xs
xsm
sm
md
lg

มณีแดนสรวง ตอนที่ 11-12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มณีแดนสรวง ตอนที่ 11

ชิโลรีบเดินหนีดรัณจนเกือบชนกับอุ้มสมที่มาตาม

“ชิโลเจ้าหายไปไหนมาเนี่ย คุณป้าถามหาเจ้าอยู่”
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วอุ้มสม”
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“ชิโลแย่แล้ว...ผู้กองดรัณเพิ่งมาสารภาพรักกับเราเมื่อกี้นี้เอง”
“ห๊า !!” อุ้มสมร้องลั่น

สิริสุดาหน้าตึงตกใจรุนแรง
“ห๊า!! ผู้กองดรัณพูดกับยัยบ้านั่นอย่างนั้นเหรอ”
เอิงเอยพยักหน้ารับ
“เต็มสองหูฉันเลยแก รับรองว่าชัดแจ๋วไม่มีผิดเพี้ยนแน่”
“ทำไมแกถึงมั่นใจนัก”
“อ้าว...ก็ที่ฉันไปโรงพยาบาลเพราะว่ามีแมลงมันบินเข้าหู ฉันก็เลยไปให้หมอช่วยแคะแล้วก็ล้างหูให้ นอกจากจะเจอแมลงแล้ว ขี้หูฉันยังเต็มสองหูอีกนะแก”
“พอได้แล้ว ฉันไม่ได้อยากฟังเรื่องขี้หูแก”
สิริสุดากอดอกหน้าเหวี่ยงวีนสุดๆบ่นพึมพำคนเดียว
“หรือว่าที่ยัยมัดหมี่มาพูดกับฉันวันนี้ มันจะเป็นเรื่องจริง”
เอิงเอยเสนอหน้าเข้าไปใกล้
“มัดหมี่..มัดหมี่ไหนเหรอแก”
“ก็ยัยมัดหมี่กิ๊กของผู้กองสการไง”
“อ๋อ..ยัยผู้ประกาศข่าวเริ่ดๆเชิดๆ จี๊ดถึงใจอะไรนั่นน่ะเหรอ แกไปรู้อะไรจากยัยนั่นมา”
สิริสุดาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ฟัง...

ช่วงกลางวันที่ผ่านมา...สิริสุดากำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมสำหรับการถ่ายแบบ
“แต่งหน้าเสร็จแล้ว พี่ช่วยไปเร่งทีมงานให้สิหน่อยได้มั้ย วันนี้สิเหนื่อย วิ่งรอกมาตั้งสามงานแล้ว อยากรีบๆถ่ายรีบๆกลับ”
สิริสุดาบอก ช่างแต่งหน้าไม่ทันตอบ มัดหมี่ที่แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาสมทบ
“คงจะยากหน่อยค่ะคุณสิ...ถ่ายแบบกับสุนัข คนต้องมานั่งรอให้มันพร้อม กว่ามันจะอึจะฉี่ จะกินเสร็จ เราก็ต้องรอไป”
“คุณมัดหมี่ ?...นี่คุณมาถ่ายแบบเซ็ตนี้ด้วยเหรอ”
“ค่ะ โครงการหาบ้านให้ตูบน้อยเป็นโครงการของทางสถานี ก็เลยหนีไม่พ้นต้องให้ฉันมาร่วมรณรงค์เป็นพรีเซนเตอร์ในโปสเตอร์ด้วย”
“ที่จริงถ่ายแยกกันแล้วค่อยใช้คอมพ์ตกแต่งภาพเอาก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“คุณสิมีนัดเดทเหรอคะ พอดีฉันได้ข่าวมาจากพวกน้องๆนักข่าวบันเทิงว่า ช่วงนี้คุณกำลังฮ๊อตจัด มีหนุ่มๆขออาสารักษาอาการอกหักให้เพียบ”
สิริสุดาชะงักเพราะโดนพูดจี้แผลหัวใจเสียงแข็งกับช่าง
“พอได้แล้วค่ะพี่ สิจะไปถามพี่โชนเอง ระหว่างคนกับหมา พี่โชนจะถ่ายใครก่อน”
ช่างแต่งหน้ารีบเก็บของ สิริสุดาดึงกระดาษทิชชูมาซับหน้าแล้วเดินเชิดหน้าออกไป มัดหมี่รีบเดินตาม
“คุณสิ...เดี๋ยวสิคะ ฉันขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ควรจะพูดจี้แผลใจคุณ”
“ฉันไม่มีแผลใจอะไรให้ใครมาจี้หรอก แต่รำคาญพวกนักข่าว ไม่มีอะไรทำเหรอไงถึงได้ยุ่งแต่กับเรื่องที่มันจบไปแล้ว แต่ถ้ายังอยากฟื้นฝอยอยู่อีก จะให้พ่อไปคุยถึงสถานีเลย”
“โอเคค่ะ ไว้ฉันจะบอกพวกน้องๆข่าวบันเทิงให้เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว แต่ว่า...ถ้าเกิดมีข่าวจากทางฝั่งผู้กองดรัณขึ้นมา เรื่องมันจะไม่จบน่ะสิคะ”
สิริสุดาหันมาสนใจทันที
“ข่าวอะไร”
มัดหมี่ทำหน้าแบบหลุดพูด
“อุ๊บส์...ฉันนี่ไม่น่าพูดขึ้นมาเลย”
“คุณมัดหมี่ !!”
“แหม...อย่าให้ฉันพูดเลยค่ะ ผู้กองดรัณเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนฉันนะคะ”
“คุณป๋าของฉันก็มีเพื่อนสนิทหลายคนที่พอจะช่วยเสนอชื่อให้คุณได้รางวัลผู้ประกาศดีเด่น เอาไปนอนกอดเล่นก็ได้นะ”
“แหม...คุณสิเนี่ย เห็นแก่ผู้หญิงด้วยกันนะคะ มัดหมี่ทนไม่ได้หรอกค่ะที่เห็นผู้ชายเจ้าชู้ เห็นทีไรมันจี๊ดขึ้นทุกทีเลย”
มัดหมี่เอามือถือยื่นให้สิริสุดาดูภาพที่ถ่ายเก็บไว้ สิริสุดาเห็นแล้วอึ้ง เพราะเป็นภาพดรัณกับชิโลใกล้ชิดกันมากๆ
“น้องๆข่าวบันเทิงเขาส่งรูปนี้มาให้ฉันดู แต่ฉันบอกไว้ว่าอย่าเพิ่งเอาไปเล่นข่าว เพราะมันคงจะเซ้นซิทีฟกับคุณมาก”
“นังบ้าชิโล”
“คุณสิรู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอคะ”
สิริสุดาเชิด
“ไม่...ฉันไม่รู้จักนังนั่น แล้วฉันก็ไม่สนใจด้วยว่าผู้กองดรัณจะไปเรี่ยราด หรือลั่นล้ากับใคร เพราะฉันตัดหางปล่อยวัดผู้ชายเลวๆคนนี้ไปแล้ว”
สิริสุดาพูดไปแต่มือกำแน่นจนเล็บแทบจิกก่อนจะสบัดหน้าเดินไป มัดหมี่มองตามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

เอิงเอยตกใจ กับสิ่งที่สิริสุดาเล่า...
“ขนาดพวกนักข่าวเอาหลักฐานมาให้แกดู แกยังเฉยเนี่ยนะยัยสิ”
“ใครว่าฉันเฉย ที่ฉันข้าวปลาไม่กินเพราะฉันเครียดลงกระเพาะอยู่นี่แหละ...เอ่อ...แต่ฉันไม่ได้เครียดเพราะรู้สึกหึงผู้กองนะ ฉันแค่เจ็บใจที่เขาดูถูกผู้หญิงเพอร์เฟคสุดๆอย่างฉัน แล้วหันไปสนใจนังบ้าที่เพ้อเจ้อว่าตัวเองเป็นนางฟ้า”
สิริสุดาพูดไปก็ของขึ้นองค์เข้าหันขวับไปบีบไหล่ตีหน้ายักษ์เอาเรื่องกับเอิงเอย เขย่าอย่างแรง
“แกบอกฉันสิยัยเอย นังบ้านั่นมันมีดีกว่าฉันตรงไหนถึงไปเชื่อมันเป็นตุเป็นตะว่ามันเป็นนางฟ้า”
สิริสุดาเขย่าแรงอีก
“นังนั่นมันต้องเป็นนังแม่มด ส่วนฉันต้องเป็นนางฟ้า เพราะฉันสวยกว่ามัน...แกได้ยินมั้ย...ได้ยินมั้ยยัยเอย”
“โอ๊ย...หยุดเขย่าฉันซะที ฉันไม่ใช่เซียมซีที่เขย่าแล้วจะมีคำตอบให้แก โอ้ย..มึน จะอ้วก”
สิริสุดาหันมาหน้าเหวี่ยงวีนเอาเรื่องไม่เลิก
“คอยดูนะ...ฉันไม่ยอมแน่ คนอย่างสิริสุดา เสียอะไรเสียได้ แต่เสียหน้า...ยอมไม่ได้ !!”

ชิโลนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องพัก เสียงโทรศัพท์ในห้องดัง ชิโลสะดุ้งโหยง อุ้มสมขำ
“เราเพิ่งรู้นะเนี่ยว่านางฟ้าที่ไม่เคยกลัวแม้แต่พวกอสูรอย่างเจ้า จะกลัวเสียงโทรศัพท์”
“อุ้มสม !! เราไม่ได้กลัวเสียงโทรศัพท์ แต่เรากลัวผู้กองดรัณที่โทรมาต่างหาก”
“เจ้ายังไม่ทันรับแล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นผู้กองดรัณ”
“ตั้งแต่ถูกเนรเทศมาอยู่บนโลกมนุษย์ มีใครรู้จักเรากับเจ้ามั่ง แล้วยิ่งเวลาดึกๆดื่นๆแบบนี้ด้วย ไม่พ้นมีอยู่คนเดียว”
“ใช่มั้ยใช่ เดี๋ยวก็รู้”
อุ้มสมเดินไปรับสายให้รู้กันไปแล้วก็ทำตาโต..ทึ่ง
“สวัสดีครับผู้กองดรัณ”
ชิโลหันมาพูดกับชิโลเบาๆ
“เห็นมั้ย เราบอกเจ้าแล้ว”
อุ้มสมพูดกับดรัณ
“พี่ชิโลเหรอครับ”
ชิโลกระซิบ
“บอกเขาไปว่าเราไม่อยู่”
“นี่เจ้าให้เราผิดศีลมุสาอีกแล้วเหรอ”
“เจ้าไม่ได้มุสา บอกเขาไปว่าเราหลับไปแล้ว”
“แต่เจ้ายังไม่ได้หลับ”
“ก็กำลังจะหลับอยู่นี่ไง”
ชิโลรีบล้มตัวลงบนโซฟา แล้วหลับตาปี๋ทำเหมือนคนนอนหลับ
“โห...เล่นแบบนี้เลยเหรอชิโล...เอ่อ...ผู้กองครับคือ...พี่ชิโล หลับไปแล้วครับ อ๋อ...ได้ครับ แล้วผมจะบอกพี่ชิโลให้ว่าผู้กองโทรมาว่าคิดถึง สวัสดีครับ”
อุ้มสมวางสายไป ชิโลหรี่ตาข้างนึงขึ้นมามอง
“นั่น...เจ้ามุสา เจ้าไม่ได้หลับ”
“เราไม่ได้มุสา เมื่อกี้นี้เราหลับ แต่ตอนนี้เราตื่น”
“ชิโล !! เราว่ายิ่งเจ้าอยู่ที่นี่นาน เจ้าชักเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากมนุษย์เข้าไปทุกทีแล้ว”
“พอเถอะ หยุดเทศนาเราซะที เราพยายามตัดปัญหาไม่ให้มันบานปลายมากไปกว่านี้”
“ด้วยการหนีหน้าผู้กองดรัณเนี่ยนะ ไม่ได้ผลหรอก มนุษย์อย่างผู้กองดรัณถือคติตื้อเท่านั้นถึงชนะใจ ลองเคยตื้อคุณสิริสุดาจนยอมใจอ่อนมาแล้วก็ต้องคิดว่าได้ผลกับเจ้า”
“งั้นเราจะทำยังไงดีล่ะ เรามาที่นี่เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้กองดรัณแต่งงานกับคุณสิริสุดา ไม่ใช่มาเป็นตัวปัญหาซะเอง”
“งั้นก็ต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง”
“วิธีอะไรของเจ้า”
อุ้มสมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์...

เช้าวันต่อมา...ชิโลถูกอุ้มสมฉุดกระชากลากจูงมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“ไม่...เราไม่ทำตามแผนของเจ้า ไร้สาระ เพ้อเจ้อ เราไม่ทำ !!“
“ถ้าเจ้าไม่ทำตามแผนของเรา งั้นบอกเรามาสิว่าเจ้าจะทำยังไง”
“เราจะไปบอกผู้กองดรัณว่าให้เลิกคิดกับเราแบบนั้น”
“งั้นก็ไปสิ...ถ้าเจ้าคิดว่าผู้กองดรัณจะยอมตัดใจจากเจ้าได้ง่ายๆ”
ชิโลเชิดหน้าจะออกไปอย่างมั่นใจ แต่อยู่ๆก็ยืนนิ่งหันหน้ามาด้วยสีหน้าจ๋อยๆ
“เจ้าไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ หามนุษย์คนอื่นก็ได้ ทำไมต้องเป็นผู้กองหน้ายักษ์นั่นด้วย”
“เป็นมนุษย์คนอื่นก็ไม่ได้ผล ต้องเป็นผู้กองสการเท่านั้น เพราะสองคนนั่นเป็นเพื่อนสนิทกัน ผู้กองดรัณต้องยอมตัดใจแน่ ถ้าเจ้ากับผู้กองสการคบหาเป็นคนรักกัน”
“แต่เรากับผู้กองหน้ายักษ์นั่น...”
ชิโลพูดไปก็รู้สึกใจเต้นตึกตัก มือขวาจับนิ้วนางซ้ายหมุนไปหมุนมา เพราะคิดถึงในฝันที่เธอตามเชือกสีเขียวไปเจอสการเป็นเนื้อคู่และเสียจูบให้สการ
“ชิโล”
ชิโลสะดุ้ง
“อะไร”
“เราว่าเจ้าแปลกๆนะ หมู่นี้พอพูดถึงผู้กองสการทีไรดูเจ้าชอบเหม่อพิกล”
“ไม่มีอะไรสักหน่อย ถ้าเราไม่มีทางเลือกต้องยอมทำตามที่เจ้าว่า เราก็ต้องขอเวลาทำใจ”
“เจ้าทำใจได้ แต่อย่านาน เพราะเจ้าต้องรีบสลัดผู้กองดรัณให้หลุด ไม่อย่างนั้นเราจะหาทางดึงให้ผู้กองดรัณกับคุณสิริสุดากลับมาคืนดีกันไม่ได้
“รู้น่า”
ชิโลรับปากไปแต่ยังกังวล ระหว่างนั้นนารีเข้ามาพบทั้งคู่พอดี
“หนูชิโล..มาแต่เช้าเลยเหรอจ๊ะ”
อุ้มสมตอบแทน
“ครับคุณป้า พี่ชิโลเขาเป็นห่วงผู้กองกองสการเลยอยากมาเยี่ยมเร็วๆ”
ชิโลพูดเบาๆ
“อุ้มสม...ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าไม่มุสาไง”
“ทีเจ้ายังเจ้าเล่ห์ เป็นศรีธนชัยได้ แล้วทำไมเราจะไม่ได้บ้างล่ะ”
“นี่เจ้า”
“ดีเลยจ้ะ ป้ามีธุระต้องกลับไปคอนโดพอดี จะได้ฝากให้หนูชิโลช่วยดูแลตาแซม”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณป้า พี่ชิโลเขาอยากดูแลผู้กองอยู่แล้ว ใช่มั้ยพี่ชิโล”
ชิโลทำหน้าเข็ดเขี้ยวเจ็บใจใส่อุ้มสมที่ยุยงดีนัก

