มณีแดนสรวง ตอนที่ 9
สการเดินตามหาชิโลอยู่บนดาดฟ้า ด้วยสีหน้าหงุดหงิดร้อนอกร้อนใจมาก
“ชิโล...ชิโล..เธออยู่บนนี้รึเปล่า”
ชิโลแอบหลบที่หลังแทงค์น้ำมองสการ
“ผู้กองหน้ายักษ์นี่น่ะเหรอ...ที่พี่พรรณรายบอกให้เรามองให้ลึกใจจิตใจมากกว่าการกระทำ”
หญิงสาวมองสการอย่างพิจารณา
“ยัยเพี้ยน !! ยัยติงต๊อง ถ้าอยู่แถวนี้ก็โผล่หัวออกมา ฉันเหนื่อยจะตามหาเธอแล้วนะ”
ชิโลชักสีหน้า
“ตาบ้า !! ชอบว่าเราเพี้ยนติงต๊องอยู่เรื่อย ใครบอกให้มาช่วยล่ะ..เชอะ”
สการยังเดินตามหา ชิโลถอยมาครุ่นคิดแล้วคิดถึงคำพูดของพี่สาว
‘จะรับมือกับมนุษย์บางทีก็ต้องใช้วิธีการแบบมนุษย์ การมีมารยาหญิงอาจช่วยทำให้เรารอดพ้นจากอันตรายได้’
ชิโลคิดได้แล้วก็อมยิ้มกวนๆ
“เจอตัวเราเมื่อไหร่ต้องวุ่นวายตอบคำถามเยอะแน่..ลองดูหน่อยแล้วกัน มารยาหญิง ผิดศีลก็จริง แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร”
ชิโลทำท่าเว่อร์ๆโอเว่อร์แอคติ้งแบบคนที่ตกใจสุดฤทธิ์
“ผู้กองคะ..ฉันอยู่ทางนี้...ช่วยฉันด้วย”
สการหันขวับ
“ชิโล !!”
สการปรี่เข้าไปหา ชิโลตัวเซล้มทั้งยืน สการเข้าไปโอบไว้ได้ทัน
“ชิโล...เกิดอะไรขึ้น”
ชิโลเว่อร์แอคติ้ง
“ผู้กอง...ฉัน...ฉัน...”
ชิโลพูดได้แค่นั้นก็ทำท่าหมดสติไปทันที...!!
“อ้าว...ชิโล...ชิโล !!”
สการแบกชิโลขึ้นหลังพาเดินมาตามทาง ชิโลหรี่ตาขึ้นมามองสการที่แบกเธอเดินอย่างเป็นห่วง แต่พอเขาหันหน้ามา เธอรีบทำเป็นสลบต่อ
“เห็นตัวเล็กๆ แต่หนักชมัด ยัยเพี้ยนเอ้ย”
ชิโลลืมตาขึ้นมาอีกแล้วกระหยิ่มยิ้ม คิดในใจ...
‘แค่นี้ทำเป็นบ่น ไหนว่าเป็นมือปราบระดับพระกาฬไม่ใช่เหรอ...ผู้กองหน้ายักษ์’
ชิโลแลบลิ้นใส่...ชิ แต่สการดันหยุดชะงัก ชิโลตกใจรีบหลับตาปี๋ทำสลบต่อ
‘ตาบ้า...หยุดทำไม หรือว่าได้ยินที่เราพูด เป็นไปไม่ได้ ก็เราคิดในใจแล้วจะได้ยินได้ยังไง’
สการค่อยๆหันมา ชิโลทำสลบเนียนสุดฤทธิ์
“บอกตรงๆนะยัยเพี้ยน เวลาที่เธออยู่เงียบๆแล้วไม่แผลงฤทธิ์แบบนี้ เธอก็สวยเหมือนนางฟ้าลงมาจากสวรรค์เหมือนกัน”
สการชมชิโลแล้วเดินแบกชิโลไปตามทาง ชิโลถึงกับอึ้ง..ตึงๆๆ ไม่คิดว่าจะได้รับคำชมจากสการแบบชัดๆแบบนี้ ชิโลถึงกับหัวใจเต้นตึกๆ เลือดฝาดขึ้นหน้าอย่างไม่รู้ตัว
‘นายนั่นแหละที่เพี้ยน ไม่เคยเห็นนางฟ้าแล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันสวยเหมือนนางฟ้า’
ชิโลพร่ำไปแต่ก็อมยิ้มเขินๆ
หน้าคอนโดฯ พรรณรายยืนเพ่งจิตสงบนิ่งพนมมือร่ายมนต์ ครู่หนึ่งเกิดแสงสว่างขึ้นเป็นเส้นรอบๆคอนโดฯ ด้วยเวทย์มนต์สร้างอาณาเขตปกป้องชิโลจากพวกอสูร ระหว่างนั้นอุ้มสมก็ส่งเสียงเรียก
“พี่พรรณราย”
พรรณรายหันไปเห็นสภาพของอุ้มสมก็ตกใจ เพราะหน้ามอมแมมเลอะเทอะไปทั้งตัว
“อุ้มสม...เจ้าไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มอมแมมเลอะเทอะ เหมือนไปกัดกับสุนัขที่ไหน”
“ไม่ได้กัดกับสุนัข แต่กัดกับแมวมาครับพี่”
“แมว...” พรรณรายยิ้มขำคิกคัก “โถ..น่าสงสารเจ้าซะจริงอุ้มสม”
“หึ..ถ้าพี่พรรณรายสงสารก็ ช่วยเสกให้ผมไม่ต้องกลายเป็นนกแก้วอีกได้มั้ยครับ”
“ไม่ได้หรอก มนต์ที่เสกเจ้าเป็นของท่านพ่อ พี่ช่วยอะไรไม่ได้”
“แต่แมวที่โลกมนุษย์ มันจ้องจะกินผมอย่างเดียวเลยนะพี” อุ้มสมคร่ำครวญ
“เจ้าก็พยายามอย่าจามสิ จะได้ไม่ต้องเป็นนกแก้วอีก...เอาล่ะ จากนี้ไปเจ้าและชิโลจะรอดปลอดภัยจากพวกอสูร เพราะพี่เพิ่งจะสร้างอาณาเขตปกป้องที่นี่ไว้ให้”
“แล้วถ้าออกนอกอาณาเขตนี้ล่ะพี่พรรณราย”
“ชิโลมีแก้วสัตตพิธรัตนะคุ้มครองตนอยู่ เจ้าต้องคอยอยู่ใกล้ๆชิโล กำชับอย่าให้ชิโลห่างจากแก้วสัตตพิธรัตนะเด็ดขาด”
“ครับพี่พรรณราย”
“มีอีกเรื่องที่เราต้องเตือนเจ้า”
พรรณรายพูดไปก็แหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าสีหน้าดูเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา จนอุ้มสมแปลกใจ
“เจ้ากับชิโลควรต้องเร่งหาทางแก้ปัญหาของผู้กองดรัณกับคุณสิริสุดาให้ได้โดยเร็ว”
“ทำไมต้องเร่งด้วยครับพี่พรรณราย”
“เรายังบอกเจ้าตอนนี้ไม่ได้ แต่อย่านิ่งนอนใจ ถ้ามีเหตุอะไรสุดวิสัย พี่จะมาช่วย ดูแลน้องสาวเราด้วยนะอุ้มสม”
สั่งเสียเสร็จพรรณรายก็หายตัวไป
“พี่พรรณราย”
อุ้มสมแปลกใจสงสัยกับคำเตือน ที่พรรณรายบอกไว้แต่คลุมเครือ
จิตราสูรพาอสุเรศ มาดูอัคราสูรที่โดนพรรณรายเล่นงานจนตัวแข็งเป็นหิน
“กระผมเตือนมันแล้วขอรับนายท่าน แต่มันอหังการ์คิดจะเล่นงานรัศมิพรรณราย มันก็เลยโดนสั่งสอนซะ”
จิตราสูรเข้าไปเอามือแขกที่หัวของอัคราสูร..เสียงดังเหมือนเคาะของแข็งๆ..ก๊องๆๆ
“ฟังเสียงดูสิขอรับ เสียงแบบนี้ แสดงว่าข้างในกะโหลกมันไม่มีอะไรอยู่เลย”
จิตราสูรจะเคาะอีกที แต่คราวนี้ลูกกะตาของอัคราสูรกลอกมาจ้องเขม็ง จิตราสูรตกใจ
“เย้ย !! โดนสาปให้เป็นหินแล้ว ไหงลูกกะตายังกลอกไปมาได้”
“ถอยไป !!”
อสุเรศสั่งจิตราสูรเสียงเฉียบแล้วเข้าไป ยืนใกล้ๆอัคราสูร อสุเรศเพ่งจิตสงบนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะยื่นมือไปแตะที่ตัวอัคราสูร เกิดแสงสว่างขึ้นรอบๆ อัคราสูรก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆกลับมาขยับแข้ง แขนขาได้เหมือนเดิม
“โอ้ย...ขอบคุณขอรับนายท่าน นึกว่าจะต้องตัวแข็งอยู่ตรงนี้ไปตลอดแล้วซะอีก”
อัครสูรแล้วหันขวับไปที่จิตราสูร
“ไอ้อึ่งอ่าง !! ได้ทีเคาะกะโหลกข้าไม่หยุดเลย เอ็งโดนเอาคืนแน่”
อัคราสูรจะเอาเรื่อง แต่อสุเรศเข้าไปกระชากคอเสื้อสมุนแล้วจับมาชนกัน...โครม !! พวกมันร้องโอดโอยกันไป
“ถ้าพวกแกไม่มัวแต่มาทะเลาะกันกับเรื่องไร้สาระ ป่านนี้ข้าก็คงได้ตัวรัศมิชโลธรไปทำเมียแล้ว”
“พวกกระผมขอโทษขอรับนายท่าน”
อสุเรสกระชากคอเสื้ออัคราสูร
“กี่ครั้งแล้วที่พวกแกเอาแต่ขอโทษ”
อัคราสูรหันมานับนิ้ว จิตราสูรตบหน้าผากตัวเอง...มึน
“ไอ้อสูรโง่เอ้ย ดันไปนับอีก...หาเรื่องทำให้นายโกรธแล้ว”
จิอตราสูรสยองพองขน รู้ว่านายโกรธแล้วต้องเกิดอะไรขึ้น เลยเอาตัวรอดขยับขาถอยหนีสุดฤทธิ์
“นับไม่ถ้วนขอรับ”
อสุเรศชักสีหน้าโกรธมากถึงมากที่สุด ดวงตาของอสุเรศแดงก่ำจนน่ากลัว เส้นเลือดปูดขึ้นจนเห็นได้ชัด
อัคราสูรกระเด็นเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยแรงผลักมหาศาล ของอสุเรศที่กราดเกรี้ยวฉุนเฉียวกว่าทุกครั้ง
“นายท่าน...กระผมขอโทษขอรับ กระผมจะไม่ทำให้นายท่านต้องผิดหวังอีก”
“ยังไม่เลิกพูดขอโทษกับข้าอีกเหรอ...ข้าเบื่อที่จะฟังอีกแล้ว”
สุเรศเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วจับเหวี่ยงอัคราสูร กระเด็นไปกระแทกกับจิตราสูรที่คลานต้วมเตี้ยมหาที่หลบ
“โอ้ยยยย...อุตส่าห์หลบแล้วยังโดนลูกหลงอีก ไอ้อสูรบื้อ เอ็งทำข้าซวยไปด้วยเลย”
อสุเรศตามเข้ามาจะเล่นงานซ้ำ จิตราสูรรีบเข้าไปกอดขาอ้อนวอน
“นายท่าน...เว้นโทษพวกเราด้วยเถอะขอรับ พวกเราพยายามทำตามที่นายท่านสั่งทุกอย่างจนเกือบจะได้ตัวรัศมิชโลธรมาให้ท่าน”
“เกือบจะได้เหรอ !! พวกแกปล่อยให้พี่สาวนางเอาแก้วสัตตพิธรัตนะมาให้นางจนทำให้ข้าเข้าใกล้นางไม่ได้อีก แบบนี้แล้วยังคิดว่าข้าควรจะยกโทษให้อีกงั้นเหรอ”
อสุเรศโกรธจัดกระทืบเท้าดัง...ตึ่ง..ตึ่งเข้าหา คฤหาสน์สั่นสะเทือน สมุนอสูรพากันตัวโยกหัวสั่นหัวคลอน จิตราสูรหลับตาปี๋
“ตาย..ตายแน่ๆ ไม่คิดเลยว่าต้องมาตายที่มนุษยภูมิแบบนี้”
จิตราสูรหลับตาปี๋กลัวตาย แต่ทันใดนั้นอสุเรศกลับชะงักกึกเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
อสุเรศผละจากสมุนแล้วเดินออกไปทันที อัคราสูรกับจิตราสูรพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก งงๆไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อสุเรศออกมาที่ระเบียงคฤหาสน์ เห็นเมฆดำทะมึนบนท้องฟ้าเคลื่อนตัวเข้ามาสลับกับฟ้าร้องฟ้าแลบแปลบๆ อสุเรศนิ่งงันไปทันที สองสมุนตามนายออกมา อัคราสูรสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายท่านถึงไม่ลงโทษพวกเรา”
“นายท่านไม่ลงโทษก็ดีแล้ว หรือว่าเอ็งยังอยากโดน”
“พวกเจ้าหุบปากกันได้แล้ว” อสูเรศตวาด
จิตราสูรยังคงสงสัย
“ขอรับนายท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ”
“ท่านพ่อเรียกตัวข้า สั่งให้ข้ากลับไปที่พิภพอสูร..เดี๋ยวนี้ !!”
“ท่านจอมอสูรเหรอขอรับ” อัครสูรถามย้ำ
อสุเรศหนักใจ จิตราสูรพลอยไม่สบายใจไปด้วย
“ท่านจอมอสูรมีคำสั่งด่วนแบบนี้ หรือว่าจะรู้เรื่องที่นายท่านขึ้นมาที่มนุษยภูมิเพื่อเล่นงานรัศมิชโลธร”
“ไม่..ท่านพ่อไม่รู้เรื่องนั้นแน่”
“แล้วท่านจอมอสูรมีคำสั่งเรียกตัวนายท่านไปเพราะอะไรขอรับ” อัคราสูรแปลกใจ
อสุเรศแหงนหน้าขึ้นบนท้องฟ้าที่มีแต่เมฆทะมึนดำ
“คงใกล้เวลาที่ดอกปาฎลีจะออกดอกแล้ว”
จิตราสูรนึกขึ้นมาได้
“ดอกปาฎลี !! ที่กลางพิภพอสูรน่ะเหรอขอรับ”
“ข้าต้องรีบไปเดี๋ยวนี้แล้ว พวกเจ้าฟังคำสั่งข้าให้ดี ระหว่างที่ข้าต้องกลับไปพิภพอสูร พวกเจ้าคอยจับตาดูรัศมิชโลธรให้ดี แล้วหาโอกาสเล่นงานนางให้ได้”
จิตราสูรรับปากแข็งขัน
“ได้ขอรับนายท่าน คราวนี้ข้าจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวัง”
อสุเรศหันมามองสีหน้าจริงจังก่อนที่จะหายตัวไป จิตราสูรเป่าปากโลกอก
“เกือบไปแล้วเรา...นับว่าดวงยังดี”
จิตราสูรหันไปตกใจที่อัคราสูรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“เย้ยย..ไอ้อสูรหน้าบื้อ ยื่นหน้ามาทำไม ข้าตกใจหมด”
“ข้าสงสัยว่าทำไมแค่ดอกปาฏลีที่กลางพิภพอสูรบาน ท่านจอมอสูรถึงต้องสั่งให้นายท่านกลัวด่วนด้วย”
จิตราสูรส่ายหน่าอย่างรำคาญ พลางอธิบาย
“แกนี่มันสมเป็นอสูรหน้าบื้อๆจริงๆ บนสวรรค์มีต้นปาริกชาติ ในพิภพอสูรก็มีต้นปาฏลี เมื่อใดที่ทั้งดอกปาริกชาติและดอกปาฏลีบานสะพรั่งและร่วงโรยพร้อมๆกัน ก็ถึงเวลาที่พวกเราเหล่าอสูรกับพวกเทวดาต้องเปิดศึก...เทวสุรสงคราม !!”
