วขับรถเข้าไปจอด ทั้งหมดลงจากรถแล้วยกร่างเซียนกับปลาใหญ่ที่ห่อผ้าไว้ออกมาโยนลงบนพื้น
“หนักว่ะ...เผาเลยมั๊ย”
“เฮ้ย ไม่ได้...เดี๋ยวจะถูกโยงกับคดีไอ้เอ็กซ์”
“ลูกพี่บอกว่าให้กำจัดศพ แต่ไม่ได้บอกว่ากำจัดยังไง”
“เอางี้...หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วแยกกันถ่วงน้ำทิ้ง...ไปเอาเลื่อยมา” เขียวเดินไปที่รถ “เหม็นจังว่ะ”
ระหว่างนั้นมีเสียงหมาหอนดังขึ้น ใหญ่ เขียว เบ๊ เริ่มหน้าเลิ่กลั่ก
“ไอ้ใหญ่...หมาที่ไหนหอนว่ะ”
เขียวส่งเสียงร้องลั่นแล้ววิ่งเข้ามาเบียดใหญ่กับเบ๊ ใหญ่กับเบ๊หันไปมองแล้วตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเซียนกับปลาใหญ่ยืนอยู่ข้างรถ ใหญ่กับเขียวหันไปมองร่างในห่อผ้า
“ไอ้เขียว เปิดซิ” ใหญ่บอก
“จะบ้าเรอะ เปิดทำไม”
“เปิดดูว่ามันยังอยู่หรือเปล่า”
“เอาจริงเรอะ”
ใหญ่พยักหน้า เขียวทรุดตัวลงค่อยๆ เปิดห่อผ้าพบเซียนกับปลาใหญ่นอนแน่นิ่ง ใหญ่ เขียว เบ๊หันขวับกลับไปมองที่รถก็เห็นเซียนกับปลาใหญ่ยืนอยู่ เซียนกับปลาใหญ่ค่อยๆ เดินตรงมา ใหญ่ เขียว เบ๊ร้องลั่นวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
ขณะนั้นเกริกก้องกับปกรณ์อยู่ที่เซฟเฮ้าส์รอการกลับมาของใหญ่ เขียว เบ๊
“คุณก้องไปนอนเถอะครับ ผมจะรอเปิดประตูให้พวกนั้น” ปกรณ์บอก
เกริกก้องพยักหน้าแล้วลุกขึ้น ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปกรณ์รีบรับสาย
“ฮัลโหล...อะไรนะ” เกริกก้องกำลังจะเปิดประตูออกไป ชะงักหันกลับมามอง “ไอ้บ้า ตาฝาดนะซิ...แล้วพวกแกก็ทิ้งไว้อย่างนั้น กลับไปจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้...เผาให้สิ้นซาก”
ปกรณ์ปิดโทรศัพท์อย่างหัวเสีย
“เกิดอะไรขึ้น” เกริกก้องถาม
“ไอ้ใหญ่มันโทรมาบอกว่าโดนผีไอ้เซียนกับปลาใหญ่หลอกครับ”
“ไอ้บ้า”
“ผมสั่งให้มันกลับไปเผาแล้วครับ”
“ไม่รู้ว่าเป็นบ้าเป็นบออะไรกัน”
ใหญ่ขับรถกลับมาจุดที่ทิ้งศพเซียนกับปลาใหญ่ ใหญ่ เขียว เบ๊กลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ ทั้งสามคนมองไปรอบๆ บริเวณเห็นหมอกควันลอยอ้อยอิ่งปกคลุม
“หมอกควันมาจากไหน...เมื่อกี้ยังไม่เห็นมีเลย”
“หรือชาวบ้านมาเผาป่า”
“ชาวบ้านผีนะซิ ลุกขึ้นมาเผาป่าตอนตีหนึ่ง”
“อ้าว...ขืนเผาสว่าง คนก็เห็นน่ะซิ”
ใหญ่รวบรวมความกล้าเดินเข้าไป
“เฮ้ย...จะไปไหน”
“ไปเผาให้มันเสร็จๆ น่ะซิ”
เขียวกับเบ๊มองหน้ากัน แล้วตัดสินใจเดินตามใหญ่ไป ทั้งสามคนเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปในกลุ่มหมอก จนพบห่อผ้ากองอยู่แต่ร่างเซียนกับปลาใหญ่หายไป
“เฮ้ย...พวกมันหายไปไหน”
เบ๊กับใหญ่เดินไปที่กองผ้าแล้วดึงมันขึ้นมา
“ถ้าหายก็แสดงว่าไม่ใช่ผี...แยกย้ายกันค้นหาเดี๋ยวนี้”
“แต่เมื่อกี้เราก็เห็นกับตาว่าวิญญาณมันยืนอยู่ทางนั้น ส่วนร่างอยู่ตรงนี้”
มีเสียงสตาร์ทรถดังขึ้น ทั้งสามหันไปมองเห็นไฟรถเปิดสว่างแล้วเคลื่อนออกไป ทั้งสามรีบวิ่งตาม
“เฮ้ย...หยุด”
“บอกให้หยุด”
“มันไม่หยุดหรอก”
ทั้งสามคนหยุดวิ่ง มองตามรถอย่างหงุดหงิด
รถถูกขับออกมาจอดที่ถนนสายหนึ่ง เซียนฟุบหน้ากับพวงมาลัยรถอย่างหมดแรง ปลาใหญ่ซึ่งคอพับคออ่อนอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง
“ไม่ไหวเรอะ” เซียนพยักหน้ากับพวงมาลัย “โทรหาคุณคัน”
เซียนค่อยๆ ล้วงลงไปในกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาครรชิต
“คุณครรชิต...มารับเราหน่อย”
ครรชิตตื่นเต้นดีใจสุดๆ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากเซียน
“ได้ครับ...คุณปลาใหญ่อยู่ที่ไหน อ๋อ...ครับ...ครับ...รอเดี๋ยวนะครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ครรชิตปิดโทรศัพท์หันไปบอกลุงป่อง “ไป...ลุงป่อง”
ลุงป่องรีบลุกตามออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้นน้ำเพชรแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก
“จะบอกหม่าม้าว่ายังไงดี” น้ำเพชรครุ่นคิด ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น น้ำเพชรรีบรับสาย “ฮัลโหล...คุณลุง”
“หนูน้ำ...มาที่บ้านตาป่องเดี๋ยวนี้เลย”
น้ำเพชรหน้าเสีย
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง”
น้ำเพชรเก็บโทรศัพท์แล้วรีบออกไป พอน้ำเพชรเดินออกมาหน้าร้านเติมศักดิ์ก็ถามทันที
“จะไปไหน อาน้ำ”
“ไปสัมภาษณ์งานค่ะ เมื่อวานเขาโทรมาตาม...น้ำลืมบอกเตี่ยกับหม่าม้า”
“ไปสัมภาษณ์งานงั้นรีบไปเลย จะได้เอาเงินมาจุนเจือครอบครัว”
“ค่ะ” น้ำเพชรรีบออกไป
“แหม...เอาเงินมาจุนเจือครอบครัว พูดยังกับรายการสกู๊ปชีวิตแน่ะ” พิชิตบอก
“ทำไม อาพิชิต...ทุกคนก็ต้องมีส่วนช่วยเหลือครอบครัวกันทั้งนั้น”
น้ำเพชรรีบมาที่บ้านลุงป่อง
“ลุงป่อง เกิดอะไรขึ้น”
น้ำเพชรถามเมื่อมาถึง
“เข้าไปดูข้างในเถอะ”
น้ำเพชรรีบเปิดประตูห้องเข้าไป
พอเข้ามาในห้องน้ำเพชรถึงกับตกใจเมื่อเห็นสภาพปลาใหญ่กับเซียน
“คุณปลาใหญ่...นายเซียน” น้ำเพชรรีบตรงไปทรุดตัวลงข้างเซียน โดยสายพิณนั่งอยู่ข้างๆ ปลาใหญ่ก่อนแล้ว “เกิดอะไรขึ้นค่ะ ถึงได้ดูยับเยินขนาดนี้”
น้ำเพชรค่อยๆ แตะหน้าเซียนซึ่งผ้าพันแผลปิดเต็มไปหมดเช่นเดียวกับปลาใหญ่
“ก็ถูกได้พวกนั้นมันรุมกัดเอาน่ะซิ ดีนะที่ไม่ตาย”
สายพิณบอกอย่างแค้นๆ
“มันยังไงกันคะ...ไหนคุณลุงบอกว่ามีเส้น....”