ในห้องพักผู้ป่วย สการบิดตัวไปมาอยู่บนเตียงคนไข้เพราะอาการปวดปัสสาวะ แต่ติดที่มือข้างนึงเข้าเฝือกอยู่
“อู้ยย..เอาไงดีวะเนี่ย”
ระหว่างนั้นพยาบาลเอาอาหารเข้ามาให้
“อาหารเช้าค่ะผู้กอง”
“ขอบคุณครับ”
พยาบาลมองสงสัย
“ผู้กองปวดปัสสาวะเหรอคะ ให้ดิฉันช่วยได้มั้ยคะ”
สการสะดุ้งโหยง
“อุ้ย...ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมจัดการเองได้ ขอบคุณมากครับ”
พยาบาลยิ้มรับแล้วเดินออกไป สการรีบเดินบิดเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำการปลดทุกข์เบา เมื่อปลดทุกข์ได้ก็ตัวเบา
“โอ้ย....ค่อยยังช่วยหน่อย”
สการกดชักโครกแล้วดึงกางเกงคนไข้ขึ้น แต่ชะงักเพราะมือข้างเดียวจะผูกเชือกได้ยังไง

“เอาแล้วไง...ทำไมชุดคนไข้มันต้องผูกเชือกด้วยวะ”

อุ้มสมดันหลังชิโลมาถึงหน้าประตูหน้าห้องสการ

“ไปสิ...จะโอ้เอ้รออะไรอยู่อีก”
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่แล้ว เจ้าช้าไปนาทีนึง เราก็ต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกนาทีนึงเหมือนกัน หรือว่าเจ้าไม่อยากกลับไปสวรรค์”
“ใครบอก เราอยากกลับไปสวรรค์เต็มแก่แล้ว”
“งั้นก็เข้าไปทำตามแผน เราจะไปรอฟังผลอยู่ที่คอนโด โอเคนะ”
อุ้มสมยัดช่อดอกไม้ใส่มือชิโลแล้วเดินออกไปเลย
“อุ้มสม...เดี๋ยวสิ....โธ่เอ้ย...ชิโลแย่แล้ว”
ชิโลหน้าเสียเอาไงดี มองช่อดอกไม้ในมือแล้วคิดๆๆๆก่อนจะตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน

สการยังยุ่งวุ่นวายอยู่กับเชือกผูกกางเกงด้วยมือข้างเดียวไม่เลิก
“ทำไมถึงได้ยุ่งวุ่นวายแบบนี้เนี่ย..เอาวะ แค่นี้ก็คงอยู่”
สการผูกเชือกกางเกงไปตามมีตามเกิดกะว่าพอได้อยู่ ชิโลเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“ผู้กองหน้ายักษ์..ฉันมาเยี่ยมคุณ”
ชิโลเอาช่อดอกไม้บังหน้า แต่เห็นห้องเงียบเชียบ ชิโลลดดอกไม้ลงแล้วงงๆ
“อ้าว...ไม่อยู่เหรอ”
ชิโลมองหาสการได้ครู่ สการก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ
“อ้าว...ยัย 18 มงกุฎนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ผู้กองหน้ายักษ์ ฉันไม่ใช่ 18 มงกุฎนะ จะต้องให้ฉันตะโกนกรอกหูคุณใช่มั้ยคุณถึงจะเลิกกล่าวหาฉัน”
“ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็น 18 มงกุฎ ใช่สิ...ฉันลืมไปว่าเธอสวมชฎาเป็นนางฟ้า”
“นี่คุณ !!”
“ทำไม จะทำอะไรฉัน อย่าคิดว่าแขนฉันเดี้ยงไปข้างแล้วฉันจะจัดการกับเธอไม่ได้นะ”
“ฉันไม่กลัวคุณหรอก...ต่อให้คุณงัดอาวุธอะไรออกมาเล่นงานฉัน ฉันก็ไม่กลัว”
“เก่งนักนะ งั้นเธอโดนฉันเล่นงานแน่”
สการขยับจะรุกใส่ชิโลแต่ทันใดนั้นเชือกผูกกางเกงก็หลุด กางเกงร่วงมากองกับพื้น ชิโลชะงักมองต่ำที่ปิกกาจู้ของสการแล้วอึ้งตะลึง..ตึงๆๆๆ
“เฮ้ย !! ชิบหายแล้ว”
สการรีบก้มลงดึงกางเกงขึ้นมาก่อนที่จะอุจาดมากไปกว่านี้ ส่วนชิโลนิ่งงันทำตากระพริบปริบๆถี่ๆ
“ยัยชิโล”
ชิโลพูดไม่ออกหน้าเหวอๆเหมือนวิญญาณออกจากร่างเดินเอาช่อดอกไม้ไปใส่แก้วน้ำแทนที่จะปักใส่แจกันแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างลอยๆ...เหวอๆ

ชิโลเดินลอยๆออกมาจากห้องสการ กระพริบตาถี่ๆสติไม่อยู่กับตัวเดินไปชนเตียงคนไข้ ชนรถเข็น ชนประตู ชนกำแพงอย่างไม่รู้ตัว พวกพยาบาลพากันมองชิโลด้วยความแปลกใจ
สการออกมาจากห้องหลังจากหลังจากผูกกางเกงเรียบร้อยแล้ว มองหาแล้วเห็นชิโลยืนตัวแข็งทื่อ เอ๋อๆ คอยเอาหัวโขกกำแพงซ้ำไปซ้ำมา..โป๊กๆๆๆ
“ชิโล !!”
สการเข้าไปจับตัวชิโลด้วยความเป็นห่วง ชิโลหันมามองหน้าสการแล้วตาลอยกระพริบตาปริ๊บๆ
“ชิโล...เป็นอะไร เฮ้ย...ถึงกับต๊องไปเลยเหรอ” สการตบแก้มเรียกสติ “ชิโล...ชิโล !!”
สการตบแก้มซ้ายทีขวาทีจนชิโลสติกลับคืน มองหน้าสการแล้วมองต่ำที่เป้าก่อนจะมองหน้าสการอีกทีก่อนจะร้อง
“อ๊ายยยยย”
ชิโลร้องสุดเสียงแล้วสลบเหมือด สการเข้าไปรับอย่างตกใจ

ชิโลนอนอยู่บนเตียงคนไข้ของสการซะเอง สการพยายามเรียกสติ
“ชิโล...ชิโล”
ชิโลค่อยๆลืมตามองสการเบลอๆ
“ผู้กอง”
“ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะไม่ฟื้นแล้วซะอีก”
ชิโลรู้สึกเต็มที่แล้วนึกขึ้นได้ รีบเด้งพรวดถอยหนีสการทันที
“อย่านะ !! อย่าเข้ามา...น่าเกลียด ทุเรศ บัดสี ต่ำ !!”
“เอ้า...ด่าเป็นชุดเลย มันเป็นอุบัติเหตุฉันไม่ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นซะหน่อย”
“ฉันไม่เชื่อ...คุณบอกจะเล่นงานฉัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นมนุษย์ใจสกปรก ชั่วช้า ลามก คอยดูนะ ลงนรกเมื่อไหร่คุณต้องถูกสั่งให้ปีนต้นงิ้ว ขึ้นๆลงๆชั่วกัปชั่วกัลป์”
“หยุด !! พอซะทียัยติงต๊อง ฉันแค่กางเกงหลุดให้เธอเห็นของสงวน แต่เธอมาแช่งอย่างกับฉันไปปล้ำข่มขืนเธอ เดี๋ยวก็ทำจริงๆซะหรอก”
“อย่านะ !!”
ชิโลถอยหนีแล้วรู้สึกเจ็บหัวขึ้นมา
“อู้ยยยย....เจ็บ นี่...ตอนฉันหมดสติ คุณทำอะไรฉัน แอบเอาถาดมาตีหัวฉันเหรอ”
“โอ้โห...โยนมาแต่ละเรื่องดีๆทั้งนั้น ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอสักอย่าง แต่เธอนั่นแหละ อยู่ๆก็เอ๋อเดินออกไปเอาหัวโขกกำแพงเล่น”
“ฉันเนี่ยนะ”
“ใช่...หึๆๆ ถามจริงๆเถอะ อย่างเธอดูไม่น่าจะใสซื่อบริสุทธิ์ขนาดไม่เคยเห็น...แบบว่า...อะไรที่มันน่ารักๆ”
“หยุดเลย ไม่ต้องพูดถึงอีก จบข่าวแค่นั้นแหละ...อู้ย...เจ็บ”
ชิโลแตะหัวตัวเองที่สงสัยจะโน สการขำท่าทางของเธอที่ดูน่ารักซะไม่มีเลยหันไปหยิบยาหม่องเดินเข้าไปให้
“เอ้า ทายาหม่องซะ หรือจะให้ช่วยทาให้”
“ไม่ต้อง !!”
ชิโลคว้ายาหม่องจากมือสการแล้วไม่ยอมสบตา สการหรี่ตามองชิโลแล้วมองที่ช่อดอกไม้
“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะก็ ทีนี้ตอบฉันมา เธอมาหาฉันทำไม ถึงขนาดลงทุนซื้อดอกไม้มาเยี่ยมแบบนี้ คิดจะมาติดสินบนอะไรฉัน”
ชิโลนิ่งไปครู่
“ฉันจำเป็นต้องมาหาคุณ เพราะเรื่องผู้กองดรัณ”

สการถึงกับตกใจ เมื่อชิโลเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
“ว่าไงนะ ไอ้รัณน่ะเหรอมาสารภาพว่าชอบเธอ”
“ใช่...และฉันก็มองไม่เห็นทางออกที่จะปฏิเสธเขานอกจากต้องพึ่งคุณ”
“ไม่...ฉันไม่เชื่อ”
“ผู้กอง !! ที่คุณไม่ยอมเชื่อ เพราะหึงเหรอ”
“บอกกี่ครั้งแล้วฉันกับไอ้รัณไม่ใช่คู่เกย์ หึ..ฉันรู้แล้ว ไอ้รัณมันแพ้ทางผู้หญิงสวยๆ ตอนนี้มันกำลังอกหักจากว่าที่เจ้าสาว มันก็เลยคิดสั้น หันไปเห็นใครง่ายก็คว้าเอาไว้ก่อน”
ชิโลโกรธ...อึ้ง...
“ผู้กอง...นี่คุณ...ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ กล้าดูถูกผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้”
“ปกติฉันให้เกียรติผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับเธอ ดูแต่ละอย่างที่เธอทำสิ มีเรื่องดีๆสักเรื่องมั้ย อย่านะ...เมื่อไหร่ที่ฉันกระชากหน้ากาก 18 มงกุฎของเธอได้ ฉันเอาเธอเข้าคุกแน่”
ชิโลหงุดหงิดเจ็บใจ
“โธ่เอ้ย...อุ้มสมนะอุ้มสม บอกแล้วว่าไม่ได้ผล ก็ได้ คุณอยากจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ เอาเป็นว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว”
ชิโลจะออกไป แต่สการเข้าไปจับมือเธอรั้งเอาไว้
“เดี๋ยว !!”
“อะไรอีก ถ้าฉันมันทั้งเลวทั้งร้ายกาจ แค่เพื่อนคุณหันมาชอบฉันก็เหมือนเดินเฉียดขุมนรก คุณก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
สการอึ้งไปเพราะแววตาที่ชิโลพลั่งพรูออกมา แสดงถึงความน้อยใจ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าเธอขนาดนั้น”
“นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ ลองถ้าตั้งใจขึ้นมา ฉันคงกลายเป็นพวกนางอสูรนางปีศาจไปแล้ว”
สการไม่รู้จะตอบโต้ยังไง เลยต้องออกแรงดึงชิโลเข้ามาประชิดจนตัวติดกับเขา ชิโลตกใจ
“จะทำอะไรฉัน”
“มือฉันเดี้ยงไปข้างแบบนี้ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก ฉันแค่อยากให้เธอมองตาฉัน เวลาที่เราคุยกัน”
“ทำไมต้องมองด้วย”
“อย่าดื้อได้มั้ย เดี๋ยวจับใส่กุญแจมือเลย สั่งให้มองก็มองสิ...มอง !!”
ชิโลพยายามดิ้นไม่ทำตามสั่ง แต่โดนสการใช้มือบีบแขนบังคับทำให้เธอต้องมองตาเขา หญิงสาวชะงักเมื่อมองเห็นแววตาที่จริงจังของสการ สองคนสบตากันเหมือนมีมนต์สะกด
“ฟังฉันนะชิโล...ฉันไม่ใช่ผู้ชายหวานแหว๋ว ไม่ใช่พวกปากหวาน แต่ฉันเป็นพวกขวานผ่าซาก ที่ไม่ชอบโกหกแม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง เธอสวยฉันก็ชมว่าสวย เธอร้ายฉันก็บอกว่าเธอร้าย แต่ยังไม่มีคำไหนสักคำที่ฉันบอกว่า …ฉันเกลียดเธอ”
ชิโลถึงกับอึ้งไป เพราะแววตาของสการดูจริงใจและตรงกับคำพูดของเขามาก ทำให้เธออดคิดถึงคำพูดของรัศมิพรรณรายที่ได้เคยบอกเอาไว้ไม่ได้...
‘....ตอนนี้มีคนมาช่วยน้องแล้ว’
‘??? ใครเหรอพี่’
‘มนุษย์ที่น้องควรมองให้ลึกในจิตใจเขามากกว่าการกระทำและคำพูด’

สการมองตาชิโลอย่างจริงใจ...
“ชิโล...ชิโล”
“เอ่อ...” ชิโลพูดไม่ออก
“เอาเป็นว่าฉันจะยอมเล่นตามน้ำอย่างที่เธอว่ามา เราจะมาคบกันแบบคนรักกัน เพื่อช่วยให้ไอ้ดรัณมันตัดใจจากเธอแล้วกลับไปคบกับคุณสิริสุดา”
“คุณ..คุณทำได้เหรอผู้กอง”
“ฉันไม่รู้ เพราะฉันยังไม่เคยคบผู้หญิงคนไหน...แบบ...แบบคนรักกันสักที แต่ถ้าเธอทำได้ ฉันก็คงทำได้”
ชิโลนิ่งไป
“ว่าไง...แผนของเธอไม่ใช่เหรอ”
“ฉัน...ฉันทำได้”
“งั้นฉันก็ทำได้”
พูดไปพูดมาสองคนก็มองตากันอีก คราวนี้หัวใจเต้นตึกๆเพราะตัวยังใกล้ชิดกันอยู่ ชิโลเรียกสติตัวเองได้ก็รีบแกะมือสการแล้วถอยห่างออกมา
“เอ่อ...ฉันขอบคุณคุณมาก หมดธุระฉันแล้ว ฉันกลับล่ะ”
ชิโลรีบออกไปจากห้องทันที สการเองก็ได้แต่ยืนงงๆกับตัวเอง


ชิโลเดินมาตามทางเดินด้วยความรู้สึกมึนๆงงๆ ไม่เข้าใจตัวเอง สติไม่อยู่กับตัวเผลอเตะถังขยะล้ม เหยียบเท้าผู้ป่วย จนต้องยกมือไหว้ขอโทษขอโพยตลอดทาง
“ขอโทษค่ะ..ขอโทษ...ชิโลไม่ตั้งใจ ขอโทษค่ะ”
ชิโลเดินมาจนถึงหน้าลิฟต์ก็ยังรู้สึกอยู่เลยว่าหัวใจเต้นแรงและหน้าแดงผ่าวๆ พยาบาลเห็นก็สงสัยเข้ามาเป็นห่วง
“คุณคะ...เป็นอะไรรึเปล่า”
“คุณพยาบาล”
“ไม่สบายรึเปล่าคะ”
“ชิโลไม่รู้ค่ะ...เวลาที่พวกมนุษย์ได้ยินเสียงหัวใจเต้น เขาเรียกว่าไม่สบายรึเปล่าคะ”
พยาบาลชะงักงงๆ

สการนั่งที่เตียงแล้วหันไปมองดอกไม้ที่ชิโลซื้อมาฝาก สการเองก็รู้สึกไม่ต่างจากชิโลแต่เป็นคนแข็งกว่า
“เว้ย...ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนั้นออกไปได้ ใครรู้เข้าอายตายชักเลย”

สการบ่นไปแต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้

มณีแดนสรวง ตอนที่ 11 (ต่อ)

ที่สำนักงานตำรวจฯ...ดรัณนั่งเครียดจริงจังอยู่หน้าจอคอม คิ้วขมวดคลิ๊กนั่นโน่นนี่จนตรีชฎาที่เลิกงานแล้วเดินผ่านมาเห็น