สการแบกพาชิโลกลับเข้ามาที่โซฟา นารีเป็นห่วงชิโลมาก ส่วนมัดหมี่นั่งเชิดหน้า
“หนูชิโล...หนูชิโลเป็นอะไรไปตาแซม” นารีถาม
“แค่หมดสติไปครับแม่”
มัดหมี่สอด
“ดูท่าทางไม่เป็นอะไรมาก เอายาดมให้ดมหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้นเองค่ะคุณแม่”
นารีหันขวับมองไม่พอใจ
“หมดธุระของเธอแล้วใช่มั้ย มัดหมี่”
“เอ่อ...คุณแม่คะ”
“ฉันขอบใจมาก ที่เธอเป็นห่วงในความปลอดภัยของฉัน แต่การที่เธอเรียกให้รถพยาบาลมาพาตัวชิโลไปโดยไม่ถามฉันสักคำ โบราณเขาเรียกว่า..สอด”
มัดหมี่ผงะเหวอ
“คะ...คะ...คุณแม่”
“ต่อไปนี้อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอเข้ามาจุ้นจ้านกับฉันและหนูชิโลอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะมองไม่เห็นว่าเธอเป็นเพื่อนของลูกชายฉันอีก”
มัดหมี่โดนนารีตอกหน้าใส่อย่างไม่เกรงใจทำเอาแทบอยากกรี๊ด ชิโลแอบหรี่ตาขึ้นมามองเห็นอาการท่าทางของมัดหมี่
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
สการเหมือนได้ยินเสียงชิโลเลยหันขวับมา ชิโลรีบหลับตาทำเป็นสลบต่อ นารีสั่ง
“ตาแซม ไปส่งเพื่อนเราได้แล้ว”
มัดหมี่เจ็บใจหันไปคว้ากระเป๋าถือแล้วเก็บอาการสุดฤทธิ์
“มัดหมี่ต้องขอโทษคุณแม่ด้วยจริงๆ มัดหมี่รักและเคารพคุณแม่เหมือนเป็นแม่ของมัดหมี่อีกคน หวังว่าคุณแม่จะอภัยให้ลูกสาวคนนี้บ้าง มัดหมี่กราบลาล่ะค่ะ”
มัดหมี่เชิดหน้าตั้งเดินออกไป สการตามออกไปส่งมัดหมี่
มัดหมี่เดินออกมาอย่างเจ็บใจ จิกมือจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ถลึงตาแทบจะถลน ระหว่างนั้นสการเดินตามหลังมา
“คุณมัดหมี่”
มัดหมี่ชะงักแล้วรีบแอคติ้งบีบน้ำตาปล่อยโฮสุดฤทธิ์
“ฮือๆๆๆ..โฮๆๆๆๆ..แงๆๆๆ”
“คุณมัดหมี่”
“ผู้กอง...มัดหมี่ขอโทษ มัดหมี่ผิดไปแล้ว มัดหมี่ไม่สมควรที่จะมาให้คุณแม่เห็นหน้ามัดหมี่อีก..ฮือๆๆๆ คุณแม่เกลียดมัดหมี่ไปแล้ว...โฮๆๆๆๆ”
มัดหมี่ปรี่เข้าไปกอดสการแล้วแกล้งร้องไห้ซบอก
“เอ่อ...คุณแม่ผมไม่เคยเกลียดใครหรอกครับ ท่านเป็นห่วงชิโลมาก ท่านก็เลยเหวี่ยงออกมาบ้างแค่นั้น”มัดหมี่แอบพึมพำ
“แก่จะตายอยู่แล้วยังมาทำเหวี่ยง”
สการไม่สบายใจ
“คุณมัดหมี่”
มัดหมี่ร้องไห้สะอื้นต่อ
“มัดหมี่ก็เป็นห่วงคุณแม่ ถึงได้ตัดสินใจเรียกคนมาพาตัวยัย...เอ่อ...ชิโลไป ผู้กองก็เห็นว่าชิโลไม่ใช่คนปกติ”
“ครับ..เธออาจจะไม่ปกติเหมือนคนอื่น แต่เธอก็ไม่ได้บ้าถึงขั้นต้องส่งตัวไปรักษา เอาเป็นว่า ผมขอบคุณมากในความหวังดีของคุณ”
“ถ้าผู้กองไม่โกรธ มัดหมี่ก็สบายใจ เพราะมัดหมี่ชอบให้คนรัก ไม่ชอบให้ใครเกลียด...ยิ่งรักมากก็ยิ่งช้อบ...ชอบ”
มัดหมี่พูดไปก็เอามือแตะหน้าอกสการแล้วซบหน้าออดอ้อน สการรู้สึกจั๊กจี๋
“โอเคครับ...แต่เอาเป็นว่าสำหรับยัยเพี้ยนนั่น คุณไม่ต้องไปยุ่งกับเธออีก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมยุ่งกับเธอคนเดียวก็พอ คุณกลับไปทำงานของคุณเถอะครับ”
สการดันมัดหมี่ออกแล้วไป กดปุ่มหน้าลิฟท์เป็นจังหวะที่ลิฟท์มาถึงและเปิดประตูพอดี
“ผู้กองคะ”
“เชิญครับ”
มัดหมี่หน้างอยอมกลับก็ได้เข้าไปในลิฟท์ พอประตูลิฟท์ปิดมัดหมี่ก็ปั้นหน้าร้ายเอาเรื่อง
“หึ...นังชิโล นังบ้า...ฉันรู้ว่าแกมารยาใส่ผู้กอง เชอะ...ฉันไม่ปล่อยแกให้มาเสนอหน้าทำคะแนนตีตื้นฉันหรอก...โอ๊ย มันจี๊ดดดด”
ที่สำนักงานตำรวจฯ...ตรีชฎาเข้ามาที่โต๊ะทำงานของสการ
“ผู้กองคะ...อ้าว...ไม่อยู่แล้วเหรอ”
ดรัณเข้ามา
“เจ้านายหายเหรอครับคุณตรีชฎา”
“ค่ะ..สั่งงานเอาไว้แล้วอยู่ๆก็หายไปไหนก็ไม่รู้”
“คงมีเรื่องด่วนให้ไปจัดการ ว่าแต่ไอ้แซมสั่งงานอะไรไว้เหรอครับ”
“ก็เรื่องข้อมูลในทะเบียนราษฏ์ของน้องนางฟ้าตกสวรรค์ค่ะ”
“คุณชิโลน่ะเหรอ”
“ค่ะ ผู้กองไปได้หมายเลขบัตรประชาชนของเธอมา ก็เลยสั่งดิฉันไปค้นข้อมูลมาให้”
ดรัณสนใจ
“แล้วได้เรื่องว่ายังไงครับ”
ชิโลคุยกับอุ้มสมในห้องนอนสองต่อสอง อุ้มสมถามอย่างตกใจเมื่อรู๔เรื่อง
“นี่เจ้าใช้มารยาหญิงหลอกให้ผู้กองสการแบกเจ้ากลับมาเหรอ”
ชิโลยิ้ม ภูมิใจมาก
“ใช่...สนุกดีเหมือนกันนะอุ้มสม ชอบมาว่าเราเป็นยัยเพี้ยนนัก เลยให้แบกหลังแอ่นกลับมาซะให้เข็ด”
“แต่นั่นมันก็คือการมุสาดีๆ มันผิดศีลไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ผิดอยู่หรอก แต่ต้องดูที่เจตนา เพราะเรายังไม่รู้จะตอบ 108 คำถามของผู้กองยังไง ถ้ายังยืนยันเหมือนเดิมว่าเราเป็นนางฟ้า เราก็คงแก้ปัญหาของเราไม่ได้ซะที”
อุ้มสมพยักหน้ารับ
“มันก็จริงของเจ้า พี่พรรณรายเพิ่งกำชับมาว่าอย่ามัวเสียเวลา ควรรีบเร่งแก้ปัญหาเรื่องผู้กองดรัณให้เร็วที่สุด”
ระหว่างนั้นสการเปิดประตูเข้ามา ชิโลเห็นก็ตกใจรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วทำเป็นหลับต่อ อุ้มสมยิ้มแหย
“ผู้กอง”
“พี่สาวเรายังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ”
“เอ่อ...ครับ...”
“สการมองไปที่เตียงแล้วเดินไปกระชากผ้าห่มออก”
“เลิกเล่นละครตบตาฉันได้แล้วยัยเพี้ยน ฉันได้ยินเสียงเธอคุยกับน้องชายเธอ”
ชิโลค่อยหรี่ตาขึ้นมามองสการแล้วทำเป็นลุกนั่งเชิดหน้า สการชี้หน้า
“เจ้าเล่ห์นักนะ มานี่เลย...มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
สการเข้าไปคว้าข้อมือ ดึงชิโลพาตัวออกไปด้วยกัน ชิโลบ่น
“ฉันเจ็บนะ”
สการจับชิโลนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก ขณะที่ดรัณที่มารออยู่แล้ว สการจับชิโลกดตัวนั่ง อุ้มสมมายืนด้วยข้างๆ
“โอ๊ย...เบาๆหน่อยไม่ได้เหรอคะผู้กอง ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาล้มลุกนะ ผลักอยู่ได้”
“ฉันยังไม่ได้ผลักเธอเลยนะ แค่จับให้นั่งดีๆจะได้คุยกันซะที”
“จับดีๆของคุณ แต่ทำให้แขนฉันช้ำไปหมดแล้ว”
“เนื้อทองจังนะเธอ อ้อ..ลืมไป เธอเป็นนางฟ้ามาจากสวรรค์ เนื้อตัวเลยแตะต้องไม่ได้”
ชิโลจะเถียงอีกแต่ดรัณเข้ามาขัด
“ฉันว่าคุณชิโลพูดถูก ฉันเห็นแกชอบทำรุนแรงกับเธอตลอด ไม่เคยทำตัวสุภาพกับผู้หญิงที่น่าทะนุถนอมอย่างคุณชิโลเลย”
ดรัณพูดไปก็ยิ้มหวานให้ ชิโลยิ้มตอบ
“ขอบคุณค่ะผู้กองดรัณ สุภาพบุรุษต้องเป็นแบบนี้แหละค่ะ”
สการเห็นชิโลกับดรัณเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็อดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ ชิโลหันมาเชิดหน้า
“ตกลงจะถามอะไรฉัน ถ้าไม่ถามฉันจะได้ไปพักผ่อน”
“ฉันมีคำถามจะถามเธอ 2 คำถาม เธอต้องตอบฉันให้เคลียร์”
ชิโลนิ่งไปแล้วหางตามองอุ้มสมที่พยักหน้าให้ ชิโลเข้าใจแล้วเลยหันมาสบตาสการ
“เชิญ”
สการนั่งแหมะลงข้างๆชิโลบนโซฟาตัวเดียวกัน
“คำถามข้อแรก ฉันได้ข้อมูลบัตรประชาชนเธอจากสำนักงานในคอนโดฯ ฉันก็เลยให้ลูกน้องไปค้นมา”
ชิโลหน้าตื่น
“อะไรนะ...นี่คุณถือดียังไงถึงได้มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน”
“เพราะตั้งแต่เธอปรากฏตัวขึ้น ชีวิตฉันก็มีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ฉันถึงต้องรู้เบื้องหลังของเธอให้ละเอียดที่สุด”
“แล้วมีอะไรรึเปล่าล่ะ”
“มีสิ !! ข้อมูลจากบัตรประชาชนของเธอ ค้นในทะเบียนราษฏ์ ยังไงก็ไม่มีชื่อชโลธร ณ แดนสรวง นั่นหมายความว่าเธอปลอมแปลงเอกสาร ปกปิดตัวตนของเธอ”
ชิโลหน้าเสีย ดรัณออกมาช่วยปกป้อง
“เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งเหมาเอาแบบนั้นสิวะ แกอาจจะจดหมายเลขบัตรประชาชนคุณชิโลไปผิดก็เลยค้นไม่เจออะไร”
“ตั้งแต่ฉันเป็นตำรวจมา แกเคยเห็นฉันผิดพลาดเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอวะไอ้รัณ”
ดรัณนิ่งไป สการรุกเข้าไปนั่งใกล้ๆชิโลที่เริ่มขยับถอยหนีทีละนิดๆ
“คำถามข้อที่สอง เรื่องที่มีคนพยายามตามล่าตัวเธอ พวกมันเป็นใคร ทำไมถึงตามจองเวรเธอไม่เลิก เธอไปก่อเรื่องอะไรไว้ถึงต้องหนีมากบดานอยู่ที่นี่”
ชิโลโดนสการซักซะจนถอยสุดโซฟาไม่มีที่ให้ขยับแล้วเลยรีบลุกไปยืนชิดกับอุ้มสมที่ซุบซิบทันที
“ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าพร้อมรับมือเขาแล้วไง”
“นางฟ้าที่ไม่เคยมุสาอย่างเรา เจอคำถามรัวเป็นชุดแบบนี้ เราจะรับมือไหวได้ยังไง”
สการถามเสียงเข้ม
“ว่ายังไง ตอบฉันมา !! ถ้าเธอแก้ตัวได้ไม่เนียนล่ะก็ เธอโดนคดีอาญาแน่”
ชิโลตกใจดูเลิ่กลั่กเพราะทุกสายตามองมาที่เธอทั้งสการและดรัณ...ชิโลกลืนน้ำลาย...เอื๊อก
“ก็ได้ !! ฉันโดนตามล่าตัวอยู่ ฉันถึงต้องหนีมากบดานอยู่ที่นี่”
ดรัณสนใจอย่างเป็นห่วง
“ใครเหรอครับ พวกที่ตามล่าคุณ”
“เอ่อ...พวก...พวกนั้นเขา...เขาเป็นพวกคนไม่ดี ทั้งน่ากลัวแล้วก็ร้ายกาจมาก ตำรวจอย่างพวกคุณรับมือเขาไม่ได้หรอก”
สการไม่พอใจ
“นี่เธอดูถูกตำรวจอย่างพวกฉันว่า ไม่มีน้ำยารับมือกับพวกมิจฉาชีพงั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้ดูถูกคุณ แต่ฉันพูดความจริง เพราะฉันหวังดีไม่อยากให้คุณเอาชีวิตมาเสี่ยง”
สการฉุน
“ก่อนเธอจะเข้ามาในชีวิตฉัน ชีวิตฉันมันก็เสี่ยงตลอดเวลาอยู่แล้ว”
ดรัณปราม
“เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นสิวะไอ้แซม คุณชิโลยอมเล่าให้ฟังขนาดนี้แล้ว แสดงว่าเธอกำลังเดือดร้อน ในฐานะตำรวจเราควรจะเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือเธอสิวะ”
“ก็ในเมื่อไม่บอกว่าหนีใครมาแล้วจะช่วยตามไปจับมาได้ไงล่ะ”
ชิโลไม่รู้จะพูดยังไง
“ฉันบอกพวกคุณได้เท่านี้จริงๆ และขอขอบคุณที่เป็นห่วง ฉันอยากพักผ่อนแล้ว เชิญกลับห้องของคุณได้แล้วค่ะผู้กอง”
“ยัง !! ฉันยังไม่หมดธุระกับเธอ ไอ้เรื่องปลอมบัตรประชาชนนั่น มันเป็นความผิด ฉันต้องดำเนินคดีกับเธอ”ดรัณรีบขัดอีก
“ไอ้แซม..ฉันขอคุยกับแกหน่อย”
“ไว้ทีหลัง”
“ไม่ได้ เดี๋ยวนี้เลย”
ดรัณหันไปยิ้มให้ชิโล
“ขอบคุณมากนะครับคุณชิโลที่ให้ความร่วมมือ เชิญคุณพักผ่อนเลยครับ ผมกับไอ้แซมหมดธุระแล้ว”
ดรัณรีบลากตัวสการออกไปโดยสการยังมีท่าทางฮึดฮัด ชิโลหันไปมองหน้าอุ้มสมแล้วไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ประตูห้องเอาหูแนบแอบฟังทันที
เมื่อดรัณพาสการออกมา เขายังโวยวายไม่เลิก
“เฮ้ย...ฉันยังไม่หมดธุระกับยัยนั่น แกลากฉันออกมาทำไมวะ”
“ก็ฉันไม่อยากให้แกทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”
“เรื่องเล็กที่ไหน ความผิดที่ยัยนั่นทำเป็นคดีอาญา ฉันปล่อยไปไม่ได้”
“พ่อตำรวจตงฉิน ตรงเป๊ะเป็นไม้บรรทัด เห็นแก่ฉันเถอะ ปล่อยไปไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ !! มีกฎหมายอยู่ในมือถ้าไม่ทำตามก็ถือว่าละเว้นต่อหน้าที่”
สการจะกลับเข้าไปในห้อง ชิโลกับอุ้มสมที่แอบฟังถึงกับผงะ
“เอาไงดีอีกล่ะอุ้มสม กัดไม่ปล่อยเลย”
“เรื่องนี้เราจนปัญญา”
“ชิโลแย่อีกแล้ว...”
