xs
xsm
sm
md
lg

มณีแดนสรวง ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มณีแดนสรวง ตอนที่ 17
 
สามสาวสวมแว่นดำเอาผ้าคลุมหน้าอำพรางกันสุดฤทธิ์ แอบย่องอย่างเงียบกริ๊บเข้ามาที่บนบ้านพัก สิริสุดานำทีมส่งสัญญาณมือชี้โบ้ชี้เบ๊ให้มัดหมี่กับเอิงเอยดูต้นทางเพราะเธอจะใช้กุญแจไขเข้าไปในห้อง มัดหมี่หันไปถามเอิงเอย

“คุณสิส่งสัญญาณมาว่าอะไร”
เอิงเอยส่ายหน้า
“ไม่รู้ ฉันดูไม่ออก”
“นี่เธอเป็นเพื่อนกันภาษาอะไร”
เอิงเอยชักฉุน
“นี่หล่อน ฉันกับยัยสิไม่ได้เป็นใบ้นะจะได้ส่งภาษามือคุยกันเป็นเรื่องปกติน่ะ”
สิริสุดาเข้ามา
“นี่ ! พวกเธอจะคุยกันเสียงดังทำไม อยากให้นังชิโลมันรู้ตัวเหรอว่าเราบุกมา เล่นงานมัน”
มัดหมี่เถียง
“ก็ฉันไม่รู้ว่าเธอส่งภาษามือบอกให้เราทำอะไร”
สิริสุดาเหนื่อยใจ
“โธ่เอ้ย...ไม่เคยดูหนังกันเหรอไง เวลาเขาทำมือกันแบบนี้ หมายถึงว่าฉันจะบุกเข้า ไปก่อน ส่วนพวกเธอคนนึงดูต้นทาง อีกคนตามฉันมา”
สิริสุดาพูดไปทำมือประกอบท่าทาง แต่…ภาษามือออกทะเลมั่วมาก เอิงเอยส่ายหน้าเอือมๆ
“พอเถอะแก ไม่ต้องทำภาษามือบอกพวกฉันแล้ว แกพูดธรรมดาแบบนี้ฉันเข้าใจกว่า”
“ก็ได้ย่ะ มัดหมี่เธอไปกับฉัน ยัยเอิงดูต้นทาง”
“โอเค”
เอิงเอยทำนิ้วโอเคแล้วรีบเดินไป มัดหมี่กับสิริสุดาพยักหน้าให้กันแล้วตามกันไป คล้อยหลังไม่นานอุ้มสมโผล่ หน้าออกมาจากหลังเสาได้ยินที่สามสาวคุยกันแล้วชักสีหน้าโกรธทันที
“เห็นหน้าสวยๆแบบนี้ไม่คิดเลยว่าจะร้ายกันได้ขาดนี้ ถ้าไม่สั่งสอนซะบ้างไม่ใช่เทพ อุ้มสมแล้ว...หึ”
อุ้มสมพูดไปก็หยิบกระปุกพริกไทยขึ้นมาแล้วยิ้มร้าย


เอิงเอยทำหน้าที่ดูต้นทางชะเง้อคอยมองดูอยู่ครู่ เสียงฮัดชิ้วดังขึ้นมาจากด้านหลัง เอิงเอยสะดุ้งโหยงหันขวับไปดูทันที
“ใคร!” เอิงเอยมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นเจ้าของเสียง “สงสัยจะหูฝาด”
เอิงเอยหันกลับมาทำหน้าที่ดูต้นทางต่อ แต่ได้ยินเสียงเรียกดัง
“หูแกไม่ฝาดหรอกนังจอแบน”
“เฮ้ย...ใครมาด่าฉันอ่ะ”
เอิงเอยหันไปไม่เห็นตัวแต่ยังได้ยินเสียงอยู่
“รูปร่างก็อัปลักษ์หาความสวยไม่เจอ แถมยังใจสกปรกคิดแต่เรื่องชั่วๆเลวๆ เกิดชาติ หน้าแกไม่พ้นได้เป็นเปรตแน่”
“เฮ้ย...ใครอ่ะ กล้ามาด่าฉันแบบนี้โผล่หน้ามาตัวๆกันเลยดีกว่า”
เอิงเอยมองหาแล้วเห็นนกแก้วตัวหนึ่งเดินออกมาปากก็ยังจ้อด่าไม่หยุด
“ได้เลยนังเตี้ย เจ็บตัวขึ้นมาอย่ามาร้องหาแม่ให้ได้ยินก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆ”
เอิงเอยอึ้ง
“นกแก้ว!...ไอ้นกแก้วบ้า ปากมากนักนะแก จับตัวได้จะเอาปิ้งให้หมากิน”
เอิงเอยปรี่เข้าไปจะจับแต่นกแก้วอุ้มสมบินหนี ก่อนจะบินโฉบมาไล่จิกตี รุมทึ้งเอิงเอยจนร้องเสียงหลง

สิริสุดากับมัดหมี่ย่องเงียบเข้ามาในห้องนอน สิริสุดาเตรียมใช้กุญแจที่ได้มาไขเข้าไปแต่หันมาเห็นมัดหมี่ ล้วงเอามีดสปริงออกมาจากกระเป๋าสะพายก็ตกใจ
“มัดหมี่...นี่เธอเอามีดมาทำไม”
“ก็เผื่อนังชิโลมันสู้จะได้ใช้มีดนี่จี้คอมันไง”
“ทิ้งไป...เกิดพลาดขึ้นมาเลือดตกยางออกเดี๋ยวจะซวย”
“ก็ได้...ไม่เอามีด งั้น...นี่แล้วกัน”
มัดหมี่หยิบขวดน้ำกรดออกมาจากกระเป๋า
“น้ำกรดอย่างแรง สาดเข้าหน้าทีเดียวรับรอง...เละ”
“น้ำกรดก็ไม่เอา เดี๋ยวพลาดมาถูกฉัน”
มัดหมี่เซ็ง
“น้ำกรดไม่ชอบ งั้นก็...”
มัดหมี่รื้อค้นกระเป๋าสะพายแล้วหยิบอาวุธออกมาสารพัดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเก็บอยู่ในกระเป๋าใบเดียว
“สายไฟไว้รัดคอ หรือจะค้อนไว้ทุบหัว ไอ้นี่ก็ดีนะที่ช็อตไฟฟ้า รับรองชักกระเด๋ว”
“โอ้ย...ฉันจะบ้าตาย แค่มาสั่งสอนแล้วก็ทำลายสร้อยคอมัน ไม่ได้มาฆ่ามัน เอากระเป๋าโดเรม่อนของเธอทิ้งไปเลย”
“เธอนี่ก็ แค่ตบมันเฉยๆจะไปจี๊ดถึงใจได้ยังไง”
“ได้สิ”
สิริสุดาสะบัดเชอะแล้วไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป แต่ต้องชะงักเพราะในห้องไม่มีใครอยู่เลย
“นังชิโล !...มันหายไปไหน....นังชิโล”
มัดหมี่กับสิริสุดามองหน้ากันงงๆ ระหว่างนั้นเสียงร้องโอดโอยของเอิงเอยดังเข้ามา
“ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย”
“ยัยเอิง...แกแหกปากร้องโวยวายอะไร ใครทำอะไรแก”
“นกแก้ว...มีนกแก้วบ้าเลือดมันกำลังไล่ฆ่าฉันอยู่”
มัดหมี่มองเอิงเอยเอือมๆ
“นกแก้ว นี่....ฉันว่าหล่อนเลิกเพี้ยนซะทีเถอะ ฉันรำคาญ นกแก้วที่ไหนจะบ้าเลือด ไล่ฆ่าคน”
ทันใดนั้นอุ้มสมที่แปลงร่างเป็นนกแก้วก็พูดขึ้น
“ก็นกแก้วตัวนี้ไงนังพวกขี้อิจฉา”
สามสาวหันขวับไปมองนกแก้วอุ้มสม...สามสาวร้องวี้ดว้ายช่วยด้วยๆ สิริสุดากับมัดหมี่กระโดดลงเรือแล้วรีบแจวเรือหนีพายออกจากท่าไป เอิงเอยตามมาทีหลังตะโกนลั่น
“รอฉันด้วย...อย่าทิ้งฉันไว้กับไอ้นกแก้วบ้าเลือดสิ”
เอิงเอยหันรีหันขวางกลัวหนีไม่ทันเลยกระโดดลงไปในคลองแล้วว่ายน้ำตามทันที...เอิงเอยรีบจ้วงไหว้น้ำตามเรือ เสียงฮัดชิ้วดังขึ้น อุ้มสมก้าวเข้ามายืนมองแล้วหัวเราะชอบใจ
“จิตใจเต็มไปด้วยกิเลศแบบนี้ต้องสั่งสอนให้เข็ด” อุ้มสมนึกขึ้นได้ “ต้องรีบไปเตือนชิโลว่ามีคน รู้เรื่องแก้ววิเศษแล้ว”
อุ้มสมจะเดินออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อเจอสามนางอสูรมายืนดักทางเอาไว้ โมหะยิ้มเยาะ
“คิดว่าจะคาบข่าวไปบอกเพื่อนเจ้าได้ง่ายๆเหรอ เจ้านกแก้วปากมาก อุ๋ย...ไม่ใช่สิ เทพอุ้มสมต่างหาก
ทั้งสามนางอสูรขยับเข้าใกล้ อุ้มสมอึ้งตกใจ”
“ซวย...ซวยแล้วเรา”

ค่ำนั้น...ลานจัดงานลอยกระทงย้อนยุคมีทั้งซุ้มขายของกิน เล่นเกมส์ปาเป้า สาวน้อยตกน้ำและการละเล่นอื่นไ นอกจากนี้ยังมีร้านขายกระทงใบตองตกแต่งสวยงามหลายร้าน ประชาชนที่มาเที่ยวงานต่างใส่เสื้อผ้าย้อนยุคสมัย ร.5 ตามconceptงาน
ด้านหลังเวทีประกวดนางนพมาศการประกวดยังไม่เริ่ม ตรีชฎารออยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าครู่หนึ่งชิโลที่ถูกจับแต่งตัวด้วยชุดไทยสีครีมประดับประดาด้วยแก้วแหวนเงินทองอย่างสวยงามก็เดินออกมา ตรีชฎาถึงกับอึ้ง
“โอ้แม่เจ้า...นี่...นี่ดิฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยเนี่ย”
ตรีชฎาเดินวนรอบๆตัวอ้าปากค้างตาโตทึ่งสุดๆ
“สวยมากค่ะ สวยเหมือนนางฟ้าลงมาจุติเลยจริงๆ”
“ไม่ได้อยากจะคุยนะ แต่ฉันก็นางฟ้าจริงๆ”
ชิโลยิ้มน่ารักๆแล้วจะเดินแต่หน้าทิ่มคะมำเพราะส้นสูงปรี๊ดที่ใส่อยู่ทำให้เดินไม่ถนัด...ว๊าย ชิโลกำลังจะล้มดีที่สการเข้ามาช่วยประครองเธอเอาไว้ ชิโลมองสการที่อยู่ในชุดนายทหารหนุ่มยุค ร.5 อย่างเท่หล่อสุดๆ สองคนสบตากันนิ่ง
“ระวังหน่อยสิชิโล เธอต้องทำให้เป้าหมายหลงเสน่ห์เธอให้ได้ ไม่อย่างนั้นแผนทุกอย่าง ที่พวกเราเตรียมมาได้พังหมดแน่”
ตรีชฎายิ้มชื่นชม
“คุณชิโลสวยซะนางฟ้ายังอายแบบนี้ ดิฉันว่านอกจากจะทำให้เหยื่อติดเบ็ดแล้ว เผลอๆ จะได้ตำแหน่งนางนพมาศพ่วงด้วยน่ะสิคะ”
“ไอ้เรื่องสวย” สการทำกระแอมพูดเบาๆ “ผมไม่เถียงว่าสวยจริงๆ แต่ที่เกือบหน้าแหกอย่าง เมื่อกี้ ผมว่าคุณต้องเคี่ยวเธอให้พร้อมขึ้นเวที”
ชิโลงอน
“ก็ฉันไม่เคยขึ้นเวทีประกวด ไม่เคยต้องไปเดินอวดให้ใครเห็นความสวยนี่”
ตรีชฎายิ้มแย้ม
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ สมัยสาวๆดิฉันเดินสายประกวดนางงามมาหลายเวที”
“ถ้าอย่างนั้นจากนี่ไปผมต้องฝากคุณด้วย ผมกับดรัณจะคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าเวที แล้วก็...”
สการมองไปรอบๆให้แน่ใจว่าไม่มีใครมองมา สการจึงยื่นปืนสั้นขนาดเล็กให้ชิโล
“พกไว้ติดตัวเธอตลอดเวลา ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันช่วยชีวิตเธอได้แน่”
ชิโลมองปืนที่สการยื่นให้ สกาารมองเธออย่างเป็นห่วงแล้วย้ำจริงจัง
“จำเรื่องเมื่อคืนของเราได้ใช่มั้ย”
ชิโลสะดุ้งเฮือกอายหน้าแดงรีบเอามือปิดปากสการทันที
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องพูดถึงอีก”
สการพยักหน้ารับ ตรีชฎามองอย่างสงสัย ชิโลรีบรับปืนมา
“คุณไปได้แล้วผู้กอง ที่เหลือฉันจัดการเองได้”
สการมองชิโลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไป ตรีชฎารีบเข้ามาทันที
“ท่าทางความลับของเมื่อคืนนี้ มันคงจะท็อบซีเคร็ตมากนะคะคุณชิโล”
ยิ่งตรีชฎาแซวชิโลยิ่งรู้สึกอายมากรีบเดินหนีไปสะดุดส้นสูง เซจะล้มคว้าราวเสื้อผ้าจนแทบเทกระจาด

บริเวณแถวๆหน้าเวทีประกวด ท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวงาน ดรัณแต่งตัวเป็นนายทหารแบบเดียวกับ สการยืนมองสาวๆที่ถือกระทงพากันเดินไปลอยกระทงกัน แต่ละคนสวยๆจนดรัณอดยิ้มให้ไม่ได้ สการเห็นก็แซวๆ
“เฮ้ยไอ้หลอ…มาทำงานไม่ได้มาเหล่หญิง”
ดรัณหันขวับมากระชากคอเสื้อทันที
“ไอ้เวร…นี่ถ้าแกไม่เลิกล้อฉันเรื่องฟันหักล่ะก็ ฉันจะเลาะฟันหน้าแกออก มาเดี๋ยวนี้แหละ”
“สงสัยแกจะใกล้แก่แล้ว พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นฉุน” สการแกะมือดรัณ “พอได้แล้ว ไอ้รุจน์ พาเป้าหมายมาแล้ว”
ดรัณหันไปมองตามที่สการบอกเห็นรุจน์พาชี้คอาเหม็ดเข้ามาเที่ยวชมงาน โดยมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง ทั้งหมดแต่งตัวกลมกลืนกับคนที่มาเที่ยวงาน
“ทางนี้เลยครับท่านชี้ค ผมเตรียมที่นั่งวีไอพีไว้ให้ท่านดูนางฟ้าคนสวยแบบชิดติดหน้า เวทีไว้แล้ว รับรองท่านได้เห็นเต็มๆถึงขนหัวคิ้วเลย”
รุจน์เดินนำชี้ค อาเหม็ดผ่านสการกับดรัณ รุจน์หันมาพยักหน้าเป็นสัญญาณให้รู้ พวกบอดี้การ์เหล่มองสการกับ ดรัณที่มาอยู่ในระยะใกล้ เลยเอามือผลักออกไปห่างๆ ดรัณคำราม
“ไอ้แก่ตัณหากลับเอ้ย แค่คิดว่าคุณชิโลต้องไปอยู่กับมันสองต่อสอง บาจาฉันก็คันยิกๆ”
สการปราม
“เฮ้ย…ใจเย็นๆ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผน ไม่เห็นเหรอว่าคนของมันตาอย่างกับเหยี่ยว เราต้องไว้ใจชิโล”
แม้สการจะเตือน แต่ดรัณเมื่อมองไปที่ชี้คอาเหม็ดขี้หลีนั่นก็รู้สึกเป็นห่วงชิโลไม่ได้

บริเวณท่าน้ำเป็นบรรยากาศชาวบ้านถือกระทงมาอธิษฐานต่อพระแม่คงคาแล้วลอยกระทงสวยงาม แต่กระทงที่ลอยอยู่กลับถูกเรือแจวของพวกสิริสุดาที่จ้วงพายเข้ามาชนกระทงชาวบ้านคล่ำล้มระเนระนาด พวกสิริสุดารีบเอาเรือมาจอดที่ท่าแล้วปีนขึ้นมาโดยไม่สนใจเสียงก่นด่าของพวกชาวบ้าน มัดหมี่ถามอย่างสงสัย
“ที่นี่น่ะเหรอคุณสิ”
“ใช่…คนใช้ของดรัณบอกว่า ดรัณกับสการพามันมาเที่ยวที่นี่”
เอิงเอยยังหวาดๆ
“แน่ใจนะว่าเชื่อสายของแกได้ เปิดทางให้เราเข้าไปเล่นงานนังชิโล แต่ดันโดนนกแก้ว บ้าเลือดไล่จิกจนต้องหนีกระเจิง”
“ตอนเราไปนังชิโลมันอยู่ที่นั่น แต่เพราะแกมัวแต่เพ้อเจ้อ นังชิโลมันถึงออกมาที่นี่ไง”
มัดหมี่ตัดบท
“ไม่ต้องเถียงกันแล้วค่ะ ถ้ามันอยู่ที่นี่จริงๆก็ตามไปจัดการมันเถอะ มือฉันคันยิบๆอยาก จะจี๊ดใส่มันแล้ว”
มัดหมี่รีบเดินนำเข้าไปในงาน พวกชาวบ้านยังชี้หน้าต่อว่าสามสามที่พายเรือมาล่มกระทงคนอื่น สิริสุดาหันมาเชิดหน้าใส่...เชอะไม่สนใจแล้วพากันยกขโยงตามมัดหมี่เข้าไปในงาน

สิริสุดากับเอิงเอยเดินเบียดผู้คนมองหาชิโล เอิงเอยบ่นอุบ
“คนเยอะแยะแบบนี้จะหานังชิโลมันเจอมั้ยอ่ะแก”
“แทนที่แกจะบ่น รีบๆช่วยฉันหามันให้เจอดีกว่า”
สิริสุดากับเอิงเอยกวาดสายตามองไปทั่วๆงาน เอิงเอยหันไปเห็นดรัณกำลังเดินอยู่ใกล้ๆ
“ยัยสิ…แย่แล้วแก ผู้กองดรัณกำลังมาทางนี้”
สิริสุดาหันไปเห็นดรัณก็ตกใจรีบหันขวับเข้าไปหลบที่ซุ้มยิงปืนอัดลม คว้าปืนมาทำทีเป็นกำลังเล่นอยู่
“อย่าให้เขาเห็นฉันนะยัยเอิง ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันตามเขามา”
“แต่แกก็ตามมาหึงเขาจริงๆนี่”
สิริสุดาฉุนหันปากกระบอกปืนลมมาชี้หน้าเอิงเอย
“โอเคๆ ฉันล้อเล่นน่า มาโน่นแล้วหันหลังเร็ว”
เอิงเอยกับสิริสุดารีบหันหลังให้ดรัณแล้วทำทีเป็นยกปืนขึ้นมาเล็ง ดรัณเดินผ่านมาสำรวจบริเวณงานก่อนจะมาหยุดที่สิริสุดาแต่ไม่ได้สังเกตเลยไม่เห็น สิริสุดาตัวเกร็งสุดฤทธิ์กลัวเขาเห็น ดรัณมองซ้ายๆขวาๆอยู่ครู่ก็เดินออกไป สิริสุดาค่อยโล่ง หันมาเป่าปาก พร้อมกับหันปืนลมมาด้วย
“เกือบไปแล้ว”
สิริสุดาไม่ทันระวังนิ้วที่แตะไกปืนอัดลมเผลอลั่นไก…เปรี้ยง จุกปืนอัดลมพุ่งไปโดนหัวดรัณ
“โอ๊ย ! ใครแซวว่ะ”
ดรัณหันมาเห็นสิริสุดายืนหน้าเสีย
“แย่แล้วยัยเอิง...หนีเร็ว”
สิริสุดารีบทิ้งปืนอัดลมแล้ววิ่งหน้าตั้ง
“คุณสิ!”

