ขุนเดช ตอนที่ 16
ขุนเดชกำลังเดินกลับ ยงยุทธตามเข้ามากระชากไหล่แล้วชกเปรี้ยงเข้าหน้าทันที ขุนเดชเซเลือดซิบมุมปาก
“ปากเสียอย่างแก ชั้นปล่อยให้พล่ามต่อไปไม่ได้”
“ชั้นพูดความจริง แต่แกยอมรับไม่ได้ต่างหาก”
“แต่ดาราเป็นคนรักของแก ถ้าแกปกป้องเธอไม่ได้ แกก็ไม่สมควรได้เธอไป”
“อ๋อ...ที่แกตามมาเล่นงานชั้น เพราะแกอยากจะได้เธอคืน”
ยงยุทธชะงักกึก
“ไอ้ขุนเดช”
ยงยุทธปรี่เข้าไปชกแต่คราวนี้ขุนเดชหลบหมัดแล้วสวนกลับก่อนจะแลกหมัดกันไปมาแล้วตามด้วยลูกถีบยอดอกจนกระเด็นออกไปทั้งสองฝ่าย เจ็บจุกไปทั้งคู่
“ยงยุทธ…สิ่งที่ชั้นพูดมันคือความจริงทุกอย่าง พวกเราทุกคนไม่ได้ยืนอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่เรากำลัง
อยู่ในสงคราม ชั้นต้องพูดให้ทุกคนระวังตัว เพราะทั้งแกทั้งชั้นอาจจะพลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้”
ยงยุทธนิ่งไปครู่
“แต่ถ้าคนรักของแก แกยังปกป้องไว้ไม่ได้ แล้วแกจะมีหน้าไปรักษาสมบัติของแผ่นดินได้ยังไง”
“ความรักสำหรับชั้นมันไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าสมบัติของแผ่นดิน”
ยงยุทธโกรธจัดกำหมัดแน่น
“ไอ้ขุนเดช”
ยงยุทธเข้าไปกระหน่ำรัวหมัดใส่ไม่หยุด ขุนเดชยกมือขึ้นกันและตอบโต้แต่ก็สู้แรงโกรธของยงยุทธไม่ได้
ดาราเดินเข้ามาเพราะตามหาทั้งคู่อยู่ พอเห็นยงยุทธกำลังเล่นงานขุนเดชก็รีบเข้ามาห้าม
“ยงยุทธ…พอได้แล้ว…ชั้นบอกให้พอ…พอได้แล้ว”
ดาราแยกยงยุทธออกมาแต่ทั้งคู่ยังจ้องหน้าเขม่นกันไม่เลิก
“คนเห็นแก่ตัวอย่างแกไม่ได้มีค่าคู่ควรกับดาราแม้แต่นิดเดียว”
“ยงยุทธ..ชั้นบอกให้หยุดได้แล้วไง”
“ผมไม่หยุดหรอกดารา ในเมื่อมันรักคุณน้อยกว่าผม ผมก็จะไม่ยอมให้มันอีก”
ยงยุทธพูดไปก็หันมาที่ดาราจับบ่าสองข้างเธอแน่นแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ
“จะทำอะไรน่ะยงยุทธ”
ยงยุทธไม่ตอบดึงตัวดารามาจูบต่อหน้าต่อตาขุนเดช ดาราตกใจพยายามดิ้นแต่สู้แรงยงยุทธไม่ได้ตัวอ่อน
ระทวย ก่อนจะได้สติผลักยงยุทธออกไปแล้วตบหน้าหัน...เพี๊ยะ !
“เธอทำกับชั้นแบบนี้ได้ยังไง”
“ผมขอโทษ...ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมรักคุณ และผมจะไม่ยอมยกคนรักของผมให้ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว
อย่างมัน...จำไว้นะขุนเดช ชั้นจะแย่งดาราคืนมาจากแก”
ยงยุทธชี้หน้าขุนเดชอย่างจริงจังแล้วเดินออกไป ดารายืนอึ้งมองขุนเดชน้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“ดารา...”
ดาราไม่ยอมอยู่สู้หน้าขุนเดชรีบวิ่งออกไปอีกทาง
ที่บ้านกำนันบุญประดับเพิ่งสั่งงานให้เบิ้มกลับไปทำ
“ได้ครับนาย...ผมจะรีบกลับไปจัดการให้เรียบร้อย”
เบิ้มเดินออกไปสวนกับผกาที่เดินเข้ามา
“ทำไมเธอไม่ลงไปจัดการเอง”
“ชั้นมีธุระสำคัญที่ต้องทำที่นี่ ฉลองที่ชั้นได้อำนาจมาไว้ในมือ”
“เธอจะจัดงานเลี้ยงฉลองเหรอ”
ผกาถามอย่างสงสัย
“หึๆๆ...จะเรียกแบบนั้นก็ได้เพราะงานเลี้ยงครั้งนี้ชั้นจะฉลองด้วยเลือดของไอ้ยงยุทธกับไอ้ขุนเดช”
ประดับยิ้มร้ายอย่างน่ากลัว ส่วนผกามองประดับแล้วแอบคิดอะไรบางอย่าง
คืนนั้น คำปันนั่งพนมมือไหว้พระเพชรทองจนเสร็จขุนเดชเดินเข้ามา
“อ้าว…น้าคำปันอยู่ที่นี่เองเหรอ ชั้นก็นึกว่าใครมาไหว้หลวงพ่อค่ำมืดๆ”
“น้าไม่ค่อยสบายใจเลยอยากมากราบขอพรท่านน่ะจ้ะขุนเดช”
“ไม่สบายใจเรื่องอะไรเหรอจ๊ะน้า”
“ก็เรื่องบัวทองนั่นแหละ น้าอยากจะย้ายไปจากที่นี่แต่บัวทองก็ดื้อกับน้าเหลือเกิน แล้วพ่อขุนเดชล่ะ
เห็นด้วยกับน้ารึเปล่า”
ขุนเดชนิ่งไปครู่
“เห็นด้วยจ้ะน้า ตอนนี้ที่นี่มีแต่อันตรายรอบด้าน ยิ่งไอ้ประดับมันมีอำนาจมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน น้าควร
จะพาบัวทองไปอยู่ที่อื่น”
“ก็นั่นแหละ…น้าไม่อยากให้มีคนดีๆ ต้องตายเหมือนอย่างหมอน้อยอีก แต่น้าพูดเท่าไหร่บัวทองก็ไม่ฟัง จนน้าเหนื่อยที่จะพูดแล้ว” คำปันนิ่งไปแล้วก็นึกขึ้นได้ “เออใช่…ถ้าพ่อ ขุนเดชไปช่วยน้าพูดกับบัวทอง บางที
บัวทองอาจจะฟัง”
“ชั้นน่ะเหรอจ้ะน้า”
“ใช่…พ่อขุนเดชน่าจะช่วยน้าได้ ช่วยน้าหน่อยนะ”
ขุนเดชนิ่งไปสีหน้าหนักใจ
วันต่อมาขณะที่ขุนเดชกำลังคุมคนงานบูรณะโบราณสถานระหว่างนั้นบัวทองหิ้วปิ่นโตเข้ามา
“พี่ขุนเดช แม่ให้ชั้นเอาปิ่นโตมาให้”
“ทุกคนพักกันได้แล้ว” ขุนเดชหันไปสั่งคนงานแล้วหันมาที่บัวทองซึ่งถือปิ่นโตมาสองใบ “วันนี้สองปิ่นโตเลยเหรอ”
ที่แคร่พักกินข้าวกลางวัน บัวทองเอาอาหารจากปิ่นโตมาจัดเรียง
“อยู่ๆ แม่ก็นึกครึ้มใจอะไรขึ้นมาไม่รู้ ลุกมาทำกับข้าวกับปลาเยอะแยะ ชั้นบอกว่าพี่กินแค่อย่างสอง
อย่างก็อิ่มแล้ว แต่แม่ก็ไม่ฟังจัดเต็มสำรับมาให้อย่างที่เห็นเนี่ยแหละ” ขุนเดชมองกับข้าวแล้วนิ่งไป รู้ทันที
ว่าคำปันต้องการอะไร “เอ้า...เห็นแล้วถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้จะกินอะไรก่อนดีเลยใช่มั้ยพี่”
“จ้ะ...งั้นเดี๋ยวบัวทองอยู่กินข้าวกับพี่ด้วยสิ”
“ไม่ต้องชวนชั้นหรอก แม่เขาทำมาให้พี่กิน”
“แต่พี่กินไม่หมดหรอก กินเหลือแล้วเสียดาย นะบัวทองอยู่กินข้าวกับพี่ด้วยกัน กินเสร็จแล้วพี่มีเรื่องจะ
คุยกับบัวทองด้วย”
“คุยกับชั้น ?”
ขุนเดชพยักหน้ารับ บัวทองสงสัย
ดารากับพวกนักศึกษารีบเดินเข้ามาที่ดำรงซึ่งคุมตัวชาวบ้านซื่อๆ 2 คนเอาไว้
“จับตัวได้แล้วเหรอคะอาจารย์”
“เป็นชาวบ้านแถวนี้เองครับ เพิ่งยอมรับว่าแอบเข้ามาขุดเอาพระเครื่องจากในกรุไป”
“พวกน้าทำอย่างนี้ไม่กลัววีรบุรุษบาปรู้เรื่องเหรอ”
“ใช่...แล้วถ้าเขารู้เข้านะ พวกน้าไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่”
พวกชาวบ้านได้ยินชื่อวีรบุรุษบาปก็ตกใจหน้าเสีย รีบยกมือไหว้
“พวกชั้นขอโทษด้วยจ้ะ ชั้นก็ไม่ได้อยากทำ แต่ชั้นไม่มีอะไรจะกินแล้วจริงๆ”
“แค่อยากจะเอาไปแลกเป็นข้าวสักมื้อสองมื้อ...จริงๆ นะจ๊ะ”
“จะเชื่อได้เหรอครับอาจารย์ จับได้กี่ครั้งก็อ้างแบบนี้ตลอด ผมว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของวีรบุรุษบาป
ไปก็ดีนะครับ จะได้เข็ดกัน”
“เปี๊ยะ” ดาราดุ
“เอ่อ...ผมขอโทษครับอาจารย์”
ดาราหันไปมองชาวบ้านสองคนที่พากันสลดอย่างพิจารณาและตัดสินใจ
“สัญญากับชั้นนะว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
“สัญญาจ้ะ สัญญา”
“งั้นก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะค่ะอาจารย์ ยังไงของเราก็ได้คืนแล้ว”
ดำรงพยักหน้ารับแล้วจับตัวชาวบ้านสองคนลุกขึ้น
“ไปได้แล้ว แล้วก็อย่าทำแบบนี้อีก”
“ขอบใจจ้ะ...ขอบใจพวกอาจารย์มากเลยจ้ะ”
พวกชาวบ้านยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วรีบออกไป ดารามองตามแล้วหันมาสั่งทุกคน
“ไปทำงานกันต่อได้แล้ว”
ทุกคนแยกย้ายกันออกไป แต่ดาราชะงักเพราะเจอยงยุทธยืนกอดอกมองเธอ ดาราไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
ชาวบ้านสองคนเดินกลับมาตามทางเดินใกล้ๆ กับโบราณสถาน
“ข้าบอกเอ็งแล้วไงว่าอย่าหาเรื่อง ดีนะที่พวกอาจารย์เขาไม่เอาความ”
“เอ็งอย่ามาโทษข้าคนเดียวสิวะ ไอ้ตอนขุดกรุก็ขุดด้วยกัน”
ชาวบ้านเดินเถียงกันก่อนจะหยุดชะงักเพราะเจอลูกน้องประดับมายืนขวางทาง
“ใครวะ…เอ็งรู้จักรึเปล่า”
ชาวบ้านอีกคนส่ายหน้า ระหว่างนั้นประดับเดินออกมาพร้อมกับดาบในมือ
“ชั้นอยากให้พวกแกส่งข้อความถึงเพื่อนเก่าของชั้นหน่อย”
ประดับควงดาบดุดัน พวกชาวบ้านตกใจรู้ตัวว่าต้องโดนดีแน่เลยคิดจะวิ่งหนีแต่ถูกลูกน้องประดับ
เข้ามาล็อคตัวเอาไว้ ประดับควงดาบเดินเข้าหา พวกชาวบ้านร้องเสียงลั่น
“อย่า…อย่า…อย่า”
ดาราเดินเลี่ยงมาอีกด้านของโบราณสถาน ยงยุทธพยายามเดินตามคุย
“เดี๋ยวสิดารา...คุยกันก่อน” ดารายังเดินต่อและไม่ยอมหยุด ยงยุทธเลยต้องใช้ไม้แข็ง “ถ้าคุณไม่หยุดคุย
กับผม...ผมจะไปตามจับชาวบ้านสองคนนั่น”
ดาราหยุดกึกแล้วหันขวับมาทันที
“ยงยุทธ...เธอทำอย่างนั้นไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะดารา สองคนนั่นมีความผิดข้อหาลักทรัพย์”
“แต่เขาทำเพื่อปากท้อง เขายอมรับผิดเอาของมาคืน เราควรจะให้โอกาสเขา”
“ถ้าคุณให้โอกาสพวกเขาได้...แล้วผมล่ะ...ทำไมคุณถึงไม่ให้โอกาส” ดาราชะงัก “ดารา...ผมรู้ว่าที่ผม
ทำไปมันไม่ถูกต้องและเป็นการไม่ให้เกียรติคุณ แต่ผมทนอึดอัดไม่ไหวที่เห็นไอ้ขุนเดชมันรักคุณน้อยกว่าผม”
“ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้กับชั้น ชั้นไม่มีอะไรจะคุยด้วย ชั้นมีงานต้องทำเยอะ”
“คุณคิดจะหนีหน้าผมไม่ได้หรอกนะดารา ในเมื่อผมประกาศไปแล้วว่าผมจะแย่งคุณคืนมา ผมก็ต้อง
ทำให้ได้”
ดารานิ่งไปที่ยงยุทธยืนยันเจตนารมณ์เสียงดังเอาจริง ระหว่างนั้นเสียงปรบมือดังเข้ามา...แปะๆๆ สองคนหันไป จึงเห็นประดับที่มาพร้อมกับลูกน้อง