น้ำเพชรมองครรชิตอย่างคาดคั้น
“เฮ้อ...บางทีเส้นมันก็อาจพลิกได้...ที่เรียกว่าเส้นพลิกไง”
อีกด้านหนึ่งที่บริษัท รัญญามาหาเกริกก้องที่ห้องทำงาน
“คุณพ่อ”
“นั่งซิลูก”
“ทำไมวันนี้คุณพ่อถึงออกจากบ้านแต่เช้าคะ”
“อ้าว...น้าจันทร์บอกแล้วไม่ใช่หรือลูก”
“ค่ะ...แต่รันไม่ค่อยเชื่อ...เพราะธรรมดาคุณพ่อก็ไม่ได้เข้าออฟฟิศสาย”
“ลูกรัน...นี่จะมาจับผิดพ่อหรือไง เอาเลยซิ...ถ้าสงสัยว่าพ่อไปฆ่าคนมาละก็เรียกตำรวจมาเลย”
“คุณพ่อ”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ไปได้แล้ว พ่อมีธุระต้องทำหลายอย่าง”
รัญญาเม้มปากน้ำตาคลอออกไป เกริกก้องมองตาม ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
วันเดียวกันนั้นรัญญานัดเจอกับดาริกา สิ่งที่รู้จากดาริกาทำให้รัญญาร้อนใจมาก
“หมายความว่ายังไงนะ”
“อะไร...นี่ตัวเองจะบอกว่าไม่รู้เรื่องที่คุณพ่อเกริกก้องกำลังใช้เงินและอิทธิพลทุกวิถีทางรวมกิจการโทรคมนาคมทั้งหมดไว้ในมือ” รัญญานิ่งอึ้ง “บริษัทเล็กๆ อย่างเราจะไปมีปัญญาต้านทานได้ยังไง”
รัญญาเอื้อมมือไปจับมือดาริกา ดาริกาขยับมือออกอย่างสุภาพ
“รันขอโทษจริงๆ นะริก้า...รันไม่รู้จริงๆ เลย มิน่าระยะหลังๆ มานี่ ริก้าพยายามหลบหน้ารันตลอด”
แววตาของดาริกาเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ไม่ใช่พยายาม แต่ตั้งใจเลยละ” รัญญาอึ้งไป ดาริกาขยับตัวลุกขึ้น “หมดธุระแล้วใช่มั๊ย เราจะได้กลับ”
รัญญาดึงแขนดาริกาไว้
“เรายังเป็นเพื่อนกันนะริก้า”
“อย่าเลย...เรากลัวเพื่อนแบบรัน”
ดาริกาดึงแขนออกแล้วเดินออกไป
อีกด้านหนึ่งที่ชุมชนพัฒนา หมอแม่นมาหากระสือที่บ้าน
“อ้าว...หมอแม่น เข้ามาซิ”
“กระหังอยู่หรือเปล่าล่ะ”
“อยู่...เพิ่งทะเลาะจบกันไปภาคเช้า”
หมอแม่นทรุดตัวลงนั่งขณะที่กระหังเดินไปรินน้ำมาให้
“แกหายไปไหนมาฮึ ชาวบ้านเขานึกว่าแกตายไปแล้ว”
“ก็เกือบไปเหมือนกัน”
กระสือบกับกระหังชะงัก
“ฮะ”
“คือ...ฉันเกือบไปเป็นลมตายกลางทางน่ะ เออนี่...ฉันมีข่าวดีมาบอก”
“เลขท้าย 2 ตัวหรือ 3 ตัว” กระสือรีบถาม
“ไม่ใช่...คืองี้ มีคนเขาอยากซื้อชุมชนของเขาไปทำศูนย์การค้า”
“ศูนย์การค้าอะไร”
“ช่างเหอะ...แต่เขาจะจ่ายให้อย่างงามเชียวนะ ดูเหมือนจะหลังละ 5 แสน”
“ 5 แสน” กระหังกับกระสือร้องเสียงหลง
“ไอ้บ้านสัปรังเคเนี่ยนะ”
“เท่านั้นยังไม่พอ...ถ้าเราสามคนช่วยกันหว่านล้อมให้พวกชาวบ้านยอมขาย คนซื้อเขาแถมเงินรางวัลให้พิเศษอีกคนละแสน”
“คนละแสน”
“เออ”
กระสือกับกระหังตาลุกวาว
หมอแม่นกลับบ้านอย่างโล่งอกที่หาแนวร่วมได้
“ค่อยยังชั่วที่หาแนวร่วมได้...ไม่งั้นตายแต่ คนอะไรน่ากลัวยิ่งกว่าผีอีก”
หมอแม่นบ่นกับตัวเองแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ถูกเกริกก้องขู่...
“อยากตายเองหรือว่ามีตัวเร่ง”
เกริกก้องถามด้วยสีหน้าเยือกเย็นดูน่ากลัว
“ตะ...ตะ...ตัวเร่ง”
“เออ”
“จะต้องให้ขยายความมั๊ย” ปกรณ์ถามหมอแม่น
“ไม่...ไม่เป็นไรจ้ะ”
“ฉันอยากได้ชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี” เกริกก้องบอก
“โอ๊ย...ไม่มีใครเขาให้หรอก”
ปกรณ์ถลึงตาใส่ หมอแม่นสงบลง
“ไม่ได้ขอ แต่จะซื้อ”
“คืออย่างนี้นะจ๊ะ ฉันจะอธิบายให้ฟัง...คนที่นั่นเขาติดที่ เขาเคยชินกับชีวิตความเป็นอยู่ อีกอย่างถ้าขายแล้วก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนกัน รวมทั้งฉันด้วย...”
“แต่ฉันอยากได้ และในเมื่อฉันอยากได้...ทุกคนต้องขาย”
เกริกก้องบอกด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมและเลือดเย็น
ภาพเหตุการณ์ที่เซฟเฮ้าส์เลือนหายไป หมอแม่นยกมือไหว้ท่ามหัว
“เจ้าประคู้ณ...ณ...ขอให้ทุกคนพร้อมใจกันขายเทิ้ด...ด...”
สายพิณกับน้ำเพชรนั่งอยู่ที่บ้านลุงป่อง แต่แล้วสองสาวก็ชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายพิณรีบเอื้อมมือมาหยิบ
“ฉันรับเอง...ฮัลโหล”
“ขอพูดกับปลาใหญ่หน่อย”
สายพิณหน้างอหงิกทันทีเมื่อได้ยินเสียงดาริกา
“ไม่อยู่ตรงนี้ ใครจะพูดด้วย” สายพิณถามเสียงห้วน
“บอกเขาว่า คุณริก้า”
“อีกา...คนอะไรชื่ออีกา”
“อีบ้า” ทุกคนในร้านกาแฟหันมามองดาริกา แต่ดาริกาไม่สนใจ “ฉันชื่อริก้าย่ะ ไม่ใช่อีกา แกน่ะซิอีกา...ปลาใหญ่ไปไหน”
“ริก้า”
น้ำเพชรชะงัก คว้าโทรศัพท์มาจากสายพิณ
“เอามานี่...คุณริก้า มีธุระอะไร”
“รู้จักกันเหรอ” สายพิณถามอย่างแปลกใจ
“นี่ฉัน...น้ำเพชร” น้ำเพชรบอกดาริกา
“ฉันจำเสียงได้ เมื่อกี้ใครน่ะ”
“ช่างเถอะ...คุณมีธุระอะไรกับคุณปลาใหญ่”
“ฉันไม่รู้ว่าปลาใหญ่หรือนายเซียนกันแน่ แต่ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
“ตอนนี้เขาไม่อยู่...คุณจะให้เขาไปพบที่ไหนล่ะ เดี๋ยวเขามาแล้วจะบอกให้...ได้...ได้...”
น้ำเพชรหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาจด สายพิณมองน้ำเพชรขวางๆ
หลังจากวางหูจากดาริกา น้ำเพชรเดินเข้าไปในห้องโดยมีสายพิณเดินตามเข้าไปด้วย
“นายเซียนหลับหรือคะ”
น้ำเพชรถามครรชิตที่นั่งเฝ้าปลาใหญ่กับเซียน ครรชิตพยักหน้า แต่ปลาใหญ่กับเซียนลืมตาขึ้นมา
“เปล่าครับ...” ปลาใหญ่บอก
“ยัยริก้าโทรมาอยากจะพบนาย แต่ฉันจะไปเอง”
“ไม่ได้” เซียนบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณปลาใหญ่”
“อาจจะเป็นแผนของอาก้อง...”
“สถานที่พบไม่ได้ลึกลับอะไร คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“อย่าไปเลยนะคุณน้ำ”
“ฉันจะไป”
“มะรุมมะตุ้มสุมหัวห่วงกันจังนะ” สายพิณบอกอย่างหมั่นไส้
“เอางี้ ลุงจะไปกับหนูน้ำ” ครรชิตบอก
“แล้ว...”
“ฉันดูให้เอง” สายพิณรีบบอกเมื่อรู้ว่าน้ำเพชรจะพูดอะไร
“ลุงขอเปลี่ยนกางเกงก่อน”
“ค่ะ”
น้ำเพชรเดินออกไปรอครรชิตข้างนอก
น้ำเพชรกับครรชิตเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่
“แปลกจังนะคะ ทำไมยัยริก้าถึงได้อยากจะพบคุณปลาใหญ่ขึ้นมา ยอมแม้กระทั่งพบน้ำก็ได้”
“ไม่แปลกหรอก...ก็แผนของคุณก้องนั่นแหละที่ใช้เพื่อนลูกสาวมาทำดีด้วย พวกนี้ไว้ใจไม่ได้แล้วก็ไม่ควรจะไว้ใจด้วย”
“น้ำทราบค่ะ...แต่ก็อยากรู้ว่าเขาจะว่ายังไง”
น้ำเพชรกับครรชิตขึ้นรถแล้วขับออกไป
เซียนค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก
“จะไปไหนยะ” สายพิณถาม
“ออกไปนั่งข้างนอก”
“อยู่ในนี้แหละดีแล้ว เจ็บจะตายยังไม่รู้จักเจียมตัว”
ปลาใหญ่ขยับจะลุกบ้าง สายพิณรีบเข้าไปประคอง
“จะไปไหยจ๊ะ พี่เซียน”
“จะไปเข้าห้องน้ำ”
“ไป...พิณจะพาไปเอง ค่อยๆ ลุกนะจ๊ะ”
สายพิณค่อยๆ ประคองปลาใหญ่ลุกขึ้น เซียนมองตาค้าง
“อิจฉาเรอะ ปลาใหญ่” ปลาใหญ่หันมาถามเซียน
เซียนส่ายหน้า แล้วค่อยพยุงตัวลุกขึ้นจนได้ สายพิณซึ่งกำลังประคองปลาใหญ่เดิน หันมาดุ
“ถ้าหกล้มไป อย่ามาหาว่าแม่ไม่เตือนนะ”
“ไม่โทษใครทั้งนั้นแหละ” สายพิณพาปลาใหญ่ออกไป เซียนค่อยๆ เขยิบไปนั่งพิงข้างฝา “ต้องโทษตัวเองที่หาเรื่อง”
เซียนบ่นตัวเองแล้วเอนหัวพิงฝาห้อง แล้วเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ปลาใหญ่ที่น้ำเพชรวางไว้ขึ้นมากด
ขณะนั้นครรชิตกำลังขับรถ โดยมีน้ำเพชรคอยบอกทาง
“เลี้ยวขวาค่ะ”
โทรศัพท์ครรชิตดังขึ้น ครรชิตหยิบส่งให้น้ำเพชรรับสายแทน
“หนูรับให้ลุงหน่อยซิ”
“ค่ะ...” น้ำเพชรรับโทรศัพท์มา “ของนายเซียนค่ะ” ครรชิตพยักหน้าน้ำเพชรจึงกดรับสาย “มีธุระอะไร”
“ผมเอง...”