ชิโลนึกขึ้นได้รีบพนมมือ
“พี่พรรณราย ช่วยน้องหน่อยเถอะ”
สการยังไม่ทันจะเปิดประตูเข้าไปหาชิโล มือถือของสการก็ดัง สการดูเบอร์เห็นเป็นเบอร์ของตรีชฎา
“มีอะไรคุณตรีชฎา”
ตรีชฎาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองข้อมูลอย่างสนใจ และพูดโทรศัพท์ไปด้วย
“ผู้กองคะ คือเรื่องข้อมูลของคุณชิโลค่ะ”
“ผมรู้ ดรัณมาบอกผมแล้ว”
“ค่ะผู้กอง แต่ที่ดิฉันบอกผู้กองดรัณไปตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“คือ...ดิฉันพบข้อมูลของชิโลในทะเบียนราษฎ์แล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติแล้วก็น่าสงสัยเลยค่ะ ไม่เคยทำผิดกฎหมาย จอดรถในที่ห้ามจอดก็ยังไม่มีเลย”
สการชะงัก
“อ้าว..แล้วไหนตอนแรกบอกว่าไม่มีข้อมูล”
“สงสัยคอมพิวเตอร์คงรวนตอนที่ดิฉันหาข้อมูลของคุณชิโล ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว”
สการนิ่งไปก่อนจะกดปิดสาย ดรัณยื่นหน้ามาทันที
“ตกลงคุณตรีชฎาค้นเจอข้อมูลของคุณชิโลแล้วใช่มั้ย”
สการมองเพื่อนที่เสนอหน้าจนเว่อร์ โดยไม่พูดอะไร ดรัณสะใจ
“นั่นไง เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด คอมพิวเตอร์มันก็แบบนี้แหละก่งก้ง...ฮ่าๆๆๆ”
สการยังไม่ยอม
“แต่ฉันว่ายัยนั่นมีผู้สมรู้ร่วมคิด”
“เฮ้ย !! นี่แกคิดมากไปรึเปล่าวะ”
“ฉันไม่ได้คิดมาก แต่ประสบการณ์มันบอก”
สการจ้องที่ประตูห้องตาเขม็ง ชิโลเอาหูแนบแอบฟังสุดฤทธิ์
“ฉันว่ายัยนี่ไม่ธรรมดาแล้ว ทั้งเอาตัวรอดเก่ง ทั้งมารยาเยอะ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันซักที แบบนี้ต้องเป็นพวก 18 มงกุฎ ตัวแม่แน่”
ชิโลสะดุ้งโหยงหันขวับมาหน้าตึงกับอุ้มสม
“อุ้มสม !! เจ้าได้ยินใช่มั้ย เขาหาว่าเราเป็น 18 มงกุฎตัวแม่”
“ได้ยิน..แต่เราว่าก็เป็นไปตามที่เขาต้องการเชื่อนั่นแหละ ดีกว่าเป็นนางฟ้าแล้วโดนหาว่าบ้าว่าเพี้ยนให้ต้องโดนจับส่งโรงพยาบาลอีก”
“18 มงกุฎตัวแม่เนี่ยนะ...บ้าที่สุด...ผู้กองหน้ายักษ์!!”
ชิโลปั้นหน้างอแก้มป่องหัวเสีย
มณีแดนสรวง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ที่ร้านอาหารหรูหราบรรยากาศแสนโรแมนติคแห่งนั้น สิริสุดาในชุดเดรสดินเนอร์สวยงามและเซ็กซี่โชว์เนินอกขาวอวบ เดินตามพนักงานร้านมานั่งที่โต๊ะซึ่งถูกจัดเตรียมดินเนอร์ไว้อย่างสวยงาม นั่งลงได้ไม่เท่าไหร่สิริสุดาก็มองหาเอิงเอย อาการใจร้อนเลยเอามือถือมากดหา
“ยัยเอย...แกอยู่ไหนเนี่ย”
“อยู่นี่” เอิงเอยตอบรับ
“อยู่นี่...อยู่นี่น่ะอยู่ไหน”
“9 นาฬิกา หันมา”
สิริสุดาหันไปทางที่เอิงเอยบอก ก่อนจะเห็นเพื่อนสาวในชุดสูทมาดแมนเดินหล่อติดหนวดสวมหมวกมาแต่ไกล
“ทำไมแกเพิ่งโผล่มา ฉันบอกให้มารอฉันก่อนไง”
“แกก็ใจเย็นดิ ฉันไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ออกจากบ้าน กว่าหมามันจะเลิกเห่าแกไม่รู้หรอก ว่าเสียเวลาไปเท่าไหร่”
“ไม่รู้ล่ะ แกมาถึงแล้วแกต้องช่วยฉัน”
“รู้แล้วน่า...แล้วไหนล่ะผู้ชายที่คุณป๋าแกพยายามจับคู่ให้”
“กำลังจะมาแล้ว”
“คงจะหัวงูหรือไม่ก็แก่เหลือรับประทานมากล่ะสิ แกถึงบังคับให้ฉันต้องงัดไม้ตายมาช่วย”
“แกก็รอดูเองแล้วกัน...โน่น มานั่นแล้ว 3 นาฬิกาของแก”
เอิงเอยหันไปตามทิศที่สิริสุดาบอก แต่ภาพที่เห็นเอิงเอยกลับอึ้งเหวอ เพราะที่เดินเข้ามาเป็นนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งหล่อโคตรๆ ชื่อปีเตอร์ ที่มาพร้อมกับบอร์ดี้การ์ด ดูอย่างกับเจ้าชายก็ไม่ปาน
เอิงเอยน้ำลายหกออกมาจนต้องรีบเช็ด
“หล่อมาก...หล่อได้อีก หล่อได้โล่ห์ สรุปว่าหล่อเช็ด ยัยสิ !! นั่นน่ะเหรอผู้ชายที่แกเรียกให้ฉันมาช่วยไล่ตะเพิดให้”
“ใช่ !! แกไม่ต้องเซ้าซี้ถามอะไร ทำตามที่ฉันสั่ง..เคลียร์ !!”
สิริสุดาวางสายแล้วนั่งเชิดหน้า รอให้หนุ่มหล่อเดินเข้ามา
ดรัณอยู่กับชิโลที่ห้องนั่งเล่นหลังจากเคลียร์กับสการให้แล้ว
“ผมเคลียร์เรื่องไอ้แซมให้แล้ว ต่อไปมันคงไม่มาทำให้คุณลำบากใจอีก คุณชิโลไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ค่ะ ชิโลรู้แล้ว”
ดรัณงงๆรู้ได้ไง ชิโลรีบแก้ตัว
“เอ่อ...ชิโลหมายความว่า ชิโลไม่ได้มีอะไรน่าสงสัยอยู่แล้ว ยังไงผู้กองสการก็หาเรื่องอะไรชิโลไม่ได้”
“ครับ..แต่ถ้าคุณชิโลยังรู้สึกไม่ปลอดภัย อยากให้ผมช่วยเหลืออะไร โทรหาผมได้ทั้งมือถือ BB facebook Twitter Hi5 ขอแค่คุณชิโลติดต่อมา ผมพร้อมมาหาคุณทันที”
“ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ชิโลดูแลตัวเองได้ ผู้กองต่างหากที่ควรจะไปหาคุณสิริสุดา ไปปรับความเข้าใจกับเธอ”
ดรัณเศร้าไป
“เรื่องระหว่างผมกับคุณสิน่ะเหรอครับ...มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
ชิโลตกใจ
“อย่าเพิ่งหมดหวังสิคะผู้กอง คุณกับคุณสิริสุดาต้องหาทางกลับมาคืนดีกันให้ได้ เอาอย่างนี้มั้ยคะ ให้ชิโลช่วย...”
ดรัณไม่รอให้พูดจบ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ลำพังปัญหาส่วนตัวของคุณชิโลก็เยอะมากพอแล้ว ในเมื่อสิเขาเลือกที่จะเดินไปข้างหน้า มันก็ถึงเวลาที่ผม” ดรัณมองชิโลทำซึ้งหวานใส่ “จะต้องเดินไปข้างหน้าเหมือนกัน คืนนี้ผมไม่กวนคุณแล้ว พักผ่อนนะครับ”
ดรัณยิ้มให้ชิโลอย่างโปรยเสน่ห์ก่อนจะออกจากห้องไป
“เดี๋ยวสิคะผู้กอง...ผู้กองดรัณ...เฮ้อ...ไปซะแล้ว เอาไงดีล่ะอุ้มสม ถ้าผู้กองดรัณถอดใจจากคุณสิ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้กลับสวรรค์กันล่ะ”
“ถามได้ ก็ไม่ได้กลับน่ะสิ”
“โอ้ยยย... ชิโลแย่อีกแล้ว กลุ้มจริงๆ ปกติก็เห็นผู้กองดรัณรักคุณสิมาก แล้วทำไมอยู่ๆอะไรถึงได้มาดลใจให้ผู้กองถอดใจจากคุณสิเนี่ย”
ชิโลนั่งเครียดกุมขมับ ส่วนอุ้มสมหรี่ตามองชิโลแล้วครุ่นคิดสงสัย
เอิงเอยขยับมาหาที่นั่งใกล้ๆกับโต๊ะของสิริสุดากับหนุ่มลูกครึ่ง เสนอหน้าแอบฟังสุดฤทธ์ ปีเตอร์บอกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ไอต้องขอโทษยูด้วย...I’m very sorry so much very much too much”
สิริสุดายกมือห้าม
“STOP พอได้แล้วปีเตอร์ สิไม่ได้อยากมาฟังคำอธิบายอะไรจากคุณ”
“คุณสิริสุดา ที่ผมต้องใช้เวลามาก เพราะไม่รู้ว่าของที่ผมเลือกมาให้จะถูกใจคุณรึเปล่า”
ปีเตอร์หันไปพยักหน้ากับบอร์ดี้การ์ดได้ครู่ บอร์ดี้การ์ดก็เข้ามาพร้อมกับกล่องเครื่องโคตรเพชรที่สวยเว่อร์ เอิงเอยเห็นเข้าก็แทบจะตกเก้าอี้
“แม่เจ้า !! โคตรเพชร โห..ทั้งหล่อ ทั้งรวย นี่ยัยสิมันเสียสติไปรึเปล่าเนี่ย”
สิริสุดาหางตามองเครื่องเพชรตรงหน้า โดยไม่มีทีท่าสนใจแม้แต่นิดเดียว
“ฉันขอบคุณมากสำหรับความตั้งใจของคุณ แต่เก็บไปให้ผู้หญิงคนอื่นเถอะ เพราะที่ฉันนัดคุณมา ฉันมาเพื่อจะบอกให้คุณเลิกตามตื้อฉันซะที”
ปีเตอร์ตกใจ
“What ? ถ้าผมทำให้คุณรำคาญหรือไม่พอใจ ผมยินดีทำทุกอย่าง ขออย่างเดียว”
ปีเตอร์ถึงกับคุกเข่าน้ำตาคลอน่าสงสาร ดีดนิ้วทีเดียวบอร์ดี้การ์ดก็เอาดอกไม้ช่อโตเบ้อเริ่มเทิ่มเข้ามาให้
“Don’t leave me alone...please”
เอิงเอยซึ้งสงสารใจละลาย
“โอ้ย...ฉันจะบ้าตาย แค่หล่อรวยยังไม่พอ ยังโรแมนติคสุดๆอีก”
“คุณต้องเลิกพยายามได้แล้วค่ะปีเตอร์ ฉันมีคนรักอยู่แล้ว และวันนี้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วย”
สิริสุดาหันไปทางเอิงเอย ที่ยืนซาบซึ้งหนุ่มหล่อทั้งๆที่ตัวเองปลอมตัวเป็นผู้ชาย
“ยัยเอย...ยัยเอย !!”
เอิงเอยมัวแต่คลิ้มความหล่อ กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อหันมาเห็นสิริสุดาถลึงตาใส่ นึกขึ้นได้รีบทำตามแผนเดินเก๊กแมน ทำเสียงแมน
“สิครับ...ผมมาแล้ว”
“เขาคนนี้น่ะเหรอครับ คนรักของคุณ”
สิริสุดาโอบเอวกอดเอิงเอย
“ใช่ค่ะ ฉันกับเขาเรารักกันมาก เห็นอย่างนี้แล้วคุณก็น่าจะเข้าใจ”
เอิงเอยจั๊กจี๊
“ยัยสิ อย่ากอดแน่นสิแก ฉันจั๊กจี้”
“แกอย่าหลุดได้มั้ย ฉันไม่ชอบเขา อยากให้เลิกตามตื้อฉันซะที”
“นี่แกบ้าหรือเพี้ยนเนี่ย หล่อโฮก เริ่ด เพอร์เฟคขนาดนี้ ถ้าแกไม่เอา” เอิงเอยหันมายิ้มหวานให้ปีเตอร์ “ฉันงาบเองก็ได้”
สิริสุดาหยิกก้นเพื่อนทันที เอิงเอยสะดุ้งโหยง
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ฉันกับแฟนมีนัดดินเนอร์สองต่อสองกันต่อ “ ขอตัวนะ”
สิริสุดาควงแขนเอิงเอยจะออกไปด้วยกัน แต่ปีเตอร์ปรี่เข้าไปจับแขนเอิงเอยจนหันขวับมา
“คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอคุณสิริสุดา”
ปีเตอร์จับหน้าเอิงเอยมาดึงหนวดปลอมออก เอิงเอยสะดุ้งเจ็บ
“อู้ยยย...แสบ ความแตกแล้วยัยสิ เอางี้แล้วกัน ใช้แผนสองให้ฉันเสียสละแทนแก”
“ตื้อฉันไม่เลิกใช่มั้ยปีเตอร์ ได้...งั้นฉันจะบอกความจริงคุณก็ได้ว่าทำไมฉันไม่ชอบคุณ”
สิริสุดาหันขวับมาที่เอิงเอยสีหน้าเอาจริงเอาจัง เอิงเอยเริ่มขนหัวลุก
“ยัยสิ..แก...แกจะทำอะไรอ่ะ”
สิริสุดาไม่บอกเพื่อนเพราะได้ปรี่เข้าไปจับหน้าเพื่อนมาประชิดหน้าตัวเองแล้วจูบปากไปเต็มๆ...จ๊วบบบบ
เอิงเอยอึ้งเหวอตัวแข็งทื่อตั้งรับไม่ทันก่อนจะระทวยมือตกไปซะงั้น ปีเตอร์ถึงกับเหวอตาตั้ง
“โอ้ววววว.....Thai Music”
บริเวณริมน้ำสวยๆของร้านอาหาร... เอิงเอยกรอกน้ำเปล่าจากขวดเข้าปากแล้วบ้วนทิ้ง
“อี๋..นี่ฉันล้างปากเกือบจะหมดขวดแล้ว แต่ฉันยังรู้สึกอยู่เลยว่าลิ้นแกมัน..มัน..ขยึก..ขยุย กึ๋ยๆ อยู่ในปากฉัน”
เอิงเอยขนลุกขนพอง สิริสุดาชักสีหน้าวีนใส่
“หยุดเว่อร์ซะทีได้มั้ยยัยเอย ฉันแคะแตะปากแกเฉยๆให้อีตาปีเตอร์มันเลิกตื้อฉัน”
“แต่แกไม่น่าทำกับฉันแบบนี้ น่าจะให้ฉันรู้ตัวก่อน จะได้เตรียมใจ...ฟ้าจะผ่ามั้ยเนี่ย”
สิริสุดาขำ
“เอาน่าไว้ฉันจะหาที่ดีกว่าปีเตอร์ให้แก”
“ห๊า...ขนาดนั้นแกยังว่าไม่ดี นี่แกบ้าเหรอเปล่าเนี่ย”
“ดีอะไร..แกไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นน่าอี๋ขนาดไหน มีกลิ่นเต่า กินข้าวเรอ ตดในที่สาธารณะ”
“ยัยสิ !! มนุษย์ปุถุชนที่ไหนเขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ฉันก็เป็น แกก็เป็น ฉันยังเคยได้ยินแกตดอยู่บ่อยๆแถมยังนอนละเมอชุดนอนถกมาถึงหน้าอกเลยก็มี”
“ยัยเอย !!”