“ละครรักโรแมนติคเรื่องนี้ช่างถูกใจชั้นซะจริง”
“ไอ้ประดับ”
อีกดานหึ่ง บัวทองเก็บสำรับปิ่นโตหลังจากกินข้าวกับขุนเดชเสร็จเรียบร้อย
“ฝากบอกน้าคำปันด้วยนะว่าวันนี้...พี่จุกมาก”
“ไม่ต้องมาทำตลกเลย พี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับชั้น” ขุนเดชนิ่งไปครู่แล้วทำเป็นหยิบน้ำจากระติกมาดื่ม ลีลาจนบัวทองชักรำคาญ “ถ้าพี่ไม่ยอมพูดมาซะที...ชั้นจะกลับ แล้วไม่ต้องตามไปหาที่บ้านด้วยนะ เพราะชั้นจะไม่ อยู่ให้พี่เห็นหน้า”
“ดีแล้วล่ะที่บัวทองจะไม่อยู่ให้พี่เห็นหน้าอีก บัวทองควรจะไปให้ไกล เพราะศรีสัชนาลัย ไม่ใช่ที่ปลอดภัย
สำหรับบัวทองอีกแล้ว”
บัวทองชะงัก
“พี่ขุนเดช นี่พี่...เรื่องนี้น่ะเหรอที่พี่จะคุยกับชั้น”
“ใช่”
“มิน่าล่ะแม่ถึงสั่งให้ชั้นมาหาพี่ หึ...พี่ไม่ต้องคุยกับชั้นให้เสียเวลาหรอก ยังไงชั้นก็ไม่ทิ้งศรีสัชนาลัย
เด็ดขาด”
บัวทองถือปิ่นโตเดินหน้าตึงออกไป ขุนเดชมองตามหนักใจ
ยงยุทธดึงดาราให้มาอยู่ข้างหลังตัวเองเพราะระแวงประดับ
“ทำไมต้องแสดงท่าทางกลัวชั้นขนาดนั้นด้วย ชั้นผ่านมาก็เลยอยากจะมาคุยกันตาม ประสาคนคุ้นเคย”
“ไม่มีพวกเราคนไหนกลัวแกสักคน แต่ขยะแขยงที่ต้องยืนอยู่ใกล้พวกหนักแผ่นดินอย่างแกต่างหาก”
ประดับจ้องยงยุทธเขม็ง
“พูดจากับชั้นให้มันดีหน่อยนะยงยุทธ สถานะตอนนี้ของชั้นไม่เหมือนก่อนแล้ว”
“ต่อให้แกยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน มีคนนับหน้าถือตามากมายแค่ไหน แต่เนื้อในความเลวของแกมันปิด
ยังไงก็ปิดไม่มิดหรอก”
ประดับเจ็บใจที่โดนด่า พวกลูกน้องรีบปรี่เข้าไปเอาเรื่อง ยงยุทธดันดาราให้ถอยไปแล้วแลกหมัดกับ
พวกมัน
บัวทองนั่งเศร้าเสียใจอยู่คนเดียวที่มีแต่คนคิดจะผลักไสให้เธอไปจากศรีสัชนาลัย ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาเลยนึกว่าเป็นขุนเดช
“ชั้นบอกแล้วไงพี่ขุนเดช...อย่ามาเสียเวลาพูดเรื่องนี้กับชั้นอีก ยังไงชั้นก็จะไม่ทิ้ง ศรีสัชนาลัยไปเด็ดขาด”
บัวทองจะลุกหนีแต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นวีรบุรุษบาป
“ถ้าเธอไม่อยากจะฟังขุนเดช...งั้นพอจะฟังชั้นบ้างได้มั้ยบัวทอง”
“คุณรู้เรื่องชั้นได้ยังไง”
“ขุนเดชขอให้ชั้นมาพูดกับเธอ เพราะคิดว่าถ้าเป็นคำพูดของชั้น เธออาจจะฟัง”
“จะเป็นคำพูดของใครชั้นก็ไม่ฟังทั้งนั้น เลือดเนื้อเชื้อไขของชั้นคือคนศรีสัชนาลัย เพราะฉะนั้นชั้นไม่ใช่คนขี้ขลาดที่ทิ้งบ้านเกิดเอาตัวรอดเวลาที่กำลังมีภัย ก็เหมือนคุณที่ยอม ตายเพื่อรักษาสมบัติของบรรพบุรุษ”
“ชั้นดีใจนะบัวทองที่เธอมีอุดมการณ์เดียวกับชั้น แต่เธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ สองมือของเธอไม่ได้มีไว้เพื่อต่อสู้กับพวกคนบาป”
“อย่ามาดูถูกชั้นนะวีรบุรุษบาป...พี่ขุนเดชเคยสอนให้ชั้นสู้คนมาแล้ว ถ้าชั้นแย่งดาบจากคุณมาได้ คุณต้องกลับไปบอกพี่ขุนเดชว่าคุณก็รั้งชั้นไว้ไม่ได้”
“เธอมันดื้อ หาเรื่องเจ็บตัว”
“ใช่...ชั้นดื้อ”
บัวทองปรี่เข้าไปพยายามแย่งดาบจากวีรบุรุษบาป แต่ถูกฉากหลบเลยหน้าเกือบคะมำ บัวทองเลยฮึดขึ้นมา
“เมื่อกี้ชั้นยังไม่เอาจริง แต่ทีนี้ชั้นเอาจริงแล้ว”
บัวทองปรี่เข้าไปใหม่อีกครั้งเปิดฉากแย่งดาบเป็นคิวบู๊แย่งดาบกันไปมาเท่ๆ
ยงยุทธจับลูกน้องประดับมาเล่นงานจนงอมก่อนจะจับโยนไปทางประดับ
“แกกับคนของแกไปให้พ้นจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นชั้นจะเอาเรื่องแกให้หลุดจากเก้าอี้เลย”
“ฮ่าๆๆๆ ถ้าคนอย่างแกเขย่าเก้าอี้ชั้นได้ แกคงทำไปนานแล้วยงยุทธ แต่แกรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ไง เลยทำได้แค่เบ่งอำนาจอยู่แต่ในบ้านนอกแบบนี้”
ยงยุทธเจ็บใจที่ถูกประดับดูถูกชักปืนออกมาเล็งไปที่ประดับ
“แกกล้าท้าทายอำนาจชั้น...งั้นก็มาวัดกันเลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป”
ประดับจ้องยงยุทธเขม็งเดินเข้าหาแบบไม่กลัวลูกปืนจนปากกระบอกปืนห่างจากหน้าประดับแค่ไม่ถึงนิ้ว
นิ้วยงยุทธแตะไกอยากจะลั่นไกแสกหน้ามันเต็มทน
“เอาเลยยงยุทธ...ชั้นรู้ว่าแกอยากจัดการชั้นมานานแล้ว ตอนนี้มันง่ายนิดเดียวแล้วแค่นิ้วลั่นไก ปัญหาระหว่างแก...ชั้น...ไอ้ขุนเดชจะได้จบกันไป”
ประดับพูดไปก็ยิ้มร้ายนิ้วเหนี่ยวอยู่ที่ไกปืนใจคิดอยากจะจบชีวิตประดับ
“ยงยุทธ...อย่านะ...อย่าทำ”
ดาราพยายามเตือนสติแต่ดูเหมือนยงยุทธจะไม่ฟังจ้องประดับเขม็ง
บัวทองถูกวีรบุรุษบาปจับมือได้แล้วก็ผลักจนล้ม บัวทองร้องเจ็บ วีรบุรุษบาปตกใจนึกว่าบัวทองจะเป็น อะไรจึงเข้าไปอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่าบัวทอง”
บัวทองทำทีเป็นเจ็บเพื่อให้วีรบุรุษบาปตายใจแล้วแย่งดาบจากวีรบุรุษบาปมา
“คุณแพ้ชั้นแล้ววีรบุรุษบาป”
บัวทองจะดึงดาบจากมือแต่เจอวีรบุรุษบาปกระชากกลับ บัวทองแพ้แรงสู้ไม่ได้ถูกดึงไปจนตัวกระแทกกับ วีรบุรุษบาป ใบหน้าเกือบจะชนกัน สองคนสบตากันไปมาซึ้งๆ ก่อนที่บัวทองจะถูกวีรบุรุษบาปจับแขนมาบิดจนร้องลั่น
“โอ๊ย....ชั้นเจ็บนะ”
“งั้นเธอก็ต้องยอมรับว่าเธอไม่ควรอยู่ที่นี่อีก”
“ไม่...ต่อให้คุณหักแขนชั้น...ชั้นก็ไม่ยอมทิ้งบ้านเกิด ชั้นไม่ใช่คนขี้ขลาด”
“บัวทอง”
บัวทองเจ็บจนน้ำตาเล็ด
“หักแขนชั้นสิ...ถ้าคุณไม่ทำชั้นจะทำเอง”
บัวทองจะสะบัดเพื่อให้แขนตัวเองหัก ขุนเดชจำเป็นต้องปล่อย บัวทองจึงถอยไปยืนเจ็บแขนน้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวด
“ชั้นมาไล่เธอไปเพราะชั้นเป็นห่วงเธอ ถ้าเธอรู้จักความรัก เธอจะยอมทำตามที่ขุนเดชกับแม่เธอขอ”
บัวทองสะอื้นเสียใจ
“อย่ามาดูถูกว่าชั้นไม่รู้จักความรักนะวีรบุรุษบาป เพราะชั้นมีความรักต่างหากชั้นถึงไม่ยอมทิ้งเขาไป”
“ใครที่รั้งเธอไว้”
บัวทองนิ่งไปน้ำตายังไหลไม่หยุด วีรบุรุษบาปมองเธอด้วยสายตาอยากรู้
บัวทองมีสีหน้าตัดสินใจ ภาพของผู้ชายที่เธอรัก 2 คนผุดเข้ามาในความคิดเพื่อให้เธอตัดสินใจพูด
ภาพขุนเดชกับบัวทองตั้งแต่วันที่พบกันที่วัดศรีชุมและภาพความสนิทสนมต่างๆ
ภาพวีรบุรุษบาปกับบัวทองตั้งแต่วันที่เขาช่วยชีวิตเธอและพาเธอไปดูแล ป้อนเนื้อปลาให้ และให้เธอ สัมผัส ใบหน้าเวลาที่มีผ้าผูกตา
บัวทองน้ำตาหยดแหมะ วีรบุรุษบาปขยับเข้าใกล้ บัวทองตัดสินใจพูดความในใจ
“คุณไงวีรบุรุษบาป...ชั้นรักคุณชั้นถึงไม่มีวันทิ้งให้คุณอยู่ที่นี่ตามลำพัง”
“บัวทอง”
ขุนเดชขยับเข้าใกล้ยื่นมือไปจับหน้าบัวทองหันมาช้าๆ แล้วช่วยปาดน้ำตาให้นุ่มนวล
“เธอรักชั้นจริงๆ เหรอบัวทอง...ทั้งๆ ที่ชั้นมันเป็นแค่คนบาป”
“ถึงคุณจะทำบาปด้วยการฆ่าคนตาย แต่ชั้นเห็นความงามในจิตใจของคุณ ชั้นไม่คิดว่าคุณคือคนเลว”
“ขอบใจบัวทอง ถ้าเธอมั่นใจว่าชั้นเป็นคนดี ชั้นอยากให้เธอหลับตา ทำเพื่อชั้นได้มั้ย”
บัวทองมองวีรบุรุษบาปอย่างสงสัยแต่ก็ยอมหลับตา
อีกด้านยงยุทธนิ้วแตะไกปืนเหมือนจะยิงประดับที่อยู่ตรงหน้า
“อย่านะยงยุทธ...ถ้าเธอฆ่าเขาตอนนี้ เธอจะกลายเป็นคนผิด เขาต้องการทำให้เธอหมดสิ้นเกียรติยศ เขาจะบีบให้เธอต้องเป็นเหมือนวีรบุรุษบาป”
“แกจะไปฟังผู้หญิงที่ไม่เห็นค่าความรักของแกทำไม ทั้งๆ ที่แกทุ่มเทความรักให้แต่เขา กลับไปเลือกเพื่อนแก ไปเลือกข้างอยู่ฝ่ายเดียวกับโจรอย่างไอ้วีรบุรุษบาป”
“หุบปาก”
ยงยุทธตะโกนลั่นทำเหมือนจะลั่นไก
“อย่า...ยงยุทธ”
เปรี้ยง! ยงยุทธลั่นไกแต่ไม่ได้ยิงแสกหน้าประดับ ยงยุทธยกปืนยิงขึ้นฟ้า ประดับยิ้มเยาะหัวเราะใส่
“ฮ่าๆๆๆ...คนอย่างแกมันดูออกจนเห็นได้หมดเปลือกจริงๆ ไอ้ยงยุทธ แกจะไม่มีวันเล่นงานชั้นได้ และแกจะไม่มีวันสมหวังกับผู้หญิงที่แกรัก”
ยงยุทธกำหมัดแน่นง้างกลางอากาศกำลังจะซัดปากประดับ แต่ระหว่างนั้นจ่าแท่นรีบเข้ามา
“หมวดครับ...หมวด”
“มีอะไรจ่า”
ยงยุทธกับดาราตามจ่าแท่นเข้ามาเห็นดำรงกับนักศึกษาและชาวบ้านยืนมุงดูอะไรบางอย่าง ยงยุทธรีบแทรกเข้าไป ภาพที่เห็นก็ทำให้ตะลึงเพราะชาวบ้านสองคนที่ถูกดาราปล่อยตัวไปถูกฆ่าตายอย่างสยดสยอง หัวถูกตัดขาดกองอยู่ที่พื้น ดาราตกใจมากถึงกับต้องเบือนหน้าหลบ
“ปิดไปเถอะจ่า”
จ่าแท่นเอาผ้าคลุมศพไม่ให้อุจาดตา
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงน่ะยงยุทธ...ชั้นเพิ่งจะปล่อยให้พวกเขาไป แล้วทำไม”
“ใจเย็นก่อนนะดารา” ยงยุทธหันไปถามทุกคนในที่เกิดเหตุ “ใครเป็นคนพบศพ”
“พวกเราครับผู้หมวด” ยงยุทธหันไปทางกบ เปี๊ยะ หยินที่ยังมีอาการตกใจกลัวอยู่ “คือ...พวกผมกำลังจะกลับไปที่แคมป์ แต่มาเจอศพพวกเขาก่อนน่ะครับหมวด”
“แล้วเห็นใครอยู่แถวนี้บ้างมั้ย”
“ไม่มีเลยครับ พวกเรามาถึงก็เจอพวกเขาอยู่ในสภาพนี้แล้ว”
ยงยุทธหน้าเครียดหันไปถามทางดำรง
“ทางอาจารย์ล่ะครับเห็นอะไรผิดปกติบ้างมั้ย”
“ไม่มีเลยครับหมวด”
“หมวดครับ...พวกนี้เป็นพวกลักขุดกรุ ฝีมือฆ่าจงใจให้ทุกคนเห็นแล้วกลัวแบบนี้ ผมว่า...”