“คุณปลาใหญ่...อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
“ผมจะโทรบอกคุณครรชิตว่าให้ระวังทั้งตัวเขาแล้วก็ตัวคุณให้ดี อย่าให้โดนหลอกเหมือนเมื่อคืนอีกล่ะ”
“ค่ะ...แล้วน้ำจะบอกให้”
“ระวังตัวนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำเพชรปิดโทรศัพท์ ครรชิตจึงหันมาถาม
“คุณปลาใหญ่เรอะ”
“ค่ะ...แต่ใช้โทรศัพท์นายเซียนโทร คุณปลาใหญ่สั่งว่าให้คุณครรชิตระวังตัวด้วยอย่าโดนหลอกอย่างเมื่อคืนนี้อีก”
“พูดแล้วเจ็บใจ...ลุงโทร.ไปหาไอ้วิโรจน์ มันยังไม่ยอมรับเลย”
“ยังดีนะคะที่คุณปลาใหญ่กับนายเซียนยังรอดมาได้”
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 16 (ต่อ)
สายพิณช่วยประคองปลาใหญ่เข้ามาในบ้าน
“นั่งพักก่อนมั้ย พี่เซียน”
ปลาใหญ่พยักหน้า สายพิณช่วยพยุงปลาใหญ่มานั่ง
“พิณไม่เหม็นพี่หรือ”
“ไม่เลย”
“โกหก”
“งั้นก็...เหม็นนิดหน่อย...แต่ไอ้คนข้างในนั่นเหม็นมาก” ปลาใหญ่ส่ายหน้าแล้วต่างคนต่างนิ่งไป สายพิณมองปลาใหญ่อย่างน้อยใจ “ทำไมเวลาอยู่กับนังน้ำเน่า พี่เซียนดูแจ่มใสทะลึ่งทะเล้น...แต่พออยู่กับพิณ พี่เซียนไม่ค่อยอยากจะพูดเลย”
“พิณก็เห็นว่าพี่เป็นยังไง...อย่าว่าแต่พูดเลย...แม้แต่หายใจก็ยังจะหายใจไม่ค่อยออก...ไม่รู้ว่าลมหายใจมันจะหยุดเมื่อไหร่”
สายพิณตกใจรีบยกมือปิดปากปลาใหญ่
“อุ๊ย...งั้นอย่าพูดจ๊ะ...อย่าพูด”
ปลาใหญ่เหมือนจะชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วหลับตาลง สายพิณค่อยๆ ดึงมือออก มองปลาใหญ่อย่างน้อยใจ
“พี่จะเข้าไปข้างใน พิณอยู่ข้างนอกนี่แหละ...จะได้ไม่เหม็นมากนัก”
ปลาใหญ่ค่อยๆ พยุกตัวลุกขึ้น แต่เซเล็กน้อย สายพิณรีบเข้าประคอง
“พิณแค่จะช่วยพาเข้าไป แล้วก็จะรีบออกมา...ไม่อยู่นานให้พี่เซียนเหม็นหน้าหรอก”
ปลาใหญ่เหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินเข้าห้องไป
ครรชิตขับรถเข้ามาในซอยๆ หนึ่ง
“นั่นไง...รถยัยริก้า”
น้ำเพชรบอกเมื่อเห็นรถดาริกา ครรชิตขับเข้าไปจอด น้ำเพชรขยับจะเปิดประตู
“ระวังนะหนูน้ำ”
“ค่ะ”
น้ำเพชรเปิดประตูลงไป ขณะที่ดาริกาเปิดประตูลงมาเช่นกัน ครรชิตตามลงไปเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวัง
“ไม่มีใครหรอกค่ะ” ดาริกาบอกเมื่อเห็นท่าทางครรชิต
“คุณริก้าคงจำคุณครรชิตได้”
ดาริกาพยักหน้ารับ
“เขาวางแผนเก่งนะ...ค่อยๆ กำจัดคนของคุณปลาใหญ่ออกไปทีละคนๆ จนหมด”
“คุณต้องการพบคุณปลาใหญ่ทำไมหรือครับ”
“ฉันกำลังจะเจ๊ง” น้ำเพชรกับครรชิตสบตากันแว่บหนึ่ง “กิจการของฉันแค่พอทำกำไรเล็กน้อย พอเลี้ยงตัวได้...แต่พอท่านประธานคนปัจจุบันของ “มหาทรัพย์” บริหาร เขามีนโนบายจะรวมบริษัทเล็กบริษัทน้อยทั้งหมด...รวมทั้งบริษัทของฉันด้วย ฉันโดนบีบทุกวิถีทาง เลยอยากจะคุยกับคุณปลาใหญ่ว่ายินดีจะร่วมมือทวงความยุติธรรมคืนมาไหม”
น้ำเพชรกับครรชิตนิ่งเงียบ สีหน้าแววตาไม่แสดงความรู้สึกออกมา
ครรชิตขับรถออกมา น้ำเพชรจึงหันมาถาม
“คุณลุงคิดว่ายังไงคะ”
“บอกตรงๆ ว่า ตั้งแต่คุณปลาใหญ่เกือบตายเมื่อคืน ลุงยังไม่ไว้ใจใครเลยแม้แต่ตัวเอง”
“ลองดูเขาไปอีกสักพักก็ได้คะ”
ครรชิตพยักหน้า
ขณะนั้นดาริกายังนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“นังน้ำเน่าพยายามกีดกันไม่ให้ฉันเจรจากับคุณปลาใหญ่ตัวจริงเรอะ...แล้วได้เห็นกัน ฉันกับปลาใหญ่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ยังไงก็ได้พบกันแน่ๆ”
ดาริกาสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
เมื่อครรชิตกับน้ำเพชรกลับถึงบ้านลุงป่อง ทั้งคู่ยืนปรึกษากับสายพิณอยู่หน้าบ้าน
“พิณว่าอย่าเพิ่งบอกเลย เพราะทั้งปลาใหญ่ ทั้งพี่เซียนต่างก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะทำอะไรได้”
“ยัยริก้าเขาหมายถึงคุณปลาใหญ่คนเดียวย่ะ ไม่ได้รวมนายเซียนของเธอด้วยซักหน่อย”
“แต่พี่เซียนของฉันอยู่ในร่างปลาใหญ่ ยังไงก็ต้องเกี่ยวอยู่ดี”
“ไม่เกี่ยว”
สายพิณอ้าปากจะเถียง ครรชิตจึงพูดขัด
“เลิกทะเลาะกันเสียทีได้มั๊ย พอจะพูดอะไรเป็นงานเป็นการก็ทะเลาะกันทุกที”
“ขอประทานโทษค่ะ”
“ฮึ...ขอประทานโทษก็ได้”
“งั้นก็เอาเป็นว่าปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนจนกว่าคุณปลาใหญ่...”
“และพี่เซียน”
“เออ...พี่เซียนก็พี่เซียนจะค่อยยังชั่ว”
สองสาวพยักหน้าเห็นพ้องต้องกัน
หลังจากวันนั้นสายพิณกับน้ำเพชรก็ช่วยกันดูแลปลาใหญ่กับเซียนจนสองหนุ่มอาการดีขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งน้ำเพชรขับรถพาเซียนเข้ามาจอดในซอยๆ หนึ่ง
“หิวมั๊ยคะ...น้ำเตรียมแซนวิชกับน้ำผลไม้มาด้วย”
“ยังไม่หิวเลยครับ”
เซียนบอกแล้วเปิดประตูรถลงไป น้ำเพชรเปิดประตูตามลงไปแล้วมองสำรวจเซียนอย่างพอใจ เซียนหันมาเห็นพอดีน้ำเพชรหลบไม่ทันเลยเขิน
“ผมมีอะไรผิดปกติหรือ”
“คือ...น้ำว่าคุณปลาใหญ่ดูดีขึ้นเยอะ...บาดแผลก็ไม่ลามออกมา แล้วกลิ่นก็ไม่เหม็นเน่าเหมือนแต่ก่อน”
“คงเป็นเพราะผมกับนายเซียนถูกทำร้ายจนเกือบตาย ชีวิตเหมือนเกิดใหม่...อีกอย่าง สมุนไพรที่ลุงป่องเอามาให้กินได้ผลดีเกินคาด”
“นั่นน่ะซิคะ...ลุงป่องแกอุตส่าห์ไปเสาะหามาจนได้”
“ผมไม่มีวันลืมบุญคุณของทุกๆ คนไปจนตลอดชีวิต”
น้ำเพชรยิ้มให้เซียนอย่างอ่อนหวาน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นปลาใหญ่กับสายพิณเดินคุยกันอยู่ในชุมชน
“พี่เซียนไม่เหนื่อยหรือจ๊ะ”
สายพิณถามอย่างเป็นห่วง
“พูดเพราะๆ ก็เป็นเหมือนกันนี่เรา”
“โอ๊ย...พิณพูดเพราะๆ กับพี่เซียนทุกทีแหละ พี่เซียนไม่สังเกตเองต่างหาก” ปลาใหญ่นิ่งไป “พิณไม่เคยอยู่ในสายตาพี่เซียนเลย ไม่เหมือนนัง...เอ๊ย...ยัยน้ำเน่า”
“พี่ก็ไม่เคยอยู่ในสายตาน้ำเพชรเหมือนกัน”
“ดี...สมน้ำหน้า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
“แต่พี่ไม่อยากมีทุกข์อีกแล้ว...ใครไม่รักเรา...เราก็ไม่ต้องไปรักเขา” สายพิณมองปลาใหญ่อย่างแปลกใจ ปลาใหญ่สบตาสายพิณ “เราควรจะรักคนที่รักเราดีกว่า” สายตาปลาใหญ่ทำให้สายพิณเขินจนต้องหลบตาลง “พิณจะรังเกียจหรือเปล่า ถ้าพี่จะขอพิณแต่งงาน”
สายพิณชะงัก เบิกตากว้าง
น้ำเพชรเปิดประตูรถ หยิบตะกร้าแซนด์วิชออกมา เซียนหยิบผ้าที่พับไว้ออกมาช่วยปู
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำเพชรกับเซียนนั่งบนผ้า น้ำเพชรจัดการรื้อของในตะกร้าออกมาแล้วหยิบแซนด์วิชส่งให้เซียน
“นี่ค่ะ”
เซียนยื่นมือมาจับมือน้ำเพชรไว้ น้ำเพชรก้มหน้าลงอย่างเขินจัด
“เวลานี้ผมไม่เหลืออะไรเลย นอกจากชีวิตและความพยายามที่จะกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมา”
“นั่นก็พอแล้วค่ะ”
“พอที่คุณจะแต่งงานกับผมไหม”
น้ำเพชรมองหน้าเซียนอย่างตกใจ
“คุณปลาใหญ่...”
“ผมขอโทษ...กรุณาลืม...”
“ไม่ค่ะ” เซียนมองน้ำเพชร น้ำเพชรพูดต่อ “น้ำไม่ลืม แล้วก็จะไม่มีวันลืม”
เซียนทำหน้าซาบซึ้ง
“คุณน้ำ...”
น้ำเพชรสบตาเซียนอย่างอ่อนหวาน เซียนดึงน้ำเพชรเข้ามากอดอย่างซาบซึ้งใจ น้ำเพชรหลับตาลงอย่างมีความสุข
สายพิณกลับบ้าน แล้วเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับยายปิ่นที่นั่งกินลอดช่องอยู่
“ยายจะว่ายังไงมั๊ยจ๊ะ ถ้าพิณจะลงจากคาน”
“ก็ลงมาซิ...เอ็งจะขึ้นไปอยู่ทำไมให้มันเมื่อยล่ะ” ยายปิ่นพูดออกมาแล้วก็ชะงัก “เอ็งหมายความว่ายังไง”
“พิณจะแต่งงาน” ยายปิ่นสำลักลอดช่อง สายพิณจึงพูดย้ำ “พิณจะแต่งงาน”
“ใครวะจะโชคร้ายขนาดนั้น”
“พี่เซียน”
“ไอ้เซียนน่ะเรอะ...ข้า...”
