มณีแดนสรวง ตอนที่ 16
ที่คฤหาสน์อสูรเวลานั้น...ยินเสียงร้องโอดครวญทรมานของอสุเรศดังลั่นออกมา ก่อนที่ตัวคฤหาสน์จะสั่นสะเทือน อัคราสูรกับจิตราสูรหัวทิ่มหัวตำล้มคะมำอยู่ในห้องโถง เพราะคฤหาสน์สั่นไหวอย่างกับโดนแผ่นดินไหว 7 ริคเตอร์ ข้าวของหล่นลงมาแตกกระจาย จิตราสูรหาที่ยึดเกาะสุดฤทธิ์
“เจ้าบอกข้าทีไอ้อสูรหัวขี้เลื่อย ที่แผ่นดินสะเทือนอยู่ตอนนี้เป็น เพราะปลาอานนท์พลิกตัวฟาดหัวฟาดหางอยู่ที่มหานทีสีทันดร”
“ข้าก็อยากคิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาตื่นของปลาอานนท์ ที่แผ่นดินสะเทือนก็คง ไม่พ้นฝีมือพวกนางอสูรกำลังบำเรอกามอยู่กับนายท่าน”
คฤหาสน์ยังสะเทือนไม่หยุด เสียงร้อง...อู้ววว์ของอสุเรศยิ่งโหยหวน สองอสูรหัวสั่นหัวคลอนก่อนทุกอย่างจะหยุด จิตราสูรโล่งใจ
“หยุด...หยุดแล้ว นายท่านคงจะยอมให้พวกนางเสพสมจนหายอยาก”
จิตราสูรพูดไม่ทันขาดคำเสียงอสุเรศที่อ่อนระโหยโรยแรงก็ดังแว่วเข้ามา
“ช่วย...ช่วยข้าด้วย”
สองสมุนหันไปเห็นอสุเรศขาสั่นพั่บๆ หน้าซีดจนเหลือง เดินเซจนตัวแทบจะตกลงมาจากบันได อัคราสูรตกใจ
“นายท่าน !”
นารีอยู่ที่คอนโดดูรายการโทรทัศน์ภาพข่าวรายงานการเปลี่ยนแปลงของอากาศบนโลก ที่มีทั้งภาพคลื่นสึนามิ ฝนตกหนัก น้ำท่วม ไฟป่า ดินโคลนถล่ม นารีบ่นงึมงำ
“หมู่นี้บนโลกเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ มีแต่ภัยพิบัติรุนแรง แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้งนั้น”
ชิโลกับอุ้มสมมองภาพในจอทีวีที่มีภาพของมนุษย์ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ สองคนมองหน้ากันแล้ว ชิโลรู้สึกหนักใจเดินไปนั่งถอนใจอย่างเป็นกังวล นารีแปลกใจ
“หนูชิโลเขาเป็นอะไรเหรออุ้มสม”
“ชิโลเป็นกังวลเพราะภัยพิบัติที่เกิดขึ้น แม้ส่วนนึงจะเกิดจากน้ำมือมนุษย์เห็นแก่ตัวทำ ลายธรรมชาติ แต่อีกส่วนนึงก็มาจากสงครามของอสูรกับเทวดาที่กำลังเกิดขึ้น”
นารีคิดๆ
“เทวาสุรสงคราม ป้าจำได้จากไตรภูมิพระร่วง”
อุ้มสมพยักหน้า
“ใช่ครับ...ครั้งนึงเหล่าอสูรก็เคยอยู่ร่วมสวรรค์กับเทวดา แต่เพราะอสูรตั้งอยู่ในความมัว เมา ลุ่มหลงแต่กิเลศตัณหา องค์อัมรินทร์เห็นว่าไม่ควรให้พวกอสูรอยู่บนดาวดึงส์อีกจึง จับพวกอสูรโยนทิ้งลงมาจากสวรรค์”
อัคราสูรกับจิตราสูรสองสมุนของอสุเรศประครองเจ้านายมานั่งพักแล้วช่วยบีบนวดเป็นการใหญ่ จิตราสูรถามอย่างห่วงๆ
“ไหวมั้ยขอรับนายท่าน”
อสุเรศโมโห
“ไอ้...ไอ้เวร ข้าต้องถูกพวกนางทั้งสามบำเรอกามทั้งวันทั้งคืน ตอนนี้แม้แต่จะยืนข้าก็ ไม่มีแรงแล้ว”
จิตราสูรจ๋อยๆ
“กระผมขอโทษขอรับ แต่นี่เป็นทางเดียวที่พวกนางจะพอใจ นายท่านต้องแข็งใจ ถ้าทำ ให้สมอยากไม่ได้ พวกนางก็คงไม่ยอมให้ท่านมีเมียเพิ่มอีก”
อัคราสูรหนักใจ
“แต่ข้าว่าแข็งใจอย่างเดียวคงช่วยไม่ได้”
ระหว่างนั้นเสียงสามนางอสูรร้องเรียกผัวขาๆๆดังลั่นมาแต่ไกล โทสะเรียกนำมาก่อนเลย
“ผัวขา อยู่ไหนเอ่ย”
โมหะเรียกตาม
“พี่อสุเรศ น้องยังไม่หนำใจ กลับมาหาน้องเร็วๆ”
ราคะหันไปต่อว่า
“นางโทสะโมหะ พวกเจ้าควรจะพอได้แล้ว คืนนี้ทั้งคืนถึงตาข้าบ้างที่จะต้องบำเรอท่านพี่”
อัคราสูรตกใจ
“ทั้งวันทั้งคืนจัดไปได้แค่สอง ยังเหลือนางราคะอีกตนหนึ่งเหรอขอรับนายท่าน”
อสุเรศพยักหน้ารับตาปรือ
“ข้า...ข้าจะไม่ไหวแล้ว”
จิตราสูรมองเจ้านายอย่างสงสาร
“เหลือใครไม่เหลือ ดันเหลือนางราคะปิดท้าย อดทนขอรับนายท่าน ถ้าอยากมีคุณนาย สี่เป็นนางฟ้า นายท่านต้องสู้พิสูจน์ให้พวกนางเห็นว่านายท่าน...พร้อม”
จิตราสูรจับอสุเรศหันหลังกลับไปทางพวกสามนางอสูรที่ตามเข้ามาในชุดนอนสุดเซ็กซี่วาบหวิวโดยเฉพาะ นางราคะที่ก้าวออกมากระดิกนิ้วเรียกอย่างยั่วยวนสุดฤทธิ์
“อยู่นี่เองท่านพี่…มามะ…มา น้องราคะเตรียมจัดหนักให้ท่านพี่แล้ว”
นางราคะหัวเราะเสียงแหลม อสุเรศถึงกับผงะกลืนน้ำลายเอื๊อก
“ชะ…ช่วย...ช่วยด้วย”
ชิโลนั่งเงียบครุ่นคิด ส่วนอุ้มสมเล่ารายละเอียดเรื่องเทวสุรสงครามให้นารีฟัง
“หลังจากพวกที่อสูรถูกเนรเทศให้ออกมาจากสวรรค์ ก็พากันมาสร้างเมืองใหม่ใต้เชิงเขา พระสุเมรุ โดยจำลองบ้านเมืองจากดาวดึงส์ทุกอย่าง บนสวรรค์มีต้นปาริกชาติ ที่พิภพ อสูรก็มีต้นปาฏลี”
ชิโลเล่าต่อ
“เมื่อดอกปาฏลีผลิบานพร้อมกับดอกปาริกชาติ เหล่าอสูรต่างพากันคิดถึงสวรรค์และ แค้นเคืองต่อองค์อัมรินทร์ จึงรวมพลยกทัพรบกับเทวดาเพราะต้องการยึดสวรรค์คืน”
อุ้มสมเสริม
“ภพภูมิของมนุษย์อยู่กึ่งกลางระหว่างสวรรค์กับอสูร เมื่อเกิดเทวาสุรสงครามจึงได้รับ ผลกระทบเป็นภัยพิบัติอย่างที่คุณป้าเห็น”
นารีหน้าตื่น
“หมายความว่าตอนนี้สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว”
อุ้มสมพยักหน้ารับ นารีถามอย่างสงสัย
“แล้วเมื่อไหร่จะจบ”
“ทุกครั้งที่ผ่านมากินเวลาไม่นานและเทวดาก็มีชัยต่อพวกอสูร แต่ครั้งนี้...”
อุ้มสมยังพูดไม่จบ ชิโลขัดขึ้นเสียก่อน
“พอเถอะอุ้มสม เราไม่อยากพูดถึงอีก”
ชิโลหน้าตามีแต่ความกังวลก่อนจะเดินออกจากห้องไป นารีสงสัย
“หนูชิโล...เกิดอะไรขึ้น หนูชิโลเป็นอะไร”
อุ้มสมถอนใจ
“ชิโลกลัวว่าถ้ายังอยู่ที่โลกมนุษย์ต่อไป ตัวเองจะเป็นต้นเหตุให้พวกอสูรรบชนะเทวดา”
นารีได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ
บนดาดฟ้าของคอนโด บรรยากาศครึ้มๆ ชิโลยืนเหม่อมองขึ้นไปท้องฟ้า เมฆดำทะมึนเห็นสายฟ้าแล่บแปล๊บๆ
“ท่านพ่อ พี่พรรณราย ชิโลรู้ว่าตอนนี้บนสวรรค์กำลังวุ่นวายเพราะสงคราม ชิโลสัญญา ถึงแม้ว่าจะเดือดร้อนมากแค่ไหน ชิโลก็จะไม่ขอร้องให้ท่านพ่อกับพี่ช่วยชิโล ชิโลจะแก้ ปัญหาให้ได้ และจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้สวรรค์อีก...”
ชิโลรู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหล ระหว่างนั้นสการตามขึ้นมา
“ชิโล ขึ้นมาตะโกนโหวกเหวกอะไรข้างบนนี้”
ชิโลชะงัก
“ผู้กอง”
“อารมณ์ไหนอีกเนี่ย หรือว่าเห็นฝนกำลังจะตกเลยอยากขึ้นมาเล่นเป็นนางเอกมิวสิควีดิโอ”
ชิโลชักฉุน
“ผู้กอง หยุดกระแหนะกระแหนฉันสักทีได้มั้ย ฉันจะขึ้นมาทำอะไรบนนี้มันก็ไม่ใช่ เรื่องของคุณ”
“นี่...ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องเธอบ่อยๆหรอก แต่ฉันเห็นเธอเดินขึ้นมาบนนี้ทั้งๆที่ฝน กำลังจะตก ไม่อยากเห็นเธอขึ้นหน้าหนึ่งเพราะโดนฟ้าผ่าตาย เลยตามมาดูไม่ได้ ตามมาให้ด่า”
“คนดีอย่างฉันไม่โดนฟ้าผ่าตายหรอก แต่ถ้าเป็น...” ชิโลมองสการ “คนบางคนล่ะก็...ไม่แน่”
ชิโลเชอะใส่แล้วเดินกลับไปที่ประตูทางออกดาดฟ้า แต่ประตูเปิดจากข้างนอกไม่ได้ สการเดินบ่นตามมา
“ฉันไม่ใช่คนโกหกเก่งอย่างเธอ และก็ไม่เคยสาบานอะไรพร่ำเพรื่อ เพราะฉะนั้นไม่มีทาง โดนฟ้าผ่าตายแน่ คอยดูนะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจเธออีก สาบาน”
สการพูดไม่ทันขาดคำเสียงฟ้าผ่าดัง...เปรี้ยง!ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย!”
สการมองฟ้าแล้วถึงกับงงรีบเอามือปิดปากตัวเอง ชิโลพยายามเปิดประตูไม่ได้เลยหันมาเหวี่ยงใส่
“เปิดประตูให้ฉันนะผู้กอง”
“ประตูไม่มีกุญแจล็อคอยากเปิดก็เปิดเอง”
“อย่ามากวนฉันนะ ประตูมันเปิดไม่ออก”
ชิโลพยายามจะเปิดประตู แต่ประตูเปิดไม่ออกจริงๆ สการเดินไปเปิดบ้างแต่เปิดไม่ออกก่อนจะนึกขึ้นได้
“เวรแล้วไง ประตูเปิดได้แต่จากข้างใน”
นารีถึงกับตบอกตกใจ เมื่ออุ้มสมเล่าเรื่องแผนการของอสุเรศให้ฟัง
“หมายความว่า ถ้าอสุเรศจับชิโลไปขังไว้ที่พิภพอสูรได้ สวรรค์ก็อาจจะต้องแพ้พวกอสูร”
อุ้มสมพยักหน้ารับ
“แม้แต่โลกมนุษย์เองก็คงหนีไม่พ้นถูกพวกอสูรคุกคามด้วย”
“แต่ตอนนี้ชิโลมีแก้ววิเศษปกป้องอยู่ พวกมันก็ทำอะไรชิโลไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
“แก้ววิเศษไม่ใช่ว่าจะทำลายไม่ได้ครับคุณป้า อสุเรศมันรู้ดี มันคงไม่อยู่เฉย ต้องคิดหา ทางทำลายแน่”
นารีเป็นกังวลห่วงชิโล ระหว่างนั้นเสียงแหลมๆของมัดหมี่แทรกเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณแม่ขา”
“มัดหมี่”
“มัดหมี่ต้องขอโทษด้วยค่ะที่เสียมารยาทเข้ามา พอดีมัดหมี่เคาะประตูเรียกชิโลที่ห้อง แล้วไม่มีใครอยู่ก็เลยมาถามหาชิโลว่าอยู่ที่นี่รึเปล่า”
อุ้มสมสงสัย
“คุณมีธุระอะไรกับชิโล”
“คืออย่างนี้ค่ะคุณพี่ชายขา มัดหมี่รู้เรื่องที่ผู้กองกับคุณชิโลถูกไล่ยิง มัดหมี่ก็เลยอดเป็น ห่วงไม่ได้ ถ้าไม่ได้มาเยี่ยมคงนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ไม่สบายใจ”
นารีจ้องหน้า
“แต่ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นห่วงชิโลจริงๆ เพราะฉันยังจำได้ว่าเธอพยายามจะจับชิโล ส่งโรงพยาบาลบ้า”
มัดหมี่ชะงักที่ถูกนารีแขวะเข้าเต็มๆ แอบหน้าตึงขมุบขมิบปากบ่น
“ความจำดีเหลือเกินนะคุณแม่...ชิ”
แล้วมัดหมีก็หันมาฉีกยิ้มแหลสุดฤทธิ์
ชิโลพยายามจะเปิดประตูทั้งเขย่าทั้งทุบ...ปังๆๆๆ
“ช่วยด้วยค่ะ มีคนติดอยู่ข้างบนนี้ มีใครได้ยินมั้ย ช่วยด้วย”
“อยู่ข้างบนนี้ ตะโกนไปใครจะได้ยินเธอ”
“ผู้กอง...ถ้าไม่คิดจะช่วยกันก็อย่าขวาง” ชิโลหันไปตะโกนต่อ “อุ้มสม ได้ยินฉันมั้ย มาเปิด ประตูช่วยฉันที...อุ้มสม”
“จะต้องเรียกให้คนอื่นมาช่วยทำไม ในเมื่อเธอทั้งเก่ง ทั้งแน่ เจอทั้งมือปืนทั้งมาเฟียไล่ ตามยังเอาตัวรอดได้ ประตูแค่นั้นคงกั้นเธอไม่ได้หรอก”
ชิโลหัวเสียที่โดนสการแขวะไม่เลิก เลยผละจากประตูแล้วตรงเข้ามาที่เขา
“ฉันเบื่อที่จะต่อปากต่อคำกับคุณแล้ว ผู้ชายอะไรดีแต่แขวะผู้หญิง เอามานี่เลย”
ชิโลพยายามล้วงค้นตัวทำเอาสการตกใจจั๊กจี๊
“นี่เธอทำอะไร อยู่ๆมาล้วง มาควัก มาจับอะไรฉัน มันจั๊กจี๋”
“ฉันไม่ได้ทะลึ่งตึงตังกับคุณ ฉันจะเอามือถือ”
สการจับมือหญิงสาวที่กำลังล้วงกระเป๋ากางเกงค้างไว้
“ถ้ามือถือฉันใช้ได้ ฉันใช้โทรเรียกคนมา เปิดประตูให้ไปแล้ว”
“ฉันไม่เชื่อ เอามานี่นะ อยู่ไหน”
“ตามสบายอยากล้วงก็ล้วง ล้วงตามใจเลย”
สการปล่อยมือแล้วให้ล้วงควานหามือถือในกระเป๋ากางเกง หญิงสาวล้วงแล้วขยับหน้าเข้าใกล้หน้าชายหนุ่ม ทั้งสองจ้องหน้ากัน ชิโลรู้สึกตัวเขินขยับออกห่างระหว่างนั้นฝนเริ่มตกลงมา
“ฝนตกลงมาแล้ว หาที่หลบฝนแล้วรอให้คนขึ้นมาดีกว่า”
“ไม่...ฉันไม่อยากอยู่กับคุณตามลำพัง”
ชิโลเบือนหน้า สการไม่สนใจรีบเข้าไปดึงมือลากไปหลบฝนที่ชายคาแทงค์น้ำ
“มือถือฉันแบตหมดใช้โทรเรียกใครมาช่วยไม่ได้หรอก เธอกับฉันต้องรออยู่บนนี้”
ชิโลแกะมือสการแล้วเชิดหน้าทำเป็นไม่ฟัง
“จะว่าไปฉันมาติดอยู่บนนี้กับเธอตามลำพังก็ดี เพราะฉันมีธุระสำคัญอยากจะคุยกับเธอ อยู่เหมือนกัน เขยิบไปหน่อยสิ ขอฉันหลบฝนด้วย”
ชิโลทำเป็นไม่ได้ยิน
“บอกให้เขยิบ ไปหน่อย”
ชิโลยังทำไม่สนใจไม่ได้ยิน สการเลยผลักไหล่แรงๆจนหญิงสาวเซแล้วชายหนุ่มก็เข้าไปยืนเบียดหลบฝนด้วยกัน ชิโลหงุดหงิดโมโหขมุบขมิบด่า
“ไม่มีมารยาท ลามก ทำร้ายผู้หญิง...บาป”
สการหันขวับจ้องหน้า ชิโลรีบปิดปากหันหน้าหนีทำเป็นไม่ได้พูด สการมองๆแล้วนิ่งคิด ถึงสิ่งที่เขาได้รัยคำสั่งจากผู้การดำเกิง
หลายวันที่ผ่านมา ทุกคนประชุมอยู่ในสำนักงานตำรวจ...ทั้งสการกับดรัณ เสียงดังฟังชัดพร้อมกันปฏิเสธผู้การดำเกิงทันทีที่ชิโลถูกเสนอให้เป็นสายสืบ
“แต่ผมไม่เห็นด้วยครับท่าน”
ผู้การดำเกิงมองสองคน
“ประสานเสียงพร้อมกันเลยนะพวกคุณ ทำไมถึงไม่เห็นด้วยกับผม”
ดรัณกับสการหันมามองหน้ากันไม่มีใครยอมพูด ตรีชฎาเลยเป็นคนอธิบาย
“ดิฉันทราบค่ะท่าน คือผู้กองดรัณปิ๊งคุณชิโลอยู่ แต่คุณชิโลหันไปคบกับผู้กองสการ ก็เลยกลายเป็นรักสามเส้า ดิฉันแอบได้ยินพวกเขาเถียงกันเรื่องคุณชิโลบ่อยๆค่ะ”
สการกับดรัณโพล่งออกมาพร้อมกัน
“คุณตรีชฎา”
ตรีชฎาสะดุ้งโหยงรีบขยับไปใกล้ผู้การดำเกิง สการรีบปฏิเสธ
“ที่คุณตรีชฎาพูดมาไม่ใช่ความจริงครับท่าน”
ดรัณหน้าเหวอ
“อ้าวเฮ้ย! ตกลงแกไม่ได้คบกับคุณชิโล”
สการรีบหันมา
“คบอยู่เว้ย”
“แต่แกเพิ่งตอบผู้การว่าเปล่า ตกลงจะเอายังไงกับคุณชิโลวะ ไอ้โลเล”
ผู้การดำเกิงตัดบท
“เอาล่ะๆ พวกคุณไม่ต้องเถียงกัน ภารกิจจัดการกับนายทองทิวเป็นเรื่องสำคัญที่ต้อง ปิดคดีให้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นเก็บเรื่องส่วนตัวไว้ก่อน”
ดรัณกับสการพากันเงียบ ผู้การดำเกิงหันไปพูดกับสการ
“ผมเข้าใจคุณนะผู้กองสการ คุณยังเสียใจที่เสียดาบดารุณีไป แต่ผมจำเป็นต้องใช้คนนอก เพื่อป้องกันไม่ให้นายทองทิวรู้ความเคลื่อนไหวของตำรวจ”
สการพยายามแย้ง
“ท่านครับ...แต่ชิโลยังมีเบื้องหลังที่เป็นปริศนาอีกหลายที่ผมยังสืบไม่หมด เธออาจจะ เกี่ยวข้องกับพวกมาเฟียอยู่ถึงได้โดนตามล่า เพราะฉะนั้นเสี่ยงเกินไปถ้าจะใช้เธอครับ”
“แต่ถ้าเขาทำให้ตำรวจฝีมือดีอย่างคุณหัวปั่นได้ขนาดนั้น เขาก็เหมาะสมกับงานนี้ที่สุด หน้าที่คุณคือไปเกลี้ยกล่อมให้เขาร่วมมือกับเรา แลกกับอิสรภาพและความปลอดภัยที่ เราจะให้เขาได้”
ผู้การดำเกิงยืนยันคำสั่ง สการหนักใจ
ทั้งสองยังอยู่บนดาดฟ้าฝนตกลงมาไม่ขาดสาย สการมองชิโลที่เริ่มหนาวสั่น เขารู้สึกสงสารและไม่อยากดึงเธอมาเสี่ยงชีวิตกับภารกิจเสี่ยงตาย
“นี่...ถ้าหนาวก็มายืนใกล้ๆฉันสิ”
“อยู่ใกล้คุณเนี่ยนะ ฉันออกไปตากฝนให้ปอดบวมยังปลอดภัยกว่าอีก”
สการฉุนรีบดึงร่างของเธอมากอดไว้แน่น ชิโลตกใจ
“ผู้กอง...ปล่อยฉันนะ ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะไม่ล่วงเกินฉัน”
“ฉันไม่ได้คิดอยากจะทำอะไรเธอ แต่ถ้าเธอไม่สบายคนที่จะเดือดร้อนดูแลเธอคือแม่ฉัน”
ชิโลดิ้น
“ปล่อยนะ ฉันไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหรอก”
“แต่แม่ฉันรักเธอมาก ห่วงเธอทุกอย่างถ้าเกิดวันนึงเธอเป็นอะไรขึ้นมา แม่ฉันต้องเสียใจ และฉันเองก็คง...”