“ฝีมือวีรบุรุษบาปน่ะเหรอจ่า”
จ่าแท่นหน้าเครียด ชาวบ้านรวมทั้งพวกนักศึกษาต่างพากันพูดชื่อวีรบุรุษบาปเห็นด้วยว่าต้องใช่แน่ๆ
ประดับที่ตามเข้ามาตั้งแต่ต้นยิ้มร้ายๆ อย่างพอใจ
บัวทองถูกขุนเดชใช้ผ้าขาวม้าผูกตาเอาไว้
“วีรบุรุษบาป...คุณปิดตาชั้นทำไม”
“เธอบอกว่าเธอรักชั้น เธอเห็นชั้นเป็นคนดี แล้วเธอไว้ใจชั้นรึเปล่า”
“ชั้นต้องไว้ใจคุณสิ”
ขุนเดชที่เวลานี้ไม่มีผ้าปิดหน้ายืนอยู่ใกล้ๆ บัวทองมองอย่างหนักใจ
“แต่ชั้นว่าเธอเลือกรักคนผิดแล้ว คนบาปอย่างชั้นไม่มีวันเป็นคนดีได้ไ
พูดไปขุนเดชก็จับไหล่บัวทองแล้วกดลงกับพื้น บัวทองตกใจ
“จะทำอะไรชั้น” ขุนเดชไม่พูดพร่ำก้มหน้าซุกไซร้ปลุกปล้ำบัวทองทันที ดึงเสื้อผ้าหลุดลุ่ย บัวทองร้องลั่น
“อย่านะ...อย่าทำชั้น...ปล่อย...ปล่อยชั้น” ขุนเดชไม่ฟังยังปลุกปล้ำขืนใจ บัวทองขอร้องให้หยุดจนหมดแรง เปลี่ยนเป็นนอนร้องไห้สะอื้นพูดซ้ำๆ “ฮือๆๆ...ปล่อยชั้นไปเถอะ...อย่าทำชั้นเลย...ฮือๆๆๆ”
ขุนเดชหยุดทำร้ายบัวทองถอยออกมาปล่อยให้บัวทองนอนกอดตัวเองร้องไห้สะอื้น
“จำไว้บัวทอง อย่าเที่ยวบอกรักโจรเลวๆ อีก ไม่อย่างนั้นเธอก็หนีไม่พ้นที่ต้องโดนแบบนี้”
ขุนเดชเดินจากไปทิ้งให้บัวทองนอนร้องไห้สะอื้นอย่างน่าสงสาร
พวกชาวบ้านยังซุบซิบกันถึงความโหดเหี้ยมของวีรบุรุษบาปที่เล่นงานฆ่าชาวบ้านตาย ประดับได้ทีเดินเข้ามายืนต่อหน้าชาวบ้านทุกคน
“ใจเย็นๆ กันนะครับ ตอนนี้ผมรู้ว่าพี่น้องทุกคนกำลังหวาดกลัวกับการกระทำที่ป่าเถื่อนของคนที่กล้าเรียกตัวเองว่าวีรบุรุษ ทั้งๆ ที่พี่น้องของเรายอมรับผิดแล้ว แต่กลับถูกตัดสินให้ตายอย่างโหดเหี้ยม การกระทำแบบนี้ผมถือว่าไม่มีความเป็นธรรม”
ยงยุทธไม่พอใจเข้าไปเผชิญหน้าประดับ
“ที่นี่ไม่ใช่เวทีปราศรัยของแก...กลับไปซะ”
“หมวดยงยุทธ ตอนนี้ชั้นเป็นคนของประชาชนแล้วจะให้ชั้นละเลยเรื่องที่พี่น้องกำลังเดือดร้อนไปได้ยังไง”
ประดับยิ้มร้ายใส่ยงยุทธแล้วหันไปพูดต่อหน้าทุกคนต่อ “ผมจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มาทำให้ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัวอีกต่อไป ความสงบสุข เรียบร้อยจะต้องเกิดขึ้น เรื่องนี้จะต้องมีการสอบสวนอย่างจริงจัง คนผิดจะต้องถูกนำตัว มาดำเนินคดี ถ้าเจ้าหน้าที่คนไหนละเลย ไม่มีความสามารถจัดการได้ ผมจะไม่เอาไว้”
พวกชาวบ้านได้ยินเข้าก็พากันปรบมือเห็นด้วย ประดับยิ้มเยาะอย่างพอใจแล้วหันไปมองเย้ยหยันยงยุทธ
“ได้ยินที่ผมพูดไปแล้วใช่มั้ยหมวดยงยุทธ พื้นที่นี้อยู่ในความรับผิดชอบของคุณพาตัววีรบุรุษบาปมาให้ผม”
“แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งชั้น”
“48 ชั่วโมง จำไว้นะยงยุทธ…คนที่ควบคุมเกมคือคนที่มีอำนาจอยู่ในมือ ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”
ประดับยิ้มอย่างชอบใจแล้วเดินออกไป ยงยุทธกำหมัดแน่นมองตามเจ็บใจ
คำปันนั่งปั่นด้ายอยู่ที่ใต้ถุนเรือน ระหว่างนั้นบัวทองกลับมาสภาพเนื้อตัวเสื้อผ้าหลุดลุ่ยร้องไห้สะอื้น
“บัวทอง...เกิดอะไรขึ้น”
บัวทองพยายามกลั้นสะอื้น
“ไม่...ไม่มีอะไรจ้ะแม่”
“ไม่มีอะไรแล้วสภาพแกกลับมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงบอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ ใครทำอะไรแก” บัวทองไม่ยอมพูด
“บัวทอง...ถ้ายังเห็นแม่เป็นแม่อยู่แกต้องบอกชั้นมา บอกแม่มาเดี๋ยวนี้”
“วี...วีรบุรุษบาปจ้ะแม่”
บัวทองปล่อยโฮแล้วรีบวิ่งขึ้นเรือน คำปันยืนตกตะลึงหน้าเสีย ระหว่างนั้นดารากลับเข้ามา
“มีเรื่องอะไรกันเหรอจ๊ะน้า”
“อาจารย์...บัวทอง...บัวทอง”
คำปันละล่ำละลักน้ำตาคลอพูดไม่ออก
ดารารีบเปิดประตูเข้ามาหาบัวทองในห้องนอนเห็นบัวทองนอนร้องไห้สะอื้น
“บัวทอง”
บัวทองหันมาเห็นดาราก็ยิ่งปล่อยโฮโผเข้าไปกอด
“อาจารย์คะ...ฮือๆๆๆ”
บัวทองกอดดาราแน่นและร้องไห้เหมือนเด็กๆ ถูกรังแกมา ดารากอดปลอบใจลูบหัว
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ เล่าให้อาจารย์ฟังสิ”
“พี่ขุนเดชขอให้วีรบุรุษบาปมาพูดให้บัวทองไปจากศรีสัชนาลัย แต่บัวทองไม่ไปเพราะ จะอยู่ช่วยเขาที่นี่” บัวทองหยุดสะอื้น
“แล้วยังไงบัวทอง...ทำไมเขาถึงทำร้ายเธอ”
“บัวทองรักเขาค่ะอาจารย์ แต่เขากลับทำร้ายบัวทอง ถ้าบัวทองไม่ขอร้องไว้ เขาก็คง...”
บัวทองร้องไห้ออกมาอีกสะอื้นจนตัวสั่น ดาราอึ้งไปไม่คิดว่าขุนเดชจะตัดสินใจทำแบบนี้ สีหน้าของดาราโกรธมาก
อ่านต่อหน้าที่ 2
ขุนเดช ตอนที่ 16 (ต่อ)
ดารารีบเดินลงมาที่ใต้ถุนเรือนมองหาคำปัน
“น้าคำปันคะ...น้าคำปัน...น้าคำปัน” ดารามองหาแต่ไม่เจอชักสังหรณ์ใจไม่ดี “น้าคำปัน”
ระหว่างนั้นคำปันรีบมาที่โรงพักเพื่อบอกจ่าแท่น จ่าแท่นถึงกับอึ้ง
“ว่าไงนะคำปัน...พูดใหม่อีกทีสิ”
“พี่จ่าก็ได้ยินแล้ว จะให้ชั้นพูดย้ำทำไม ไอ้โจรชั่วมันทำร้ายลูกชั้นมันใช่เรื่องที่น่าพูดซ้ำเหรอ”
“พี่ขอโทษ...พี่แค่..แค่ไม่อยากจะเชื่อ”
“แต่บัวทองบอกชั้นเองว่าโดนมันข่มเหงรังแกมา”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับน้าคำปัน อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย”
“ไม่ค่ะหมวด...คราวนี้ชั้นจะไม่ใจเย็นอีกแล้ว วีรบุรุษบาปมันเป็นคนเลว ถ้าผู้หมวดไม่จัดการกับมัน ก็ยกศรีสัชนาลัยให้พวกโจรไปเถอะ”
“คำปัน...อย่าไปพูดกับหมวดเขาแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกจ่า...น้าคำปันครับ...ผมไม่เคยคิดละเลยหน้าที่ ถ้ามีโอกาสจับมันได้ ผมจะเล่นงานมันให้
หนัก จะเรียกศักดิ์ศรีของบัวทองคืนให้แน่นอน”
“งั้นเดี๋ยวข้าพาเอ็งกลับบ้าน แล้วจะได้สอบปากคำบัวทอง”
“บัวทองกำลังเสียใจมาก ไม่อยู่ในสภาพที่จะให้ปากคำอะไรตอนนี้ได้หรอกค่ะ ถ้าอยากรู้อะไรถามชั้นได้ เพราะชั้นเพิ่งคุยกับบัวทองมา”
ดาราเดินเข้ามา ยงยุทธกับดารามองหน้ากัน
ยงยุทธพาดาราเข้ามาคุยกันตามลำพังในห้องทำงาน
“บัวทองบอกคุณเหรอว่ามันแค่ลวนลามอย่างเดียว”
ดาราพยักหน้ารับ
“ใช่...บัวทองบอกกับชั้นอย่างนั้น”
“แต่ถึงมันจะแค่ลวนลามอย่างเดียวมันก็ผิดอยู่ดี ผมปล่อยให้มันทำเรื่องชั่วๆ ในพื้นที่ของ ผมไม่ได้อีกแล้ว”
“แต่ชั้นว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่ผิดปกตินะยงยุทธ”
“ผิดปกติยังไง”
“เธอก็ลองคิดดูสิ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่วีรบุรุษบาปจะฆ่าชาวบ้านตายพร้อมกับข่มเหงบัวทองในเวลาเดียวกัน”
ยงยุทธนิ่งคิดไป
“ดารา...อย่าลืมนะว่าบัวทองเคยขวางทางไม่ให้ผมจับวีรบุรุษบาปมาแล้ว”
ดาราอึ้งแล้วโกรธ
“ยงยุทธ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะยอมเอาศักดิ์ศรีของตัวเองไปให้ ผู้ชายดูถูกเล่นเหมือนกับที่เธอไม่เคยให้เกียรติชั้นเหมือนกัน”
ดาราผลักยงยุทธให้ห่างจากตัวแล้วรีบเดินออกไป ยงยุทธได้แต่มองตามอย่างรู้สึกผิด
ขุนเดชกลับเข้ามาที่กระท่อมเจอดาราที่นั่งรออยู่แล้ว ขุนเดชไม่พูดอะไรนิ่งเฉยทำตัวปกติจนดาราทนไม่ไหวเดิน เข้าไปผลักแรงๆ
“เธอทำแบบนั้นกับบัวทองได้ยังไง...บอกชั้นมาสิขุนเดช เธอกล้าทำลงไปได้ยังไง”ขุนเดชไม่ยอมพูดเอาแต่
นิ่งเฉย ดาราเลยเข้าไปทุบตีไม่ยั้ง “ถึงเธอจะให้วีรบุรุษบาปเป็นคนเลว แต่เธอกับเขาก็คนเดียวกันถ้าคนหนึ่งทำเรื่องเลว อีกคนก็ต้องเลวเหมือนกัน”
ขุนเดชจับมือดาราให้หยุดทุบ
“ใช่..ผมตั้งใจทำตัวเลวเยี่ยงสัตว์ใส่เธอก็เพราะถ้าผมไม่เลวสุดๆ บัวทองก็จะไม่ไปจากชีวิตผม”
ดาราชะงัก
“ขุนเดช”
ขุนเดชปล่อยมือดาราแล้วหันหลังให้ น้ำตาของขุนเดชคลอเบ้าเพราะความเสียใจเหมือนกัน
“บัวทองบอกว่ารักวีรบุรุษบาปและจะอยู่สู้กับเขาที่นี่..แล้วคุณคิดว่าผมจะยอมให้คนที่ ผมรักตายอยู่ที่นี่กับผมได้เหรอดารา”
ขุนเดชหันกลับมาน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ดาราอึ้งไปไม่คิดว่าขุนเดชจะเจ็บปวดมากขนาดนี้
“ขุนเดช...ชั้น...ชั้นขอโทษ”
“คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอกดารา ผมทำให้บัวทองเสียใจ ผมดูถูกผู้หญิงที่ผมรัก มันก็สาสมแล้ว
ที่ผมจะต้องใช้ชีวิตเดียวดาย บนนรกบนดินที่สร้างขึ้นมาด้วยมือผมเอง”
“ไม่นะขุนเดช...เธอต้องไปบอกความจริงบัวทอง ถ้าเธอไม่อยากเสียบัวทองไป”
“ไม่ได้...ปล่อยให้บัวทองมีชีวิตที่ดีไปเถอะ ผมจะไม่ฉุดให้เธอลงมาอยู่กับคนเลว”
“แต่เธอไม่ใช่คนเลว เธอไม่ควรจะถูกบัวทองเกลียด ชั้นจะไปบอกบัวทอง”
“หยุดนะดารา ความรักจะทำให้เราทำเรื่องผิดๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ ยิ่งรักมากเรื่อง ผิดๆ ก็จะกลายเป็นถูก ผมทำสิ่งที่ถูกต้องลงไปแล้ว”
“แล้วเธอไม่คิดบ้างเหรอว่าบัวทองจะต้องอยู่กับเสียใจไปตลอดชีวิต ชั้นต้องให้บัวทองรู้”
ดาราจะเดินออกไปแต่ถูกขุนเดชทุบเข้าที่ท้ายทอยทีเดียว ดาราทรุดหมดสติ ขุนเดชรีบประคองเธอเอาไว้
“ผมขอโทษนะดารา”
คืนนั้นคำปันอยู่ที่ใต้ถุนเรือนกับจ่าแท่น
“ยังหาตัวมันไม่เจออีกเหรอพี่จ่า”
“ยัง...เอ็งก็รู้ว่ามันชอบผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนผี นึกจะเจอตัวมันได้ง่ายๆ ที่ไหน”
“ชั้นไม่รู้แหละ ยังไงพี่ก็ต้องจับมันให้ได้ ถ้าได้ตัวมันแล้วก็ส่งข่าวให้ชั้นรู้ด้วย”
“นี่เอ็งอย่าบอกนะว่าเอ็งได้ที่อยู่ใหม่แล้ว” จ่าแท่นถามอย่างสงสัย
“ชั้นพูดไปแล้วนี่พี่ว่าชั้นจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวชั้นอยู่ใกล้ไอ้คนเลวแบบนั้นอีก”
“แล้วน้าคำปันจะย้ายไปอยู่ที่ไหนเหรอครับ” ขุนเดชถาม คำปันหันไปมอง
“พ่อขุนเดช”
บัวทองนั่งอยู่คนเดียวในห้องนอน ยังอยู่ในอาการเศร้าซึมเสียใจ ถือผ้าขาวม้าของวีรบุรุษบาปในมือ...
