xs
xsm
sm
md
lg

มาหยารัศมี ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาหยารัศมี ตอนที่ 16

มะลิรู้เรื่องเอาตอนเช้าจากปากเดือนแรม และหญิงชราถามย้ำออกมาด้วยความตกใจ

“อะไรนะ ยัยเพ็ญน่ะเหรอหนีออกจากบ้าน...”
“ค่ะ” เดือนแรมบอก
“แผนการอะไรของแม่จันทราหรือเปล่า? คราวที่แล้วบอกว่าหาย ที่แท้แอบไปอยู่ไหนมาก็ไม่รู้”
“คุณเพ็ญคงหนีไปจริงๆ มังคะ...เมื่อเช้าพิมผ่านไปบ้านโน้น แป้นบอกว่าคุณจันทราไม่ยอมหลับยอมนอน เอาแต่ร้องไห้ทั้งคืน” พิมเสริม
“นี่ชุติมาเฝ้าอยู่ครับ บอกว่าคุณจันทราท่าทางไม่ดีเลย” แม้นเทพเอ่ยขึ้น
“งั้นแม่จะไปดูหน่อย อยู่รั้วเดียวกัน เดี๋ยวจะหาว่าใจจืดใจดำ”
“คุณแม่ไม่เชื่อเหรอครับว่าเพ็ญหนีออกไปจากบ้านจริงๆ”
มะลิถอนหายใจส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “แม่ไม่เคยเชื่ออะไรแม่จันทราจริงๆ ต้อม”

มะลิเดินนำออกไป สีหน้าเหนื่อยใจเหลือทน ทุกคนพากันเดินตามเมื่อมะลิเดินนำเข้ามาในห้องรับแขก ก็เห็นจันทรานอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนโซฟา ด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง โดยมีชุติมาคอยบีบนวดดูแลอยู่ พอได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา จันทราก็เงยหน้าขึ้นมองร้องเรียกนึกว่าเป็นลูกสาว
“ยัยเพ็ญ”
“ฉันเอง...”
“คุณพี่” จันทรายันกายลุกขึ้นท่วงท่ายังถือดีตามเคย
“มีเรื่องอะไรกัน ยัยเพ็ญถึงได้หนีออกจากบ้าน”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เรียกร้องความสนใจ” จันทราบอก
“ยัยเพ็ญน่ะเหรอครับเรียกร้องความสนใจ” แม้นเทพไม่เชื่อ
จันทราฉุนกึก “มันแปลกตรงไหนคะ?”
“ไม่แปลกหรอก...ลูกแม่จันทรา อะไรๆ ก็เป็นไปได้เสมอ” มะลิเหน็บ
“ตกลงคุณพี่มาเพราะเป็นห่วงหลาน หรือมาแดกดันดิฉันคะ?” จันทรามีน้ำโหแล้ว
“ก็แล้วมันมีเรื่องอะไรกัน ยัยเพ็ญถึงได้หนีออกจากบ้าน?”
แม้นเทพไม่วายพูดเหน็บแนม “หรือยัยเพ็ญ...รู้ความลับอะไรของคุณจันทราแล้วรับไม่ได้
ชุติมาหน้าเสีย พูดติงเบาๆ “พี่ต้อม”
จันทราจับอาการ มองหน้าชุติมาสลับกับแม้นเทพแบบไม่ไว้ใจ
ชุติมา “ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณน้า...พี่ต้อมแค่เป็นห่วงเพ็ญ”
“แล้วคิดว่าฉันไม่ห่วงลูกฉันรึไง?
จันทราเน้นเสียงตรงคำว่าลูกฉัน แล้วร้องไห้ ชุติมาหน้าสลดลง ได้ยินชัดจันทราเรียกเพ็ญประกายอย่างห่วงใย เดือนแรมเอ่ยขึ้น
“ทุกคนห่วงพี่เพ็ญค่ะ”
จันทราหงุดหงิด ไม่พอใจเดือนแรม “ฉันไม่เชื่อ....โดยเฉพาะเธอเดือนแรม เธอคงหวังล่ะสิ ถ้าไม่มียัยเพ็ญแล้วคุณชายจะแต่งงานกับเธอ อย่าหวัง เพราะเธอไม่ใช่มาหยารัศมี จำไว้เธอไม่ใช่มาหยารัศมี”
มะลิชักทนไม่ไหวแล้ว “โอ๊ย!แม่จันทรา เธอนี่เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว ที่มานี่เพราะเค้าเป็นห่วงยัยเพ็ญกัน ไม่ได้หายใจเข้าออกเป็นการแต่งงานเหมือนเธอ”
“ก็เรื่องแต่งงานนี่ล่ะค่ะคุณพี่ที่มันสำคัญ...” มองจ้องหน้าเดือนแรม “ที่ยัยเพ็ญต้องทุกข์ทรมานใจทุกวันนี้ เพราะมีคนจ้องจะแย่งคุณชาย” จากนั้นจันทราก็ร้องไห้โฮครวญคร่ำ “เพ็ญนะเพ็ญ อยู่ที่ไหนลูก ทำไมไม่กลับมาหาแม่ รู้มั้ยแม่คิดถึงหนูใจจะขาด หนูอยู่ที่ไหนเพ็ญ?”
จันทราร้องไห้สะอึกสะอื้น ทุกคนมองอย่างเวทนา มีเพียงมะลิที่ไม่เชื่อใจนัก
ด้านชำนิลักพาเพ็ญประกายมาที่บ้านตัวเอง
เวลานั้นเพ็ญประกายค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น แต่ยังเจ็บที่บริเวณท้อง พอเงยหน้าขึ้นมองเพดาน แต่ไม่คุ้นตาเสียเลย เพ็ญประกายสะดุ้งเฮือก
“ที่นี่ที่ไหน? โอ๊ย” เพ็ญประกายเจ็บท้องจนตัวงอ
ชำนิมองอยู่ แล้วเอ่ยขึ้น “ที่ๆ ปลอดภัยสำหรับเธอ”
เพ็ญประกายสะดุ้งหันกลับมา เห็นชำนิยืนอยู่ ท่าทางน่ากลัวมาก เพ็ญประกายหวาดหวั่นตกใจ “ที่ที่ปลอดภัยสำหรับฉัน ไม่จริง” แล้วถอยหลังกรูด
“ก็หรือไม่จริง? ยังไงที่นี่ก็ปลอดภัยมากกว่าการที่เธอวิ่งระหกระเหินหนีออกไปจากบ้านก็แล้วกันน่า”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ร้องห่มร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด แทบเมาแทบไม่ได้สติ คงจะออกมาเดินเล่นล่ะมั้ง?”
เพ็ญประกายนิ่งงันคิดตามชำนิพูดถูก ชำนิเห็นอาการก็หัวเราะ พลางถาม
“ไง? แม่เธอทำอะไรเธออีก?” เพ็ญประกายมองหน้าเป็นเชิงถาม ชำนิบอกต่อ “ก็จันทราไง?”
“คุณรู้”
ชำนิพูดเสียงสูงแกมเยาะ “รู้ซี้...รู้ว่าเธอเป็นลูกของจันทรากับคุณเมิน”
เห็นชำนิรู้มากขนาดนี้ เพ็ญประกายจึงตัดสินถาม “ตกลงคุณเป็นใคร?”
“ฉันชื่อชำนิ”
“ชำนิ”
เพ็ญประกายอึ้ง สีหน้าครุ่นคิด นึกย้อนไปถึงตอนที่ได้ยินแม่พูดถึงชำนิ
“คุณจับฉันมาทำไม?”
“เพื่อเหตุผลบางอย่างที่เธอไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ไม่ต้องห่วง....ถ้าแม่เธอยอมทำตามกติกาของฉัน เธอจะปลอดภัย ไม่ต้องกลัว”
ชำนิกดโทร.หาจันทราทันที

ขณะที่จันทรายังคงเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ เสียงมือถือดัง จันทราสะดุ้ง
“ยัยเพ็ญ”
จันทรารีบคว้ามือถือมาจะรับ แต่พอเห็นเป็นเบอร์จำแม่นว่าเป็นเบอร์ชำนิ จันทราถึงกับหน้าถอดสีไม่รับ มะลิมองอยู่
“อ้าว!ก็แล้วทำไมไม่รับสายล่ะ?”
“เบอร์ใครก็ไม่รูค่ะ คงโทร.ผิด” จันทราวางสายอย่างมีพิรุธ
ชำนินั้นโกรธมากที่จันทรากดสายทิ้งไม่รับ
“บ๊ะ! นังนี่” เพ็ญประกายมองในอาการตะลึง เพราะชำนิเรียกจันทราจิกมาก ชำนิไม่ยอมโทร.ใหม่
เสียงโทรศัพท์ดังอีก จันทราสะดุ้งโหยง ไม่ยอมรับสายอีกเช่นเดิม
แม้นเทพบอก “ผมรับเอง เผื่อเป็นคนที่จับยัยเพ็ญไป”
จันทราแกล้งบอก “มันวางสายไปแล้วค่ะ
แล้วจันทรากดก็ปิดมือถือไปเลย

ชำนิโกรธจัด ฮึดฮัดขัดใจจนแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง แถมทำท่ายกขึ้นเหมือนจะปาใส่เพ็ญประกาย
“ว้าย! อย่าค่ะ” เพ็ญประกายตกใจร้องเสียงหลง
“แม่เธอนี่มันเหลือเกินจริงๆ”
“แม่ทำอะไรคะ” เพ็ญประกายฉงน
“มันไม่ยอมคุยสายกับฉันน่ะสิ” ชำนิบอก
“คุณต้องการอะไรคะ? ฉันจะให้ ขอเพียงคุณปล่อยฉัน”
ชำนิหรี่ตามอง “ฉันก็อยากจะบอกเธอเหมือนกัน แต่ฉันยังเห็นแก่จันทราอยู่ เอาเป็นว่า...ฉันจะให้โอกาสแม่เธออีกทีแล้วกัน ไม่เช่นนั้น จะอาว่าฉันร้ายไม่ได้นะจันทรา”
เพ็ญประกายมองชำนิ หน้าเครียดท่าทางไม่สบายใจเอาเสียเลย


มะลิเดินนำทุกคนเข้ามาในบ้าน พลางบ่น
“ให้ตายเถอะ! ยังไงแม่ก็ไม่ไว้ใจแม่จันทรา”
“คุณคิดว่า..คุณจันทราจะมีแผน?” พิมพูดอย่างรู้ใจ
มะลินิ่งคิดสักครู่หนึ่ง “ไม่รู้สิ”
“แต่คุณน้าเสียใจมากเลยนะคะคุณป้า ที่พี่เพ็ญหนีไป” เดือนแรมว่า
“ข้อนั้นป้าก็เห็น แต่ที่ป้าแปลกใจ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ เผื่อมันเป็นสายของคนที่พายัยเพ็ญหนีไป”
แม้นเทพก็คิดอย่างนั้น “คุณจันทรามีพิรุธ”
“ใช่! มีพิรุธมาก...อย่าบอกว่าเป็นแผนให้คุณชายรับผิดชอบยัยเพ็ญเถอะ แม่ไม่ยอม เพราะก็รู้อยู่ดีว่าคืนนั้นหรือคืนไหนคุณชายอยู่กับใคร?”
ขณะพูดมะลิปรายตามองเดือนแรมค้อนๆ อย่างไม่ค่อยพอใจ เดือนแรมก้มหน้า หลบตาจ๋อยสนิท


ฟากธิติรัตน์นั่งทำงานหน้าเครียด ไม่มีสมาธิกับงานเลย คิดไม่ตกเรื่องเพ็ญประกาย
“เพ็ญประกายหนีไปไหน? เฮ้อ! มันจะอะไรกันนักกันหนา?”
เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์กดรับ เป็นดุจแขที่อยู่ออฟฟิศสรรชัยโทร.มาถามข้อใจไม่หาย
“คุณชายคะ...แขมีอะไรจะถาม? คุณศรัณย์ไปรู้จักมักจี่ สนิทสนมกับยัยเพ็ญประกายตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
ธิติรัตน์ฟังแล้วอึ้งงงงวย “ทำไมแขถามผมอย่างนี้?”
“ก็..เมื่อคืน แขเห็นคุณศรัณย์ไปรับเพ็ญประกายที่ผับ แล้วก็พาออกไปไหนไม่รู้น่ะสิคะ”
ธิติรัตน์วางสายแล้วอึ้งอีก งวยงงปนแปลกใจ
ด้านสรรชัยต่อว่าดุจแขทันที “คุณนี่หาเรื่องจริงๆ”
“หาเรื่องตรงไหนคะ แค่พูดเรื่องจริง”
“แต่บางอย่างไม่ต้องพูดก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ แขต้องพูด...เผื่อคนที่พายัยเพ็ญประกายหายไปคืนนั้น จะเป็นคุณศรัณย์”
สรรชัยหรี่ตามอง เพราะตัวเองเพิ่งนึกถึงเหมือนกัน
ระหว่างนั้นดุจแขเอามือกุมหน้าอก เจ็บแปลบขึ้นมากะทันหัน สรรชัยปราดเข้ามาหาทันทีด้วยความห่วงใย
“เป็นอะไรแข?
ดุจแขพยายามปั้นหน้าฝืนยิ้ม พูดกลบเกลื่อน “เจ็บหัวใจที่รู้ว่า คุณจริงใจกับแรมมังคะ?”
สรรชัยปล่อยมือจากดุจแข รู้สึกฉุนขึ้นมาแทน “คุณนี่...มันน่าเตะคอหักเลยจริงๆ”
พอสรรชัยเดินออกไปนอกห้องอย่างหัวเสีย ดุจแขนิ่วหน้าเพราะเจ็บหน้าอกจริงๆ ไม่ได้ยั่วสรรชัยเล่น
ดุจแขฉุกคิดนึกแปลกใจ ว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะเจ็บแบบนี้หลายหนแล้ว!
เพราะทนเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ไหวแล้ว ธิติรัตน์เดินพรวดๆ ออกมาจากห้องตัวเอง ตรงมาหาศรัณย์ที่ทำงานอยู่อีกห้อง ถามโพล่งทันที

“ศรัณย์ เมื่อคืนนายอยู่กับคุณเพ็ญเหรอ?”
ศรัณย์อึ้งไปนิดก่อนตอบ “ฉันไปรับเค้าที่ผับ แล้วก็ไปส่งที่บ้าน” ศรัณย์รู้สึกผิดและเกรงใจธิติรัตน์นั่นเอง
“แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเค้านะโว้ย...นายไม่ต้องกลัวฉันจะแทงข้างหลังนาย” ศรัณย์บอกจริงจัง
“ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แต่ที่ฉันกำลังกลุ้มใจคือ คุณเพ็ญหายไป”
ศรัณย์ตะลึง “คุณเพ็ญหาย?”
“จะว่าหายก็ไม่ถูก คุณเพ็ญหนีออกจากบ้าน และตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน?”
สีหน้าศรัณย์ฉายชัดว่าห่วงเพ็ญประกายมากกว่าคุณชายเสียอีก


ขณะที่สรรชัยดื่มกาแฟหน้าเคร่ง บ่นกับตัวเองเบาๆ “เล่นอะไรบ้าๆไม่รู้ดุจแข”
ดุจแขที่ตอนนี้เป็นปกติแล้วเดินมาหาได้ยิน จึงแหย่ขึ้น “คุณห่วงแขเหรอ?”
“ห่วงว่าคุณจะมาตายอยู่ออฟฟิศผมน่ะสิ” สรรชัยจะเดินหนี
ดุจแขคว้าแขนไว้พูดอ้อล้อ “ถ้าแขตายจริงๆ อย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วกัน”
สรรชัยฉุนกึก “พูดบ้าๆ อีกแล้ว”
“นี่! เห็นแขยอม คุณอย่าดุแขนักเลย ..ไปนี่กับแขดีกว่า”
สรรชัยสงสัย “ไปไหน?”
“ไปจัดการยัยคุณจันทราไง...แขข้องใจจริงๆ คืนที่ยัยเพ็ญหายตัวไป ยัยเพ็ญต้องอยู่กับคุณศรัณย์แน่” ดุจแขดูมั่นใจมาก
“งานผมเยอะแยะ อย่าให้ผมไปยุ่งกับเรื่องคนอื่นนักเลยคุณ” สรรชัยเดินหนีไป
ดุจแขเหน็บ “เต็มใจยุ่งเรื่องแรมคนเดียวใช่เปล่าล่ะ?”
สรรชัยยักคิ้วกวนใส่ “ใช่!” เดินหนีไปต่อหน้า
ดุจแขมองค้อนอย่างน้อยใจนิดๆ “ไปเองก็ได้ ไม่เห็นจะง้อเลย”
ดุจแขเดินออกไปอีกทาง สรรชัยหันมามองตาม บ่นงึมงำ
“ไร้สาระจริงๆ ผู้หญิง!”