สิริสุดาวิ่งหนีอยู่ในงานลอยกระทงและพลัดหลงกับเอิงเอย แต่วิ่งหนีไม่ทันเพราะเจอดรัณดักทางไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะสิ...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เอ่อ…สิ…สิก็มาเที่ยวงานลอยกระทงน่ะสิ”
สิริสุดาทำเชิดเนียนๆ ดรัณไม่เชื่อ
“คุณเนี่ยนะมาเที่ยวงานลอยกระทงอัมพวา สิ…ถ้าที่นี่เป็นพารากอนผมจะไม่แปลกใจ เลยว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“สิไม่ใช่พวกหัวสูงไม่ติดดินนะ แนวอนุรักษ์บ้านๆแบบนี้สิก็ชอบ”
“อ๋อเหรอ งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปเล่นสาวน้อยตกน้ำ จะได้รู้ว่าคุณชอบแนวอนุรักษ์จริงมั้ย”
ดรัณเข้าไปคว้าข้อมือจะลากตัวไป สิริสุดารีบสะบัด
“ปล่อยนะดรัณ อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวสิ สิไม่ใช่นังชิโลที่จะให้ผู้ชายลากไปไหนมาไหน ได้ตามใจ”
สิริสุดาสะบัดมือ ดรัณเลยรู้ความจริง
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง คุณตามผมกับชิโลมาที่นี่”
สิริสุดาฉุน
“ใช่…สิตามคุณกับนังนั่นมา เพราะสิอยากให้คุณตาสว่างซะที ว่าที่ทั้งคุณทั้ง ผู้กองสการหลงนังนั่นหัวปักหัวปำ เพราะนังชิโลมันทำคุณไสยใส่เสน่ห์พวกคุณอยู่”
ดรัณอึ้ง

“ทำเสน่ห์”

ที่ด้านหลังเวที...ตรีชฎากำลังสอนหลักสูตรเร่งรัดการประกวดให้ชิโลโดยการเดินให้ดูเป็นตัวอย่างหนึ่งรอบ ตรีชฎาเดินเสร็จแล้วโพส

“โช๊ะเด๊ะ...เป็นไงคะคุณชิโล เห็นดิฉันเดินให้ดูแล้วถึงกับอึ้งไปเลย”
“เอ่อ...ชิโลไม่ชอบโกหกค่ะ ขอพูดตรงๆแล้วกัน นี่ดีแล้วเหรอคะ”
“คุณชิโลเนี่ย...ไม่ต้องพูดความจริงหมดทุกครั้งก็ได้ค่ะ สำหรับผู้หญิงการโกหกเป็นอาวุธ ลับอย่างนึงนะคะ พระเจ้าสร้างให้ผู้ชายเจ้าชู้ เลยสร้างให้ผู้หญิงตอแหลไว้คานกัน”
“แต่มันเป็นบาปค่ะ แล้วก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่นด้วย”
ชิโลอบรมสั่งสอนตรีชฎาไปได้ครู่ แก้ววิเศษที่สวมคออยู่ก็เปล่งแสงเรืองรอง ตรีชฎาตะลึง
“อุ๋ย...นี่พี่ตาฝาดไปรึเปล่าคะ พี่เห็นสร้อยที่คอของคุณชิโลมันส่องแสงได้ด้วย”
ชิโลชะงักดูสร้อยแก้ววิเศษแล้วตกใจรีบเอามือกุมเอาไว้ทันที
“เอ่อ...ชิโลขอตัวก่อนนะคะ”
ชิโลรีบเดินออกไป ตรีชฎามองตามอย่างแปลกใจที่เห็นท่าทางชิโลดูไม่สบายใจ แต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเลย หันมาซ้อมท่าเดินประกวดนางนพมาศต่อ โดยไม่รู้ตัวว่าหญิงสาวสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆคือนางอสูรทั้งสาม ราคะเสียดาย
“จะเอายังไงดี แก้ววิเศษของนางคอยเตือนทุกครั้งเวลาที่พวกเราเข้าใกล้”
“ถึงเวลาต้องใช้กายเนื้อของมนุษย์บดบังรัศมีอสูรของเราไม่ให้นางรู้ตัว”
โมหะพูดไปก็แสยะยิ้มน่ากลัว

ชิโลกำสร้อยแก้ววิเศษเดินมาหามุมปลอดคนแล้วพยายามเรียกหาอุ้มสม
“อุ้มสม...เจ้าอยู่แถวนี้รึเปล่า...อุ้มสม แก้ววิเศษเตือนเราว่าพวกอสูรอยู่แถวนี้ เจ้าต้อง ระวังตัวนะอุ้มสม...อุ้มสม”
ทุกอย่างเงียบไม่มีการตอบรับจากอุ้มสม ชิโลเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี สังหรณ์ใจแปลกๆว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น

นกแก้วอุ้มสมถูกขังอยู่ในกรงของระเบียงบ้านสวนดรัณ ส่งเสียงร้องเรียกดังลั่น
“ช่วยด้วย...ช่วยเราออกไปจากกรงที...ใครก็ได้ ช่วยด้วย”

สิริสุดาน้อยใจจะเดินหนี ดรัณรีบเดินตาม
“เดี๋ยวก่อนสิ...มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“สิไม่อยากจะคุยแล้ว พูดไปคุณก็หาว่าสิเพ้อเจ้อบ้าๆบอๆ เพราะตอนนี้พวกคุณหลงมัน หัวปักหัวปำ ถึงขนาดยอมแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ น่าสะอิดสะเอียนที่สุด” สิริสุดาน้ำตารื้น “สิพอแล้ว สิไม่อยากยุ่งอีกแล้ว”
“เดี๋ยวสิ...นี่คุณพูดอะไร คุณคิดว่าที่ผมกับไอ้แซมพาคุณชิโลมาที่นี่เพราะ...เพราะ ช่างเถอะมันทุเรศ แค่คิดผมยังไม่อยากคิดเลย”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีหรอก สิรู้ทุกอย่าง”
“ผมยืนยันเลยนะสิ ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดแน่นอน”
“ถ้ามันไม่ใช่ แล้วพวกคุณพามันมาที่นี่ทำไม”
“พวกผมมาทำงาน”
“งาน...นังชิโลนั่นน่ะเหรอมาทำงานกับพวกคุณ เลิกโกหกสิได้แล้ว ถ้าคุณยังยืนยัน ว่าชอบวิตถารแบบนี้ สิก็จะไม่ขอยุ่งกับคุณอีก”
สิริสุดาเจ็บปวดเสียใจปาดน้ำตาที่รื้นจนเอ่อแล้วเดินจากไป ดรัณยืนอึ้งที่เห็นน้ำตาเธอเลยตัดสินใจเข้าไปกอดจากข้างหลังกลางสาธารณชน
“อย่าไปเลยสิ...คุณต้องเชื่อผม ผมพูดความจริงไม่ได้”
สิริสุดาชะงัก
“ทำไม...ถ้าคุณมีความจริงที่พูดออกมาแล้วจะช่วยทำให้เราสองคนเข้าใจกัน คุณก็พูดมา เราสองคนจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกันอีก”
ดรัณค่อยๆจับสิริสุดาหันมามองสบตา น้ำตาของหญิงสาวไหลอาบแก้ว ดรัณช่วยปาดให้อย่างนุ่มนวล
“ผมบอกคุณไม่ได้จริงๆ”
สิริสุดาเจ็บปวด
“ถ้างั้นก็ปล่อยสิไป”
“ไม่...ความจริงอย่างเดียวที่ผมบอกคุณได้ก็คือ...” ดรัณจับมือสิริสุดามาแนบอก “คุณคือ คนเดียวที่อยู่ในใจของผม ชาตินี้และทุกชาติไปจะไม่มีใครมาแทนที่คุณได้อีก”
“ดรัณ”
“ปล่อยชิโลไปเถอะนะสิ เมื่อถึงเวลาคุณจะเข้าใจ”
สิริสุดามองหน้าดรัณเหมือนจะพยายามเข้าใจเขาอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้นลมกรรโชกเข้ามาอย่างแรงทำเอาข้าว ของในแผงร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆปลิวว่อน แต่ก็เกิดแค่ครู่เดียวทุกอย่างก็สงบ ทำเอาทุกคนงง สิริสุดาตาเขม็งตัวแข็งทื่อแล้วจับหมับที่มือของดรัณ
“เอามือสกปรกของแกออกไป”
สิริสุดาจับมือดรัณบิดชนิดที่ดรัณสู้แรงไม่ได้แล้วผลักดรัณจนกระเด็น สิริสุดาตัวแข็งตากร้าวเดินออกไปเพราะ ถูกโทสะเข้าสิง ดรัณงงๆ
“สิ…สิ!”

บรรยากาศหลังเวทีประกวดเริ่มชุลมุนวุ่นวายเพราะการประกวดใกล้จะเริ่มแล้ว สิริสุดาเดินตัวแข็งตากร้าวเข้ามา ไม่นานนักมัดหมี่กับเอิงเอยที่ถูกอสูรสิงร่างก็เดินตัวแข็งๆมาสมทบ เอิงเอยที่ถูกราคะสิงร่างเข้ามาบอก
“นี่นังโทสะ...มาเปลี่ยนร่างสิงกันมั้ย ฉันไม่ชอบร่างนังนี่เลย ไม่อึ๋ม ไม่ตู้ม ตูดก็ไม่มี ไม่รู้ มันหายใจอยู่ได้ยังไง”
มัดหมี่ถูกโมหะสิงร่างโวยใส่
“อย่าเรื่องมากน่านังราคะ รีบไปจัดการทำลายแก้ววิเศษของรัศมิชโลธรซะ”
เอิงเอยค้อน
“แล้วพวกหล่อนล่ะ จะกินแรงฉันคนเดียวเหรอ”
“งานแบบนี้เหมาะกับหล่อนที่สุดแล้ว”
สิริสุดาหันไปคว้าชุดไทยที่แขวนอยู่ตรงราวแขวนใกล้ๆขึ้นมาแล้วยัดใส่มือเอิงเอย

บริเวณหน้าเวทีประกวด มีกองเชียร์ชาวบ้านและบรรดาหนุ่มๆมาถือป้ายไฟเชียร์นางงามเต็มไปหมด ชี้คอาเหม็ดนั่งอยู่แถวหน้าสุดเริ่มหงุดหงิดอารมณ์เสีย
“เมื่อไหร่ฉันจะได้เห็นนางฟ้าที่แกพูดถึง”
รุจน์รีบบอก
“ใจเย็นๆครับท่าน ของดีมันก็ต้องรอกันหน่อย รับรองว่าออกมาเมื่อไหร่ ท่านต้องร้องว่า โอ้ว...พระเจ้ายอร์จมันจ้อดมากแน่นอนครับ”
ชี้คอาเหม็ดหรี่ตามองรุจน์แล้วกระชากคอเสื้อมาขู่ใกล้ๆหน้า
“แต่ถ้านางฟ้าของแกไม่ทำให้ฉันร้อง...โอ้วขึ้นมาล่ะก็ แกนั่นแหละที่จะต้องร้องว่า พระเจ้ายอร์จ กูตายแน่”
ชี้คอาเหม็ดพูดไปก็ผลักรุจน์ไปทางบอร์ดี้การ์ด รุจน์เซไปชนและเห็นปืนที่เหน็บเอวพวกมัน รุจน์กลืนน้ำลายเอื๊อก
“ครับท่าน....ผมเอาหัวเป็นประกันว่าท่านต้องร้องโอ้วแน่ และถ้าท่านปลื้มมากผมก็ อยากจะขออะไรท่านสักอย่าง”
รุจน์จะเข้าไปชะเลีย แต่บอดี้การ์ดคว้าคอเสื้อไม่ให้เข้าไปใกล้นัก
“คือ...ถ้าผมทำให้ท่านถูกใจ ก็อยากให้ท่านเลื่อนขั้นผมเป็นคนใช้ส่วนตัวแค่นั้นเองครับ”
ชิ้คอาเหม็ดนิ้มๆ
“ถ้าถูกใจจริง แกได้มากกว่านั้นแน่”

สการตกใจเมื่อรู้เรื่องสิริสุดาจากดรัณ
“แกว่าไงนะ คุณสิกับมัดหมี่ตามมาที่นี่เหรอ”
“เออ...อารมณ์หึงคุณชิโลทั้งคู่เลย คงเข้าใจผิดว่าแกกับฉันพาคุณชิโลมา...มาทำอะไร ที่มันวิตถาร”
สการตกใจ
“ห๊า ! เวรเอ้ย...คิดได้ไงวะเนี่ย หน้าอย่างฉันหน้าอย่างแกเนี่ยนะ ชอบแบบวิตถาร”
“ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละวะ พออารมณ์หึงขึ้นหน้าก็ทำได้ทุกอย่าง บอกตรงๆ ฉันเห็นรัศมี อาฆาตแผ่ออกมาจากตัวคุณสิเลย”
สการสงสัย
“แล้วแกบอกเรื่องแผนการของเราให้คุณสิรู้รึเปล่า”
“จะบอกได้ไง ขืนคุณสิรู้ว่าเรากำลังวางแผนเล่นพ่อเขาอยู่ ทุกอย่างได้พังไม่เป็นท่าสิวะ”
“ฉันชักจะเป็นห่วงชิโลแล้ว ถ้าคุณสิทำให้แผนแตก ชิโลไม่รอดแน่” สการเครียดหนัก

บรรยากาศบนเวทีบรรยากาศการประกวดนางนพมาศเริ่มขึ้นแล้ว พิธีกรเรียกชื่อผู้เข้าประกวดให้ออกมา
“นางสาวนงคราญ งามกระฉูด ก้องเกียรติก่อสร้างส่งเข้าประกวด สัดส่วน 34 24 34”
ผู้เข้าประกวดเดินอวดโฉมด้วยชุดไทยสวยงาม โบกมือฉีกยิ้มและไปก้มไหว้สวัสดีอย่างสวยที่หน้าเวที ชี้คอาเหม็ดนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้ามองแสดงอาการแบบนี้สวยไม่ถูกใจ

ชิโลเดินไปเดินมารู้สึกกระวนกระวายใจคอไม่ดีทั้งเรื่องที่ต้องออกไปประกวดนางนพมาศและเรื่องแก้ววิเศษที่เตือนเรื่องอสูร ตรีชฎาเข้ามาหา
“คุณชิโล...คุณชิโล”
“คะ...คุณตรีชฎา”
“ใกล้จะถึงตาคุณแล้วค่ะ พร้อมมั้ยคะ”
“เอ่อ...คือฉัน...ฉัน”
ตรีชฎาตกใจ
“อย่าบอกนะคะว่าคุณจะถอนตัวเอาตอนนี้ ไม่ได้นะคะ คุณคือความหวังเดียว ของภารกิจครั้งนี้ ความเป็นความตายของผู้หญิงบริสุทธิ์อีกนับร้อยชีวิตอยู่ในมือคุณ”
ชิโลนิ่งไปครู่พยายามเรียกความมั่นใจ
“ค่ะ...ฉันจะพยายาม”
“ดีค่ะ ดิฉันจะไปดูที่หน้าเวที จากนี้ไปคุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว”
ชิโลพยักหน้ารับ ตรีชฎาจับมือเป็นกำลังใจให้แล้วเดินออกไป ชิโลหลับตาอธิษฐาน
“ท่านพ่อ พี่พรรณราย เป็นกำลังใจให้ชิโลทำความดีเพื่อช่วยมนุษย์ให้สำเร็จด้วยนะจ๊ะ”
ระหว่างที่ชิโลกำลังหลับตาอธิษฐาน สิริสุดากับมัดหมี่ก็ย่องเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบโดยที่ชิโลไม่รู้ตัว สิริสุดายิ้มพอใจ
“ได้ผล กายของมนุษย์ทำให้แก้ววิเศษเตือนมันไม่ได้ว่าพวกเราเข้ามาใกล้มัน”
“รีบๆกระชากสร้อยมันออกมาทำลายซะ ฉันอยากจะเล่นงานมันใจจะขาดอยู่แล้ว”
มัดหมี่กับสิริสุดายิ้มร้าย ค่อยๆเข้าไปประกบแล้วยื่นมือเข้าไปใกล้แก้ววิเศษที่ชิโลสวมคออยู่

ตรีชฎาออกมายืนดูการประกวดกับสการอยู่หน้าเวที
“ชิโลพร้อมมั้ยคุณตรีชฎา”
“พร้อมค่ะ ดิฉันมั่นใจว่าคุณชิโลต้องปฏิบัติภารกิจนี้สำเร็จแน่นอน เพราะเธอมุ่งมั่นมาก”
“ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีอะไรมาขัดขวางเธอ”
ตรีชฎามองสการอย่างแปลกใจ ระหว่างนั้นดรัณเข้ามา
“ฉันหาจนทั่วงานแล้ว ไม่เจอสิเลยว่ะไอ้แซม”
“หรือว่าจะกลับไปแล้ว”
“ฉันก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น แต่ฉันรู้จักสิดี ถ้าไม่ได้อย่างใจ สิไม่มีทางยอมง่ายๆแน่”
ตรีชฎาแปลกใจ
“นี่คุณสิอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะผู้กอง”
สการพยักหน้ารับ
“คุณเห็นเธอที่แถวหลังเวทีรึเปล่า”
“ไม่นะคะ ข้างหลังเวทีมีแต่คนที่เข้าประกวด”

สิริสุดากำลังเอื้อมมือเกือบจะถึงสร้อยแก้ววิเศษที่คอชิโลอยู่แล้ว แต่ชิโลดันลืมตาขึ้นซะก่อน หญิงสาวตกใจ
“คุณสิริสุดา!”
สิริสุดาชะงัก
“เอ่อ...”
มัดหมี่หงุดหงิด
“มัวแต่ชักช้าอยู่นั่นแหละ มันเลยรู้ตัวเลย”
ชิโลแปลกใจมาก
“คุณมัดหมี่ นี่พวกคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ระหว่างนั้นเองเอิงเอยก็โผล่เข้ามาเข้าหลังชิโลแล้วจับตัวเธอล็อคไว้ทันที
“ก็มาจัดการกับเธอไงชิโล”
ชิโลตกใจ
“ปล่อยฉันนะ…นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกคุณจะมาเข้าใจฉันผิด ปล่อย”
เอิงเอยรีบบอกเพื่อน
“อย่ามัวแต่ยืนเฉยสิ รีบๆจัดการกับมัน”
ชิโลหน้าตื่น
“จะทำอะไรฉัน...อย่านะ ปล่อยฉัน”
สิริสุดากับมัดหมี่ยิ้มร้าย สิริสุดาเข้าไปจับสร้อยที่คอชิโล
“อย่านะ อย่ายุ่งกับสร้อยของฉัน”
“เมื่อไม่มีแก้ววิเศษปกป้อง แกก็เสร็จพวกฉันแล้วรัศมิชโลธร”
ชิโลตกใจ

“นางอสูร...!”