บัวทองกำผ้าขาวม้าในมือแน่นน้ำตาซึมเสียใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองบัวทองน้ำตาตกโยนผ้าขาวม้า
ของวีรบุรุษบาปทิ้งอย่างเจ็บปวด
ขณะนั้นขุนเดชนั่งคุยอยู่กับคำปันและจ่าแท่นที่ใต้ถุนเรือน
“หา...นี่เอ็งจะพาลูกไปอยู่ไกลเมืองจันเลยเหรอ”
จ่าแท่นถามอย่างตกใจ
“ก็ชั้นมีเพื่อนอยู่ที่โน่น มีงานให้ทำไม่ต้องลำบาก แถมยังเงียบสงบอีก”
“แต่คิดถึงเวลาที่ข้าจะไปเยี่ยมเอ็งกับหลานมั่งสิ”
“แต่ชั้นว่าถ้าที่นั่นเงียบสงบอยู่แล้วน้าสบายใจก็ดีแล้วจ้ะ ว่าแต่บัวทองยอมแล้วเหรอจ๊ะ”
“น้าบอกไปแล้ว...คราวนี้ไม่เถียงสักคำ เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา”
“งั้นก็คงต้องยอมแล้วล่ะ เจอไอ้วีรบุรุษบาปมันย่ำยีไปขนาดนั้น ใครจะทนอยู่ได้”
คำปันหันไปตีแขนจ่าแท่น
“ พี่จ่า...ชั้นบอกแล้วไงไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ให้ชั้นได้ยินอีก ฟังทีไรแล้วของมันขึ้น”
“เออๆ ไม่พูดก็ไม่พูด”
“น้าคำปันจ้ะ แล้วบัวทองล่ะ”
“อยู่ข้างบนโน่น” ขุนเดชมองขึ้นไปบนเรือน คำปันนึกขึ้นได้ “เอ้อ...น้าเพิ่งนึกได้ว่ามีของจะให้ขุนเดชด้วย”
“อะไรเหรอน้า”
คำปันเดินกลับมาที่ขุนเดชพร้อมกับยื่นสร้อยคอที่มีพระเครื่องให้องค์หนึ่ง ขุนเดชรับมาดูอย่างสงสัย
“พระเครื่องเหรอจ๊ะน้าคำปัน”
“ใช่แล้วจ้ะขุนเดช น้าเจอตอนกำลังเก็บของเตรียมย้ายบ้าน พระเครื่ององค์นี้พี่เดื่องมอบให้น้าไว้ติดตัว น้าก็เลยอยากให้ขุนเดชเก็บไว้”
“ไหน...ข้าขอดูหน่อยสิวะ พระเครื่องอะไร” จ่าแท่นรับพระเครื่องมาจากขุนเดชแล้วนึกได้ “ข้าจำได้
แล้ว...นี่พระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำที่พี่เดื่องเคยบูชาติดตัว ทำไมมาอยู่ที่เอ็งได้ล่ะ”
“พี่เดื่องให้ชั้นไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่องถูกไอ้พวกเสือชิดเสือแชนมันฆ่าตายน่ะสิพี่จ่า ตอนนั้นพี่เดื่องคงมีลาง
สังหรณ์ว่าจะเกิดภัยกับพวกเรา พี่เดื่องก็เลยมอบพระเครื่ององค์นี้ให้ชั้น”
“นั่นไง ข้าว่าแล้วเชียวว่าทำไมพี่เดื่องถึงได้ถูกพวกมันฆ่าตายเอาง่ายๆ”
“พี่แท่นหมายความว่ายังไง”
“คำปัน...พระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำองค์นี้พี่เดื่องศรัทธามากเพราะพิมพ์ขึ้นจากเหล็กดำที่เหลือจาก
การตีดาบของพี่เดื่อง ข้าเคยเห็นพี่เดื่องห้อยคออยู่เป็นประจำเพราะแกเชื่อว่าพระร่วงเจ้าจะปกป้องคุ้ม
ครองให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง”
คำปันฟังแล้วก็ตกใจ
“นี่...นี่พี่จ่าโกหกชั้นใช่มั้ย”
“ข้าจะไปโกหกเอ็งได้ยังไง ข้าเคยเห็นพี่เดื่องโดนพวกโจรขุดกรุชักปืนยิงต่อหน้าต่อตา แต่พอพี่เดื่อง
กำพระร่วงนั่งเอาไว้ ปืนของมันยิงยังไงก็ยิงไม่ออก”
คำปันฟังแล้วสะเทือนใจ
“ พี่เดื่อง...นี่...นี่เป็นเพราะชั้นเหรอเนี่ย พี่เดื่องถึงต้องตาย”
คำปันร้องไห้เสียใจ ขุนเดชรีบปลอบใจคำปัน
“น้าคำปันจ้ะ...ชั้นว่าที่ปืนพวกนั้นมันยิงไม่ออกเพราะมันคงด้านมากกว่า ใช่มั้ยอาจ่า”
“เอ่อ...” จ่าแท่นสงสารน้องจึงเออออไปกับขุนเดช “เออ...ใช่...อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรมันคงไม่มีหรอก ปืนไอ้พวกนั้น มันด้าน เอ็งอย่าไปคิดมากเลย พี่เดื่องรักเอ็งเป็นห่วงเอ็งก็เลยเอาของรักของเขาให้ เอ็งไว้พกติดตัว ก็แค่นั้นแหละ”
“ใช่แล้วจ้ะน้า พระร่วงนั่งองค์นี้พ่อตั้งใจให้น้าไว้บูชา น้าไม่ต้องให้ชั้นหรอก เก็บเอาไว้เถอะ ชั้นรับไว้
ไม่ได้หรอก”
“แต่น้าอยากให้ขุนเดชเก็บไว้ พี่เดื่องจะได้คุ้มครอง”
“ให้พ่อเขาคุ้มครองน้าเถอะ ชั้นดูแลตัวเองได้”
“แต่...”
“เฮ้ยๆๆ ไม่ต้องเกี่ยงกัน ถ้าไม่มีใครอยากเก็บไว้ ข้าขอไปบูชาเอง”
“ยุ่งน่าพี่จ่า...”
คำปันไม่ยอมให้จ่าแท่น ขุนเดชเลยตัดบท
“คืนนี้ดึกมากแล้ว ชั้นขอตัวแล้วกันนะจ๊ะน้า ไว้น้าจะเดินทางเมื่อไหร่ ชั้นจะมาช่วย”
“ขอบใจมากนะขุนเดช”
“จ้ะน้า”
ขุนเดชเดินออกไป คำปันเอาสร้อยคอพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำขึ้นมามองด้วยแววตาคลอไปด้วย
น้ำตาเพราะคิดถึงความเอาใจใส่ที่พี่เดื่องมีกับตัวเอง
“พี่เดื่อง...”
จ่าแท่นสงสารน้องสาวเข้าไปบีบไหล่ปลอบใจ
ขุนเดชเดินออกมาจากบริเวณบ้าน แต่หยุดหันกลับไปมองที่ตัวบ้านเห็นบัวทองยืนเศร้าซึมอยู่ที่
หน้าต่างห้องนอน ขุนเดชมองบัวทองอย่างรู้สึกผิด บัวทองหันมาเห็นขุนเดช สองคนสบตากัน บัวทองไม่กล้า
สู้หน้าขุนเดชเพราะคิดว่าขุนเดชคงรู้เรื่องที่เธอถูกวีรบุรุษบาปข่มเหงเลยรีบปิดหน้าต่าง
“บัวทอง...”
ขุนเดชถอนใจยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหันหลังเดินกลับไปอย่างน่าสงสาร
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 16 (ต่อ)
กำนันบุญยืนอยู่ที่ระเบียงรอให้ผการินเหล้าใส่แก้วมาให้ดื่ม
“พี่กำนันจ๊ะ..พี่กำนันว่าหมวดยงยุทธจะพาตัววีรบุรุษบาปมาให้ประดับได้ภายใน 48 ชั่วโมงรึเปล่า”
“คุณประดับใช้อำนาจที่ตัวเองมีบังคับมันอยู่ ถ้ายงยุทธยังอยากอยู่ในศรีสัชนาลัยมันต้องทำตามให้ได้”
“แล้วสมมุติว่าประดับจัดการกับศัตรูที่ขวางทางหมดแล้ว มันจะเป็นยังไงต่อจ้ะพี่กำนัน”
“เธอก็ถามได้ ถ้าเสี้ยนหนามหมด คุณประดับก็จะได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ ส่วนชั้นก็จะ ได้เป็นมือขวายึดพื้นที่ผลประโยชน์ภาคเหนือทั้งหมดมาอยู่ในมือชั้น”
“เหรอจ้ะพี่กำนัน”
ผกาทำหน้าเหมือนดูถูกดูแคลนผลที่จะตามมา แล้วเดินไปเติมเหล้าจากเหยือกใส่แก้ว กำนันบุญมองตามอย่างแปลกใจ
“ดูสีหน้าเธอไม่ค่อยดีใจเลยนะที่ชั้นจะได้สิ่งที่ชั้นรอคอย”
“อย่าว่าชั้นเสี้ยมเลยนะพี่กำนัน ชั้นรับใช้ทั้งประดับทั้งพี่กำนันมา ชั้นรู้ดีว่าผู้ชายคนไหนเหมาะสมกับการเป็นมหาบุรุษที่มากด้วยอำนาจและบารมี”
“หยุดพูดนะผกา ถ้าประดับมาได้ยินเข้าเราจะโดนเล่นงาน”
กำนันบุญพูดไปก็เอามือปิดปากผกาไม่ให้พูดต่อ แต่ผกาแกะมือออก
“ชั้นพูดในสิ่งที่ชั้นมั่นใจ...ผู้ชายอย่างพี่เป็นได้ถึงราชสีห์ ไม่ใช่แค่หมารับใช้”
ผกาสะบัดหน้าแล้วเดินเข้าในเรือน กำนันบุญมองตามสีหน้าครุ่นคิดสนใจที่ผกาพูด
กำนันบุญตามผกาเข้ามาในห้องนอนจัดการปิดประตูลงกลอน ผกาถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือสายเดี่ยวรวบผมเตรียมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าพอเห็นกำนันบุญตามเข้ามาก็แอบยิ้มพอใจ
“ที่เธอพูดไปเมื่อกี้นี้ เธอกำลังดูถูกชั้นอยู่นะผกา”
กำนันบุญจับแขนผกาดึงมาจ้องหน้าอย่างไม่พอใจ
“ชั้นดูถูกพี่กำนันที่ไหน...ชั้นยกย่องพี่ต่างหาก ชั้นน่ะผ่านผู้ชายมาเป็นร้อยแล้วนะ ถ้าชั้นเห็นว่าใครเป็นราชสีห์ ชั้นก็อยากให้คนนั้นได้เป็นราชสีห์ไม่ใช่แค่หมารับใช้”
กำนันบุญบีบแขนผกาอย่างแรง
“ผกา”
“ชั้นรักพี่กำนันเพราะพี่ดีกับชั้น เห็นค่าของชั้น เพราะฉะนั้นชั้นไม่อยากเห็นพี่คอยกระดิกหางเดินตามแล้วรอรับคำสั่งจากประดับ” กำนันบุญเริ่มนิ่งไป ผกาเริ่มจับมือกำนันให้ปล่อยแขนเธอแล้วลูบไล้ใบหน้ากำนันบุญเอามารยาหญิงเข้ายั่ว “ชั้นมีแผนการนะพี่กำนัน…ถึงตอนนี้ประดับจะมีอำนาจมากกว่าเดิมจนเราทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยให้โอกาสดีๆ พลาดไป”
“โอกาสอะไร” กำนันบุญถามอย่างสนใจ
“ก็ตอนนี้ไง ประดับกำลังเล่นงานยงยุทธกับวีรบุรุษบาป โอกาสที่พวกมันจะเผชิญหน้ากันไม่ได้มีบ่อยๆ ถ้าพวกมันตายพร้อมกัน…คิดดูสิว่าใครจะได้ผลประโยชน์ที่สุด”
กำนันบุญหรี่ตาคิดอย่างสนใจ
“ก็มีแต่ชั้นเท่านั้น”
“จ้ะพี่…ถ้าพี่เชื่อชั้นรีบคว้าโอกาสนี้ไว้…” ผกาลูบไล้แผ่นอกกำนันบุญแล้วปลดเสื้อตัวนอกกำนันบุญออก “พี่ก็จะได้เป็นราชสีห์ ไม่ใช่หมารับใช้”
ผกาซุกไซร้ซอกคอกำนันบุญที่ยิ้มอย่างพอใจ ส่วนผกาก็แอบยิ้มพอใจที่ปั่นหัวให้กำนันเล่นงานประดับได้สำเร็จ
วันต่อมาดารารู้สึกตัวบนแคร่ในกระท่อมของขุนเดช ยังรู้สึกมึนๆ เจ็บๆ ที่ต้นคอซึ่งถูกขุนเดชทุบจนสลบ
ดาราหันซ้ายหันขวามองหาขุนเดช ก่อนจะเดินออกไปที่หน้ากระท่อมเห็นขุนเดชยืนอยู่บนโขดหินกำลังซ้อมเพลงดาบด้วยดาบไม้ ดารามองแล้วสีหน้าครุ่นคิดหันไปที่ดาบไม้ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ
ขุนเดชซ้อมเพลงดาบดาราเดินเข้ามาข้างหลังแล้วเรียก
“ขุนเดช”
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ขอโทษด้วยนะที่ผมต้องทำคุณเจ็บ ผมเพียงแต่ต้องการหยุดคุณ”
“แล้วพูดกับชั้นดีๆ ไม่ได้เหรอ”
“ก็พูดดีแล้วแต่คุณไม่ฟัง ไอ้นิสัยดื้อรั้นไม่ฟังใครระหว่างคุณกับบัวทองไม่รู้ใครติดใครมา”
ขุนเดชบ่นแล้วจะเดินเข้ากระท่อม ดาราหรี่ตาเจ็บใจใช้ดาบไม้ที่ซ่อนมาด้วยฟาดใส่หลังขุนเดชทันที
“นี่แน๊ะ...เธอทำชั้นเจ็บ ขอโทษสักคำไม่มี ยังมาว่าชั้นเป็นพวกหัวแข็งอีก ชั้นจะเอาเลือดหัวเธอออก”
ดาราฟาดขุนเดชไม่ยั้ง ขุนเดชยกมือขึ้นกันก็ยังโดนฟาดอีก
“โอ๊ย...ผมเจ็บนะ”
“ก็อยากให้เจ็บไง เพราะนายก็ทำชั้นเจ็บเหมือนกัน...นี่แน๊ะ...นี่ๆๆๆๆๆ”
ดารากระหน่ำฟาดไม่หยุด ขุนเดชรีบถอย
ขุนเดชถอยหนีพร้อมยกดาบไม้ขึ้นตั้งรับการฟาดฟันใส่ของดาราที่ฟันใส่ไม่ยั้ง ดาราฟาดไปเต็มแรง ขุนเดชยกขึ้นกัน ดาราไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ออกแรงกดเต็มที่ ขุนเดชเลยปัดดาบ ดาราเซถลา
“ว๊ายยยยย !”