“แกไม่ต้องมาเหวี่ยงใส่ฉันเลย ผู้ชายเพอร์เฟคขนาดนั้นมาคุกเข่าขอความรักจากแก แต่แกก็ยังไม่สนใจ ตีความได้อย่างเดียวเลยว่า...แกยังไม่ลืมผู้กองดรัณ”
สิริสุดาชะงักไปแล้วรีบกลบเกลื่อนแต่ก็ยังตะกุกตะกัก
“ฉันลืมไปแล้ว ไม่เคยคิดถึงแม้แต่นิดเดียว มานึกถึงหน้าเขาก็ตอนแกพูดนี่แหละ”
เอิงเอยยังสงสัย
“ยัยสิ โกหกอะไรก็โกหกได้ แต่โกหกใจตัวเองน่ะ มันทรมานนะแก”
สิริสุดาอ้ำๆอึ้งๆ หลบสายตาเพื่อนสุดฤทธิ์ระหว่างนั้นมือถือสิริสุดาดัง เห็นเบอร์แล้วหน้าเซ็ง
“คุณป๋าโทรมา”
“ป๋าแกนี่หูไวจริงๆ คงรู้เรื่องที่แกตะเพิดคุณปีเตอร์แล้วโทรมาเม้งแกแน่”
“คุณป๋านะคุณป๋า กลัวลูกสาวขายไม่ออกเหรอไง...ฮึ !!”
สิริสุดานิ่งไปอย่างครุ่นคิด
ทองทิวไม่พอใจที่ลูกสาวไม่ยอมรับโทรศัพท์
“ลูกสาวคนนี้...ดูสิ คงรู้ว่าฉันจะโทรไปว่าเลยปิดมือถือหนีเลย”
“น่าเสียดายนะครับนาย พ่อของคุณปีเตอร์เป็นถึงมาเฟียใหญ่ในฮ่องกง” สาโรจน์ออกความเห็น
“ฉันเลยพลาดโอกาสเปิดตลาดใหม่เลย แต่ไม่เป็นไรลูกชายพรรคพวกมาเฟียฉันยังมีอีกเยอะ จัดไปสักคนเดี๋ยวก็ชอบเอง ยังไงก็ดีกว่ามีลูกเขยเป็นตำรวจเยอะ”
ระหว่างนั้นสาโรจน์ได้รับข้อความจากโทรศัพท์
“นายครับ...มีเรื่องแล้วครับ”
“อะไรอีก”
“คนของผมส่งข่าวบอกว่า สงสัยจะมีสายตำรวจอยู่ในกลุ่มพวกเด็กใหม่ครับ”
ทองทิวหันหน้ามามองอย่างสนใจ
สการเคาะประตูห้องชิโลอยู่ครู่ ชิโลมาเปิดประตู
“ผู้กอง...มีอะไรเหรอคะ”
“แม่ฉันทำอาหารเช้าเผื่อเธอ ก็เลยอยากจะเชิญเธอไปกินด้วยกัน”
ชิโลสงสัยเพราะเห็นสีหน้าดูมีพิรุธ
“มองอะไร อ๋อ...ฉันมาชวนเธอผิดวิธีใช่มั้ย ฉันต้องยกมือไหว้หรือไม่ก็ต้องจุดธูปเรียกเธอใช่มั้ย...คุณนางฟ้า”
“ผู้กอง !! ปากเสีย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ระวังเถอะ”
“ทำไม...จะสาปฉันเหรอ”
“หึ !! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่นางฟ้า เพราะฉะนั้นเลิกกวนประสาทฉันได้แล้ว”
“อ๋อ...ไม่ใช่นางฟ้า แต่เป็น 18 มงกุฎ”
ชิโลฉุนขึ้น ระหว่างนั้นนารีเปิดประตูตามออกมาจากห้องตัวเอง
“ตาแซม...แม่ให้มาตามหนูชิโลไม่ได้มาหาเรื่องหนูชิโลนะ”
“ผมเปล่านะครับแม่ ผมกำลังชวนอยู่ แต่คนดีของแม่นั่นแหละที่อยากมีปัญหากับผม”
“ผู้กอง !! ชิโลเปล่านะคะคุณป้า”
นารีตัดบท
“เอาล่ะๆๆ หนูชิโลจ้ะ ไปทานอาหารเช้าที่ห้องป้าดีกว่านะ ตามอุ้มสมไปด้วย ป้าทำเผื่อไว้เยอะเลย”
สการหน้าตึง
“แล้วแม่ไม่เรียกผมเลยเหรอ”
“ก็เราบอกจะรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว อย่ามาทำเป็นเด็กขี้อิจฉาไปหน่อยเลย”
ชิโลแอบขำที่สการโดนนารีแขวะเข้าให้ สการมองชิโลอย่างเอาเรื่อง กัดฟันพูดเบาๆ
“ถึงทีฉันเมื่อไหร่ เธอขำไม่ออกแน่”
ชิโลชะงักเพราะแววตาของสการดูน่าสงสัยเหลือเกิน
นารีจัดเตรียมอาหารเช้าให้ชิโลเต็มโต๊ะ อุ้มสมตาโตมองด้วยความรู้สึกน่ากิน แต่ชิโลเอาแต่นั่งคิดติดใจคำพูดของสการ
“โอ้โหน่าทานจังเลยครับคุณป้า”
“น่าทานก็ทานเยอะๆสิ ไม่ต้องเกรงใจ ป้าทำเผื่อเราสองคนไว้แล้ว...ไม่ชอบที่ป้าทำให้เหรอจ๊ะหนูชิโล” นารีถามอย่างสงสัย เพราะเห็นชิโลนั่งเงียบ
“เอ่อ...เปล่าค่ะคุณป้า น่าทานมากเลยค่ะ”
“ของหวานก็มีนะ เดี๋ยวป้าไปเตรียมให้”
นารีเดินไปที่เคาท์เตอร์ ชิโลกระซิบถามอุ้มสม
“อุ้มสม...เราสงสัยว่าผู้กองสการจะคิดวางแผนอะไรไม่ดีกับเราแน่ๆ”
“เจ้าคิดมากไปรึเปล่า ผู้กองดรัณก็บอกเจ้าแล้วนี่ว่าช่วยเคลียร์กับผู้กองสการให้แล้ว”
“แต่เราว่าไม่...เราเห็นหน้าเขาแล้ว รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้”
ระหว่างนั้นนารีเดินกลับมาที่โต๊ะ อุ้มสมกับชิโลต้องหยุดซุบซิบกัน
สการเห็นว่าชิโลกับอุ้มสมเข้าไปในห้องตัวเองแล้ว สการก็ค่อยๆใช้กุญแจผีเปิดประตูเข้ามาในห้องชิโล
“ชิโลเธอมันลื่นยิ่งกว่าปลาไหล ถ้าเล่นกันซึ่งๆหน้าแล้วฉันกระชากหน้ากาก 18 มงกุฎของเธอไม่ได้ ก็ต้องเล่นกันแบบลับหลังนี่แหละ”
สการเข้าไปเดินค้นดูตามตู้ ตามลิ้นชักค้นหาหลักฐานไว้มัดตัวชิโล
อุ้มสมเรอเสียงดังหลังจากซัดอาหารเช้าไปเต็มที่ ชิโลตกใจ
“อุ้มสม !! เจ้าทำอะไรน่ะ น่าเกลียดที่สุด”
อุ้มสมยังตกใจตัวเอง
“แย่แล้วชิโล เพราะเราอยู่โลกมนุษย์นาน เลยยิ่งเหมือนมนุษย์ไปทุกวัน”
“ถ้าเป็นมนุษย์ดีๆอย่างคุณป้าก็ดีไป แต่เรากลัวจะเป็นมนุษย์นิสัยเสียอย่าง...”
อุ้มสมเดาออก...
“นี่เจ้ายังไม่เลิกคิดเรื่องผู้กองสการอีกเหรอ”
“แต่เราสังหรณ์ใจไม่ดีจริงๆ ท่าทางผู้กองยังไงก็ไม่เลิกยุ่งกับเราแน่”
ระหว่างนั้นนารีเอาขนมหวานเข้ามาให้
“เต้าส่วนมาแล้วจ้ะ ร้อนๆเลย ทานกันเยอะๆนะจ๊ะ สูตรป้ารับรองหวานน้อย ไม่อ้วน”
อุ้มสมยิ้มรับ
“รับรองเกลี้ยงไม่เหลือครับ”
ชิโลครุ่นคิดสงสัยอยู่ได้ครู่แก้วสัตตพิธรัตนะก็ส่องแสงเปล่งประกายขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ชิโลแปลกใจและกลัวว่านารีจะหันมาเห็นเลยเอามือกำแก้ววิเศษไว้
“ไม่ทานล่ะจ้ะหนูชิโล” นารีถาม
“เอ่อ...คือ...ชิโลรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำค่ะคุณป้า ชิโลขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนนะคะ”
“ได้จ้ะ”
ชิโลรีบลุกออกไป อุ้มสมมองอย่างสงสัย
สการยังรื้อค้นหาหลักฐานอยู่ในห้องของชิโล แต่ค้นยังไม่เจออะไร
“มันต้องมีหลักฐานสักอย่างที่ใช้กระชากหน้ากากเธอได้สิ”
สการมองรอบๆห้องอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นได้ยินเสียงประตูห้องเปิด สการตกใจ หันรีหันขวางหาที่หลบ ชิโลเข้ามาแล้วมองไปรอบๆอย่างระแวง ทุกอย่างดูเหมือนปกติไม่มีอะไรน่าสงสัยจนชิโลต้องเคาะหัวตัวเอง
“ยัยชิโลเอ้ย...สงสัยจะคิดมากเหมือนอย่างที่อุ้มสมว่า”
ฃิโลจะเดินออกไปแต่เกิดชะงักหันมาสนใจที่ลิ้นชักตู้ซึ่งถูกเปิดค้างเอาไว้
สการที่แอบอยู่ในห้องเห็นชิโลสงสัยก็หน้าเสีย
“โธ่เว้ย..ไม่น่าพลาดเลยเรา...เอาไงดีเนี่ย”
สการรีบถอยไปหาที่หลบที่อื่น ชิโลค่อยๆปิดลิ้นชัก ตอนนี้มั่นใจแล้วว่ามีคนอยู่ในห้อง ชิโลคว้าแจกันมาถือเอาไว้เตรียมใช้เป็นอาวุธ
“พี่พรรณรายกั้นอาณาเขตไม่ให้อสูรเข้ามาที่นี่...งั้นก็เหลืออยู่แค่คนเดียวที่น่าสงสัย”
ชิโลค่อยๆเปิดประตูเข้ามากวาดสายตาดูรอบๆห้อง มั่นใจว่าเป้าหมายต้องอยู่ในห้องนี้แน่ๆ เธอสงสัยที่ใต้เตียงก้มลงไปดูแต่ไม่เจอ เหลือเป้าหมายที่ตู้เสื้อผ้า...
“ผู้กองสการ คิดว่าหลอกให้ฉันไปห้องแม่คุณแล้วจะย้อนรอยมาหาเรื่องเล่นงานฉันเหรอ คุณอาจจะหาว่าฉันบ้า ฉันเพี้ยน เป็น 18 มงกุฎ แต่อย่างนึงที่คุณประเมินฉันต่ำไปก็คือ..ฉันฉลาดกว่าคุณ”
ชิโลปรี่เข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้า..ผ่าง !! สการไม่ได้อยู่ในนั้น มีแต่เสื้อผ้าอยู่เต็มตู้ ชิโลค้นๆๆๆ ก็ไม่เจอ
“หายไปไหน...ต้องอยู่ในนี้สิ”
ระหว่างที่ชิโลกำลังงงๆ สการก็โผล่มาจากข้างหลังเพราะหลบอยู่หลังประตูตอนที่ชิโลเปิดเข้ามา สการล็อคตัวชิโลเอาไว้ทันที
“คิดว่าเธอฉลาดกว่าฉันงั้นเหรอ กลับไปฝึกมาใหม่อีกร้อยปีเถอะ”
“ปล่อยฉันนะผู้กอง ไม่งั้นฉันจะร้องให้แม่คุณได้ยิน”
สการรีบเอามือปิดปากชิโล
“ร้องสิ...ร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยิน”
ชิโลพยายามร้องอู้อี้ สการก็ยิ่งรัดแน่น...
“ฉันไม่ได้อยากทำอะไรที่มันไม่ถูกต้องแบบนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อเธอลื่นยิ่งกว่าปลาไหล ทำได้แม้แต่ปลอมแปลงข้อมูลในทะเบียนราษฏ์ได้ แถมยังมีพวกมีฝีมือคอยตามล่าอีกเธอต้องไม่ธรรมดาแน่”
ชิโลอู้อี้
“ปล่อยฉันนะ...บอกให้ปล่อย”
“ฉันจะยอมปล่อยเธอ และสัญญาว่าจะไม่เล่นงานเธอ ถ้าเธอยอมบอกฉันมาว่าพรรคพวกของเธอเป็นใคร”
ชิโลนิ่งไป
“ว่าง่ายๆ...ฉันจะได้ไม่ต้องทำร้ายเธออีก...เคลียร์มั้ย”
ชิโลพยักหน้ารับ สการค่อยๆคลายมือออก ชิโลถอยออกมา
“ทีนี้เล่ามา”
ชิโลทำพูดเบาๆงึมงำ
“ฉันไม่ใช่ 18 มงกุฎ”
สการไม่ได้ยิน
“ว่าไงนะ...พูดมาดังๆ”
“ก็ฉันเจ็บปากพูดไม่ถนัดนี่ คุณก็เข้ามาฟังใกล้ๆแล้วกัน”
สการขยับเข้าไปใกล้ๆ ชิโลได้โอกาสเลยจัดการชูสองนิ้วจิ้มตาสการทันที แล้วฉวยโอกาววิ่งออกไปจากห้อง
“โอ๊ยยยย !! ยัยชิโลตัวแสบ อย่าหนีนะ”
สการจะตามไปแต่แสบตามองไม่เห็นเลยชนโครมเข้ากับประตู...โครม !! มึนเห็นดาว...วิ้งๆๆๆ
ชิโลวิ่งออกมาที่ห้องโถงกำลังจะเปิดประตูออกจากห้อง แต่ทันใดนั้นแก้วสัตตพิธรัตนะก็ส่องแสงเปล่งประกายขึ้นมา ชิโลชะงักแปลกใจ เมื่อมือไปแตะที่ดวงแก้ว ฉับพลันก็เกิดภาพเหตุการณ์แว่บขึ้นมาให้เธอเห็น เป็นภาพเหตุการณ์ที่ท่าเรือ ขณะที่ดารุณีได้รับบาดเจ็บเลือดอาบแขน วิ่งหนีลูกกระสุนที่ระดมยิงใส่เธอไม่ยั้ง แม้จะยิงตอบโต้ไปแต่ก็ยังโดนระดมยิงใส่จนเกือบจะพลาดท่า สการโผล่เข้ามาดึงดาบดารุณีหลบที่ข้างตู้คอนเทเนอร์
“ผู้กอง !!”
“คุณรีบหนีไปก่อน ผมจะรับมือพวกมันให้เอง”
“แต่พวกมันอยู่ที่นี่เต็มไปหมด ฉันทิ้งให้ผู้กองลุยคนเดียวไม่ได้”
“ผมรับมือพวกมันได้ ดาบไม่ต้องห่วง รีบหนีไป”
“แต่ว่า...”
“นี่เป็นคำสั่ง !!”
พวกคนร้ายยิงเข้ามาอีก ดารุณีเลือดไหลไม่หยุด สการต้องช่วยยิงตอบโต้
“รีบไปซะ...ถ้าผมต้องคอยระวังคุณด้วย เราสองคนนั่นแหละจะไม่รอด..ไป !!”
“ผู้กอง...ระวังตัวด้วยนะคะ”
ดารุณีรีบวิ่งออกไป สการหันมายิงตอบโต้กับพวกคนร้ายปังๆๆๆ ก่อนจะล่อคนร้ายไปอีกทาง
สการวิ่งล่อคนร้ายออกมาอีกมุมหนึ่งเปิดฉากยิงตอบโต้ สการยิงโดนคนร้ายร่วงไปหลายคนจนเสียงปืนเงียบ สการออกจากที่กำบังคิดว่าจัดการพวกมันหมดไปแล้ว แต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง !!!
สการผงะอึ้งเจ็บแปลบที่กลางอก เมื่อก้มดูก็พบว่าตัวเองถูกยิง สการยกปากกระบอกปืนจะยิงตอบโต้ แต่เสียงปืนดังรัวถี่...ปังๆๆๆๆ
ร่างของสการถูกยิงใส่ไม่ยั้งก่อนจะล้มลงฟุบแน่นิ่ง
ชิโลถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้น ราวเหตุการณ์เกิดขึ้นตรงหน้า
“ผู้กอง !!”
ชิโลตกใจรีบปล่อยมือจากแก้วสัตตพิธรัตนะ สการตามเธอออกมาจากห้องยังไม่ลดลากับชิโล
“แน่จริงอย่างหนีฉันสิ..ชิโล !!”