สการพูดไปแล้วชะงักไม่พูดต่อ ชิโลมองเขาด้วยความสงสัย
“ผู้กอง”
“อยู่ใกล้ๆฉันแบบนี้แหละ เธอจะได้รู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง ในเมื่อฉันสัญญาว่าจะให้เกียรติ เธอ...ฉันก็จะไม่ผิดคำสัญญา”
สการกอดชิโลแน่นทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความเป็นห่วงที่เขาต้องการปกป้องเธอ ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
มัดหมี่พยายามทำตัวให้น่าสงสารสุดฤทธิ์
“คุณแม่ขา มัดหมี่ต้องกราบขอโทษด้วยจริงๆ คุณพี่ชายด้วยนะคะ”
มัดหมี่ทำน้ำตาคลอ กราบที่อกนารีแล้วรี่ไปซบหน้าแปะกราบที่อกอุ้มสมทำเอาอุ้มสมเกือบเคลิ้ม
“เมื่อก่อนมัดหมี่ยอมรับว่าถูกความหึงหวงครอบงำ ทำให้หน้ามืดตามัวทำเรื่องที่ไม่น่า ให้อภัยลงไป แต่ตอนนี้มัดหมี่หันไปศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง”
นารีอึ้ง
“ศึกษาธรรมะ”
“ค่ะคุณแม่...พอมัดหมี่ได้ลึกซึ้งถึงรสของพระธรรมมัดหมี่ก็จี๊ดถึงใจเลยค่ะคุณแม่ขา”
นารีงงๆ
“จี๊ดถึงใจอะไรของเธอ”
“ก็คำสอนที่ว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจไงคะ เวลาที่มัดหมี่มีแต่ความเกลียดชัง มัดหมี่รู้สึกร้อนรุ่ม แต่พอได้อโหสิใจก็ร่มเย็นเหมือนน้ำเย็นๆมาเลี้ยงหัวใจ”
อุ้มสมกับนารีมองมัดหมี่พร้อมกัน ยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่นัก
“ผมรู้สึกเหมือนมีลิเกหลงโรงมาเล่นให้ดูยังไงก็ไม่รู้ครับคุณป้า”
นารีมองหน้ามัดหมี่
“แม่ขอเตือนนะมัดหมี่ การโกหกเป็นการผิดศีล ตายไปมีสิทธิ์เป็นเปรตเลยนะ”
“ค่ะมัดหมี่ทราบ มัดหมี่ไม่ได้โกหกจริงๆ สาบานก็ได้ว่า มัดหมี่เป็นห่วงชิโลค่ะ”
มัดหมี่ทำหน้าตาน่าเชื่อถือสุดฤทธิ์ แต่ข้างหลังแอบไขว้นิ้วชี้โกหกหน้าตาย
ชิโลยังอยู่ในอ้อมกอดของสการในขณะที่สายฝนเริ่มซาจนหยุดตก หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นและใจเต้นตึกตัก หลับตาพริ้มซบหน้าที่แผ่นอกของชายหนุ่มเคลิ้มมีความสุขอยู่นานก่อนจะนึกขึ้นได้ด้วยคำพูดของตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้
‘ผู้กองสการเป็นน้องชายของเรา...ความรักที่เรามีให้เขาก็เหมือนกับที่เรารักคุณนารี รักที่เขาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา’
ชิโลลืมตาโพลง แล้วรีบผลักสการออก
“ฝนหยุดแล้ว ฉันหายหนาวแล้วด้วย ไม่ต้องมาอยู่ใกล้ฉันอีก”
ชิโลดันตัวสการออกไปให้ห่างๆส่วนตัวเองก็ถอยไปยืนซะไกล
“เธอเป็นอะไร ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงได้กลัวเวลาฉันเข้าใกล้เธอนัก”
“ฉันเป็นผู้หญิงคุณเป็นผู้ชาย การอยู่ใกล้กันมากมันก็ไม่สมควรอยู่แล้ว”
สการมองสงสัยเพราะเห็นชิโลไม่กล้าสบตา
“พูดแบบนี้แสดงว่าเธอกลัวใจตัวเองใช่มั้ย”
ชิโลสะดุ้งเฮือก...
“ฉันเป็นตำรวจนะ เคยอบรมการจับสังเกตพฤติกรรมมา ท่าทางเธอแบบนั้นบอกให้รู้ว่า...”
สการยังพูดไม่ทันขาดคำ ชิโลก็ปรี่เข้าไปตบปากเขาทันที...เพี๊ยะ สการสะดุ้งโหยงตกใจ
“นี่เธอตบปากฉันทำไม”
“ก็ตบปากสั่งสอนให้หยุดพูดไร้สาระน่ะสิ”
“ไร้สาระตรงไหน...ฉันพูดตามหลักวิชาการ”
“ยังจะพูดอีก อยากโดนฉันสั่งสอนอีกใช่มั้ย”
ชิโลเงื้อมือเอาจริง สการรีบปิดปากตัวเอง
“พูดธุระของคุณมาได้แล้ว”
“โอเคๆ ก็ได้ ฉันได้รับมอบหมายจากท่านผู้การ ให้มาเจรจากับเธอ ถ้าเธอสนใจร่วม งานกับตำรวจ เธอจะเป็นอิสระ ไม่ต้องโดนฉันไล่จับอีก”
ชิโลชะงักมองหน้าสการด้วยความสงสัย
ดรัณเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านอย่างหนักอกหนักใจ
“ไอ้แซม...ป่านนี้ทำไมมันยังไม่ติดต่อกลับมาอีกวะ แล้วคุณชิโลจะรับงานเสี่ยงๆแบบนี้รึ เปล่าวะ โอ๊ย...เครียดเว้ย เอาไงดีเนี่ย”
ดรัณหันมาคิดๆๆๆแล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ชิโลมองสการอย่างสงสัย
“คุณอยากให้ฉันเป็นสายสืบ เข้าไปสืบหาหลักฐานจับนายทองทิว”
“ท่านผู้การเห็นความสามารถของเธอ เลยสนใจอยากให้เธอทำงานให้แลกกับอิสรภาพ และสัญญาว่าจะช่วยปกป้องเธอจากพวกมาเฟียที่ไล่ล่าเธออยู่”
“พวกคุณเข้าใจฉันผิดกันไปใหญ่แล้ว ฉันไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร และฉันก็ไม่ ได้โดนมาเฟียที่ไหนตามล่า”
“เธอยังยืนยันว่าเธอเป็นนางฟ้า ถูกไล่ลงมาจากสวรรค์ มีพวกยักษ์พวกมารคอยตามล่า โอเคเลย...ฉันเชื่อเธอแล้ว ฉันจะไปรายงานผู้การว่าเธอไม่มีคุณสมบัติพอ”
ชิโลงง
“เดี๋ยว !ทำไมตอนนี้คุณถึงเชื่อฉันง่ายนัก ทั้งๆที่ฉันพูดเรื่องนี้กับคุณมาไม่รู้กี่ร้อยกี่ พันครั้ง แต่คุณก็ไม่เคยเชื่อ”
สการนิ่งไป
“บอกฉันมานะผู้กอง คุณไม่ได้เชื่อเรื่องที่ฉันพูดจริงๆ ยังไงคุณก็คิดว่าฉันแต่งเรื่องโกหก”
สการสวน
“ใช่...ฉันไม่เคยเชื่อหรอกว่าเธอเป็นนางฟ้าตกลงมาจากสวรรค์ เพราะฉะนั้นฉันจะ ไม่ยอมให้ผู้การส่งคนบ้าไปทำภารกิจสำคัญ ส่งไปก็ตายเปล่าๆ”
สการพูดจบปุ๊บมือถือในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงดัง ชิโลอึ้งไปทันที
“เสียงโทรศัพท์”
สการชะงักรีบล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาเห็นเป็นชื่อดรัณ
“ไอ้เวรเอ้ย โทรมาทำไมตอนนี้วะ”
สการรีบปิดสาย ชิโลหน้าตึงโกรธมาก
“คุณโกหกฉัน ไหนบอกว่าโทรศัพท์ใช้โทรตามอุ้มสมขึ้นมาช่วยไม่ได้ไง”
สการหน้าเสีย
“เอ่อ…คือ…”
ชิโลปึงปังปั้นปึ่งเข้ามาในห้อง สการตามมาพยายามอธิบาย
“ชิโล !ฟังฉันก่อน...ชิโล”
ชิโลไม่ฟังงอนเข้าห้องนอนปิดประตูดัง...ปัง
“ชิโล...ชิโล”
อุ้มสมหันมาบอก
“ผู้กองครับ ผมว่ากลับห้องไปเถอะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หาอะไรอุ่นๆดื่ม หวัดจะ ได้ไม่ถามหา”
“แต่ฉันยังคุยธุระกับชิโลไม่เสร็จ”
“อารมณ์แบบนี้ผมว่า เขาไม่อยากคุยกับผู้กองแล้ว เชิญครับ”
สการนิ่งไปคงต้องทำอย่างที่อุ้มสมว่า
วันใหม่...มัดหมี่จิกหน้าวีนสุดฤทธิ์ ขณะที่อยู่ต่อหน้าสิริสุดา กับเอิงเอย
“นังชิโลบ้า พวกเธอรู้มั้ยนอกจากมันจะเล่นของ ทำคุณไสยให้ผู้กองหลงแล้ว มันยังมี มารยาทำเป็นเล่นตัวปั่นหัวให้ผู้กอง หายใจเข้าก็เป็นมัน หายใจออกก็เป็นมันอีก โอ๊ย...นึกถึงหน้ามันแล้ว...จี๊ดขึ้นเลย”
สิริสุดาตัดบท
“พอได้แล้ว ฉันไม่ได้อยากฟังเธอมานั่งจี๊ดขึ้นสมอง ฉันอยากรู้แค่ว่าเธอหาโอกาสเข้า ใกล้นังชิโลได้รึยัง”
“ยัง”
สิริสุดาลุกพรวด
“มัดหมี่...เพราะเธอมัวแต่ไปจี๊ดๆๆอยู่นั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่เราถึงจะจัด การกับสร้อยของมันได้”
“ฉันไม่ได้มาเป็นลูกน้องเธอนะ ที่ฉันร่วมมือกับเธอเพราะเรามีศัตรูคนเดียวกัน”
เอิงเอยขัดขึ้น
“แต่ยัยสิยังหาโอกาสเข้าไปตีสนิทกับนังชิโลไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็มีแต่เธอ”
มัดหมี่ยิ้มหยัน
“หาโอกาสไม่ได้ หรือว่าความหยิ่งทระนงของเธอมันยังค้ำคออยู่”
สิริสุดาหันขวับมองมัดหมี่ทันที
“ถ้าเธอยังเอาแต่เริ่ดๆเชิ่ดๆจิกหัวใช้แต่คนอื่นอยู่แบบนี้ ระวังเถอะนังชิโลจะปั่นหัวผู้กอง ดรัณให้หลงมันจนหัวปักหัวปำ จนลืมว่ามีผู้หญิงชื่อสิริสุดาอยู่บนโลกนี้”
สิริสุดาปรี๊ดขึ้น ระหว่างนั้นคนใช้เข้ามา
“คุณหนูสิคะ คุณผู้ชายให้มาตาม ได้เวลาต้องไปแล้วค่ะ”
“ฉันรู้แล้ว” สิริสุดาหันมาที่มัดหมี่ “วันนี้ฉันยุ่งมากต้องตามคุณป๋าไปต้อนรับท่านชีคอาเหม็ด เพื่อนของคุณป๋าที่สนามบิน ระหว่างนี้พวกเธอก็สุมหัวกันไปก่อนว่าจะเล่นงานนังชิโล ยังไง หวังว่าฉันกลับมาแล้วคงมีอะไรคืบหน้า”
สิริสุดาเชิดหน้าเดินออกไป มัดหมี่ถึงกับอึ้ง
“นี่ฉันไม่ใช่ลูกจ้างเธอนะ”
เอิงเอยปรามๆ
“เอาน่ามัดหมี่ เธอก็รู้ว่าอีกไม่นานคุณป๋ายัยสิจะบิ๊กเบิ้มขนาดไหน ถ้าทำให้ยัยสิพอใจได้ เผลอๆ เธออาจจะได้สถานีเคเบิ้ลสักช่องไว้บริหารเองก็ได้นะ”
มัดหมี่ชะงักไปหันมาสนใจ
อุ้มสมตาโตมองกระป๋องเมล็ดทานตะวันอบสมุนไพรในมือสการ
“เมล็ดทานตะวันอบสมุนไพร ของโปรดของนายใช่มั้ยอุ้มสม”
“ชะ...ใช่...แต่...แต่ว่าเบื่อแล้ว ไม่ชอบกินของซ้ำๆ”
“งั้นลองรสใหม่มั้ย เมล็ดทานตะวันรสต้มยำพริกเผา”
อุ้มสมตาลุก
“รสต้มยำ!”