มณีแดนสรวง ตอนที่ 17 (ต่อ)

บนเวทีนางนพมาศที่เข้าประกวดยืนเรียงแถวออกมาเกือบหมดแล้ว พิธีกรประกาศชื่อชิโล

“หมายเลข 9 นางสาวชโลธร ณ แดนสรวง บริษัทธูปหอมตรีชฎาส่งเข้าประกวด”
รุจน์รีบบอกชี้คอาเหม็ด
“คนนี้แหละครับชี้ค รับรองว่าชี้คเห็นแล้วจะต้องร้อง…โอ้ว พระเจ้ายอร์จ มันจอร์จแน่”
ทุกสายตารอและจับจ้องไฟสป็อตไลท์ที่กลางเวที แต่รอแล้วรอเล่าชิโลก็ไม่ออกมาซะที ดรัณแปลกใจ
“ทำไมชิโลยังไม่ออกมา”
“คงจะประหม่าน่ะค่ะ”
สการสงสัย
“แต่คุณบอกชิโลพร้อมแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แหมผู้กองคะ ผู้หญิงขึ้นประกวดครั้งแรกก็ต้องมีประหม่ากันทั้งนั้น”
สการไม่เชื่อ
“ไอ้ดรัณ...ฉันว่ามีอะไรแปลกๆแล้ว”
สการกับดรัณพยักหน้าเห็นพ้องกันแล้วรีบพากันวิ่งไปที่หลังเวที

สิริสุดาพยายามกระชากสร้อยแก้ววิเศษจากคอ แต่ชิโลพยายามขัดขืนดิ้นสุดฤทธิ์
“นังราคะ จับมันแน่นๆสิ ดิ้นอย่างกับปลาอานนท์แบบนี้ฉันจะแย่งสร้อยมันมาได้ไง”
สิริสุดาพยายามจะกระชากชิโลเลยกระทืบเท้าเอิงเอยเข้าไปเต็มแรง เอิงเอยร้องลั่นปล่อยมือ ชิโลเลยรีบจับมือ ของสิริสุดาที่กำลังกำสร้อยเธอแล้วกัดเข้าไปเต็มแรง
“อ๊าย...ฤทธิ์มากนักนะรัศมิชโลธร รู้ใช่มั้ยว่าทำให้พวกฉันโกรธแล้วจะเป็นยังไง”
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะให้แก้ววิเศษจัดการกับพวกแก”
มัดหมี่มองหน้าท้าทาย
“เอาสิ...จัดการเลย ถ้าหล่อนอยากให้ร่างของนังมนุษย์พวกนี้เป็นอะไรไป”
ชิโลชะงัก
“นางอสูร!”
เอิงเอยรีบยุ
“มัวรออะไรอยู่ล่ะ นังมนุษย์พวกนี้มันจงเกลียดจงชังหล่อนอยู่แล้วไม่ใช้เหรอ กำจัดมัน ไปจะได้ไม่มีใครมารังควาญหล่อนอีกไง”
ชิโลส่ายหน้า
“ฉัน...ฉันทำไม่ได้”
สิริสุดายิ้มหยัน
“น่าสงสารนางฟ้าอย่างเธอ ต้องถูกไล่จากสวรรค์ก็เพราะพวกมนุษย์ แล้วยังต้องมาตาย อย่างน่าเวทนาก็เพราะความสงสารมนุษย์อีก”
สามสาวยิ้มร้ายเข้าหาชิโล ระหว่างนั้นทีมงานเข้ามาตามชิโล
“คุณชโลธร คุณต้องขึ้นเวทีแล้วนะคะ ไม่ได้ยินที่ประกาศเรียกเหรอไง”
ทีมงานเข้ามาขัดจังหวะ ชิโลเลยได้โอกาสคว้าแจกันดอกไม้ทุ่มใส่สามสาวแล้ววิ่งหนี
“แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ”
มัดหมี่ปรี่เข้าไปตบทีเดียวทีมงานกระเด็นเลือดกลบปากน็อคหมดสติ สการกับดรัณเข้ามาพอดี
“มัดหมี่...หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“พวกมนุษย์น่ารำคาญ พวกหล่อนจัดการพวกมันไป ฉันจะตามไปจัดการรัศมิชโลธรเอง”
เอิงเอยรีบตามชิโลไป ส่วนสิริสุดากับมัดหมี่หันมามองสการกับดรัณแล้วยิ้มร้าย

บนเวทีทุกคนยังรอการปรากฏตัวของผู้เข้าประกวดหมายเลข 9 อยู่ พิธีกรประกาศซ้ำ
“ผู้เข้าประกวดหมายเลข 9 นางสาวชโลธร ณ แดนสรวง”
ทุกคนเริ่มซุบซิบกันยังไงทำไมผู้เข้าประกวดไม่เดินออกมา บางคนก็เริ่มส่งเสียงโห่ ชี้คอาเหม็ดเริ่มโมโหหันไปกระชากคอเสื้อรุจน์
“นี่แกคิดจะเล่นตลกอะไรกับฉัน ทำให้ฉันเสียเวลา รู้มั้ยว่าแกต้องเสียอะไรไป”
พวกบอดี้การ์ดขยับจะเล่นงานรุจน์ที่หน้าเสีย แต่ทันใดนั้นชิโลที่วิ่งหนีพวกนางอสูรก็วิ่งทะเล่อทะล่า เข้ามาที่กลางเวที เสียงโห่ไล่ที่ดังอยู่พากันเงียบกริบเมื่อไฟสปอร์ตไลท์จับที่ชิโลที่กำลังหันมามองทุกคน ความสวยของชิโลตรึงผู้ชมที่กำลังโห่ให้เงียบกริบ ผู้ชายตะลึงหัวใจเต้นแรง ผู้หญิงตบอกอ้าปากค้าง ชี้คอาเหม็ดอึ้ง
“โอ้ว...พระเจ้ายอร์จ...มันจอร์จมาก...นางฟ้าชัดๆ”
ชี้คอาเหม็ดปล่อยมือจากรุจน์แล้วหันไปมองตาเยิ้ม เอิงเอยมาที่ข้างเวทีเห็นชิโลขึ้นไปบนเวที เอิงเอยเจ็บใจ
“คิดจะหนีเหรอ ไม่พ้นฉันหรอก”
เอิงเอยรีบก้าวออกไปที่กลางเวทีไปยืนประกบกับชิโลทันที ชิโลผงะตกใจ


สการกับดรัณเผชิญหน้ากับมัดหมี่และสิริสุดา สการโมโห
“มัดหมี่...พวกคุณกำลังทำอะไร นี่มันชักจะเกินไปแล้วนะ”
สิริสุดากับมัดหมี่จ้องพวกดรัณกับสการตาเขม็ง ดรัณปรามเพื่อน
“เฮ้ย...ใจเย็น ๆ ไอ้แซม ให้ฉันคุยกับพวกเธอเองดีกว่า คุยกับผู้หญิงมันต้องใช้ไม้อ่อน เอาน้ำเย็นเข้าลูบ รับรองระทวย...เชื่อเด่ะ”
ดรัณดันสการให้หลบไปแล้วทำเนียนซื่อๆให้ดูน่าสงสาร
“สิจ๊ะ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ เวลารักมากมันก็ต้องหึงมากเป็นธรรมดา”
ดรัณหวานใส่ พอเห็นสิริสุดายืนตัวแข็งหน้านิ่งก็เข้าไปคว้ามือขึ้นมา
“แต่ก็อย่างที่ผมบอกคุณไปแล้ว หัวใจของผมไม่มีช่องว่างให้ใครอีก เพราะฉะนั้นปล่อย ชิโลไปเถอะนะจ๊ะ คนดีของผม”
ดรัณเอามือสิริสุดามาแนบแก้มออดอ้อนเอาใจ สิริสุดามองแล้วแสยะยิ้ม
“เอาหน้าของแกออกไปจากมือฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้พวกมนุษย์ฉันต่ำ”
สิริสุดาสะบัดมือแล้วตบหน้าดรัณ ซ้ายๆๆๆๆ ขวาๆๆๆๆ รัวถี่ไปมาอย่างเร็วจนแทบมองตามไม่ทัน…เพี๊ยะ ๆๆๆๆ ดรัณเหวอและมึนตึ๊บสุดฤทธิ์
“พะ…พะ…พอแล้วสิ ผมไม่ไหวแล้ว”
สิริสุดาผลักดรัณที่หัวติ้วมึนตึ๊บไปทางสการ
“ไอ้ดรัณ…ไหนบอกใช้ไม้อ่อนแล้วผู้หญิงจะระทวยไง”
ดรัณเสียงอ่อย
“ไม้…ไม้อ่อน ไม่ได้ผลแล้ว…ฉันต่างหากที่ระทวย….คร่อก”
ดรัณคอพับหมดสติไปทันที สการหันไปมองสองสาวอย่างแปลกใจ
“นี่…พวกเธอไปเอาแรงมาจากไหน”

มัดหมี่ไม่ตอบแสยะยิ้มร้ายแล้วเข้าไปจับคอเสื้อสการขึ้นมายกจนตัวลอยก่อนจะเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกกับ โต๊ะจนพัง สการหมดสติไปอีกคน

เอิงเอยที่ถูกสิงร่างโดยราคะเข้ามาประกบชิโลแล้วขู่
 
“หล่อนหนีฉันไม่รอดหรอกรัศมิชโลธร หล่อนไม่ใช่นางฟ้าอีกแล้ว หมดสิทธิ์จะเหาะเหิน เดินอากาศหายตัวไปไหนได้อีก”
“แต่ฉันยังมีแก้ววิเศษ ถ้าพวกเธอทำอะไรร่างมนุษย์ที่สิงอยู่ล่ะก็ ฉันจะใช้จัดการกับเธอ”
“ถ้าไม่อยากให้ทำร้ายพวกมัน ก็มอบแก้ววิเศษมา แล้วพวกฉันจะปล่อยร่างมนุษย์นี้ไป”
ชิโลอึ้งไปแล้วมองไปรอบๆทั้งที่หน้าเวทีและด้านหลังเวทีเจอสิริสุดากับมัดหมี่ยืนคุมเชิงหน้าตาน่ากลัว
“ไงล่ะรัศมิชโลธร หล่อนจะเสียสละตัวเองหรือจะยอมให้พวกฉันฆ่านังพวกนี้ซะ”
ชิโลตัดสินใจอย่างยากลำบาก ระหว่างนั้นนางนพมาศที่รอเดินประกวดต่อเข้ามาสะกิด
“นี่…พวกหล่อนจะเมาท์กันอีกนานมั้ย ถ้าไม่ประกวดก็ลงไปเกะกะคนอื่น”
เอิงเอยหันมาตีหน้ายักษ์ใส่แล้วหันมาไม่เห็นชิโล เพราะชิโลรีบเดินไปตามทางรันเวย์ พิธีกรออกมาประกาศ
“มาแล้วครับ หมายเลข 9 นางสาวชโลธร ณ แดนสรวง บริษัทตรีชฎาธูปหอม ส่งเข้า ประกวด สัดส่วน 32 24 34”
ชิโลพยายามฉีกยิ้มเดินประกวดไปโดยพยายามเตะถ่วงเวลาคิดหาทางออกว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง
“ชิโลแย่แล้ว เอาไงดี...ทำยังไงดี”
ชิโลคิดเครียดแล้วมองไปที่ด้านล่างเวทีเห็นตรีชฎาลุ้นตัวโก่ง
“อย่างนั้นและค่ะ ซ้าย ขวา ซ้ายขวา อ่ะโบกมือแล้วยิ้มด้วย ก้มไหว้สวยๆ นั่น…อย่าง นั้นเลยค่ะ เชิดๆเริ่ดๆมั่นใจเข้าไว้ว่าเราสวย”
ชิโลหยุดไหว้ผู้ชมที่หน้าเวที พิธีกรเดินเข้ามาสัมภาษณ์
“สวัสดีครับคุณชโลธร”
“เอ่อ…สวัสดีค่ะ”
“เสียงเชียร์คุณดังมากเลยนะครับ ใช่กองเชียร์ของคุณรึเปล่าครับ”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคณะกรรมการคงตัดสินใจไม่ยากเลยใช่มั้ยครับว่าจะให้คะแนนคุณเท่าไหร่ แต่นอกจากคะแนนความสวยแล้ว คะแนนการตอบคำถามก็สำคัญ”
สิริสุดากับมัดหมี่ขยับกระชับวงล้อมเข้ามาใกล้จ้องจะปิดทางหนีของชิโล ยิ่งทำให้เธอหน้าเครียด...เอาไงดี

สการที่หมดสติไปเริ่มรู้สึกตัวมึนๆหันไปเห็นดรัณยังนอนหมดสติก็รีบเข้าไปปลุก
“ไอ้ดรัณ…ดรัณ”
ดรัณค่อยๆรู้สึกตัวยังมึนๆ
“อู้ย...ปวดร้าวไปถึงสะบัก กระอักไปถึงตับอีกต่างหาก แล้วนี่ คุณสิหายไปไหนแล้ววะ”
“อย่าเพิ่งถามอะไรเลย รีบไปดูชิโลก่อนเถอะ”
สการพยุงดรัณขึ้นมา

บนเวทีพิธีกรถามคำถามกับชิโล
“สำหรับคำถามของคุณชโลธร เป็นคำถามความรู้เกี่ยวกับประเพณีลอยกระทง คุณพอ จะอธิบายให้เราฟังได้มั้ยครับ”
“ได้ค่ะ...เรื่องที่มาของการลอยกระทงมีความเชื่อกันมาหลายตำนาน บ้างก็ว่าเป็นการขอ ขมาลาโทษต่อพระแม่คงคา บางตำนานก็เชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทของ พระพุทธองค์ที่ประทับอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทานที เมื่อครั้งที่เสด็จลงไปเทศนาธรรมนาค ที่นาคพิภพ ส่วนอีกตำนานก็เชื่อว่าเป็นการบูชาพระมหาจุฬามณีที่อยู่บนสวรรค์”
“แล้วตำนานไหนถูกครับ”
“ไม่มีอันไหนถูกผิดหรอกค่ะ เพราะทุกตำนานล้วนแล้วแต่เป็นการทำความดี กตัญญู กตเวที บูชาในธรรมของพระพุทธองค์ ใครที่ทำความดีผู้นั้นก็จะได้ไปเกิดบนสวรรค์”
ชิโลตอบคำถามจบทุกคนต่างพากันปรบมือให้เพราะตอบคำถามดีมาก คณะกรรมการพากันพยักหน้าแล้วกรอกคะแนนให้ชิโลเป็นการใหญ่ สิริสุดากับมัดหมี่ชักรู้สึกว่าชิโลกำลังถ่วงเวลามากขึ้นเลยขยับเข้ามาใกล้อีก ชิโลเริ่มร้อนใจ พิธีกรดำเนินรายการต่อ
“สุดท้ายนี้ผู้เข้าประกวดนางนพมาศจะต้องเลือกผู้ชมที่โชคดีให้มาลอยกระทงด้วยกัน ขอเชิญเลือกเลยครับ”
พิธีกรยื่นกระทงให้ ชิโลเดินลงเวทีเพื่อเอากระทงไปให้ผู้โชคดี ซึ่งผู้ชมที่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่พากันยก มือแย่งกันใหญ่ ชิโลรีบลงจากเวที พวกสิริสุดารีบขยับเข้ามาตีวงล้อม ชิโลถือกระทงเดินเข้ามาใกล้ชี้คอาเหม็ดที่มองอย่างกะลิ้มกะเหลี่ยสุดฤทธิ์ รุจน์ส่งสัญญาณให้ชิโลทำตามแผน ชิโลถือกระทงเดินเข้าไปยื่นให้ชี้คอาเหม็ดท่ามกลางเสียงโห่ของพวกผู้ชายที่อดลอยกระทงด้วยพวกบอดี้การ์ดรีบทำหน้าที่จะเข้าไปกันชิโลให้อยู่ห่างๆแต่ ชี้คอาเหม็ดยกมือห้าม
“ถอยไป อย่าเสียมารยาทกับนางฟ้าของฉัน”
พวกบอดี้การ์ดขยับถอย ชิโลเห็นปืนที่พวกบอดี้การ์ดพกอยู่ที่เอวก่อนจะหันไปเห็นสการกับดรัณพากันเข้ามา ชิโลหันไปอีกทางก็เห็นสิริสุดา เอิงเอย และมัดหมี่เข้ามาใกล้เธอด้วย หญิงสาวคิดอยู่ครู่ในที่สุดก็ตัดสินใจ
“ท่านคะ...ช่วยฉันด้วยค่ะ ผู้ชายสองคนนั้นพยายามจะฉุดฉัน”
“ไหน”
“นั่นไงคะ...พวกเขามีปืนมาด้วย ท่านต้องช่วยดิฉันนะคะ”
ชิโลชี้ไปที่สการกับดรัณ ชี้คอาเหม็ดหันไปสั่งขึงขังกับบอดี้การ์ดทันที
“จัดการพวกมัน อย่าให้มันมาแตะต้องนางฟ้าของฉัน”
บอดี้การ์ดพยักหน้ารับแล้วตรงไปที่สการกับดรัณทันที พวกบอดี้การ์ดเปิดฉากชกหน้าดรัณกับสการก่อนแล้วตามด้วยการชักปืนขึ้นมายิงขู่ขึ้นฟ้า...เปรี้ยง!เสียงปืนดังสนั่นทำเอาผู้ชมพากันกรีดร้องตกใจ สภาพงานประกวดนางนพมาศกลายเป็นโกลาหล วิ่งหนี ชกต่อย แตกตื่นอลหม่านมั่วไปหมด เอิงเอย สิริสุดาและมัดหมี่รีบเข้ามาจะเล่นงานชิโล แต่ไม่พบแล้วเพราะชิโลอาศัยช่วงชลมุนวุ่นวายหนีออก ไปกับชี้คอาเหม็ดและรุจน์ สามสาวพากันเจ็บใจ
“แสบนักนะนังรัศมิชโลธร!”
สิริสุดาเจ็บแค้นมาก