ดาราเกือบหน้าคะมำดีที่ยงยุทธเข้ามาคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ดาราอยู่ในอ้อมแขนของยงยุทธสบตากันไปนิดนึง
ดารารีบผละตัวออก ยงยุทธมองทั้งคู่ด้วยสายตาจับผิด
“ผมไปบ้านน้าคำปันมา น้าแกบอกว่าคุณไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน”
“เอ่อชั้น…”
“ดารามาค้างอยู่กับชั้นที่นี่” ขุนเดชบอกทำให้ดาราถึงกับชะงัก
“ขุนเดช”
ยงยุทธชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ขุนเดชพูดต่อให้เข้าใจ
“ชั้นมีงานที่ต้องปรึกษากัน เลยคุยงานอยู่ด้วยกันทั้งคืน ไม่ได้ทำอะไรเสียๆ หายๆ อย่างที่ แกกำลังคิด”
“พอได้แล้วขุนเดช”
“ชั้นก็ไม่คิดว่าดาราจะทำเรื่องเสียหาย เพราะเธอมีเกียรติของผู้หญิงที่ต้องรักษาไว้ แต่สำหรับแก ควรจะมีความเป็นสุภาพบุรุษ บอกให้น้าคำปันรู้เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“คนที่อยากรู้ชั้นว่าไม่ใช่น้าคำปันหรอก แต่เป็นแกมากกว่า แล้วก็อย่าเอาคำว่าสุภาพบุรุษมาพูดกับชั้น เพราะถ้าแกเป็นสุภาพบุรุษ คงไม่ดึงแฟนเพื่อนไปจูบต่อหน้าหรอก”
ยงยุทธฉุนกึกไม่พอใจขยับจะเอาเรื่อง ดารารีบขวาง
“พอกันได้แล้ว ถ้าเจอหน้ากันแล้วเอาแต่แยกเขี้ยวใส่กันแบบนี้ ทีหลังชั้นจะพกกระติกน้ำร้อนไว้ ใครหาเรื่องก่อนชั้นจะเอาน้ำร้อนสาดให้ร้องลั่นเลย”
“พวกเราไม่ใช่หมานะดารา”
ขุนเดชกับยงยุทธพูดออกมาพร้อมกัน แล้วสองหนุ่มก็หยุดมองหน้ากันเอง ดาราอมยิ้มชอบใจ
“ดี...ถ้าคิดว่าไม่ใช่ต่อไปก็อย่ากัดกันให้เห็นอีก”
ดาราพูดทิ้งท้ายแล้วรีบเดินออกไป ยงยุทธหันไปมองหน้าขุนเดชจ้องเขม็งแล้วรีบเดินตามไป
ที่คฤหาสน์ของปราชญ์ ปารมีปาแก้วน้ำแตกกระจายใส่คนใช้
“ชั้นไม่กินยาที่แม่ชั้นให้มา ชั้นจะกินยาที่พี่ประดับให้ชั้นกินเท่านั้น”
“แต่คุณหญิงสั่งไม่ให้คุณกินยาของคุณประดับแล้วค่ะ”
“ชั้นไม่สนใจ แม่จะสั่งอะไรชั้นไม่ฟังทั้งนั้น พี่ประดับอยู่ไหน ไปตามพี่ประดับมา”
“เอ่อ…คุณประดับไปสุโขทัยค่ะคุณปา”
“พวกแกต้องไปตามพี่ประดับมาให้ชั้น”
“ตามยังไงล่ะคะ”
“ยังมาย้อนอีก อยากโดนไล่ออกใช่มั้ย”
“ค่ะๆๆ คุณปา”
คนใช้รีบออกไป ปารมีพยายามลุกขึ้นจากเตียงแต่อ่อนเพลียมากจนแทบไม่มีแรง หายใจหอบเหนื่อย
คุณหญิงเดินตรงดิ่งมาที่ห้องปารมีเจอคนใช้ที่รีบเดินออกมาจากห้อง
“อาละวาดอีกแล้วเหรอ”
“ค่ะคุณหญิง”
“นังเด็กโง่เอ้ย เมื่อไหร่มันจะหัดฉลาดซักที” คุณหญิงบ่นแล้วหันมาบอกคนใช้ “ชั้นจัดการเอง แต่แกต้องเข้าไปกับชั้นด้วย”
คุณหญิงเดินนำเข้าไปในห้อง คนใช้มีสีหน้าสงสัยทำไมต้องให้เข้าไปด้วย
คุณหญิงเข้ามาในห้องเห็นปารมีนั่งหอบเหนื่อย
“คุณแม่เข้ามาทำไม…ออกไป…ปาไม่อยากเห็นหน้าคุณแม่”
“ที่ชั้นพูดกับแกไปเนี่ย มันไม่ได้เข้าหูแกเลยใช่มั้ย”
“คุณแม่จะพูดยังไง ปาก็ไม่มีวันเชื่อหรอกค่ะว่าพี่ประดับจะคว้าผู้หญิงแก่ๆ อย่างแม่ไปนอนกก ปาเคยถามพี่ประดับแล้ว เขาบอกปาว่าเขาเกลียดพวกแก่ๆ หนังเหี่ยวๆ”
“ยัยปา!”
ปารมีพูดไปก็เริ่มเหนื่อบหอบอีก เลยหันไปวีนกับคนใช้ข้างๆ คุณหญิง
“แกไปเอายาของพี่ประดับมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้”
“ไม่...แกจะกินยาของไอ้ประดับอีกไม่ได้ ถ้าแกอยากหายแกต้องกินยาที่ที่ชั้นจัดให้แก เท่านั้น !”
“ปาไม่กินหรอก. คุณแม่ใส่ร้ายพี่ประดับ คุณแม่นั่นแหละที่เอายาพิษมาให้ปากิน เพราะคุณแม่อยากให้ปาตายคุณแม่จะได้แย่งพี่ประดับไป...ไปเอายามาให้ชั้น”
ปารมีสั่งคนใช้และยิ่งหอบเหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ทัน คุณหญิงเลยตัดสินใจ
“ก็ได้ยัยปา ถ้าแกคิดว่าชั้นโกหกแก” คุณหญิงเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบขวดยาออกมาให้ปารมีดู “นี่เป็นยาที่ไอ้ประดับมันเอามาให้แกกิน ชั้นยึดจากมันมาได้ แต่แกไม่เชื่อใช่มั้ยว่ามันเป็นยาพิษ” คุณหญิงเทยาออกมาหลายเม็ดแล้วเดินไปที่คนใช้จับแขนบีบแรงๆ “กินเข้าไป”
คุณหญิงสั่งคนใช้ คนใช้ตกใจ
“คุณหญิง”
“ชั้นสั่งให้แกกินเข้าไป”
“เอ่อ…ไม่ค่ะคุณหญิง”
“แกกล้าขัดคำสั่งชั้นเหรอ ชั้นสั่งให้แกกิน”
คุณหญิงจับปากคนใช้มาบีบจนเปิดออกแล้วเอายาในมือเป็นกำๆ กรอกเข้าไปในปาก แล้วปิดปากปิดจมูกให้คนใช้กลืนลงไป ปารมีเห็นเข้าก็ตกใจ
“คุณ…คุณแม่”
“คอยดูให้ดีนะยัยปา แล้วแกจะรู้ว่าชั้นไม่ได้โกหกแก”
ไม่ทันขาดคำคนใช้ก็เริ่มตัวเกร็งตาเหลือกน้ำลายฟูมปากแล้วชักดิ้นชักงอ
“ช่วย…ช่วย…ช่วยด้วย…อ๊อก…อ๊อก”
ปารมีเห็นเข้าก็ตกใจหน้าเสีย
“คะ…คะ…คุณแม่”
“ทีนี้แกจะเชื่อชั้นรึยัง ไอ้ประดับมันหลอกแก หลอกชั้น”
“ค่ะ ปาเชื่อแล้ว”
คุณหญิงพอใจคำตอบลูกสาวรีบเดินไปเปิดประตู
“มีใครอยู่แถวนี้บ้าง…รีบขึ้นมาบนนี้เร็ว”
คุณหญิงเรียกแล้วเดินมายืนมองคนใช้ที่ยังชักระตุกน้ำลายฟูมปากโดยไม่ยอมช่วยอะไร คนใช้อีกสองคนเข้ามาเห็นเข้าก็ตกใจ
“รีบพามันไปหาคุณหมอวิชัยล้างท้อง แล้วถ้ามันฟื้นขึ้นมาก็สั่งมันด้วยว่าให้หุบปากไว้ ชั้นจะมีรางวัลให้มันสองแสน…ไป”
คนใช้รับคำแล้วช่วยกันพยุงคนใช้ด้วยกันพาออกไป
คุณหญิงเดินมาที่เคาท์เตอร์เครื่องดื่ม คว้าเหยือกเหล้ามารินใส่แก้วแล้วยิ้มเอาเรื่อง
“ไอ้ประดับ...ผู้ชายเลวๆ อย่างแกไม่มีทางจะขึ้นไปยิ่งใหญ่ได้หรอก แกจะต้องคอยรับใช้ชั้นเหมือนหมาที่ต้องกระดิกหางเวลาเจ้าของเรียก”
คุณหญิงหัวเราะชอบใจแล้วดื่มเหล้าจากแก้วพรวดเดียวหมด คุณหญิงรินเหล้าเพิ่มแล้วหมุนแก้วไปมาได้อีกครู่ก็เริ่มรู้สึกมึนๆ ศรีษะ ทุกอย่างรอบตัวหมุนไปหมด จนแก้วเหล้าตกจากมือตกแตก...เพล้ง
คุณหญิงเริ่มสงสัยอาการตัวเอง มองเหยือกเหล้าแล้วอึ้งเมื่อเบิ้มเดินเข้ามา
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับคุณหญิง”
“ไอ้...ไอ้เบิ้ม...นี่...นี่ฝีมือแกเหรอ”
“ผมเหรอครับ...ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับคุณหญิง”
“แก...แกนั่นแหละ...แกวางยาชั้น”
เบิ้มยิ้มรับ
“คุณหญิงดื่มไปเองนะครับ ไม่ได้มีใครบังคับให้ดื่ม”
คุณหญิงเซจะล้ม
“ไอ้ประดับสั่งให้แกมาฆ่าชั้น”
“เปล่าหรอกครับ คุณประดับทราบดีว่าคุณหญิงจะตายไม่ได้เด็ดขาด”
“แล้ว...แล้วแกจะทำอะไรชั้น”
เบิ้มไม่พูดออกมา คุณหญิงก็ทรุดหมดสติ เบิ้มเข้าไปประคองแล้วยิ้มร้ายๆ
ในห้องพักโรงแรม คุณหญิงถูกจับเปลื้องผ้านอนบนเตียงมีผ้าห่มคลุม เบิ้มยืนมองแล้วยิ้มร้ายๆ ก่อนจะหันไปสั่ง
“เข้ามาได้แล้ว” ประตูเปิดเข้ามาชายฉกรรจ์หุ่นล่ำถอดเสื้อโชว์กล้าม 2 คนมาดอย่างพวกพระเอกหนังโป๊ เบิ้มยื่นกล้องถ่ายรูปให้ “เสร็จเรียบร้อยแล้วเอาฟิล์มมาให้ชั้นด้วย”
เบิ้มสั่งงานแล้วเดินออกไปทิ้งให้คุณหญิงที่หมดสติอยู่กับชายทั้งสองคนและกล้องถ่ายรูป
ยงยุทธกำลังพิมพ์ดีดอยู่ที่โต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นจ่าแท่นส่งเสียงดังห้ามเข้ามา
“แกไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาในนี้...ออกไป”
ประดับไม่ต่อปากต่อคำกับจ่าแท่นหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องกันจ่าแท่นไว้
“ถ้าจ่าอยู่ที่นี่แล้วทำงานสบายไป จะทำเรื่องส่งไปอยู่ชายแดนให้ไปเดินฝ่าดงระเบิดเล่น”
“ไม่ต้องมาขู่หรอกเว้ย กลัวซะที่ไหนวะ”
“พอได้แล้วจ่า ออกไปก่อน”
“แต่หมวดครับ”
“รับคำสั่งผมจ่า”
จ่าแท่นยอมหยุดโวยวายสะบัดตัวจากพวกลูกน้องประดับ ยงยุทธจ้องหน้าประดับที่ยิ้มกวนๆ ใส่
ยงยุทธนั่งมองหน้าประดับและตอบคำถามไปอย่างไม่หวั่นเกรงอิทธิพล
“ชั้นกำลังหาข่าวของมันอยู่ ไม่จำเป็นที่แกจะต้องเสียเวลามาตามจี้ชั้น”
“แต่นี่เลย 24 ชั่วโมงไปแล้ว แกยังไม่ได้ตัวไอ้วีรบุรุษบาปมาให้ชั้น”
“ได้ตัวเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
“หึๆๆ...ถ้าชั้นไปบอกชาวบ้านว่าหมวดคนเก่งของพวกเขาแสดงความรับผิดชอบต่อการตายของชาวบ้านตาดำๆ ว่าอะไร...ชั้นว่าแกคงอยู่ที่นี่ลำบากแล้วล่ะยงยุทธ”
ยงยุทธโมโหลุกขึ้นจ้องหน้าประดับเขม็ง
“แกอยากจะใช้วาทะนักการเมืองปลุกปั่นชาวบ้านให้เข้าข้าง แกยังไงชั้นไม่สน เพราะชั้นเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก คนที่มันคิดแต่เรื่องเลวๆ สักวัน หางมันต้องโผล่”
“ชั้นไม่ได้มาชวนแกทะเลาะ แต่มาเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ในเมื่อแกยังโอหัง กล้าอวดดีกับคนที่มีอำนาจมากกว่า เห็นทีชั้นคงต้องลงมือเอง” ยงยุทธหรี่ตามองประดับอย่างสงสัยว่าคิดจะทำอะไร “ไอ้วีรบุรุษบาปมีค่าหัวสำหรับการพาตัวมันมาให้ชั้น และใครที่ให้ความร่วมมือกับมัน รู้จักมันแต่ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ชั้นจะจับพวกมันทุกคน”
ประดับตะคอกใส่หน้ายงยุทธ ยิ้มร้ายสำทับแล้วเดินออกไป ยงยุทธมองตามแล้วหน้าเครียด
ยงยุทธรีบออกมาที่รถจี๊ปหน้าโรงพัก แต่ยังไม่ทันจะขึ้นรถลูกน้องประดับก็ตามเข้ามาประกบ
“ห้ามคุณไปไหนทั้งนั้นผู้หมวด”
“ถอยไป พวกแกไม่มีสิทธิ์มาห้ามชั้น”
“แกต่างหากยงยุทธที่ไม่มีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับคดีนี้อีกแล้ว” ประดับเข้ามา
“แกหมายความว่ายังไง”
“เมื่อกี้นี้ชั้นโทรคุยกับผู้ใหญ่ในกรมแล้ว คดีนี้มีคำสั่งให้เร่งมือจัดการให้เรียบร้อย แม้แต่ผู้การทรงยศที่เคยสนับสนุนแกก็เห็นด้วย เขากำลังส่งคนมาช่วยชั้นที่นี่”
“ไอ้ประดับ...เส้นสายของแกหยุดชั้นไม่ได้หรอก”
ยงยุทธไม่สนใจจะขึ้นไปนั่งรถจี๊ปแต่ถูกลูกน้องประดับดึงกุญแจรถออกมาแล้วโยนให้ประดับ
“ถ้าชั้นเป็นแก ชั้นจะยอมอยู่เฉยๆ ไม่หาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนหรอก”
ประดับยิ้มร้ายๆ ยงยุทธเจ็บใจ
ที่บริเวณแคมป์โบราณคดีดารากอดอกสีหน้าครุ่นคิดหนักใจเรื่องวีรบุรุษบาประหว่างนั้นอาจารย์ประทีปเข้ามา
“เป็นห่วงเรื่องวีรบุรุษบาปอยู่ใช่มั้ยอาจารย์ดารา”
“อาจารย์ประทีป...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เพิ่งมาถึงนี่แหละ ผมทราบเรื่องหมอน้อยตั้งแต่อยู่ที่แหล่งบุรีรัมย์แล้ว แต่ทิ้งงานมา ไม่ได้เลย นี่ก็เพิ่งรู้ว่านายประดับประกาศตั้งค่าหัววีรบุรุษบาป”