อุ้มสมรีบคว้ากระป๋องแกะเปิดฝาออกทันที สการได้โอกาสจะเข้าไปหาชิโลในห้องแต่อุ้มสมรีบเอามาคืนสการ
“คืนครับผู้กอง ช่วงนี้ผมกินเผ็ดไม่ได้ ร้อนในปากเป็นแผล”
สการดันให้
“เอาเก็บไว้กินเมื่อไหร่ก็ได้”
อุ้มสมดันคืน
“ไม่ครับ ขอบคุณมาก ผู้กองควรจะไปทำงานได้แล้ว ยังไงชิโลก็ไม่ออกมาพบ ผู้กอง เพราะเมื่อคืนชิโลตากฝนจนเป็นหวัด ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้”
สการถอนใจ
“ก็ได้...ฝากบอกชิโลแล้วกันว่าเรื่องเมื่อคืนฉันขอโทษ”
สการดึงกระป๋องเมล็ดทานตะวันออกจากมืออุ้มสม แต่โดนอุ้มสมจับไว้แน่น สการมองหน้าเขม็ง อุ้มสมเลยต้องปล่อยมือมองสการที่ถือกระป๋องเมล็ดทานตะวันไปอย่างเสียดาย
“รสต้มยำพริกเผาด้วย...เสียดายจัง”
อุ้มสมไปเคาะประตูเรียก
“ชิโล...ผู้กองไปแล้ว...ชิโล”
ชิโลเปิดประตูออกมา อุ้มสมผงะตกใจ เพราะหน้าชิโลโทรมมากแถมยังมีทิชชู่ม้วนเป็นแท่งอุดรูจมูกสองข้าง
“โธ่เอ้ย...ชิโล นี่เจ้าทำอะไร เล่นเอาเราตกใจหมด”
“ก็เราเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอมีเสมหะ จะให้หน้าเราสวยเด้งปากแดงได้ไง”
ชิโลพูดไปก็ทำท่าจะจาม...ฮัด...ฮัด...อุ้มสมรีบเอามือปากชิโล
“หยุดนะ...ห้ามจามใส่เราเด็ดขาด”
ชิโลอู้อี้ถาม
“ทำไม”
“ก็ถ้าเราติดหวัดจากเจ้า เราจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับเจ้าอีก พวกมนุษย์จะต้องตามล่าฆ่า เราแล้วจับเราฝังกลบ”
“ทำไม”
“ก็พวกมนุษย์กลัวไข้หวัดนกกันน่ะสิ ระบาดขึ้นมาที ทั้งเป็ด ทั้งไก่ ทั้งนก ถูกฆ่าตายเป็น เบือ เรายังไม่อยากตายแบบนั้น”
ชิโลพยักหน้ารับหงึกๆ
“เรา…เราเข้าใจแล้ว”
อุ้มสมลดมือลง ชิโลกลั้นฮัดชิ้วได้ แล้วยกมือทำนิ้วโอเค
“ทีนี้เจ้าก็ต้องเล่าให้เราฟังมาได้แล้วว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น”
ชิโลมองอุ้มสมแล้วครุ่นคิดหนักใจ
บ้านเรือนไทยหรูหราตกแต่งอย่างดีในบรรยากาศสวนร่มรื่น...บนเรือนไทยทองทิวกับสิริสุดาพาชีคอาเหม็ดเข้ามาชมสถานที่ที่จัดไว้สำหรับรับรอง ชีคอาเหม็ดมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อน้ำมันจากตะวันออกกลาง แต่งตัวสูทอย่างดีภูมิฐาน ดูจะชอบเรือนไทยมาก สิริสุดาหันไปถามพ่อ
“โรงแรมห้าดาวหกดาวใจกลางเมืองก็มี ทำไมไม่พาเพื่อนป๋าไปพักที่นั่นคะ มาพักทำไม นอกเมืองกลางสวนริมคลองแบบนี้”
“ท่านชีคชอบความเป็นไทย ทั้งอาหารไทย บ้านทรงไทย และวิถีชีวิตของไทย”
“โดยเฉพาะผู้หญิงไทย ผมชอบมากที่สุดครับ”
ชีคอาเหม็ดเข้ามาเสริมและมองสิริสุดาด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยแสดงความเจ้าชู้ ทองทิวต้องกระแอมดักคอ
“ท่านต้องการอะไรก็บอกได้เลยนะครับ คนของผมพร้อมจะบริการอย่างดีที่สุด”
“คุณก็รู้ว่าผมมาที่นี่ต้องการอะไรมากที่สุด”
ทองทิวรับคำแล้วหันไปพยักหน้ากับสาโรจน์อย่างมีลับลมคมนัย สิริสุดาเห็นแล้วรู้สึกสงสัย
มณีแดนสรวง ตอนที่ 16 (ต่อ)
ทองทิวกับสิริสุดาเดินมาตามทางหน้าบ้านทรงไทย เพื่อกลับไปที่รถ โดยมีสาโรจน์เดินตามมาไม่ห่าง
“สิริสุดาป๋าคะ…สิเพิ่งรู้นะคะว่าป๋าทำธุรกิจร่วมกับท่านชีคเจ้าของบ่อน้ำมัน”
“ป๋ากับท่านชีคทำธุรกิจร่วมกันมานานหลายปีแล้ว ปีนี้ท่านต้องการมาพักผ่อนเป็นการ ส่วนตัว ป๋าก็เลยช่วยจัดการให้”
“แต่สิรู้สึกว่าที่ป๋าบอกจะจัดให้เขา ดูจะไม่ใช่บริการแบบทั่วไป”
ทองทิวชะงักหยุดเดินเพราะสีหน้าของลูกสาวสงสัยจริงจัง
“สิอ่านผู้ชายออกนะคะป๋า ถ้าเขาอยากจะได้ผู้หญิงมากนักก็ให้เขาไปหาเอาเอง สิไม่อยากให้ป๋าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสกปรกแบบนี้”
ทองทิวชะงัก
“สิ...มันก็เป็นธรรมดาของผู้ชาย ยิ่งทำธุรกิจด้วยแล้วป๋าเลี่ยงไม่ได้”
“ผู้ชายก็ชอบอ้างแบบนี้ เป็นธรรมชาติของผู้ชาย แต่ดูถูกผู้หญิงเหมือนของซื้อของขาย ป๋ามีลูกสาวนะ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ เวลาที่เห็นคนพวกนั้นไล่ปล้ำผู้หญิงรุ่นราว คราวเดียวกับสิ”
ทองทิวตัดบท
“เอาล่ะๆๆ ป๋าสัญญาว่าป๋าจะไม่ยุ่ง จะคุยแค่ธุรกิจอย่างเดียว โอเคมั้ย”
“ป๋าสัญญากับสิแล้วนะ”
ทองทิวพยักหน้ารับ สิริสุดาพอใจเดินต่อไปที่รถ สาโรจน์รู้สึกเป็นห่วงเลยทักนาย
“น่าเป็นห่วงนะครับ ถ้าเกิดคุณหนูสิรู้ว่านาย...”
ทองทิวไม่พอใจหันขวับมาจ้องหน้าเอาเรื่อง
“หุบปากแกไปซะ”
“ขอโทษครับนาย” สาโรจน์ไม่กล้าพูดอะไรอีก
อุ้มสมคิ้วขมวดหน้าตาจริงจังยืนยันเสียงแข็งกับชิโล
“เจ้าต้องบอกผู้กองไปว่าเจ้าปฏิเสธไม่รับงานเสี่ยงอันตรายแบบนั้น”
ชิโลนั่งหน้าเครียด
“เจ้านั่งนิ่งแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้าจะยอมช่วยเหลือผู้กอง”
“อุ้มสมเรา...เรารู้สึกว่า...”
“หยุดเลย เจ้ากำลังจะบอกว่าสงสารผู้กอง เลยจะเอาชีวิตเจ้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยให้เขา ทำงานสำเร็จ”
“พอได้แล้วอุ้มสม เลิกห้ามเราซะที เราทนไม่ไหวแล้ว”
ชิโลรีบคว้าทิชชู่มาสั่งน้ำมูกดัง...พรืด! อุ้มสมสะดุ้งโหยงตกใจ
“โธ่เอ้ย...น้ำมูกไหลนี่เอง...อี๋”
“โอ้ย...ค่อยยังชั่ว เกิดเป็นมนุษย์ก็เหมือนมีกรรม ต้องเจอทั้งโรคภัยไข้เจ็บ เจอทั้งการเอา รัดเอาเปรียบ นางฟ้าอย่างเราถ้าปล่อยให้มีแต่คนชั่วเดินกันเกลื่อน แล้วไม่แยแสช่วย เหลือคนดี แล้วต่อไปจะมีใครอยากทำดีล่ะอุ้มสม”
อุ้มสมอึ้ง
“ชิโล...นี่เจ้าหมายความว่า...”
ชิโลมองหน้าอุ้มสมจริงจัง
ในสำนักงานตำรวจ ดำเกิง สการ ดรัณ ตรีชฎา ดูภาพถ่ายของทองทิวกับชีคอาเหม็ดที่ถูกตำรวจแอบถ่ายไว้ สการกับดรัณดูภาพพวกนี้อย่างสงสัย ดำเกิงอธิบาย
“คนที่พวกคุณเห็นในรูปกับนายทองทิว คือชีคอาเหม็ดเจ้าของบ่อน้ำมันมหาเศรษฐีจาก ตะวันออกกลาง ตามข้อมูลที่เราสืบมาท่านชีคคนนี้เป็นลูกค้าคนสำคัญของทองทิว ผู้หญิงหน้าตาดีๆที่พวกมันเรียกว่า สินค้าเกรดพรี่เมี่ยมจะถูกส่งไปให้ท่านชีค ส่วนระดับ รองๆก็จะถูกส่งกระจายไปให้พวกเศรษฐีบ้าง เข้าไปในบ่อนบ้าง”
ตรีชฎาอธิบายต่อ
“ล่าสุดรายงานที่เราได้มา พบผู้หญิงไทยที่ถูกขายต่อเข้าบ่อนโดนฆ่าปิดปากเพราะ พยายามหนีออกมา นี่เป็นรายละเอียดค่ะ”
ตรีชฎาเอาแฟ้มรายละเอียดให้สการกับดรัณดู สองคนพลิกอ่านแล้วหน้าเครียด ดรัณครุ่นคิด
“ระดับมหาเศรษฐีบ่อน้ำมันเดินทางมาพบกับนายทองทิวถึงที่นี่ ผมว่าต้องมีเบื้องหลัง”
ผู้การดำเกิงพยักหน้า
“ใช่...คุณคิดถูกแล้วผู้กอง เพราะการที่นายทองทิวคิดจะลงเล่นการเมือง เลยทำให้ต้อง ใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก การหานายทุนมาช่วยแบ่งเบาภาระจึงเป็นเรื่องที่นายทองทิว ต้องรีบจัดการ”
สการคิดหนัก
“ขืนปล่อยให้มันขึ้นไปมีอำนาจ บ้านเมืองเราก็จะกลายเป็นเค้กที่ถูกแบ่งให้นายทุน”
ผู้การดำเกิงถอนใจ
“ผมถึงรอช้าอีกไม่ได้แล้ว ต้องรีบส่งสายสืบเข้าไปจัดการกับพวกมัน” ผู้การดำเกิงหันไปที่สการ “ผู้กองคำตอบที่ผมรออยู่ตกลงว่ายังไง”
สการชะงักนิ่งไปหน้าเครียด ผู้การดำเกิงถามย้ำ
“ว่ายังไงล่ะผู้กอง”
สการยังนั่งเครียดไม่รู้จะตอบยังไง ดรัณยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ
“ฉันรู้ว่าแกห่วงคุณชิโล ถึงเธอจะเก่งเอาตัวรอดได้ แต่ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นเหมือนดาบดารุณี บอกผู้การไปเถอะว่าเธอปฏิเสธ แล้วค่อยไปหาคนอื่นแทน”
สการกับดรัณมองหน้ากัน แต่สการไม่ทันตอบ โทรศัพท์ที่โต๊ะผู้การดำเกิงก็ดังขึ้น ตรีชฎาเข้าไปช่วยรับสายให้
“ตอนนี้ผู้การไม่ว่างกำลังประชุมอยู่...อะไรนะ มีผู้หญิงชื่อชิโลมาขอพบผู้การ”
สการกับดรัณได้ยินชื่อชิโลจากปากตรีชฎาก็อึ้งไป
สการเดินไปเดินมาหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ที่หน้าห้องผู้การดำเกิง ดรัณไม่ค่อยพอใจต่อว่าเพื่อน
“ไอ้กล้วยทอด...นี่แกไปพูดยังไงของแกเนี่ย คุณชิโลถึงบุกมารับปากทำงานถึงที่นี่”
“ฉันบอกชิโลไปแล้วว่าเธอไม่เหมาะทำงานแบบนี้”
“งั้นก็แสดงว่าเธอไม่เคยคิดจะเชื่อคำพูดของแก ฉันน่าจะเป็นคนไปพูดกับเธอ ไม่น่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่แกเลย”
ดรัณบ่นไปได้ครู่ ผู้การดำเกิงก็พาชิโลออกมาจากห้องพร้อมกับตรีชฎา
“ทางเราต้องขอขอบคุณมากที่คุณยอมให้ความร่วมมือ เดี๋ยวผู้กองสการกับคุณตรีชฎา จะพาคุณไปรับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการนี้ ส่วนผู้กองดรัณผมมีเรื่อง ต้องคุยกับคุณเพิ่ม”
ดรัณรับคำ
“ครับผู้การ”
ผู้การดำเกิงกลับเข้าไปในห้อง ดรัณจำเป็นต้องตามผู้การเข้าไป สการหันมามองชิโลด้วยสายตาไม่พอใจ ตรีชฎาเชื้อเชิญ
“ทางนี้เลยค่ะคุณชิโล”
“เดี๋ยว...ผมมีเรื่องต้องคุยกับเธอตามลำพัง”
สการจับข้อมือชิโลแล้วรีบลากไปด้วยกันทันที ตรีชฎาอึ้ง
“ผู้กอง!”
สการพาชิโลเข้ามาที่โต๊ะทำงาน จัดการปิดประตูห้องเสียงดัง ปัง
“ฉันต้องพาเธอไปโรงพยาบาลบ้าใช่มั้ยชิโล ฉันถึงจะหยุดไม่ให้เธอทำตัวเสียสติแบบนี้”
“หยุดว่าฉันเป็นคนบ้าซะทีได้มั้ยผู้กอง”
“ถ้าเธอสติดี เธอจะมาหาเรื่องตายทำไม ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็บ้าเหมือนฉันนั่นแหละ คุณถึงมาเป็นตำรวจ ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือ คนที่คุณไม่รู้จัก”
สการชะงัก
“ถึงคุณจะเป็นคนขวานผ่าซาก หน้ายักษ์ มือไว ปากเสียไปบ้าง แต่คุณก็เป็นคนดี คิดถึงความสุขของคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ หน้าที่ของฉันคือไม่ละทิ้งคนดี”
สการสงสัย
“หน้าที่ของเธอ...หน้าที่นางฟ้านั่นน่ะเหรอ ฉันว่าฉันจับเธอไปส่งโรงพยาบาลบ้า ตอนนี้เลยดีกว่า”
สการจะจับพาออกไปแต่ชิโลแกะมือ
“คุณห้ามฉันไม่ได้แล้วผู้กอง ฉันไม่ได้ทำเพื่อคุณอย่างเดียว ฉันทำเพื่อผู้หญิงอีกหลาย ร้อยชีวิตที่ต้องถูกข่มเหง และที่สำคัญคุณป้าจะเสียคุณไปอีกคนไม่ได้”
“เสียฉันไปอีกคน...เธอหมายความยังไง”
ชิโลไม่ยอมตอบ ตรีชฎามาเคาะประตูเรียก
“ผู้กองคะ...เสร็จธุระรึยัง ดิฉันต้องบรรยายสรุปแผนปฏิบัติการให้คุณชิโลทราบนะคะ”
ชิโลมองหน้าสการแล้วเดินไปเปิดประตูให้ตรีชฎา
“ฉันเสร็จธุระกับผู้กองแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ”
ชิโลตามตรีชฎาไป สการได้แต่มองตามอย่างขัดใจ
ที่คฤหาสน์อสูร...จิตราสูรเดินไปเดินมาอยู่ที่โถงบันไดด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย อัคราสูรตามเข้ามา
“พวกนางอสูรยังไม่ยอมปล่อยนายท่านอีกเหรอวะไอ้อึ่งอ่าง”
จิตราสูรกังวล
“ยังเลย…ข้าว่าป่านนี้นายท่านคงต้องบอบช้ำน่าเวทนาแน่ ว่าแต่เอ็งหายหัวไปไหนมา”
“ข้าก็ไปเอาน้ำอัมมฤตมาน่ะสิวะ จะได้ช่วยเรียกกำลังวังชาคืนให้นายท่าน”
อัคราสูรชูขวดน้ำอัมมฤตให้ดู ระหว่างนั้นสามนางอสูรเยื้องย่างลงมาจากบันได สภาพของนางทั้งสามต่างอิ่มเอม ยิ้มหัวเราะต่อกระซิกจัดเสื้อ ผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทาง จิตราสูรมองๆก่อนจะถาม
“ท่าทางสบายอก สบายใจ สบายตัวกันแบบนี้ คงจะเสร็จสมอารมณ์หมายกันเรียบร้อย แล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
ราคะใช้หางตามอง
“ไอ้อสูรหางแถว แกไม่ต้องมาทำกะลิ้มกะเหลี่ยกับพวกข้า”
“โถๆๆ นางราคะจ๊ะ มีอสูรตนไหนที่เห็นนางแล้วจะไม่อยาก...”