ชี้คอาเหม็ดพาชิโลมาที่เรือนไทย เปิดประตูห้องนอนสวยงามเข้ามาโดยมีรุจน์ตามมาด้วย
“อยู่ที่นี่กับฉันรับรองว่าเธอจะปลอดภัย ไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้แน่นอน”
ชี้คอาเหม็ดปลอบใจไปก็โอบไหล่ชิโลกะลิ้มกะเหลี่ยใส่ ชิโลพยายามแกะมือแล้วหลบเลี่ยงสุดฤทธิ์
“ขอบคุณค่ะท่าน”
รุจน์รีบแนะ
“ผมว่าคืนนี้ให้น้องเขาพักผ่อนก่อนดีกว่าครับท่าน ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ในเมื่อนางฟ้า เลือกท่านแล้ว จะต้องรีบร้อนไปทำไมอีกล่ะครับ”
ชี้คอาเหม็ดยิ้ม
“พูดได้เข้าหูมาก แกได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ส่วนเธอถ้าอยากได้อะไรก็บอกคนรับ ใช้ส่วนตัวของฉัน เขาจะจัดการให้เธอทุกอย่าง”
“ค่ะท่าน”
ชี้คอาเหม็ดจับมือชิโลขึ้นมาดมแล้วบรรจงจูบ หญิงสาวรู้สึกอี๋ขยะแขยงแต่ก็ต้องจำยอมให้เขาชื่นใจแล้วออกไป รุจน์ถอนใจ
“กว่าจะเป็นไปตามแผนได้ ผมตกใจแทบแย่นึกว่าจะพลาดซะแล้ว”
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันวุ่นวายหรอก แต่ฉันต้องเอาตัวรอด แล้วนี่พวกผู้กองเขาจะ เป็นอะไรมั้ย”
“ไม่หรอกครับ ฝีมืออย่างพวกผู้กองรับมือพวกมันได้ไม่มีปัญหา ห่วงก็แต่คุณนั่นแหละ ครับ จากนี้ไปทุกคนฝากความหวังไว้ที่คุณคนเดียวแล้ว”
ชิโลหันหน้ามาเครียดถอนใจยาว

วันใหม่ สการได้รับข้อความที่ส่งเข้ามือถือ
“ไอ้รุจน์ส่งข่าวมาว่าเป้าหมายงับเหยื่อแล้ว ชิโลปลอดภัยดี ถ้ามีความเคลื่อนไหว อะไรมันจะคอยส่งข่าวมาให้เรื่อยๆ”
ดรัณที่หน้าตามีรอยฟกช้ำยังเจ็บระบมหน้าไม่หาย
“แต่คุณชิโลก็น่าจะส่งสัญญาณให้รู้กันก่อนมั่ง ไม่ใช่เล่นเอาใจหายใจคว่ำแถมยังทำให้ หน้าฉันเยินแบบนี้”
ตรีชฎาหันมาบอก
“ถ้าดิฉันเป็นคุณชิโล เจอสถานการผิดแผน ดิฉันก็ต้องทำแบบนั้น แต่ถ้าจะหาว่าใคร ผิดก็ต้องเป็นพวกผู้กองนั่นแหละ”
สการอึ้ง
“คุณมาว่าพวกผมได้ยังไง”
“ก็ที่พวกคุณสิริสุดาตามมาราวีหึงโหดใส่คุณชิโล สาเหตุไม่ใช่เพราะพวกผู้กองเหรอคะ”
“ผมกับมัดหมี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณโทษไอ้ดรัณดีกว่า มันนั่นแหละตัวทำเรื่องวุ่นวาย”
ดรัณสะดุ้ง
“เฮ้ย...อึไม่กดชักโครกแล้วโทษว่าเป็นฉันได้ไง ถ้าแกไม่รักไม่ชอบเขาแล้วปล่อยให้เขา ตื้ออยู่ทำไม ทำไมไม่บอกเขาไป ว่าแกไม่ชอบให้เขามาจี๊ดถึงใจกับแก”
“ทำไมฉันต้องพูด ของอย่างนี้ดูท่าทางก็รู้แล้ว”
ตรีชฎาถอนใจ
“เอาล่ะค่ะๆๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้วค่ะ ระหว่างที่เราต้องรอคุณชิโลส่งข่าวมา ดิฉันว่าพวก ผู้กองควรจะต้องไปเคลียร์กับสาวๆพวกนั้น อย่าให้เข้ามาทำแผนการพังอีก”
ดรัณกับสการหันมามองหน้ากัน

โทสะกับโมหะร้องเสียงหลงตกใจวิ่งหนีเข้ามากลัวกันสุดฤทธิ์ อัคราสูรกับจิตราสูรหลบมุมอยู่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นเลยไม่กล้าโผล่หัวออกมา จิตราสูรส่ายหน้า
“หาเรื่องเข้าตัวแท้ๆนางอสูร ยั่วให้นายท่านโกรธก็เท่ากับหาเรื่องตายชัดๆ”
จิตราสูรพูดไปคฤหาสน์ก็สั่นสะเทือนไปทั้งหลัง ราคะวิ่งลงมาปากสั่น เสียงเครือกลัวมาก
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เงาของอสุเรศทาบผ่านที่ผนังเป็นร่างยักษ์สูงใหญ่ ราคะตกใจกลัว
“ท่าน...ท่านพี่ น้องขอโทษ อย่าลงโทษน้องเลย”
อสุเรศบีบคอราคะจนดิ้นพลาดๆ ร่างถูกยกจนตัวลอย ราคะหน้าดำหน้าแดงหายใจไม่ออก ใกล้จะตายรอมร่อ โทสะกับโมหะก็รีบ วิ่งเข้ามาร้องขอชีวิต โทสะอ้อนวอน
“ท่านพี่...ปล่อยนางราคะเถอะ น้องขอร้อง”
โมหะหน้าเสียเป็นห่วงราคะ
“พวกเราสัญญาว่าครั้งหน้าพวกเราจะไม่ทำให้ท่านพี่ผิดหวัง”
โทสะพยายามเกลี้ยกล่อม
“ครั้งนี้แม้น้องจะพลาด แต่น้องก็รู้แล้วว่าจุดอ่อนของมันอยู่ที่ความรักในมนุษย์ มัน สามารถแลกชีวิตตัวเองได้เพื่อมนุษย์ที่ต่ำกว่ามัน”
โทสะกับโมหะพยายามอ้อนวอนได้ครู่ ราคะก็ถูกโยนลงมาตรงหน้าทั้งสอง อสุเรศคืนร่างกลับมาเป็นร่างมนุษย์ แต่ยังก้าวเข้ามาหน้าตาเหี้ยมโหด
“คราวนี้ข้าจะยกโทษให้พวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องไม่อยู่ให้ข้าเห็นหน้าอีก” อสุเรสหันไปที่ อัคราสูรกับจิตราสูร “พวกเจ้า ส่งพวกนางกลับพิภพอสูร”
โมหะออดอ้อน
“ท่านพี่...ให้น้องอยู่กับท่านพี่เถอะนะ”
อสุเรศไม่สนใจหันหลังเดินออกไป อัคราสูรกับจิตราสูรเข้ามาจับตัวสามนางอสูร
“เชื่อข้า พวกนางกลับไปพิภพอสูรก่อนเถอะ อย่ายั่วโมโหให้นายท่านอีก ไม่งั้นนาย ท่านเอาจริงแน่”
พวกนางอสูรพากันนิ่งไปมองหน้ากัน

อสุเรศยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จิตราสูรกับอัคราสูรตามเข้ามา จิตราสูรรายงาน
“ข้าส่งพวกนางกลับไปพิภพอสูรแล้วขอรับนายท่าน”
อสุเรศยังยืนนิ่งเงียบคิด สองสมุนสงสัย จิตราสูรหันมาบอกอัคราสูร
“สงสัยนายท่านยังอารมณ์ค้างอยู่ เราหลบไปข้างนอกก่อนดีกว่า”
จิตราสูรจะออกไป แต่อัคราสูรกลับเดินเข้าไปหานาย
“นายท่านขอรับ”
จิตราสูรตกใจ
“เฮ้ย ! เอ็งอย่าหาเรื่องเจ็บตัวได้มั้ยวะ”
“ข้าแค่อยากจะเสนอนายท่านว่าข้ามีวิธีจัดการกับนางรัศมิชโลธร”
“ขนาดอสูรฉลาดๆอย่างข้ายังคิดไม่ออก แล้วอสูรหัวขี้เลื่อยอย่างแกจะคิดออกได้ไง”
“เอ็งไม่ได้ยินที่พวกนางอสูรมันพูดเหรอไง พวกนางรู้ว่าจุดอ่อนของรัศมิชโลธรอยู่ที่ความ รักที่นางมีต่อมนุษย์”
จิตราสูรฟังแล้วหรี่ตาคิดตาม
“ใช่...ข้ารู้แล้ว”
จิตราสูรรีบเข้าไปหาอสุเรศอย่างเอาหน้าทันที
“นายท่านขอรับ”
อสุเรศหันมาหน้าตากราดเกรี้ยวอารมณ์ไม่ดียื่นมือมาบีบคอจิตราสูร
“ข้ากำลังอารมณ์ไม่ดี อย่ามาทำให้ข้าหงุดหงิด”
“แต่…แต่ฟังกระผมก่อนขอรับนายท่าน...กระ...กระผมมีแผนการช่วยให้นายท่านได้ตัว...รัศ...รัศมิชโลธร”
จิตราสูรลิ้นจุกปากหน้าดำหน้าแดง อสุเรศหรี่ตามองสมุนจอมเจ้าเล่ห์อย่างสนใจ

สการกำลังเดินหาอะไรบางอย่าง เขาหยุดแล้วมองซ้ายขวา ก่อนจะได้ยินเสียงอีกครั้ง
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
สการหันไปทางต้นเสียงแล้วรีบเดินตามไปก่อนจะพบนกแก้วตัวหนึ่งถูกขังอยู่ในกรง กระพือปีกร้องขอความ ช่วยเหลือไม่หยุด
“เจ้านกแก้ว”
“ช่วยเราด้วย”
“ฉันว่าฉันคุ้นหน้าแกนะ...” สการนึกออก “อ๋อ...ฉันจำได้แล้ว แกคือนกแก้วตัวแสบที่ชอบเล่น งานฉันนี่”
สการจะเดินออกไป นกแก้วอุ้มสมรีบร้อง
“รูปหล่อ ใจดี ชิโล...ชิโล...ชิโล”
“เฮ้อ...ฉันก็ห่วงเจ้านายแกเหมือนกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง”
สการมองนกแก้ว
“ถ้าตอนนี้ฉันเป็นอย่างแกได้ ฉันจะบินไปคอยปกป้องคุ้มครองชิโล จะไม่ยอมให้เกิด อะไรขึ้นกับเธอเด็ดขาด”
สการวางนกแก้วอุ้มสมแล้วไล่ให้บินไป
“บินไปสิ ไปหาเจ้านายแก...บินไปเลย”

นกแก้วอุ้มสมกระพือปีกบินออกไป สการมองตาม

มณีแดนสรวง ตอนที่ 17 (ต่อ)

อุ้มสมบินเข้ามาหาชิโลในห้องนอน แล้วเล่าเรื่องของสการให้หญิงสาวฟัง

“ผู้กองพูดอย่างนั้นกับเจ้าจริงๆเหรออุ้มสม”
“ใช่”
“เขาบอกว่าเขาเป็นห่วงเรา”
“ใช่”
“เขาบอกว่าถ้าเขาเป็นนกอย่างเจ้าได้ เขาก็จะบินมาปกป้องเรา”
“ใช่”
“แล้ว...”
อุ้มสมชักหงุดหงิด
“เว้ย ก็พูดไปหมดทุกอย่างแล้วเจ้าจะมาถามอะไรเราอีกเนี่ย”
“ทำไมเจ้าต้องโวยวายใส่เราด้วย เราก็แค่อยากรู้ว่าผู้กองจะส่งข้อความอะไรมาบ้าง”
“ผู้กองจะส่งข้อความมาถึงเจ้าได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าเราคืออุ้มสม เขาคิดว่าเราเป็น แค่นกแก้วที่เจ้าเลี้ยงไว้”
ชิโลนิ่งไป อุ้มสมมองสงสัย
“ท่าทางของเจ้าแบบนี้ เราชักจะสงสัยแล้วว่า เรื่องคืนนั้นที่เจ้ากับผู้กองอยู่กันสองต่อ สอง มันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าบอกเราซะแล้ว”
ชิโลชะงักอึ้ง หญิงสาวนึกถึงในอดีต ซึ่งตอนนั้น สการยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะจับไหล่เธอแน่นแล้วพลิกตัวเธอกดลงกับเตียงทันที ชิโลตกใจ
“ผู้กอง...คุณจะทำอะไรฉัน...อย่านะ...ออกไป...ออกไป...อย่า”
สการไม่สนใจพยายามปลุกปล้ำซุกไซร้อย่างเมามัน ชิโลพยายามดิ้นและผลัก แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ชิโลใจเต้นตึกตัก หน้าแดง จิกมือเกร็ง ก่อนจะหันมาเห็นอุ้มสมมองสงสัย หญิงสาวรีบปฏิเสธ
“เราบอกเจ้าแล้วไงว่าไม่ให้พูดถึงเรื่องคืนนั้นอีก เรากับผู้กองไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ คืนนั้นเรากับเขาก็แค่...”
ชิโลพูดไม่ทันจบระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังเข้ามาขัดจังหวะ ก่อนที่เสียงรุจน์จะดังเข้ามา
“คุณชิโลครับ...คุณชิโล”
ชิโลกับอุ้มสมตกใจมองหน้ากัน

ชิโลหยิบชุดว่ายน้ำบีกินีแบบสายเดี่ยวเซ็กส์ซี่สุดๆขึ้นมาแล้วทำหน้าแหยงๆ อุ้มสมที่หลบซ่อนตัวอยู่ข้างๆตู้เสื้อผ้ามีฉากกั้นบังอยู่แอบชะโงกหน้าออกมาเห็นแล้วเหวอไป
“นี่...” นี่เขาจะให้ฉันใส่ชุดนี้ไปนั่งกินอาหารเช้าด้วยจริงๆเหรอ
รุจน์พยักหน้า
“ครับ”
“ตาแก่นั่นเป็นโรคจิตรึเปล่า”
“ชัวร์เลยครับ พอได้ทำงานใกล้ๆมันแล้ว ไอ้หมอนี่ทั้งโรคจิต วิปริต บ้ากาม เต่าเหม็น”
ชิโลยกมือห้าม
“พอๆๆๆ ไม่ต้องสาธยายแล้ว เศษผ้าเท่าฝ่ามือแค่ 3 ชิ้นแบบนี้ ฉันไม่มีวันใส่เด็ดขาด”
“แต่แผนขั้นต้นตอนนี้คุณต้องทำให้มันไว้ใจคุณมากที่สุดนะครับ ไม่อย่างนั้นคุณไม่มี ทางเข้าถึงข้อมูลที่จะตีแผ่นายทองทิวได้”
“แล้วฉันจะเข้าถึงข้อมูลสำคัญนั่นได้ยังไง”
รุจน์มองหน้าชิโลแล้วตั้งใจเล่าให้ฟัง

ค่ำนั้น รุจน์ถือถาดเครื่องดื่มเดินตามบอดี้การ์ดส่วนตัวของชี้คอาเหม็ดเข้ามาในห้องนอน ชี้คอาเหม็ดอยู่ในชุดคลุมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง มีหญิงสาวสวยเซ็กส์คอยป้อนผลไม้เอาอกเอาใจ
“ส้มอีกมั้ยคะท่าน”
“ไม่...พอแล้ว นวดให้ฉันดีกว่า”
หญิงสาวเข้าไปช่วยนวดให้แต่เห็นที่คอของชี้คอาเหม็ดสวมสร้อยคอที่มีกุญแจดอกเล็กๆดอกหนึ่งคล้องคออยู่ หญิงสาวจะช่วยถอดให้ แต่ เขารีบจับหมับที่มือของหญิงสาว
“อย่ายุ่ง!”
“สร้อยอะไรเหรอคะท่าน มีกุญแจอยู่ด้วย”
ชี้คอาเหม็ดบีบหน้าหญิงสาวมาจ้องดุดัน
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าสอดรู้สอดเห็นให้มาก”
ชี้คอาเหม็ดผลักหญิงสาวออกไปแล้วดึงเสื้อคลุมขึ้นมาปิดสร้อยคอที่มีกุญแจคล้องอยู่ รุจน์มองอย่างสนใจจนบอดี้การ์ดต้องเข้ามาบีบไหล่ผลักให้ออกจากห้องไป