“ค่ะอาจารย์ ถึงเขาจะเป็นฆาตกร แต่ที่ผ่านมาถ้าไม่มีเขาคอยช่วยเรา สมบัติของชาติก็คงต้องถูกทำลายไปมากกว่านี้”
“มันก็จริงอยู่ สมบัติมีค่าหลายชิ้นที่เขาช่วยรักษาเอาไว้ แต่การสนับสนุนเขาเท่ากับเราจงใจทำผิดกฏหมายด้วยนะอาจารย์”
อาจารย์ประทีปเตือนให้ดาราคิดจนเธอยิ่งรู้สึกหนักใจ ระหว่างนั้นหยินกับกบรีบเข้ามา
“อาจารย์คะ...อาจารย์ แย่แล้วค่ะ”
“มีอะไรกันน่ะกบ หยิน”
“มีตำรวจจะมาพาตัวอาจารย์ไปสอบสวนค่ะ”
“พาชั้นไปสอบสวน”
เปี๊ยะกับดำรงพยายามเจรจากับตำรวจที่มาพร้อมกับลูกน้องประดับ
“ผมว่าพวกคุณกลับไปเถอะ อาจารย์ดาราเป็นนักวิชาการ ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย”
“แต่ถ้าคิดว่าการที่พวกเราเห็นด้วยกับวีรบรุษบาปแล้วเหมารวมว่าเป็นพวกเดียวกัน งั้นพวกคุณก็คงต้องจับพวกเราไปหมดนี่”
ลูกน้องประดับกระชากคอเสื้อเปี๊ยะ
“หุบปากนะไอ้น้อง ถ้ายังพล่ามหาเรื่องอยู่อีก ได้เข้าไปอยู่ในคุกแน่”
“ปล่อยลูกศิษย์ชั้นเดี๋ยวนี้” ลูกน้องประดับหันไปมองดาราก่อนจะปล่อยคอเสื้อเปี๊ยะ “ลูกศิษย์ชั้นและทีมงานทุกคนที่นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ถ้าอยากสอบปากคำก็สอบปากคำชั้นคนเดียว”
“อาจารย์ดารา...ให้ผมเจรจากับพวกเขาเองดีกว่า” ดำรงบอก
“งานนี้ไม่มีการเจรจา อาจารย์ดาราต้องสงสัยว่าให้ความร่วมมือกับวีรบุรุษบาป เราต้องพาตัวไปสอบสวน”
ลูกน้องประดับหันไปพยักหน้าให้ตำรวจเข้าไปคุมตัวดารา พวกนักศึกษารีบเข้าไปขวาง
“อย่านะ พวกคุณพาอาจารย์เราไปไม่ได้”
พวกลูกน้องประดับไม่สนใจผลักพวกนักศึกษาจนกระเด็นแล้วเข้าไปจับตัวดารา
“ชั้นไม่เป็นอะไรหรอกทุกคน ความยุติธรรมจะปกป้องชั้น”
ดารายอมให้พวกลูกน้องประดับคุมตัวพาออกไป ทุกคนต่างมองตามอย่างเป็นห่วง
ที่บ้านยคำปัน ขณะนั้นคำปันพับเสื้อผ้าเก็บใส่กระเป๋าด้วยสีหน้าเศร้าๆ เมื่อหันไปที่สร้อยคอพระเครื่องพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำจึงหยิบมาดู
“พี่เดื่องจ้ะ...ชั้นอยากให้พี่อยู่กับชั้นด้วยตรงนี้จัง ชั้นอยากจะถามพี่ว่าชั้น ทำอย่างนี้มันถูกแล้วหรือเปล่า พี่ยืนหยัดสู้เพื่อศรีสัชนาลัยจนวาระสุดท้าย แต่ชั้นกลับหนีเหมือนคนขี้ขลาด”
คำปันเปรยไปก็น้ำตาซึมแล้วเอาพระเครื่องพระร่วงนั่งมาสวมคอ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงรถขับเข้ามา
คำปันเดินลงมาจากเรือนเจอลูกน้องประดับที่มาพร้อมกับตำรวจมาด้วยรถจี๊ป
“มาหาใครเหรอคะ”
“บัวทองอยู่รึเปล่า”
“เปล่าจ้ะ”
“ไปไหน”
“มีธุระอะไรล่ะ”
ลูกน้องประดับไม่พอใจคำตอบเข้ามาจับแขนคำปันมาบีบแรงๆ
“ไม่รู้หรือไม่บอก อย่ามาโยกโย้ถ่วงเวลา ไม่อย่างนั้นจะโดนข้อหนัก”
“ลูกสาวชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมชั้นต้องบอกด้วย”
“ลูกสาวแกต้องสงสัยให้ความร่วมมือกับวีรบุรุษบาป มีคำสั่งให้พาตัวไปสอบสวน”
คำปันตกใจมาก
“ไม่! ชั้นไม่รู้ว่าลูกสาวชั้นอยู่ที่ไหน”
ลูกน้องยิ่งบีบแขนแรงขึ้น
“ไม่บอกใช่มั้ย”
คำปันเจ็บ ระหว่างนั้นจ่าแท่นเข้ามาพร้อมปืน
“หยุดนะเว้ย ปล่อยน้องสาวข้าเดี๋ยวนี้” จ่าแท่นเล็งปืนขู่เอาจริง
“จ่า...นี่เป็นคำสั่งตรงจากคุณประดับ ถ้าจ่ามาขัดขวางจะถือว่าจ่าไม่ให้ความร่วมมือ”
“กลับไปบอกเจ้านายแก ถ้ามันอยากได้ตัวหลานสาวข้า มันต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
จ่าแท่นยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า...เปรี้ยง! พวกลูกน้องคิดว่าจ่าเอาจริงแน่เลยยอมปล่อยคำปันแล้วพากันออกไป
จ่าแท่นประคองคำปันที่ยังตกใจอยู่มานั่งที่ใต้ถุนเรือน
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะคำปัน”
“พี่แท่น นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ไอ้ประดับมันกำลังบ้าอำนาจ เห็นหมวดตามจับวีรบุรุษบาปไม่ได้สักทีมันเลยประกาศให้มีรางวัลนำจับกับจับตัวคนที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับวีรบุรุษบาปไปสอบสวน”
“โธ่เอ้ย...เห็นมั้ย...เป็นอย่างที่ชั้นเตือนบัวทองมาตลอดว่าอย่าไปยุ่งกับหมอนั่น แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะพี่ พี่ต้องช่วยหลานนะ อย่าให้พวกมันเอาตัวบัวทองไป”
“พี่ต้องช่วยหลานอยู่แล้ว แต่พี่ต้องรู้ก่อนว่าบัวทองไปไหน”
“บัวทองมาขอชั้นว่าอยากไปกราบลาพระอจนะจ้ะพี่”
“งั้นคำปันรอพี่อยู่ที่นี่ พอพี่พาบัวทองกลับมาแล้ว คำปันต้องรีบไปจากศรีสัชนาลัยทันที”
“จ้ะพี่แท่น”
จ่าแท่นรีบออกไปคำปันกำสร้อยคอพระร่วงนั่งสีหน้ากังวลและเป็นห่วง
ยงยุทธเดินไปเดินมาอยู่บนโรงพักเพราะถูกจับตามองจากตำรวจที่ถูกส่งมาช่วยประดับ ระหว่างนั้นดาราถูก ลูกน้องประดับคุมตัวเข้ามา
“ยงยุทธ…ช่วยชั้นด้วย”
“ปล่อยเธอ”
พวกลูกน้องประดับไม่ทำตามสั่ง ประดับก้าวเข้ามา
“อาจารย์อยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาป เธอต้องถูกสอบสวน”
ยงยุทธชี้หน้าประดับ
“แกกำลังหาเรื่องแก้แค้นพวกชั้นต่างหาก”
“แก้แค้นเหรอ...หึๆๆ ชั้นกำลังทำหน้าที่แทนแกต่างหากยงยุทธ ในเมื่อแกมันปวกเปียก ใช้กฏหมายลงโทษคนผิดไม่ได้ ชั้นก็จะจัดการให้เอง...พาตัวเข้าไปในห้องสอบสวน”
“หยุด ดาราไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาป”
“แกปกป้องเธอไม่ได้หรอกยงยุทธ”
ประดับให้ลูกน้องพาดาราเข้าไปในห้อง ยงยุทธถูกตำรวจที่ส่งมาจากผู้การทรงยศเข้าขวางไม่ให้ตามไป
“ขอโทษครับหมวด ผู้การทรงยศสั่งมาถ้าหมวดไม่ให้ความร่วมมือ มีคำสั่งให้พักงานหมวดทันที”
“ยงยุทธ...ยงยุทธ”
ยงยุทธมองตามดาราอย่างเป็นห่วงและเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้
ขุนเดชกำลังตีเหล็กทำเครื่องมืออยู่ที่กระท่อม ระหว่างนั้นอาจารย์ประทีปเข้ามา
“อ้าวอาจารย์ กลับมาแล้วเหรอครับ งานบูรณะปราสาทที่บุรีรัมย์เป็นยังไงบ้างครับ”
“อย่าเพิ่งถามชั้นเรื่องนั้นเลย ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ขุนเดชมองอาจารย์ประทีปอย่างสงสัย
ที่วัดศรีชุม ขณะนั้นบัวทองกำลังพนมมือไหว้พระอจนะ
“เลือดเนื้อของลูกเป็นศรีสัชนาลัย ลูกไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนขี้ขลาดทิ้งแผ่นดินเกิดเพื่อ เอาตัวรอด แต่หัวใจของลูกถูกทำร้ายจนแหลกราญ ถ้าลูกยังเห็นหน้าเขาอยู่ลูกกลัวว่า...” บัวทองนิ่งไปน้ำตาคลอ “ลูก...ลูกจะต้องเกลียดเขาไปตลอดชีวิต”
บัวทองน้ำตาไหลอาบสองแก้มแล้วก้มกราบพระอจนะ
บัวทองเดินออกมายืนมองสถูปสถานเหมือนต้องการสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย จนกระทั่งหันไปเห็นตำรวจกับลูกน้องประดับพากันเข้ามาตามหาบัวทองโดยถามเอาจากพวกชาวบ้าน บัวทองสงสัยว่าตำรวจกับพวกลูกน้องประดับมาตามหาเธอทำไม พอพวกมันหันมาเห็นเธอเข้า สัญชาติญาณทำให้บัวทองรีบถอยหนีออกไปทันที พวกลูกน้องประดับรีบไล่ตาม
บัวทองรีบเดินหนีพวกลูกน้องประดับกับตำรวจที่ไล่ตามมา ลัดเลาะไปตามโบราณสถานแล้วซ่อนตัวอยู่หลังสถูปจนพวกตำรวจผ่านไป บัวทองนึกว่ารอดแล้วแต่กลับเจอพวกลูกน้องประดับที่โผล่มาขวางทาง
“หลบไป”
บัวทองบอกแต่พวกลูกน้องประดับไม่หลบ บัวทองเลยเอาตระกร้าของถวายพระที่ถือมาด้วยฟาดใส่แล้วชิงวิ่งหนีแต่กลับถูกมันดึงแขนเอาไว้แล้วพยายามรวบตัว บัวทองเลยกระทืบเท้ามัน กระทุ้งศอกชกหน้าจนพวกมันเพลี่ยงพล้ำแล้วชิงหนีออกไปทันที
“จับให้ได้”
อ่านต่อหน้าที่ 4
ขุนเดช ตอนที่ 16 (ต่อ)
ขุนเดชบิดคันเร่งขี่มอเตอร์ไซค์ทำความเร็วมาตามถนนด้วยความเป็นห่วงบัวทอง เมื่อเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่อาจารย์ประทีปมาหา
“ไอ้ประดับมันจับตัวอาจารย์ดาราไปสอบสวนเหรอครับ”
ขุนเดชถามอาจารย์ประทีปอย่างตกใจ
“ใช่...ชั้นได้ยินว่าตอนนี้มันตามจับทุกคนที่สงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาป”
“ไอ้ประดับ มันไม่ได้คิดจะจับวีรบุรุษบาปอย่างเดียวหรอกครับอาจารย์ แต่มันกำลังใช้อิทธิพลของมันแก้แค้นพวกผมอยู่ต่างหาก”
“ถ้างั้นมันคงไม่ยอมปล่อยตัวอาจารย์ดาราแน่”
“แล้วยงยุทธล่ะครับอาจารย์”
“ยงยุทธถูกคำสั่งจากผู้ใหญ่ห้ามไม่ให้ขัดขวางการทำงานของประดับ”
“งั้นมันคงไม่หยุดตามเล่นงานทุกคนที่เกี่ยวข้องแน่... บัวทอง”
ขุนเดชนึกเป็นห่วงบัวทอง
ขุนเดชหน้าเครียดบิดคันเร่งพุ่งทะยานไปตามถนนเพื่อไปช่วยเหลือบัวทอง ระหว่างนั้นพวกลูกน้องประดับกับ
ตำรวจขับรถจี๊ปออกมาจากข้างทางแล้วจอดขวาง ขุนเดชเบรคจนล้อรถปัด ตำรวจรีบลงจากรถแล้วส่องปืนมาที่ขุนเดช
“ขุนเดช...ชูมือขึ้นแล้วไปกับพวกเราซะโดยดี”
ขุนเดชนิ่งมือยังจับอยู่ที่แฮนด์มอเตอร์ไซค์ พวกตำรวจขยับเข้ามาใกล้
“ชูมือขึ้น”
ขุนเดชตัดสินใจบิดคันเร่งเสียงดังกระหึ่มแล้วพุ่งทะยานฝ่าพวกตำรวจไป พวกตำรวจยิงไล่หลัง พวกลูกน้องกระดับที่ยังอยู่บนรถจี๊ปรีบขับไล่ตามขุนเดชไปทันที
บัวทองวิ่งหนีพวกลูกน้องประดับที่ไล่ตามมาจนกระชั้นชิด บัวทองวิ่งหาที่หลบจนเกือบจะจนมุม ทันใดนั้นมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาปิดปากบัวทองเอาไว้ บัวทองตกใจนึกว่าเป็นพวกมันเลยดิ้นสู้กระทุ้งศอกใส่
“อู้ย...นี่ลุงจ่าเองบัวทอง”
“ลุงจ่า ลุงโผล่มาได้ยังไงเนี่ย”
“ก็โผล่มาช่วยเอ็งนี่แหละ ชู่ว์…เงียบๆ เดี๋ยวพวกมันมาเจอเข้า รีบตามลุงมา”
จ่าแท่นรีบจูงมือพาหลานสาวหนีออกไป พวกลูกน้องประดับเดินเข้ามาไม่เจอใครแล้วพากันถอยออกไป
ที่สถานีตำรวจ ขณะนั้นดาราอยู่ในห้องสอบสวนกับตำรวจของทรงยศ
“คุณเป็นนักวิชาการ ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าคุณทำผิดกฏหมาย อาชีพของคุณจะหมดอนาคต”
“ชั้นไม่รู้ว่าวีรบุรุษบาปเป็นใคร ชั้นช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้”
ดารายังยืนยันกระต่ายขาเดียวจนตำรวจอ่อนใจ ระหว่างนั้นประดับเข้ามา
“เธอยังปากแข็งอยู่เหรอ”
“ครับ”