จิตราสูรมองร่องอกราคะตาไม่กระพริบ ราคะรีบเข้าไปเขกกะบาลดัง…โป๊ก
“อยากลองโดนข้าควักลูกตาเจ้าออกมามั้ยไอ้อสูรอึ่งอ่าง”
จิตราสูรชะงัก
“ไม่จ้ะ…ไม่อยากเป็นอสูรตาบอด”
อัคราสูรเข้าไปถาม
“แล้วนายท่านล่ะ”
โทสะยิ้มแย้มตอบ
“พวกเราปล่อยให้พี่อสุเรศนอนพักผ่อนเอาแรง อีกสักพักก็คงจะเรียกหาพวกเจ้า”
อัคราสูรแปลกใจ
“แล้วพวกนางจะไปไหนกัน”
โมหะยิ้ม
“พี่อสุเรศทำให้พวกเราพอใจแล้ว หน้าที่ของเมียที่ดีก็ต้องทำให้ผัวพอใจเป็นการ ตอบแทน”
โมหะพูดเสร็จก็เดินเริ่ดๆเชิดออกไป โทสะเชิดหน้าตามไป ส่วนราคะเชิดอกเด้งดึ้งๆตามเป็นคน สุดท้าย จิตราสูรมองตามราคะไปอย่างตาละห้อย
“ถ้าได้แบบนี้มั่ง วิมานฉิมพลีข้าก็ไม่สน”
อัคราสูรตบหัวผั๊วะ
“ไม่ต้องตาละห้อย รีบเอาน้ำอัมมฤตไปเรียกกำลังคืนให้นายท่านเถอะ”
บรรยากาศในผับยามค่ำคืน เสียงเพลงดังกระหึ่ม วัยรุ่นหนุ่มสาวแดนซ์กระจาย สการจับแขนพาชิโลเข้ามา หญิงสาวถามอย่างสงสัย
“นี่คุณพาฉันมาที่อโคจรแบบนี้ทำไมผู้กอง”
“ที่อโคจร”
“ก็ใช่น่ะสิ ที่นี่มีแต่อบายมุข มองไปทางไหนก็มีแต่คนที่ลุ่มหลงในกิเลศ ดูแล้วไม่ต่าง จากนรกภูมิ”
ชิโลมองไปที่พวกสาวๆเต้นโชว์ยั่ว พวกผู้ชายก็นัวเนียเมาเหล้ากันสุดเหวี่ยง แถมแสงสียังสาดแดงเถือก
“หึ...ใช่สินางฟ้าอย่างเธอมาจากสวรรค์ที่ทุกอย่างมันดีไปหมด ไม่มีอบายมุข ไม่มีกิเลศ เธอถึงมองทุกอย่างง่ายไปหมด แค่เสกนิดเดียวทุกอย่างก็เป็นอย่างใจนึก”
ชิโลสงสัย
“นี่คุณประชดฉันอยู่ใช่มั้ย”
“อยากเรียกว่าประชดก็ได้ แต่สาระสำคัญไม่ใช่แค่นั้น ที่ฉันพาเธอมาที่นี่เพราะจะให้เธอ ได้รู้ว่า โลกจริงๆที่ไม่ใช่สวรรค์ของเธอมันเป็นยังไง”
สการพูดเสร็จก็ผลักไหล่ชิโลจนกระเด็นเข้าไปเบียดอยู่ท่ามกลางวงนักเที่ยวที่กำลังแดนซ์กันกระจายอย่างลืมตาย ชิโลตกใจเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงสีและผู้คนที่กำลังเมามายไร้สติ หญิงสาวพยายามจะออกจากกลางวงแต่ก็ถูกเบียด เอาไว้ทำให้ออกไม่ได้
“ผู้กอง...พาฉันออกไปนะ ฉันไม่ชอบที่แบบนี้”
สการไม่สนใจเดินออกจากบริเวณนั้นไป
“ผู้กองมาพาฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ...ผู้กอง”
ชิโลร้องเสียงดังแต่เสียงเพลงกลบเสียงเธอหมด ระหว่างนั้นมีผู้ชายวัยรุ่นท่าทางหื่นๆเข้ามาล้อมเธอแล้วมอง กะลิ้มกะเหลี่ย ชิโลตกใจ
สการเดินออกมาสมทบกับดรัณที่ยืนรออยู่ข้างนอก ดรัณถามอย่างเป็นห่วงชิโล
“นี่แกจะเอาอย่างนี้จริงๆเหรอ มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ”
“แกก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่างานข้างหน้ามันเสี่ยงมากแค่ไหน ถ้าแค่นี้ชิโลยังผ่านไปไม่ได้ ก็เท่า กับว่าฉันสนับสนุนส่งให้ชิโลไปตาย”
ดรัณมองหน้าสการแล้วนิ่งไป รู้สึกเป็นกังวลและเป็นห่วงชิโลมาก
ชิโลอยู่ท่ามกลางวงล้อมของหนุ่มหน้าหื่นที่กลางฟลอร์ พวกมันเต้นกับชิโลและแตะอั๋งมั่วไปหมด
“อย่านะ...อย่ามาถูกตัวฉัน”
ชิโลพยายามผลักและหนี แต่พวกมันก็ล้อมหน้าล้อมหลังตอแยไม่เลิก แถมหนึ่งในนั้นยังล่วงเกินจับก้นเธออีก ชิโลสะดุ้งโหยง
“อย่ามายุ่งกับเรานะ”
ชิโลออกแรงผลักเต็มแรงหนึ่งในกลุ่มพวกมันกระเด็นไปชนคนอื่นๆ ทำเอาทุกคนที่กำลังเต้นอยู่ถึงกับหยุดชะงัก วัยรุ่นคนหนึ่งหัวเราะ
“เล่นตัวแบบนี้ ชอบว่ะ…เฮ้ย จัดการ”
พรรคพวกของพวกมันเข้ามาจับแขนชิโลแล้วฉุดพาออกไป ชิโลพยายามร้องโวยวาย แต่ไม่มีใครสนใจใคร
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย!”
อีกมุมหนึ่ง สามนางอสูรที่แต่งตัวอินเทรนด์และกลมกลืนกับผู้คนเข้ามาในผับ ราคะกวาดตามองอย่างตื่นเต้น
“เยอะจริงๆ มีแต่พวกที่หลงมัวเมาในกิเลศเต็มไปหมด ราคะช้อบชอบ”
ราคะพูดไปก็หันไปโปรยยิ้มยั่วยวนให้กับหนุ่มๆที่มองเธอกันแทบน้ำลายหก
“ดูพวกมันสิ แค่ฉันกระดิกนิ้วนิดเดียว พวกมันก็จะกลายเป็นเหยื่อให้พวกเราเคี้ยวเล่นกรุ๊บๆแล้ว”
ราคะจะเดินไปหาพวกผู้ชายแต่โดนโทสะห้ามไว้
“นังราคะ หล่อนไม่ควรมาเสียเวลากับพวกมนุษย์”
“นิดเดียวเองน่านังโทสะ ฉันไม่ได้ลิ้มรสชาติของเนื้อมนุษย์มานานแล้ว”
โมหะรีบบอกเมื่อมองเห็นชิโล
“พวกหล่อนอย่ามัวแต่ทะเลาะกัน โน่น…รัศมิชโลธรกำลังจะออกไปแล้ว”
พวกสามนางอสูรหันไปเห็นชิโลถูกฉุดกระชากพาตัวออกไปทางประตูหลัง โทสะรีบปล่อยมือจากราคะ
“หล่อนอยากยั่วพวกมนุษย์ชั้นต่ำก็ตามใจ แต่ฉันจะไปจัดการ กับนังนางสวรรค์นั่น”
โมหะรีบขัด
“เดี๋ยวนังโทสะ เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพานังนั่นไปให้พี่อสุเรศ”
“ลำพังมีพวกหล่อนมาแย่งพี่อสุเรศก็เบื่อจะแย่แล้ว เรื่องอะไรจะยอมให้มีเมียสี่เมียห้า ตามมาอีก ถ้านางตายไป พี่อสุเรศก็แค่เสียใจไม่นานหรอก”
โทสะหันมาหน้าตาดุดันก่อนจะรีบตามชิโลออกไป โมหะกับราคะหันมามองหน้ากันอย่างเห็นด้วย
ชิโลถูกฉุดกระชากพาตัวออกมาทางหลังร้าน หญิงสาวพยามยามร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย”
สการกับดรัณที่หลบอยู่บริเวณนั้นเดินออกมามองชิโลที่ถูกพาตัวออกไปโดยไม่แสดงอาการว่าจะเข้าไปช่วยเลย ชายคนนึงในกลุ่มเดินเข้ามาที่สการกับดรัณ
“จะให้พวกผมลงมือหนักเบาแค่ไหนครับผู้กอง”
“ฉันต้องการให้เธอกลัว”
ดรัณมองชิโลอย่างสงสาร
“เดี๋ยวไอ้แซม…ยกเลิกเถอะวะ สงสารคุณชิโล ไม่เห็นเหรอคุณชิโลตกใจมาก”
สการนิ่งไป ชายคนนั้นถาม
“เอาไงครับผู้กอง”
สการตัดสินใจ
“ถ้าเธอเอาตัวรอดจากเรื่องแค่นี้ไปไม่ได้ ฉันจะได้มีข้ออ้างกับผู้การว่าเธอไม่พร้อม”
สการพยักหน้าให้ไปจัดการกับชิโล ดรัณหัวเสียกระชากคอเสื้อสการมาตะคอก
“ฉันโคตรเหม็นขี้หน้าแกเลยว่ะ หัวใจแกมันยังใช่คนอีกรึเปล่า หรือว่าเป็นใจยักษ์ ใจมารว่ะไอ้กล้วยทอด”
สการไม่ตอบโต้เพื่อนปล่อยให้ดรัณกระชากคอเสื้อด่าไป
ชิโลถูกฉุดกระชากลากเข้ามาบริเวณที่เปลี่ยว มีแต่กองลังกระดาษและขวดเปล่า
“ปล่อยนะ…บอกให้ปล่อย…ช่วยด้วย…ช่วยด้วย”
ชิโลพยายามสะบัดแต่พวกมันออกแรงผลัก จนชิโลกระเด็นไปที่กองลังกระดาษ
“เล่นตัวนักนะ แถวนี้ไม่มีใครได้ยินหรอก แทนที่จะแหกปากหาคนช่วย เก็บเสียงไว้ร้อง สนุกกับพวกเราดีกว่า”
ชิโลอึ้ง
“อย่านะ ถ้าพวกเจ้าทำบาป พวกเจ้าจะต้องตกนรก ไม่รู้จักกลัวกันบ้างเหรอไง”
“นรก”
พวกชายฉกรรจ์ทั้งหมดมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง...
“สมัยนี้ไม่มีใครเชื่อเรื่องนรกกันแล้ว แต่ถ้าเรื่องพากันขึ้นสวรรค์ล่ะก็...”
พวกมันทั้งหมดมองชิโลอย่างหื่นกระหาย ชิโลหน้าเสีย
“ชิโล...ชิโลแย่แล้ว ท่านพ่อ พี่พรรณราย...ช่วยด้วย”
ชิโลหันรีหันขวางถอยหนีระหว่างที่พวกมันรุกเข้ามาใกล้
“ไม่ได้ เราสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากใครอีก”
ชิโลถอยหนีจนมือไปคว้าขวดเบียร์ที่อยู่ใกล้ พวกมันคนหนึ่งปรี่เข้ามา หญิงสาวไม่ทันได้คิด ตอบโต้กลับไปอย่าง รวดเร็ว...เพล้ง ! เธอฟาดหัวมันจนขวดเบียร์แตกกระจาย แต่เธอก็ตกใจไม่น้อย
“เจ็บมั้ย ฉัน...ฉันขอโทษ ฉันต้องป้องกันตัว”
คนโดนตีหัวอาบไปด้วยเลือดร้องซี้ดเจ็บ พวกมันมองชิโลอย่างเจ็บใจ ชายตะโกนสั่งลูกน้อง
“นังนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ จัดการ”
พวกมันกรูกันเข้ามาจะเล่นงาน ชิโลรีบหันไปคว้าขวดเบียร์ปาใส่ไม่ยั้ง พวกมันหลบเป็นพัลวัน บางคนก็พลาด เหยียบขวดเบียร์ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า ชิโลได้โอกาสเหยียบมันซ้ำที่ยอดอกแล้ววิ่งหนีไปทันที
ดรัณเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น ดูเวลาแล้วยิ่งกระวนกระวายกระสับกระส่าย
“นี่มันนานเกินไปแล้วนะเว้ย ท่าทางพวกมันกำลังเมาด้วย เกิดมันทำเกินเหตุล่ะ”
สการหน้าเครียดแต่ยังมั่นใจ
“ชิโลต้องเอาตัวรอดได้”
“โธ่เว้ยไอ้แซม คุณชิโลไม่ใช่ซูเปอร์วูเม่นนะเว้ย พวกมันตั้งกี่คน อย่างแกอย่างฉันให้ ลุยพวกมันยังไม่ง่ายเลยนะเว้ย”
สการนิ่งเหมือนใจแข็งแต่แอบห่วง ดรัณทนไม่ไหว
“ไม่เอาแล้วเว้ย…ฉันทนนั่งดูคุณชิโลโดนทำร้ายไม่ได้”
ดรัณจะตามไปช่วย สการเข้าไปกระชากคอเสื้อ
“ฉันก็ไม่ได้อยากเห็นชิโลต้องเจ็บตัว แต่ถ้าทำอย่างนี้แล้วช่วยจะให้เธอไม่ต้องถูกพวก ไอ้ทองทิวฆ่า ฉันยอม”
ดรัณจ้องหน้าแล้วแกะมือสการ
“แต่คนอย่างฉัน ใจไม่แข็งเหมือนแก”
ดรัณผลักสการแล้วรีบตามไปช่วยชิโล สการยืนหนักใจรู้สึกโกรธตัวเองเหมือนกันที่ตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้
ชิโลวิ่งหนีเอาตัวรอดมาในลานจอดรถ หญิงสาวกลัวว่าจะถูกตามเลยเข้าไปหลบที่ข้างรถคันหนึ่งหายใจหอบถี่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวได้ยินเสียงเท้าเข้าใกล้ ชิโลคิดว่าตัวเองเสร็จแน่หลับตาปี๋ ราคะโพล่ออกมา
“จ๊ะเอ๋ …กลัวจนสั่นเป็นลูกนกเลยเหรอจ๊ะ”
ชิโลผงะตกใจ
“เธอ!...นางอสูรราคะ”
“อุ๊ยต๊ายตาย...ไม่เจอกันตั้งร้อยปี เห็นหน้าฉันปุ๊บก็จำฉันได้ปั๊บ ดีใจจังเลย”
ราคะหัวเราะเสียงแหลมน่ากลัว ชิโลหน้าเสียรีบลุกหนี แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอโทสะมาขวางทางไว้อีก
“ได้ยินว่าเธอกำลังอยากได้ความช่วยเหลือ มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย”
ชิโลอึ้ง
“นางอสูรโทสะ”
ชิโลหน้าซีดเผือดรีบถอยหนี แต่ก็เจอ โมหะมาขวางทางเอาไว้อีก
“น่าสงสารจังเลย ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่นางฟ้าแล้ว ถ้าขอร้องกันดีๆ พวกเราก็พร้อมจะช่วย เธอนะ...รัศมิชโลธร”
ชิโลหน้าตื่น
“นางอสูรโมหะ นี่พวกเธอ...พวกเธอมาอยู่ที่ภพมนุษย์ได้ยังไง”
โทสะยิ้มหยัน
“เราก็มาตามผัวน่ะสิ เรื่องอะไรจะยอมให้นางฟ้าอย่างเธอมาเป็นเมียคนที่สี่ของพี่อสุเรศ”
ชิโลเถียง
“ฉันไม่เคยคิดยุ่งกับสามีคนอื่น”
“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก อย่างเธอไม่เห็นจะมีอะไรสู้พวกฉันได้สักอย่าง” ราคะเชิดอกเด้ง “ถ้าเธอไม่ร่ายมนต์ใส่ พี่อสุเรศก็คงไม่หลงเธอจนไม่ยอมกลับพิภพอสูรหรอก”
โมหะมองเหยียด
“เชอะ ทำตัวเป็นนางฟ้าแสนดี อยู่ในศีลในอยู่ธรรม แต่ที่จริงก็มือสากปากถือศีล”
โทสะด่า
“ร่านชอบแย่งผัวคนอื่นแบบนี้ วันนี้ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
สามนางอสูรเดินเข้าหาชิโลพร้อมกันอย่างเอาเรื่อง ชิโลตกใจรีบถอยแล้ววิ่งหนีทันที โทสะยิ้มเหี้ยม
“คิดว่าจะหนีพวกเราพ้นเหรอ...รัศมิชโลธร”
สามนางอสูรแสยะยิ้มร้ายกาจน่ากลัว
ชิโลวิ่งหนีนางอสูรเข้ามาแล้วเจอกับกลุ่มพวกชายฉกรรจ์ ชิโลตะโกนบอก
“หนีไป...รีบหนีไปเดี๋ยวนี่ อย่าอยู่ใกล้ฉัน พวกอสูรจะฆ่าทุกคน”
พวกชายฉกรรจ์ชะงัก ก่อนจะพากันหัวเราะชอบใจ
“คนสวยจ๊ะ ถ้าคิดแกล้งบ้าแล้วหวังว่าพวกพี่จะปล่อยไปล่ะก็ เสียใจด้วยนะ พวกพี่ บ้ากว่าเยอะ ฮ่าๆๆๆๆ
พวกมันเข้าหาชิโล แต่ทันใดนั้นบรรยากาศอึมครึม แสงไฟในลานจอดก็กระพริบติดๆดับๆ ไฟหน้ารถที่จอดเรียง รายติดขึ้นมาเอง เสียงสัญญาณกันขโมยรถก็ดังลั่นสนั่นหวั่นไหว พวกชายฉกรรจ์พากันแปลกใจ ชิโลหวาดๆ
“ฉันบอกแล้วไง พวกอสูรมันจะฆ่าพวกคุณ รีบหนีไป...ไปสิ”
พวกชายฉกรรจ์ยังไม่ยอมเชื่อยังเดินเข้าหาชิโล แต่ทันใดนั้นหนึ่งในกลุ่มก็ถูกกระชากตัวด้วยพลังที่มองไม่เห็น กระเด็นไปกระแทกกับรถที่จอดอยู่อย่างแรง...โครม ชิโลตกใจ
“ไม่นะ...พวกเธอจะทำร้ายมนุษย์ไม่ได้”
เสียงหัวเราะแหลมน่ากลัวของสามนางอสูร ดังก้องไปทั่วลานจอดรถ พวกชายฉกรรจ์ตกใจถอยมาจุกตัวรวมกัน ชิโลตะโกนห้าม
“ฉันบอกให้หยุด อย่าทำร้ายมนุษย์”
พวกชายฉกรรจ์ตกใจร้องเสียงหลง...