สายพิณรีบยกมือห้าม
“กรุณาอย่าห้ามเด็ดขาด เพราะพิณจะไม่เชื่อ”
“ไอ้เซียนน่ะ มันมีแต่ตัว”
“กับหัวใจ...แล้วพิณก็ต้องการเพียงแค่นั้นแหละจ้ะยาย ต่อให้มีคนรายล้นฟ้ามาให้เลือก พิณก็จะไม่สนใจใยดี เพราะพิณรักพี่เซียนคนเดียวเท่านั้น”
“เวรกรรม”
“ถ้าเวรกรรมคือพี่เซียน...พิณก็เต็มใจจะยอมรับ”
สายพิณเดินเข้าห้อง ยายปิ่นมองตามอย่างปลงอนิจจัง
สายพิณเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าปลาบปลื้มแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนหงายมองเพดานห้อง
“ในที่สุด...พี่เซียนก็เห็นใจในความรักและความดีของพิณ”
สายพิณนอนนิ่งอยู่ครู่นึง แล้วสปริงตัวลุกขึ้นไปเปิดลิ้นชัก หยิบหนังสือที่มีรูปเซียนสอดไว้ออกมาดู
“เอาเถอะน่า ถึงรูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไป...แต่วิญญาณเป็นคนเดิมก็โอเค”
สายพิณยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปเซียน
ส่วนเซียน เมื่อกลับมาบ้านเซียนบอกสายไหมเรื่องที่จะแต่งงานกับน้ำเพชร
“หา...แล้วพ่อแม่หน้าเลือดเขาจะยอมหรือคะ เพราะถึงคุณคือปลาใหญ่ แต่ร่างกายภายนอกของคุณก็คือไอ้เซียนนะคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“ไอ้เซียน” เสียงยายปิ่นดังขึ้น เซียนกับสายไหมหันไปมอง ยายปิ่นเดินหน้าซีเรียสเข้ามา “เอ็งคิดยังไงถึงได้จะแต่งงานกับหลานข้า”
“ผิดคนแล้วครับ คุณยาย...ผมปลาใหญ่...”
“แกนี่โมโหจนไม่ดูตาม้าตาเรือ” สายไหมต่อว่ายายปิ่น “ไนประกาศตัวว่าเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง”
“เออ...ขอโทษ...ไอ้ข้าก็ลืมไป พอเห็นรูปร่างหน้าตาไอ้เซียนแล้วมันของขึ้น”
“ไอ้พิณมันจะแต่งกับไอ้เซียนเรอะ” สายไหมถาม
“เออ”
“ไอ้ปลาใหญ่ก็จะแต่งกับไอ้น้ำเพชรเหมือนกัน” เซียนกับยายปิ่นสะดุ้ง แล้วยายปิ่นก็สะกิดสายไหม สายไหมจึงรู้สึกตัว “ขอโทษจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับป้า”
“ไอ้เซียนมันจะแต่งกับไอ้พิณเหมือนกันเรอะ เวร...คิดได้ยังไง”
“ตั้งแต่หายเจ็บหนักมานี่ ผมว่านายเซียนเขาดีขึ้นเยอะนะครับ พยายามปรับตัวไม่ทะลึ่งตึงตังเหมือนแต่ก่อน”
“คิดไปคิดมาก็เรื่องของมัน ตัวของมัน...โบราณเขาว่า ปลูกเรือนก็ต้องตามใจผู้อยู่...ว่าแต่คุณปลาใหญ่เถอะ หม่าม้าหนูน้ำเพชรเขาจะยอมเรอะ”
“ฉันก็ถามอยู่เมื่อกี้เหมือนกัน”
“ก็คงต้องเสี่ยงหน่อยล่ะครับ เพียงแต่ว่า...ป้าไหมต้องร่วมมือกับผมด้วย”
สายไหมชะงัก มองหน้าเซียนงงๆ
“ช่วยอะไรหรือจ๊ะ”
ต่อจากตอนที่แล้ว
ในวันต่อมาครรชิตกับเซียนมาหากิมฮวยกันเติมศักดิ์ที่ร้านทอง เติมศักดิ์กับกิมฮวยมองหน้าครรชิตอย่างประหลาดใจเหลือจะกล่าว
“ไอ๊หยา...อาเซียนเนี่ยเหรอคะเป็นหลานชายของอาคุณคันที่หายไป”
“ครับ...เพื่อยืนยันความจริงข้อนี้ ขอให้คุณเติมศักดิ์กับคุณกิมฮวยดูรูปร่างหน้าตาของผมกับนายเซียนซิครับ...ออกแนวลูกครึ่งเหมือนกัน”
“เออ...ใช่”
เติมศักดิ์บอก
“เหมือนเปี๊ยบเลย” กิมฮวยบอก “แล้วอาไหม ลื้อไปขโมยหลานอาคุณคันมาเรอะ”
“อุ๊ย...เปล่าจ๊ะ คนอื่นเขาขโมยมาเลี้ยงแล้วดันตาย...ฉันเวทนาก็เลยต้องเอามาเลี้ยงต่อ”
“แล้วอาคุณคันรู้ได้ยังไงว่าเป็นลุงเป็นหลานกัน”
เติมศักดิ์ถามต่อ ครรชิตเริ่มคิดไม่ออกว่าจะโกหกยังไง
“สัญชาติญาณไงคะ อาเตี่ย” น้ำเพชรช่วยตอบแทนครรชิต “คนเราเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลุงเป็นหลานเป็นญาติกันมันต้องมีสัญชาติญาณ”
“สัญชาติญาณ?”
“ค่ะ...อย่าหม่าม้าเป็นแม่น้ำ...เราก็มีสัญชาติญาณแม่ลูกกัน”
“เออ...ใช่ อาน้ำนี่ฉลาดมาก”
“สำหรับเรื่องสินสอด คุณกิมฮวยกับคุณเติมศักดิ์จะเรียกยังไงก็ว่ามาเลยครับ” ครรชิตเข้าเรื่อง
กิมฮวยพยักหน้ากับเติมศักดิ์ เติมศักดิ์หยิบลูกคิดมาคิด
“อย่าให้แพงนักนะคะ อาหม่าม้า อาเตี่ย...ไม่อย่างนั้นตระกูลเราจะต้องสั้นจุ๊ดจู๋อยู่แค่นี้ไม่มีใครสืบต่อด้วย”
น้ำเพชรบอกทำให้กิมฮวยกับเติมศักดิ์สะดุ้ง
เมื่อตกลงเรื่องสินสอดกันได้แล้วน้ำเพชรกับเซียนหลบมานั่งคุยกันอย่างมีความสุข
“น้ำเกรงใจคุณปลาใหญ่จัง...เอ้อ...เรื่องสินสอดน่ะค่ะ”
“ผมมีเงินที่คุณพ่อใส่ไว้ให้ในบัญชีมากพอสมควร...มานึกดูแล้ว ท่านเป็นคนรอบคอบมาก มองทะลุเหตุการณ์ในอนาคตออกหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมถึงได้ไม่ลำบากเรื่องเงินทอง”
ทั้งสองนิ่งกันไปครู่หนึ่ง
“เออ...คุณปลาใหญ่ทราบแล้วใช่ไหมคะว่ามีนายทุนคนหนึ่งกำลังพยายามจะซื้อชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดีไปทำเป็นศูนย์การค้า”
“ทราบครับ...ปัญหาอยู่ที่ว่ายังมีคนมากพอสมควรอยากจะขายเสียด้วย แต่เห็นป้าไหมกับยายปิ่นยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีวันขาย...ซึ่งผมกับนายเซียนกำลังวางแผนจะทำความเข้าใจกับชาวบ้าน”
“น้ำภาวนาขออย่าให้มีเรื่องวิวาทผิดใจกันเลยค่ะ”
“ถึงจะมีเรื่อง แต่ผมก็ไม่มีวันเลื่อนวันแต่งงานของเราเด็ดขาด”
น้ำเพชรเขิน เซียนจับมือน้ำเพชรขึ้นมากุม
เกริกก้องทรุดตัวลงนั่งเมื่อหมอแม่นมาหาที่เซฟเฮ้าส์
“ไหนวันนี้มีอะไรมารายงานบ้าง ยายแม่น”
“อย่าลืมเรื่องที่ให้สืบเรื่องสมุนไพรที่รักษาได้เซียนกับไอ้ปลาใหญ่ด้วยว่ามันได้มาจากไหน” ปกรณ์บอก
“ฉันก็พยายามสืบถามคนโน้นคนนี้แล้วจ๊ะ แต่ไม่มีใครยอมบอก”
“ไม่บอกก็ต้องพยายามให้บอกให้ได้”
“เสียดาย...ถ้ารู้เรื่องแผลเน่าของมันเสียตั้งแต่แรก คงจัดการมันได้ง่ายกว่านี้”
“แหม...ก็ตอนนั้น เรายังไม่รู้จักกันนี่จ๊ะ”
“ตอนนี้รู้จักกันแล้ว ก็ไปจัดการสืบมาให้ได้ว่าทำไมมันถึงหายเร็วนัก”
“ฉันจะพยายามจ๊ะ...ส่วนเรื่องซื้อที่ซื้อทางน่ะ ยังมีชาวบ้านที่ยังลังเลอยู่ว่าถ้าขายที่นี่แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหน”
“งั้นก็เพิ่มเงินเข้าไป” ปกรณ์บอก
“น่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้น่ะ” เกริกก้องแย้ง
ปกรณ์กับหมอแม่นหันมามองเกริกก้อง
กลางดึกคืนนั้นขณะที่ทุกคนในชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดีกำลังหลับสนิท เขียวกับ เบ๊ ซึ่งอยู่ในชุดดำกำกลังเดินลัดเลาะเข้ามาที่บ้านลุงป่อง โดยทั้งคู่ถือน้ำมันมาด้วย พอถึงบ้านลุงป่อง เขียวกับเบ๊ช่วยกันราดน้ำมันรอบๆ บ้าน
ขณะนั้นครรชิตนอนกอดหมอนหลับอย่างสบาย แต่แล้วจู่ๆ ก็มีกาละมังใบใหญ่ใบหนึ่งขว้างมาตีที่หน้า