“งั้นลองให้ผมสอบปากคำเธอดูหน่อย บางทีผมอาจจะช่วยได้” ตำรวจนิ่งไปไม่แน่ใจ “คดีนี้ผู้ใหญ่ของคุณกับผมมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน”
“ครับ”
ตำรวจพากันออกไปเหลือแค่ประดับกับลูกน้องอีกคนหนึ่ง ดารามองประดับอย่างระแวงไม่ไว้ใจ ประดับขยับเข้าใกล้ยื่นหน้ามองดาราในระยะประชิด
“นี่มันบนโรงพักนะประดับ ถ้าแกทำอะไรชั้นล่ะก็”
“หึๆๆ ตอนนี้เธออยู่ในความควบคุมตัวของชั้น ไอ้ยงยุทธกับไอ้ขุนเดชก็มาช่วยอะไรไม่ได้ แล้วเธอจะทำอะไรชั้นได้”
“ชั้นจะเปิดโปงแก จะแฉความเลวของแกให้หมดทุกเรื่อง”
“ฮ่าๆๆๆ...เปิดโปงชั้น ถ้าคิดว่าทำได้แล้วทำไมไม่ทำล่ะ มัวรออะไรกันอยู่”
ดารากัดฟันเจ็บใจ ประดับหัวเราะเยาะเย้ยแล้วเข้าไปบีบหน้าดารา
“อย่าเอามือสกปรกของแกมาถูกตัวชั้น”
ดาราพยายามแกะมือประดับ แต่สู้แรงประดับไม่ได้แกะไม่ออก
“เธอเรียกชั้นว่าคนสกปรก งั้นชั้นถามหน่อยเถอะ ระหว่างชั้นกับไอ้วีรบุรุษบาปใครที่มันสกปรกมากกว่ากัน”
ดาราจ้องหน้าประดับเขม็ง “ถ้าเธอสนับสนุนคนสกปรกอย่างมันเธอก็คงไม่รังเกียจคนสกปรกอย่างชั้นหรอก จริงมั้ย”
ประดับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำเหมือนจะจูบ ดาราหลับตาปี๋พยายามเบือนหน้าหนีสุดฤทธิ์ ประดับยื่นหน้าเกือบ จะโดนหน้าเธอแต่กลับหยุดค้างเอาไว้ แล้วไสหน้าดาราหัวเราะใส่อย่างเย้ยหยัน
“ฮ่าๆๆ ยังไม่ใช่วันนี้หรอกดารา ชั้นรอเวลานี้มาเป็นสิบๆ ปี รออีกนิดเดียวชั้นรอได้ ตอนนี้ชั้นยังสนุกกับการแก้แค้นอยู่ อยากเห็นคนที่มันรักเธอเจ็บปวดมากกว่า... ไป ตามหมวดยงยุทธเข้ามา”
ประดับหันไปสั่งลูกน้อง ลูกน้องรับคำแล้วออกไป ดารามองอย่างสงสัยว่าประดับคิดจะทำอะไร
รถจี๊ปของลูกน้องประดับไล่ตามขุนเดชมาจนถึงที่โกดังร้าง พวกมันเห็นมอเตอร์ไซค์ของขุนเดชจอดอยู่
“เฮ้ย...ระวังด้วย ไอ้นี่มันไม่ธรรมดา”
พวกมันชักปืนออกมาอย่างระวังตัว ขุนเดชวิ่งตัดผ่านข้างหลังไปอย่างรวดเร็ว พวกมันหันขวับไประดมยิงใส่ไม่ ยั้ง...เปรี้ยงๆๆๆๆ ควันปืนโขมงไปทั่ว แต่ไม่มีวี่แววว่าขุนเดชจะโดนยิง
ขุนเดชโผล่มาข้างหลังพวกมันแล้วใช้ดาบดำที่ไม่ต้องชักออกจากปลอกเล่นงานปัดปืนในมือคนแรกออกไปได้ อีกคนรีบหันปืนใส่ ขุนเดชกระโจนข้ามมันแล้ววาดเท้าเตะปืนในมือมันกระเด็น เหลือพวกมันมือเปล่าตั้งการ์ดสู้ ขุนเดชโยนดาบดำทิ้งแล้วงัดเชิงมวยพร้อม
ที่ห้องสอบสวน ยงยุทธเข้ามามองดาราอย่างเป็นห่วง แต่ประดับกลับยิ้มเยาะ
“ยืนเฉยทำไมล่ะยงยุทธ นี่คือผู้ต้องสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาป แกมีหน้าที่ต้องสอบปากคำ”
“ดาราไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด”
ประดับชี้หน้ายงยุทธ
“แกยังไม่ได้สอบสวน เพราะฉะนั้นอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน”
“ไอ้ประดับ”
“อย่า นี่เป็นคำสั่ง ถ้าแกขัดขืน แกได้หลุดจากอาชีพนี้อย่างถาวรแน่”
ยงยุทธกัดกรามเจ็บใจ ดาราตัดสินใจช่วยยงยุทธ
“ทำตามหน้าที่ของเธอเถอะยงยุทธ”
ยงยุทธนิ่งไปแล้วนั่งลงตรงข้ามกับดารา
“คุณรู้จักวีรบุรุษบาปรึเปล่าอาจารย์ดารา”
“ชั้นไม่รู้จักเขา”
ยงยุทธหันไปที่ประดับทันที
“แกได้ยินแล้วใช่มั้ยไม่ว่าจะถามกี่ครั้ง อาจารย์ดาราก็ไม่มีส่วน เกี่ยวข้องกับไอ้หมอนั่น”
ประดับยิ้มเยาะ
“นี่น่ะเหรอวิธีการสอบสวนของหมวดยงยุทธคนเก่ง แบบนี้มันสองมาตรฐาน นี่หว่า ชั้นจะทำให้แกดูว่าวิธีการที่แกสอบสวนคนอื่นมันเป็นยังไง”
ประดับปรี่เข้าไปบีบหน้าดาราเล่นแรงๆ ใส่ให้ยงยุทธเห็น
“บอกความจริงมา เธอสมรู้ร่วมคิดกับมันใช่มั้ย”
“ชั้นเจ็บนะ...ปล่อยชั้น...ชั้นเจ็บ”
“ปล่อยเธอ”
ยงยุทธบอกอย่างโมโหและจะขวางแต่ถูกลูกน้องประดับเข้ามาล็อคตัวเอาไว้ไม่ให้ยุ่ง
“พูดออกมาดาราว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาป เธอเห็นด้วยกับมัน เธอชอบให้มันไล่ฆ่าคน เพราะตำรวจอย่างยงยุทธไร้น้ำยาช่วยเธอปกป้องโบราณสถานไม่ได้” ดาราไม่ยอมพูด
“ปล่อยเธอ…ชั้นบอกให้ปล่อยเธอ…ไอ้ชาติชั่ว”
ยงยุทธจ้องหน้าประดับอย่างกินเลือดกินเนื้อ ประดับยิ่งสะใจ
“นี่แหละสิ่งที่ชั้นอยากเห็นที่สุด เวลาที่แกอยากจะฆ่าชั้นแต่ทำไม่ได้ เอาตัวอาจารย์ดาราไปขังไว้”
พวกลูกน้องประดับปล่อยยงยุทธแล้วเข้าไปคุมตัวดาราพาออกไป
ดาราถูกจับขังเข้าคุก ยงยุทธเข้ามาจับมือเธอผ่านลูกกรง
“ไม่ต้องห่วงนะดารา ผมไม่ยอมให้คุณอยู่ในนี้แน่ ในเมื่อมันอยากเปิดศึกกับผม ผมก็จะรบกับมันให้ตายไปข้าง”
“อย่านะยงยุทธ ชั้นรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร มันกำลังบีบให้เธอเลือกเส้นทางผิด เพื่อมันจะได้จัดการเธอได้ง่ายขึ้น เธอต้องอย่าหลงกลมัน”
“แต่คุณ...”
“ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก ตำแหน่งนักวิชาการของชั้นพอจะช่วยปกป้องชั้นได้อยู่ แต่สำหรับขุนเดช ชั้นเป็นห่วงเขา”
“ผมจะหาทางช่วยขุนเดชให้ได้ ส่วนคุณอดทนอยู่ในนี้ก่อนนะ”
ดาราพยักหน้ารับ ยงยุทธกำมือเธอแน่นก่อนจะปล่อยมือแล้วจะออกไปแต่ตำรวจของผู้การทรงยศเข้ามาขวาง
“หมวดจะไปไหนครับ”
“อย่ามาขวางทางผม ผู้การทรงยศสนับสนุนความยุติธรรมมาตลอด พวกคุณก็เห็นกับตาว่าไอ้หมอนั่นทำเกินกว่าอำนาจ ถ้าคุณจะรายงานผมให้ผู้การทราบก็ช่วยรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ท่านทราบด้วย ท่านจะได้รู้ว่า…หน้าที่ของตำรวจคือรับใช้ประชาชนไม่ใช่รับใช้อำนาจ”
ตำรวจนิ่งไปเพราะสิ่งที่ยงยุทธพูดมาตัวเองก็รู้สึก
ที่โกดังร้างขุนเดชต่อสู้กับลูกน้องประดับด้วยมือเปล่า ลูกน้องประดับมีฝีมือพอตัวรับมือกับขุนเดชได้หลายเชิง มวย แต่สุดท้ายก็ถูกขุนเดชเล่นงานจนสลบเหมือดไปพร้อมกัน ขุนเดชเดินมาหยิบดาบดำขึ้นมามองแล้วชักดาบดำออกมาสีหน้าครุ่นคิดตัดสินใจ
ประดับรีบเดินมาที่ตำรวจของผู้การทรงยศ
“หมายความว่ายังไงที่พวกคุณปล่อยให้หมวดยงยุทธออกไป” ประดับถามอย่างไม่พอใจ
“มีคำสั่งจากผู้การทรงยศให้หมวดยงยุทธดูแลคดีนี้ต่อครับ”
“ผมต่างหากที่ออกคำสั่ง ไม่ใช่ผู้การของพวกคุณ”
“ขอโทษด้วยครับคุณประดับ พวกผมรับคำสั่งจากผู้การ ถ้าผู้การไม่ได้สั่งพวกผมก็คงปฏิบัติตามไม่ได้”
ประดับชะงัก
“หึ...พวกคุณกล้าท้าท้ายอำนาจแบบนี้ แล้วจะได้เห็นดีกัน”
ประดับคาดโทษพวกตำรวจของผู้การทรงยศแล้วพาพวกลูกน้องออกไปพร้อมกัน
จ่าแท่นพาบัวทองกลับบ้านอย่างปลอดภัย คำปันกอดบัวทองด้วยความดีใจ
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก...แม่เป็นห่วงแทบแย่”
“ก็เกือบไปจ้ะแม่ ดีที่ลุงจ่าตามไปช่วยทัน”
“ขอบใจนะจ๊ะพี่แท่น”
“ไม่ต้องมาขอบใจข้าหรอก ข้าว่าพวกเอ็งรีบไปจากที่นี่ซะตอนนี้เลย จะได้พ้นจากอิทธิพลของไอ้ประดับ”
“แล้วลุงจ่าล่ะ”
“ข้าจะอยู่สู้”
“งั้นชั้นจะอยู่สู้ด้วย”
“บัวทอง”
“แม่จ๋า เลือดกับเนื้อของเราเป็นศรีสัชนาลัยนะแม่ เราจะทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนแล้วหนี เอาตัวรอดจริงๆ เหรอ”
“บัวทอง เชื่อที่แม่เขาบอกเถอะ ตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้วจริงๆ”
“แต่ลุงจ่า”
“ไม่ต้องมาเถียงลุง คราวนี้ลุงจะไม่ใจอ่อนกับเอ็งอีกแล้ว ไปเอากระเป๋าเสื้อผ้ามา ลุงจะไปส่งเอ็งกับแม่”
บัวทองหน้าเศร้าจำใจต้องเดินขึ้นเรือนไปเอากระเป๋า ส่วนคำปันนั่งคิดเครียดหยิบสร้อยคอพระร่วงนั่งขึ้นมาดู
ยงยุทธเดินเข้ามาในโบราณสถานท่ามกลางชาวบ้าน 4-5 คนที่วิ่งสวนออกมา
“วีรบุรุษบาปปรากฏตัวแล้ว”
ยงยุทธรีบเข้าไปแล้วก็เจอวีรบุรุษบาปยืนอยู่บนเศษซากโบราณสถานในมือถือดาบดำท่าทางขึงขังดุดัน
“แก...โผล่มาจนได้นะ”
“ชั้นไม่ได้เป็นคนฆ่าชาวบ้านพวกนั้น ไอ้ประดับมันพยายามสร้างเรื่องเพื่อบีบให้หมวดจนตรอก”
“ชั้นรู้ว่ามันต้องการเล่นงานชั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นจะต้องย้ายไปอยู่ข้างเดียวกับแก”
“ผมรู้ว่าคนอย่างหมวดต่อให้เอาช้างทั้งโขลงมาฉุด หมวดก็ไม่ยอมร่วมมือกับผม แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ถ้าเราไม่ร่วมมือกันเราจะหยุดไอ้ประดับไม่ได้” ยงยุทธนิ่งไป “ว่ายังไงหมวด”
“ชั้นไม่ร่วมมือกับโจร”
ยงยุทธชักปืนออกมาเล็งไปที่วีรบุรุษบาป
“งั้นผมคงต้องจัดการหมวดก่อนแล้วค่อยไปจัดการกับไอ้ประดับ”
ยงยุทธไม่สนใจคำพูดลั่นไกใส่ทันที…เปรี้ยงๆๆๆ วีรบุรุษบาปกระโจนหลบแล้วหายตัวไป ยงยุทธไล่ตาม
ส่วนที่บ้านกำนันบุญ ขณะนั้นกำนันบุญยื่นเงินปึกหนึ่งให้ซ้อน พนมเพลิงที่รับมานับดูอย่างพอใจ
“คนนี้น่ะเหรอพี่กำนัน แน่ใจนะว่าจะทำงานให้เราสำเร็จ” ผกาถามอย่างไม่ไว้ใจ
“คุณผู้หญิงคนสวยครับ ถ้าไม่ไว้ใจกัน งานนี้ผมไม่รับทำให้ก็ได้นะ”
“เฮ้ย...ผกาเขายังไม่รู้จักเอ็งดี”
“ใช่...งานนี้ ต้องเป็นความลับและต้องลงเอยด้วยความสำเร็จเท่านั้น ถ้าฝีมือไก่กามาก็อย่าเสียเวลาเลย”
“หึ...พี่กำนัน เมียใหม่พี่คนนี้ปากร้ายไม่เบา จะเป็นอะไรมั้ยถ้าชั้น...” ซ้อนยิ้มร้ายๆ
“เฮ้ยไอ้ซ้อน...ไม่เอาน่า”
“ไม่ได้หรอกพี่กำนัน ชั้นรับทำงานให้ใครแล้ว คนที่ว่าจ้างชั้นก็ต้องมั่นใจว่าจ้างแล้วคุ้ม”
“ให้เขาลองดูหน่อยเถอะพี่กำนัน ชั้นไม่ชอบพวกเก่งแต่ปาก”
“เธอหาเรื่องไอ้ซ้อนมันเองนะผกา”
ที่ชานเรือน ผกายืนหน้าเสียเพราะต้องยืนเป็นเป้านิ่งมีส้มวางอยู่เหนือศรีษะ
“พี่กำนัน ทำไมต้องเป็นชั้นด้วย ชั้นไม่เอานะแบบนี้”
“ข้าให้ลูกน้องข้าเป็นเป้าให้เอ็งดีกว่า” กำนันบุญบอกกับซ้อน
“ไม่ได้หรอกพี่กำนัน ลูกน้องพี่รู้จักชั้นดี ไม่มีใครสงสัยเรื่องฝีมือชั้นสักคน มันเลยต้องเป็นคนที่ขี้สงสัยเท่านั้น”
“แต่ข้าไม่เจอเอ็งมาหลายปี ฝีมือเอ็งยังเหมือนเดิมรึเปล่า”
“ฮ่าๆๆๆ...งั้นชั้นต้องพิสูจน์ให้พี่ดูมากกว่าธรรมดาแล้ว”
ซ้อนชักปืนพกออกมาแล้วไม่หันไปทางผกาเลยแม้แต่นิดเดียว ซ้อนลั่นไกเปรี้ยง ผกากรี๊ดสนั่น...ฟิ้ววววว...สมบนหัวผกาแตกกระจุย ฝีมือของซ้อนแม่นสุดๆ ผกากลัวจนเป็นลมหมดสติ
“เป็นไงพี่ ฝีมือของไอ้ซ้อน พนมเพลิง ยังถูกใจพี่อยู่รึเปล่า”
“งั้นข้าก็คงวางใจฝากฝังอนาคตของข้างไว้กับเอ็งได้”