“อ๊าก”
ชิโลตกใจเบือนหน้าหลบแล้วค่อยๆหันมาดู พบว่าพวกกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดต่างนอนหมดสติกองรวมกัน โมหะเดินมามอง
“ไม่ต้องห่วงหรอกรัศมิชโลธร พวกเราชอบกินเนื้อมนุษย์ตอนที่ยังเป็นๆ มันหวาน กว่าตอนตายเยอะ”
ชิโลตื่นกลัว
“ปล่อยพวกเขาไปนะ…พวกเธอเป็นอสูร อยู่ในภพภูมิที่สูงกว่าพวกสัตว์นรก แต่ถ้า ยังก่อกรรมทำบาป พวกเธอจะต้องไปอยู่ในนรกภูมิ”
โทสะเบ้หน้า
“เชอะ…ทำมาเป็นปากดีสอนเรื่องบาปกรรม เธอนั่นแหละที่ยังติดอยู่ในกิเลศตัณหา ร่านอยากได้อสูรเป็นผัวไม่พอ ยังคิดจะเหมาเอามนุษย์มาทำผัวอีก”
ราคะมองหยัน
“แล้วก็อย่าคิดว่ามนุษย์มันจะดีกว่าพวกเราเลยรัศมิชโลธร ฉันจะบอกให้เอาบุญ มนุษย์ที่เธอไว้ใจนั่นแหละที่สั่งให้พวกมันมาทำร้ายเธอ”
ชิโลชะงักอึ้งไป พวกสามนางอสูรหัวเราะชอบใจ โมหะยิ้มเหี้ยม
“จัดการเธอแล้ว พวกเราจะกินพวกมันเป็นของหวานตบท้าย”
พวกสามนางอสูรแสยะยิ้มร้ายแล้วเดินเข้าหาชิโลพร้อมๆกัน ชิโลเริ่มโกรธ
“เราไม่ได้อยากทำร้ายใครให้เป็นบาปติดตัวแม้แต่อสูร แต่ในเมื่อทำให้เราโกรธ เราก็ จำเป็นต้องทำ”
ชิโลกำแก้ววิเศษที่ห้อยคออยู่ แสงจากแก้ววิเศษเปล่งประกายสว่างไปทั่วบริเวณ พวกสามนางอสูรถึงกับผงะ แสบตาเพราะแสงพุ่งเข้าหา ราคะร้องลั่น
“ร้อน…ร้อนเหลือเกิน”
ชิโลกำแก้ววิเศษเดินเข้าหาพวกนางอสูร ยิ่งเข้าใกล้พวกนางก็ยิ่งรู้สึกร้อนเหมือนถูกเปลวไฟพุ่งเข้าใส่ โมหะถอยหนี
“ร้อนเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว พี่อสุเรศช่วยด้วย”
สามนางอสูรร้องโหยหวนก่อนจะพากันถอยหนีแล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ชิโลค่อยๆคลายมือจากแก้ววิเศษ แสงสว่างค่อยๆหายไป เหลือทิ้งไว้แต่พวกชายฉกรรจ์ที่ยังนอนหมดสติไม่รู้ตัว ชิโลถอนใจเฮือกใหญ่ที่ปลอดภัย ก่อนจะได้ยินเสียงสการกับดรัณตามเข้ามา
“คุณชิโล”
สการตามเข้ามาแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสภาพของพวกชายฉกรรจ์ที่จ้างมาโดนเล่นงานจนหมดสภาพ
“คุณชิโล…ทั้งหมดนี่ฝีมือคุณเหรอครับ”
ชิโลไม่ตอบกลับเดินตรงไปที่สการแล้วมองเขาด้วยสายตาที่ผิดหวังเป็นอย่างมากจนน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเลวได้ถึงขนาดนี้”
ชิโลตบหน้าสการ…เพี๊ยะ สการหน้าหันอึ้งไป ชิโลน้ำตาไหลอาบแก้มก่อนจะวิ่งออกไปคนเดียว ดรัณอึ้ง
“คุณชิโล...เป็นไงล่ะ...ฉันเตือนแกแล้วนะเว้ย”
ดรัณต่อว่าสการซ้ำเข้าไปอีกก่อนจะรีบตามชิโลไป ทิ้งให้สการยืนซึมคนเดียว
อสุเรศชักสีหน้าไม่พอใจใส่สามนางอสูรที่พากันกลับมาหน้าดำเป็นเขม่า หัวฟูกระเซิง
“ข้าเตือนพวกเจ้าแล้วไงว่าอย่าประมาทแก้ววิเศษของนาง”
ราคะค้อน
“แทนที่พี่จะปลอบใจน้อง แต่กลับมาว่าน้องแบบนี้ น้องงอนนะ”
จิตราสูรแส่เข้ามา
“โอ๋…นางราคะ มามะ...มาให้ข้าปลอบใจเจ้าแล้วกัน แต่ช้าแต่นะจ๊ะ ไม่บุบไม่บี้ไม่แบน ยังเท่าเดิมอยู่แบบนี้ ไม่เป็นไรนะจ๊ะ”
จิตราสูรทำกรุ้มกริ่มเนียนๆโอบลูบหัวลูบแขน ก่อนจะโดนราคะถีบกระเด็นตกเก้าอี้ดังโครม
“ถึงฉันจะเล่นงานนังนั่นไม่ได้ แต่ฉันเล่นงานแกได้ ไอ้อึ่งอ่าง”
ราคะโกรธจนตาแดงก่ำ เขี้ยวงอกจะเอาเรื่อง จิตราสูรตกใจกลัวจนต้องรีบคลานไปกอดขาอสุเรศ
“พอได้แล้ว…” อสุเรสสะบัดจิตราสูรแล้วเดินเข้าไปหาสามเมีย “ข้าปรนเปรอพวกเจ้าจนอิ่ม หนำแล้ว ถ้าพวกเจ้ายังทำให้ข้าพอใจบ้างไม่ได้ ข้าก็จะไม่อยู่ให้เห็นหน้าอีก สู้ไปมี เมีย เป็นพวกกินรี นางมักกะลีผลสนุกไปวันๆยังดีกว่า”
อสุเรศจะเดินออกไป พวกสามนางอสูรรีบเข้าไปกอดแขนกอดเอวรั้งไว้ โทสะออดอ้อน
“อย่านะพี่อสุเรศ พวกเราไม่ยอมให้พี่ไปยุ่งกับนังหน้าไหนอีกทั้งนั้น”
โมหะรีบพูดเอาใจ
“เราสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง จะหาทางจัดการนังรัศมิชโลธรให้ได้”
“จัดการ...”
อสุเรศสงสัย โทสะรีบแก้
“เอ่อ…เราหมายถึงพามันมาให้พี่ทำเมียไว้เยาะเย้ยพวกเทวดาไงจ๊ะ”
“พวกเจ้าสัญญากับข้าแล้วนะ งานนี้ข้าไม่ได้อยากได้นางมาเป็นเมียอย่างเดียว แต่ข้า เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของพิภพอสูร” อสุเรศบอกย้ำ
ชิโลนั่งเศร้าซึมอยู่ที่บริเวณสระว่ายน้ำของคอนโด ดรัณเข้ามาหา
“คุณชิโลครับ”
ชิโลลุกขึ้นจะเดินหนี ดรัณรีบเข้าไปจับแขนรั้งไว้
“เรื่องที่ผมกับไอ้แซมทำเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แต่ขอเวลาให้ผมอธิบายจะได้มั้ยครับ”
“ฉันไม่ได้โกรธคุณหรอกค่ะผู้กอง”
ดรัณยิ้ม
“จริงนะครับคุณชิโล”
“ค่ะ…ฉันเข้าใจว่าคุณเป็นห่วงไม่ต้องการให้ฉันเข้าไปทำภารกิจเสี่ยงตาย แต่สิ่งที่ฉัน ตัดสินใจไปแล้ว ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
“แต่ว่าขนาดดาบดารุณียังถูกพวกมันฆ่าตาย”
“คุณเห็นแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าฉันรอดมาได้ทุกสถานการณ์ แต่ถ้ายังอยากช่วยฉันจริงๆ คุณควรจะกลับไปคืนดีกับคุณสิริสุดา ถ้าคุณทำได้นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันดีใจที่สุด”
ดรัณนิ่งไปครู่
“ผมคงทำอย่างที่คุณต้องการไม่ได้หรอกครับคุณชิโล”
“ทำไมคะผู้กอง...”
“เพราะแผนการจับกุมนายทองทิวครั้งนี้ อาจจะทำให้ชีวิตของสิต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คุณคิดเหรอครับว่าเธอยังจะให้อภัย คนที่ทำลายชีวิตเธอถึงสองครั้งสองคราวได้”
ชิโลฟังแล้วใจหายหน้าเสีย
อุ้มสมอยู่ในห้องถอนใจยาวแล้วเริ่มบ่น
“วังเวง มืดมน จนหนทาง เราบอกเจ้าแล้วว่าอย่า…แต่เจ้าก็ไม่ฟัง แล้วเป็นไง แทนที่ จะช่วยหาทางทำให้เขากลับมาคืนดีกัน แต่กลายเป็นสนับสนุนให้เขาเกลียดกันมาก กว่าเดิม”
ชิโลเอามืออุดหูไม่ฟัง อุ้มสมเข้าไปตะโกนใกล้ๆ
“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่อยากรับฟัง ถ้าเจ้าทำให้นายทองทิวถูกจับ คราวนี้ทั้งเจ้าทั้งเราต้อง ได้ติดอยู่ที่โลกมนุษย์นี่ไปชั่วชีวิตแน่”
ชิโลโมโห
“หยุดได้แล้ว ไม่ต้องมาเทศนาเรา ถ้าเราปล่อยให้คนเลวทำชั่วต่อไป โดยที่เรา ไม่สนใจช่วยทั้งๆที่ช่วยได้ เราก็ไม่ควรจะกลับไปมีความสุขอยู่บนสวรรค์”
อุ้มสมชะงัก ชิโลลุกพรวดแล้วเป็นฝ่ายเสียงดังใส่หน้าอุ้มสมแทน
“เพราะจิตใจของเรามันเห็นแก่ตัว มีแต่กิเลศ กลับไปสวรรค์ก็ไม่มีความสุข สู้อยู่ที่นี่ แล้วหมั่นทำความดี สั่งสมทานบารมี เกิดไปเป็นนางฟ้าอีกที ยังจะภูมิใจมากกว่า”
ชิโลขึ้นเสียงดังรุกไล่ใส่อุ้มสมที่ถอยไปจนติดผนัง อุ้มสมหน้าจ๋อยสนิท
“แต่ถ้ายังไม่เคลียร์ จะพูดให้ฟังอีกที เอามั้ย…เจ้านกแก้วขี้บ่น”
อุ้มสมปากแบะแล้วเริ่มสะอื้นร้องไห้
“ไม่…ไม่ต้องแล้ว เรา…เราขอโทษ ฮือๆๆๆ”
อุ้มสมปล่อยโฮลั่นแล้วเข้าไปกอดชิโลร้องห่มร้องไห้ ชิโลเสียใจตบบ่าปลอบใจ
“อุ้มสม…เราต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า เราทำให้เจ้าหมดหวังที่จะได้กลับสวรรค์”
“ไม่หรอกชิโล…เจ้าพูดถูกแล้ว เราไม่ควรจะเห็นแก่ตัว แต่เราห่วงเจ้าถ้าเจ้าเป็นอะไรไป แล้วเราจะอยู่บนโลกมนุษย์ตามลำพังได้ยังไง”
“ถ้าเราต้องเป็นอะไรไปจริงๆ เจ้าก็หานกแก้วสวยๆสักตัวไว้อยู่ด้วยกันยามแก่เฒ่า”
อุ้มสมชะงัก
“ฮือออ…จะให้เราสืบเผ่าพันธุ์กับนกแก้วเหรอ”
ชิโลไม่ทันจะตอบ สการก็ส่งเสียงเข้ามา
“ร่ำลากันเสร็จรึยัง ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมารอเธอทั้งวันนะ”
ชิโลชะงักหันไปมองสการที่ยืนกอดอกตีหน้าขรึมจริงจัง หญิงสาวส่งหางตาเชิดใส่…เชอะ อุ้มสมไม่พอใจอยากจะว่า ชิโลห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอกอุ้มสม…ปล่อยเราเอง”
ชิโลพยักหน้ายืนยัน ก่อนจะตบหน้าอกอุ้มสมเบาๆว่าไม่ต้องห่วงปล่อยให้เป็นหน้าที่เธอเอง
มณีแดนสรวง ตอนที่ 16 (ต่อ)
สการกับชิโลมาอยู่ในสนามยิงปืน ชายหนุ่มยกปืนขึ้นเล็งเป้าแล้วลั่นไก...เปรี้ยงๆๆๆ อย่างเท่ ชิโลตกใจเสียงปืนที่ดังลั่นร้องโวยวาย เอามืออุดหู สการลดปืนแล้วหันมาอย่างหัวเสีย
“อยากหูแตกเหรอไง บอกให้ใส่ที่ครอบหูไว้ ทำไมไม่ใส่”
ชิโลหูอื้อไม่ได้ยิน
“ห๊ะ…ว่าไงนะ”
สการเข้าไปตะโกนใส่หู
“ฉันบอกให้ใส่ที่ครอบหูไว้ ทำไมขี้ลืม”
ชิโลโวยวายกลับ
“โอ้ย…นี่แน๊ะ” หญิงสาวตบหน้าชายหนุ่ม “มาตะโกนกรอกหูฉันทำไม แค่เสียงปืนอย่าง เดียวหูฉันก็จะแตกอยู่แล้ว”
สการซี้ดเจ็บ
“อู้ย…ชิโล…นี่เธอ ฉันจะบอกให้นะ ภารกิจครั้งนี้ถ้าเธอไม่รู้จักฝึกการใช้อาวุธ ไว้บ้าง เธอก็พร้อมจะถูกพวกมันฆ่าตายได้ทุกนาที”
“แต่ฉันไม่ชอบใช้อาวุธ มันอันตราย การฆ่าชีวิตของผู้อื่นมันเป็น…บาป”
“บาป...ฉันจะบ้าตาย นี่คิดว่าแค่ฝ่ามือของเธอจะช่วยให้เธอรอดตายได้งั้นเหรอ”
“ใช่...อย่างน้อยฉันก็เล่นงานตำรวจอย่างคุณได้ก็แล้วกัน”
“งั้นลองใหม่” สการยื่นหน้าให้ตบอีกที “ฉันจะทำให้เธอรู้...”
สการยังพูดไม่ทันจบชิโลก็ตบหน้า...เพี๊ยะ สการหน้าหันอย่างแรง
“เว้ย...ยังพูดไม่ทันจบ”
“ฉันก็ต้องใช้ความไวให้เป็นประโยชน์ ลองอีกทีก็ได้นะผู้กอง”
ชิโลเงื้อมืออีกครั้งแต่สการนี้เอาจริงใช้ความเก๋า จับข้อมือชิโลมาพลิกแล้วบิดกดลงกับโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย !ฉันเจ็บ ปล่อยฉันนะผู้กอง”
“เห็นมั้ยชิโล...มือเปล่าของเธอไม่มีทางสู้พวกมันได้”
“แต่ฉันไม่คิดจะฆ่าใคร”
“ถ้าเธอไม่ทำ เธอก็จะเป็นฝ่ายถูกฆ่า”
“ฉันไม่กลัวตาย”
“เธอไม่กลัวแต่ฉันกลัว”
สการตะคอกเสียงดังใส่อย่างจริงจัง ทำเอาชิโลชะงัก สการนิ่งไปแล้วก็ปล่อยชิโล
“หยิบปืนขึ้นมาแล้วซ้อมยิงเดี๋ยวนี้”
ชิโลเจ็บแขนที่โดนบิดแต่ยังส่ายหน้าปฏิเสธ
“ ไม่!”
สการหยิบปืนแล้วยัดใส่มือชิโล
“ถ้าเธอไม่ทำ ฉันจะหักแขนเธอ เธอจะได้ไม่ต้องไปทำงานนี้”
ชิโลอึ้ง
“ก็ได้ !”
ชิโลขึงขังหน้าตาจริงจังตอบโต้ใส่เขา...หญิงสาวยกปืนขึ้นเล็งไปที่เป้าท่าทางทะมัดทะแมง สการยืนคุมอยู่ใกล้ๆ
“หายใจเข้าไปทีเดียวแล้วลั่นไกมือจะได้นิ่ง”
ชิโลหน้าบึ้งหงุดหงิดยอมทำตามแบบไม่พอใจ หลับตาปี๋ กดนิ้วลงที่ไกแต่ปืนไม่ลั่น…แชะๆๆๆ
“อ้าว…ทำไมปืนไม่ลั่นล่ะ”
ชิโลสงสัยพร้อมกับหันปากกระบอกปืนมาทางสการ ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย…ปืนอยู่ในมืออย่าหันมาซุ่มสี่ซุ่มห้า เดี๋ยวก็เปรี้ยงแสกหน้าหรอก”
“แสกหน้าคุณก็ดีเหมือนกัน จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันซะที”
สการปัดมือหญิงสาวให้หันปากกระบอกปืนไปทางอื่น
“ปืนไม่ได้ปลดเซฟ สอนแล้วทำไมไม่รู้จักจำ”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ชอบ เลยไม่อยากจำ”
“แต่เธอต้องจำให้ขึ้นใจ เพราะชีวิตเธอแขวนอยู่กับปืนกระบอกนี้ ลองใหม่”
“ก็ได้!”