“โอ๊ย...” ครรชิตลืมตาขึ้นโวยวายทันที “ใครวะ...ไอ้ป่องเรอะ” ครรชิตหยิบกาละมังลุกเดินไปที่ประตู “ไอ้ป่อง...ไอ้ป่อง”
ประตูเปิดออก ลุงป่องงัวเงียออกมา
“อะไรวะ”
“แกเอากาละมังปาฉันใช่มั๊ย”
“เปล่า” ลุงป่องทำหน้างงๆ
“เปล่าแล้วใครทำ”
“ไม่รู้”
สองคนเริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก
ด้านนอกขณะนั้นเขียวกับเบ๊ช่วยกันเทน้ำมันรอบบ้านจนหมดน้ำมันจึงโยนกาลอนทิ้ง จากนั้นเขียวก็หยิบไฟแช็คขึ้นมาจุดแล้วโยนลงพื้น ไฟลุกพรึ่บ...ภายในบ้านครรชิตกับลุงป่องยังคุยกันเรื่องกาละมังไม่เสร็จ
“ไม่ใช่แกแล้วจะใคร”
“ผีมั้ง”
ครรชิตสะดุ้ง ขณะที่ลุงป่องชะงักทมำจมูกฟุดฟิด
“ได้กลิ่นอะไรมั๊ย” ลุงป่องถาม ครรชิตทำจมูกฟุดฟิดตาม
“ได้...กลิ่นเหมือนอะไรไหม้”
ลุงป่องกับครรชิตสะดุ้งพร้อมกันแล้ววิ่งไปที่หน้าต่าง...ทั้งคู่เบิกตากว้างเมื่อเห็นไฟกำลังไหม้บ้าน
“ไฟไหม้”
ครรชิตกับลุงป่องตะโกนลั่น ครรชิตรีบวิ่งไปที่ประตู ขณะที่ลุงป่องปีนหน้าต่างทั้งที่ไฟไหม้อยู่ข้างล่าง
“คุณคันช่วยด้วย ฉันลงไปไม่ได้”
ลุงป่องตะโกนบอก ครรชิตวิ่งกลับมาลากลุงป่องออกทางประตูด้วยกัน
“มาทางนี้...นั่นมันหน้าต่าง ประตูอยู่ทางนี้”
ชาวบ้านช่วยกันดับไฟพลางตะโกนโหวกเหวกและด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านจึงช่วยกันดับไฟได้สำเร็จ หน้าตาครรชิตกับลุงป่องเต็มไปด้วยเขม่าไฟ ขณะเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งในบ้านอย่างหมดแรง
“มันเป็นใคร”
ทั้งคู่ถามออกมาพร้อมกัน
“ต้องใช่ไอ้คนที่จะมาซื้อชุมชนแน่”
“จะใครเสียอีกล่ะ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้เราต้องประชุมทุกคนในชุมชนว่าจะเอายังไงกันต่อไป”
ทั้งคู่พยักหน้าให้กันอย่างหนักแน่น แล้วสีหน้าครรชิตก็เปลี่ยนเป็นสงสัย
“ไอ้ป่อง...แกไม่ได้เอากาละมังปาหัวฉันแน่นะ”
“สาบานได้”
“เอ...แล้วงั้นจะเป็นใคร”
“ก็ผีไง”
“แล้วมันผีใคร เพราะฉันก็ไม่เคยรู้จักกับผีหรือไปทำให้ผีตนใดตนหนึ่งเสียใจ”
“หรือจะเป็นผีไอ้เอ็กซ์”
“ฉันก็ไม่ได้มีเรื่องอาฆาตแค้นกับมันถึงขนาดจะต้องเอาโน่นเอานี่มาปาหัว”
ลุงป่องลุกไปอาบน้ำ ขณะที่ครรชิตยังนั่งคิดหนัก
วันรุ่งขึ้นชาวบ้านชุมชมพัฒนาสู่ขาวดีมาร่วมประชุมกัน โดยแต่ละคนต่างวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...เมื่อทุกคนมาพร้อมกัน มอมลุกขึ้นเอาช้อนตีชามให้ทุกคนเงียบ
“พี่น้องครับ...พี่น้อง...เงียบหน่อยพี่น้องครับ” ทุกคนยังคุยกันไม่หยุด มอมจึงหยิบโทรโข่งขึ้นมาตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย...ไอ้พวกพี่น้อง”
ได้ผล...คราวนี้ทุกคนเงียบกริบ
“สืบเนืองมาจากที่มีการเผาบ้านคุณลุงป่อง และพอจะอนุมานได้ว่า ต่อไปจะต้องมีการเผาบ้านคนอื่นๆ ตามมาอีก เพื่อไล่ที่ เพราะฉะนั้น พวกเราต้องร่วมมือร่วมใจกันปกป้องชุมชนของเรา” ทุกคนปรบมือกันสนั่น “ซึ่ง ณ บัดนาว เรามีอดีต ซี.เอ.ที...”
ลุงป่องสะกิดมอม
“คุณมอม...ซี.อี.โอ....”
“ใช่ เรามีอดีต ซี.อี.โอ บริษัทมหาทรัพย์รุ่งเรืองกิจมาเป็นที่ปรึกษา” ชาวบ้านคนหนึ่งยกมือ “เชิญ”
“ก็ไอ้บริษัทมหาทรัพย์บ้านี่ไม่ใช่เรอะที่มากว้านซื้อชุมชนของเรา” ทุกคนพยักเพยิกเห็นด้วย “แล้วเรื่องอะไรเราจะต้องไปฟังมัน”
ทุกคนปรบมือส่งเสียงเห็นด้วยขณะที่ครรชิตสะดุ้ง สายพิณคว้าโทรโข่งมาจากมอม
“เงียบ” สายพิณบอกเสียงดังและเอาจริงเอาจึงจนทุกคนเงียบ “ใครไม่เงียบจะไม่ขายข้าวแกงให้กิน”ทุกคนยิ่งเงียบสนิท “ลุงคันเคยทำงานกับไอ้บริษัทบ้านั่นก็จริง แต่ตอนนี้เขาถูกไล่ออกแล้ว แสดงว่าลุงคันเป็นคนดี”
มอมลุกขึ้นปรบมือ
“วู้...วู้...”
ป๋องลุกขึ้นทำตาม รวมทั้งลุงป่อง ยายปิ่น สายไหม เซียน ทุกคนต่างปรบมือกันหมด
“เพราะฉะนั้น เราต้องให้โอกาสเขาพูด” สายพิณส่งโทรโข่งให้ครรชิต “เอ้า...พูดเลยลุงคัน”
ครรชิตรับมา ลุกขึ้นโค้ง
“ขอบคุณครับ...ขอบคุณ ในวันแรกนี้ผมอยากขออาสาสมัครเฝ้ายามชุมชนโดยเฉพาะในยามวิกาล”
กระหังลุกขึ้น
“จะต้องเฝ้าทำไมให้เสียเวลานอน...เสียสุขภาพ...สู้ขายไปซะดีกว่า เงินก็ได้ แถมยังนอนหลับเต็มตา ไม่ต้องลุกมาเฝ้ายงเฝ้ายามอะไร”
“เออ...ใช่” กระสือเห็นด้วย “คิดดูดีๆ ซิ เงินตั้ง 5 แสน...ถ้าไม่เอาตอนนี้ จะไปเอาตอนไหน”
กลุ่มเห็นด้วยพากันปรบมือพยักเพยิดกัน
“ถ้าขายแล้วเอ็งจะไปอยู่ที่ไหน” สายไหมถาม
“เยอะไป...ประเทศไทยออกกว้างขวาง”
“ไอ้กว้างขวางน่ะ แล้วมันใช่ที่ของเอ็งหรือเปล่าเฮอะ นังกระสือ”
กลุ่มที่ไม่อยากขายต่างปรบมือเห็นด้วยกันเป็นแถว
ปลาใหญ่นั่งรออยู่ที่บ้านลุงป่องแล้วเมื่อลุงป่อง เซียน ครรชิต น้ำเพชร และสายพิณกลับมา สายพิณตาเป็นประกายเมื่อเห็นปลาใหญ่
“เป็นไงบ้าง...ชาวบ้านให้ความร่วมมือดีมั๊ยลุงป่อง”
“ครึ่งต่อครึ่ง”
“คุณคัน ลุงป่อง”
มอมหน้าตาตื่นเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนถามออกมาพร้อมกัน
ขณะนั้นชาวบ้านสองคนกำลังต่อยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีป๋องพยายามเข้าห้าม แต่ก็ถูกลูกหลงกระเด็นออกมา ยายปิ่นกับสายไหมช่วยกันห้ามชายทั้งสองคนที่ชกกันซึ่งต่างก็มีกองเชียร์คนละฝ่าย กลุ่มครรชิต
รีบเข้ามาห้ามและแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“ปล่อย...ข้าจะสั่งสอนไอ้คนไม่รักพวกพ้อง...ไม่รักชุมชนของตัวเอง ไอ้คนเห็นแก่เงิน”
“ทำไมวะ...ข้าจะขายแล้วมันหนักหัวใคร นี่เป็นสิทธิ์และเสรีภาพเว้ย ข้าขายบ้านข้า ไม่ได้ขายบ้านเองนี่หว่า”
“ใช่ บ้านเขา...เขาจะตาย ใครจะต้องมาเดือดร้อนทำไม” กระสือบอก
“เออ...ถ้าไปเอาบ้านเอ็งมาขายซิค่อยเดือดร้อน” กระหังบอก
“ไอ้หน้าเงิน”
“ทำไมจะต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องแค่นี้” เซียนถามขึ้นมา ทุกคนหันมามองเซียน ขณะที่ทุกคนกำลังตึงเครียดน้ำเพชรแทรกเข้ามายืนข้างเซียน “เราเป็นผู้เจริญแล้ว พูดจาตกลงกันดีๆ ก็ได้”
“เฮ้ย...แต่ถ้าพูดไม่รู้เรื่องมันก็ต้องใช้กำลังกันบ้างละ” ปลาใหญ่บอก
“ถูก” สายพิณเห็นด้วยกับปลาใหญ่
“ใช้กำลังแล้วแน่ใจหรือว่า ชาวบ้านทุกคนจะพร้อมใจกันฟังผู้ชนะ คนเราเมื่อคิดหรือเชื่ออะไรแล้วคงเปลี่ยนยาก”
“ถูก” น้ำเพชรเห็นด้วยกับเซียน สายพิณเหล่น้ำเพชร
“ถึงยังไงชนะก็ยังดีกว่าแพ้” ปลาใหญ่บอก