“ทำให้พี่ชั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่สำหรับเมียใหม่ของพี่” ซ้อนมองไปที่ผกาที่หมดสติอยู่ที่พื้นแล้วพูดจริงจังกับกำนันบุญ “บอกตรงๆ ว่าชั้นไม่ค่อยไว้ใจ”
กำนันบุญกระชากคอเสื้อซ้อนมาจ้องหน้า
“ไอ้ซ้อน...เห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องกันมา เอ็งต้องไม่ ก้าวก่ายเรื่องข้า”
“ชั้นห่วงพี่ต่างหาก แต่ถ้าพี่มั่นใจว่าจะไม่ถูกหักหลัง ชั้นก็พร้อมทำให้พี่ทุกอย่าง”
กำนันบุญปล่อยมือ
“ขอบใจ...ทำหน้าที่ของเอ็งให้ดีที่สุดก็พอ งานนี้ข้าเดิมพันสูง”
“จ้ะพี่”
ซ้อนเดินออกไป กำนันบุญมองตามซ้อนแล้วหันไปมองผกาที่นอนสลบอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด
จบตอน 35
ขุนเดช ตอน 36.1
ยงยุทธไล่ตามวีรบุรุษบาปเข้ามาในป่าที่มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม ร่องรอยของวีรบุรุษบาปเหลือแค่ดาบดำที่ปักพื้นอยู่ตรงหน้าเลยทำให้ยงยุทธไม่ทันระวังตัว เมื่อวีรบุรุษบาปกระโจนเข้ามาจากข้างหลัง ยงยุทธรีบหันปืนขวับแต่วีรบุรุษบาปเอามือจับไกปืนไว้ สองคนจ้องหน้าเขม็งงัดแรงใส่กัน ทั้งคู่ยื้อยุดแย่งปืนกันไปมา แต่สุดท้ายยงยุทธก็แย่งปืนมาจากวีรบุรุษบาปได้แล้วใช้ปืนจ่อหน้าขู่
“เลิกพยายามสู้กับชั้นได้แล้ววีรบุรุษบาป ถึงเวลาที่แกจะต้องไปรับโทษแล้ว”
“หมวดคิดเหรอว่าจับผมไปแล้วไอ้ประดับมันจะเลิกรา ลำพังแค่หมวดคนเดียวไม่มีทางหยุดแผนชั่วของมันได้หรอก”
“แต่ชั้นจะหยุดมัน...ถึงแม้สุดท้ายต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม”
“ถ้าหมวดเลือกจะตายแล้วคนรักของหมวดล่ะจะทำยังไง” ยงยุทธชะงัก “ถ้าต้องแลกด้วยชีวิตใครสักคนเพื่อให้คนเลวอย่างมันได้ลงนรก...คนนั้นควรเป็นผม”
วีรบุรุษบาปขยับ แต่ยงยุทธยกปืนจ่อหน้าเอาจริงพร้อมขู่หนักกว่าเดิม
“แกไม่ต้องมาทำเป็นเสียสละเพื่อชั้น...ชูมือขึ้น...ชูมือ”
ยงยุทธเอาจริง วีรบุรุษบาปกำลังจะถูกจับ แต่ระหว่างนั้นประดับพร้อมกับลูกน้องขับรถจี๊ปเข้ามาจอด
“พวกมันมาแล้ว ตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้เถอะหมวด ร่วมมือกันหรือตายด้วยกันทั้งคู่”
ประดับก้าวลงจากรถจ้องเขม็งมาที่ทั้งคู่ ยงยุทธหน้าเครียด
ที่บ้านคำปันบัวทองกำลังเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าจนเสร็จและกำลังจะปิดกระเป๋าแต่หันไปมองที่ผ้าขาวม้าของวีรบุรุษบาปจึงหยิบขึ้นมาดูนิ่งไปเหมือนคนลังเล คำปันเคาะประตูเรียก
“เสร็จรึยังบัวทอง ลุงจ่ารออยู่นะลูก”
“อีกแป๊บนึงจ้ะแม่”
บัวทองบอกแม่ แล้วกำผ้าขาวม้าของวีรบุรุษบาปแน่นและคิดหนัก
จ่าแท่นรออยู่ที่หน้าบ้าน คำปันเอาสัมภาระที่จะย้ายไปมาให้
“แล้วบัวทองล่ะ”
“ยังเก็บของอยู่จ้ะพี่แท่น”
“เฮ้อ...พี่เข้าใจนะคำปัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พี่ก็ไม่อยากให้พวกเราทิ้งบ้านเกิดตัวเองไป”
คำปันนิ่งไปบัวทองหิ้วกระเป๋าเข้ามา
“ชั้นเสร็จแล้วจ้ะแม่”
คำปันกับจ่าแท่นหันไปเห็นบัวทองถือกระเป๋าเดินเข้ามา ที่คอของบัวทองพันผ้าขาวม้าของวีรบุรุษบาปไว้ จ่าแท่นเข้าไปรับกระเป๋าหลานมา
“งั้นก็รีบกันเถอะ ต้องเดินทางอีกไกล”
ทั้งหมดยังไม่ทันจะได้ออกไประหว่างนั้นอาจารย์ประทีปกับดาราเข้ามาพอดี
“อาจารย์ดารา! อาจารย์ถูกคุมตัวไปสอบสวนอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
บัวทองถามอย่างแปลกใจ
“ต้องขอบคุณอาจารย์ประทีปน่ะจ้ะ”
“ผมวิ่งเต้นใช้ตำแหน่งตัวเองรับรองความบริสุทธิ์ของอาจารย์ดารา โชคดีที่ทางผู้การทรงยศได้รับรายงานจากลูกน้องว่านายประดับกำลังทำเกินกว่าอำนาจ เลยมีคำสั่งด่วนให้ปล่อยตัว”
“คุณพระ…โชคดีจริงๆ เลยนะคะอาจารย์ พวกเรานึกว่าอาจารย์จะโดนมันกลั่นแกล้งจน ไม่ได้ออกมาแล้วซะอีก”
“ใช่ครับ…นี่ผมก็กำลังจะพาคำปันกับบัวทองย้ายไปจากที่นี่อยู่พอดี”
“ถ้ากำลังจะไปก็ไปเถอะค่ะ เพราะประดับยังมีอำนาจจัดการอยู่ ถ้าไม่ได้ตัววีรบุรุษบาป มันคงไม่หยุด”
“ถ้างั้นงานนี้วีรบุรุษบาปก็คงต้องเจอศึกหนักสองด้าน เพราะหมวดก็ต้องการได้ตัวหมอนั่นเพื่อพิสูจน์ให้ผู้ใหญ่เห็น นายประดับจะได้ไม่กล้าเบ่งอำนาจกับหมวดอีก”
“หมายความว่านี่จะเป็นวันสิ้นชื่อของวีรบรุษบาปแล้วใช่มั้ยจ้ะลุงจ่า”
จ่าแท่นพยักหน้ารับ ยิ่งทำให้บัวทองเป็นห่วงวีรบุรุษบาปหนักกว่าเดิม
ในป่าขณะนั้นประดับพาลูกน้องเข้ามาล้อมยงยุทธกับวีรบุรุษบาป
“แกทำได้ดีมากยงยุทธ ส่งตัวมันมาให้คนของชั้น แล้วชั้นจะจัดการเอง ส่วนแกชั้นจะรายงานความดีความชอบให้”
ประดับพูดไปก็ยิ้มร้ายกาจอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม พวกลูกน้องของประดับชักปืนออกมาอาวุธพร้อมมือ
“คุณเชื่อเหรอหมวดว่าทุกอย่างจะจบอย่างที่มันว่า ถ้าคุณส่งตัวผมให้มัน มันจะฆ่าผมแล้วก็ฆ่าคุณ จากนั้นมันก็จะไปบอกทุกคนว่าคุณตายในหน้าที่เพราะถูกผมฆ่า” ยงยุทธนิ่งไป
“ชักช้าอะไรอยู่ล่ะยงยุทธ…ส่งตัวมันมา”
ยงยุทธตัดสินใจจับวีรบุรุษบาปเอาปืนจ่อหลังแล้วพาเดินไปหาประดับซึ่งมีดาบดำของวีรบุรุษบาปปักพื้นอยู่
“หมวดยงยุทธ…นี่คุณไม่เชื่อผม”
“หุบปากแล้วทำตามที่ชั้นสั่ง”
ยงยุทธเอาปืนจี้แล้วดันตัววีรบุรุษบาปให้เดินตรงไป ประดับยิ้มร้ายหันไปบอกลูกน้องให้เตรียมตัว
“พวกมันเข้ามาเมื่อไหร่ จัดการส่งมันไปนรกพร้อมกันเลย”
พวกลูกน้องยิ้มรับและเตรียมพร้อมเต็มที่ ยงยุทธพาตัววีรบุรุษบาปเดินมาใกล้จะถึงประดับแล้วก็หยุดที่กลางทางก่อนจะพูดกับวีรบุรุษบาปเบาๆ
“ชั้นนับถึง 3 เมื่อไหร่ ชั้นจะยิงเปิดทางให้ แกรีบไปเอาดาบของแกแล้วแยกออกไปจัดการกับคนของมัน”
“หมวด”
“ไม่ต้องถามอะไรอีก...ทำตามที่ชั้นสั่ง...หนึ่ง...สอง...สาม”
ยงยุทธผลักวีรบุรุษบาปไปที่ดาบดำแล้วเปิดฉากยิงใส่พวกของประดับ ช่วยให้วีรบุรุษบาปไปคว้าดาบแล้วหนี ออกไปก่อนตัวเองจะแยกหนีไปอีกทาง
“ไอ้ยงยุทธ…ตามไปฆ่ามันให้หมด อย่าให้มันรอดออกไปจากที่นี่ได้..ไป”
ประดับสั่งลูกน้องอย่างเจ็บใจ
ยงยุทธวิ่งหนีลูกปืนที่พวกลูกน้องประดับไล่ตามมาและระดมยิงใส่ เข้าไปหลบที่หลังโขดหินตรวจเช็คดูลูกกระสุนในปืนแล้วพบว่าเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่จึงเก็บเข้าซองเตรียมพร้อมลุยด้วยมือเปล่า
ลูกน้องประดับที่ตามเข้ามา ทั้ง 2 คนส่งสัญญาณมือให้ตีโอบบุกเข้าไปหมายจะระดมยิงใส่ แต่ยงยุทธกลับ หลบออกไปแล้ว พวกมันยืนงุนงงไม่ทันไร ยงยุทธก็โผล่มาจากข้างหลังแล้วเปิดฉากใช้มือเปล่าสู้ประชิดตัว
อีกด้านหนึ่งลูกน้องประดับไล่ตามวีรบุรุษบาปเข้ามาแต่ถูกลอบดักเล่นงาน วีรบุรุษบาปใช้ดาบดำฟันคนแรกและใช้มันเป็นโล่ห์กันกระสุนจากอีกคนที่ยิงใส่จนคนแรกตายคาที่ มันยิงจนกระสุนหมดแล้วเปลี่ยนเป็นใช้มีดยาวที่เหน็บเอวมาด้วยเป็นอาวุธ วีรบุรุษบาปควงดาบดำพร้อมรับมือ
ดารากลับมาที่แคมป์แล้วรีบไปหยิบกระเป๋าทำงานออกมา ข้างในนั้นมีปืนอยู่กระบอกหนึ่ง เธอหยิบมาตรวจเช็ค กระสุนในรังเพลิงทุกอย่างพร้อมใช้ ดารามีสีหน้าจริงจังเหน็บปืนไว้ที่เอวและกำลังจะออกไปแต่เจอกับอาจารย์ประทีป
“จะไปไหนเหรอครับอาจารย์ดารา”
“อาจารย์…เอ่อ…ปละ…เปล่าค่ะ”
สีหน้าของดาราดูมีพิรุธจนอาจารย์ประทีปสงสัย
“ผมเห็นอาจารย์มาหยิบปืน ถ้าอาจารย์คิดจะตามไปช่วยหมวดยงยุทธล่ะก็ ผมว่าอย่าเสี่ยงดีกว่าครับ”
“แต่ชั้นจำเป็นต้องเสี่ยงค่ะอาจารย์ เพราะชั้นจะปล่อยให้คนที่มีอุดมการณ์เดียวกับเรา ถูกจับไม่ได้เด็ดขาด”
อาจารย์ประทีปชะงัก
“อาจารย์ ! นี่คุณไม่ได้คิดจะไปช่วยหมวดยงยุทธแต่จะไปช่วยวีรบุรุษบาป” ดารานิ่งไม่พูดออกมาแทนคำตอบ อาจารย์ประทีปยิ่งตกใจมาก “งั้นที่นายประดับกล่าวหาว่าอาจารย์สมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาปก็คือความจริง”
“ชั้นขอโทษด้วยค่ะ…ทั้งๆ ที่อาจารย์ยอมเอาตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองไปประกันตัวชั้นออกมาเพราะคิดว่าชั้นอยู่ข้างกฏหมาย แต่เปล่าเลยค่ะ ชั้นสนับสนุนให้วีรบุรุษบาปฆ่าคนที่มาทำลายสมบัติของชาติมาตลอด”
อาจารย์ประทีปอึ้งไป
“อาจารย์ดารา”
ทางด้านยงยุทธ ขณะนั้นใช้เชิงมวยสู้กับลูกน้องประดับแลกหมัดกันมันส์หยด ยกแรกยงยุทธจัดการมันซะอยู่หมัดกระชากคอมันมากระหน่ำหมัดกระแทกหน้าจนเลือดเต็มหน้าและมันทรุดฮวบแล้วทิ้งมันไว้จะไปต่อแต่มันไม่ยอมแพ้ชักเอามีดพกที่ซ่อนไว้ออกมาปรี่เข้าไปเล่นงาน
ยกสองต่อเนื่องตามมายงยุทธมือเปล่าสู้กับมีดในมือมันที่ทำให้มันพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ระหว่างนั้น ซ้อน พนมเพลิงแอบซุ่มมาพร้อมปืนยาวติดลำกล้องปากคาบไม้ขีดไฟสีหน้ากวนสุดๆ
“งานหมูๆ แบบนี้…สบายไอ้ซ้อนซะจริง..ฮ่าๆ”
ซ้อนค่อยๆ ใส่ลูกปืนเข้ารังเพลิงปากก็ฮัมเพลงไปสบายอารมณ์ ยงยุทธสู้กับลูกน้องของประดับ มีดในมือของมันพยายามกดลงทิ่มหน้า ยงยุทธต้องออกแรงต้านสุดฤทธิ์
ซ้อนบรรจุกระสุนใส่รังเพลิงเรียบร้อยยกปืนขึ้นเล็งไปที่ยงยุทธ มันเอานิ้วแตะน้ำลายวัดทางลมเพื่อความแม่นยำ
ยงยุทธกำลังจะเพลี่ยงพล้ำถูกมีดปักเข้าที่หน้าแต่ฮึดแรงพลิกกลับมาเป็นฝ่ายดันมีดไปที่หน้าลูกน้องประดับแทน มันออกแรงต้านยงยุทธเต็มที่
ภาพผ่านลำกล้องปืนยงยุทธกลายเป็นเป้านิ่งให้ซ้อนที่พร้อมจะลั่นไก
“เสร็จข้าล่ะไอ้ผู้หมวดคนเก่ง”
ซ้อนยิ้มร้ายถุยไม้ขีดไฟที่คาบปากทิ้ง นิ้วแตะไกแล้วลั่น…เปรี้ยง !!
กระสุนพุ่งไปที่ยงยุทธแต่ทันใดนั้นลูกน้องประดับฮึดแรงต้านกลับพลิกมาจัดการยงยุทธพอดี...ปุ๊ ! ลูกน้องประดับสะดุ้งเฮือกเพราะกระสุนปืนเจาะเข้าที่กลางหน้าผากพอดี มันล้มลงตายคาที่ยงยุทธตกใจ
“ไอ้เวรเอ้ย…หาเรื่องตายแทนมันทำไมวะ”
ซ้อนบ่นอย่างหงุดหงิด ยงยุทธรู้ตัวว่ามีมือปืนดักซุ่มยิง เป็นจังหวะที่ซ้อนรีบบรรจุกระสุนใหม่แล้วยิงใส่อีก ยงยุทธรีบวิ่งหนีวิถีกระสุนออกไป ซ้อนเจ็บใจรีบไล่ตาม
“โธ่เว้ย! ไม่ง่ายซะแล้วกู”
จบตอนที่ 16
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้