รุจน์เล่าต่อ…
“หลังจากนั้นผมก็แอบตามดูมันอยู่อีกพักนึง ถึงได้รู้ว่ากุญแจที่มันห้อยคออยู่ เป็นกุญแจ ใช้เปิดตู้เซฟที่มันเก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ ถ้าคุณชิโลได้กุญแจนั่นมา ทุกอย่างก็เกม”
“แต่เขาพกกุญแจติดตัวตลอดเวลาแบบนั้น แล้วฉันจะเอามาได้ยังไง”
รุจน์ชี้ไปที่ชุดบีกินนี
“นั่นไงครับ...ตามที่ผู้กองสการฝึกคุณมา ความสวยของคุณเป็นอาวุธ”
ชิโลหนักใจ
“ชิโลแย่อีกแล้ว...เอาไงดีเนี่ย”
ชิโลหน้าเครียดหันไปทางอุ้มสมที่หลบซ่อนอยู่ข้างหลังรุจน์ ขอความเห็น อุ้มสมยิ้มกวนๆแล้วทำนิ้วโอเคก่อนจะชี้ที่ตัวเอง
“ไม่ต้องห่วง...เราจะช่วยเจ้าเอง”
ชิโลอ่านปากอุ้มสมพอจะเข้าใจ แต่ก็ยังสงสัยว่าอุ้มสมจะช่วยเธอยังไง

ที่สระว่ายน้ำ ชี้คอาเหม็ดสวมชุดคลุมนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า มีบอดี้การ์ดคอยประกบ ชี้คอาเหม็ดบ่นงึมงำ
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก ไปตามมาสิ”
บอดี้การ์ดร่างยักษ์ยังไม่ทันจะไป รุจน์ก็พาชิโลที่อยู่ในชุดคลุมมิดชิดสุดฤทธิ์เข้ามา
“ขอโทษครับท่านที่ทำให้รอนาน คุณชิโลมาแล้วครับ”
ชี้คอาเหม็ดมองอย่างแปลกใจ
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ออกมาล่ะ แล้วชุดว่ายน้ำที่ฉันให้ใส่ล่ะ”
“เอ่อ...คือ...”
ชิโลหันไปมองรุจน์
“วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น คุณชิโลกลัวจะไม่สบาย เดี๋ยวจะติดท่านได้”
“เย็นที่ไหน ร้อนอย่างกับทะเลทรายบ้านฉัน ฉันถึงชวนเธอมาเล่นน้ำไง มาเถอะ...ฉัน อยากดูเธอใส่ชุดว่ายน้ำที่ฉันเลือกให้ ถอดๆๆๆเลย”
ชี้คอาเหม็ดจะเข้าไปถอดชุดคลุม ชิโลรีบกันไว้สุดฤทธิ์
“เอ่อ...ใจเย็นๆก่อนสิคะท่าน ทานมื้อเช้าให้อิ่มก่อนดีกว่านะคะ”
“แต่ฉันไม่อยากกินอาหารเช้า อยากกิน...” ชี้คอาเหม็ดมองชิโลหัวจรดเท้าอย่างหื่นๆ “เธอมากกว่า”
“เอ่อ...อย่าดื้อสิคะท่าน อาหารเช้าสำคัญกับร่างกาย ทำให้มีเรี่ยวมีแรงไปทั้งวัน นะคะ เดี๋ยวชิโลป้อนให้”
ชิโลรีบพาชี้คอาเหม็ดไปนั่งที่โต๊ะอาหารเช้าริมสระ แต่สายตาก็คอยมองรอบๆ
“อุ้มสม...เจ้าจะช่วยเรายังไงเนี่ย”
ชิโลบ่นไป ชี้คอาเหม็ดยื่นมือมาจับมือ ชิโลรีบดึงมือกลับ
“กาแฟหรือชาดีคะท่าน”
“กาแฟจ้ะ หวานๆเลยนะ”
ชิโลถ่วงเวลาชงกาแฟไป พวกบอดี้การ์ดก็คอยจับตามอง หญิงสาวหน้าเครียดเอาไงดี ระหว่างนั้นเองเสียงนกแก้วร้องดังมาแต่ไกลทุกคนเงยหน้ามอง นกแก้วอุ้มสมบินโฉบมาแล้วทิ้งระเบิดเป็นขี้นก ตกลงใส่กลางกะบาลบอดี้การ์ด...แหมะ ทุกคนหันไปมองแล้วร้อง…อี๋ บอดี้การ์ดฉุนรีบชักปืนออกมาแล้วกระหน่ำยิงขึ้นฟ้า…ปังๆๆๆๆ
“ไอ้นกบ้า...ตายซะเถอะ”
ชี้คอาเหม็ดตวาดลูกน้อง
“เฮ้ย...ก็แค่ขี้นกจะยิงให้หนวกหูทำไม”
“ขอโทษครับท่าน”
บอดี้การ์ดรีบเหน็บปืนกลับ อาเหม็ดหันมาหวานต่อกับชิโล
“กาแฟได้รึยังจ๊ะ”
อาเหม็ดทำตาหวานเยิ้มใส่ชิโล เลยไม่ได้มองแก้วกาแฟที่โดนอุ้มสมบินโฉบมาแล้วขี้ใส่...บอดี้การ์ดเห็นจะๆรีบห้าม
“ท่านครับ...อย่าดื่ม”
บอดี้การ์ดห้ามไม่ทัน อาเหม็ดซดกาแฟที่มีขี้นกเข้าไป...พรวด ทุกคนอี๋อยากอ้วก
“อืมมม์ ไม่รู้ว่าเพราะกาแฟอร่อยหรือเพราะฝีมือนางฟ้าคนสวยชงให้”
ชิโลยิ้มหวานเอาใจ
“งั้นแซนด์วิชอีกอันนะคะ”
ฃี้คอาเหม็ดส่ายหน้า
“ไม่เอาแล้ว ถอด จะว่ายน้ำ ถอดๆๆ”
นกแก้วอุ้มสมบินโฉบมาอีกที คราวนี้หย่อนขี้ลงมาแหมะที่กลางหัวชี้คอาเหม็ดพอดี เขาฉุนกึกหันไปคว้าปืน จากเอวบอดี้การ์ดมากระหน่ำยิงขึ้นฟ้าไม่หยุด
“ตายเถอะมึงไอ้นกบ้า”

ดรัณกับสการเดินตามชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาในสวนมะพร้าว
“ทางนี้ครับผู้กอง ผมไปเจอพวกเธอหลงอยู่ในสวน ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง เนื้อตัวมอมแมม บอกแต่ให้ผมโทรตามผู้กองมารับ”
ชาวสวนอธิบายเสร็จก็ชี้ให้สการกับดรัณดูสามสาวที่นั่งกระจุกอยู่ใต้ถุนบ้าน มีพวกเด็กๆชาวสวนเข้ามาล้อม หน้าล้อมหลังหัวเราะชอบใจเพราะแต่ละคนสภาพดูไม่จืด มัดหมี่ด่าไม่หยุด
“ไอ้เด็กบ้า...อย่ามายั่วให้ฉันจี๊ดขึ้นนะ เดี๋ยวจับกินตับเลยนี่”
สิริสุดาหันมาเจอดรัณ
“ดรัณ !”
สิริสุดาดีใจรีบวิ่งเข้าไปกอดดรัณทันที ส่วนมัดหมี่เห็นสการก็บีบน้ำตาแล้วโผเข้าใส่
“ผู้กอง…ช่วยมัดหมี่ด้วยค่ะ”
มัดหมี่รีบลุกจะวิ่งไปหา แต่โดนเด็กแกล้งยื่นขาออกไป มัดหมี่สะดุดขาเด็กเซถลาหน้าทิ่มไปไม่ถึงสการ
“อู้ยย…มันจี๊ด ไอ้เด็กบ้า ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
มัดหมี่ฉุนจัดวิ่งไล่ พวกเด็กวิ่งหนีกระเจิง

คนใช้กำลังจัดอาหารบนโต๊ะ ดรัณเดินเข้ามามองหน้าเอาเรื่อง คนใช้หน้าเสียก้มหัวงุดๆ
“อย่าให้มีอีกนะ ไม่งั้นจะไล่กลับบ้านนอกเลย”
“ค่ะคุณดรัณ”
คนใช้กลัวจนหงอรีบเดินออกไปสวนกับสิริสุดาที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินเข้ามาหาดรัณ
“นึกว่าคุณทิ้งเสื้อผ้าของสิไปแล้วซะอีก ไม่คิดว่าคุณจะยังเก็บไว้”
“เสื้อผ้าของคุณที่เอามาทิ้งไว้ที่นี่ มีแต่ของแพงๆ จะให้ผมทิ้งก็เสียดาย ยังไงวันนี้คุณก็ ขนกลับไปด้วยแล้วกัน รถคุณที่จอดทิ้งไว้ข้างนอก ผมก็ขับเอามาให้แล้ว”
“ดรัณ...นี่คุณโกรธสิเหรอ”
ดรัณนิ่งไม่ตอบ
“อาหารผมเตรียมไว้ให้แล้ว คุณทานเลยแล้วกัน”
ดรัณหันไปตักข้าวใส่จานแล้วยื่นให้ สิริสุดามองหน้าเขาอย่างเสียใจก่อนจะปัดจานข้าวกระเด็น ดรัณตกใจ
“สิ!”

มัดหมี่อยู่กับสการที่อีกมุมหนึ่งของบ้าน มัดหมี่ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ของสิริสุดา
“นี่คุณไม่รู้เลยเหรอว่าเมื่อคืนนี้คุณทำอะไรลงไป”
“มัดหมี่จำอะไรไม่ได้จริงๆค่ะผู้กอง พอตื่นขึ้นมาก็เจอตัวเองไปนอนอยู่ในท้องร่องสวน ไม่รู้จริงๆว่าตัวเองไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง”
สการนิ่งมอง
“ผู้กองคะ...มัดหมี่ไม่ได้โกหกนะคะ มัดหมี่จำได้แค่ว่าตามคุณสิริสุดามาเที่ยวงานลอย กระทง แล้วอยู่ๆมัดหมี่ก็รู้สึกวูบไป”
“พวกคุณพยายามจะทำร้ายชิโล และก็ทำร้ายผมกับดรัณด้วย”
มัดหมี่ตกใจ
“ไม่จริงหรอกค่ะผู้กอง มัดหมี่ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ”
มัดหมี่แถเข้าไปกอดสการซบอกเล่นบทน่าสงสาร
“ถึงผู้กองจะมองไม่เห็นค่าความรักที่มัดหมี่มีให้ แต่มัดหมี่ก็ไม่เคยคิดโกรธแค้น และยัง เฝ้ารอเวลาที่ผู้กองจะหันมาสนใจมัดหมี่”
มัดหมี่ทำสะอื้นร้องไห้เอาหน้าซุกหน้าอกของเขาไปมา สการรำคาญต้องดันเธอออก
“ถ้าคุณคิดจะรอผม ผมว่าคุณควรจะให้โอกาสผู้ชายคนอื่นดีกว่า”
มัดหมี่ชะงัก
“ผู้กอง”
“ผมขอโทษ เป็นความผิดของผมเองที่ตลอดมาไม่เคยพูดความรู้สึกจริงๆที่ผมมีต่อคุณ เลยทำให้คุณเข้าใจผมผิดมาตลอด”
มัดหมี่ชะงักรีบเอามือปิดปากเขา
“อย่าค่ะผู้กอง อย่าพูด มัดหมี่ไม่อยากจี๊ด”
สการแกะมือออก
“แต่มันคือความจริงที่คุณควรจะต้องยอมรับ...ผมรักชิโล ส่วนคุณเรา เป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น”
มัดหมี่เหวอหน้าเสียน้ำตาคลอเบ้าเจ็บปวดรวดร้าวสุดๆ
“ผู้กอง...ผู้กองจะไม่ให้โอกาสมัดหมี่เลยเหรอคะ”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะใจของผมทั้งหมดผมยกให้ชิโลไปแล้ว”

มัดหมี่เสียใจร้องไห้โฮแล้ววิ่งออกไปทันที สการถอนใจ

สิริสุดายังเชิดหน้าแสดงอาการพาลไม่เลิก จากปัดจานข้าวก็หันมาปัดจานกับข้าวหล่นหกเลอะเทอะ ดรัณชักฉุน

“สิ...หยุดทำอย่างนี้ซะที”
สิริสุดาหยุดแล้วหันมาเชิดหน้าคอตั้งก่อนจะปัดชามแกงหกกระจายอีก
“ทำไมคะ...ถ้าสิไม่หยุดแล้วคุณจะทำไม จะจับสิใส่กุญแจมือเหรอ เอาสิ...จับเลย”
สิริสุดาท้าทายดรัณ คราวนี้กวาดทุกจานบนโต๊ะลงมาระเนระนาดอย่างบ้าคลั่ง ดรัณฉุนสุดๆเลยเข้าไปจับเธอมาบิดแขนแล้วเอากุญแจมือมาล็อคอย่างที่ทำกับพวกผู้ร้าย สิริสุดาตะลึง
“ดรัณ...นี่คุณกล้าจับสิจริงๆเหรอ ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย”
“ถ้าคุณไม่หยุดคลั่ง หยุดบ้าไร้สติแบบนี้ ก็อย่าหวังว่าผมจะปล่อยคุณ”
“สิไม่หยุด สิจะร้ายให้สุดๆ ในเมื่อสิเป็นคนที่คุณรักไม่ได้ ก็ขอเป็นคนที่คุณเกลียดที่สุด เราจะได้จองเวรจองกรรมกันไปทุกชาติ”
สิริสุดาส่งเสียงกรี๊ดๆๆๆๆดังลั่นไม่หยุด ดรัณแสบแก้วหู
“สิ...ผมบอกให้หยุด”
“ไม่หยุด...อ๊าย”
ดรัณเหลืออดทนไม่ไหวตัดสินใจเข้าไปคว้าตัวเธอมาแล้วจัดการประกบปากทันที สิริสุดาอึ้งตัวแข็งนะจังงัง

มัดหมี่ร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายบวกด้วยอารมณ์โกรธแค้น เห็นต้นไม้ก็เข้าไปทึ้งฉีกใบไม้กระจุย
“มันจี๊ด...โอ๊ย...จี๊ด!...นังบ้าชิโล...แกแย่งผู้กองของฉันไปชาตินี้อย่าหวังว่าแก จะมีความสุขเลย”
มัดหมี่ระเบิดอารมณ์สุดๆ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงสการตามหา
“คุณมัดหมี่...คุณมัดหมี่”
มัดหมี่ชะงัก
“ผู้กอง...” มัดหมี่ยิ้มมีหวังทันที “สงสัยจะเปลี่ยนใจ”
มัดหมี่หันไปจะตะโกนบอกว่าตัวเองอยู่ตรงนี้ แต่สการกลับหยุดระหว่างทางเพราะเจอตรีชฎา
“ยังเคลียร์กับคุณมัดหมี่ไม่เสร็จอีกเหรอคะผู้กอง”
“ผมเคลียร์กับเธอไปแล้ว”
“แล้วเธอเข้าใจรึเปล่าคะ”
“ผมพูดไปชัดเจนว่าผมกับเธอไม่มีทางไปด้วยกันได้ โตๆกันแล้วก็น่าจะเข้าใจ”
มัดหมี่ที่หลบอยู่ได้ยินสการตอกย้ำก็ยิ่งเจ็บใจ
“ก็ดีค่ะ คุณชิโลจะได้ทำงานโดยไม่ต้องมีใครเข้าไปรบกวนอีก นี่ก็เพิ่งได้ข่าวมาว่าทาง นั้นมีช่องทางที่จะเข้าถึงข้อมูลลับของชี้คอาเหม็ดแล้ว”
“แล้วชิโลล่ะ ปลอดภัยมั้ย”
“เธอยังไม่ทันได้เริ่มลงมือปฏิบัติการเลยนะคะผู้กอง”
“พวกของนายทองทิวมันไม่ธรรมดา ผมไม่อยากให้ชิโลต้องลงเอยเหมือนดาบดารุณี”
“แต่ดิฉันเชื่อมั่นในฝีมือของคุณชิโล เธอมีความสามารถหลายอย่างที่เราคาดไม่ถึง ขนาดผู้กองกว่าจะจับเธอได้ก็เลือดตาแทบกระเด็นไม่ใช่เหรอคะ”
สการนิ่งไป มัดหมี่แอบฟังได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับชิโล ชี้คอาเหม็ดและทองทิวก็เริ่มสนใจ
“ไปกันเถอะค่ะผู้กอง ไม่รู้ว่าป่านนี้ผู้กองดรัณจะเคลียร์กับคุณสิริสุดาได้รึเปล่า”
สการกับตรีชฎาพากันเดินออกไป มัดหมี่ก้าวออกมามองตามหน้าตาฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที

ในห้องนอน ดรัณกับสิริสุดานอนแผ่หายใจหอบแฮ่กๆอยู่บนเตียงหลังจากใช้เวลาในการเจรจากันด้วย ภาษากายไปอย่างหนักหน่วง สิริสุดาชูมือข้างที่ใส่กุญแจมือติดกับดรัณขึ้น
“เมื่อไหร่คุณจะไขกุญแจมือให้สิคะ”
“สัญญากับผมก่อนว่าคุณจะไม่พยศอย่างเมื่อกี้อีก”
“มาจบกันถึงตรงนี้แล้ว ยังดูไม่ออกอีกเหรอ”
ดรัณยิ้มแล้วเอากุญแจมาไขปลดกุญแจมือให้ สิริสุดาลุกจากเตียงโดยรวบเอาผ้าห่มมาคลุมตัว ดรัณตามโอบ
“สิจ๊ะ”
“ปล่อยสินะดรัณ ที่สิยอมคุณไม่ได้หมายความว่าสิจะทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ถึงอย่างเดียวที่สิแพ้ก็คือ...”
สิริสุดาหยุดชะงักไปเอง
“เวลาผมกอดคุณ หอมแก้มคุณ แบบนี้ใช่มั้ย”
สิริสุดาเกือบเคลิ้มไปกับเขาดีที่ฉุกตัวไหวทัน หันมาผลักเขาไปห่างๆ
“สิยังยืนยันคำเดิม จากนี้ไปเราจะเป็นศัตรูกัน สิขอจองเวรคุณ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เราจะต้องเจอหน้ากัน โกรธเกลียดกันไปทุกชาติ”
ดรัณจ๋อย
“โธ่สิ...ผมอยากจะบอกความจริงกับคุณ แต่ผมพูดไม่ได้”
“พูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด สิจะกลับแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนสิ...โอเค...เอาเป็นว่าผมบอกคุณได้แค่ชิโลกำลังทำงานให้ผม หลังจากที่งาน นี้เสร็จเรียบร้อย คุณอยากจะให้ผมทำอะไร จะให้ผมเป็นทาสของคุณหรือแม้แต่จะเอา ชีวิตผมไป ผมก็ยอม”
ดรัณยืนยันจริงจังจนสิริสุดาชักสงสัย
“นังชิโลทำงานอะไรให้คุณ”
ดรัณหนักใจไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสายสืบจับพ่อของเธอ
“บอกสิมานะดรัณ”
ดรัณกำลังหนักใจ ระหว่างนั้นสการมาเคาะประตูเรียก
“ไอ้ดรัณ…ดรัณ”
สการเคาะเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ
“สงสัยจะไม่อยู่”
ตรีชฎา สงสัยเอาหูแนบแอบฟัง
“แต่ดิฉันได้ยินเสียงเหมือนผู้กองอยู่กับคุณสิข้างใน”
“หูดี สอดรู้สอดเห็นเหลือเกินนะคุณตรีชฎา”
“พนันกันมั้ยล่ะคะผู้กอง”
ดรัณเปิดประตูออกมาทันที
“เป็นถึงตำรวจชวนกันเล่นพนัน อยากให้ผมจับเข้าคุกเหรอไง”
“แหม…ผู้กองก็…ดิฉันพูดเล่นค่ะ ก็ผู้กองสการไม่เชื่อว่าผู้กองอยู่ในห้องกับคุณสิริสุดา"
ดรัณมองสการ
“ไอ้แซมมันก็พูดถูกของมันแล้ว คุณสิจะมาอยู่ในห้องกับผมสองต่อสองได้ยังไง”
ตรีชฎายังคงยืนยัน
“แต่ดิฉันได้ยินผู้กองกับคุณสิคุยกัน”
“ผมว่าคุณหูฝาด ผมเคลียร์กับสิจบแล้ว สิเข้าใจดีทุกอย่าง เราก็เลยต่างคนต่างไป เกมโอเวอร์ด้วยดี ไม่มีทางกลับมาทำอะไรอย่างที่คุณคิดได้หรอก”
สิริสุดาซึ่งแอบอยูในห้องได้ยินคำพูดของดรัณก็ปรี๊ดขึ้นปั้นหน้าตึง ตรีชฎายังไม่เชื่อ
“แต่ดิฉันว่าดิฉันได้ยิน”
สการตัดบท
“พอเถอะคุณตรีชฎา สาวแก่ค้างคานอย่างคุณได้ยินได้ฟังอะไรก็พาลคิดไปแต่เรื่องแบบ นั้นหมด” สการหันมาที่ดรัณ “ถ้าแกเคลียร์กับคุณสิแล้วก็ดี จะได้ไปประชุมวางแผนกันต่อ”
สการบอกแล้วเดินออกไป ดรัณหันมาอมยิ้มทับถมตรีชฎาที่อึ้งเหวอ เพราะโดนสการเบรกใส่หัวทิ่ม
“เป็นไงครับคุณตรีชฎา นี่ผมแค่คิดเฉยๆไม่กล้าพูดนะเนี่ย แต่ไอ้แซมนี่สิ…มันพูดได้โดน วัยรุ่นจริงๆ”
ดรัณอมยิ้มขำแล้วตามสการไป ตรีชฎาปั้นปึ่งงอนสะบัด
“ผู้กองอ่ะ…หึ !งอน”
ตรีชฎางอนสุดฤทธิ์ก่อนจะเดินตามไป ครู่หนึ่งสิริสุดาที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเปิดประตูออกมา มองตามสงสัย ว่าชิโลทำงานอะไรให้กับตำรวจ

อุ้มสมนอนแผ่หลาบนเตียงสภาพหมดแรงแทบลุกไม่ขึ้น ชิโลมองอย่างเป็นห่วง
“ไหวมั้ยอุ้มสม”
อุ้มสมอ่อนแรงมาก
“เจ้า…เจ้าลองมาบังคับให้ตัวเองต้องถ่ายของเสียออกมาเยอะๆ แบบเรา ดูสิ เจ้าจะได้รู้ว่ามัน…มันทรมานขนาดไหน”
“เรารู้…เราก็เลยเอาน้ำเกลือแร่มาให้ กินซะจะได้มีแรง”
ชิโลช่วยประคองอุ้มสมให้ลุกขึ้นมากินน้ำเกลือแร่
“ขอบใจมากเลยนะอุ้มสม ถ้าไม่ได้เจ้าช่วย เราก็ไม่รู้จะเอาตัวรอดจากหมอนั่นยังไง”
“จะต้องขอบใจทำไม หน้าที่ของเราคือคอยช่วยเหลือเจ้าอยู่แล้ว และที่สำคัญได้ออก แรงทำความดีแบบนี้ก็สนุกดี เพราะเป็นเทพบุตร เป็นเทวดา มีแต่กินบุญเก่า จะทำ ความดีอะไรก็ไม่ได้”
“งั้นเรามาสัญญากันนะอุ้มสมว่าต่อไปนี้เราจะหมั่นทำความดี สะสมบุญให้ได้เยอะๆ สิ้นอายุขัยบนโลกนี้เมื่อไหร่ เราจะได้กลับไปสวรรค์”
อุ้มสมพยักหน้ารับแต่คิดขึ้นมาได้หน้าก็กังวลขึ้นมาแทน
“เป็นอะไรไปอีกล่ะอุ้มสม…หรือว่าเจ้าอยากจะถ่ายอีก”
“โอ๊ย…เราไม่มีอะไรจะถ่ายออกมาแล้ว แต่เราเป็นห่วงเจ้าต่างหาก กลัวว่าเจ้าจะพลาด ท่าให้ไอ้แก่โรคจิตนั่น”
“เราก็กลัว แต่…ถ้าเราทำได้เหมือนกับที่เราทำกับผู้กองสการ ภารกิจก็คงสำเร็จ”
อุ้มสมตกใจ
“ที่เจ้าได้เสียกับผู้กองสการน่ะเหรอ”
“จะบ้าเหรออุ้มสม เราบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าเราไม่ได้มีอะไรกับผู้กอง เรื่องคืนนั้น...ความ จริงแล้ว...มัน....มัน”
อุ้มสมมองชิโลลุ้นว่าชิโลจะเล่าอะไร ชิโลมองหน้าอุ้มสมแล้วคิดถึงตัวเองกับสการที่โรงแรม...หลังจากที่สการปลุกปล้ำชิโล ซุกไซร้อย่างเมามัน หญิงสาวพยายามดิ้นและผลัก แต่ก็สู้แรงสการไม่ได้ มือชิโลเอื้อมมาคว้ารูปปั้นแล้วฟาดใส่หัวสการทันที...โป๊ก
“โอ๊ย!”
สการเด้งออกมาเอามือกุมหัวร้องโอดโอย
“นี่เธอทำไอะไรเนี่ย จะเอาเลือดหัวฉันให้ได้เลยใช่มั้ย…อู้ย”
“ใช่! ฉันจะฆ่าคุณเลยด้วยซ้ำถ้าคุณไม่หยุดล่วงเกินฉันอีก”
“โธ่เอ้ย! ฉันบอกเธอแล้วไงว่าทั้งหมดนี่เป็นการฝึก”
“ฝึกบ้าอะไร...เมื่อกี้นี้คุณปล้ำฉันจริงๆ คุณจูบฉันจริงๆ แล้วคุณก็จับฉันจริงๆ”
“เอ้า...เวลาที่เธอไปปฏิบัติภารกิจ เป้าหมายมันไม่ได้ปล้ำเธอหลอกๆนะ มันเอาจริงยิ่ง กว่าเมื่อกี้อีก...อู้ย ระบม...ระบม”
ชิโลหน้าจ๋อยเห็นสการบ่นเจ็บหัวก็ค่อยๆวางรูปปั้น
“เจ็บเหรอ”
“ลองมั่งมั้ย ตั้งแต่เข้ามาเธอเล่นหัวฉันทั้งโคมไฟ ทั้งรูปปั้น หัวคนนะไม่ใช่หัวปลาช่อน ทุบอยู่ได้”
“ฉันขอโทษ...มา...ฉันเป่ากะหม่อมให้...โอ๋นะ”
“ไม่ต้อง อย่ามายุ่งกับหัวฉันอีก”
สการดุเสียงแข็งชิโลหน้าจ๋อยสนิทนั่งคอตก
“ก็ได้...อีกทีแล้วกัน คราวนี้ฉันจะกลั้นใจ จะให้ทำอะไรก็บอกมา”
สการหันไปมองชิโลที่หันมาทำหน้ายอมรับแบบจำใจ

แสงเทียนในห้องสลัวๆบรรยากาศโรแมนติคสุดๆ ชิโลนั่งใจเต้นตึกตัก สการนั่งชิดจับมือเธอมาหอม ก่อนจะค่อยๆจูบที่แก้มและลงมาที่ต้นคอ ชิโลหลับตาปี๋ตัวสั่น สการจึงหยุด
“เอาล่ะ…ทีนี้ตาเธอบ้าง”
ชิโลอึ้งไปสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ก่อนจะทำตามแบบที่สการเพิ่งทำกับเธอไป สการใจเต้นแรงขบกรามแน่น มือเกร็ง ตัวเกร็ง ขนลุกซู่ กำหมัดเล็กจิกเนื้อ แล้วทุบเตียงเสียงดัง…ปังๆ ชิโลตกใจ
“ฉันทำผิดเหรอผู้กอง”
“เปล่า”
สการไม่กล้าสบตา
“แล้วทำไมคุณถึง
“พอ…ไม่ต้องพูด เอาเป็นว่าแบบเมื่อกี้นั่นแหละผ่านแล้ว”
ชิโลเผลอดีใจเข้าไปใกล้
“จริงเหรอผู้กอง”
“ไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉัน…ถอยไปห่างๆ”
ชิโลทำตามที่สการสั่ง สการหันไปสูดลมหายใจเต็มปอดปัดไล่ความรุ่มร้อนในตัวออกไปแล้วหันมา
“ขั้นตอนต่อไป หลังจากที่เธอทำให้ผู้ชายตายใจ แพ้ต่อความสวยและเสน่ห์ของเธอแล้ว ร้อยทั้งร้อยผู้ชายจะยอมทำตามที่เธอบอก”
“แล้วฉันต้องทำยังไง”
สการหยิบขวดยาที่มียาเม็ดเล็กๆอยู่ข้างในออกมาให้ชิโลดู
“นี่เป็นยากล่อมประสาทอย่างแรง มันจะออกฤทธิ์ทำให้เคลิ้มไม่รู้สึกตัว เห็นภาพลวงตา ในสิ่งที่ตัวเองกำลังหมกมุ่นอยู่”
สการจับมือชิโลมาแล้วเอายาวางลงบนมือ ชิโลรับยามาดูอย่างสงสัย
“หลังจากเธอใช้เสน่ห์ทำให้เป้าหมายหลงเต็มที่ จนในหัวไม่คิดอะไรนอกจากหน้าเธอ เธอต้องให้เป้าหมายกินยานี้ทันที”

ค่ำคืนนั้น ในห้องนองของเรือนไทยหรู ชิโลทำตามแผนการที่ต้องจัดการกับชี้คอาเหม็ด...ชิโลเอายาผสมลงในแก้วไวน์แล้วเอามาให้ชี้คอาเหม็ดดื่มจนหมดแก้วโดยมีเสียงของสการอธิบายดังก้องในหัว
‘ทันทีที่เป้าหมายกินยาเข้าไป ยาจะออกฤทธิ์ต่อประสาททำให้เคลิ้ม แทบจะหลงว่า ตัวเองอยู่บนสวรรค์’
อาเหม็ดยิ้มหวานตาเยิ้มมองชิโลแล้วโซซัดโซเซ
“นางฟ้าคนสวย…นี่เราอยู่ในสวรรค์ด้วยกันใช่มั้ยจ๊ะ…เอิ๊ก...ฮ่าๆๆๆๆ”
อาเหม็ดโผเข้าไปหยิกแก้มชิโลดึงหน้าไปมาซ้ายๆขวาๆเล่นสนุก

ชิโลนึกถึงตอนที่เธอถามสการอย่างสงสัยในแผนการ
“แผนการของคุณฟังดูก็ใช้ได้ แต่ทำไมไม่ให้เขากินยานอนหลับไปเลยล่ะ ฉันจะได้ ไม่ต้องเปลืองตัว”
“นี่ไม่ใช่นิยายน้ำเน่านะ ทำแบบนั้นเป้าหมายก็รู้ตัวว่าเธอไม่ได้เปลืองตัวให้มันจริงๆ”
“งั้นก็หมายความว่าฉันต้องเปลืองตัวจริงๆน่ะสิ”
“ฟังก่อน…ที่ฉันให้เธอเอายากล่อมประสาทให้มันกิน เพราะฉันจะให้คนอื่นเข้าไปเปลือง ตัวแทน”
“ใคร”
ชิโลมองชี้คอาเหม็ดที่นอนเคลิ้มฝันหวานอยู่บนเตียง ชิโลเดินไปเคาะประตูเป็นสัญญาณได้ครู่ รุจน์ก็เปิดประตูเข้ามา รุจน์แต่งหญิงสวมวิกปลอมตัวเป็นชิโลสุดฤทธิ์ทำนิ้วโอเคให้ชิโล
“ไม่ต้องห่วงครับคุณชิโล…เคลิ้มจนมองอะไรก็เป็นคุณไปหมดแบบนั้น รับรองโดนผม จัดชุดใหญ่ให้แน่”

อุ้มสมพ่นน้ำเกลือแร่ที่กำลังกินอยู่ออกมา...พรวด
“คิดได้ไงเนี่ย…แค่นึกภาพตามเราก็อยากจะอาเจียนแล้ว…อึ๋ย...อี๋”
“แต่ถ้าเราทำตามแผนการของผู้กองสำเร็จ เราก็จะล้วงข้อมูลธุรกิจค้าผู้หญิงของ นายทองทิวได้”
“ก็จริง...เจ้าก็ไม่ต้องเปลืองตัว แค่ต้องเล่นละครตบตานิดๆหน่อยๆ”
“จะทำความดีมันไม่ได้ทำง่ายๆเหมือนทำชั่ว ไม่งั้นเราจะภูมิใจที่ได้ทำความดีได้ยังไง ใช่มั้ยอุ้มสม”
“ก็ขอให้ทุกอย่างราบรื่น ไหลปื้ดๆ ไม่มีอุปสรรคอย่างที่เจ้ากับผู้กองวางแผนไว้แล้วกัน”
อุ้มสมพูดไม่ทันขาดคำรุจน์ก็มาเคาะประตูเรียก
“คุณชิโลครับ...คุณชิโล”
ชิโลรีบหันมาให้อุ้มสมไปหาที่หลบก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้รุจน์
“มีอะไรเหรอ”
“แย่แล้วล่ะครับ นายทองทิวมาที่นี่ ถ้ามันเจอคุณแล้วจำได้ล่ะก็ แผนแตกแน่”

ชิโลตกใจหน้าเสีย

มณีแดนสรวง ตอนที่ 17 (ต่อ)

ที่บ้านทองทิว...สิริสุดานั่งลงที่เก้าอี้สนามหน้าตาครุ่นคิด เอิงเอยตามมานั่งบ่นใกล้ๆ

“ฉันว่านะไอ้สร้อยของขลังของนังชิโลมันคงจะศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ขนาดพวกเรายกแกงค์ไป ราวีถึงที่แต่ก็ยังทำอะไรมันไม่ได้ แถมยังต้องหน้าแตกกลับมาอีก”
เอิงเอยบ่นไปก่อนจะหันมาเห็นมัดหมี่กับสิริสุดานั่งกอดอกทำท่าครุ่นคิดจนคิ้วขมวดด้วยกันทั้งคู่
“นี่ยัยสิ แล้วตกลงว่าแกกับผู้กองเคลียร์กันว่ายังไง”
สิริสุดาตอบห้วนๆ
“ไม่รู้”
เอิงเอยงง
“ไม่รู้ได้ไง ก็ฉันเห็นแกหายเข้าไปในห้องกับเขาสองต่อสอง”
สิริสุดาชะงักหน้าแดงพิรุธทันที เอิงเอยตาโต
“อย่าบอกนะว่าแก...”
สิริสุดาตัดบท
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่คุยกัน เคลียร์กันว่าจะเอายังไง สุดท้ายก็เลยสรุปว่า...” หญิงสาวนิ่งไป “เรา...เรา...เอ่อ...เราอยู่ในช่วงหน่วงๆ”
“หน่วงๆ...หมายถึงอะไรของแก”
“ก็...เป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุข เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า เป็นอะไรก็เป็นไม่ได้ซัก อย่าง มันทั้งหน่วงทั้งถ่วงอยู่กับที่ เพราะดรัณบอกว่าเขาไม่มีอะไรกับชิโล”
“อ๋อเหรอ...แล้วที่เจ๊าะแจ๊ะกันอยู่ที่นั่นล่ะ”
“เขาบอกว่าชิโลกำลังทำงานให้พวกเขาอยู่”
“แล้วแกก็เชื่องั้นเหรอ”
สิริสุดาไม่ทันตอบ มัดหมี่ที่นั่งฟังอยู่ก็ลุกเดินเข้ามาช่วยยืนยัน
“ผู้กองดรัณไม่ได้โกหกคุณหรอกคุณสิ เพราะฉันก็แอบได้ยินผู้กองสการพูดแบบนี้ เหมือนกัน ตอนนี้ชิโลกำลังทำงานเป็นสายสืบให้ตำรวจ”
สิริสุดากับเอิงเอยโพล่งออกมาพร้อมกัน
“สายสืบ!”