ชิโลหันขวับทำอะไรไม่ถูก รีบเปิดประตูห้องแล้ววิ่งไปหานารีที่ห้องของสการทันที
“ชิโล !!!”
สการจะตามแต่ขาไปเตะโดนเก้าอี้อีก...โครม
“โอ๊ย !!! อู้ยยยย ยัยตัวแสบ !!”
ชิโลรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้องสการ อุ้มสมมองอย่างแปลกใจ
“ชิโล ทำไมเจ้าหายไปนานจัง”
“ฉันเจอผู้กองแอบเข้าไปในห้องเราน่ะสิ”
“ห๊า !!”
ระหว่างนั้นสการเปิดประตูตามเข้ามา ชิโลตกใจกลัวสการจะเอาเรื่อง แต่นารีออกมาเห็นพอดี
“อ้าวตาแซม...กลับมาทำไม”
สการชะงักไปมองหน้าชิโลอย่างเข็ดเขี้ยว
“แม่นึกว่าเราไปทำงานแล้วซะอีก”
“ครับแม่ ผมออกไปแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าลืมของ”
“ลืมอะไร”
“เอ่อ...ที่ชาร์ตมือถือครับ”
สการเดินไปหยิบที่ชาร์ตแบตที่วางอยู่ใกล้ๆ แต่นารีเห็นลูกชายเดินแบบกะเผลกๆ
“แล้วนั่นเป็นอะไร ทำไมเดินแบบนั้น ขาเจ็บเหรอ”
“ครับแม่..พอดีเจอหมาไล่กัด จะเล่นงานมันแต่ไม่ทันระวังเลยพลาดไปเตะฟุตบาท”
“สมน้ำหน้า”
“อ้าวแม่ ทำไมมาสมน้ำหน้าผมล่ะ หมามันไล่งับผมนะ”
“แต่แกเป็นคน ดันไปกัดกับหมา ก็สมควรแล้วที่แม่ต้องสมน้ำหน้าแก”
ชิโลพยักหน้าทันที...
“ใช่...หยาบคาย”
สการฉุน
“ฮึ่ม...แต่ถ้าแม่รู้ว่าหมาตัวนั้นมัน...”
สการพูดไปมองหน้าชิโล แต่ไม่ทันจะต่อมือถือก็ดังขึ้น สการชะงักหยิบขึ้นมาเห็นเป็นเบอร์ของดารุณี
“ผมขี้เกียจเถียงแล้ว ผมมีธุระสำคัญ”
สการเดินไปคุยห่างๆ แต่ก็ไม่ไกลมากพอให้ชิโลยังได้ยินเสียงสการคุยโทรศัพท์
“ว่าไงดาบดารุณี...ได้ข้อมูลของพวกมันมาแล้วเหรอ...ได้ ผมจะรีบไปพบคุณเดี๋ยวนี้เลย ผมไปนะแม่ มีงานด่วน”
ท่าทางของสการรีบร้อนมากจนเรื่องของเขากับชิโลกลายเป็นเรื่องเล็ก
“ลูกคนนี้นี่...น่าตีนักเชียว”
ชิโลมองตามสการ เริ่มสงสัยใจคอไม่ค่อยดี
มณีแดนสรวง ตอนที่ 10
เซฟเฮ้าส์ของทองทิว เป็นสถานที่ไว้ขังหญิงสาวก่อนจะถูกส่งขายออกนอกประเทศ...ดารุณีเพิ่งจะเก็บมือถือหลังจากที่คุยกับสการไป สาโรจน์เดินเข้ามาทางด้านหลัง
“เจ๊ณี !!”
ดารุณีชะงักตกใจกลัวว่าสาโรจน์จะเห็นว่าตัวเองแอบใช้มือถือ เลยรีบเอามือถือยัดใส่ในยกทรงตรงร่องอก สาโรจน์เดินเข้ามา ดารุณีทำสีหน้ากลบเกลื่อนสุดฤทธิ์
“เรียกซะตกออกตกใจหมด”
“แล้วเจ๊มาทำอะไรตรงนี้ ท่าทางลับๆล่อๆ”
“ฉันก็ออกมาสูดอากาศดีๆมั่งสิ อยู่แต่ข้างในกับนังพวกนั้น อึดอัด อากาศก็ไม่ถ่ายเท”
ข้ออ้างของดารุณีทำให้สาโรจน์รู้สึกผิดสังเกต มองอย่างสงสัย
“แล้วนี่แกมาตามฉันทำไม นายเรียกเหรอ”
“เปล่า”
“งั้นถ้าไม่มีอะไร วันนี้ฉันขอกลับบ้านไปจัดการผัวตัวแสบหน่อยนะ ทิ้งมันไว้คนเดียว ป่านนี้มันคงพากิ๊กไปกกบนที่นอนฉันแล้ว”
ดารุณบอกแล้วจะเดินออกไปแต่โดนสาโรจน์จับข้อมมือเอาไว้
“เดี๋ยว !! วันนี้เจ๊ลาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ทำไม”
“ไม่ต้องถาม...นายรออยู่ ตามมา !!”
สาโรจน์ปล่อยมือดารุณีแล้วเดินกลับเข้าไปในเซฟเฮ้าส์ ดารุณีสงสัยเริ่มกังวลว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ในห้องหนึ่งของเซฟเฮ้าส์ สาโรจน์พาดารุณีเข้ามาพบกับทองทิวที่ยืนหน้าตาจริงจัง
“แกดูเด็กยังไงถึงปล่อยให้มันก่อเรื่องได้”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะนาย”
ทองทิวให้ลูกน้องลากตัวเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามา สภาพเด็กสาวถูกซ้อมจนหน้าตาฟกช้ำ สภาพอิดโรย
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่ได้ทำ...ฉันไม่ได้ทำ..ฮือๆๆๆ”
ดารุณีเห็นสภาพเด็กสาวก็ตกใจ
“นังนี่มันไปก่อเรื่องอะไรเหรอคะ”
สาโรจน์ลูกน้องฉันจับได้ว่ามันเป็นสายตำรวจ
“ฉันเปล่า...ฉันไม่ได้เป็นสายตำรวจ”
เด็กสาวพยายามแก้ตัว แต่โดนสาโรจน์ตบหน้าหันจนสลบเหมือด ดารุณีสงสารอยากช่วยแต่ทำอะไรไม่ได้
“นังเด็กคนนี้เนี่ยนะเป็นสายตำรวจ เป็นไปได้ยังไง”
“ลูกน้องฉันจับได้ว่ามันแอบขโมยโทรศัพท์ กฎของที่นี่คือห้ามติดต่อข้างนอกเด็ดขาด แกอยู่กับมัน ไม่เคยสงสัยมันเลยเหรอไง”
ดารุณีนิ่งไปใจเต้น
“ไม่...ไม่เคยเลย เห็นวันๆมันเอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน แล้วนี่นายจะจัดการกับนังนี่ยังไง”
ทองทิวเดินเข้ามาจ้องหน้าดารุณีแล้วใช้มือบีบหน้าอย่างดุดันทำเอาดารุณีตกใจ
“คนที่คิดลองดีกับฉัน โทษของมันมีอย่างเดียว...ตาย !! แกไปกับไอ้สาโรจน์ ไปดูว่าพวกมันจัดการฆ่านังนี่ยังไง ต่อไปแกจะได้เอาไปขู่พวกที่เหลือไม่ให้กล้าหือกับฉันอีก”
ทองทิวผลักดารุณีไปทางสาโรจน์แล้วเดินออกไป ดารุณีหน้าเสียเครียดขึ้นมาทันที
ภายในสำนักงานตำรวจ สการเตรียมพร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ดรัณหยิบปืนตามเข้ามา
“แกจะทำอะไรวะไอ้รัณ”
“ฉันก็จะไปกับแกด้วยไง”
“ฉันไปคนเดียวได้ แกอยู่ที่นี่คอยเตรียมกำลังไว้ ทันทีที่ฉันได้ข้อมูลของพวกมันจากดาบดารุณีมา แกค่อยพากำลังไปพบฉัน”
“ไอ้พระเอก หาเรื่องฉายเดี่ยวอีกแล้ว มันจะไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอวะ”
“ดาบดรุณีเสี่ยงกว่าฉันเยอะ ถ้าพวกมันจับได้ว่าเธอเป็นสายของเรา เธอไม่รอดแน่”
สการตบแม๊กกาซีนกระสุนใส่ปืนแล้วสีหน้าจริงจัง
“ฉันต้องรีบจบคดีนี้ให้เร็วที่สุด คนของเราจะได้ไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับพวกมัน”
“โอเค...ว่าไงว่าตามกัน แต่แกควรจะเอาไอ้นี่ไปด้วย”
ดรัณหันไปหยิบเสื้อเกราะมายื่นให้
“เกะกะ ใส่ทีไรทำงานไม่เคยถนัดซักที เลิกห่วงฉันจนดูเหมือนจะเป็นเมียฉันได้แล้ว”
“อ้าว..ไอ้เวร พูดแบบนี้เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าเขาจะเข้าใจผิดว่าฉันได้ทั้งหน้าทั้งหลัง”
ดรัณพูดไปก็มีได้ยินเสียงตำรวจหญิงที่เดินผ่านมา ได้ยินหัวเราะคิกคักๆ
“นั่น...ไม่ทันขาดคำ เสียหายเลยมั้ย ตามใจแกแล้วกัน.. เจ็บตัวขึ้นมา อย่าร้องเจ็บให้ได้ยินนะเว้ย”
ดรัณบ่นแล้วเดินออกไป สการหันไปเตรียมอาวุธต่อ
ชิโลกับอุ้มสมช่วยกันล้างจานอยู่ในครัวของห้องสการ อุ้มสมตกใจเมื่อชิโลเล่าให้ฟังเรื่องภาพนิมิตที่เห็น
“ว่าไงนะ เจ้าเห็นในนิมิตร ว่าผู้กองสการโดนยิงตายเหรอ”
ชิโลรีบเอามือที่มีแต่ฟองน้ำยาล้างจาน ปิดปากอุ้มสมเข้าปากเต็มไปหมด
“เจ้าจะตะโกนเสียงดังทำไม ถ้าคุณป้าได้ยินเข้า มีหวังตกใจช็อคสลบไปแน่ๆ”
อุ้มสมพยักหน้ารับแล้วเบากระซิบกันสองคน
“แต่เราสงสัย ทำไมเจ้าถึงมีนิมิตรเห็นเหตุการณ์ได้ ก็ในเมื่อเจ้าไม่ได้เป็นนางฟ้าแล้ว”
“เราก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่อาจจะเป็นเพราะแก้วสัตตพิธรัตนะที่ทำให้เราเห็นภาพพวกนั้น”
“งั้นก็ยิ่งน่าแปลก พี่พรรณรายมอบแก้ววิเศษนี้ให้เพื่อปกป้องคุ้มภัยเจ้า แต่ทำไมถึงได้แสดงภาพให้เจ้าเห็นความเป็นความตายของมนุษย์อย่างผู้กองสการ”
“เรื่องนั้นอย่าเพิ่งสนใจเลย ถ้านิมิตรที่เราเห็นเกิดเป็นจริง ก็น่าสงสารคุณป้าที่ต้องเสียลูกชายไปก่อนวัยอันควร”
“ชิโล...นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ นั่นไม่ใช่หน้าที่ เราควรจะต้องรีบจัดการเรื่องผู้กองดรัณกับคุณสิริสุดา”
“แต่คุณป้าดีกับฉันมากนะอุ้มสม ท่านเสียลูกสาวไปคนนึงแล้ว ถ้าต้องมาเสียลูกชายไปด้วยอีกคน คิดดูสิว่าท่านจะต้องตรอมใจมากขนาดไหน”
“คุณป้าก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ แต่เจ้าไม่เข็ดเหรอ ที่เจ้าต้องมาติดอยู่ที่นี่ก็เพราะเจ้าเข้าไปจุ้นวุ่นวายเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์”
ชิโลนิ่งไป
“มันคงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วมั้ง เจ้าอยู่ที่นี่กับคุณป้านะ”
“ชิโล !! แล้วเจ้าจะไปช่วยเขาได้ยังไง”
ชิโลรีบออกไปโดยไม่สนใจคำทักท้วงของอุ้มสมที่อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
ดารุณีเดินลับๆล่อๆมาหลบที่ท้ายรถตู้ที่จอดอยู่หน้าเซฟเฮ้าส์ พอเห็นว่าไม่มีใครก็ล้วงเอาโทรศัพท์ที่ซุกเอาไว้ในยกทรงออกมาแล้วรีบกดโทรออกหาสการที่นั่งรออยู่ในรถ ที่จอดซุ่มรอนัดพบกับดารุณี เขารอนานจนชักเป็นห่วงจนมือถือดัง สการรีบรับ
“ดาบดารุณี...คุณอยู่ที่ไหน ผมมารอคุณที่จุดนัดพบนานแล้ว”
“ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะผู้กอง แผนการเกิดเปลี่ยนแปลงกะทันหันค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น พวกมันจับได้แล้วเหรอว่าคุณเป็นสายของตำรวจ”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ดิฉัน แต่เป็นเด็กสาวในนี้”
ดารุณีพูดไปก็มองไปเห็นพวกสาโรจน์ จับเด็กสาวที่ถูกคลุมผ้าดำพาตัวออกมา
“พวกมันเข้าใจผิดว่าเธอเป็นสายให้ตำรวจ ตอนนี้พวกมันกำลังจะพาเธอไปฆ่าปิดปาก ฉันต้องหาทางช่วยเธอให้ได้ค่ะผู้กอง”
“คุณจะช่วยได้ยังไง ถ้าคุณลงมือ คุณจะถูกเปิดโปง”
“แต่ฉันปล่อยให้เด็กคนนั้นถูกฆ่าไม่ได้”
“งั้นเอาอย่างนี้ พวกมันจะไปที่ไหน ผมจะตามไปพบคุณที่นั่น”
“ได้ค่ะผู้กอง”
สการฟังสถานที่จากดารุณี แล้วปิดมือถือแล้วรีบสตาร์ทเครื่อง รีบขับรถไปทันที
ดารุณีซ่อนมือถือเอาไว้ในยกทรงเหมือนเดิม สาโรจน์พาเด็กสาวมาถึงรถตู้
“ไปกันได้แล้ว”
“เดี๋ยว...จำเป็นต้องฆ่าด้วยเหรอ แค่สั่งสอนก็พอมั้ง” ดารุณีพยายามพูด
“นายมีคำสั่งให้ตาย มันก็ต้องตาย”
ดารุณีหน้าเสียหันไปมองเด็กสาวที่ถูกจับตัวไว้ในรถตู้แล้ว...งานนี้เรื่องใหญ่
ดารุณีตามเข้าไปนั่งในรถตู้ ไม่ทันสังเกตว่าสาโรจน์คุยอะไรกับลูกน้องโดยสายตาจับจ้องมาที่เธอ
“จับตาดูมันไว้ด้วย ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรน่าสงสัย”
“ได้ลูกพี่”
ลูกน้องสาโรจน์เข้าไปนั่งที่คนขับ สาโรจน์ตามเข้าไปนั่งในรถตู้แล้วปิดประตู
มัดหมี่สวมแว่นดำเดิน เข้าไปในสำนักงานตำรวจพร้อมกับช่างกล้องวีดิโอ
“ไปรอฉันที่ห้องแถลงข่าว เดี๋ยวฉันตามไป”
ช่างกล้องเดินแยกออกไป มัดหมี่หันมาถอดแว่นออกแล้วเหน็บที่ศีรษะ เช็คความสวยให้ได้ที่ก่อนจะเดินตรงไปทางห้องสการ แต่พบตรีชฎาที่เดินโผล่มาจากอีกทางจนชนโครมจนล้มก้นจ้ำเบ้า
“ว๊าย...โอ้ยย เดินยังไง ลูกตาอยู่ตาตุ่มเหรอไง” มัดหมี่โวยวาย
“คุณมัดหมี่...ดิฉันขอโทษด้วยค่ะ ลูกตาดิฉันไม่ได้อยู่ที่ตาตุ่ม แต่ดิฉันกำลังรีบ” ตรีชฎาบอกอย่างหมั่นไส้เต็มที
“ผู้กองยุ่งอยู่เหรอ”
“ค่ะ...ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว..!! ช่วยบอกผู้กองด้วยว่าฉันมีงานที่นี่ เผื่อว่าเสร็จงานแล้วจะได้ไปทานข้าวกัน”
“ผู้กองสการไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกค่ะ ออกไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก”
“อ้าวก็เธอบอกว่าผู้กองกำลังยุ่ง”
“ก็ยุ่งที่อื่น ไม่ได้ยุ่งที่นี่ไงคะ”
มัดหมี่จิกหน้าใส่ที่ตรีชฎามาแขวะใส่
“งั้นเชิญไปทำธุระของเธอเถอะ..เชอะ”
ตรีชฎาเดินไปทำงานต่อ มัดหมี่หัวเสียบ่นหงุดหงิด
“เสียเวลาจริงๆ รู้งี้ส่งพวกหน้าใหม่ๆมาทำข่าวแทนซะก็ดี..เชอะ ร้อนจะตาย”
มัดหมี่บ่นได้ครู่สายตาก็เหลือบไปเห็นชิโลเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจ มัดหมี่ถึงกับผงะ
“ยัยชิโล...นังบ้ามันมาทำอะไรที่นี่”
มัดหมี่สงสัยจะรีบเดินตามชิโลไป แต่ช่างกล้องนักข่าวเข้ามาตามมัดหมี่
“คุณมัดหมี่ครับ สถานีโทรมาเรื่อง script คำถามที่ต้องเปลี่ยนครับ”
มัดหมี่ชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดว่าทำไม ต้องมายุ่งตอนนี้
ชิโลรอดรัณอยู่ที่บริเวณคาเฟเทอเรีย พนักงานเอากาแฟมาเสิร์ฟให้ ครู่หนึ่งดรัณเข้ามาพบ
“ขอโทษด้วยครับคุณชิโล ให้รอซะนานเลยพอดีกำลังมีเรื่องยุ่งๆอยู่น่ะครับ”
“เรื่องผู้กองสการรึเปล่าคะ”
ดรัณชะงักแปลกใจ
“เอ๊ะ”
“เอ่อ...คือ...ฉันเห็น...เห็นผู้กองสการถูกยิงตายค่ะ”
ดรัณหน้าตื่น
“ห๊า !! คุณชิโลเห็นที่ไหนครับ”
“ในนิมิตรค่ะ ที่ๆฉันเห็นมีตู้สินค้าเต็มไปหมด ผู้กองสการตามไปช่วยผู้หญิงคนนึง แต่กลับโดนคนร้ายยิงใส่จนตายคาที่”
ดรัณอึ้งไปทันที
“คุณชิโลครับ ไหนคุณบอกว่าเรื่องที่คุณเป็นนางฟ้าคุณกุขึ้นมาไม่ใช่เหรอ”
“โธ่เอ้ย...นี่ฉันจะอธิบายให้คุณฟังยังไงดี คุณไม่ต้องสนใจหรอกค่ะว่าฉันรู้ฉันเห็นมาได้ยังไง แต่ถ้าคุณไม่ช่วยผู้กองสการ รับรองว่าเขาตายแน่ๆ”
ดรัณนิ่งไปเพราะดูชิโลจริงจังมาก ระหว่างนั้นสการโทรเข้ามาหาดรัณ
“ไอ้แซมโทรมาพอดี เดี๋ยวผมขอรับสายมันก่อนนะครับ คุณทานกาแฟให้ใจเย็นๆไปก่อน”
ดรัณถือโทรศัพท์เดินเลี่ยงไปคุยอีกมุมหนึ่ง ชิโลมองตามตลอดเวลา
สการกำลังขับรถมุ่งหน้าไปช่วยดารุณี และคุยกับดรัณผ่านทางหูฟัง
“แผนปฎิบัติการที่วางเอาไว้ ล้มเลิกไปก่อน แกไม่ต้องส่งกำลังมาสมทบฉันแล้ว”
“อ้าว...ทำไมวะ”
“พวกมันเข้าใจผิดคิดว่าเด็กในนั้นเป็นสายให้ตำรวจ ดาบดารุณีกำลังหาทางช่วยไม่ให้ถูกฆ่า ฉันต้องเป็นคนลงมือเอง ไม่อย่างนั้นดาบดารุณีโดนเปิดโปงแน่”
“แกคนเดียวจะลุยกับพวกมันเนี่ยนะ อย่านะเว้ย คุณชิโลเพิ่งมาบอกฉันว่าแกจะโดนยิง”
สการงง
“ยัยนั่นอยู่กับแกเหรอ”
“เออ...เธอมาหาฉันที่นี่ บอกว่าเห็นแกโดนยิงตายในนิมิตร”
“ยัยเพี้ยน ยังเพี้ยนไม่เลิกอีก แกไล่ให้กลับไปเลย อย่าปล่อยให้มาจุ้นจ้าน”
“แต่ท่าทางคุณชิโลเขาจริงจังมากนะเว้ย ถ้าเขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง คงไม่กล้ามาขอร้องให้ฉันไปช่วยแกถึงที่นี่”
“ฉันใกล้จะถึงแล้ว ไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระจากยัยเพี้ยนนั่น”
“เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ อย่าเพิ่งวาง แกจะไปช่วยดาบดารุณีที่ไหน...ไอ้แซม..ไอ้แซม !!”