“ยังไม่เสร็จงานอีกเหรอคะผู้กอง...ดิฉันจะไปเยี่ยมผู้กองสการ ผู้กองจะไปด้วยมั้ยคะ”
ดรัณยังหน้าเครียดอยู่หน้าคอม
“ท่าทางงานจะยุ่งมากนะเนี่ย มีปัญหาอะไรพอให้ดิฉันช่วย ก็บอกได้นะคะผู้กอง”
ตรีชฎาเข้าไปที่หน้าจอคอมแล้วถึงกับอึ้ง
“ผู้กองคะ !! นี่ผู้กองกำลังไรท์แผ่นเพลงอยู่นี่ ดิฉันก็นึกว่าผู้กองกำลังยุ่งเรื่องงาน”
“ผมไม่ได้บอกคุณสักคำว่าผมยุ่งงาน”
“แต่ดิฉันเห็นผู้กองหน้าเครียด ใครจะไปรู้ว่าผู้กองกำลังทำผิดกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ ดูสิโหลดมาไร้ท์ไว้ตั้งหลายแผ่น”
“เฮ้ย ผมเปล่านะ ทุกเพลงผมเสียตังค์โหลดมาอย่างถูกกฎหมาย คนรุ่นใหม่อย่างผมไม่มี ทางสนับสนุนของก๊อบของผีเด็ดขาด”
ตรีชฎาหยิบแผ่น CD ที่ไรท์เสร็จแล้วขึ้นมาอ่านหน้าปก
“เพลงรักยามฝนพรำ...เปิดฟังเวลาเหงา...เพลงหวานของความคำนึงไว้คิดถึง ผมคนเดียว อ๊ะๆๆ ที่แท้ก็ไร้ท์เพลงให้สาว กุ๊กกิ๊กจังเลยนะคะผู้กอง”
“พอเลย ผมไม่ได้อนุญาตให้คุณยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม”
“แหม..ดิฉันเพิ่งรู้ว่าผู้กองกำลังอินเลิฟ ใครเหรอคะ ดิฉันไม่เห็นได้ข่าวเลยว่าผู้กองมี target ใหม่ เอ๊ะ...หรือว่าจะเอาไปง้อ target เดิม”
“คุณตรีชฎา !! คนอย่างผมเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง”
พูดไม่ทันขาดคำโทรศัพท์ที่โต๊ะของดรัณดังพอดี เขารับสาย
“ครับ...ผมผู้กองดรัณ...สิ !! มีอะไรเหรอ”
สิริสุดายืนร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างรถที่จอดข้างทางที่พื้นหน้ารถ มีรอยเลือดเป็นทางยาวอย่างน่าตกใจ
“รัณคะ..ช่วยสิด้วย...ฮือๆๆๆ”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะสิ คุณร้องไห้ทำไม”
“สิ...สิ...ขับรถชนคนตายค่ะ รัณช่วยสิด้วยนะ...ฮือๆๆๆ”
ดรัณถึงกับตกใจ
“ว่าไงนะสิ..ได้ๆๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ คุณไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องร้องไห้ ตั้งสติไว้แล้วก็ อยู่แต่ในรถ ผมเหยียบมิดคันเร่งแป๊บเดียวก็ถึงคุณแล้ว”
ตรีชฎาถามทันทีที่ดรัณวางสาย
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณสิริสุดาเหรอคะผู้กอง”
“สิขับรถไปประสบอุบัติเหตุ ผมต้องรีบไปช่วยเธอ”
ดรัณรีบร้อนออกไปโดยทิ้งแผ่น CD เพลงที่ไรท์เอาไว้ ตรีชฎากอดอกมองตาม
“คนอย่างผมเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง...แหม ผู้กองคะ เข้าเกียร์ถอยหลังล้อฟรีเลย”

ดรัณขับรถมาอย่างเร็ว จอดเอี๊ยดอย่างแรง แล้วรีบลงจากรถไปหาสิริสุดาที่ยืนร้องห่มร้องไห้ อยู่ใกล้ๆกับรถตัวเองที่จอดอยู่ข้างทาง
“สิ !!”
“รัณคะ...ฮือๆๆๆ ช่วยสิด้วย”
“ใจเย็นๆนะสิ...ค่อยๆเล่าให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
สิริสุดาสะอื้น
“สิ...สิกำลังขับรถกลับบ้านค่ะ แต่ระหว่างทางสิได้ยินเพลงที่สถานีวิทยุเปิด”
“เพลง ?”
“ค่ะรัณ...เพลงนั้นมันทำให้สิใจลอยและเจ็บปวดทรมาน”
สิริสุดาพูดไปก็น้ำตาคลอ ดรัณมองอย่างสงสัย

เหตุการณ์ที่ผ่านมา...สิริสุดาน้ำตาคลอไปกับเพลง “เกิดมาแค่รักกัน - โรส ศิรินทิพย์” จนเผลอร้องคลอตามโดยเฉพาะ ท่อนฮุกที่กินใจ
“รัก…แม้รักยังไงก็รัก ได้เพียงหัวใจ สุดท้ายต้องยอมปล่อยเธอไปกับเขา…..จากนี้ เธอก็คงไปดี ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย เธอจงเดินไปตามความฝันของเธอ ที่เธอตั้งใจแม้ฉันต้องเสียใจ แต่ฉันจะรับไว้เอง”
สิริสุดาร้องไห้ไปก็สะอื้นไห้ไป แต่พอร้องจบแสงไฟก็สาดเข้าหน้ารถ เธอก็ตื่นตระหนกตกใจร้องเสียงลั่นรถ
“อ๊ายยยย”

สิริสุดาร้องไห้สะอื้นซบที่แผ่นอกดรัณฟูมฟายเล่าเหตุการณ์
“อยู่ๆก็มีรถวิ่งตัดหน้า สิไม่ทันระวังก็เลยหักหลบออกข้างทาง แล้ว...แล้วสิก็ชน...ชน”
“คุณชนอะไร”
“สิไม่รู้ ลงจากรถมาอีกทีสิก็เห็นเลือดเต็มพื้นแล้ว ฮือๆๆๆ รัณคะสิกลัว สิชนคนตาย”
ดรัณโอบปลอบทันที
“ไม่ต้องกลัวนะ...ผมอยู่กับคุณแล้ว ผมจะดูให้เอง อย่าเพิ่งเสียขวัญไป”
ดรัณให้ความมั่นใจกับสิริสุดา แล้วเดินไปดูที่หน้ารถซึ่งมีรอยเลือดเป็นทางยาวหายเข้าไปที่พงหญ้าข้างทาง สิริสุดาชะเง้อมองตามดรัณที่หายไปในพงหญ้า
“รัณคะ....รัณ”
ดรัณเงียบหายไปครู่ก่อนจะเดินออกมามีเลือดเปรอะที่มือ
“ไม่...ไม่จริงใช่มั้ยคะรัณ สิชนคนตาย สิต้องติดคุก ฮือๆๆๆ”
“เดี๋ยวสิ...มันไม่ใช่”
“ไม่ค่ะ..สิไม่อยากติดคุก แค่คิดว่าสิจะไม่ได้เจอหน้าคุณอีก..สิก็...ก็...”
สิริสุดาพูดไม่ทันขาดคำก็ทรุดฮวบหมดสติ ดรัณต้องปรี่เข้าไปประครองเอาไว้
“สิ...สิ...สิ...”
ดรัณประครองสิริสุดาเอาไว้ โดยหารู้ไม่ว่าสิริสุดาแอบหรี่ตาขึ้นมาแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ดรัณรีบอุ้มสิริสุดาพาเข้าไปในรถตัวเองแล้วขับออกไปทันที เอิงเอยค่อยๆโผล่หัวออกมาจากที่ซ่อนแล้วมองตาม
“ฉันล่ะเชื่อเลยยัยสิ...แกนี่มันตัวแม่จริงๆ”

ความจริงที่ผ่านมา...เอิงเอยตกใจเมื่อได้ฟังแผนการของสิริสุดา...
“ว่าไงนะ...แกจะให้ฉันไปหาซากหมาตายเพื่อจะหลอกให้ผู้กองดรัณมาช่วยแก”
“ใช่...ฉันให้เวลาแกแค่ 3 ชั่วโมง แกต้องจัดการจัดฉากให้เรียบร้อย ส่วนฉันจะไปเขียนบทรอเอาไว้”
“เดี๋ยวๆๆ ฉันมึนจริงๆว่ะแก ก็ผู้กองดรัณทำให้แกเสียหน้า เลิกกับแกแล้วแต่กลับไป คว้านังบ้ามาเป็นแฟน แทนที่แกจะตัดหางปล่อยวัด แต่กลับไปอ่อยเหยื่อขอให้เขา กลับมาคืนดีกับแกอีกเนี่ยนะ”
“แกไม่ต้องมึนหรอก แผนนี่เขาเรียกว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เรื่องอะไรฉันต้องไป ทำตัวเป็นนางมารร้ายอาละวาดให้เสียลุค นังบ้านั่นมันมาทำลายงานแต่งของฉัน แล้วอ้างสารพัดว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายมันกับดรัณก็เล่นละครตบตาฉัน”
สิริสุดาเจ็บใจมากหันมาตบโต๊ะเสียงดัง...ปัง !! เอิงเอยสะดุ้งโหยง
“วิมานของพวกมันจะต้องพังทลาย เพราะฉันจะทำให้ดรัณรักฉันมากกว่าเดิม เหมือนโดนขังด้วยคำว่ารัก แล้วเขาจะต้องเจ็บปวดเมื่อฉันเป็นฝ่ายสลัดเขาทิ้งจนเขา ไม่เหลือใครอีก”
“อืมม์ เป็นแผนการที่เลือดเย็นมาก แต่ฉันเป็นห่วงแก”
“ห่วงอะไรฉัน”
“ก็ห่วงว่าแกจะไปเขี่ยถ่านไฟเก่า แล้วเผลอปล่อยให้ไฟลามจนไหม้ตัวเองดับไม่ได้น่ะสิ”
สิริสุดาชะงักไปครู่
“ยัยเอย...ตบปากแกเดี๋ยวนี้เลย คนอย่างฉัน เดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง”
สิริสุดาทำหน้ามั่นใจในสิ่งที่พูด แต่รีบเดินออกไปไม่อยากต่อความยาวกับเอิงเอยอีก
“ให้มันแน่เถอะ ฉันล่ะกลัวแกเข้าเกียร์ถอยหลังแล้วล้อฟรีจริงๆ”

วันใหม่...สการเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแล้วแต่ที่แขนยังเข้าเฝือกอ่อนอยู่ ส่วนมืออีกข้างก็วุ่น อยู่กับกดโทรหาดรัณ ชิโลอยากรู้อยากเห็นอยู่ใกล้ๆ
“ว่าไงคะคุณผู้กองหน้ายักษ์ ตกลงติดต่อเพื่อนคุณได้รึยัง”
“ยัง”
“นี่คุณเป็นสนิทกันยังไง ถึงไม่รู้ว่าเพื่อนคุณหายไปไหน ติดต่อไม่ได้ทั้งคืน”
“ยัย 18 มงกุฎ ไอ้รัณมันไม่ใช่เมียฉัน ที่จะต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวของมัน”
“เหรอ...ก็นึกว่าใช่”
“ชิโล !!”
สการชี้หน้าจะเอาเรื่อง
“อย่านะ...ถ้าคุณไม่เลิกเรียกฉันเป็น 18 มงกุฎ ฉันก็ไม่เลิกล้อคุณ”
“ได้...งั้นเธอก็ต้องเลิกเรียกฉันว่าผู้กองหน้ายักษ์ซะที”
“ทำไม...นั่นมันความจริง ฉันพูดความจริงแล้วผิดตรงไหน หน้าคุณดีแต่บึ้งแล้วก็ดุ คอยแต่แยกเขี้ยวใส่คนอื่นอยู่ตลอดเวลา”
สการโกรธ
“ฉันไม่เคยแยกเขี้ยวใส่ใคร”
ชิโลชี้หน้าทันที
“นั่นไงๆๆ หน้าแบบนี้แหละที่ฉันพูดถึง แยกเขี้ยวเห็นๆเลย”
สการชะงักเอามือปิดปากตัวเอง แล้วคิ้วขมวด
“นี่ก็ด้วย คิ้วผูกโบว์ชนกัน ดูแล้วอารมณ์ไม่แจ่มใส เหมือนยักษ์จริงๆ”
สการเอามือจับคิ้วแล้วตกใจ เพราะคิ้วย่นหน้าเครียดจริงๆอย่างที่ชิโลว่า
“หน้าคุณเป็นแบบนี้ ใครจะอยากเข้าใกล้ เป็นตำรวจไม่เห็นจำเป็นต้องปั้นหน้าเครียด ให้ดูดุตลอดเวลา หัดไปยืนสี่แยกแล้วดูจ่าเฉยเป็นตัวอย่างมั่ง”
“นี่เธอเอาฉันไปเปรียบเทียบกับจ่าเฉยเหรอ”
“ก็ลองยิ้มดูหน่อยมันจะเสียหายสักเท่าไหร่ ฉันช่วยได้นะแค่ยิ้มหวานๆทำไม่ยากหรอก”
ชิโลเข้าไปใกล้ๆสการ แล้วเอาสองมือหยิกแก้มสการฉีกออกข้างๆให้ดูเหมือนยิ้ม แต่สการเจ็บ
“โอ๊ย !! นี่หาเรื่องแกล้งฉันนี่”
“ฉันเปล่านะ ฉันต้องบริหารกล้ามเนื้อแก้มคุณก่อน คุณไม่เคยยิ้มเลยกล้ามเนื้อมันคงชา แล้วก็ตายด้าน”
“นี่เธอ...ทั้งหลอกด่า ทั้งหลอกแกล้ง เรื่องอะไรฉันจะยอม”
สการเอามือข้างเดียวที่ถนัดหยิกแก้มชิโลคืนทันที ชิโลร้องเจ็บเลยหยิกแก้มสการแรงขึ้น สการก็โต้ตอบแรงขึ้น เหมือนกัน หยิกกันไปหยิกกันมาทั้งคู่ชะงักเมื่อใบหน้าเข้ามาใกล้กันจนจมูกแทบจะชนกัน..สบตาปิ๊งๆ
ชิโลใจเต้นตึกๆ สการเองก็ใจเต้นเหมือนกันจนเผลอยื่นหน้าเข้าหากันเหมือนมีแรงดึงดูด ทันใดนั้น...
“ผู้กองคะ...มัดหมี่มาแล้วค่ะ”
มัดหมี่เปิดประตูโพล่งเข้ามา แล้วอึ้งไปเมื่อเห็นสการกับชิโลหยิกแก้มหน้าประชิดกัน สการกับชิโลรีบแยกจากกัน
“ผู้กอง !! นี่…ผู้กองกับ…กับ…”
สการตกใจ...
“เอ่อ…คือ…คือว่า...”
ชิโลควงแขนสการทันที
“บอกคุณมัดหมี่เขาไปสิคะผู้กองว่าเราสองคนกำลังหยอกล้อกันอยู่”
สการอึ้ง
“ชิโล”
ชิโลกระซิบเบา
“จะทำให้ผู้กองดรัณเชื่อได้ว่าเราเป็นแฟนกัน ก็ต้องทำให้คนอื่นเชื่อด้วย ไว้เสร็จธุระแล้วคุณค่อยไปตามง้อแฟนคุณแล้วกัน”
สการพูดเบาๆ
“มัดหมี่ไม่ใช่แฟนฉัน…ฉันยังโสด...”
ชิโลชะงักไป เมื่อสการยืนยันสีหน้าจริงจังว่ามัดหมี่ไม่ใช่แฟน มัดหมี่ไม่พอใจ
“ผู้กอง…ผู้กองคะ !! ไม่จริงใช่มั้ยคะ…มันไม่ใช่อย่างที่มัดหมี่เห็น ผู้กองไม่มีทางใฝ่ต่ำ กับผู้หญิงแบบนี้”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณนักข่าว กล้าดียังไงมาว่าเราต่ำ เรากับเจ้ามันคนละฉันห่างกันเยอะ ผู้กองคะ…กลับกันเถอะค่ะ อยู่โรงพยาบาลยังไงก็ไม่สบายเหมือนอยู่บ้าน ชิโลจะ กลับไป...” ชิโลแกล้งยั่วเล่นปูไต่ตามตัวสการสุดฤทธิ์ “ดูแลผู้กองให้สบายแบบ…จี๊ดถึงใจ เลยค่ะ”
ชิโลแกล้งทำจริตควงพาสการออกจากห้องไป ต่อหน้าต่อตามัดหมี่ที่อึ้งเหวอสุดฤทธิ์
“นัง…นังบ้า…เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ !!”