“ถูก” สายพิณบอกเสียงดังลั่น น้ำเพชรเริ่มมือสั่น
“แต่ในกรณีนี้ไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะ นอกจากเจ็บกันไปทั้งคู่” เซียนบอก
“ถูก” น้ำเพชรบอกเสียงดัง สายพิณเม้มปากถลึงตาใส่น้ำเพชร
“เกิดเป็นลูกผู้ชายมันก็ต้องเจ็บกันบ้าง” ปลาใหญ่บอก
“ถูก” สายพิณบอกเสียงดังขึ้นอีก
“นังสายสะดือ” น้ำเพชรเริ่มหมดความอดทน
“เข้ามาเลย นังน้ำเน่า”
สายพิณท้า จากนั้นสองสาวก็โผเข้าใส่กัน ปลาใหญ่รีบคว้าสายพิณขณะที่เซียนคว้าเอวน้ำเพชรไว้
“เอาแยกกันไปก่อน เดี๋ยวจะต่อยกันอีกคู่” ครรชิตบอก
เซียนหิ้วน้ำเพชรออกไป เช่นเดียวกับปลาใหย่ที่หิ้วสายพิณ
เซียนหิ้วน้ำเพชรออกมาอีกมุมหนึ่งแล้วปล่อยลง น้ำเพชรขยับจะวิ่งกลับไป
“ไหนคุณเคยบอกว่านายเซียนป่าเถื่อนไง” เซียนถาม น้ำเพชรชะงัก หันกลับมา “แล้วทำไมคุณถึงจะทำเหมือนเขา”
“ก็น้ำหมั่นไส้สายพิณนี่ มันจงใจจะตะโกนข่มคุณแล้วก็น้ำ”
“คุณระแวงไปเองต่างหาก” น้ำเพชรเม้มปาก หงุดหงิดเต็มที่ “คุณจะรู้ตัวหรือไม่รู้ก็ตาม คุณน่ะมีพฤติกรรมคล้ายนายเซียนเข้าไปทุกที”
“น้ำเปล่า”
“ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้บ่อยๆ ผมก็ชักจะคิดมากเหมือนกัน”
น้ำเพชรตกใจ
“น้ำไม่เคยคิดอะไรกับนายเซียนเลยจริงๆ นะคะ”
“ไม่รู้ซิ...คุณทำงานอยู่กับเขา...ใกล้ชิดสนิทสนมเขามาตั้งนาน”
น้ำเพชรจับมือเซียนขึ้นมา
“เชื่อน้ำเถอะค่ะ...น้ำไม่ได้คิดอะไรกับไอ้คนบ้านั่น”
“ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้วนะ”
“จะดีขึ้นหรือเลวลง น้ำไม่สน...น้ำสนคุณปลาใหญ่คนเดียวเท่านั้น”
เซียนดึงน้ำเพชรเข้ามากอด น้ำเพชรถอนใจยาวอย่างมีความสุข
ปลาใหญ่พาสายพิณมาอีกมุม สายพิณนั่งกอดอกแกว่งขาไปมา ขณะที่ปลาใหญ่ยืนกอดอกมองสายพิณนิ่ง สายพิณหันมามองปลาใหญ่แว่บนึง
“มองอยู่ได้ จะพูดอะไรก็พูดซิ” สายพิณต่อว่า
“พิณก็รู้ว่าพี่จะพูดอะไร”
“ไม่รู้หรอก...ใครจะไปรู้ใจใคร”
“เมื่อไหร่เราจะโตกับเขาเสียที”
“อ้าว...ถ้าพิณยังไม่โต แล้วพี่เซียนจะมาขอพิณแต่งงานทำไม”
“เรานี่มันน่านัก...กวนโมโหที่สุด”
สายพิณลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเซียน
“พี่เซียน...ถามจริง ใจพี่เซียนยังฝักไฝ่กับนัง...เอ้อ...แม่น้ำเน่านั่นหรือเปล่า”
“ไม่”
“พิณไม่เชื่อ พี่เซียนอยู่ในร่างไอ้ปลาใหญ่”
“เรียกเขาดีๆ ก็ได้”
“ไม่รู้เป็นไง...พิณเรียกชื่อคนๆ นี้เฉยๆ ไม่ได้ซักที ต้องไอ้นำหน้า...ฟังดูมันเข้ากั๊น...เข้ากัน”
ปลาใหญ่มองสายพิณนิ่งๆ ครู่หนึ่ง
“พี่อยากให้พิณใจเย็น...พูดเพราะๆ”
“โอ๊ย...ยังกับตัวเองพูดเพราะนักนี่”
“นั่นซิ...” ปลาใหญ่หัวเราะแล้วดูนาฬิกา “พี่ต้องไปประชุมกับกลุ่มรักษ์ชุมชนแล้ว”
“ตกลงจะเอายังไงกันแน่”
“คุณคันบอกว่า เราต้องพยายามทำความเข้าใจกับทุกคน...ไปด้วยกันมั๊ย”
“ไป”
สายพิณบอกแล้วเดินออกไป แต่เท้าเกิดสะดุดกันเองจนเกือบล้มดีที่ปลาใหญ่รับไว้ได้ทัน ปลาใหญ่มองสายพิณอย่างรักใคร่ สายพิณมองสบตาปลาใหญ่แล้วเขินจนต้องหลบสายตา ...ปลาใหญ่ก้มหน้าเข้าใกล้ สายพิณผลักออกแล้วหัวเราะออกมา
“ไม่ได้กินเสียละ”
สายพิณวิ่งนำออกไป ปลาใหญ่มองตามยิ้มๆ
ที่เซฟเฮ้าส์ของเกริกก้อง หมอแม่นหัวเราะออกมา
“แหม...อยากให้ท่าน...ท่าน...ท่าน แล้วก็ ท่าน...ท่าน...ท่าน...” หมอแม่นชี้ตามลำดับจนครบทุกคน “ได้ไปเห็นกับตาจังเลยจ้ะ ชาวชุมชนที่เคยสมัครสมานรักใคร่สามัคคีปรองดอง บัดนี้แตกโพละเป็น 2 ฝ่าย ตักัน ทะเลาะกัน ไม่เว้นแต่ละวัน...ไอ้คนโน้นอยากจะขาย ไอ้คนนี้บอกไม่ให้ขาย อุแม้...เป็นความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครทำได้”
“ยายแม่น ตอบเท่าที่ถามไม่ต้องบรรยายเวอร์”
“เว่อหรือจ๊ะ...ไม่ยักกะรู้”
“แล้วเรื่องว่านตัวเหม็นว่านตัวหอมอะไรนั่นล่ะ ได้เรื่องหรือยัง” จันทร์ทิพย์ถามขึ้นมา หมอแม่นหัวเราะแห้งๆ
“ยังเลย”
“ฉันต้องการรู้ภายในวันพรุ่งนี้...ตกลงมั๊ย” เกริกก้องถาม
“บังคับกันยังงี้มันก็ต้องตกลงอยู่แล้ว”
“อย่ายอกย้อน” เกริกก้องบอกเสียงเข้ม
“จ้ะ”
“ไปจัดการได้แล้ว”
“งั้นก็ไปละจ้ะ”
หมอแม่นไว้ทุกคนแล้วเดินออกไป
“ตั้งแต่ไอ้เซียนมันกลับมาอยู่บ้านนี่ ฉันนอนไม่หลับเลยให้ตาย นี่ขนาดไม่กี่วันนะ...หากนานกว่านี้มีหวังฉันเส้นเลือดแตกแน่”
“จันทร์สนั่งให้สมทรงจัดการแล้วค่ะ”
“ไอ้บ้านั่นมันฉลาด...สมทรงก็เคยจัดให้แต่มันกินซะเมื่อไหร่”
“เอาเถอะค่ะ...มันต้องมีพลาดเข้าบ้างสักวัน จันทร์มั่นใจ”
สีหน้าจันทร์ทิพย์มั่นอกมั่นใจอย่างยิ่ง
ส่วนที่ชุมชน เซียนกำลังเดินกลับบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเซียนหยิบขึ้นมาดู...แปลกใจแว่บหนึ่งแล้วกดรับ
“ฮัลโหล...”
“คุณปลาใหญ่...นี่ริก้าเองค่ะ เรายังไม่เคยพบกัน แต่ริก้าเคยเห็นตัวคุณชื่ง...”
“คุณมีธุระอะไรหรือครับ” เซียนขัดขึ้น
“ธุระสำคัญมากคะ รับรองว่าไม่มีเล่ห์กลอะไรแน่ ริก้าแกค่อยากจะร่วมมือกับคุณชิ่งเอาสิ่งที่เป็นของเรากลับคืนมา...ริก้าจะคอยนะคะ”
เสียงดาริกาเงียบไป เซียนมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ดาริกานัดเจอกับเซียนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ดาริกานั่งกินก๋วยเตี๋ยวเงียบๆ ตาคอยมองไปที่ประตูทางเข้าร้านจนกระทั่งเห็นเซียนเดินเข้ามา ดาริกามีสีหน้าพอใจเมื่อเห็นเซียน
“ต้องใช่แน่ๆ หล่อด้วย”
เซียนกวาดสายตาไปรอบๆ ร้าน แล้วมาหยุดที่ดาริกา ดาริกาส่งยิ้มหวานให้ เซียนจึงเดินตรงเข้ามาหา
“คุณริก้าใช่ไหมครับ”
“ค่ะ...เชิญนั่งซิคะ”
“คุณรู้เรื่องของผมตลอดจนที่อยู่แล้วก็เบอร์โทรศัพท์ได้ยังไง...หรือว่าพี่รันบอก”
“อ๋อ...รายนั้นไม่มีวันเปิดปากหรอกค่ะ ริก้าจ้างนักสืบส่วนตัว จะทานอะไรไหมคะ ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อย”
“ไม่ครับ...พูดธุระของคุณมาดีกว่า”
“คืองี้ค่ะ”
เซียนสบตาดาริกา ตั้งใจฟังเต็มที่
โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป อย่างระทึก!!
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 16 (ต่อ)
หมอแม่นมาหากิมฮวยที่ร้านทอง แล้วลากกิมฮวยเข้ามาคุยในห้องรับแขก
“มานี่...มานี่ เจ๊ มานี่...ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง”
“เบาๆ ก็ได้ อาหมอแม่น” ทั้งคู่ทรุดตัวลงนั่ง “ไหน...เรื่องอะไร อาหมอแม่น”
“ก็เรื่องไอ้เซียน...”