สการปิดมือถือแล้วเร่งเครื่องมุ่งหน้าไปต่อ
“ยัยเพี้ยน..มาแช่งว่าเราจะโดนยิง กลับไปเมื่อไหร่ เธอโดนฉันเล่นงานเป็นคนแรกแน่”
ดรัณวางสายจากสการไปแล้ว แต่ยังอดครุ่นคิดสงสัยไม่หาย ชิโลที่อยู่ที่โต๊ะพยายามมองว่าดรัณจะยังไง แต่พอดรัณหันกลับมาชิโลเกิดตกใจปัดถ้วยกาแฟหกใส่ตัวเอง
“คุณชิโล !!” ดรัณเอาผ้ามาช่วยเช็ดให้ “เลอะไปหมดเลย เดี๋ยวผมเช็ดให้”
“ไม่เป็นไรค่ะผู้กอง”
ชิโลจะแย่งผ้าจากดรัณ แต่แย่งกันไปมาทำให้เสียหลักหัวมาโขกกันแทน
“โอ๊ย !!”
“คุณชิโล..ผมขอโทษ เจ็บมากมั้ยครับ”
“เจ็บสิคะ”
“โอ๋ๆๆๆ ผมดูให้นะครับ...”
ดรัณช่วยดูหน้าผากชิโลให้ด้วยความเป็นห่วง เป็นจังหวะพอดีที่มัดหมี่เดินเข้ามาเห็นพอดี มัดหมี่ถึงกับผงะ
“ว๊าย !! ตายแล้วนั่นนังบ้ากับผู้กองดรัณ...หนอย นังร่าน ทำแบ๊วจิตไม่ปกติให้ดูน่าสงสาร ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ฉันว่าฉันจี๊ดตัวแม่แล้ว แต่แก....หึ !!”
มัดหมี่คิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากกดถ่ายภาพดรัณกับชิโลไว้ ดรัณดูหน้าผากให้ชิโลแล้วเผลอมองตาชิโลอย่างซึ้งๆเหมือนถูกมนต์สะกด มัดหมี่กดถ่ายภาพแชะ
“แกเสร็จฉันแน่ เรื่องนี้ฉันเป็นนางเอกย่ะ ส่วนแกต้องไปฉะกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกัน...หึๆๆๆๆ”
มัดหมี่เดินออกไป ดรัณยังมองตาชิโลอย่างซึ้ง
“ผู้กองดรัณคะ...ฉันหายเจ็บแล้ว”
“เอ่อ...ขอโทษครับ” ดรีณรีบถอยออกมา “ผมนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลยทำให้คุณชิโลเจ็บตัว”
“ช่างเถอะค่ะ นิดหน่อยเอง ตกลงเรื่องผู้กองสการที่ฉันเตือนไปล่ะคะ”
“ผมบอกมันแล้วครับ แต่คุณก็รู้ว่ามันตอบผมยังไง”
“เขาอาจจะหาว่าฉันเพี้ยน แต่คุณคงไม่ได้คิดอย่างเขาใช่มั้ยคะ”
ดรัณนิ่ง
“ผู้กองดรัณ ฉันคงไม่มาถึงที่นี่เพื่อเอาเรื่องโกหกมาพูดล้อเล่นหรอกค่ะ”
“ครับ...ผมเชื่อคุณ เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะให้ที่นี่ตามรอยจากสัญญาณมือถือของไอ้แซมแล้วไปช่วยมัน คุณจะได้สบายใจ...โอเคนะครับ”
ชิโลค่อยโล่งอก
“ค่ะผู้กองดรัณ”
ดรัณยิ้มให้แม้ในใจจะรู้สึกประหลาดใจมากก็ตาม
บริเวณท่าเรือเปลี่ยวๆ สาโรจน์กับลูกน้องจับตัวเด็กสาวที่มีผ้าดำคลุมหน้าเข้ามา พวกมันผลักจนล้มลงแล้วดึงผ้าออก เด็กสาวมีผ้าปิดปากร้องอู้อี้ ดารุณีหันไปเห็นสาโรจน์เตรียมปืนที่จะใช้ฆ่าเด็กสาว
“จะจัดการตรงนี้เลยเหรอ”
“ใช่...หลังจากจัดการมันแล้วศพมันจะถูกยัดใส่ถังแล้วเทปูนปิด พอปูนแห้งได้ที่มันจะถูกโยนลงน้ำให้จมอยู่ในนั้น”
“แต่ฉันว่าถ้ามันเป็นสายให้ตำรวจจริงๆ ป่านนี้ตำรวจคงบุกมาจัดการพวกเราไปแล้ว”
“โชคดีที่ฉันรู้ตัวก่อน มันเลยไม่ทันได้ส่งข่าวให้พวกมัน ถอยไป คอยดูฉันจัดการกับมันแล้วเอาไปบอกพวกที่เหลือถ้าใครคิดหนี มันจะต้องลงเอยแบบนี้”
สาโรจน์ชักปืนเตรียมจะยิง เด็กสาวน้ำตาคลอตกใจกลัวสุดขีด
“เดี๋ยว !!”
สาโรจน์ชะงัก
“อะไรของแกอีก”
“คือ...ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ ถ้ามันเป็นสายตำรวจ มันก็ต้องรู้ว่าตำรวจวางแผนอะไรไว้ ทำไมเราไม่เค้นให้มันพูดล่ะ”
“ที่แกเห็นหน้ามันปูดขนาดนั้น เพราะฉันซ้อมมันแล้ว แต่มันไม่ยอมพูด”
“กับนังพวกนี้ใช้ไม้แข็งไม่ได้หรอก ลองให้ฉันใช้ไม้อ่อนกับมันดู ยังไงก็ผู้หญิงเหมือนกัน”
สาโรจน์นิ่งไปมองดารุณีอย่างครุ่นคิดก่อนจะเก็บปืน
“ฉันให้เวลาห้านาที ถ้ามันยังไม่ปริปากพูด มันได้เป็นศพในถังปูนแน่”
สาโรจน์พยักหน้าให้ลูกน้อง พยุงเด็กสาวขึ้นแล้วผลักมาให้ดารุณีจัดการ
ขณะเดียวกัน สการขับรถเข้ามาจอดห่างจากรั้วลวดตาข่ายใกล้ๆกับท่าเรือ เตรียมอาวุธออกมาแล้วปีนข้ามรั้วเข้าไปอย่างระมัดระวัง ระหว่างนั้นลูกน้องคนนึงของสาโรจน์เดินลาดตระเวนเข้ามา เขารีบหาที่หลบอย่างมิดชิดรอจนลูกน้องของสาโรจน์เดินผ่านไปจึงค่อยรีบตรงไปที่โกดัง
ดรัณเดินไปเดินมาอยู่ในที่โต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นตรีชฎาเข้ามา
“ผู้กองดรัณคะ ได้พิกัดสถานที่ที่ผู้กองสการไปมาแล้วค่ะ”
“ที่ไหน”
“นี่ค่ะ”
ตรีชฎายื่นเครื่อง GPS ให้ ดรัณรับมาดูเห็นมีจุดสัญญาณกระพริบอยู่ที่จอ
“ผู้กองจะไปคนเดียวเหรอคะ ดิฉันว่าน่าจะพากำลังไปด้วย”
“ไม่ได้ ถ้าพากำลังไปสมทบ พวกมันอาจจะสงสัยดาบดารุณีได้”
“แล้วเรื่องที่คุณชิโลเล่ามา มันจะเชื่อได้จริงๆเหรอคะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันน่าเชื่อมั้ย ถ้ามันไม่เกิดอะไรขึ้นก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง ตำรวจดีๆอย่างไอ้แซมจะตายไม่ได้เด็ดขาด”
ดรัณบอกด้วยน้ำเสียงเครียดจัด
ในโกดัง...ดารุณีพาเด็กสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้ามาอยู่กันตามลำพัง ดารุณีช่วยเอาผ้าปิดปากออกให้
“ฮือๆๆๆ..เจ๊ช่วยหนูด้วย หนูไม่ได้เป็นสายตำรวจ บอกพวกมันอย่าฆ่าหนูเลย หนูไม่ได้เป็นสายให้ตำรวจจริงๆ”
“ใจเย็นๆ เจ๊เชื่อหนู”
“งั้นเจ๊ก็บอกพวกมัน อย่าให้มันฆ่าหนูเลยนะ จะให้หนูขายตัวหรือให้ทำอะไร หนูยอมแล้ว ฮือๆๆๆ”
ดารุณีปลอบใจ
“ไม่ต้องกลัว...เจ๊จะช่วยให้หนูได้กลับบ้าน สารเลวอย่างพวกมันต้องโดนกวาดล้างให้สิ้นซาก”
เด็กสาวชะงักไป
“เจ๊ !! (สงสัย) นี่เจ๊...เจ๊เป็น...”
ดารุณีพยักหน้ารับ
“ตอนนี้มีตำรวจมารอช่วยอยู่ข้างนอกแล้ว ทำตามที่เจ๊บอก แล้วหนูจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย”
เด็กสาวพยักหน้ารับอย่างดีใจ
สาโรจน์รออยู่ด้านนอกโกดังครบเวลา 5 นาทีแล้ว
“เข้าไปดูสินังเจ๊เปิดปากมันได้รึยัง”
ลูกน้องรับคำแล้วจะเดินไปแต่ดารุณีเดินออกมาสภาพเหมือนโดนซ้อมโดนชกหน้าจนเลือดกบปาก
“โอ้ยยยยย....อู้ยยยย”
“นี่เกิดอะไรขึ้น”
“นังนั่นมันแสบ มันเล่นงานฉันทีเผลอแล้วหนีไปแล้ว”
สาโรจน์หันไปสั่งลูกน้อง
“ตามไปจัดการมัน เก็บมันให้ได้”
พวกลูกน้องรีบพากันออกตามคำสั่งสาโรจน์ ดารุณีทำเจ็บตัวร้องโอดโอยกลบเกลื่อน แต่สาโรจน์หันมาไม่พอใจ เข้าไปบีบแขนกระชาก
“นังเจ๊ ถ้ามันหนีรอดไปได้ ฉันจัดการแกแทนมันแน่”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าฝีมือมันเอาเรื่อง มันชกหน้าฉันทีเดียวฟันก็แทบร่วงแล้ว ถ้าจับตัวมันได้ ฉันขอตบ ขอกระทืบสั่งสอนมันก่อนแล้วแกค่อยฆ่ามันนะ”
“พูดมากน่ารำคาญ !!”
สาโรจน์หงุดหงิดรำคาญเลยผลักดารุณีกระเด็นล้มลงไปกับพื้น แรงผลักทำให้โทรศัพท์มือถือที่ซุกอยู่ในร่องอกกระเด็นออกมา ดารุณีตกใจ สาโรจน์ได้ยินเสียงของตกพื้นก็หันขวับมาทันที
ดารุณีรีบคว้าโทรศัพท์จะซ่อน แต่ไม่ทันแล้วเพราะสาโรจน์เข้ามากระทืบโทรศัพท์แตกคาตีน ดารุณีหน้าเสีย
“นังเจ๊ณี...ที่แท้ก็เป็นแก...นังตัวแสบ”
สาโรจน์เตะเข้าท้องน้อย ดารุณีกระเด็น สาโรจน์จะเข้าไปซ้ำแต่ดาบดารุณีชักปืนที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรงตรงขาอ่อนออกมาแล้วยิงสวน สาโรจน์หลบวิถีกระสุนไปได้อย่างเฉียดฉิว ดารุณีรีบฉวยโอกาสวิ่งหนีทันที
ที่มุมหนึ่งของท่าเรือ เด็กสาววิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานด้วยอาการตื่นกลัว ลูกน้องของสาโรจน์โผล่มาดักทาง เด็กสาวตกใจจะหนีไปอีกทางแต่พวกมันอีกคนก็โผล่เข้ามา
“ช่วย...ช่วยด้วย...”