ชิโลควงแขนสการเดินออกมา สการเหล่มองชิโลแล้วอดยิ้มไม่ได้
“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอก็เก่งเหมือนกัน”
“เก่งอะไร”
“เอ้า..ก็ไอ้ท่าทางยั่วยวนกวนอารมณ์คุณมัดหมี่แล้วยังยั่วอารมณ์ให้ฉันขนลุกซู่อีก กลับไปจะมอบโล่ห์ให้เลย”
ชิโลหยิกแขนทันที
“นี่แน่ะ”
“โอ๊ย...เจ็บนะ”
“ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะผู้กอง ฉันจำเป็นต้องทำเพราะมันคือภารกิจ”
“งั้นฉันจะบอกให้ว่าที่เธอทำไปมันยังไม่พอให้มัดหมี่เชื่อหรอก”
“อะไรนะ”
สการยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันรู้จักคุณมัดหมี่ดี ถ้าจะให้เชื่อว่าฉันรักผู้หญิงแบบเธอได้” สการขยับเข้าใกล้ ชิโล “มันต้องมีมากกว่าเมื่อกี้เยอะ”
ชิโลชักใจไม่ดีพยายามถอยหนี แต่สการก็ขยับรุกจนชิโลถอยไปชิดติดผนัง
“ผะ...ผะ..ผู้กอง...คุณ...คุณจะ...จะทำอะไร”
“เธอต้องเชื่อฉัน...นับถึงสามเมื่อไหร่ มัดหมี่ต้องตามออกมาราวีเธอแน่ เธอต้องอยู่เฉยๆ หลับตาอย่างเดียว แล้วฉันจะจัดการเอง”
“ไม่...ฉันไม่ทำตาม”
“หนึ่ง”
ชิโลลังเล
“สอง”
ชิโลได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของมัดหมี่ดังมาแต่ไกล เสียงดังปึงปังมาก
“นังบ้า..แกไม่มีสิทธิ์แย่งผู้กองของฉัน ฉันไม่เชื่อ...ฉันไม่เชื่อ !!”
“สาม !!”
ทันทีที่สการนับสามจบ ชิโลตกใจหลับตาปี๋ สการยื่นหน้าไปจูบเธอทันที..จ๊วบบบบบ ชิโลอึ้งตัวเกร็งแข็งทื่อ ตาตั้งไม่ทันตั้งตัว มัดหมี่ตามออกมาแล้วอึ้งไปเมื่อเห็นฉากเลิฟซีนของสการกับชิโล
“ไม่..ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
สการจูบชิโลอย่างจริงจังและเนิ่นนานจนชิโลถึงกับเผลอตัวเคลิ้มมือตกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในฝัน มัดหมี่ยืนตัว เกร็งจิกเล็บจนเข้าเนื้อ
“มัน…มันจี๊ดดดดด”
มัดหมี่ปรี๊ดขึ้นจนสลบ พยาบาลเข้ามาเห็นพากันตกใจ
“คุณคะ…คุณ…คุณคะ”
พยาบาลเข้ามาช่วยกันดูอาการมัดหมี่กันใหญ่ ส่วนสการก็ค่อยๆถอนริมฝีปากจากชิโลที่ยังตะลึงตึงๆ
“ถึงกับวิญญาณหลุดออกจากร่างเลยเหรอ…ชิโล…ชิโล”
สการทั้งตบหน้าเบาๆ ทั้งดีดนิ้วเรียกสติ แต่ชิโลก็ยังมีอาการเหวอตาลอยไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

ดรัณนอนอยู่บนเตียงอารมณ์เคลิ้มสบายตัว...
“สิ…สิจ๊ะ…สิจ๋า...สิที่รัก”
ดรัณหันมาข้างๆแล้วกอดหมอนก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียว
“สิ...คุณอยู่ไหน เฮ้ย...หรือว่าเมื่อคืน...เรา...เราฝันไป”
ดรัณหน้านิ่งสงสัยก่อนจะรีบเปิดผ้าห่มดูสภาพตัวเองซึ่งโป๊เปลือย อยู่ในผ้าห่มแล้วหันไปที่เก้าอี้ในห้อง เสื้อฉัน ในของสิริสุดายังพาดอยู่ที่พนักเก้าอี้ ดรัณรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวแล้วหยิบเสื้อฉันในมาดู
“สีนี้ แบบนี้ เบอร์นี้ กลิ่นนี้...ใช่แล้ว เมื่อคืนเราไม่ได้ฝันไป กล้วยทอด นี่เรากลับคุณสิ”
ดรัณทำเป็นตกใจแต่แอบฉีกยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้แล้วก็เต้นโยกเอว คลึงเอว
“เยส !! ในที่สุดก็...กลับมาเถอะวันวาน...ฮา..ฮ้า...ฮา วันหวานยังหวานอยู่ ฮู..ฮู้..ฮู”

ที่ห้องโถง...สิริสุดาคุยโทรศัพท์กับเอิงเอย...
“แกไม่ต้องถามเซ้าซี้หรอกน่า ใช่..เมื่อคืนนี้ฉันค้างกับดรัณเขา”
เอิงเอยตกใจเมื่อได้ฟังอย่างนั้น
“ว่าไงนะ...ฉันว่าแล้วเชียว น้ำกับน้ำมันอยู่ใกล้กันมีเหรอจะไม่ลุกเป็นไฟ”
“ยัยเอิง...ฉันค้างกับดรัณเขาก็จริง แต่ฉันไม่ได้ยอมมีอะไรกับเขานะ”
“แกไม่ต้องมาทำขึ้นเสียง ฉันไม่เชื่อแกหรอก ฉันเห็นแววตาที่แกมองเขาแล้ว ฉันรู้นะว่า แกยังตัดใจจากเขาไม่ได้”
สิริสุดาชะงักไปเมื่อเจอเพื่อนรักยิงประเด็นมาตรงๆแบบนั้น

ดรัณสวมเสื้อคลุมตัวยาวเดินลงบันไดอารมณ์ดีสุดๆมาตามสิริสุดา
“สิจ๊ะ...คุณอยู่ไหน...สิที่รัก...จะเล่นซ่อนแอบเหรอ..สิจ๋า”
ดรัณเดินตามหาอยู่ครู่ก่อนจะเห็นสิริสุดายืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ฉันตัดใจจากเขาได้แล้ว แล้วเมื่อคืนฉันก็ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ สาบานให้ฉันอดได้ กระเป๋าแอร์แมสที่ฉันจองไว้เลยก็ได้”
ดรัณได้ยินไปก็ถึงกับชะงัก
“ฉันพูดจริงๆนะยัยเอิง ฉันแค่ต้องทำให้เขาเชื่อว่าฉันอยากกลับมาคืนดีกับเขา เขาจะได้ กลับมาหลงฉันรักฉัน ฉันก็เลยต้องยอมเปลืองตัวยั่วเขานิดๆหน่อย..ก็แค่นั้น”
ดรัณเหวอหน้าเสีย
“คุณ....คุณสิ”

เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา...ดรัณถูกสิริสุดาผลักลงบนเตียง สิริสุดากัดนิ้วยั่วก่อนจะค่อยๆปลดไหล่เสื้อข้างหนึ่งเผยให้เห็นหัวไหล่ขาว เนียนกลมกลึง ดรัณกลืนน้ำลายเอื๊อกก่อนจะกลั้นใจรีบลุกขึ้นไปดึงแขนเสื้อขึ้น
“ทำไมคะรัณ คุณยังโกรธสิอยู่อีกเหรอ”
“เปล่าสิ”
“ปากคุณบอกว่าเปล่า แต่คุณกลับทำท่ารังเกียจสิ”
“ไม่นะสิ...ผมไม่เคยคิดไม่ดีกับคุณ เพียงแต่...ที่ผ่านมาผมพยายามขอให้คุณเข้าใจผม แต่คุณก็ไม่เคยฟังเลย แล้วอยู่ๆ...วันนี้คุณก็...กลับมา”
“นี่คุณหาว่าที่สิกลับมาหาคุณเพราะสิคิดไม่ซื่อกับคุณเหรอ...สิเสียใจ...สิเสียใจ”
สิริสุดาน้ำตาเอ่อแล้วจะออกไป แต่ดรัณรีบตามไปขวาง
“เดี๋ยวก่อนสิ..ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมแค่กังวลว่า...ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ มันจะไม่ใช่ความจริง มันจะเป็นแค่ความฝัน”
“โธ่...รัณคะ...ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ความจริง” สิริสุดาจับมือดรัณมาแนบอก
“ได้ยินเสียงหัวใจของสิ มั้ยคะ...มันกำลังบอกคุณว่าอะไร...คุณได้ยินมั้ย”
“งั้น..ขอผมฟัง...ฟังแบบใกล้ๆได้มั้ย”
สิริสุดายิ้มรับแล้วจับหัวดรัณมาแนบอกทันที...ป๊าบ !! ดรัณอึ้งที่หน้าซบตรงเนินอกสิริสุดาพอดี
“ได้..ได้ยินแล้วครับ เต็มสองตา..เอ้ย เต็มสองหูเลย”
ดรัณมัวแต่หน้าซุกอยู่ที่หน้าอก สิริสุดาเลยได้โอกาสปั้นหน้าโกรธแทบอยากฆ่าดรัณ แต่ก็ยังแกล้งทำเสียงหวาน
“ได้ยินว่าอะไรคะ”
“ได้ยินว่า...คุณยกโทษให้ผมแล้วเราก็จะกลับมาคืนดีกันครับ”
“ใช่แล้วค่ะรัณ...สิอยู่คนเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
ดรัณหายใจฟืดฟาดจับสิริสุดากดลงบนเตียงทันที
งั้นเรากลับมาหวานเหมือนเดิมเลยนะสิ
“เดี๋ยวสิคะรัณ...ใจเย็นๆ สิอยากฉลองกันก่อน สิเตรียมไวน์เอาไว้ เรามาชนแก้วกัน ก่อนนะคะ”
“ได้เลยสิ”
ดรัณยิ้มหวานแต่สิริสุดาแอบยิ้มร้าย

ดรัณที่นึกขึ้นได้...เจ็บปวดระคนเจ็บใจ ยิ่งได้ยินสิริสุดาตอกย้ำกับโทรศัพท์
“ฉันใส่ยานอนหลับในไวน์ให้เขากิน แค่นับหนึ่งถึงสิบเขาก็หมดสติ สะกิดยังไง ก็ไม่รู้สึก แค่นี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของฉันแล้ว จากนี้ไปเขาจะโดนฉันปั่นหัวให้เหมือนปั่น ลูกข่าง พอเขารู้สึกขาดฉันไม่ได้ ฉันก็จะเฉดหัวเขาให้เหมือนไล่หมาขี้เรื้อนตัวนึง”
ดรัณได้ฟังเข้าก็ถึงกับน้ำตาเอ่อ กำหมัดแน่นจะเดินเข้าไปต่อว่าสิริสุดาแต่กลับชะงักเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋า เสื้อคลุมสั่น ดรัณหยิบมาดูเห็นเป็นเบอร์ของสการ รีบเดินไปอีกด้าน กดรับสาย
“ไอ้รัณ...นี่แกหายไปไหนมาทั้งคืน ฉันติดต่อแกไม่ได้เลย”
“ฉัน...ฉัน...อยู่บ้าน”
“อยู่กับใครวะแกถึงต้องปิดมือถือไม่รับสายฉัน”
“เปล่า...ไม่ได้อยู่กับใคร อยู่คนเดียว”
สการสงสัย
“ฉันรู้จักนิสัยแก ไม่ต้องมาโกหก”
“แกมีอะไรก็ว่ามา ตอนนี้ฉันไม่ว่าง”
“ฉันอยากให้แกแวะมาหาฉันที่บ้านหน่อย”
“ได้...ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ดรันกดตัดสายทันที
“อ้าว...ไอ้รัณ...ไอ้รัณ...เป็นอะไรของมันวะ แปลกเว้ย ปกติมันต้องถามแล้วนี่หว่าว่า ให้มาทำไม”
สการสงสัย

สิริสุดากลับเข้ามาที่ห้องนอนของดรัณ พร้อมกับถาดอาหารเช้าแบบฝรั่งๆ
“รัณคะ...ที่รัก..สิเอาเบรคฟาสต์มาให้ค่ะ”
สิริสุดาเห็นห้องเงียบเชียบ วางถาดอาหารบนโต๊ะแล้วเห็นกระดาษโน้ตเขียนทิ้งไว้
‘สิจ๊ะ...ผมต้องขอโทษด้วย ผมมีธุระด่วนต้องรีบไป เมื่อคืนคุณทำให้ผมมีความสุขมาก สุขจนผมต้องจำเอาไว้ให้มัน...ฝังใจ !! รักนะจ๊ะคนดี’
“เชอะ...ทำมาเป็นปากหวาน ผู้ชายอย่างคุณต้องได้รับการแก้แค้นจากฉันอย่างถึงลูก ถึงคน ถึงพริกถึงขิง !!”
สิริสุดาอาฆาตแค้นแรงก่อนจะหยิบซ้อมขึ้นมากระหน่ำจิ้มไส้กรอกในจาน…จิ้มๆๆๆๆๆจนไส้กรอกเละคาจาน

มณีแดนสรวง ตอนที่ 12

ชิโลนั่งตาลอยตัวแข็งไร้วิญญาณมากๆอยู่ในห้อง อุ้มสมพยายามเขย่าตัวเรียกสติ

“ชิโล..ชิโล นี่เจ้าไม่ได้ยินเราเลยเหรอ...ชิโล”
สการเดินเข้ามาดู
“อุ้มสม...พี่สาวเรายังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ”
“ยังเลยครับ”
สการชักเริ่มแปลกใจ
“ปกติพี่สาวเราเคยมีอาการแปลกๆแบบนี้รึเปล่า”
“ไม่เคยครับ”
“งั้นเกิดอะไรขึ้น”
“นั่นน่ะสิ แม่ก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูชิโล”
“แม่”
นารีเดินหน้าตึงเข้ามา
“แกไปทำอะไรหนูชิโล ถึงได้กลับมาสภาพแบบนี้”
“แขนผมเดี้ยงใส่เฝือกอยู่แบบนี้ แล้วผมจะไปทำอะไรเขาได้ครับแม่”
นารีไม่เชื่อลูกชาย หรี่ตามองอย่างสงสัยก่อนจะเงื้อไม้เรียวที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลังขึ้นมาแล้วฟาด..ผั๊วะ !! ลงที่แขน อีกข้างของสการ
“ยังมาโกหกแม่อีกเหรอตาแซม”
“โอ๊ย...แม่...ทำอะไรเนี่ย เล่นไม้เรียวเลยเหรอ”
“ฉันเคยเป็นครู ไม้เรียวนี่แหละของถนัดฉัน ถ้าแกยังไม่พูดความจริงมา ฉันจะฟาดก้น แกให้ลายด้วย”
“แต่ผมเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลนะแม่”
“หมอปล่อยให้ออกมาได้ก็แสดงว่าหายแล้ว บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ไปทำอะไรหนูชิโลเขา”
“ผมเปล่า”
นารีก็ยังไม่เชื่อ ใช้ไม้เรียวเข้าไปไล่ตีจนสการวิ่งถอยหนีแทบไม่ทัน
“โอ๊ย...ผมเจ็บนะแม่...บอกแล้วๆ...ผมบอกแล้วก็ได้ ผมจูบชิโล !!”
นารีกับอุ้มสมได้ยินเข้าก็พากันอึ้ง ส่วนสการ เจ็บแสบ คันยิกๆ
“ตาแซม...นี่แก”
สการหันมาที่แม่อีกที คราวนี้ถึงกับผงะเพราะเห็นท่าทางของแม่ที่โกรธจัดมาก
“ซะ...ซวยแล้ว”
สการกลืนน้ำลายเสียงดังเอี๊อก