ชิโลจัดการปลดเซฟปืนแล้วทำท่าหยิ่งใส่
“แค่หายใจทีเดียว เล็งแล้วยิง แค่นั้นใช่มั้ย”
สการพยักหน้า
“งั้นคอยดูฉันแล้วกัน...ชิ”
ชิโลยกปืนขึ้นเล็งหลับตาแล้วหายใจ...ฮึ๊บ หลับตาปี๋...ลั่นไก เปรี้ยงๆๆๆๆ ชิโลยิงปืนไปร้องโวยวายวี้ดว๊าย ตาไม่หันไปมองเป้าเลยสักนัด จนกระสุนหมดลูกโม่
“ชิโล! นี่เธอยิงปืนอะไรของเธอเนี่ย ร้องวี้ดว้ายโวยวายอยู่ได้ แบบนี้ปืนก็ช่วยชีวิตเธอ ไม่ได้หรอก”
“หยุดเลยนะผู้กอง ก่อนจะว่า...ดูผลงานฉันซะก่อน”
ชิโลเชอะใส่แล้วหันไปกดปุ่มให้เป้าวิ่งเข้ามา สการเห็นรอยกระสุนบนเป้ารูปคนแล้วถึงกับอึ้ง เพราะชิโลเล็งถูก เป้ากระจุกอยู่ที่เป้ากึ่งกลางตัวชนิดไม่มีพลาดสักนัด เสียงดรัณดังแทรกเข้ามา
“โห...สุดยอดไปเลย...นี่ อย่าบอกนะครับว่าทั้งหมดนี่ฝีมือคุณชิโล”
ชิโลโอ่ทันที
“ปืนอยู่ในมือฉันแบบนี้ แล้วจะเป็นฝีมือคนอื่นได้ไงคะ”
ดรัณตื่นเต้น
“นี่ผมคิดไม่ถึงเลยนะครับเนี่ย คุณชิโลทำได้ยังไง”
“ฉันเคยฝึกยิงธนู มันเป็นวิชาบังคับของพระกามเทพ ก็แค่ปรับเปลี่ยนวิธีใช้งานก็แค่นั้น”
ดรัณงงๆ
“พระกามเทพ”
ชิโลอึกอัก
“เอ่อ...ฉัน..”ฉันหมายถึงครูที่เคยสอนฉัน เขาชื่อกามเทพ
สการยิ้มหยัน
“หึ...แต่ฉันว่าเธอฟลุ๊คมากกว่า”
ชิโลฉุนกึก
“ผู้กอง...เมื่อไหร่คุณจะเลิกพูดจากดูถูกฉันซะที”
หญิงสาวเผลอชี้ปากกระบอกปืนไปที่สการอย่างลืมตัว สการตกใจ
“เฮ้ย...ฉันบอกแล้วไงอย่าชี้ปืนสุ่มสี่สุ่มห้า”
สการปัดปากกระบอกปืนไปทางอื่น ซึ่งดันหันไปชี้หน้าดรัณแทน ดรัณตกใจ
“เฮ้ย ! อย่าชี้มาทางนี้สิวะ”
ดรัณปัดคืนไปชี้ที่หน้าสการ สองคนปัดสลับชี้กันเองไปมา เสียงปืนก็ดังขึ้น...เปรี้ยง สการกับดรัณอึ้งก่อนจะหันขวับไปเห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้ามนคนหนึ่งยืนหน้าเสียกลืนน้ำลายเอื๊อก เพราะกระสุน เฉียดหน้าไปเส้นยาแดง หัวกระสุนไปฝังที่กำแพงข้างๆควันยังกรุ่นๆ ดรัณตกใจ
“ไอ้รุจน์ !”
เด็กหนุ่มที่ชื่อรุจน์ยิ้มแหยก่อนจะร่วงผล่อยเป็นลมสลบไป
ดรัณเอายาดมให้ดม รุจน์ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ
“ขอบคุณครับผู้กอง”
ชิโลหน้าจ๋อย
“ฉันขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ตั้งใจ”
รุจน์หันไปมองชิโลแล้วเหมือนต้องมนต์สะกดเพราะความสวย
“สวย...น่าร้ากเหมือนนางฟ้าเลย แบบนี้ต่อให้เอาปืนจ่อหัวผมก็ไม่กลัว”
“เฮ้ย ! ไอ้ดรัณตามแกให้มาทำงานไม่ใช่มาทำชีกอ”
สการกระชากคอเสื้อรุจน์มาขึงขังใส่ ดรัณต้องรีบแกะมือสการจากคอเสื้อรุจน์
“ไอ้นี่มันปากเก่งดีแต่กะล่อน เคยเอาจริงซะที่ไหน”
รุจน์รีบบอก
“ชะ...ชะใช่ครับผู้กอง อย่างผมเก่งแต่เห่า กัดไม่เป็นคร้าบ”
ดรัณหันมาหาสการ
“เออนี่ไงไอ้แซม ว่าแต่แก อธิบายแผนการใหม่ให้คุณชิโลฟังรึยัง”
ชิโลมองสการอย่างสงสัย
“แผนการใหม่”
รถสการขับไปตามถนน แต่เสียงชิโลดังลั่นทำเอาสการขับรถหลุดจากเลนจนต้องรีบเลี้ยวกลับ
“ไม่...แผนการแบบนั้น ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
“ฉันก็บอกเธอแล้วว่าไม่ให้รับงานนี้ มาปฏิเสธตอนนี้มันก็สายไปแล้ว”
“แต่ส่งให้ฉันไปอยู่ในฮาเร็มของท่านชีคอะไรนั่น ถ้าเกิดฉันถูก...ถูก...ยี้ ไม่อยากพูดถึง”
“ก็ได้...ถ้าเธอเปลี่ยนใจแล้วแบบนี้ ฉันจะได้บอกผู้การว่าแผนการนี้ต้องยกเลิก”
“ยกเลิก...ถ้ายกเลิกแผน ฉันก็ช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกพวกมันทำร้ายไม่ได้น่ะสิ”
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”
“ฉันไม่เปลี่ยนใจหรอก...เพียงแต่ฉัน...กับเรื่องแบบนั้น...ฉัน...ฉัน”
ชิโลดูกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมากจนสการมองสงสัย
“ทำไม...เธอกลัวอะไร”
“ก็ฉัน....แบบว่า...คือ...”
ชิโลมองสการแล้วตัดสินใจ
“ฉันยังไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชาย”
เสียงเบรกรถดังเอี๊ยด รถจอดข้างทาง สการเปิดประตูลงมาหงุดหงิดงุ่นง่านเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น
“โว้ย...นี่มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย...ตกลงว่านรกชังหรือสวรรค์แกล้งฉันอยู่”
ชิโลลงจากรถมาเรียก
“นรกไม่ได้ชังคุณ สวรรค์ก็ไม่ได้แกล้งคุณหรอก ฉันถือศีลไม่โกหก ฉันรับปากแล้วฉันก็จะลองทำดู ไม่ให้ภารกิจต้องล้มเหลวหรอก”
“ลองดูเหรอ...เธอคิดว่าการยั่วผู้ชายมันง่ายเหรอ”
“ก็น่าจะง่ายนะ”
สการส่ายหน้า
“ไหนลองทำท่าทางที่เธอคิดว่าเซ็กส์ซี่ที่สุดให้ฉันดูสิ”
“ท่าทางเซ็กส์ซี่น่ะเหรอ”
สการกอดอกยืนรอพยักหน้า
“ก็ได้...ของง่ายๆ”
ชิโลจิกหน้าเผยอปาก ทำท่ายั่วให้ดู สการเห็นเข้าแล้วถึงกับ...อึ้ง
“เป็นไง...พอจะยั่วคุณได้มั้ย”
“ได้...ยั่วให้อยากไปโดดไปโดนรถชนตายเดี๋ยวนี้เลย”
“นี่คุณ !”
“ขึ้นรถ”
“จะพาฉันไปไหนอีก”
“ติวเข้มหลักสูตรเร่งรัด เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องส่งให้เธอออกปฏิบัติการแล้ว”
“ติวเข้ม...ติวเข้มอะไร” ชิโลงง
พนักงานที่เคาท์เตอร์โรงแรมยื่นกุญแจห้องให้สการ
“นี่ครับกุญแจห้องสวีท จะให้เราบริการเสิร์ฟแชมเปญเมื่อไหร่ดีครับ”
“เตรียมไว้ในห้องเลย ผมไม่อยากให้ใครรบกวน”
พนักงานรับคำ ชิโลยืนมองสการอย่างงๆ สการจับมือชิโลจะพาไป แต่ชิโลพยายามสะบัดแล้วส่ายหน้าไม่เอา
“ไม่เอา...ฉันไม่ชอบแบบนี้”
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไง ถ้าเกิดติดใจขึ้นมา ค่อยมาขอบคุณฉันทีหลังก็ได้”
ชิโลอึ้งเหวอ สติกระเจิดกระเจิง สการเลยกุมมือฉุดพาเดินไปขึ้นลิฟท์...สิริสุดากับเอิงเอยที่เพิ่งจะเสร็จจากฟิตเนสออกกำลังที่โรงแรมเสร็จ เดินผ่านมา เอิงเอยเหลือบไปเห็นพอดี
“ยัยสิ...ยัยสิ...ดูนั่น”
“อะไรของแกอีก”
“ดูนั่นก่อนสิแก...นังชิโล”
สิริสุดาได้ยินชื่อชิโลก็รีบหันขวับไปทันเห็นสการโอบไหล่พาชิโลขึ้นลิฟท์โรงแรมไปสองต่อสอง เอิงเอยกับสิริสุดาหันขวับมองหน้ากันอย่างตกใจ
สิริสุดากับเอิงเอยรีบตามสการกับชิโลที่เพิ่งหายเข้าไปในห้องสวีทของโรงแรม สการเอาป้ายห้าม รบกวนมาแขวนที่ลูกบิด สิริสุดาโกรธจี๊ด
“นังร่าน ! กลางวันแสกๆยังกล้า ไม่รู้จักอายฟ้าอายดิน”
เอิงเอยขัดขึ้น
“แหมแกก็...ทำอย่างกับตอนแกกับผู้กองดรัณยังสวีทหวานวิ้ว แกไม่เคยนัดผู้กองออก มาเจอกันแบบนี้งั้นแหละ”
“ยัยเอิง...เดี๋ยวก็โดนตบปากหรอก”
เอิงเอยรีบเอามือปิดปาก แล้วรีบเดินไปเอาหูแนบประตูห้องตั้งใจฟังสุดฤทธิ์ สิริสุดางงๆ
“ยัยเอิง...ทำอะไรของแกน่ะ”
“เอ้า.”.ฉันก็อยากรู้นี่ว่านังชิโลมันทำยังไง ถึงเอาผู้กองดรัณกับผู้กองสการจนอยู่หมัด”
“ทุเรศ ฉันไม่อยากรู้หรอก”
สิริสุดาสบัดหน้าจะเดินออกไป แต่ชะงักเมื่อเอิงเอยทักจริงๆจังๆ
“แต่ฉันว่าแกน่าจะรู้เอาไว้หน่อยนะ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เกิดวันไหน ที่แกแย่งผู้กองดรัณคืนมาได้ แกจะได้ใช้มัดใจไม่ให้เขาไปไหนได้อีกไง”
สิริสุดายืนอึ้งเอาไงดีก่อนจะยอมถอยมาเอาหูแนบประตูห้องช่วยกันแอบฟังสุดฤทธิ์ เสียงดังโครมครามออกมาจากในห้อง เสียงแจกันแตก ประตูกระแทกปึงปัง เสียงสการร้องโหยหวนทำเอาสิริสุดากับเอิงเอยถึงกับอึ้ง สองสาวถึงกับกลืนน้ำลาย...เอื๊อก เอิงเอยตาเหลือก
“รุนแรงหนักหน่วงแบบนี้ คงจะเลียนแบบกันยากแล้วล่ะแก”
มัดหมี่กำลังจะออกไปทำข่าวนอกสถานที่ ทีมงานพร้อมกันเกือบหมดแล้ว แต่มัดหมี่ยังติดคุย โทรศัพท์กับสิริสุดา
“มัดหมี่เธอว่าไงนะ...นังชิโลกับผู้กองของฉัน...มัน...มัน...มันจี๊ด...กรี๊ด...อ๊าย” มัดหมี่กรี๊ดเสียงดังลั่นใส่โทรศัพท์ “ฉันไม่รู้ล่ะ วันนี้ฉันต้องออกไปทำข่าว ฉันช่วยเธอมาตั้งแยะ เธอต้องช่วยแยกผู้กองของ ฉันออกมาให้ได้ อย่าให้นังบ้านั่นมันปู้ยี้ปู้ยำกองของฉันเด็ดขาด”
สิริสุดาลงมาที่ล๊อบบี้แล้ว
“ช่วย...จะให้ฉันช่วยเธอยังไง”
“ก็หาน้ำร้อนไปสาดให้มันหยุดสิ”
“บ้ารึเปล่ายัยมัดหมี่...อย่างอื่นฉันพอจะช่วยได้หรอกนะ แต่ให้ไปแยกคนกำลังแบบ ว่าอย่างนั้นอยู่ ฉันขอผ่าน มันทุเรศ”
“สิริสุดา”
“เอาน่า…ไว้เราหาทางทำลายสร้อยคอมันอย่างที่เทพธิดาตาทิพย์บอกมาได้เมื่อไหร่ ฉันจะให้เธอจัดการกับมันให้หายแค้นแน่…แค่นี้นะ”
สิริสุดาวางสายไป มัดหมี่ยังไม่หายเจ็บจี๊ดถึงใจ
“ยัยสิ…ยัยสิ!”
ในห้องสวีทสภาพห้องเละเทะ โคมไฟแตก หมอนไส้แตกกระจุยเต็มห้อง สการร้องซี้ดเจ็บหัวที่โดนฟาดด้วยโคมไฟ
“อู้ย…ยัยชิโล เล่นฉันด้วยโคมไฟเลยเหรอเนี่ย”
สการกุมหัวแล้วเดินไปเคาะประตูห้องน้ำเรียก
“ชิโล…เปิดประตูออกมาเดี๋ยวนี้นะ…ฉันบอกให้เปิด”
ชิโลอยู่ในห้องน้ำเอามือจับลูกบิดไว้แน่น
“ไม่!...ฉันไม่ออกไป สอนฉันแค่ทฤษฎีไม่ได้เหรอไง ทำไมต้องเอาจริงกับฉันด้วย”
“ไอ้ของพรรณ์นั้นมันสอนกันด้วยทฤษฎีได้ที่ไหน ถ้าคืนนี้เธอไม่ผ่านการติวเข้มจากฉัน พรุ่งนี้ฉันส่งเธอไปเข้าฮาเล็มของพวกมัน มีหวังเธอได้ถูกมันจับได้แล้วฆ่าหมกสวนแน่”
ชิโลนิ่งไปเอาไงดี สการยังหน้าตาจริงจังอยู่หน้าห้อง
“เธอจะยอมให้ฉันติวเข้มกับเธอดีๆ หรือจะยอมให้พวกมันจับเธอได้”
ชิโลเงียบไป สการรออยู่ครู่ชิโลก็ค่อยๆเปิดประตูออกมา
“ฉันยอมคุณแล้วก็ได้...เอ้ย ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความว่ายอมแบบนั้น”
“ฉันรู้น่าว่ามากไปน้อยไปมันต้องขนาดไหน ขอแค่เธอไว้ใจฉัน เชื่อใจฉัน ฉันก็จะสอน ให้เธอรู้จักวิธีเอาตัวรอดจากพวกมัน...และผู้ชายทุกคนที่เธอไม่อยากให้เข้าใกล้”
ชิโลนิ่งแล้วพยักหน้ารับยอมก็ยอม สการขยับเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือเข้าหา ชิโลหลับตาปี๋ขนลุกเกรียว สการยิ้ม แล้วปัดผมที่ปรกหน้าให้
ที่สระว่ายน้ำในบริเวณเรือนไทย ชีคอาเหม็ดอยู่ท่ามกลางสาวๆในชุดทูพีซนุ่งน้อยห่มน้อยฮาเร็มสุดๆ บ้างจับคู่ เต้นส่ายเอวยั่ว บ้างแหวกว่ายอยู่ในน้ำ แต่ส่วนใหญ่จะเข้ามารุมเอาใจท่านชีคที่ออกอาการหงุดหงิด
“พอแล้ว...จะไปไหนก็ไป...ไป”
ชีคอาเหม็ดปาแก้วไวน์แตกกระจาย ลุกขึ้นโวยวายตะคอกไล่สาวๆที่พากันตกใจจนสาโรจน์ต้องรีบเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับท่าน”
“ไล่พวกนี้ออกไปให้หมด”
“ทำไมล่ะครับท่าน สาวๆพวกนี้นายคัดมาให้ท่านโดยเฉพาะเลยนะครับ”
“นี่คัดมาแล้วเหรอ...แสดงว่านายของแกไม่รู้ว่าฉันต้องการอะไร หน้าแบบนี้เนี่ยนะ...ใน ฮาเร็มของฉันมีให้เกลื่อน ไล่ออกไป”
“ครับท่าน”
สาโรจน์หยักหน้าให้ลูกน้องพาพวกสาวๆออกไป เหลือชีคอาเหม็ดนั่งดื่มไวน์อารมณ์เสียอยู่กับบอร์ดี้การ์ดส่วนตัว รุจน์สายของดรัณที่แฝงตัวเข้ามาเป็นคนงานในบ้านทำทีเข้ามาเก็บกวาดเศษแก้วที่เกลื่อนพื้นและคอยจับตามองท่านชีคพอเห็นว่าพวกสาโรจน์ไม่อยู่แล้วเลยเข้าไปหา แต่ถูกบอร์ดี้การ์ดเข้ามาประกบไม่ให้เข้าใกล้
“ใจเย็นๆครับพี่ ผมมีเรื่องอยากคุยกับท่านชีค”
บอร์ดี้การ์ดไม่สนใจผลักอกรุจน์ให้ไปไกลๆ
“ฟังผมก่อนสิพี่ ผมมีผู้หญิงมาเสนอให้ท่าน รับรองว่าเด็ดกว่าพวกที่ไล่ออกไปเมื่อกี้อีก”
พวกการ์ดไม่สนใจเข้าไปล็อคตัวหิ้วปีกจะลากรุจน์ออกไป แต่ชีคอาเหม็ดเรียกไว้
“เดี๋ยว...พามันมานี่”
รุจน์แอบยิ้มชอบใจ
ชิโลนั่งใจเต้นแรงตึกๆอยู่บนเตียงได้ยินเสียงสการคุยโทรศัพท์อยู่ข้างหลัง ไม่เห็นตัว
“ท่านชีคมีท่าทางสนใจชิโลแล้วเหรอ ได้...ฉันจะเตรียมชิโลให้พร้อมสำหรับภารกิจ”
ชิโลได้ยินก็ถึงกับผงะใจเต้นไม่เป็นส่ำ ระหว่างนั้นมือสการมาแตะที่ไหล่ ชิโลสะดุ้งเฮือกเพิ่มขึ้นอีก
“ได้ยินฉันคุยโทรศัพท์แล้วใช่มั้ย”
ชิโลพยักหน้า
“การจะเข้าถึงตัวเป้าหมายคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีบอร์ดี้การ์ดคอยประกบอยู่ตลอด เวลา ทางเดียวที่เธอจะเข้าถึงตัวและล้วงข้อมูลที่จะเชื่อมโยงไปถึงนายทองทิวได้ก็คือ เธอต้องใช้มารยาหญิงทำให้เป้าหมายหลงเธอจนหัวปักหัวปำ ฟังเธอทุกอย่าง”
“งั้นก็บอกฉันมาแล้วกันว่าต้องทำยังไงถึงเอาตัวรอดได้”
สการมองแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆจนตัวเบียดชิด ชิโลใจเต้นตึกตักขยับหนี ชายหนุ่มขยับตาม หญิงสาวขยับหนีอีก สการขยับอีก ชิโลขยับอีกแต่คราวนี้ร่วงตกเตียง...โครม!