ทองทิวอยู่กับชี้คอาเหม็ดที่ห้องรับรองของเรือนไทย
“คนของผมไปบอกว่าท่านปฏิเสธของสวยๆงามๆที่ผมส่งมาให้ แต่ไปชอบใจนาง นพมาศแถวนี้”
ชี้คอาเหม็ดยิ้มกริ่ม
“คุณต้องเห็นเองกับตาทองทิว แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมผมถึงติดใจ ต่อไปคุณจะได้ใช้เป็น มาตรฐานคัดเลือกผู้หญิงแบบนี้ส่งออกบ้าง ไม่ใช่มีแต่แบบศัลกรรมซารางเฮโย”
“ท่านการันตีแบบนี้ ผมชักอดใจรอไม่ไหวอยากเห็นหน้าเร็วๆ”
ชี้คอาเหม็ดยิ้มรับก่อนจะหันไปมอง แต่ไม่เห็นชิโลออกมาสักที เลยหันไปสั่งบอร์ดี้การ์ด
“ไปตามสิ”
บอดี้การ์ดจะเดินไปตามแต่รุจน์รีบเข้ามา
“มาแล้วครับท่าน”
“แล้วไหนล่ะนางฟ้าของฉัน”
“นี่ครับท่าน”
รุจน์ผายมือเปิดตัวชิโลที่เข้ามาในชุดนางระบำแขกมีผ้าแพรบางๆปิดครึ่งหน้า เสื้อเอวลอยโชว์พุงขาวๆ เครื่อง ประดับกุ๊งกิ๊งเต็มตัว ชิโลโพสต์ท่านางระบำ
“เพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญของท่าน นางฟ้าก็เลยอยากจะจัดระบำโชว์ เพื่อเป็นการให้ เกียรติครับ”
ชี้คอาเหม็ดชอบใจลุกขึ้นปรบมือเสียงดัง ชิโลก้มหัวรับ ทองทิวกับสาโรจน์มองอย่างสงสัย

สิริสุดาสงสัยมากหันไปถามมัดหมี่
“หนังหน้าอย่างนังชิโลเนี่ยนะเป็นสายสืบให้ตำรวจ”
เอิงเอยเบ้หน้า
“นังนั่นมันตอแหลตัวแม่ แถมยังเล่นของอีก ฉันว่าไม่แปลกหรอกแก”
สิริสุดาใจชื้น
“งั้นก็หมายความว่าดรัณไม่ได้โกหกฉัน เขากับชิโลต้องเจอกันเพราะหน้าที่”
สิริสุดามีความหวังขึ้นมาทันที แต่กลับถูกมัดหมี่เบรกไว้
“อย่าเพิ่งทำดี๊ด๊าออกหน้าออกตาไปเลยค่ะคุณสิ ถ้าคุณรู้ว่าทั้งผู้กองดรัณ ทั้งนังชิโลร่วม มือกันทำอะไรอยู่ ฉันรับรองว่าคุณได้จี๊ดขึ้นแน่”
เอิงเอยไม่พอใจ
“นี่ยัยมัดหมี่...ไม่ต้องมาทำเบรคอารมณ์เพื่อนฉันจนหัวทิ่มหรอก งานนี้เธอโดนผู้กอง สการตัดหางปล่อยวัด ก็เลยอิจฉายัยสิใช่มั้ย”
มัดหมี่จ้องหน้าเอิงเอยแล้วเข้าไปผลักไหล่จนเซแทบล้ม
“มัดหมี่จี๊ดถึงใจอย่างฉัน ไม่แคร์ผู้ชายไร้ค่าคนนั้นอีกแล้ว จำใส่กะโหลกหล่อนไว้ด้วย”
เอิงเอยไม่พอใจที่โดนผลักจะปรี่เข้าไปเอาเรื่อง แต่สิริสุดาขวางไว้
“พอได้แล้วน่ายัยเอิง”
“แกไม่ต้องฟังมัน ฉันนะเหลืออดกับมันเต็มทนแล้ว อยากจี๊ดมากใช่มั้ย ได้...เดี๋ยวจัดให้”
“ฉันบอกให้หยุดไง”
สิริสุดาเสียงดัง เอิงเอยชะงัก สิริสุดาหันไปมองมัดหมี่
“นังชิโลทำงานอะไรให้ดรัณ”
“คุณอยากให้ฉันบอกจริงๆเหรอ หึ…ฉันเตือนไว้ก่อนนะ คุณกำลังอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้”
“ไม่ต้องมาลีลา จะบอกอะไรก็บอกมา”
มัดหมี่ยิ้มร้ายลึกปนสมเพชใส่สิริสุดา

ทองทิวมองพินิจพิจารณาชิโลซึ่งกำลังเต้นระบำหน้าท้องเข้าจังหวะ สาโรจน์เองก็รู้สึกคุ้นๆ
“ผมรู้สึกคุ้นๆผู้หญิงคนนี้ยังไงก็ไม่รู้นะครับนาย”
“ฉันก็เหมือนกัน เหมือนเคยเจอหน้า”
ชิโลที่กำลังเต้นระบำแขกหน้าท้อง เห็นทองทิวพยายามเพ่งมองจับผิดเธอ หญิงสาวเลยต้องเต้นหลบๆ ก้มหน้า ก้มตา จนเต้นโชว์จบเพลงอย่างสวยงาม ชี้คอาเหม็ดถูกใจลุกขึ้นปรบมือเสียงดัง แต่ทองทิวกลับคิ้วขมวด สงสัย ชี้คอาเหม็คหันมาถามอย่างแปลกใจ
“นี่คุณไม่ชอบเหรอ”
“เอ่อ...ชอบครับท่าน”
“แต่คุณไม่ให้เกียรตินางฟ้าของผม”
“ขอโทษครับท่าน ผมกำลังตะลึงความงามนางฟ้าของท่านอยู่”
ทองทิวลุกขึ้นมาปรบมือให้ ชี้คอาเหม็ดรีบเข้าไปจูงมือชิโลมานั่งใกล้ๆ ทองทิวยิ่งพยายามมองหน้า ชิโลยิ่ง ต้องเอียงหน้าหลบโดยใช้ผ้าแพรที่ปิดครึ่งหน้าอำพรางไว้สุดฤทธิ์
“ไม่รู้ว่าเธอเต้นแบบนี้ได้ด้วย ถูกใจฉันแบบนี้ ฉันไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือแน่”
“นางฟ้าของท่านช่างโชคดีจริงๆ ผมชักอยากจะรู้จักเธอมากกว่านี้ ขอผมดูหน้าเธอชัดๆ ได้มั้ยครับ”
ชิโลชะงักหน้าเสียพยายามเบี่ยงหน้าหลบสุดฤทธิ์
“ผมว่าคุณเห็นแค่นี้ก็พอแล้ว ของสวยๆงามของๆผม ผมก็ต้องเก็บไว้ชื่นชมคนเดียว”
ชี้คอาเหม็ดจับมือชิโลให้ลุกขึ้นแล้วพาไปคืนให้รุจน์
“พานางฟ้าของฉันกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ครับท่าน”
รุจน์กับชิโลมองหน้ากันอย่างโล่งอกก่อนจะพากันออกไป

ทองทิวกับชี้คอาเหม็ดเดินคุยกันออกมาจากตัวบ้าน เพื่อมาส่งทองทิวขึ้นรถ
“เมื่อสักครู่ ผมต้องขอโทษท่านด้วยที่ต้องเสียมารยาท ตอนนี้พวกตำรวจกำลังจับตา ดูผมอยู่ ผมเลยอยากมั่นใจว่า พวกมันจะไม่ใช้แผนล้วงคองูเห่ากับเรา”
“แต่นางฟ้าของฉันไม่ใช่คนที่ควรสงสัย และคุณก็ไม่ต้องห่วง ถ้าธุรกิจของเรายังไป ได้ด้วยดี คุณยังทำทุกอย่างถูกใจผม เงินทุนที่อยากให้ผมสนับสนุน...ถึงมือคุณแน่”
“ถ้าท่านมั่นใจผมก็หมดห่วง ขอให้ท่านสนุกกับนางฟ้าของท่าน ผมไม่รบกวนเวลาแล้ว”
ทองทิวกับอาเหม็ดจับมือกัน ระหว่างนั้นเสียงนกแก้วดังเข้ามา...แคว๊กๆๆ ชี้คอาเหม็ดตกใจ บอดี้การ์ดรีบประกบ
“มันมาอีกแล้ว...รีบหลบเข้าไปข้างในก่อนเถอะครับท่าน”
ทองทิวสงสัย
“มีอะไรเหรอครับท่าน”
“ผมว่าคุณรีบไปเถอะ ไม่งั้นมันเล่นงานคุณแน่”
พูดจบชี้คอาเหม็ดก็รีบเข้าไปพร้อมกับการป้องกันอย่างเต็มที่ของบอดี้การ์ด ทองทิวกับสาโรจน์มองสงสัย
“ใครที่ไหนจะกล้าบุกมาเล่นงานท่านถึงในนี้”
ทองทิวพูดไม่ทันขาดคำขี้นกก็หยดแหมะ...ลงกลางหน้าผาก ทองทิวอึ้ง

ที่ท้องร่องสวน สการฝึกซ้อมยิงเป้านิ่งเสียงปืนดังไม่หยุด...ปังๆๆๆ ผลปรากฏว่าโดนเข้ากลางเป้าทุกนัด
เสียงนกแก้วดังแคว๊กๆๆ เข้ามา สการรีบหันไปเห็นนกแก้วของชิโลเดินไปเดินมาเกาะขอนไม้
“เจ้านกแก้วปากมาก…นี่แกกลับมาได้ยังไงเนี่ย”
“ชิโล ชิโล”
ระหว่างนั้นสการสังเกตเห็นที่ขานกแก้วมีกระดาษผูกเชือกติดอยู่
“มีจดหมายมาด้วยเหรอ”


ก่อนหน้านี้...ชิโลอยู่ในชุดนางระบำยื่นกระดาษม้วนเล็กๆที่เขียนเสร็จแล้วให้อุ้มสม
“เราฝากให้เจ้าเอาไปให้ผู้กองสการด้วยนะอุ้มสม”
“อะไร”
“จดหมาย เราจะผูกติดกับขาเจ้า ถ้าผู้กองเห็นเขาก็จะเข้าใจ”
“เจ้าทำกับเราแบบนี้ไม่ได้นะ เราเป็นนกแก้วไม่ใช่นกพิราบสื่อสาร”
“แต่เจ้าเป็นคนเดียวที่เข้าออกที่นี่ได้โดยไม่มีใครสงสัย นะอุ้มสม...ช่วยเราหน่อยนะ”
อุ้มสมเซ็งๆ
“ก็ได้...ว่าแต่เจ้าจะให้เราส่งข้อความอะไรถึงผู้กอง”
“เป็นเรื่องระหว่างเรากับเขา ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
อุ้มสมหน้าเหวอ
“อ้าว...งั้นเราก็ไม่ทำ สาระแนยุ่งเรื่องชาวบ้านมันผิดศีล”
ชิโลหยิกแขนทันที
“อย่าเรื่องมากได้มั้ยอุ้มสม ไหนเจ้าบอกว่าอยากทำความดีไง”
อุ้มสมเจ็บ
“อู้ย...ทำๆๆ ทำแล้ว นางฟ้าหรือนางมารเนี่ย...อู้ย”

สการเอาจดหมายของชิโลมานั่งอ่านที่บริเวณศาลาริมน้ำ
“ผู้กองคะ...ถ้าคุณได้อ่านจดหมายนี้ ก็แสดงว่าฉันทำตามแผนการของคุณมาได้เกิน ครึ่งทางแล้ว สิ่งที่คุณเป็นห่วงและต้องการให้ฉันพูดกับคุณ...ฉันยังยืนยันคำเดิม ที่ฉันไม่ชอบการโกหกไม่ใช่แค่เพราะว่ามันผิดศีล แต่การโกหกเป็นบาปที่มนุษย์ทำบ่อย จนชินและเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะคิดแค่ว่าไม่ได้ทำร้ายใครให้ถึงตาย ทั้งๆที่คำโกหก ก็ไม่ต่างจากมีดที่กรีดหัวใจของคนที่เรารัก”
สการนิ่งไปสายตาเหม่อลอยและคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม...ชิโลหาวคำโตเพราะง่วงนอน สการจ้องเขม็ง
“นี่ไม่ทันไรก็ง่วงนอนแล้วเหรอ เธอยังต้องทวนแผนการกับฉันอีกนะ”
“พอได้แล้วค่ะ ฉันท่องจำจนขึ้นใจแล้ว”
“แต่เธอกำลังเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง แค่จำขึ้นใจไม่พอ มันต้องฝังอยู่ในหัวเธอด้วย”
“คุณเห็นฉันเป็นคนโง่เหรอผู้กอง อย่าลืมว่าฉันเอาตัวรอดจากตำรวจมือดีอย่างคุณมาได้ กี่ครั้งแล้ว”
“ฉันรู้ว่าเธอเก่ง แต่ฉันไม่อยากให้เธอประมาท”
“ฉันไม่ประมาทหรอก แต่ถ้าฉันไม่ได้นอนพัก ฉันจะไม่มีแรงไม่มีสติ นั่นแหละที่จะทำให้ ฉันทำงานพลาด”
ชิโลคว้าหมอนมาตบๆง่วงจนอยากจะนอน แต่สการดึงหมอนออกจากมือ
“ฉันจะให้เธอนอนพัก แต่เธอต้องสัญญากับฉันก่อนว่าเธอจะไม่ทำผิดพลาดเด็ดขาด”
สการน้ำเสียงจริงจังจนชิโลถึงกับนิ่งไปก่อนจะยืนยัน
“ฉันให้สัญญาในสิ่งที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะทำได้รึเปล่ากับคุณไม่ได้หรอกค่ะผู้กอง”
“เธอก็แค่สัญญามาให้ฉันมั่นใจ...ก็แค่นั้นเอง”
“คำสัญญากับคำโกหก ถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูดมันก็แทบไม่มีอะไรต่างกันเลยค่ะ”
ชิโลดึงหมอนจากมือสการแล้วล้มตัวลงนอน ชายหนุ่มยืนมองหญิงสาวอย่างหนักใจ

เช้าวันใหม่...พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า...สการนั่งหลับอยู่ที่โซฟาก่อนจะค่อยๆรู้สึกตัวเมื่อเช้ามาถึง เขาไม่เห็นชิโลบนเตียงนอนเลยตกใจ
“ชิโล...ชิโล”
สการเรียกเสียงดังนึกว่าเธอไปแล้ว แต่เสียงชิโลดังออกมาจากห้องน้ำ
“ฉันอยู่ในห้องน้ำ ไม่ต้องตะโกนเรียกเสียงดังหรอก”
เสียงกดชักโครกดังออกมาจากห้องน้ำเป็นอันว่าทำธุระเสร็จ ชิโลเปิดประตูออกมา สการรีบเข้าไปดึงมา กอดทันที ชิโลตกใจ
“ทำอะไรฉันน่ะผู้กอง ปล่อยนะ”
“ฉันนึกว่าเธอจะไปโดยที่เรายังไม่ได้บอกลากันน่ะสิ”
ชิโลชะงักแล้วนิ่งไปยอมให้กอด
“ผู้กอง...เพราะฉันไม่ยอมให้สัญญากับคุณใช่มั้ย”
“ตั้งแต่ฉันได้เจอเธอ เธอไม่เคยพูดความจริงให้ฉันฟังแม้แต่เรื่องเดียว แต่เรื่องนี้ฉันขอ”
“แต่ฉันไม่เคยโกหกคุณนะผู้กอง”
“ชิโล ! เธอจะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเธอเป็นนางฟ้ามาจากสวรรค์”
“ก็แล้วทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ”
สการชะงัก
“เพราะคุณเชื่อว่าสวรรค์ไม่มีจริง นางฟ้าถึงไม่มีตัวตน เพราะคิดกันแบบนี้ไง มนุษย์ถึง ยังชอบทำบาปทำกรรมกันอยู่”
“แต่ผมเชื่อเรื่องบาปกรรม”
ชิโลดีใจ
“ถ้าคุณเชื่อเรื่องบาปกรรม คุณก็ต้องเชื่อว่าสวรรค์มีจริง และเชื่อว่า...”
สการสวนขึ้น
“นางฟ้าก็มีจริงเหมือนกัน”
ชิโลพยักหน้ารับ หน้าตาของสการเหมือนจะยอมรับเชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า หญิงสาวกำลังจะดีใจ...แต่…
“ที่เธอพยายามให้ฉันเชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า เพราะเธอไม่อยากให้ฉันเป็นห่วง เพราะนาง ฟ้าไม่มีทางตกอยู่ในอันตราย เธออยากให้ฉันคิดอย่างนั้นใช่มั้ยชิโล”
ชิโลอึ้ง
“ผู้กอง”
“ได้...ฉันจะยอมเชื่อเรื่องไร้สาระของเธอ เธอเป็นนางฟ้ามาจากสวรรค์ เธอจะทำงานให้ ฉันสำเร็จ และเธอก็จะกลับมาหาฉันโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน...ฉันยอมบ้าเชื่อแล้ว”
สการหัวเสียระเบิดอารมณ์ประชดออกมาหันหลังให้ ชิโลสลดที่เขาประชด เธอยื่นมือออกไปอยากจะ สัมผัสแผ่นหลังของเขา แต่ก็ดึงมือกลับมาอย่างตัดใจ
“ถ้าคุณประชดฉันแล้วสบายใจ...ฉันก็ไม่ว่าหรอก แต่ฉันก็ยังยืนยันว่าฉันไม่เคยโกหกคุณแม้แต่ครั้งเดียว”
สการยืนนิ่งความรู้สึกอัดอั้นจนในที่สุดก็ยอมพูดออกมา
“งั้นฉันก็ไม่อยากจะโกหกเธออีกแล้วเหมือนกัน...ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอก็คือ...”
สการหันหลังกลับมาจะบอก แต่...ประตูห้องเปิดค้างเพราะชิโลออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มพูดเบาๆอย่างเศร้าสร้อย

“ฉันรักเธอนะชิโล”

สการอ่านเนื้อความในจดหมายของชิโลต่อ
 
“ถึงฉันจะไม่สัญญาว่าจะทำงานให้สำเร็จแล้วกลับไปหาคุณ แต่ฉันก็จะไม่ประมาท และถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็ขอฝากคุณช่วยดูแลพี่ชายฉันด้วย”
สการกำจดหมายในมือหลังอ่านจบ ใบหน้าเคร่งเครียดเป็นห่วงมาก
“ชิโล”

สการเข้ามาในบ้านจัดเตรียมอาวุธอย่างเต็มที่ ตรีชฎาเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะผู้กอง”
“ชิโลส่งข่าวมาว่าคืนนี้จะลงมือปฏิบัติการ”
“ก็เป็นไปตามแผนนี่คะ”
“แต่ผมเป็นห่วงเธอ ถ้าเกิดแผนผิดพลาดขึ้นมา ผมไปอยู่ใกล้ๆจะได้ช่วยเธอทัน”
“ไม่ได้นะคะ...คนของพวกมันเฝ้าอยู่ที่นั่นเต็มไปหมด แค่ผู้กองเฉียดเข้าใกล้นิดเดียว พวกมันก็รู้ตัวน่ะสิคะ”
“แต่ผมทิ้งชิโลไว้ลำพังไม่ได้ ไอ้ดรัณอยู่ไหน บอกมันให้เตรียมพร้อมด้วย”
“ผู้กองดรัณไม่อยู่ค่ะ เห็นรับโทรศัพท์จากคุณสิปุ๊บก็รีบออกไปปั๊บเลย”
“งั้นถ้าติดต่อมันได้บอกมันด้วย”
สการยัดปืนใส่กระเป๋าไปหลายกระบอกแล้วรีบออกไป ตรีชฎาเป็นห่วง
“ผู้กองคะ...ผู้กอง!”