ดุจแขเดินตรงมายังรถที่ลานจอด พลางกดโทรศัพท์
“อยู่ที่ไหนคะเจ๊?”
เจ๊กอไก่อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า กำลังส่องสายตาเล็งแลดูหนุ่มสาวดาวดวงใหม่เหมือนเดิม
“อยู่ที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญแต่ว่า คุณดุจแขมีอะไรกับเจ๊?” เจ๊กอไก่สงสัย
“อยากออกกำลังมั้ยเจ๊?”
เจ๊กอไก่พูดขำๆ “แหม!ถ้าเป็นผู้ชายถามมีลุ้นนะคะเนี่ย? แต่ถ้าเป็นคุณดุจแขถาม” ทำตาเจ้าเล่ห์ “ก็คงเป็นเรื่องสนุกๆ”
“สนุกแน่..เจอกันที่เดิมค่ะเจ๊”
สองคนยิ้มออกมา อย่างรู้กัน

แน่ละจุดหมายของขบวนการปรองดองเพื่อเดือนแรม คือบ้านเมินส่วนเป้าหมายที่เตรียมพุ่งชนคือ...จันทรา


ในเวลานั้นจันทราเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่สนใจใยดีจะถามไถ่ชุติมาสักนิด ในที่สุดชุติมาจึงเอ่ยขึ้น

“ฉันกลับก่อนนะแม่ ทำใจให้สบายเถอะ ยัยเพ็ญอาจจะแค่หลบไปไหนซักแห่ง สบายใจเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็กลับมาเองแหละ”
“อยู่กับฉันคงทุกข์ใจมาก” จันทราเหน็บ
ชุติมาอึ้งไปนิด “ถ้าตรงไหนอยู่แล้วสบายใจ คงไม่มีใครหนีไปไหนหรอก”
“นังชุติมา!” เกิดมีแรงขว้างปาข้าวของใส่ทันที “มาด่าฉันอย่างนี้ จะไปไหนก็ไปเลยนะ ไป๊”
ชุติมาหลบพลางมองอย่างอ่อนใจ “ดูแลตัวเองด้วยนะแม่...ตอนนี้แม่ไม่เหลือใครแล้ว ฉันเป็นห่วง” เดินออกไปทันที
จันทราขว้างปาข้าวของใส่พัลวัน ทั้งที่ชุติมาไปลับตัวแล้ว
“ไปให้พ้นเลย นังชุติมา ไป๊!” พูดไปร้องไห้ไปบ่นอยู่คนเดียว “ผัวก็ไม่อยู่ ลูกก็หนี โอ๊ย! มันอะไรกันนักกันหนาฉัน!”

คล้อยหลังชุติมาขึ้นแท็กซี่กลับไป รถยนต์ดุจแขขับรถมาจอดแล้วก้าวลงมาพร้อมกับเจ๊กอ
ไก่ สองคนยิ้มตีมือกัน ก่อนเดินตัวปลิวเข้าบ้านไป ราวกับทางเดินตรงหน้าเป็นแคทวอล์ค

ขณะที่จันทรานั่งสูดดมยาดมอยู่ในห้องโถง ท่าทางอ่อนล้าและโรยแรง แป้นวิ่งหน้าตั้งเข้าไป ร้องเสียงหลง
“คุณนายขา..คุณน้ายย!”
จันทราหันขวับ “เพ็ญกลับมาแล้วเหรอ?”
“ยังไม่กลับค่ะ...” หน้าแป้นแหยๆ แหยงๆ “แต่มีคนมา”
“ใคร?”
“คู่หูมหาประลัย มันบุกมาบ้านเราอีกแล้ว”
จันทรานึกรู้ “นังดุจแข นังกอไก่”
จันทราลุกพรวดขึ้นยืนทันควัน

จันทราสวมมาดนางสิงห์ร้ายเดินออกมารอที่หน้าบ้าน มีแป้นตามมาแหน สองพันธมิตรดุจแขกับเจ๊กอไก่เดินมาถึงพอดี ดุจแขยิ้มกวนกัดเย้ยหยันนำร่องก่อน
“ไม่ต้องไปตามให้เมื่อย ก็เดินออกมา แหม! คุณนี่รู้คิวดีจริงๆ”
“ก็ฉันสงสารเธอไง เห็นแก่แล้ว กลัวจะเหนื่อย เลยยอมเหนื่อยซะเอง” จันทราเยาะ
“โถๆๆๆป้านี่ พูดไม่ดูหนังหน้าตัวเองเลยนะคะ ว่าคนอื่นแก่เนี่ย เก็บเหนียงตัวเองก่อนดีมั้ยคะ มันย้อยลงมาจนถึงคางแล้ว ร้อยไหมเป็นพันเส้นก็ท่าทางจะเอาไม่อยู่นะคะเนี่ย!” เจ๊กอไก่กัดซิบๆ
จันทราตวาดแว้ด “นังเจ๊กอไก่!”
“ทำไมคะทำไม? จะตบหนูเหรอ? มาเลยหนูไม่กลัว” ถลกแขนเสื้อขึ้น เต้นฟุตเวิร์ค ทำท่าราวกับนักมวยเหรียญทอง “มีคนอัดฉีดหนูเยอะ ให้หนูตบป้าเนี่ย ยิ่งถ้าชนะน็อค หนูคงได้เป็นขวัญใจคนทั้งประเทศ มาเลยคะมาเลย”
เจ๊กอไก่เต้นฟุตเวิร์ค เหยงๆ พร้อมตั้งการ์ดเตรียมขึ้นชก รอระฆังอย่างเดียว แป้นเอามือปิดตาม
“ลองทำท่านี้ กรรมการเตรียมนับโลด”
จากนั้นแป้นวิ่งโร่ออกไปทันที

เดือนแรมกำลังจะออกไปเรียนพอดี เดินตรงไปที่หน้าประตูบ้าน แป้นวิ่งไปหา
“คุณแรม..คุณแรม..อย่าไปเรียนเลย มาเป็นกรรมการห้ามมวยดีกว่า” แป้นว่า
“แป้นพูดแปลกๆ” เดือนแรมฉงน
“ไม่แปลกหรอกค่ะ คุณดุจแข กับเจ๊กอไก่บุกมาหาคุณจันทรา ป่านนี้นับไปถึงไหนกันแล้วก็ไม่รู้?”
ได้ยินดังนั้นเดือนแรมเดินนำแป้นไปทันที

จันทราไล่สองคนเสียงลั่นบ้าน “นี่แกสองคนกลับไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะเอาน้ำมนต์มาไล่”
“ต๊าย..ตาย สวยขนาดนี้ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าตัวเองเป็นผี” ดุจแขเยาะ
“ยิ่งกว่าผีอีก แกสองคนน่ะ ไป ไป๊ ไป ชิ้ว ชิ้ว” จันทราไล่ต่อ
“เอ้า! ไล่ยังกับหมา ตกลงจะให้เป็นผีหรือเป็นหมา เจ๊กอไก่มึน”
จันทราแว้ดใส่ “เป็นผีหมาไง ออกไป๊”
ดุจแขกับเจ๊กอไก่ เอามือจับหัว บิดตัวกันไปมาทำท่าเจ็บปวด แกล้งจันทราดเล่น
สองคนร้องขึ้นพร้อมกัน “แอร๊ยยย!! ผีหมา เจ็บปวด...”
“เจ็บสุดๆ เกิดมาไม่เคยเจ็บขนาดนี้” เจ๊กอไก่ว่า
“พวกบ้า พวกแกจงใจหาเรื่องฉัน!”
“ไม่ได้มาหาเรื่อง...แค่จะมาบอกว่า....ฉันเห็นเพ็ญประกายไปกับคุณศรัณย์”
เดือนแรมกับแป้นเดินเข้ามาทันได้ยินคำพูดของดุจแข เดือนแรมอึ้ง จันทรานิ่งงันไป ดุจแขรู้ทัน แต่จันทรารีบโวยวายกลบเกลื่อน
“อย่ามาพูดมั่วๆแบบนี้นะ ใคร?ศรัณย์ฉันไม่รู้จัก!”
“ว่าที่ลูกเขยคุณไง ลูกเขย...ที่ยังไงก็ไม่ใช่คุณชาย!”
จันทราหน้าซีด เจอคำพูดแทงใจดำของดุจแข จันทรากรี๊ดลั่น
“ไม่จริง!!ลูกเขยของฉันยังไงก็ต้องเป็นคุณชาย ออกไป..พวกแกออกไป๊”
จันทรามองหาอาวุธแถวนั้น ทั้งก้อนหินกิ่งไม้ ปาใส่ดุจแข กับเจ๊กอไก่ สองคนวิ่งหลบ ต่อมาจันทราทำท่าซวนเซเหมือนจะเป็นลม ล้มลงไป
เดือนแรมตกใจ รีบเข้าไปประคอง “คุณน้า เป็นยังไงบ้างคะ?
จันทรากรีดร้องใส่หน้า “เป็นบ้า”
เจ๊กอไก่รีบดึงตัวเดือนแรมออกมา “ออกมาเร็วแรม เดี๋ยวก็ถูกกัดคอหรอก”
สองคนรีบพาเดือนแรมออกไป
จันทราขัดเคืองใจมากกรี๊ดลั่นขึ้นมาอีก
“พวกบ้า!ฉันไม่ได้เป็นหมานะ จะได้ไปไล่กัดคอพวกแกน่ะ ยัยเพ็ญ...ไอ้ศรัณย์ ฉันเกลียดแก!”

ค่ำนั้น ธิติรัตน์ เดือนแรม ดุจแข ศรัณย์ วีระ และเจ๊กอไก่ นัดเจอกันที่ร้านอาหาร ทุกคนหน้าเครียด ทุกสายตาจับจ้องคอยฟังความจากปากศรัณย์หน้าสลอน ศรัณย์เอ่ยขึ้น
“คืนนั้นฉันอยู่กับคุณเพ็ญจริงๆ แต่สาบานด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ฉันไม่ได้ล่วงเกินหรือทำอะไรให้คุณเพ็ญเสียหายจริงๆ”
“แล้ววันนั้นนายไปรับเค้าได้ยังไงวะ?” วีระสงสัย
“ก็โทร.คุยกัน ฉันเห็นคุณเพ็ญเมามาย ไม่สบายใจเลยไปหา”
ดุจแขคิดตาม เห็นด้วย “วันนั้นเพ็ญประกายเหมือนคนมีปัญหาจริงๆ”
“ปัญหาอะไร?” ธิติรัตน์ซัก
“เรื่องนายไง? แต่ไม่ใช่ว่าคุณเพ็ญเค้าหลงรักนาย อยากแต่งงานกับนายนะความจริง เค้าไม่ได้อยากแต่งงานกับนาย แต่ถูกคุณจันทราบังคับ”
เดือนแรมคราง “โถ…พี่เพ็ญ”
ดุจแขไม่เชื่อ “โอ้! หน้าตาท่าทางอย่างนั้นเหรอคะถูกบังคับ ฉันไม่เชื่อ”
“เจ๊ก็ไม่เชื่อค่ะ”
“คุณน้าชอบบังคับทุกคนจริงๆ ค่ะ และครั้งนี้พี่เพ็ญก็คงทนไม่ไหว เลยหนีออกจากบ้านไป” เดือนแรมบอก
ศรัณย์ครวญคร่ำ “คุณไปอยู่ไหนนะคุณเพ็ญ”
ทุกคนมองจ้องหน้าศรัณย์ ต่างดูออกว่าศรัณย์ดูห่วงเพ็ญประกายมาก!

คืนเดียวกัน เพ็ญประกายนั่งหน้าเหี่ยวอยู่ในบ้านของชำนิ ขณะมองชำนิโทรศัพท์ หาจันทราอีกรอบ
จันทราซึ่งอยู่คนเดียวสะดุ้งไม่ยอมรับสาย เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด จันทราไม่รับ ชำนิหน้าเคร่ง เพ็ญประกายถาม
“คุณแม่ไม่รับสายเหรอคะ?”
“ฮื่อ!แต่ยังไง ฉันก็จะโทร.จนกว่าแม่เธอจะรับ”
ชำนิกดต่อไม่ลดละ คราวนี้จันทรารับ รับโดยไม่ฟังชำนิเลย ด่าไฟแลบกรอกสาย
“จะโทร.มาทำไมพี่ชำนิ ไม่รู้รึไง ชาตินี้ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพี่อีกไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ตาม” ด่าสาสมใจแล้วจันทราก็ปิดมือถือใส่ไปเลย
ชำนิอ้าปากค้างยังไม่ได้พูดสักคำ “โธ่เอ๊ย!”
“แม่ว่ายังไงคะ?”
“มันปิดมือถือไปแล้ว ท่าทางแกคงอยากลองดีกับฉัน จันทรา” ชำนิคำรามในคอ
เพ็ญประกายฉงน มองหน้าชำนิ “คุณกับแม่มีเรื่องอะไรกัน บอกฉันเถอะ ฉันจะช่วยคุณเอง”
ชำนิเสียงสั่น เจ็บปวดหัวใจเมื่อนึกไปถึงชุติมา
“ถ้ามันเกี่ยวกับจันทราเพียงคนเดียว ฉันจะไม่สนใจเลย แต่นี่มันเกี่ยวกับคนอื่น คนที่ฉันรักดั่งดวงใจ” ชำนิคำรามอยู่ในใจ “แค่ฉันอยากเจอลูกเท่านั้น แกก็ไม่เปิดโอกาส แกกำลังทำให้ฉันโมโห จันทรา!!”

จันทราหน้าเครียด “คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรฟรีๆหรอก”
โทร.หาเจิมทันที
เจิมเดินอยู่ข้างทางแถวบ้านที่บางน้ำเปรี้ยว รับสาย “ว่าไงน้องรัก?”
“ทำงานให้ฉันหน่อย...”
เจิมฟังแล้วหัวเราะออกมา “เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก..หวานปากอีกแล้วไอ้เจิม!”