“ชิโล”
ชิโลค่อยลุกขึ้นมาหน้าตาเหยเก หัวโขกพื้นจนเจ็บร้องซี้ดส์ สการถอนใจยาว
“เฮ้อ...เวรกรรม”
“อู้ย…ก็ใครใช้ให้คุณรุกฉันแบบนี้ล่ะ ขอเวลาให้ฉันทำใจหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ เวลาที่เธออยู่กับมันสองต่อสอง เธอต้องมีไหวพริบ คล่อง รู้จักลูกล่อลูกชน มานี่มาถอดเสื้อให้ฉัน”
ชิโลตาเหลือก
“ห๊า!”
“ไม่ต้องมาทำตกใจ จะเอาใจผู้ชายให้หลงมันก็ต้องถึงเนื้อถึงตัว เร็วเข้า”
ชิโลอึกอักจนสการต้องเข้าไปจับมือให้จับเสื้อเขา
“มือค่อยๆปลดกระดุมทีละเม็ดจากบนลงล่าง ส่วนตาก็ต้องมองหน้าฉันไว้ตลอด”
ชิโลกลั้นใจทำตามที่เขาสั่ง เริ่มปลดกระดุมเสื้อให้นับจากเม็ดบน แต่พอสบตาสการเข้าไปใจก็เต้นตึกๆๆ เลยต้องหลบตาก้มต่ำ
“ฉันบอกให้สบตาไว้ไง ผู้หญิงสวยๆอย่างเธอลำพังแค่ใช้สายตาอย่างเดียว ก็แช่แข็ง ให้ผู้ชายหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”
สการพูดไปก็เชยคางชิโลขึ้นมาสบตา ชิโลปลดกระดุมเสื้อเสร็จพอดี
“ถอดเสื้อฉันออก”
ชิโลส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่อ่ะ”
“บอกให้ถอด!”
“ก็ได้”
ชิโลถอดเสื้อสการออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแมนๆ ชิโลถึงกับหน้าแดง
“เห็นผู้ชายโป๊ใกล้ๆขนาดนี้ถึงกับหน้าแดงเป็นตำลึงเลย อ๋อ...ฉันเคยได้ยินว่าพวกนางฟ้า เทวดาเวลาอยู่บนสวรรค์ กินก็ไม่ต้องกิน นอนก็ไม่ต้องนอน เพราะมีกายทิพย์เสพสุข ทุกอย่างได้โดยไม่ต้องสัมผัส
“ใช่...ฉันถึงไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ไง”
“นี่....ฉันประชดเธอต่างหาก”
“แต่ถ้าฉันไปทำแบบนี้กับคนอื่น แล้วเกิดเขาหน้ามืดปล้ำฉันล่ะ”
“นั่นแหละขั้นตอนสำคัญที่ฉันมีเคล็ดลับจะบอกเธอ”
“ความลับเยอะจัง มีอะไรก็รีบๆบอกมา เห็นคุณแบบนี้แล้ว ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ไม่ไหวแล้ว...”
“บ้า...ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่ไม่ไหวแล้ว ฉันเองก็ไม่ไหวจะทนแล้วเหมือนกัน”
สการยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะจับไหล่ชิโลแน่นแล้วพลิกตัวเธอกดลงกับเตียงทันที ชิโลตกใจ
“ผู้กอง...คุณจะทำอะไรฉัน...อย่านะ...ออกไป...ออกไป...อย่า”
สการไม่สนใจพยายามปลุกปล้ำซุกไซร้อย่างเมามัน ชิโลพยายามดิ้นและผลัก แต่ก็สู้แรงไม่ได้
วันใหม่...มัดหมี่คิ้วขมวดสงสัยเมื่อได้รับคำตอบจากนารี
“ผู้กองพาชิโลไปเที่ยวอัมพวาเหรอคะคุณแม่”
“ใช่จ้ะ พากันไปเที่ยวงานลอยกระทงที่บ้านของดรัณ”
“ไปกับผู้กองดรัณด้วยเหรอคะ”
“ใช่...มีอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ...ไม่มีค่ะคุณแม่ มัดหมี่แค่แวะมาเยี่ยมเฉยๆ ไม่ได้เจอผู้กองนานแล้วน่ะค่ะ”
“เอ้อ...เมื่อเช้าแม่ดูข่าวทำไมมัดหมี่ไม่ได้ไปทำรายการแล้วล่ะ”
“อ๋อ...คือ...เอ่อ...มัดหมี่รู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะก็เลยขอลาหยุด”
“แม่ก็นึกว่าเป็นอย่างที่เขาพูดๆกันในเน็ตว่ามัดหมี่โดนถอดออกจากรายการกลางอากาศ เพราะเรตติ้งมัดหมี่ตก คนดูอยากเห็นนักข่าวหน้าใหม่ๆมากกว่า”
มัดหมี่สะดุ้งเฮือก
“เอ่อ...มัดหมี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะว่าคุณแม่ก็เล่นเน็ตกับเขา”
“แม่ก็เฟสบุ้คเอาไว้แชร์ภาพเวลาไปทำบุญกับเพื่อน ส่วนทวิตเตอร์ก็ไว้คุยเรื่องธรรมะ นัดกันไปทำบุญ”
“ธรรมะออนไลน์ จี๊ดดีนะคะคุณแม่ แต่อย่าไปเชื่อที่พวกนั้นเมาท์กันเลยค่ะ ว่างมากไม่มี อะไรทำก็เลยปากหอยปากปู อย่างมัดหมี่จี๊ดถึงใจไม่มีทางเรตติ้งตกแน่นอนค่ะ”
มัดหมี่ทำเป็นพูดกลบเกลื่อนแต่แอบปากขมุบขมิบด่า สอดรู้สอดเห็นจริงๆ
สิริสุดากำลังคุยโทรศัพท์หน้าดำคร่ำเครียด มัดหมี่กับเอิงเอยรออย่างอยากรู้อยากเห็น
“ขอบใจมาก”
สิริสุดาวางสายไปแล้วจิกหน้าโกรธสุดฤทธิ์ เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งอย่างฉุนเฉียว เอิงเอยตกใจ
“ยัยสิ...เป็นอะไรไปน่ะแก”
“คนใช้ที่บ้านสวนดรัณยืนยันกับฉันว่า ดรัณพานังนั่นไปเปิดบ้านพักอยู่กันสามคน”
เอิงเอยตบอก
“โอ้มายก็อด...สวิงกิ้ง แซนวิชด์ เดี๋ยวนี้เสื่อมกันได้ถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
มัดหมี่โวยวาย
“เป็นไงล่ะ ทีนี้เข้าใจความรู้สึกของฉันรึยังว่าทำไมฉันต้องจี๊ดขึ้น นอกจากมันจะแย่ง ผู้ชายของฉันไปแล้ว มันยังทำให้ฉันต้องเสียงาน เสียชื่อเสียง เสียสุขภาพจิต”
สิริสุดาแค้นๆ
“ตัดผู้ชายเลวๆก็เหมือนตัดเล็บขบที่มันต้องรู้สึกเจ็บบ้าง แต่ตัดไปแล้วเล็บเราก็จะสวย แต่ผู้หญิงเลวๆ ร่านชอบแย่งผู้ชายของคนอื่นอย่างมัน ก็เหมือนขนจักแร้ที่ต้องถอนให้ ถึงราก...ถึงโคน มันถึงจะสะใจ”
สิริสุดาก้าวขึ้นมาขบกรามอย่างเจ็บใจเต็มไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว มัดหมี่กับเอิงเอยเองก็อารมณ์ขึ้นจิกหน้า ถลึงตากำหมัดมีอารมณ์โกรธร่วมด้วยสุดฤทธิ์ ระหว่างนั้นเองลมกรรโชกเข้ามาอย่างแรงพร้อมเสียงหัวเราะแหลมๆของพวกสามนางอสูรลอยเข้ามา สิริสุดา มัดหมี่และเอิงเอยพากันชะงักแปลกใจมองหน้ากันไป
อสุเรศหันมาที่จิตราสูรกับอัคราสูรที่มาแจ้งข่าว
“เจ้าว่ายังไงนะ พวกนางอสูรหาวิธีที่จะพาตัวรัศมิชโลธรมาให้ข้าได้แล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ขอรับนายท่าน”
“พวกนางจะทำยังไงถึงเข้าใกล้รัศมิชโลธรได้โดยไม่ถูกแก้ววิเศษเล่นงาน”
“ใช้ร่างมนุษย์เป็นนอมินีขอรับ”
อัคราสูรมองจิตราสูรอย่างงงๆ
“อะไรของเอ็งวะ...นอมินี”
จิตราสูรยิ้ม
“โธ่เอ้ย...ไอ้อสูรหัวขี้เลื่อย เข้าเมืองมนุษย์มาทั้งที รู้จักหลิ่วตาตามมั่งสิวะ”
จิตราสูรไม่ยอมอธิบายปล่อยให้อัคราสูรทำหน้างงๆ แต่อสุเรศพอจะเข้าใจเลยยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“รัศมิชโลธร...พิภพอสูรของข้ารอเจ้าอยู่...ฮ่าๆๆๆๆ”
ที่บ้านสวนของดรัณ...อุ้มสมถึงกับตกใจเมื่อชิโลเล่าให้ฟังถึงแผนการปฏิบัติการ
“ว่าไงนะ คืนนี้เจ้าจะต้องขึ้นเวทีประกวดนางนพมาศ”
“ใช่ เพราะเป้าหมายที่ฉันต้องแฝงตัวไปล้วงความลับ มีรสนิยมชอบผู้หญิงที่มีความ เป็นไทย คืนนี้เขาก็เลยจะมาดูฉันประกวด ฉันต้องทำให้เขาประทับใจให้ได้”
“โอ้ย...แค่ฟังเราก็จะเป็นลมแล้ว นางฟ้าที่สูงส่งอย่างเจ้า ต้องยอมลดตัวลงมาเป็น อาหารตาให้พวกบ้ากาม”
“เรารู้...ถึงการทำความดีมันจะยากกว่าทำเลว แต่เราก็ยังอยากทำความดี ถ้าเราสิ้น อายุขัยบนโลกนี้เมื่อไหร่ เราจะได้กลับไปอยู่บนสวรรค์กับพ่อกับพี่ของเราอีก”
ระหว่างนั้นดรัณกับสการมาที่หน้าห้อง ดรัณเคาะประตูเรียก
“คุณชิโลครับ...คุณชิโล”
ชิโลรีบบอกอุ้มสม
“เจ้าต้องไปแล้วอุ้มสม”
“แต่เราเป็นห่วง เราจะตามไปช่วยเจ้า”
“เจ้าจะตามไปได้ยังไง เป้าหมายของเราชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบผู้ชาย”
อุ้มสมพยายามแย้งเพราะเป็นห่วง
“แต่พ่อเจ้าสั่งให้เราดูแลเจ้าตลอดเวลา”
สการตะโกนเรียก
“ชิโล...เปิดประตู”
ชิโลหันมาเร่งอุ้มสม
“ไปได้แล้วอุ้มสม”
สการกับดรัณเห็นชิโลเงียบจนผิดสังเกต สการสงสัย
มณีแดนสรวง ตอนที่ 16 (ต่อ)
ชิโลเปิดประตูให้สการกับดรัณแล้วยิ้มให้แต่หน้าตากลบเกลื่อนสุดฤทธิ์ ดรัณถามอย่างยิ้มแย้ม
“ทำอะไรอยู่เหรอครับ ผมเรียกคุณตั้งนาน นึกว่าไม่อยู่แล้วซะอีก”
“เอ่อ...คือ...”
ชิโลไม่ทันจะตอบ สการก็รีบเดินเข้ามาในห้องสำรวจไปรอบๆอย่างสงสัย เขาเห็นหน้าต่างเปิดอยู่และเจอ ขนนกตกอยู่ที่พื้นเลยหยิบขึ้นมาดู
“มีขนนกตกอยู่ในห้องเธอได้ยังไง”
ชิโลหน้าเสีย
“เอ่อ...คือ...อ๋อ...เมื่อกี้นี้มีนกบินหลงเข้ามาในห้อง ฉันก็เลยไล่ให้มันออกไป”
ดรัณมองอย่างไม่รู้สึกอะไร
“ที่บ้านผมก็เป็นแบบนี้ประจำแหละครับ อยู่ในสวนธรรมชาติร่มรื่น กลางวันมีนกบิน ไปมา กลางคืนมีหิ่งห้อย สวยงามอย่าบอกใคร ไว้คืนนี้ผมจะพาคุณชิโลไปพายเรือดู หิ่งห้อยกัน ดีมั้ยครับ”
“เรามาทำงานนะเว้ยไอ้ดรัณ ไม่ได้มาเที่ยว”
“เออใช่...ลืมไป ผมจะมาบอกว่าคืนนี้คุณตรีชฎาจะคอยช่วยคุณอยู่ที่เวที ส่วนผมกับ ไอ้แซมจะปลอมตัวปะปนอยู่ในงาน เพราะฉะนั้นคุณสบายใจได้ว่าปลอดภัยร้อย เปอร์เซ็นต์ เว้นแต่ว่า...ถ้าเป้าหมายงับเหยื่อแล้วมีโอกาสได้อยู่กับคุณสองต่อสอง”
สการกับชิโลนิ่งไปแล้วหันมามองหน้ากันโดยไม่ตั้งใจ ชิโลหน้าแดงเถือกไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม ส่วนสการเองก็ดู หลุกหลิก เก้ๆกังๆ จนพฤติกรรมผิดสังเกตมาก ดรัณสงสัย
“คุณชิโลครับ”
ชิโลสะดุ้ง
“เอ่อ...คะ อ๋อ...อิ่มแล้วค่ะ ไม่ค่อยหิว”
“หือ...” ดรัณหรี่ตาสงสัย “ไอ้แซม”
สการสะดุ้ง
“หะ...ห๊ะ อะ...อะไร เข้าห้องน้ำแล้ว ไม่ได้ปวด”
ดรัณชะงัก
“หือ...อะไรกันเนี่ย...ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น”
ชิโลกับสการสะดุ้งเฮือกพร้อมกันคราวนี้ไม่กล้ามองหน้ากัน สการรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เฮ้ย...แกจะมาสงสัยอะไรวะ ฉันก็ช่วยติวชิโลให้พร้อมปฏิบัติงานก็แค่นั้น โตแล้วยังขี้ สงสัยเป็นเด็กๆไปได้ ทำงานๆๆๆ”
สการทำเป็นบ่นลอยๆแล้วรีบเดินออกจากห้องไปเลย ดรัณเลยยิ่งสงสัยไม่หาย
สการเดินออกมาดรัณรีบตามมาขวางทาง
“หยุดเลยไอ้แซม”
“อะไรของแกอีกวะ”
“ฉันอยากรู้ว่าเมื่อคืนนี้ แกทำอะไรคุณชิโล”
“ก็บอกแล้วไง ฉันช่วยติวชิโลให้พร้อมสำหรับปฏิบัติงาน”
“ไอ้นั่น ฉันรู้ แกพูดย้ำเป็นร้อยรอบแล้ว”
“แกรู้แล้วยังมาเซ้าซี้ถามอะไรอีก”
“ฉันเซ้าซี้ก็เพราะฉันสงสัยว่าแก...แก...แก”
ดรัณชี้นิ้วใส่หน้าสการย้ำๆๆแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“แก...แกๆๆๆ อะไร” สการปัดมือเพื่อน “อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาทำงาน”
ดรัณโพล่งออกมาทันที
“แกปล้ำคุณชิโล”
สการชะงักอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ดรัณเลยยิ่งมั่นใจ
“ไอ้ชั่ว...ไอ้เลว...ไอ้บ้ากาม ไอ้ฉวยโอกาส”
ดรัณชกเปรี้ยงเข้าหน้าสการทันที สการอึ้ง
“เฮ้ย...นี่แกชกฉันเลยเหรอ”
“เออ...แค่หมัดเดียวมันยังน้อยไปด้วย” ดรัณถกแขนเสื้อ “ฉันมอบชุดใหญ่ให้แกอีก”
ดรัณร้องเสียงดังปรี่เข้าหาสการ...