เย็นนั้น สิริสุดายืนกอดอกหน้าง้ำอยู่ริมสระน้ำ ดรัณรีบร้อนเข้ามาพอเห็นสิริสุดาก็รีบเข้าไปหาทันที
“สิ...คุณรู้เรื่องชิโลทำงานเป็นสายตำรวจได้ยังไง ใครบอกคุณ”
สิริสุดาเงียบไม่ยอมพูด ดรัณเข้าไปบีบแขนจับเธอหันมาเร่งคำตอบ
“บอกผมมานะสิ คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
สิริสุดาโมโหออกแรงผลักเขาอย่างแรง
“ที่สิตามคุณมา ไม่ได้จะให้มาคุยเรื่องของมัน สิอยากรู้เรื่องของคุณป๋าต่างหาก”
ดรัณชะงัก
“สิ”
“บอกสิมานะดรัณ มันไม่ใช่เรื่องจริง พวกคุณกำลังใส่ความคุณป๋า”
ดรัณเงียบ
“คุณป๋าไม่มีทางทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าอย่างที่พวกคุณกล่าวหา บอกสิมานะดรัณ”
ดรัณหนักใจ
“สิ...อย่าบีบบังคับผม”
สิริสุดาเสียงดัง
“บอกสิมา!”
ดรัณตัดสินใจ
“คุณป๋าที่คุณรู้จักไม่ใช่คนดีจริงๆสิ”
สิริสุดาชะงักอึ้งตบหน้าดรัณทันที...เพี๊ยะ ดรัณหน้าหันแต่นิ่ง
“ไม่จริง สิไม่เชื่อ คุณโกหก คุณป๋าไม่ใช่คนเลว สิจะถามความจริงกับคุณป๋า”
สิริสุดาจะออกไปดรัณรีบเข้าไปรวบกอดเอาไว้
“ไม่ได้นะสิ...คุณจะพูดเรื่องนี้กับคุณป๋าไม่ได้ ถ้าเขารู้ว่าคุณรู้ ชิโลจะตกอยู่ในอันตราย”
“ปล่อยสินะดรัณ นังนั่นจะเป็นจะตายก็ไม่ใช่เรื่องของสิ”
สิริสุดาผลักดรัณจนตกลงไปในสระว่ายน้ำ...ตูม สิริสุดาออกไปอย่างไม่สนใจ ดรัณรีบขึ้นจากสระ
“สิ...สิ...อย่าทำอย่างนั้นนะ...ชิโลแย่แน่ เอาไงวะเนี่ย”
ดรัณีรนึกได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรไปบอกสการแต่โทรศัพท์เปียกน้ำซะแล้ว
“โธ่เว้ย!”

สิริสุดาเดินเข้ามาตรงห้องโถงเจอคนใช้
“คุณป๋ากลับมารึยัง”
“เพิ่งมาถึงเลยค่ะคุณสิ”
ทองทิวเข้ามา
“ถามหาป๋าคิดถึงป๋าเหรอลูกสาวคนสวย”
“คุณป๋า”
“ป๋าเห็นมีรถจอดอยู่ข้างนอก ลูกมีแขกอยู่เหรอ แต่ป๋ารู้สึกว่ารถคุ้นๆนะ”
สิริสุดาอึกอัก
“เอ่อ...คือ”
สาโรจน์เข้ามา
“นายครับ รถที่จอดอยู่ข้างนอกเป็นรถของผู้กองดรัณครับ”
ทองทิวชะงัก
“ไอ้ดรัณ !”
ทองทิวหันมามองสิริสุดาด้วยสายตาไม่พอใจ
“คุณป๋าอย่าเพิ่งสนใจเรื่องดรัณ…สิมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจะคุยกับคุณป๋า”
ทองทิวไม่สนใจหันไปสั่งสาโรจน์
“ไปเอาตัวมันมา!”
“ครับท่าน”
สาโรจน์รีบเดินออกไป สิริสุดาตกใจ
ดรัณกำลังจะรีบออกจากบ้านทองทิว แต่ชะงักเมื่อเจอสาโรจน์โผล่มาขวางทางพร้อมส่องปืนเข้าที่หน้า
“ท่าทางผู้กองจะไม่กลัวตายนะถึงได้กล้าบุกมาถึงที่นี่”
ดรัณขบกรามเจ็บใจ สาโรจน์ขยับเข้าใกล้ดรัณพยายามจะฮึดสู้ แต่กลับถูกลูกน้องของสาโรจน์อีกสองคนเข้ามา ประกบแล้วช่วยกันรุมกระทืบ สิริสุดาตามเข้ามาพร้อมกับทองทิว เห็นเข้าก็ตกใจ
“หยุดนะ...อย่าทำเขา...บอกให้หยุด”
สิริสุดาร้องห้ามแต่พวกสาโรจน์ไม่ฟัง เธอเลยจะเข้าไปห้ามเอง แต่ทองทิวจับแขนลูกสาวไว้
“เข้าบ้านไปซะ”
“ไม่...คุณป๋าต้องปล่อยเขา ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
“มันดูถูกลูก...ทำให้ขายหน้าถึงขนาดนั้นแล้ว อย่าบอกนะว่าลูกยังมีใจให้มันอยู่อีก”
สิริสุดามองพ่อแล้วน้ำตาคลอก่อนจะแกะมือแล้ววิ่งไปห้ามสาโรจน์ทั้งผลักทั้งตีให้หยุด
“ปล่อยเขานะ...บอกให้ปล่อย อย่ายุ่งกับเขา...ไปให้พ้น”
สาโรจน์กับลูกน้องโดนสิริสุดาผลักกระเด็นไปคนละทิศละทาง ดรัณอยู่ในสภาพสะบักสะบอม สิริสุดาประครอง ดรันกระซิบ
“สิ...ผมไม่เคยคิดทำลายคุณ แล้วก็ไม่เคยหลอกลวงคุณหรือใช้คุณเป็นเครื่องมือ แต่มัน เป็นหน้าที่ของผม”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น สิไม่อยากฟัง”
“แต่คุณบอกเรื่องชิโลไม่ได้ ผมขอร้องล่ะ ชีวิตของชิโลอยู่ในมือคุณ”
สิริสุดานิ่ง ทองทิวสงสัย
“ยัยสิ...ลูกกับมันมีธุระอะไรกัน”
ดรัณมองสิริสุดาด้วยตาอ้อนวอนขอร้อง สิริสุดาเจ็บปวด
“กลับไปซะดรัณ”
“สิ”
“ฉันบอกให้ไป”
สิริสุดาดันดรัณให้เดินออกไป พวกสาโรจน์จะตามแต่สิริสุดาหันมาเสียงแข็ง
“อย่ายุ่งกับเขานะ”
พวกสาโรจน์ชะงักหันไปมองทองทิวว่าจะให้ทำยังไง สาโรจน์พยักหน้าว่าให้ปล่อย ดรัณจึงเดินเจ็บรอดออกไป ทองทิวเข้าไปจับแขนลูกสาวมาบีบอย่างแรงและแสดงความเกรี้ยวกราดผิดจากคุณป๋าที่น่ารักทันที
“แกต้องคุยกับฉันแล้ว...ลูกไม่รักดี...มานี่”

ชิโลถูกหญิงรับใช้พาเข้ามาที่ห้องสปา มีบ่อน้ำสำหรับแช่ตัวประดับประดาด้วยดอกไม้ลอยอยู่
“นี่พาฉันมาทำอะไรที่นี่”
“ท่านสั่งให้พวกเราทำสปา ดูแลผิวพรรณ ขัดสีฉวีวรรณให้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเนื้อตัวฉัน”
ชิโลจะเดินหนีแต่ชี้คอาเหม็ดเดินเข้ามาขวางโดยมีรุจน์ตามหลัง
“อย่าดื้อสิจ๊ะนางฟ้าของฉัน คืนนี้จะเป็นคืนพิเศษสำหรับเราสองคน เพราะฉะนั้นฉัน อยากให้เธอพร้อมที่สุด”
พูดไปชี้คอาเหม็ดก็เชยคางทำเอาหญิงสาวขยะแขยงอยากจะสะบัดหน้าหนีแต่รุจน์ส่งสายตาและส่ายหน้าว่าอย่า ชิโลนิ่งไปตัดใจว่าต้องทำตามแผนการให้สำเร็จเลยต้องทำเป็นยอมรับ
“ค่ะท่าน”
ชี้คอาเหม็ดหัวเราะชอบใจแล้วเดินออกไป รุจน์รีบเข้ามากระซิบ
“ตามน้ำไปก่อนครับ อย่าให้มีพิรุธ”
“แล้วพวกบอดี้การ์ดล่ะ”
“เป็นหน้าที่ของผมเองคุณไม่ต้องห่วง”
ชิโลค่อยโล่งอก รุจน์ตามชี้คอาเหม็ดไป พวกหญิงรับใช้เข้ามารุมล้อมชิโล
“พร้อมแล้วใช่มั้ยคะ...ถอดเสื้อผ้าเลยค่ะ”
ชิโลตกใจ
“ห๊ะ !”

บริเวณสวนหน้าบ้านเรือนไทย สการแอบลักลอบเข้ามาใช้ต้นไม้ที่ขึ้นรกเป็นที่หลบซ่อน แล้วใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตในตัวบ้านเห็นบอดี้การ์ดของชี้คอาเหม็ดเดินไปเดินมาเต็มไปหมด ไม่มีทางที่สการ จะเฉียดเข้าใกล้ได้เลย สการสอดส่องไปทั่วๆก่อนจะเห็นว่ามีรถคันหนึ่งขับเข้าไปและโดนพวกบอดี้การ์ดเรียกให้จอด คนขับเปิดประตู รถลงมาคุยด้วย สการถึงกับอึ้งไปเพราะเป็นมัดหมี่ พวกบอดี้การ์ดจับเธอตรวจค้นตามตัวอย่างละเอียด
“นี่...มือไม้จับให้มันถูกที่หน่อยนะ ฉันเป็นนักข่าวมาสัมภาษณ์ท่าน ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย”
พวกบอดี้การ์ดตรวจค้นเสร็จพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็ปล่อยมัดหมี่ให้เข้าไปในรถแล้วขับเข้าไปในบริเวณบ้าน สการหันมาหน้าเครียดวิตกกังวลทันที
“มัดหมี่เข้าไปทำอะไรที่นั่น!”

ชี้คอาเหม็ดนอนให้หมอนวดแผนไทยนวดผ่อนคลายอยู่ ส่วนรุจน์รีบโทรศัพท์คุยกับสการอยู่นอกห้อง
“ว่าไงนะครับผู้กอง...คุณมัดหมี่น่ะเหรอครับมาที่นี่”
“ใช่...ฉันเฝ้าอยู่ข้างนอก เพิ่งจะเห็นมัดหมี่เข้าไปเมื่อกี้นี้เอง”
รุจน์นึกได้
“อ๋อ...ผมรู้แล้ว วันนี้มีนักข่าวติดต่อมาขอสัมภาษณ์ แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็น คุณมัดหมี่”
“มัดหมี่รู้จักชิโล นายต้องหาทางจัดการกันมัดหมี่ออกไป”
รุจน์หน้าเครียด
“จะให้ผมทำยังไงล่ะครับผู้กอง”
“ทำยังไงก็ได้ ฉายานายไอ้รุจน์พันหน้าไม่ใช่เหรอ”
รุจน์เครียด
“ก็ได้ครับ ผมจะลองดู”
รุจน์วางสายไปแล้วหันไปมองชี้คอาเหม็ดที่กำลังนอนให้หมอนวดทั้งเค้นทั้งคลึงดึงเส้นจนร้องจ๊าก
“เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน”

มัดหมี่นั่งรออยู่เรือนรับแขก มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งคุมบริเวณ รุจน์ใส่สูทแต่งตัวดีเดินเข้ามาคุยกับบอดี้การ์ด
“ท่านไม่ว่างสั่งให้ฉันมารับแขกคนนี้เอง”
บอดี้การ์ดพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป รุจน์หันไปมองมัดหมี่ที่หันหลังให้ มัดหมี่ค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ พอรุจน์ เห็นหน้าชัดๆเข้าก็อึ้งเพราะ...สวย
“โอ๊ย!...สวยว่ะ...มัน...มันจี๊ดเลย”
มัดหมี่มองอย่างสงสัย รุจน์รีบเก๊กเท่ห์มีมาดเดินเข้าไปหาเนียนๆ
“สวัสดีครับ ขอโทษด้วยที่ให้คุณต้องรอนาน”
มัดหมี่มองหัวจรดเท้าสงสัย
“แล้วท่านล่ะ”
“คุณอาของผมไม่ว่างติดธุระกะทันหันก็เลยส่งผมมาให้สัมภาษณ์กับคุณแทน”
“คุณอา”
“อ๋อ...ขอโทษด้วยครับที่ผมลืมแนะนำตัว ผม...ฮัดซัน เป็นหลานชายคนเดียวที่รับหน้าที่ สืบทอดกิจการทุกอย่างของชี้คอาเหม็ดครับ”
รุจน์พูดไปก็เข้าไปจับมือมัดหมี่ขึ้นมาจูบที่หลังมือเบาๆ และยิ้มโปรยเสน่ห์เต็มที่ ทำเอามัดหมี่ถึงกับอึ้ง

ทองทิวผลักสิริสุดาลงที่เตียงอย่างฉุนเฉียว
“ป๋าไม่คิดเลยว่าลูกสาวที่ป๋าเฝ้าประคบประหงม ส่งเสียให้เรียนสูงๆ จะโง่ไม่มีสมองยอม ให้ไอ้สารเลวนั่นมันหลอกซ้ำหลอกซาก”
“คุณป๋า!”
สิริสุดาเจ็บปวดน้ำตาคลอเสียใจ
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตาให้เห็น ถ้าสิไม่ขวางป๋า ป่านนี้มันโดนป๋าจัดการไม่ให้มายุ่งกับเรา อีกไปแล้ว”
“จัดการ...” สิริสุดาสะอื้น “คุณป๋าจะจัดการไม่ให้เขามายุ่งกับสิอีก หรือว่าจะจัดการไม่ให้มา ขวางทางคุณป๋าอีก อย่างไหนกันคะ...คุณป๋าช่วยบอกสิมาให้เคลียร์”
ทองทิวชะงักสงสัย
“ยัยสิ...นี่เรากำลังพูดเรื่องอะไร”
สิริสุดาเอาแต่สะอื้น
“ไอ้ดรัณมันเอาเรื่องอะไรมาบอกลูก...พูดสิ...มันบอกลูกว่ายังไง”
“เขาบอกว่าสิเป็นลูกคนเลว ที่เขาจะไม่ยอมให้ก่อกรรมทำชั่วได้อีก”
ทองทิวอึ้งเจ็บใจโกรธจนลืมตัวตบหน้าลูกสาวทันที...เพี๊ยะ! สิริสุดาหน้าหันน้ำตาไหลพราก ทองทิวนึกขึ้นได้ว่าเผลอลงมือกับลูกสาว
“ยัยสิ...ป๋า...ป๋า...”
“อย่าเข้ามาใกล้นะ...ฮือๆๆ สิไม่เชื่อใครอีกแล้ว ไม่เชื่อดรัณ ไม่เชื่อป๋า ทุกคนมีแต่ โกหกหลอกลวงสิ ออกไป...ออกไป ฮือๆๆๆ”
สิริสุดานอนร้องไห้เสียงใจปล่อยโฮลั่น ทองทิวมองลูกสาวอย่างตัดใจทิ้งไว้ในห้องแล้วออกไป

ทองทิวเดินลงบันไดสาโรจน์รีบเข้าไปบอก
“นายครับ ผมให้คนตามผู้กองดรัณไป แต่มันรู้ตัวเลยหนีไปได้ครับ”
ทองทิวฉุนจัดหันมากระชากคอเสื้อสาโรจน์มาตะคอกใส่หน้า
“พวกมันบอกความลับของฉันให้ลูกสาวฉันรู้แล้ว ทีนี้แกบอกฉันมา...ว่าแกควรจะพลาด อีกรึเปล่า ห๊ะ...ไอ้โง่”
“เอ่อ...ไม่...ไม่แล้วครับนาย”
ทองทิวผลักสาโรจน์จนกระเด็น สีหน้าทองทิวหน้าเหี้ยมเกรียมเอาเรื่อง
“ถ้าพวกแกอยากเปิดศึกกับฉัน...ก็เตรียมตัวเจอศึกใหญ่ได้เลย”

สการเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นเพราะเป็นห่วงชิโล
“ถ้านายรุจน์กันมัดหมี่ไม่สำเร็จ ชิโลได้เสร็จพวกมันแน่”
สการหน้าเครียดพยายามคิดหาทาง...ในที่สุดก็ทนอยู่กับที่ไม่ได้หยิบปืนขึ้นมามอง

บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินตรวจตราได้สักครู่ สการโผล่เงียบๆ เข้ามาข้างหลัง แต่เขาดันทำเสียงดัง บอดี้การ์ดหันมา ชายหนุ่มเลยต้องออกแรงนิดหน่อยเล่นงานจนบอดี้การ์ดสลบ สการมองซ้ายแลขวาเห็นปลอดโปร่งโล่งไม่มีคน จึงค่อยๆ ลากตัวมันเข้าไปตรงมุมลับตา
 
ก่อนจะก้าวออกมาอีกทีอยู่ในชุดของบอดี้การ์ด สวมสูทสีเข้มใส่แว่นดำพรางตัวอย่างกลมกลืน

 
โปรดติดตาม "มณีแดนสรวง" ตอนต่อไป 
กำลังโหลดความคิดเห็น