สการวิ่งหนีเข้ามาในห้อง นารีไล่กวดมาติดๆพร้อมไม้เรียวที่กระหน่ำฟาดไม่ยั้ง
“อย่าหนีฉันนะ...ไอ้ตัวดีมาให้ฉันตีแกเดี๋ยวนี้”
“ฟังผมก่อนสิแม่ ผมมีเหตุผลนะ”
“แกไม่ต้องอ้างเหตุผลอะไรกับฉันทั้งนั้น ฉันไม่เคยสอนให้ลูกชายฉันเอาเปรียบผู้หญิง เห็นผู้หญิงเป็นแค่วัตถุทางเพศ”
“โอ้ย...ไปกันใหญ่แล้วแม่ กับชิโลผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“ไม่เคยคิดแล้วแกไปจูบเขาทำไม อย่าบอกนะว่าลื่นล้มแล้วปากไปชนกัน”
“ไม่ใช่หรอกแม่ นั่นมันมีแต่ในละคร ลื่นล้มปากชนกันปากก็แตกไปแล้วสิ”
“งั้นแกก็จงใจจูบหนูชิโล”
“ครับแม่”
นารีอึ้ง
“ไอ้แซม !!”
สการตกใจ
“เย้ยยย ไม่ใช่…ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ผมยอมรับว่าจูบชิโลจริงๆ เพราะผมมีเหตุผล แม่ฟังผมอธิบายนิดนึง แล้วแม่จะเข้าใจ”
นารีสงสัย
“ได้..ฉันจะฟังแก..แต่ถ้าเหตุผลแกฟังไม่ขึ้น แกกับฉันได้ตัดแม่ตัดลูกแน่”
สการโล่งอก
“งั้นแม่ฟังผมนะ คือมันอย่างนี้...”
สการยังไม่ทันจะเล่า ดรัณก็เข้ามาพอดี
“มีเรื่องอะไรกันเหรอครับคุณป้า”
“ไอ้รัณ..โธ่เว้ย ดันทะลึ่งมาทำไมตอนนี้วะ”
“ไอ้แซมมันไปก่อเรื่องอะไรมาเหรอครับ คุณป้าถึงต้องเตรียมไม้เรียวไว้เล่นมัน”
“มันทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไปจูบหนูชิโลจนช็อคไม่ได้สติน่ะสิ”
ดรัณอึ้งไปทันที
“ว่าไงนะครับคุณป้า ไอ้แซมจูบกับคุณชิโล”
“แม่รอฟังเหตุผลข้างๆคูๆของมันอยู่ ถ้ามันทำเพราะคิดไม่ดีกับหนูชิโลล่ะก็…”
นารีหวดไม้ เรียวจนเสียงแหวกอากาศ…ฟั๊บ
“แม่ไม่เอามันไว้แน่”
“ไอ้แซม…นี่แก…อย่าบอกนะว่าที่แกเรียกฉันมาก็เพราะ..เพราะเรื่องนี้”
“ตาย…ซวย…เวรจริงๆ เอาไงดีวะเนี่ย”
สการหน้าเครียดและถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อเจอรังสีอาฆาตจากทั้งแม่ตัวเองและเพื่อนรัก

ชิโลนั่งตาแข็งทื่อสติหลุดลอย อุ้มสมพยายามเรียกสติเต็มที่
“ชิโล...ชิโล...นี่เจ้าโดนมนุษย์จูบไปแค่ครั้งเดียว เจ้าถึงกับไม่รู้ตัว สติหลุดลอยไปเลย เหรอเนี่ย ชิโล...ชิโล”
อุ้มสมเขย่าตัวอีก แต่ชิโลก็ไม่มีทีท่าว่าจะสติกลับมา
“งั้นก็เหลือทางเดียว อโหสิให้เราด้วยนะ เราไม่ได้อยากทำร้ายเจ้า”
อุ้มสมตัดสินใจหยิกแขนชิโลแรงๆทันที...นี่แน๊ะ !! ชิโลสะดุ้งโหยงร้องเจ็บดังลั่น
“โอ๊ย !!!! เจ็บๆๆ นี่เจ้าหยิกเราทำไมอุ้มสม เราเจ็บนะ อู้ยยย...เขียวเลย”
“ว่าแล้วต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะหลุดกลับมาได้ เป็นไงนางฟ้าคนสวย เจ้าลอยละล่องไปถึง สวรรค์ชั้นไหนมาเหรอ”
ชิโลชะงัก
“นี่เจ้า...เจ้ารู้ได้ยังไงว่าจิตของเราลอยกลับขึ้นไปบนสวรรค์”
“ทำไมเราจะไม่รู้ก็ผู้กองสการเพิ่งบอกเราเมื่อกี้เองว่าเขาจูบเจ้า”
ชิโลเด้งพรวดทันที
“ว่าไงนะ...เขาบอกเจ้าเหรอ ผู้กอง...ฉันโกรธแล้วนะ”
ชิโลโกรธจัดรีบเดินหน้าตึงออกไปทันที
“ชิโล...กลับมาก่อน เจ้าต้องอธิบายให้เราฟัง เราแค่บอกให้เจ้าใช้เขาเพื่อแยกผู้กองดรัณ ออกไปอย่างเดียว แต่ทำไมเจ้าถึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้มนุษย์ล่วงเกิน...ชิโล !!”

ชิโลข้ามมาที่ห้องสการเจอนารียืนงงๆอยู่เดียว
“คุณป้าคะ...ผู้กองสการล่ะคะ”
“หนูชิโล หนูไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ”
“ค่ะคุณป้า ชิโลไม่เป็นอะไรแล้ว”
“งั้นจริงเหรอเปล่าที่ตาแซมบอกป้าว่า...หนูกับลูกชายป้าคบหากันเป็นคนรัก”
“ห๊า...ผู้กองเขาบอกคุณป้าเหรอคะ”
“ไม่ใช่แค่ป้าคนเดียว ดรัณก็ด้วย”
“ผู้กองดรัณมาที่นี่แล้วเหรอคะ”
“หนูชิโลจ๊ะ...” นารีถามย้ำอยากอยากรู้ความจริง
“เอ่อ...” ชิโลจำเป็นต้องยอมรับไป “ค่ะคุณป้า ชิโลกับผู้กอง เรา...เราคบกันค่ะ”
นารีสีหน้าตกใจมาก
“คุณป้าคะ...แต่ว่า...ทั้งหมดมันเป็น...”
ชิโลจะอธิบายแต่นารีเข้ามากอดชิโลด้วยความดีใจทันที
“ป้าดีใจเหลือเกิน ถ้าเป็นหนูชิโลล่ะก็ ป้าพร้อมรับหนูเป็นลูกสะใภ้ป้าเต็มที่เลย”
“ห๊า...ลูกสะใภ้”
ชิโลหน้าเสียตกใจสุดๆ เรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว

บนดาดฟ้าตึกสการกับดรัณยืนเผชิญหน้ากัน ดรัณจ้องสการเขม็ง
“ฉันไม่เข้าใจ...มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ”
“อย่าว่าแต่แกไม่เข้าใจเลย ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน”
ดรัณฉุน
“ไอ้แซม !! อย่ามากวนบาทานะเว้ย กวนมากๆ ถึงจะเดี้ยงฉันก็ไม่เว้นเว้ย”
“ฉันหมายถึงว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากต่างหาก”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นแกไม่ชอบหน้าคุณชิโล คอยแต่ไล่จับจะเอาเขาเข้าคุกท่าเดียว แล้วอยู่ๆแกจะไปรักกับเธอได้ยังไง”
สการเริ่มชะงักพยายามหาเหตุผลมาอ้างกับดรัณ ระหว่างนั้นชิโลตามขึ้นมาพอดีได้ยินสการพูด
“ฉันกับชิโลรู้ใจตัวเองว่าชอบกันก็ตอนที่ไล่จับนั่นแหละ”
“ห๊า…เป็นไปได้ยังไง แกอย่ามาโกหก”
“ฉันเปล่าโกหก แกไม่เคยได้ยินเหรอ ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอรัก เกลียดมากๆเข้ามารู้สึก ตัวอีกทีก็ดันรักไปซะเฉย มันเหมือนกับว่าฉันกับเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่กันมา”
ชิโลที่ยืนฟังอยู่รู้สึกหน้าแดงอายขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“แต่แกก็รู้ว่าฉันชอบคุณชิโล”
“แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าแก…ยังตัดใจจากคุณสิไม่ได้”
ดรัณชะงัก
“ในฐานะเพื่อน แกเป็นเพื่อนตายของฉัน แต่ในฐานะลูกผู้ชายแมนๆ ฉันไม่ยอมให้คน เจ้าชู้อย่างแก มาหลอกใช้หัวใจของคุณชิโลเพื่อทำให้แกลืมคุณสิ”
ชิโลที่ยิ่งหัวใจเต้นแรงหน้าแดง แก้มแดง ดรัณแย้
“ฉันไม่เคยคิดหลอกใช้หัวใจของคุณชิโล ผู้หญิงดีๆแบบนั้นมีแต่ต้องทะนุถนอมดูแล ฉันอยู่ใกล้เธอแล้วฉันมีความสุขเว้ย”
“ฉันก็อยู่ใกล้เธอแล้วมีความสุขเหมือนกันเว้ย”
“ได้ !! งั้นเรามาแข่งกัน”
“แข่ง ?...ฉันกับคุณชิโลตกลงคบกันแล้ว แกยังคิดจะแข่งอีกเหรอ”
“เออ..ก็แค่เป็นแฟนกัน ดูอย่างฉันเด่ะ กำลังจะแต่งงานอยู่แล้วยังเลิกกันได้เลย ตราบใด ที่คุณชิโลยังไม่ร่วมหอลงโรง ยอมเป็นเมียแก ฉันก็ยังมีสิทธิ์เอาชนะใจเธอ”
“ไอ้ดรัณ !!”
ดรัณจ้องหน้าสการอย่างเอาจริงก่อนจะเดินออกไป ทิ้งสการให้ยืนอึ้งคนเดียว ชิโลที่ยืนฟังอยู่ก็ตกใจไม่แพ้กัน อุ้มสมโผล่มาข้างหลัง
“แบบนี้เรียกว่างานเข้าอย่างเดียวไม่พอแล้ว ต้องเรียกว่างานพุ่งชน...โครม !!”
“อุ้มสม !! อย่าบอกนะว่าเราต้องยอมเป็นเมียผู้กองหน้ายักษ์นั่น”
อุ้มสมตบบ่าปลอบใจ
“ชิโล...บางทีนี่อาจจะเป็นทางที่เจ้าจะได้กลับสวรรค์เร็วขึ้น”
“เจ้าหมายความว่ายังไง”
“ก็แค่โดนเขาจูบทีเดียว เจ้ายังเคลิ้มจนจิตลอยกลับไปถึงสรวงสวรรค์ แล้วถ้าเกิดเจ้า ยอมเป็นเมียเขาด้วย...เราว่าเจ้าได้ค้างเติ่งอยู่บนสวรรค์แบบถาวรแน่ๆ..ฮ่าๆๆ”
ชิโลโกรธมากง้างสองมือตบปากอุ้มสมจนปากจู๋...เพี๊ยะ
“นี่แน๊ะ เจ้านกแก้วปากมาก”
ชิโลสบัดหน้างอนๆโกรธออกไป ทิ้งอุ้มสมที่ยืนหน้าชาเจ็บ
“อู้ยยยย...ชิโล...เราล้อเล่น...โอ้ยยยย”

เมื่อกลับมาพบหน้ากันที่ห้อง ชิโลหน้าตึงโกรธใส่สการ
“ทำไมคุณถึงไปยอมแข่งกับผู้กองดรัณ ฉันขอให้คุณช่วยกันเขาออกจากฉันไม่ใช่เหรอ”
“ฉันช่วยเธอแล้วนะชิโล”
“นี่เหรอช่วย...ช่วยทำให้ทุกอย่างมันยุ่งมากกว่าเดิมน่ะสิ ทั้งเสียเวลา ทั้ง เปลืองตัว ไม่น่าไว้ใจคนอย่างคุณเลยจริงๆ”
สการฟังแล้วฉุนเข้าไปบีบไหล่ชิโลจับหันขวับมาทันที
“ฉันต่างหากที่ทั้งเสียเวลาแล้วก็เปลืองตัวเพราะเธอ”
“ผู้กอง !! ฉันเป็นผู้หญิง ฉันถูกคุณจูบ ถูกคุณแตะเนื้อต้องตัว ฉันเสียหายนะ”
“เสียหายตรงไหนไม่ทราบ ปากเธอก็ยังดียังด่าฉันได้ฉอดๆ เรี่ยวแรงก็ยังมีคอยหาเรื่อง ฉันได้ตลอดๆ แต่ฉันนี่สิเสียเวลาทำงานไม่พอ ยังต้องมาเสียเพื่อนเพราะเธออีก”
“เชอะ ความสูญเสียของคุณมันเทียบกับฉันได้หรอก ฉันต้องมาติดอยู่ที่นี่บ้านก็ไม่ได้ กลับ ต้องทนอยู่กับมนุษย์กักขฬะอย่าง...อย่าง...อย่างนี้ !!”
“นี่ยังหาคำมาด่าฉันได้อีกเหรอเนี่ย ทั้งปากดีทั้งฤทธิ์เยอะไม่หยุดแบบนี้ เห็นทีฉันต้องจับ เธอมาจูบอีกสักที จะได้อยู่นิ่งๆตัวแข็งๆไม่ต้องแผลงฤทธิ์อีก”
ชิโลตกใจรีบเอามือปิดปากตัวเอง
“อย่านะ...ฉันไม่ยอมให้คุณมาจูบฉันอีกแล้ว”
“แค่ปิดปากแค่นั้นคิดว่าฉันจะทำไม่ได้เหรอ”
สการตีหน้าเอาจริงเดินเข้าหา ชิโลรีบถอยคว้าหมอนปาใส่แล้ววิ่งหนีไปที่ห้องนอนทันที
“หนีเหรอ...หึๆๆ”

ชิโลหนีเข้ามาในห้องนอนปิดประตูล็อคกลอนอย่างแน่นหนา สการตามมาเคาะประตูปึงปังๆอยู่หน้าห้อง
“แน่จริงก็อย่าหนีสิชิโล เก่งนักไม่ใช่เหรอ เก่งนักก็เปิดประตูออกมา ฉันบอกให้ออกมา”
“ไม่...เจ้ามนุษย์โลกจิต บ้า วิปริต อย่าเข้ามานะ”
“ยังมาว่าฉันโรคจิต บ้า วิปริตอีกเหรอ เธอนั่นแหละที่บ้ากว่าฉัน เพราะฉันไม่เคยคิดว่า ตัวเองมาจากสวรรค์ ฉันบอกให้เปิดประตู เปิด !!”
สการทุบประตูปังๆๆ ชิโลตกใจหันรีหันขวางเอาเก้าอี้มาขวางกั้นประตูไว้สุดฤทธิ์
“บ้า...บ้าที่สุด...ถ้าเวทมนต์ของฉันกลับมาใช้ได้เมื่อไหร่ ฉันจะเสกให้กลายเป็นจิ้งจกเลย เจ้ามนุษย์โรคจิต”
สการยังไม่หยุดทุบประตูเรียกชิโล ระหว่างนั้นมีมือนึงยื่นมาสะกิดไหล่ สการปัดมือ
“อย่าเพิ่งมายุ่ง ถอยไป” สการทุบประตู “เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะชิโล”
นารีเป็นคนเข้ามาสะกิดไหล่สการ นารีสะกิดอีก สการก็ไม่สนใจปัดมืออีก
“บอกว่าอย่าเพิ่งมายุ่ง ชิโล...ประตูแค่นี้กั้นฉันไม่อยู่หรอก ฉันพังได้สบาย จะบอกให้ ฮ่าๆๆ”
“จะพังประตูเข้าไปทำอะไรชิโลเหรอ”
สการลืมตัว
“จะพังเข้าไปจูบน่ะสิ หึๆๆ”
“จูบอีกเหรอ...ยังไม่พอเหรอ”
“ไม่พอหรอกครับแม่...” พูดไปแล้วก็ชะงัก “แม่ !!??”
สการหันขวับเห็นแม่ถือไม้เรียวหน้าตึง..เอาเรื่องสุดๆ
“ไอ้หื่น !! ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะบ้ากามขนาดนี้ฎ”
“แม่...ผมเปล่า”
“เปล่าอะไร...แกเพิ่งบอกว่าแกยังไม่พอ จะเอาอีก”
“แม่..ไม่ใช่”
นารีโกรธชูไม้เรียวขึ้นมา
“ฉันดีใจถ้าหนูชิโลจะมาเป็นลูกสะใภ้ฉัน แต่ถ้าแกอัดอั้นอารมณ์ ไม่ได้อยากชิงสุกก่อนห่ามนักล่ะก็ ฉันก็จะจับตอนแกก่อน...เดี๋ยวนี้เลยไอ้ลูกบ้ากาม”
“อย่านะแม่..อย่า..อย่า...”
สการวิ่งหนีแม่ออกไป นารีหวดไม้เรียววืดแหวกอากาศ...ฟั๊บ แล้วรีบตามลูกชายไป ชิโลค่อยๆแง้มประตูออกมาเห็นสการโดนไล่ไปแล้วก็โล่งอก...เฮ้อ
“ชิโล..เกือบแย่แล้วมั้ยล่ะ...เฮ้อ”

สการหนีไม้เรียวนารีเข้ามาในห้องเอาตัวรอดสุดฤทธิ์ แต่ก็ไม่พ้นโดนฟาดตามแขน ตามก้น ตามตัว
“อู้ยยย..แม่ พอเถอะผมเจ็บน่วมไปทั้งตัวแล้ว”
“ทีโดนยิงไม่เห็นร้องเจ็บ ถ้ารู้ว่าเลี้ยงมา แล้วจะทั้งใจเสาะ ทั้งบ้ากามแบบนี้ ฉันเอาขี้เถ้า ยัดปากไปแล้ว มานี่เลยมาให้ไม้เรียวฉันเปลี่ยนนิสัยแก”
“อย่านะแม่ ถ้าแม่ตีผมอีก ผมจะถือว่าแม่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่”
“ไอ้หัวหมอ !! แกจะจับฉันเข้าคุกก็จับเลย ฉันจะได้ตามไปตีแกถึงโรงพักให้ทุกคนเห็น”
“โอ้ยยย...ขืนอยู่ต่อมีหวังหลังลายแน่ ไม่เอาแล้ว..ผมไปล่ะ ไปทำงานดีกว่า”
สการรีบชิ่งหนีเอาตัวรอดออกไปทันที
“ตาแซม...อย่าหนีแม่นะ...ตาแซม !!”
นารีจะตามแต่ไม่ทันสการวิ่งปรู้ดออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ลูกคนนี้…มันน่านัก หึ”

สการเข้ามาในสำนักงานตำรวจทั้งๆที่ยังเข้าเฝือกอ่อนที่แขนข้างนึง ระหว่างทางเดินเจอตรีชฎาพอดี
“อ้าว…ผู้กอง มาทำอะไรที่นี่คะเนี่ย”
“ผมก็มาทำงานน่ะสิ”
“สภาพนี้น่ะเหรอคะ ดิฉันว่าผู้กองกลับไปพักรักษาตัวให้หายก่อนดีกว่ามั้ยคะ”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว หมออนุญาตให้ผมกลับก็แสดงว่าผมพร้อมทำงาน”
“แต่ผมคุยกับหมอแล้ว เขาบอกว่าคุณควรจะต้องพักอย่างน้อยก็สักอาทิตย์” เสียงผู้การดำเกิงดังขึ้นจากด้านหลัง
“ผู้การ”
สการกับตรีชฎารีบทำความเคารพผู้การดำเกิง ที่เดินเข้ามาพร้อมกับดรัณ
“คุณกลับบ้านไปพักเถอะ ระหว่างนี้ผมจะให้ผู้กองดรัณสานต่องานคุณ”
“แต่ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆนะครับ ถ้าผู้การไม่เชื่อ ผมถอดเฝือกออกให้ดูตอนนี้ เลยก็ได้ครับ”
สการจัดการถอดเฝือกอ่อนออก แล้วขยับแขนวาดวงไปมาให้เห็นว่าไม่เป็นอะไร
“ขออนุญาตครับผู้การ”
ดรัณเดินเข้าไปที่สการ แล้วชักปืนออกมาจ่อไปที่สการ
“ไหนแกลองแย่งปืนไปจากมือฉันสิ”
สการชะงักมองหน้าดรัณแล้วแย่งปืนจากมือ แต่กลับโดนดรัณจับบิดมือแถมยังบีบเข้าที่แขนตรงที่สการยังเจ็บอยู่
“เห็นมั้ย…แกยังไม่พร้อมที่จะทำงาน”
ผู้การดำเกิงสรุปทันที
“คุณไม่ต้องห่วงผู้กอง เราเพิ่งได้ความคืบหน้าเรื่องแหล่งกบดานของพวกมันจากดาบดารุณีมา ผมกำลังจะ วางแผนกับผู้กองดรัณให้ไปจัดการ”
ดำเกิงหันมาพยักหน้ากับดรัณแล้วจะพากันเดินเข้าห้องประชุม ดรัณเข้ามากระซิบสการ
“นี่เป็นเรื่องงานล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณชิโลนะเว้ย”
ดรัณตบบ่าเพื่อนแล้วจะตามผู้การเข้าห้องประชุม แต่สการยังดื้อ
“ผู้การครับ…ถึงผมจะออกปฏิบัติการไม่ได้ แต่ผมยังประชุมแผนการได้นะครับ”
ผู้การดำเกง หันมามองหน้าสการที่จริงจังเป็นอย่างมาก

ห้องประชุม...สการดับดรัณนั่งลง...
“แกนี่มันดื้อด้านจริงๆ ฉันอุตส่าห์ให้แกได้พัก” ดรัณบ่น
“ฉันไม่ชอบอยู่เฉยๆนั่งกินภาษีประชาชน แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่อยากใช้เวลาว่างสวีท หวานกับคุณชิโล เพราะเดี๋ยวจะเป็นต่อแกมากเกินไป”
“ไอ้แซม !! ไอ้กวนส้น....”
ดรัณยังด่าไม่จบผู้การดำเกิงก็หันมาสั่งเสียงเข้ม
“เอ้า..พวกคุณพร้อมจะประชุมรึยัง”
“ครับผู้การ”
ผู้การดำเกิงหันไปสั่ง
“คุณตรีชฎา เอาข้อมูลที่ได้มาจากดาบดารุณีให้พวกเขา”
ตรีชฎารับคำแล้วเอาเอกสารที่เตรียมไว้แจกให้ สการรับมาดูแล้วแปลกใจ
“ข้อมูลที่พวกคุณกำลังอ่าน เป็นข้อมูลแหล่งกบดานที่นายทองทิวใช้เป็นเซฟเฮ้าส์สำหรับ เตรียมผู้หญิงส่งออกนอกประเทศ ก่อนที่ดาบดารุณีจะถูกมันฆ่าปิดปาก เธอเก็บไฟล์ ข้อมูลชุดนี้ไว้ในโทรศัพท์ที่เราพบในที่เกิดเหตุ ถึงตัวโทรศัพท์จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ผมก็ให้คนของเรากู้ข้อมูลขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะพากำลังบุกไปจัดการกับพวกมันเองครับ” ดรัณบอก
“คุณต้องระวังตัวให้ดีนะผู้กอง พวกมันรู้ตัวว่าเราส่งตำรวจเข้าไปเป็นสายสืบแล้ว ผมคิด ว่ามันคงต้องเตรียมรับมือเอาไว้แน่ๆ”
“ครับผู้การ”
“ให้ผมตามไปด้วยนะครับผู้การ”
“ไอ้แซม…เลิกดื้อซะทีเถอะวะ หัดปล่อยให้คนอื่นทำงานมั่ง ไม่ใช่อยากจะเป็นฮีโร่อยู่ คนเดียว”
“ฉันไม่ได้อยากเป็นฮีโร่เว้ย แต่ฉันไม่อยากเห็นแกพลาดแล้วต้องมาอยู่ในสภาพแบบฉัน”
“เอาล่ะๆๆ พอได้แล้ว พวกคุณเป็นอะไรกัน ผมไม่เคยเห็นทะเลาะกันแบบนี้เลย มีปัญหาอะไรกันอยู่รึเปล่า”
สการกับดรัณนิ่งไปมองหน้ากันไปมาแต่ไม่มีใครพูดเรื่องชิโล
“ไม่มีหรอกครับผู้การ ผมขออนุญาตไปเตรียมทีมนะครับ”
“เชิญ”
ดรัณพูดเบาๆ
“ขอบใจนะเพื่อน ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง แต่ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เพราะภารกิจสำคัญ ของฉันคือการแย่งคุณชิโลมาจากแกให้ได้”
ดรัณบอกแล้วเดินออกไป สการเป็นห่วงเพื่อนแม้จะอดหมั่นไส้มันไม่ได้ก็ตาม

ชิโลเดินไปเดินมาหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดีอยู่ในห้อง
“โกรธ…โกรธ…โกรธ…โกรธๆๆๆๆ”
“โกรธไปแล้วจะมีอะไรดีขึ้น เราว่าเจ้าไปนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้จิตใจสงบดีกว่า อย่าให้ โทสะมาครอบงำเลย” อุ้มสมย้อน
“เจ้าไม่ต้องมาสอน เราเป็นนางฟ้า เราไม่เคยปล่อยให้โทสะ โมหะมาครอบงำจิตใจเรา”
“เหรอ…แต่นางฟ้าที่ยอมปล่อยให้มนุษย์มาล่วงเกินเนี่ย ถ้าพวกเราที่อยู่บนสวรรค์รู้เข้า เราว่าเจ้าคงต้องอับอายแน่ๆ”
“อุ้มสม !! เจ้าพูดมากจนน่ารำคาญ”
“เราเตือนดีๆ มาหาว่าเราพูดมาก”
“แต่เราไม่ชอบ”
“แต่พระบิดาเจ้าส่งให้เรามาคอยช่วยดูแลเจ้า ถ้าเจ้าจะไม่ให้เราพูดก็ต้องหาอะไรมาปิด ปากเรา”
“เราไม่ปิดปากเจ้าหรอก แต่เราจะใช้ไอ้นี่”
ชิโลชูขวดพริกไทยออกมาแล้วยิ้มร้ายแบบน่ารักๆ
“ชิโล..เจ้าอย่านะ...เราไม่อยากเป็นนกแก้ว”
ชิโลถือกระปุกพริกไทยเดินเข้าหาอุ้มสมที่หน้าเสีย

นกแก้วอุ้มสม ถูกชิโลจับขังไว้ในกรงเรียบร้อยไปไหนไม่ได้แต่ยังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“ชิโล…ปล่อยเราเถอะ เราขอร้อง”
“ไม่…เจ้าอยู่ในนี้นั่นแหละดีแล้ว ทั้งน้ำ ทั้งเมล็ดทานตะวันเราเตรียมไว้ให้เจ้าเพียบ เจ้าชอบไม่ใช่เหรอ”
“เจ้าขังเราไว้แบบนี้ เจ้าจะทำอะไร”
“เพราะคำแนะนำของเจ้า เราเลยต้องโดนผู้กองหน้ายักษ์ล่วงเกิน แถมยังลุกลามบาน ปลายกลายเป็นนางให้ผู้ชายแย่งชิงกัน ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเราต้องพลาดท่าเสียที กลายเป็นเมียมนุษย์แน่”
“แต่ของอย่างนั้นตบมือข้างเดียวไม่ดังนะชิโล ถ้าเจ้าไม่ยอมผู้กองจะมาบังคับขืนใจ เจ้าได้ยังไง นอกเสียแต่ว่า..เจ้าเองก็กลัวใจตัวเอง เพราะติดใจรสจูบของผู้กอง”
“อุ้มสม !! เจ้านกแก้วปากเสีย เราจะไปยกเลิกแผนการกับเขา แล้วบอกพวกเขาว่าเรา ไม่ชอบมนุษย์ !! ไม่มีทางที่พวกเขาจะได้ตัวเรา”
ชิโลออกไปจากห้องทันที ทิ้งอุ้มสมให้อยู่ในกรงส่งเสียงเจื้อยแจ้วเรียกชิโล

สิริสุดานั่งให้ช่างทาเล็บที่เรียกตัวมา แต่งเล็บทำเล็บไป แต่สายตากลับเอาแต่มองที่โทรศัพท์ ส่วนเอิงเอยให้ ช่างอีกคนขัดเท้านวดเท้าอยู่ใกล้ๆ
“เอาแต่มองโทรศัพท์อยู่นั่น เดี๋ยวตาก็เหล่หรอกแก”
“ฉันเปล่าซะหน่อย ฉันมองว่าคุณป๋าของฉันทำไมยังไม่กลับมาซะทีต่างหาก”
“แกไม่ต้องอ้างเลย คุณป๋าแกตะวันไม่ตกดินไม่มีทางกลับมาหรอก รอโทรศัพท์จาก ผู้กองก็บอกเถอะ”
“บอกว่าไม่ได้รอก็ไม่ได้รอสิ”
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ดัง สิริสุดารีบไปรับแต่สองมือที่ทาเล็บอยู่ยังไม่แห้งดี ท่ารับโทรศัพท์เลยเก้ๆกังๆจนตลก
“พอเถอะแก ฉันรับให้เองดีกว่า ฮัลโหล...ผู้กองดรัณเหรอคะ...”
สิริสุดาปรี๊ดขึ้นทันที
“ยัยเอิง บอกเขาไปเลยว่าฉันโกรธมาก บอกว่าจะโทรมาตั้งแต่เช้าแต่หาย หัวไปทั้งวัน ถ้าไม่รีบมาง้อฉัน ฉันจะไม่ไปให้เขาเห็นหน้าอีก”
“แกงอนมากไปป่ะเนี่ย อย่าลืมนะว่าเขามีนังบ้านั่นเป็นอะไหล่สำรองอยู่ เกิดเขาเบื่อ ขึ้นมา แผนขังเขาไว้ในกรงความรักของแกมันจะไม่สำเร็จนะ”
“ก็ลองเบื่อฉันสิ ฉันจะตามไปจัดหนักถึงที่เลย มา..ฉันคุยเองดีกว่า”
เอิงเอยยิ้ม
“เสียใจด้วยว่ะแก ที่โทรมาไม่ใช่ผู้กอง แต่เป็นโทรผิดนึกว่าเบอร์แกเป็นฟาร์มผสม พันธ์หมา”
“ยัยเอิง !! นี่แกหลอกฉันเหรอ”
“ไม่งั้นฉันจะได้รู้เหรอว่าแกปากแข็ง ไอ้แผนขังผู้กองไว้ในกรงของความรักของแก ฉันว่านอกจากมีผู้กองแล้ว ในนั้นยังมีแกโดนขังด้วยอีกคน”
“ยัยเอิง !!”
สิริสุดารู้สึกโกรธและเสียหน้า เอิงเอยหันไปโบกมือให้ช่างแต่งเล็บออกไปให้หมดแล้วเข้ามาปลอบใจเพื่อน
“ฉันรู้ว่าแกไม่อยากเป็นนางร้ายวีนแตก เลยต้องเล่นบทนางเอก แต่ลึกๆแล้วข้างในแก อยากจะร้ายให้ถึงที่สุด เพราะแกทนไม่ได้ที่โดนหยามหน้า”
สิริสุดาฟังเพื่อนแล้วก็หายใจฟืดฟาดจิกมือแน่นเพราะเอิงเอยพูดมานั่นโดนหมด มัดหมี่โผล่เข้ามาจังหวะพอดี
“ใช่ค่ะคุณสิ เป็นนางเอกแต่ปล่อยให้นางร้ายโขกสับแย่งผู้ชายไปต่อหน้าโดยไม่ทำอะไร จะเป็นทำไมให้มันชอกช้ำระกำใจ”
“คุณมัดหมี่ !!” สิริสุดาแปลกใจ

สิริสุดาเดินเข้ามาอีกห้อง มัดหมี่ตามเข้ามาคุยด้วยกันเป็นการส่วนตัว
“คุณว่าไงนะ นังบ้าชิโลมันแสดงตัวว่าเป็นคนรักกับผู้กองสการเหรอ”
“ค่ะ นังนั่นมันเรยาชัดๆ วันๆจ้องจะปั่นหัวผู้ชายให้หลงมัน ฉันถึงได้เข้าใจหัวอกของคุณ” มัดหมี่บอกแค้นๆ
“แล้วทำไมคุณไม่จัดการกับมัน”
“สถานะของฉันไปทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันกับผู้กองยังไม่เคยถึงขนาดจะ แต่งงานกันเหมือนคุณสิ จะได้มีเหตุผลไปราวีได้เต็มปากเต็มคำ”
“เธอก็เลยจะมาให้เพื่อนฉันออกโรงแทนว่างั้นเถอะ”
“ฉันเปล่านะ ฉันแค่มาเพื่อจะบอกว่าคุณสิไม่ควรจะปล่อยให้นังบ้าชิโลมันลอยนวล คุณควรต้องทำอะไรสักอย่างกับนังนั่น ไม่อย่างนั้นมันจะหยามคุณ จะเหยียบย่ำคุณ ทำให้คุณกลายเป็น...นังโง่ !”
“นี่หลอกด่าฉันเหรอ”
มัดหมี่เสียงสูงปฏิเสธ
“เปล่าค่ะ...เปล่า มัดหมี่จะด่าคุณทำไม แค่เตือนเน้นๆค่ะ ว่าถ้าคุณไม่ ทำอะไรมันเลย คุณก็ต้องโดนมันด่าแบบนั้นแหละ จริงๆนะคะ”
สิริสุดาโดนยุจนของขึ้น
“นังบ้าชิโล”
เอิงเอยปรามๆ
“ยัยสิ”
สิริสุดาหันไปถามมัดหมี่
“คุณรู้มั้ยว่านังบ้านั่นอยู่ไหน”
“รู้ค่ะ” มัดหมี่บอกทันที
มัดหมี่แอบยิ้มร้ายที่มายั่วโมโหสิริสุดา จนอยากจะไปราวีชิโลใจจะขาด

มณีแดนสรวง ตอนที่ 12 (ต่อ)

หน้าห้องประชุมปฏิบัติการ สการเดินไปเดินมาหงุดหงิดงุ่นง่าน ทีมตำรวจชุดปฏิบัติการมาที่ห้องประชุมทุกคน ต่างคุ้นเคยกับสการดี ทักทายทำความเคารพแล้วพากันเข้าไปในห้อง ดรัณตามมาที่หลังพร้อมกับตรีชฎา

“อ้าว..นี่แกยังอยู่แถวนี้อีกเหรอวะไอ้แซม”
“ฉันว่าจะเข้าไปประชุมแผนปฏิบัติการด้วย”
“อะไรของแกอีกวะเนี่ย พูดหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่เข้าใจเหรอไงว่าปฏิบัติการครั้งนี้ผู้การให้ ฉันรับผิดชอบ ไม่ใช่แก”
“เข้าใจเว้ย แต่ฉันก็แค่จะเข้าไปฟังว่าแกจะวางแผนอะไรบ้าง ถ้ามีจุดไหนที่มันมีรูโหว่ ฉันจะได้ช่วยเสริมให้”
“หึ…ขอบใจว่ะเพื่อน แต่ไม่ต้อง !! ที่นี่ไม่ได้มีแกคนเดียวที่เป็นฮีโร่”
“เฮ้ย งานนี้ไม่เกี่ยวว่าใครจะได้เป็นฮีโร่ ฉันแค่เห็นแกต้องรับผิดชอบหลายชีวิต เลยไม่ อยากให้แกประมาท”
ดรัณฉุน
“นี่แก…”
ตรีชฎารีบปราม
“เอ่อ…ดิฉันว่าผู้กองสการพูดมาก็มีเหตุผลนะคะ หลายหัวดีกว่าหัวเดียว พวกเราจะได้รีบๆปิดคดีนี้ซะทีไงคะผู้กอง”
สการแหย่
“จะได้เลื่อนยศกันซะทีด้วยใช่มั้ยครับคุณตรีชฎา”
ตรีชฎายิ้มเขินรู้ทัน
“แหม..ผู้กองล่ะก็ งั้นเชิญค่ะ เชิญในห้องประชุมเลย”
ตรีชฎารีบพาผู้กองสการเข้าไปสมทบกับทีมปฏิบัติการในห้องประชุมทันที ข้ามหน้าข้ามตาดรัณที่หงุดหงิดเพื่อน

ที่โถงสำนักงานตำรวจฯ ชิโลถามหาสการกับฝ่ายประชาสัมพันธ์
“ผู้กองสการติดประชุมเหรอคะ…แล้วจะเสร็จเมื่อไหร่คะ คือดิฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้อง คุยกับผู้กองค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมจะถามให้ว่าผู้กองพอจะปลีกเวลาลงมาได้มั้ย จะให้ผมบอกว่าใครมารอพบ” ตำรวจย้อนถาม
“ชิโลค่ะ”
“รอสักครู่นะครับ” ตำรวจลุกเดินไป

ในห้องประชุม...ดรัณางแผนปฏิบัติการกับทีมตำรวจ โดยวาดแผนผังบนกระดานอธิบายอย่างเคร่งเครียด
“ปฏิบัติการครั้งนี้ผมจะแบ่งทีมออกเป็นสองชุด ชุดแรกจะบุกเข้าไปด้านหน้า ส่วนชุด สนับสนุนจะบุกเข้าทางด้านข้างหลังจากที่ผมให้สัญญาณ”
สการขัด
“เดี๋ยว…ฉันว่าแกควรจะมีหน่วยแม่นปืนเตรียมไว้ตรงจุดนี้ด้วย เพราะดูจากพื้นที่ แล้ว พวกมันเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้าแกพลาด ทุกคนได้ตกอยู่ในวงล้อมของพวกมันแน่”
สการอธิบายเพิ่มเสร็จ ทีมตำรวจปฏิบัติการพากันเห็นด้วย แต่ดรัณรู้สึกไม่พอใจ
“แกกำลังจะบอกว่าถ้าฉันไม่ทำตามแก ฉันก็จะพาคนไปตายงั้นเหรอ”
“เฮ้ย ฉันเปล่านะเว้ย ก็แค่ไม่อยากให้แกประมาท”
“ขอบใจ แต่พอได้แล้วไอ้แซม งานนี้ฉันเป็นคนคุม ไม่ใช่แก !! ถ้าแกไม่เดินออกไปเอง ฉันจะลากแกออกไป”
สการมองหน้าดรัณ ตรีชฎาเห็นว่าชักจะไปกันใหญ่
“ผู้กองคะ”
ดรัณหันขวับมาจ้อง...
“คุณไม่ต้องพูด ในห้องนี้ผมเป็นผู้บังคับบัญชา”
ตรีชฎาเงียบกริบไปโดยปริยาย สการจำยอม
“ฉันยังอยู่แถวนี้ ถ้าแกต้องการให้ช่วยอะไรก็บอกมาแล้วกัน”
สการออกไป ตรีชฎารู้สึกหนักใจ
“ดิฉันว่าถ้าผู้กองมีปัญหาอะไรกันอยู่ ควรจะเคลียร์ให้จบก่อนดีมั้ยคะ ยังไงก็เพื่อนกัน”
“ผมไม่มีปัญหาอะไรกับมัน”
ดรัณตอบเสียงห้วนแล้วหันไปหน้าตาขึงขังจริงจังประชุมต่อ ขณะที่สการเดินออกมาจากห้องประชุมเจอตำรวจเดินเข้ามาบอกเรื่องชิโล
“ผู้กองครับ…มีผู้หญิงชื่อชิโลมารอพบผู้กอง”
“ชิโล…ยัยตัวยุ่งมาทำอะไรที่นี่อีก” สการแปลกใจมาก

สิริสุดาขับรถเหยียบคันเร่งอารมณ์พุ่งปรี๊ดๆทำเอาเอิงเอยแทบจะหัวใจวาย
“ยัยสิ…ช้าๆหน่อยสิแก เดี๋ยวก็ไปจูบตูดใครเข้าให้หรอก”
สิริสุดาไม่สนใจคำเตือนของเพื่อน หน้าตาโกรธแค้นเอาเรื่องสุดๆ แถมยังยิ่งเร่งเครื่อง
“เย้ยย…ยัยสิ…เบาๆ สภาพแกแบบนี้ขืนบุกไปเอาเรื่องนังบ้านั่นถึงสำนักงานตำรวจฯ ฉันว่าแกโดนจับใส่กุญแจมือแน่”
“กล้ามาจับฉันก็ลองดูสิ จะได้รู้ว่าฉันน่ะลูกใคร หึ…นังชิโล นังสตอร์เบอรี่ แกหยามหน้า ฉัน ฉันนี่แหละจะกระชากหน้ากากแกออกมาให้ทุกคนเห็น”
สิริสุดากระทืบคันเร่งพุ่งรถไปอย่างรวดเร็ว เอิงเอยโดนแรงกระชากถึงกับหลังติดเบาะร้องตกใจ

สการดึงแขนชิโลมาคุยกันเป็นส่วนตัวที่มุมทางเดิน ในสำนักงานตำรวจฯ
“ฉันเจ็บนะผู้กอง จับเบาๆหน่อยไม่ได้เหรอไง”
“เธอตามฉันมาที่นี่ทำไม คิดจะมาจุ้นจ้าน สร้างปัญหาอะไรอีก”
“หยุดนะผู้กอง พวกมนุษย์อย่างคุณนั่นแหละที่ชอบสร้างปัญหาขึ้นมาจนทำให้โลกไม่น่า อยู่ มีแต่เรื่องวุ่นวาย”
“ฉันน่ะเหรอชอบสร้างปัญหา พูดผิดพูดใหม่ได้นะ ฉันเป็นตำรวจมีหน้าที่แก้ปัญหาให้ ประชาชน แต่เธอ.. เธอคือยัย 18 มงกุฎที่เที่ยวไปสร้างปัญหาไว้แล้วก็ หนีมา หนำซ้ำยังมาสร้างปัญหาให้ฉันไม่รู้จักหยุดจักหย่อน”
ชิโลโกรธ
“งั้นเราก็มาจบปัญหาของเรากันไปเลย ที่ฉันขอร้องให้คุณมาเป็นแฟนฉัน ก็ถือ ว่าเป็นโมฆะ เพราะฉันก็ไม่อยากถูกคุณล่วงละเมิดทางเพศอีก บอกตรงๆมันขยะแขยง”
ชิโลสะบัดหน้าจะกลับแต่สการจับแขนไว้
“เดี๋ยว...คิดว่ามาด่าๆๆๆๆใส่ฉันแบบนี้แล้วจะจบปัญหาสะบัดหน้ากลับได้งั้นเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกชิโล”
สการออกแรงดึงลากตัว ชิโลพยายามขืน
“จะพาฉันไปไหน”
“พาไปขังสักสองชั่งโมง ข้อหาดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ จะได้เลิกปากเก่งซะที”
“ไม่..ฉันไม่ไป...ไม่ไป !!”
ชิโลทั้งขัดขืนและดิ้น สการพยายามออกแรงดึงยื้อยุด ชิโลเลยจับมือสการมากัดจมเขี้ยวจนสการต้องปล่อย แล้วแถมด้วยทุบไปที่แขนสการที่ยังเข้าเฝือกอยู่อีกหนึ่งดอก สการร้องลั่น.....โอ๊ยยยยย
สการเจ็บจนน้ำหูน้ำตาเล็ด ชิโลได้โอกาสวิ่งหนีเปิดแน่บทันที
“อู้ย ชิโล ทำร้ายเจ้าหน้าที่ถึงที่แบบนี้ อย่าคิดว่าจะหนีรอดนะ จับผู้หญิงคนนั้นให้ได้ !!”
สการสั่งตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นให้ช่วยกันไล่จับชิโล ส่วนตัวเองก็ยืนหน้าเจ็บเพราะฝีมือชิโล..อู้ยยยยย

ชิโลวิ่งหนีตำรวจมาที่โถงทางเข้า ทันใดนั้นสิริสุดาก็เดินหน้าตึงเข้ามาขวางทาง ชิโลต้องเบรกเอี๊ยด
“คุณสิ !!”
“นังชิโล...นังตัวแสบ คนอย่างฉันไม่เคยถูกผู้หญิงหน้าไหนมาดูถูก เหยียบย่ำศักดิ์ศรีทำ ให้ต้องอับอายได้เท่ากับแก ถ้าวันนี้ฉันไม่สั่งสอนแก ก็อย่ามาเรียกฉันว่าสิริสุดา”
สิริสุดาเงื้อมือแล้วปรี่เข้าไปตบ แต่ชิโลฉากถอยหลบทัน สิริสุดาเกือบคะมำหน้าทิ่ม
“เดี๋ยวค่ะคุณสิ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด ฉันอธิบายให้คุณฟังได้”
“ฉันไม่ฟังแกพล่ามอะไรอีกแล้ว ยัยเอิง..จับมันไว้”
“จะดีเหรอยัยสิ ที่นี่ตำรวจทั้งนั้นเลยนะ”
“ตำรวจแล้วไง ตำรวจยังต้องเกรงใจพ่อฉัน จับมันสิ”
เอิงเอยลังเลแต่ก็ต้องยอมเพื่อน ปรี่เข้าไปจับตัวชิโลเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย”
สิริสุดายิ้มร้ายก่อนจะเข้าไปตบหน้าชิโลซ้ายที ขวาทีจนชิโลหน้าหันปัดป้องไม่ได้เพราะโดนเอิงเอยจับตัวล็อค
สิริสุดากำลังตบมันส์มือ ผั๊วะซ้าย...ผั๊วะขวา ชิโลหน้าหัน ระหว่างนั้นตำรวจก็กรูกันเข้ามา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ...บอกให้หยุด”
เอิงเอยหันไปเห็นตำรวจก็ตกใจ
“ซวยแล้ว...หนูไม่เกี่ยวค่ะ หนูไม่รู้เรื่อง”
เอิงเอยรีบผลักชิโลไปให้สิริสุดา ชิโลเลยล้มทับใส่
“นังบ้า เอาคืนฉันเหรอ นี่แน๊ะๆๆๆๆ”
สิริสุดาตบเป็นพัลวัน ชิโลพยายามปัดป้องเลยเหมือนผู้หญิงสองคนกำลังสู้กัน ตำรวจต้องกรูกันเข้ามาจับอุ้ม แยกออก ทั้งคู่หัวเหอฟู ผมเผ้ากระเซิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย

ชิโลกับสิริสุดาและเอิงเอยถูกตำรวจจับส่งเข้าห้องขังเดียวกัน
“คุณตำรวจขา หนูไม่เกี่ยวนะ หนูแค่มาเป็นเพื่อนเฉยๆ ปล่อยหนูออกไปเถอะค่ะ”
เอิงเอยพยายามอ้อนตำรวจ แต่สิริสุดาไม่สนใจยังจ้องหน้าชิโลอย่างเข็ดเขี้ยว
“คุณสิ...คุณต้องใจเย็นนะคะ ถ้าคุณฟังฉันบ้าง คุณจะเข้าใจฉัน”
“ปิดประตูไปเลยคุณตำรวจ ขังฉันไว้ในนี้แหละดีแล้ว ฉันจะได้เล่นงานนังบ้านี่ โดยไม่ ต้องมีใครมายุ่ง”
สิริสุดาหน้าตาเอาจริง หักนิ้วดังกร่อบ ชิโลถึงกับผงะ ตำรวจต้องเข้ามาเคาะกรง
“เอ้า...ยังจะกล้าอีก เดี๋ยวก็จับไปขังรวมกับผู้ต้องหาชายห้องโน้นหรอก”
ตำรวจชี้ให้ดูห้องขังอีกห้องที่มีชายฉกรรจ์ 3-4 คนหน้าตาโหดๆหื่นๆ จ้องสาวๆกันตาเป็นมัน
“ไอ้พวกนั้นเพิ่งโดนจับมาข้อหารุมโทรม ถ้ายังมีเรื่องกันอีก โดนจับไปรวมกันแน่”
พวกชายหน้าหื่นเลียปากแพล่บๆ สิริสุดา เอิงเอยถึงกับหน้าเสีย
“ยัยสิ..พอเถอะแก ฉันอยากสงวนของฉันไว้กับคนที่ใช่แล้วก็คนที่ชอบเท่านั้นนะ”
สิริสุดาหางตามองชิโลอย่างเข็ดเขี้ยว
“นะแก...วันนี้แกตบนังบ้านั่นกระจายไปแล้ว พอเถอะ...สะใจแล้วล่ะ”
“ก็ได้...” สิริสุดาหันมาสั่งตำรวจ “เปิดประตูให้ฉันออกไป”
ตำรวจเฉย
“ฉันบอกให้เปิดประตูให้ ฉันไง ไม่ได้ยินเหรอ นี่...รู้มั้ยว่าฉันลูกใคร”
ตำรวจไม่สนใจอาการกร่างของสิริสุดา เดินถือกุญแจห้องขังออกไปอย่างไม่แยแส
“กลับมานะ...บอกให้กลับมา มาปล่อยฉันออกไปสิ บอกให้กลับมา”
สิริสุดาทั้งเขย่าลูกกรงทั้งโวยวายเสียงดัง พวกผู้ต้องหาชายหน้าหื่นก็เขย่าลูกกรงส่งเสียงครางใส่กระเซ้าเย้าแหย่ ทำเอาสิริสุดาตกใจต้องถอยไปชิดผนังห้องขัง ชิโลถอนใจนั่งหน้าเครียดคนละมุม

ตำรวจคนเดิมยื่นกุญแจห้องขังให้สการ ที่ยังมีสีหน้าเจ็บเพราะโดนชิโลเล่นงาน
“ขังไว้ใกล้ๆไอ้พวกนั้นจะดีเหรอครับผู้กอง เดี๋ยวก็ประสาทกินกันพอดี”
“ไม่เป็นไรหรอกจ่า ชั่วโมงสองชั่วโมงผมก็ปล่อยออกมาแล้ว แค่อยากให้เข็ดกันบ้าง”
ตำรวจทำความเคารพแล้วเดินออกไป สการกำกุญแจไว้ในมือแล้วยิ้มร้ายก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนให้สะดุ้ง แต่มาสะดุ้งเสียงของดรัณมากกว่า
“ไอ้แซม !!”