“ย๊าก”
สิริสุดาขับรถไปคุยโทรศัพท์ไป มัดหมี่นั่งข้างคนขับ
“ว่าไงนะ ขนาดนั้นเลยเหรอ...ทุเรศ ทุเรศที่สุด”
สิริสุดากระชากหูฟังบลูทูธอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย เอิงเอยนั่งที่เบาะหลัง แต่ไม่ได้นั่งคนเดียว มีสามนางอสูรนั่งประกบด้วยกันอย่างเบียดๆ แต่เอิงเอยมองไม่เห็น แค่รู้สึกอึดอัดเหมือนมีคนเบียดตลอดเวลา มัดหมี่หันมาถาม
“คนใช้ของผู้กองส่งข่าวอะไรมาเหรอ”
สิริสุดาหงุดหงิด
“นังชิโลมันปั่นหัวให้ดรัณกับผู้กองสการสู้กัน ตอนนี้จะฆ่ากันตายอยู่แล้ว”
“โอ้ย...มันจี๊ด...นังชิโล แกทำกับผู้กองของฉันเหมือนให้หมาตัวผู้กัดกันเพื่อแย่งหมา ตัวเมีย ฉันเกลียดแก...ฉันเกลียดแก”
โมหะสะใจ
“หึๆๆๆ ดี...โกรธเข้าไปเยอะๆเลย ยิ่งกิเลศของพวกแกเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ พวกฉันก็จะ ยิ่งสิงร่างของพวกแกได้ง่ายขึ้น”
เอิงเอยรู้สึกอึดอัดและเหม็นตุๆ
“นี่...”ฉันขอถามหน่อยนะ เธอกับเธอ...มีใครปล่อยตดรึเปล่า”
สิริสุดาโวยวาย
“จะบ้าเหรอยัยเอิง ฉันไม่เคยปล่อยตดในรถย่ะ”
มัดหมี่เสียงเขียว
“ฉันก็เปล่า”
เอิงเอยแปลกใจ
“เหรอ...แล้วไอ้กลิ่นเหม็นๆตุๆมันมาจากไหนอ่ะ แล้ว...ฉันก็รู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ เหมือนมีใครมานั่งเบียดฉันอ่ะแก”
สิริสุดาต่อว่า
“แกอย่ามาเพ้อเจ้อได้มั้ยยัยเอิง ตอนนี้ฉันกำลังโมโห ของกำลังขึ้น นังชิโล แกกับฉัน ต้องเจอกันแน่”
สิริสุดาโกรธจัดกระทืบคันเร่ง รถพุ่งทะยานไปตามถนนด้วยความเร็ว สามนางอสูรต่างพากันยิ้มชอบใจและหัวเราะเสียงแหลมดังก้อง
สการกับดรัณแลกหมัดชกกันนัวเนีย ผลัดกันชกหน้ากันคนละทีสองที สการชกดรัณจนเลือดกบปาก ดรัณเจ็บใจวิ่งเข้าไปชาร์จจนล้มกลิ้งไปตามร่องสวน ก่อนจะพากันตกลงไปใน ท้องร่องสวน...ตูม แต่ถึงจะเปียกน้ำ ทั้งคู่ก็ยังลุกขึ้นมาซัดกันไปมา และสการเป็นฝ่ายได้เปรียบ ดรัณเริ่มสู้สการไม่ได้ก็คว้าเอาขี้โคลนขึ้นมาป้ายหน้าทำเอาสการมองไม่เห็น ชกลมวืดไปมา
“เฮ้ย...ไอ้ขี้โกง สู้ไม่ได้ เล่นสกปรกเลยเหรอวะ”
“เขาเรียกเทคนิคการต่อสู้เว้ย ทีแกยังฉวยโอกาสกับคุณชิโลได้ แล้วทำไมฉันจะฉวย โอกาสเล่นงานแกไม่ได้ว่ะ”
สการพยายามชกแต่วืดทุกหมัด ดรัณหลบซ้ายหลบขวาแล้วชกเปรี้ยงเข้าที่หน้า สการหน้าหงาย...สการรีบยกมือยอม
“โอเคๆๆ ฉันยอมแพ้แกแล้ว...ยอมๆๆๆ โอ้ย”
“ดี...ทีหลังจะได้จำว่าอย่าฉวยโอกาสกับคุณชิโลอีก”
ดรัณจะเดินออกไป สการปาดโคลนที่หน้าออกแล้วปรี่เข้าไปชาร์จดรัณตอนเผลอ ขึ้นคร่อมชกหน้าดรัณไม่ยั้ง
“ไอ้ขี้โกง ไหนบอกยอมแพ้แล้วไง โกหกนี่หว่า”
“ฉันไม่ได้โกหกเว้ย เขาเรียกเทคนิคการต่อสู้ ขั้นเทพกว่าแก”
สการชกใส่ดรัณที่พยายามปัดป้องไม่ยั้ง ระหว่างนั้นตรีชฎาตามมาเห็นเข้าก็ตกใจ
“ตายแล้ว…หยุดเดี๋ยวนี้นะคะผู้กอง…อย่ากัดกันค่ะ หยุด…หยุด”
สการซัดดรัณไม่หยุดจนไม่ได้ยินเสียงห้าม ตรีชฎาเห็นไม่ได้การหันไปเจอลูกมะพร้าวแก่ๆที่ตกอยู่ใกล้ร่องสวน
“ขอโทษด้วยนะคะผู้กอง”
ตรีชฎาคว้าลูกมะพร้าวเข้าไปทุบหัวสการทันที...ผั๊วะ สการชะงักอึ้งหันมาที่ตรีชฎาตาขวาง ตรีชฎาสะดุ้งโหยง
“ตายแล้ว…ดิฉันขอโทษ ดิฉันจำเป็นต้องหยุดผู้กอง”
สการทำหน้าเหมือนจะเอาเรื่องจนตรีชฎาหลับตาปี๋ แต่อยู่ๆสการก็ร่วงผล่อยน็อคหมดสติ…คร่อก ตรีชฎาตกใจ
“ผู้กอง!”
สการนอนหมดสติอยู่บนเตียง ตรีชฎากับดรัณช่วยทำความสะอาดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ดรัณยังเจ็บหน้าระบมไม่หายบ่นอุบ
“นี่ถ้าคุณไม่โผล่มา ผมได้โดนมันกระทืบตายคาร่องสวนแน่”
“ท่านผู้การกำชับมาว่างานนี้ไม่อยากให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ดิฉันก็เลยต้องมาตามดู แต่เห็นแบบนี้แล้ว ดิฉันชักเป็นห่วง”
“ไม่มีอะไรต้องน่าห่วงหรอก คุณรายงานผู้การไปได้เลยว่าผมกับไอ้แซม ไม่มีวันเอา เรื่องส่วนตัวมาปนเรื่องงาน”
ดรัณพูดไปก็สะดุ้งเฮือกเพราะเจ็บแปล๊บในปาก....โอ๊ย”
“เป็นอะไรไปคะผู้กอง”
ดรัณหน้าตาเหยเกเจ็บปวดมากก่อนจะรีบวิ่งออกไปนอกห้อง
ตรีชฎาตามดรัณออกมาที่ระเบียง
“ฟันฉัน....เว้ย ไอ้แซม...เล่นซะฟันหักเลย ไอ้เพื่อนเวร”
“ใจเย็นค่ะผู้กอง ไหนบอกว่าจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนเรื่องงานไงคะ”
“ผมขอถอนคำพูด เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม มันต่างหากที่ฉวยโอกาสกับคุณชิโล เอาเรื่องส่วนตัวมาปนเรื่องงาน”
ตรีชฎาถอนใจ
“เฮ้อ...ถ้าพวกคุณยังเป็นอย่างนี้กัน เห็นทีฉันคงต้องรายงานท่านผู้การว่าพวกคุณไม่ พร้อมปฏิบัติงาน จะได้ส่งคนอื่นมาแทน”
ดรัณตกใจ
“ไม่ได้นะครับ ผมไม่ไว้ใจให้คนอื่นมาดูแลคุณชิโล”
“แต่ในเมื่อพวกผู้กองยังทะเลาะกันเองอยู่แบบนี้ แล้วถ้าเกิดเรื่องฉุกเฉินกับคุณชิโล ผู้กองจะดูแลเธอได้ยังไง”
ดรัณนิ่งไปเพราะตรีชฎาพูดถูก
“ดิฉันทำงานให้ผู้กองมานานแล้วนะคะ...ทราบดีค่ะว่าผู้กองเสียใจเรื่องคุณสิริสุดา เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้ผู้กองยอมสละโสดเข้าประตูวิวาห์ได้ แต่การใช้ ผู้หญิงคนอื่นเพื่อรักษาแผลใจ ดิฉันว่านอกจากแผลจะไม่หายแล้ว จะยิ่งซ้ำทำให้แผล อักเสบมากกว่าเดิมอีก ดิฉันขอไปเตรียมตัวกับคุณชิโลก่อนนะคะ”
ตรีชฎาเดินออกไป ทิ้งให้ดรัณยืนครุ่นคิดอย่างหนักใจ ระหว่างนั้นสการเอามือกุมหัวยังมึนๆเปิดประตูออกมา
“อ้าว...นั่นแกรู้สึกตัวแล้วเหรอ”
สการไม่พูดอะไรเดินเข้ามาหาดรัณหน้าเหมือนยังไม่หายโมโห
“เฮ้ยๆ...เลาะฟันฉันไปซี่นึงแล้ว ยังจะเอาคืนอีกเหรอ”
สการยื่นมือออกไป
“ฉันขอโทษว่ะเพื่อน ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังว่าเรื่องคืนนั้นฉันกับคุณชิโล”
ดรัณยกมือห้ามทันที
“หยุด...ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ฉันไม่อยากฟังแกพล่ามรายละเอียดให้มัน ปี๊ดหัวอก”
“แต่ฉันไม่อยากให้แก...”
สการจะพูดว่าเข้าใจฉันผิดแต่ไม่ทันพูดเพราะดรัณขัดขึ้นเสียก่อน
“บอกว่าให้พอได้แล้วไง ฉันเป็นลูกผู้ชายพอรับได้หมดไม่ว่าจะเกิดอะไรกับคุณชิโล ตอนนี้ฉันห่วงแต่เรื่องความปลอดภัยของคุณชิโล อย่างอื่น...ไม่สน”
“โอเค...ถ้าแกไม่อยากฟัง งั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันไปแล้วกัน”
สการจะเดินออกไป ดรัณทักไว้
“เดี๋ยว! ค่าทำฟันปลอมของฉัน ฉันจะส่งบิลไปให้แก”
ดรัณจิ้มอกเพื่อนแล้วเดินออกไปแทน สการมองตามแล้วส่ายหน้าถอนหายใจ
สามสาวนั่งเรือรับจ้างล่องมาตามลำคลอง มุ่งหน้าบ้านสวนของดรัณ เอิงเอยโดนแมลงหวี่แมลงวันตอมจนรำคาญ ตบแผะๆมาตลอดทาง มัดหมี่หันไปถามสิริสุดาอย่างไม่เข้าใจ
“นี่คุณสิ...ทำไมไม่ขับรถไปบ้านผู้กอง ฉันอยากจะไปเล่นงานนังชิโลนะ ไม่ใช่มานั่งเรือ ชมสวนมะพร้าวแบบนี้”
“เธอนี่ก็...อยู่ๆจะให้ขับรถไปจอดหน้าบ้าน แล้วตามขึ้นไปเล่นงานนังชิโลต่อหน้าผู้กอง น่ะเหรอ จะได้โดนผู้กองไล่ตะเพิดไม่ทันได้ตบนังชิโลน่ะสิ”
มัดหมี่สงสัย
“แล้วคุณมีแผนอะไร”
สิริสุดาจิกหน้าร้าย ส่วนเอิงเอยยังไม่เลิกวุ่นวายกับแมงหวี่แมงวันที่ตอมหึ่งๆ
“ฉันจะเข้าทางหลังบ้าน คนใช้ของดรัณเตรียมกุญแจห้องนังชิโลไว้ให้แล้ว ได้โอกาสเมื่อ ไหร่เราจะแอบย่องไปหามัน ถ้ามันขัดขืนพวกเธอก็ช่วยกันจับมันเอาไว้”
“เข้าท่าดี สามต่อหนึ่งแบบนี้ ต่อให้มันมีสร้อยของขลังบ้าบอคอแตกก็ช่วยมันไม่ได้”
มัดหมี่เห็นด้วยกับแผนการยิ้มร้ายสะใจ เอิงเอยเล็งตบแมงหวี่ที่บินโฉบหน้าไปแล้วตบ...เพี๊ยะ! เข้าหน้ามัดหมี่
“โอ๊ย ! ยัยเอิงนี่เธอตบหน้าฉันทำไม”
เอิงเอยหน้าเหวอ
“ฉันขอโทษ ไม่ตั้งใจ จะตบแมลงวัน ไม่รู้มาจากไหนตอมเต็มหมด ฉันว่าบนเรือนี่ต้องมี อะไรเน่าๆเหม็นๆอยู่แน่”
“ถ้าจะมีของเน่าๆเหม็นๆ ก็มีเธอนั่นแหละที่ไม่ได้อาบน้ำมา...” มัดหมี่บ่นแล้วเจ็บหน้า “นังบ้า”
เอิงเอยยังสงสัยทำจมูกฟุดฟิดไปมาก่อนจะหันมาที่คนแจวเรือซึ่งก็คือโทสะที่จำแลงแปลงกายมา โทสะยิ้มร้ายตาเป็นสีแดงก่ำ เอิงเอยเห็นเข้าก็ผงะตกใจรีบขยี้ตาแล้วเห็นเป็นปกติ...เอิงเอยแปลกใจ
เรือล่องมาจอดที่ท่าน้ำ คนใช้ที่บ้านสวนของดรัณยืนรออยู่ สิริสุดาปีนจากเรือขึ้นมาอย่างทุลักทุเล คนใช้ยื่นกุญแจที่เตรียมไว้ให้ สิริสุดารีบรับมาแล้วจ่ายเงินเป็นแบงค์พันสี่ห้าใบเป็นค่าจ้าง
“ถ้ามีข้อมูลอัพเดตอะไรโทรหาฉันด้วย”
คนใช้พยักหน้ารับแล้วรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋าเดินออกไปสบายใจ สิริสุดาหันมาถามเพื่อน
“พร้อมกันแล้วใช่มั้ย”
“ฉันน่ะพร้อมตั้งแต่มาแล้ว แต่เพื่อนเธอน่ะสิ เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้”
สิริสุดาหันไปมองเอิงเอยที่ยังหันรีหันขวางท่าทางดูกลัวๆอะไรสักอย่าง
“ยัยเอิง...ยัยเอิง”
เอิงเอยสะดุ้ง
“เย้ย ! ไม่ต้องเสียงดังก็ได้ ฉันตกใจ”
“แกเป็นอะไรของแก ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่า...ฉันสบายดี แต่ฉัน...ฉันรู้สึกว่าเราไม่ได้มากันแค่ 3 คนน่ะสิแก”
สิริสุดาหงุดหงิด
“นี่แกจะบ้าเหรอ ก็เห็นอยู่ว่ามากัน 3 คน”
“แต่ฉันรู้สึกว่ามีคนอื่นอยู่กับเราจริงๆ”
มัดหมี่มองเอิงเอยไม่ค่อยพอใจ
“นี่...ถ้าป๊อดไม่กล้าก็บอกมาตรงๆ ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้”
เอิงเอยฉุนกึก
“ใครว่าฉันป๊อด”
สิริสุดาเบื่อหน่าย
“พอซะที...มัวแต่เถียงกันอยู่ได้ ถ้าคันมืออยากตบกันนักล่ะก็ เก็บแรงไว้ตบนังชิโล ไม่ใช่มากัดกันเอง”
เอิงเอยเชิดใส่ มัดหมี่ก็เชอะใส่แล้วสะบัดบ๊อบเดินนำไป
“ไปกันได้แล้ว”
สิริสุดาลากเอิงเอยตามไป ครู่หนึ่งราคะกับโมหะและโทสะก็เดินเข้ามามองตามสามสาว ราคะมองอย่างไม่วางใจ
“จะไว้ใจนังพวกนั้นได้เหรอ ดูท่าทางไม่ได้เรื่องสักคน”
โมหะมองๆ
“ปล่อยให้พวกนางจัดการกันไปเถอะ ตอนนี้พวกมันก็ไม่ต่างจากนังมารร้ายเพราะ จิตใจของมันมีแต่ความกราดเกรี้ยว ริษยา”
โทสะยิ้มหยัน
“กิเลศสุมอกซะขนาดนั้น พวกมันพร้อมทำชั่วได้ทุกอย่างแน่...หึๆๆๆๆ”
สามนางอสูรยิ้มร้ายหัวเราะลงคอหึๆๆๆอย่างน่ากลัวก่อนจะหายตัวไป
โปรดติดตามตอนต่อไป