ทุกคนล่ำลา แยกย้ายกันกลับที่หน้าร้านอาหาร ดุจแขท่าทางแค่มึนๆ เจ๊กอไก่เห็น
“ไม่ให้เจ๊ไปเป็นเพื่อนจริงเหรอคะคุณดุจแข”
“ถ้าเจ๊เป็นชายจริงๆ ล่ะก็ ฉันไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ แต่นี่ชายไม่จริง ทางใครทางมันดีกว่าค่ะ แล้วเจอกันเจ๊” จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถตัวเอง
ธิติรัตน์ร้องเตือน “ขับรถดีๆ แข อย่าหนีไปต่อล่ะ”
“ไม่หนีค่ะ จะไปให้เห็น พอดีนัดเพื่อนเอาไว้ แล้วเจอกัน”
เจ๊กอไก่มองตามยิ้มขำๆ “ดึกขนาดนี้ยังจะนัดเพื่อนต่ออีก..ปาร์ตี้เกิร์ลจริงๆ คุณแขเนี่ย”
ดุจแขโบกมือบ๊ายบาย ทุกคนแยกย้ายกันกลับ ธิติรัตน์หันมาปลอบศรัณย์
“ใจเย็นๆ คุณเพ็ญอาจจะไปอยู่บ้านเพื่อน สบายใจแล้ว เดี๋ยวเธอก็คงกลับมา”
“ฉันก็หวังอย่างนั้น ขอคุณเพ็ญอย่าคิดสั้น หรือมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับคุณเพ็ญเลย”

เวลาเดียวกันเพ็ญประกายพยายามตะล่อมถามชำนิ
“ใครคะที่ลุงรักดั่งดวงใจ?”
ชำนิเงียบไปนิดก่อนบอก “ฉันสัญญากับจันทราแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“แต่ถ้าลุงบอกฉัน ฉันอาจจะช่วยลุงได้ นะคะลุง บอกฉัน...ฉันจะช่วย…”
“ฉันอยากบอกเธอ อยากบอกทุกคนให้รู้เหมือนกัน แต่ฉันทำไม่ได้”
“ทำไมคะ?” เพ็ญประกายยิ่งสงสัย
“เพราะฉันกลัว คนที่ฉันรักดั่งดวงใจ เค้าจะยอมรับฉันไม่ได้ ที่ฉันเคยเป็นไอ้ขี้คุก มาก่อน”
เพ็ญประกายมองจ้องชำนิ สงสัยครามครัน ตัดสินใจถาม
“ลุงเป็นพ่อของพี่ชุติมาใช่มั้ยคะ?”
ชำนิหันขวับมามองเพ็ญประกาย

ด้านชุติมากลับมาถึงในห้องก็นั่งเหม่อ บอกตัวเองอยู่ในใจอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องจันทรา
“ทุกลมหายใจเข้าออกของแม่ มีแต่ยัยเพ็ญ...ตอนที่ชุหายไปแม่เคยห่วงชุอย่างยัยเพ็ญหรือเปล่า?”
เหมือนจะเข้มแข็ง แต่สุดท้าย น้ำตาของชุติมาก็ไหลรินออกมา

ด้านจันทรากดมือถืออยู่ในห้อง แต่สัญญาณบอกว่าปิดเครื่อง จันทราผินหน้ามองที่หน้าบ้าน
“เพ็ญประกาย ลูกจะรู้มั้ยว่าแม่ห่วงลูก...! เมื่อไหร่ลูกจะกลับมา”
จันทราเครียดจัด โผเผไปหยิบยาของเมินมากินอีก
เวลาเดียวกันนั้นธิติรัตน์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพอดี
จันทรากำลังเคลิ้มๆ ตามฤทธิ์ยาเดินไปส่องดูที่หน้าต่าง เห็นคุณชายธิติรัตน์เดินลงมาส่งเดือนแรม จันทราเขม้นมอง
“อย่าคิดมากนะ บางที เรื่องคุณเพ็ญอาจไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่เราเป็นห่วงก็ได้” ธิติรัตน์บอก
“แรมก็หวังอย่างนั้นค่ะ”
“เข้าบ้านเถอะดึกแล้ว ไว้ฉันจะมาหาใหม่”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณชาย...”
“ทำไม?”
“แรมกลัวคุณน้าจะไม่สบายใจ”
“เธอแคร์ความรู้สึกคนอื่น แล้วเธอแคร์ความรู้สึกของฉันมั้ยว่าเป็นอย่างไร? นาทีนี้ฉันไม่สนใจใครแล้วแรม ฉันจะทำตามความรู้สึกของฉัน ค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวเธอ และแต่งงานกับเธอ”
ธิติรัตน์ดึงรั้งเอาตัวแรมเข้ามากอด โน้มหน้าจูบแผ่วเบาๆ ที่หน้าผาก จันทรามองตาวาว โกรธจัด
“เด็กดีของฉัน หลับฝันดี บ๊ายบายจ้ะ”
“ถ้าเรายังไม่จากกันจริงๆ คุณชายอย่าพูดคำว่าบ๊ายบายนะคะ”
ธิติรัตน์มองจ้องหน้าเดือนแรมอย่างแปลกใจ เดือนแรมบอกเสียงอ่อย
“แรมกลัว..กลัวว่ามันจะเป็นลาง กลัวว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก”
“จ้ะฉันจะไม่พูด ไว้ฉันจะมาหาเธอใหม่นะเดือนแรม” ธิติรัตน์ยิ้ม พูดเน้นคำ “แล้วเจอกันจ้ะ” จูบที่หน้าผากอีกที
ธิติรัตน์เดินไปที่รถ เดือนแรมยืนมอง คอยส่ง ธิธิรัตน์ทำท่าให้เข้าบ้าน เดือนแรมยกมือโบกลาก่อนเดินเข้าบ้าน

จันทรามองจ้องตาเขียวปั้ด กำมือแน่น คั่งแค้นในใจ!

เดือนแรมเดินลัดเลาะมาตามทาง กำลังจะเข้าในบ้านมะลิแล้ว จันทราถือไม้ท่อนหนึ่งย่องมาด้านหลัง
เดือนแรมชะงัก ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนมีคนตาม จึงหันไป จันทรารออยู่แล้ว เหวี่ยงไม้ฟาดที่หัวเดือนแรมเต็มแรง
“โอ๊ย” เดือนแรมร้องได้คำเดียวแล้วก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น แน่นิ่งอยู่ตรงนั้น พร้อมๆ กับได้ยินเสียงพูดของตัวเองดังก้องในหู เหมือนตกอยู่ในภวังค์
“ถ้าเรายังไม่จากกันจริงๆ คุณชายอย่าพูดคำว่าบ๊ายบายนะคะ แรมกลัว..กลัวว่ามันจะเป็นลาง กลัวว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก”
จันทรายืนจังก้ามองเดือนแรม ดวงตากร้าว เหมือนไม่ใช่จันทราคนเดิมแล้ว
“ฉันไม่ฆ่าแกหรอก...แต่ฉันจะทำให้แกทรมาน และตายอย่างช้าๆ นังแรม!!”
จันทรากระชากร่างเดือนแรมขึ้นมากึ่งจูงกึ่งลากไป
จันทราลากเดือนแรมมาขังไว้ที่ห้องเก็บของหลังบ้าน จันทราหัวเราะก้องด้วยความสะใจ

ก่อนที่ประตูห้องเก็บของจะถูกปิดลง ทิ้งไว้แต่ความมืดมิด เหม็นอับ และร่างไร้สติของเดือนแรม

โปรดอ่านต่อตอนต่อไป

มาหยารัศมี ตอนที่ 16 (ต่อ)

ธิติรัตน์กลับเข้าบริษัท นั่งทำงานหาวหวอดๆ อยู่ จังหวะที่หมุนตัวเพื่อจะหยิบของ มือเกิด
ไปชนกับกรอบรูปเดือนแรมที่วางอยู่ จนหล่นร่วงลงมา ธิติรัตน์หยิบรูปขึ้นมาดู นึกถึงคำพูดของเดือนแรมขึ้นมาไม่ได้

“แรมกลัว..กลัวว่ามันจะเป็นลาง กลัวว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก”
“ไม่มีอะไรหรอก คิดมากไปได้ชาย!”
ธิติรัตน์ปลอบตัวเอง

เดือนแรมตกใจตื่นขึ้นมา ภาพในกรอบสายตามีแต่ความมืดมิด ดูน่ากลัว เดือนแรมสะดุ้งสุดตัว รู้ทันที ว่าที่นี่ที่ไหน เดือนแรมจะกรีดร้องก็ร้องไม่ได้ เพราะปากถูกผ้าเทปปิดเอาไว้ มือและเท้าก็ถูกเชือกมัดเอาไว้แน่นหนา
เดือนแรมขยับเอี้ยวตัวมามองรอบห้อง แต่ก็ต้องเจ็บแปลบที่ศีรษะที่ถูกตี จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะหึ..หึ..เดือนแรมหันขวับไปมองตามเสียง เขม้นมองผ่านแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเห็นเป็นจันทราสวมชุดขาวนั่งนิ่งๆ อยู่ ดวงหน้าซีดเผือด มีผมยาวระลงมาปิดใบหน้าดูน่ากลัว แรมสะดุ้งถอยหลังกรูด จนหลังชนผนังห้อง จันทราหัวเราะอีก
“กลัวเหรอ?...” พูดพร้อมกับขยับตัวเข้าบีบคาง “ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรแกหรอก แค่...เก็บไว้ทรมานเล่นๆ จนกว่ายัยเพ็ญจะกลับมา ได้ยินมั้ยนังแรม? แกต้องอยู่ที่นี่จนกว่าเพ็ญประกายจะกลับมา!”

ด้านเพ็ญประกายถูกชำนิจับขังไว้ในห้อง กำลังเอามือทุบประตูห้อง ร้องขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วยๆๆ
หาทางช่วยตัวเอง แต่ไม่มี ห้องถูกปิดล็อคแน่นหนา พอคว้ากระเป๋ามาดู มือถือก็
ไม่อยู่ซะแล้ว เพ็ญประกายหวาดกลัว
“เราจะออกไปได้ยังไง? ... จะมีใครตามหาเราหรือเปล่า?” ว่าแล้วก็ตะโกนขึ้นสุดเสียง “ใครก็ได้ช่วยฉันที”
เพ็ญประกายคับแค้นใจ ปล่อยโฮออกมาด้วยความหวาดกลัว

ศรัณย์เมื่อแยกกับคนอื่นๆ ก็ขับรถตามหาเพ็ญมาตามทาง มือกดโทรศัพท์แต่ติดต่อไม่ได้
“คุณเพ็ญ..ผมจะไปตามหาคุณได้ที่ไหน?”
ศรัณย์ถามตัวเอง เพราะมืดแปดด้าน!! และยังไม่วายกดโทรศัพท์ต่ออย่างมีความหวัง

ชำนิอยู่ที่อีกมุมในบ้าน กำลังกดเปิดโทรศัพท์ของเพ็ญประกาย ทันทีที่เปิด ก็มีสายเรียกเข้า
“บ๊ะ! เปิดปุ๊บก็มีคนโทรฯเข้ามาปั๊บ...มีคนห่วงอยู่เหมือนกันนี่หว่า”
ชำนิหัวเราะหึ..หึ ขณะกดรับ
เวลานั้นศรัณย์ดีใจมากที่โทร.ติด ละล่ำละลักถาม “คุณเพ็ญ..คุณอยู่ที่ไหนครับ?”
ชำนิพูดสาย “จะบอกดีมั้ยน้าว่าอยู่ที่ไหน?”
ศรัณย์ตกใจหน้าถอดสี “คุณเป็นใคร?”
“ไปบอกจันทราไปว่าฉันชื่อชำนิ บอกมันด้วย มันติดต่อฉันเมื่อไหร่ ฉันจะคืนนังเพ็ญประกายให้มัน”
พูดจบแค่นั้น ชำนิก็วางสาย ศรัณย์ตะโกน
“เดี๋ยวครับคุณๆ”
ไม่มีเสียงตอบชำนิวางสาย ศรัณย์โทร.ไปใหม่ แต่มือถือถูกปิดเครื่องไปแล้ว

ศรัณย์จอดรถหน้าบ้าน กดกริ่งลั่น แต่ไม่มีคนออกมา ศรัณย์ตะโกน
“คุณจันทรา...คุณจันทราครับ”
แต่ก็ไม่มีคนออกมา ศรัณย์ตัดสินใจปีนเข้าไปในบ้านทันที

ศรัณย์วิ่งเข้าไปในบ้าน แต่ประตูปิดสนิท ศรัณย์ทุบประตู
“คุณจันทราครับคุณจันทรา เปิดประตูหน่อย”
ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบ แป้นนอนหลับสนิทอยู่ในห้องเปิดวิทยุกล่อมเสียงดัง
“คุณจันทรา..เปิดประตูด้วยผมรู้แล้วคุณเพ็ญอยู่ที่ไหน?”
เงียบไม่มีเสียงตอบ
จันทรานั่งนิ่งๆ ในห้องเก็บของ มองจ้องเดือนแรม ดวงหน้าขาวซีด เหมือนภูตผีไร้วิญญาณขณะพูดพร่ำไปเรื่อยบอกเดือนแรม เหมือนคนไม่สนใจโลกภายนอก
“ถ้าเพ็ญประกายไม่กลับมา แกต้องอดข้าวอดน้ำ ตายอยู่ในนี้นังแรม!!”
จันทราหัวเราะลั่น เป็นเสียงหัวเราะที่ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน

ศรัณย์หน้าเครียด ตัดสินใจโทร.หาธิติรัตน์ ทว่าธิติรัตน์อยู่ในห้องตัดต่อ เสียงจาก
ห้องตัดต่อดังกลบจึงไม่ได้ยิน
“แต่ละคนมัวทำอะไรกันอยู่วะ?”
ศรัณย์สุดหงุดหงิดงุ่นง่าน ก่อนจะเดินออกมา

กลางดึกของค่ำคืนที่เงียบสงัด ดุจแขขับรถกลับบ้านา เจิมซุ่มดูอยู่ พอเห็นรถของดุจแขแล่นมาไกลๆ เจิมก็วิ่งไปนอนขวางถนน
ดุจแขขับรถมา เห็นคนนอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน แถมนอนขวางทางชนิดไปไม่ได้เลย
“ใครกันมานอนขวางถนน?”
ดุจแขจำต้องเบนรถจอดเข้าข้างทาง แต่ยังไม่ลง ดุจแขหยิบมือถือขึ้นมากดโทร.
“191 นะคะ ดิฉันขอแจ้งเหตุร้ายค่ะ มีใครก็ไม่ทราบมานอนขวางถนน” ดุจแขแจ้งชื่อถนน
“รบกวนมาดูด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ดุจแขวางสาย เขม้นมองไปยังชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่
“เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ?”
เวลานั้นเจิมแอบหรี่ตามอง เห็นดุจแขไม่ลงมาซักที เจิมเปลี่ยนแผนค่อยๆ พลิกตัวร้องโอดโอย ครางราวกับจะเป็นจะตาย
“ช่วยด้วยๆๆๆๆ”
ดุจแขมองจ้อง แต่ไม่ยอมลง เจิมค่อยๆ โผเผลุกขึ้นมา เดินโซเซมาเกาะที่กระจกรถ
“ช่วยด้วย....ช่วยผมด้วย”
“ว้าย!!”
ทั้งๆ ที่อยู่ในรถ แต่ดุจแขก็กระเถิบถดตัวหนีด้วยความกลัว เจิมโมโห เลิกเล่นละครตะโกนขู่เสียงกร้าว “ลงมานี่”
“ไม่!ไอ้บ้า ไปนะ ไป๊”
ดุจแขคว้าโทรศัพท์กดโทรออก สรรชัยอาบน้ำอยู่ โทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้องดังลั่น สรรชัยไม่ได้ยิน
เจิมควานคว้าหาก้อนหินแถวนั้นมาทุบกระจกรถ พอกระจกรถแตก เจิมก็หัวเราะล้วงมือเข้าไปเปิดประตู ดุจแขไม่ยอม ทั้งทุบทั้งตี มือถือหล่นลงในรถ
เจิมสบโอกาสผลักตัวดุจแขออกขึ้นมาในรถจนได้ ดุจแขเห็นอย่างนั้นก็กระโดดลงรถอีกฝั่ง ปากก็ร้องตะโกนขอคตวามช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยๆๆๆ”
“ฤทธิ์เยอะจริงนังนี่”
เจิมกระโดดผลุงลงจากรถวิ่งตามดุจแขไปทันที
ดุจแขวิ่งสุดชีวิตมาตามทางปากก็ตะโกนสุดเสียง “ช่วยด้วยๆๆๆๆ โอ๊ย!!”
จู่ๆ ดุจแขรู้สึกแน่น หน้าอกขึ้นมา เจ็บจนต้องหยุดชะงักกึก เจิมวิ่งไล่กวดมา
“จะหนีไปไหน? มานี่?”
เจิมกระชากผมดุจแข แล้วชกเข้าที่ท้องอย่างแรง เท่านั้นดุจแขก็ร่วงผล็อย
“โธ่เอ๊ย!นึกว่าจะแน่”