“คุณเซียน...ต้องเรียกคุณเซียน อีเป็นคนมีชาติมีตระกูล มีหัวนอนปลายตีน มีทรัพย์สมบัติร่ำรวย แถมยังกำลังจะมาเป็นลูกเขยอั๊ว เพราะฉะนั้นลื้อจะต้องเรียกอีว่าคุณเซียน”
“คุณเซียนก็คุณเซียน”
“อาคุณเซียนเป็นยังไง”
“อาคุณเซียนก็กำลังนั่งคุยจู๋จี๋กับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่คุณหนูน้ำเพชรน่ะซิ”
กิมฮวยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เซียนยังนั่งคุยกับดาริกาที่ร้านก๋วยเตี๋ยว กิมฮวยบุกเข้ามาในร้านติดตามด้วยหมอแม่นที่คอยยุ เติมศักดิ์กับพิชิตที่ตามห้าม
“ไอ้เซียน”
เซียนกับดาริกาหันไปมอง
“ไหนเมื่อกี้ให้เรียกคุณเซียนไง” หมอแม่นแย้ง
“ไม่คุณไม่เคินมันแล้ว...ไอ้เซียน ลื้อทำยังงี้หมายความว่ายังไง”
“อาหม่าม้า”
“ไม่ต้องมาอาหม่าม้ง อาหม่าม่า”
“อาฮวย มีอะไรกลับไปคุยกันในบ้านดีกว่า” เติมศักดิ์บอก
“อั๊วจะคุยให้รู้เรื่องกันตรงนี้เลย”
“ขอประทานโทษค่ะ อาซิ้มคนนี้เป็นใครกันคะ” ดาริกาถามขึ้นมา
“หนอยแน่ะ...บังอาจมาเรียกอั๊วว่าอาซิ้ม”
“อาซิ้ม เอ๊ย...อาฮวยอายเขาน่อ”
“อั๊วไม่อาย ลื้ออายลื้อก็กลับไป...ไอ้เซียน”
“คุณเซียน...น...น...” หมอแม่นลากเสียงยาว
“หยุด อาหมอแม่น อั๊วจะเรียกไอ้เซียน”
“คุณริก้าครับ นี่หม่าม้ากิมฮวย แล้วนั่นอาเตี่ยเติมศักดิ์ เป็นคุณพ่อคุณแม่ของคุณน้ำเพชรครับ” เซียนแนะนำ
“อ๋อ...อ...อ อาซิ้มกับอาแปะเนี่ยหรือคะ”
กิมฮวยร้องจ๊ากด้วยความโกรธจัด
กิมฮวยลากเซียนกลับมาที่ร้านทองโดยมีเติมศักดิ์กับหมอแม่นตามมา เซียนสะดุ้งเฮือกเมื่อสายตาปะทะกับน้ำเพชรที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยสีหน้าแววตาเย็นชา
“คุณ...คุณน้ำ”
“ทุกคนกรุณาออกไปก่อนค่ะ”
“จัดหนักๆ เลยนะอาน้ำ” กิมฮวยบอกลูกสาว “ไป...อาหมอแม่น ออกไปกันได้แล้ว”
“เบาๆ หน่อยนะอาน้ำ”
เติมศักดิ์บอกก่อนจะตามกิมฮวยกับหมอแม่นออกไป ทุกคนออกไปหมดแล้วน้ำเพชรยังคงมองเซียนเขม็ง
“คุณน้ำ...ผม...”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว คุณทำให้น้ำหมดศรัทธา หมดความนับถือ”
“โธ่...ผมไม่ได้นัดแนะหรือมีอะไรกับคุณริก้งริก้าคนนั้น...เขาโทรมาขอพบ”
“ก็ไม่ต้องไปพบ”
“ก็เขาบอกว่าจะคุยเรื่อง...”
“เรื่องอะไรก็ไม่ต้องออกไปพบทั้งนั้น” มือน้ำเพชรเริ่มสั่น
“คุณน้ำ...นั่น...”
“ออกไปค่ะ น้ำไม่เคยตบเจ้านาย โดยเฉพาะคุณปลาใหญ่”
“ดีแล้วครับ”
“ดียังไง น้ำไม่อยากตบ แต่มือมันจะตบ”
“งั้นก็ตบเลย ถ้าจะทำให้คุณน้ำสบายใจ”
“ไม่...น้ำไม่ตบเจ้านาย” น้ำเพชรจับมือตัวเองดึงเต็มที่
“ไม่เป็นไรครับ...ตบเลย”
เซียนพูดไม่ทันขาดคำ น้ำเพชรก็ตบเปรี้ยงเซียนถึงกับเซผงะหน้าเป็นรูปฝ่ามือทันที
น้ำเพชรกลับเข้าห้อง กำมือทุบที่นอนด้วยความโกรธจัด ในที่สุดน้ำเพชรพยายามระงับอารมณ์แล้วตั้งสติ
“สติ...สติ...เราต้องมีสติ”
น้ำเพชรค่อยๆ ผ่อนลมหายใจยาว จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น น้ำเพชรหยิบขึ้นมาดูเบอร์
“เบอร์ใคร...ฮัลโหล...”
ดาริกานั่งอยู่ในรถ โทรศัพท์หาน้ำเพชรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ฉันเอง...น้ำเพชร...เพิ่งเห็นร่างที่วิญญาณคุณปลาใหญ่เข้าสิง...หือ...ล้อ...หล่อ ดูอบอุ่น สะอ้าดสะอ้านเป็นผู้ดี๊...ผู้ดี”
“แล้วไง”
“ฉันก็ชอบน่ะซิ แล้วท่าทางเขาก็ดูจะชอบฉันเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่คุยเพลินไม่ยอมกลับจนกระทั่งอาซิ้ม เอ๊ย...แม่ของเธอมาขัดคอหรอก”
“หม่าม้าฉันไม่มีวันทำอะไรบ้าๆ อย่างนั้นหรอก”
“อุ๊ยตาย...แก้ตัวแทนแม่ เธอลองไปถามคนที่ร้านดูซิ จะได้หายโง่เสียที”
ดาริกาหัวเราะเย้ยหยัน แล้วปิดโทรศัพท์ น้ำเพชรโกรธจนพูดไม่ออก
กิมฮวยค่อยๆ ย่องกลับเข้ามาเห็นเซียนอยู่คนเดียว
“อาน้ำล่ะ”
“ขึ้นไปข้างบนแล้วครับ คุณน้ำโกรธผมมาก”
“อั๊วก็โกรธ”
“หรือครับ”
“เพราะฉะนั้น อั๊วจะต้องเรียกสินสอดเพิ่มเพื่อดับโมโห”
“หรือครับ...”
“ใช่...เพราะฉะนั้นไปบอกอาคุณครรชิตด้วย เข้าใจมั๊ย”
กิมฮวยขึ้นมาหาน้ำเพชรที่ห้อง น้ำเพชรจึงต่อว่าแม่
“หม่าม้า หม่าม้าทำแบบนั้นได้ไง คุณปลาใหญ่...”
“ปลาใหญ่ที่ไหน”
“เอ้อ...น้ำหมายถึงนายเซียนนะค่ะ นายเซียนเขาจะดูถูกว่าเราเห็นแก่เงิน”
“ก็ถูกแล้วนี่ ถ้าไม่เห็นแก่เงินจะให้เห็นแก่อะไรล่ะ”
“น้ำไม่อยากแต่งงานแล้ว”
“ลื้อต้องแต่ง อาหม่าม้ารับปากและรับเงินเค้ามาแล้ว เราก็ต้องทำตามสัญญา...ไม่นึกเลยว่าอาคุณเซียนจะเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง...อาหม่าม้าไปอาบน้ำละนะ ถ้านังอีกามาหาคุณเซียนอีกบอกหม่าม้า อั๊วจัดการเอง”
กิมฮวยเดินออกไป น้ำเพชรมองตามด้วยหน้าตาเฉยเมย
ส่วนหมอแม่นยังไม่กลับบ้านแต่มาแอบดูลุงป่องเพื่อสืบเรื่องสมุนไพรที่ใช้รักษาปลาใหญ่กับเซียน
“ต้องใช้สมุนไพรตัวเหม็นตัวหอมแน่ๆ”
หมอแม่นบอกออกมาเบาๆ ขณะแอบดูลุงป่องรดน้ำต้นไม้ เมื่อรดน้ำต้นไม้เสร็จลุงป่องเดินอ้อมไปด้านหน้า หมอแม่นรอจนลุงป่องลับตาไปแล้ว จึงค่อยๆ ย่องออกไปที่แปลงต้นไม้แล้วดึงกระชากทิ้งจนหมด
“ขนาดไฟไหม้ ยังไม่ไหม้เลยแสดงว่าเจ๋งจริง”
หมอแม่นทำลายจนเรียบหมดแปลงแล้วจึงย่องออกไป
ลุงป่องเดินเข้ามาหาครรชิตที่นั่งอยู่ในบ้าน
“คืนนี้ร้อนจัง...เออ...แล้วเรื่องเฝ้ายามล่ะจะว่ายังไง”
“ก็คงต้องต่างคนต่างดูไปก่อน เพราะตอนนี้ยังตกลงกันไม่ได้”
“นังสือ...ไอ้หัง นั่นแหละตัวดีดี๋ยวได้ยุยงทุกบ้าน”
“แต่แสบที่สุดต้องยัยแม่น ใช้วิชาหมอดูปลุกปั่นยุยงให้ทุกคนเห็นคล้อยตาม”
“เราก็ต้องพยายามชี้แจงชาวบ้านกันไป...ว่าแต่คุณนายบ๊วยเค็มแกเรียกสินสอดเท่าไหร่ล่ะ”
“ห้าล้านบาทไม่ขาดไม่เกิน” ทันใดนั้นมีก้อนหินขว้างเข้ามาเฉียดหัวครรชิตอีก “เฮ้ย...” ครรชิตดินไปดูที่หน้าต่าง “ใครวะ...แน่จริง อย่าลอบกัดซิ” ก้อนหินอีกก้อนปาตรงมา ครรชิตหลบทันทีแต่ไม่วายโดนดังปั๊ก ครรชิตอึ้งไปครู่หนึ่ง “แสดงว่ามันไม่แน่จริง”
“ผมว่าคุณคันคงมีศัตรูในเงามืด แล้วไอ้คนๆ นี้มันต้องโกรธแค้นอาฆาตคุณคันชนิดมึงกับกูไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้”
“เฮ้ย”
“ลองคิดให้ดีซิว่า คุณคันเคยไปทำอะไรให้ใครชอกช้ำใจบ้าง”
ทันใดนั้นมีกุหลาบแดงถูกปาเข้ามาลงตรงหน้าลุงป่องพอดี
“เฮ้ย”
“ศัตรูของคุณคันชอบผม ดูซิ ขนาดปาดอกกุหลาบมาให้”
“อย่าให้จับได้นะเว้ย พ่อจะซัดให้น่วมเลย” ครรชิตตะโกนบอก
“คืนนี้ผมออกมานอนกับคุณคันดีกว่า”
“กลัวละซิ”
“เปล่า ก็บอกแล้วว่าข้างในมันร้อน”
“ฉันจะออกไปดูข้างนอกซักหน่อย”
ครรชิตเดินออกไป
ครรชิตเดินออกมาเพื่อหาตัวคนปาหิน ครรชิตเดินตรวจตราพักหนึ่งก็มีเสียงเรียก
“คุณคัน” ครรชิตหันไปมอง มอมกับป๋องขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา “เมื่อกี้คุณคันยืนอยู่กับใครอ่ะ”
ครรชิตสะดุ้ง
“เฮ้ย...พูดเป็นบ้า ฉันยืนคนเดียว”