ลูกน้องสาโรจน์ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกใส่ทันที...เปรี้ยง !! กระสุนเจาะเข้าที่กลางอก เด็กสาวทรุดฮวบตายคาที่ สการซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้นได้ยินเสียงปืนก็รีบวิ่งไปตามเสียง จนมาเห็นพวกลูกน้องสาโรจน์กับศพของเด็กสาว สการจะออกไปจัดการแต่สาโรจน์ตามเข้ามา สการเลยชะงักถอยไปหลบเพราะหนึ่งต่อสามคนไม่ไหว
“นังนี่ไม่ใช่สายตำรวจ แต่เป็นเจ๊ณี มันยังไปไม่พ้นแถวนี้แน่ เรียกพวกเราปิดล้อมที่นี่เอาไว้”
“ครับลูกพี่”
“เดี๋ยว... อาจจะมีพวกมันตามมาที่นี่บ้างแล้ว เจอเมื่อไหร่เก็บพวกมันให้หมด อย่าให้รอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว”
ลูกน้องรับคำสั่งแล้วพากันออกไป สการหน้าเครียด ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
ดรัณขับรถตามสัญญาณ GPS จากเครื่องระบุสัญญาณมาถึงบริเวณท่าเรือที่มีตู้คอนเทเนอร์ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทาง
“ไอ้แซมต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ”
ดรัณจอดรถแล้วมองหา สายตาเหลือบไปเห็นตู้คอนเทเนอร์ที่ตั้งเรียงรายแล้วเกิดฉุกขึ้นขึ้นมาได้ที่ชิโลบอก
‘เอ่อ...คือ...ฉันเห็น...เห็นผู้กองสการถูกยิงตายค่ะ’
‘ห๊า !! คุณชิโลเห็นที่ไหนครับ’
‘ในนิมิตรค่ะ ที่ๆฉันเห็นมีตู้สินค้าเต็มไปหมด ผู้กองสการตามไปช่วยผู้หญิงคนนึง แต่กลับโดนคนร้ายยิงใส่จนตายคาที่’
ดรัณอึ้งไปทันที
“คุณชิโลครับ ไหนคุณบอกว่าเรื่องที่คุณเป็นนางฟ้าคุณกุขึ้นมาไม่ใช่เหรอ’
‘โธ่เอ้ย...นี่ฉันจะอธิบายให้คุณฟังยังไงดี คุณไม่ต้องสนใจหรอกค่ะว่าฉันรู้ฉันเห็นมาได้ยังไง แต่ถ้าคุณไม่ช่วยผู้กองสการ รับรองว่าเขาตายแน่ๆ’
ดรัณนึกถึงคำเตือนของชิโลแล้วเครียดทันที
‘ไอ้แซมจะโดนยิงตายที่ที่มีตู้สินค้าเต็มไปหมด...มันก็เหมือนที่นี่น่ะสิ หรือว่าคำเตือนของคุณชิโลจะ...’
มณีแดนสรวง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ที่ท่าเรือ ตรงบริเวณที่ตู้คอนเทเนอร์ตั้งเรียงราย มีซอกซอยแบ่งทางออกมาหลายทางจนดูเหมือนเขาวงกต สการกระชับปืนคอยระวังตัวทุกฝีก้าว เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับคนของสาโรจน์จากทางไหน
ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังติดๆกันหลายนัด สการตกใจคิดว่าต้องเกิดเรื่องกับดารุณีแน่ๆ
ทางด้านดารุณีโดนระดมยิงใส่จากสาโรจน์และพวกลูกน้องที่ไล่ล่าตามมาจนเจอตัว ดารุณีพยายามยิงโต้ตอบและหาที่หลบวิถีกระสุน แต่พลาดท่าถูกสาโรจน์ยิงใส่เข้าที่หัวไหล่ เลือดอาบไหลตามแขนลงมาเต็มไปหมด เธอฝืนความเจ็บยิงสวนไปเพื่อเปิดทางให้ตัวเองหนีได้
“ตามมันไป”
สาโรจน์ร้องบอก ลูกน้องส่วนหนึ่งตามดารุณีไป ระหว่างนั้นมีลูกน้องอีกคนเข้ามารายงาน
“ลูกพี่ มีพวกมันเข้ามาที่นี่ ผมเห็นรถของมันจอดอยู่คันนึง”
“นึกแล้วเชียว แกมากับฉัน”
สาโรจน์พาลูกน้องไปด้วยกันอีกทางหนึ่ง
ดารุณีที่ได้รับบาดเจ็บเลือดอาบแขน วิ่งหนีลูกกระสุนที่ระดมยิงใส่เธอไม่ยั้ง แม้จะยิงตอบโต้ไปแต่ก็ยังโดนระดมยิงใส่จนเกือบจะพลาดท่า สการโผล่เข้ามาดึงดาบดารุณีหลบที่ข้างตู้คอนเทเนอร์
“ผู้กอง !!”
“คุณรีบหนีไปก่อน ผมจะรับมือพวกมันให้เอง”
“แต่พวกมันอยู่ที่นี่เต็มไปหมด ฉันทิ้งให้ผู้กองลุยคนเดียวไม่ได้”
“ผมรับมือพวกมันได้ ดาบไม่ต้องห่วง รีบหนีไป”
“แต่ว่า”
“นี่เป็นคำสั่ง !!“
พวกคนร้ายยิงเข้ามาอีก ดารุณีเลือดไหลไม่หยุด สการต้องช่วยยิงตอบโต้
“รีบไปซะ...ถ้าผมต้องคอยระวังคุณด้วย เราสองคนนั่นแหละจะไม่รอด..ไป !!”
“ผู้กอง...ระวังตัวด้วยนะคะ”
ดารุณีรีบวิ่งออกไป สการหันมายิงตอบโต้กับพวกคนร้ายปังๆๆๆ ก่อนจะล่อคนร้ายไปอีกทาง
อุ้มสมถามชิโลหลังจากที่กลับมาจากสำนักงานตำรวจฯ
“เจ้าบอกให้ผู้กองดรัณตามไปช่วยผู้กองสการแล้วเหรอ”
“ใช่...เขารับปากเราด้วยว่าจะช่วยไม่ให้หมอนั่นถูกยิง เฮ้อ...แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย”
ชิโลโล่งอกมากๆ แต่อุ้มสมยังสงสัย
“เจ้าแน่ใจหรอว่าเจ้าจะสบายใจ เราว่าจากนี้ไปอาจจะต้องกลุ้มใจมากกว่าเดิมก็ได้”
“นี่เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองซะที เดี๋ยวก็เอาพริกไทเหยาะใส่หน้าให้กลายเป็นนกซะเลย”
“เราพูดเหตุผลที่มันจะต้องเกิดขึ้นนะชิโล การเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์มีผลทำให้เจ้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เหมือนที่เจ้าใช้พรช่วยชีวิตคุณป้านารี เจ้าเลยรู้สึกว่าเจ้ากับคุณป้าผูกพันต่อกัน”
ชิโลชะงัก
“นี่เจ้าจะบอกเราว่า จากนี้ไปเราคงหนีเขาไม่พ้น เพราะเรากับเขาจะต้องมีจิตผูกพันต่อกันงั้นเหรอ”
“เดาว่าต้องลงเอยแบบนั้น เพราะตั้งแต่ลงมาอยู่ที่โลกมนุษย์ ไม่ว่าเจ้าจะก้าวย่างไปทางไหน เป็นต้องมีผู้กองสการโผล่มาอยู่ใกล้ๆเจ้าซะทุกครั้ง...เฮ้อ..ชิโล ภาษามนุษย์เขาต้องพูดว่า งานเข้าเจ้าแล้วล่ะ”
อุ้มสมสำทับใส่แล้วคว้าเมล็ดฟักทองมาแทะเดินกินออกไป ชิโลหน้าเสีย
“นางฟ้าอย่างเรากับมนุษย์กักขฬะอย่างหมอนั่นน่ะเหรอ...”
ชิโลพูดไปแก้วสัตตพิธรัตนะก็เปล่งประกายส่องแสง ชิโลชะงักมองแล้วเครียด
“ชักไม่อยากให้หมอนั่นรอดชีวิตแล้วสิเรา”
ชิโลนึกได้ว่าพูดไม่ดีรีบปิดปาก
“ไม่ได้ การแช่งคนอื่นถือว่าเป็นบาป เฮ้อ...”
ดารุณีหนีมาหาที่หลบ เลือดยังไหลตามแขนออกมาไม่หยุด ลูกน้องสาโรจน์ตามเข้ามาแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มโอบล้อม ดารุณีเห็นพวกมันซุ่มเข้ามาใกล้เลยยกปืนขึ้นแล้วลั่นไก...แชะ !! แต่กระสุนหมด พวกลูกน้องสาโรจน์ได้ทีเดินกร่างเข้ามายิ้มร้าย
“แกกับเจ้านายของพวกแกจะต้องโดนกวาดล้าง”
“ไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอกเว้ย !!”
พวกลูกน้องสาโรจน์นิ้วแตะไกปืน ดารุณีเจ็บใจ ขบกรามแน่น เสียงปืนดังสนั่น.... เปรี้ยง !! ดารุณีล้มตัวลงที่พื้น เลือดนองออกมาตามพื้น
ลูกน้องของสาโรจน์พากันกลับไป ทิ้งร่างของดารุณีไว้ตรงนั้น ครู่หนึ่งดรัณตามเสียงปืนมาแล้วพบสภาพของดารุณีเข้าก็ตกใจ
“ดาบ...ดาบดารุณี !!”
“ผู้...ผู้กอง”
“ทำใจดีๆไว้ ผมจะรีบตามรถพยาบาลมา”
“ฉัน...ฉันไม่รอดหรอกค่ะผู้กอง...คุณ...คุณต้องรีบไป...ไปช่วยผู้กองแซม รีบไปเถอะค่ะ”
ดารุณีสะดุ้งเฮือกตัวเกร็งตาเบิกค้างแล้วแน่นิ่งไป
“ดาบ...ดาบดารุณี !!”
ชิโลเดินไปเดินมาครุ่นคิดหนักใจอยู่คนเดียว คำพูดของอุ้มสมยังเหมือนวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ
‘...การเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์ มีผลทำให้เจ้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...’
‘...นี่เจ้าจะบอกเราว่า จากนี้ไปเราคงหนีเขาไม่พ้น เพราะเรากับเขาจะต้องมีจิตผูกพันต่อกันงั้นเหรอ...’
ชิโลหน้าเครียด นั่งลงบนเตียงคว้าตุ๊กตามากอดหน้าหงิก
“อุ้มสมนะอุ้มสม...เรากับผู้กองหน้ายักษ์นั่นน่ะเหรอ...ไม่จริงใช่มั้ยเนี่ย”
ชิโลนอนแผ่หลาไปบนเตียงคิ้วขมวดพยายามคิดๆๆ
สการวิ่งล่อคนร้ายออกมาอีกมุมหนึ่งเปิดฉากยิงตอบโต้ เขายิงโดนคนร้ายร่วงไปหลายคนจนเสียงปืนเงียบ สการออกจากที่กำบังคิดว่าจัดการพวกมันหมดไปแล้ว แต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง !!!
สการผงะอึ้งเจ็บแปลบที่กลางอก เมื่อก้มดูก็พบว่าตัวเองถูกยิง สการยกปากกระบอกปืนจะยิงตอบโต้ แต่เสียงปืนดังรัวถี่...ปังๆๆๆๆ
ร่างของสการถูกยิงใส่ไม่ยั้งก่อนจะล้มลงฟุบแน่นิ่ง
ชิโลยืนอยู่บนดาดฟ้าโล่งๆ ในมือกำสร้อยแก้วสัตตพิธรัตนะเอาไว้ด้วยความสงสัย...
“พี่พรรณราย...ได้ยินน้องรึเปล่า...น้องมีเรื่องสงสัย ถ้าพี่ได้ยินก็ช่วยให้น้องรู้ด้วย”
ทุกอย่างยังคงเงียบ แต่อยู่ๆก็มีลมพัดเข้ามาวูบหนึ่งโดยไม่มีสาเหตุ ชิโลรู้ทันทีว่าพี่สาวได้ยินที่เธอถาม
“พี่พรรณรายจ๊ะ เพราะเหตุใดแก้วสัตตพิธรัตนะจึงต้องการให้น้องช่วยชีวิตมนุษย์อย่างผู้กองสการ...น้องไม่เข้าใจ...ทำไม”
ทุกอย่างเงียบอยู่ครู่ ก่อนชิโลจะได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะคิกๆคักๆของพี่สาว
“พี่พรรณราย...หัวเราะอะไรน้อง พี่อยู่ที่นี่ใช่มั้ย”
ชิโลจะเดินไปตามเสียงหัวเราะแต่ชะงักเพราะมีบางอย่างผิดปกติ ชิโลค่อยๆยกมือซ้ายขึ้นมาแล้วตกใจเมื่อพบว่ามีเส้นเชือกบางๆสีเขียวส่องแสงสว่าง ผูกอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย ปลายเชือกลากยาวไปตามทาง
“เชือก...เชือกนี่มันอะไรกันน่ะพี่พรรณราย”
ชิโลพิจารณาเชือกที่ผูกโยงนิ้วตัวเองแล้วก็ตกใจ เมื่อนึกถึงครั้งหนึ่งในวิชาพรหมลิขิต
ในอดีต...พระกามเทพเอาสมุดพรหมลิขิตขึ้นมาวางที่แท่นแล้วค่อยๆเปิดสมุดออก แสงสว่างเจิดจ้าออกมาจากหนังสือ
รายชื่อของมนุษย์ลอยออกมานับร้อยนับพันนับหมื่นล่องลอยอยู่รอบๆตัวเทวดานางฟ้าทุกองค์ แต่ละชื่อจะมีเส้นสายโยงใยเชื่อมหาคนนั้นคนนี้เหมือนใยแมงมุม พันกันให้วุ่นไปหมด พระกามเทพหันไปถามอุ้มสม
‘อุ้มสม...บอกอาจารย์มาสิว่าเส้นสีเขียวที่เชื่อมโยงรายชื่อมนุษย์ ที่ลอยอยู่ตรงหน้าเจ้าหมายถึงอะไร’
อุ้มสมชะงัก
‘เอ่อ...เอ่อ…’ อุ้มสมหรี่ตามองชิโลที่มุบมิบช่วย... ‘อ๋อ...เส้นสีเขียวที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์สองคนนั้นคือการทำบุญร่วมกันมา เป็นคู่แท้ที่จะได้ร่วมหอลงโรงกันครับพระอาจารย์’
ชิโลตกใจ
‘คู่แท้ของเรา ? น้องเป็นนางฟ้านะพี่ น้องจะมีคู่แท้เป็นมนุษย์ได้ยังไง...พี่พรรณราย’
ไม่มีเสียงตอบกลับมา ชิโลยิ่งสงสัยจับเส้นเชือกสีเขียวที่เปล่งกระกายส่องสว่างขึ้นมา แล้วเดินตามเส้นเชือกสีเขียวนั้นไปอย่างใจระทึก อยากรู้ว่าปลายเชือกนั้นจะพาไปพบกับใคร
ชิโลเดินตามเชือกสีเขียวที่เปล่งประกายใจ เต้นตึกๆมาจนถึงมุมสวยงามบนดาดฟ้าที่เห็นวิวโล่ง หญิงสาวงุนงงเมื่อพบชายคนหนึ่งอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตายืนหันหลังให้ ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาถูกโยงด้วยเชือกสีเขียวเส้นเดียวกับที่ผูกนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
ชายคนนั้นค่อยๆหันมา พบว่าเป็นสการ ชิโลถึงกับพูดไม่ออก
“ผู้...ผู้กองหน้ายักษ์...นี่คุณ”
ชิโลชูมือข้างซ้ายที่นิ้วนางมีเลือกสีเขียวผูกโยงกับเขา สการเดินอย่างเท่ห์เข้ามา
“ชิโล”
สการใช้มือจับแก้มชิโลอย่างแผ่วเบาทำเอาชิโลถึงกับอายหน้าแดง
“เราเป็นคู่แท้ที่จะไม่มีวันพรากจากกัน เพราะสวรรค์บันดาลให้เราต้องอยู่ด้วยกันไปจนชั่วชีวิต...อยู่กับผมนะชิโล”
สการค่อยเชยคางชิโลขึ้นแล้วจุมพิตอย่างทนุถนอม ชิโลถึงกับหลับตาเคลิ้ม ขาเขย่งขึ้นรับเพราะสการสูงกว่ามาก แถมพอโดนจูบไปได้หน่อยมือก็อ่อนปวกเปียกตกข้างตัว...