เจิมอุ้มดุจแขเดินดิ่งกลับไปที่รถ รองเท้าดุจแขหล่นอยู่ที่พื้น ตรงที่ดุจแขหมดสตินั่นเอง


ด้านสรรชัยอาบน้ำเสร็จเดินออกมา มองนาฬิกา เห็นเป็นเวลาตีสองใกล้จะตีสาม

“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมยังไม่กลับมาอีก?”
สรรชัยหยิบมือถือมาดู เห็นเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเป็นของดุจแข
“อ้าว! โทร.มาตั้งแต่ตอนไหน?”
สรรชัยโทร.กลับทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่เจิมวางร่างไร้สติของดุจแขลงตรงเบาะหลัง เสียงมือถือดัง เจิมหยิบมาดู เห็นเป็นเบอร์สรรชัย
“สรรชัย...” เจิมยิ้มยียวน “ไม่รับ มีอะไรอ๊ะเปล่า?”
เจิมกดปิดเครื่อง แล้วโยนมือถือทิ้งในรถ ขณะขับรถออกไป
สรรชัยนิ่วหน้า “ปิดมือถือทำไม? หรือว่า...”
นึกได้เท่านั้น สรรชัยก็นั่งไม่ติดพื้นห่วงดุจแขมาก รีบออกมาทันที
สรรชัยขับรถออกมาที่ใกล้หน้าบ้าน เห็นรองเท้าดุจแขหล่นอยู่ และในระยะไม่ไกลนัก เห็นเป็นเศษกระจกร่วงอยู่ เพียงแค่นั้นสรรชัยก็รู้ ว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับดุจแขแน่ สรรชัยกระโจนขึ้นรถ ดู GPS รถของดุจแข ที่พ่วงไว้กับมือถือสรรชัย
“รถของแขก็อยู่ไม่ไกล” สรรชัยขับตามไปทันที
ที่ด้านหลัง ตำรวจสายตรวจขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดตรงจุดที่ได้รับแจ้ง บ่น “ไม่เห็นมีใคร”
“สงสัยไปแล้วมั้ง?” อีกคนว่า แล้วตำรวจ 2 คน ขี่รถออกไป

เจิมขับรถมาตามทาง พลางมองดูดุจแข เห็นดุจแขหมดสติ เจิมมอง
“สวยดีนี่หว่าแก”
เจิมจอดรถเข้าข้างทาง มองดุจแข ก่อนลงจากรถ จะเข้าไปที่เบาะหลัง ลวนลามดุจ
แข ชาวบ้านเดินผ่านมาเห็น
“เฮ้ย!ทำอะไรน่ะ?”
เจิมด่า “เรื่องของผัวเมียอย่ายุ่ง”
“หน้าตาอย่างแกดูก็รู้ว่าเป็นโจร” ชาวบ้านอีกคนว่า
“ฉันเป็นผัวเค้า” เจิมเล่นมุกผัวเมีย
ชาวบ้านคนแรกมองเข้าไปข้างในเห็นดุจแขหมดสติ ร้องขึ้น “อย่าไปเชื่อมัน ผู้หญิงหมดสติ”
“บ๊ะ!พวกแกนี่ ก็เมียฉันป่วย เค้าไม่สบาย”
“ท่าทางไม่ดี แจ้งตำรวจดีกว่า”
“บ๊ะ!พวกแกนี่ ยุ่งอะไรวะ?”
เจิมกระโดดขึ้นรถ แต่ถูกชาวบ้านยื้อตัวเอาไว้
“จับมัน อย่าให้มันไป”
“อย่ามายุ่ง”
เจิมตวาด พร้อมกับต่อยพลเมืองดีซะกระจุยก่อนขับรถหนีออกไป พลเมืองดีลุกยืนโงนเงนขึ้นมา
“มันหนีไปแล้วๆ” คนหนึ่งว่า
อีกคนบ่น “จดทะเบียนรถมันไม่ทันด้วย สิวะ”
แต่ละคนจิ๊จ๊ะขัดใจ
ที่ด้านหลัง 2 พลเมืองดี สรรชัยขับรถมาเห็นชาวบ้านจับกลุ่มมุงอยู่ รีบจอดรถถาม “มีอะไรครับ?”
“เหมือนจะมีคนร้ายฉุดผู้หญิงไป”
สรรชัยกดคันเร่ง ตามดุจแขไปทันที

เจิมขับรถมาอย่างเร็ว ดุจแขเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ยังเจ็บและจุกที่ท้องอยู่
“จอด ฉันบอกให้จอด” สองคนเถียงกันลั่นรถ
“จอดก็โง่สิวะ”
“แกจะจอดไม่จอด
ดุจแขเข้าด้านหลังล็อกคอเจิม เท่านั้นรถก็เสียจังหวะเซเข้าข้างทาง ดุจแขฉวยจังหวะ
นั้นกระโดดลงจากรถ วิ่งหนี ทั้งเจ็บปวดไปทั้งตัว พร้อมร้องตะโกน
“ช่วยด้วยๆๆๆ”
เจิมวิ่งไล่ตาม “อย่าหนีนะ!”
เจิมกวดตามดุจแข ดุจแขบาดเจ็บวิ่งไม่เร็วเอามือกุมท้อง เจิมตามจนทัน กระชาก
ผมดุจแขเต็มแรง
“มานี่!!”
จิมชกเข้าที่ท้องของดุจแขอีกซ้ำที่เก่า ดุจแขตัวงอ ล้มลงหมดสติไป เจิมคว้าตัวดุจแข
จะพาไปที่รถ
ระหว่างนั้นรถสรรชัยสาดไฟสูงส่องมา เจิมรีบหลบลงข้างทาง พร้อมกับกดตัวดุจแขลงที่หนองน้ำข้างทาง แอบซุ่มมองดูสรรชัย
เห็นสรรชัยกระโจนลงจากรถ ตรงมาดูที่รถดุจแข
สรรชัยไม่เห็นดุจแขอยู่ในนั้นแล้ว สรรชัยตะโกน
“ดุจแข...ดุจแข”
สรรชัยวิ่งตามหา เจิมกดหัว กอดคอดุจแขลง แบบไม่รู้ตัว จนดุจแขนอน
แน่นิ่ง สรรชัยผ่านไปเจิมถอนหายใจโล่งอก
“มันไปแล้ว” ปลุกดุจแข “เฮ้ย!เธอ..เธอ”
ดุจแขนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง เจิมตกใจ
“อย่าบอกนะว่าแก ตายแล้ว”
ไวเท่าความคิด เจิมสติแตกวิ่งหนีไปทันที ทิ้งร่างดุจแขให้นอนจมน้ำอยู่อย่างนั้น
สรรชัย ตามหาดุจแข “คุณอยู่ที่ไหน ดุจแข?”
สรรชัยแทบหมดแรง กวาดตามองไปทั่วบริเวณ สรรชัยเขม้นมองไปตรงจุดหนึ่ง เพ่งมอง เจอร่างดุจแขนอนจมอยู่ในน้ำ
“แข”

สรรชัยตะโกนทั้งดีใจและตกใจ ทะยานตรงไปยังร่างดุจแขทันที

รุ่งเช้า ชุติมาช่วยสุดใจขายส้มตำอยู่ แม้นเทพมาหา ชุติมาไม่เห็น สีหน้าบ่งบอกว่ากลัดกลุ้มไม่สบายใจอย่างหนัก สุดใจรีบบอก
“ชุ..คุณต้อมมาหา”
ชุติมาหันไปมอง “พี่ต้อม” เดินมาหา “เพ็ญกลับมาหรือยังคะ?”
แม้นเทพบอก “ยังเลย”
“ไปไหนก็น่าจะบอกแม่บ้าง ไม่รู้รึไงว่าแม่เป็นห่วง” ชุติมาบ่นเสียงเศร้าหน้าหมองจัด
“แต่บอกตรงๆ พี่ยังไม่มั่นใจเลย ว่าเพ็ญจะหนีไปจริงๆ พี่กลัว...คุณจันทราจะมีแผนอะไรอีก?”
“มันก็จริงค่ะ..ที่ผ่านมา แม่ทำ จนไม่มีใครไว้ใจแม่อีก”
“ชุตะล่อมถามเค้าได้มั้ย?..ว่าเพ็ญหนีไปจริงหรือเปล่า? พี่ยังไม่อยากแจ้งความ กลัวจะกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ ตำรวจรู้เข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
“ได้ค่ะ ชุจะหาวิธีคุยกับแม่ดู”
“ขอบใจมากนะชุ ชอบใจจริงๆ”
แม้นเทพจับมือชุติมาปลอบ แล้วเดินกลับไปที่รถ สุดใจมองหน้าชุติมา สายตาสงสัยอะไรบางอย่าง

ระหว่างนั่งลงทานข้าวด้วยกัน สุดใจมองหน้าชุติมา ก่อนตัดสินใจ
“ชุ...น้าขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”
“ได้สิคะ..น้าวันดีมีอะไร?”
“ชุเป็นลูกของคุณจันทรา?”
“น้าวันดีรู้จักแม่?” ไม่ใช่เรื่องใหม่ ชุติมาเคยคิด แต่ถามเพื่อความมั่นใจ
“รู้จัก...รู้จักดีด้วย” สุดใจบอกเสียงขื่น
“งั้น...ชุก็มีอะไรจะถามน้าเหมือนกัน?”
“ถามมาสิ...”
ชุติมาเงียบไปนิด ก่อนตัดสินใจถามสิ่งที่ค้างคาใจ “น้า...มีความลับอะไรกับแม่ใช่มั้ยคะ?”
สุดใจมองหน้าชุติมาตกใจมาก ชุติมาถามต่อ
“ชุประมวลจากที่เคยได้ยิน น้าคุยกับน้าฟลุคหลง.....น้าเล่าความจริงให้ชุฟังได้มั้ยคะ?”
สุดใจพยักหน้าตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
“ได้..น้าจะเล่าความจริงให้ชุฟังทุกอย่าง..เรื่องของคุณเมิน ของคุณราศี ของคุณจันทรา”

สุดใจเล่าเรื่องในอดีตอันขื่นขมให้ชุติมาฟัง
“ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา น้ารับจ้างเป็นพี่เลี้ยงเด็ก..น้ามีโอกาสได้รับใช้คุณราศี
และลูกของเธอมาหยารัศมี แต่ตอนนั้นน้าเดือดร้อนมาก และน้าก็ได้รู้จักคุณจันทรา”
ภาพอดีตที่เกาะกินใจสุดใจมาตลอดผุดออกราวสายน้ำไหล
สุดใจเล่าว่าจันทราจ้างสุดใจ ให้เอาลูกที่เพิ่งคลอดของราศีไปทิ้ง สุดใจทำใจเอาเด็กไปทิ้งไม่ได้ เพราะไม่อยากพรากลูกพรากแม่ จึงตัดสินใจเอาลูกไปคืน แต่ปรากฎว่าเมื่อไปถึงราศีสิ้นใจตายแล้ว

เล่าถึงตอนนี้สุดใจร้องไห้โฮ ออกมา “แต่น้าไม่ได้ตั้งใจ ฆ่าคุณราศีจริงๆนะชุ แต่ทำไม จู่ๆเธอถึงตายก็ไม่รู้...น้าเสียใจ เสียใจจริงๆ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ คุณราศีเธอก็คงได้อยู่กับลูกของเธอ”
ชุติมานึกได้ อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “มาหยารัศมี”
“ใช่จ้ะ..ลูกของคุณราศีกับคุณเมินคือมาหยารัศมี” สุดใจพยักหน้า
“งั้นมาหยารัศมีก็คือแรม!”
หัวใจของชุติมาเต้นระรัว เรื่องที่คาดไว้ กลายเป็นเรื่องจริง

ภายในห้องเก็บของท่ามกลางความมืด เดือนแรมเริ่มอ่อนระโหยโรยแรงลง เนื้อตัวสั่นเทา กวาดตามองรอบๆ ข้าง อย่างหวาดกลัว
ภาพตอนเด็กที่ถูกขัง ถูกมัดมือและเท้า ปากถูกพันด้วยผ้าเทปผุดขึ้นมาอีก
เดือนแรมพยายามกระถดตัวไปกระแทกข้างฝา แต่ก็ดูเหมือนไม่มีผลอันใด ได้แต่คร่ำครวญในใจ
“ใครก็ได้ ช่วยแรมที...”
ประตูค่อยๆ เปิดออก จันทราก้าวเข้ามา พร้อมจานข้าว กับแก้วน้ำ ก่อนจะปิดประตูลง จันทรานั่งลงมองหน้าแรม
“หิวข้าวใช่มั้ย?...ฉันไม่ใจจืดใจดำกับแกนักหรอก...ฉันเอาข้าว เอาน้ำมาให้แกกินด้วย
เดือนแรมจ้องมองจันทราเขม็ง ปากถูกปิด มือเท้าถูกมัด จันทราหัวเราะ
“เอ๊าะๆ อ๋อ ! หนูแรมของน้ากินเองไม่ได้ใช่มั้ย? งั้นเดี๋ยวน้าจะป้อนนะจ้ะคนดี”
จันทราเอาแก้วน้ำกรอกปากแรมทั้งที่ยังปิดไว้อยู่ (คือเอามือแง้มแล้วงกรอกลงไป) แรมดิ้น จันทราไม่ยอมจับกรอกปากอีก
“อย่าดิ้น แกจะดิ้นทำไมนังแรม อย่าดิ้น”
จันทราจับหน้าเดือนแรมตรึงให้นิ่ง แล้วกรอกข้าวและน้ำลงไป เดือนแรมสำลัก หายใจแทบไม่ทัน จันทราหัวเราะลั่น
“อร่อยใช่ม้า? งั้นกินเยอะๆ นะคนดีของน้า กินให้หมดนะจ๊ะหนูแรม”
ทั้งข้าวทั้งน้ำราดรดวงหน้า ละเรื่อยลงมายังจมูกของเดือนแรม จนเดือนแรมสำลักอย่างน่าสงสาร ขณะที่จันทราหัวเราะลั่นราวกับคนขาดสติ

“อย่าหวังว่าจะมีใครมาช่วย แกได้ตายอยู่ในนี้แน่นังแรม”

มาหยารัศมี ตอนที่ 16 (ต่อ)