“สองคน เป็นผู้ชายตัวท้วมๆ หน่อย” ป๋องบอก ครรชิตถึงกับหน้าเสีย
“ไอ้...ไอ้ป๋อง”
“คุณคันทำหน้ายังกับเจอผีแน่ะ”
ครรชิตทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ ป๋องกับมอมมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ครรชิตพาป๋องกับมอมเข้ามาคุยต่อในบ้าน
“เฮ้ย...คิดมาก” ลุงป่องบอก
“แล้วทำไมฉันไม่เห็น แต่ไอ้สองคนนสี่มันเห็นล่ะ” ครรชิตบอก
“แสดงว่าไม่ใครก็ใครต้องตาฝาด”
“งั้นคืนนี้แกเข้าไปนอนในห้อง”
“ก็บอกว่ามันร้อน”
“เอางี้...คืนนี้ผมกับไอ้ป๋องแล้วก็ชายสี่รับหน้าที่ตระเวณเฝ้าชุมชน พวกผมจะแวะมาแถวนี้บ่อยๆ คุณคันกับลุงป่องอุ่นใจได้”
“เก่ง” ป๋องแดกดัน
ส่วนหมอแม่นหลังจากทำลายแปลงต้นไม้ของลุงป่องแล้วเธอก็มาแวะบ้านยายปิ่น ยายปิ่นเปิดประตูรับหมอแม่น
“อ้าว หมอแม่น...เข้ามาซิ”
“ขอบใจ เอ้า...ฉันซื้อถั่วต้มมาฝาก”
“เก็บเอาไว้กินเองเถอะ นึกยังไงถึงมาหาฉันตอนนี้น่ะ”
สายพิณเดินออกมาจากห้อง
“จะมาชวนให้ขายบ้านใช่มั๊ยล่ะ”
“ไอ้พิณ...ข้าน่ะหวังดี”
“ยายกลับไปบอกไอ้นายทุนมหาทรัพย์ของยายเลยน่ะว่า ต่อให้เอาทองมากองท่วมหัวก็ไม่ขาย”
“เฮ้ย...ข้าขาย” ยายปิ่นแย้ง
“ใครที่ไหนเขาจะทำยังงั้นล่ะยาย”
“ตามใจ ข้าเตือนดีๆ แล้วนะ”
“เตือนอะไร...ทำไมจะต้องเตือน”
“นั่นซิ ทำไมจะต้องเตือน”
“ก็เพราะว่าทั้งแกทั้งไอ้พิณอาจจะมีอันตรายน่ะซิ”
“พิณไม่กลัว”
“ ไม่เอาน่า ไอ้พิณ อย่าไปท้าทายเขา”
“ก็พิณไม่กลัวจริงๆ นี่ยาย”
“ข้าไปละ...ไม่เอาแน่นะถั่วต้ม”
“ไม่”
ยายปิ่นกับสายพิณตอบออกมาพร้อมกัน
“ตามใจ”
หมอแม่นเดินออกไป ยายปิ่นหันขวับมาทางสายพิณทันที
“ไอ้พิณ อย่าซ่านัก ไม่เห็นรึว่าบ้านไอ้ป่องถูกวางเพลิง”
“แต่พวกเราก็ช่วยกันดับได้ บ้านลุงป่องก็ไม่ไหม้”
“มันจะไม่โชคดียังงั้นทุกคนน่ะซิ”
มีเสียงบีบแตรดังเข้ามา สายพิณลุกไปเปิดประตู
“จะไปไหน พี่ชายสี่”
“ลาดตระเวนหมู่บ้าน...นอนหลับให้สบายน่ะจ๊ะยายปิ่น...สายพิณ...ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น ชายสี่จะคอยปกป้องคุ้มครองเอง”
ชายสี่ขับรถออกไป ยายปิ่นกับสายพิณมองตามอย่างโล่งใจ
กระสือกับกระหังมาหาสายไหมที่บ้านเพื่อชวนให้ขายบ้าน
“คุณปลาใหญ่ขายบ้านเถอะ แล้วพาป้าไปอยู่ที่สบายๆ ไม่แออัด”
กระสือบอกกับเซียน
“เรื่องนี้ต้องสุดแล้วแต่ป้าแก ผมไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจให้”
“แล้วข้าก็ตัดสินใจแน่นอนว่าไม่ขาย ที่นี่เป็นบ้านข้า...ข้าเกิดที่นี่ก็จะขอตายที่นี่”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า...สายไหม”
“พวกแกสองคนนั่นแหละโง่”
“ป้าแกไม่อยากขายก็อย่าไป...”
เสียงปืนดังสนั่นขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนต่างตกใจนิ่งอึ้ง
“มีคนถูกยิง...มีคนถูกยิง”
เสียงชาวบ้านดังขึ้น กลุ่มเซียนมองหน้ากันแล้วรีบออกไป
ชาวบ้านนอนตาย เลือดไหลนองพื้น มีชาวบ้านมุ่งวิพากษ์วิจารณ์อยู่กลุ่มหนึ่ง เซียน สายไหม ยายปิ่น สายพิณ ชายสี่ กระสือ กระหัง วิ่งเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น” เซียนถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันกำลังยืนคุยกับมันอยู่ดีๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น แล้ว...แล้วไอ้จ่อยก็ล้มลง”
ชาวบ้านบอก เซียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“ครับ...ผมขอแจ้งความมีคนถูกยิงตายในชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดีครับ”
เสียงบีบแตรดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง มอมกับป๋องแหวกคนเข้ามา
“เฮ้ย...ไอ้จ่อยนี่หว่า”
“ต้องใช่แน่ๆ”
เซียนขบกรามแน่น ชาวบ้านยังคุยวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเสียวสยอง
เซียนกับสายพิณมาหารครรชิตที่บ้านลุงป่อง
“แบบนี้เอาจริงแน่ คุณก้องโหดเหี้ยมจริง”
“พิณชักห่วงพี่เซียนแล้วแล้วละซิ อยู่ท่ามกลางเสือสิงกระทิงแรดแบบนั้น”
สายพิณบอกแล้วเดินเลี่ยงออกไป
สายพิณเดินออกมาโทรหาปลาใหญ่ซึ่งขณะนั้นกำลังขับรถอยู่
“นี่พี่กำลังจะไปขอคุณคันกับคุณลุงป่องนอนค้างด้วยพอดี”
“จริงหรือจ๊ะ...ดีจัง พิณกำลังห่วงว่าที่บ้านมันจะไม่ปลอดภัย”
“ในชุมชนก็ไม่ปลอดภัยเหมือนกัน...พี่กำลังเลี้ยวเข้าซอยแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่บ้านลุงป่องนะ”
“จ้ะ...พี่เซียน”
สายพิณปิดโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะเดินกลับเข้าบ้าน
สายพิณเดินยิ้มกลับเข้ามาหาเซียน
“เดี๋ยวพี่เซียนจะมา”
“มาทำไม”
“เออ...ใช่ มาทำไม”
“เขาก็เป็นห่วงป้าไหม...ห่วงพิณ...ห่วงชุมชนน่ะซิ”
“ดีเหมือนกัน อยู่กันหลายๆ คนอุ่นใจดี”
“เฮ้อ...ยุ่งพิลึก ทั้งคนทั้งผี”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นัยน์ตาสายพิณเป็นประกายขึ้นมาทันที
“พี่เซียน”
ปลาใหญ่ค่อยๆ โผล่หน้าเข้ามา
“มาแล้วครับ”
“เข้ามานั่งซิคะ พี่เซียน” สายพิณขยับให้ปลาใหญ่นั่ง “พิณอยากให้พี่เซียนกลับมาอยู่ที่นี่ ยิ่งมีเรื่องร้ายๆ อย่างนี้ยิ่งไม่อยากให้ไปไหน”
“เฮ้ย...เฮ้ย...อยู่กันตั้งหลายคน เกรงใจมั่งหนูพิณ”
“งั้นไปไหว้ยายกันเถอะจ้ะพี่เซียน...เมื่อเย็น ยายยังบ่นถึงอยู่เลย”
ปลาใหญ่ลุกขึ้น
“เดี๋ยวผมมานะครับ”
“อะไรวะ...เพิ่งขยับที่ให้นั่งแป๊บๆ ชวนกันไปแล้ว”
“เรื่องของเด็กๆ คนแก่ไม่เกี่ยว”
สายพิณบอกแล้วจับแขนปลาใหญ่ดึงออกไป
ระหว่างเดินมาบ้านสายพิณ สายพิณก็พูดขึ้นมา
“พี่เซียน...ขอพิณถามอะไรหน่อยได้มั๊ย”
“เอาซิ”
สายพิณหยุดเดิน หันมามองปลาใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่เซียนรักพิณจริงหรือเปล่า...หรือว่าแค่สงสาร...”
“ทำไมถึงได้เกิดถามอย่างนั้นขึ้นมา”
“เพราะพิณรู้สึกว่าทุกอย่างมันดีเกินไป...ราบรื่นเกินไป...”
“อย่าคิดมากเลยน่ะ”
“พี่เซียนยังไม่ตอบพิณเลย”
“พี่เคยบอกพิณแล้วไม่ใช่หรือว่าพี่รักพิณ” สายพิณถอนหายใจ “อย่าคิดมากเลย...ไปถามยายซิว่าได้ฤกษ์แต่งงานหรือยัง”
“บทพี่จะรักพิณ มันก็รักง่ายเหลือเกิน”
ปลาใหญ่โอบไหล่สายพิณ
“บอกแล้วว่าอย่าคิดมาก”
ปลาใหญ่พาสายพิณเดินต่อ
เมื่อมาถึงบ้านปลาใหญ่ยกมือไหว้ยายปิ่น
“ไหว้พระเถอะ...เป็นไงบ้างล่ะ เจ้าเซียน...หน้าตาสดใสเชียวนะ”
“ขอบใจจ้ะ ยาย”
“ตั้งแต่เข้าไปอยู่ในร่างคุณปลาใหญ่นี่ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาก รู้จักพูดคำว่าขอบอกขอบใจ”
“เอ้อ...ยายได้ฤกษ์แต่งงานของเราสองคนหรือยัง”
“ได้แล้ว อ้าว...ไอ้พิณมันยังไม่ได้บอกเรอะ”
สายพิณมีอาการเขิน
“พิณรอให้ยายเป็นคนบอก”
“มันมีสองฤกษ์ อีกสองเดือนกับต้นปีหน้า”
“ผมเลือกอีกสองเดือน...แล้วพิณเตรียมตัวทันหรือเปล่า”
“ทันก็ได้” สายพิณว่า
“งั้นเป็นอันว่าตกลง...อีกสองเดือน” เซียนในร่างปลาใหญ่สรุป
โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป