ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 15
นทีทองเอื้อมมือไปเปิดประตู เห็นจิรายุยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง ชามาเดินเข้ามาทีหลัง จิรายุเห็นกุ้งนางและนทีทองอยู่ในห้องกันสองคน ก็จ้องนิ่ง หน้าตาไม่พอใจ จิรายุจ้องตาเขม็ง
“กุ้งนาง!”
กุ้งนาง และนทีทองมองจิรายุยิ้มเพราะไม่ได้ทันคิดว่าตัวเองจะทำอะไรผิด
“คะ”
“ทำไมทำแบบนี้”
กุ้งนางกับนทีทองมองหน้ากันงงๆ
“ทำแบบนี้ ฉันทำอะไร”
“ก็ที่มาเปิดห้องนี่ไง”
“เดี๋ยวนะคุณจิ นี่เรื่องอะไรครับ ผมว่าคุณจิเข้าใจผิดแล้วล่ะ ห้องนี้มัน...”
ชามาดารีบสวนขึ้น
“ผู้ชายผู้หญิงอยู่ในห้องสองคนตอนดึกยังงี้ พี่นทีจะให้เข้าใจว่าอะไรคะ”
“ทำไมคิดอะไรสกปรกยังงี้ล่ะดา”
“ดาก็แค่คิด แต่คนอื่นทำ พี่ว่าใครสกปรกกว่ากันล่ะคะ”
“คุณจิ” นทีหันแมองจิรายุ
จิรายุเน้น
“พี่นที ผมเป็นผู้จัดการวง ก็แค่มาดูความเรียบร้อย”
“แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
จิรายุย้ำเสียงจริงจัง
“ผมไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของศิลปินหรอกครับ ถ้าไม่กระทบกับเรื่องงาน”
กุ้งนางนิ่งมองอย่างไม่สะทกสะท้านที่จิรายุจะเข้าใจผิด ชามาดายิ้มเยาะ นทีทองมองอย่างไม่พอใจ ชามาดาบอกกับจิรายุ
“รู้แล้วเห็นแล้ว ไปกันเถอะค่ะจิ อย่าอยู่เป็นก้างขวางคอเขาเลยค่ะ”
ชามาดาลากจิรายุออกไป นทีทองแค้นๆ
“พี่ว่าเราหลงกลชามาดาแล้วล่ะ”
“ไม่ใช่เราค่ะ แค่คนบางคน ถ้าเขาคิดไม่ได้ กุ้งก็ไม่รู้จะว่ายังไง”
“แล้วกุ้งจะนอนห้องนี้ไหม แต่ถ้าเป็นพี่ พี่จะไม่รับของกำนัลจากผู้หวังร้าย”
“กุ้งไม่คิดจะนอนห้องนี้อยู่แล้ว ที่มาดูห้องก็แค่อยากรู้ว่า ทำไมคุณชามาดาถึงหวังดีกับกุ้งไงคะ”
นทีทองยิ้ม
“เรานี่ก็ร้ายเหมือนกันนะ ตอนนี้ก็รู้แล้ว ต้องระวังตัวแล้วนะ”
“ค่ะพี่นที”
กุ้งนางกับนทีทองหัวเราะขำกัน แต่แล้วกุ้งนางก็แอบเศร้าเมื่อคิดถึงจิรายุที่เข้าใจเธอผิด
จิรายุเปิดประตูห้องเดินเข้ามาด้วยความหงุดหงิดแล้วจะปิดประตู แต่ชามาดาขวางไว้
“ทีนี้จิเชื่อดารึยังละคะ ว่านังเด็กกุ้งนี่มันหวังสูง เอาตัวเข้าแลก”
ชามาดาเดินเข้ามาโอบจิรายุจากด้านหลัง
“นังเด็กนั่นมันคงหวังจะเกาะพี่นที พี่นทีก็คงชอบกินหญ้าอ่อนเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ระรี้ระริกเรียกกันไปที่ห้องยังงี้หรหอนะคะ”
จิรายุแกะมือชามาดาออก
“คุณกลับห้องไปได้แล้ว”
ชามาดาโกรธ
“ไม่ต้องมาไล่ดา จิ...นังกุ้งนางมันไม่ได้โง่นะคะ มันคงรู้แล้ว ว่าจะจับลูกชายเจ้าของค่ายคงยาก สู้จับนักร้องแก่ๆ ไม่ได้ มันง่ายกว่าเยอะ”
“คุณหยุดพูดเรื่องเหลวไหลได้แล้ว”
“เหลวไหลตรงไหน ดาว่าคุณทนไม่ได้มากกว่า หึงเหรอคะ ที่เห็นอีเด็กนั่นอยู่กับพี่นที”
“ดา...”
“ดาว่ายังงี้ดีไหมคะจิ ถ้าคิดจะเล่นๆ สนุกๆ ไป ไม่จริงจังอะไรกับมัน ดาว่าก็โอเคนะคะ”
จิรายุตาเขม็งมองชามาดาอย่างโกรธจัด ชามาดายิ้มเยาะสะใจ
“นอนหลับฝันดีนะคะจิ”
ชามาดาเดินออกไป จิรายุถอนใจ ไม่อยากจะเชื่อเรื่องกุ้งนางกับนทีทอง แต่ก็ทำใจไม่ได้
กุ้งนางกับนทีทองเดินคุยกันมาจนถึงหน้าห้อง
“เอ้อ...พี่นทีคะ เมื่อกี้เรายังคุยกันค้างอยู่เลย”
นทีทองนึกๆ
“ใช่...เราคุยถึงเรื่องอะไร พอชามาดามาขัดพี่ก็ลืมไปเลย”
“เรื่องเพื่อนพี่ ที่บอกว่าหน้าตาและนิสัยเหมือนกุ้ง”
นทีทองนึกได้
“อ๋อ...เขาชื่อแก้วตา”
กุ้งนางชะงักหยุดเดินอึ้งตะลึง นทีทองสงสัย
“ไม่รู้ตอนนี้แก้วตาไปอยู่ไหนแล้ว กุ้งมีอะไรรึเปล่า”
“พี่นที จำเขาได้หรือคะ”
“แน่นอนที่สุด ตอนนั้น ฉันยังเป็นแค่นักร้องในวง แก้วตาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเราคุยกันได้ทุกเรื่อง”
กุ้งนางจ๋อยไป
“แค่เพื่อนหรือคะ”
นทีทองหัวเราะ
“ตอนนั้นใครๆ ก็ถามแบบกุ้งนี่แหละ” นทีทองเน้น “ทุกคนคิดว่าเราเป็นแฟนกัน แต่จริงๆ เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
กุ้งนางเงียบไปแล้วเดินต่อไปกับนทีทองจนถึงห้อง
“ถึงห้องฉันแล้ว ไว้คราวหน้าฉันจะเล่าเรื่องแก้วตาให้ฟังอีกนะ”
“ค่ะ”
นทีทองไขกุญแจ เปิดประตู
“ไปพักผ่อนได้แล้วกุ้งนาง”
“ค่ะ”
กุ้งนางเดินต่อไป นทีทองเข้าห้องไป กุ้งนางหันกลับไปมองนึกถึงคำพูดของนทีทองเมื่อครู่
‘ทุกคนคิดว่าเราเป็นแฟนกัน แต่จริงๆ เราเป็นแค่เพื่อนกัน’
กุ้งนาง รู้สึกเศร้าเสียใจจนน้ำตาไหลออกมา
จิรายุเดินวนไปวนมาที่ริมระเบียงด้วยความหงุดหงิดนึกสิ่งที่ชามาดาพูดเมื่อครู่
‘ไม่ต้องมาไล่ดา จิ...นังกุ้งนางมันไม่ได้โง่นะคะ มันคงรู้แล้ว ว่าจะจับลูกชายเจ้าของค่ายคงยาก สู้จับนักร้องแก่ๆ ไม่ได้ มันง่ายกว่าเยอะ’
‘คุณหยุดพูดเรื่องเหลวไหลได้แล้ว’
‘เหลวไหลตรงไหน ดาว่าคุณทนไม่ได้มากกว่า หึงเหรอคะ ที่เห็นอีเด็กนั่นอยู่กับพี่นที’
‘ดา...’
จิรายุ เดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วหยิบหนังสือมานั่งเปิดๆๆๆ แล้วก็โยนทิ้ง
“แล้วฉันทำไมต้องคิดถึงเธอ วุ่นวายเรื่องของเธอด้วยนะกุ้งนาง”
จิรายุล้มตัวลงนอนก่ายหน้าผาก คิดหนัก
ยามเช้า...รถบัสที่จอดอยู่ลาดจอดรถ เปิดประตูที่เก็บประเป๋าไว้ กุ้งนาง กบ ชะเอม เดินลากกระเป๋ามาแล้วเอากระเป๋ามาให้พนักงานช่วยยกใส่รถ จิรายุเดินมาพอดี พอเจอกับหญิงสาว ชายหนุ่มก็ตึงๆ ใส่
“ทำไมยังไม่ขึ้นรถกันอีก”
“ก็กำลังจะ...”
จิรายุสวนทันที
“ออกมาเดินสายยังงี้ต้องตรงเวลา ไม่ใช่มาเที่ยว”
กุ้งนางนิ่งไม่สนใจ ชะเอมมองจิรายุ แล้วมองกุ้งนาง
“เอ้อ คือ ก็ตรงเวลานะคะ แค่เป็นสามคนสุดท้ายเอง”
จิรายุมองหน้ากุ้งนาง
“แต่คนอื่นเขาขึ้นรถกันไปหมดแล้ว ต้องมาคนแค่สามคนยังคิดว่าตรงเวลา”
กุ้งนางตัดบทหันไปบอกเพื่อน
“ขึ้นรถกันเถอะ”
“เดี๋ยว...จำไว้นะ กลางคืนต้องเข้านอนพักผ่อน ไม่ใช่ออกมาเดินเพ่นพ่าน เช้าก็ไม่ตื่นลงมาช้ายังงี้ เห็นใจเพื่อนๆ ในวงด้วย”
กบแย้งขึ้น
“เมื่อคืนเราไม่ได้ออกไปไหนนะคะคุณจิ”
“จริงๆ นะคะ คือมันมีปัญหาเรื่อง...”
ชะเอมยังพูดไม่จบจิรายุตัดบททันที
“อย่าเถียง” จิรายุมองหน้ากุ้งนาง “เธอสองคนไม่ได้ไปไหน แต่เพื่อนเธอไป”
กุ้งนางจ้องหน้าจิรายุอย่างไม่กลัว
“ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็ขึ้นรถไป จะได้ออกเดินทางออกเดินทางกันซะที”
จิรายุเดินออกไป ทุกคนมองหน้ากันงงๆ มีแต่กุ้งนางที่มองตามแล้วค้อนตามหลัง
รถตู้แล่นนำรถบัสอยู่บนถนน ในรถบัสหลายคนนั่งหลับ กบ เจ๊อึ่ง เขียดนั่งหน้ารถ กุ้งนาง ก้าน ชะเอม ด้วงจับกลุ่มคุยกันอยู่หลังรถ ชะเอมหันไปถามด้วง
“พี่ด้วง คิดว่ายังไง คุณจิเป็นอะไร”
ก้านออกความเห็น
“เท่าที่ฟังนังนี่เล่ามา กุ้งไปทะเลาะอะไรกับท่านรึเปล่า”
กุ้งนางส่ายหน้า
“เปล่า ทำไมต้องเป็นกุ้งด้วยล่ะ เขาอาจจะอารมณ์เสียเรื่องอื่นก็ได้”
ก้านคิดนิดนึง
“งั้นคุณจิจะมาหาเรื่องกุ้งทำไม”
“กุ้งไม่อยากพูดแล้ว กุ้งมีเรื่องพ่อต้องคิดเยอะ ไม่อยากใส่ใจกับเรื่องไร้สาระ”
“ช่วงนี้เราทำงานใกล้ชิดนทีทอง พี่ว่าเอ็งก็คุยเรื่องแม่เอ็งกับเค้าไปเลย”
กุ้งนางถอนใจ
“กุ้งคุยแล้วจ้ะ”
“แล้วพี่นทีว่าไง”
ทุกคนได้ยินก็ดีใจ มีแต่กุ้งนางที่เศร้า
“เขาไม่ยอมรับแม่ บอกแค่ว่าแม่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”
ชะเอมรีบถาม
“แล้วกุ้งบอกรึเปล่าว่ากุ้งเป็นลูก”
กุ้งนางหน้าเศร้าหมอง
“ขนาดแม่เขายังไม่ยอมรับ แล้วเขาจะรับฉันเหรอพี่”
ชะเอมสลดลง
“เออ ก็น่าคิด ดังก็ดัง หน้าก็ดี มั๊นไม่น่าใจดำนะ”
“กุ้งก็ดูพ่อไม่ออกเลยเหมือนกัน เขาเหมือนจะเป็นคนดี แต่คนดีจะทิ้งคนที่เขารักและรักเขามากได้ลงเหรอพี่”
ก้านออกความเห็น
“พี่ว่าเราต้องถามคนที่เคยทำงานกับนทีทองมาก่อน”
กุ้งนางรีบขัด
“อุ๊ย ไม่เอานะพี่ก้าน ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ เดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่”
“แต่พี่พอจะหาคนไว้ใจ ถามได้นะ”
ชะเอมแปลกใจ
“ใครวะไอ้ก้าน”
ก้านยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ไม่ตอบ...หน้ารถกบที่นั่งหลับค่อยๆ ลืมตาแล้วหันไปด้านท้ายรถสายตาหญิงสาวเห็นก้านหยอกล้อกับกุ้งนางสนุกสนาน กบได้แต่ยิ้มเศร้าๆ แล้วหันกลับมามองไปนอกรถ
ในสตูดิโอ...สุดนภาเต้นกับแดนเซอร์ แล้วร้องเพลง ทีมงานกำลังถ่ายทำมิวสิควิดีโอกันอยู่ ชาตรี เสี่ยอ๋า ผู้กำกับยืนดูอยู่มุมหนึ่ง ชาตรียังสงสัยไม่หายจึงหันมาถามเสี่ยอ๋า
“ผมไม่เข้าใจทำไมเราต้องรีบขนาดนี้ ถ้ามีเวลามิวสิคอาจจะออกมาสวยกว่านี้นะครับเสี่ย”
“นี่ก็สวยแล้วนี่ ยิ่งเพลงออกเร็วขายเร็วก็ได้กำไรเร็ว”
เสี่ยอ๋าหัวเราะมีความสุข ชาตรีมองแล้วลอบถอนหายใจ คมกริชเดินเข้าสตูมาแล้วเดินมาหาเสี่ยอ๋าพร้อมยกมือไหว้ ชาตรีมองงงๆ
“เอ๊ะ...คมกริชมาทำไม”
“ผมเรียกเขามาเองแหล่ะ อยากให้มาช่วยออกความเห็นหน่อย มันเป็นเพลงที่เขามาขายให้ผม แล้วนี่ก็งานชุดแรกของลูกสาวผม ครูคงไม่ว่าอะไรนะ”
ชาตรีชะงัก
“เอ่อ...ไม่ครับ”
ชาตรีรู้สึกแปลกๆสงสัย
เมื่อถ่ายมิวสิคเสร็จ เสี่ยอ๋ากัย สุดนภาเดินมาส่งคมกริชที่ล้อบบี้แล้วยืนคุยกัน ชาตรีเดินตามออกมาแอบดูอยู่ไกล คมกริชยิ้มแย้มชื่นชมสุดนภา
“คุณฟ้านอกจากจะสวยมากแล้ว ยังร้องเพลงได้เพราะจริงๆ นะครับ ผมว่า ถ้าปล่อยเพลงนี้ไปเมื่อไหร่ ดังระเบิดแน่”
“ขอบคุณค่ะ หวังพี่คมคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกทางโน้นนะคะ”
“ไม่หรอกลูก คุณคมถึงเป็นแต่งเพลงให้สยามซอง ช่วยงานไอ้จรัล แต่เขาคือคนของพ่อ”
เสี๋ยอ๋าบอก สุดนภาทำเป็นงง
“อะไรนะคะ นี่พี่คมเป็นนกสองหัวเหรอ”
คมกริชหน้าเสียไม่พอใจแต่ต้องเก็บเอาไว้
“อย่าคิดแบบนั้นสิครับคุณฟ้า คิดว่าผมซื่อสัตย์กับพ่อคุณคนเดียว”
เสี่ยอ๋าหัวเราะ
“ฟ้าเขาล้อเล่นน่ะ”
“ผมไม่ถือหรอกครับ แต่เสี่ยอย่าลืมที่สัญญากับไว้นะครับ”
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ลืมแน่”
คมกริชไหว้ลาเสี่ยอ๋ากับฟ้าแล้วเดินออกไป
“ป๋าคะ คนแบบนี้ไว้ใจได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอก”
“อ้าว...แล้วป๋าเลี้ยงไว้ทำไม”
“ก็มันยังมีประโยชน์อยู่ลูก จำไว้นะฟ้า เรื่องของธุรกิจ มันไม่มีคนดีคนไม่ดีมีแต่ใครให้ประโยชน์กับเรามากแค่ไหน ถ้ามันดีแต่ถ้าหมดประโยชน์แล้ว ก็ต้องเฉดหัวมันไป”
“แล้วเขามีประโยชน์อะไรบ้างล่ะคะ”
“ก็เพลงที่ฟ้าร้องไง มันเอามาให้”
“ทำไมป๋าทำแบบนี้ล่ะ แล้วฟ้าจะมองหน้าพี่จิได้ยังไง อยู่ๆ ไปเอาเพลงค่ายเขามาให้ร้อง ป๋าอ่ะ”
“ใจเย็นๆ ลูก เพลงนี้ทางโน้นเขาไม่เอาแล้ว”
“แน่นะคะ”
เสี่ยอ๋าพยักหน้ารับ
“ถ้าพี่จิไม่พอใจฟ้า ฟ้าเอาเรื่องป๋าจริงๆ ด้วย”
สุดนภาเดินงอนๆออกไป เสี่ยอ๋ามองตามแล้วส่ายหน้าระอาใจ
“เงินเป็นสิบๆ ล้านไม่เอาไอ้ลูกคนนี้นี่”
เสี่ยอ๋าเดินตามไป ชาตรีออกมาจากที่ซ่อนอย่างครุ่นคิด
คมกริชเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานหน้าเครียดหงุดหงิด
“นกสองหัวเหรอ...ปากดีไปเถอะคุณฟ้าคนสวย สักวันจะกลายเป็นเมียไอ้นกสองหัวคนนี้แหละ”
คมกริชยิ้มออกมาได้
“ว่าไปก็ดีเหมือนกัน จะได้เขยิบจากผู้บริหารเป็นลูกเขยซะเลย”
คมกริชหัวเราะสะใจอย่างมีหวัง
ในผับใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดการแสดง ในห้องแต่งตัว เจ๊อึ่งกับเขียด เอาชุดออกมาแขวน เขียดตื่นเต้นดีใจ
“โอ๊ย คืนนี้เริ่ดมาก เริ่ดจริงๆ ได้โชว์ในผับ ถ้าได้งานห้องแอร์ยังงี้ทุกคืนก็ดีเนอะเจ๊เนอะ”
“เออ”
กุ้งนางกับชะเอมมาช่วยเจ๊อึ่งกับเขียด เจ๊อึ่งรีบบอก
“ไม่ต้องช่วยแล้วกุ้ง ชะเอม ไปแต่งหน้าแต่งตาให้เสร็จไป๊”
กุ้งนางยิ้มให้
“เสร็จแล้วจ้ะเจ๊ มากุ้งช่วย เจ๊ยังไม่ได้เด็กใหม่เลยนี่”
ชะเอมเข้าช่วย
“จริง ฉันสองคนก็ต้องรับสองจ๊อบ ช่วยเจ๊ต่อไป”
เจ๊อึ่งยิ้มพึงใจ
“เออ ขอบใจที่ไม่ลืมตีน”
“จ้า...” ชะเอมกระซิบกุ้งนาง “กุ้ง แล้วที่ไอ้ก้านมันบอกจะช่วยนี่ตกลงยังไง”
“กุ้งก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เขียดเขยิบเดินเข้ามาใกล้กระซิบ
“ก้านจะช่วยอะไรเหรอ บอกซิ บอกมา อยากรู้”
ชะเอมกระซิบ
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะพี่เขียด”
“แน่นะ”
เจ๊อึ่งเสียงดังทันที
“แน่หรือไม่แน่ไม่รู้นังเขียด แต่ถ้ามาอู้มากๆ ฉันเอาเข็มเย็บปากแกแน่”
กุ้งนางกับชะเอมหัวเราะขำ เจ๊อึ่งดึงหูเขียดเดินแยกไปทำงาน
“ท่าทางไอ้ก้านมันจะโม้ซะละมั้ง เพิ่งมาทำงานไม่กี่เดือน มันจะไปรู้จักมักคุ้นกับใครนักหนาวะ พี่ว่าเราถามเจ๊อึ่งกับพี่เขียดดีกว่า”
กุ้งนางรีบห้าม
“อย่านะพี่ชะเอม ฉันไม่อยากให้คนสงสัย ดีไม่ดีมองฉันในแง่ร้ายละยุ่งเลย”
“เออ...ก็จริงของกุ้งนะ...งั้นไปตามหาไอ้ก้านกันดีกว่า”
ชะเอมจูงกุ้งนางออกไป
กบเดินเล่นอยู่มุมหนึ่งหลังเวที หญิงสาวร้องทวนเนื้อเพลงที่ต้องขึ้นเวที ก้านเดินจ้ำๆ พร้อมกับตะโกนเรียก กบชะงักหยุดร้อง
“คุณกบ...คุณกบ”
“พี่ก้าน ขออะไรอย่างได้ไหม”
“ได้ครับ”
“ต่อไปเรียกกบว่า กบเฉยๆ ไม่ต้องเรียกคุณ”
“ไม่ดีมั้งครับ”
“งั้นกบก็จะไม่คุยกับพี่อีก”
ก้านตกใจ
“ได้ๆ ต่อไปจะเรียกคุณกบว่ากบเฉยๆ”
กบยิ้ม
“มีธุระอะไรกับกบเหรอจ๊ะ”
“กบไม่แต่งตัวแต่งหน้าเหรอ”
“ฉันไม่สวยแต่งแป๊บเดียวก็เสร็จ”
“โห ว่าไปนั่น ใครบอกว่ากบไม่สวย พี่ว่าสวยจะตาย”
กบดีใจ
“จริงเหรอพี่”
ก้านยิ้ม
“จริงที่สุด”
กบเขินอาย
“ขอบคุณจ้ะ แล้วที่พี่ก้านวิ่งมานี่ อย่าบอกนะว่าวิ่งมาเพื่อชมฉัน”
“เอ้อ คือ...กุ้งเขามีเรื่องไม่สบายใจ พี่คิดว่ากบน่าจะช่วยเขาได้”
กบยิ้มเจื่อนทันที
“เหรอจ๊ะ”
“กบไปคุยกับกุ้งหน่อยนะ”
“ไปสิ...กุ้งอยู่ไหนล่ะ”
ก้านรีบเดินจ้ำไปกบเดินตามไม่ทัน ก้านรู้สึกไม่ทันใจรีบหันเดินกลับมาแล้วจูงมือกบไปเลย
กบแอบอมยิ้มพอใจมองที่มือก้านที่จับเธอ
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 15 (ต่อ)
กุ้งนางกับชะเอมเดินหาก้านมาที่หลังเวที
“ไอ้ก้านมันหายหัวไปไหนของมันน้า หรือจะอยู่อีกด้านของเวที ไปกุ้งไปดูกัน”
ชะเอมดึงมือ กุ้งนางไปยอมไป
“พอเหอะพี่ กลับไปแต่งตัวกันดีกว่านะ เดี๋ยวไม่ทัน”
จิรายุเข้ามาด้านหลัง ทั้งสองไม่เห็น
“โอ๊ย อีกตั้งนาน”
“นั่นแหละ ถ้าเกิดไม่ทันขึ้นมา กุ้งจะโดนผู้จัดการวงจอมโหด พาล ไม่มีเหตุผล อัดเละแน่”
“เออ ก็จริง คุณจิรายุยิ่งจ้องจะหาเรื่องกุ้งอยู่ด้วย เอางี้ งั้นเอ็งไปก่อน แล้วพี่จะรีบตามไป”
ชะเอมวิ่งแยกไป กุ้งนางเดินกลับแล้วก็เจอจิรายุยืนหน้าตึงอยู่ ทั้งคู่จ้องกัน หญิงสาวจะเดินหนีแต่ชายหนุ่มขวางไว้
“ขอทางหน่อย ฉันจะไปเตรียมตัว”
“ถ้าจะเตรียมตัว แล้วมาเดินเล่นไปมาอยู่นี่ทำไม”
กุ้งนางจะเดินไป จิรายุดึงแขนไว้
“ตั้งใจตามหาใครหรือเปล่า”
“ใช่”
“พี่นทีนอนพักอยู่ในห้องนักร้องโน่น”
“เหรอคะ”
กุ้งนางรำคาญสะบัดแขนออก แต่พอจะเดินหนีจิรายุก็ดึงมือไว้อีก
“ทำไมไม่พูดความจริงกุ้งนาง”
“ความจริงอะไร”
“ก็ความจริงเรื่องของเธอกับพี่นที”
“ก็คุณคิดยังไงล่ะ”
“ฉันถามเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาถามฉัน”
“ฉันจะพูดยังไงคุณก็ไม่เชื่อหรอก เสียเวลาเปล่า”
จิรายุตวาด
“กุ้งนาง อย่ามากวนให้ฉันโมโหนะ”
“คุณก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ จะได้ไม่โมโห”
จิรายุปล่อยมือกุ้งนาง
“ได้...”
จิรายุเดินจากไป กุ้งนางมองตามไม่พอใจ ชามาดาที่แอบดูอยู่ยิ้มสะใจ
กุ้งนางเดินมาตามทางพบว่าชามาดายืนดักอยู่ก่อนเข้าห้องแต่งตัว
“เป็นอันว่า ถ้าแกคิดจะจับลูกชายเจ้าของบริษัท ก็คงไม่ได้แล้วละนะ”
“ก็เป็นไปตามแผนที่คุณวางไว้ไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ ฉันอยากจะสั่งสอนให้แกรู้ไว้ว่า นังบ้านนอกที่มาแดนเซอร์กระจอกๆก็ควรอยู่ในที่ต่ำๆ ของแก คนที่อยู่สูงเพียงพออย่างฉันเท่านั้นที่เหมาะกับจิ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันรู้ดีว่าควรจะอยู่ที่ไหน แต่คุณละคะคุณชามาดา เป็นถึงนักร้องดัง แต่หาคุณค่าของตัวเองไม่เจอ ถึงกับต้องวางแผนชั่วร้ายเพื่อกำจัดฉัน”
“นังกุ้งนาง”
“หรือว่าคนอย่างคุณ จริงๆ แล้วไม่มีคุณค่าอะไรเลย”
ชามาดาตบหน้ากุ้งนางทันที
“อีบ้า กล้าด่าฉันเหรอ”
“จำไว้นะ แกมันก็แค่หางเครื่องต่ำๆ อย่าริมาด่าฉันอีก”
กุ้งนางตบหน้าชามาดาอย่างแรง ชามาดาอึ้งไป
“คุณก็จำเอาไว้เหมือนกัน ถึงฉันจะเป็นหางเครื่อง แต่ฉันก็ไม่ชอบถูกรังแก”
“อีบ้า”
ชามาดากรี๊ด กุ้งนางจะเดินหนี ชามาดาดึงกุ้งนางจะตบอีก แต่กุ้งนางสู้แล้วตบชามาดา ทั้งสองทั้งจิกทั้งกระชาก ตบกันไปมา ก้านกับกบเดินมาเห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งเข้าไปห้าม ก้านดึงชามาดา กบดึงกุ้งนางออก
“ปล่อยฉันนะนี่พวกแกจะรุมฉันเหรอ ไอ้บ้านนอก”
“เปล่านะครับ ผมแค่มาจับแยก”
ชามาดาสะบัด
“แกก็ไปจับสิ ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย”
ก้านปล่อย ชามาดาจะเข้าไปอีก ก้านดึงไว้เกือบไม่ทัน กบก็เข้ามาขวางกันกุ้งนางไว้
“พี่ดาคะ พี่กำลังจะขึ้นร้องเพลง คงไม่อยากขึ้นไปแบบหน้าไม่สวยนะคะ”
ชามาดาชะงักแล้วจ้องหน้ากุ้งนาง
“แกอย่ามาเสือกนังกบ นังกุ้งนาง แกยังรู้จักฉันน้อยไป เรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่”
ชามาดาเดินหนีไป ก้านหันมาถามกุ้งนาง
“นี่มันเรื่องอะไรน่ะกุ้ง”
ที่มุมทานอาหารหลังเวทีวุ่นวายจากการเตรียมอาหาร กุ้งนาง ก้าน กบ เดินมานั่งที่โต๊ะใกล้ๆ
“ยัยชามาดาวางแผนให้คุณจิเห็น ว่ากุ้งอยู่กับนทีทองในห้องเหรอ”
กบถอนใจ
“พี่ดานี่ร้ายจริงๆ เขาก็รู้ว่าพี่นทีทองไม่ใช่พวกเจ้าชู้”
กุ้งนางเซ็งๆ
“แต่คุณจิเขาคงไม่รู้”
“มิน่า...ถึงทำท่าไม่พอใจกับกุ้ง” ก้านแอบดีใจ “ไม่เป็นไรนะกุ้ง ยังไงพี่ก็เชื่อในความบริสุทธิ์ใจของกุ้งเสมอ”
ก้านยิ้มให้กุ้งนาง กบแอบดูแล้วลอบถอนใจ กุ้งนางนึกได้
“เอ๊ะ...เมื่อกี้พี่กบว่าพี่นทีทองไม่เจ้าชู้เหรอ”
“ก็ตั้งแต่กบมาเป็นแดนเซอร์จนได้เป็นนักร้อง กบยังไม่เคยเห็นพี่นทีมีข่าวเสียหายเรื่องผู้หญิงเลยนะ”
ก้านแย้ง
“หรือว่ามี แต่กบไม่รู้”
“ไม่มีหรอก นิสัยพี่เขาก็เหมือนที่พี่ก้านกับกุ้งเห็นนี่แหละ”
“แต่ตอนหนุ่มๆ พี่นทีก็อาจจะ...”
กุ้งนางพูดได้แค่นั้นกบขัดขึ้นยืนยันเสียงแข็ง
“ไม่หรอกกุ้ง เขาเป็นยังไงก็เป็นยังงั้นตลอดนะ...เจ๊อึ่ง ครูแจ๋ แม้แต่คุณจรัลก็ชอบนิสัยพี่นที พี่เขาถึงได้อยู่เป็นนักร้องอันดับหนึ่งจนทุกวันนี้ไง”
กุ้งนางดีใจ
“ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนี้”
กบมองกุ้งนางงงๆ ไม่เข้าใจก่อนจะหันไปถามก้าน
“พี่ก้าน เรื่องพี่นทีน่ะเหรอ ที่กุ้งไม่สบายใจ”
“ใช่จ้ะ กุ้งเขาอยากรู้จักนทีทองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
กบแปลกใจ
“ทำไมล่ะ”
“วันหนึ่งกบจะรู้เอง แต่รับรองไม่ใช่เรื่องต่ำๆอย่างที่ยัยชามาดาชอบคิดแน่”
กบมองกุ้งนางไม่เข้าใจ กุ้งนางแอบอมยิ้มดีใจ
จิรายุคุมการจัดไฟบนเวที แล้วมีโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“สวัสดีครับครู”
ชาตรีคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน
“คุณจิครับ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
จิรายุเดินแยกไปมุมสงบ
“ว่าไงครับครู”
“วันนี้คมกริชมาที่เบสท์มิวสิคครับ ที่จริงเขามาที่นี่สองสามครั้งแล้ว”
จิรายุงงแต่สงสัย
“คงไปหาเพื่อนฝูงตามประสาคนวงการเดียวกันรึเปล่าครับครู”
“เพื่อนเขาคือเสี่ยอ๋าน่ะสิคุณจิ”
จิรายุตกใจ
“เสี่ยอ๋า”
“วันนี้เราถ่ายมิวสิควิดีโอศิลปินใหม่ ที่เป็นความลับมาก แต่เสี่ยอ๋ากลับให้คมกริชเข้ามาดูได้”
“ครูคิดว่าพี่คมคิดจะย้ายค่ายเหรอครับ ผมจะได้ให้พ่อคุยกับพี่คม ผมไม่อยากให้สยามซองเสียคนเก่งๆ ไปอีกคน”
“ยังมีอีกเรื่องคุณจิ”
“อะไรครับ”
“เพลงใหม่ที่จะออก เสี่ยอ๋าบอกว่า คมกริชเป็นคนเอามาขายให้...”
จิรายุอึ้งไปครู่
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ พี่คมเซ็นสัญญาแต่งเพลงให้สยามซองเท่านั้น”
“งั้นก็อาจจะเอาเพลงของคนอื่นมาขาย...”
จิรายุสงสัยว่าจะเป็นเพลงของตัวเอง ชาตรีตัดบท
“ผมนี่ยิ่งแก่ยิ่งคิดมาก คุณจิอย่าถือเลยนะครับ”
“ขอบคุณนะครับครูที่เป็นห่วงผม...”
จิรายุกดวางสายขมวดคิ้วคิดหนักกังวลนึกถึงวันที่เขาไปถามหาเพลงแล้วคมกริชบอกว่าหายไป
“พี่คมคงไม่เอาเพลงของเราไปขายหรอกน่า”
จิรายุถอนใจอย่างหนักใจ
สุดนภามองมิวสิควิดีโอในทีวีที่ถ่ายเมื่อกลางวัน หญิงสาวนั่งดูด้วยความหงุดหงิด เมื่อเพลงจบ เสี่ยอ๋ากดปิด สุดนภาโวยทันที
“ป๋าอ่ะ ทำไมเราต้องรีบขนาดนี้ด้วยล่ะ มิวสิคมันออกมาไม่ดีเลย ฟ้าเต้นแค่นิดเดียว มีแต่แดนเซอร์เต้น ฟ้าก็ไม่เด่นสิป๋า”
“ก็เด่นแล้วนะลูก”
“แต่ฟ้าว่าไม่ ให้ฟ้าซ้อมเต้นแล้วเราถ่ายใหม่นะป๋านะ”
“ไม่ได้ลูก ฟ้ามีความสวยเป็นอาวุธอยู่แล้ว ลูกไม่ใช่แดนเซอร์จะได้ต้องเต้นเป๊ะๆ”
“แต่นี่มันเพลงแรกของฟ้านะป๋า”
“เชื่อมือป๋าสิ เพลงแรกเราถ่ายเน้นแต่ฟ้า ความสวยของลูกสาวป๋ากับเพลงสนุกๆ พอเปิดบ่อยๆ คนก็ต้องชอบลูก เพลงก็ติดหู”
“ฟ้าไม่เชื่อหรอก”
สุดนภางอนค้อน เสี่ยอ๋าลูบหัวลูกสาว
“รับรองน่า ฟ้าเป็นลูกป๋า ป๋าไม่ทำให้แป๊กหรอก”
“แน่ใจนะป๋า”
“แน่ใจสิ” เสี่ยอ๋ารีบเปลี่ยนเรื่อง “เออ แล้วเรื่องฟ้ากับลูกชายไอ้จรัลไปถึงไหนแล้ว”
“ช่วงนี้พี่จิออกทัวร์คอนเสิร์ต ฟ้าต้องรอให้เค้ากลับมาก่อน”
“จริงๆ ป๋าก็ไม่อยากให้ฟ้าคบกับลูกคู่แข่งหรอก”
“ป๋า ฟ้าไม่คิดจะคบพี่จิเล่นๆ นะคะ ฟ้าเอาจริง”
“จ้ะๆ ตอนนี้ลูกอยากทำอะไรป๋าก็ตามใจ พอมันเจ๊งหมดตัว เดี๋ยวฟ้าก็ทิ้งมันเองแหละ”
สุดนภางง
“ทำไมเขาจะเจ๊งล่ะคะ”
“ก็เพราะ เพลงของลูกสาวป๋าจะดัง จนยอดขายเพลงของมันตกไงล่ะ”
“โห ป๋าก็พูดซะเว่อร์เลย”
“เว่อร์ที่ไหน ฟ้าคอยดูก็แล้วกัน”
สุดนภาขำพ่อตัวเองแล้วกอดไว้ เสี่ยอ๋าแอบยิ้มร้าย
ค่ำนั้น...กบร้องเพลงเปิดคอนเสิร์ต คนดูชื่นชอบทั้งให้พวงมาลัยทั้งออกมาเต้นหน้าเวที...ในห้องแต่งตัว นทีทองแต่งตัวเสร็จแล้ว นั่งรออยู่ ซองจูเอาน้ำผึ้งผสมมะนาวมาให้ ซองจูนั่งลงข้างๆ
“น้ำผึ้งผสมมะนาวครับพี่”
“ขอบใจนะ” นทีทองโอบไหล่ซองจู “เรานี่รู้ใจพี่ทุกอย่างจริงๆ”
ชามาดาเดินเข้ามาในชุดนักร้อง มีวีวี่คอยประคองกระโปรงตามมา นทีทองค่อยๆ เอามือออกจากตัวซองจู
“อุ๊ยตาย พี่นทีเสร็จแล้วเหรอคะ”
นทีทองมองหน้า แต่ไม่ตอบ
“อะไรกันค้า พูดด้วยก็ไม่พูด โกรธอะไรดาเหรอค้า”
“คิดทำแต่เรื่องเลวๆ ระวังจะเข้าตัวนะดา”
ชามาดายั่วให้โกรธ
“แหม พี่ก็พูดซะน่ากลัวเชียว ว่าแต่ว่า...เมื่อคืนพี่กับอีบ้านนอกนั่น ไปถึงไหนๆแล้วล่ะคะ”
นทีทองโกรธผุดลุกขึ้น
“ชามาดา”
ซองจูรีบแทรกทันที
“ผมว่าพี่ดารีบแต่งตัวให้เสร็จดีกว่านะครับ อีกสิบห้านาทีก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว”
ชามาดายิ้มเยาะ
“ก็จริงของซองจู ดาไปเตรียมตัวดีกว่า”
ชามาดาเดินไปที่มุมตัวเอง นทีทองมองอย่างไม่พอใจ ซองจูพยายามปลอบใจ
“ใจเย็นๆ อย่าอารมณ์เสียเลยครับพี่”
นทีทองถอนใจแล้วนั่งลง ซองจูนั่งลงข้างๆ ยิ้มปลอบใจ นทีทองพยายามยิ้มตอบ ชามาดาโวยวายเสียงดัง
“อีพี่วีวี่ มานี่สิ”
วีวี่รีบไปหาชามาดา
“เข้ามาใกล้ๆ สิ” ชามาดากระซิบ “ไปจัดการให้เรียบร้อย”
วีวี่ลังเล
“จะดีเหรอคะน้องดา”
“ดี...ดาสั่ง ก็ทำไป ไม่ต้องถาม เข้าใจมั๊ย”
“ค่ะน้องดา”
วีวี่ทำหน้าแบบไม่เต็มใจก่อนออกไป ชามาดายิ้มร้าย
ในห้องแต่งตัวแดนเซอร์ เจ๊อึ่งกับเขียดกำลังเช็คชุดแดนเซอร์อย่างวุ่นวาย ชะเอมหันมามองกุ้งนางที่กำลังหารองเท้าอยู่
“หาอะไรไอ้กุ้ง”
“ไม่รู้รองเท้าฉันหายไปไหน”
ชะเอมช่วยหา
“เอ็งวางไว้ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
เจ๊อึ่งเดินมาใกล้
“เร็วเข้าสิ มัวแต่หาอะไรอยู่”
“รองเท้าไอ้กุ้งมันหายน่ะเจ๊”
“อะไรนะ” เจ๊อึ่งเสียงดังกับทุกคน “เอ้า ช่วยกันหารองเท้าไอ้กุ้งหน่อยเร้ว”
ทุกคนช่วยกันหาวุ่นวาย จิรายุเข้ามาไม่พอใจ
“ทำอะไรกัน จะถึงคิวแล้วทำไมยังไม่ออกไปอีก”
เจ๊อึ่งรีบบอก
“รองเท้ากุ้งนางหายค่ะคุณจิ”
จิรายุหันมามองหน้า กุ้งนางหลบตา จิรายุตวาดเสียงดังหน้าดุ
“อะไรกัน แค่รองเท้าคู่เดียว ก็รักษาไม่ได้ ตัดตัวออกไป ไม่ต้องเต้น”
ทุกคนหน้าเหวอ เขียดถามเสียงอ่อย
“ใส่คู่อื่นได้ไหมคะคุณจิ”
“ไม่ได้ คนอื่นไปเตรียมตัวได้แล้ว ไปสิ”
เจ๊อึ่งงง ก่อนจะสั่งเสียงดัง
“รีบไปสิ ไม่ได้ยินเหรอ ไป...ไป๊”
ทุกคนไป กุ้งนางมองตามน้ำตาซึม จิรายุแววตาเปลี่ยนเป็นสงสาร เหมือนจะพูดอะไรปลอบใจ แต่ก็ตัดใจเดินกลับออกไป
วีวี่เดินหิ้วถุงรองเท้ากุ้งนางเข้ามาในห้องตรงมาหาชามาดา
“ของที่ให้ไปเอา ได้ไหมพี่วีวี่”
“ได้ค่ะ น้องดา”
“ไหนดูซิ”
วีวี่เปิดให้ดู ชามาดาหัวเราะสะใจ
“ดีมากจ้ะพี่วีวี่ ตัดบัญชีหนี้ไปเลยอีกห้าพัน”
“ขอบคุณค่ะน้องดา”
“เอาไปทิ้งได้แล้ว มันสกปรกเน่าหนอน”
“ค่ะ”
ชามาดาหันไปทางนทีทอง
“พร้อมหรือยังคะ พี่นที...น้องดาจะไปรอด้านหลังเวทีแล้วนะคะ”
นทีทองมองหน้าชามาดา
“ชักจะคุ้มดีคุ้มร้ายมากขึ้นทุกวัน”
ชามาดาไม่สนยิ้มยั่วโมโห
“คืนนี้เต็มที่เลยนะคะพี่นที”
ซองจูไม่พอใจพูดเสียงแข็งหน้าเข้ม
“พี่นทีก็เต็มที่ทุกครั้งอยู่แล้วล่ะครับ”
“อุ๊ยตาย ออกรับกันเป็นปี่...เป็นขลุ่ย ทีหลังฉันพูดกับพี่นทีแกไม่ต้องมายุ่ง”
ซองจูเถียงแบบไม่พอใจ
“คุณก็พูดจาดีๆ หน่อยสิ”
นทีทองปราม
“พอเถอะซองจู อย่าอารมณ์เสียเลยน่า”
ชามาดามองหน้านทีทองกับซองจูอย่างกวนๆ แล้วเชิดเดินออกไป นทีทองโอบซองจู
“เราก็ต้องใจเย็นๆ เหมือนกันนะซองจู”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
ชามาดากับนทีทองร้องเพลงเต้นกันสนุกสนาน คนดูก็สนุกกันไปจนจบเพลง...กุ้งนางเดินออกมานั่งกอดเข่าร้องไห้ ก้านเข้ามาเห็นก็ชะงัก
“กุ้งทำไมมาอยู่นี่ล่ะ ทำไม่ขึ้นเวที”
กุ้งนางเงียบ
“เป็นอะไรไปน่ะ ร้องไห้ทำไม”
กุ้งนางปาดน้ำตา
“ไม่มีอะไรจ๊ะ ผงมันเข้าตา”
“แสดงว่าผงชิ้นโตด้วยนะ น้ำตาถึงได้ไหลขนาดนี้”
กุ้งนางพยายามยิ้ม
“จ้ะ”
ก้านยิ้มแล้วจับมือปลอบกุ้งนาง
“ใครทำอะไรกุ้ง บอกพี่มาดีกว่า”
กุ้งนางเจ็บใจร้องไห้อีก
“รองเท้าเต้นฉันหาย ผู้จัดการวงก็เลยไม่ให้ขึ้นเวที”
“วันนี้มันยังไง กุ้งมีเรื่องกับคุณจิรายุทั้งวัน”
จิรายุเดินเข้ามา มองก้านกับกุ้งนางแบบขวางๆ
“ไม่มีงานทำรึไง”
ก้านรีบปล่อยมือกุ้งนาง จิรายุมองหน้าเข้ม กุ้งนางสบตาจิรายุ
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 16
จิรายุเดินเข้ามา มองก้านกับกุ้งนางแบบขวางๆ
“ไม่มีงานทำรึไง”
ก้านรีบปล่อยมือกุ้งนาง จิรายุมองหน้าเข้ม กุ้งนางสบตาจิรายุ ก้านอึกอัก
“เอ้อ...มีครับท่าน”
“มีก็ไปทำงานสิ”
“ครับ”
ก้านมองกุ้งนางอย่างเป็นห่วง ก่อนออกไป
“เธอนี่มันร้ายจริงๆ นะกุ้งนาง”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“เธอคิดจะอ้อนผู้ชายหมดทั้งวงเลยรึไง”
กุ้งนางโมโห
“คุณจิรายุ”
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างแค้นๆ
“หรือไม่จริง เถียงสิ เถียงไม่ออกใช่มั๊ยล่ะ”
“เถียงกับคนตาบอดหูหนวกอย่างคุณน่ะ เปล่าประโยชน์ เปลืองน้ำลาย”
“มันชักจะมากไปแล้วนะ”
“คุณนั่นแหละ ชักจะมากไปแล้ว” กุ้งนางเน้น “ไม่มีงานทำรึไง ถึงได้คอยมาตามหาเรื่องฉันอยู่ได้ ทั้งกลางวันกลางคืน”
กุ้งนางเดินออกไป จิรายุหัวเสีย
ในห้องแต่งตัว กบเปิดประห้องน้ำจะออกมาแล้วชะงัก เมื่อได้ยินเสียงชามาดา
“อีพี่วีวี่ เร็วๆ หน่อยสิ ชักช้าอยู่นั่นแหละ”
ชามาดาเข้ามาโดยมีวี่วี่ตามมา
“มาถอดรองเท้าให้หน่อยเร็ว โอ๊ย...เจ็บไปหมดแล้ว รองเท้าบ้าอะไรก็ไม่รู้”
“ไหนคะ พี่วีวี่ดูให้”
วีวี่ถอดรองเท้าชามาดาออก
“อีเจ๊อึ่งมันต้องแกล้งดาแน่ๆ เอารองเท้าเบอร์เล็กมาให้ใส่ ดูซิ แดงไปหมดเลย”
“แหม เวรกรรมมันติดจรวดจริงจริ๊ง ทำคนอื่นเขา รองเท้าก็กัดเรา”
ชามาดาเสียงดัง
“อีพี่วีวี่ ปากดีนักนะ เดี๋ยวตบปากแตกเลย หุบปาก เดี๋ยวเขาก็รู้กันหมดทั้งวงหรอก...แล้วนี่เอาไปทิ้งที่ไหนล่ะ”
“ถังขยะข้างเวทีด้านโน่นแน่ะค่ะน้องดา”
“ดี ให้มันหาให้ตาย ก็หาไม่เจอ”
ชามาดาลุกขึ้นเดินกะเผลกๆ จะไปห้องน้ำ เห็นกบยืนอยู่ก็ชะงักตกใจ กบตกใจเหมือนกัน
“นังกบ แกมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
กบอึกอัก
“เอ้อ...กบเข้าห้องน้ำ...เพิ่ง...เพิ่งจะออกมาค่ะพี่ดา”
ชามาดาจ้องตาเขม็งเน้นเสียง
“แน่นะ นังกบ กรรณิการ์”
กบกลัวๆ
“เอ้อ ค่ะ”
“ถ้าเพิ่งจะออกมาก็ดี...แต่จำไว้นะนังกบ อย่าสาระแน แส่ เรื่องของฉัน ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่”
“ค่ะ”
“ออกไปสิ ฉันจะเข้าห้องน้ำ”
กบออกมา ชามาดาหันมามองอย่างตาแววตาร้าย ก่อนจะเข้าห้องน้ำไป กบมองวีวี่ที่ทำหน้าเฉยๆ
ในห้องแต่งตัวแดนเซอร์ ทุกคนกำลังเก็บข้าวของกันวุ่นวาย กบเดินเข้ามากำลังจะเข้าไปหากุ้งนางกับชะเอม แต่ชะงักหยุดฟัง เมื่อเห็นแจ๊อึ่งกำลังสอบถามกุ้งนางอย่างหงุดหงิด ทั้งหมดกำลังช่วยกันค้นหา รองเท้าวุ่นวาย
“อยู่ๆ รองเท้ามันจะหายไปเฉยๆ ได้ยังไง ไอ้กุ้ง สั่งแล้วใช่ไหมว่าชุดของเรา รองเท้า เครื่องประดับให้วางเป็นเซ็ท มันเหมือนกัน ไม่งั้นจะไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร”
“กุ้งก็ทำอย่างที่เจ๊สั่ง รองเท้าก็ใส่ไว้ในกล่องมีชื่อแปะอยู่ ก็เหมือนทุกคน”
“โอ๊ย แล้วหมาตัวไหนมันเอาไปล่ะ ถ้ารู้ล่ะก็ เจ๊จะกระทืบให้แบนแต๊ดเลย” เจ๊อึ่งอารมณ์เสีย “พอแล้วไม่ต้องหาแล้ว”
ชะเอมขัดขึ้น
“ไม่หา แล้วไอ้กุ้งมันเอาที่ไหนใส่เต้นล่ะเจ๊”
เขียดเห็นด้วย
“จริงเจ๊ เกิดคุณจิ ไม่ให้เต้นทั้งทัวร์คอนเสิร์ต กุ้งมันก็ซวยเลยนะ”
เจ๊อึ่งยิ้งหงุดหงิด
“โอ๊ย ปวดหัว เดี๋ยวพรุ่งนี่จะลองหาคู่ที่มันคล้ายๆ ให้ใส่…กุ้ง อย่าเพิ่งคิดมากนะ เจ๊จะช่วยพูดกับคุณจิเอง”
กบนิ่งคิด แล้วออกไป
ก้านกับด้วงและคนงานกำลังช่วยกันเก็บสายไฟ เครื่องดนตรี จนเกือบเสร็จ ด้วงมองเห็นกบก็สะกิดเพื่อน ก้านกันไปถามกบ
“กบ...มีอะไรเหรอ”
“มานี่หน่อยสิ”
กบดึงมือก้านแล้วส่งถุงในมือให้ ก้านรับไปเปิดดู เป็นรองเท้าของกุ้งนาง
“กบเอามาจากไหน”
กบนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอไปคุ้ยขยะที่ หญิงสาวเปิดถังขยะแล้วเอามือบีบจมูก เหม็นมาก
“ทำไมมันเหม็นขนาดนี้เนี่ย”
กบกลั้นใจหาไม้เขี่ยดู เจอรองเท้าของกุ้งนางอยู่ในถังขยะ
กบรีบบอกกับก้าน
“กบได้ยินพี่กับพี่วีวี่คุยกันเรื่องเอาอะไรไปทิ้งสักอย่าง พอรู้เรื่องกุ้งรองเท้าหาย ก็เลยลองไปดู แล้วก็เจอจริงๆ”
“แล้วเอามาให้พี่ทำไม”
“พี่จะได้เอาไปให้กุ้งนางไงล่ะ เขาจะได้ประทับใจในตัวพี่”
ก้านยิ้ม
“ขอบใจนะกบ”
กบยิ้มเศร้า
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“ทำไมชามาดาถึงร้ายแบบนี้นะ พี่จะไปบอกคุณจิรายุ”
กบรีบห้าม
“พี่ก้านจะบ้าเหรอ แค่เอาไปคืนก็พอแล้ว ขืนเธอบอกว่ากบเจอ มีหวังกบคงหมดอนาคตแน่ พี่ดาคงหาเรื่องกบหนักขึ้นไปอีก”
“ก็จริงของกบ พี่ไม่บอกก็ได้ ยังไงก็ขอบใจมากนะกบ”
ก้านวิ่งไป กบถอนหายใจเศร้า
“เปลี่ยนคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้มั๊ยล่ะ”
จิรายุยืนตำหนิกุ้งนางที่ก้มหน้ารับไม่เถียง
“แค่รองเท้าคู่เดียว ยังปล่อยให้หายไปได้ จะให้ฉันทำยังไงกับเธอดี”
“จะลงโทษยังไงก็เชิญเถอะค่ะ”
จิรายุยิ่งโมโห
“นี่ท้าทายฉันหรือกุ้งนาง”
ทั้งคู่จ้องหน้ากันไม่ยอมแพ้ เจ๊อึ่งกับชะเอมหวาดๆ
“เอ้อ...คุณจิคะ เจ๊ว่าแค่รองเท้าคู่เดียวนะคะ กุ้งมันไม่ได้ทำวงดนตรีหายทั้งวงนะคะ”
จิรายุเสียงดัง
“นั่นแหละ ตอนนี้หารองเท้าไม่เจอ อีกหน่อยก็คงหาวงดนตรีไม่เจอเหมือนกัน”
ชะเอมหน้าตื่น
“คุณจิจะไล่กุ้งออกเหรอคะ”
กุ้งนางหมดความอดทน
“ถ้าเรื่องมันเยอะนัก ฉันลาออกเองก็ได้”
เจ๊อึ่งตกใจ
“ไอ้กุ้ง...พูดยังงี้ได้ยังไง ขอโทษคุณจิเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่เจ๊ ก็ของมันหายเอง ฉันไม่ได้ทำพัง หรือเอาไปทิ้งนะเจ๊หรือจะต้องให้ชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วยล่ะ”
จิรายุเสียงดัง
“หยุดได้แล้ว”
กุ้งนางเสียงดังบ้าง
“ฉันไม่หยุด จะอะไรกับฉันนักหนา คอยจ้องหาเรื่องจับผิดกันแทบทุกอย่างก้าว จะกินจะยืนจะเดินจะนั่ง จะไปไหนทำอะไรก็ผิดก็ไม่ดีไปหมด”
จิรายุสุดกลั้นกระชากตัวหญิงสาวเข้ามา
“ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้”
กุ้งนางไม่ยอมตะโกนใสหน้า
“ไม่หยุด...ที่ฉันพูดมานี่ มันไม่จริงรึไง ฉันคุยกับพี่นทีทองที่แก่พอจะเป็นพ่อฉันได้ คุณก็ไม่พอใจ ฉันคุยกับพี่ก้านที่ฉันรักเคารพเหมือนพี่ชาย คุณก็ไม่พอใจอีก”
หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่มตาเขม็งด้วยความอัดอั้นตันใจ จิรายุค่อยปล่อยมือจากเธอ กุ้งนางน้ำตาไหลพรากพรั่งพรูออกมาอย่างเหลืออด
“คุณชามาดาแฟนคุณก็เหมือนกัน คิดแต่ว่าฉันจะให้ท่า แย่งคุณมา ฉันมาทำงานมาตามหาพ่อ ฉันไม่ได้คิดจะมาเอาตัวเข้าแลกเพราะอยากดัง”
จิรายุถอนใจ น้ำตารื้น รู้สึกว่าตัวเองผิด อยากจะขอโทษแต่พูดไม่ออก กุ้งนางนิ่ง แต่น้ำตาไหลออกมาด้วยความน้อยใจ คนอื่นก็นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน เจ๊อึ่งน้ำตาไหลเข้าไปโอบกุ้งนาง
“พอแล้วกุ้ง... คุณจิ อย่าถือโทษโกรธกุ้งมันเลยนะคะ มันเป็นเด็กดี”
จิรายุตกใจที่เห็นกุ้งนางน้ำตาไหลจนพูดอะไรไม่ถูก
“ฉันก็...”
กุ้งนางหันกลับไปหยิบกระเป๋า จะเดินออกไป จิรายุเรียกไว้
“กุ้งนาง...”
กุ้งนางชะงักนิดนึง แล้วก็ตัดใจเดินต่อไป ก้านวิ่งเข้ามาพร้อมถุงรองเท้า
“กุ้งพี่หารองเท้าเจอแล้ว”
กุ้งนางหยุดชะงัก ทุกคนหันมามองก้าน เจ๊อึ่งรีบคว้าถุงมาดู
“ไหนเอามาดูซิ ใช่จริงๆ ด้วยค่ะ คุณจิขา...” เจ๊อึ่งหันมาถามก้าน “เจอที่ไหนไอ้ก้าน”
“ในถังขยะข้างเวทีน่ะเจ๊ เจอตอน เอ่อ...จะเอาขยะไปทิ้ง”
จิรายุแปลกใจ
“แล้วรองเท้าไปอยู่ในถังขยะได้ยังไง”
“เขียดว่า ต้องมีคนแกล้งกุ้งมันแน่ๆ เลยค่ะ เพราะของพวกนี้ พวกเราจัดไว้อย่างดี”
เจ๊อึ่งหันมาถามจิรายุ
“คุณจิจะเอาไงต่อคะ”
“เจอก็ดีแล้ว อย่าให้มีครั้งที่สองอีกก็แล้วกัน”
จิรายุเดินออกไป ทุกคนมองตามแบบไม่เข้าใจ ชะเอมหันมาปลอบกุ้งนาง
“ไม่เป็นไรนะกุ้ง”
“ตกลง ฉันก็ผิดอยู่ดีน่ะแหละพี่ชะเอม”
เจ๊อึ่งตัดบท
“เออน่า อย่าเหวี่ยงเป็นซุปตาร์อีกคนเลย เจ๊เหนื่อย ได้คืนมาก็โชคดีแล้วล่ะกุ้งเอ๊ย”
กุ้งนางหันมาหาก้าน
“ขอบใจนะพี่ก้าน”
“จ้ะ” ก้านยิ้ม
เมื่อคอนเสิร์ตผ่านไป ทุกคนกลับมานอนที่โรงแรม กุ้งนางกับชะเอมนอนหลับไปแล้ว ยกเว้นกบที่นอนกระสับกระส่าย สักพักก็ลุกขึ้นมองดูเพื่อน
“หลับกันหมด...”
กบลุกขึ้นเดินไปมองหน้าต่าง ชะเอมกรนเสียงดัง กุ้งนางลืมตาขึ้นมานึกถึงเรื่องที่ทะเลาะกับจิรายุแล้วก็ถอนใจเบาๆ กบบ่นเบาๆ
“ไปเดินเล่นดีกว่า”
กบค่อยๆ ย่องเดินไป จะออกไปข้างนอก
ก้านยืนลังเลอยู่หน้าห้องแล้วจะเดินไปเคาะประตูห้อง แต่กบเปิดประตูออกมาก่อน พอปิดประตูก็ หันมาเจอก้าน
“พี่ก้าน...”
ก้านเก้อๆ
“กบ...เอ้อ ยังไม่นอนเหรอ”
“กบนอนไม่หลับ แล้วพี่ล่ะ ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
“พี่ก็...นอนไม่หลับเหมือนกัน เลยตั้งใจจะมาชวนพวกเธอออกไปหาของกินกัน”
“ตั้งใจจะมาหากุ้งนางก็บอกมาเถอะ เดี๋ยวกบไปปลุกให้นะ”
กบจะหันไป ก้านรีบบอก
“ไม่ต้องหรอกกบ กุ้งหลับแล้วเหรอ”
“จ้ะ พี่ชะเอมกรนคร่อกเลย”
ก้านผิดหวังก่อนจะแก้เก้อ
“ถ้างั้น...กบไปกับพี่นะ”
กบยิ้มดีใจ
กบกับก้านนั่งคุยกันกินก๋วยเตี๋ยวกันในตลาดโต้รุ่ง
“ขอบใจมากนะกบ ที่อุตส่าห์ทำให้พี่เป็นพระเอก”
“โลกเรานี่ก็แปลกเนอะพี่ก้าน”
“แปลกยังไง”
“ก็คนบางคน พยายามทำให้อีกคนประทับใจ แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไร”
ก้านยิ้มๆ
“แล้วไงอีก”
กบยิ้มเขินๆ
“แต่บางคน ก็ทำได้แค่นั่งดูอยู่ห่างๆ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เลยกลับประทับใจเขาซะอย่างงั้น”
“ก็จริงของกบนะ พี่น่ะทำแทบตาย แต่กุ้งอาจจะไปชอบคนอื่นก็ได้”
ก้านถอนใจ
“กบไม่ได้หมายถึงพี่สักหน่อย ขี้ตู่”
“งั้นหมายถึงใครล่ะ”
“กบหมายถึงตัวเอง”
“แสดงว่า กบต้องแอบรักใครอยู่เหมือนกัน”
กบมองก้านเศร้าๆ
“จ้ะ เขาไม่เคยมองกบหรอก แต่กบกลับชอบเขามาก”
“โห...ไอ้หมอมันนั่นคงโง่มากเลยนะ”
กบยิ้มปลง
“เขาไม่โง่หรอกพี่ กบเองต่างหากที่โง่ไปชอบเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่มีวันมองกบ”
ก้านยิ้มปลอบ เอื้อมมือไปจับมือกบ
“ไม่เป็นไรนะ ต้องมีสักวันที่เขาหันมามองกบ ให้ละเอียดมากขึ้น แล้วเขาจะรู้ว่า กบนี่แหละเป็นผู้หญิงคนดีที่สุดคนนึง”
“พี่อย่าให้ความหวังที่กบเลย ทุกวันนี้กบเห็นเขามีความสุข กบก็พอใจแล้ว”
ก้านยิ้มแล้วค่อยๆปล่อยมือ
“กบนี่เก่งนะ พี่ยังทำใจอย่างกบไม่ได้เลย”
“ไม่ใช่เก่งพี่ มันได้แค่นี้ กบก็ต้องทำใจให้ได้น่ะจ้ะ”
ก้านกับกบยิ้มปลอบกัน
1 เดือนต่อมา..หนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆพาดหัวข่าว...
“เบสท์มิวสิคเปิดตัว สุดนภา เบสท์มิวสิค...สุดนภา เบสท์มิวสิคออกตัวแรงเพลง...ขึ้นอันดับแล้ว”
“วงดนตรีของนทีทองกับชามาดาก็ได้รับความนิยมเล่นที่ไหนคนก็ชอบ”
“เบสท์มิวสิคตีตื้น สยามซองยังครองแชมป์ นทีทองชามาดายอดพุ่งไม่หยุด”
วันใหม่...จรัลนั่งทำงานอยู่ในห้อง จิรายุเดินเข้ามานั่งลงหน้าตาเหนื่อยหน่าย
“ไง...เดินสายจนหมดเรี่ยวหมดแรงเลยหรือ ไอ้ลูกจิ”
“ยังนอนไม่เต็มตาเลย พ่อเรียกผมมามีอะไรเนี่ย”
จรัลโยนหนังสือพิมพ์ให้ดู
“ค่ายโน้นเขาเอาลูกสาวมาปั้นเลยนะ กำลังดังเลย”
“ก็ดีนี่ครับ พ่อฟังเพลงเขาหรือยัง”
“ฟังแล้ว เหมือนคนแต่งหน้าใหม่ แต่ภาษาดีทันสมัย แกละฟังหรือยัง”
จิรายุส่ายหน้า จรัลเดินไปเปิดทีวีให้ดู จิรายุพอได้ฟังเพลงก็อึ้ง ไม่พอใจมาก
“นี่มัน...”
จิรายุพูดไม่ออก
“คิดเหมือนฉันใช่ไหม อะไรๆ ก็ดีหมด เสียแต่มิวสิค เหมือนทำชุ่ยๆ”
จิรายุแค้นๆ
“พี่คมกริช”
“ทำไม คมกริชทำอะไร”
“เปล่าครับ ผมกำลังคิดว่าเราคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสู้กับเบสท์ มิวสิค”
จรัลหัวเราะ
“โอ๊ย ถูกใจๆ นี่ไงลูกพ่อ ในที่สุด สิ่งที่พ่อหวังก็จะมาอยู่ในตัวแกแล้ว ต่อไปแกต้องเป็นนักธุรกิจที่ดีแน่ๆ ว่ามามีโปรเจ็คท์อะไรก็บอกมา”
“โปรเจ็คท์ปั้นนักร้องใหม่ที่ผมเคยเสนอไงครับ พ่อยังสนอยู่หรือเปล่า”
“สนสิ แล้วมันจะมีอะไรพิเศษ”
“ในเมื่อทางโน้นมีคนแต่งเพลงใหม่ ที่ทันสมัยกว่า เราก็ต้องตามให้ทัน”
“เจ๋งว่ะ ให้ได้ยังงี้สิไอ้ลูกพ่อ”
“ผมจะแต่งเพลงให้นักร้องใหม่เอง”
จรัลอึ้ง
“เฮ้ย...ไอ้จิ แต่งเพลงนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ แกยังไม่เคยแต่ง ไม่ไหวมั้ง”
“แล้วพ่อจะรู้ได้ไง ว่าผมไม่เคย”
จรัลไม่เล่นด้วย
“ไม่ได้ๆ ฉันไม่ตกลง”
“ถ้าพ่อไม่ตกลง ผมก็ไม่ทำงานแล้ว”
“เฮ้ย อย่ามั่ว”
“ตกลงนะพ่อ พ่อต้องเชื่อในตัวผม”
จรัลนิ่งไป มองจิรายุอย่างเป็นห่วง
“ก็ได้ ฉันต้องเชื่อใจลูกตัวเอง”
“งั้นผมจะเริ่มเรียกทีมงานประชุมเลย”
พูดจบจิรายุก็เดินออกไปเลย
“เฮ้ย...ไอ้ลูกคนนี้นี่ มันไปกินน้ำมั่นใจมาจากไหนวะ”
ในห้องประชุม...จรัลนั่งหัวโต๊ะ มีทุกคนนั่งรอบๆ คมกริชขัดขึ้นทันทีหลังจากได้ฟังแผนงานของจิรายุ
“ผมว่าเราอย่าเพิ่งใจร้อนเลยนะครับ ตอนนี้ชามาดากับนทีทองก็ยังไม่หมดตารางทัวร์ จะทำชุดใหม่อีกแล้วเหรอครับ”
จิรายุจ้องคมกริชหน้าเข้มไม่พอใจ
“แต่ตอนนี้คู่แข่ง ปล่อยทีเด็ด ลูกสาวเจ้าของค่าย” ชายหนุ่มเน้นๆ “ซิงเกิ้ลที่เนื้อร้องทันสมัยโดนใจออกมา จะให้เรารออะไรอีกล่ะครับ” จิรายุย้ำจ้องหน้าเขม็ง “หรือว่าพี่คมมีแผนอะไรอีก”
คมกริชหน้าเสียแต่พยายามเก็บอาการ
“คือ ผมก็แค่เห็นว่า ถ้าจะทำอัลบั้มใหม่ ทีมเพลงของผมอาจจะต้องขอเวลาหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแต่งเพลง ผมจัดการเองทั้งหมด ไม่ต้องรบกวนพี่คม”
คมกริชโกรธเสียงดัง
“หมายความว่ายังไง”
จิรายุเสียงดังพอกัน
“ก็หมายความว่า ผมได้ฟังเพลงของเบสท์ มิวสิคแล้ว มันโดนมันดัง แนวเพลงการใช้คำเขาทันสมัย ผมก็เลยจะใช้คนแต่งเพลงคนนั้น พี่คมคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
คมกริชอึ้ง ทุกคนในห้องมองหน้ากันงงๆ จรัลหันไปถามอย่างแปลกใจ
“ไอ้จิ แกรู้จักคนแต่งเพลงนั่นเหรอ”
“รู้จักดีพอๆ กับตัวผมเองเลยล่ะครับพ่อ”
“แกนี่ใช้ได้เลยนะไอ้จิ แก้เกมปรู๊ดปร๊าดทันใจพ่อดี”
จิรายุหันไปหาริสา
“พี่ริสาครับ ส่งคลิปนักร้องใหม่ที่มีอยู่ให้ผมด้วย ผมจะเลือกเอง”
“จะไม่รับใหม่เหรอคะ”
“มันช้าเกินไป”
“งั้นให้ริสาส่งข่าวเลยไหมคะ”
“ครับ บอกเลยว่า เราจะเปลี่ยนโฉมโลกลูกทุ่ง”
“ค่ะ”
คมกริชกับจิรายุมองตาสู้กันแบบไม่ชอบหน้า
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 16 (ต่อ)
กุ้งนาง ก้าน ด้วง และชะเอมนั่งทานข้าวกันอยู่ในโรงอาหาร กบเดินถือถาดใส่แก้วกาแฟที่มีน้ำร้อนเดินเข้ามา
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
“ได้สิจ๊ะ”
กบลงนั่งแล้วฉีกซองกาแฟเพรียวใส่แก้วแล้วชง ทุกคนมองตาม กุ้งนางถามอย่างสงสัย
“นั่นอะไรน่ะจ๊ะ”
กบยิ้ม
“อ๋อ กาแฟเพรียว เป็นนักร้องน่ะต้องหุ่นดี กาแฟเพรียวนี่ช่วยได้มากนะ”
ชะเอมไม่เข้าใจ
“แล้วมันดียังไงอ่ะ”
“ก็ไม่มีน้ำตาล ไม่คอเลสเตอรอล หอมอร่อย ทานแล้วทำให้ไม่อ้วนไง”
ชะเอมตาลุกวาว
“อุ๊ย...แบบนี้เราต้องลองกันแล้วนะกุ้ง เพราะเป็นแดนเซอร์หุ้นก็ต้องดี โดยเฉพาะจะเป็นแฟนพี่ด้วงยิ่งต้องสวย”
พูดจบก็ส่งสายตาเจ้าชู้ให้ด้วง ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดู อีกมุมหนึ่งริสากับผู้ช่วยเดินเข้าห้องอาหารมา แล้วตรงไปที่บอร์ดปิดประกาศ ริสายืนคุมผู้ช่วย ปิดประกาศในห้องอาหาร กุ้งนาง ก้าน ด้วง ชะเอม กบ ก็ลุกเดินมายืนดู ชะเอมแปลกใจ
“นักร้องใหม่เหรอ”
ด้วงเข้าไปถาม
“คุณริสาครับโปรเจ็คท์นี้จะเริ่มเมื่อไหร่ครับ”
“ก็เร็วที่สุดนะ คุณจิจะเสือกเอาจากคลิปที่ส่งมาแล้วน่ะ” ริสาหัวเราะขำ “ทำไมนายด้วงอยากสมัครเหรอ”
“ครับ แต่ผมไม่มีคลิปนะครับ”
“อันนี้คงยาก ไม่รู้จะคัดยังไง”
“แต่ผมร้องเพลงเพราะนะครับ คุณริสาฟังเลยไหมครับ”
ด้วงร้องเพลงทันที พอร้องไปสักท่อนสองท่อน ริสาก็ตัดบท
“พอแล้วนายด้วง เออ...เสียงก็โอนะ”
“คุณริสาช่วยให้ผมได้คัดตัวด้วยนะครับ”
ริสาทำท่าคิด ไม่ได้สนใจด้วง
“เออ เท่าทีดูคนที่ส่งคลิปมาก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ เอางี้ ฉันจะลองไปปรึกษาคุณจิดูนะ”
ด้วงยิ้มดีใจ
“ขอบคุณครับ ถ้าผมดังผมจะซื้อพวงมาลัยกับน้ำแดงมาไหว้คุณริสาเลยครับ”
ริสาค้อน
“นี่นายด้วง ฉันไม่ใช่นางกวักนะยะ”
พูดจบริสาก็หัวเราะเดินออกไป ด้วงเคลิ้ม กุ้งนางถามงงๆ
“พี่ด้วงเอาจริงเหรอ”
“บันไดดารามาถึงแล้ว ช่างคุ้มกับการรอคอยจริงๆ”
ด้วงเคลิ้มฝัน เกิดจินตนาการขึ้นในห้วงคำนึง...ด้วงกำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างหวานแหวว มีแดนเซอร์ประกอบเหมือนเกาหลีเป๊ะ คนดูกรี๊ดๆ ด้วงเดินไปรับพวงมาลัยจากแฟนเพลง...แฟนเพลงดึงด้วงมาหอม ระหว่างนั้น ชะเอมก็วิ่งออกมาดึงหูด้วงออกจากแฟนเพลง ด้วงร้องจ๊าก
ด้วงสะดุ้งเฮือก
“อะไรกันวะ นี่นังชะเอมมันตามเข้าไปถึงในฝันเลยเหรอ ชักน่ากลัวแล้วนะเนี่ย”
ก้านมองอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ด้วง พูดอะไรของพี่เนี่ย”
“ไม่ต้องกลัวนะน้องๆ ทุกคน ถ้าพี่ด้วงดัง พี่จะไม่ทอดทิ้งกัน เราลำบากมาด้วยกัน พี่ด้วงจะดูแลทุกคนเอง”
ชะเอมยิ้มหวาน
“ฉันขอให้ดูแลฉันเป็นพิเศษนะพี่ด้วง”
ด้วงสะดุ้ง กุ้งนางหัวเราะ
“พี่ด้วงนี่เป็นเอามากนะ ยังไม่รู้เลยว่าจะได้คัดตัวรึเปล่า”
กบถอนใจแรง
“เฮ้อ...นักร้องใหม่มาอีกแล้ว บริษัทคงให้กบเป็นนักร้องเบอร์สามสี่ห้าแล้วมั้ง”
ก้านปลอบ
“อย่าเพิ่งคิดมากสิกบ”
“กบอยู่มาสามสี่ปีแล้ว มันก็ไปไม่ถึงไหนซะที ไม่ให้คิดคงไม่ได้แล้วล่ะพี่”
กุ้งนางเข้าปลอบอีกคน
“กุ้งเชื่อว่าวันหนึ่งกบต้องดัง”
“ขอบใจนะกุ้งที่ปลอบใจกบ”
กบถอนใจคิดมาก ก้านมองอย่างสงสาร
เจ๊อึ่งกำลังเก็บข้าวของอยู่ในห้อง จิรายุเดินเข้ามา
“กุ้งนางอยู่หรือเปล่าเจ๊”
“ไม่อยู่หรอกค่ะ ก้านกับด้วงมาชวนไปเมื่อกี้นี้เอง เห็นว่าไปกินกาแฟกัน”
“กินกาแฟ...ตอนนี้นะ มันจะมากไปแล้ว”
เจ๊อึ่งพยายามอธิบาย
“เอิ่ม...คุณจิคะ ฟังเจ๊นิดนึง”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเลย ออกไปตอนเวลางานเนี่ย เขาเรียกอู้งาน”
เขียดขัดขึ้น
“คุณจิคะ แต่กุ้งนางไม่ได้เป็นฝ่ายคอสตูมแล้วนะคะ เขาแค่มาช่วย”
จิรายุหน้าแตกแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้
“ขอบใจนะเขียดที่เตือนฉัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เขียดยินดี”
กุ้งนางเดินมาตามทางกับชะเอม
“กุ้ง พี่ว่าถ้าบริษัทรับสมัครคัดตัวนักร้อง กุ้งน่าจะลองดูนะ”
“ฉันสนใจเรื่องพ่อมากกว่า”
“โอ๊ย เยอะ ก็ทำไปพร้อมๆ กัน เกิดดังขึ้นมา พี่นทีเขาจะได้ไม่คิดว่า เอ็งมาแอบอ้างอยากได้สมบัติเขาไง”
“ที่ฉันไม่กล้าพูดกับพ่อ…เอ้อ พี่นทีก็เพราะอย่างนี้แหละ”
“งั้นถ้ามีโอกาส กุ้งก็สมัครเลยนะ เอ็งต้องได้เป็นนักร้องแน่ๆ เอ็งสวยนะเนี่ย ร้องเพลงก็เพราะที่สุด”
“โอ๊ย ชมขนาดนี้ฉันเขินน่ะเนี่ย”
ทั้งสองยิ้มขำมีความสุข พอหันมาเจอจิรายุเดินมาก็ชะงักเปลี่ยนสีหน้าเป็นเฉยชา
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ฉันจะไปช่วยเจ๊อึ่ง”
กุ้งนางจะเดินหนีแต่จิรายุดึงแขนไว้ ชะเอมตกใจ
“คุณจิคะ”
จิรายุทำหน้าดุ
“ฉันขอคุยกับกุ้งนางส่วนตัว”
ชะเอมชะงัก
“ค่ะ แต่ว่า...”
จิรายุมองเขม็ง
“ค่ะ...”
ชะเอมจะเดินไป กุ้งนางเรียกไว้
“พี่ชะเอม”
จิรายุเสียงเข้มมาก
“ไปได้แล้ว”
กุ้งนางเรียกอีก
“พี่ชะเอม”
“เอ่อ...กุ้ง คุยกับคุณจิให้รู้เรื่องเถอะนะ”
ชะเอมมองอย่างห่วงๆ แล้วเดินออกไป กุ้งนางสะบัด
“ปล่อยแขนฉันได้แล้ว”
จิรายุปล่อยกุ้งนาง
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะต้องพูดด้วย”
“แต่ฉันไม่อยากพูดอะไรกับคุณอีกแล้ว”
“ฉันก็ไม่อยากจะพูดกับผู้หญิงหลายใจ ตีสองหน้า ต่อหน้าคนอื่นเรียบร้อยน่ารักแสนดี แต่พอลับหลังเป็นอีกอย่างนึง”
“ฉันจะเป็นยังไงก็เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมาสนใจ ไม่ต้องมายุ่ง”
กุ้งนางจะเดินไป จิรายุดึงแขนหันกลับมา
“ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย ทีกับคนอื่นละก็เห็นใกล้ชิดสนิทสนมกันนัก แต่กับฉันทำเป็นรังเกียจ”
“ก็เพราะฉันอยากจะสนิทกับเขาน่ะสิ ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อย”
“ฉันบอกให้ปล่อย”
กุ้งนางสะบัดหลุด ตบหน้าจิรายุด้วยความโมโห จิรายุหันมาแววตาทั้งรักทั้งโกรธ ดึงตัวกุ้งนางมาจูบปาก กุ้งนางอึ้ง จิรายุก็อึ้งรู้สึกผิดที่จูบหญิงสาว สุดนภายืนดูอยู่เห็นภาพนี้ก็อึ้งตกใจ จิรายุหน้าเสีย
“กุ้งนาง...ฉัน”
ทันใดนั้นเสียงสุดนภาก็ดังขึ้น
“พี่จิคะ”
กุ้งนางตกใจผลักจิรายุออก ทั้งเจ็บใจทั้งอาย หญิงสาวสะบัดหน้าเดินหนีไป จิรายุจะตามไปแต่สุดนภาเรียกไว้
“พี่จิ...ฟ้ามีธุระจะคุยด้วยค่ะ”
“ไว้ผมติดต่อไปได้ไหมครับ วันนี้ผมค่อนข้างยุ่ง”
“แต่เท่าที่ฟ้าเห็น มันเหมือนพี่จิไม่ได้ยุ่งเรื่องงาน ใช่ไหมคะ”
จิรายุอึ้งพูดไม่ออก
กุ้งนางเดินร้องไห้เข้ามาในห้องเก็บเสื้อผ้า แล้วไปนั่งที่มุมหนึ่ง เจ๊อึ่งกับเขียดเห็นแล้วก็งงเลยเดินเข้าไปหากุ้งนาง
“กุ้ง...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
กุ้งนางโผเข้ากอด เจ๊อึ่งปลอบ
“ไม่เอานะกุ้ง อย่าร้องสิ มีอะไรก็เล่าให้ฟังกันจะได้ช่วยกัน”
“ฉันเกลียดเขา เขารังแกฉัน”
“ใครรังแก บอกเจ๊ให้รู้เรื่องสิ”
ระหว่างนั้นชะเอมเดินเข้ามาเห็นก็ตกใจรีบวิ่งเข้าไป
“เฮ้ย...กุ้งร้องไห้ทำไม”
เขียดหันมาบอก
“เจ๊เขาถามก็ไม่บอก บอกแต่ว่ามีคนรังแก ไม่รู้ใคร”
ชะเอมโพล่ออกมา
“คุณจิ”
เจ๊อึ่งกับเขียดมองหน้ากันงงๆแล้วหันไปมองชะเอม
“คือฉันก็ไม่รู้อะไรมาก แต่เมื่อกี้คุณจิขอคุยส่วนตัวกับกุ้ง คุณจิทำอะไรกุ้ง”
กุ้งนางโผเข้ากอดชะเอมแล้วร้องไห้ เจ๊อึ่งถอนใจ
“เอาล่ะๆ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ชะเอมพากุ้งมันไปล้างหน้าล้างตาหน่อยหรือจะไปคุยกันสองคนก็ได้นะ เผื่อกุ้งจะสบายใจขึ้น”
“จ้ะ”
ชะเอมพากุ้งนางออกไป เขียดหันมาหาเจ็อึ่ง
“เจ๊อึ่ง คุณจิกับไอ้กุ้งนี่มันยังไงๆ อยู่นะ”
“เออ เจ๊ก็คิดเหมือนเอ็งแหละนังเขียด เฮ้อ...สงสารไอ้กุ้งว่ะ”
“สงสารอะไร”
“ถ้าเขาไม่จริงด้วย มันก็คงเหมือน...”
“เหมือนใครเจ๊”
“เหมือนเพื่อนรุ่นน้องเจ๊คนนึง”
“ใครเจ๊”
“เขาชื่อ แก้วตา เคยมาเป็นแดนเซอร์ แล้วก็กำลังจะได้เป็นนักร้อง แต่ว่า...”
“โอ๊ย เล่าขยักๆ อยู่ได้”
“ข้าไม่เล่าแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เอ็งต้องรู้นังเขียด”
เขียดถอนใจ
“เฮ้อ...เซ็งเป็ดเลยตู”
จิรายุกับสุดนภานั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงาน
“จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ฟ้าเอาซิงเกิ้ลเพลงแรกในชีวิตมาให้พี่จิน่ะค่ะ ฟ้าอยากให้พี่จิแสดงความยินกับฟ้าค่ะ”
สุดนภาส่งแผ่นให้ จิรายุรับมาดูด้วยหน้านิ่ง
“พี่จิ ฟังเพลงของฟ้าหรือยังคะ”
“ฟังแล้วครับ”
“ชอบไหมคะ”
“ชอบครับ...ชอบมาก คนแต่งเก่งนะครับ”
จิรายุเปิดซองซีดีออกอ่าน
“ใช่ค่ะ...แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพลงของใคร ป๋าก็เลยใช้ชื่อครูชาตรี”
“แล้วเบสท์มิวสิคได้เพลงนี้มาได้ยังไงล่ะครับ”
“เห็นป๋าบอกว่าคุณคมกริชเอาไปให้ตั้งนานแล้ว เราก็เลยทำเพลงนี้ออกมากะจะให้คนอื่นร้อง แต่มีเหตุขัดข้อง ฟ้าเลยได้ร้องเพลงนี้”
“ยินดีด้วยนะครับ” จิรายุเน้น “แล้วก็ขอบคุณมาก สำหรับของที่ระลึกที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม”
สุดนภายิ้มปลื้ม
“ฟ้าก็ดีใจมากค่ะ ที่พี่จิชอบเพลงของฟ้า” สุดนภาจ้องตาจิรายุซึ้ง “และฟ้าก็หวังว่าจะชอบคนร้องด้วยนะคะ”
จิรายุยิ้มรับนิ่งๆ
ชะเอมเดินประคองกุ้งนางที่เดินซับน้ำตาออกมาจากห้องน้ำหญิง
“คุณจินี่เลวจริงๆ ทำแบบนี้กับแกได้ไงวะกุ้ง”
“พี่ชะเอม เรากลับบ้านกันเถอะนะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
“แล้วเรื่องพ่อแกล่ะกุ้ง”
กุ้งนางนิ่งตอบไม่ได้ ชะเอมเข้ามากอด
“พี่ว่าตอนนี้กุ้งต้องห่างๆ คุณจิ อย่าให้เขามีโอกาสทำแบบนี้อีก”
“พี่ก็เห็นว่าฉันก็พยายามแล้ว แต่มันต้องเจอกันเกือบทุกวัน”
ชะเอมนิ่งคิดแล้วนึกออก
“พี่ว่า คุณจิเข้าใจผิดเรื่องแกกับพี่นทีทอง”
“เข้าใจผิดแล้วต้องทำแบบนี้กับฉันเหรอ”
ชะเอมนิ่งไปครู่แล้วเพ่งมองหน้ากุ้งนาง
“พี่คิดว่า คุณจิหึงกุ้ง”
กุ้งนางตกใจ
“พี่ชะเอม อย่าพูดบ้าๆแบบนี้นะ”
“ก็จริงไหมล่ะ เขาโกรธเพราะเห็นแกอยู่กับผู้ชาย ทั้งพี่นที ทั้งไอ้ก้าน แบบนี้ชัวร์เลยว่าหึง แล้วที่หึงก็เพราะรัก”
“พอเหอะพี่ ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งเสีย”
“เออๆ ไม่พูดก็ได้ แต่เอ็งไม่ได้รักคุณจิใช่ไหม”
กุ้งนางอึ้ง
“ฉัน...ฉันจะไปรักคนอย่างเขาทำไม เขาเป็นใคร ฉันก็แค่เด็กบ้านนอกคนนึง ฉันไม่อยากโดนหลอกเหมือนที่แม่เคยโดนมาแล้วแน่พี่ชะเอม”
กุ้งนางนั่งคิดเรื่องจิรายุอยู่มุมหนึ่งในบริษัท คิดว่าตัวเองรักจิรายุ อย่างที่ชะเอมพูดรึเปล่า กุ้งนางถอนใจ
“คงไม่ใช่อย่างที่พี่ชะเอมพูดหรอก”
สุดนภาเข้าหยุดยิ้มเหี้ยมๆ กุ้งนางนั่งเหม่ออยู่ สุดนภาเดินเข้าไปใกล้
“กุ้งนาง”
กุ้งนางหันกลับมา
“คุณ”
“ขอโทษนะที่ฉันมารบกวน”
“ไม่เป็นไร คุณคงมีเรื่องจะคุยกับฉัน”
สุดนภายิ้ม
“แน่นอน...คือฉันเป็นเพื่อนกับพี่จิที่อเมริกา ชื่อฟ้า แล้วก็เป็นลูกสาว เจ้าของเบสท์มิวสิค”
“ค่ะ”
“ที่ฉันเห็นเธอกับพี่จิ...”
กุ้งนางตัดบท
“มันไม่สำคัญอะไร ฉันก็แค่ถูกผู้ชายคนนึงรังแก เอาเปรียบ”
“ดีจัง...งั้นเราจะได้ไม่ต้องมีเรื่องขัดใจกัน”
กุ้งนางงงๆ
“ขัดใจ”
“ก็ฉันกับพี่จิคบกันที่อเมริกา ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ความสัมพันธ์ก็คงจะมากขึ้นตามลำดับ”
“ค่ะ”
สุดนภาทำเป็นนึกได้
“ตายแล้ว นี่ฉันจะมาเล่าเรื่องส่วนตัวทำไมเนี่ย ที่จริงเธอก็สวยดี มิน่าพี่จิถึงได้...”
กุ้งนางตัดบทเสียงแข็ง
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้ว”
“ก็โอเค ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรแล้ว แค่อยากมาดูหน้าให้ชัดๆ ต่อไปเราคงเจอกันบ่อยขึ้น...” สุดนภาเน้น “ระวังอย่าให้โดนผู้ชายเอาเปรียบ รังแกอีกล่ะ”
พูดจบสุดนภาก็ยิ้มให้แล้วเดินหนีไป กุ้งนางมองตามไปน้ำตาไหลด้วยความแค้นใจจิรายุ
เย็นนั้น กุ้งนาง ก้าน ด้วง ชะเอม เดินเข้ามาใต้ถุนหอพัก ด้วงมองกุ้งนางอย่างสงสัย
“เฮ้ย...กุ้ง วันนี้ดูแปลกๆนะ ทำไมเงียบผิดปกติ”
ก้านเห็นด้วย
“นั่นสิ นั่งรถเมล์มาก็ไม่คุย แกก็เหมือนกันชะเอม ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ฉันกับไอ้กุ้งหรอก แต่เป็นไอ้กุ้งกับ...”
ชะเอมพูดได้แค่นั้นกุ้งนางก็ดึงแขน
“พี่ชะเอม อย่าพูดเลยนะ”
ชะเอมหงุดหงิด
“เออๆ ก็ได้”
“ตกลงมีอะไรกันเนี่ย ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งอยากรู้”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
ขาดคำของกุ้งนาง จิรายุก็ขับรถเข้ามาจอด แล้วลงมาจากรถ กุ้งนางจะเดินหนีไป จิรายุรีบเรียก
“กุ้งนาง”
กุ้งนางชะงัก ชะเอมรีบเข้าไปประกบข้าง…
“ฉันอยากคุยด้วย”
“ฉันไม่คุยอะไรทั้งนั้น”
ชะเอมขวาง
“คุณกลับไปเถอะ อย่ามารังแกกุ้งมันอีกเลย”
ก้านกับด้วงมองหน้ากันงงๆ ก้านถามอย่างไม่เข้าใจ
“กุ้ง...ชะเอม ตกลงมีเรื่องอะไรกัน”
จิรายุมองหญิงสาวอย่างรู้สึกผิด
“กุ้งนาง ฉันขอร้อง อย่างน้อยก็ให้โอกาสฉันอธิบายบ้างก็ยังดี แล้วเธอจะว่ายังไง ฉันก็ยอมรับได้ทั้งนั้น”
กุ้งนางมองหน้าจิรายุด้วยแววตาเจ็บใจ
ก้าน ด้วง ชะเอมนั่งอยู่ในร้านข้าวแกงใต้ถุนตึก ก้านกับด้วงตกใจ เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากชะเอม
“คุณจิจูบกุ้ง”
“เบาๆสิ ไอ้กุ้งมันจะเสีย”
ก้านลุกขึ้นด้วยความโกรธ
“ก็ถ้ารู้แบบนี้แล้วแกปล่อยให้กุ้งไปคุยกับเขาทำไมหาชะเอม”
“นี่...ไอ้ก้าน เท่าที่ฟังๆดูจากไอ้กุ้ง และที่ฉันสังเกตมาตลอด ฉันว่า คุณจิเขาชอบกุ้งมันจริงๆนะ”
ก้านโกรธจัด
“ชะเอม”
“หรือแกเองคิดไม่เหมือนข้า ไอ้ก้าน”
ก้านอึ้งพูดไม่ออก ด้วงดึงก้านให้นั่ง ชะเอมมองหน้า
“เอ็งดูให้ดีๆ สิไอ้ก้าน ข้าว่าไอ้กุ้งมันก็คงมีใจให้คุณจิแหละ แต่มันยังไม่รู้ตัว”
ด้วงพูดขึ้นเรียบๆ
“งานนี้พี่ว่าชะเอมพูดถูกนะไอ้ก้าน เอ็งกับพี่เคยคุยกันแล้วนะ ถึงเรื่องนี้คุณจิจะทำไม่ถูก แต่คนที่จะตัดสินใจก็ต้องเป็นกุ้งเอง”
ชะเอมยิ้มปลื้ม
“แหม พี่ด้วงเนี่ยเป็นคนมีความคิดเหมือนกัน อยู่ใกล้ๆ ดูอบอุ่นจังเลยอ่ะ”
“แต่เอ็งอยู่ห่างๆ พี่หน่อยดีกว่านะชะเอม”
“ทำไมล่ะ”
“ก็เอ็งชักจะเข้ามาเขยิบเข้ามาอยู่ในใจของข้ายังไงก็ไม่รู้ว่ะ”
ชะเอมเขิน
“บ้า พูดเกินไปแล้วนะ”
ชะเอมค้อน ด้วงตบไหล่ก้าน
“ไอ้ก้านเอ๊ย...ความรักมันเป็นเรื่องหัวใจของคนสองคน เอ็งรักกุ้งมันฝ่ายเดียวก็ไม่มีประโยชน์ ต้องให้กุ้งมันรักเอ็งด้วย”
ชะเอมแนะ
“อันนี้ก็ต้องแล้วแต่บุญกรรม”
ด้วงพยักหน้า
“จริง ตอนนี้ที่เอ็งทำได้ ก็คือทำในแต่ละวันให้ดีที่สุด แล้วก็รอคอยอย่างมีความหวังต่อไป หรือไม่ก็ตัดใจซะที”
“ก็จริงของพี่ ฉันคงต้องคิดให้ดีเหมือนกัน”
ก้านถอนใจเครียด
จิรายุยืนคุยกับกุ้งนางอยู่มุมหนึ่งในสวนสาธารณะ
“ฉันขอโทษนะกับเรื่องวันนี้ แต่ที่ฉันทำไปก็เพราะ...”
กุ้งนางมองหน้า
“ใจฉันมันเป็นยังไงก็บอกไม่ถูก ฉันคงจะชอบเธอน่ะกุ้งนาง”
กุ้งนางชะงัก
“ชอบฉันงั้นเหรอ ฮึ...คุณคงพูดคำว่าชอบออกมาได้ง่ายๆนะ”
“ไม่หรอก”
“ถ้าคุณชอบฉันจริง คุณคงไม่ทำแบบนี้กับฉันแน่”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไปได้ยังไง มันห้ามใจตัวเองไม่ได้ มันหงุดหงิดตั้งแต่เห็นเธออยู่กับพี่นทีทอง”
“คุณนี่มันบ้ามากๆ เลยนะ จะต้องให้ฉันไปสาบานกี่วัดว่าฉันไม่ชอบเขาแบบชู้สาว”
“แล้วทำไมคืนนั้น...”
“คุณก็ไปถามคุณชามาดาเองสิ หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม ฉันจะกลับ”
“เดี๋ยวสิ ฉันอยากรู้ว่าเธอคิดยังไงกับสิ่งที่ฉันพูด”
“ไร้สาระ”
จิรายุอึ้ง
“กุ้ง”
กุ้งนางจะเดินไปแต่จิรายุดึงแขนไว้ หญิงสาวชะงักมองมือ ชายหนุ่มรีบปล่อยแขนทันที
“ขอโทษนะ คือฉันยังมีอีกเรื่อง”
กุ้งนางถอนใจ
“อะไรอีกล่ะ”
“เรื่องนักร้องใหม่ ฉันอยากให้เธอเข้าคัดเลือกด้วย...ฉันอยากให้เธอลองดูอีกครั้ง”
“งั้นฉันตอบได้เลย ว่าไม่”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันมีเรื่องอื่นทีสำคัญกว่าทำ แล้วฉันก็ไม่อยากทำงานใกล้ชิดคุณมากไปกว่านี้ ฉันกลัวมีปัญหากับผู้หญิงของคุณ ทั้งคุณชามาดา คุณฟ้า ฉันรับไม่ไหวหรอกค่ะ คุณจิรายุ”
“เธอหมายความว่าไง”
“วันนี้คุณฟ้ามาหาฉัน แล้วก็บอกว่าคุณกับเขาคบกัน คราวก่อนก็คุณชามาดา คนนึงแล้ว ฉันขี้เกียจมีเรื่องตลอดเวลา เข้าใจมั้ย”
“โอเค เข้าใจ แต่ฉันยืนยันว่า เธอต้องไปคัดตัวเป็นนักร้องอีกครั้ง”
“ฉันจะคิดดูก็แล้วกัน”
จิรายุยิ้มมีความหวัง กุ้งนางต้องรีบหลบตาไป เพราะรู้สึกวูบวาบในใจ
กุ้งนางเดินเข้ามาที่ใต้ถุนตึก สามคนที่รออยู่รีบวิ่งไปหา ชะเอมโวยทันที
“หือ มันน่าจะตบไปซักสองสามฉาด จะได้สะใจ”
ก้านมองๆแล้วชะงัก
“นี่แสดงว่า...”
ด้วงยิ้มๆ
“โอ๊ย ไอ้ก้านเอ๊ย มันก็อย่างที่พี่ด้วงกับชะเอมบอกไง”
กุ้งนางงงๆ
“พวกพี่คุยอะไรกัน”
ชะเอมยิ้มแหะๆ
“ไม่มีอะไรหรอก แล้วคุณจิว่าไงอีก”
“เขาก็...”
กุ้งนางพูดไม่ออก ด้วงคะยั้นคะยอ
“พูดมาเถอะกุ้ง ชะเอมมันเล่าหมดแล้วว่าคุณจิจูบกุ้ง”
กุ้งนางหันขวับจ้องหน้า ชะเอมหน้าเสีย
“พี่ขอโทษ แล้วตกลงว่าไง”
กุ้งนางถอนใจเซ็งๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เขาก็ขอโทษน่ะ”
ก้านแปลกใจ
“แค่นี้เองเหรอ”
กุ้งนางอึกอัก
“เอ่อ...จ้ะ แล้วเขาก็อยากให้เข้าร่วมการคัดเลือกนักร้อง”
ก้านยังติดใจสงสัย
“แล้วเรื่องจูบล่ะ กุ้งไม่โกรธเขาเหรอ”
กุ้งนางอ้ำอึ้ง
“ก็...จ้ะ...ก็โกรธ”
“พูดยังงี้ ก็แสดงว่า กุ้งมีใจให้คุณจิด้วย”
ก้านจ้อง กุ้งนางนิ่งก่อนจะลุกเดินหนีไป กุ้งนางใจหาย
“พี่ก้าน”
ด้วงรีบบอก
“ปล่อยมันเถอะกุ้ง เอาไว้มันเย็นลงแล้วค่อยคุยกัน”
ชะเอมเข้ามาถามอย่างตื่นเต้น
“แล้วกุ้งจะไปคัดเลือกนักร้องไหมล่ะ”
กุ้งนางส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอก ฉันเริ่มเบื่อเรื่องยุ่งๆแล้ว”
ชะเอมถอนใจเซ็ง
“เฮ้ย...กุ้ง พี่ว่าแกคิดใหม่อีกครั้งดีกว่าไหม”
ด้วงเห็นด้วยกับชะเอม
“นั่นสิ โอกาสดังมาถึงอีกครั้งแล้วนะไอ้กุ้ง”
กุ้งนางยิ้ม
“ฉันจะจัดการเรื่องพ่อให้เสร็จ แล้วก็จะกลับไปอยู่บ้านกับยายซะที”
ด้วงกับชะเอมมองหน้ากันเซ็งๆ
ก้านเดินมานั่งเศร้าคนเดียวด้วยความเซ็ง กุ้งนางเดินมายืนมองจนก้านรู้สึกตัวจะลุกหนี แต่กุ้งนางดึงแขนไว้
“พี่ก้าน เราคุยกันให้รู้เรื่องดีกว่านะ”
“กุ้ง...ในที่สุดสิ่งที่พี่กลัว มันก็เกิดขึ้นจริงๆ”
“เรื่องคุณจิ ฉันไม่ได้เคยคิดอะไรแบบนั้น”
“กุ้งไม่รู้ตัวหรอก พี่เห็นเวลากุ้งมองคุณจิ มันไม่เหมือนที่กุ้งมองพี่”
“กุ้งไม่อยากพูดถึงเขา แต่กุ้งขอบอกอีกครั้งว่ากุ้งรักนับถือพี่ก้านแบบพี่ชาย พี่ดีกับกุ้งมาก”
ก้านนิ่งไปครู่
“พี่ขอโทษนะกุ้ง แต่พี่...”
“แต่พี่รักฉันแบบน้องไม่ได้...”
ก้านอึ้ง
“กุ้ง”
“พี่กับพี่ชะเอมเหมือนพี่ชายกับพี่สาวกุ้ง ฉันเสียใจ ถ้าจะต้องเสียใครสักคนไป”
ก้านยืนนิ่งน้ำตาไหล
“ขอเวลาพี่หน่อยนะ พี่จะพยายามทำใจให้เป็นพี่ชายที่ดีของกุ้งให้ได้”
กุ้งยื่นมือมาจับมือก้าน ทั้งสองร้องไห้ออกมา
โปรดติดตาม "ราชินีลูกทุ่ง" ตอนต่อไป