ธิติรัตน์ตัดต่องานจนถึงตอนเช้าอีกวัน พอเสร็จจึงหันไปบอกพนักงานห้องตัดต่อ 

“เดี๋ยว DUB เทป ให้ลูกค้าเช็คงานด้วยนะ”
“ครับคุณชาย” พนักงานรับคำ
ธิติรัตน์เดินมาที่โต๊ะที่วางถ้วยกาแฟและมือถือเอาไว้ เห็นสายที่ไม่ได้รับโชว์อยู่
“มีอะไร? ทำไมศรัณย์โทร.มาตั้งหลายสาย”
ธิติรัตน์ฉงน เดินออกจากห้องตัดพลางโทรศัพท์ไปด้วย
เวลานั้นศรัณย์จอดรถอยู่หน้าบ้านเมิน นั่งอยู่ในรถเหมือนรอทั้งคืน นัยน์ตาศรัณย์มองเข้าไปในบ้านด้วยใจจดจ่อ
“ทำไมไม่มีใครออกมาเลย”
แป้นเดินออกมารดน้ำต้นไม้ ศรัณย์ยิ้มดีใจรีบลงจากรถ ในจังหวะที่เสียงโทรศัพท์ดังลั่นขึ้น
ศรัณย์ไม่รับสายสักที ธิติรัตน์ฟังเสียงมือถือดังอยู่อย่างนั้น จนเลขาเดินมาหาพร้อมเอกสาร
“คุณชายขา..มีเอกสารให้เซ็นค่ะ”
“วางไว้ในห้องเลย”
“ค่ะ” เลขาเดินไป
“เดี๋ยวค่อยโทร.ใหม่แล้วกัน” ธิติรัตน์กดวางสาย แล้วเดินกลับไปไปยังห้องทำงานตัวเอง

แป้นรดน้ำต้นไม้อยู่สะดุ้งโหยงเมื่อศรัณย์วิ่งตรงเข้ามาหา
“คุณจันทราอยู่มั้ยครับ?”
แป้นตกใจจำศรัณย์ได้ “คุณที่มากับคุณเพ็ญ”
“ใช่ครับ...ผมมีเรื่องสำคัญ จะเรียนให้คุณจันทราทราบ”
แป้นไม่กล้า ทำหน้าแหยๆ มองเข้าไปในบ้าน “คุณจันทราไม่ชอบหน้าคุณ รีบกลับไปเถอะค่ะ” รีบผลักศรัณย์ออกกลัวจันทรามาเห็นแล้วโกรธ
“แต่ผมมีเรื่องด่วนต้องคุยกับคุณจันทราจริงๆ” ศรัณย์จะเดินเข้าไปในบ้าน
แป้นห้ามเสียงหลง “อย่าค่ะคุณ อย่า”
ระหว่างนั้นแม้นเทพในชุดทหารจะไปทำงาน เดินมาเห็น สองคนยื้อกันอยู่
แม้นเทพรีบเข้าไปหา พลางถาม “มีอะไรกันครับคุณ?”
“ผมอยากพบคุณจันทรา อยากเรียนเธอเรื่องคุณเพ็ญ”
แม้นเทพมอง เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เพ็ญประกายแอบคบหากับศรัณย์ ที่ได้ยินมาบ้าง
“ให้เข้าไปพบเถอะแป้น...เผื่อคุณศรัณย์มีอะไรจะคุยเรื่องยัยเพ็ญ”
แป้นหน้าแหย “ก็ได้ค่ะ” หันมาบอกศรัณย์ “เชิญค่ะคุณ” นำศรัณย์เข้าไป
แม้นเทพมองตามอย่างสงสัยและหนักใจ “หรือ ยัยเพ็ญจะหนีไปอยู่กับคุณศรัณย์”

แป้นเดินนำศรัณย์เข้ามาในบ้าน แต่ต้องเบรกตัวโก่งเมื่อเห็นจันทรายืนหน้านิ่ง ตาขวาง เครียดจัดอยู่
“ว้าย!!คุณ!”
จันทราถามเสียงเครียดเข้ม “มีอะไรนังแป้น?”
“คุณศรัณย์ขอพบคุณนายค่ะ”
จันทราหันไปมอง ศรัณย์เดินออกมาจากข้างหลังแป้น จันทราเห็นก็ตาลุกวาว ทั้งโกรธทั้งเกลียด
จันทราตะเพิดทันที “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวก่อนครับคุณจันทรา ผมมีเรื่องจะบอก”
“เรื่องอะไรฉันก็ไม่อยากฟังจากแกทั้งนั้น ไป..แกออกไปให้พ้นบ้านฉัน”
จันทราโถมเข้าหาทั้งทุบตี แถมผลักศรัณย์ ศรัณย์หลบพัลวันขณะบอก
“แล้วถ้าเป็นเรื่องของคุณเพ็ญประกายล่ะครับ?”
“แก..แกลักพาตัวยัยเพ็ญไป ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก” สั่งรัวเร็ว “นังแป้นเอามือถือมา เอามือถือมา”
“ค่ะๆ” แป้นรีบวิ่งไป
“ผมไม่ได้ลักตัวคุณเพ็ญไปนะครับ แต่ผมรู้ว่าใครเค้าพาตัวคุณเพ็ญไป”
“ใคร?” จันทราชะงักกึก

สองคนออกมาคุยกันที่มุมลับตาคน ศรัณย์รีบบอก
“เค้าบอกว่าเค้าชื่อชำนิ!”
จันทราใจหายวาบ พูดเสียงแผ่วๆ “ชำนิ...” ก่อนจะขึ้นเสียงถามศรัณย์ “คุณรู้จักกับเค้าได้ยังไง?”
“ผมไม่รู้จักหรอกครับ เมื่อคืนผมโทร.หาคุณเพ็ญ...และเค้าก็มารับสายและเค้าก็บอกให้คุณติดต่อกลับ เค้าถึงจะปล่อยคุณเพ็ญ”
“แล้วฉันจะเชื่อที่แกบอกได้ยังไง?”
“คุณโทร.ไปคุยกับเค้าได้นี่ครับ...”
จันทรานิ่ง รู้ดีว่าชำนิร้ายกาจแค่ไหน ไม่อยากติดต่อ แต่ก็ห่วงเพ็ญประกาย ศรัณย์รีบพูดขอร้อง
“รีบติดต่อกลับเค้าก่อนเถอะครับ..ก่อนที่เค้าจะทำร้ายคุณเพ็ญ”
สีหน้าจันทราลำบากใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวมากๆ

ในบ้านชำนิ เพ็ญประกายมองจ้องโทรศัพท์ของชำนิ ถามเสียงแผ่ว
“แม่ติดต่อกลับมาหรือยังคะ?”
“ถ้าติดต่อมาเธอก็ต้องเห็นสิ” ชำนิเหน็บ
“แม่ไม่ห่วงหนูเลย...”
ชำนิมองเพ็ญประกายอย่างเข้าใจ และเห็นใจ “จันทรามันเคยรักเคยห่วงลูกคนไหนบ้าง มันห่วงก็แต่ตัวเอง”
“เคยรักเคยห่วงลูกคนไหน? หมายความว่ายังไง?” เพ็ญประกายถาม
ชำนิมองหน้าเพ็ญประกายอย่างสังเวช “นี่เธอไม่รู้เคยสงสัยหรือว่านึกเอะใจบ้างเลยเหรอ ว่าชุติมาเป็นลูกฉันกับใคร?”
เพ็ญประกายดวงตาไหวระริก ตื่นเต้นระคนหวาดหวั่น “ลูกใครคะ?”
“ก็ลูกของ” ชำนิจะบอกแต่เสียงมือถือดังขัดขึ้นก่อน ชำนิรับ “ว่าไง?”
จันทราหน้าตาโกรธเกรี้ยว “เพ็ญประกายอยู่กับพี่ใช่มั้ย?”
“ใช่ไม่ใช่ เธอก็ฟังเสียงเอาแล้วกัน” ชำนิยื่นมือถือไปตรงหน้าเพ็ญประกาย
เพ็ญประกายยื่นมือจะคว้าเอามือถือมา ชำนิไม่ให้ถลึงตาใส่ เพ็ญประกายจึงได้แต่ตะโกน
“แม่..ช่วยเพ็ญด้วย ช่วยเพ็ญด้วยค่ะ”
จันทราตกใจแทบช็อค เป็นห่วงลูกสาวมาก “ยัยเพ็ญ!...มันทำอะไรแกรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะ เค้าไม่ได้ทำอะไรเพ็ญ ลุงเค้าแค่อยากเจอแม่..แม่มาเจอกับลุงเค้านะคะ นะคะเพ็ญอยากกลับบ้าน” เพ็ญอ้อนวอน ขอร้อง
ชำนิยกมือถือมาคุยต่อ “ว่าไงจันทรา? เธอจะออกมาหาฉันหรือเปล่า?”
“ได้...ฉันจะไป...พี่อยู่ที่ไหนบอกมาเลยแล้วกัน”
จันทราฟังชำนิบอกสถานที่ ด้วยสายตาเป็นห่วงเพ็ญประกายเอามากๆ

ไม่นานนัก จันทราแต่งตัวเสร็จพร้อมจะออกนอกบ้าน เดินมาหาศรัณย์
ศรัณย์ละล่ำละลักถาม “ว่ายังไงครับ? คุณเพ็ญปลอดภัยดีหรือเปล่า?”
“ยัยเพ็ญปลอดภัย”
ศรัณย์ถอนหายใจโล่งอก จันทรามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ขณะชวนศรัณย์
“คุณไปกับฉันนะ”
ศรัณย์มองเป็นเชิงถาม จันทรารีบบอก
“ก็ไปหายัยเพ็ญกับฉันไง!”
ศรัณย์ดีใจมาก “ด้วยความยินดีครับ เชิญ”
ศรัณย์เดินนำออกไปที่รถ จันทรามองตามไม่ชอบหน้าศรัณย์และเคือง คิดในใจ
“แกได้มีสภาพเหมือนนังแรมแน่ ไอ้ศรัณย์!!”

ธิติรัตน์เซ็นเอกสารอยู่มี่โต๊ะทำในออฟฟิศ พอเสร็จก็ยื่นให้เลขา “นัดเรื่องประชุมให้เรียบร้อยด้วยนะ”
“ค่ะ” เลขาเดินออกไป
จากนั้นธิติรัตน์ก็กดมือถือโทร.หา เดือนแรม เวลานั้นมือถือของเดือนแรมวางอยู่ในบ้านมะลิดัง
พิมเดินผ่านมาเห็นเข้า ชะงัก “อ้าว! มือถือคุณแรมนี่”
มะลิหันไปเห็นจึงถาม “มีอะไรพิม?”
“คุณแรมลืมมือถือค่ะ”
“ดูซิใครโทร.มาเผื่อมีเรื่องสำคัญ?”
“ค่ะๆ” พิมหยิบมือถือมาดูแล้วทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม “คุณชายธิติรัตน์ค่ะ”
มะลิสั่ง “งั้นไม่ต้องรับหรอก ก็คงโทร.มาหาแรมแค่นั้นล่ะ”
“ค่ะ”
พิมวางมือถือลง หน้าหมองมองมือถือจ๋อยๆ สงสารธิติรัตน์

ธิติรัตน์หน้านิ่วกังวล และ เป็นห่วงเดือนแรมมาก
“ทำไมแรมไม่รับสาย?” กดโทร.ออกอีกเบอร์
ขณะที่เจ๊กอไก่ เดินทำมาหากิน สอดส่องหาดาวดวงใหม่อยู่หน้าห้างดัง มือถือดังขึ้น
“เจ๊กอไก่ สวัสดีค่า คุณชายมีอะไรให้ผู้หญิงที่สวยที่สุดและรวยมากกกรับใช้คะ?”
“แรมอยู่กับเจ๊มั้ยครับ?”
เจ๊กอไก่เอามือถือออกห่างปาก แล้วบ่นเบาๆ “อ้าว! โทร.มาหาฉันแต่ถามถึงแรม หมายความว่ายังไงเนี่ย?” หันไปจ๊ะจ๋ากับคุณชายต่อ “ไม่อยู่ค่ะ คุณชายมีอะไรกับแรมเหรอคะ?”
“ก็คิดถึง...แล้วก็เป็นห่วงแรมน่ะครับ แต่โทร.ติดต่อไม่ได้”
เจ๊กอไก่ฉงน “เอ๊..ทำไมติดต่อไม่ได้ วันนี้แรมไม่มีเรียน แล้วก็ไม่มีงานที่ไหนนี่”
ธิติรัตน์ชักเป็นห่วงหนัก “งั้นเหรอครับ? งั้นเดี๋ยวผมลองโทร.หาแรมใหม่”
เจ๊กอไก่แซวหยอดเรี่ยราด “ไม่คุยกับกอไก่ฆ่าเวลาก่อนเหรอคร้า...”
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวจะเผลอฆ่าเจ๊กอไก่ไปจริงๆ”
“ซะงั้น” เจ๊นักปั้นวางสาย นิ่งคิดอยู่สักครู่ “แรมไปไหนหว่า? หรือว่า..อยู่กับคุณสรรชัย”
คิดได้ดังนั้น เจ๊กอไก่ กดโทร.หาสรรชัยทันที

ดุจแขนอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลแห่งนั้น หมดสติจากการถูกทำร้าย และยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น มีสรรชัยเฝ้าอยู่อย่างห่วงใย
มีโทรศัพท์จากเจ๊กอไก่ สรรชัยรับสายแล้วตอบกลับไป “แรมไม่ได้อยู่กับผมครับ...ผมเองตอนนี้ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่โรงพยาบาล”
“ใครเป็นอะไรคะ?” เจ๊นักปั้นถาม
“ดุจแขถูกทำร้ายครับ”
เจ๊กอไก่ตกใจแทบสิ้นสติ “คุณดุจแขถูกทำร้าย?”

ดุจแขยังนอนไม่ได้สติ เจ๊กอไก่พุ่งมาถึงห้องคนป่วยในเวลาเพียงไม่กี่นาที ถามสรรชัยอย่างเป็นห่วง
“ใครนะใจร้าย ทำกันได้ขนาดนี้?”
“ผมแจ้งความไปแล้วครับ นี่ก็รอแขฟื้นขึ้นมาให้ปากคำ จะได้มีข้อมูลสืบได้หน่อย คนร้ายเป็นใคร? เข้ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะทรัพย์สินต่างๆ ของแขก็ยังอยู่ทุกอย่าง”
“คุณดุจแขมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าคะ?” เจ๊กอไก่ปรารภ
“เท่าที่ทราบก็ไม่มี จะมีเรื่องก็..กับคุณจันทรา คุณเพ็ญประกายนี่แหละ แต่ก็เรื่องเล็กน้อย ผมว่าไม่น่าทำกันรุนแรงขนาดนี้” สรรชัยบอกเสียงเศร้า
“มันก็ไม่แน่นะคะ ไว้คุณแขฟื้นเมื่อไหร่ กอไก่จะซักให้ละเอียดยิบเลยค่ะ จะได้ช่วยกันจับคนร้ายได้เร็วๆ”
สรรชัยนึกได้ “ว่าแต่ติดต่อน้องแรมไม่ได้เหรอครับ?”
“ค่ะ ไม่รู้น้องแรมอยู่ที่ไหน? ทำอะไรอยู่?” สายตาเจ๊กอไก่กังวลหนัก

ภายในห้องเก็บของเวลานั้น เดือนแรมอยู่ในสภาพอ่อนระโหยโรยแรง นอนหายใจผะแผ่ว ข้างๆ มีแก้วน้ำ ชามข้าวที่จันทราทำหกเลอะเทอะ ดวงตาของแรมแห้งแล้งหมดหวัง ได้แต่ตะโกนในใจ
“แรมอยู่นี่..ใครก็ได้ ช่วยแรมที...ช่วยแรมด้วย...”