ชิโลนอนหลับเคลิ้มฝันไป หน้าเธอซุกอยู่กับหน้าของตุ๊กตา ปากตุ๊กตาจุ๊บอยู่ที่ปากของชิโลจนเหมือนกำลังจูบกัน ชิโลเคลิ้มได้ครู่ก่อนจะรู้สึกตัวรีบเด้งขึ้น
“ไม่...ฉันเป็นนางฟ้า เจ้าเป็นมนุษย์ เราอยู่ด้วยกันไม่ได้”
ชิโลลืมตาโพล่งตื่นพบว่าตัวเองฝันไป อุ้มสมเข้ามาเพราะได้ยินเสียง
“ชิโล..เจ้าเป็นอะไร”
“อุ้มสม...เรา...เราฝัน”
“ฝัน...เจ้าฝันว่าอะไร...”
“เราฝันว่า...” ชิโลนึกได้ว่าไม่ควรพูด “เอ่อ...เปล่า...ไม่มีอะไร”
“เจ้าฝันว่าอะไรบอกเรามาเถอะชิโล เราอยากรู้ว่าฝันเป็นยังไง ตอนที่เป็นเทวดาพวกเราไม่เคยฝันกันเลยนะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็ฝันเรื่องทั่วๆไปนั่นแหละ”
พูดไปก็เอามือแตะริมฝีปากแล้วหน้าแดง อุ้มสมยิ่งงง
“ถ้าเรื่องทั่วไปไม่มีอะไรแล้วทำไมเจ้าหน้าแดง แก้มแดงแบบนั้นล่ะ”
ชิโลตกใจรีบหันหน้าหลบ
“เราบอกไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ ว่าแต่ได้ข่าวผู้กองสการรึเปล่า ตกลงว่าเขาเป็นอะไรมั้ย”
“เราเพิ่งกลับมาจากห้องคุณป้า ยังไม่เห็นคุณป้าได้ข่าวอะไรเลย”
ชิโลนิ่งไปอย่างกังวลเป็นห่วงสการ
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณป้าต้องเป็นคนแรกที่รู้ข่าว คงไม่มีอะไรหรอก”
ชิโลพยักหน้ารับ...ขออย่าให้เป็นอย่างที่เธอกังวลเลย
สการฟุบหน้าคว่ำแน่นิ่งอยู่ที่พื้น สาโรจน์ถือปืนเดินเข้ามาหลังจากยิงสการไปหลายนัด สาโรจน์เข้ามาเตะปืนสการที่พื้นกระเด็นไปไกลๆ แล้วมองอย่างสมเพช
“หึๆๆ...ในที่สุดมือปราบฝีมือดีอย่างผู้กอง สุดท้ายก็ต้องตายอย่างหมาข้างถนน”
สาโรจน์เก็บปืนกำลังจะเดินออกไปแต่นิ้วสการขยับโดยไม่ทันที่สาโรจน์รู้ตัว สการค่อยๆลุกขึ้นยืนขึ้นข้างหลังสาโรจน์อย่างเงียบๆ ที่หน้าอกของสการมีรอยกระสุนที่ไม่ทะลุตัวเพราะมีเสื้อเกราะอยู่ข้างใน
“คนอย่างฉันไม่ตายง่ายๆหรอก จนกว่าจะได้ลากคอพวกแกเข้าคุกให้หมด”
สาโรจน์ชะงักอึ้งชักปืนแล้วหมุนตัวกลับมาจะเล่นงาน แต่สการใช้มือเปล่าปัดปืนในมือสาโรจน์อย่างรวดเร็ว ปืนสาโรจน์กระเด็น สการตามด้วยหมัดที่ระดมใส่ไม่ยั้ง สาโรจน์โดนเข้าเต็มๆทั้งใบหน้าและลำตัว แม้จะพยายามสวนกลับแต่ก็โดนสการถีบเข้ายอดอก จนกระเด็นไปกระแทกตู้คอนเทเนอร์เจ็บจุกลุกแทบไม่ขึ้น
สการเอากุญแจมือออกมา
“ฉันจัดการลากคอแกเข้าคุกได้แล้ว คิวต่อไปก็คือเจ้านายของแก”
สการจะเข้าไปจับกุมสาโรจน์ แต่ทันใดนั้นลูกน้องสาโรจน์ก็โผล่เข้ามาพร้อมกับยิงใส่สการทันที...เปรี้ยง !!
สการโดนยิงเข้าที่แขนท่อนบนที่ไม่มีเสื้อเกราะป้องกัน เลยกลับมาเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที สาโรจน์เจ็บใจรีบลุกขึ้นมาเตะเสยสการจนล้มแล้วตามไปเก็บปืนตัวเองขึ้นมา
“อย่างพวกแกไม่มีวันได้แตะต้องนายของข้าหรอกเว้ย”
สาโรจน์เล็งปืนไปที่สการแล้วเตรียมจะลั่นไก สการผงะอึ้ง
“ตำรวจดีๆส่วนใหญ่แล้วตายไว ไม่ทันได้เลื่อนยศทั้งนั้นแหละผู้กอง...ฮ่าๆ”
สการเจ็บใจที่กำลังจะโดนคนร้ายฆ่า แต่มีเสียงปืนดังเข้ามา...เปรี้ยงๆๆๆ สาโรจน์กับลูกน้องหลบกระสุนที่ดรัณตามมาช่วยสการไว้ได้ทันเวลา
“วันนี้ถือว่าโชคเข้าข้างผู้กอง แต่เราได้เจอกันอีกแน่”
สาโรจน์รีบหนีออกไปพร้อมกับลูกน้อง ดรัณเข้ามาที่สการ
“ไอ้แซม...เป็นไงมั่ง”
สการหันมามองเพื่อนอย่างเจ็บปวด เพราะเลือดที่ยังไหลไม่หยุด
โทรศัพท์ในห้องดัง นารีเข้ามารับสาย
“ดรัณ...มีอะไรเหรอลูก...ว่าไงนะ...ไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่มั้ยดรัณ”
นารีร้องถามอย่างตกใจ ระหว่างนั้นชิโลกับอุ้มสมเปิดประตูเข้ามาพอดีได้ยิน
“แล้วตอนนี้ตาแซมเป็นยังไงบ้าง...แม่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
นารีวางสายไปแล้วหันมาเห็นชิโลกับอุ้มสม
“เกิดอะไรขึ้นกับผู้กองสการคะคุณป้า”
“ตาแซมโดนยิง ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
นารีบอกอย่างร้อนใจ
ในห้องพักคนไข้ สการต้องนอนเข้าเฝือกที่แขนอยู่บนเตียง หลังจากหมอช่วยผ่าตัดทำแผลให้เรียบร้อย พยาบาลมาดูแลให้ก่อนจะออกไปปล่อยให้สการอยู่กับดรัณ
“เป็นไงมั่งวะ ท่าทางจะเจ็บเอาเรื่อง”
“แกจะลองโดนยิงดูมั่งมั้ยล่ะ ฉันจัดให้ได้” สการย้อน
“ขอบใจเพื่อน แต่ขออยู่แบบครบ 32 ดีกว่า ขี้เกียจเป็นไอ้ด้วนให้เป็นภาระคนอื่น เออ..ฉันโทรบอกแม่แกแล้ว เดี๋ยวก็คงมา”
“ขอบใจ...แล้วดาบดารุณีล่ะ ปลอดภัยรึเปล่า”
ดรัณนิ่งไปไม่รู้จะตอบยังไง สการมองหน้าเพื่อนอ่านสีหน้าออก
“ไอ้รัณ...ไม่จริงใช่มั้ย”
“ฉันเสียใจจริงๆว่ะ ฉันเกือบจะช่วยดาบดรุณีได้แล้ว...แต่...ฉันก็ยังมาช้าไป”
“โธ่เว้ย !!”
สการเจ็บแปล๊บที่แผลจนหน้าแสดงอาการ
“แกใจเย็นๆนะเพื่อน ดาบดารุณีทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว ไว้ฉันจะคุยกับผู้การเรื่องเลื่อนยศแล้วก็เรื่องช่วยเหลือครอบครัวของดาบ รับรองว่าครอบครัวเธอต้องไม่ลำบากแน่”
“ดาบดารุณียอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อจัดการกับพวกมัน แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ฉันออกไปได้เมื่อไหร่ พวกมันไม่มีวันได้นอนหลับฝันดีแน่”
สการสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง
พยาบาลเดินนำนารี ชิโล และอุ้มสมพาไปห้องพักของสการ แต่ชิโลไม่ยอมเดินตามไป
“ไม่ไปเยี่ยมตาแซมด้วยกันเหรอชิโล”
ชิโลลังเล
“เอ่อคือ...คุณป้าเข้าไปก่อนเถอะค่ะ ชิโลไม่ได้มีอะไรติดมือมาด้วย”
“คนกันเองไม่จำเป็นหรอกจ้ะ”
“ไม่ดีหรอกค่ะคุณป้า เดี๋ยวชิโลตามไปนะคะ”
“ก็ได้จ้ะ”
นารีตามพยาบาลไปเยี่ยมสการ อุ้มสมหันมามองชิโลอย่างสงสัย
“เราว่าเจ้าดูแปลกๆนะชิโล ท่าทางเจ้าจะไม่อยากเจอหน้าผู้กองสการ หรือว่าที่เราคุยกับเจ้าไว้ เจ้าก็เลย...”
ชิโลรีบปฏิเสธ
“เปล่านะ เราไม่เคยแม้แต่จะคิด”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ...แค่คิดว่าเราต้องลงเอยกับมนุษย์เราก็...รับไม่ได้แล้ว เจ้าไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามเรามากให้วุ่นวาย เดี๋ยวเราหาของเยี่ยมได้แล้วเจ้าก็เอาไปให้เขาด้วยแล้วกัน”
ชิโลสบัดหน้าเดินออกไป อุ้มสมมองตาม
“ไม่ชอบหน้าเขา แล้วจะไปหาของเยี่ยมให้เขาทำไม ?”
ในห้องพักนารีจับแขนลูกชายด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างตาแซม เจ็บมั้ยลูก”
สการยิ้ม...
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ก็แค่โดนยิงนิดๆหน่อยๆ พักไม่กี่วันก็กลับไปทำงานได้แล้วครับ”
“โดนยิงเนี่ยนะ ยังบอกว่านิดๆหน่อยๆ แม่ถามตารัณแล้วนะ ถ้าตารัณตามไปช่วยไม่ทัน มีหวังได้จัดงานศพแทนไปแล้ว”
“แม่ไปฟังอะไรไอ้รัณมัน มันก็ทำโม้อวดเก่ง”
ดรัณโวย
“อ้าวไอ้เวร ฉันช่วยชีวิตแกไว้ขอบใจสักคำไม่มี ดันมาหาว่าขี้โม้ ขี้อิจฉาอีก คุณป้าครับไอ้แซมมันโม้หนักกว่าผมอีก ก่อนคุณป้ามามันยังแหกปากร้องเจ็บโอ๊ยๆอยู่เลย”
สการจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง ระหว่างนั้นอุ้มสมเอากระเช้าดอกไม้เข้ามา นารีหันไปถาม
“อุ้มสม...แล้วชิโลล่ะ”
“เอ่อ..คือ...พี่ชิโลฝากให้ผมเอาช่อดอกไม้มาเยี่ยมผู้กองครับ”
“อ้าว..ก็มาด้วยกันแล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะ”
“พี่ชิโลกลัวว่าเข้ามาให้ผู้กองเห็นหน้า แล้วจะทำให้ผู้กองไม่พอใจ อาการจะแย่ลงได้ครับ”
สการหน้าตึง
“พี่สาวนายนี่ชักจะเว่อร์เกินไปแล้วนะอุ้มสม”
“ยังไปว่าเขาอีก หนูชิโลเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ แต่เรานั่นแหละที่ชอบไปหาเรื่องเขาจนเขาเข้าหน้าไม่ติดแบบนี้”
”นี่ผมเจ็บตัวนะครับแม่ แม่ยังไม่เข้าข้างผมอีก”
ดรัณตัดบท
“เอาล่ะครับคุณป้า เดี๋ยวผมออกไปคุยกับคุณชิโลเขาแล้วกัน คุณชิโลจะได้สบายใจว่าไอ้แซมไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เดี๋ยวไอ้รัณ...มานี่ก่อน”
สการกวักนิ้วเรียกให้ดรัณเข้ามาใกล้ๆ เพื่อจะกระซิบบอกอะไรบางอย่าง
“แกช่วยถามยัยนั่นให้เคลียร์ ว่ารู้ได้ยังไงว่าฉันจะโดนยิง”
“ไหนแกว่าคุณชิโลเพ้อเจ้อไง”
“ถามตามที่ฉันบอกเถอะน่า”
“แกไม่สั่งฉันก็อยากรู้อยู่แล้วเว้ย”
ดรัณหันมายิ้มให้นารี หลังจากกระซิบกระซาบดูมีลับลมคมนัยกับสการ ก่อนจะออกจากห้อง
ดรัณออกมามองหาชิโลตรงบริเวณทางเดินของโรงพยาบาล เห็นชิโลนั่งรออยู่คนเดียว
“คุณชิโลครับ”
“ผู้กอง...เขาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็มีร้องโอดครวญเจ็บอยู่เหมือนกัน แต่โชคดีว่าไม่โดนจุดสำคัญหมอก็เลยให้อยู่ดูอาการไม่กี่วันก็กลับบ้านได้ครับ”
ชิโลโล่งใจ ดรัณถามอย่างแปลกใจ
“แล้วทำไมคุณชิโลไม่เข้าไปเยี่ยมมันเองล่ะครับ”
“คือว่า...ฉัน...”
ชิโลคิดถึงภาพในฝันที่สการดึงเธอมาจูบ แล้วเธอเคลิ้มตาม หญิงสาวหน้าแดงผ่าวรีบอ้างกับดรัณ
“ฉันไม่ค่อยถูกโฉลกกับเขาเท่าไหร่ กลัวว่าถ้าเขาพูดอะไรไม่เข้าหู ฉันอาจจะเผลอทำให้เขาเจ็บหนักไปกว่านี้”
“คุณชิโลเป็นคนดีมากเลยนะครับ ขนาดไม่ชอบหน้าไอ้แซม แต่ก็ยังมาเตือนให้ผมไปช่วยชีวิตมัน ผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่มีจิตใจเปี่ยมเมตตาธรรมแบบนี้มาก่อน”
“การทำความดีควรทำให้เป็นเรื่องปกติจนเป็นนิสัยค่ะ แต่ที่มนุษย์ไม่ชอบทำความดี เพราะทนกิเลศยั่วยุไม่ได้ และอีกอย่างคุณป้าก็ดีกับฉันมาก ฉันไม่อยากเห็นท่านเสียใจถ้าจะต้องเสียลูกชายไปก่อนวัยอันควร”
ดรัณฟังแล้วซึ้ง
“โห....คุณชิโลครับ...”
ดรัณขยับเข้ามาใกล้ชิโล แล้วจ้องหน้าตาไม่กระพริบจนชิโลรู้สึกแปลกใจที่มองเธอแปลกๆ
“งามทั้งกาย งามทั้งใจ ตอนนี้ผมเชื่อสนิทใจแล้วล่ะว่าคุณคือนางฟ้ามาจากสวรรค์จริงๆ”
“คุณเชื่อฉันเหรอคะผู้กอง”
ดรัณสบตาซึ้งจนชิโลชักรู้สึกขนลุกเกรียว ดรัณรุกหนักขึ้นอีกด้วยการกุมมือเธอขึ้นมาแนบอก
“ครับ...และก็คงมีเหตุผลเดียวที่นางฟ้าอย่างคุณลงมาพบผมที่นี่ นั่นก็คือคุณมาเพื่อเป็นเนื้อคู่กับผม”
ชิโลเหวอ
“เนื้อคู่ !!”
“ใช่แล้วครับ และผมก็เชื่อว่าถ้าคุณเห็นนิมิตรอีก ในนิมิตรนั้นคุณจะเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า..ลองดูสิครับ”
ชิโลรีบแกะมือออกและผลักดรัณทันที
“คุณเข้าใจผิดแล้วผู้กองฉันไม่ใช่นางฟ้า แล้วก็ไม่ใช่เนื้อคู่คุณ”
ชิโลรีบวิ่งอกไปทันที ดรัณมองตามแล้วยิ้มและดมมือตัวเอง
“เขินจนหน้าแดง ผู้หญิงอะไรยิ่งเขินยิ่งน่ารัก มือก็ห้อม...หอม”
ดรัณเคลิ้มมีความสุขแบบเข้าข้างตัวเองโดยไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างที่ดรัณพูดกับชิโล ได้ผ่านสายตาของเอิงเอยที่แอบได้ยินเข้าเต็มๆ
โปรดติดตาม "มณีแดนสรวง" ตอนต่อไป