สามสาวในห้องขัง ชิโลเริ่มเจ็บระบมที่แก้มเพราะแรงตบของสิริสุดา เอิงเอยถอนใจเฮือก
“ยัยสิ เราต้องอยู่ในนี้อีกนานเท่าไหร่เนี่ย ฉันไม่ชอบสายตาของไอ้พวกนั้นเลย”
เอิงเอยหันไปมองพวกหื่นที่ส่งสายตาปิ๊งปั๊ง ชูมือท่าไอเลิฟยู เลียปากแพล่บๆ เอิงเอยสะดุ้งเสียวแว้บ
“แก...ดูดิ ฉันอยากออกไปแล้วอ่ะ”
“ฉันก็อยากออกไปจากที่นี่เหมือนแกนั่นแหละ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆพวกนังวันทอง โมรา กากี บ้าผู้ชาย”
ชิโลอึ้ง
“คุณสิ !! คุณไม่มีสิทธิ์ว่าฉันแบบนั้นนะ ฉันเป็นนางฟ้า !! ไม่ใช่นางกากี”
สิริสุดาหัวเราะเยาะใส่
“พูดได้ไม่อายปาก ไม่มีนางฟ้าที่ไหนหรอกที่เที่ยววิ่งไล่จับผู้ชายที่มีเจ้า ของแล้ว หน้าอย่างหล่อนเป็นได้ก็แค่นางกากี นางกากี กากี กากี ๆๆๆๆ”
สิริสุดาตะคอกใส่หน้าตอกย้ำใส่ชิโล น้ำลายเต็มหน้าชิโล ทำให้ชิโลโกรธผลักสิริสุดาจนกระเด็น
“นังชิโล...นี่แกสู้ฉันเหรอ”
ชิโลตกใจ
“ฉัน..ฉันเปล่านะ ฉันแค่ป้องกันตัว ฉันไม่ทำร้ายใคร”
“แกผลักฉันจนฉันเจ็บแบบนี้ยังกล้าพูดอีก เลิกทำเป็นนางเอกแสนดีได้แล้ว ฉันนี่แหละ จะกระชากหน้ากากตอแหลของแกออกมาเอง”
สิริสุดาปรี่เข้าไปยื้อยุดจะเล่นงานชิโลอีก ชิโลพยายามปัดป้อง พวกผู้ชายหื่นกามในห้องขังส่งเสียงเชียร์กันลั่น ...
“ตบเลยๆๆๆ เฮ้ !!!”
เอิงเอยพยายามห้าม
“ยัยสิ...พอเถอะแก ฉันไม่อยากถูกจับไปขังรวมกับไอ้พวกนั้น พอเถอะ ยัยสิ...บอกให้พอ”
เอิงเอยรวบเอวสิริสุดาแล้วดึงตัวออกมา ชิโลตกใจเมื่อพบว่าสร้อยที่มีแก้วสัตตพิธรัตนะหลุดติดมือสิริสุดาไปด้วย
“แก้วสัตตพิธรัตนะ !! เอาของฉันมานะคุณสิ”
สิริสุดาชะงักมองสร้อยของชิโล ที่มีดวงแก้วสวยงามเป็นจี้ห้อยหอแล้วหรี่ตาร้ายใส่
“ท่าทางแกจะหวงไอ้สร้อยเพชรกระจอกๆนี่เหลือเกินนะนังชิโล”
“สร้อยเพชรนั่นมีความสำคัญกับฉันมาก ขอฉันคืนเถอะคุณสิ ฉันขอร้อง”
ชิโลจะเข้าไปขอคืน แต่สิริสุดาถอยหลบเห็นท่าทางอยากได้ของคืนของชิโลแล้วยิ้มร้าย

ในคฤหาสน์อสูร...เหยื่อสาวคนหนึ่งตื่นตระหนกตกใจกลัว เพราะโดนพวกอสูรจับตัวมา
“กลัวแล้ว...อย่าเข้ามานะ ปล่อยฉันไปเถอะ กลัวแล้ว”
อัคราสูรหน้าตาเหี้ยมโหดแสยะยิ้มเห็นฟันดำ ดวงตาแดงก่ำหัวเราะลงคอ...หึๆๆๆๆ
เหยื่อสาวหันรีหันขวางคว้าได้แจกันก็ทุ่มใส่ แต่อัคราสูรไม่สะดุ้งสะเทือน หญิงสาววิ่งหนี อัคราสูรก็โผล่มาดัก ทางไว้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวตกใจตาเหลือก อัคราสูรบีบคออย่างแรงทีเดียวเสียงกระดูกคอหักดัง...กร่อบ !!
ร่างของหญิงสาวทรุดฮวบตายคาที่ อัคราสูรแสยะยิ้มร้ายสะใจได้ครู่ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างจากกระแสจิต
“รัศมิชโลธร”

จิตราสูรนอนกระดิกเท้าดูด เลียกระดูกมนุษย์ที่เพิ่งกินไปอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะโยนทิ้ง
“เนื้อมนุษย์นี่ยังไงมันก็อร่อย ยิ่งได้มากินถึงถิ่นแบบนี้ยิ่งอร่อย ฮ่าๆๆๆ”
ระหว่างนั้นอัคราสูรเปิดประตู...ปังเข้ามาหน้าตาจริงจัง ทำเอาจิตราสูรตกใจนึกว่าเป็นอสุเรศที่กลับมา
“ซวยแล้วไง...” จิตราสูรก้มหน้าก้มตาขอโทษ “ข้าขอโทษนายท่าน ทีหลังข้าจะไม่หลอกจับมนุษย์ มากินที่นี่อีก ข้าจะรีบเก็บกวาดให้เรียบร้อย”
จิตราสูรพล่ามไปพอเงยหน้าขึ้นเห็นเป็นอัคราสูรก็หัวเสีย
“ไอ้อสูรหัวสันขวาน นี่เอ็งกล้าล้อข้าเล่นแบบนี้เหรอวะ”
“ข้าไม่มีเวลามาล้อเล่นหรอกไอ้อึ่งอ่างอสูร ถึงเวลาที่แกต้องไปทำงานตามที่นายท่านสั่ง”
“โธ่เอ้ย...นึกว่าเรื่องอะไร แกก็รู้ว่ารัศมิชโลธรมีแก้ววิเศษปกป้องกายอยู่ ขืนโผล่ไปเล่น งานก็ได้เจ็บตัวกลับมาอีกน่ะสิวะ”
“ไอ้อึ่งอ่าง เพราะแกมัวแต่นอนตีพุงกินเนื้อมนุษย์อยู่แบบนี้ไง จิตแกถึงไม่รับรู้ว่าแก้ว วิเศษไม่ได้อยู่ที่ตัวรัศมิชโลธรแล้ว”
“แกเอาอะไรมาพูด”
“เพ่งจิตดูเอง แล้วแกจะรู้”
จิตรสูรสงสัยเลยหันมาหลับตาเพ่งจิตดู

ชิโลพยายามร้องขอคืนสร้อยจากสิริสุดา
“คุณสิ…ฉันขอร้อง…คืนสร้อยให้ฉันเถอะ ได้โปรด”
“สร้อยเส้นนี้ มันสำคัญกับเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค่ะ…ขอฉันคืนนะ”
“ยัยสิ สำคัญกับมันมากแบบนี้ หรือว่า…จะเป็นสร้อยที่ผู้กองดรัณซื้อให้มัน”
สิริสุดาฟังแล้วชักสีหน้าโกรธสุดๆ
“งั้นแกก็อย่าหวังว่าจะได้สร้อยนี่คืนเลยนังบ้าชิโล”
สิริสุดาเหวี่ยงสร้อยโยนออกไปที่ห้องขังผู้ชาย พวกนั้นรีบกระโจนแย่งกันใหญ่ ชิโลตกใจหน้าเสีย
“ไม่นะ…เอาสร้อยฉันคืนมา”
สิริสุดาเห็นชิโลเกาะลูกกรงร้องขอสร้อยคืนจากพวกผู้ชายในห้องขังแล้วหัวเราะสะใจ

จิตราสูรเห็นรัศมิชโลธรถูกแย่งสร้อยไปก็หัวเราะเสียงดัง
“นางฟ้าแสนซนคนสวย ในที่สุดเวลาที่ข้ารอก็มาถึงซะที มัวยืนหน้าโง่อะไรอยู่ได้ รีบไป พาตัวมาที่นี่ ข้าจะได้จับนางมาผูกโบว์ไว้เป็นของขวัญให้นายท่านเวลากลับ มา ฮ่าๆๆ”
จิตราสูรหายตัววับ อัคราสูรยิ้มร้ายอย่างน่าเกรงขามก่อนจะหายตัววับตาม

ชิโลเกาะลูกกรงร้องขอคืนสร้อยจากพวกผู้ต้องหาชาย
“ขอสร้อยคืนให้ฉัน คืนมานะ...เอาคืนมา”
พวกผู้ต้องหาไม่สนใจพากันแย่งสร้อยกันไปมาถึงกับชกหน้ากันก็มี สิริสุดาสะใจ
“สมน้ำหน้า ทีนี้แกจะได้รู้สึกบ้างว่าเวลาโดนคนอื่นแย่งของรักไป มันน่าหงุดหงิดแค่ไหน”
“คุณสิ...คุณทำแบบนี้กับฉันเท่ากับว่าคุณกำลังฆ่าฉัน”
“อ๋อเหรอ...ตายแล้ว นี่ถ้าฉันรู้ว่าแค่แย่งสร้อยจากแกแล้วทำให้แกรู้สึกเหมือนจะตาย ฉันแย่งแกมาตั้งนานแล้วนังบ้า”
ชิโลยืนเสียใจน้ำตาเอ่อ
“ท่านพ่อ พี่พรรณราย อีกไม่นานพวกมันก็คงมาที่นี่ น้องคงไม่ได้ กลับไปสวรรค์อีกแล้ว”
“ดูมันสิ ถึงกับเพ้อเจ้อเรื่องบ้าๆบอๆอีกแล้ว แบบนี้ฉันไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมเพชมันดี”
เอิงเอยกับสิริสุดาหัวเราะชอบใจใส่ชิโล แต่ระหว่างนั้นดรัณกับสการเข้ามาพอดี
“คุณชิโล !!”
“ผู้กองดรัณ ช่วยฉันด้วยค่ะ...คุณต้องช่วยฉันนะ”
“ใจเย็นๆก่อนครับคุณชิโล ผมไม่ให้คุณถูกขังอยู่ในนี้แน่ ผมจะพาคุณออกมา”
สิริสุดาปรี่เข้ามาทันที
“ดรัณ !! นี่คุณไม่เห็นหัวสิอยู่ในนี้เลยใช่มั้ย ถ้าคุณปล่อยนังนั่นออกไป สิจะถือว่าคุณเลือกนังนั่น”
“สิ”
ชิโล้อนวอน
“ผู้กองคะ ไม่ต้องปล่อยชิโลออกไปก็ได้ แต่ช่วยเอาสร้อยของชิโลคืนมาก็พอ”
สการสงสัย
“สร้อยอะไรของเธอ”
ชิโลไม่ทันตอบ พวกผู้ต้องหาชายที่เป็นคนถือสร้อยของชิโลถึงกับผงะตกใจเมื่ออยู่ๆแก้ววิเศษก็เปล่งประกาย ฉายแสงออกมาเป็นสัญญาณเตือน ชิโลตกใจ
“แย่แล้ว...พวกมันกำลังมาที่นี่”

สองอสูรก้าวเข้ามาที่โถงตึกสำนักงานตำรวจ อัคราสูรตีหน้าโหดหันไปทางที่จะไปห้องขังแล้วบุ่มบ่ามจะไปเอา ตัวชิโล จิตราสูรต้องรีบคว้าคอเสื้อไว้
“เดี๋ยว...นั่นแกจะไปไหน”
“ก็ไปเอาตัวรัศมิชโลธรไง”
“โธ่เอ้ย ไอ้อสูรหัวสันขวาน ขืนแกทะเล่อทะล่าบุกเข้าไป แกได้โดนตำรวจที่นี่เล่นงานแน่”
“หึหึหึ...ข้าเพิ่งรู้ว่าแกกลัวพวกมนุษย์ต๊อกต๋อย”
“ข้าไม่ได้กลัวเว้ย เป่าทีเดียวพวกมันก็กระเด็น แต่ข้าไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่อง ใหญ่ ถ้าพวกมนุษย์รู้ว่าเราเป็นอสูร เรื่องจะบานปลายกลายเป็นปัญหาให้นายท่าน”
อัคราสูรนิ่งคิดตามแล้วเห็นด้วย
“ที่แกพูดมามันก็จริง งั้นแกจะทำยังไง”
จิตราสูรยังไม่ตอบหันซ้ายหันขวาก่อนจะหันไปเห็น ผู้การดำเกิงเดินเข้ามาในชุดตำรวจเต็มยศ มีตำรวจชั้นผู้น้อยเดินตาม จิตราสูรร้องเรียก
“ เฮ้ย...ไอ้แก่ มานี่หน่อยเด่ะ”
ผู้การดำเกิงชะงักหันไปมองรอบๆตัวไม่คิดว่าจะถูกเรียก
“ไม่ต้องหันไปหาใครหรอก ข้านี่แหละเรียกเอ็ง”
ผู้การดำเกิงชะงักชี้นิ้วที่ตัวเอง จิตราสูรหัวเสีย
“เออ..เอ็งนั่นแหละ แก่แล้วหูหนวกเหรอไงวะ”
ผู้การดำเกิงหน้าเสีย ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่พอใจจะเข้าเล่นงาน แต่ผู้การปราม”
“เราเป็นตำรวจ มีหน้าที่รับใช้ประชาชน ต้องรับฟังปัญหาของเขา”
ผู้การดำเกิงเดินเข้าไปหาจิตราสูรอย่างยิ้มแย้ม
“มีอะไรให้ตำรวจรับใช้เหรอครับ”
“มี ช่วยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆหน่อย”
ดำเกิงสงสัยแต่ก็ยื่นหน้าเข้าไป จิตราสูรยิ้มกวนตรีนก่อนจะชกเปรี้ยงเข้าที่เบ้าตาดำเกิงทันที ผู้การดำเกิงกระเด็นตัวเซไปทางลูกน้อง ปากแตก เลือดกำเดาไหล ทุกคนในสำนักงานตำรวจพากันตกใจ
“ไอ้อึ่งอ่าง ทำอะไรของเอ็งวะ”
“วิธีฉลาดๆของอสูรฉลาดๆอย่างข้า เราจะได้เข้าไปอยู่ในห้องขังใกล้ๆกับรัศมิชโลธร อย่างเนียนๆ ไม่มีใครผิดสังเกตไง ฮ่าๆๆๆ”
เป็นไปอย่างที่จิตราสูรโอ่ เพราะตำรวจแทบจะทั้งหมดในสำนักงานตำรวจกรูกันเข้ามาชักปืนจ่อสองอสูร ส่วนผู้ การดำเกิงหน้าเจ็บระบมร้อง....ซี้ดดด

โปรดติดตาม "มณีแดนสรวง" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น