ธิติรัตน์ตัดสินใจมาหาเดือนแรมที่บ้านมะลิ ขณะเดินผ่านบ้านเมิน เพื่อจะตรงไปยังบ้านมะลิ ก็ชะงัก เมื่อมองไปเห็นว่าบ้านใหญ่โตทั้งหลังเงียบเชียบ

“เหมือนไม่มีคนอยู่” นัยน์ตาเต็มไปด้วยสงสัย
ธิติรัตน์สืบเท้า ทำท่าจะขยับเดินเข้าไป แต่มองไปเห็นแป้นถือตะกร้าออกมาจะไปจ่ายตลาด ธิติรัตน์รีบฉากหลบหลังต้นไม้ รอจนแป้นเดินลับตัวไป และเห็นชัดว่าออกจนพ้นประตูแล้ว ธิติรัตน์มองเข้าไปในบ้าน คิดในใจอย่างมาดหมาย
“ลองดู เผื่อจะเจอข้อมูลอะไร?”
ธิติรัตน์ลอบเข้าไปในบ้านเมินอย่างรวดเร็ว

ธิติรัตน์ทำการรื้อค้นตามตู้เอกสาร อัลบั้มรูปภาพ เห็นเป็นเอกสาร
“สูจิบัตร วันเดือน ปีเกิดคุณเพ็ญ พ่อชื่อนายเมิน แม่ชื่อจันทรา” ธิติรัตน์ส่ายหน้าระอาใจ “แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่มาหยารัศมี” รีบพับกระดาษชิ้นเล็กใส่กระเป๋า แล้วค้นหาต่อ

ด้านเดือนแรม สภาพทรุดโทรม เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ พยายามพยุงกายลุกขึ้นมา ปลุกปลอบตัวเองอยู่ในใจ
“อย่ายอมแพ้แรม...เธอต้องสู้”
เดือนแรมรวบรวมกำลัง เอาตัวกระแทกฝาสุดแรง เพื่อหวังว่าจะมีใครได้ยิน

ธิติรัตน์ค้นหาเอกสาร อยู่ท่ามกลางความเงียบ จังหวะหนึ่งธิติรัตน์หยุดกึก เหมือนได้ยินเสียงตุบๆ เป็นจังหวะ ธิติรัตน์เงี่ยหู ตั้งใจฟัง
“เสียงอะไร?”
ธิติรัตน์ฉงนนัก รีบเก็บของที่รื้อค้น เดินไปตามเสียงไปทางหลังบ้านอย่างสนใจ
เดือนแรม ยังคงพยายามเอาร่างกระแทกฝาผนัง เสียงดัง ตุบๆ คุณชายมองไปตามเสียงอย่างสงสัย เร่งสาวเท้าไป แต่ต้องชะงักเมื่อแป้นเดินมาร้องเรียก
“คุณชายจะไปไหนคะ?”
เดือนแรม ชะงัก นัยน์ตามีความหวัง ได้ยินแป้นเรียกคุณชายธิติรัตน์
เดือนแรมตะโกนก้องอยู่ในใจ “คุณชาย!! คุณชายแรมอยู่นี่ ช่วยแรมด้วยๆๆ”
เดือนแรมพยายามโถมตัวกระแทกฝาผนัง คุณชายมองไปตามเสียง แป้นถามอย่างเอาเรื่อง
“ว่าไงคะ คุณชายเข้ามาทำอะไร?”
ธิติรัตน์อ้ำอึ้ง “ฉัน...”
แป้นรีบบอก เป็นเชิงขอร้อง “คุณชายรีบกลับไปเถอะค่ะ เพราะถ้าคุณนายกลับมาเห็นเข้า เรื่องใหญ่แน่ แป้นไม่อยากเดือดร้อน...นะคะ”
เดือนแรมเงี่ยหูฟัง ได้แต่ร่ำร้อง ตะโกนนก้องอยู่ในใจ
“คุณชายอย่าเพิ่งไป คุณชาย”
“ขอโทษด้วยแป้น” เดินออกไป
แป้นหรี่ตามองตาม บ่นอุบ “นี่ถ้าเราไม่ลืมกระเป๋าตังค์ คุณชายได้เดินสำรวจรอบบ้านแน่ แป้นน้อแป้น ทั้งขี้หลงขี้ลืม ประตูก็ไม่ปิด”
แป้นปิดล็อกประตูแน่นหนา ธิติรัตน์มองด้วยความเสียดาย ฟากเดือนแรมก็
ร้องไห้อย่างหมดหวัง
“คุณชายก็ไปแล้ว แล้วใครจะมาช่วยแรม...”
มะลิบ่นกับ พิมด้วยความตกใจ หลังรู้เรื่องจากธิติรัตน์
“นี่แรม...ไม่ได้ไปทำงานกับเจ๊กอไก่เหรอ?”
“ครับ....เจ๊กอไก่บอกว่า ไม่มีเรียนด้วย ผมเลยมาหาแรมที่นี่”
“แล้วแรมหายไปไหน? เฮ้อ!แรมนะแรม ไปไหนมาไหน ทำไมไม่บอก”
พิมหน้านิ่วฉุกคิด “หรือคุณแรมอาจจะไม่ได้ตั้งใจไปคะ...มือถือก็ยังอยู่”
มะลิมองค้อนธิติรัตน์ด้วยความหมั่นไส้
“คุณชายก็อยู่นี่...แรมจะไปไหนกับใครล่ะ? พิมเอาโทรศัพท์มาให้ฉันหน่อย ฉันจะโทร.หาต้อม”
“ค่ะคุณ”
พิมหยิบมือถือยื่นให้ มะลิรับมากดโทร.ออกทันที
แม้นเทพ เพิ่งฝึกเสร็จ โทรศัพท์ดัง รีบรับสาย “ครับคุณแม่”
“ต้อม..ยุ่งอยู่หรือเปล่าลูก กลับมาบ้านหน่อยได้มั้ย?”
แม้นเทพงง “มีอะไรครับ?”
มะลิรีบบอก “แม่สังหรณ์ใจ...กลัวว่าแรมจะหาย”
แม้นเทพชะงัก “แรมหาย”
“ก็ไม่มีใครติดต่อแรมได้เลย แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าแรมไปไหน? ต้อมช่วยตามน้องหน่อยนะลูก”
“ได้ครับคุณแม่”
มะลิคุยครู่หนึ่งแล้วจึงวางสายลง ด้วยสีหน้าเป็นกังวล ธิติรัตน์ถาม
“คุณแม้นเทพ จะไปตามแรมที่ไหนครับคุณป้า?”
“เห็นว่าจะถามชุติมา”

สองคนคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งในบริเวณแฟลต ชุติมาบอกแม้นเทพ
“เท่าที่ชุรู้จัก แรมไม่มีเพื่อนที่ไหนหรอกค่ะพี่ต้อม...นอกจากเจ๊กอไก่”
“พี่คุยกับคุณชายแล้ว คุณชายบอกเจ๊กอไก่ก็ไม่รู้ว่าแรมอยู่ไหน?”
“อย่าบอกนะว่าแรมจะหายตัวไปจริงๆ”
“นั่นน่ะสิ..พี่เป็นห่วงแรมมากจริงๆ เออ...ไหนชุบอกว่ามีอะไรจะเล่าให้พี่ฟัง”
“อย่าเพิ่งก็ได้ค่ะ..พี่ต้อมไปตามแรมก่อนดีกว่า..เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“งั้นค่อยเจอกันนะชุ” แม้นเทพรีบเดินออกไปด้วยท่าทีร้อนใจ
ชุติมามองตาม ทอดถอนใจ คิดในใจ
“เกือบเป็นลูกอกตัญญูไปแล้วชุติมา...ถึงแม่จะร้ายกับคนอื่นยังไง แต่แม่ก็คือแม่ของเรา”
ชุติมาหนักอกหนักใจเป็นที่สุด

เส้นทางตรงไปยังบ้านชำนิ เป็นทางเปลี่ยว ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงทุกที ความมืดเริ่มทอดตัวปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ
บรรยากาศทั้งเปลี่ยวและเงียบนั้น ยิ่งดูน่ากลัว ศรัณย์ขับรถมาด้วยใจจดจ่อ
ศรัณย์ถามทางจันทรา “ไปทางไหนต่อครับ?”
“ทางนั้น” จันทราชี้ทางแยกข้างหน้า ตาชำเลืองมองศรัณย์อย่างมีแผนร้าย
ศรัณย์เลี้ยวโค้งตามจันทราบอก จันทราทำท่าโงนเงนตามแรงเลี้ยว ตวาดแว้ด
“คุณนี่!ขับรถดีๆหน่อยสิ ฉันเวียนหัว”
“ขอโทษครับ..ผมเป็นห่วงคุณเพ็ญมากไปหน่อย เลยเร่งเครื่องซะเร็ว”
“โอ๊ะ!” จันทราออกอาการคลื่นเหียน วิงเวียน โก่งคอทำท่าจะอาเจียน
ศรัณย์นึกเป็นห่วง “เป็นอะไรครับ?”
จันทรารีบบอก “จอดรถๆ ฉันจะอาเจียน”
“ครับๆ”
ศรัณย์เบนรถเข้าจอดข้างทางทันที ทันทีที่รถจอด จันทราก็วิ่งพรวดลงไปในป่าข้าง
ทาง อาเจียนยกใหญ่ ศรัณย์ตามไปช่วย
ขณะที่จันทรากวาดสายตามองหาอาวุธ ศรัณย์หยิบน้ำในรถติดมา ยื่นให้อย่างอาทร
“น้ำครับคุณ..เป็นยังไงบ้าง?”
จันทราตาวาววาบ เห็นท่อนไม้ขนาดเหมาะมือวางอยู่ไม่ไกล ผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจออกมาพร้อมกับรับน้ำมาอย่างอ่อนแรง “ฉันเวียนหัว...” น้ำเสียงแห้งแหบแทบไม่มีเสียง “ยาดม..กระเป๋าฉันมียาดมขอหน่อย”
“ได้ครับได้”
ขณะที่ศรัณย์เดินกลับไปที่รถ จันทราคว้าไม้ขึ้นมา ตามหลังไปฟาดที่ต้นคอศรัณย์สุดแรงเกิด
“โอ๊ย!!”
ศรัณย์ล้มลง จันทราฟาดไม่ยั้งกะให้ตายคาที่ ศรัณย์นอนแน่นิ่ง
“ฉันไม่อยากฆ่าแกหรอกนะ แต่ถ้าฉันไม่ทำ แกต้องปากเสียเรื่องไอ้ชำนิ…”
จันทราเงื้อไม้จะฟาดอีก ยินเสียงคนเดินมาตามทาง จันทราตกใจทิ้งไม้ ฉวย
กระเป๋าวิ่งหลบไปทันที ชาวบ้านสองคนเดินมาถึง
“เฮ้ย! มีคนถูกทำร้าย”
“ช่วยเค้าเร็ว”
ชาวบ้านกุลีกุจอช่วยศรัณย์

จันทราเดินมาตามทางอย่างเร็วรี่ ทางที่ทั้งมืดและเปลี่ยว โทร.หาชำนิ
ชำนิอยู่กับเพ็ญประกาย เสียงมือถือดัง เพ็ญประกายร้องถามอย่างดีใจ
“แม่โทร.มาใช่มั้ยคะ?”
ชำนิดูเบอร์พยักหน้า กดรับสาย “เธอถึงไหนแล้ว?”
จันทรากวาดสายตามองดูทางที่ทั้งมืด และเปลี่ยว สีหน้าหวาดกลัว
“ไม่รู้..มีแต่ป่า...”
ชำนิหงุดหงิดนัก “แล้วเธอเห็นอะไรบ้างล่ะ?”
จันทรากวาดสายตามอง ก่อนจะมองเห็นจุดสังเกตรอบตัว บอกชำนิไป ชำนิรู้รีบบอก
“ได้..เธอรออยู่นั่น เดี๋ยวฉันไปรับ”
“พาเพ็ญประกายมาด้วย”
“ไม่...ของอย่างนี้ต้องยื่นหมูยื่นแมว” หันมาทางเพ็ญประกาย “เดี๋ยวฉันมา”
“บอกแม่นะคะ หนูคิดถึง มาหาหนูเร็ว”
ชำนิมองทั้งสงสาร และสมเพช “เออ..” เดินออกไปทันที
เพ็ญประกายมองตามด้วยความสงสัย
“มันอะไรกันนักกันหนาทำไมต้องทำท่ามีลับลมคมนัยขนาดนี้ด้วย”

จันทรารอพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ทั่วบริเวณเห็นแต่ความมืดน่ากลัว แถมเสียงหมาหอนรับกันระงม ส่งให้บรรยากาศทั้งวังเวงและน่ากลัวยิ่งขึ้น
“น่ากลัวชะมัด ไอ้พี่บ้าชำนิ..เมื่อไหร่จะมาซักที?”
ไม่นานนักชำนิขับรถมาจอด จันทรารีบกระโดดขึ้นรถ
“พาฉันไปหาลูกเดี๋ยวนี้”
“ลูกคนไหน?”
“ก็เพ็ญประกายไง”
ชำนิสวนออกมา “ฉันต้องการพบชุติมา...”
จันทราไม่ยอม “ก็ไปหาเพ็ญประกายก่อนสิ อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันต้องเจอชุติมาก่อน ถ้าเธอไม่ให้เจอ เธอก็ไม่ต้องเจอเพ็ญประกาย”
จันทรามองอย่างระแวง ระคนสงสัย “พี่มีอะไร? ทำไมถึงอยากเจอนังชุมันนัก”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบเธอ รีบพาฉันไปหาชุติมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเธอไม่ต้องเจอเพ็ญประกายตลอดชีวิต”
“เออๆ...ขับรถกลับกรุงเทพฯไปเลย” จันทราบอกส่งๆ
ชำนิขับรถมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯทันที

สุดใจกับชุติมากำลังช่วยกันเก็บข้าวของใส่รถเข็น เพื่อนบ้านชาวแฟลตทัก
“วันนี้เลิกดึกนะ”
“ขายดีน่ะจ้ะ” หันมาบอกชุติมา “เหมือนฝนจะตก ชุขึ้นไปเก็บผ้าก่อนแล้วกัน น้าจะเอารถไปเก็บเอง”
“ค่ะน้า....” ชุติมาเดินขึ้นตึกไปอย่างรวดเร็ว
สุดใจง่วนอยู่กับการเข็นรถเข็นไปเก็บ ระหว่างนั้นรถชำนิวิ่งมาจอดที่ฟุตบาท ไม่นานนักจันทรา
กับชำนิก็ก้าวลงมา สุดใจเห็นจันทราก่อน
“คุณจันทรา” สุดใจรีบนั่งลงหลบข้างรถเข็นอย่างรวดเร็ว
จันทราบอกชำนิ “พี่รออยู่นี่ก่อนแล้วกัน ฉันจะขึ้นไปคุยกับชุติมาก่อน มันจะได้ไม่ตกใจ”
“อย่าตุกติกนะเว้ย ไม่งั้น..แกคงรู้ว่าฉันจะทำอะไรกับเพ็ญประกาย” ชำนิขู่
“เออ” จันทราสะบัดหน้าเดินไปด้วยความโกรธ
ชำนิยืนรอจันทรา สุดใจหน้าซีดคิดในใจ “จันทรามันต้องตามมาเก็บเราแน่ ไม่ได้ เราต้องเปิดเผยความจริงทุกอย่าง” สุดใจเดินลัดเลาะหลบสายตาชำนิออกไปอย่างเร็วรี่

สุดเดินหลบออกมาที่ถนนหน้าแฟลต โบกเรียกแท็กซี่ให้จอด สุดใจรีบบอกทันที
“ไปแถว...บ้านของคุณเมิน มณีกุลค่ะ”

สุดใจขึ้นรถแท็กซี่ไปทันทีอย่างระทึกขวัญ

โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป

มาหยารัศมี ตอนที่ 16 (ต่อ)

ชุติมาเก็บเสื้อผ้าจากระเบียง มานั่งพับอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดัง ชุติมาสะดุ้ง

“ใคร?”
จันทราตะโกนมาจากข้างนอกบอกเสียงดัง “ฉันเอง”
ชุติมาสงสัย “แม่...” เดินไปเปิดประตูให้ ถามทันที “แม่มาทำไม?”
จันทราเดินเข้ามาในห้องพร้อมด่ากราด “ทันทีที่เห็นหน้าแม่ แกถามอย่างนี้เหรอนังลูกอกตัญญู”
ชุติมาข่มอารมณ์ “ก็แล้วแม่มาทำไม?”
“พ่อแกอยากเจอแก” จันทราบอก
ชุติมาหันหน้าหนีทันที “แต่ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น ไม่ว่าพ่อหรือแม่
“แต่แกต้องไปนังชุ แกต้องไป” จันทราตรงเข้าไปลากจะพาไปทันที
ชุติมาร้อง โวยวายลั่น “โอ๊ย!อะไรแม่อะไร? ทำไมฉันต้องไปด้วย”
“แกต้องไป ไม่งั้นพ่อแกจะฆ่าเพ็ญประกาย”
ชุติมาชะงักกึก “อะไรนะ?”
“พ่อแกมันเลว ตอนนี้พ่อแกจับยัยเพ็ญเป็นตัวประกัน แกต้องไปช่วยน้องนะยัยชุ” จันทราใช้ไม้อ่อน
ชุติมาขืนตัวไม่ยอมไป “แม่ต้องไปทำอะไรมาใช่มั้ย? พ่อถึงทำอย่างนั้นกับยัยเพ็ญน่ะ”
ชุติมาถามเสียงเข้ม “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะแม่ แม่ทำอะไร?”
“ทำอะไร?นี่แกเห็นว่าฉันเลวร้ายขนาดนั้นเหรอยัยชุ” จันทราโกรธจัดทั้งหยิกทั้งตีตัวชุติมา
“ทั้งที่ฉันเห็นเองกับตา และน้าสุดใจเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังหมดแล้ว เรื่องของคุณเมิน คุณราศี มาหยารัศมี”
“อะไรนะ?” จันทราปากคอสั่น “แกรู้จักนังสุดใจ”
ชุติมาหลุดปาก “น้าวันดี คือน้าสุดใจ....โลกมันกลมมากเลยนะแม่ หรือว่ามันถึงเวลาแล้วที่แม่จะได้รับกรรม”
จันทราปากคอสั่น แทบล้มทั้งยืน “ไม่...ฉันไม่มีทางได้รับกรรม ไม่มีทาง”

ด้านสุดใจก้าวพรวดลงมาจากแท็กซี่ วิ่งไปกดกริ่งกระตู สักครู่แป้นมาเปิดให้
แป้นมองคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหน้า “มาหาใคร?”
“ฉันมาหาคุณเมิน” สุดใจบอก
“คุณเมินไม่อยู่”
“ฉันจะรอ เธอโทร.บอกคุณเมินหน่อยสิ บอกว่าสุดใจมาหา มีเรื่องสำคัญจะบอก”
“เรื่องสำคัญ” แป้นสงสัย
“ใช่!เรื่องสำคัญ เกี่ยวกับคุณราศี มาหยารัศมี” สุดใจย้ำ
แป้นตกใจมาก “เรื่องของราศี มาหยารัศมี” หรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ “เดี๋ยวฉันจะโทร.ตามคุณเมินให้แล้วกัน”
แป้นเดินเข้าไปในบ้าน สุดใจมองตามอย่างกระวนกระวาย

จันทรานั่งหอบด้วยความตกใจอย่สงมาก ถามย้ำกับชุติมา “สุดใจมันบอกแกทุกอย่าง”
“ใช่แม่...แต่แม่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ยังไงฉันเป็นลูกแม่ ฉันไม่คิดทำร้ายแม่หรอก”
จันทราตวาดแว้ด “แกจะทำร้ายฉันได้ยังไง?ในเมื่อฉันไม่เคยทำอะไรผิด นังสุดใจมันใส่ร้ายฉัน”
“แม่.....” ชุติมาลากเสียงยาวอย่างอ่อนใจ “เลิกโกหกซะที ฉันรู้แม้กระทั่งแม่ให้คนตามฆ่า จนน้าสุดใจต้องหนีตายมาจนถึงวันนี้ไง...” จับมือจันทราวิงวอนขอร้อง “แม่..ฉันรักแม่นะ เลิกทำบาปทำกรรมได้แล้ว ความลับไม่มีในโลกหรอก...ซักวันทุกคนก็ต้องรู้ความจริง”
จันทราสะบัดมือออกสุดแรง “ไม่!! ฉันไม่มีทางปล่อยให้มีวันนั้นเด็ดขาด ใครรู้ความลับฉัน ฉันจะฆ่ามันให้หมด” เสียงมือถือดัง จันทรากดรับ “ว่าไงนังแป้น?”
แป้นหลบออกมาโทรศัพท์บอกจันทรา
“นังสุดใจมันมารอคุณเมินที่บ้านค่ะ....คุณนายจะให้แป้นทำยังไงคะ?”
จันทรานิ่งเฉย แต่พูดเสียงเหี้ยม “ให้มันรออยู่ที่นั่น ฉันจะรีบไป”
ชุติมามองงง ไม่รู้ว่าแม่กับแป้นคุยกันถึงใคร?

จันทราเดินลงจากแฟลตมาหาชำนิ ทันทีที่เห็นชำนิก็ถามอย่างร้อนใจ
“ลูกล่ะ ลูกว่ายังไง ลูกอยากเจอฉันมั้ย?”
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับฉัน ไม่ใช่นังชุ” จันทราเสียงกร้าว
ชำนิฉุนขาด “บ๊ะ!แกนี่ จะเล่นแง่อะไรกับฉันอีกวะ เดี๋ยวก็บอกต้องไปถามความเห็นของชุ แล้วนี่ก็บอกว่าแล้วแต่แก ..ตกลงจะยังไง?” หรี่ตามองอย่างน่ากลัว “หรือแกอยากให้ลูกของแกกับคุณเมินตาย!” ชำนิขู่
จันทราไม่กลัวแม้แต่น้อย “อย่ามาขู่ฉันนะพี่”
“ไม่ได้ขู่ แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันพูดจริง ทำจริง แกจะเอายังไง?”
“ไม่ใช่แค่ได้เจอ แต่พี่จะได้ตัวชุติมาไปอยู่ด้วย”
ชำนิดีใจมาก “จริงเหรอวะ?”
“จริง...ฉันคุยกับลูกแล้ว แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรอีก?” ชำนิไม่วางใจ “แกนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ จันทรา”
“สำหรับพี่...เรื่องที่ฉันจะให้ช่วย ไม่ยากหรอก ไปกับฉันแล้วกัน..แล้วพี่จะได้ชุติมาไปอยู่ด้วยตลอดชีวิต”
ชำนิมองหน้าจันทราอย่างระแวง แต่เพราะรักชุติมามาก ชำนิจำต้องไป

สุดใจยืนคอยอยู่ที่หน้าบ้านเมิน อย่างกระวนกระวาย
“ไปโทรศัพท์แค่นี้ทำไมนานจัง?? หรือว่า...คุณเมินจะอยู่ข้างใน แต่แม่คนนั้นไม่ให้เราพบ” คิดได้ดังนั้นสุดใจตัดสินใจเข้าไปในบ้านทันที

สุดใจ ค่อยๆ แอบย่องเข้ามาในบ้าน ภายในบ้าน เงียบกริบ
สุดใจพึมพำ “ทำไมบ้านเงียบอย่างนี้” สุดใจขนลุกขนพอง บ้านหลังใหญ่โตแต่วังเวงมาก
เวลาเดียวกันเดือนแรมอยู่ในห้องเก็บของ เหนื่อยหนัก ใกล้จะหมดแรงเต็มทน ข้าวปลาไม่ได้กิน พยายามช่วยตัวเอง เดือนแรมลุกขึ้นมาอย่างลำบากยากเย็น เพราะถูกมัดมือ มัดเท้า แถมยังถูกปิดปาก
“อย่ายอมแพ้ เธอต้องสู้สิแรม เธอต้องสู้!”
เดือนแรมปลุกปลอบตัวเอง พร้อมกับกระเถิบ เอาตัวกระแทกฝาเต็มแรง ครั้งแล้วครั้งเล่า หวังว่าจะมีคนได้ยิน
และสุดใจได้ยินเสียง สุดใจเงี่ยหูฟัง
“เสียงอะไรน่ะ?...” มองเข้าไปตามเสียงด้านในบ้านอย่างสงสัย “แสดงว่ามีคนอยู่”
สุดใจค่อยๆ ย่องเข้าไปข้างในด้วยความอยากรู้อยากเห็น พลางตะโกนถาม
“มีใครอยู่มั้ยคะ?...มีใครอยู่มั้ย”
เดือนแรมชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคนพูด หยุดฟัง แล้วพยายามเอาร่างกระแทกฝาผนัง
สุดใจมองไป “เสียงมาจากทางนั้น”
แล้วสุดใจเดินไปตามเสียง เบื้องเห็นห้องเก็บของ เดือนแรมยังคงพยายามร้องช่วยด้วยๆ เสียงดังอู้อี้ ลอดออกมา เอาร่างกระแทกผนัง ก่อนที่จะหมดแรงผล็อยร่วงลงไปหมดสติ
สุดใจมองที่ประตูท่าทีกลัวๆ กล้าๆ ว่าเสียงอะไร ก่อนที่จะตัดสินใจกระชากประตูออก เห็นคนนอนแน่นิ่งหันหน้าไปอีกทาง สุดใจตกใจมาก ก่อนจะค่อยๆ พลิกร่างนั้นให้หันมา แล้วสุดใจก็เบิกตา
กว้าง จำเดือนแรมที่เคยช่วยชีวิตตัวเอง
“หนูแรม!!ใครทำหนูแรมอย่างนี้....ช่วยด้วยๆๆๆๆๆ”
ด้านแป้นหลังโทร.รายงานจันทรา ก็ก้มหน้าทำความสะอาดบ้าน เปิดเพลงเสียงดังตามประสา
สุดใจตกใจไม่หาย “เดี๋ยวน้าไปตามคนมาช่วยนะ”
สุดใจรีบวิ่งออกไปรวดเร็ว

สุดใจวิ่งออกมาหน้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเจอชำนิ สุดใจจำชำนิได้ถอยหลังกรูด ร้องลั่น
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
จันทราก้าวออกมาจากหลังชำนิ คำรามออกมา “แกแส่หาเรื่องเอง”
“จันทรา” สุดใจกลัวมากจะวิ่งหนี
จันทราโผนทะยานเข้ามากระชากผมสุดใจ “จะหนีไปไหนมานี่?”
สุดใจดิ้นรนขัดขืน ร้องลั่น “ปล่อยฉัน ปล่อย
“แกรนมาหาฉันถึงที่ แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกเหรอนังสุดใจ มานี่”
สองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา มือถือของสุดใจร่วงหล่นที่พื้นโดยไม่มีใครสังเกต
“ปล่อย!” สุดใจตะโกนก้อง “ช่วย...”
สุดใจพูดไม่ทันจบคำ ชำนิก็เอาสันมือทุบเข้าที่ต้นคออย่างจัง สุดใจร่วง
ผล็อยลงกับพื้น จันทราเบ้ปากสั่ง
“เอามันไปจัดการ”
ชำนิจัดการลากสุดใจออกไป จันทรายิ้มอย่างสะใจ ดวงตาวาววาบอย่างน่ากลัว
“หึ!!เอาตัวเองยังไม่รอด แล้วยังจะมาคิดช่วยนังแรมอีก แกคิดสั้นจริงๆ สุดใจ”
จันทราเหลียวขวับมองเข้าไปภายในบ้าน ดวงตาน่ากลัวมาก

ค่ำแล้ว เดือนแรมนอนหมดสติ จันทราเดินถือถังน้ำมา แล้วสาดเข้าไปที่หน้าแรงๆ เดือนแรมสะดุ้ง ร้องโอ๊ยไม่มีเสียง
เดือนแรมปรือตา ผงกหัวขึ้นมองเห็นจันทราทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า
จันซากระชากผม “ยังไม่ตายอีกเหรอ? แกนี่มันดื้อด้านทนจริงๆ แต่อย่าหวังเลยว่าจะมีคนมาช่วยแกได้ นังแรม!”
จันทราผลักหัวเดือนแรมลงกับพื้น เดือนแรมมองจันทราด้วยสายตาชิงชัง พยายามลุกขึ้นจะสู้
จันทราเห็นเข้าก็กระชากเดือนแรมขึ้นมา
“แกคิดจะสู้ฉันเหรอนังแรม ?แกคิดจะสู้ฉันเหรอ?”
จันซากระชากผมเดือนแรมขึ้นมา แล้วตบๆๆๆ แบบไม่ยั้ง เดือนแรมไม่มีทางสู้ เพราะถูกพันธนาการเอาไว้
“สู้ฉันสิ..ฉัน ถ้าไม่แน่จริง คราวหลังอย่ามองหน้าฉันอย่างนี้”
จันทราตบอีกฉาดใหญ่ จนเดือนแรมหน้าหัน เซผงะ
แป้นแอบมองอย่างเสียวๆ คิดในใจ
“ถูกจับมัดเอาไว้ทั้งตัวแบบนั้นจะสู้ได้ยังไง? คุณนายโรคจิตขึ้นทุกวัน”
“ไม่มีใครมาช่วยแกได้หรอก..แกได้ตายอยู่ที่นี่แน่นังแรม”
จันทราปิดประตู คราวนี้ล็อกกุญแจเอาไว้
เดือนแรมร้องไห้จนตัวโยน คับแค้นใจนัก คิดในใจ สงสารตัวเอง
“จะมีใครช่วยแรมได้...จะมีใคร?”

ชุติมาปัดกวาดเช็ดถูห้องเสร็จ มองนาฬิกา แล้วนึกสงสัย
“ทำไมน้าวันดีไปนานนัก” หยิบมือถือขึ้นมากดโทร.หา
ธิติรัตน์กำลังจะกลับ เดินมากับแม้นเทพ สองคนมีสีหน้าไม่สบายใจ
“ผมเป็นห่วงแรมมากถ้าแรมกลับมา รบกวนคุณแม้นเทพบอกผมด้วยนะครับ”
แม้นเทพย้อนถาม “แล้วเพ็ญประกาย”
“ผมคิดว่า...เรื่องของผมกับคุณเพ็ญจบไปแล้ว ตั้งแต่คุณเพ็ญไม่ใช่มาหยารัศมี ส่วนเรื่องแรม ผมกำลังหาทางพิสูจน์อยู่”
“จะตัดสินใจยังไง คุณชายต้องรีบจัดการ เพราะทั้งเพ็ญ ทั้งแรม คือน้องสาว
ผมทั้งสองคน”
“ครับ..ผมจะไม่ให้ทั้งคุณเพ็ญทั้งแรม ต้องเสื่อมเสียเกียรติเพราะผมอย่างเด็ดขาด”
สองหนุ่มมองหน้าสบตากันแมนๆ แต่สายตายังเต็มไปด้วยความกังวลเป็นห่วงทุกสิ่งอย่าง
เสียงมือถือดัง สองหนุ่มสะดุ้งกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง เห็นโทรศัพท์หล่นอยู่ที่พื้น
“โทรศัพท์ใครตกอยู่ตรงนี้ ?” ธิติรัตน์หยิบขึ้นมา เห็นเบอร์โทร.เข้าเป็นชื่อชุติมา “ชุติมา”
แม้นเทพชะงักรีบรับไปดู มองสงสัยและกดรับ
ชุติมาถามทันที “น้าสุดใจอยู่ที่ไหนคะ? ทำไมยังไม่กลับมาห้องอีก”
“พี่เองชุ?”
ชุติมางวยงง “พี่ต้อมมารับสายได้ยังไง? แล้วน้าสุดใจล่ะคะ?”
“ใคร น้าสุดใจ” แม้นเทพงง
“ก็น้าวันดีน่ะค่ะ” ชุติมาชักสงสัย “แล้วทำไมพี่ต้อมอยู่กับน้าสุดใจได้คะ?”
“พี่ไม่ได้อยู่...แต่มือถือของน้าวันดี ตกอยู่ที่นี่”
ชุติมาอึ้ง “ที่ไหนคะ?”
“บ้านคุณน้าเมิน” แม้นเทบบอก
ชุติมามือถือแทบร่วง “มือถือของน้าสุดใจไปหล่นที่นั่นได้ยังไง?” คิดในใจ “อย่าบอก
นะว่า...คุณแม่?”
ชุติมาหน้าซีด ขณะที่ธิติรัตน์กับแม้นเทพมองหน้ากันทั้งสงสัยระคนตกใจ

ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างสงสัย มะลิเอ่ยขึ้นนั่นนะสิ
“ทำไมมือถือของคนที่ชื่อสุดใจ วันดีอะไรนั่นมาตกอยู่บ้านนายเมินได้”
ธิติรัตน์งง “แสดงว่า น้าสุดใจต้องมาที่นี่?”
ทุกคนหันไปมองหน้าชุติมาเป็นตาเดียวกัน ชุติมาก้มหน้าหลบตา
“ชุไม่ทราบค่ะ”
“ก่อนหน้านี้ น้าสุดใจไม่ได้คุยอะไรกับชุเลยเหรอ?” แม้นเทพตะหงิดๆ ในใจ
ชุติมาตอบไม่เต็มเสียงหลบตาต่อ “เปล่าค่ะ”
“น่าแปลก...น่าแปลกมาก ทำไมมือถือถึงมาตกอยู่ที่นี่ได้”
พิมฉุกคิดขึ้นมา “แต่ชื่อสุดใจ คุ้นหูมากเลยนะคะ”
นึกถึงตอนที่ตัวเองแอบได้ยินชื่อของสุดใจ ที่จันทราสั่งเจิม
“ใช่! พิมเคยได้ยินคุณจันทราพูดถึงชื่อนี้ แล้วก็ยังพูดถึงชื่อชำนิอีกใช่ค่ะ.พิม
จำได้ขึ้นใจ สุดใจ ชำนิ”
“ใครกันชำนิ?” มะลิงงหนัก

ชุติมา น้ำท่วมปาก ได้แต่นิ่งอึ้งใบ้กินอยู่อย่างนั้น

โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป

ชุติมานึกสังหรณ์ใจขึ้นมา จึงรีบหลบออกมาข้างนอกคนเดียว คิดหวาดหวั่นในใจว่าต้องเป็นฝีมือจันทราแน่ๆ

“แม่ต้องทำอะไรแน่ๆ” คิดดังนั้นชุติมาหยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออกอย่างร้อนใจ

บริเวณป่ารกร้างข้างทางที่ทั้งมืดและเปลี่ยวไร้ผู้คน ละแวกบ้านเมิน จันทราอยู่กับชำนิตรงนั้น ส่วนที่พื้นใกล้ๆ มีร่างไร้สติของสุดใจนอนแน่นิ่งอยู่
“ฝังมันเลย” จันทราสั่งเสียงเข้ม
“เฮ้ย! เค้ายังไม่ตาย จะฝังเค้าได้ยังไง?” ชำนิโวย
“ฝังๆ ไปเถอะ เดี๋ยวมันก็ตายเองแหละ”
ชำนิไม่ทันพูดอะไรโต้ตอบ เสียงมือถือจันทราดังขึ้น จันทราด่าทันที
“บ้าเอ๊ย! ใครโทร.มาตอนนี้?” หยิบออกมาดูเห็นชื่อคนโทร.เข้า “ชุติมา”
“ชุติมา!” ชำนิได้ยิน รีบแย่งมือถือจันทรามาพูด “ชุ! นี่พ่อนะ”
ชุติมาตกใจมากที่คนรับสายเผ็นชำนิ “พ่อ”
ชำนิละล่ำละลัก “ใช่! พ่อเอง พ่อคิดถึงลูก พ่ออยากเจอลูก”
ชุติมาประหลาดใจถามออกไปทันที “ตอนนี้พ่ออยู่ไหน?”
“อยู่ที่ป่าร้าง แถวบ้านคุณเมินนี่แหละ”
ชุติมายิ่งตกใจ “พ่อกับแม่ไปทำอะไรที่ป่าร้าง?”
จันทราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ที่ชำนิบอกอย่างนั้น “พี่จะบอกนังชุทำไม ว่าเราอยู่ที่นี่”
ชุติมารู้ทันที ตะโกนใส่โทรศัพท์ “พ่อแม่อย่าทำอะไรน้าสุดใจนะ อย่าทำ”
“บ้าเอ๊ย” จันทราเลือดขึ้นหน้าปามือถือใส่ชำนิ มือถือหล่น แต่สองคนไม่รู้ว่าสายสนทนายังเปิดทำงานอยู่
“แกสิบ้า ที่จะฝังคนทั้งเป็น” ชำนิตวาดจันทรา
ชุติมาได้ยินสองคนทะเลาะกันเรื่องฝังคน มั่นใจว่าต้องเป็นสุดใจแน่นอน ชุติมาร้องไห้โฮออกมา “อย่าทำอะไรน้าสุดใจนะ อย่าทำ” ชุติมาวิ่งเตลิดออกไปทันที

แม้นเทพกับธิติรัตน์ตามออกมา เห็นหลังชุติมาไวๆ
“ชุจะไปไหนชุ?”
แม้นเทพสงสัยตามชุติมาไปรวดเร็ว ธิติรัตน์ยืนมองอย่างงงๆ และสงสัย
“ต้องมีเรื่องอะไรแน่?” ธิติรัตน์วิ่งตามไปทันที

ชุติมาวิ่งไปทางป่าร้างละแวกถนนหน้าบ้านเมิน โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลังแม้นเทพวิ่งตามหา และมีธิติรัตน์ตามมาอีกคน ธิติรัตน์ถามแม้นเทพ
“เห็นชุติมามั้ยครับ?”
“ไม่เห็น..แต่ผมว่าชุน่าจะอยู่แถวนี้ ผมจะไปตามชุ ทางนี้ฝากคุณชายด้วยนะครับ”
แม้นเทพวิ่งตามหาชุติมา ธิติรัตน์มองตามนึกสังหรณ์ใจว่าเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ

ที่ป่าร่างข้างทางเวลานั้นสุดใจยังคงนอนหมดสติอยู่ ขณะที่จันทรากับชำนิยังยืนทะเลาะกัน จันทราเร่งเร้าชำนิ
“ฝังสิพี่..ฝังมันเลย ไม่งั้นมันลุกขึ้นมาเปิดเผยความลับเรานะ” ผลักชำนิสุดแรงให้รีบทำ
ชำนิเซถลา แย้งไม่อยากทำ “แต่มันยังไม่ตาย ฉันไม่ฝังคนเป็น”
จันทราสั่งอีก “แต่พี่ต้องฝัง ฝังสิพี่..ฝัง”
จันทราตรงเข้ามาขย้ำชำนิ บังคับให้ฝัง ชุติมาได้ยินเสียงทะเลาะกันวิ่งร้องไห้เข้ามา
“อย่านะพ่อ...อย่าฝัง”
ชำนิหันมามองอย่างตกใจ เรียกเสียงอ่อนโยน ด้วยความดีใจ “ชุ!”
จันทราตวาดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “นังชุ”
ชุติมาวิ่งถลาเข้าไปกอดสุดใจร้องไห้โฮ อ้อนวอนพ่อกับแม่ทั้งน้ำตา
“อย่าทำน้าสุดใจเลยนะ ฉันขอร้อง น้าสุดใจมีบุญคุณกับฉัน”
“แล้วที่ฉันชุบเลี้ยงแกมา ฉันไม่มีบุญคุณกับแกเหรอชุติมา?” จันทราผลักชุติมาออกไป
ชุติมาถลาไปตามแรงผลักแต่ยังกอดร่างสุดใจเอาไว้แน่น “แม่เป็นแม่ของฉัน แต่น้าสุดใจ เค้าไม่ได้เป็นอะไร แต่เค้าดีกับฉัน เค้าช่วยเหลือฉัน” หันหน้าไปจับตัวชำนิอ้อนอวน “พ่อ..อย่าทำเค้าเลยนะ เห็นใจฉันเถอะ อย่าฆ่าเค้าเลย อย่าฝังน้าสุดใจเลย ฮือๆๆๆ”
“พ่อขอโทษชุ...ที่พ่อทำร้ายเค้า เพราะพ่ออยากพบลูกเท่านั้น”
ชุติมามองหน้าชำนิ สลับกับจันทรา “แปลว่า...”
ชำนิบอก “แม่เค้าบังคับให้พ่อทำ เป็นเครื่องต่อรองให้พ่อได้พบกับแก”
“แม่” ชุติมาตกใจ
จันทราแว้ดใส่ “พี่ชำนิ ทำไมพี่โยนความผิดให้ฉันอย่างนี้” ตรงเข้ามาผลักทุบตีตามตัวชำนิ “ทำไม?”
“ก็เธอบังคับฉัน” ชำนิว่า จากนั้นสองคนก็โยนความผิดให้กันไปมา
“ยังไงพี่ก็ผิด พี่ก็ทำร้ายนังสุดใจ พี่จะฆ่ามัน”
“ฉันทำตามคำสั่งเธอ อีกอย่าง...โทษทำร้ายร่างกาย ยังไงก็ไม่หนักหนา ไม่
เหมือนเธอ”
“พี่ชำนิ...พี่หักหลังฉัน”
“ฉันทำเพราะต้องการได้พบลูก ยังไงศาลท่านต้องเห็นใจ”
“ไอ้ชำนิ!” จันทราตรงเข้ามาทุบตีชุดใหญ่
ชุติมาเหลืออด เสียงดังลั่น “หยุด!ฉันบอกให้หยุด”

ระหว่างนั้นแม้นเทพวิ่งตามมา กวาดสายตามองหาไปรอบบริเวณพลางตะโกนก้อง
“ชุ ชุอยู่ไหน ชุ”
ชุติมาตื่นตกใจ “พี่ต้อม”
จันทราโกรธจัด “ไอ้ต้อม”
ชำนิเองก็ผวาตกใจ “มีคนมา” รีบวิ่งหนีไป
จันทราร้องลั่น “รอฉันด้วยพี่” จะวิ่งไป ก่อนนึกได้หันกลับมา “แกคงไม่บอกใครใช่มั้ยชุติมา
ว่าพ่อแม่แกคือคนร้าย?” วิ่งหนีตามชำนิไป
ชุติมากอดสุดใจร้องไห้โฮ ด้วยความเจ็บปวด ขมขื่นใจ แม้นเทพวิ่งเข้าไปหา
“ชุ!!”
“พี่ต้อม”
ชุติมาวิ่งเข้าไปหา แล้วโผกอดแม้นเทพร้องไห้โฮ แม้นเทพมองดูสุดใจที่หมดสติ ตกใจ

สองวายร้ายวิ่งหนีมาตามทาง ชำนิด่า
“แกนี่หาเรื่องเดือดร้อนตลอดเวลาเลยจันทรา....” ทำหน้ายุ่งยากใจ “ป่านนี้ไอ้หมอนั่นมันคงตามหาคนร้ายแล้ว”
จันทราเถียง “พี่นั่นแหละ ฉันบอกให้ฝังก็ไม่ฝัง คอยดูเถอะ เดี๋ยวจะซวย”
“ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ยังไงก็ไม่หนักเหมือนแก...อีกอย่าง...ฉันทำตามคำสั่งแก เพื่อต้องการได้พบลูก ศาลท่านรู้ ท่านก็คงเห็นใจ ไม่เหมือนแก”
“ยังไงพี่ก็เป็นคนลงมือ ไม่ใช่ฉัน ไหนจะเรื่องเก่าๆในอดีตอีก...ทั้งปล้นทรัพย์ ทั้งฆ่าคน นักโทษหนีคดี พี่คิดว่าศาลท่านยังจะปราณีอยู่หรือเปล่า? พาฉันไปหาเพ็ญประกายเดี๋ยวนี้”
“ไม่...”
“พี่ชำนิ”
“ยิ่งถ้าแกแฉฉัน ฉันจะฆ่านังเพ็ญ จำไว้!”
จันทราโกรธจัด “พี่!”
ทั้งจันทราและชำนิมองหน้าสู้สายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

รุ่งเช้าสุดใจนอนนิ่งอยู่บนเตียง หลังถูกนำส่งโรงพยาบาลเมื่อคืน สุดใจไม่ตายแต่ยังไม่ได้สติ ชุติมานั่งอยู่ข้างเตียงจับมือสุดใจร้องไห้สะอึกสะอื้นเฝ้าอาการทั้งคืน
“ตกลงใครทำร้ายน้าสุดใจ ชุ?” แม้นเทพถาม
ชุติมานั่งนิ่ง สายตาประหวั่นพรั่นพรึง น้ำท่วมปาก ลำบากใจที่จะบอก
“บอกพี่มาชุ...อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล” แม้นเทพถามดักคอ
ชุติมาตัดสินใจ “ชุ....ไม่รู้จริงๆ พี่ต้อม...ไปถึงน้าสุดใจก็หมดสติไปแล้ว น่าจะเป็นพวกคนร้าย ชิงทรัพย์”
“คนร้ายชิงทรัพย์?” แม้นเทพอุทาน
ชุติมาก้มหน้าร้องไห้ แม้นเทพมองชุติมาอย่างไม่เชื่อนัก

ดวงอาทิตย์ฉายส่องแสงแรกของวันอ่อนๆ ธิติรัตน์ที่นั่งทำงานทั้งคืน ยกมือขึ้นลูบหน้าท่าทางเหนื่อยล้า กลุ้มหนักเรื่องเดือนแรมหายตัวลึกลับ ธิติรัตน์คิดในใจ “แรมไปไหน? เกิดอะไรขึ้นกับแรม?”
นึกถึงเสียงดังในบ้านเมินที่ได้ยินวานนี้ และนึกไปถึงเสียงดังคล้ายกันตอนไปงานปาร์ตี้บ้านเมินครั้งแรก
และนึกถึงคำพูดที่เดือนแรมมักบอกเสมอว่าตนถูกจันทราจับขังเอาไว้ในห้องเก็บของภายในบ้าน
“หรือว่าแรมจะถูกจับไปขังอีก”

ธิติรัตน์ฉุกคิด ผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที

อ่านต่อตอนที่ 17
กำลังโหลดความคิดเห็น